พิมพ์หน้านี้ - Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: l3loodl2o5e ที่ 11-06-2015 02:02:34

หัวข้อ: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 11-06-2015 02:02:34

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

..........................................

(http://upic.me/i/gj/logodark.jpg) (http://upic.me/show/57424220)

Knight Night
อัศวินรัติกาล
ฺ By l3loodl2o5e

:fire:

บทที่ 1 จุดเริ่มต้น  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0)
บทที่ 2 พบเจอ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0)
บทที่3 เหยื่อ
บทที่ 4  เผ่าพันธุ์แห่งรัติกาล
บทที่ 5 หักหลัง
บทที่ 6 Lose control
บทที่ 7 หวั่นไหว http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.30)
บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา
บทที่ 9 เพื่อน http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.60 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.60)
บทที่10 พิธีกรรม
บทที่11 ความรู้สึกที่ชัดเจน
บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.90 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.90)
บทที่13 ขย้ำเหยื่อ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.120 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.120)
บทที่14 วันสบายๆhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3108346#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3108346#new)
บทที่15 รู้ใจ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3109582#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3109582#new)
บทที่16 เข้าใจ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.150 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.150)
บทที่17 คดีใหม่(ใหญ่) http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3111680#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3111680#new)
บทที่18 ผิดใจhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3112842#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3112842#new)
บทที่19 ตราสัญลักษณ์ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3114763#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3114763#new)
บทที่20 ตระกูลที่หายไป http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3115951#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3115951#new)
บทที่21 ผู้ล่า (part1)http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3119984#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3119984#new)
บทที่ 21 ผู้ล่า(part2) http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3125096#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3125096#new)
บทที่ 22 blood romance http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.210 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.210)
บทที่ 23 moonlight romance http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3131435#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3131435#new)
บทที่ 24 สูญเสีย http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3133435#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3133435#new)
บทที่ 25 อดีตที่หายไป http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3137616#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3137616#new)
บทที่ 26 ลองกินุส http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3143035#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3143035#new)
บทที่ 27 ข่าวร้าย http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3146383#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3146383#new)
บทที่ 28 สิ่งที่ต้องแลก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3150551#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3150551#new)
บทที่ 29 ตาม http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3160572#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3160572#new)
บทที่ 30 สิ้นสุด http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3166541#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3166541#new)
บทที่ 31 บทส่งท้าย http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3181099#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3181099#new)


ตอนพิเศษ เป็นเมืยหมอต้องอดทน (หมอหมาXน้องข้าว)http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3276098#new (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.msg3276098#new)
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล ประเดิมตอนเเรกจ้า!!!! (11/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 11-06-2015 02:25:44
แนะนำตัวกันซักนิด เรา l2loodl2o5e หรือ บลัดโรส เรียกโรสก็ได้ เราสิงสถิตเป็นวิญญาณในบอร์ดนี้ก็นานละ ชอบอ่านนิยายในนี้มาก สนุกดี นักเขียนหลายๆ ท่านก็มีฝีมือขั้นเทพเลยก็ว่าได้ จนเราสงสัยว่าไม่โด่งดังกันบ้างเลยหรอ อิอิ
เมื่อไม่นานมานี้เราดันไปรื้อของในตู้เจอปึกนิยายที่เราเคยเเต่งไว้สมัยสาวๆ นั่งอ่านๆ ไปก็เพลินดี นี่ตอนเด็กๆ เราเพ้อได้ขนาดนี้เลย 555 เลยคิดว่าถ้ามาดัดเเปลงเป็นฉบับวายคงมันพิลึก จงลองเอามาลงให้เพื่อนได้อ่านกัน
อยากเป็นผู้ให้บ้าง หวังว่าเพื่อนๆ คงชอบ เราไสตล์เลือดสาดนะ จะพยายามหวานให้
ดีร้ายอย่างไรติชมได้เลยจ้าจะได้นำไปพัฒนาต่อไป


บทที่ 1 จุดเริ่มต้น


Yonah Say

    แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า ส่องลอดผ้าม่านสีจางเข้ามากระทบใบหน้าขาวๆ (ใครเค้าเริ่มเรื่องสวยๆ แบบนี้กันวะ ไม่ใช่แนว เปลี่ยนๆ)

   ตืดดดดด....

    เสียงโทรศัพท์สั่นทำเอาโต๊ะแลคเชอร์สะเทือนตามแต่ไม่มีทีท่าตอบสนองจากผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งกำลังฟุบหลับอยู่ใกล้กัน

    “โย...แม่มึงโทรมา...เฮ้ยโย!!” 

    เงียบ!..

    ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่คุณเรียก คนปลุกถอนหายใจดังๆ ก่อนที่จะ 

    ป๊าป!!! เสียงวัตถุกระทบเต็มกบาลเจ้าของเครื่อง

    “ไอ้โย รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ มึงจะรอให้อาจารย์เดินมารับให้ไหม”

     “เออ...แม่ง ทำไมรุนแรงกับกูนักวะ” ผมสะดุ้งตื่นหลังจากโดนชีท กองใหญ่ฟาดลงบนหัว ก่อนจะหันไปมองไอ้คนทำที่นั่งทำหน้ากวนตีนอยู่ข้างๆ เออ ไม่เอาให้ความจำเสื่อมสมองฝ่อไปเลยละ

   “ปลุกดีๆ แล้วไม่ตื่นเอง” มันบอกก่อนจะผลักหัวผมอีกรอบ ยังๆ เดะพ่อบั๊ดเหนี่ยว

   “ฮัลโลครับ!”

   “นี่แม่เองจ้า...วันนี้กลับไวๆ นะ  แม่รอกินข้าวเย็นอยู่”  ผมหลุดยิ้มเมื่อได้ยินเสียงปลายสาย

   “ทำไมกลับมาไม่บอกโยละ จะได้ไปรับ”

   “รับเริบ อะไรกันลูก วันนี้ปฐมนิเทศวันแรกไม่ใช่หรอ คิดจะโดดเรียนมาหรือไง” แม่เสียงขุ่น

   “แหะๆ..แม่รู้ทันโยตลอด เซ็ง!! แค่นี้นะแม่ โยยังอยู่ในหอประชุมอยู่เลย ปฐมนิเทศอะไรน่าเบื่อชิบหาย / แม่ครับ ไอ้โยแอบหลับด้วย" ไอ้คนข้างๆ เสือกครับ มันเงี่ยหูฟังผมนานแล้ว มารยาทไม่มี

   “อ้าว ข้าวก็อยู่ด้วยหรอ ชวนข้าวมาด้วยก็ได้นะ”

   “ยินดีครับคุณแม่” ไอ้ข้าวยิ้ม...แม่กูคงเห็น!
 
   “ครับๆ วางแล้วนะครับ ตอนเย็นเจอกันครับ” ผมรีบวางหลังจากหันไปสบตากับไอ้รุ่นพี่ที่ยืนคุมอยู่ใกล้ๆ ที่เริ่มส่งรังสีอาฆาตมาที่ผมละ

   “รักลูกนะ”

   “ครับผม...”

   เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ผมชื่อ โย หรือ โยนาห์ เทพศาสตรา ชื่อผมแปลกใช่ปะ แม่บอกเป็นภาษาฮีบรูแปลว่าอะไรไม่รู้จำไม่ได้ แต่มันก็เข้ากับหน้าตาลูกครึ่งอย่างผมนะเออ  ครึ่งผีครึ่งคน แหะๆ ล้อเล่นนะ ผมรู้แต่ว่าพ่อเป็นฝรั่ง แต่ก็นะ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเห็นหน้า แม่เล่าว่าพ่อตายไปนานแล้ว ทิ้งไว้ก็แต่นัยน์ตาสีเทา กับสร้อยรูปกางเขนลายประหลาดที่ผมใส่อยู่นี่แหละ 

   ส่วนไอ้คนข้างๆ ชื่อข้าวหอมครับ เรียกว่าไอ้ข้าวก็ได้ หน้าตี๋ๆ เกาหลีมีดั้งพิมพ์นิยมเลย เสียอย่างเดียวไอ้เหี้ยนี่มันเตี้ยไปนิด จริงๆ แก๊งผมมีสามคนครับ มีไอ้ ธีร อีกคน หากถามว่ามันไปไหน...? โน่นเลย ม่อสาวอยู่แถวหน้า มันเนื้อหอมครับไอ้นี่ หุ่นดี ดีกรีนักกีฬาบาส' เสียอย่างเดียวเจ้าชู้ กะล่อน ปลิ้นปล้อน ในหัวมีแต่เรื่องบนเตียง  สำหรับเพื่อนธีรนี่เยี่ยงพ่อพระ แต่สำหรับสาวๆ หมอนี่มันซาตาน

   วันนี้เป็นวันแรกในชีวิตมหา'ลัยครับ ก็ตื่นเต้นดี เจอเพื่อนใหม่ๆ รุ่นพี่กวนตีนๆ มันจะไม่ดีตรงมานั่งฟังอาจารย์สาธยายห่าเหวอะไรร่วมสามชั่วโมงนี่แหละ คณะที่ผมเข้าเป็นคณะศิลปกรรมครับ ก็ไม่ได้ชอบวาดรูปหรือติสแตกอะไร แค่เห็นไอ้สองตัวเพื่อนมันเข้าเลยสอบเข้าตามมา...ไม่ชอบเลยจริงจริ๊งงง เพราะผมเองก็ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว นอกจากเล่นเกมส์ตีมอน' สิงสถิตอยู่หน้าคอม'

    “เชี่ยเหอะ...เมื่อไหร่จะปล่อยกลับวะ” ไอ้ข้าวบ่นพลางดูนาฬิกาที่โทรศัพท์ “สรุปวันนี้ มึงก็ไม่กลับหอสินะ”

   “อืม...แม่กูมา ว่าจะไปนอนบ้านซักหน่อย ไม่เจอแกนานแล้ว” ผมบอก แม่ผมเป็นดีลเลอร์ของบริษัทนำเข้าส่งออกเครื่องสำอางค์ ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านหรอกครับ ต้องเดินทางตลอด

   “เจ๊กูไลน์มาบอก ว่าอาม่ามามีนัดที่โรง'บาลให้กูพาไป...คงไม่ได้ไปแล้ววะ เสียดาย”

   “เห็นของฟรีเป็นไม่ได้นะมึง” 

   “เปล่า กูอยากไปเจอแม่มึง  แม่มึงสวย” มันว่าพลางยิ้มหวาน “ถ้ารุ่นเดียวกันกูจีบแล้ว”

   “ไอ้สัด ลามปาม”  ผมตบหัวมันไปที แต่ก็ตามนั้นผมได้แม่มาเยอะครับเลยหน้าตาดีไง...อิอิ

   “ว่าไงครับลูกโย...” เสียงไอ้ธีรลอยมา อาจารย์ปล่อยออกจากคอกแล้วนี่หว่า ลืมดู

   “ลูกหน้ามึงสิครับ” ผมด่ามัน “ไปกินข้าวบ้านกูปะ” 

   “ไม่ได้วะ วันนี้กูนัดเด็ก” มันว่ายิ้มๆ “คนนั้นไง” มันชี้เด็กมันให้ผมดู ก็สวยดี ผมยาวๆ นมใหญ่ๆ(เน้นตรงนี้)

   “ไม่เผื่อกูเลย” ไอ้ข้าวบ่น “มาพนันกันไหมโย ว่ามันจะคบกี่วัน”

   “ไม่รู้สิ สองอาทิตย์ก็เทพแล้ว กลับก่อนนะแม่กูรอ” ผมว่าพลางเก็บกระเป๋า ก่อนโบกมือลาพวกมัน

   “ฝากบอกแม่ด้วย คิดถึง” เสียงไอ้ธีรตะโกนไล่หลังมา ผมว่าพวกแม่งต้องโดนตีนซักวัน

    ผมลงรถปากซอยบ้าน ซวยจริง...ต้องเดินต่อเข้าไปเอง แท็กซี่ไม่ยอมมาส่งมันบอกซอยเปลี่ยวกลัวผมปล้นมัน เหอะ!...หน้ากูออกจะคนดีขนาดนี้ 

   บ้านผมอยู่สุดซอย แค่คิดก็เพลีย มองดูพระอาทิตย์ใกล้ตกดินบวกกับสายลมอ่อนๆ ที่พัดมา ชอบบรรยากาศแบบนี้ชะมัด ไม่รู้วัยรุ่นส่วนใหญ่เป็นแบบผมหรือเปล่า ตอนกลางคืนมันรู้สึกคึกครื้นไม่ค่อยอยากหลับอยากนอน พอกลางวันนี่เพลียจะนอนให้ได้

   ผมเดินฟังเพลงไปเรื่อยๆ มาจนถึงกลางซอยกลับต้องหยุดฝีเท้าลง เหมือนผมจะได้ยินเสียงใครร้อง ผมถอดหูฟังออกฟังเสียงรอบตัวอย่างหวาดระแวง ใกล้ๆ กันมีอาคารพาณิชย์ร้างอยู่โครงการหนึ่ง

   ...ตรงนั้นหรอ!?...

   “กรี๊ดดด...ช่วยด้วย” เสียงผู้หญิงร้องกระทบโสตประสาท ผมทิ้งกระเป๋าวิ่งตรงไปที่อาคารนั้นทันที 

   “ไม่นะ อย่า”

   “แกเป็นตัวอะไร...กรี๊ดดด ใครก็ได้” เสียงกรีดร้องนั่นดังมาจากชั้นบน ผมวิ่งตามขึ้นไปอย่างไม่ลังเล...วิญญาณฮีโร่เข้าสิง

   “ฮือๆ ฉันขอร้อง...ไม่....กรี๊ดดดดด อ๊ากกกกกก” ผมถีบประตูของห้องที่คิดว่าเป็นต้นตอของเสียง สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำเอาร่างผมชา ช็อคจนไม่อาจขยับตัวได้

   “ช่วยฉัน...ด...” ผู้หญิงคนนั้นพยายามพาร่างทีอาบไปด้วยเลือดคลานเข้ามา น้ำตานองหน้าดวงตาทั้งคู่มองผมอย่างสิ้นหวัง ร่างของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ก่อนจะขาดใจตายบนกองเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น

   ปีศาจ!?

   ผมมองเลยศพเธอไป สบตากับฆาตกรที่เป็นคนลงมือ เขี้ยวยาวๆ กับตาสีเหลืองวาวดุร้ายที่จ้องมาทางผมแม้จะดูเหมือนคนแต่มันไม่ใช่ ความรู้สึกกดดันมหาศาลถาโถมเข้ามา สัญชาตญาณบอกผมว่าต้องหนี แต่ทำไมขากลับไม่มีแรง

   กรร...

   เสียงขู่จากเจ้านั่น ทำเอาผมสั่นไปทั้งตัว ผมเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ มันก็พุ่งมาทางผม พอดีกับจังหวะที่ถอยจนเสียหลักแล้วล้มลง ทำให้กรงเล็บคมกริบข่วนเข้าที่แขนขวาผมแทน

   เลือดอุ่นๆ ไหลอาบจากต้นแขนลงมา แต่นี่ไม่ใช่เวลามากลัวเจ็บหรือโอดโอบ ผมต้องหนีเอาชีวิตรอด พยุงตัวขึ้นได้ก็หันหลังวิ่งแบบไม่คิด...บันได...บันไดอยู่ตรงหน้า อีกนิดเดียว แต่ด้วยความรีบผมสะดุดเข้ากับกองไม้ตรงทางลง

   “เฮ้ย!!!!...” ผมเสียหลักล้มกลิ้ง ร่างกระแทกลงมาตามขั้นบันได มันเจ็บไปหมดแล้วก็จุกด้วย กระดูกคงหักไปทั้งตัว 

   “อั๊ก!...” ร่างผมมาหยุดที่ชั้นล่าง รู้สึกเจ็บแปลบตรงท้ายทอย หัวคงกระแทกอะไรซักอย่าง  มันมึนไปหมด พอมองย้อนกลับขึ้นไปตามันเริ่มพร่า...เจ้านั่นกำลังมา...มันแสยะยิ้มพร้อมกางกงเล็บอย่างมีชัย

   ผมต้องหนี แต่ร่างกายมันไม่ขยับ เจ็บไปทั้งตัว ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกยืนทำได้เพียงเอามือที่สั่นเทานั้นกุมสร้อยไว้ พ่อช่วยผมด้วยผมยังทิ้งแม่ไปไม่ได้ ผมจะไม่ตายตรงนี้ ผมยังตายไม่ได้ บ้าเอ๊ย!!! ผมรู้สึกตัวเองกำลังจะร้องไห้ ผมกลัวจริงๆ นะ ผมไม่อยากตาย...

   ดวงตาสีเทาสั่นไหวจ้องมัจจุราชที่สาวท้าวเข้ามาเบื้องหน้าอย่างสิ้นหวังก่อนจะสิ้นสติไป
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล ประเดิมตอนเเรกจ้า!!!! (11/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 11-06-2015 02:45:54
บทที่ 2 พบเจอ

Yonah Say

    “โย...โยฟื้นแล้ว” น้ำเสียงดีใจดังขึ้นข้างหูผม ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใช้เวลาซักพักเพื่อให้ดวงตาปรับเข้ากับแสงในห้อง เพดานขาวกับกลิ่นแบบนี้ โรงพยาบาลสินะ พอมองรอบๆ เตียงก็เจอกับไอ้ธีรและไอ้ข้าว นี่กูตายแล้วตกนรกหรอถึงได้เจอพวกมึงสองตัว ส่วนหญิงวัยกลางคนที่นั่งกุมมือผมอยู่ข้างๆ เตียงคือแม่ผมเอง

   “แม่...” ผมเอื้อมมืออีกข้างไปเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าสวยนั่น  “โยไม่เป็นอะไรแล้ว” เธอยิ้มก่อนเอามือผมแนบแก้มเนียน

   “ แม่ นึกว่าจะเสียลูกไปอีกคน” เสียงหวาน แม่โผเข้ากอดผมเต้มแรง

   “โอ๊ะ!..

    “เจ็บหรอลูก มะ...แม่ขอโทษ” แม่ดูตกใจที่ผมร้อง เอาจริงๆ มันก็ระบมไปทั้งตัว โดนเฉพาะแขนที่พันผ้าก๊อตผืนใหญ่ดูสาหัสเอาการ

   “อ่า...นิดหน่อยคับแม่” ผมตอบเสียงแผ่ว เจ็บคอชะมัด

   “แหม นิดหน่อย ปากดีวะ ทำคนอื่นเค้าเป็นห่วง” ไอ้ธีรว่าผม

   “กินน้ำไหม” ข้าวถามพลางยื่นแก้วพร้อมหลอดดูดมาป้อนให้ผม...แน่จริงมึงป้อนด้วยปากสิ

   “ว่าแต่ ผมมาอยู่นี่ได้ไง” ทั้งที่เมื่อคืนก็น่าจะตายไปแล้วแท้ๆ 

   “เมื่อคืนแม่รอเราจนเที่ยงคืน แล้ว...ตำรวจโทรมาบอกลูกโดนทำร้าย อยู่โรงพยาบาล” แม่เล่าพลางบีบมือผมแรงๆ สีหน้าเคร่งเครียดจนผมเองเริ่มรู้สึกผิด “เค้าเดาว่า น่าจะเป็นการชิงทรัพย์ เพราะของทุกอย่างของลูกหายไปหมดเลย”

    “ทุกอย่างเลยหรอ...” ผมคลำที่คอของตัวเอง สร้อย!? หายไปงั้นหรอ

    “เรื่องสร้อยไม่ต้องเครียดหรอก...แม่ได้โยกลับมา แม่ก็ดีใจแล้ว” ผมยิ้มตอบเธอ ไม่ชอบเลย เห็นแม่ไม่สบายใจแบบนี้ จะให้บอกเกี่ยวกับเจ้านั่นที่เกือบฆ่าผมยิ่งเป็นไปไม่ได้ ของแบบนี้ใครจะไปเชื่อ เล่าไปเขาจะหาว่าบ้าเปล่าๆ 

    หลังจากนั้นเราทั้งหมดนั่งคุยกันซักพักก่อนที่ไอ้สองตัวแสบจะขอตัวกลับบ้านไปก่อน เหลือไว้แต่แม่ผมที่ตอนนี้นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาเนื่องจากยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืนตอนที่ผมยังไม่ฟื้น ผมมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยผ่านแสงสลัวอย่างครุ่นคิด ถ้าปีศาจในโลกนี้มีจริงละ มีแน่ๆ ละก็เห็นมาแล้วนิ คนรอบตัวผม ก็ไม่ปลอดภัยละสิ ก่อนอื่นผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นตัวอะไร 

   นั่นอะไร!...ผมลุกพรวดขึ้นจากเตียงอย่างตกใจ ความรู้สึกอึดอัดบางอย่างโถมเข้ามา  บางสิ่งกำลังมาหาผม ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา เสียงฝีเท้าเริ่มดังมาจากที่ไกลๆ ชัดขึ้น ชัดขึ้น ก่อนจะหยุดลงหน้าห้องผม

   แกรก...เสียงลูกบิดประตูทำเอาผมต้องกลั้นหายใจ ถ้าเป็นเจ้านั่นละ ผมก้าวเท้าลงเตียงกะจะไปหาแม่ เกิดอะไรจะได้ช่วยทัน พลางคว้าขวดแก้วข้างมือมาเป็นอาวุธ แต่ยังไม่ทันที่จะยืนเต็มขา ประตูก็ถูกเปิดพร้อมใครซักคนที่พุ่งมาผลักผมลงไปนอนราบกับเตียงพร้อมขึ้นคร่อมตัวเอาไว้ จุกสิครับ กระแทกมาแรงขนาดนี้ แต่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ถูกคนข้างบนเอามืออุดปากไว้

   “เงียบ!” มันสั่ง พร้อมดวงตาสีฟ้าเรืองแสงที่จ้องผมอย่างคุกคาม  ทำผมสั่นไปทั้งตัว   

   เพล้ง!...เสียงแก้วแตกกระจาย ก่อนที่ผมจะทันได้เอาฟาดหัวคนข้างบน แต่มันดันคว้ามือผมไว้ได้ พอจะเอามืออีกข้างต่อยหน้าผู้บุกรุก ทั้งสองแขนก็ถูกรวบกดไว้เหนือหัว เราจ้องหน้ากันเหมือนหยั่งเชิงอยู่พักใหญ่ ผมเหลือบมองแม่อย่างกังวล

    “เธอไม่ตื่นหรอกน่า ไม่ต้องห่วง” เสียงทุ้มพูดอย่างใจเย็น เผยให้เห็นคมเขี้ยวในเรียวปากนั่น แสงสลัวที่สาดเข้ามาทำเพียงพอให้เห็นใบหน้าคมแบบตะวันตกของคนข้างบน หมอนี่หล่อ แต่ก็น่ากลัว ไม่รู้สิ...ไม่ใช่ผู้หญิง แถวสถานะการณ์ไม่น่ากรี๊ดกร๊าดเอาเสียเลย 

    “ถ้าปล่อยมือแล้วนายร้อง รู้ใช่ไหมจะเป็นยังไง” มันขู่ ผมพยักหน้ารับ ถึงไม่รู้ว่าเป็นใครแต่บรรยากาศรอบตัวที่รู้สึกได้ บอกผมว่าทำตามหมอนี่จะดีกว่า

    “นะ...นาย เป็นใคร”

    “คนที่ช่วยนายเมื่อคืน” มันว่าพร้อมชูสร้อยกางแขนของผมที่ตอนนี้บิ่นไปครึ่งหนึ่ง ผมควรจะเชื่อใช่ไหม!?

    “จากตัวประหลาดพวกนั้นนะเหรอ มันเป็นตัวอะไร” ผมถามต่อ หมอนั่นมีสีหน้าครุ่นคิด

    “พวกบีส...” beast ที่แปลว่าอสูรอะนะ อธิบายยาวกว่านี้ไม่ได้หรือวะ

    “ผมแค่อยากให้นายรับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร” หมอนั่นโน้มหน้าลงมา ยิ่งทำให้อึดอัดเข้าไปใหญ่ด้วยดวงตาดุดันคู่นั้น 

    ...ผมกลัว? กลัวคนคนนี้ ไม่รู้ทำไม...

     “แล้วถ้าบอกละ...โอ๊ย!” ผมร้องลั่น พร้อมลอบมองแม่แต่เธอก็ยังหลับสนิทราวกับต้องมนต์ มือแกร่งบีบเข้าที่แขนขวาผมอย่าแรง ทำเอาเลือดซึมจากผ้าก๊อต....เจ็บเป็นบ้าจนต้องกัดฟันกรอดข่มเสียงร้องของตัวเอง

    “ผมจะฆ่านาย" มันขู่เสียงเย็น "ตกลงมั้ย”

     “เชี่ย...เจ็บ” ผมโวยเมื่อหมอนั่นบีบแผลผมแรงขึ้นเรื่อย “ตะ..ตกลง ปล่อยซะที แล้วก็ลงไปจากตัวผมได้แล้ว...หนัก” ผมบ่น ทั้งเจ็บ ทั้งกลัว ทั้งโมโห แต่หมอนั่นไม่มีทีท่าว่าจะขยับ

    “ชื่ออะไร...” มันถาม

    “โย...โยนาห์”

    “เรียนที่ไหน คณะอะไร” ถามเอาโล่ไงวะ

    “ศิลปกรรม ปีหนึ่ง มหาลัย........นายจะรู้ไปทำไม” ผมถามเสียงขุ่น เริ่มไม่ไหวกับบรรยากาศแล้วครับ ทั้งเจ็บแผลทั้งอึดอัด ปั่นป่วนไปหมด

    “งั้น เจอกันวันจันทร์ อย่าคิดหนี” เสียงทุ้มขู่  ก่อนผละจากตัวผมแล้วกระโดดหายไปทางระเบียง ผมได้แต่มองประตูระเบียงที่เปิดค้างอย่างอึ้งๆ ชั้นห้านะเว้ย มันต้องไม่ใช่คนแน่ๆ เป็นตัวอะไรกันแน่วะ

    ผมได้แต่คิดทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบสองวันมานี่ ทุกอย่างมันเหนือธรรมชาติไปหมด 'ปีศาจ' นี่ผมคงไม่ได้เล่นเกมเยอะไปจนประสาทหลอนใช่ไหม ยิ่งคิดยิ่งสับสน ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ความคิดต่างๆ ยุ่งเหยิงไปหมด เพียงแต่สภาพร่างกายมันอ่อนล้าเกินทนจนผล็อยหลับไปในที่สุด
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล ประเดิมตอนเเรกจ้า!!!!+บทที่2 (11/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 11-06-2015 04:27:34
โถ น้องโย เปิดเรื่องมาก็เจ็บตัวเลย
แล้วที่โผล่มานั่นพระเอกใช่มั้ย ทำไมดุจังล่ะพ่อคุ๊ณณณณณ
ติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล ประเดิมตอนเเรกจ้า!!!!+บทที่2 (11/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 12-06-2015 02:34:04
บทที่ 3 เหยื่อ
[/size][/color]

   จริงๆ ผมออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่วันศุกร์แล้ว มีเวลาพักสองวันนั่งง่อยยู่กับบ้านไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนกับแม่เลย แอบรู้สึกผิดแฮะ...นานๆ แม่จะกลับมาที

   “แน่ใจหรอลูก  ว่าจะไม่พักต่ออีกวัน” แม่ถามผมขณะที่รถแลนโรเวอร์สีขาวเคลื่อนมาจอดหน้าตึกเรียน

   “ไม่อะครับ เพิ่งเปิดเรียน แถมปีแรกด้วย ไม่ค่อยอยากขาด” ผมว่า อาการระบมตามตัวก็หายแล้วนะ จะเหลือก็แต่แผลที่ต้นแขนขวานี่ละ

   “แต่ก็ยื่นใบลา ได้นิ” เธอแย้ง ด้วยสีหน้าเป็นห่วง

   “น่า...แม่ ชีวิตปีหนึ่งน่าสนุกจะตาย ผมไม่เป็นไรแล้ว” ใจจริงผมอยากนอนอยู่บ้านจะตายห่า ถ้าไม่ติดที่หมอนั่นขู่ไว้ผมไม่มาหรอก

   “แล้วนี่แม่จะไปสนามบินเลยมั้ยครับ”

   “ก็ว่าจะแวะไปเอาเอกสารที่บริษัทแล้วไปเลย เครื่องออกบ่ายสามนะจ้ะ” แม่ตอบพลางจัดแจงถุงยา สัมภาระกับพวกขนมนมเนยใส่กระเป๋าผม เอิ่ม!...ผมไปเรียนไม่ได้ไปออกค่าย

   “โย...โกรธแม่หรืเปล่า”

   “โกรธ?...เรื่องอะไรหรอ”

   “ก็ เหมือนแม่ไม่มีเวลาให้เราเลย แถมเราก็ยังเจ็บแต่แม่ก็ต้องไปฝรั่งเศสอีก” เธอว่าเสียงเศร้า พลางจับมือผมเบาๆ

   “คิดมากนะ แม่ไปทำงานผมเข้าใจอยู่แล้ว  อ๊ะ ผมต้องไปแล้ว...รักแม่นะ” ผมว่าก่อนจะหอมแก้มเธอไปที แล้วก้าวลงจากรถ “ถึงแล้วโทรบอกผมด้วยนะ”

   “จ้า” เธอยิ้มให้ ก่อนจะออกรถไป ใครจะด่าผมติดแม่ ลูกแหง่ก็ด่าไป ผมมีแม่คนเดียวนิ




   คาบแรกของชีวิตมหาลัยเป็นวิชาดรออิ้ง เยี่ยมไปเลย ผมถนัดขวาแล้วมันก็ยังเจ็บ ฝนดินสอกันมันส์ไปเลยครับ
   “โห ไอ้โย นี่ขนาดแขนเดี้ยงมึงยังวาดสวยขนาดนี้” ไอ้ธีรแซว พลางยื่นหน้ามาดุงานผม

   “กูเทพไง”

   “สัส หลงตัวเองวะ” มันมองซ้ายมองขวาหาอาจารย์ก่อนจะส่งกระดานวาดเขียนมาให้ผม

   “วาดให้กูหน่อย...กูขี้เกียจ”

   “แขนกูเจ็บเนี่ย ยังจะใช้กูอีก” ผมโยนคืนให้มัน
   “แต่มันก็ขยับได้ ไม่ได้ขาดซักหน่อย ธีร มึงทำให้กูหน่อย” มันยังไม่เลิกงอแงครับ
   
   “ทำเองดิวะ เร็วเลย อีก 30 นาทีก็หมดคาบละ จารย์บอกส่งท้ายคาบ”

   สุดท้ายก็ไม่วายคนเจ็บอย่างผมทำให้มันอยู่ดี ไอ้ข้าวยิ้มหน้าระรื่นขณะช่วยผมเก็บของ กว่าจะเลิกเรียนกว่าจะเก็บสัมภาระเสร็จก็เกือบห้าโมงเย็นละ ก่อนจะกันมานั่งเล่นตรงม้าหินข้างสนามฟุตบอลใกล้โรงอาหาร ผมมองไปรอบๆ หาไอ้คนที่มันบอกจะมา แต่ยังไม่เห็นวี่แวว ส่วนไอ้สองแสบนั่นก็นั่งแซวสาวที่เดินผ่านไปผ่านมา พลางทำความรู้จักกะคนอื่นๆ ในคณะไปด้วย

    “มองหาใครวะ” ไอ้ข้าวถาม

   “อืม...มองหาฟาอะ” ฟา เป็นแฟนผมเองครับ คบกันมาตั้งแต่ม.6 ละครับ แต่เรียนอยู่อีกคณะ โทรศัพผมหายไม่รู้จะติดต่อยังไง คือผมจำเบอร์เธอไม่ได้ แหะๆ

   “ซ้อมหลีดหรือเปล่า ได้ข่าวฟาได้เป็นหลีดคณะด้วยดิ” ธีรว่า “ว่างๆไปดูกันปะวะ หลีดคณะอักษร คงมีแต่นางฟ้า”  มันว่าพลางทำหน้าหื่น

   “แม่มก็คิดแต่แบบเนี่ย วันหลังละกัน”




   ผมรู้สึกได้ว่ามีคนมองผมจากอีกฟากของสนามบอล แรงกดดันแบบนี้ต้องเป็นหมอนั่นแน่ๆ ผมมองไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วไปหยุดตรงกลุ่มเด็กวิศวะกลุ่มใหญ่ พลันสายตาไปสะดุดกับชายหนุ่มผมสีน้ำตาล หมอนั่นหันมาสบตาผมแวบเดียวก่อนจะกันไปคุยกับเพื่อนต่อ ผมจำตาสีฟ้านั่นได้ เพียงแต่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน หมอนั่นก็ดูไม่ต่างจากวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปเว้นแต่หน้าตาฝรั่งๆ นั่นอะนะ


   “กูว่า กูกลับละ” ผมบอกเพื่อน พลางลุกขึ้นสะพายกระเป๋า

   “รีบไปไหนวะโย” ไอ้ข้าวถาม  “ไม่ไปแดกข้าวกะพวกกูหรอ”

   “ข้าว หรือ เหล้า เอาดีๆ” ผมถาม อย่างมันหรอชวนผมไปร้านข้าว

   “มึงก็นะ” ไอ้ธีร์ยิ่นแขนยาวๆ ของมันไปผลักหัวไอ้ข้าวจนหน้าคะมำ “ไอ้โยมันเจ็บแขน ให้มันกลับไปอาบน้ำ ถูกระจก(อย่าผวน!) แล้วกินยานอนเหอะ”

   “สำออยวะ”

   “เออๆ กูไปละ”




   ผมเดินแยกจากกลุ่มเพื่อนมา เหลือบเห็นหมอนั่นก็แยกตัวออกมาเช่นกัน ผมเดินนำไปซักพักหมอนั่นก็สาวเท้ายาวๆ จนมาเดินข้างๆ ผม

   “เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย” คนข้างๆ เอ่ยขึ้นหลังจากที่เราเดินมาได้ซักพัก “ตามมา” ไม่ว่าเปล่า หมอนั่นลากแขนผมให้เดินตาม ทำเอาคนรอบข้างมองกันยกใหญ่จนผมเริ่มจะอาย บอกกูเดินตามดีๆ ก็ได้ปะ

   “ขึ้นไป” สั่งจังวะ ผมขึ้นไปนั่งบนรถพอชสีดำก่อนกระแทกประดูปิดดังอย่างหมั่นเขี้ยว

   “นายชิ่ออะไร” ผมเปิดประเด็นทันทีที่หมอนั่นขึ้นมานั่งตรงคนขับแล้วสตาทรถออกไป ไปไหนวะ?

   “รอท” rote สีแดงอะหรอ

   “นายเป็นมนุษย์หรือเปล่า” ผมถามออกไปตรงๆ หลังจากนั่งคิดนอนคิดมาหลายวัน มันคงไม่แปลกหรอกถ้าจะมีเผ่าพันธุ์อื่นนอกจากมนุษย์บนโลกนี้

   “ไม่ใช่ เป็นแวมไพร์” คำตอบนั่นทำเอาผมหันควับไปมองอย่างหวาดระแวง

   “ทำไม ไม่เชื่อผมหรอ” รอทว่าพลางยื่นหน้ามาใกล้ๆ โชวเขี้ยวให้ผมดู

   “ชะ...เชื่อ” ผมว่พลางดันหมอนั่นออกห่างๆ กลัวจะงับคอผมเอา “แต่เดินเพ่นพล่านกลางแดดเนี่ยนะ?”

   “บางทีนิยายหรือหนังก็มโนมากไป อย่าไปเชื่อให้มาก” รอทอธิบาย “ก็แค่ไม่ค่อยชอบ มันรู้สึกไม่สบายตัว แต่ไม่ถึงตาย” ไม่ยักรู้ว่าหมอนี่ อธิบายอะไรให้เคลียร์ๆ ก็เป็น

   “นายเรียนวิศวะหรอ” ผมมองเสื้อฉอปที่รอทใส่ มันเขียนใต้ตรามหาลัยว่าคอมพิวเตอร์

   “อืม ปี 3 ละ”

   “ฮะๆ แวมไพร์ต้องเรียนกับเค้าด้วยหรอ” ผมแซว

   “ถามมากจัง” มันมองผมแบบดุๆ “มีเรื่องอยากพิสูตรนิดหน่อยเกี่ยวกับนาย”




   ผมมองไปยังถนนเบื้องหน้า ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปทางกาญจนบุรี ไม่นานรอทก็เลี้ยวเข้าซอยหนึ่งที่สุดซอยมีโกดังร้างตั้งเรียงรายอยู่หลายลัง เหอๆ มันจะพาผมมาฆ่าหมกป่าหรือเปล่าเนี่ย

   “ลงไป...” รอทว่า พลางโยนไฟฉายมาให้ผม
   
   “หา!...โกดังมืดๆ นี่อะนะ” ตกใจสิครับ นี่จะพามาล่าท้าผีหรอ จริงๆ ไม่กลัวหรอกเจอก็วิ่ง

   “ลงไปเหอะน่า” ไอ้คุณรอทมีท่าทีรำคาญ “หรือจะให้ฆ่าทิ้ง” แม่มขู่ผมอีละ

   “แล้วนายละ!”

   “เดี๋ยวตามไปอย่าถามมากนะ ลงไป” มันไล่ครับ

   “เฮ้ย!” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ หมอนั่นก็ออกรถไปทันทีที่ผมปิดประตู แม่มหลอกกูมาทิ้งแน่เลยวะ ช่างมันเหอะครับ ผมเดินย้อนกลับไปทางเดิมที่เข้ามาหวังว่าจะออกไปเรียกรถที่ถนนใหญ่ มีเพียงไฟฉายคอยส่องทาง ผมได้ยินเสียงรถวิ่งมาจากที่ไกลๆ เดาว่า นั่นคงเป็นถนนใหญ่ เสียงลมที่พัดเอื่อยๆ รอบตัวบวกกับความเงียบชวนให้ขนลุก ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาผมรู้สึกว่าประสาทรับรู้ผมเหมือนจะดีขึ้น โดยเฉพาะหู วันนี้ทั้งวันผมแอบปวดหัวนิดๆ เพราะผมได้ยินเสียงคนคุยกันรอบด้านชัดเกินไป

   ผมหยุดฝีเท้าลง เหมือนได้ยินเสียงใครเดินตาม หันกลับไปดูกลับไม่เจอใครทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว ผีหรอ? คิดได้ดังนั้นก็วิ่งดิครับรออะไร แต่ยังไม่ทันไปไกลก็ชนเข้ากับใครบางคนจนล้มลง ผมเงอยหน้ามองคนที่ผมชนกลับต้องต้องเย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อเห็นดวงตาสีเหลืองดุร้ายจ้องเกลับมา ปีศาจ... ผมถอยกรูดอย่างตระหนกแล้วชนเข้ากับอีกตัวที่อยู่ด้านหลัง

   “เชี่ยละ” มองรอบตัวตอนนี้ผมกำลังโดนล้อม สอง สาม ไม่สิ สี่ตัว!? ใจผมเต้นแรงจนมือไม้สั่น แทบมองไม่เห็นทางรอดเพราะผมกลัวจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว รอทนะรอท ถ้ากูเป็นวิญญาณจะตามไปหลอกหลอนมึง

   “กรร...” มันขู่คำรามก่อนที่จะพุ่งมาทางผม ผมหลบมันได้ตัวเดียว ก่อนจะหันไปเห็นพวกที่เหลือที่กำลังกระโจนเข้ามา ผมหลับตาแน่น...ใช่ผมหลับตายอมรับชะตากรรมอย่างสิ้นหวัง คงไม่พ้นแล้วละ ขอโทษนะครับ...แม่

   ฉัวะ!...เลือดสีแดงสาดกระเซ็นลงพื้นลูกรังก่อนที่ร่างจะล้มลงตามมา

   “ไม่ร้องไห้หน่อยหรอ เห็นกลัวซะขนาดนั้น” เสียงรอทดังขึ้น หมอนั่นหัวเราะเบาๆใส่ผมอย่างยียวน ผมลืมตามาสำรวจตัวเองที่ตอนนี้ยังอยู่ครบทั้ง 32 ส่วน ก่อนจะหันไปเห็นไอ้สี่ตัวนั้นนอนจมกองเลือดที่พื้น หัวขาดกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง เสื้อนักศึกษาผมเลอะไปด้วยเลือดของเจ้าพวกนั้น

   “นี่มึงใช้กูเป็นเหยื่อล่อหรอ” ผมว่าอย่างโมโห “มึงนี่มัน” ผมโวยพร้อมส่งหมัดหมายจะซัดใบหน้าหล่อๆ นั่นซักที

   “ก็บอกแล้วนิว่าอยากพิสูตรอะไรนิดหน่อย” รอทจับแขนผมไว้ทันก่อนที่ผมจะต่อยหน้ามัน ร่างของผมถูกดึงเข้าไปใกล้ ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงนั้นจ้องผมอย่างเอาเรื่อง

   “นายไม่รู้หรอว่ากลิ่นไอของนายมันดึงพวกมันมา” เสียงทุ้มกระซิบรอดไรฟัน

   “พวกอมนุษย์ทุกตนรวมทั้งผมรับรู้มันได้ แล้วมันส่วนใหญ่มองนายเป็นเหยื่อ มันจะเข้ามาล่าและฆ่านาย ถ้านายอยากรอดละก็ควรจะฟังผม เข้าใจมั้ย”

   “โอ๊ย!” หมอนั่นบีบแขนผมแน่น “ต้องการอะไร” ผมถามเสียงขุ่น ถ้าเป็นแบบที่หมอนั่นเป็นทำไมผมถึงมีชีวิตรอดมาจนอายุ 19 วะ

   “ข้อแลกเปลี่ยน งานของผมคือล่าพวกอมนุษย์ที่ทำร้ายมนุษย์” รอทจ้องตาผม “นายเป็นเหยื่อล่อพวกนั้น ส่วนผมก็ฆ่ามัน”

   “ให้กูเอาตัวเองไปเสี่ยงเนี่ยนะ” นี่ผมควรจะฝากชีวิตไว้กับคนที่เจอหน้าผมก็ขู่ฆ่าผมอย่างหมอนี่อะนะ

   “ผมรับปากว่าจะไม่ให้นายตาย ผมได้งานส่วนนายยังมีลมหายใจอยู่กับตัว”

   ผมมองลึกลงไปในตาสีฟ้าใสนั่นอย่างค้นหา ผมจะเชื่อใจหมอนี่ได้แค่ไหนกัน ผมไม่ได้กลัวความตายแต่ผมยังตายไม่ได้ตอนนี้ ผมยังมีแม่ที่ต้องดูแล ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ ลำพังมนุษย์ธรรมดาอย่างผมคงไม่มีอะไรไปสู้กับพวกตัวประหลาดนั่นได้ ผมมีทางเลือกไม่มากนัก

   “ไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้วนี่...ตกลง” ผมตอบเสียงแผ่ว “แล้วก็ปล่อยซะทีเหอะแขนจะหักอยู่แล้ว”

   “กลับกันเถอะ” รอทปล่อยแขนผมก่อนจะเดินนำออกไป ผมได้แต่ถอนหายใจหนักๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

...หวังว่านายจะปกป้องผมได้จริงๆ...



.....................................................................................


เย้ๆ มีคนมาเม้นเราด้วยขอบคุณค่าดีใจมาก

ลองวาดเล่นๆ จ้า
   
(http://upic.me/t/dv/c360_2015-06-11-23-31-43-207.jpg) (http://upic.me/show/55832774)
[/color]
   
   

   



   
   

   

   
   
   


   
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 3 เหยื่อ Q_Q (12/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 12-06-2015 05:46:03
น่าติดตามๆๆๆ



เลือดสาดเชียว



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 3 เหยื่อ Q_Q (12/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 12-06-2015 05:50:33
สนุกดีจ้าาา นายเอกต้องไม่ใช่เหยื่อล่อธรรมดาใช่ไหมนี่ =_=  เค้าก็ลงเรื่องใหม่ครั้งแรกเหมือนกัน ถถถถถถถ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 3 เหยื่อ Q_Q (12/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 12-06-2015 06:11:32
โอ้ วาดรูปสวยจังค่ะ นี่โยเหรอ?
อิตารอทไม่น่าไว้ใจเลย ขอกระโดดฟรีคิดซักที
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 3 เหยื่อ Q_Q (12/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 13-06-2015 03:41:18
บทที่ 4  เผ่าพันธุ์แห่งรัติกาล


Rote Say
   

   คุณเชื่อเรื่องเรื่องนรกสวรรค์หรือเปล่า แล้วเรื่องพระเจ้าละ เคยได้ยินเรื่องโลกิมั้ย ผมหมายถึงลูซิเฟอร์นั่นล่ะ ในตำนานของเราเหล่าอมนุษย์เขียนเรื่องนี้ในแบบที่ต่างออกไปจากที่คุณเคยรู้ เมื่อโลกิหรือลูซิเฟอร์คิดก่อกบฏต่อพระผู้เป็นเจ้า เขาไม่ได้ทำเพียงลำพัง มีเทพบางส่วนที่เห็นด้วยและคิดจะล้มล้างพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน พวกเขาพ่ายแพ้และต้องสาป ลูซิเฟอร์สิ้นพลังและถูกขังไว้ในนรก เทพที่เหลือล่วงหล่นสู่โลกมนุษย์และถูกสาป แม้จะคงความงดงามแต่ก็กระหายเลือดดุจสัตว์ร้าย

   พวกเราก็เหมือนมนุษย์นั่นละ มีชนชั้นปกรองเป็นสองเผ่าพันธุ์ใหญ่ๆ แวมไพร์และแวร์วูฟ(มนุษย์หมาป่า) เดอลาครัวซ์  สืบเชื้อสายจากเฟริสบุตรคนโตของโลกิ เป็นตระกูลแวร์วูฟที่แข็งแกร่งที่สุด ในขนาดที่ ซานซิโอ และอาร์เคน สืบเชื้อสายมาจากเฮลล่า เทพีแห่งความตายซึ่งเชื่อว่าเป็นมารดาของเหล่าแวมไพร์ทั้งปวง มีสภากลางและกฎคอยควบคุมอมนุษย์ทุกตนให้อยู่ร่วมกันกับมนุษย์อย่างสันติ พวกเราสร้างสรรค์วิทยาการมากมาย แม้แต่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์หรือการเมืองอาจมีสภากลางอยู่เบื้องหลังก็ได้
   

   รอท ราฟาเอลโล ซานซิโอ นั่นคือชื่อเต็มผม นี่ผมอายุน้อยที่สุดในตระกูลผมเลยก็ว่าได้ เพราะพี่ๆ ผมอายุขึ้นเลขร้อยกันหมดแล้ว แถมยังนั่งตำแหน่งใหญ่ๆ ในสภาอีกด้วย เอาจริงๆ ผมไม่จำเป็นต้องมาไล่ฆ่าไอ้พวกอมนุษย์ผิดกฎพวกนี้ด้วยซ้ำ เพราะแต่ละเขตจะมีนักล่าของสภาคอยดูแลอยู่   แต่เมื่อสองสามเดือนมานี่นักล่าของสภาโดนเก็บไปสองรายแล้ว ผมเลยต้องมารับหน้าที่แทนพลางสืบหาตัวการเรื่องนี้ไปด้วย ทั้งที่ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตชิวๆ เหมือนวัยรุ่นทั่วไปแท้ๆ

   ผมเหลือบมองที่นั่งข้างคนขับ โยเอนเบาะนอนหลับสนิทไปแล้วครับ สงสัยไม่วิ่งเหนื่อยก็โวยวายจนเหนื่อยนั่นและครับ  แต่ก็ดีแล้วครับสบายหูดีเพราะไอ้เด็กนี่เล่นถามโน่นถามนี่ไม่หยุด  เด็กนี่พิเศษกว่าใครเหมือนว่ามีแรงดึงดูดพวกผมให้เข้าหา ครั้งแรกที่เจอโยในสภาพโชกเลือดผมเกือบเสียการควบคุมกัดขอขาวๆนั่นไปแล้วครับ เลือดเด็กนี่รสชาติดีมาก (ผมแอบชิม) ว่าแล้วยังนึกแปลกใจว่าทำไมถึงรอดได้ไม่โดนใครลากไปกินจนป่านนี้  บางทีผมว่าความพิเศษนี้อาจจะลากคนที่ผมต้องการหาออกมาจากเงามืดได้

...



