Night Knight Love Life I
สวัสดีความสงบสุขที่หวนคืนมาสู่ชีวิตโยนาห์คนนี้อีกครั้ง ที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นกับชีวิตผมมากมาย จากวัยรุ่นธรรมดาแท้จริงคือครึ่งแวมไพร์จากสายเลือดตระกูลใหญ่อย่างอาร์เคน ชีวิตที่ถูกกำหนดให้เป็นเครื่องสังเวยจนแทบเอาชีวิตไม่รอด สูญเสียหลายสิ่งที่สำคัญให้กับพายุแห่งปัญหาที่พัดผ่านเข้ามาในช่วงชีวิต แต่เราก็ผ่านมาได้ ทั้งตัวผมและทุกคนที่ผมรัก
ผมขึ้นปีสอง กลายเป็นรุ่นพี่ แอบเสียดายปีหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสชีวิตเฟรสชี่เท่าไหร่นัก เพราะปีที่ผ่านมาชีวิตมัยวุ่นวายเกินรับ ส่วนรอทอยู่ปีสี่ ปีสุดท้ายในรั้วมหาวิยาลัย แม้ตารางเรียนจะเริ่มว่างแต่รายงานกลับท่วมหัวทั้งกลุ่มทั้งเดี่ยว ในส่วนงานเดี่ยวก็ไม่มีอะไรยากกับตาแก่ร่างหนุ่มอย่างมัน แต่งานกลุ่มบางครั้งก็ต้องมาทำร่วมกับเพื่อนๆ และแน่นอนเจ้าตัวก็มักจะลากผมมาด้วยจนคุ้นเคยกับเพื่อนๆ ในกลุ่มของมันดี
“ไงน้องโยโดนลากมาอีกแล้วสินะ” เสียงเอ่ยทักเมื่อรอทพาผมเดินไปยังม้าหินหน้าคณะมันที่มีเพื่อนๆ นั่งอยู่ก่อนแล้วสามคน คนที่ทักชื่อโตหัวเกรียนดูเถื่อนดี พี่ยศและพี่อัคแค่ยิ้มแล้วพยักหน้าทักทาย ผมจึงยกมือไหว้ตามมารยาท ถึงจะเป็นเพื่อนรอทแต่ก็แก่กว่า
“พี่ก็รู้ผมปฏิเสธมันได้ที่ไหนอะ” รอทไปรอผมเลิกเรียนอยู่หน้าห้องเลยครับ เพราะคุณท่านเลิกก่อนชั่วโมงหนึ่ง
ส่วนไอ้ข้าวหอมเพื่อนรักมีนัดพาพี่หมอทานข้าวเย็นกับที่บ้าน หมอหมากลายเป็นขวัญใจบ้านนั้นไปแล้วครับ ใครบ้างไม่ชอบ ลูกเขยเป็นคุณหมอ การงานก็ดีฐานะก็ดี ป๊ากับม๊าแทบจะยกลูกชายใส่พานถวายเลยก็ว่าได้ แม้แรกๆ ป๊ามันจะรับไม่ค่อยได้ก็เถอะ
“โถ่น้องโย อย่างน้องเนี่ยสมยอมมันละสิไม่ว่า ไม่งั้นจะเป็นเมียมันหรอ” พี่ยศแซวพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
"นั่นมันก็บังคับผมเหมือนกัน" ผมบ่น ก็แค่แรกๆ อะนะ ไม่ถึงขั้นขืนใจหรอก เคลิ้มตามมันตลอด
"หึๆ" เสียงไอ้คุณผัวหัวเราะชอบใจ จนโดนประเคนฝ่ามือฟาดหลังไปที "เขินรุนแรงตลอด"
"ใครเขิน" ปากก็ปฏิเสธแต่หน้านี่ร้อนไปหมด พี่ๆ ที่เหลือพากันหัวเราะชอบใจ ก่อนจะแบ่งงานกันทำโดยแต่ละคนมีโน๊ตบุ๊คคนละเครื่อง หันมาปรึกษากันบ้าง กวนกันบ้างตามประสา ทำเอาผมยิ้มตามเป็นบางครั้ง