Yonah Say


   ปึก! ผมสะดุ้งตื่นเมื่อโดนวัตถุบางอย่างลอยมากระแทกหัว กำลังฝันว่าได้จับนมสาวเลยแม่ง ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่แฮะ สงสัยไม่ใช่ของหนัก ก่อนจะพบว่าเป็นโทรศัพท์ที่หล่นอยู่ใกล้ๆ และตอนนี้กำลังสั่นเพราะมีคนโทรมา

   “รับซักทีเหอะ เห็นโทรมาเป็นสิบรอบแล้ว” เสียงรอทดังขึ้นผมรู้ละใครโยน  หมอนั่นมองผมแวบนึงก่อนจะหันไปสนใจจอคอมต่อ

   “ฮัลโลครับ” ผมรับโทรศัพท์อย่างเบลอๆ พลางสำรวจรอบๆ ตัว แม่งไม่คุ้นเลย แหงละมันไม่ใช่ห้องผมนิ สงสัยเป็นห้องของรอท

   “โย นี่ฟานะ” แฟนผมเอง “ฟาโทรไปตั้งหลายรอบทำไมไม่รับ” เหอๆ เสียงขุ่นแต่เช้าเลยแม่คุณ

   “อ่า...สงสัยโยหลับอยู่อะ เค้าขอโทษน้า” อ้อนนิดนึง ว่าไปผมไม่ได้โทรหาฟาเลยตั้งแต่เกิดเรื่องเพราะโทรศัพท์ผมหาย “แล้วไปเอาเบอร์ใหม่โยมาจากไหน”

   “เมื่อวานบังเอิญเจอธีร ธีรให้มา...แล้วเรื่องโยเข้าโรงพยาบาลทำไมไม่เห็นบอกฟาเลย นี่เราเป็นแฟนกันนะ”

   “โยไม่เป็นไรแล้ว อีกอย่างโยไม่อยากให้ฟาไม่สบายใจไง” แถครับ จริงๆผมจำเบอร์เธอไม่ได้

   “แล้ววันนี้โยมาเรียนหรือเปล่า...ตอนเย็นไปเซ็นทรัลกัน ฟาอยากเจอโยอะ นะค่ะ เราไม่ได้ไปไหนกันเกือบเดือนแล้วนะ” ได้โปรดอย่าทำเสียงอ้อนแบบนั้นผมแพ้

   “งั้นก็ตามนั้น เลิกเรียนเดี๋ยวโยโทรหานะ”  ล่ำลากับที่รักผมนิดหน่อยก่อนจะวางสายไป




   ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเตียงสีขาวพร้อมสำรวจสารร่างตัวเองซึ่งยังอยู่ในชุดเมื่อวาน คราบเลือดบนเสื้อตอนนี้แห้งกรังคิดว่าคงซักไม่ออกแล้ว ตอนนี้แปดโมงเช้า วันนี้ผมมีเรียนตอนสิบโมง เหลือเวลาสองชั่วโมงในการจัดการตัวเอง

   “นี่ห้องนายหรอ” ผมหันไปถามไอ้คนที่ตอนนี้ก็ยังสนใจหน้าคอมอยู่

   “อืม”

   “แล้วพาผมขึ้นมาได้ไง” จำได้ว่าเผลอหลับบนรถ ตื่นมาอีกทีก็อยู่บนเตียงละ

   “แบกมา” คำตอบทำเอาผมถึงกับตึงไปเลยครับ “ขี้เกียจปลุก เลยแบกขึ้นมา อีกอย่ามันก็ดึกแล้วแถมยังไม่รู้ว่าหอนายอยู่ไหน” เอาเหอะก็ขอบใจที่ไม่ปล่อยผมนอนข้างถนน

   “วันนี้มีเรียนมั้ย” รอทถาม

   “มี 10 โมง”

   “อืม” หมอนั่นว่าพลางลุกไปเปิดตู้ก่อนหยิบเสื้อขาวกับผ้าขนหนูโยนมาให้ผม “ยืมเสื้อผมไปใส่ก่อนก็ได้ ไปอาบน้ำสิ จะได้ออกไปพร้อมกัน” ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะกลับไปอาบน้ำที่หอคิดไปคิดมาขืนออกไปด้วยสภาพรอยเลือดเลือดเต็มเสื้อแบบนั้นไงไม่เหมาะเท่าไหร่ ผมอาบน้ำแต่งตัวเห็นรอทนั่งเอนหลังดูข่าวเช้าอยู่บนโซฟา จะว่าไปห้องหมอนี่ก็หรูใช้ได้นะ แบ่งเป็นโซนห้องนอนซึ่งมีห้องน้ำในตัว ส่วนอีห้องเป็นแบ่งเป็นโซนนั่งเล่นกับมุมทำครัวซึ่งมีเคาทเตอร์บาร์เล็กๆ กั้นกลาง

   “โจ๊กในตู้เย็นอุ่นกินเอาเองนะ”

   “โจ๊ก? นายมีของแบบนั้นในตู้ด้วยหรอ นึกว่าแวมไพร์จะกินเลือดซะอีก” ผมถามอย่างประหลาดใจ

   “ก็กินบ้าง อาหารของพวกมนุษย์รสชาติหลากหลายดีแต่ไม่ค่อยให้พลังงานเท่าไหร่” รอทยักไหล่ “แต่ก็ยังกินเลือดเป็นหลักอยู่ดี”

   “แล้วนี่อะไร” ผมถามเมื่อเปิดไปเจอกล่องสเตนเลสในช่องฟรีช

   “เลือดถุง...จะลองหรอ” รอทเอามันออกมาเปิดให้ผมดูก่อนจะหยิบออกไปถุงนุงนึงแล้วเจาะดูด กินเป็นหวานเย็นเลยนะ

   “เหอะๆ ไม่ดีกว่า”




   รอทแวะมาส่งผมที่หน้าตึกทันเวลาเรียนพอดี ผมพึ่งมานึกได้ว่ามีการบ้านเนี่ยละครับ แม่มเอ้ย เพราะใครวะทำให้ผมไม่มีเวลาทำการบ้านมาส่งอาจารย์ เอาเถอะไว้ไปตอแหลกับอาจารย์ว่าไปโรงพยาบาลล้างแผล บลาๆ เอาก็ได้ครับ

   เลิกเรียนผมแวะรับฟาที่ตึกคณะอักษรแล้วไปเซ็นทรัล ผมมีรถนะ CBR1000 แต่ขี้เกียจขับ นั่งรถตู้สบายกว่า แพลนว่าจะหาอะไรกิน เดินเล่นแล้วดูหนังซักเรื่องตามภาษาคู่รักทั่วไป ฟาเป็นคนน่ารักครับ ดูเรียบร้อยดี ถึงผมจะโชกโชนเรื่องผู้หญิง แต่คบกับฟามาปีนึง ผมยังไม่เคยล่วงเกินเธอเลย ยกเว้นกอดกับจูบครับ ผมว่าผมจริงจังกับเธอนะ เธอดูไม่เยอะไม่วุ่นวายดี เดินดูโน่นซื้อนี่ได้ซักพักท้องเรื่มจะหิว เลยพากันมานั่งร้านชาบูครับ

   ตึ๊ง...เสียงไลน์ในโทรศัพท์ดังผมหยิบขึ้นมาดูรู้สึกแปลกใจหน่อยๆ กับชื่อที่เห็น Crimson Rote ไม่รู้หมอนี่แอ๊ดไอดีผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยตอนหลับครับ

   /อยู่ไหน/ รอทถาม

   /เซ็นทรัล มากับแฟน/ ผมตอบ

   /เดี๋ยวไปรับ/ ผมถอนใจก่อนจะมองฟาที่ตอนนี้จ้องผมอย่างสงสัย

   “รุ่นพี่นะ” ผมบอกเธอ เธอจึงเลิกสนใจแล้วลงมือกินต่อ

   /ก็บอกว่ามากับแฟนไงวะ ต้องไปดูหนังต่อ อีกสองชั่วได้ปะ/

   /อีกสิบห้านาที รอหน้าห้าง หรือจะให้ไปทำความรู้จักแฟนนายดี/ อีกละ แม่งขู่ผมอีกละ

   “ฟา กินเส็จโยขอกลับก่อนได้ปะ” ฟาหยุดกินอล้วมองผมแบบงอลๆ คือผมไม่รู้ไงว่าไอ้แวมไพร์เผด็จการนั่นจะทำอะไรแฟนผมเปล่า ผมเลยต้องทำตามไง

   “แล้วโยจะไปไหน”

   “รุ่นพี่แม่งไลน์มาตาม บอกมีธุระด่วน” ผมแถครับ “จะเดินเล่นต่อมั้ย หรือจะกลับเลย เดี๋ยวโยไปส่งขึ้นรถ”

   “ฟาจะดูหนังก่อน ซื้อตั๋วมาแล้วเสียดาย ส่วนอีกใบก็แจกคนแถวนี้ไปละกัน” ผมรู้ว่าเธอประชด ทำไงได้ละครับ เห้อ!

   ผมเดินไปส่งฟาหน้าโรงหนังก่อนจะมารอรอทที่หน้าห้างซึ่งหมอนั่นเลี้ยวรถเข้ามาพอดี ผมก้าวขึ้นรถไปพร้อมปิดประดูแรงๆอย่างโมโห ลงที่เจ้าของไม่ได้ลงที่รถนี่ละครับ ระหว่าทางต่างคนต่างเงียบ รอทเองก็ไม่ใช่คนช่างพูดผมเองก็ไม่มีอารมณ์จะถาม จะพาไปไหนก็ไปเหอะ ก็คงพาไปล่อตีนที่ไหนซักที่นั่นหละ หมอนั่นรับปากแล้วว่าจะไม่ปล่อยผมตายแค่นั้นก็พอละ




   ชีวิตผมเป็นแบบนี้มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ผมรู้สึกเหนื่อยมาก กลางคืนผมแทบจะไม่ได้นอนบางทีกลับมาดึกก็ต้องแหกขี้ตาทำการบ้านส่งอาจารย์ยันเช้า ผมไม่ใช่แวมไพร์นะครับที่จะอดหลับอดนอนได้สบายๆ ด้วยสารร่างแบบนี้ผมว่าผมได้ตายก่อนที่จะถูกพวกปีศาจลากไปกินอีกครับ บางทีผมก็ไปสิงสถิตอยู่ห้องรอท (ผมยึดเตียงมันแล้วฮ่าๆ.เพราะผมไม่เคยเคยเห็นหมอนั่นนอนหลับเลย) บางทีก็นอนหอตัวเอง แต่สิ่งที่น่าหนักใจตอนนี้คงเป็นเรื่องฟาละครับ เราเริ่มทะเลาะกันหนักขึ้น เพราะผมแทบจะไม่มีเวลาให้เธอเลย โทหาก็คุยได้แปปเดียว จะให้ผมอธิบายเหตุผลนี่ยิ่งยากเลย ปีศาจเอย แวมไพร์เอย ใครมันจะเชื่อผม ช่วงนี้ชีวิตแม่งดราม่ามากๆ จะโทษใครซักคนก็คงต้องโทษไอ้แวมไพร์เผด็จการนั่นละครับ ผมชักไม่แน่ใจแล้วละว่าข้อตกลงนี่มันดีกับผมจริงๆ

   

   


      

   

Asnwer
[/b]    


Fannaa: ขอบคุณจ้า อยู่กับเค้านานๆ น้า


   
Fahhee_zeze: ต้องติดตามกันต่อไป



Min*Jee: ใช่จ้า เดะจะพยายามวาดมาเรื่อยๆ เน้อ


 
:mew1:

(http://upic.me/t/c3/hrote.jpg) (http://upic.me/show/55842669)

   
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 4 เผ่าพันธุ์แห่งรัติกาล ^^ (13/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 13-06-2015 13:39:57
พ่อรอทนี่เย็นชาจริงๆ คาแรคเตอร์ของรอทชัดเจนดี ชอบบบ อยากรู้ว่าตอนสองคนนี้รักกันจะเป็นยังไง  :o8:
โยกับฟาคงใกล้เลิกกันแล้วสิ สงสารฟาจัง แต่เราก็อยากเห็นผู้ชายรักกัน ฮ่าๆๆๆ
ชอบเรื่องนี้มาก มาอัพถี่ๆน้าาาา ขอบคุณค่าาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 4 เผ่าพันธุ์แห่งรัติกาล ^^ (13/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-06-2015 15:20:52
สนุกดีค่ะ รออ่านต่อค่าาาาาาาา :z1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 4 เผ่าพันธุ์แห่งรัติกาล ^^ (13/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 13-06-2015 20:19:02
อยากโดนดูดเลือด เลือดพี่หวานนะกินน้ำหวานทุกวันเลยรอท :laugh:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 4 เผ่าพันธุ์แห่งรัติกาล ^^ (13/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 14-06-2015 00:35:02
บทที่ 5 หักหลัง
[/b]






   ผมได้เรียนรู้เยอะเลยเกี่ยวกับอมนุษย์ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น แวมไพร์ แวร์วูฟ ซัคคิวบัส เมอร์เมด ฯลฯ อะไรก็ตามที่คุณเคยได้ยินมามันมีหมดนั่นและ บางอย่างอาศัยอยู่ในที่ที่ห่างไกลออกไป บางอย่างก็ใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ภายใต้กฎของสภากลาง สำคัญที่สุดคือห้ามฆ่ามนุษย์โดยไม่จำเป็น และผมก็หวังว่าไอ้คนที่กำลังขับรถอยู่ข้างๆ ผมจะเคารพกฏเช่นกันในกรณีที่ผมอยากกวนตีนนิดหน่อย

   “ทำไมนายถึงกลายเป็แวมไพร์ล่ะ” ผมหันไปถามรอทอย่างสงสัย

   “เป็นมาตั้งแต่เกิดละ”

   “อ่าวหรอ ก็นึกว่าถูกใครกัดเหมือนในหนังอะไรงี้” ผมว่า

   “มนุษย์ที่จะกลายเป็นอมนุษย์มันไม่ใช่ง่ายๆ หรอกนะ ต้องผ่านพิธีมอบพลัง อย่างเช่นผมเป็นแวมไพร์การจะทำให้นายกลายเป็นแวมไพร์ไม่ใช่กัดนายก็จบ แต่ต้องผ่านพิธีกรรม ซึ่งจะให้อธิบายก็คงยาว แล้วมันก็ค่อยข้างเป็นอันตรายต่อตัวผู้ให้เพราะหลังจากที่ถ่ายพลังให้อีกคน ผู้ให้ก็จะอ่อนแอไปพักใหญ่ๆ เลยละ”  OMG นี่เป็นประโยคยาวที่สุดที่หมอนี่คุยกับผมเลยครับ

   “แล้วพวกบีสละ ?” ผมถามต่อ   

   “พวกที่เคยเป็นมนุษย์ที่กลายเป็นพวกเรา แต่ไม่สามารถควบคุมสัญชาตญาณตัวเองได้” เสียงทุ้มตอบเรียบๆ ก่อนจะหันมามองผมอย่างรำคาญ เออ ไม่ถามแล้วก็ได้





   วันนี้ไอ้ข้าวชวนผมไปกินเหล้ากับพวกเพื่อนๆในคณะแต่ก็ต้องปฎิเสธไปโดยให้เหตุผลว่า ต้องเก็บเวล ล่าบอส บลาๆ ซึ่งพวกมันก็ไม่สงสัยเพราะผมติดเกมส์มาแต่ไหนแต่ไรทั้งที่จริงช่วงนี้ผมไม่ได้เล่นเลย ผมหยิบเอกสารหน้ารถของรอทมาอ่านอย่างถือวิสาสะ มันเป็นรายละเอียดเกียวกับเป้าหมาย พลันสายตาก็ไปสะดุดกับเอกสารการสอบสวนชุดหนึ่งเกียวกับนักล่าของสภาที่ตายไปในช่วงสองสามเดือนนี้ ในเอกสารรายงานเกียวกับการตายของทั้งสอง ถึงมันจะเป็นภาษาอังกฤษแต่ก็พอจับใจความได้ว่าทั้งสองถูกฆ่าตายในลักษณะการจับบูชายันต์ ผมหันไปมองคนข้างๆ พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

   “นายคงไม่ได้ใช้ผมเป็นเยื่อล่อไอ้พวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นใช่มั้ย” ผมเปิดประเด็นหลังจากสรุปเรื่องได้คร่าวๆในหัว “หมายถึงพวกบีสนะ” รอทหันมามองผมนิ่งๆแต่ไม่ได้ตอบอะไร ให้ผมเดานั่นคือคำตอบว่าใช่

   “จริงๆ คนที่นายกำลังตามหาคือคนที่ฆ่านักล่าของสภาใช่หรือเปล่า” ผมว่าต่อ “เพราะอย่างนาย ลำพังพวกบีสคงหาเจอง่ายๆ โดยไม่ต้องมีผมอยู่แล้ว”

   “รู้มาก!” รอทตอบผมแค่นั้นและมันยิ่งทำให้ผมแน่ใจในสิ่งที่คิด






   หลังเลิกเรียนรอทพาผมกลับมาที่คอนโด หมอนั่นบอกจะไปเจอใครซักคนเดาว่าวันนี้ผมคงไม่ต้องไปล่อมือล่อตีนใครที่ไหน แต่ที่ไม่เข้าใจทำไมผมต้องไปด้วย ผมอาบน้ำเสร็จก่อนแล้ว ที่นี่ชักเหมือนห้องผมไปทุกที สัมภาระและเสื้อผ้าบางส่วนของผมก็ถูกที่ไว้ที่ห้องนี้ ผมนั่งเล่นโทรศัพท์รอไอ้คุณรอทอาบน้ำจึงเปิดไลน์ไปทักทายสุดที่รักผมซักหน่อย

   /ทำไรอยู่ค่ะคนสวย/ หยอดซักนิด ผมรอซักพักก็มีข้อความตอบกลับมา

   /โย ลืมอะไรไปหรือเปล่า/ ลืม...ผมลืมอะไรหรอ

   /ลืมอะไรหรอ ลืมหัวใจไว้ที่ฟาไง/ แหวะตัวเองวะฮ่าๆ

   /วันนี้วันเกิดฟา/  ชิบหายแล้วผมลืมไปสนิทเลย ไม่รอช้าผมรีบกดโทรศัพท์ไปหาฟาทันที พนันได้เลยเธอต้องโกรธผมมากแน่ๆ


   “ฮัลโล” ฟารับโทรศัพท์ผมเสียงขุ่น เธอโกรธผมแล้วครับ

   “ฟาอยู่ไหน โยจะไปหา”

   “ไม่ต้อง ฟาออกมากับเพื่อนแล้ว” เสียงเธอสั่นๆ ร้องไห้หรือเปล่านะ ผมรู่สึกไม่สบายใจจัง

   “ฟาโกรธโยมากใช่มั้ย ขอโทษ โยขอโทษจริง” ดราม่าอีกแล้วครับแถมครั้งนี้คงจะหนักผมดันลืมวันเกิดแฟนซะนี่ อาจเพราะ 2-3 อาทิตย์มานี้ชีวิตผมมันวุ่นวายเหลือเกิน   

   “โยเคยรักฟาบ้างมั้ย” เธอร้องให้ “เราคบกันมาเป็นปีๆ แต่ก่อนโยไม่เคยเป็นแบบนี้ ตอนนี้โยก็เอาแต่บอกว่าไม่ว่างๆ แม้แต่วันเกิดฟา...ฮึก! โยยังจำไม่ได้” เธอสะอื้นพลางต่อว่าผมนั่นยิ่งทำให้รู้สึกแย่

   “ฟา...ฟาอยู่ไหนโยจะไปหา ขอร้องละ”

   “ขอเถอะ...ฟายังไม่อยากเจอโยตอนนี้ ฟาไม่อยากคุยกับโยแล้ว” เธอตะคอกก่อนวางโทรศัพท์ใส่ผม ตึงครับในหัวผมตึงไปหมด นี่คือการบอกเลิกหรือเปล่า ผมรักเธอนะแล้วผมก็รู้ด้วยว่าตัวผมผิดแต่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนละ ผมอยากคุย อยากเจอ อยากอธิบายให้เธอฟัง ผมทิ้งตัวลงบนเตียงเหม่อมองเพดานอย่างจนหนทาง ผมควรทำยังไงดี






   รอทพาผมมาที่ผับแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาลัย ที่ผมยอมตามหมอนี่มาอาจเพราะผมไม่อยากติดอยู่กับห้องแล้วคิดฟุ้งซ่านเรื่องฟา รอทแยกตัวออกไปบอกจะไปหาใครซักคนที่ออฟฟิศด้านบนส่วนผมรออยู่ข้างล่าง ผมสาวเท้ายาวๆ ตรงไปที่เค้าเตอร์บาร์แต่กลับโดนใครซักคนรั้งไว้ก่อน

   “เฮ้ยมึงมาไงวะ” เสียงคุ้นๆ ครับ

   “ไอ้เชี่ยข้าว มาทำไรที่นี่วะ”

   “แดกเหล้าสิครับ กูชวนมึงแล้ว ไหนบอกจะไม่มาวะ แหลสัสๆ” มันว่าพลางกอดคอลากผมเดินตาม “มึงมากับใครวะ”
   “รุ่นพี่” ไม่ได้โกหกนะ รอทเป็นรุ่นพี่แต่คนละคณะแค่นั้นเอง

   “รุ่นพี่ไหนวะ” มันว่างพลางดันผมนั่งลง ในโต๊ะมีเพื่อนๆปีเดียวกันกับผมร่วมโต๊ะอยุ 7-8 คน ผมทักทายพวกมันพร้อมรับแก้วเหล้าที่ไอ้ข้าวชงให้ รู้งานดีนะมึง

   “ไอ้ธีรไม่มาหรอวะ” ผมมองหาเพื่อนซี้ผมอีกคนครับ ปกติมันสองตัวแม่งเป็นลักยมมาด้วยกันตลอด

   “เห็นว่าจะออกไปดูดหรี่วะ” ผมพักยักหน้ารับก่อนจะกระดกเหล้าหมดแก้ว

   “จะไปไหนอีกวะ” ไอ้ข้าวถามเมื่อจู่ๆ ผมก็ลุกขึ้น

   “จะไปหาไอ้ธีรวะ มีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อย” ผมบอก

   “เดี๋ยว สัส แดกก่อนกูให้ไป” เพื่อนคนนึงในโต๊ะผมจำได้ว่ามันชื่อตั้มยื่นแก้วที่มีเหล้าเพียวๆเกือบเต็มแก้วมาให้ ผมรับมากระดกอย่างไม่ลังเล “เยสส โหดสัส ระวังเดินไม่ตรงนะเว้ย” มันตะโกนแซวไล่หลังผมมา




   ผมเดินออกมาตรงระเบียงหลังร้านซึ่งยังพอได้ยินเสียงเพลงจากข้างในบ้างแต่ไม่ดังเท่าไร ไม่ไกลชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม ผมจำได้ว่านั่นไอ้ธีรดูข้างหลังก็รู้ ส่วนผู้หญิงมันคงเจอมาในผับคืนนี้ละครับ ผมสาวเท้าเข้าไปหามัน ใจจริงก็ไม่อยากขัดจังหวะหรอกนะแต่ผมมีเรื่องร้อนใจอยากปรึกษามัน เรื่องฟานั่นละ มันประสบการณ์เยอะบางทีอาจจะแนะนำผมได้

   “เฮ้ย ธีร” ผมสะกิดหลังมัน ไอ้ธีรหันมามองผมตาโต ตกในไรวะ อายที่ผมมาขัดจังหวะงั้นหรอ

   “ไอ้โย!” มันเรียกชื่อผมเสียงดังเลยครับ พลันสายตาผมเหลือไปเห็นหน้าผู้หญิงที่จูบกับมันชัดๆ ทำเอาผมชาไปทั้งตัว

   “ฟา!” ผมมองผู้หญิงตรงหน้าแบบไม่เชื่อสายตาย ฟากับธีร...เจ็บครับ อึดอัดไปทั้งใจ ตอนนี้ผมสับสนไปหมด ผู้หญิงที่ผมรักจูบกับเพื่อนสนิท มันเป็นภาพที่ผมไม่คิดว่าจะเจอในชีวิตนี้

   “เพราะ แบบนี้สินะ ฟาถึงบอกไม่อยากคุยกับโยแล้ว” ผมกระชากเธอเข้ามาหาตัว ฟามองตอบผม ดวงตาคู่ส่วยนั่นเริ่มแดงก่อนเธอจะปล่อยโฮออกมา น้ำตาเธอเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ

   “โย ฟาเจ็บ” ผมก็เจ็บ...อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก

   “โย มึงปล่อยฟาก่อนดิวะ”

   “มึงไม่ต้องเสือก” ผมตระคอกพร้อมผลักไอ้ธีรจนกระแทกกำแพง

   “คบกับมันนานแค่ไหน” ผมถามเสียงขุ่น

   “โยจะเอาอะไรกับฟาละ โยติดเกม ติดเพื่อน โยมีเวลาให้ทุกอย่างยกเว้นฟา” เธอว่าพร้อมสะบัดแขนออกจากผม

   “มึงพอเหอะโย” ไอ้ธีรว่า   พร้อมเอาตัวมาบังฟาไว้ “อย่าให้ให้กูต้องลงไม้ลงมือ กูไม่อยากทำร้ายมึง”

   “และที่มึงทำอยู่ละ แย่งแฟนกู มึงไม่ทำร้ายกูหรอ”

   ผลัวะ! ผมปล่อยหมัดใส่หน้าไอ้ธีรเต็มแรงจนมันล้มลงไปกองกับพื้นแต่ยังไม่ทันได้ซ้ำมันก็สวนหมัดกลับมาเข้าเต็มหน้าผมเลยครับ รสเลือดเค็มๆ เจืออยู่ในปาก เจ็บแต่ไม่เท่ากับใจผมในตอนนี้ ผมลุกขึ้นตั้งหลักก่อนกระโจนใส่มันจนล้มกลิ้งไปกับพื้น ผมกับมันนัวกันเละท่ามกลางเสียงห้ามปามของฟาพร้อมคนในร้านบางส่วนที่ออกมามุงดู

   “เฮ้ย พวกมึงแม่มอะไรกันวะ” เสียงได้ข้าวร้องพลางวิ่งเข้ามาพร้อมเพื่อนคนอื่นๆ พยายามแยกผมกับไอ้ธีร์ออกจากกัน “มึงต่อยกันทำเชี่ยอะไร” ผมเงียบพร้อมจ้องหน้าไอ้ธีรเขม็ง มันหลบตาผมครับ มันรู้ตัวว่ามันผิดแต่มันก็ยังทำ

   “เดี๋ยวฟาพาธีรกลับก่อนนะ” ฟาปรี่เข้ามาหามัน มองมันด้วยความเป็นห่วง แค่นี้ก็เพียงพอจะย้ำว่าเธอไม่เหลือใจให้ผมแล้ว




   พวกไอ้ข้าวลากผมกลับมาด้านใน มันไม่ได้ถามอะไรเพราะจากที่ฟาแสดงออกพวกมันก็คงเดาเหตุการณ์ได้ไม่ยากนัก ส่วนผมเองก็ไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครแล้ว เอาแต่นั่งรินเหล้า กระดกเอาๆ ไปหลายแก้ว เมื่อก่อนผมก็สงสัยนะทำไมคนอกหักต้องกินเหล้า แต่พอเริ่มเมาแล้วมันรู้สึกมึนๆ ร่างกายมันชาไปหมด บางทีมันอาจลดความเจ็บปวดในใจผมไปบ้าง  ผมเอนตัวไปพิงไหล่ไอ้ข้าวเพื่อนรักอย่างอ่อนแรง ภาพข้างหน้าผมชัดบ้างเบลอบ้าง แสงสี ผู้คน เสียงเพลง ผมละทิ้งความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนมาเลือกที่จะจริงจังกับฟา แต่ดูสิ่งที่ผมได้รับตอบแทนสิ

   “กูว่าไอ้โยมันไม่ไหวละวะ” ไอ้นัทเพื่อนในโต๊ะพูดขึ้น “พามันกลับเหอะ”

   “ผมพากลับเอง” เสียงไอ้รอท ฮ่าๆ ผมจำได้ มันก็อีกคนที่ทำให้ผมเลิกกับฟา จริงๆ ก็โทษไปงั้นอะ ทุกอย่างมันเริ่มที่ตัวผมเอง

   “พี่ ใช่รุ่นพี่ที่ไอ้โยมาด้วยใช่ปะ” รอทพยักหหน้ารับ ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นมองผมอย่างกังวล? อย่างหมอนี่นะหรอกังวล แม่งขู่ฆ่าผมวันละสามเวลาเป็นยาหลังอาหารเลย

   “งั้นพาเพื่อนผมกลับด้วยละกัน” ไอ้ข้าวเหมือนจะเล่าอะไรให้รอทฟังนิดหน่อย ก่อนที่จะช่วยรอทพยุงผมไปส่งที่ลานจอดรถ

   “ฝากด้วยนะพี่” มันตะโกนบอกก่อนที่รถจะเคลื่อนนออกไป




   
   

   
Answer
[/b]

Tiew93: เรื่องนี้มันมีโครงเรื่องเก่าอยู่แล้ว อยู่ที่เราจะขยันพิมหรือเปล่าอิอิ หนูจะพยายามไม่อู้เน้อ

arij-iris: จะรีบอัพนะค้าา

PaTto: เรายังอยากโดนดูดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 5 หักหลัง (เริ่มจะดราม่า) (14/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 14-06-2015 01:06:45
งื้อสั้นนนน แต่มาเร็วเราโอเค คึคึ
ตอนแรกสงสารฟา ตอนนี้สงสารโย ทำไมเพื่อนโยทำแบบนั้น แบบถึงแฟนเพื่อนจะยังไงมันก็ไม่ควรยุ่งอ่าา รอทช่วยดามอกโอที  :sad4:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 5 หักหลัง (เริ่มจะดราม่า) (14/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 14-06-2015 01:41:00
เพื่อนหนอเพื่อน แต่ก็ดี เอาชะนีไปไกลๆ
ให้พี่รอทปลอบใจไปนะจ๊ะน้องโย
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 5 หักหลัง (เริ่มจะดราม่า) (14/6/58)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-06-2015 02:14:28
ง่าาาาาา น่าสงสารโยจังอ่า
พี่รอทปลอบใจน้องหน่อยจิ :hao5:
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่6Lose control (ระวังเลือดหมดตัว!) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 14-06-2015 22:05:59
บทที่ 6 Lost Control
[/b]


   
   Rote say
   
   ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากจะมีพลังดึงดูดพวกอมนุษย์ ไอ้เด็กนี่ยังสามารถทำให้ทุกอย่างรอบตัวหม่นหมองลงไปด้วย ถึงจะไม่ค่อยชอบที่โยถามโน่นถามนี่แต่ว่าก็คงดีกว่าบรรยากาศในรถตอนนี้ ดวงตาสีเทาคู่นั้นมองออกไปนอกรถอย่างล่องลอย

   “เดินไหวมั้ย” ผมถามเมื่อเรามาถึงคอนโด ไม่มีคำตอบใดๆ โยเปิดประตูลงรถก่อนเดินโซเซนำไป ผม ล๊อกรถแล้วรีบเดินตามไปก่อนตัดสินใจแบกไอ้คนเมาขึ้นบ่า เพราะนอกจากเมาแล้วยังไปต่อยกับชาวบ้านมาในสภาพยับเยิน ผมกลัวมันจะไปไม่ถึงห้องครับ เหมือนจะมีแรงขัดขืนนิดๆ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร ไอ้เด็กนี่ตัวเบามาก เห็นสูงๆ (แต่น้อยกว่าผม)แบบนี้อะนะ

   “จะลุกไปไหน” ผมวางโยลงบนเตียงแต่เจ้าตัวไม่ยอมนอนครับ

   “กูจะไปอาบน้ำ ร้อน” มันว่าพลางเดินไปคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป ปัง!...เสียงปิดประตูดังลั่น นี่จะเอาให้พังคามือเลยมั้ย ผมถอนใจกับสภาพคนเมา ไม่รู้สิผมไม่เคยอกหัก คบคนนั้นคนนี่บ้างไม่ค่อยจริงจรัง ส่วนใหญ่ไม่เป็นคู่นอนก็เป็นอาหารมากกว่า



   เกี่ยวกับคดีนักล่าของสภาที่ตายไปสองคน โยเดาถูกทุกอย่างนั่นละ ไอ้เด็กนี่มันฉลาดแถมขี้สงสัยเอามากๆ ผมนั่งทำการบ้านอยู่หน้าคอมพักใหญ่ก็คิดขึ้นได้ว่าไอ้คนเมามันยังไม่ออกจากห้องน้ำเลยครับ สงสัยคงหลับคาห้องน้ำไปแล้ว ผมเคาะประตูเรียกอยู่พักนึงก็ไม่มีคนตอบนอกจากเสียงฝักบัวที่เปิดอยู่อย่างนั้นจึงเดินไปหยิบกุญแจในตู้ไขประตูห้องน้ำเข้าไป
   คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีหรือไง!? (นายเอกต่างหากละ อิอิ) โยนั่งหันหลังพิงกำแพงพร้อมก้มหน้าปล่อยให้น้ำเย็นจากฝักบัวไหลผ่านทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ หลับไปแล้วหรอ? ผมเดินเข้าไปปิดน้ำก่อนจะนั่งลงตรงหน้า แต่จู่ๆ ไอ้เด็กนั่นก็กระชากคอเสื้อผมเข้าไปหา

   “เพราะมึง เรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้” มันบอกผม ขอบตาแดงเหมือนกำลังจะร้องไห้...รู้สึกเหมือนหัวใจมันจะเต้นผิดจังหวะไป

   ด้วยระยะใกล้ขนาดนี้ทำให้ผมมองเห็นใบหน้านี้ชัดเจน ไอ้เด็กนี่หน้าตาดี...ผมกำลังคิดบ้าอะไร ใบหน้าขาวๆ จมูกโด่งๆ นัยน์ตาสีเทาแสนเศร้านั้นทำให้ผมราวกับโดนสะกด ริมฝีปากอิ่มนั่นยังคงมีเลือดซีมจากการโดนต่อย ผมก้มลงชิมเลือดที่มุมปากนั่นอย่างลืมตัวก่อนจะจูบหนักๆ ลงไปที่ริมฝีปากนั่น...หวานจัง

   “อื้อ...” โยพยายามผลักผมออกแต่มนุษย์จะเอาแรงที่ไหนมาสู้ผมละ ผมค่อยๆ สอดลิ้นเข้าไปหยอกล้อในปากอุ่นๆ นั่น มีการขัดขืนในทีแรกแต่สุดท้ายก็คล้อยตามอย่างลืมตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสเลือดของหมอนี่หรือกลิ่นเหล้าที่ยังกรุ่นในปากที่ทำเอาสมองผมเบลอไปหมด ผมบดจูบดูดดื่มและเนิ่นนานก่อนจะถอนริมฝีปากเมื่ออีกคนทำท่าว่าจะหายใจไม่ทัน

   น่ารัก...รู้สึกแปลกใจที่ตัวเองคิดแบบนั้น ริมฝีปากแดงนั่นเผยอหอบนิดๆ จึงอดไม่ได้ที่จะจูบซ้ำไปอีกที ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการจูบผู้ชายมันจะรู้สึกดีไม่ได้ต่างจากผู้หญิงเลย ผมเลื่อนจากริมฝีปากนั่นลงมาที่ซอกคอขาวๆ ก่อนจะฝังเขี้ยวลงไป

   “เจ็บ” โยบอกผมเสียงแผ่ว รสเลือดที่สัมผัสลิ้นทำเอาผมแทบคลั่ง อีก...ผมต้องการอีก 

   “พอแล้ว...จะฆ่ากูหรือไง” คนโดนกัดพยายามผลักหัวผมออกอย่างอ่อนแรง ผมจึงละไปสนใจส่วนอื่นแทน ผมปลดกระดุมเสื้อของคนที่นั่งพิงกำแพงหมดแรงออกอย่างใจเย็นก่อนจะโยนเสื้อตัวนั้นไปห่างตัว หืม?สักด้วยหรอ รอยสักวงเวทย์อะไรซักอย่างที่อกซ้ายดูตัดกับลำตัวขาวๆ ดี มองแล้วอารมณ์ขึ้น เกิดมาครึ่งศตวรรษเพิ่งจะเคยมีอารมณ์กับผู้ชายนี่ละครับ

   “อืม...” มีคนหลุดครางเมื่อผมพรมจูบไปตามตัวก่อนจะวกกลับไปลิ้มรสเลือดที่ยังคงซึมออกจากแผลที่คอ “อ๊ะ!...” ผมก้มลงดูดตุ่มไตแข็งๆที่อกนั่น ทิ้งรอยจูบไว้รอบๆ ถึงมันจะไม่ใหญ่จะไม่นิ่มเหมือนผู้หญิงแต่ก็เพลินดี ผิวไอ้เด็กนี่สวยมาก สีน้ำผึ้งแบบเอเชียแถมยังเนียนนุ่มไม่ต่างจากผู้หญิง มือผมก็ไม่ได้อยู่นิ่งไล้ต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงท้องน้อยลงไปจนถึงกางเกงยีนก่อนจะปลดตะขอออกแล้วล้วงมือเข้าไปทักทายโยน้อยที่ตอนนี้เริ่มแข็งตัว

   “อย่า!...” คนเมาพยายามดันมือผมออก ยังพอมีสติแต่ก็น้อยเต็มที ผมไม่สนใจจัดการดึงทั้งกางเกงใน บ๊อกเซอร์ เกางเกงยีนออกในทีเดียวก่อนจะโยนไปซักมุมในห้องน้ำ ผมจับน้องชายมันก่อนจะขยับขึ้นลงเบาๆ ทำเอาคนโดนกระทำหน้าแดงตัวแดงบิดเร่าๆด้วยความเสียว...ผมเร่งจังหวะมือกับเบื้องล่าง โยหอบหายใจหนักๆกัดริมฝีปากแน่นจนแดงราวกับกลัวเสียงจะรอดออกมา...ยั่วชะมัด  ผมก้มลงบดริมฝีปากนั่นอย่างอดไม่ได้ มือเรียวขย้ำเสื้อผมแน่นด้วยแรงอารมณ์บอกให้รู้ว่าใกล้จะเสร็จแล้ว

   “อ๊ะ!...อาห์”  โยครางกระเส่าก่อนจะปลดปล่อยเต็มมือผมเลอะไปถึงหน้าท้องแบนๆนั่น อีกคนสบายตัวไปแล้วเหลือแต่ผมนี่ละที่อารมณ์ยังครุกรุ่นเต็มที ยิ่งมองร่างขาวๆที่ยังหอบหายใจพิงกำแพงซึ่งมองตอบผมแบบเบลอๆ ยิ่งแทบคลั่ง ผมยังคงทรมานกับความต้องการมีมากจนส่วนกลางนั่นปวดหนึบ ผมตัดสินใจอุ้มโยออกจากห้องน้ำแล้ววางลงบนเตียงนุ่ม ขืนอยู่ในนั้นต่อกลัวจะมีคนหนาวตาย


   ผมจัดแจงถอดเสื้อยืดสีดำพร้อมปลดเปลื้องพันธนาการเบื้องล่างออก  น้องชายผมเด้งออกมาทักทายโลกเพราะมันแข็งขืนเต็มทน คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องขนาดเพราะสรีระแบบตะวันตกสาวๆ คงพอเดาได้นะครับ
   ผมจับขาเรียวชันเข่าขึ้นก่อนจะนั่งคุกเขาลงระหว่างกลาง ก้มลงไปจูบริมฝีปากแดงๆ นั่นอีกครั้ง ลูบไล้ผิวเนียนพร้อมจับแก่นกายนั่นปลุกเร้าอารมณ์ขึ้นมาใหม่ โยจูบตอบผมถึงจะไม่ค่อยเก่งนักแต่ก็ถือว่าเป็นงานอยู่ ผมพอจะรู้มาว่าเวลาผู้ชายมีอะไรกันต้องทำยังไง แต่ผมไม่มีเจลหรือสารหล่อลื่นอะไรเลย ใครมันจะรู้ว่าต้องมาเอากับผู้ชายแบบนี้ ส่วนถุงยางไม่ต้องใส่เพราะไม่ท้องอยู่แล้วช่างมัน ผมจับไอ้ลูกชายตัวโตไปจ่อที่ช่องทางสีหวานนั่นก่อนจะดันมันเข้าไปทำเอาคนข้างล่างสะดุ้ง

   “โอ๊ย! เชี่ยเจ็บ!...เอาออกไปนะ!” โยโวยวายเสียงดังสงสัยจะสร่างเมา มันทุบผมใหญ่เลยครับ ไม่เจ็บแต่เริ่มรำคาญจึงเอามือข้างนึงรวบแขนมันไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง

   “อา...อย่าเกร็ง” ผมหลุดครางด้วยความเสียวเมื่อช่องทางข้างหลังบีบรัดผมแน่นทั้งที่ยังเข้าไม่ถึงครึ่งเพราะไม่มีอะไรช่วยหล่อลื่นเลย

   “ฮึก...กูบอกให้หยุด พอแล้ว” น้ำใสๆค่อยไหลซึมจากดวงตาสีเทาคู่นั้น หน้าโยดูเจ็บมาก สงสารครับแต่อารมณ์มันมาไกลหยุดไม่ได้จริงๆ ผมก้มลงจูบซับน้ำตานั่นก่อนก่อนจะฝืนดันเข้าไปจนสุด

   “อ๊าก!...” โยร้องลั่น ผมปล่อยข้อมือบางนั้นเป็นอิสระก่อนจะดึงมาจับไหล่ผมไว้ นิ้วเรียวจิกผมแรงราวกลับจะระบายความเจ็บนั่นออกมาซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมก้มลงจูบริมฝีปากแดงๆนั่นอย่างอ้อยอิ่ง ไม่รีบขยับให้ช่องทางที่ไม่เคยถูกล่วงเกินนั้นได้ปรับตัวส่วนมือก็สาวโยน้อยเพื่อปลุกอารมณ์อีกครั้ง ช่องทางนั้นบีบรัดเบาลงแต่ก็ยังคงแน่นอยู่เดาว่าคนข้างล่างน่าจะพร้อมแล้ว

   “เชี่ยรอท...เบา” โยว่าเสียงสั่นเมื่อผมเริ่มขยับตัวผมจึงจับขาเรียวนั้นมาเกี่ยวเอวไว้ ก่อนจะค่อยๆ ขยับเข้าออกอีกครั้ง อา...โครตเสียว

   “อ๊ะ..อาห์ ร...รอท” ผมชอบเสียงครางโยจัง ยิ่งเวลาครางไปเรียกชื่อผมไปยิ่งน่ารัก มันทำให้อารมณ์พลุกพล่านขึ้นไปอีก

   “อื้อ....เบา...อ๊า...” เบาอะไร...ผมเบาไม่ไหวแล้ว ผมกระแทกตัวเข้าไปหนักๆ เร็วขึ้น แรงขึ้น ตามอารมณ์ เล่นเอาคนเบื้องล่างทั้งครางทั้งสะอื้น นิ้วเรียวขย้ำไหล่ผมแรงขึ้นไม่รู้ว่าเจ็บหรือเสียว ผมยิ่งเพิ่มแรงขยับเอวซอยถี่ๆ ทำเอาเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้องส่วนมือก็รูดโยน้อยที่หัวเริ่มเยิ้มขึ้นลงรัวๆ คนเบื้องล่างกระตุกเกร็งก่อนจะปล่อยน้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาแรงๆ จนเลอะไปยันอก ช่องทางข้างหลังรัดผมแน่นจนผมเองก็ไม่ไหวกระแทกแรงๆ ไป2-3 ทีก่อนจะปลดปล่อยออกมา มากกว่าครั้งไหนๆ มันมากจนทะลักออกมาเลอะต้นขาผม อาจเพราะผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนจึงรู้สึกมากว่าปกติ

   ผมถอนแก่นกายออกมา มองของเหลวที่มีเลือดปนอยู่ซึ่งไหลเลอะต้นขาได้ในของโยอย่างหนักใจ บางทีผมอาจจะรุนแรงไป ผมก้มลงจูบหน้าผากคนข้างล่างที่ตอนนี้หลับไม่ได้สติไปแล้วก่อนจะลุกไปล้างตัวโดยไม่ลืมเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้คนบนเตียง เสร็จแล้วก็เอาไปเก็บ ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ พร้อมดึงร่างเปลือยเปล่าเข้ามานอนกอดก่อนจะดึงผ้าขึ้นมาห่มเราทั้งคู่...พรุ่งนี้คงมีคนอาละวาดผมเละแน่...หึๆ

(http://upic.me/i/nh/rote-yonah.jpg) (http://upic.me/show/55860629)

ฟังเพลงนี้ไปด้วยน่าจะเข้ากันนะ
 

Haunted-Evanescance

https://youtu.be/_mauH_uQZRY
   
.................................................................................................

Yonah Say

   ปวดหัว...อาจเพราะดื่มหนักเมื่อวานหรือไม่ก็เพราะเป็นไข้ รับรู้ได้จากลมหายใจร้อนๆของผมเอง ผมยันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบากมันเจ็บมันร้าวไปทั้งตัวโดยเฉพาะข้างหลัง ไม่ใช่เพราะต่อยกับไอ้ธีรแต่เพราะผม...ให้ตายเหอะ ...ถึงผมจะเมาหนักมากแต่ผมก็จำทุกอย่างได้...กับไอ้รอท ภาพเมื่อคืนเหมือนรีรันเข้ามาในหัวเล่นเอาผมร้อนไปทั้งหน้า โถชีวิตโยนาห์ทำไมช่างอัปยศอดสูแบบนี้ โดนแฟนทิ้ง เพื่อนหักหลังแล้วยังมาโดนไอ้แวมไพร์เผด็จการนั่นปล้ำอีก เหลือบมองไปเจอไอ้ตัวการที่นั่งเล่นคอมอยู่ปลายเตียงยิ่งทำให้ผมอยากจะกัดลิ้นตายแม่งตรงนี้

   ปิ้ว!...หมอนใบใหญ่ปลิวข้ามเตียงไปกระทบหัวรอท ผมเขวี้ยงเองละแม่ง โมโห หมั่นไส้ มันหันมามองแล้วยิ้มกวนๆใส่ก่อนจะหลบอีกใบที่ผมเขวี้ยงตามไป

   “เมื่อคืนมึงทำอะไรกู!!!!!” ผมโวยวาย

   “เอากับนายไง” มันตอบนิ่งๆ ยิ่งทำให้ผมอายขึ้นไปอีก “กะแล้ว ว่าตื่นมาต้องอาละวาด” เหอะ...ไม่อาละวาดจะให้ทำไงวะ ขอบคุณมึงงั้นหรอ

   “ไอ้เชี่ยรอทท...โอ๊ย” ยังไม่ทันที่ผมจะลุกไปต่อยหน้าหล่อๆ นั่นก็ต้องทรุดลงไปนั่งที่ข้างเตียง เจ็บครับ เจ็บก้นจนน้ำตาซึมเลย ทำได้แต่หันไปมองไอ้ตัวต้นเหตุอย่างเคืองๆ
   
   “โทษที พ่อให้มาเยอะ” รอทหัวเราะ ก่อนจะลุกจากคอมมาประคองผมกลับไปนั่งบนเตียง ผมไม่วายเอามือทึ้งหัวมันจนมันจับมือผมล็อคไว้ด้วยมือเดียว “ถ้าไม่หยุดจะช่วยทวนความจำให้...เอามั้ย” เชี่ย...ขู่ผมอีกแล้วครับ ไม่ได้ขู่ฆ่านะ มันขู่จะปล้ำ

   “สัส!...” ไม่รู้จะด่าอะไรมันแล้วครับ อาย “ไม่คิดจะขอโทษกันหน่อยหรอ”

   “ขอโทษทำไม...ผมตั้งใจทำ” รอทว่าพร้อมขโมยหอมแก้มผมไปที กูเขินครับ ผมหลบตาสีฟ้าคู่นั้น ไม่ไหวๆ มองแล้วอยากจะแทรกเผ่นดินหนี

   “น่าจะเป็นแม่นาย เมื่อเช้าโทรมาผมบอกว่านายหลับอยู่ ” รอทเอื้อมมือไปหยิบไอโฟนที่กำลังสั่นหัวเตียงมาให้ผม

   “ฮัลโลครับ...”

   “โย เพิ่งตื่นหรอ ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น ไม่สบายหรือเปล่า บ่ายแล้วนะ วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง” แม่ร่ายยาวเลย

   “เหมือนจะเป็นไข้...อ๊ะ” ผมสะดุ้งเมื่อไอ้คนข้างๆ ดึงผมไปกอดเอาไว้หลวมพร้อมเอาคางเกยไหล่ผม

   “ละเราไปนอนห้องใครเมื่อเช้าแม่โทรไป เห็นคนอื่นรับสาย”

   “รุ่นพี่ที่มหาลัย...ชื่อพี่รอทครับแม่”

   “หึๆ พี่รอท” ไอ้คนใกล้ๆ กระซิบข้างหูผมอย่าสงล้อเลียน ผมหันไปมองมันดุๆ เมื่อมือมันเลื้อย

   “ก็โยไม่สบายไง เผื่อเป็นอะไรจะได้มีคนดูแล”    แถครับแถ...  “แล้วแม่เป็นไงบ้าง”

   “ก็เรื่อยๆแหละจ้า อยุ่มหาลัยเป็นไง มีไรไม่สบายใจบอกแม่ได้นะ” เหอะๆ...ที่ไม่สบายใจนะ มีเพียบ ผมควรจะบอกเรื่องไหนก่อนละ เรื่องอมนุษย์ เรื่องข้อตกลงระหวังผมกับรอท เรื่องที่ฟากับธีรหักหลังผม หรือเรื่องเมื่อคืน (บอกแม่ไปสิว่าได้ลูกเขยแล้ว/me)

   “ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก ผมสบายดี” 

   “ก็ดีแล้ว อ๊ะ...เดี๋ยวแม่ต้องไปทำงานละ อีก 2 อาทิตย์กลับ รักลูกน้า” เธอบอก ผมยิ้มรับต่อให้ผมรู้สึกแย่แค่ไหนเมื่อคุยกับแม่ผมเธอทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้ทุกครั้ง

   “ผมก็รักแม่ครับ” แม่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะวางไป

   ตึ๊ง!...เสียงไลน์ดังขึ้น เป็นชื่อคนที่ทำให้ผมเมาเหมือนหมาเมื่อวานนั่นละครับ

   /ฟาอยากคุยกับโย มาเจอได้มั้ย/ ผมมองใบหน้าในดิสเพล์แล้วรู้สึกเฮิท ยังไม่ทันที่ผมจะได้พิมพ์ตอบรอทก็แย่งโทรศัพท์จากมือไปแล้วลบไลน์ของฟาทิ้ง

   “อะไรของนายวะ” ผมถามแบบงงๆ

   “ผมไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งกับของๆ ผม” มันตอบหน้าตาย ใครวะของของมึง...เหอะๆ

   รอทอุ้มผมไปอาบน้ำ ตอนแรกก็ขัดขืนมันอยู่หรอกแต่แม่งแรงควายส่วนผมเองแค่เดินยังลำบากเลยยอมๆมันไป กว่าจะอาบน้ำเสร็จ ผมนี่ทั้งเขินทั้งอาย ถึงเมื่อคืนจะทำมากกว่านี้ก็เหอะ แต่นั่นผมเมาส่วนตอนนี้สติครบถ้วน มันลวมลามผมนิดหน่อยแต่โชคดีครับที่มันไม่ทำอะไรผมไปมากกว่านั้นเพราะสภาพผมก็ไม่ไหวเช่นกัน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จรอทก็พาผมมานั่งเล่นที่โซฟาก่อนเปิดโทรทัศน์แล้วหยิบรีโมตให้ผม เอาใจกูจังนะ คิดว่าจะยกโทษให้หรอ
   
   “รออยู่นี่ละ เดี๋ยวผมออกไปซื้ออะไรมาให้กิน” มันว่าก่อนจะขโมยหอมแก้มผมไปที...ผมว่าบรรยากาศมันเลี่ยนๆ แปลกๆ วะ

   ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรอทก็กลับมาพร้อมกับข้าวต้มกุ้งสองถุงและยาลดไข้  วันนี้มาแปลก มันนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนผมครับแถมล้างถ้วยล้างจานให้ด้วย ปกติโยนให้ผมล้างตลอด มันจัดแจงให้ผมกินยาพร้อมบังคับผมนอนห่มผ้าให้เสร็จสรรพก่อนจะกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะคอมต่อ ผมนอนมองมันที่นังหันหลังให้ผมอยู่นานจนผล็อยหลับไปในที่สุด




Talk Talk

-ประสบการณ์การเขียน nc ครั้งแรก พิมพ์ไปกรี๊ดไป จากปกติวาดเอา การวาดวาดมันยังเห็นภาพเลย จะภาพนู๊ดภาพอะไรเรายังเฉยๆ แต่การถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือนี่สิ ใช้จินตนาการหนักมากกก อยากจะลงแดงตาย

-ส่วนภาพปลากรอบใจจริงอยากวาดเยอะกว่านี้ กลัวมันจะเรทไปอิอิ

-ติชมเข้ามาได้น้า ท่านใดหลงทางเข้ามาอ่านก็เม้นทักทายกันได้ เราไม่กัดฉีดยาแล้ว ส่วนภาพวาด อยากให้วาดใครในเรื่องเป็นพิเศษรีเควสมาเลยจ้า


Answer

tiew93 : เนื่องจากระหว่างนั่งพิมพ์ตัวเราเองก็หมดไปหลายขวด(เยาวชนไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) จึงไม่อาจอดทนต่อความง่วงพิมพ์ยาวๆ ได้ T^T

PaTtO&arij-iris: จัดให้แล้วนะอิอิ



   
   


   
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 14-06-2015 23:07:07
อุ๊ปส์!! เขาได้กันแล้ววว ปลื้มมมม ฟินอ่ะ รอทดูอบอุ่นขึ้นมาเลย  :-[
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 16-06-2015 22:16:11
 :katai2-1: เป็นกำลังใจให้ รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊าา
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 16-06-2015 22:55:57
เป็นกำลังใจให้น้าา :man1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 17-06-2015 00:04:43
อ้าว เขาได้กันแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 17-06-2015 14:31:20
สุดท้ายพี่รอทก็ฉกไปกินเฉยเลย  :z1:

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 17-06-2015 15:10:32
โดนกดซะงั้น




น้ำเมานี่มันแรงดีจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 17-06-2015 18:36:28
 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 17-06-2015 19:27:22
ดีงามจ้า

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 17-06-2015 19:31:59
สนุกมากๆๆ เพิ่งเข้ามาอ่าน ติดตามคะ :L2:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 17-06-2015 20:18:57
 :o8:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-06-2015 20:23:58
หึๆๆๆ น่าจะต่ออีกสัก 2 ยกน้าาาาาาาา :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-06-2015 20:56:24
 :katai2-1:   เราชอบภาพวาดจังเลยค่ะ

ย้องโยดึงดูดเย้ายวนมาก ร็อททนไม่ไหวอยู่แล้วทั้งแอบดูดเลือดน้องไปด้วยแบบนั้นคงสติหลุดถึงได้......

รอบหน้าถนอมน้องกว่านี้หน่อยนะ ให้โอกาสแก้ตัว  :impress2:  ขอกันตรงๆเลย 555
เรื่องงานลาอเหยื่อกำลังอันตรายมากขึ้นสินะ ตอนนี้กลายเป็นคู่หู(คู่ใจ?)ล่าบีสไปแล้ว
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-06-2015 20:58:44
มีผัวเฉยเลย
ถือเป็นเรื่องราวดีๆละกันโน๊ะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 17-06-2015 22:39:12
เนื้อเรื่องโดยรวมน่าติดตามค่ะสนุกดี ชอบชื่อโยนาห์จังเลยเพราะดี

เเต่ขอเเก้คำผิดนิดนึงนะคะ อยากให้ช่วยเเก้ไขจากคำว่า 'เดะ' เป็นเดี๋ยวเเทนได้ไหมคะ อ่านเเล้วรู้สึกขัดๆจริง
ตามจริงต้องใช้คำว่า เดี๋ยวถึงจะถูกนะคะ ปกติก็ไม่เคยได้ยินใครพูดจากเดี๋ยวเป็นเดะเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-06-2015 02:05:38
เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องน่าสนใจคับ น่าติดตามคับ โยนาห์กับธีจะเป็นไงต่อเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด รอ รอ อ่านตอนใหม่คับ มาเร็วๆนะคับ
  ปอ ลอ เห็นด้วยกับความเห็นข้างบนที่อยากให้เปลี่ยนคำว่า เดะ เป็น เดี่ยว ดีกว่าอ่านแล้วขัดจริงๆคับ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที6 Lose control (ระวังเลือดหมดตัว) 14/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 18-06-2015 05:10:02
 
บทที่ 7 หวั่นไหว



Yonah Say
   
   “หายหัวไปไหนมาวะ”  ไอ้ข้าวถามขึ้นทันทีที่เห็นผมเดินเข้าห้องประชุมวันนี้เป็นวิชาจิตวิทยาเป็นวิชาเลือกครับ เรียนรวมกับคณะอื่น

   “เมาแฮงค์ ไข้แดก” ผมว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างมัน เห็นไอ้ธีรมันไปนั่งกลับกลุ่มเพื่อนอีกฟากนึงของห้อง สงสัยจะหลบหน้าผม ดีเหมือนกันผมก็ยังไม่อยากคุยกับมัน

   “จารย์สั่งงานไรมั้ย เมื่อวาน” ไอ้ข้าวส่ายหัว ก็ดีชีวิตมหาลัยแม่งเขี้ยว ขาดเรียนบ่อยลงเรียนใหม่เลย

   “เรื่องไอ้ธีร....”

   “ไว้ก่อนเหอะ กูเป็นคนมีเหตุผลพอ” ผมเบรกมัน “ให้เวลากูหน่อย”

   ผมมานั่งทบทวนดูแล้ว มันก็จริงอย่างที่ฟาว่า ผมติดเพื่อน ติดเกมส์ แต่ผมกลับไม่มีเวลาให้เธอเลย แต่ถึงฟาจะบอกเลิกผมจริง มันก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ เพียงแต่สิ่งที่ผมรับไม่ได้ก็คือไอ้ธีรเป็นคนแย่งแฟนผมนี่ละ มันรู้สึกเหมือนตัวเองโง่ โดนคนใกล้ตัวหักหลัง

   “เฮ้ยนั่นรุ่นพี่ที่มากับมึงวันนั้นนิ” ผมมองตามสายตาไอ้ข้าว ก็เจอรอทเดินเข้ามากับกลุ่มเพื่อนวิศวะของมัน เมื่อเช้าผมมากับมันนั่นละครับแต่ไม่เห็นบอกเลย ว่ามีเรียนคลาสเดียวกัน
   “ชื่ออะไรวะ...” ข้าวถาม “ไปรู้จักได้ไง?...หน้าฝรั่งแต่พี่แกพูดไทยอย่างชัด!”

   “ชื่อรอท...พี่ในเกมอะ” ผมแถ เอาจริงๆ ตั้งแต่มีเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนั้นเข้ามาผมแทบจะไม่ได้เตะคอมเลย เหมือนรอทจะเห็นผมแล้วครับ มันกับกลุ่มเพื่อนอีก 4-5 คน เดินมาก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ว่างข้างๆ พวกผม

   “มีคนนั่งมั้ย” รอทถามพอเป็นพีธีแต่นั่งแล้ว ถามเพื่อ!? ผมเลยได้แต่ยักไหล่ก่อนจะหยิบสมุดแลคเชอร์ที่จดบ้างวาดรูปเล่นบ้างขึ้นมาเพราะอาจารย์เข้าห้องมาแล้วครับ



   การที่ต้องมานั่งเรียนวิชาบรรยายแต่เช้ามันเป็นอะไรที่นรกมาก ยิ่งพึ่งสร่างไข้ด้วยยิ่งแย่หนักไปใหญ่เลยครับ หัวมันหนักๆแถมยังปวดหนึบ ผมเหม่อมองดูไสลด์ที่อาจารย์สอนมันไม่มีอะไรซึมเข้าสมองเลยให้ตายสิเพราะตอนนี้ทั้งเรื่องฟากับไอ้ธีร เรื่องพวกบีส รวมไปถึงเรื่องไอ้แวมไพร์ข้างๆ ผมมันตีกันเละอยู่ในหัว จนท้ายที่สุดผมก็ฟุบหน้าลงไปคุยกับโต๊ะเลยครับ...ไม่ไหวละ

   “เฮ้ย โย! เป็นไรวะ” ไอ้ข้าวตูตกใจหน่อยๆ ที่ผมจู่ๆ ก็ฟุบไป “เชี่ย นี่มึงยังไม่หายไข้หรอวะ” มันเอามือมาเตะข้างแก้มผมดูครับ ผมส่ายหัวทั้งที่ยังฟุบอยู่แบบนั้น

   “เมื่อเช้าได้กินยาหรือเปล่า...” รอทที่นั่งเงียบอยู่นานถามขึ้น

   “ลืม...!”

   “งั้นก็นอนไป หมดคาบเดี๋ยวผมปลุก” ผมสะดุ้งน้อยๆ เมื่อรู้สึกว่ามือใครซักคนที่ลูบหัวผมเบาๆ กลิ่นไอคุ้นเคยแบบนี้ เหอะ...ผมไม่ได้โวยวายอะไร ปล่อยให้ไอ้แวมไพร์เผด็จการนั่นลูบหัวผมต่อ ไม่รู้สิมันเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นนะ อะไรที่ฟุ้งซ่านมันเหมือนสงบลง งีบซักนิดดีกว่าเรา  (หนูหวั่นไหวหรอลูก/me)


...............................................


   “กูไม่ยักรู้ ว่ามึงกับพี่เขาเป็นรูมเมทกัน” ข้าวถามขึ้นขณะที่เรานั่งอยู่เบาะหลังของรถไอ้คุณรอท มันมาส่งผมที่คอนโดมันครับเอากุญแจห้องให้ผมก่อนจะกลับไปเรียนต่อเพราะมีเรียนคาบบ่าย ข้าวหอมขอตามมาด้วย มันบอกช่วงนี้ผมหายหน้าหายตาอยากมาดูว่าผมเป็นอยู่ยังไง มันบอกเผื่อผมชอคตายจะได้มีคนเก็บศพ

   “บางวันก็นอนหอกูแหละ นอนห้องมันคิดซะว่าประหยัดไฟ” ผมอธิบายพลางไขกุญแจเข้าไปในห้อง

   “โหห้องแม่งอย่างเจ๋ง!...” ไอ้เพื่อนตัวดีว่าพลางโยนกระเป๋าลงบนโซฟาหนังสีดำก่อนจะลงไปนอนกลิ้ง เออ...คิดซะว่าห้องมึงละกัน สัส !

   “มึงรู้จักพี่เค้านานยังวะ”

   “ไม่น่าจะถึงเดือนหรอกมั้ง” ผมว่า จำไมค่อยได้แฮะ

   “แต่ถึงขนาดให้มึงมาอยู่คอนโดเนี่ยนะ” มันมองหน้าผมอย่างมีเลศนัย “เฮ้ย กูเห็นนะ ในคาบอะ เป็นห่วงเป็นใยมึงซะขนาดนั้น ไม่ใช่อกหักละหันไปชอบผู้ชายนะมึง” มันแซวครับ

   “สัส จะลองกับกูก็ได้นะ” ผมว่าแก้เขิน...เขิน!? ละทำไมผมต้องเขินวะ

   “มึงลุกเลย ทำอะไรให้กูกินหน่อย หิว” ผมว่าพลางลากมันลงจากโซฟา

   “ใช้กูเลยนะ” มันทำบ่นไปงั้นละครับแต่ก็ลุกไปทำให้ผมอยู่ดี ในตู้เย็นพอมีของสดอยู่บ้าง กุ้ง กับหมู กับผักอีก 3-4 อย่าง คือผมเริ่มสงสัยแล้ว ว่าแวมไพร์แม่งกินเลือดเป็นหลักจริงปะ ดูอุปกรณ์ทำครัวมันสิจริงจังกว่าห้องผมอีก

   ไอ้ข้าวหอมทำยำมาม่าให้ผมกินครับ มันบอกขี้เกียจหุงข้าว จริงๆ มันทำกับข้าวอร่อยมากบ้านเปิดภัตรคารมีสกิลติดตัวสูง กินข้าวเสร็จผมกับมันก็นั่งคุยกันไปดูหนังไป เหมือนมันจะพยายามพูดเรื่องไอ้ธีรหลายครั้งแต่ผมไม่เบรกก็เปลี่ยนเรื่องตลอด มันคงรู้เรื่องอะไรอยู่บ้างแหละแต่ผมแค่ยังไม่พร้อมฟัง จนเวลาล่วงเลยมาหนึ่งทุ่มมันเลยขอตัวกลับ

........................................................................




   ตึ๊ง!...เสียงไลน์ดังผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน ไอ้คุณรอทครับ

   /กลับดึกนะ ผมมีงานด่วน แล้วก็ไม่ต้องออกไปไหน อยู่แต่ในห้องนั่นละ/  สั่งจัง เป็นพ่อกูหรือไง (พ่อทูนหัวไง) ผมโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงแบบเซ็งๆ ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูไปอาบน้ำ

   เฮ้อทำไรดีวะ จะโทรหาแม่ก็ไม่มีเบอร์ จะโทรหาแฟนก็ไม่มีแล้วนี่หว่า การบ้านก็ไม่มีให้ทำ ว่างครับชีวิตมันว่าง สุดท้ายผมก็มาสิงสถิตอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของรอท ว่าจะโหลดเกมส์มาเล่นซักหน่อย ระหว่างรอดาวโหลดผมก็ถือวิสาสะค้นนั่นดูนี่ในคอมมันไป เห็นตื่นมาวันไหนอยู่แต่หน้าคอมดูซิมีอะไรดีๆ ผมคลิกเข้าไปในโฟลเดอร์ที่เขียนว่า “Security Council of Eternal Clan” เดาว่าน่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่หมอนั่นเรียกว่าสภากลาง ถึงมันจะเป็นภาษาอังกฤษแต่ผมก็พออ่านออกบ้าง

   ผมไล่อ่านนั่นอ่านนี่ในโฟลเดอร์ไปเรื่อยจนพอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าไอ้สภากลางเนี่ยก็เหมือนกับองค์กรที่คอบควบคุมดูและพวกอมนุษย์ มีกฎและผู้คุมกฎใครทำผิดก็ถูกขังไม่ก็ประหารเหมือนกับตำรวจบ้านเรานี่ละมั้ง ส่วนแฟ้มคดีก็มีพวกเป้าหมายที่ต้องกำจัดซึ่งหลายๆรายไอ้รอทมันก็เอาผมไปล่อตีนนี่ละพอจำได้ แต่ที่น่าสนใจคงเป็นคดีที่ฆ่านักล่าของสภา 2 คนนี่หละครับ ผมเพิ่งรู้นะว่านักล่าของสภาเป็นมนุษย์ก็ได้ 2 คนที่ตายเป็นมนุษย์ จากประวัติเหมือนว่าจะเป็นพวกมีสัมผัสที่หกและพอจะรับรู้ตัวตนของพวกอมนุษย์ได้ คล้ายผมเลยแฮะ ทั้งคู่โดนจับบูชายันต์เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุมีวงเวทย์และอุปกรณ์ประกอบพิธีกรรมที่เรียกว่า Vigorous รายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งคนรับผิดชอบคดีไม่ใช่ใครที่ไหนเลยครับ รอท ราฟาเอลโล ซานซีโอ ก็ไอ้แวมไพร์เผด็จการนั่นละครับ




   ผมได้ยินเสียงไขประตูห้องสงสัยรอทกลับมาแล้วครับ เลยรีบปิดเอกสารที่อ่านอยู่ก่อนรันหน้าต่างเกมส์ขึ้นมาแทน อ้าว!...เที่ยงคืนตั้งแต่เมื่อไหร่อ่านเพลินเลยผม   

   “นายยังไม่นอนอีกหรอ” รอทถามทันทีเห็นผม “หายสนิทแล้วสิ”

   “ก็ดีขึ้นแล้ว” ผมตอบ “เล่นเพลินไปหน่อย แต่ว่าจะนอนแล้วละ”

   “อืม...” มันว่าพลางวางกะเป๋าลงข้างเตียง

   “นายไปไหนมา”  ผมถามเมื่อเห็นรอทเอาปืนที่แหนบเอวอยู่ด้านหลังมาวางบนโต๊ะ ปกติเวลาล่าพวกบีส มันใช้แต่มีดครับ มันบอกว่าจะได้ไม่เสียงดังเดี๋ยวคนแตกตื่น

   “ไปทลายพวกโบสถ์ที่มีประกอบพิธีกรรมเถื่อน”

   “ยังไงอะ!? ”

   “ก็...พิธีกรรมที่เปลี่ยนมนุษย์เป็นพวกผมไง จริงๆ มันยุ่งยากต้องผ่านการอนุมัติของสภากลาง เช่น นายแต่งงาน หรือถูกรับเป็นบุตร คนที่รับรองนายเป็นเผ่าพันธุ์ไหนก็เปลี่ยนเป็นแบบนั้น เปลี่ยนเสร็จก็ต้องอยู่ในความดูแลต่อซักพักเพื่อแน่ใจว่านายควบคุมตัวเองได้ถึงปล่อยไป” รอทอธิบายพลางจัดแจงถอดเสื้อนอกออก    
   “แล้วทีนี้ก็เลยมีพวกอมนุษย์บางตัวที่มันเห็นแกเงิน รับทำพิธีนี้ให้กับมนุษย์ที่ต้องการชีวิตอมตะ มันก็เลยเกิดปัญหาพวกที่ควบคุมสัญชาตญาณไม่ได้แล้วกลายเป็นบีส เพราะไม่ว่าจะอมนุษย์หรือมนุษย์สมัยนี้ต้องใช้เงินทั้งนั้นละ” ผมพยักหน้ารับ นานๆ หมอนี่จะอธิบายอะไรที่มันมีสาระซักที

   “เฮ้ย!...นายโดนยิงนิ” ผมร้องอย่างตกใจ ไม่ใช่เพราะซิกแพคชวนหมั่นไส้นั่นแต่เป็นรอยกระสุนที่ท้องด้านขวาต่างหาก เสื้อยืดสีดำที่หมอนั่นพึ่งถอดออกไปทำให้มองไม่เห็นเลือดที่ไหลออกมา

   “อ่า...ผมลืมไปเลย” รอทก้มดูแผลพลางยักไหล่ “พวกผมแพ้กระสุนเงินน่ะ...มันทำให้แผลไม่สมานตัวคงต้องเอาออกก่อน” มันตอบชิวมากเลยครับ ไม่เจ็บบ้างหรือไง “ช่วยหน่อยสิ!”

   “นายจะทำอะไร” ผมว่าเมื่อจู่ๆ รอทก็ดึงมีดพกออกมาแล้วยื่นให้ผม

   “เปิดปากแผลแล้วเอาหัวกระสุนออกมา” รอทอธิบายพลางนั่งลงบนขอบเตียง

   “นายจะบ้าหรอ!” ผมไม่ใช่หมอนะเว้ย อีกอย่างถึงผมจะไม่ได้กลัวเลือดแต่ที่ไหลออกมาเยอะๆ แบบนั้นก็อดสยองไม่ได้

   “เหอะน่า...ผมไม่เป็นไรหรอก”   ผมสบตาสีฟ้าคู่นั้นแบบไม่แน่ใจ หมอนั่นพยักหน้าพร้อมยิ้มให้ผม แต่รอยยิ้มนั้นดูเหนื่อยๆ คงฝืนตัวเองอยู่ ผมคงต้องรีบแล้วละ

   “ลึกแค่ไหน !?” ผมถามพลางจ่อคมมีดลงไปที่แผลนั่นด้วยมือที่สั่นเทา

   “ประมาณ 2 นิ้ว” รอทบอก ผมกรีดมีดลงไปตามที่หมอนั่นบอกรู้สึกได้ถึงวัตถุแข็งๆ ที่กระทบปลายมีด “ตรงนั้นละ เอามือล้วงมันออกมา”
   ถึงหมอนั่นจะไม่ร้องโวยวายแต่ด้วยลมหายใจหนักหน่วงกับเสียงสั่นๆ พอจะเดาได้ว่าคงเจ็บเอาการ พาลให้ผมรู้สึกกดดันไปด้วย ผมกลั้นใจล้วงเข้าไปในแผลนั่นก่อนจะใช้สองนิ้วคีบหัวกระสุนออกมา...ผมมองก้อนโลหะบนมือที่โชคเลือดก่อนถอนหายใจออกมาแรงๆ ใครจะคิดละครับว่าชีวิตต้องมาทำอะไรแบบนี้ แผลรอทเริ่มสมานตัวแล้วครับเหลือไว้แค่รอยแดงๆ คน(เคย)เจ็บทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะหลับตาลงนิ่งๆ สงสัยต้องการพัก




   ผมโยนหัวกระสุนนั้นลงถังขยะไป ก่อนจะเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจก สีหน้าผมดูแย่ครับ หรือผมเป็นห่วงมัน?...บ้าน่าคนเราเห็นใครเจ็บต่อหน้าก็ต้องกังวลอยู่แล้วเปล่าวะ ผมไม่ลืมที่จะเอากะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้รอท ปล่อยนอนไปสภาพนั้นมันก็ดูใจร้ายไปเนอะ

   หมับ!...ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ คนที่ผมคิดว่าหลับดึงแขนผมไว้ก่อนผมจะทันได้เอาของไปเก็บ

   “หิว...” รอทว่าพร้อมพลิกตัวผมลงไปนอนราบกับเตียงแล้วคร่อมไว้ เหอๆ...แม่งจะงาบคอผมชัวร์

   “เลือดถุงในตู้เย็นไง” มองหาทางรอดครับ

   “มันไม่อร่อย” โถ...ไอ้เรื่องมาก ยังไม่ทันที่ผมจะได้ปฏิเสธอะไรไอ้คุณรอทก็ฝังเขี้ยวลงบนคอผมแล้ว...เจ็บครับเจ็บ เค้าบอกให้บริจาคเลือด 1-2 เดือนครั้ง แต่นี่รอบที่ 2 ใน 3 วัน ผมจะตายก่อนไหม

   ผมรับรู้ถึงเลือดทุกหยดที่ไหลออกจากร่าง รอทดูดผมแรงมากแม่งไปตายอดตายอยากจากไหนมาวะ เริ่มมึนๆ แล้วครับ หน้ามืดเหมือนจะเป็นลมสงสัยเสียเลือดไปเยอะ

   “เชี่ย พอๆ” ผมว่าพลางผลักหัวมันออกก่อนที่ผมจะตายเสียก่อน

   “โย...ขอนะ” รอทก้มลงกระซิบข้างหูผมทำเอาผมร้อนไปทั้งตัวเพราะรู้สึกถึงส่วนที่ตื่นตัวของคนข้างบนที่ดันต้นขาผมผ่านกางเกงนั่น...ซวยแล้วกู

   “ไม่...อุ๊บ!” ยังไม่ทันที่ผมจะปฏิเสธ ริมฝีปากก็ถูกคนข้างบนช่วงชิงไปแล้ว ผมพยายามผลักมันออกแต่แทบไม่ขยับเลย รอทละเลียดชิมริมผีปากผมอยู่ซักพักก่อนจะเม้มเบาๆเป็นเชิงขอแล้วสอดลิ้นเข้ามา ลิ้นเย็นๆ รุกราน หลอกล่อให้ผมต้องโต้ตอบ จนกลายเป็นจูบตอบไปซะงั้น

   “อือ...”  เสียงใครครางวะ...เหมือนผมเลย จูบที่หลากรสบ้างดุดันเร่าร้อนบ้างอ่อนโยนละมุนละไม ทำเอาผมคล้อยตามอย่างห้ามไม่อยู่ ...ดีจัง รู้สึกตัวอีกทีมือผมก็วางทาบลงบนหน้าอกแกร่งนั้นไปแล้ว รอทละริมฝีปากออกเมื่อผมทำท่าจะขาดใจ ก่อนก้มลงไปซุกไซร์ซอกคอมผมแทน...มันจั๊กจี้เล่นเอาขนลุกไปทั้งตัว

   “อ๊ะ...อย่า...ตรงนั้น!..” ผมร้องออกมาเมื่อมือหยาบๆนั้นบี้ลงบนยอดอกทั้งสองข้าง มันเย็นมากจนสั่นสะท้านไปทุกอณูที่ถูกสัมผัส รอทก้มลงดูดส่วนที่เริ่มแข็งเป็นไตทั้งสองสลับกัน มือข้างหนึ่งลูบวนที่แผ่นหลัง ส่วนอีข้างลูบไล้ตรงท้องน้อย ตัวผมกำลังสั่นอย่างคุมไม่อยู่ มือหยาบล้วงเข้าไปสัมผัสไอ้ลูกชายที่เริ่มจะตื่นตัวในกางเกงก่อนจะใช้นิ้วโป้งไล้วนส่วนหัวเบาๆ

   “อ๊ะ...รอท...อา” ผิมบิดเร่าๆ ด้วยความเสียวเมื่อรอทขยับมือรูดของผม และเสียวยิ่งกว่าเมื่อจู่มันก็ก้มลงไปใช้ปากครอบครองส่วนนั้นไปกว่าครึ่ง ลิ้นเย็นดูดดุนส่วนกลางทำเอาผมแทบคลั่ง อารมณ์มันพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่จู่ๆ ทุกอย่างก็ถูกหยุดไว้แค่นั้น...อารมณ์ค้างสิงานนี้ ทรมานอยากปลดปล่อย แต่ไอ้คนข้างบนกลับกับรั้งมือผมที่กำลังจะช่วยตัวเองไว้ ผมเคืองมากและโกรธจัด ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตแค้นให้กับมัน

   “ใจเย็นสิครับคนดี” รอทบอกผมยิ้มๆ ก่อนจัดแจงถอดเสื้อผ้าทั้งของผมและของมันแล้วโยนไปข้างเตียง ก่อนจะไปรื้อเอาขวดอะไรซักอย่างออกจากกระเป๋าก่อนหยิบขวดเจลออกมา

   “ไปซื้อมาตอนไหน” ผมถามด้วยเสียงแหบพร่า เตรียมพร้อมจังเลยนะนี่กะมาฟันผมอยู่แล้วใช่มั้ยเนี่ย

   รอทนั่งคุกเข่าลงตรงหว่างขา ใจผมเต้นแรงมาก ร้อนไปหมดทั้งตัว มันรู้สึกอายครับที่ได้มองร่างเปลือยเปล่านั่นเต็มตา หมอนี่หุ่นดีชะมัด เต็มไปด้วยมัดกล้ามดูแข็งแรงแต่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ผมเห็นยังอิจฉาเลย ขาทั้งสองผมถูกยกขึ้นก่อนที่คนข้างบนจะเอาหมอนมารองใต้สะโพกให้ เจลใสถูกเทลงบนมือก่อนจะเอามันมาป้ายที่ช่องทางด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งเพราะความเย็น แล้วเอาอีกส่วนทาน้องชายที่ตั้งผงาดของของตัวเอง

   “ไม่ไหวหรอก...” ผมบอกเสียงสั่น เมื่อเหลือบมองแก่นกายที่มาจ่อก้น อดผวากับขนาดของมันไม่ได้  ผมคงไม่วายเจ็บตัวแน่ๆ... ขัดขืนตอนนี้ยังทันมั้ยวะ (เอิ่ม ไม่ทันละมั้ง/me)

   “นะ...ผม จะพยายามเบาๆ” รอทยิ้มให้กำลังใจผม ก่อนค่อยๆ กดสิ่งนั้นเข้ามา แค่ส่วนหัวก็เล่นเอาผมเจ็บจนน้ำตาซึม เจลไม่ได้ชวยเลยให้ตายสิ ผมพยายามกัดฟันทนจนมันเข้ามาได้ครึ่งลำ

   “พ..พอ ฮึก...หยุด...ขอร้องละ” สุดท้ายผมก็ร้องไห้ออกมา ผมทั้งผลักทั้งทุบทั้งตีร่างหนานั่น ผมไม่เอาแล้ว มันเจ็บจริงๆ นะ เหมือนร่างจะฉีกออกจากกัน มันอึดอัด มันแน่นไปหมด ผมไม่เหลืออารมณ์อยากใดๆแล้ว แม้แต่โยน้อยยังสงบนิ่งลงไปเลยเพราะความเจ็บ

   “โย...ผมขอโทษ” ดวงตาสีฟ้านั้นมองผมอย่างรู้สึกผิด ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มลงจูบผมราวกับปลอบประโลม ในขณะที่ผมเริ่มเคลิ้มกับรสจูบนั้นรอทก็ดันแก่นกายเข้ามาจนสุด ทั้งเจ็บทั้งจุกจนร้องไม่ออกเลยครับ  รอทยังคงบดจูบอ้อยอิ่งและเนิ่นนานคล้ายจะพยายามดึงผมให้ลืมความเจ็บปวดเบื้องล่างแต่ก็ไม่ทั้งหมด หมอนั่นพยายามเล้าโลมให้ผมมีอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง

   “อ๊ะ...อาห์” ผมหลุดครางเมื่อหมอนั่นเริ่มขยับตัว ยังเจ็บครับแต่เสียวมากกว่า รอทดึงมือผมไปโอบไหล่ไว้ ก่อนจะกระแทกเข้ามาเป็นจังหวะเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ นำพาอารมณ์ของเราทั้งคู่ให้สูงตามความรู้สึก ซาบซ่านสะท้านไปทั้งร่าง ทรมานแต่ก็รู้สึกดี ดวงตาผมพร่าเบลอ ในหัวตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด ได้ยินเพียงเสียงทุ้มหอบครางของรอทดังก้องอยู่ข้างหู

   “อา...ดีจัง โย” เสียงทุ้มครางต่ำอย่างพอใจ

   “อื้อ...รอท...อ๊ะ ม..ไม่ไหวแล้ว...อ๊ะ” ผมจิกเล็บลงแผ่นหลังนั่นเพื่อระบายอารมณ์อย่างไม่เกรงใจ ราวกับร่างถูกพาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุด ผมเกร็งไปทั้งร่าง ท้องน้อยเสียววาบก่อนจะปลดปล่อยออกมา ราวกับร่างกำลังร่วงหล่นหากแต่รองรับด้วยปุยนุ่น รอทกระแทกหนักๆ เข้ามา 3-4 ทีก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักเข้ามาในตัวผม ใบหน้าคมก้มลงจูบที่หน้าผากผมก่อนจะนอนทับลงมาแล้วนิ่งอยู่แบบนั้น

   “เอาออกซะทีสิ...” ผมบอกคนข้างบนเพราะส่วนนั้นยังคาอยู่เลย รอทถอนแก่นกายออกอย่างว่าง่ายแต่มันไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเมื่อมันจับผมนอนคว่ำก่อนจะรั้งสะโพกขึ้นแล้วใส่เข้ามาอีกครั้ง

   “ขออีกรอบนะ” รอทกระซิบข้างหูผมอย่างออดอ้อน

   “เชี่ย!...อ๊ะ...อย่าพึ่ง...” ยังไม่ทันที่ผมจะได้โวยวายหมอนั่นก็เริ่มขยับอีกครั้งเลยได้ครางแทน


   ผมต้องฝืนความง่วงเล่นกับไอ้แวมไพร์หื่นกามนั่นต่ออีกยกก่อนที่มันจะพาผมไปอาบน้ำล้างตัว ลูบกันไปถูกันมาเลยซวยโดนมันจัดในห้องน้ำไปอีกที   กว่าผมจะได้นอนก็ยันเช้า บอกเลยว่าเพลียมาก หมดสภาพ หมดแรง ไม่เข้าใจว่ามันจะคึกไปไหน ไม่สนใจแม่งแล้วนอนดีกว่า โชคดีที่เป็นวันเสาร์ไม่มีเรียน ผมคงนอนสลบทั้งวันแน่...ฝากไว้ก่อนเถอะ


......................................................
   

Talk Talk
[/b]

-ขั้นแรกเราต้องขอประทานโทษที่มาอัพช้า เนื่องจากต้องปั่นงานอื่น

-เข้ามาเจอทุกคนเม้นให้กำลังใจบอกเลยว่าปลื้มมาก มันรู้สึกดี มีกำลังใจขึ้นมาเลย ขอบคุณทุกคนจริงๆ ติดตามและแยู่ด้วยกันนานๆ น้าา :mew1:

-สำหรับคำผิด เราแก้ให้แล้วนะจ้ะ มีที่อื่นอีกก็บอกกันมาได้ คำไหนอ่านแล้วมันขัดๆ ก็แนะแนวแนะนำกันมา ยินดีรับคำติชมจ้า

-พาสนี้ไม่มีภาพปรากลอบเนื่องด้วยงานยุ่งมากก ไว้มีเวลามากๆ จะจัดรูปสวยๆ มาอวดกันเน้อ
   
   
   


   
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 18-06-2015 05:29:27
สงสัยจะหวั่นไหวหนักแล้วละ



ยอมตั้งหลายรอบเลย



รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 18-06-2015 07:16:19
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 18-06-2015 07:33:20
หนูนี่ไม่สู้พี่เค้าเลย ยอมหมดแล้วโยเอ๋ย
เสียทั้งเลือด เสียทั้งตัว :oo1:
พี่รอทดูแลน้องด้วย
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-06-2015 08:39:34
 :mew3:  สงสารน้องโยจังเลย เสียทั้งเลือดทั้งน้ำ  :-[
พี่รอทแกมีเจลแล้วแต่แกไม่มีชั้นเชิงซะเลย อดทนรอน้องมันบ้าง ช้ำหมดแล้ว

สรุปว่ายัยแฟนเก่านี่ยังไงนะ ทำเหมือนเอาเรื่องที่ถูกแฟนละเลยมาเป็นข้ออ้างที่จะนอกใจ แย่จริง
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-06-2015 08:53:46
อาการหวั่นไหวขั้นรุนแรงจริงๆ ใส่เจลน้อยไปแน่ๆโยนาห์ถึงได้เจ็บมากๆแบบนั้น ฮ่าๆฮ่าๆ โยนาห์โดนกัดคอไปหลายทีแล้ว จะกลายพันธ์มั้ย น่าจะกลายนะ เลือดไม่หมดตัวเลยเหรอนั้น ซื้อยาบำรุงเลือดมากินด้วยนะ ๕๕๕ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาไวๆ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 18-06-2015 15:26:57
เลือดหมดตัวแน่ๆเลยโย :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_Halloween ที่ 18-06-2015 16:02:12
เป็นฉากอีโรติคที่เลือดสาดมาก รุนแรงได้อีก กลายพันธุ์มั้ยน้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-06-2015 17:07:31
รอทหื่นอะะะะ :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 18-06-2015 17:23:47
ไขข้อสงสัยกันนิดนึงเนอะ
[/b]

เรื่องที่โยถูกกัดบ่อยๆ จะกลายร่างมั้ย ไม่กลายหรอกจ้า เพราะการกัดอย่างเดียวไม่ทำให้กลายพันธุ์แต่ต้องทำพิธีถ่ายพลัง มีผู้ให้และผู้รับ เช่น ผู้มอบเป็นแวมไพร์ คนรับก็จะกลายเป็นแวมไพร์ ผู้มอบเป็นแวร์วูฟคนรับก็จะกลายเป็ยแวร์วูฟ ในที่นี้รวมไปถึง อมนุษย์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซักคิวบัส สตรีโกอีและโมโรอี(ผีประเภทหนึ่ง ในตำนานแถบแสกนดิเนเวีย) พราย ฯลฯ...ซึ่งทฤษฎีนี้เรามโนเองจ้า เพราะเรามองว่าหากเป็นกันง่ายๆ คงมีแวมไพร์เกลื่อนเมืองละจ้า

ส่วนพวกบีส ก็เกิดจาก มนุษย์ที่เปลี่ยนสถานะเป็นอมนุษย์แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ (อันนี้หนูก็เพ้อเองละ)

นอกจากมียังมีพวกหลักการเกิด พิธีกรรมต่างๆ ซึ่งบางอย่างก็ดัดแปลงจากตำนานที่เคยอ่านๆ กันมาในแบบฉบับของเรา หวังว่าคงไม่ทำให้งงกันซะก่อนเน้อ

อย่างที่กล่าวไว้ว่าเราแต่งนิยายเรื่องนี้ไว้นานเลยมีทฤษฎีเพี้ยนๆของเราอยู่อีกเยอะ ซึ่งก็จะได้อ่านได้ชมกันในตอนถัดๆ ไป  :mew4:

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้  (ส่วนเราเข้าขั้นบ้าละ ฮ่าๆๆ)
[/color] :hao7:

หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 18-06-2015 17:31:07
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

ชอบ NC  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2015 17:48:55
 :mew2:โยโดนบ่อยแบบนี้จะไปเรียนได้้หมเนี่ย
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-06-2015 17:49:08
พี่ชอบหลักการของหนูนะ. นิยายแฟนตาซีมันก็ดีแบบนี้เอง ถ้าเราคิดว่าหลักการเราสมเหตุสมผลแล้วก็ลุยเลย
รอขยายปมนะจ๊ะ :mew1:   เรื่องต้นกำเนิดและสายเลือดของโยที่ดูจะพิเศษกับแวมไพร์ด้วย

แล้วโยจะต้องรับบทหนักเป็นทั้งตัวล่อ(บีส)และโดนล่อ(รอท) ตลอดเรื่อง. เห้อ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-06-2015 19:20:46
ตารอทดูแลหนูโยดีๆหน่อยล่ะ เล่นซะหลายรอบเลยนิ หึๆๆ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 19-06-2015 07:49:38
น่าติดตาม มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 19-06-2015 07:56:31
อยู่ต่อเลยได้มั้ยยยยยยยยยยยยยย  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 19-06-2015 09:15:48
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที7 หวั่นไหว (อีกซักบทจะเป็นไรไป p2) 18/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 19-06-2015 09:36:58
บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา
[/b]


Rote Say

   ผมนั่งอ่านเอกสารการสอบสวนที่ริค หรือริคาโด เพื่อนที่ทำงานให้กับสภาเหมือนผมเอามาให้ ใครจะรู้ว่าไอ้หนุ่มผมยาวหน้าหนวดแบบมันจริงๆ แล้วเบื้องหน้าทำงานเป็นหมอนะครับ หน้าไม่ให้แต่ใจรัก มันเป็นแวร์วูฟครับ ทายาทบ้านเดอลาครัวซ์

   “พวกที่โบสถ์เมื่อวาน ดูเหมือนว่าจะรู้จักกับไอ้คนที่ฆ่านักล่าของสภา 2 รายก่อนนะ” ริคว่าพลางเอนหลังพิงโซฟา “พวกมันบอกว่ามีคนสอนพวกมันเกี่ยวกับเรื่องพิธีกรรมมอบพลัง อืม...คนนี้แหละ” ใบประวัติผู้ต้องหาถูกยื่นมาให้ผม

   กรกฎ เผ่าพันธุ์ พราย เคยทำงานอยู่ฝ่ายพิธีกรรมของสภาสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ตั้งอยู่ในไทยนี่เอง) แต่ถูกไล่ออกไปเมื่อสี่เดือนก่อนเพราะพยายามทำพิธีกรรมต้องห้าม (พิธีกรรมทุกประเภทที่ต้องสังเวยชีวิต) ผมมองดูใบหน้าในรูปนั้น ใช่หมอนี่แน่ๆ ผมจำได้ ที่คอยตามดูโยอยู่ห่างๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ตึกร้างครั้งนั้น จริงอยู่ที่กลิ่นไอของโยจะดึงดูดพวกอมนุษย์เข้ามา แต่มั่นใจว่าไอ้กรกฏนี่ไม่ได้มองโยเป็นอาหารแน่ เพราะมันไม่เคยผลีผลามจู่โจมเข้ามาเลยแถมยังพยายามอำพรางกลิ่นไอของตัวอีกด้วย ราวกับรอเวลาบางอย่าง

   “แล้วสรุป ไอ้พิธี Vigorous นี่มันคืออะไร นายพอจะรู้มั้ย” ผมถาม ไอ้ริคทำท่านึกอยู่ซักพัก

   “เหมือนเสริมความแข็งแกร่ง ถ้าให้ผมเดา เพราะหมอนั่นเป็นพราย เผ่าพันธุ์นี้อ่อนแอกว่าพวกเรามากแถมอายุสั้นพอๆ กับมนุษย์ จะมีดีก็แค่เรื่องเวทมนต์แขนงต่างๆนั่นละ น่าจะอยากได้ชีวิตอมตะ อะไรทำนองนั้น”  ริคว่าพลางยักไหล่

   “มันก็เลยอยากได้โยไปเป็นเครื่องสังเวยงั้นสิ” แรกๆ ผมพาโยไปด้วยตอนล่าบีสเพราะใช้ล่อพวกนั้นจริงๆ ละครับ ผมขี้เกียจตามหาพวกมัน แต่หลังๆ อะไรๆ มันเปลี่ยนไป ที่ลากไปไหนมาไหนด้วยก็แค่ไม่อยากให้ห่างตัวเพราะรู้ว่ามีคนคอยตามอยู่

   “อืม บังเอิญเด็กนายก็เข้าเค้าอยู่นะ มันต้องใช้พวกมนุษย์ที่มีสัมผัสพิเศษเป็นเครื่องสังเวย” ริคอธิบาย “ระวังไว้ดีๆ ละ...เจ้าเด็กนั่นดึงดูดไม่เบาเลย”

   “มีอย่างหนึ่งที่ผมสงสัย  ถ้าโยมีพลังแบบนี้ทำไมถึงยังรอดมาจนป่านนี้ละ แถมยังอยู่มหาลัยเดียวกันแต่ผมพึ่งจะรับรู้ได้”

   “ของแบบนี้มันอำพรางกันได้ เด็กนั่นมีของอะไรที่ใส่อยู่ก่อนหน้าที่นายจะเจอมั้ย” ภาพสร้อยกางเขนผุดขึ้นมาในหัว ตอนที่เจอกันครั้งแรกโยใส่มันอยู่เพียงแต่ตอนนี้มันแตกไปแล้ว ผมก็ยังเก็บไว้นะ ว่าแล้วก็เดินไปหยิบมาให้ไอ้ริคดู

   “ลายคุ้นๆ หวะ น่าจะเป็นเครื่องรางที่มีพลังเวทย์ในการอำพรางนะ” มันเดา พลางเอาสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาสำรวจ เพื่อนผมคนนี้มันรู้เยอะครับ ด้วยอายุไขที่ยาวนานทำให้พวกเรามีเวลาในการศึกษาสิ่งต่างๆ ที่สนใจได้หลากหลาย เหมือนกับผมที่เข้ามาเรียนมหาลัยเพราะไม่รู้จะทำอะไร

   “ว่าแต่...ไอ้ที่แนะนำไปใช้ได้ปะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลนั่นมองผมอย่างมีเลศนัย ผมรู้ว่ามันหมายถึงอะไร

   “ไม่ได้เรื่องเลย...โยยังบ่นเจ็บเหมือนเดิม” ผมตอบยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน

   “ต้องโทษพ่อนายแล้วละ ให้มาเยอะเกิน หึๆ...ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน” มันล้อผมครับ “เมื่อคืนจัดไปหนักละสิท่า บ่ายแล้วยังไม่ตื่นเลย”

   “ก็นะ...” ผมกับริคโตมาด้วยกันครับก็เลยปรึกษากันทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องบนเตียงก็ด้วย แรกๆ มันล้อผมใหญ่เลยครับเรื่องผมมีอะไรกับผู้ชาย อย่าให้ถึงตามันมั่งนะ ผมจะเล่นให้เละเลย “แล้วนี่นายจะกลับเลยมั้ย”

   “แหมไม่ต้องทำเป็นมาไล่เลย โน่นนะ เด็กนายตื่นแล้ว” มันว่าพลางพยักเพยิดไปทางโยที่เปิดประตูห้องนอนออกมาแบบงัวเงียๆ

   ร่างขาวๆ นั่นใส่แค่บ๊อกเซอตัวเดียวทำให้เห็นรอยจูบตามตัวซึ่งไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหนหรอก ผมเองนี่ละ ไอ้ริคมองโยก่อนจะยิ้มกวนๆ ให้ผม

   “เด็กนายผิวสวยวะ” มันชม ตลกละ!... ผมมองได้คนเดียว ผมเปิดประตูก่อนจะดันหลังมันออกไป

   “กลับไปซักทีเหอะ!”

   “ก็ได้ๆ หวงจังวะ” ไอ้ริคหัวเราะกวนๆ ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินจากไป




   โยเดินออกมาจากห้องเห็นท่าเดินก็อดตลกไม่ได้ ร่างบางสะดุ้งตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา สงสัยจะเจ็บ ผมรับรู้ได้ถึงสายตาอาฆาตที่จ้องมาทางผม ไม่รู้จะโกรธอะไรนักหนาทั้งที่เมื่อคืนก็เห็นครางดูมีความสุขดี ถึงตอนแรกผมจะบังคับก็เถอะ

   “หิวมั้ย?” เอาใจนิดนึงครับก่อคดีไว้เยอะ

   “หิวมาก!” หน้าบึ้งมาเลยครับ แต่ก็น่ารักดี  “เมื่อกี้ใคร”

   “เพื่อน...ที่สภากลาง เอาเอกสารสอบสวนเรื่องเมื่อวานมาให้” ผมบอกพลางเปิดตู้เย็นดู ไม่มีอะไรเหลือเลยครับ เพราะเมื่อวานโยพาเพื่อนมาทำอะไรกินที่ห้อง คงต้องออกไปหาอะไรกินข้างนอก

   “เพื่อนนายนี่เป็นตัวอะไรหรอ” โยถามพลางอ้าปากหาว

   “เป็นแวร์วูฟ...ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวผมพาออกไปหาอะไรกิน” ผมดึงแขนคนที่ทำท่าจะฟุบลงกับพนักพิงให้ลุกขึ้น “หรือจะให้ผมช่วยอาบก็ได้นะ”...ผมแกล้งกระซิบข้างหู ทำเอาแก้มเนียนขึ้นสี จนอดไม่ได้ที่จะหอมไปฟอดหนึ่ง คนโดนหอมกระฟัดกระเฟียดใส่ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป...สงสัยจะเขิน อิอิ

   ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโรคจิต...อยู่ใกล้โยแล้วหมั่นเขี้ยวอยากฟัด ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ ก็แค่เด็กคนหนึ่งที่ผมเกิดสนใจในพลังแปลกๆ คิดแค่ว่าน่าจะใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่เรื่องคืนนั้นเหมือนความคิดมันเปลี่ยนไป จากที่มองมันแล้วหมั่นไส้กลายเป็นแม่งทำอะไรก็น่ารักไปหมด ไม่รู้อะไรที่ทำให้ผมหลงใหล  รสเลือด กลิ่นไอ หรือร่างกายนั่น แต่ช่างเหอะ ตอนนี้ผมรู้สึกดีและอยากให้โยอยู่ใกล้ๆ ก็เท่านั้นเอง




   ผมพาโยมาที่ห้าง วันนี้วันเสาร์คนเยอะครับ ในขณะที่เรากำลังเดินออกจากลานจอดรถผมก็เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่ห่างไป 3-4 ล็อค ผมจำผู้หญิงชื่อฟาได้ แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจคงจะเป็นคนที่มาด้วยเพราะผมเพิ่งดูรูปมันมาเมื่อเช้า กรกฏ!... สองคนนี้รู้จักกันด้วยหรอ...?

   “มีอะไร!?” โยถามเมื่อเห็นผมหยุดเดิน เหมือนจะไม่ทันสังเกตเห็นสองคนนั้นนะ

   “เปล่า เข้าไปข้างในกันเถอะ ร้อน” ผมว่าพร้อมดันหลังโยให้เดินนำไป

   เหมือนเรามาเดทกันเลยแฮะ ผมเอ่ยปากเป็นเจ้ามือวันนี้เองครับ โยเลยลากผมมานั่งกินอาหารญี่ปุ่นที่ฟูจิ พอบอกเลี้ยงเจ้าตัวก็เล่นสั่งอาหารซะเต็มโต๊ะเลยสงสัยจะหิวจัด แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ คงจะเสียพลังงานไปมาก ต้องบำรุงเยอะๆ อิอิ ผมเลือกชิมนั่นชิมนี่บ้างเพราะอยากรู้รสชาติแต่ก็ไม่ได้กินอะไรจริงจังเพราะยังไงก็ไม่ได้ให้พลังงานเท่าไหร่ อาหารของพวกมนุษย์ก็อร่อยดีครับ หลากหลายรสดี แต่คนข้างหน้าอร่อยกว่า หึๆ ผมว่าตัวเองอาการหนักแล้วละ

   หลังกินอิ่มเราก็มาเดินซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่าง ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกของกินมากกว่าครับ ทั้งของสด อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งรวมไปถึงพวกขนมขบเคี้ยวทั้งหลายแหล่ ไว้ให้โยกินเวลาอยู่ห้อง จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยมาเดินซื้ออะไรแบบนี้เท่าไหร่ เพราะผมมีคนคอยดูแลอยู่เป็นคนที่ตระกูลผมส่งมาครับ ไม่ว่าจะเป็นทำความสะอาดหรือจัดเตรียมของใช้ต่างๆ แค่ผมสั่งไว้ก็พอครับ แต่ส่วนใหญ่เธอมักจะมาตอนที่ผมกับโยไม่อยู่ห้อง ซื้อของเสร็จโยพาผมมาร้านเครื่องเขียนด้านบนเพื่อซื้อพวกสีและแคนวาส เห็นบอกต้องเพนท์งานส่งอาจารย์วันจันทร์ ก่อนกลับผมแวะไปที่หอโยเพื่อไปเอาโน้ตบุคกับของใช้บางอย่างรวมไปถึงมอเตอร์ไซคู่ใจ โยให้เหตุผลว่าเวลาผมไม่อยู่ขี้เกียจเดินไปซื้อของ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเมียผมเล่นบิ๊กไบท์กับเขาด้วย ชอบขี่ก็ไม่บอกหึๆ




   “วันนี้ไม่ต้องไปล่าบีสหรอ” โยถามขึ้นขณะ นั่งเพ้นท์สีอะครีลิคลงบนเฟรมอยู่ที่พื้นข้างเตียง เดี๋ยวนี้ย้ายมาอยู่ห้องผมจริงจังแล้วครับ จากแต่ก่อนจะมานอนบ้างเวลาที่กลับดึกมากๆ

   “ไม่ ช่วงนี้ผมจะเร่งคดีฆ่านักล่าของสภาให้ให้จบ” ผมว่าก่อนจะลุกจากโต๊ะคอมลงมานั่งข้างๆ “เรื่องบีสก็ให้คนอื่นทำไปก่อน”

   “ก็ดีพักบ้าง อื้อ...อย่ากวนดิวะ” โยเอ็ดเมื่อจู่ๆ ถูกผมกอดจากด้านหลังพร้อมเอาคางเกยไหล่ มันพยายามเกะมือผมออกครับ แต่ผมไม่ขยับก็เลยล้มเลิกความคิดไป ปล่อยผมกอดอยู่แบบนั้น กลิ่นแป้งเด็กจางๆ ที่โยชอบใช้หอมดี คุณไม่รู้หรอกว่าผมใช้ความอดทนขนาดไหนที่จะไม่งับคอขาวๆ นั่น

   “แล้วนายหาตัวคนร้ายเจอแล้วหรอ” คนโดนกอดยังคงถามต่อ

   “อืม ผมเลยต้องรีบไง” ใช่ผมต้องรีบก่อนที่มันจะได้ตัวโยไป ไอ้กรกฎนั่นเหมือนจะอยู่ใกล้ๆ แต่พอไล่ตามจริงๆ แม่งหนีอย่างไวครับ มันแข็งแกร่งพอตัวเพราะผ่านพิธี vigorous มาตั้ง 2 รอบ

   “งานที่สภากลางของนายดูเยอะนะ ทำไมถึงมาเรียนมหาลัยล่ะ”

   “พวกเราอายุยืนกว่ามนุษย์ ช่วงเวลาในชีวิตมันเยอะ ผมก็เลยอยากหาอะไรทำ เพราะงานของสภามันน่าเบื่อ จริงๆ ผมก็เรียนจบปริญญาอย่างอื่นไปแล้วละ 5 ใบ” ผมจบจากหลายที่ทั่วโลกครับ พอพูดได้อยู่ 5 ภาษา

   “5ใบ! นี่นายอายุเท่าไหร่เนี่ย” คนถามทำเสียงแปลกใจ

   “58 แล้วปีนี้” ...ทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วยวะ

   “ไอ้แก่...!” โยว่าผม!! ใจร้ายวะ เหอะๆ...อายุเป็นเพียงตัวเลขดูหน้าผมสิครับยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวอยู่เลย

   ผมนั่งมองโยเพนท์งานอยู่แบบนั้นอย่างไม่รู้เบื่อ เป็นงานองค์ประกอบศิลป์ที่สวยดีติดแต่โทนสีออกจะหม่นๆ ไปหน่อย โดยรวมโยดูนิ่งๆ ครับ ไม่ค่อยจะยิ้มแต่ผมเคยเห็นโยยิ้มนะ เวลาคุยกับเพื่อน ก็น่ารักดี เหวี่ยงบ้างโวยบ้างครับถ้าถูกกวน มีขัดขืนกันบ้างเวลาผมลวนลามแต่หลังๆ ไม่ค่อยแล้วเพราะยังไงก็ไร้ผลฮ่าๆ... แต่เวลาสงสัยอะไรก็จะถามนั่นถามนี่ไม่หยุดครับ ดูฉลาดเข้าใจอะไรง่ายดี

   ที่ไอ้ริคมันบอกทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน ผมก็อยากจะลองครับ แต่สงสาร เลยปล่อยให้นอนไป พักบ้างอะไรบ้าง เดี๋ยวเมียผมช้ำในตาย ผมดึงคนข้างๆ เข้ามานอนกอด ทั้งตีนทั้งมือมาเต็มเลยครับ ผมเลยขู่ว่าจะปล้ำ ทีนี้นิ่งให้ผมกอดแต่โดยดีสงสัยจะกลัวจริง ผมจูบปากแดงนั้นไปที ก่อนจะหอมแก้มนิ่มๆ นั้นอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนที่คนในอ้อมกอดผมจะผล็อยหลับ ผมนอนมองใบหน้าขาวนั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะหลับตาม โดยปกติผมจะไม่ใส่ใจกับการนอนเท่าไหร่แต่คืนนี้ผมกลับหลับได้โดยไม่มีอะไรมากวนใจ


.................................................................


   ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งในแสงสลัวจากโคมไฟข้างเตียง กรกฏทอดมองร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง ร่างกายงดงามบอบบางน่าทะนุถนอมนั่นใครเล่าจะรู้ว่าผ่านผู้ชายมามากเท่าไหร่ พิธี vigorous สำหรับเขามันก็เหมือนสารเสพติดทำครั้งหนึ่งก็อยากจะแข็งแกร่งขึ้นอยากทำครั้งต่อๆ ไปอีก เผ่าพันธุ์พรายอายุช่างแสนสั้น เขาก็แค่ต้องการชีวิตนิรันด์ อย่างที่พวกแวร์วูฟและแวมไพร์มี
   
   ถ้าได้เด็กนั่นมาเขาก็จะเริ่มพิธีครั้งต่อไปได้หากแต่การเข้าไปใกล้ตัวเด็กนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยถ้ามีไอ้แวมไพร์ตระกูลซานซิโอนั้นอยู่ แต่ใช้ว่ามันจะสิ้นหนทางซะที่ไหน ริมฝีปากบางแสยะยิ้มพลางไล้แก้มเนียนของคนที่หลับอย่างครุ่นคิด...คงต้องยืมแรงเธอหน่อยแล้วล่ะ สาวน้อย!


.......................................
(http://upic.me/i/23/ricardo.jpg) (http://upic.me/show/55911937)

เฮือก จะช็อคตายหนูชอบผู้ชายแนวนี้เห็นแล้วเลือดลมมันเดิน (หื่นเนอะ)


Talk Talk
[/b]

-มุ้งมิ้งบ้างจริงจังบ้างเนอะสลับกันไปเนอะ

-ขอบคุณกำลังใจจากทุกท่าน ต้องขอประทานโทษที่บทนี้พัก nc คนแต่งไม่ไหวจิ้นมากจะชอคตาย 555+

-ช่วงนี้เริ่มว่างแล้วถ้าหนูไม่ติดเล่นเกมจะขยันอัพอย่างสม่ำเสมอนะจ้ะ

-รีเควสรูปเข้ามาได้น้าาา จะพยายามวาดให้ เราสงสัยว่ารูปเรทๆ นี่ผิดกฎหรือเปล่่า? :hao5:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 19-06-2015 09:52:39
ตกลงว่าฟานี่ก็ชอบไปเดทกับหนุ่มๆหลายคนซินะ
ตอนนี้กลายเป็นเหยื่อเต็มตัวแล้ว
มีแต่คนอยากได้น้องโย นี่คงต้องผจญภัยอีกเยอะ คุ้มกันให้ดีค่ะคุณเจ้าของ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-06-2015 09:54:45
 :o8:   ริค กรี้ด นี่เจ้าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากจากพี่ Thor ฆ้อนใหญ่หรือเปล่า
คำแนะนำจากเจ้านี่เอง แต่ก็เข้าท่าอยู่นะ  :hao6:
รอทเล่าสนุกดี เห็นได้ชัดเจนถึงความแก่ หื่น และหลงเมียเลยทีเดียว
 :laugh:  ขำน้องโย "เพื่อนนายเป็นตัวอะไรเหรอ" เข้าใจถามเนาะ

ชิ นังหนูฟา ใจง่ายไม่พอยังหลงทางตกเป็นเหยื่อแผนชั่วอีก ใครจะซวยล่ะก็โยอีกน่ะสิ เห้อ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 19-06-2015 10:02:01
:o8: 

เอิ่ม นั่นมันท่านพี่ Thor ฆ้อนใหญ่นี่นา

ช่ายๆ ชอบบุคลิคเฮียให้กับคาแรคเตอร์ของ ริค ของหนูดี อิอิ เนี่ยสามีในอุดมคติหนูเลย
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 19-06-2015 12:12:12
เค้ามุ้งมิ้งกันน่ารัก :-[ :impress2: อย่าเพิ่งทำซ้ำน่ะดีแล้ว แต่ทำบ่อยๆน่ะๆๆๆๆ :hao6: :oo1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 19-06-2015 12:27:47
แหม่ พี่รอท รู้น่าว่าเป็นแวมไพร์ เลิกจ้องจะกัดจะกินโยซักวันสองวันเหอะน่า สงสารโย
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 19-06-2015 12:44:22
ลุงแวมไพร์หลงเมียซะแล้ว
ชอบๆแฟนตาซี จินตนาการล้ำได้ไม่จำกัด อนาคตโยจ้องมีภัยร้ายรุมเข้าหาตัวแน่
ปล. วาดรูปสวยจังค่ะ<3
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2015 13:21:09
เพื่อนต้องมาผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนเดียว ดีแล้วที่เลิกได้
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 19-06-2015 13:26:16
โยนาห์จะโดนซะแล้ว เอาสาวมาล่อ รอ รอ ตอนต่อไปคับ มาลงบ่อยๆนะคับ    :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 19-06-2015 14:50:50
เพิ่งเข้ามาอ่าน  เนื้อเรื่องชวนติดตามค่ะ

หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 19-06-2015 15:47:58
ดีแล้วที่โยหลุดพ้นจากฟาได้
รอทเริ่มรักโยแล้วน้า รู้สึกได้เลย น่ารักดีอ่ะ
รอตอนต่อไปนะฮะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 19-06-2015 16:21:14
ยังยืนยันคำเดิม รอทหื่นอะะ :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 19-06-2015 19:25:39
บอกให้โยมันรู้หน่อยสิรอท กลัวจริงจริ๊งว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี เฮ้อออ
 :katai1:
มาอย่างต่อเนื่อง ขอบคุณนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-06-2015 23:24:00
โหยยยยยย ฟาอ่านตอนแรกนึกว่าใสซื่อที่แท้ก็โชกโชน :katai4:

โยอย่าสนใจคนแบบนี้เลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 20-06-2015 00:56:49
มาลงชื่อขออ่านด้วยค้าาาาาาา

เราชอบแนวแฟนซีนะ น่าสนุกนะคะ

คุณคนแต่งวาดภาพสวยมากก ชอบมากเลยค่ะ o13

รอมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 20-06-2015 07:27:01
คนร้ายเผยโฉมแล้ว



แผนการคือจะใช้เหยื่อล่อออกมาใช่ไหมเนี่ย



รออ่านต่อคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 8 อันตรายที่คืบคลานเข้ามา p2 ^^ 19/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 20-06-2015 19:53:29
บทที่ 9 เพื่อน
[/b]



   Yonah Say

      “เดี๋ยว...โย” รอทรั้งผมไว้ก่อนที่จะทันได้ลงรถ แล้วล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ

      “นายยังเก็บไว้อีกหรอ” ผมถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสร้อยกางเขนหักๆ ในมือรอท

      “แค่คิดว่ามันอาจสำคัญกับนายน่ะ”

      “มันเป็นของสิ่งเดียวที่พ่อทิ้งไว้ให้น่ะ”   ผมว่าพลางเอื้อมมือไปหยิบแต่รอทกลับดึงมันกลับ

      “เดี๋ยวผมใส่ให้...มาใกล้ๆ สิ” มันว่าพร้อมยิ้มแบบมีเลศนัย...อะไรกับผมอีกเนี่ย!

      “ตลกละ...เอามา! ใส่เองได้” ผมยื้อยุดกับไอ้แวมไพร์บ้านั้นสุดท้ายก็ต้องยอมแรงมัน “ก็ได้วะแม่ง”

      ผมเอี้ยวตัวเข้าไปใกล้ให้มันใส่สร้อยให้ รอทอ้อมมือไปติดตะขอด้านหลังจนดูเหมือนเรากำลังกอดกันอยู่ แล้วมันก็ขโมยหอมแก้มผมไปทีหนึ่ง ทำเอาร้อนไปทั้งหน้าเลยครับ...แม่งเล่นกูแต่เช้าเลย

      “เชี่ย!...” ผมสบถออกมาแบบไม่รู้จะพูดอะไรก่อนจะคว้ากระเป๋าพร้อมเฟลมผ้าใบขนาดกลางลงจากรถแล้วปิดประตูแรงๆ เอาแม่งให้พังคามือไปเลยครับหมั่นไส้เจ้าของมัน แต่ประเด็นคือทันทีที่หันไปก็เจอไอ้ข้าวหอมมันยืนยิ้มแป้นให้ผมอยู่ แม่งเห็นอะไรไปบ้างเนี่ย?

      “ละทำเป็นปฏิเสธ มึงมีอะไรจะแถกับกูอีกมั้ย” มันว่าพลางลากคอผมขึ้นไปบนตึก “เล่ามาให้หมดเลย ไม่งั้นกูประกาศทั้งภาค” เชี่ย...ดูมันขู่ผมดิ




      วันนี้เป็นวิชา composition ต้องพรีเซนท์งานเพ้นท์หน้าห้อง ผมโคตรลุ้นเลยว่าอาจารย์จะว่าอะไรเยอะมั้ย ถ้าว่าผมจะโทษไอ้แวมไพร์หื่นกามนั่นที่มากวนผมตอนทำงาน ตอนส่งงานก็ตื่นเต้นดีอยู่หรอกแต่พอตอนนั่งฟังเพื่อนพรีเซนท์บ้าง บอกเลยว่าโครตง่วงกว่าจะครบทุกคน ไอ้ข้าวมันก็พยายามรบเร้าให้ผมเล่าเรื่องรอทอยู่นั่นละผมเลยบอกเลิกเรียนค่อยเล่า เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินล้อผมกระจุยเลยทีนี้ ยิ่งขี้เสือกกันอยู่



      หลังเลิกเรียนผมกับไอ้ข้าวมากินข้าวเย็นที่ร้านข้างมอ วันนี้ไม่เห็นไอ้ธีรเลยครับไม่รู้มันหายหัวไปไหน ผมตั้งใจว่าจะคุยกับมันเรื่องฟาซักหน่อยเพราะยังไงมันก็เป็นเพื่อนผมมานาน ระหว่างที่รอผมก็เล่าคร่าวๆ เรื่องรอทแถไปว่าเป็นพี่ที่เจอในเกมส์พอรู้ว่าอยู่มหาลัยเดียวกันเลยนัดเจอกัน บางทีไปเล่นเกมส์ด้วยกันเอาไปเอามาผมเลยไปสิงอยู่ห้องมันประจะ ฮ่าๆ...ผมตอแหลโคตรเก่งเลย แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่มันเป็นแวมไพร์หรือเรื่องข้อตกลงในการล่าบีสของเราครับ เรื่องแบบนั้นใครมันจะไปเชื่อ

      “แล้วสรุปมึงกับพี่เขาก็เป็นแฟนกัน เพราะมึงอกหักต้องการคนดามหัวใจ” ไอ้ข้าวหอมสรุปเสร็จสรรพ เท่าที่เล่ามาไม่มีส่วนไหนที่บอกนะว่ามันเป็นแบบนั้น มันมั่วครับ

      “ไม่ได้เป็น”  ผมกับรอทไม่ได้เป็นแฟนกันนะ มันไม่เคยบอกนิว่าผมเป็น ถึงเราจะทำอะไรแบบนั้นกันแล้วก็เหอะ แค่นึกก็หน้าแดงแล้ว เหอๆ

      “ไม่ได้เป็น แล้วอีรอยแดงๆ ที่คอมึงจะบอกว่ามดกัดงั้นสิ” มันยิ้มกวนตีนให้ผมครับ โอ๊ยยอย่าย้ำอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว “กูรับได้เว้ย ถ้าเพื่อนกูจะเป็นเกย์”

      “เออ! เชี่ย”

      “เออ!? สรุปคือมึงเสร็จพี่เขาไปแล้วหรอวะ” มันถามตาโตเลยทีนี้ “เมื่อไหร่ตอนไหน”

      “ตอนกูเมา” ผมตอบเสียงแผ่ว เอาเถอะยังไงก็ปิดมันไม่ได้อยู่แล้ว

      “ใครเริ่มก่อนวะ มึงเสียบหรือพี่เขาเสียบ” เหอๆ ผมไม่ห้ามแม่งถามใหญ่เลยทีนี้

      “โอ้ยไอ้เตี้ย! มึงไม่ถามเลยละว่าพวกกูเอากันท่าไหน” ผมด่ามันในที่สุด ตอนนี้รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเลยครับ ต้องมานั่งยอมรับว่าเสียตัวให้ผู้ชายมันใช่เรื่องหรอ

      “ถ้ามึงเล่ากูก็ยินดีฟังวะ ฮ่าๆ” มันหัวเราะสะใจมากก ผมละอยากจะลุกขึ้นไปถีบหน้าตี๋ๆ นั่น

      อาหารมาเสริฟแล้วครับผมกับมันสั่งมิโสะราเมงกันคนละชาม ระหว่างที่กินไปคุยไปอยู่นั้นโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น...ใครวะ หยิบมาดูเป็นเบอร์ไอ้ธีรครับ

      “ฮัลโล...”

      “โย...นี่ฟานะ” ผมไม่แปลกใจเลยที่เสียงคนพูดเป็นฟา ก็เค้าเป็นแฟนกันนิ คิดแล้วมันก็เจ็บ

      “มีอะไรหรือเปล่า...?” ผมพยายามคุมเสียงให้นิ่งที่สุด

      “ธีรรถล้ม  ฟาไม่รู้จะทำยังไงดี” ฟาบอกผมเสียงสั่นเลยครับ

      “แล้วเป็นอะไรมั้ย” ผมถามตอนนี้เริ่มใจไม่ดีเลยครับ

      “ฟาไม่เป็นเป็นอะไร แต่ธีร...ฮือๆ ธีรนอนนิ่งไปเลย ฟาเรียกยังไงก็ไม่ตอบ” เสียงปลายสายเริ่มร้องไห้พยายามเล่าเหตุการณ์ให้ฟังแต่เอาจริงๆ มันไม่รู้เรื่องเลยครับ

      “มีอะไรวะ” ไอ้ข้าวถามขึ้นเมื่อเห็นผมทำหน้าเครียด

      “ไอ้ธีรรถล้มวะ...” ผมหันไปตอบมัน “เอางี้ ฟาอยู่ไหน...เดะโยไปหา”

      “อยู่ตรงเส้นบางเลนอะโย...ตอนแรกว่าจะเข้ากรุงเทพกัน” ผมเรียกเด็กมาคิดตังก่อนจะรีบโดดขึ้นมอเตอร์ไซของไอ้ข้าวโดยผมเป็นคนขับมันเป็นคนซ้อน คุณคิดว่า Ducati monster สามารถวิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ บอกเลยว่าผมบิดสุดเข็มไมล์ ไอ้ข้าวมันด่าผมด้วยครับว่าจะไปหาไอ้ธีรหรือจะได้เป็นศพกันอยู่บนถนน  ไม่รู้หละผมร้อนใจกลัวว่าเพื่อผมจะเป็นอะไรส่วนเรื่องฟาเอาจริงๆ มันไม่ได้อยู่ในหัวผมเลย



      พอมาถึงก็เห็นไอ้ธีรนอนนิ่งอยู่ริมถนนมีฟาดูอยู่ไม่ห่าง ใกล้กันมีรถมอเตอร์ไซต์ของมันล้มอยู่ ผมว่ามันอาจไม่เป็นอะไรมากเพราะใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบแต่อาจลงพื้นแรงไปเลยสลบ แต่แขนมันนี่สิ รอยถลอกรอยข่วนเต็มไปหมดเพราะใส่เสื้อแขนสั้น ส่วนฟาก็มีแผลถลอกตามตัวนิดหน่อยเพราะใส่กางเกงขายาวและเสื้อแขนยาว ถนนเส้นนี้ค่อนข้างเปลี่ยวรถผ่านน้อย พวกผมชอบมาเทสรถกันเพราะสภาพถนนค่อนข้างดี คนส่วนใหญ่มักใช้เลี่ยงทางหลักเฉพาะเทศกาล

      “โทรเรียกรถพยาบาลหรือยัง” ฟาส่ายหัว ผมกับไอ้ข้าวสำรวจอาการโดยรวมของเพื่อนผม...พลางถอดหมวกกันน๊อคออกจากหัวมัน โชคดีที่มันยังหายใจอยู่ทำเอาผมเบาใจไปเยอะ

      “ข้าวมึงโทเรียกกู้ภัยดิ”

      “สัสกูไม่ได้เอาโทรศัพท์มา” ผมโยนไอโฟนผมให้มัน “กูไม่รู้เบอร์ว่ะ” เวรละผมก็ไม่รู้

      “งั้นมึงอยู่นี่ละโย เดี๋ยวกูไปตามคนแถวนี้มาช่วย” มันว่าพร้อมคว้ากุญแจจากผมขับรถออกไป พระอาทิตย์เริ่มตกแล้วแถมไฟถนนแถวนี้ก็ติดบ้างไม่ติดบ้าง ผมสังหรณ์ใจแปลกๆ วะ

      “โย...” ฟาเรียกพร้อมจับมือผมไว้ “ฟาขอโทษ”

      ปึก!!!ผมรู้สู้สึกเจ็บแปลบที่ท้ายทอยเหมือนโดนของแข็งฟาดก่อนจะหมดสติไป   




      ข้าวกลับมาพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยแต่กลับไม่เห็นตัวคนทั้งสามมีเพียงรถของธีรที่ล้มอยู่ข้างทางกับโทรศัพท์ของโยที่ตกอยู่บนพื้น ไปไหนของเขาวะ...ดวงตาสีดำมองไปรอบๆ อย่างกังวลรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนทั้งสองจับใจ โทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพิ้นดังขึ้น ข้าวจึงหยิบมันขึ้นมาดู ปรากฏสายไม่ได้รับเกือบ 20 สาย จากรอท เขาแล้วกดรับมันอย่างร้อนรน

      “ดีครับพี่”

      “โยไปไหน!?” เสียงปลายสายถามขึ้นอย่างร้อนใจ ข้าวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พี่รอทฟัง  ไม่นานก็ตามมาที่เกิดเหตุพร้อมกลุ่มคนท่าทางน่ากลัว 4-5 คน สำรวจรอบๆ ซักพัก ก่อนที่ข้าวจะถูกเรียกขึ้นรถไปด้วยกัน ส่วนมอเตอร์ไซต์สองคันมีคนที่พี่รอทพามาขับกลับให้ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหตุการณ์เท่าไหร่แต่พอจะเดาได้ว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับโยและธีรแน่ พี่รอทถึงมีสีหน้ากังวลแบบนั้น

......................



      ผมค่อยลืมตาขึ้นแบบมึนๆ ปรับสายตาซักพักจึงเข้ากับแสงสลัวจากหลอดไฟเก่าๆ ภายในห้องที่มีประตูเหล็กเก่าๆ อยู่ด้านหนึ่ง กับหน้าต่างพังๆ ข้างกันเป็นเป็นไอ้ธีรที่นั่งหลับพิงกำแพงอยู่ มือของมันโดนจับไขว้หลังพร้อมใส่กุญแจมือ ผมก็เช่นกัน ผมรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอของพวกอมนุษย์อยู่ไม่ไกลและมันก็มีหลายตัวเสียด้วย

      “ธีร...เชี่ยธรี” ผมเรียกพร้อมเอาตีนเขี่ยมัน มันขยับตัวก่อนจะลืมตาขึ้นแบบงงๆ สารรูปมันดูแย่ครับ

      “กูมาอยู่ที่นีได้ไงวะ” มันถาม “แล้วมึง....ไอ้โย” มันดูแปลกใจที่เห็นผม

      “ฟาโทรมาบอกกูว่ามึงรถล้ม กูกับไอ้ข้าวเลยไปหา ระหว่างรอไอ้ข้าวไปเรียกคนมาช่วย ใครไม่รู้ฟาดหัวกู รู้ตัวอีกทีก็ถูกมัดอยู่ที่นี่แหละ” ผมอธิบายเท่าที่ผมจำได้ ไอ้ธีรยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่

      “รถล้มเชี่ยไรล่ะ เมื่อคืนกูจำได้ว่ากูออกไปกินเหล้ากับฟา...หรือว่า...อีห่านั่นแม่งหลอกพวกเรามา” ผมฟังสรรพนามที่มันเรียกฟาแล้วตกใจเลยครับ คนเราเรียกแฟนตัวเองแบบนั้นด้วยหรอ

      “มึงไม่ได้เป็นแฟนกับฟาหรอวะ” ผมถามอย่างแปลกใจ

      “ไม่อะ กูแค่เล่นๆ” ฟังมันพูดละขึ้นครับ แย่งแฟนเพื่อนเล่นๆ เนี่ยนะ หมั่นไส้ เอาตีนถีบมันไปทีหนึ่ง

      “สัส! ฟังให้จบก่อนดิวะ” มันว่าพร้อมถีบผมคืน ถ้าไม่ติดกุญแจมือผมว่าคงมีต่อยกันละ “คือกูรู้จักฟามาก่อนที่มันจะมาเจอมึง อีนี่แม่งร่าน ตอนแรกที่มึงพามันมาให้กูรู้จัก กูก็ตกใจหน่อยๆ นั่นละ”

      “ไม่เห็นมึงจะเคยบอกกูเลย” ผมว่ามัน

      “ก็กูอยากให้โอกาสคน เผื่อมันจะจริงใจกับมึง” มันอธิบาย “แต่เปล่าเลย ลับหลังมือกูก็ยังเจอมันที่ผับบ่อยๆ ไปกับคนโน้นคนนี้ ก็เลยคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้ เลยลองๆ จีบมันดู ตั้งใจจะดึงมันออกจากชีวิตมึง จีบติดค่อยทิ้ง” ฟังดูเป็นแผนการที่ชั่วดีครับ

      “แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตรงๆ วะ”

      “มึงรักแฟนมึงซะขนาดนั้น มึงคิดว่ากูพูดอะไรไปมึงจะฟังกูมั้ย” มันก็จริงขนาดผมเองตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่มันพูดเลย แต่ไอ้ธีรไม่เคยโกหก อย่างมากมันแค่ไม่พูดถ้ามันอยากปิดบัง “ถึงมึงจะถนอมมัน ไม่แตะต้องมัน แม่งก็ไปนอนกับคนอื่นอยู่ดี” ธีรว่าอย่างเจ็บแค้น
      “แล้วมันคุ้มหรอวะ ที่มึงต้องมาผิดใจกับกูเรื่องนี้อะ” ผมว่าแผนมันโคตรควาย ทำเอาผมเมาจะเป็นจะตาย แถมต้องต่อยกันกับมันเละเทะ “ไอ้ข้าวรู้เรื่องนี้เปล่าวะ”

      “กูมั่นใจว่าเคลียกับมึงได้ ไอ้ข้าวบอกจะช่วยพูดอีกแรง” มันว่าพร้อมจ้องหน้าผมจริงจัง “เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช้หรอวะ อยากมากมึงก็ไม่ฆ่ากูทิ้งหรอก” ผมถอนหายใจกับแผนการโง่ของพวกมันสองคน เอาจริงๆ คือโกรธแม่งไม่ลงเพราะทั้งหมดคือมันทำเพื่อผม

      “แล้วจะทำยังไงกันต่อวะ” เรื่องอื่นค่อยเคลียร์ ตอนนี้ผมว่าหาทางหนีจะดีกว่า

      “ใจเย็นดิวะ” ไอ้ธีรว่าพลางทำอะไรกร๊อกๆ แกร๊กๆ กับกุญแจมือของตัวเอง หน้ามันดูตั้งใจมากกริ๊ก! กุญแจมือข้างหนึ่งเด้งออก ก่อนที่แขนทั้งสองมันจะเป็นอิสระเผยให้เห็นลวดเส้นเล็กๆ ในมือมัน มันจัดการไขอีกข้างออกพร้อมโยนทิ้งไป

      “ไปฝึกมาจากไหนวะ” ผมถามอย่างแปลกใจ

      “เคยฝึกสมัยเป็นแดกแว้นซ์” ปัจจุบันมันก็แว้นซ์ครับ แต่เป็นบิ๊กไบท์ ธีรหันมาไขกุญแจให้ผมออกให้ผม ผมเดินสำรวจรอบห้องอย่างหาทางหนี ประตูล๊อคจากด้านนอกคงมีแค่หน้าต่างเท่านั้นแหละ ผมชะโงกหน้าออกไปดูข้างนอก แสงจันทร์ที่ให้จะเต็มดวงทำให้พอมองเห็นข้างล่างมันไม่สูงเท่าไหร่ พวกผมน่าจะอยู่ที่ชั้นสองของตึก

      “ต้องโดดวะ” ผมหันไปบอกเพื่อน ก่อนจะปีนขอบหน้าต่างแล้วกระโดดลงไปพร้อมไอ้ธีรที่โดดตามมาติดๆ ไม่จำเป็นต้องย่องหรืออะไรเลยเพราะพวกอมนุษย์พวกนั้นมันประสาทสัมผัสดี ผมดึงแขนไอ้ธีรวิ่งออกไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายคิดแต่ว่า ไปให้พ้นๆ พวกมันก็พอ เสียงตระโกนตามหลังมาไม่ไกลเดาว่าพวกมันกำลังตามมา




      ปัง ปัง ปัง!! เสียงปืนดังไล่หลังเราทั้งคู่ ก่อนจะมีพวกมันคนหนึ่งห้ามว่าอย่ายิงต้องจับตัวเป็นๆ ไม่รู้ว่าวิ่งมาไกลแค่ไหนแต่ผมสัมผัสกลิ่นไอของพวกมันไม่ได้แล้ว รู้สึกได้ถึงแรงรั้งจากแขนไอ้ธีรก่อนที่ตัวมันจะล้มลงแล้วดึงผมล้มไปด้วย หันไปมองมันแล้วก็ตกใจหน้ามันซีดมากๆ ผมพยายามพยุงมันขึ้นแต่ตัวมันหนักมาก รู้สึกชื้นๆ ที่เสื้อมัน

      เลือด...ผมมองของเหลวสีแดงที่เลอะเต็มมือผม เลือดมันออกเยอะมากเหมือนะโดนไปหลายนัด นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนใจ

      “มึงหนีไปเหอะ...กูไม่ไหววะ” ไอ้ธีรมองหน้าผม มันดูเหนื่อยมากๆ ผมเริ่มใจไม่ดี

      “หนีเชี่ยอะไร กูไม่ทิ้งมึงไว้หรอก” เสียงผมเริ่มสั่น “ลุกเลย กูจะพามึงไปหาหมอ” ผมพยายามรั้งมันขึ้น แต่ไม่เป็นผล

      “มึงเกลียดกูหรือเปล่า” มันถามขึ้น

      “กูไม่เคยเกลียดมึง ไม่มีวัน” มันยิ้มให้ผม

      “ก็ดีแล้ว...โยกูง่วงวะ” มันพูดเสียงแผ่ว รู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจ ดวงตาผมพร่าไปด้วยน้ำตาที่เริ่มเอ่อ

      “ง่วงเชี่ยอะไรตอนนี้...ฮึก” ผมร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เลือดมันไหลเต็มพื้นเลย มันกำลังจะตาย...ไอ้ธีรกำลังจะตาย...ผมต้องทำยังไง

      “กูว่ากูไม่รอดหวะ...ฮ่าๆ” มันหัวเราะขาดๆ หายๆ มันใช่เวลามั้ย

      “ไอ้ธีร...มึงอย่ามาล้อกูเล่นนะ” ผมตะโกนใส่มันทั้งน้ำตา

      “โย...” มันพยายามเอื้อมมือที่อ่อนแรงนั้นมาเช็ดน้ำตาให้ผมแล้วก็ร่วงหล่นไปพร้อมลมหายใจของมัน

      ผมปล่อยโฮออกมาพร้อมกอดมันแน่น เขย่าตัวมันเรียกมันแต่มันก็ไม่ตอบผม...ผมกอดมันอย่างสิ้นหวัง นี่ผมเสียมันไปแล้วจริงๆ มันเป็นเพื่อนที่ผมรัก มันยอมเป็นคนชั่วเพื่อเอาฟาไปจากชีวิตผม ยอมให้ผมโกรธ ยอมให้ผมด่า..ต่อยมัน...ตวาดมัน...ตะคอกใส่มัน แต่ทุกอย่างเพื่อตัวผม ผมยังไม่ได้ขอโทษมันซักคำทั้งที่เราก็พึ่งเข้าใจกัน...ธีร กูขอโทษ ขอร้องละกลับมา กลับมา มึงจะต่อยกูก็ได้...ผมพร่ำเพ้อยู่ในใจกอดร่างไร้วิญญาณของมันร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่สนแม้แต่พวกอมนุษย์ที่ตามผมมาทัน

      “ไอ้พวกเชี่ย ปล่อยกู” ผมตระโกนลั่นพร้อมดิ้นพล่านเมื่อพวกมันพยายามดึงผมออกจากร่างของธีร “กูจะฆ่าพวกมึง พวกมึงทุกคน”

      ร่างของผมถูกพวกมันลากออกมาในที่สุด ผมมองดูศพของเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ไกลออกไป...ไกลออกไป ในใจเคียดแค้น ชิงชัง และสาปส่ง  ผมจะฆ่ามันทุกคนให้สมกับที่มันทำกับเพื่อนผม

...............................................

      Tee Say

      ตอนม.4 เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับโย มันย้ายเข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ในห้องผม บอกตามตรงโคตรหมั่นไส้มัน หน้าตาลูกครึ่งสาวติดตรึม เรียนก็ดี กีฬาก็เก่ง รู้สึกต่อมที่ตีนมันกระตุกอยากเตะคน แต่ความคิดทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ตอนที่ผมถูกเด็กช่างไล่กระทืบเพราะไอ้ข้าวหอมดันไปอ้อนตีนเขา เพื่อนในกลุ่มแม่งวิ่งหนีให้หมด ปล่อยพวกผมโดนรุมตีน ไอ้โยมันผ่านมาพอดีเลยเข้ามาช่วยพวกผมทั้งที่รู้ว่าเสียเปรียบ ถึงพวกผมจะพอสู้ได้แต่ 3-10 มันก็เกินกำลัง พวกผมนั่งพิงกำแพงเรียงกันสามคนในสภาพสะบักสะบอมแต่ไอ้พวกเด็กช่างดูจะเจ็บหนักกว่า...ยอมรับเลยว่ามันต่อยคนเก่ง น่าจะโดนตีนมาโชกโชนพอตัว

      “ทำไมมึงช่วยพวกกูวะ” ผมถาม

      “มึงเป็นเพื่อนกูนิ” มันตอบพร้อมยิ้มให้ผม

      “มึงมันบ้า”



      จากนั้นเราสามคนเลยสนิทกัน กลายเป็นเพื่อนรัก ถึงไลฟ์สไตล์จะต่างกันบ้าง ผมชอบเที่ยวกลางคืน ไอ้ข้าวก็พอกัน ส่วนไอ้โยมันไปบ้างไม่ไปบ้างเพราะมันติดเกมส์ แล้ววันหนึ่งโยก็พาแฟนมันมาให้รู้จักชื่อฟา หน้าตาน่ารักดูเป็นลูกคุณหนูดี แต่ผมจำผู้หญิงคนนี้ได้ถึงผมจะไม่ค่อยใส่ใจกับผู้หญิงที่ผมนอนด้วยก็เถอะ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะคิดว่าคิดเราล้วนมีอดีตและฟาคงจะจริงจังกับเพื่อนผม แต่เปล่าเลยลับหลังไอ้โย แฟนมันก็มั่วไปเรื่อยถึงขนาด อ่อยทั้งผมทั้งไอ้ข้าว ผมกับไอ้ข้าวเลยวางแผนชั่วนี้ขึ้น เพื่อเอาฟาไปจากชีวิตไอ้โย




      ตอนนี้ ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของโย ผมโดนยิงหลายนัดแต่ก็พยายามฝืนวิ่งมากับมัน สุดท้ายก็ทนได้แค่นี้ ผมดีใจที่คนโดนยิงไม่ใช่มัน ผมรักมันมาก ห่วงมันมาก ไม่รู้ทำไม แต่สำหรับเพื่อนคนนี้ผมตายแทนมันได้

      เหนื่อย...เรียวแรงมันเหมือนจะหมดไปพร้อมๆ กับเลือดที่ไหลออกมา

      “มึงเกลียดกูหรือเปล่า” ผมถามมัน

      “กูไม่เคยเกลียดมึง ไม่มีวัน” คำตอบมันทำให้ผมยิ้ม ผมมีความสุขที่มันไม่เกลียดผม ที่มันร้องไห้เพื่อผม

      ผมอยากจะอยู่ดูแลมันไปนานๆกว่านี้ แต่คงไม่ได้แล้ว แค่หายใจยังลำบาก ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้มัน ได้แต่ภาวนาว่ามันจะรอดไปได้และปลอดภัย เวลาของผมใกล้หมดเต็มที หูผมไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว มีเพียงใบหน้าที่พร่าเลือนของมันที่ผมพยายามจะรับรู้และจดจำ ถ้าเทวดาฟ้าดินมีจริง ได้โปรดปกป้องมันเพราะผมคงทำได้เพียงเท่านี้...ลาก่อน โยนาห์




Talk Talk
[/b]
      

-เป็นบทที่ทำสภาพจิดใจเราย่ำแย่มากในตอนที่พิมพ์ เราว่าเราอินเกินไป พาลให้อะไรๆ มันก็หดหู่ไปหมด  :hao5:

-เนื้อหาหนักไปหน่อยนะบทนี้ ต้องขอประทานอภัย เขียนเองยังสงสารเลย แต่ไม่ต้องตกใจ ถึงเนื้อเรื่องจะเข้มข้นเพียงใด บอกเลยว่า ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องแน่นอน จะอยู่กดดันทุกท่านไปนานๆ :katai1:

-ภาพประกอบอาจจะมีตามมาเพราะเรารู้สึกว่าอยากวาดภาพให้บทนี้มากๆ ตั้งใจจะวาดจริงๆ จังด้วยๆ

-ขอบคุณกำลังใจจากทุกท่าน เข้ามาอ่านไปก็ยิ้มไป รู้สึกชื่นใจและ มีกำลังใจมากๆ ในการเขียน ขอบคุณจริง
 :-[
   

      




หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 20-06-2015 20:03:58
ธีร์ ตัวประกอบที่เด่นนะ ตายซะแล้ว ตอนแรกนึกว่าธีร์เป็นพรายชื่อกรกฏซะอีก
รอลุ้นต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-06-2015 20:10:14
 :katai1:    :o12:  ธีร์. ไม่ตายได้ไหมอ่า
พี่รอทรีบๆมาช่วยโยเร็ว. จัดอีผีพรายฝูงนั้นให้เหี้ยนเลยนะ
นังฟาแกแสบมาก จะรอดูจุดจบของนางอีกคน
ขอบคุณค่ะ มาต่อสม่ำเสมอเลย. เรื่องรูปจะมีไม่มีก็ได้ค่ะไม่กดดัน มีฟิลจะวาดก็วาดจ้า.  :L2: 
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 20-06-2015 20:22:47
ตกลง ธีร์ไม่ใช่กรกฏ พรายอะไรนั่นหรอ  o22
นี่มันเรื่องอารายกานนน
จะตายจริงๆหรอธีร์
รอท ช่วยน้องด้วย
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-06-2015 21:14:31
พี่รอทมาช่วยโยเร็วๆน้าาาาาา :serius2:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-06-2015 21:20:24
ตายจริงดิ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 20-06-2015 21:37:38
ฮือออ ธีร์ แกอย่าเพิ่งตายยย เผื่อจะมีใครช่วยเปลี่ยนเป็นแวมไพร์เป็นแวร์วูฟ อย่าตาย ขอร้องงงง สงสารโยอ่าาา พี่รอทช้าว่ะ มาเร็วๆดี๊
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 20-06-2015 21:48:07
ทำไมธีร์ต้องตายอ่ะ ไม่น่ะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 20-06-2015 22:11:23
ถ้าไม่เกิดเรื่องโยนาห์ก็คงไม่รู้ความจริงเรื่องแฟนตัวเองสินะ รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 20-06-2015 22:23:21
ไม่ตายหรแกใช่มั้ย :mew4:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 20-06-2015 23:06:54
ริค มากัดคอธีร์ด่วนๆๆๆ เอาใหธีร์ฟื้นเลยนะ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 9 เพื่อน (เขียนเองร้องไห้เอง) p3 20/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 22-06-2015 10:21:06
บทที่ 10 พิธีกรรม
[/b]


      Yonah Say   

      เจ็บปวด...ความรู้สึกนี้มันแล่นมาตามประสาทรับรู้ในทีแรกที่ผมตื่น มือทั้งสองของผมถูกตอกตรึงด้วยลิ่มเหล็กลงกับพื้น เจ็บมากๆ ผมได้กลิ่นเลือดของตัวเองมันยังคงไหลนองพื้นที่ผมนอน เบื้องบนแสงของจันทร์เพ็ญสาดส่องลงมากผ่านโดมกระจกแตกๆ นั่น ในสมองนึกย้อนเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะมาอยู่ที่นี่...ธีร...ตายแล้ว แค่คิดมันก็เหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาอีก

      ผมพยายามหันมองรอบๆ เท่าที่ระยะสายตาจะทำได้ก็พบกับ ฟา!...ร่างบางนอนนิ่งตาเบิกโพลงอยู่ไม่ห่าง ในสภาพที่คอหมุนไปผิดทิศผิดทาง เดาว่าคงตายไปแล้ว ทำไมผมถึงไม่รู้สึกเสียใจเลยล่ะ

      “ของที่หมดประโยชน์ ก็ต้องโดนกำจัด”  เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆ ผม ทำให้เห็นใบหน้าขาวซีดนั่นชัดเจน นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องผมอย่างถูกใจ มือขาวๆ นั่นค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาผมแล้วแหวกออก

      “เอามือ สกปรกของมึงออกไป” ผมว่าเสียงเย็น ผมมองมันอย่างเคียดแค้น เรื่องทั้งหมดคงเป็นฝีมือเจ้านี่สินะ

      “ปากดีจัง แต่เอาเถอะเดี๋ยวก็ได้ตายแล้ว” มันว่าพลางหัวเราะชั่วร้ายใส่ผมก่อนจะลุกขึ้นวาดวงแหวนลงบนพื้นสองวงรอบๆ ตัวผม แล้วลงด้วยอักขระบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

      “คิดจะทำอะไร...” ผมถามอย่างร้อนรนเดาว่าใช่เรื่องดีกับตัวผมแน่ “แน่จริงมึงก็ปล่อยกูเซ่!!!” ผมเริ่มโวยวาย จะผีจะพรายจะแวมไพร์หรือหมาป่า ถ้าผมหลุดไปได้นะ ผมจะอัดให้กลิ้งเลยคอยดู

      “อย่าพูดมากน่า!” มันตะคอกใส่พร้อมลุกขึ้นมาเตะเข้าที่สีข้างผมไปทีเพราะไปกวนสมาธิมัน จุกจนร้องไม่ออกเลยครับ ได้แต่มองมันอย่างแค้นเคือง

      อึก!...ผมพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ เลือดยิ่งออกเยอะขึ้นจนผมเริ่มเบลอ

      “ได้เวลาแล้ว” มันว่าพลางแสยะยิ้มให้ ผมมองมีดสีเงินในมือมันอย่างหวาดระแวงหวังวะมันคงไม่ใช่แบบที่ผมคิดนะ มัจจุราจย่างกรายเข้ามาก่อนที่มันจะนั่งคร่อมลงบนตัวแล้วจรดปลายมีดสีเงินลงบนอกของผม ก่อนจะเริ่มสวดเป็นภาษาที่ผมไม่เข้าใจ ทำเอาผมเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามา

      “อย่า!!... อ๊ากกก!!!” ผมร้องลั่นอย่างเจ็บปวดเมื่อคมมีดค่อยๆ ปักลึกลงบนผิวเรื่อยๆ เหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ มันมากเกินไปเกินกว่าจะระบายด้วยน้ำตา รับรู้ได้ถึงเลือดมหาศาลของตัวเองที่กำลังไหลทะลักออกมา...ตอนธีรตายรู้สึกแบบนี้หรือเปล่านะ...อึก...ร่างกายของผมกระตุกเกรงเมื่อคมมีดปักมาจนสุด จากเจ็บปวดก็เริ่มชา ในสายตายตอนนี้ผมเห็นแต่แสงจันทร์บนฟ้าที่กำลังพร่าเลือน เหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เริ่มแผ่ว พร้อมลมหายใจที่ขาดๆ หายๆ ผมกำลังจะตาย วินาทีที่ทุกสัมผัสของผมกำลังจากไป เหมอนได้ยินเสียงหนึ่งเรียกชื่อผมจากที่แสนไกล เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยและจดจำได้ดี

      รอท!?

......................................................

      Rote Say

      โครม!!!! ประตูไม้บานใหญ่ลมตึงจากแรงถีบก่อนที่ผมจะเข้าไปในห้องโถงนั่นพร้อมกับข้าวที่วิ่งตามมา ส่วนไอ้ริคกับคนของสภาจัดการพวกลูกกระจ๊อกอยู่ด้านนอก ทำให้ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงคำราม และเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ ผมได้เล่าทุกอย่างคร่าวๆ ให้เพื่อนโยฟังแล้วระหว่างขับรถมาที่นี่ ผมสังหรณ์ใจไว้แล้วว่าเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นเลยติดเครื่องติดตามไว้ที่สร้อยของโย

      “โย...”

      แสงสีแดงเรืองรองจากวงเวทย์บนพื้นสาดส่องไปทั่วห้อง ใจกลางของมันคือร่างของโยที่นอนจมกองเลือดดูแน่นิ่ง ถึงจะยังไม่ตายแต่กลิ่นไอที่สัมผัสได้ก็เบาบางเต็มที...ผมมาช้า ภาพที่เห็นชวนให้รู้สึกใจหายอย่างห้ามไม่อยู่ เหนือร่างนั้นนั้น กรกฏยืนจังก้าอ้าแขนรับไอพลังสีดำทะมึนซึ่งไหลจากทะลักจากร่างโยเข้าหาตัว

      ผมกระโจนใส่ไอ้สารเลวนั่นอย่างโกรธจัดจนเราทั้งคู่กลิ้งไปกับพื้นทำเอาพิธกรรมได้หยุดลง ส่วนข้าววิ่งเข้าไปดูอาการเพื่อนอย่างร้อนรน มันอาศัยจังหวะที่ผมหันไปสนใจโยถีบผมกระเด็นติดเสาจนปูนแตกกระจาย...หึได้แค่นี้เองหรอ ผมยันตัวขึ้นก่อนมองมันด้วยสายตาเย็นเยียบ ในใจตอนนี้คิดเพียงแต่จะฆ่า อยากจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ

      “คิดว่าสายเลือดซานซิโอจะทำให้มึงเก่งงั้นหรอ” ไอ้กรกฏว่าพร้อมพุ่งเข้ามาพร้อมมีดเงินในมือ แต่ผมคว้าคอมันไว้ก่อนจะถึงตัว

      “สวะ ก็คือสวะอยู่วันยันค่ำ” ผมบอกมันพร้อมออกแรงบีบกะให้มันแหลกคามือ “หึ ผ่านพิธีมาตั้งสองรอบทำได้แค่เนี่ย” มันพยายามจะเอามีดแทงผมแต่ผมจับไว้ก่อนจะหักแขนมันทิ้ง จนมีดหล่นลงกับพื้น

      “อ๊ากกกก” มันร้องอย่างเจ็บปวด ผมเหวี่ยงร่างมันลงกับพื้นจนร้าว มันพยายามจะคลานหนีเลยจัดการกระทืบขาข้างหนึ่งของมันจนหักเป็นสองท่อนเรียกเสียงกรีดร้องดังลั่นโถง ดวงตาสีดำคู่นั้นมองผมอย่างหวาดกลัวจับใจ ปกติผมไม่ค่อยเอาจริงเท่าไหร่นักแต่สำหรับมันผมจะทำให้มันเจ็บปวดทรมานแบบที่มันทำกับโย

      “ขอร้องละ...อย่า” ผมมองไอ้กรกฏที่พยายามกระเสือกกระสนหนีผมอย่างสมเพช “อย่า อ๊ากกก” ผมกระทืบขาอีกข้างที่เหลืออยู่ของมัน ตอนนี้ผมโมโหจนแทบคลั่ง...มันต้องเจ็บมากกว่านี้ อยากเห็นมันทรมานมากกว่านี้ ผมขว้าเอามีดของมันที่หล่นอยู่บนพื้น ก่อนเดินไปหามัน

      “ทัวร์นรกให้สนุกนะ ไอ้สารเลว” ว่าแล้วก็จับหัวมันกดลงพื้นแล้วเอามีดเล่มที่มันใช้แทงโยหั่นคอมันจนขาดสะบั้น แต่ผมว่ายังไม่เพียงพอกับมันด้วยซ้ำ

      “พี่รอท!...มาดูไอ้โยก่อนเหอะ” ข้าวตระโกนเรียกดึงสติผมกลับมาก่อนจะเบือนหน้าหนีภาพสยดสยองที่ผมทำ

      พรวด! ผมดึงลิ่มเหล็กออกจากมือโยทั้งสองข้างออก ก่อนประคองร่างนั้นขึ้นมาในอ้อมกอด รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งใจกับสภาพที่เห็น แผลที่กลางอกดูสาหัส เลือดที่ยังคงไหลออกมาคงไม่ต่างกับนาฬิกาทรายที่นับถอยหลังช่วงเวลาแห่งความตาย ผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจแผ่วๆ นั่น ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายที่โยยังมีชีวิตอยู่ จนแอบรู้สึกทึ่งในความอึดที่โดนไปขนาดนี้กลับยังไม่ตาย

      “มันจะตายมั้ยพี่” ข้าวหอมถามเสียงสั่น แล้วเริ่มร้องไห้พลางจับมือเพื่อนไว้

      “ไม่!...ผมไม่ยอมให้โยตายหรอก...ไอ้ริค!”  ผมส่วยหน้าปฏิเสธพร้อมหันไปเรียกไอ้เพื่อนรักที่เดินเข้ามาพอดี สงสัยจะเคลียพวกข้างนอกหมดแล้ว สภาพมันมีแค่กางเกงตัวเดียวเพราะพึ่งกลายร่างขย้ำพวกข้างนอกมา

      “ผมจะเปลี่ยนโย...ช่วยเตรียมพิธีให้หน่อย”

      ริคพยักหน้ารับก่อนจะจัดการลบวงแหวนบนพื้นทิ้งแล้วหยิบเอาชอคที่หล่นอยู่แถวนั้นวาดวงเวทย์ขึ้นมาใหม่เป็นดาวห้าแฉกพร้อมเขียนอักขระลงไป เพื่อทำพิธีถ่ายพลัง ใช่แล้วผมจะเปลี่ยนโยให้เป็นแวมไพร์แบบผม ผมบอกให้ข้าวออกไปห่างๆ ก่อนเหลือแค่ผมกับโยที่อยู่ใจกลางวงเวทย์นี้ แล้วไอ้ริคก็เริ่มสวดคาถาที่ผมกับมันร่ำเรียนมา ผมฝังเขี้ยวลงบนคอขาวๆ รับรู้ถึงรสเลือดที่แสนคุ้นเคยสัมผัสลิ้นก่อนถอนออก แล้วกัดข้อมือตัวเองเพื่อดูดเลือดของตัวเองไว้ในปากก่อนจะป้อนมันด้วยจูบให้กับคนในอ้อมกอดผม

      เงียบ!...ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากวงเวทย์รอบกาย หรือว่ามันไม่ได้ผลหรือว่ามันช้าไป ผมมองใบหน้าเนียนนั่นอย่างใจสลาย หรือโยจะตายไปแล้วจริงๆ นี่คือความเสียใจใช่ไหม ผมกอดร่างบางไว้แน่นราวกลับกลัวว่ามันจะหายไป ตอนนี้ผมเข้าใจในความรู้สึกของตัวเองแล้ว ความรู้สึกที่ผมมีต่อโย...ผมควรทำยังไง...โยได้โปรดเถอะ...อย่าพึ่งไป

      นั่นอะไร!...ในขณะที่ผมกำลังสิ้นหวัง จู่ๆ รอยสักที่อกข้างซ้ายของโยกลับเรื่องแสงขึ้นพร้อมกลับร่างในออมกอดที่เริ่มขยับแม้เพียงเล็กน้อยแต่ผมรู้สึกได้

      “เกิดอะไรขึ้น” ข้าวหันไปถามริคอย่างตกใจ คนถูกถามก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะเขาก็ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน

      ผมได้แต่มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงุนงง รอยสักนั่นเรืองแสงอยู่ซักพักก่อนจะจางหายไป พร้อมกับบาดแผลบนร่างของโยที่หายไปเช่นกัน โยยังไม่ตาย...ผมหลุดยิ้มอย่างยินดี เมื่อคนในอ้อมกอดกลับมาหายใจปกติราวกับกำลังหลับอยู่เท่านั้น แต่เหมือนกลิ่นไอที่ผมรับรู้จากโยมันเปลี่ยนไป...ช่างเถอะ  ถึงผมจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตามแต่ผมยินดีที่โยยังไม่ตายซึ่งนั่นมันก็เพียงพอกับผมแล้วในตอนนี้

.................................................
      Yonah Say

      ผมฝัน...ว่าผมกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสนามหญ้าหลังบ้าน ถึงผมจะไม่รู้จักบ้านสีขาวหลังใหญ่นี้แต่มันกลับรู้สึกคุ้นเคยเอามากๆ ใครซักคนเรียกผมให้หันไปมอง เขาอุ้มผมขึ้นด้วยรอยยิ้มทั้งที่ใกล้ขนาดนี้แต่กลับมองหน้าเขาไม่ชัดมีแต่เพียงดวงตาสีเท่าคู่นั้นที่มองมาอย่างอบอุ่นในทีแรกก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาจับใจ...ใครน่ะ

      “ไอ้โย...” เสียงไอ้ข้าวร้องเรียกทันปลุกผมขึ้นจากฝัน ผมมองหน้ามันตามันแดงมากเหมือนคนพึ่งร้องไห้มา

      “กูมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ” ผมมองสำรวจรอบๆ นี่มันคอนโดรอทนี่

      “พวกพี่รอทไปช่วยมึงออกมา แต่ตอนนี้เห็นบอกจะไปที่สภาอะไรซักอย่าง”  ไอ้ข้าวบอก
      “งั้นมึงก็รู้แล้วสิเรื่อง...”