นี่เป็นอีกด้านของรอทที่ผมได้มีโอกาสสัมผัส ไม่ใช่แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์จากตระกูลใหญ่ ที่จับมีดถือปืนและเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของศัตรู แต่เป็นผู้ชายธรรมดา ที่ไม่ได้มีอำนาจทรงพลัง แค่นักศึกษาคนหนึ่งกับกลุ่มเพื่อนที่สุมหัวกันทำงาน แม้ไม่ใช่คนช่างพูดแต่ก็เข้ากันได้ดีกับทุกคน
ระหว่างรอผมก็หยิบสมุดเสก็ทขนาดกลางขึ้นมาวาดอะไรเรื่อยเปื่อย บ้างก็ร่างงานที่อาจารย์ให้หัวข้อมาในอาทิตย์นี้ เรานั่งกันอยู่นานจนฟ้าเริ่มมืด ดูเวลาในโทรศัพท์เป็นเวลาหกโมงครึ่ง ผมนั่งอยู่นี่เกือบสองชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย บิดขี้เกียจไล่ความปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ซบหน้ากับต้นแขนคนข้างๆ ดูว่ามันทำอะไรในโน้ตบุ๊ค ก็เห็นตัวหนังสือสีเขียวบนพื้นดำกับสารพัดตัวเลขชวนมึน
"เบื่อแล้วเหรอ หรือหิว" รอทว่าพลางละมือที่จับเมาส์มาลูบหัวผมเบาๆ
"หิว อยากกินแซลมอน"
"อ่า คงอีกซักพักแหละ โยไปหาอะไรกินรองท้องก่อนก็ได้" ว่าพร้อมยื่นกระเป๋าตังให้ อิอิ รู้หน้าที่เสียด้วย
"พวกพี่มีใครฝากซื้ออะไรไหม" ผมหยิบแบงก์แดงออกมาแค่ใบเดียว จริง ๆ เงินตัวเองก็มีแหละแต่เขาอยากให้เราก็ไม่ขัดศรัทธา
"ฟุตลองชีส โค๊กขวดนึง" พี่ยศ
"เปาหมูไข่เค็ม น้ำเปล่า" พี่โต
"เอาเหมือนไอ้โต" พี่อัคว่า
รับออเดอร์เสร็จก็เดินไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่อีกตึกซึ่งไม่ไกลมาก หยิบขนมกับนมกล่องให้ตัวเอง น้ำเปล่าให้รอทเพราะเขาคงไม่มีเลือดถุงขายหรอกครับ กับของที่พวกพี่ๆ ฝากมาแล้วไปเข้าคิวจ่ายเงิน ตอนเย็นคนเยอะเพราะในมหาลัยมีอยู่ที่เดียว จึงมีนักศึกษาจากหลายคณะเข้าออกร้านแห่งนี้ไม่ขาดสาย
พอกลับมายังโต๊ะหินหน้าคณะวิศวะ ก็พบว่าโต๊ะมีสมาชิกเพิ่มอีกคนซึ่งนั่งแทนที่ผมที่ว่างอยู่ เป็นผู้หญิงที่จัดได้ว่าสวยพอตัว พี่โตที่นั่งใกล้ๆ รอทจึงเขยิบให้ผมไปนั่งม้าหินตัวเดียวกัน
"ปีหนึ่งเหรอค่ะ พี่ไม่เคยเห็นเลย" สมาชิกใหม่เอ่ยทักผมพร้อมยิ้มหวาน แต่คนอื่น ๆ กลับทำสีหน้าลำบากใจอย่างเป็นได้ชัด
"เปล่าครับ ปีสองแล้วแต่คณะอื่น"
"อ่อถึงว่าไม่เคยเห็น พี่ชื่อแพทนะค่ะ เป็นดาวคู่กับรอท" ว่าแล้วก็กอดแขนรอทอย่างสนิทสนม ทำเอาผมรู้สึกตึงๆ ไปนิด
"อะ เอ่อ...ผมโยครับ" ผมตอบรับแค่นั้นพลางยิ้มตอบเจื่อนๆ แล้วหันไปแจกของที่ซื้อมาให้กับคนอื่น ๆ แบบไม่อยากจะสนใจ