      “เออเชี่ย...กูรู้หมดแล้ว” มันว่าก่อนที่ผมจะพูดจบ “ทำไมมึงไม่บอกกูว่ะ กูเป็นเพื่อนมึงนะ” บอกไปมันจะเชื่อผมเหรอ เหอๆ ดูไอ้ตี๋มันทำท่างอลสิครับสิครับ ผมเอื้อมมือไปโบกกระบาลมันที แต่เอ๊ะ...ทำไมผมถึงไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ      

      “เฮ้ย!...เกิดอะไรขึ้นวะ! ทำไมแผลกูหายไปหมดเลย” ผมมองมือทั้งสองของตัวเองที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ที่หน้าอกก็ด้วย รู้สึกได้ว่าร่างกายปกติดีทุกอย่างไม่มีอาการเจ็บปวดหรือช้ำในเลยแม้แต่น้อย ไอ้ข้าวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผมฟัง ฟังจบก็ได้แต่นั่งอึ้ง รอยสักงั้นหรอ?....ผมลุกพรวดจากเตียงไปส่องกระจกที่ตู้...รอยสักที่อกซ้ายหายไปจริงๆ ด้วย มันอยู่กับผมมาตั้งแต่จำความได้แล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำมัน ถามแม่ก็ไม่เคยตอบจนผมเลิกถามไปเอง

      “แล้วเรื่องไอ้ธีร...พวกพี่รอทจัดการให้แล้วนะ ตำรวจบอกแม่มันว่ามันรถคว่ำตายพร้อมกับฟา เอาศพไปสวดที่วัดแถวบ้าน เดี๋ยวกูพามึงไปงานศพมันพรุ่งนี้” ไอ้ข้าวว่าสีหน้ามันดูสลด นี่ละมั้งคงเป็นเหตุให้มันร้องไห้ตาบวม ผมรู้ว่ามันคงเสียใจไม่แพ้กัน

      “อืม...กูขอโทษนะที่ช่วยมันไม่ได้” ผมว่าเสียงแผ่วพร้อมนั่งลงบนเตียงข้างๆ มัน

      “กูไม่เสียมึงไปอีกคนก็ดีแค่ไหนแล้ว...ฮือ” คราวนี้มันร้องไห้ออกมาเลยครับแถมโผเข้ากอดผมแน่นเลยด้วย ผมลูบหลังมันเบาอย่างปลอบโยน “มึงอย่าทิ้งกูไปอีคนนะ...ฮึก” มันสะอื้นใหญ่เลยทีนี้...โถ ไอ้ขี้แย

      “เออ...ไอ้เตี้ย กูไม่อยู่ใครจะกวนตีนมึง” ผมบอก..พลางกอดมันตอบ ต่อจากนี้ผมต้องเข้มแข้ง ผมยังมีมันแล้วก็มีแม่ที่ต้องปกป้อง...ผมต้องแข็งแกร่งขึ้น...ผมจะฆ่าพวกอมนุษย์เลวๆ ทุกตัวเพื่อชดเชยให้ชีวิตเพื่อนผมที่เสียไป


Talk Talk
[/b]

-ต้องขอประทานโทษด้วยเรื่องธีร...ใจจริงก็อยากให้อยู่ต่ออีกซักนิด รู้สึกสองบทที่ผ่านมาเนื้อหาช่างหนักมาก คิดว่าควรหาอะไรชิวๆ มาเบรกอารมณ์บ้างเนอะ แอบสงสารโยรับบทหนักเกิน :hao5:

-ขอบคุณกำลังใจจากทุกท่าน เราจะพยายามอย่างยิ่งที่จะมาอัพอย่างสม่ำเสมอไม่ให้ขาดช่วงจนเกินไป :fire:

หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-06-2015 10:26:41
 :hao5: โล่งอกน้อ.... ธีร์ไปแล้ว เสียใจกับโยและข้าวด้วย

ยินดีต้อนรับแวมไพร์หมาดๆที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่เรายังสงสัยเรื่องรอยสักของโยนะ มันเหมือนตราผนึกมากกว่ารอยสักนะ เช่นเดียวกับสร้อยที่น่าจะได้รับทั้งคู่มาจากใครสักคน อาจจะพ่อหรือว่าคนในความฝันของโย
ยังไม่ชัวร์เลยว่าตกลงโยเป็นแวมไพร์หรืออะไรที่มากกว่านั้น  รอพี่รอทกลับมาปลอบนะ อิอิ

และสุดท้ายขอให้ทัวร์นรกให้สนุกนะพวกพรายและยัยฟา
สนุกมากค่ะเป็นกำลังใจให้คนเขียน

 :pig4:   :L2: 
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 22-06-2015 10:37:37
โยเป็นอะไร....

 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 22-06-2015 10:45:31
 :z2:ขอแบบชิวๆส่งข้าวเข้าปากหมาด่วน
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 22-06-2015 10:47:38
โยดูมีอะไร
รอยสักหายไปไหน
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2015 11:36:46
โยเป็นทายาทของอะไร
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 22-06-2015 11:42:30
สรุป ยังคงไม่รู้ว่าน้องโยเป็นตัวอะไร
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 22-06-2015 12:55:11
โยนาห์ต้องมีอะไรกับรอยสักแน่ๆ รออ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 22-06-2015 13:22:31
นายเป็นตัวอะไรอะ โยนาห์ :katai3: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 22-06-2015 13:55:48
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:เข้ามาติดตามด้วยคนจ้า :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-06-2015 14:26:02
สงสารธีรจังอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 22-06-2015 14:40:07
โยต้องมีอะไรพิเศษ  :hao3:

ติดตามต่อไแ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 22-06-2015 14:58:57
อ๋อยยยยย ไอ้เราก็จิ้นพี่ริคกับธีร ไม่เป็นไร เราจิ้นพี่ริคกับน้องข้าวต่อก็ได้
น้องโยจะองค์ลงแล้วใช่มั้ย จะกลายเป็นคู่หูคู่รักล่าอมนุษย์กับรอทแล้วใช่ป่ะ อิอิ
ติดตามนะคะ พึ่งอ่านนิยายแนวนี้ครั้งแรก สนุกดีค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: (Knight Night) อัศวินรัติกาล บทที่ 10 พิธีกรรม (เลือดสาดนิดๆ) p3 22/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 23-06-2015 02:44:44
บทที่ 11 ความรู้สึกที่ชัดเจน
[/b]

   
      Yanah Say

      ผมกับไอ้ข้าวนั่งเล่นกันอยู่ในห้องจนเย็นพวกรอทก็กลับมา ไอ้ริคบ่นหิวใหญ่เลยครับลำบากเชฟข้าวหอมโชว์ฝีมือเลยเย็นนี้ ในขณะที่รอไอ้เพื่อนรักทำอาหารอยู่นั่น เราก็มานั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

      “สรุป ตอนนี้ผมกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้วใช่มั้ย?” ผมถามรอทหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ

      “มันก็ไม่เชิง...เพราะพิธีถ่ายพลังมันไม่สำเร็จ ผมไม่ได้เปลี่ยนนายให้เป็นแบบผม” รอทอธิบาย “แต่นายเป็นแวมไพร์อยู่แล้ว”

      “แล้วทำไมถึงไม่เคยรู้สึกอยากงาบคอใครเลยละ” ผมถามอย่างงุนงง ไม่มีส่วนไหนของผมที่ดูเหมือนแวมไพร์เลยซักนิด

      “แค่ครึ่งเดียวน่ะ” ริคอธิบายบ้างพร้อมยื่นเอกสารการตรวจมาให้ผม “เมื่อคืนผมลองเอาตัวอย่างเลือดของนายไปตรวจ...DNA ของนายมีสองแบบ ทั้งแบบของแวมไพร์และมนุษย์ผสมกันอยู่ ซึ่งมันแปลกมากๆ” ผมเพิ่งจะเห็นความเป็นหมอจากริคก็วันนี้ละ

      “แปลกยังไง!?”

      “ก็ในกรณีที่พ่อกับแม่คนละเผ่าพันธุ์ลูกจะไม่ใช่เลือดผสมแต่จะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งไม่เหมือนพ่อก็เหมือนแม่ไปเลย แบบนายผมก็เพิ่งเคยเจอนี่ละ เดาว่านั่นเป็นเหตุว่าทำไมกลิ่นอายจากนายจึงดึงดูดพวกอมนุษย์ตนอื่นๆ” ริคร่ายยาว

      “แล้วเรื่องรอยสักของผมล่ะ” รอยสักที่อยู่กับผมมาตั้งแต่จำความได้

      “เดาว่ามันใช้สะกดส่วนที่เป็นแวมไพร์ของนายไว้ ทำให้นายเหมือนมนุษย์ปกติ ซึ่งเรื่องนั้นต้องขอเวลาไปค้นดูซักพักละเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์นั่น” ผมพยักหน้ารับ ผมเป็นเลือดผสม แม่ผมเป็นมนุษย์แสดงว่าพ่อผมก็เป็นแวมไพร์นะสิ...ถึงว่าแม่ไม่เคยเล่าเรื่องพ่อให้ฟังเลย

      “ถ้ารู้เกี่ยวกับรอยสักของผม เป็นไปได้มั้ยว่าผมจะรู้ว่าพ่อผมเป็นใคร” ผมถามขึ้นหลังจากนึกอยู่นาน

      “อาจจะ...เพราะแต่ละเผ่าพันธุ์แต่ละตระกูล จะมีภูมิเวทย์เฉพาะของตัวเอง” รอทอธิบายบ้าง “บางทีก็ใช้ตราสัญลักษณ์ของตระกูลในการประกอบพิธี นายพอจะจำรอยสักตัวเองได้มั้ยล่ะ” ผมลุกขึ้นไปหยิบกระดาษกับดินสอมาวาดตรานั้นลงไป ผมจำมันได้แม่นเลยล่ะส่องกระจกเห็นมามาสิบเก้าปีเต็ม

      “ไปช่วยไอ้ตัวเล็กทำกับเข้าดีกว่า” ริคว่าพลางลุกไปช่วยไอ้ข้าวที่โซนครัว...อ้อผมลืมบอก ว่าสองคนนี้รู้จักกันมาก่อนครับ ริคเป็นหมอที่โรงพยาบาลแถวนี้ซึ่งไอ้ข้าวมันพาอ่าม่าไปบ่อยๆตั้งแต่มัธยมแล้วก็เลยดูคุ้ยเคยกับไอ้แวร์วูฟนั่นดี เห็นเรียกว่า พี่หมอๆ โลกมันกลมเนอะว่ามั้ย

      เรานั่งกินข้าวกันซักพัก วันนี้ไอ้ข้าวมันทำ ต้มยำ หมูทอด ผัดผัก และ ยำหมูยอ...ดูจากเมนูอาหารแล้วคงจะอึ้งไปกับวัตุดิบในตู้เย็นห้องรอทไปเลยสิ อาหารเต็มโต๊ะแบบนี้ก็มีแต่ผมกับไอ้ข้าวละครับที่กินมันทุกอย่าง ริคก็เขี่ยกินแต่เนื้อ(สุนัขเป็นสัตว์กินเนื้อละมั้ง) ส่วนรอทชิมดูทุกอย่างนั้นแหละแต่ท้ายที่สุดก็เดินไปหยิบถุงเลือดในดู้เย็นมาเทใส่แก้วกิน ก่อนะจะแบ่งใส่อีกแก้วแล้ววางตรงหน้าผม

      “ไม่กินอะ” ผมบอกพลางมองของเหลวสีแดงๆ ในแก้วนั้นแล้วพาลคอแห้ง

      “กินๆ ไปเถอะมันจะช่วยให้พื้นตัวไว” รอทว่าพลางดันแก้วเข้ามาใกล้ ผมยกมันขึ้นดื่ม...เอิ่ม รสชาติไม่เลวเท่าไหร่แต่กินข้าวอร่อยกว่านะผมว่า ไอ้ข้าวหอมมองผมแบบแหยงๆ ...มองไมวะเดะงาบคอแม่ง..(ดุจัง 555) หลังจากกินเสร็จรอทโดนผมไล่ไปล้างจาน ส่วนไอ้ข้าวขอตัวกลับเพราะดึกแล้วโดยมีริคอาสาไปส่ง ผมว่าสองคนนี้มันแปลกๆ วะ



      ผมเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเก็บเอาของทุกอย่างยัดลงกระเป๋า ทั้งสมุดเสก็ท สี และเสื้อผ้า และกำลังจะเก็บโน๊ตบุค

      “นายจะไปไหน” รอทยืนพิงประตูห้องมองผมนิ่งๆ

      “กลับไปอยู่หอ” ผมตอบ “คดีมันจบไปแล้ว นายก็ไม่จำเป็นต้องใช้ผมแล้วล่ะ เพราะนายไม่ได้คิดจะใช้ผมล่อพวกบีสแต่ทีแรกอยู่แล้วนิ ผมไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป” ทั้งที่พูดไปแบบนั้นแต่ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ดีวะ เคว้งคว้างสุดๆ

      “จำเป็นสิ...” รอทว่าพลางดึงกระเป๋าออกจากมือผมแล้วโยนกลับเข้าไปในตู้ “นายจะทำยังไงกับพวกอมนุษย์ที่เข้ามาทำร้ายนาย” มันถามเสียงเข้มเลยครับ

      “ผมไม่ใช่มนุษย์แล้วนิ ก็น่าจะดูแลตัวเองได้ล่ะ” ตอบแบบไม่มั่นใจเลยครับ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง

      “โย...ถ้าเหตุการณ์แบบเมื่อคืนมันเกิดขึ้นอีกละ” ร่างสูงว่าพลางเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงผมเข้าหาตัว “ถ้าไม่มีปาฏิหารใดๆ เกิดขึ้นอีก แล้วนายตายไปจริงๆ ละ” ดวงตาสีฟ้านั่นมองผมอย่างเจ็บปวด สีหน้าหมอนั่นดูกังวลและเป็นห่วงทำเอาหัวใจผมวูบไหวไปกับมัน

      “ขอร้องล่ะอย่ามองแบบนั้น” ผมรับรู้ความรู้สึกลึกซึ้งจากแววตานั่นจนอดไม่ได้ที่สัมผัสใบหน้าคมคายของคนเบื้องหน้า

      “อยู่กับผมนะโย...ผมจะปกป้องนายเอง” สายตาอ้อนวอนนั้นมันทำให้ผมใจอ่อน

      ผมโน้มคอร่างสูงลงมาจูบ ซึ่งหมอนั่นมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยที่ผมเริ่มก่อนแต่ก็จูบตอบแต่โดยดี...นี่คือคำตอบของผม...ผมอยากอยู่กับคนๆ นี้ ผมดันรอทลงนอนราบกับเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมแล้วยังคงจูบอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้น เผลอกัดริมฝีปากบางๆ นั่นอย่างหมั่นเขี้ยว รับรู้รสเลือดจางๆ อา...มันช่างหอมหวานจนเผลอสอดลิ้นเข้าไปในโพรงบางชื้นนั้นซึ่งเจ้าตัวก็ตอบสนองมันเป็นอย่างดีจนร่างกายมันเริ่มร้อนขึ้นมา

      “อื้อ....” ผมถอนริมฝีปากออกเมื่อคนข้างล่างมือเริ่มไม่อยู่นิ่ง ลูบไล้แผ่นหลังและสะโพกผมไม่หยุด

      “ยั่ว...หรอ” รอทมองผมยิ้มๆ ก่อนจะพยุงตัวขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงโดยมีผมนั่งคร่อมอยู่บนตักรับรู้ได้ถึงสิ่งที่กำลังตื่นตัวของคนข้างล่างที่ดันบั้นท้ายผมผ่านกางเกงหนาๆ นั่น ทำเอาใจผมเต้นรัวเลยทีนี้

      “อืม..อยู่นิ่งๆ ไปเหอะน่า เดี๋ยวทำเอง” นี่ผมพูดอะไรไปเนี่ย!...

เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเตือนให้รู้ว่าชีวิตนั้นช่างแสนสั้นผมควรจะซี่อสัตย์ความรู้สึกตัวเอง ผมจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวออกด้วยมือที่สั่นเทา...ก็มันตื่นเต้นนิ...โดยมีรอทช่วยอีกแรง ก่อนโยนมันไปข้างเตียง แล้วถอดเสื้อของรอทออกเช่นกัน ผมลูบไล้แผ่นอกกว้างๆ นั้นอย่างถูกใจ...เริ่มรู้สึกตัวเองโรคจิต...  ในระหว่างที่ผมกำลังปลดตะขอกางเกงยีนของคนข้างล่างออกช้าๆ มือหนานั่นก็ลูบไล้ไปทั่วร่างพาลให้อารมณ์มันขึ้น ผมรั้งกางเกงในสีขาวนั่นลงก่อนจะจับเอาท่อนเนื้อที่กำลังแข็งขืนนั่นออกมาแล้วใช้มือรวบของเราทั้งคู่พร้อมขยับ

      “อา...รอท” ผมหลุดครางอย่างเสียวซ่านเมื่อน้องชายต่างขนาดของเราเสียดสีกัน ฟังจากเสียงหายใจหนักๆ นั่นเดาว่ารอทคงเสียวไม่แพ้กัน มือของผมยังคงคลึงส่วนกลางของเราทั้งคู่อยู่อย่างนั้นส่วนมือของรอททั้งสองกำลังเค้นยอดอกผมอย่างมันมือพลางไซร้คอไปด้วย ผมมีอารมณ์มากๆ ตอนนี้ มากจนรู้สึกเบลอ...ต้องการคนๆ นี้มากขึ้นเรื่อยๆ...ผมมองลึกลงไปในดวงตาสีฟ้านั่นอย่างหลงไหนก่อนจะก้มลงจูบเจ้าของมันอย่างดูดดื่ม

      “โย...ผมไม่ไหวแล้ว” มือหนาคลึงหนักที่บั้นท้ายผมบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวต้องการอะไร รอทเอื้อมมือไปหยิบขวดเจลที่หัวเตียงมาเทลงบนมือและแก่นกายของตัวเองซึ่งถูกผมรวบไว้กับของผม

      “อ๊ะ...” นิ้วเรียวที่ชื้นไปด้วยเจลค่อยๆ สอดเข้ามาในช่องทางด้ายหลังมันเจ็บไม่มากแต่เสียวจนสะท้าน ก่อนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนครบสาม แรกที่เริ่มขยับมันรู้สึกอึกอัดแปลกๆ แต่พอเริ่มชินกลับรู้สึกดี ผมรับรู้ว่ารอทน้อยในมือนั้นแข็งขืนเต็มทน สีหน้ารอทดูอดกลั้นเอามากๆ คงไม่อยากให้ผมเจ็บแบบครั้งที่ผ่านมาจึงพยายามอดทนแต่ผมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

      ผมดันมือรอทออกก่อนจะยกสะโพกขึ้นพร้อมจับท่อนเนื้อลำใหญ่นั่นมาจ่อที่ช่องทางด้านหลังแล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงไป

      “อือ...เจ็บ” ผมหลุดครางออกมาอย่างทรมาน มันเจ็บมากเลยครับถึงจะน้อยกว่าครั้งก่อนๆ เอาเถอะเจ็บกว่านี้ผมก็เจอมาแล้วชั่งมัน

      “ไม่ต้องฝืน...อ๊ะ...ตัวเองก็ได้นะ” รอทบอกเสียงพร่า

      “หุบปากน่า...อ๊าห์” ผมตัดสินใจกดบั้นท้ายลงไปในทีเดียวทำเอาน้ำตาร่วงเลยครับ ทั้งเจ็บทั้งจุก อึดอัดไปหมดแต่ก็เสียวมากๆ ด้วย “สุดแล้ว” เหมือนบอกตัวเอง

      “อืม...เก่งมาก” เสืองทุ้มครางต่ำก่อนจูบหน้าผากผมไปทีอย่างให้กำลังใจ “วันนี้นายน่ารักจัง” คำชมทำเอาผมน่าแดงหนักเลยครับ ผมดึงมือหยาบๆ นั่นขึ้นมาทาบอกอยากให้หมอนี่รู้จังว่าตอนนี้หัวใจผมมันเต้นแรงแค่ไหน “พร้อมหรือยัง” เสียงทุ้มกระซิบถาม ผมพยักหน้ารับ

      “อ๊ะ...อาห์” ผมค่อยๆ ออกแรงขย่มลงบนแก่นกายนั่น รอทจับสะโพกประคองช่วยผมอีกแรง พร้อมเด้งสวนในทุกครั้งผมที่ผมทิ้งน้ำหนักลง ท่านี้เข้าลึกมากจนผมผวาเกาะไหล่แกร่งนั้นไว้เมื่อมันกระแทกโดนจุดสำคัญทำเอาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง เราเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ แต่ขาผมมันหมดแรงที่จะพาตัวเองไปให้สุด “รอท...มะ...ไม่ไหวแล้ว”

      ร่างแกร่งจับผมพลิกลงนอนราบกับเตียงก่อนจะจับขาทั้งสองข้างพาดบ่าแล้วโถมแรงเข้ามาหนักๆ มันเจ็บและเสียวมากๆ รู้สึกเหมือนใจจะขาดหายใจแทบไม่ทัน ในหัวสมองมันว่างเปล่าไปหมด

      “ซี๊ดด...ระ....รอท...อ๊ะ...อ๊า...” เสียงผมครางดังจนแทบจะกรี๊ดร้องปนไปกับเสียงเนื้อกระทบกันและเสียงครางต่ำของรอท ผมขย้ำผ้าปูที่นอนแน่นจนแทบขาดคามือเพื่อระบายอารมณ์ แล้วความอดทนก็สิ้นสุดลงตรงนี้ ผมกระตุกเกร็งไปทั้งร่างรู้สึกชาวาบก่อนจะปล่อยน้ำรักสีขุ่นจะพุ่งออกมาจนเลอะหน้าท้องทั้งของผมและรอท...รู้สึกดีจัง

      “อือ...มันแน่น” มันกดกระแทกแก่นกายเข้ามาเน้นๆ ก่อนจะเกร็งแล้วปลดปล่อยของเหลวนั้นเข้ามาในตัวผมเต็มๆ

      รอทฟุบลงบนไหล่แล้วนิ่งอยู่แบบนั้นก่อนจะจูบผมอย่างดูดดื่ม ผมรับรู้ถึงแก่นกายที่ยังคาอยู่เริ่มกลับมาผงาดอีกครั้ง

      “รอท...!” ผมร้องอย่างตกใจ เมื่อมันจับขาผมเกี่ยวเอวไว้ตั้งท่าจะลุยอีกรอบ

      “ผมขออีกรอบนะ” รอทว่าพลางสบตาผมอย่างอ้อนวอน

      “เหนื่อย!...ไม่ไหวแล้ว” ผมปฏิเสธเสียงแข็งเลยครับ

      “นะครับ...ที่รัก”...อ๊าก!!!!! มันเรียกผมที่รัก เขินสิ เขินมากมาย เขินจนไม่กล้าสบตาสีฟ้าคู่นั้น เลยได้แต่พยักหน้ารับมันไป กิจกรรมเข้าจังหวะดำเนินขึ้นอีกครั้งหากแต่ไม่ได้เร่าร้อนรุนแรงเท่าครั้งแรก ทุกอย่างเป็นไปอย่างเชื่องช้าและอ่อนโอน อาจเพราะรอทรับปากแล้วว่าแค่รอบเดียวจึงอยากจะยื้อช่วงเวลาแสนหวานนี้ให้ยาวนาน
      


Talk Talk
[/b]

-Yonah on top ฮ่าๆ :jul1: อย่างที่บอกว่าอยากจะพักบ้างเครียดมาหลายบท จัดไปพอหอมปากหอมคอ

-ใจจริงเราก็แอบกลัวนะว่าเนื้อเรื่องเรามัน ซับซ้อนมากไปมั้ยกลัวคนอ่านจะสับสน จนพลอยไม่สนุกไปด้วอยะ :hao4:

-ก็ยังขอบใจมิตรรักแฟนเพลงทั้งหลายที่เข้ามาให้กำลังใจ อ่านทีไรก็ชื่นใจ มีแรงทำต่อไปเรื่อยๆ รักทุกคนที่สุดเลย :mew1:

      

      

      
      
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-06-2015 06:05:42
ชัดเจนในความรู้สึกมากๆทั้งรอท ทั้งโย ฟินเลย ๕๕๕
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 23-06-2015 06:34:29
ชัดเจน รู้เรื่อง
ตอนนี้โยของเราเริ่มก่อนเลย :-[
อย่ายั่วบ่อยนะลูก
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-06-2015 06:36:23
 :haun4:    น่ารักร้อนแรงเชียว.กลายเป็นคู่รักแวมไพร์ไปแล้ว
หนูข้าวเป็นพ่อศรีเรือนอย่าปล่อยให้ลอยนวลนะพี่ริค. ข้าวจะเข้าปากหมาแล้วสินะ. นี่ก็ลุ้นตัวโก่ง
จะมีรูปน้องข้าวกับพี่ริคให้ยลไหมคะ.  :hao6:    ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 23-06-2015 07:00:37
โยนาห์ก็ไปยั่วแวมไพร์หื่นนนนล :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 23-06-2015 08:49:03
 :oo1: :oo1: :z1: :m25: โยคือลูกครึ่งสิน่ะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 23-06-2015 09:12:16
"รู้สึกดีจัง" โยนาห์ หนูคิดอะไรลูก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 23-06-2015 10:26:48
ซับซ้อน แต่ถ้าอธิบายคลายปมไปเรื่อยๆ ก็โอเคค่ะ
น้องโยเป็นลูกครึ่ง life span จะยาวกว่ามนุษย์ทั่วไปใช่ไหมคะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 23-06-2015 11:07:26
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 23-06-2015 12:58:48
(http://upic.me/i/ij/teeyonah.jpg) (http://upic.me/show/55954635)

ซักรูป สำหรับธีร วันนี้อารมณ์พีค อยากวาด โมเมนท์ซึ้งๆ อะนะ

:hao5:
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-06-2015 13:02:01
 :L1:  ขอบคุณค่ะ ภาพวาดจัง
ธีร์กับโยดูเหงาๆแต่อบอุ่นเนอะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 23-06-2015 13:19:55
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 23-06-2015 13:24:33
ฮิ้วววววววววววววว โยร้อนแรง กิกิ
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 23-06-2015 13:39:39
ฟินนน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 23-06-2015 14:37:22
เสียเลือดรัวๆเลย
สงสารธีร์อะะะะะ โถพ่อคุณ อุตส่าห์ช่วยเพื่อน
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-06-2015 16:09:33
โยนาห์เริ่มเองเลยน่ะเดี๋ยวนี้
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-06-2015 19:41:47
ขอบริจาคเลือดหน่อย อั๊กกกกกกกกกกก :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 23-06-2015 21:07:31
(http://upic.me/i/xv/roteyonah-bed.jpg) (http://upic.me/show/55960535)

Rote@Yonah ซักรูปวันนี้ติสแตกอยากวาด  :fire:
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-06-2015 21:48:38
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: (Knight Night)อัศวินรัติกาล บทที่11ความรู้สึกที่ชัดเจนp3 (อืมก็นะ-///-) 23/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 25-06-2015 01:51:14
บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูร
[/b]


      Ricardo Say

      “ตัวเล็ก...ถึงแล้ว” ผมหันไปเรียกคนข้างๆ ที่เอาแต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทางไม่ยอมคุยกับผมเลยครับ ที่เรียกตัวเล็กก็เพราะเรียกตามอาม่า ข้าวพาอาม่ามาที่โรงพยาบาลลบ่อยๆ เจอกันมาตั้งแต่เด็กแล้วแถมแต่ก่อนไอ้เด็กนี่ก็ตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไปด้วยนึกว่าขาดสารอาหาร

       “ ข้าว!...”  ผมเอื้อมมือไปสะกิดทำเขาคนถูกเรียกสะดุ้งหันมามองผมแปลกๆ ผมเห็นความกลัวในดวงตาสีดำคู่นั้นอยู่แวบหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะหลบสายตาไป

      “เอิ่ม...ขอบคุณครับพี่หมอ” ข้าวว่าพลางจะเปิดประตูลงรถแต่ผมคว้าแขนเอาไว้

      “กลัวพี่หรอ?” เมื่อคืนที่ไปช่วยโย ข้าวเห็นผมกลายร่างแถมยังฉีกไอ้พวกพรายนั่นเป็นชิ้นต่อหน้าผมว่าน่าจะยังติดตาอยู่แน่ๆ สำหรับคนธรรมดาที่เพิ่งมารับรู้การมีตัวตนของพวกผมมันก็ไม่แปลกหรอกที่จะกลัว

      “ก็นิดหน่อย” ข้าวหอมพยายามฉีกยิ้มให้ผม คงอยากให้ผมสบายใจนั่นแหละ “เดี๋ยวผมก็ชิน”

      “พรุ่งนี้มีเรียนมั้ย...พี่...”

      “มีครับ...ผมไปก่อนนะ ขอบคุณพี่หมอมาก” ข้าวว่าก่อนที่ผมจะทันได้พูดจบ ก่อนจะเปิดประตูลงรถไปเลย...เฮ้อ


      หงุดหงิด...เมื่อนึกถึงสายตาที่ข้าวมองผมเมื่อคืนไม่รู้ทำไม  จากปกติไอ้เด็กนั่นชอบเข้ามากวนตีนผม แซวผมสารพัด ชอบที่มันยิ้มมันหัวเราะ ทุกอย่างรอบตัวมันดูจะสดใสไปหมด ผิดกับเมื่อคืนที่กลายเป็นพวกถามคำตอบคำนั่งเงียบตลอดทาง ผมยังจำสีหน้าเศร้าๆ ขอบตาแดงๆนั่นได้ คงเพราะเสียใจเรื่องที่ธีรแถมยังเกือบเสียโยไปอีกคน ผมเกลียดที่เห็นมันร้องไห้ มันทำให้ผมหดหู่ไปด้วย




      แวร์วูฟแต่กำเนิดนั้นสามารถแปลงกายได้สามแบบ คือ เป็นมนุษย์ มนุษย์หมาป่า และหมาป่าเต็มตัว ผมเกิดมาในตระกูลแวร์วูฟที่ทรงพลังอย่างเดอลาครัวซ์ ครอบครัวผมมีอิทธิพลพอตัวในโลกของพวกอมนุษย์ ว่ากันว่าพวกเราเป็นนักรบที่แกร่งที่สุดในทุกยุคสมัย ไม่แปลกหรอกที่คนส่วนใหญ่เมื่อรู้ว่าผมเป็นใครมักจะเกรงกลัวผม ซึ่งผมก็ชินแล้วด้วย แต่กับข้าวหอม...ผมแคร์นะ ผมไม่อยากให้น้องมันกลัวผมแบบนั้น




      วันนี้ผมลงตรวจผู้ป่วยนอก เข้าเวรมาแต่เช้าแล้วครับ ไม่มีสมาธิทำงานเลย ผมเลือกอาชีพหมอก็เพราะได้เจอผู้คนเยอะดี ชอบที่พวกเขาพูดคุยกับผมปฏิบัติกับผมเหมือนคนทั่วไปไม่ได้เกี่ยวกับสายเลือดที่ผมมี


      “อ้าว! หวัดดีครับอาม่า” ผมยกมือไหว้หญิงชราบนรถเข็นที่ถูกเข็นเข้ามาให้ห้องตรวจโดยคนที่ทำให้ผมประสาทกินทั้งวันกับพี่สาวที่ถือกระเป๋าตามเข้ามา เธอยกมือไหว้ตอบพร้อมยิ้มให้ผม
      
      “ไหนว่ามีเรียนไง” ผมยิ้มให้สองสาวต่างวัยก่อนจะหันไปถามข้าว

      “บ่ายไม่มีครับ ผมออกไปรอข้างนอกนะ” ข้าวยิ้มให้ผมก่อนรีบออกจากห้องตรวจไป รู้สึกเหมือนกำลังหลบหน้าผมเลยแฮะ


      ผมก็ตรวจอาการทั่วไปเสร็จก็ส่งอาม่าไปทำกายภาพบำบัดโดยมีพี่ข้าวฟ่าง พี่สาวของข้าวหอมไปเป็นเพื่อน ตามประสาคนแก่นั่นล่ะครับ เบาหวานความดันเพียงแต่ตอนนี้แกเริ่มมีอาการอัมพฤกษ์ถามหาเลยต้องทำกายภาพบำบัดครับ ผมโยนคิวให้หมอท่านอื่นทำต่อครับส่วนตัวเองออกมาเดินหาไอ้ตัวเล็กเจ้าปัญหาก่อน อยากคุยมากอยากทำความเข้าใจ คือผมอึดอัดที่มันเป็นแบบนี้ เริ่มสงสัยแล้วสิว่าผมรู้สึกยังไงกับมันกันแน่


      หลังจากเดินหาอยู่ซักพักก็เจอข้าวหอมนั่งเล่นอยู่ในสวนด้านหลังโรงพยาบาลครับ หน้าขาวๆ นั่นดูโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนคนไม่ได้นอน สายตามองเหม่อไปข้างหน้าในมือถือบุหรี่อยู่มวนหนึ่ง บนพื้นมีก้นบุหรี่อีก 2-3 อัน สูบจัดขนาดนั้นเดี๋ยวก็ได้ตายไวกันพอดี

      “สูบบุหรี่ด้วยหรอ?” ผมถามพลางนั่งลงบนม้าหินข้างๆ คนถูกถามหันมายิ้มก่อนจะดับบุหรี่ในมือแล้วโยนทิ้งไป
      
      “เฉพาะเวลามีอะไรต้องคิดนะ”

      “แล้วคิดเรื่องอะไรอยู่ล่ะ” ผมหันไปถามนัยน์ตาสีดำนั่นมองผมแว๊บหนึ่งก่อนจะก้มหน้ามองพื้นแทน

      “ก็เรื่องไอ้โย แล้วก็เรื่องที่พวกพี่ไม่ใช่มนุษย์” ข้าวหอมว่าพลางทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ผมก็แค่คนธรรมดา ผมไม่รู้เลยว่าจะช่วยไอ้โยมันยังไง...เฮ้อ”

      “ถามจริงเถอะ กลัวพี่หรือเปล่า”

      “ไม่เท่าไหร่นะ วินาทีนั้นพี่ก็ต้องสู้นิ” ข้าวยักไหล่ “เพียงแต่ภาพมันยังติดตา เหมือนยังได้กลิ่นเลือดติดจมูกอยู่เลย”

      “จริงหรอ!” ผมว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นบุหรี่ปนกับกลิ่นแป้งจางๆ มันน่ารัก...ผมคิดบ้าอะไรวะ  คนตัวเล็กหันมามองผมก่อนทำตาโตอย่างตกใจ ผมคว้าแขนทั้งสองข้างไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะทันลุกหนี รับรู้ได้ถึงอาการสั่นจากอีกฝ่าย สีหน้าดูอดอัดมาก นี่น้องมันกลัวผมจริงๆ สินะ

      “พี่หมอ!?” ข้าวถามเสียงสั่น ผมถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะยอมปล่อยแขนอีกฝ่าย

      “ไม่ต้องฝืนหรอกพี่ขอโทษละกัน” ผมไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันเป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าไม่อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ เป็นแวร์วูฟ!...ผมเดินออกมาโดยไม่สนเสียงเรียกตามหลังของอีกฝ่าย บางทีมันต้องใช้เวลาเพียงแต่ผมไม่อยากเห็นท่าทางแบบนั้นมันทำให้ผมปวดใจ ผมอยากให้ไอ้เด็กนั่นยังยิ้มให้ผม หัวเราะกับผมเหมือนอย่างเคย


......................................................................


      Kawhom Say


      วันนี้เรามาวาดภาพสีน้ำนอกสถานที่ เป็นพระราชวังแถวมหาลัยนี่ละครับ   มีเวลาทั้งวันแต่นี่พึ่งบ่ายพวกผมก็วาดเสร็จแล้ว แล้วพากันนั่งเล่นใต้ร่มไม้ ลมพัดเย็นๆ สดชื่นดี ขาผมเริ่มชาเพราะไอ้โยนาห์มันยึดตักผมเป็นหมอนหลับสบายไปแล้ว มองหน้าหล่อๆ มันแล้วทำให้นึกได้ว่าโลกนี้ยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ อย่างไอ้ที่หลับอยู่เนี่ยมันก็เป็นครึ่งแวมไพร์ ส่วนหมอริคที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กก็ดันเป็นแวร์วูฟ

      เฮ้อ!...ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของพี่หมอที่มองผมเมื่อวาน มันดูเจ็บปวด ผมก็ไม่ได้อยากทำให้พี่เค้ารู้สึกแย่แบบนั้น ผมไม่ได้อยากแสดงท่าทางกลัวแบบนั้นมันก็แค่ห้ามตัวเองไม่ได้ สบตาเค้าทีไรนึกถึงมนุษย์หมาป่าตัวใหญ่ที่ฉีกคนเป็นชิ้นๆ ในคืนนั้นทุกที ถึงผมจะชอบดูหนังสยองก็เถอะแต่เจอเข้ากับตัวจริงๆ มันต่างกันเยอะ แต่นอกจากกลัวมันก็มีความรู้สึกอื่นอีกเวลาพี่เขาเข้ามาใกล้ๆ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

      “เฮ้ยข้าว...วันศุกร์จารย์บอกหยุด เย็นนี้ไปแดกเหล้าปะ” ไอ้ตั้มเดินมาชวน โดยรวมผมก็คุยได้กับทุกคนล่ะครับมิตรภาพในวงเหล้าเกิดขึ้นเสมอ

      “ไปปะไอ้โย...” ผมปลุกถามไอ้คนที่นอนหนุนตักผม มันยังนิ่งเลยโบกกบาลมันไปทีหนึ่งสะดุ้งเลยครับ

      “ไปดิ เบื่อๆ พอดี” มันตอบ

      “ตามนั้นอะ”

      “ทุ่มนึงเจอกัน” ไอ้ตั้มว่าก่อนเดินไปนั่งกับกลุ่มมัน

      “ผัวไม่ว่าหรอวะ” ผมหันไปถามเพื่อนผมที่ยังนั่งมึนๆ ยังไม่ตื่นดี สภาพหัวมันยุ่งซะไม่มี

      “ผัวไม่ใช่พ่อ มันไม่อยู่ด้วยคืนนี้” มันหันมาตอบ เดี๋ยวนี้แม่งยอมรับเต็มปากเต็มคำเลยครับว่าพี่รอทเป็นผัวมัน

      “ถามจริงเวลามึงกับพี่เค้าเอากันอะ มันเจ็บมั้ยวะ” ผมถามพร้อมยิ้มล้อมัน พลางมองรอยแดงๆ ที่คอมัน เห็นตลอด ดูขยันทำการบ้านกันดีเนอะ

      “ไปลองเองดิไอ้เตี้ย” มันหันมาด่าผม หน้านี่แดงเลยครับสงสัยเขิน ฮ่าๆ ผมไม่ได้เตี้ยนะสูงตั้ง 170 เซนติเมตรเตี้ยตรงไหนวะ ว่าแต่ให้ไปลองกับใครวะ



      พวกผมพากันไปนั่งกินร้านเหล้าแถวมหาลัย ดื่มไปคุยกันไปเหล่สาวกันไป ไอ้โยนี่สาวอ่อยตรึม สงสารพวกนางเนอะ เพื่อนผมดันมีผัวแล้วฮ่าๆ เพลงร้านนี้เพราะดีครับเป็นร้านนั่งชิวๆ นั่งก๊งกันจนดึกงบในกระเป๋าเริ่มหมดแถมบางคนแม่งเมาอย่างหมา ส่วนผมแค่กรึ่มๆ ไอ้โยที่ไม่ต้องพูดถึง คอทองแดงสุดๆ เว้นแต่วันที่มันอกหักเป็นครั้งแรกที่เห็นมันหมดสภาพแบบนั้น



      ผมซ้อนมอไซต์กลับกับไอ้โยแต่จู่ๆมันก็หยุดรถครับ ถนนรอบๆ ตัวโล่งและเงียบมากมีเพียงแสงจันทร์บนฟ้ากับไฟข้างถนนที่ส่องมา


      “มีไรวะ” ผมถามอย่างแปลกใจ

      “เราโดนล้อมวะ”  ไอ้โยว่าพลางลงจากรถก่อนดึงบางอย่างออกจากเอวแล้วยื่นให้ผม...ปืน!

      “ไปเอามาจากไหนวะ...กูใช้ไม่เป็น” มันปลดเซฟก่อนยื่นให้ผม

      “รอทให้มาไว้ป้องกันตัว...กูว่ามึงจำเป็นต้องใช้มากกว่ากู” มันยัดปืนใส่มือผม “ก็แค่ยิง”

      เราโดนล้อมจริงๆ รถกระบะสามคันขับมาจอดปิดเราไว้ก่อนมีกลุ่มคนเกินสิบลงจากรถรวมกันตรงหน้า ครึ่งหนึ่งมีตาสีเหลืองวาวจ้องผมอย่าหิวกระหายส่วนอีกครึ่งกำลังกลายร่าง ร่างกายกำลังขยายใหญ่เต็มไปด้วยมัดก้ามและขนปกคุมรวมไปถึงส่วนหางที่ค่อยๆ งอกออกมา กรามยื่นพร้อมเขี้ยวยาวคมกริบโผล่พ้นปาก ก่อนส่งเสียงคำราม...แวร์วูฟ!..มนุษย์หมาป่า...ตัวเชี่ยอะไรซักอย่างนั่นละ

      “ไม่ไหวแน่” ผมว่าเสียงสั่น เห็นภาพพี่ริควันนั้นเมื่อเทียบจำนวนแล้วโอกาสรอดแทบเป็นศูนย์ กลัวครับ มองหน้าไอ้โยสีหน้ามันก็แย่พอกันมือมันกดโทรศัพท์ยิกเลยครับ

      “ยื้อไปก่อน รอพวกรอทมา”  พูดเป็นเล่น...จะยื้อยังไงวะ “เฮ้ย! ยืนงงเชี่ยอะไร” ไอ้โยดึงแขนผมหลบกรงเล็บบีสก่อนที่มันจะข่วนหน้าผม

      ปัง ปัง! ผมลั่นไกปืนใส่กลางหัวแวร์วูฟตัวหนึ่งที่กระโจนเข้ามา แต่ก็ไม่พ้นอีกตัวมันฟาดแขนใส่ผมกระเด็นติดต้นไม้จุกมากครับ ปืนกระเด็นหลุดจากมือไถลไปไกลจากตัวผม ชิบหายแล้วไง ส่วนได้โยโดนลากไปอีกทาง มันหลบได้บ้างสวนได้บ้างอาจเพราะเลือดแวมไพร์ในตัวมันเลยทำให้มันพอรับมือไหวแล้วผมล่ะ?

      “อ๊าก!” ผมถอยทันก่อนที่กรงเล็บของมันจะฟาดเข้ากลางตัวแต่โดนขาผมแทน เลือดอาบเลยครับ พยายามดันตัวลุกขึ้นแต่กลับโดนพุ่งใส่จนล้มลงกลับพื้นอีกครั้ง ผมมองภาพตรงแล้วแทบหยุดหายใจ แวร์วูฟสีดำตัวใหญ่คร่อมอยู่บนตัวผม

      “อึก...เจ็บ...อย่า!!” กรงเล็บทั้งสองกดไหล่ผมลงกับพื้นเล็บจิกลึกลงไปในเนื้อ เจ็บจนน้ำตาซึม เขี้ยวยาวๆ ที่พร้อมจะปลิดชีพนั่นห่างไปไม่ถึงฟุต...ตายแน่ผมตายแน่   ...ผมหลับตาเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้าภาวนาด้วยใจที่เต้นแรง

      เอ๋ง! น้ำหนักที่กดทับบนตัวหายไป ลืมตาขึ้นเห็นแวร์วูฟสีน้ำตาลตัวใหญ่ฝังเขี้ยวลงบนคอของอีตัวก่อนกระชากออกจนหลอดลมขาดเลือดกระจาย แล้วจัดการขย้ำพวกที่เหลือต่อ พละกำลังที่ต่างกันทำให้อีก 2-3 ตัวที่เหลือโดนฉีกเป็นชิ้นในพริบตา ผมได้แต่มองภาพสยองนั้นตาค้าง พวกบีสโดนพี่รอทเก็บจนหมดก่อนที่จะเข้าไปพยุงแฟนตัวเองลุกขึ้น

      Awooh!!!! แวร์วูฟสีน้ำตาลตัวใหญ่ ยืนหอนท่ามกลางกองศพศัตรูที่เรียงราย แสงจันทร์วันเพ็ญที่สาดกระทบขนสีน้ำตาลเปื้อนเลือดนั่นสร้างความสยดสยองและหน้าเกรงขามในทีเดียว ร่างใหญ่ยักษ์นั่นกำลังเดินมาทางผมอย่างเชื่องช้า...น่ากลัว!...ผมเผลอกระเถิบถอยอย่างลืมตัวจนหลังไปชนกับต้นไม้ใหญ่แล้วหยุดอยู่ตรงนั้น ผมก้มหน้ากอดเข่าตัวเองนั่งตัวสั่นแบบไม่รู้จะทำยังไง

      ผมรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่าข้างแก้ม ก่อนที่จมูกชื้นๆ นั่นดุนหน้าผมอย่างแผ่วเบาให้ความรูสึกปลอดภัยมากกว่าถูกคุกคามจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมอง สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาอ่อนที่แสนคุ้ยเคยนั่น มันช่างดูอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย ผมรู้ว่าตรงหน้านี้คือใคร ผมเอื้อมือที่สั่นเทาของตัวเองไปสัมผัสใบหน้าใหญ่ๆนั่น ขนสีน้ำตาลนุ่มมือยิ่งทำให้ผมรู้สึกวางใจยิ่งขึ้น

      “พี่หมอ!...ฮือออ...” ผมโผเข้ากอดแวร์วูฟตรงหน้าก่อนปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมเกือบตายไปแล้วถ้าพี่เขาไม่มา ผมดีใจที่พีริคมาไม่ว่าด้วยรูปลักษณ์ไหน ผมก็ดีใจที่เป็นเขา รู้สึกผิดที่กลัวคนที่ช่วยชีวิตและปกป้องผม “ผมขอโทษ...ฮึก”

      “ขอโทษทำไม...หืม” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่ตอนนี้คืนร่างเป็นมนุษย์ ใบหน้าหนวดๆ นั่นยิ้มให้ผม “พี่ไม่ได้โกรธเราซักหน่อย”

      “ผม...ผม...ก็แค่...” ผมก้มหน้าร้องไห้อยู่แบบนั้น รู้สึกตัวเองขี้แยจัง Q_Q

      “เลิกร้องได้แล้ว” คางของผมถูกเชยขึ้นสบตากับคนตรงหน้าก่อนที่ใบหน้าคมนั้นจะโน้มลงมาจูบซับน้ำตาที่ข้างแก้ม...ตึก..ตึก!...ผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดังของตัวเอง รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว...งือ เขินอะ! ยิ่งมองพี่ริคตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมีบ๊อกเซอร์ตัวเดียวทำให้เห็นหุ่นล่ำๆนั่นเต็มตา ...เซ็กซี่จัง

      “อะแฮ่ม! ขอโทษที่ขัดจังหวะแต่เอาไงต่อ?” พี่รอทถามพลางประคองไอ้โยไว้ข้างๆ สภาพมันเยินใช้ได้แต่ไม่มีเลือดตกยางออกแต่ส่วนใด

      “นายพาโยกลับห้องไปละกัน เดี๋ยวผมจะพาได้ตัวเล็กไปทำแผล” พี่หมอตอบพลางสำรวจแผลที่ขาผม เป็นรอยเล็บสามรอยลึกพอตัวเลย

      “มีอะไรก็โทมาบอกกูหน่อยนะ” ไอ้โยว่าก่อนจะเดินขึ้นรถไปกับผัวมันแล้วขับออกไปส่วนมอเตอร์ไซต์เดี๋ยวพี่รอทส่งคนมาเอาไปเก็บอีกที

      “เดินไหวมั้ย” พี่หมอถาม ผมส่ายหน้าตอนแรกก็ลืมๆไปละครับ พอทักมันเลยเจ็บขึ้นมา...สำออยแปป ร่างสูงเดินไปฉีกเสื้อจากศพแถมนั้นมาพันห้ามเลือดไว้ก่อนจะอุ้มผมขึ้น “ตัวเบาจัง กินข้าวมั่งปะเนี่ย”

      “กินแต่ยอดข้าว(เหล้า)” ผมตอบยิ้มๆ พลางกอดคอหนาๆ นั้นไว้กลัวตก...บรรยากาศมันแปลกเนอะ...แต่ก็รู้สึกปลอดภัยนะในอ้อมกอดของพี่หมอ ^^
      


Talk Talk
[/b]

-พักยกมาชมคู่รองกันมั่ง ใกล้เวลาให้ข้าวหมาแล้วละ คิคิ :katai2-1:

-ช่วงนี้เวิ่นหนักมาก คิดไม่ออกก็วาดรูปเล่นแทน ติสเเตกเป็นระยะๆ

-ขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกคน...ทั้งที่เราคิดว่าตัวเองเขียนแบบมึนๆ งงๆ แต่ก็ยังมีคนเข้าใจ :hao5:
      
      

            

หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-06-2015 02:23:04
เดี๋ยวนี้โยเขารับแบบเต็มปากเต็มคำมากเลยว่ามีผัวแล้ว ส่วนคุณก็สู้ๆแล้วกันกับการรักเด็กมนุษย์ธรรมดา
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-06-2015 02:28:35
เต็มปากเต็มคำมากเลยโยว่ามีผัวแล้ว
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-06-2015 07:32:05
  :heaven  ทั้งรูปข้างบนและตอนล่าสุดนี่ฟินลื้มมมมม    :กอด1: 

คือรักน้องโยตรงนี้แหละ นางชัดเจนดี เออเป็นแวมไพร์ก็เป็นสิ มีผัวก็มีสิ แล้วไง 555
แต่ตอนนี้ขอพักสักครู่นะ ขอเทใจให้น้องข้าวกับพี่หมาหน่อย หมาหิวข้าวแล้ว สงสารมันอะทำตาวิบวับตลอดๆ
นี่ถ้าข้าวไม่ได้เป็นเพื่อนกับโยจนเกิดเหตุการณ์นั้นพี่ริคก็คงจะเก็บความลับแบบพี่ชายที่แสนดีไปจนตายแล้วก็อดแดร๊กน้องใช่ไหม
โอ๋ๆ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-06-2015 07:48:49
คู่รองช่างกร๊าวใจจจจจจจจ เปิดมาแบบขโมยซีนน
ชอบน้องข้าวนะ เหมือนจะนุ่มนิ่มก็ไม่สุด แมนอยู่ๆ
รอตอนต่อไปน้าาาาา
ปล. เราว่าเขียนหน้าที่ตอนล่าสุดอัพในหัวเรื่องด้วยก็ดีนะคะ จะได้รู้เนาะ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 25-06-2015 08:24:08
ขอตินิดนะคะ เรื่องการใช้คำ คำว่า เดะ ของคนเขียน เท่ากับคำว่า เดี๋ยว ใช่ไหม ส่วนคำว่า ละ คือคำว่า แล้ว ใช่ไหมเอ่ย? ถ้าใช่ก็อยากจะรบกวนให้แก้ให้ถูกตามการสะกดด้วยนะคะ มันอ่านแล้วรู้สึกขัดๆ รณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องกันดีกว่าเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 25-06-2015 08:54:56
แอร้ยยยยย น้องข้าวแลดูจะโมเอะ สวีทวี้ดวิ้ววว
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-06-2015 09:46:33
ตลกผู้เขียนที่บอกว่าถึงเวลาให้ข้าวหมา ๕๕๕ ข้าวหอมซะด้วยสิ ฮ่าๆฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 25-06-2015 09:51:04
คู่รองน่ารักอ่ะ

รออ่านต่อค่าาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 25-06-2015 11:32:57
(http://upic.me/i/hm/ricardokawhom-1.jpg) (http://upic.me/show/55978583)

ซักรูปสำหรับน้องข้าวกับพี่หมอ

-เรื่องคำผิดเราจะพยายามแก้ให้ สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่ตั้งเเต่เริ่มขอเวลาหน่อยนึงเนอะ จะพยายามทำให้คลีนที่สุดเท่าที่ทำได้จ้า ขอบคุณมากกที่บอก  :-[ บางทีก็พิมพ์มันส์เกินจนเอาภาษาพูดมาปน
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-06-2015 11:50:59
มีคำผิดค่ะ โรคอัมพฤกษ์ เขียนแบบนี้จ้ะ

แล้วว่าแต่โยกับรอทนี่สื่อจิตกันได้เหรอพอโยรู้ตัวว่าโดนล้อมทั้งๆที่ไม่ได้นัดกันแต่เรียกรอทมาได้
แอบสงสัยที่รอทกับริคว่างตรงกันได้อะไรแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 25-06-2015 11:58:36
มีคำผิดค่ะ โรคอัมพฤกษ์ เขียนแบบนี้จ้ะ

แล้วว่าแต่โยกับรอทนี่สื่อจิตกันได้เหรอพอโยรู้ตัวว่าโดนล้อมทั้งๆที่ไม่ได้นัดกันแต่เรียกรอทมาได้
แอบสงสัยที่รอทกับริคว่างตรงกันได้อะไรแบบนี้ค่ะ

-มือมันกดโทรศัพท์ยิกเลยครับ...บรรทัดนี้ครับ โยไลน์ไปบอกสามีจ้า...แล้วก็อย่าลืมว่าโยยังใส่สร้อยที่ gprs ติดอยู่นะจ้ะ เราคิดซับซ้อนไปโทษที
-สองหนุ่มรอทริค ทำงานล่าแต่มีอาชีพอื่นบังหน้าเพื่อจะได้อยู่แบบคนทั่วไปจ้า...มีอะไรก็จะโทรบอกกัน...ประมาณนั้นจ้า
อาทิเช่น โยโดนตีน ข้าวก็ไปด้วย มองในมุมหมอคงรีบวิ่งเลยละจ้า
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 25-06-2015 12:18:38
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[น้องโยจะมีสามีแล้ววววว :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 25-06-2015 14:55:17
รอเวลา"หมา"กิน"ข้าว :katai5:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 25-06-2015 18:38:30
ขอรูปพี่หมอเวอร์ชั่นแวร์วูฟ คลอเคลียน้องข้าวได้ไหมคะ มันคงจะมุ้งมิ้งน่าดู
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 25-06-2015 22:25:14
คู่นี้ก็น่ารักอ่ะ!!  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่12 ผู้พิทักษ์ในคราบอสูรp4 (พี่หมอของหนู)25/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 26-06-2015 10:58:55
บทที่ 13 ขย้ำเหยื่อ
[/b]

      Ricardo Say

      ผมพาไอ้ตัวเล็กกลับมาที่บ้านผมครับ อยู่แถวโรงพยาบาลที่ผมทำงาน เป็นบ้านเดียวขนาดกลาง 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ มีห้องทำงานห้องนั่งเล่นห้องครัวและก็สวนรอบๆ บ้านดูค่อนข้างรกเพราะผมชอบป่าชอบต้นไม้ครับ จริงๆ ที่โรงพยาบาลเค้าก็มีที่พักให้อยู่หรอกแต่บางทีคนของสภาเข้าๆ ออกๆ บ้านผมมันจะน่าสงสัย ผมมีแล็บเล็กๆอยู่ในบ้านด้วยครับ ปกติแล้วไม่ค่อยลงสนามบู๊เท่าไหร รอทออกภาคสนามมากกว่า เว้นแต่งานใหญ่ๆ ก็ไปช่วยมันบ้าง งานของผมส่วนใหญ่เป็นพวกข้อมูล สะกดรอยหรือพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ครับ มันสนุกดีที่ได้ค้นคว้าอะไรที่เราอยากรู้

      ผมอุ้มคนตัวเล็กมานั่งรอที่โซฟาก่อนจะไปรื้ออุปกรณ์ทำแผลในตู้ออกมา มันมากพอๆ กับห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลนั่นล่ะเพราะบางทีก็มีคนของสภาเข้ามาใช้บริการบ้าง

      “เจ็บมากมั้ย...” ผมมองสำรวจแผลที่ขาเรียวนั่นอย่างกังวล เป็นรอยเล็บลึกๆ 3 รอย แต่ตอนนี้เลือดหยุดไปแล้วรับ ผมมีความอดทนกับกลิ่นเลือดค่อนข้างสูงเพราะทำงานในโรงพยาบาลเหมือนเป็นการฝึกควบคุมตัวเองไปในตัว

      “ไม่หรอกแค่นี้เอง” คำตอบกับสีหน้านี่ไปคนละทางเลยครับ...เชื่อตายล่ะ

      “พี่ว่าต้องเย็บล่ะ” ข้าวหอมมองผมตาโตเลยครับ

      “แค่เอาแอลกอฮอลล้างก็พอมั้งพี่” ไอ้ตัวเล็กต่อรองสีหน้าดูหวาดๆ พอบอกต้องเย็บแผลรนลานใหญ่เลย

      “แผลมันกว้าง...ไม่เย็บมันจะสมานตัวยาก” ผมอธิบาย พร้อมเตรียมยาชาใส่สลิง

      “ไม่...ไม่เอา...ผมกลัวเข็ม” ข้าวหอมว่าพลางดึงมือที่ถือเข็มผมไว้ งอแงหนักเลยทีนี้ เข็มอันแค่นี้กลัว เจอของผมเข็มโคตรใหญ่คงชอคตายหึๆ (ทะลึ่งวะ)

      “น่า...เจ็บแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็ชา” ผมปัดมือเล็กๆ นั่นออก พร้อมดึงขาข้างขวาที่เจ็บมาพาดบนตัก “กลัวก็หลับตาเลย”

      “อ๊ะ!...” คนเจ็บดึงหมอนอิงขึ้นมากอดพร้อมซุกหน้าลงเก็บเสียงร้องของตัวเอง  เหมือนเด็กเลยครับ...ฮ่าๆ  ฉีดไปสามเข็มแผลละเข็มครับ ระหว่างรอยาออกฤทธิ์ก็เตรียมไหมรอไปพลางๆ เอาไหมละลายแล้วกันจะได้ไม่ต้องตามมาตัดอีกที

      “พร้อมยัง...” คนถูกถามเงยหน้ามองผมน้ำตาคลอก่อนพยักหน้ารับ...สงสารเลยครับ

      ผมลงมือเย็บแผลให้ข้าวหอม ระหว่างเย็บก็มีร้องบ้าง ถีบผมบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะน้องมันเจ็บผมเข้าใจ แผลมันใหญ่เหมือนจะชาไม่ทั่ว ฉีดหลายเข็มกว่านี้น้องมันก็กลัวเข็ม...เฮ้อ  กว่าจะเสร็จเกือบครึ่งชั่วโมง เย็บไปตั้ง 21 เข็ม มองแล้วเซ็งขาน้องมันจะเป็นแผลเป็นหรือเปล่าวะ ผมว่าไอ้นั่นมันตายสบายไป น่าจะจัดมันหนักๆ กว่านี้

      “ขอบคุณครับ” คนเจ็บยิ้มตาหยีให้ผม เปลี่ยนอารมณ์ไวแท้ “เกือบตีสี่แล้ว ผมว่า...ผมกลับดีกว่า”

      “จะกลับไปไหนล่ะ นอนนี่แหละ สภาพนี้กลับไหวหรอเรา” ผมว่าพลางเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด “หิวมั้ย” ข้าวยิ้มตอบแล้วส่ายหัว ...เอิ่ม! อย่ายิ้มบ่อยสิ น่ารักเกิน! ผมเอายาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดให้น้องมันกินกันไว้ก่อน ตื่นเช้ามาคงมีระบมแน่ๆ




      “ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ” ผมบอกพลางยื่นผ้าขนหนูให้ข้าว ผมบังคับให้น้องมันมานอนห้องผมโดยแถว่าอีกห้องไม่ได้ทำความสะอาด...อิอิ “ให้พี่ช่วยอาบก็ได้นะ”

      “ไม่!...พี่หมอ...ผมอาบเองได้” ข้าวว่าพร้อมดันอกผมไว้เมื่อผมทำท่าจะเดินตามเข้าไปในห้องน้ำด้วย ...หน้านี่แดงเลยครับ...ผมกะว่าถ้าน้องมันโอเคก็ดีเลยจะได้เห็นเด็กน้อยแก้ผ้า

      ปัง! ประตูถูกปิดใส่หน้าท่าทางจะเขินจริงจัง แค่จินตนาการถึงร่างเล็กๆที่ปราศจากเสื้อผ้านั่นแล้วเลือดลมมันเดิน...ว่าไอ้รอทไว้เยอะ รู้สึกเริ่มเข้าตัวครับ...รื้อเสื้อผ้าในตู้ซักพักได้บอกเซอร์กับเสื้อเชิตบางๆ สีขาว ให้น้องมันใส่ชุดนี้นอนไปแล้วกันครับดูสบายๆดี




      นั่งเพ้อซักพักข้าวก็เดินออกมาโดยมีแค่ผ้าขนหนูพันเอว เฮือก!...ผิวน้องมันขาวเนียนอมชมพูแบบคนมีเชื้อจีน หยาดน้ำเกาะพรายตามตัว เห็นแล้วอยากเอามือไปลูบดูจัง ผมเผลอมองอยู่พักใหญ่ก่อนจะเรียกสติแล้วยื่นเสื้อผ้าให้น้องมันใส่ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปเลยครับ...กลัวจะทนไม่ไหวขย้ำคนตรงหน้าเอา




      สงบสติอารมณ์อยู่นาน จัดแจงอาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมาผมก็ต้องมาเจอกับภาพทรมานหัวใจ ข้าวหอมหลับไปแล้ว ร่างเล็กๆ ในเสื้อเชิตตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นที่เมื่อโดนชายเสื้อปิดก็ดูเหมือนไม่ใส่อะไรเลย...หืม...น่ารัก...เซ็กซี่

      พอกันที!

      อ๊าก...ไม่ไหวแล้วโว้ย!...นักล่าก็คือนักล่าเอาชนะสัญชาติญาณไม่ได้หรอก ผมลูบไล้เรียวขาเนียนลื่นมือ ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มนิ่มๆนั่น แวร์วูฟจมูกดีมาก นอกจากกลิ่นสบู่และกลิ่นแป้งยังได้กลิ่นกาย เตะจมูกมาด้วยครับ เสียศูนย์เลยทีนี้ เลยก้มลงไซร้คอหอมๆ นั่นอย่างหมั่นเขี้ยว อาจแรงไปหน่อยหรือไม่ก็โดนหนวดผมทิ่มเลยทำให้คนที่หลับอยู่เริ่มรู้สึกตัว

      “งือ...จั๊กจี้...อย่ากวน”...มือเล็กๆ พยายามดันหน้าผมออกห่าง ขนาดละเมอบ่นยังน่ารัก “จะนอน...อืม” ผมจูบปิดริมฝีปากนิ่มๆนั่น  ละเลียดชิมอยู่นานก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปเล่นกับลิ้นเล็กๆในปากซึ่งเจ้าตัวก็ตอบสนองผมเล็กน้อยเพราะยังไม่ตื่นดี

      “อื้อ...อ่อย(ปล่อย)” คนโดนจูบประท้วงเพราะหายใจไม่ทัน ตอนนี้ตื่นมามองตาแป๋วเลยครับ “พี่หมอ!...จะทำอะไรน่ะ” ข้าวถามเสียงตื่นๆ

      “จะปล้ำเด็ก” ผมตอบยิ้มๆ ก่อนก้มลงไปจูบอีกรอบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว น้องมันทุบผมใหญ่เลยแรงแค่นี้ไม่สะเทือนหรอก แล้วคนข้างล่างก็ยอมสยบแต่โดยดี...ฮ่าๆ อ่อนจริง ผมจูบคนตัวเล็กจนหนำใจจึงยอมปล่อย มองริมฝีปากแดงนี่เผยอหอบนั่นแบบถูกใจ ก่อนจะแหวกสาบเสื้อเชิตออกในทีเดียวทำเอากระดุมขาดไปเลย...ไว้ค่อยซื้อใหม่

      “พี่หมอ...อย่า...อย่าจับตรงนั้น อ้ะ” ข้าวดิ้นเมื่อมือสากๆ ลูบไล้ไปทั่ว ตัวน้องมันเนียนนุ่มลูบเพลินมือดีจัง “งือ...อย่ามอง...ผม...ผมอาย...อ๊ะ” แก้มใสแดงแป๊ดตัวก็แดงไม่แพ้กัน...โอ้ย...น่ารัก...มืออย่างเดียวไม่พอแล้วล่ะ ผมก้มลงดูดดุนยอดอกทั้งสองข้างสลับกับพรมจูบไปทั่วร่าง ส่วนมือก็ล้วงเข้าไปในกางเกงตัวบางทักทายข้าวหอมน้อยที่กำลังขืนมือ

      “อา...มันเสียว...” ข้าวหอมบอกเสียงพร่าปลุกลูกชายผมให้เริ่มแข็งขืนขึ้นมา ผมจัดการถอดกางเกงตัวน้อยโดยระวังไม่ให้โดนแผลก่อนจะโยนให้พ้นทางพร้อมผ้าขนหนูที่ตัวผม...เกะกะ แล้วหันมาสนใจสิ่งตรงหน้า ที่กำลังชี้หน้าผมอย่างท้าทาย จึงจับขาเรียวทั้งสองดันขึ้นจนติดอก

      “อ๊ะ...อาห์...พี่หมอ...ซีด....อือ” ร่างบางบิดเร่าเมื่อผมขยับมือรูดแก่นกายนั่นพร้อมก้มลงดูดดุนตรงส่วนหัวทำเอาน้ำใสๆ เริ่มเยิ้มออกมา ลิ้นไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆ แวะแน่นกับลูกบอลสองอันนั้นก่อนจะลากลิ้นเลยไปถึงช่องทางสีหวานด้านหลัง โลมเลียจนชุ่มแล้วค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไป

      “อ๊ะ..!” นิ้วแรกเข้าไปแล้ว

      “พี่หมอ...!” นิ้วที่สองตามเข้าไป

      “อื้อ...เอาออก...ผมเจ็บ” แล้วเพิ่มนิ้วที่สามเข้าไปท้ายสุด

      ผมแร่งจังหวะมือด้านหน้าเมื่อดึงความสนใจก่อนจะเริ่มขยับนิ้วที่สอดไว้ เรียกเสียงครางกระเส่าจากคนข้างล่างทำเอาลูกชายผมปวดหน่วงอยากจะปลดปล่อยเต็มทน...เดาว่าน้องมันน่าจะพร้อมแล้ว ผมจึงจัดแจงเอาขาทั้งสองเกี่ยวเอวไว้ก่อนจะจับลูกชายตัวโตไปจ่อที่ปากทาง....ข้าวหอมทำท่าจะถอยหนีแต่ผมรั้งเอวไว้

      “ฮึก...เจ็บ” เพียงแค่ส่วนหัวที่กดเข้าไปทำเอาคนตัวเล็กต้องผงกหัวขึ้นดูอย่างตื่นตระหนก “ฮือ...พอ...พอแล้ว...เจ็บ” ข้าวหอมปล่อยโฮเลยครับทีนี้ ทั่งที่พึงเข้าไปได้แค่ส่วนหัวเอง

      “ฮือ ไม่เอา...เอาออก...พี่หมอ....เอาออก...มันเจ็บ...ฮือ” ร่างบางดิ้นพล่านจนแผลที่ขาเลือดซึม น้องมองผมอย่างอ้อนวอนด้วยน้ำตานองหน้า...ผมแพ้...ต่อให้อารมณ์ตอนนี้มันอยากแค่ไหน...แต่สภาพนี้แล้วผมใจไม่แข็งพอจะทำร้ายคนตรงหน้า

      ไอ้รอทก็เคยบอกแหละว่ากับโยแรกๆ ก็มีปัญหาเรื่องนี้ ยิ่งผมกับข้าวหอมสรีระต่างกันมาก น้องคงจะแย่กว่าถ้าเตรียมตัวกันไม่ดี

      “เอาออกแล้ว...พี่เอาออกแล้วครับ” ผมยอมถอยออกมาแต่โดยดี ก่อนจะจูบซับน้ำตาให้คนที่นอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างใต้แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่งพร้อมช้อนเอาคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก

      “พี่ขอโทษ...ไม่ร้องนะ...” ผมดึงข้าวมากอดพลางลูบหัวปลอบซักพักถึงหยุด เอาล่ะ...คราวนี้จะทำยังไงกับลูกชายผมที่ยังค้างอยู่เนี่ย

      “พี่หมอจะทำอะไร!” ข้าวร้องอย่างตกใจเมื่อผมจับรวบแก่นกายของน้องกับตัวเองเข้าด้วยกัน

      “ข้าวต้องช่วยพี่หน่อยแล้ว” ผมบอกพลางยิ้มหื่นๆ “ทิ้งไว้แบบนี้...เดี๋ยวพี่อดไม่ไหว ทำต่อนะ...คราวนี้ข้าวร้องแค่ไหนพี่ก็จะไม่หยุดด้วย” ผมก้มลงกระซิบข้างหูเป็นเชิงขู่ ทำเอาอีกคนหน้าแดงเถือกเลยทีนี้ มือนิ่มๆ สั่นๆ ทั้งสองค่อยๆ โอบรอบแกนกลางของเราอย่างกล้าๆ กลัว

      “แล้วยังไงต่อ...อาห์” ข้าวหอมหลุดครางเมื่อผมบังคับมืออีฝ่ายให้เริ่มขยับ...ถึงจะเก้ๆกังๆ แต่แก่นกายทั้งสองที่เสียดสีกันก็ทำเอาเสียวใช่เล่น “อือ...อาห์...ดีมั้ย....”

      “ดีครับ...” ผมปล่อยมือตัวเองออกปล่อยให้น้องเป็นคนทำแล้วหันมาลูบไล้ผิวกายเนียนๆ นั่นแทน “เร่งขึ้นอีก...อาห์ เก่งจัง” ผมเชยคางน้องขึ้นมาจูบส่วนอีกมือเค้นบั้นท้ายนิ่มๆอย่างระบายอารมณ์...แบบนี้ก็รูสึกดีเหมือกันนะ

      “อือ...อ๊าห์ ผม...ผมไม่ไหวแล้ว” เสียงหวานครางถี่ตามจังหวะมือที่เร่ง ผมเอามือบี้ยอดอกเล็กๆ นั่นทำเอาทำเอาร่างบางแหงนหน้าขึ้นด้วยความเสียวจึงถือโอกาสทิ้งรอยจูบไว้ที่คอขาวๆ นั่น มือเล็กๆ ทั้งสองเริ่มรั้งผมจึงดึงออกแล้วใช้มือผมรวบแล้วขยับแทน ข้าวหอมเอาแขนโอบรอบคอ มือข้างหนึกจิกหลัง ส่วนอีกข้างทึ้งผมยาวๆ ด้วยความเสียว ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตอนนี้อารมมันพุ่งสูงไม่แพ้กัน

      “อ๊ะ...อ๊าห์...พี่หมอ...อ๊าห์” ข้าวหอมครางยาวก่อนจะกระตุกเก็งแล้วปลดปล่อยออกมาอย่างแรงพร้อมกับของผม น้ำสีขาวขุ่นของเราเลอะเต็มมือ บางส่วนกระเด็นเลอะหน้าท้อง ข้าวซบหน้าลงไหล่ผมพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผมก้มลงหอมหัวทุยๆ นั่นไปที

      “ฝากไว้ก่อนนะตัวเล็ก ครั้งหน้าพี่เอาจริง” ผมกระซิบข้างหูแต่ไม่มีเสียงตอบ คงหลับไปแล้วล่ะ ผมจัดการพลิกคนในอ้อมกอดลงนอนราบบนเตียงก่อนจะหยิบเอาทิชชู่หัวเตียงมาเช็ดคราบเลอะออกจากตัวเราทั้งคู่ ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ ดึงร่างเล็กๆ นุ่มนิ่มนั่นเข้ามากอดพร้อมดึงผ้าขึ้นห่ม....นึกในใจ ครั้งหน้าจะทำยังไงให้น้องมันเสร็จผมดีนะ...!

---ยังจะมีครั้งหน้าอีกเหรอ!?---



Talk Talk
[/b]

-ให้ข้าวหมาแล้ว แต่พี่หมาเอ้ยพี่หมอไดเอทกินไม่หมด คิคิ ไว้แก้ตัวรอบน่าเนอะ :katai5:

-เราควรจะเริ่มเข้าสาระกันดีมั้ยน้าาา หรือยังอยากชิวต่อแต่ว่าคงต้องสลับๆ กันไปแหละ o18

-ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และคำผิดต่างๆ ที่ช่วยดูมาให้ พยายามตามแก้อยู่เนอะ :z13:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 26-06-2015 13:19:54
ตัวเล็ก ยอมๆไปเหอะนะ พี่หมอมันจะคลั่งเอา
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 26-06-2015 13:30:07
เสร็จหมอซะละน้องข้าว รอ รอ อ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-06-2015 13:32:41
 :hao7:  หมาไดเอท ฮ่าๆ คือว่าพี่แกทนได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้วล่ะ ข้าวหอมหอมยั่วยวนเกินไปนะ
ช่วยไม่ได้เพราะหมาจมูกดี อิอิ
ไปเตรียมเจลมาให้พร้อมเลย แล้วก็รอให้แผลน้องดีขึ้นหน่อยเถอะ
เราว่าช่วงนี้กำลังชิลก็ชิลๆไปสักตอนสองตอนก็มุ้งมิ้งดีค่ะ โยกับข้าวก็เพิ่งรอดตายมาไม่นาน
มีคำผิดประปราย แต่ที่ชัดเจนคือคำว่า "สรีระ" ที่ถูกเขียนแบบนี้จ้า
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 26-06-2015 13:35:17
ง่ะ.ออเดิร์ฟ ยังไม่ฟูลคอร์ส
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-06-2015 13:41:40
เสร็จหมอหื่น
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 26-06-2015 14:32:37
ให้ข้าวหมา....จิ้นไปถึงตอนขุ่นพี่ริคอยู่ในร่างครึ่งแวร์วูฟ แล้วก็นะ...ตรงนั้นเป็นแบบน้องหมา มี bulbus glandis คือมโนไปไกลมาาาาาาก

รอบหน้าเอาให้สำเร็จนะ พี่ริค
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 26-06-2015 14:33:12
หมารกินข้าวไม่อิ่ม ระวังจะโดนขย้ำทีหลังน้าาาา หุๆๆๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-06-2015 16:39:24
สงสัยต้องเตรียมนานๆ ไม่งั้นต้องพึ่งน้องนางทั้งห้าต่อไป
เกือบไปแล้วนะข้าววว
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 26-06-2015 21:18:34
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:เกือบไปแล้วตัวเล็ก :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-06-2015 22:36:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 27-06-2015 02:25:57
ให้ข้าวหมา....จิ้นไปถึงตอนขุ่นพี่ริคอยู่ในร่างครึ่งแวร์วูฟ แล้วก็นะ...ตรงนั้นเป็นแบบน้องหมา มี bulbus glandis คือมโนไปไกลมาาาาาาก

รอบหน้าเอาให้สำเร็จนะ พี่ริค

ก็อยากจะลองเขียนอยู่นะ หึๆ มาแนว fury อะไรงี้หรอ เอาจริงๆ เราก็ไม่ค่อยเทพ nc ด้วยแหละมีดีแต่วาดรูป ... o18

(http://upic.me/i/9q/wolfandkid.jpg) (http://upic.me/show/55996530)

เหมือนเห็นเเวบๆ ว่ามีรีเควส งายหยาบไปนิดขออภัย
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 27-06-2015 08:47:51
พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 27-06-2015 11:44:42
สนุกดีครับ รอๆๆๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 28-06-2015 20:36:13
ยอมพี่หมอไปเถอะข้าวหอมเอ๋ย

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่13ขย้ำเหยื่อ p5 (ถึงเวลาให้ข้าวหมาอิอิ) 26/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 29-06-2015 00:40:06
บทที่ 14 วันสบายๆ
[/b]


      Yonah Say

      มันเป็นสุดสัปดาห์ที่วุ่นวายดีแต่ก็สีสันดีสำหรับชีวิตที่เคยน่าเบื่อของผม แต่เรื่องเมื่อคืนมันขำไม่ออก ไอ้ข้าวหอม มันเกือบตายแล้วถ้าพวก
รอทมาช้ากว่านี้ มันทำให้ผมคิดอยากจะเก่งกว่านี้ผมควรจะระวังให้มากกว่านี้ถึงผมจะพอเอาตัวรอดได้ แต่คนรอบข้างบางคนก็แค่มนุษย์ธรรมดาและอ่อนแอ ต่างจากตัวผมที่ร่างกายฟื้นฟูไวถึงไม่ไวเท่าพวกรอทแต่อาการเจ็บเนื้อเจ็บตัวเมื่อคืนก็แทบไม่รู้สึกแล้ว

      รอทสอนผมหลายอย่างเรื่องการเอาตัวรอด ประสาทรับรู้ผมดีขึ้นมากจากเมื่อก่อนถึงขนาดที่สามารถแยกออกว่าเป็นพวกอมนุษย์เผ่าพันธ์ไหน ส่วนเรื่องกลิ่นไอของตัวผมพยายามจะฝึกอำพรางมันอยู่แต่ไม่เข้าใจหลักการเลย ผมไม่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรมาตั้งแต่เกิดคงต้องใช้เวลา รอทเลยบอกว่าจะหาเครื่องรางอันใหม่มาให้ผมใส่อำพรางกลิ่นไอไปก่อนเพราะความเป็นจริงแล้วมันคงอยู่กับผมตลอดเวลาไม่ได้หรอก คนเรามีหน้าที่ต้องทำ




      รอทมันเอาผมมาทิ้งไว้สนามยิงปืนตั้งแต่เช้าโดยมีคนรู้จักมันคอยสอนให้ ส่วนคุณผัวเวรหายหัวไปไหนไม่รู้ ซ้อมยิงปืนจนเที่ยงนั่งเซ็งๆ เลยโทรหาไอ้เพื่อนรักดีกว่าไม่รู้เป็นไงบ้าง โดนหมาคาบไปแดกแล้วหรือยังก็ไม่รู้

      ตู๊ดด...ตู๊ดด...แม่งไม่รับอย่าบอกนะเมื่อคืนไอ้หมอมันจัดหนักเพื่อนผมอะ ป่านยังไม่ฟื้น เพื่อนกูเจ็บอยู่นะเว้ย...ผมสังเกตสองคนนี้มาซักพักละ ไอ้หมอนั่นมันมองเพื่อนผมตลอดเห็นว่ารู้จักกันมานานแต่ไม่รู้ว่าสนิทขนาดไหน ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกอะไรเพราะขนาดผมเองยังไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้ผัว-*-...โทรหาไอ้หมอก็ได้วะ

      ตู๊ดด...ตู๊ด...

      /หวัดดีครับ/ แหมรับซะเสียงหล่อเลยนะ

      /ดีหมอ...เอาเพื่อนผมไปไว้ไหน/ เข้าประเด็นเลยครับ

      /ที่บ้านผมไง...ตัวเล็กมันขาเจ็บเย็บไปตั้ง 21 เข้ม/ ตัวเล็ก!!!...แม่งเรียกซะน่ารัก /ผมอยู่โรงพยาบาล เข้าเวรเช้าวันนี้เดี๋ยวบ่ายสามโน่น ถึงเข้าไป/

      /บ้านหมออยู่ไหนอะ...เดี๋ยวผมเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนมัน/

      /แถวโรงพยาบาลนั่นแหละ เดี๋ยวส่ง google map ให้/

      /ขอบคุณครับ/




      ผมวางโทรศัพท์จากว่าที่เพื่อนเขยก่อนโบกรถให้ไปส่งตามแผนที่ กลางวันแสกๆแบบนี้คงไม่มีอมนุษย์ตัวไหนมาไล่ขย้ำผมหรอก ไปถึงหน้าบ้านกรดกริ่งเรียกรอซักพักไอ้เพื่อนตัวดีก็เดินกระโผลกกระเผลกมาเปิดให้ สภาพหัวยุ่งรู้เลยว่าเพิ่งตื่น

      “มาไงวะ..” ข้าวหอมถามเมื่อเห็นหน้าผม

      “วาปมามั้งสัส...โทรถามหมอ” ผมตอบพลางเดินตามมันเข้าไป “โทรมาไม่รับวะ”

      “เพิ่งฟื้น...เชี่ยปวดขามากอะ” มันทำหน้าสำออยก่อนทิ้งตัวลงโซฟา สังเกตแผลมันแดงเพราะเริ่มอักเสบ แต่ไม่ได้พันผ้าไว้คงกะให้แผลแห้งครับ

      “เออ..กูก็นึกว่าโดนพี่หมอมันจับปล้ำไปแล้วซะอีก” มันสะดุ้งครับหน้านี่แดงเลย “เฮ้ย...หรือว่าโดนไปแล้ว”

      “สัส...ยังๆ ข้างหลังกุยังบริสุทธ์” มันส่ายหัวยิกเลยทีนี้ “แค่เกือบ...มึงดูสภาพเพื่อนด้วย”

      “จริงหรอ...เกือบยังไงเล่ามาดิ” ว่าเสร็จก็คว้าคอมันมาใกล้ๆเลยครับ กูอยากรู้หึๆ บังคับขู่เข็นมันซักพักสุดท้ายมันก็ยอมเล่า จริงๆพวกผมไม่ค่อยมีความลับต่อกันเท่าไหร่ครับ เล่ามันทุกเรื่องอย่างแต่ก่อนไปได้สาวคนไหนยังมาเล่าเลยครับนี่แหละสันดานผู้ชาย ระวังไว้นะสาวๆ

      “พี่หมอมึงคนดีวะ...ถ้าเป็นไอ้รอทนะ กูร้องจะเป็นจะตายมันก็ไม่สนหรอก” คิดแล้วแค้น อิจฉาเพื่อน ผัวผมแม่งไม่ค่อยถนอมผมเลยให้ตายสิ หื่นจัดห้ามก็ไม่ฟัง ไอ้วันฝึกการต่อสู้ระยะประชิดแม่งลวนลามผมตลอด...สาระแทบไม่มี

      “เป็นแฟนกันยัง” มันส่ายหัว

      “หิววะ...แต่ขี้เกียจทำกับข้าว...ขี้เกียจเดินด้วย” ไอ้ข้าวมันงอแง “เข้ามาก็ไม่ซื้ออะไรมาแดก ไหนละ ของเยี่ยมคนป่วย เพราะมึงเลยเนี่ยกูเป็นแบบเนี่ย” บ่นๆ...แม่ง...เพราะผมเองแหละรู้สึกผิดเลย

      “งั้นโทรสั่งพิซซ่า...กูเลี้ยงไถ่โทษ...จะเอาอะไร”

      “เอาพิซซ่าหน้าซีฟูดค๊อกเทลขอบไส้กรอกชีส ไก่ทอด ซีซ่าสลัด สปาเกตตี้ผัดขี้เมา  ผักโขมอบชีส โอเนี่ยนริง เอาแป๊ปซี่ด้วย...เอ้อ ไอติมด้วย” มันร่ายยาวเลยครับ ความเกรงใจนะมีมั้ย

      “สัส!...” ด่าได้แค่นั้นแล้วก็โทสั่งตามมันบอก...ไอ้เพื่อนบังเกิดเกล้า...เห็นว่าเหลือมึงคนเดียวหรอกเลยเอาใจ “ไปอาบน้ำไป”

      “ขี้เกียจเดินขึ้นข้างบนอะ”

      “ห้องน้ำข้างล่างก็มี”

      “แต่ผ้าขนหนู เสื้อผ้า แปรงสีฟันอยู่ข้างบนนะ” ผมมองหน้ามันก่อนถอนหายใจหนักๆ “แบกกูขึ้นไปหน่อยสิ”

      “kวย...เจ็บขาหรือเป็นง่อย” ปากก็ด่ามันไปงั้น แต่ก็แบกมันขึ้นไปอยู่ดี รอมันอาบน้ำซักพักก็ลำบากพามันลงมาอีกพอดีกับพิซซ่ามาส่ง นั่งกินตรงโซฟาพลางดูหนังไป คุยเรื่องสัพเพเหระกันไป มันใช้สิทธ์คนป่วยจิกหัวใช้ผมไปล้างจานหยิบโน่นหยิบนี่ให้มัน ยอมๆ มันไปซักวัน ปกติมันต้องโดนผมใช้ อากาศยามบ่ายชวนขี้เกียจสุดๆเปิดแอร์เย็นๆไม่ใช่ไฟบ้านผม นอนดูทีวีต่อเริ่มเบื่ออยากเล่นเกมแต่ก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนมัน นั่งซักพักเริ่มไหล ไหลซักพักเริ่มง่วง...หลับแม่ง...ส่วนไอ้ข้าวหลับก่อนผมอีก

.............................................................


      กว่าหมอจะกลับเกือบหกโมงเย็น เห็นไอ้หมาป่านั่นดูแลเพื่อนผมก็วางใจครับ มันเก่งอย่างน้อยไอ้เตี้ยมันก็ปลอดภัย(มั้ง) จากนั้นไม่นานไอ้
รอทก็มารับผม แม่ผมโทรมาด้วย เห็นว่าจะกลับพุธนี้ดีใจจัง ได้เวลาทำตัวเป็นลูกแหง่ติดแม่แล้ว

      “ไปไหนมาทั้งวัน” ผมถามขณะคาดเข็มขัดให้ตัวเอง

      “ทำไม...คิดถึงหรอ” มันตอบยิ้มๆเดี๋ยวเหอะเอาผมไปทิ้งไว้สนามยิงปืนยังไม่เคลียเลย

      “หลงตัวเองวะ” แล้วกูจะเขินทำไม

      “ไปทำไอ้นี่มา” รอทว่าพลางเอาจี้สร้อยลายดาวห้าแฉกให้ดู “มันเป็นเครื่องรางแบบที่แตกไปของนาย...มาใส่ให้” มองรอยยิ้มมันรู้เลยมันจะทำอะไรหึๆ จะหลอกลวนลามอีกแล้วละสิ

      “เอามาจะใส่เอง” บอกมันนิ่งๆ

      “น่า...อย่าดื้อสิ เดี๋ยวใส่ให้”

      “เอามา! ไม่งั้นลงรถ...เดี๋ยวกลับเอง” เอาสิ...อย่าไปตามใจมันครับ ไอ้คุณรอททำหน้าเซ็งก่อนจะยอมยื่นจี้สร้อยให้ผมแต่โดยดี

      “เอามา!…” ผมบอกพลางมองหน้าหล่อๆขึ้นเสียงนิดๆ

      “ก็ให้ไปแล้วนี่”

      “หน้ามึง อะเอามา” ผมบอกเสียงดุเลยทีนี้ แกล้งมันครับ

      “ครับ ครับ!”  มันยื่นหน้ามาให้ผมแบบงงๆ

      “ขอบใจนะ...จุ๊บ” ผมจูบปากมันเบาๆ เขินชิบหายรู้สึกหน้าร้อนไปหมด เหอๆ...นี่ทำอะไรไปวะ...ช่างมันแค่รู้สึกอยากให้อะไรมันซักหน่อยอุส่าไปทำเครื่องรางมาให้ คนโดนจูบยิ้มหน้าบานเลยครับ แถมยังจ้องผมไม่เลิก

      “จะกลับไปมั้ยห้องอะ...หรือจะนอนบนรถ” ผมด่ามันแก้เขิน




      ผมกลับถึงห้องก็นั่งเพนท์งานที่ต้องส่งวันจันทร์ส่วนรอทไปทำอะไรให้ผมกิน จูบปากมันไปทีถึงกับเชื่องเลยหึๆ...ชอบสั่งผมดีนักเดี๋ยวผมจะเอาคืนให้หนัก...การจะเพ้นท์อะไรขึ้นมาซักอย่างมันไม่อยากหรอก มันยากตรงตอนคิด คุณอาจใช้เวลาคิดคอนเซปมากกว่า3-4 ชั่วโมงแต่ลงมือทำแค่ชั่วโมงเดียว งาน composition หัวข้ออะไรก็ได้ มันยากตรงอะไรก็ได้นี่แหละคิดไม่ค่อยออก บางทีไปเลือกเรียนสายคำนวณอาจสบายกว่านี้เฮ้อ!




      “รอท...วันพุธกลับไปอยู่บ้านนะ” ผมบอกหลังจากเรากินข้าวเย็นเสร็จ

      “ทำไมหรอ??”

      “แม่ผมกลับไทย จะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่” ผมบอก

      “นานมั้ยอะ!?” รอทถามพลางล้างจานไปด้วย

      “จนกว่าจะบินไปทำงานอีกรอบนั่นแหละ...ช่วงนี้คงไปล่าบีสกับนายไม่ได้หรอก” ไอ้คนล้างจานอยู่หันมามองผมหน้าหงิกเลยทีนี้ มันถอนหายใจหนักๆใส่ก่อน จะหันไปล้างจานต่อจนเสร็จแล้วเดินมาทางผมที่โซฟา...สายตาแม่งแปลกๆ

      “เพ้นท์งานเสร็จยัง” เหอๆ เสียงนิ่งมากครับเดาอารมณ์ไม่ถูก

      “เสร็จแล้ว”

      “ดี!...ป่ะไปอาบน้ำกัน” มันว่าพลางออกแรงลากผมลุกจากโซฟา “ไหนๆ จะไม่อยู่มาทำหน้าที่ล่วงหน้าไว้ก่อนเลย”...เฮือก!...ผมรับรู้ถึงรังสีความหื่นจากตัวมัน...ซวยละโยนาห์

      “เชี่ย...รอท...ไม่ อุ๊บ!” ยังไม่ทันจะร้องห้ามเสียงผมก็หายไปกับจูบมัน เล่นจู่โจมมาไม่ทันได้ตั้งตัว ลิ้นชื้นสอดเข้ามาอย่างดุดัน ไม่ว่ากี่รอบผมก็แพ้ลีลามันตลอด มันจูบเก่งมาก เข้าขั้นเชี่ยวเลยก็ว่าได้ คงฝึกมาดีอยู่มาตั้ง 50 กว่าปี ไม่รู้ไปเป็นผัวใครมามั่ง ก่อนมาได้ผมเนี่ย หึ...คิดแล้วโมโหเลยผลักมันออก

      “คืนนี้ไม่ต้องนอนนะ” มันกระซิบเสียงพร่า ก่อนฉกลงมาใหม่ด้วยจูบที่อ่อนหวาน หลอกล่อให้ผมคล้อยตามรสจูบนั่นจนเผลอตอบโต้มันแบบไม่รู้ตัว รู้สึกมึนๆเบลอๆ จนเผลอหลับตารับรสจูบนั่นอย่างเคลิบเคลิ้ม รู้สึกเหมือนโดนอุ้มลอยจากพื้น รอทอุ้มผมขึ้นขณะที่ปากยังคงบดจูบอยู่แบบนั้นพลางเดินพาผมเข้าห้องน้ำไป

      สุดท้ายผมก็ไม่รอดจาดเงื้อมมือมาร มันเอาซะคุ้มเลยครับตั้งแต่ห้องน้ำยันเตียงนอน ตอกย้ำความเป็นผัวผมยันเช้า ถึงมันจะไม่ใช่มนุษย์แต่มันอึดถึกทนไปเปล่าวะ ด้วยร่างกายผมที่เปลี่ยนไปทำให้ผมมีแรงเล่นกับมันหลายยก ยิ่งทำให้มันได้ใจเลยทีนี้....กี่รอบไม่อยากนับ...ปวดหัว เหนื่อยมากด้วย นึกว่าจะตายคาเตียง...ใครก็ได้ช่วยผมจากไอ้แวมไพร์หื่นกามนี่ที...ได้โปรด Q_Q

ขี้เกียจเขียน nc เอาเพลงนี้ไปฟังละกันแนวๆนี้ละมั้ง ได้อารมณ์คล้ายกันหึๆ
https://youtu.be/vgakZ9UmHX4
:oo1:


Talk Talk
[/b]

-Deepy Sorry เลยงวดนี้ที่มาช้าไปนิดเเถมอัพสั้นด้วย เนื่องจากวุ่นวายกับการย้ายสัมโนครัวอยู่  :hao5:
-ยังคงความสบายๆ ของเนื้อหาไปก่อน ชื่อบทงงๆ กันไปฮ่าๆ...หลังๆ หนักมาก...หนักซะจนเขียนเองยังสยองเลย....ว่าไปนั่น :hao7:
-ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ส่วนท่านใหม่ๆ ที่หลงเข้ามาก็ขอให้อยู่กับเรานานๆ luv u all :mew1:

            
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-06-2015 05:44:48
น่ารักจังเลยค่ะ. ขอบคุณ.  :L2: 
โยจะบอกแม่ไหมนะเรื่องความฝันตอนที่ใกล้ตาย แล้วก็เรื่องตัวตนที่แท้จริง
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 29-06-2015 07:01:14
ได้รูปตามรีเควสด้วย อิอิ ขอบคุณค่า
ก็ถ้าพูดถึงนิยาย ที่เมะกลายร่างเป็นสัตว์ตระกูล canis ได้  ชอบมีฉากในร่างหมาเป็นไฮไลท์นี่คะ 555  อ่านแล้วฟินดี

พี่รอท หลงเมียสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 29-06-2015 07:17:07
โว้ โยอึดขึ้นแบบนี้  เข้าทางตารอทเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 29-06-2015 08:36:09
อดนอนเลยทีเดียว  :z1: :z1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 29-06-2015 08:45:37
ผัวหรือตัวเองหื่นกันแน่
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 29-06-2015 08:55:17
ทำไมคำว่า ไอ้ผัวเวร ที่โยพูดมันถึงฟังดูน่ารัก

ไม่นะ อย่าขี้เกียจเขียน nc สิ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-06-2015 10:17:31
ใช้งานคุ้มไปไหม
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-06-2015 10:42:05
ยิ่งอึดยิ่งเข้าทางรอท เหอๆๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 29-06-2015 10:50:48
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-06-2015 01:07:13
มีผัวหื่นต้องทำใจน่ะโย
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่14 วันสบายๆ(มุ้งมิ้งไปก่อนอิอิ)p5 up29/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 30-06-2015 08:59:42
บทที่15 รู้ใจ
[/b]


      Kawhom Say

      ผมใช้เวลาสุดสัปดาห์อยู่ที่บ้านพี่หมอครับ ผมไม่ได้โง่ผมพอจะรู้ว่าพี่เขาคิดอะไร จากสิ่งที่พี่เค้าทำ ดูแลเป็นห่วงผมสารพัดรวมทั้งเรื่องคืนนั้นที่ผมเกือบเสร็จเขาไปแล้วแต่นั่นอาจเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ผมแค่ไม่เข้าใจและไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ผมรู้จักพี่ริคมานานถึงเขาจะใจดีแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบผม ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป บางทีเขาอาจทำไปเพราะไม่อยากให้ผมกลัวที่เขาเป็นแวร์วูฟ อยากให้ผมรู้สึกสนิทใจกับเขาเหมือนเดิม คิดได้แบบนั้นแล้วลมหายใจมันสะดุด


      ผมเลือกที่จะกลับมาอยู่ที่หอถึงแม้พี่ริคจะคะยั้นคะยอให้ผมอยู่ต่อจนหายก็ตาม มันอยู่ไม่ได้ ทุกอย่างที่เขาทำให้ผมมันทำให้ผมหวั่นไหว จนเริ่มกลัวใจตัวเอง กลัวจะคิดไปเองคนเดียว อีกอย่างพี่เขาก็เป็นผู้ชาย ถึงโยกับพี่รอทจะเข้ากันได้ก็ใช่ว่าเรื่องของผมมันจะเป็นแบบนั้น ผมคิดฟุ้งซ่านมา 3-4 วันแล้วยิ่งพี่เขาคอยโทรมาถามทุกวันยิ่งตอกย้ำให้ผมนึกถึงแต่เขาเฮ้อ!



      “เหม่อเชี่ยไร” หัวผมแทบทิ่มเพราะโดนไอ้โยตบก่อนมันจะนั่งลงข้างๆ ผม มันคงเรียกหลายรอบแล้วล่ะ

      “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”...ผมว่าพลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างที่ผมชอบทำเวลาเครียดๆ

      “เรื่อง?...”

      “เรื่องที่บ้านนะ...อาม่าแกสุขภาพค่อยไม่ดี” ผมตอแหลไปงั้น ไม่อยากตอบคำถามเรื่องพี่เขาตอนนี้

      “ก็แกแก่แล้ว เตรียมใจไว้บ้างก็ดี” ไอ้โยว่าพลางตบไหล่ผมเบาๆ “ขอมวนดิ!?” ผมหยิบบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อให้มัน ก่อนมันจะนั่งสูบเป็นเพื่อนผมเงียบๆ แค่นี้ก็สบายใจแล้ว

      “ผัวไม่มาเฝ้าหรอวันนี้” เดี๋ยวนี้พักเที่ยงหรือคาบว่างๆ พี่รอทมาหาเพื่อนผมตลอด นั่งเฝ้ามันจนคนในคณะเริ่มสงสัย เห็นว่าโยมันกลับไปอยู่บ้านแม่เลยเจอกันแค่ที่มหาลัย ไม่รู้เพื่อนผมไปทำเสน่ห์อะไรให้ติดซะขนาดนี้

      “ไม่รู้แม่ง” คนข้างๆ ยักไหล่หน้าเซ็ง “เห็นช่วงนี้บอกเริ่มคดีใหม่มั้ง”



      นั่งเพลินๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น พี่ฟ่างโทรมา เหอๆ ปกติเจ๊แกสนใจผมที่ไหนละ ธรรมดาพี่สาวกับน้องชายแหละครับกัดกันบ้างไม่ถูกกันเป็นธรรมดาแต่เราไม่เคยทิ้งกันในยามคับขันหรอกนะ

      /ว่าไงป้า/

      /ป้าหน้าแกสิไอ้ข้าวเน่า/ พี่ข้าวฟ่างด่าสวนทันที

      /พี่ก็ข้าวนะ ข้าวฟ่างเน่า...หึๆ/ ผมหัวเราะกวนตีน

      /เดี๋ยวจะโดน/
      /มีไรป้า ว่ามาอย่าลีลา...คิดถึงสุดหล่อคนนี้ก็บอก/ ผมยังไม่เลิกครับ สนุกเวลาเห็นเจ๊แกดิ้น

      /วันนี้อาม่ามีนัดทำกายภาพบำบัด พาไปด้วย/

      /อ่าว...แล้วป้าไม่ว่างหรอ/ ผมถามแบบงงๆ ปกติเจ๊แกเป็นคนพาไปครับ

      /ไม่ว่างย่ะ...ต้องปิดยอดช่วงนี้...พาไปด้วยละกัน 6 โมงเย็น...ถ้าแกไม่เลิกเรียกฉันว่าป้าละก็...ขอให้ไม่มีผู้หญิงเอา/ ทำไมผมไม่เจ็บกับคำแช่งเจ๊แกเลยวะ...หึๆ...ผมจะโดนผู้ชายเอาแทนแล้วเนี่ย



      ผมดูนาฬิกาในโทรศัพท์สี่โมงเย็นแล้วรีบไปดีกว่า ต้องไปเอารถยนต์กว่าอาม่าแกจะอาบน้ำแต่งตัว บอกลาไอ้โยเพื่อนรักก่อนจะแว้นกลับบ้าน...ไปโรงพยาบาลก็ต้องไปเจอคนที่ทำให้ผมประสาทกินนะสิ...พี่หมอมันเป็นหมอเจ้าของไข้อาม่าผมแถมอาทิตย์นี้มันเข้าเวรกลางคืนด้วย



      ผมมาที่โรงพยาบาลพาอาม่ามานั่งรอซักพักก็ถูกเรียก เข้ามาในห้องตรวจพี่หมอยิ้มให้เราทั้งคู่ ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่าพี่เขามองตาผมแปลกๆ ทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วยเนี่ย  พี่หมอนั่งคุยนั่งตรวจ สอบถามเรื่องอาการต่างๆ จากอาม่าผมด้วยหน้าตายิ้มแย้มใจดีตามไสตล์ที่คนเป็นหมอพึงมี    ก่อนจะมีพยาบาลมาพาอาม่าไปทำกายภาพบำบัด   


      “ไม่ต้องตามไปหรอกนั่งรอในห้องนี้ก็ได้” พี่ริคบอกพร้อมดึงแขนผมไว้เมื่อผมทำท่าจะตามไป ทีนี้เหลือกันอยู่ในห้องสองต่อสองเลยครับ

      “แล้วพี่ไม่ตรวจคิวต่อไปหรอ” ผมถามแบบงงๆ

      “ยังไม่ถึงเวลาเข้าเวร อาม่าเรานัดไว้ พี่เลยเข้ามาก่อนเวลา” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ทำไมใส่ขายาวละ มันไม่ขูดแผลหรอ”

      “ไม่อยากให้คนที่บ้านเห็น ขี้เกียจตอบคำถาม”

      “งั้นขอพี่ดูหน่อย” พี่หมอดึงผมไปนั่งบนเตียงคนไข้ก่อนจะดันขาข้างที่เจ็บขึ้นชันเข่าส่วนอีกข้างห้อยลงมา แล้วเลิกขากางเกงขึ้นเบาๆ

      “โอ๊ะ!” ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อพี่เค้าเอามือแตะเบาๆ เจ็บแผลก็ส่วนหนึ่งแต่ความรู้สึกอื่นนี่มันอะไร

      “ล้างแผลทุกวันหรือเปล่า” พี่เขาถามผมหน้าเครียด “แล้วยาที่ให้ไปกินหรือเปล่า”

      “ก็ล้างทุกวันนะ แต่ยาบางทีก็ลืมแหละ” ผมยิ้มแห้งๆ ให้เมื่อเขามองผมแบบดุๆ

      “ถึงว่าแผลยังอักแสบอยู่ ดีนะปิดสนิทแล้ว ไหมก็ละลายจะหมดแล้ว” พี่ริคว่าพลางดึงขากางเกงลง แต่สิ่งที่ต่อไปนี่สิ ทำเอาผมใจเต้นโครมครามเลยครับ เมื่อร่างใหญ่เท้าแขนลงขอบเตียงก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดอยู่แถวคอผม รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเลยทีนี้ “ยังสูบบุหรี่อยู่หรอ”

      “อืม” ผมตอบพลางหลบสายตาคมๆ นั่นถึงบอกไงว่าผมทนอยู่บ้านพี่ริคไม่ได้หรอก

      “มันไม่ดี” พี่หมอว่าก่อนจะเงยหน้ามาอยู่ในระดับเดียวกันจนจมูกเราแทบจะชนกัน “เดี๋ยวปากสวยๆ นั่นมันจะคล้ำเอานะ” ผมเหมือนถูกตรึงอยู่ตรงนั้นเมื่อในตาสีน้ำตาลจ้องมาที่ริมฝีปากผมอย่างมีอะไร หน้าหนวดๆ นั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนปากแทบชนกัน ผมเผลอหลับตากลั้นหายใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

      “คุณหมอค่ะ!” พี่หมอผละออกทันทีเมื่อพยาบาลสาวนางหนึ่งเปิดประตูเข้ามา...ทำไมไม่เคาะวะ “นี่เป็นรายละเอียดผลเมมโมแกรมคนไข้เมื่อวานค่ะ”

      หมอหยิบแฟ้มเอกสารนั่นมาเปิดดูโดยมีพี่สาวคนสวยนั่นตามมายืนข้างๆพร้อมชี้ถามรายละเอียดในส่วนต่างๆ บนแฟ้มจนดูเหมือนจะซบไหล่พี่เค้าเต็มที...หึ...ทำไมผมถึงรู้สึกไม่พอใจว่า เมื่อเห็นว่าพยาบาลคนนั้นแอบยิ้มอย่างเขินๆ ยิ่งทำให้รู้สึกเดือดในใจ เดาว่าเธอคงชอบคุณหมอของเธออยู่เป็นแน่ เห็นพี่เขายิ้มอบอุ่นพร้อมกล่าวขอบคุณเธอ...รอยยิ้มนั่น!เหมือนที่ให้ผม...พี่หมอมีให้กับทุกคน...ผมก็แค่คิดไปเองสินะว่าผมพิเศษ มันรู้สึกเจ็บขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก



      หากไม่นับเรื่องที่เป็นแวร์วูฟแล้วมองชายตรงหน้าแบบคนธรรมดา หมอริคคงเป็นคนที่เพียบพร้อม หน้าหนวดๆผมยาวๆนั่นไม่อาจปกปิดรูปหนาที่แสนจะดูดีนั่นได้กลับดูเท่ไปอีกแบบ เมื่อบวกกับบุคลิกที่ดูอบอุ่นเป็นกันเองนั่น พร้อมทั้งหน้าที่การงานคงมีสาวมากมายที่สนใจในตัวคนๆ นี้ แล้วผมล่ะ...ผมจะเอาอะไรไปสู้ เรื่องใหญ่อีกอย่างคือผมเป็นผู้ชาย ที่พี่หมอคงคิดว่าเหมือนน้องชายที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก...ผมได้แต่ก้มหน้ารับความจริงตรงจุดนี้และเชื่อว่ามันจะดีขึ้นในไม่ช้า

......................................