"รอทค่ะงานประจำปีนี้อย่าลืมไปเข้าร่วมประชุมนะค่ะ เป็นเดือนแต่ไม่เคยทำหน้าที่เลย แบบนี้ใช้ไม่ได้นะ" พี่แพทว่าเลื่อนเอกสารชุดหนึ่งมาตรงหน้าเจ้าของชื่อ ที่ยังคงสนใจแต่คอมฯตรงหน้าไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น
"งานอะไรครับ" จึงอดที่จะถามออกมาไม่ได้
"ก็งานแสดงละครของมหาลัยไงค่ะ รวมเอาดาวกับเดือนแต่ละคณะมาร่วมแสดง อีกอย่างปีที่ผ่านๆ มารอทก็ไม่ค่อยจะร่วมกิจกรรมเท่าไหร่" เธออธิบาย
"ผมไม่ได้อยากเป็น" ไม่บ่อยนักที่รอทจะปฏิเสธออกมาเป็นคำพูดขนาดนี้ เพราะหมอนี่มันประเภทถ้าไม่ชอบไม่ใช่ก็ไม่ทำแล้วจบไป
"แต่เราแทบจะไม่ได้ออกงานคู่กันเลยนะค่ะ" ว่าแล้วก็หันไปกระเง้ากระงอดใส่คนข้างตัว ซึ่งรอทเองก็รู้ตัวดี พยายามดึงตัวออก เห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะโวยวายเพระคนของผมเองก็ไม่ได้ผิด "อีกอย่างนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วคิดซะว่าทิ้งทวนก็แล้วกัน นะค้ะ น้าาา"
“ขอคิดดูก่อน” รอทว่าพลางเริ่มเก็บของ พี่ๆ ในกลุ่มคนอื่นก็ทำตาม “ผมต้องไปแล้ว ค่ำแล้วอยากกลับ”
“บายคนสวย”
“ไปละ”
“บาย”
ผมยังงงที่จู่ๆ ทุกคนลุกขึ้นจากโต๊ะและรวบเอาของตัวเองมาถือแล้วคุณผัวก็ลากเดินออกมาเลย ปล่อยให้ดาวคนสวยเหวอแดกอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
“แม่งยังไม่เลิกตื้อมึงอีกหรอวะ” พี่โตบ่นขณะที่เราทุกคนกำลังเดินไปยังที่จอดรถ
“ตื้อ? แปลว่าพี่คนนั้นเขาชอบรอทเหรอ” ผมถามออกมาอย่างสนใจ
“น่าจะ ก็เห็นตามเกาะมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ไปทำท่าไหนถึงติดใจขนาดนั้น” พี่ยศว่า
"คงจะหลายท่าอยู่” พี่อัคตอบให้
“เธอเคยนอนกับนายใช่ไหม” ไม่รู้ว่าถามออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหนแต่คนถูกถามหันมามองหน้าผมพร้อมจับมือผมแน่น
“เคย สองสามครั้งช่วงปีหนึ่ง ตอนนั้นเรายังไม่เจอกันด้วยซ้ำ”
"อืม เข้าใจ" คุณก็รู้อยู่ว่ารอทมันหื่นแค่ไหน ผู้ชายอย่างเราๆ ถ้ามีคนมาเสนอให้มีหรือจะไม่สนอง เป็นผมถ้าโสดอยู่สวยระดับดาวคนนั้นก็น่าลอง
"แล้วทำไมไม่บอกไปเลยวะ ว่าโยเป็นแฟนมัน" พี่ยศว่า
"คนอย่างแพทน่าจะดูออกแหละ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า" ผมเห็นด้วยกับพี่อัคนะ รอทเทียวรับเทียวส่งผมทุกวัน จนรู้ทั้งคณะแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน แถมวีรกรรมตรงลานจอดรถตอนนั้นอีก ถึงไม่มีคนเห็นอะไรชัดแต่ก็รู้ว่าพวกเราทำอะไร พูดถึงเรื่องนี้ ยังอายไม่หายเลยแม่งเอ้ย!!!