      แต่เปล่าเลย...ผมไปส่งอาม่าที่บ้านก่อนจะกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่หอแล้วกดโทรศัพท์หาไอ้โยเพื่อนรัก มันฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ หาแอลกอฮอลกระแทกปากคงทำให้จิดใจสงบขึ้น

      /โย กูอยากแดกเหล้า/  ผมบอกมันอย่างเหนื่อยๆ...เหนื่อยใจตัวเอง

      /เชี่ยเตี้ย...กูอยู่กับแม่/ มันด่า /ไม่ไปเรียนหรือไงพรุ่งนี้/

      /ไป แต่กูอยากแดก เซ็งๆ/

      /กูไม่ไป/

      /งั้นกูไปคนเดียวก็ได้/ ผมบอกแต่ยังไม่ทันได้วาง

      /เดี๋ยว...ถือสายรอแปป/ เหมือนได้ยินปลายสายคุยอะไรกับแม่มัน /รออยู่นั่นเดี๋ยวกูไปรับ...อีกครึ่งชัวโมง/



      ผมลงมารอหน้าหออีกครึ่งชั่วโมงตามที่มันบอก ไอ้โยก็มาพร้อม cbr1000 คู่ใจมัน เหอะ...เพื่อนผมแม่งหน้าตาดีชิบหาย แค่เสื้อเชิทสีเทากับกางเกงยีนแม่งก็หล่อสะบัดแล้ว มันพาผมมาผับใกล้ๆมหาลัย คนไม่แน่นมากเพราะยังเป็นคืนวันพฤหัสอยู่ มันเปิดโต๊ะที่มุมชั้นสอง รู้ใจจังว่าผมอยากได้มุมส่วนตัวนั่งสงบสติอารมณ์ ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาโดยมีไอ้โยนั่งตรงข้ามกัน ไม่นานถังน้ำน้ำแข็ง เหล้าและมิกเซอร์ก็มาเสิร์ฟตรงหน้าพร้อมกับแกล้มอีก 2-3 อย่าง ผมลงมือชงเหล้าให้ทั้งตัวเองและมันอย่างไม่รีรอ

      “ไม่สบายใจเรื่องอะไร...” มันถาม ตาสีเทาจ้องผมนิ่งๆ ผมไม่เคยเดาอารมณ์มันถูกเลยครับไอ้นี่ แต่เหมือนมันจะมองผมออกตลอดไม่ว่าเรื่องอะไร “จะเล่าให้กูฟังมั้ย”

      ผมพยักหน้ารับปิดมันไปก็ไม่ได้อะไร มันฟังผมได้ทุกเรื่องไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ บางทีมันก็มีคำแนะนำดีๆ บางทีมันก็แค่ฟังเงียบๆ ดีซะอีกได้ระบาย
      “กูคิดว่า...กูชอบพี่หมอวะ” ผมบอกพลางถอนหายใจหนักๆ ก่อนกระดกหมดแก้ว

      “ทำไมกูไม่แปลกใจวะ...”

      “ก็นะ...” ผมก้มมองของเหลวสีอำพันในมือเพราะถูกชงจนเข้ม “แต่กูแปลกใจตัวเองมากกว่าวะ...กูรู้จักพี่เขามานานไม่เคยคิดเลยว่าจะหลงชอบมัน...แค่รู้สึกว่ามันก็เป็นพี่ชายผู้แสนดีคนหนึ่ง...จนเรื่องพวกเชี่ยนั่นเกิดขึ้น...ตอนแรกกูกลัวมันมาก มันก็พยายามดีกับกูสารพัด ดูแลเอาใจใส่กูซะจนกูเริ่มหวั่นไหวกับมัน จากที่คุยกันเฮฮา กลับอยู่ใกล้มันแล้วทำอะไรไม่ถูก...เดาว่ากูคงชอบมันไปแล้ว” ผมเล่าไปพลางจิบเหล้าไปจนหมดแล้วเติมอีกแก้ว รู้สึกเหมือนเป็นสาวน้อยที่กำลังจนหนทางในรัก ฮ่าๆ

      “มึงก็บอกมันไปสิ...” ไอ้โยที่เหมือนจะมองอะไรซักอย่างที่ชั้นล่างบอกผมแต่สายตามันก็ยังมองอยู่แบบนั้น...สงสัยเจอสาวเด็ดๆ

      “จะบอกยังไงวะ กูเป็นผู้ชาย” ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ตัวเอง

      “กูกับรอทก็เป็นผู้ชาย!” มันว่าพลางจ้องหน้าผมจริงจัง “พี่หมอมันก็ดูจะชอบมึงนิ...กลัวอะไร”

      “มันไม่ได้ชอบกู...” ผมส่ายหัวช้าๆ “มันดีกับกูมากแต่มันก็ดีแบบนั้นกับทุกคนนั่นแหละ” คิดแล้วก็เฮิท

      “แล้วมึงจะเอายังไง”

      “ก็...” ผมพิงพนักแบบเหนื่อยพลางเหม่อมองฝ้าเพดาน “ปล่อยไว้คงจะดีขึ้นเอง”
      “ตามใจมึง” รู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่ลูบหัวผมเบาๆ ผมหลับตาซึมซับมัน รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะที่ได้เล่าออกไป ขอบคุณที่มันยอมฟังแม่เทศนาเพื่ออกมาเป็นเพื่อนผม

      ผมดื่มจัดมากแต่ไอ้โยมันก็ไม่ได้ห้ามอะไรเพียงแค่นั่งชงเหล้าให้ผมเงียบๆ จนเวลาล่วงเลยถึงตีสองร้านจะปิดเลยต้องลากสังขารกลับ ตอนแรกมันจะไปส่งแต่มันต้องกลับบ้านซึ่งอยู่ไกลไม่อยากให้มันเสียเวลา ผมเลยเรียกแท็กซี่กลับเองครับ ...เมามาก รู้ตัวเลย หวังว่าพรุ่งนี้คงตื่นไปเรียนไหวนะ

.............................................

      ผมต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแล้ว เหอะๆ ผมบอกลุงแท็กซี่มาส่งเองแหละ...เท้าทั้งสองก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มันคง ผมกำลังตรงไปห้องพี่หมอโดยไม่สนสายตาทุกคู่ที่มองตามผมอย่างสงสัย...ไม่เคยเห็นคนเมาหรือไง!...ผมมาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานมันก่อนจะเอื้อมมือไปเลื่อนประตูตรงหน้า...รู้สึกว่ามันหนักกว่าปกติ

      “ข้าว!...” พี่หมอละมือจากเอกสารตรงหน้ามองผมอย่างแปลกใจ “มาไงเนี่ย...แล้วทำไมสภาพเป็นแบบนี้” ว่าแล้วพี่แกกูลุกขึ้นมายืนตรงหน้า พลางสำรวจผมด้วยสายตาเป็นห่วง...หึ!

      “ขอร้องล่ะอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น”

      “พูดอะไรน่ะ เราเมาใช่มั้ย” พี่หมอทำท่าจะยกมือมาจับแก้มผมแต่โดนปัดออก

      “อย่า...ทำเหมือนเป็นห่วงผมสิ...อย่าดีกับผม...ถ้าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับผม...มันทำให้ผม...ผม...” ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าจากม่านน้ำตา

      “ข้าว?...ข้าวเป็นอะไร” ร่างสูงทำท่าจะเดินเข้ามาแต่ผมถอยห่าง

      “มันทำให้ผม...ชอบพี่” บ้าเอ้ย พูดออกไปจนได้ ผมเห็นอีกฝ่ายมองผมแบบอึ้งๆ แต่ไม่มีคำพูดใดๆ ..พี่เขาคงไม่ได้ชอบผมจริงๆ นั่นแหละ แต่พูดไปแล้วคงย้อนกลับไม่ได้แล้วสินะ ต่อจากนี้คงมองหน้ากันไม่ติดแล้วล่ะ ท่ามกลางสถานการณ์ชวนอึดอัด ผมพยายามอย่างมากที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

      “หมอ...หมอ...” บุรุษพยาบาลคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน “มีเคสฉุกเฉิน...มีคนรถคว่ำโดนเหล็กแหลมแทงสาหัสเลยครับ”

      พี่หมอหันมามองผมสลับกับบุรุษพยาบาลคนนั้นก่อนจะหยุดสายตามาที่ผมอย่างครุ่นคิด

      “รออยู่นี่นะ เสร็จธุระเดี๋ยวพี่กลับมาเคลีย” พี่ริคบอกผมเสียงเข้มเหมือนสั่ง ก่อนจะรีบร้อนออกไป น้ำตาผมร่วงทันทีที่ประตูปิดลง ทำไมการชอบใครซักคนมันทรมานขนาดนี้วะ...รออะไรละ...ผมอยากออกไปจากที่นี่ ออกจากความรู้สึกอึดอัดนี้เต็มทน

Talk Talk
[/b]

-เป็นพาสที่เด็กน้อยงอแงมโนหนักมาก อยากจะเคลียคู่รองให้มันจบๆ ถ้าเป็นเราไม่นั่งเดาหรอกค่ะ หาได้แบบพี่หมอลูกสองลูกสามไปนานแล้ว :z1:
-เรามองว่าความรักความรู้สึกบางทีมันอาจไม่ราบรื่น แต่นั่นมันคือรสชาติ :o12:
-ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตาม และให้กำลังเด้อ :L2:




      


      

หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 30-06-2015 09:21:40
เป็นเด็กขี้เหล้าจ้าวมโน จริงๆ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 30-06-2015 09:58:11
น้องข้าวหอม ทำไมคิดไปเองแบบนี้ล่ะ นี่ถ้าไม่เมา จะไม่มาพูดแบบนี้ใช่มั้ย อย่าพึ่งหนีพี่หมอหมาไปไหนนะ เดี๋ยวพี่หมอมันมาเคลีย โอเค๊!!!
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-06-2015 10:35:13
 :ling1:  โถๆน้องข้าวของเจ้ สับสนน่ะได้แต่ว่าเชื่อพี่หมอเถอะ อย่าดื้อ
รออยู่ตรงนั้นแหละ ทะเล่อทะล่าออกไปข้างนอกจะแย่เอา
ตื่นมาแล้วค่อยเคลียร์เนอะ   :hao6:
ไม่อยากให้น้องสูบบุหรี่ก็อย่าทำให้น้องเครียดนะพี่ริค
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-06-2015 11:33:40
เดี๋ยวก็รู้
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 30-06-2015 12:49:28
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 30-06-2015 12:52:49
ความรักก็อย่างนี้แหละ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-06-2015 13:14:30
โอ๋ๆ ใจเย็นๆค่ะน้องข้าวววว ฟังพี่หมอก่อนอย่าพึ่งหนีลูก
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-06-2015 21:45:11
โธ่ๆๆ น้องข้าวอย่าพึ่งมโน ฟังพี่หมอหมาก่อนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่15 รู้ใจ (ข้าวหอมมาแล้วจ้า)p6 up 30/6/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 01-07-2015 09:03:43
บทที่ 16 เข้าใจ
[/b]



   
   Ricardo say

   ผมพยายามเพ่งสมาธิกับมีดผ่าตัดตรงหน้า แต่ภาพข้าวหอมกลับกวนใจผมอยู่ตลอด เอาไงดีวะ ฝืนผ่าตัดไปก็กลัวพลาด แล้วพระเจ้าก็ส่งคนมาช่วยชีวิตผมเมื่อเพื่อนหมอที่เข้าเวรอีกสองคนเดินเข้าห้องผ่าตัดมาพอดี ผมเลยให้จัดการต่อ ส่วนตัวผมรีบกลับมาที่ห้องทำงาน สองขาก้าวยาวๆจนแทบวิ่ง แต่เปิดประตูเข้าไปกลับไม่เจอคนที่ผมบอกให้รอ แต่น้องจะไปไหนได้เมาจนเดินไม่ตรงขนาดนั้น ผมวิ่งออกมานอกโรงพยาบาล มองซ้ายมองขวากลับไม่มีวี่แวว เลยเดินไปถามลุงยามหน้าประตู

   “ลุงครับ เห็นผู้ชายตัวผอมๆ ขาวๆ มั้ยครับ อ่า...สูงประมาน 170 อายุประมาณ 18-19 ครับ” ผมถามอย่างร้อนใจ

   “ไอ้เด็กที่ดูเมาๆ อะหรอ” ลุงถามกลับ ผมพยักหน้ารับ “เห็นยืนรอรถอยู่พักนึง แต่ไม่มีเลยเดินออกไปแล้ว”

   “ทางไหนครับ...”

   “เห็นออกประตูเลี้ยวซ้ายเดินไปทางโน้น” ลุงว่าพร้อมชี้บอก ผมกล่าวขอบคุณลุงก่อนวิ่งกลับมาที่รถแล้วสตาร์ทออกไปอย่างรวดเร็ว ในสภาพมนุษย์มันยากที่จะตามกลิ่นจากที่ไกลๆ ขับตามออกไปก่อนไม่เจอค่อยเปลี่ยนร่างหาอีกที




   ขับมาไม่ไกลก็เจอคนที่ผมตามหาเดินไปตามถนนมืดๆ ผมบีบแตรใส่แต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะหันมอง จึงตัดสินใจขับรถปาดหน้าจนล้อเกยไปบนฟุตบาท ปกติผมห่วงรถผมนะแต่ตอนนี้มีสิ่งที่ห่วงกว่า ผมเปิดประตูลงรถก่อนคว้าเอาคนตัวเล็กไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งหนี คนในอ้อมแขนดิ้นพล่านแต่ไม่มีแม้แต่เสียงโวยวายเพราะเจ้าตัวเล่นกัดริมฝีปากแน่นจนแดงช้ำอย่างขัดใจ

   “ปล่อย!” ข้าวหอมสั่งเสียงดังเลยทีนี้...ดื้อจริงเด็กคนนี้

   “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ผมบอกก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วบังคับให้น้องมันเข้าไป “ไปคุยกันที่บ้าน” รีบปิดประตูแล้วไปประจำที่คนขับก่อนออกรถไปอย่างรวดเร็วก่อนที่คนข้างๆ จะเปิดประตูลง ระหว่างทางไม่มีคำพูดใดๆ จากข้าวเลยเพราะเจ้าตัวเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยขอบตาแดงๆ นั่น




   พอถึงบ้านผมลากเด็กงอแงเข้าบ้านก่อนจะกดไหล่เล็กๆ ให้นั่งลงโซฟาแต่โดยดี ดวงตาสีดำมองผมนิ่งๆ จมูกแดงตาแดงไม่รู้ว่าเพราะร้องไห้หรือเมา ส่วนผมนั่งลงข้างๆ คนตัวเล็กทำท่าจะกระเถิบหนีแต่ผมคว้าเอวไว้ก่อนจะรั้งให้ขึ้นมานั่งบนตัก ดิ้นอยู่ซักพักก็เลิกเพราะรู้ตัวว่าไร้ผล

   “ที่บอกพี่ในห้อง พูดอีกรอบซิ” ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายหลบตา

   “ผมบอกให้พี่อย่ายุ่งกับผม” ข้าวตอบ พยายามเกะมือผมออก

   “ไม่ใช่...ก่อนที่พี่จะออกจากห้องนะ” ผมจำได้ครับว่าน้องมันพูดอะไรแค่อยากฟังอีกรอบเท่านั้น ตอนที่มันบอกว่าชอบผมดีใจมากครับ ดีใจจนพูดไม่ออกเลย ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจว่าจะค่อยๆจีบ ให้แน่ใจแล้วค่อยบอกน้องมัน และมาสารภาพกันแบบนี้ก็ช็อคสิแต่จากสภาพอาการแล้วต้องเข้าใจอะไรผมผิดอยู่แน่ๆ

   “พี่จะอยากรู้ทำไม...พี่ไม่ได้ชอบผมนิ ไม่ได้คิดอะไรก็ปล่อยๆ ผมไปซักที...ฮึก” ร้องไห้ซะงั้น ผมรู้แล้วว่าเรื่องอะไร...ที่คนตัวเล็กงอแงแบบนี้คงคิดไปเองว่าผมไม่ได้คิดอะไร คิดว่าตัวเองชอบผมฝ่ายเดียว...เฮ้อ!

   “พี่เคยบอกหรอ ว่าไม่ชอบเรา” ข้าวส่ายหน้าแบบมึนๆ “แล้วเคยบอกหรอ ว่าไม่ได้คิดอะไร” ก็ยังส่ายหน้าต่อไป ผมก้มจูบหน้าผากน้องมันไปทีอย่างอ่อนใจ

   “ถ้าพี่ไม่ชอบเรา พี่จะทำแบบนี้มั้ย”

   “ก็พี่หมอดีกับทุกคนนิ ยิ้มให้คนนั้นคนนี้ไปทั่ว” แก้มเนียนแดงระเรื่อก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้างุด สรุปคือหวงผม!? ถึงมันจะดูไร้สาระแต่ทำไมผมถึงยิ้มวะ

   “แต่พี่จูบเราคนเดียว” ผมยืนยันด้วยการจูบปากเล็กๆ นั้นไปที...ไม่น่าพอ มือนิ่มๆ ผลักหน้าผมไว้ก่อนที่จะทันได้จูบอีกที

   “พูดก่อนสิ”...พูดไรวะ “พูดว่าชอบผมก่อนสิ” ....ยังจะทวง ฮ่าๆ “ขอผมเป็นแฟนด้วย”...แหนะ มีสั่ง

   “พี่ชอบน้องข้าว...” เด็กขี้แยยิ้มหน้าบานเลยครับ “พี่รักน้องข้าว พี่คิดถึงแต่น้องข้าว อยากกอดน้องข้าว อยากจูบน้องข้าว เป็นแฟนกับพี่นะ” ข้าวพยักหน้า ผมสบตาสีดำนั้นอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มเข้าหาคนที่เขินหน้าแดงนั่นเรื่อยๆ...น่ารัก
   
   “อืม...” เสียงหวานครางในลำคออย่างพอใจเมื่อผมบดจูบริมฝีปากเล็กๆ นั่นดูดดื่ม แถมลิ้นเล็กยังตวัดตอบผมอีกอาจเพราะยังเมา ผมรับรู้ได้ถึงกลิ่นเหล้าและบุหรี่ที่ยุงกรุ่นในปาก พลันรสจูบเริ่มดุดันร้อนแรงพร้อมๆ กับอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น...อา...ผมไม่ไหวแล้ว

   “พี่หิวมากเลย” ผมเผลอแลบเลียริมฝีปากตัวเองพลางมองปากเล็กที่เผยอหอบอย่างหิวกระหาย “ขอกินข้าวได้มั้ย” คนตัวเล็กยิ้มเขินก่อนพยักหน้ารับ...จะรออะไรล่ะ...กินสิครับ...จะกินให้หมดทั้งตัวและหัวใจเลย
   



   บทจูบร้อนแรงเริ่มขึ้นแบบไม่มีใครยอมใคร...น้องมันจูบเก่งจัง...เสียงชื้นๆของลิ้นทั้งสองที่ตอบโต้กันจนน้ำลายแทบหกยิ่งทำให้ผมอยากจะกลืนกินอีกฝ่ายซะเดี๋ยวนั้น ผมจัดการลอกคราบเด็กน้อยตรงหน้า ก่อนจะผลักให้นอนราบลงบนโซฟา ทอดมองร่างเล็กที่มองมองตอบผมด้วยดวงตาเป็นประกาย หน้าแดงตัวแดงไหนจะริมฝีปากแดงช้ำนั่นอีก ไม่รอช้าผมจัดการก้มลงไปซุกใช้ดูดดุนทิ้งรอยไว้ทั่วร่าง

   “อ๊ะ...อย่ากัด” ร่างบางสะดุ้ง เมื่อผมกัดแผ่นอกแบนราบนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจัดการขบเม้มยอดอกที่เริ่มแข็งเป็นไตสลับกันสองข้างเรียกเสียงครางของคนข้างล่างหนักขึ้น เล่นจนหนำใจจึงวกกลับมาจูบปากหวานๆ นั่นอีกรอบ มือเล็กปัดป่ายไปทั่วตัวก่อนจะพยายามแกะกระดุมเสื้อผมออกอย่างเงอะงะไม่ทันใจผมจึงจัดการถอดมันออกเอง ก่อนจะปลดตะขอรูดซิบลงแล้วจับเอาหมาป่าตัวร้ายไปทักทายกับข้าวหอมน้อย ผมรวบทั้งสองเข้าด้วยกันก่อนขยับรูดปลุกอารมเราทั้งคู่จนเริ่มแข็งขืน

   “ไม่ต้องปิดหรอก” ผมตึงมือออกเมื่อข้าวพยายามปิดปากกลั้นเสียงไว้ “พี่อยากได้ยินเสียงเรา” ผมชอบเสียงน้องครางจัง...แบบนี้ต้องให้ครางดังๆ คิดได้ดังนั้นผมจับขาเรียวนั้นชันขึ้นก่อนเลื่อนตัวลงจู่โจมข้าวหอมน้อยด้วยปาก ไล้เลียส่วนหัวก่อนจะรับเข้าไปเต็มปากเต็มคำ

   “อ๊ะ...โอ๊ย...ซี๊ด...มันเสียว...” คนโดนกระทำบิดเร่าผมเหลือบมองใบหน้าเนียนที่จ้องมาที่ผมด้วยความเสียว กระตุ้นให้ผมขยับปากรูดสลับกับดูดดุนท่อนเนื้อนั่นอย่างนึกสนุก พลางค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลัง การเล้าโลมด้านหน้าทำให้ผมสอดนิ้วเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ จนครบสามโดยที่น้องไม่ได้โวยวายมีแต่ครางอย่างเดียว ผมรับรู้ว่ามันฝืดทั้งที่คิดว่าต้องเตรียมพร้อมแต่นี่ไม่มีอะไรเลย...คงต้องเอาอะไรลื่นๆ เหมือนกันมาใช้แทนก่อนหึๆ

   “พี่หมอ...อ๊ะ..จะออก...ไม่ไหวแล้ว” ข้าวหอมแอ่นสะโพกด้วยความเสียวพลางจิกหัวผมแน่นจนแทบกระชาก บ่งบอกว่าใกล้เสร็จเต็มที ผมจึงเร่งทั้งปากทั้งมือหนักขึ้น จนน้ำอุ่นร้อนพุ่งเข้ามาเต็มปากผมที่รอรับอยู่ไม่ได้คิดจะหลบ รับรู้ถึงรสชาติปะแล่มๆในปาก เผลอกลืนไปนิด แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แถมบางส่วนยังล้นออกมาตรงมุมปากอีก

   “พี่...คายเลยมันสกปรก” คนตัวเล็กลนลานกับผลงานตัวเอง ผมก็คายใส่มือตัวเองก่อนจะเอาน้ำขาวๆ นั่นไปชโลมทั่วลูกชายที่ตอนนี้ขยายจนแทบระเบิด คนตัวเล็กมองลูกชายในมือผมแบบหนักใจ...คงอึ้งกับขนาด อิอิ

   “ใช้นี่ไปก่อนเนอะ” ผมว่าก่อนจุ๊บหน้าผากน้องไปทีแล้วจับขาเรียวนั้นแยกกว้าง ก่อนจะนำแก่นกายที่กำลังปวดหนึบไปจ่อ

   “มันจะเจ็บมากมั้ย” ข้าวถามเสียงสั่น

   “เจ็บ...แค่ตอนแรกเดี๋ยวรู้สึกดีเอง” ยิ้มให้กำลังใจน้อง “แล้วข้าวจะชอบ” ผมค่อยดันแก่นกายเข้าไปมันแน่นจนเสียวไปทั้งร่างพลางเหลือบมองหน้าน้องไปด้วย ดูแล้วคงเจ็บมากจนน้ำตาซึมแต่เจ้าตัวกลับกัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ร้องออกมา

   “ให้พี่หยุดไหม” ผมถามอย่างเห็นใจ แต่คนเล็กกลับส่ายหัวก่อนที่จะโน้มคอลงไปจูบ ผมจูบตอบอย่างอ่อนโยนปลอบปะโลม

   “ใส่มาเลยทีเดียว...อ๊ะ” น้องข้าวกระซิบเสียงขาดๆ ผมจึงกดเข้าไปรวดเดียวจนมิดลำทำเอาคนตัวเล็กผวาคว้าคอผมลงไปจูบกลั้นเสียงร้องไว้แต่น้ำตากลับไหลพราก ...โอ๊ยทรมานเด็ก

   “ไหวมั้ย” คนถูกถามพยักหน้ารับพลางหลับตานิ่งอยู่แบบนั้นคล้ายเตรียมใจ ซึ่งผมก็ไม่รีบร้อนขยับให้น้องมันได้ปรับตัว เอื้อมมือไปปาดเช็ดน้ำตานั่นพร้อมกดจูบหน้าผากมนที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ช่องทางที่รัดแน่นเริ่มคลายแต่ก็ยังแน่นจนเสียวอยู่

   “ข้าวพร้อมนะ” ดวงตาสีดำจ้องผมอย่างออดอ้อนบ่องบอกว่าเจ้าตัวพร้อมแล้ว จึงจับขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่าแล้วอีกข้างเกี่ยวเอว

   “อาห์...ซี๊ด” ร่างเล็ดซีดปากอย่างเสียวซ่านเมื่อผมเริ่มขยับช้า...ปลุกข้าวหอมน้อยให้ลุกขึ้นมาชี้หน้าอย่างท้าทาย “อ๊ะ...อาห์...พี่หมอ” รู้สึกถึงช่องทางที่ตอดรัดผมถี่ๆ พาให้อารมณ์มันขึ้นจนจังหวะช้าๆ ไม่อาจเพียงพอจึงเริ่มเร่งจังหวะ

   “อ๊ะ...อ๊ะ...พี่หมอ...โอ๊ย...เบา” ข้าวร้องลั่นเมื่อผมกระแทกหนักๆ ตามแรงอารมณ์  “ซี๊ด...พี่หมอ...อ๊ะ...อ๊าห์” มือเล็กๆ พยายามดันอกผมออกแต่อ่อนแรงจนดูเหมือนกำลังลูบไล้เสียมากกว่า

   ในห้องนั่งเล่นบนโซฟากับไฟสว่างจ้าที่ยังเปิดอยู่ทำให้มองภาพเย้ายวนตรงหน้าอย่างชัดเจน ใบหน้าเนียนแดงก่ำ คิ้วขมวดมุ่นบ่งบอกว่าทั้งเจ็บทั้งเสียว ริมฝีปากเผยอครางกระเส่าไม่หยุดทำเอาบรรยากาศในห้องแทบลุกเป็นไฟตามอารมณ์เราทั้งคู่ ผมจับขาเรียวนั้นแยกกว้างก่อนจะโถมแรงเข้าไป กระแทกเน้นๆ แรงๆ ลึกๆ  จนเสียงเนื้อกระทบกันฟังดูหยาบโลน

   “อาห์...ข้าว...แน่นดีจัง” ผมหลุดครางด้วยความเสียว เคยเอากับผู้หญิงมายังไม่รูสึกเสียวขนาดนี้...รู้สึกดี...จนแทบคลั่ง

   “อ๊ะ....อาห์...ฮึก...พี่...ซี๊ด....อ๊าห์...ผม...อือ...โอ๊ย” เสียงหวานทั้งครางทั้งสะอื้นดังฟังเหมือนจะขาดใจ...แต่ผมกลับชอบ...ดวงตาปริ่มน้ำมองผมอย่างเร่าร้อน เชื่อแล้วละว่าเหล้าทำให้อารมณ์ทางเพศมันสูงขึ้น ดูการตอบรับของน้องข้าวสิ ทำเอาผมแทบสิ้นสติมีแต่ความต้องการอยู่ในหัว...อยากได้...อยากครอบครอง...อยากทำให้น้องร้องครางเพราะผมคนเดียว

   “อ๊า...แรง...ไป...อ๊ะ...” มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังอย่างระบายอารมณ์เมื่อผมกระหน่ำเอวสวน จนร่างเล็กโยกคลอนไปตามแรง...ผมหน้ามืดเกินกว่าจะอ่อนโยนแล้วในเวลานี้

    ผมพลิกคนตัวเล็กขึ้นมานั่งคร่อมบนตักโดยที่ส่วนนั้นยังเชื่อมต่อกัน จับเอวบางไว้มั่นแล้วกระแทกสวนเน้นๆ ข้าวผวากอดคอผมอย่างตระหนก สีหน้าเหยเกด้วยความเสียว เมื่อหมาป่าตัวร้ายดันกระแทกเข้าจุดกระสัน...อ่า ท่านี้เข้าโคตรลึก..เมื่อผมหาเจอจุดนั้นจึงจัดการกระแทกซ้ำแบบไม่ปราณี เล่นเอาคนถูกทำครางไม่เป็นภาษา...รุนแรงไปมั้ยสำหรับครั้งแรก!?...วินาทีนี้ผมไม่สน

   “อืม...” มือเรียวกระชากผมยาวให้เชิดหน้าขึ้นจูบ ลิ้นเล็กๆ สอดแทรกอย่างเรียกร้องจนผมต้องตอบสนองอย่างเสียไม่ได้ เราจูบกันแบบไม่มีใครยอมใครจนน้ำลายเยิ้มออกมา...คงเป็นข้าวหอมร้อนๆที่ราดด้วยน้ำพริก ถึงได้แซบขนาดนี้

   “อือ...พี่มะ...หมอ...จะไปแล้ว....อ๊าห์...ไม่ไหวแล้ว” คนตัวเล็กพูดกระท่อนกระแท่นพลางหอบหนัก เดาว่าอารมณ์คงใกล้ถึงที่สุดผมก็เช่นกัน ผมก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวนั่นพร้อมเร่งจังหวะถี่กระแทกกระทั้นพาเราไปให้ถึงที่สุด  ข้าวหอมเงยหน้าพร้อมบิดตัวเกระตุกเกร็งจนช่างทางด้านหลังพาลรัดแน่นตามแล้วปลดปล่อยน้ำสีขุ่นจนเลอะไปทั่วหน้าท้องของเราทั้งคู่ ช่องทางตอดรัดถี่ๆ บังคับให้ผมกระแทกได้2-3 ทีก็ต้องปลดปล่อยทุกความต้องการเข้าไปในตัวของน้องจนรู้สึกมันอุ่นเต็มจนล้นออกมาข้างนอก
   
   ข้าวหอมฟุบหน้าซบไหล่ผมพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผมจูบขมับที่ชื้นเหงื่อคนน่ารักไปที ผมรับรู้ถึงลมหายใจของคนข้างบนที่เริ่มนิ่งคงเหนื่อยจนหลับไปแล้ว เลยจัดการถอนไอ้ลูกชายออกมาให้เบาที่สุดทำเอาของเหลวภายในทะลักออกมามีทั้งสีขาวขุ่นและสีแดง...เห็นแล้วโมโหตัวเองเลยครับ เผลอหนักมือไปจนได้

   ผมพาน้องไปอาบน้ำล้างตัวรวมถึงผมด้วยก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กมาวางลงบนที่นอนอย่างแผ่วเบา แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าลอดผ้าม่านมากระทบใบหน้าที่หลับใหลนั่น...น่ารักจนอดที่ที่จะก้มลงไปหอมแก้มนิ่มๆไม่ได้ ผมล้มตัวลงนอน ก่อนดึงร่างบางเข้ามากอด...สังหรว่าตื่นมาคงมีเด็กป่วย มีเวลาทั้งวันผมเข้าเวรอีกทีก็หนึ่งทุ่มโน่นละครับ




   ผมลุกขึ้นมาตอน 10 โมงเพราะรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดเริ่มตัวรุมๆจึงจัดการเช็ดเนื้อเข็ดตัวให้ การมีเซ็กซ์อาจทำให้เป็นไข้ได้ส่วนหนึ่งมาจากอุณหภูมิของร่างกายที่เพิ่มสูงจากการไหลเวียนของเลือดที่มากกว่าปกติเนื่องจากความตื่นเต้นและการใช้งานร่างกายที่หนักจนเกินไปจนเหนื่อยล้าและอ่อนแอ ผมจัดการป้อนยาลดไข้ให้น้องก่อนจะกดโทรศัพท์หาเพื่อนหมอคนอื่นๆ จ้างให้ไปเข้าเวรแทน



   ร่างกายมนุษย์ช่างอ่อนแอเสียจริงเจ็บป่วยก็ง่ายบาดเจ็บก็แสนง่าย ส่วนเรื่องตาย...ผมนิ่งไปเมื่อนึกถึงมัน...เพราะแบบนี้ผมควรต้องดูแลปกป้องคนที่ผมรักดีๆ จะเปลี่ยนน้องมันหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของอนาคตแล้วแต่เจ้าตัวสมัครใจ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตยืนยาวแบบอมนุษย์หรือแสนสั้นแบบมนุษย์ผมสาบานกับตัวเองเลยว่าจะอยู่กับข้าวหอมคนนี้ไปจนวันที่น้องตาย...ผมก้มลงจูบหน้าผากคนบนเตียงราวกับประทับคำสาบานของตนไว้แด่คนที่ผมรัก

   


   
Talk Talk
[/b]

-มาต่อแล้วจ้า เราเคลียร์ไวไปมั้ย ไม่ได้ลุ้นเลยเนอะ...เเต่เป็นเราก็อึดอัดใจแทนหมออยู่นะเลยรีบเคลีย สงสารหมาตาสีน้ำตาล :mew2:
-จะเริ่มจริงจังแล้วนะในบทหน้าสาระจะมา...แต่จะแทรกอารมณ์หวานขมในรักปนไปบ้าง :katai1:
-nc เห็นมีคนท้วงว่าอย่าขี้เกียจเขียน จัดให้ยาวๆ จ้า :haun4:
-ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และเม้นให้กำลังใจข้าวหอมตัวน้อยของหนู :L1:

   

   
   

   
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 01-07-2015 11:03:34
ข้าวหอมโดนกินซะแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 01-07-2015 11:10:32
แหม่ ครั้งแรกขุ่นพี่ริคก็ใส่ไม่ยั้งเลย
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-07-2015 11:27:25
 :mew1:  ข้าวหอมทั้งหวานทั้งอร่อยก็เลยกินไม่เหลือเลยจ้า
นี่ทั้งหมดทั้งมวลต้องขอบคุณเพื่อนหมอที่รับช่วงต่อให้นะคะ เข้าเวรแทนอีก
แบบนี้ดีแล้วค่ะสงสารหมาตัวโด 5555
เรื่องรักหวานปนขมนั้นแปลว่าอะไรอ่า จะเกิดอะไรขึ้นกับโยรอทกันนะ
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-07-2015 12:41:38
ในที่สุด หมาก็ได้กินข้าวซะที
หึๆๆ ท่าทางกินจนอิ่มเลยนิ :hao6:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-07-2015 13:57:41
ข้าวคงอร่อยละซิ กว่าจะหยุดปากได้
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 01-07-2015 14:01:29
 :m25: :z1: :pighaun: :haun4: :jul1:   ในที่สุดก็ได้กินข้าวแล้ว พาน้องข้าวเป็นแบบพี่หมอสิจะได้อึดทนทั้งคืน ๕๕๕ ร่างกายมนุษย์รับไม่ไหวหรอก
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 01-07-2015 14:42:30
พี่หมอรุนแรง แต่ก็อ่อนโยน แถมคำเนี้ย ได้ใจสุดๆ "แด่คนที่ผมรัก" แอร้ยยยย เขิลมากบอกเลย
ขอบคุณสำหรับ nc ค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: pui_noizๆ ที่ 01-07-2015 20:09:54
เอ่อ...คือเราไม่ได้อ่านเรื่องนะ (อาจเพราะไม่ได้ชอบแนวนี้)
แต่ที่เราจะบอกคือ ชื่อเรื่องอะ เราแปลแล้วงงๆ อะ เราว่ามันน่าจะเป็น Night Knight หรือเปล่า เหมือนชื่ิอ Blood Rose - กุหลาบสีเลือดงัย (ใช่ตามที่คุณผู้แต่งต้องการตั้งชื่อมั้ยหว่า? ) แต่ถ้าเป็น Rose Blood จะกลายเป็น เลือดสีกุหลาบ ซึ่งปัญหาคือกุหลาบมีหลายสี จะสีไหนดี และจริงๆ ผู้แต่งคงต้องการเป็นกุหลาบ มากกว่าจะเป็นเลือดใช่มั้ยอ่อ...
เราเหมือนเสียมารยาท ต้องขอโทษด้วย อย่าโกรธกันเลยน้าา นะ นะ นะ นะ :mew3:
หัวข้อ: Re: Knight Night อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 01-07-2015 20:47:03
เอ่อ...คือเราไม่ได้อ่านเรื่องนะ (อาจเพราะไม่ได้ชอบแนวนี้)
แต่ที่เราจะบอกคือ ชื่อเรื่องอะ เราแปลแล้วงงๆ อะ เราว่ามันน่าจะเป็น Night Knight หรือเปล่า เหมือนชื่ิอ Blood Rose - กุหลาบสีเลือดงัย (ใช่ตามที่คุณผู้แต่งต้องการตั้งชื่อมั้ยหว่า? ) แต่ถ้าเป็น Rose Blood จะกลายเป็น เลือดสีกุหลาบ ซึ่งปัญหาคือกุหลาบมีหลายสี จะสีไหนดี และจริงๆ ผู้แต่งคงต้องการเป็นกุหลาบ มากกว่าจะเป็นเลือดใช่มั้ยอ่อ...
เราเหมือนเสียมารยาท ต้องขอโทษด้วย อย่าโกรธกันเลยน้าา นะ นะ นะ นะ :mew3:

อธิบายแบบที่เราเข้าใจจากการอ่านหนังสื้อดูหนังเล่นเกมหรือคุยกับเพื่อนๆ นานาชาติ
การแปลของ Night Knigth =กลางคืน(รัติกาล)+อัศวิน...= อัศวินรัติกาล....คล้ายกับคำว่า
white knight= อัศวินขี่ม้าขาว (ไม่มีคำว่าม้าแต่เป็นนัยยะที่คนเข้าใจ)...ว่า
Dark Knight= อัศวินแห่งความมืด หรือ
temple knight = อัศวินทั่วๆ ไป แต่ในอดีตมักมีนัยยะถึงอัศวินพวกที่รับใช้โบสถ์หรือวัด(temple)หรือปราสาทประมาณนั้น
.....หากอยากให้มันเรียกเอาสะดวกตา อาจมาในรูปแบบ  Knight of...(อัศวินแห่ง+.....)

ส่วน BloodRose กุหลาบ(สี)เลือดจะหลายๆ คำว่า WhiteRose= กุหลาบขาว RedRose =กุหลาบแดง
-งงหรือเปล่า เราพยายามอธิบายในแบบที่เราเข้าใจจ้าแต่ไม่มีอะไรผิดหรือถูกแล้วแต่มุมมองคนไม่ซีเรียสหรอจ้า :o8:
-เราไม่เก่งมากหรอกเรื่องภาษาอาศัยผ่านตา
-ถามได้จ้า อยากรู้อะไร หลายๆ อย่างแปลงจากข้อมูลจริงพอจะมีข้อมูลมาอธิบายให้ได้ ไม่อาจไม่เป็นไร สนใจก็ดีแล้ว :mew1:
-เราพิมผิดเองค่าา
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 01-07-2015 20:58:31
สนุกมาก อย่าโกรธน่ะถ้าเราจะพูดว่าเราไม่สนเรื่องชื่อแต่เราสนเนื้อเรื่องคืออ่านเนื้อเรื่องไม่ใช่ชื่อ
คนเขียนยังไงก็ได้ โทษนะไม่ได้มีเจตนาว่าใครจริงๆครับ ถ้าทำให้โกรธขอโทษครับ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-07-2015 01:03:29
มาให้กำลังใจจ้าเื่องสนุกมากๆ

ติดตามเสมอ

ยังอ่านไม่ทัน
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 02-07-2015 01:46:51
กำลังไล่อ่านงับ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: nightfall ที่ 02-07-2015 03:19:15
เพิ่งม่ไล่อ่านรวดเดียวจบ แหะๆ
เนื้อเรื่องสนุกดีค่ะ แต่มีคำผิดหลายที่
ตอนหลังๆนี่จำไม่ค่อยได้ แต่ไม่เยอะมาก
ที่จำได้คือ ตอนที่หนึ่ง ต่างฝรั่งเศษส จริงๆแล้วต้องเป็น ฝรั่งเศส ค่ะ
คิดว่าคงเป็นการรวมกันของ ต่างประเทศ กับ ฝรั่งเศส ใช่ไหมคะ 555555555
คำว่า พิสูตร จริงๆต้องเป็น พิสูจน์ ค่ะ น่าจะตอนที่สอง
แล้วก็อยากให้เปลี่ยน เดะ เป็นเดี๋ยว จะดีกว่าค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 02-07-2015 09:15:42
พึ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากเลย :)
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 16 เข้าใจ (หมากินข้าว nc)p6 up 1/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 02-07-2015 15:51:04
บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่)
[/b]

Yonah Say

      วันนี้มีเรียนจิตวิทยาตอนเช้า ไม่เห็นหัวไอ้ข้าวเลยสงสัยจะเมาค้าง ส่วนรอทก็หายหัวเช่นกัน เมื่อคืนมันโทรหาผมตั้งหลายรอบแต่ผมไม่รับ...ไม่มีอารมณ์รับ...ทำไมนะหรอ? ก็ตอนพาไอ้เพื่อนรักไปกินเหล้าเยียวยาใจ เห็นมันนั่งอยู่กับผู้หญิงอยู่ชั้นล่าง มันเห็นผมแต่ไม่คิดจะเดินมาหา...หึ...สุดท้ายก็มีกูไว้แค่เอาสินะ ช่างมัน...ไม่มีอะไรสึกหลอ คนอย่างโยนาห์นั่งเฉยๆ ก็มีคนเข้าหาอยู่แล้ว...โอ๊ยหงุดหงิดโว้ย ว่าแล้วก็เผลอหนักมือบิดcbr1000ลูกรักจนเข็มไมล์แม่งเกือบ 200 ผมกำลังจะกลับบ้านไม่มีเรียนบ่ายไอ้ข้าวก็ไม่อยู่หนีไปซบอกแม่ษาดีกว่า




      “แม่รูปนี้ ตอนผมกี่ขวบหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อไปเจอรูปตัวเองที่หล่นอยู่ ใต้ตู้ เรากำลังลังความสะอาดบ้านครั้งใหญ่กันเพราะไม่มีใครอยู่ร่วมเดือน

      “น่าจะสี่ขวบนะ...มีแต่คนล้อว่าแม่ได้ลูกสาว ฮ่าๆ” แม่เดินมาดูก่อนตอบ  ในภาพเป็นเด็กชายตัวเล็กที่กำลังเล่นทรายอยู่ริมหาด ผมสีดำหน้าขาวแลดูเศร้ากับดวงตาสีเทาเหมือนของผมแม้กระทั่งตราที่อกซ้ายนั่นก็เช่นกัน

      “มีรูปที่เด็กกว่านี้มั้ยครับ” รอยสักนั่น...มันอยู่กับผมมาแต่เกิดเลยหรือเปล่า?

      “ไม่มีหรอกจ้ะ” แม่ตอบพลางยิ้มให้แต่รอยยิ้มนั่นมันดูมีอะไรแฮะ “แม่พาเราย้ายกลับมาไทยตอนนั้นเลยเอาของกลับมาได้ไม่มาก”

      “แล้วทำไมถึงย้ายมาละครับ แล้วพ่อล่ะ” ผมถามต่อ

      “พ่อเสียก่อนที่เราจะย้ายมาไม่นานจ้ะ...ที่รัสเซียค่าครองชีพมันแพง อยู่ต่อไม่ไหวแม่เลยกลับมาอยู่ไทย...อย่างน้อยแม่ก็ยังมีบ้านหลังนี้ที่ยายทิ้งไว้ให้...แล้วก็เพื่อนๆ สมัยเรียน” แม่ตอบก่อนที่จะหันไปเก็บของต่อ เพิ่งรู้นะว่าพ่อผมเป็นคนรัสเซีย

      “แล้วพ่อเสียเพราะอะไรหรอครับ” ผมถามด้วยอารมณ์อยากรู้ไม่ได้เสียใจแต่อย่างใด

      “โดนรถชนจ้ะ”แม่ตอบหลังจากนิ่งไปนาน ผมรู้ว่าเธอโกหก แวมไพร์ไม่มีทางโดนรถชนตายหรอก แต่ผมก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรคงต้องสืบหาเอาเองแล้วล่ะ ผมไม่คิดจะบอกเธอเรื่องที่ผมรู้ว่าตัวเองเป็นครึ่งแวมไพร์เพราะการที่เธอปิดบังน่าจะเพื่อความปลอดภัยของผมจึงอยากให้เธอเชื่อและวางใจอยู่อย่างนั้น โตพอจะจัดการมันได้ผมคิดแบบนั้น

      กว่าเราจะจัดการทั้งหมดเสร็จก็ค่ำ แม่เองก็ดูเหนื่อยๆ เลยพากันอาบน้ำแต่งตัวไปหาอะไรกินข้างนอก ผมโยนไอโฟนที่กำลังสั่นทิ้งไว้บนเตียง...ขี้เกียจรับ ขี้เกียจพก รู้อยู่แก่ใจว่าใครที่โทรมา



      สองแม่ลูกมาฝากท้องที่ชาบูในวันนี้เพราะแม่เบื่ออาหารฝรั่งเต็มทน แม่กินมาเยอะแล้วตอนไปทำงาน กินไปแม่ก็เล่าเรื่องตอนที่อยู่ปารีสไปอย่างสนุกสนาน ดวงตาสีดำเป็นประกาย  ริมฝีปากอิ่มเหมือนของผมแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใส มันทำให้เธอดูสวยยิ่งกว่าใครๆ ผมจึงควรเก็บเรื่องทั้งหมดเพื่อรักษาร้อยยิ้มนั่นไว้



      กว่าเราจะกลับก็เกือบสี่ทุ่มจึงต่างคนต่างเข้าห้องของตัวเอง ทันทีที่ปิดประตูห้องแล้วหันกลับก็ทำเอาผมสะดุ้งเมื่อดวงตาสีฟ้าเรืองแสงจ้องผมนิ่งๆ ในความมืด...เข้ามาไงวะ...หรือผมลืมล็อคระเบียง อีกอย่างสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นไอเลยแม้แต่น้อย...ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟในห้องก่อนจะกอดอกมองคนที่นั่งอยู่ปลายเตียง โดยไม่คิดจะเดินเข้าไปหา


      “ทำไมไม่รับโทรศัพท์” รอทถามน้ำเสียงดูหงุดหงิดเต็มทน

      “ขี้เกียจ...” มันถอนหายใจหนักอย่างเหนื่อยหน่าย “มีธุระหรอ”

      “เรื่องผู้หญิงที่ผับ...ผมอยากอธิบาย” เสียงทุ้มดูอ่อนลงเมื่อผมยังคงนิ่งใส่...หงุดหงิดมากๆ ในตอนนี้

      “เธอชื่อ ยูจีน เป็นเพื่อนร่วมงาน...” รอทบอก “มาช่วยทำคดีที่ผมพึ่งรับมา เป็นคดีของกลุ่มอมนุษย์ที่บูชาซาตาน” ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วยังไง...ปกติก็เห็นมันช่วยกันกับไอ้พี่หมอก็พอนิ...ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นด้วยวะ

      “ทำเองไม่ได้หรือไง” ผมถามเสียงห้วน

      “เธอตามคดีนี้มานาน จากประเทศอื่น แล้วบังเอิญแกนนำของพวกลัทธินั่นหนีเข้ามากบดานในไทย ยูจีนเลยต้องทำงานร่วมกับผมเพราะถือเป็นความรับผิดชอบของเธออยู่” ไม่เล่าเปล่า รอทยื่นโทรศัพท์ที่มีข้อมูลคดีกับประวัติของยูจีนให้ผมดูเพื่อความสบายใจ

      แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีนั่นล่ะ...ผมไม่ได้โง่หรอกนะ...วันนั้นสาวสวยคนนั้นออเซอะอ้อล้อมันเต็มที่...ไหนจะการที่มันเห็นผมแล้วไม่ทักผมอีก...คดีก็ส่วนคดีไม่เกี่ยวกับสิ่งที่มันแสดงออก ห่างกันไปไม่ถึงอาทิตย์มันก็ออกลายแล้วเหอะ!