"แล้วสรุปงานจะทำที่ไหน อยู่หน้าตึกยัยนั่นคงมากวนไม่เลิก"
"ไปคอนโดผมแล้วกัน" รอทสรุป
ตลอดสุดสัปดาห์นั้น ห้องของพวกผมจึงกลายเป็นสถานที่ทำงานให้กับกลุ่มรอท เราย้ายคอนโดแล้วครับ ไปอยู่ที่ที่มันกว้างขึ้น เป็นห้องชุดขนาดใหญ่ สองห้องนอนสองห้องน้ำ ซึ่งห้องนอนหนึ่งถูกทำเป็นห้องทำงานกับที่วาดรูปให้ผมครับ มีส่วนครัวและห้องนั่งเล่น จึงเพียงพอต่อการรับรองผู้ชายตัวโตๆ อีกสามคนที่อาศัยชุดโซฟาเดย์เบดเป็นที่ซุกหัวนอน
วันจันทร์ผมถูกไอ้คุณผัวลากมาร่วมประชุมกิจกรรมของบรรดาดาวและเดือนในตอนเย็น ปีนี้ทางมหาวิทยาลัยจะจัดการแสดงละครเวทีโดยรวมเอาดาวและเดือนเน้นที่ปีสี่ ซึ่งกำลังจะจบของแต่ละคณะมาร่วมแสดง เพราะละครครั้งนี้เป็นงานการกุศลมีการขายบัตรเข้าชม คงมีบรรดาแฟนคลับยอมซื้อตั๋วมาให้กำลังใจคนที่ชื่นชอบเยอะพอตัว
สำหรับเรื่องที่แสดงเป็นเรื่องตำนานกรุงทรอย รอทได้รับบทเป็น โอดิสซุส (แม่ทัพผู้ปราดเปรื่องของกรีกผู้คิดอุบายม้าไม้ที่ถูกส่งเข้าไปในทรอย โดยภายในบรรจุทหารกรีกอยู่ เมืองทรอยจึงถูกโจมตีจากภายในและเเพ้พ่ายในที่สุด) แต่ผมว่ามันเหมาะกับพวกบทรูปปั้น ก้อนหิน ขอนไม้อะไรเทือกนั้นมากกว่านะ
ส่วนผมที่ถูกลากมาด้วยใช่ว่าจะรอด ดันมาเจอกับรุ่นพี่ปีสี่คณะตัวเองพอดี พี่มันเลยจับผมไปพรีเซ็นท์ว่าเก่งอย่างงั้นอย่างงี้ จึงต้องซวยช่วยพวกมันรับผิดชอบการทำฉาก แต่ก็นะมั่นใจเลยว่าอย่างรอทมันไม่ยอมมาซ้อมคนเดียวอยู่แล้ว
สำหรับแม่ดาวคนสวยที่ชื่อแพท เธอได้บทเฮเลน นางเอกของเรื่องแต่ดันเป็นเฮเลนที่ไม่อยากได้เสียกับเจ้าชายปารีสนี่สิ มาแซะโอดิสซุสของผมไม่หยุดหย่อน จนเริ่มหมั่นไส้ผู้หญิงขึ้นมานิดๆ
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เราต้องมาซ้อมทุกวัน ขอแพทติดรถมาด้วยคนนะค่ะ” นั่นไง เธอเริ่มแล้ว
"แพทมีรถไม่ใช่หรอครับ" รอทยอนทันควัน
"ก็...เอ่อ"
"แพทมาเองดีกว่านะครับ เพราะก่อนมานี่ผมต้องแวะไปรับโย และกลับกับเขาครับ ไม่สะดวกไปส่งตอนเลิกด้วย" ไอ้คุณผัวสรุปเสร็จสรรพ ก่อนดึงมือผมเดินออกมาทิ้งให้ดาวคณะตัวเองยืนเหวออยู่ตรงนั้น คนเขาปฏิเสธขนาดนี้แล้วก็นะ ยังจะมองตาละห้อยอีก ผมเป็นผู้ชายจะให้ไปแวดๆ ใส่เธอก็ใช่ที่
บรรยากาศในรถตอนกลับบ้านเงียบกว่าปกติมาก ก็รู้ตัวแหละว่าเป็นเพราะผมที่อารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีเลยเลือกที่จะไม่ชวนคุยด้วยกลัวพาลใส่อีกคน ลองมีผู้หญิงมาเกาะแกะแฟนคุณไม่เลิก ใครจะไม่หงุดหงิดละครับ หันไปมองหน้าคนที่กำลังขับรถแบบเซ็งๆ ถ้ามันหล่อน้อยกว่านี้ซักนิดผมคงไม่ต้องมานั่งปวดหัว เพราะผมไม่ได้พิศวาสมันเพราะหน้าตาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว รอทหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนหันกลับไปมองถนนตรงหน้าพร้อมอมยิ้ม
"ยิ้มอะไร มีความสุขมากเหรอ" จนอดที่จะแขวะไม่ได้
"อืม...ขี้หึงนะเรา" รอทว่าขำๆ ผมได้แต่มองค้อนมันด้วยความหมั่นไส้
"หลงตัวเอง"
"เปล่า หลงโยต่างหาก"
"ไอ้บ้า"
วันต่อมา หลังจากรอทซ้อมเสร็จ แล้วมานั่งเฝ้าผมเก็บอุปกรณ์ที่ใช้เพ้นฉาก ซึ่งวันแรกคงได้แค่ภาพร่าง
“รอทค่ะ แพทได้ตั๋วหนังฟรีมาเย็นนี้ไปดูด้วยกันนะค่ะ” ผมได้แต่กลอกตาแบบเซ็งๆ ผมต้องเจอแบบนี้ไปตลอดช่วงซ้อมเลยใช่ไหม
“ขอโทษนะ แต่ผมไม่สะดวก” คนถูกชวนกล่าวตัดบท รีบช่วยผมเก็บของแล้วชิ่งอย่างไว
วันเสาร์พวกเราสองคนเข้ามหาวิทยาลัยกันแต่เช้า เพราะพวกศิลปกรรมตั้งใจจะเก็บงานให้เสร็จภายในสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากอาทิตย์ถัดไปพวกพี่ปีสี่มันต้องเสนอพรีทีสิสกัน นั่งวากฉากกันหลังขดหลังแข็งจนค่ำ รอทที่ซ้อมเสร็จก่อนมานั่งเฝ้าผม เลยใช้มันเก็วของให้ส่วนตัวเองก็ชิ่งไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา
"นี่...ขอคุยด้วยหน่อยสิ" เสียงทักดังขึ้นตอนผมกลับจากไปเข้าห้องน้ำ
"เอ่อ ครับ" นึกว่าใคร ดาวคณะคนสวยของเรานี่เอง
"เรื่องรอทนะ!!!" ว่าแล้ว สุดท้ายเธอต้องมาเคลียกับผมเข้าซักวัน
"อ๋อ ว่าไงครับ"
"นายกับรอทเป็นอะไรกัน"
"อันนั้น ผมว่าพี่รู้อยู่แล้วนะ ขอตรงๆ ดีกว่าครับ ว่าต้องการอะไร"
"ไปจากรอทซะ ผู้ชายดีๆ แบบนั้นนะ เบี่ยงเบนก็เพราะพวกผิดเพศแบบแกไง" ถึงกับเปลี่ยนสรรพนาม ไอ้ที่เคยชมว่าเธอสวยนี่ผมถอนคำพูดได้ไหม เพราะคนที่ดูถูกตัวตนของคนอื่นแม่งโคตรทุเรศเลยวะ
"หึ...พูดเหมือนรู้จักหมอนั่นดีเลยนะ"
"แกไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วรอทนะเป็น..." แพทว่าเสียงดังแต่กลับชะงักไปเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด
"แวมไพร์" ผมจึงต่อให้
"แกรู้!!!!" แพทมองผมตาโตเหมือนไม่คิดว่าผมจะรู้
"นอกจากนี้มีอะไรให้ตกใจอีกไหมครับ" ก็ไม่ได้พูดอะไรหยาบคายนะ แต่ทำไมสีหน้าเธอดูหงุดหงิดนักละ
"นี่แก...รอทนะ เป็นถึงสายเลือดตระกูลซานซิโอ คนอย่างแกไม่คู่ควรหรอกยะ" แพทว่าพลางผลักผมจนกระแทกกำแพง เธอไม่ได้แรงเยอะอะไรหรอกแค่ผมไม่ทันตั้งตัว
"แล้วพี่คู่ควรหรอ"
"แก" แพทถลึงตาใส่พลางกำคอเสื้อผมแน่น หน้าอกหน้าใจเบียดมาเสียชิด แต่ก่อนผมอาจจะหวั่นไหวกับอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ รู้สึกอยากผลักเธอไปให้ไกล แต่่คนอย่างโยนาห์ไม่ชอบรังแกผู้หญิงวะ จึงได้แต่นิ่งไว้ "พ่อฉันนะ เป็นถึงสมาชิกสภากลาง ส่วนแก ก็แค่เด็กเมื่อวานซืน เทียบกับฉันไม่ได้หรอกย่ะ"
"หึๆ ฮ่าๆ พี่นี่มันจี้ชะมัด"
"หัวเราะอะไร"
“นี่คนสวย ถ้ารู้ดีขนาดนี้ ก็น่าจะรู้นิ ว่าซานซิโอมันไม่ได้ใหญ่ตระกูลเดียว” ผมยิ้มเยอะ สบตาเธออย่างเอาเรื่อง
“แก..เองก็ ว้าย!!!” แพทร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ตัวก็ถูกกระชากออกห่างจากผม
“กล้าดียังไงมาแตะต้องคนของผม” รอทว่าเสียงขุ่นพลางเอาตัวมาขวางผมไว้ มือข้างหนึ่งบีบต้นแขนดาวคณะแน่น
"รอทค่ะ แพทเจ็บ" ดูจากสีหน้าเธอคงเจ็บน่าดู
"รอทใจเย็น นั่นผู้หญิงนะ" แถมยังเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ผมละกลัวแขนเธอจะหักคามือคุณผัวจริง ๆ
"ไปรอที่รถ"
"แต่...ปล่อยพี่แพท..."
"โยไปรอที่รถ นะครับ" ฟังจากน้ำเสียงนิ่งๆ แบบนี้ อารมณ์ไม่ดีแน่นอน
"อืม..เร็วๆ นะ" ทางที่ดีไม่ดื้อกับมันดีกว่า ผมละกลัวรอทหักคอเธอทิ้งจริงๆ แต่ตอนนี้ขอห่วงตัวเองก่อนนะ
................................
คิดถึงกันไหมหายหน้าไปนาน ตอนนี้เรามีอีกเรื่องที่ออนแอร์อยู่นั้นคือ ผู้พิทักษ์ใจ Guardian of Heart http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52090.0
ตอนนี้ส่วนหนึ่งที่หายหน้าหายตาเพราะ ซุ่มเตรียมพิมพ์เรื่องนี้อยู่จ้า บังเอิญมีคนมาให้การสนับสนุน เราเลยต้องจัดทำรูปเล่ม ในส่วนของอาร์ตเวิร์คเราเป็นคนวาดเองทำเองเลยค่ะ เลยยุ่งๆ นิดหน่อย ไหนจะงานประจำ(ตอนนี้ทำงานแล้ว รู้สึกเริ่มจะแก่)และปั่นลุงเวกับน้องฟา ทุกสิ่งมันเลยรวนๆ ไปนิด
เอาเป็นว่าถ้าหนังสือเค้าออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่าลืมอุตหนุนกันนะ เนื้อหาคบงเดิม แต่มีการขัดเกลาภาษาให้สละสลวยขึ้นค่ะ *ปล. ขอไอดีซื้อขายไปนานละอ่าาา ไม่เห็นได้รับการตอบกลับเลย