      “สนิทกันมากหรอ” ผมถามพลางจ้องอีกฝ่ายอย่างคาดคั้น

      “เริ่มเป็นนักล่าพร้อมกัน เคยเป็นคู่หูกันมาก่อน ตอนผมอยู่อเมริกา”

      “คู่หู หรือคู่นอน” ผมถามเสียงขุ่นเลยทีนี้ มันคงไม่ง่ายหรอกที่จะทำงานกับผู้หญิงที่สวยขนาดนั้นแถมยังเป็นซัคคิวบัส(ผมอ่านเจอในประวัติเมื่อกี้)ที่มีพลังด้านตัณหาราคะอีกด้วย

      “โย!...ไว้ใจกันหน่อย เราเป็น...”

      “เป็นอะไร!?...” นั่นสิ เราเป็นอะไรนอกจากนอนด้วยกัน ไอ้รอทมันก็ไม่เคยบอกนี่ว่าผมเป็นอะไร โทรหากันทุกวันแต่ไม่มีคำว่าคิดถึง ไม่เคยแม้แต่จะบอกรัก...นี่ผมประสาทอะไรอีกเนี่ย “เราเป็นอะไรกัน!?”

      “แฟนกัน” รอทตอบหลังจากนิ่งไปนานก่อที่มันจะลุกมาหาผม “หรือเป็น...ผัวกับเมีย...นายอยากเรียกแบบไหนล่ะ” มันว่าพลางเท้าแขนทั้งสองลงบานประตูคร่อมผมไว้ เขินวะ...ก็ไม่มีอะไรจะเถียงมัน...เอากับมันไปแล้วด้วย

      “อย่า...แม้แต่จะคิด” ผมผลักหน้าหล่อนั้นไว้ก่อนจะจูบผม...รู้สึกถึงหัวใจที่เริ่มเต้นแรง...ผมต้องโกรธมันอยู่สิโว้ย

      “โถ่...ที่รัก อย่าใจร้ายนักสิ ไม่ได้นอนกอดมาตั้งหลายวัน” ไอ้แวมไพร์หื่นกามงอแง “ขอแค่จูบเอง” มันต่อรอง

      “แค่จูบ...ห้ามมากกว่านี้ เดี๋ยวแม่ได้ยิน” ผมบอกมันเสียงดุคุณคงไม่อยากตื่นมากลางดึกแล้วได้ยินเสียงลูกชายครางหรอกครับ

      “ครับผม” รอทยิ้มรับก่อนจะก้มลงจูบผมหนักๆ อย่างหิวกระหาย ผมก็จูบตอบรุนแรงไม่แพ้กัน ลิ้นชื้นตอบโต้กันอย่างดุเดือด ผมเผลอกัดริมฝีปากมันเมื่อมันทำท่าจะถอนออกก่อนที่จะเป็นฝ่ายลุกล้ำเข้าไปโดยมีมันตอบสนองอย่างรู้ใจ พึงรู้ว่าตัวเองโหยหามันขนาดนี้ เกือบอาทิตย์ที่เราทำได้เพียงนั่งข้างๆคุยกันเมื่อเจอในมหาลัย ไม่ถูกมันกอด ไม่ถูกมันจูบ ไม่ถูกมันหอมแก้มหรือหลับไปในอ้อมแขนมัน...คิดถึงมันอย่างบอกไม่ถูก

      “อืม...พอแล้ว...พอ...” ผมห้ามพลางหอบ ดันหน้ามันออกก่อนที่อารมณ์จะเตลิดเกินควบคุม ตาคมดูขัดใจนิดหน่อย

      “ขอนอนด้วยได้มั้ย” มันอ้อน...”ผมจะรีบออกไปตอนเช้า...รับรองแม่นายไม่รู้หรอก” ยัง...ยังไม่เลิกต่อรอง

      “ตามใจ...แต่ถ้าทำอะไร...โดนถีบตกเตียงแน่” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน ก่อนจะเข้าไปแปรงฟันเตรียมตัวนอน โดยไม่ลืมหาแปรงสีฟันในตู้เผื่อมันด้วยอีกอัน

      ผมล้มตัวลงนอนแต่หันหลังให้มัน...เหมือนยังมีอะไรคาใจผมอยู่แต่ขี้เกียจถามในตอนนี้...รับรู้ถึงแรงยวบของที่นอนก่อนที่แขนแกร่งจะดึงผมเข้าไปกอดจากด้านหลัง

      “คิดอะไรอยู่...หืม?”  มันกระซิบถามข้างหู ทำเอาผมขนลุกเลย “มีอะไรก็ถามมาตรงๆ สิจะได้ไม่ต้องมาโกรธผมอีก”

      “วันนั้น...เห็นแล้วทำไมถึงไม่ทัก” ผมถามก่อนพลิกกลับไปมองหน้ามัน

      “ไม่ค่อยอยากให้ยูจีนเจอนายน่ะ” หึ! ไหนว่าไม่มีอะไรทำไมไม่อยากให้เจอว่ะ “นายน่ากินแค่นั้นรู้ตัวมั้ย...ทุกอย่างในตัวนายมันดึงดูด” ดวงตาสีฟ้าจ้องมาคล้ายต้องมนต์

      “กลัวผู้หญิงคนนั้นจะลากผมไปกินหรอ?”

      “ก็มีส่วน” รอทเลิกคิ้ว

      “แล้วสรุปอะไร” ผมถามเสียงดังขึ้นตามอารมณ์

      “ชู่ว!!! อย่าพึ่งดุสิ” รอทว่าพลางจูบปากผมไปที “หึงหรือไง...” มันยิ้มกวนตีน...ถีบลงเตียงเลยดีมั้ย

      “จะตอบไม่ตอบ ฮะ...” ผมบอกเสียงดุเลยทีนี้ แถมเอาตีนถีบมันแต่ไม่เห็นขยับเลยคนหรือก้อนหินเนี่ย (แวมไพร์จ้ะ)

      “นอกจากไอ้ริค ผมไม่ค่อยอยากให้คนในสภากลางรู้เรื่องของนาย โยคิดดูสิ นายเป็นเลือดผสม ซึ่งมันไม่เคยมีมาก่อน มันอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีแน่ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้า ไม่งั้นคงไม่มีคนพยายามปกปิดตัวตนด้านที่เป็นแวมไพร์ของนายไว้หรอก ทั้งสร้อยที่นายใส่ ทั้งรอยสักนั่น ผมคิดว่า คนที่ทำเขาไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้” มันร่ายยาวเลยครับทีนี้ สีหน้าดูจริงจังบอกให้รู้ว่ามันห่วงผมจริงๆ


      ก็ไม่รู้จะแย้งอะไรเพราะมันคือความจริง หลังจากที่สร้อยผมแตกไปเรื่องวุ่นวายต่างๆ ก็เกิดขึ้นอันตรายรุมเร้าเข้ามาสารพัดและนั่นคือเหตุผลที่ผมเชื่อมัน ตลอดเวลาเกือบอาทิตย์ให้หลังชีวิตเราก็เป็นแบบนี้ ตอนกลางวันหลังเลิกเรียนผมก็อยู่กับแม่ บางวันรอทก็แค่โทรมาหา บางวันมันก็เข้ามานอนด้วย...ไอ้ผัวหื่นมันบ่นทุกวันว่าเมื่อไหร่ผมจะกลับคอนโดมันจะลงแดงตายอยู่แล้ว...ถามจริงชีวิตมึงนี่คิดแต่เรื่องเซ็กซ์หรือไง...ก่อนมาเจอผมมันไปลงที่ใครมั่งวะคิดแล้วขึ้นเลยกู




      ผมได้อ่านเอกสารของคดีที่รอททำอยู่ รู้สึกว่ามันจะยากกว่าเรื่องของไอ้กรกฏเสียอีก มันเป็นคดีข้ามชาติไอ้พวกอมนุษย์ที่บูชาซาตานทำงานเป็นองค์กรชื่อ Satanismus Creed หรือเรียกกันว่า ซาโตนี สรุปง่ายๆ เหมือนพวกผู้ก่อการร้ายของมนุษย์นั่นแหละ ทัศนะคติของพวกนี้มองว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตไร้ค่า เป็นแค่อาหารและแรงงานทาส เชื่อเรื่องการอัญเชิญซาตานมาสู่โลกมนุษย์ เพราะนั่นคือพระเจ้าของพวกมัน ด้วยการทดลองพิธีกรรมแปลกๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่สังเวยชีวิตมนุษย์ไปไม่น้อย

      ยกตัวอย่างคดีใหญ่ที่ต้องสังเวยมนุษย์มหาศาลกับพิธีของมันคงจะเป็น ค่ายเอาท์สวิท ในโปแลนท์ ประวัติศาสตร์ของเราเขียนแค่ว่าคือที่ทรมานชาวยิวของนาซี แต่สำหรับพวกอมนุษย์ นาซีนั้นถูกหลอกด้วยข้อเสนอของอำนาจ ให้สังเวยมนุษย์เป็นล้านเพื่อพวกซาโตนี แต่ไม่ว่าทางใดก็ดูไม่เป็นผลไม่มีการอัญเชิญใดๆสำเร็จเลยแม้ซักวิธี องค์กรนี้จึงถอนตัวออกไปปล่อยให้กลุ่มนาซีพ่ายแพ้สงคราม

      ปัจจุบันมีพวกอมนุษย์ที่เป็นซาโตนี่อยู่ประปรายทั่วโลก ส่วนใหญ่มักเป็นพวกที่สืบสายเลือดอมนุษย์มาโดยตรง มีการก่อเหตุเป็นครั้งคราวสำหรับพวกระดับล่างๆ แต่พวกระดับสูงนั้นกลับคอยแทรกแซงสังคมมนุษย์ หยิบยื่นหายนะต่างๆ หลอกใช้คนด้วยอำนาจและเงินเพื่อทำลายมนุษย์อย่างช้าๆ จากภายใน ทั้งเรื่องยา ค้าอาวุธ อาชญากรรม หรือเบื้องหลังองค์กรก่อการร้ายดังๆก็ด้วย แม้แต่สงครามนิวเคลียที่กำลังถูกผลักดันในตอนนี้ซาโตนี่ยังเข้าไปมีส่วน เป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อกับสภากลางเลยทีเดียว จนผมนึกไม่ออกเลยว่าจะช่วยรอททำคดีนี้ได้ยังไง

.........................................................................

      “โยจ้ะ...” ผมเงยหน้าจากจานอาหารเช้าของตัวเอง “เดี๋ยวแม่ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว...วันพุธนี้” แม่บอกเศร้าๆ ผมชินแล้วครับกับการมาๆ ไปๆ ของแม่ผม

      “รอบนี้ ต้องไปไหนหรอครับ”

      “เวียนนาจ้ะ...มันเป็นเมืองที่สถาปัตยกรรมสวยสุดๆ ” แม่ยิ้มดูตื่นเต้น ทำให้ผมพลอยยิ้มตาม “ไว้ปิดเทอมใหญ่เราไปเที่ยวกันนะ”

      “ครับแม่” อย่างที่เคยบอกว่าอายุทำอะไรผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ เพราะเธอมักดูสดใสอยู่ตลอดเวลา แต่ภายใต้ท่าทีแบบนั้นผมกลับรู้สึกว่าใจเธอแข็งแกร่งยิงกว่าใคร เธอปิดเรื่องของพ่อมาทั้งชีวิตแถมยังเลี้ยงดูผมตามลำพังโดยที่ผมไม่เคยมีชิวิตที่ยากลำบาก

      “ไม่ต้องเอารถไปนะวันนี้ แม่ไปส่ง” เธอบอก “เดี๋ยวตอนเย็นไปรับ จะไปดูด้วยว่าเราอยู่หอยังไง”

      ชิบหายแล้ว! หอผมเป็นยังไงวะไม่ได้ไปนอนนาน เหอะๆ...อยู่แต่ห้องผัว ถ้าจะบอกว่าไปอยู่ห้องรุ่นพี่เดี๋ยวโดนถามอีกว่ารู้จักยังไง สนิทแค่ไหนไม่เกรงใจหรอ สารพัดขี้เกียจตอบเดี๋ยวมีพิรุธ เอาเป็นว่าเลิกเรียนแวบไปเก็บกวาดซักนิดดีกว่าเพื่อความเนียน ...อิอิ

      
Talk Talk
[/b]

-อ่านแล้วปวดหัวมั้ยกับสาระในบทนี้ ไม่เข้าใจก็ถามนะเราเพ้อๆ มา :ling2:
-คดีใหม่รอทน่าปวดหัวแน่นอนรับประกัน
-เล่นพ่อแง่แม่งอนกันซักนิดให้รสชาติชีวิตเนอะ o18 คนเรารักกันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นรรมดา
-ขอบคุณสำหรับกำลังใจและขอประทานอภัยที่เราพิมพ์ผิด บางทีก็พิมพ์มันไปมือมันไม่ไวเท่าสมอง อยู่ด้วยกันยาวๆ เด้อ :-[
      

            
      
      



      

      
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-07-2015 16:09:24
 :mew1: 
เอาใจช่วยคู่หลักต่อไป
คำว่า พิรุธ เขียนแบบนี้จ้า
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2015 16:31:42
จ๊ะหนูโยคนหนีแม่มาแอบผัว
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 02-07-2015 17:14:01
รีบไปทำความสะอาดหอนะจ๊ะ เดี๋ยวโดนคุณแม่ซักฟอก
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 02-07-2015 18:11:46
แนะนำกับแม่ไปเลยสิว่า นี่พี่รอท ผัวหนู อิอิ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-07-2015 21:00:36
พาสามีไปเปิดตัวเลย โย  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 02-07-2015 21:59:09
ก็บอกแม่ไปว่าอยู่กับผัวค่ะ 55555
สบายกว่าอยู่หอตัวเองอีก :hao3:

และแล้วการให้ข้าวหมาก็เสร็จสมบูรณ์ :mc4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 02-07-2015 23:09:23
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 03-07-2015 11:32:25
เพิ่งมาตามอ่านค่ะ น้องโยน้องหอมน่ารักน่าเอ็นดูดี ไม่สงสัยเลยว่าทำไมทั้งรอธทั้งพี่หอมถึงหลงแบบนี้
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 03-07-2015 18:28:56
ชอบแนวแฟนตาซีแบบนี้มากคับ ได้อารมณ์ดี  ชอบๆ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 17 คดีใหม่(ใหญ่) p6 up 2/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 03-07-2015 21:01:16
บทที่ 18 ผิดใจ
[/b]

   Yonah Say

      ผมไปส่งแม่ที่สนามบินช่วงเช้าแล้วแวะเอาของมาเก็บที่ห้องรอทก่อนไปเรียน แต่ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปก็ทำเอาผมชะงัก ยูจีน...กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา ผมสีแดงสดดูรับกันดีกับผิวแทนๆ และดวงตาสีมรกตนั่นถ้าเป็นในยามปกติผมคงไม่ลังเลที่จะทำความรู้จักเธอแน่...แต่นี่...ในห้องนี้ห้องของผัวผม! WTF! ไหนว่าแค่เพื่อนร่วมงานวะ มานอนเล่นสบายใจเฉิบอย่างกับห้องตัวเอง...หึ!


      “Who are you!? (นายเป็นใคร)” เธอถามผมอย่างแปลกใจ...ให้ตอบว่าไงดีล่ะ


      “I’m Rote’s juniors…learn in same university with him. (ผมเป็นรุ่นน้องของรอทเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน)” ผมพยายามตอบด้วยสกิลอังกฤษอันน้อยนิดที่ผมมี “Sorry…if I make you awake! (ขอโทษที่ทำให้ตกใจ)” ผมยังไม่รู้อะไรแน่ชัดว่าทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ถึงไม่พอใจแต่ผมคงไม่โวยวายเพราะเธอคงไม่รู้จักผม


      “He’s never told me…He have roommate! (เขาไม่เคยบอกเลยว่ามีรูมเมท)” เธอบอกยิ้มๆ ก่อนเดินมาประจันหน้าผม “You’re cute” ไม่ว่าเปล่ามือเรียวนั่นเอื้อมมาจับคางผมอย่างเอ็นดู...หรือจะเป็นอย่างที่รอทกลัวจริงๆ ผมแอบระแวงว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของผม


      “Ah…Thank…You’re his girl?” ผมถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย...แอบภาวนาว่าไม่ใช่


      “Nope… (ไม่ใช่)” เธอยักไหล่ก่อนจะกลับไปนั่งประจำโซฟาต่อ “Indeed… I’m his ex-girlfriend (จริงๆ แล้วเป็นแฟนเก่านะ)” คำตอบที่ได้ยิ่งทำให้ผมหนักใจ เพราะไอ้รอทมันไม่ได้บอกเรื่องนี้...หึ ทำไมต้องปิดบังด้วยวะ



      ผมเดินเลยเข้าไปในห้องนอนเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋าเงียบๆ อารมณ์ขุ่นสุดขีดในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างผมยังเชื่อใจมันได้อยู่หรอ ทั้งตอนที่เจอมันคลอเคลียกันที่ผับ...ถึงมันจะบอกแค่เพื่อนร่วมงานก็เถอะ...ผมไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น เพื่อนร่วมงานที่เป็นแฟนเก่า...หึ คงทำงานเข้าขากันดีเลยสิ ถึงขนาดต้องเอามาอยู่ห้อง มันบอกผมเป็นแฟนมันแต่กลับพาผู้หญิงมาอยู่ห้องตอนผมไม่อยู่ รู้สึกโดนหยามยังไงไม่รู้


      “You didn’t sleep here? (นายไม่ได้นอนที่นี่หรอ)” ยูจีนถามขึ้นขณะยืนพิงประตูกอดอกมองผม


      “Umm…I sleep here for a while because my room was repaired but now it’s done…I think I should back.(ผมแค่มานอนชั่วคราวเพราะห้องผมปรับปรุงอยู่ มันเสร็จแล้วล่ะผมคงต้องกลับ)” ผมตอบยิ้มๆ โดยที่ในใจไม่ยิ้มตาม


      “How do you know about Rote? (นายรู้จักรอทแค่ไหน)”


      “He learn in engineer faculty…Swell with pride! And irritate in sometime (เขาเรียนวิซวะ หลงตัวเองแถมยังกวนประสาท)” ยูจีนหัวเราะกับคำตอบของผม ผมทำเป็นไมรู้เรื่องตัวตนของพวกเขา


      “I think so! (ฉันก็ว่างั้น)” เธอว่าพลางเดินมานั่งข้างๆ ผมที่เก็บอุปกรณ์เพนท์ใส่กระเป๋ารวมไปถึงเฟลมไซต์เล็ก “I like your work!...Do you like hangout. If you have free time why don’t go out with me…I’m looking for someone to drink with me…stay at room fucking borring (ฉันชอบงานนายนะ ชอบดื่มหรือเปล่า ถ้ามีเวลาว่างทำไมไม่ไปกับฉันละ อยู่กับห้องน่าเบื่อจะตาย)” ยูจีนออกปากชวน ดวงตาสีมรกตนั่นดูมีอะไรแอบแฝง คงไม่เห็นผมเป็นอาหารค่ำหรอกนะ


      “Next time if we meet again.(โอกาสหน้าแล้วกันครับถ้าเจอกันอีก)” ผมบอกพลางเอากระเปาเสื้อผ้า กระเปาโน๊ตบุ๊ค และ เฟลม ขึ้นมาถือ “I have to go now!...My class will start in 1 hour…sorry for bother you.(ผมต้องไปแล้ว คลาสจะเริมในอีกชั่วโมง ขอโทษที่รบกวน)”


      “It’s aright…cya guys!(ไม่เป็นไร แล้วเจอกันนะ)” ยูจีนเดินมาเปิดประตูพร้อมยิ้มและโบกมือลาผม





      หากไม่รู้ว่าเธอเป็นซัคคิวบัสเธอเป็นผู้หญิงที่ดูดีมีเสน่ห์เอามากๆ กับผมที่เป็นผู้ชายมันเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ วันนี้พักเที่ยงรอทไม่ได้แวะมาหาผมเหมือนทุกวัน แหงละคงกลับไปไปหายูจีนคนสวยของมัน ปากบอกไม่มีอะไร ไม่มีอะไร แต่การกระทำนี่สิ...ยังจำตอนที่เมาเหมือนหมาเพราะฟาได้อยู่เลย ครั้งนี้จะไม่มีแบบนั้นผมไม่รอให้มันทิ้งผมหรอก ผมนี่ล่ะจะทิ้งมันก่อน...กลับไปเป็นผู้ชายลัลลาแบบเดิมท่าจะดี


.........................................


      “ผัวไปไหนวะ วันนี้” ข้าวหอมถามขึ้นขณะที่กำลังนั่งเล่นกันอยู่ข้างสนามฟุตบอลหลังเลิกเรียน


      “สัส...อย่าพูดถึงมัน กูหงุดหงิด” ว่าจะลืมๆ มันแล้วนะทำผมปวดกบาลทั้งวัน


      “ทำไมวะ ทะเลาะกันหรอ” ต่อมเสือกแม่งทำงาน


      “ไม่ได้ทะเลาะ แต่กูทิ้งมันแล้ว เข้าจั๊ย? บุหรี่มวนดิ”  ผมสรุปเองเสร็จสรรพ ไอ้ข้าวมองแบบไม่เชื่อ...เดี๊ยะตบหัวทิ่มยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่


      “ไม่มีว่ะ พี่หมอแม่งเอาของกูทิ้งถังขยะหมดเลย” มันว่าพร้อมทำหน้าเซ็ง ได้กันไม่ทันไรเพื่อนกูหงอซะแล้ว


      “เชี่ย! น้องคนนั้นเด็ดวะ” ผมพยักเพยิดไปทางสาวผมสั้นตัวเล็กนมโตที่กำลังวิ่งเหยาะๆ รอบสนาม “วิ่งแต่ละที มึงเอ้ย...นม...” แซวกลบเกลื่อนอารมณ์ตัวเองไป


      “เด็ดเชี่ยอะไร! โน่นผัวมึงมาโน่นละ” ผมหันไปมองตามมัน เชี่ยรอท...หึ ผมคว้ากระเป๋าลุกหนีเลยครับ แต่มันไวคว้าผมได้ทันพร้อมลากผมให้เดินตาม...แม่งแรงควายหรือไงวะ


      “ไปคุยที่รถ...” รอทบอก...แต่ผมยังพยายามสะบัดมืออกจากมันอยู่ดี “หรือจะทะเลาะกันตรงนี้จะได้มีคนช่วยฟังเยอะๆ” เออไปก็ได้ไอ้...สัด หน้ากูไม่หนาพอ





      ปัง! ผมปิดประตูรถมันแรงๆ หลังจากขึ้นนั่งข้างคนขับพร้อมกระเถิบหนีจนติดประตูไม่อยากอยู่ใกล้มัน


      “จะมาตอแหลอะไรให้ฟังอีกล่ะ” ผมเปิดประเด็นเลยครับ อึดอัดมาก!


      “โย!...”


      “มึงคิดว่ากูรู้สึกยังไงที่เข้าไปในห้องแฟนตัวเองแล้วเจอผู้หญิงอยู่ ทำตัวสบายๆ เหมือนบ้าน ในที่ๆ กูเคยอยู่  บนโซฟาที่กูเคยนั่ง แม่งโคตรจะหยามกูเลย อย่าบอกว่าเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานห่าอะไร มาสิงอยู่แบบนั้น ขนาดไอ้หมอมันยังไม่มาอยู่เลยทั้งที่มันเป็นเพื่อนสนิทมึง” ผมว่าเสียงดังอย่างโกรธจัด “มันเป็นแฟนเก่ามึงทำไมถึงไม่บอกทำไมมึงต้องปิดบัง kวยเหอะ! คนมันเคยเอากันกลับมาอยู่ด้วยกันจะให้กูคิดยังไง...เชี่ย” ผมระบายทุกอย่างออกไปด้วยคำหยาบคายที่แทบไม่เคยพูดกับมัน รอทดูอึ้งไปเลยครับ


      “ผมไม่ค่อยได้นอนห้องเลยให้ยูจีนอยู่ไปก่อน เดี๋ยวเธอก็ออกไปหาที่อยู่ยาวแล้ว  ผมก็ไปนอนที่บ้านโยไง” รอทพยายามอธิบายสีหน้าเครียด แล้วไงมันไม่ได้มานอนที่บ้านผมทุกวันนิ แล้ววันอื่นๆ ล่ะ


      “ใจดีจังนะ แล้วเธอจ่ายเป็นอะไรล่ะ เซ็กซ์มันๆ รำลึกความหลังหรือไง” ผมเถียง


      “โย! มันจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะ มีเหตุผลหน่อยสิ” มันเริ่มเสียงดังบ้าง ทำไม!? รับความจริงไม่ได้หรอ


      “เหตุผลนะมี มากพอที่กูจะไม่อยู่กับมึงอีกแล้วไง ไม่ต้องมาแตะกู!” ผมดึงมือหลบรอทที่จะจับมือผม รู้สึกตัวเองโกรธจนบ้า รู้สึกเจ็บที่หัวใจ


      “ผมไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้น”


      “มึงมีสิทธ์อะไรมาสั่ง กูจะไปใครก็ห้ามไม่ได้ทั้งนั้นละ” ผมตะโกนใส่มันเลยทีนี้ ผมมันคนเจ็บแล้วจำโดนฟาสวมเขามาครั้งหนึ่งแล้ว ผมจะไม่ยอมโดนอีกแน่


      “มีสิ ผมเป็นผัวนายไง” รอทจ้องเขม็ง...หึคิดว่ากูกลัวหรอ


      “ไม่เห็นจำได้เลยว่ามี!...” ผมทำหน้ากวนตีนใส่มันเต็มที่ เชี่ย...มันคว้าผมไปจูบเลยครับ จูบดุเดือดตามอารมณ์เจ้าตัว บดขยี้ปากผมจนรู้สึกเจ็บ มันพยายามสอดลิ้นเข้ามาผมเลยกัดแม่ง รับรู้ถึงรสเลือดเค็มๆ ในปาก มันถอนปากออกแบบเคืองๆ


      “เดี๋ยวจะช่วยทวนความจำให้” เสียงทุ้มเย็นเยียบจนผมเสียวสันหลัง มันทำท่าจะจู่โจมมาอีก ผมทั้งทุบทั้งถีบมันเลยครับทีนี้ ดวงตาสีฟ้าวาวโรจน์แบบโกรธจัดก่อนมันจะจับผมกดลงเบาะรถแล้วขึ้นคร่อมพร้อมปรับเบาะลงจนสุด


      “เชี่ย...ร...อุ๊บ” มันก้มลงมาประกบปากผมแต่ผมเม้มแน่น พยายามผลักมันออก รอทจัดการรวบมือทั้งสองข้างไว้เหนือหัวอย่างรำคาญก่อนจะเอามืออีข้างบีบแก้มผมให้อ้าปากรับมัน...เชี่ยเจ็บ ลิ้นชื้นบุกรุกเข้ามาจาบจ้วงเอาแต่ใจ พยายามผลักไสมันแต่กลับกลายเป็นการตอบสนองมัน มันไล่ต้นผมจนหายใจลำบากพาสมองเริ่มเบลอๆไปกับรสจูบของมัน จากดุเดือดเป็นดูดดื่ม


      “อื้อ...” ...ชิหายแล้ว...ผมเผลอจูบตอบมันซะงั้น


      กริ๊ก...กริ๊ก เสียงล๊อคบางอย่างดึงสติผมให้กลับมา ไอ้เชี่ยรอทมันจับผมใส่กุญแจมือ ด้วยแรงผมถ้าเป็นกุญแจมือธรรมดาผมกระชากขาดไปแล้วเหอะนี่แม่งเอาไว้จับพวกอมนุษย์ทำจากโลหะชั้นดีเหนียวสัสๆ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็กระชากอย่างเอาเป็นเอาตายจนข้อมือถลอก


      “ปล่อยกู...เชี่ย” มันไม่สนใจจัดการปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาผมแล้วแหวกออก นัยน์ตาสีฟ้านั่นดูนิงจนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่มันทำให้ผมเริ่มกลัว ใบหน้าคมก้มลงซุกไซ้ไปทั่วร่างทำเอาผมสะท้าน อยากจะต่อต้านแต่ร่างการดันตอบสนองมันอย่างคุ้นเคย


      “โอ๊ย!...” ผมร้องลั่นเมื่อมันกัดเข้าที่อกผมเต็มแรง เขี้ยวมันฝังลงไปจนเลือดซึม มันเป็นการตัดกำลังชั้นเยี่ยมเลยเพราะเรี่ยวแรงเริ่มผมหายไปพร้อมกับหยาดเลือดที่มันกลืนลงคอไป มือมันก็ไม่ได้อยู่เฉยทั้งบีบทั้งเค้นไปทั่วตัว  “รอท...พอ...พอแล้ว” ผมห้ามมันเสียงสั่นเริ่มหน้ามืด


      “ไม่ เชี่ย รอท ไม่” ผมปฏิเสธพร้อมส่ายหัวยิก เมื่อมันถอดกางเกงผมออก ไม่เหลือแรงจะดิ้นอีกต่อไป “อย่า...กูไม่อยาก...ไม่...” ผมห้ามมันเสียงเครือ เมื่อมันเอาลูกชายาจ่อที่ช่องทางของผม ผมอยากจะร้องไห้ ดวงตาที่มองมาเย็นชาจนดูไม่เหมือนรอทที่ผมรู้จัก...ผมกำลังกลัว กลัวจนตัวสั่น


      “โอ๊ย!...ฮึก...เอาออกกูเจ็บ” แก่นกายถูกยัดเข้ามาในทีเดียวทำเอาน้ำตาไหลพราก ไม่มีการเตรียมใดๆ ไม่มีเจลหล่อลื่น แถมผมก็ไม่ได้มีอารมณ์ด้วย เจ็บเหมือนร่างจะฉีกออกจากกัน 


      “อย่า...ฮือ...อย่าขยับ เชี่ย!..กูเจ็บ...ฮึกหยุด” มันเริ่มขยับกระแทกเข้ามาแรงๆ หนักๆ จนร่างแทบร้าว เจ็บเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ในทุกทีที่มันขยับ สองมือพยายามผลักมันออกด้วยเรียวแรงทั้งหมดที่เหลือแต่ไร้ผล


      “อ๊ะ..ฮือ...ฮึก..อาห์” ผมทั้งครางทั้งสะอื้น ซุกหน้าลงกับมือที่ถูกล๊อคอย่างจนปัญญา ไม่อยากเห็นดวงตาเย็นชานั่น ข้างล่างมันเจ็บจนหน่วง พอๆกับตอนไอ้กรกรฎมันเอามีดกรีดอก ถึงมันจะมากแค่ไหนมันก็ไม่เท่าใจผมตอนนี้ ใจเจ็บจนแทบขาด ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่สนใจว่ามันจะลงแรงที่ร่างผมมากแค่ไหน ปลดปล่อยเข้ามาเท่าไหร่ เสียใจ...น้อยใจ กับสิ่งที่มันทำ บอกว่าผมเป็นแฟนมัน แต่มันกลับทำทุกอย่างเพื่อความพอใจของตัวเองโดยไม่สนว่าผมจะรู้สึกยังไง


      “กะ...เกลียด...ฮึก”


      “โย...” น้ำเสียงมันดูอ่อนลงเป็นละคนกับเมื่อกี้และหยุดทุกอย่างทีมันทำ “โย!...ผมขอโทษ” รอทดึงผมไปกอดไว้แน่นแต่ผมยังคงร้องไห้จนตัวโยน


      “ฮือ...ปล่อยกู”


      “อย่าเกลียดผม ขอร้องล่ะ” มือผมถูกดึงออก จึงเลือกที่จะหลับตาไม่อยากมองหน้ามัน รับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาจูบประทับลงเปลือกตาอย่างปลอบประโลม มือสากๆ ปาดเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม


      “มองผม...ได้โปรด” ผมค่อยเปิดตามองมันในที่สุด ใบหน้าคมตอนนี้เต็มไปด้วยความเสียใจและเจ็บปวด มึงพึ่งรู้ตัวหรอในสิ่งที่มึงทำ ทำไมผมถึงใจอ่อนให้มัน...ทั้งที่โดนทำร้ายขนาดนี้


      “ผมรักโยนะ อย่าเกลียดผมเลย” เสียงทุ้มกระซิบบอกทำให้ใจที่หนักอึ้งผ่อนคลายทันใด

      
       รอทก้มลงจูบผมแผ่วเบาและอ่อนโยนแทนคำขอโทษ มันเลียข้อมือที่ถลอกจนเลือดซึมเบาๆ ปากบางประทับลงบนหน้าผากมน เปลือกตาทั้งสอง แก้มทั้งสองและจบที่ริมฝีกปากของผม พลางพร่ำบอกรักซ้ำๆ จนก้องอยู่ในหัว  รอทบรรจงจูบผมอย่างอ้อยอิ่งและเนิ่นนาน มืออีกข้างก็ลูบตรงแผลที่มันกัดผม คล้ายจะบรรเทาให้มันหาย แม้ก่อนหน้านี้มันจะเป็นปีศาจร้ายมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ หัวใจผมกลับให้อภัยมัน...นายคงเสียสติไปแล้วโยนาห์


      “อือ...” ผมครางประท้วงรสจูบแสนหวานเมื่อรับรู้ว่ามืออีกฝ่ายเริ่มไม่นิ่ง ไปป้วนเปี้ยนแถวลูกชายผม “อ๊าห์ อย่าจับ” คนข้างบนไม่ฟังกลับจับมันรูดรั้งจนแข็ง ตอนนี้ผมกลับมีอารมณ์ซะได้ไม่ต่างจากสิ่งที่คาอยู่เบื้องล่างที่เริ่มตื่นตัวขึ้นมาแล้วเช่นกัน ทั้งที่โดนมันทำร้ายขนาดนั้นหรือผมเป็นพวกมาโซคิสวะ


      “ยังไหวมั้ย” รอทถามดวงตาเป็นประกาย...มึงกลับมาเป็นไอ้แวมไพร์หื่นกามคนเดิมแล้วสินะ...ฮ่าๆ


      “อ๊ะ....เบา...มันยังเจ็บ” ผมร้องเมื่อมันขยับ ช่องทางของผมมันทั้งแดงทั้งช้ำแถมยังมีน้ำของมันล้นออกมาจากการที่โดนมันบังคับขืนใจมาก่อนหน้า รอทจึงหันมาเล่นกับโยน้อยแทนทำเอาเสียวจนเผลอจิกเท้าลงกับคอนโซลรถระบายอารมณ์...ตรัสรู้ได้ว่าเรายังอยู่ในรถซึ่งเป็นลานจอดรถมหาลัย


      “โย...ผมรอไม่ไหวแล้ว” เออ...ผมก็เริ่มไม่ไหวเหมือนกัน รีบทำรีบไปก่อนจะมีใครมาเห็น


      “โอ๊ะ!...ซี๊ด” ขาทั้งสองของผมถูกยกขึ้นพาดบ่าก่อนที่คนข้างบนจะทิ้งน้ำหนักลงมา มันลึกจนเสียวไปทั่วร่าง อือเจ็บ...แต่ก็อยาก ทรมานแต่สุขสม...ทำเอาสับสนไปหมด


      ร่างสูงกระแทกหนักๆ เข้าจุดกระสันอย่างรู้ดี ทำผมครางดังจนกลัวว่าเสียงจะหลุดออกไป ในรถแคบๆ ทุกยังมันดังก้อง เสียงหอบ เสียงเนื้อกระทบกัน หรือแม้แต่เสียงกุญแจมือนั่น ยิ่งปลุกอารมณ์ผมให้ลุกเป็นไฟ...รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ อาจเพราะแปลกที่และกลัวคนมาเจอ


      “อือ...รอท...เร็ว” ผมเร่งมันเสียงขาดๆ ทั้งจิกทั้งข่วนอกแกร่งนั่นเพื่อระบายอารมณ์  ร่างของผมถูกพลิกขึ้นข้างบนก่อนที่รอทจะจับเอวผมแล้วกดลงใส่ส่วนแข็งขืนที่กระแทกสวนขึ้นมารัวๆ...สะท้านสะเทือนไปทั้งตัว “อ๊าห์!...เสียว” ผมคว้าคอมันไว้เพราะเริ่มประครองตัวไม่อยู่ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมอยู่รอมร่อ


      “โย...อือ...จูบหน่อย” มันอ้อนปนหอบ ดูหน้าคมที่ขมวดคิ้วนิดกัดริมฝีกปากหน่อย...เซ็กซี่ชะมัด ผมก้มหน้าลงไปจูบตามคำขอ แลกลิ้นกันพัลวัน ซะจนปากผมบวมเจ่อ...กัดแม่งหมั่นไส้ ทำผมเจ็บจะเป็นจะตาย “อื้อ...เดี๋ยวเถอะ!” มันดุพร้อมกดเอวผมลงสุดแรงจนผมร้องลั่น...ทั้งเสียวทั้งจุก


      “อ๊ะ อ๊ะ รอท...อือ” รู้สึกอนาถกับเสียงครางกระเส่าของตัวเองเหมือนเป็นผู้แพ้ยังไงไม่รู้ มันเล่นซะผมหายใจหายคอแทบไม่ทัน อารมณ์ขึ้นสูงจนตาพล่า สมองมึนเบลอไปหมด จิกทึ้งผมสั้นๆ นั้นแบบไม่กลัวเจ้าตัวเจ็บ(เอาคืนบ้าง)เพราะมันเสียวแปลบไปทั่วร่างเหมือนมีบางอย่างประทุอยู่ภายใน รอทดันผมเอนหลังพิงคอนโซลหน้าแล้วจับขาผมแยกกว้างก่อนใส่เข้ามาเต็มแรงเพื่อพาเราทั้งคู่ไปสู่จุดหมาย...ร้องจนเสียงแหบเลยทีนี้


      “อ๊าาาา...” ผมครางยาวก่อนกระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำรักออกมาในที่สุด อึดอัดเมื่อข้างหลังรัดอีกฝ่ายแน่นอย่างห้ามไม่อยู่จนต้องปลดปล่อยออกมาเช่นกัน รับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ที่ฉีดพุ่งเข้ามาภายในรวมกับของเดิมจนเต็มตื้นไปหมด...ร่างสูงนิ่งค้างไปซักพักก่อนจะถอนแก่นกายออกพาลให้หลักฐานทั้งหมดไหลเยิ้มออกมาตามซอกขาและหยดลงบนเบาะ...ดีนะเป็นเบาะหนัง ... เลอะเทอะเชี่ยๆ



      ผมนอนสิ้นฤทธิ์ปรือตามองไอ้ผัวเวรจัดการทำความสะอาดและใส่เสื้อผ้าให้ผมเรียบร้อย ครึ่งหนึ่งของผมยังเป็นมนุษย์แถมไอ้เชี่ยรอทยังดูดน้ำ....เฮ้ย! ดูดเลือดผมไปตั้งเยอะ จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปเหลือ รอทปรับเบาะให้ผมนั่งสบายก่อนคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ข้างนอกฟ้ามืดแล้ว ที่พวกผมทำกิจกามในรถกันนานแค่ไหนวะ...แค่คิดก็อายแทบแทรกแผ่นดินหนี


      “กลับบ้านเรานะ” บ้าน?...แค่คอนโดมั้ง เว่อร์ไปมั้ย รอทว่าพลางจูบหน้าผากผม ก่อนจะไปประจำที่คนขับแล้วออกรถไป


      “อืม” ผมตอบรับพลางหลับตาลงอย่างอ่อนล้า


....หวังว่าผมคงไม่ต้องเก็บของหนีมันเป็นครั้งที่สองนะ....



Talk Talk
[/b]

-พยายามแหลอังกฤษเพื่อความเสมือนจริงของเนื้อเรื่องด้วยความรู้อันน้อยนิดผิดถูกอย่างไรโปรดอภัยกัน :ling2:
-ดราม่าวันละนิดจิตแจ่มใส แค่รู้สึกเบื่อชีวิตรักที่ราบลื่นเกินไป :katai5:
-อยากลองเขียน SM ดูบ้าง เป็นอย่างไรติชมได้นะ หึๆ แอบชอบแนวนี้ o18
-ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่หลังไหลเข้ามา สำหรับคำขอบคุณรอดูภาพ หึๆ :fire:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 03-07-2015 21:13:21
เคลียร์เร็วดีคะ เราชอบ ต้องแบบนี้แหละ
มีเหตุผลดี รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-07-2015 21:17:52
55555 เมียเก็บของหนีเลยง้อด้วยวิธีนี้หรอ? รอท :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-07-2015 21:34:04
รุนแรงจริ๊งคู่นี้. หึงแรงง้อแรงและก็ซัดกันนัวเชียว ก็ยังแอบสงสารโยอยู่แหละ พี่รอทหนักมือไป๊
หนูคงไม่เป็นมาโซไปจริงๆใช่ไหมเนี่ย
ในรถไม่พอจ้า ในสถานศึกษากันเลยทีเดียว
กลับบ้านเหรอแปลว่าบ้านโยใช่ไหม แม่ไม่อยู่นี่นา.  :katai2-1:   
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 03-07-2015 21:46:40
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 03-07-2015 21:59:25
 :-[ หูยๆๆๆๆ outdoor อยากจะอยู่ดูถ่ายทอดสดตรงนั้นจัง
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 03-07-2015 22:08:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 03-07-2015 23:03:30
(http://upic.me/i/fq/roteyonahincar.jpg) (http://upic.me/show/56071459)

ติสแตกอยากวาด นี่คือคำขอบคุณอันน้อยนิดที่เรามีให้ผู้อ่านทุกท่าน งานสกปรกไปนิด ไม่ได้เอากระดาษรองมือ กับเส้นหยาบไปหน่อย  :ling1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 04-07-2015 03:14:52
มีอะไรก็หันหน้ามาคุยกัน ดีกัน รักกันนานๆนะ

ปล. ชอบภาพประกอบมากเลยค่ะ สามารถนำมาจินตนาการต่อยอดได้เยี่ยมสุดๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 04-07-2015 07:08:33
โย ตา sexy มาก
ผญ นี่ก็สลัดยากแท้
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 18 ผิดใจ (อยากลองอะไรใหม่ๆ) p7 up 3/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 05-07-2015 17:25:41
บทที่18 ตราสัญลักษณ์
[/b]


      Yonah Say


      หนาว...พายุหิมะโหมกระหน่ำปกคลุมสนามหลังบ้านให้ขาวโพลน ผมกำลังฝัน?  หรืออาจเป็นความทรงจำในวัยเด็กที่หายไป? ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกตัวใหญ่ริมหน้าต่างกระจกที่ปิดสนิท มองออกไปข้างนอก ผมเคยวิ่งเล่นตรงนั้นเพียงแต่ตอนนี้มันหนาวเกินออกไป ในบ้านที่แสนเงียบเชียบเหมือนได้ยินคนสองคนคุยกันด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจ หนึ่งในนั้นฟังดูคล้ายแม่ษา เสียงนั่นเริ่มดังขึ้น ดังขึ้นจนดูเหมือนกำลังทะเลาะกัน


      เพล้ง! เสียงกระจกแตกดังมาจากด้านบน ผมกระโดดลงเก้าอี้ตัวสูง พร้อมวิ่งไปตามเสียงนั่นด้วยขาเล็กๆ ของตน ก่อนหยุดตรงหน้าประตูไม้บานใหญ่ที่เปิดพรวดออกมา ...ชายคนนั้นอีกแล้ว...พ่อ!? ดวงตาสีเทาดูตกใจที่เห็นผม เจ้าตัวถอนหายใจหนักๆ ก่อนฝืนยิ้มให้ ลูบหัวผมสองสามทีแล้วเดินเลยไป


      “ฮือ...” ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากในห้องดึงขาทั้งสองให้ก้าวเข้าไปอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวคนหนึ่งนั่งกอดเขาร้องไห้อยูู่่ตรงมุมห้องข้างโต๊ะเครื่องแป้งที่กระจกแตกกระจาย ผมเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆ ก่อนนั่งลงตรงหน้า รู้สึกเบาใจที่เธอไม่บาดเจ็บตรงไหน แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมอง...แม่...ผมจำดวงตาสีดำกลมโตนั่นได้ แม้จะไม่ได้ดูแก่เท่าปกติที่เคยเห็นก็ตาม ใบหน้าสวยในยามนี้ดูเศร้าหมองเต็มไปด้วยคราบน้ำตานำพาจิตใจผมให้เศร้าตาม แม่ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นราวกลับกลัวผมจะหายไป...และแล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมา

...........................................


      “ฝันร้ายหรอ” เสียงหนึ่งปลุกผมขึ้นจากฝัน


      ยูจีน! เธอนั่งมองผมอยู่ปลายเตียง ใบหน้าสวยๆ นั่นดูไม่สบายใจเอามากๆ แต่ทำไมเธอมาอยู่นี่ละ แล้วรอทไปไหน เมื่อวานกลับมาถึงห้องผมก็อาบน้ำนอนแม้แต่ข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน แต่เอ๊ะ!?...มั่งกี้เธอพูดภาษาไทยกับผมหรอ


      “So…sorry ทีบางทีฉันก็คุมพลังตัวเองได้ไม่ดีเท่าไหร่” เธอบอกด้วยสำเนียงแปร่งๆ ก่อนจะคลานขึ้นเตียงมาคร่อมผมไว้ทำเอาผมตกใจ “ซัคคิวบัสก็แบบเนี่ย มีพลังทำให้คนอยู่ใกล้ฝันร้ายไม่รู้ตัว”


      “คุณ...พูดไทยได้ด้วยหรอ” ผมถามอย่างฉงน เธอบอกเธอเป็นซัคคิวบัสงั้นรอทคงบอกเธอแล้วล่ะว่าผมรู้เรื่องอมนุษย์


      “ก็..ไม่เก่งเท่าไหร่” เธอยักไหล่ยังคงรุกรานผมต่อไป “แล้วก็เรื่องรอทต้องขอโทษด้วยนะ ฉันก็ไม่อยากให้เข้าใจผิดจนทะเลาะกันขนาดนั้น ฉันกับหมอนั่นแค่เคยควงกันขำๆ เท่านั้นแหละ” เธอว่ายิ้มๆ พลางลูบไล้แก้มผม...เอิ่ม! สาวสวยบนเตียงสองต่อสอง...ถ้าผมโสดนะไม่รอด


      “ก็คุณไม่รู้” ผมยิ้มรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก “แล้วรอทละ”


      “ไปบ้านริค อิจฉาหมอนั่นเป็นบ้า มีของน่ากินไว้ข้างตัวขนาดนี้” ดวงตาสีเขียวมองผมอย่างถูกใจ แลบเลียริมฝีปากอย่างหิวกระหายทำเอาผมขนลุกเลยครับ...คงไม่งับคอผมอีกคนนะ


      “ถ้าไม่อยากกินลูกกระสุน ช่วยถอยไปห่างๆ คนของผมซักทีเถอะ” รอทมาตอนไหนก็ไม่รู้เอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย


      “หวงจังเลยนะ” ยูจีนว่าพลางหัวเราะคิกคัก “เอาเป็นว่าเบื่อไอ้แวมไพร์เฮงซวยนั่นเมื่อไหร่ บอกฉันได้นะ” เธอยิ้มยั่ว แอบเห็นผัวตัวดีจ้องเธอเหมือนจะฆ่า นี่เคยคบกันจริงดิ?


      “ไม่แน่อาจเร็วๆ นี้” ขยิบตาให้เธอนิดหนึ่ง อยากกวนตีนคนแถวนี้


      “เฮ้อ เข้าไปสภากลางดีกว่า อยู่แถวนี้เดี๋ยวโดนฆ่าเอา” หญิงสาวว่าพลางลุกจากเตียง ก่อนจะเดินไปเชยคางรอทอย่างหยอกล้อแล้วจากไป เหมือนว่าเธอจะแวะมาเอาของ


      “เมื่อวานไม่เข็ดหรอ” รอทว่านิ่งๆ...ยังมีหน้ามาถามว่าเข็ดไหม ถามกูเนี่ย โกรธมึงหรือเปล่า คิดแล้วอารมณ์เสีย ม้วนตัวมุดผ้าห่มไม่คุยกับมันแล้ว รับรู้ถึงแรงยวบของที่นอนก่อนไอ้คนผิดมันจะรวบผมเข้าไปกอด มือ!? มือมึงจับอะไรกูบ้างเนี่ย เห็นไม่คุยไม่ตอบมันฟัดใหญ่เลยทีนี้
      

      “เชี่ยรอท!!!” ผมโผล่หัวมาด่า มันยิ้มก่อนขโมยหอมแก้มผมไปที


      “ไม่มีเรียนหรอ?”


      “มีบ่ายโมง” เหลือบไปดูนาฬิกาพึ่ง 11 โมง “นายละ แล้วไปทำอะไรบ้านหมอ”


      “วันนี้โดด ให้ริคมันช่วยค้นข้อมูลเกี่ยวกับพวกซาโตนี่ให้ ใกล้จะปิดเทอมเล็ก คงต้องลุยคดีนี้เต็มที่แล้วล่ะ” ใบหน้าคมดูจริงจังและเคร่งเครียด “อันดับแรกคงต้องจับไอ้ตัวแกนนำที่หนีเข้ามาให้ได้ก่อน เหมือนมันจะมาปลุกกระแสพวกที่อยู่ในไทยให้ก่อคดีกันเยอะขึ้น ตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งมาว่ามีคนหายเยอะมาก ไม่รู้จะปิดข่าวนี้ได้นานแค่ไหน”


      “มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” ก็พูดไปงั้นแต่ก็ไม่รู้ช่วยยังไง มันไม่ใช่ไล่ล่าพวกบีสที่ฆ่าๆ ทิ้งก็จบ


      “อืม...” รอทว่าพลางซุกหน้ากับไหล่ผมแล้วกอดไว้แน่น “ช่วยอยู่แบบนี้ก็พอแล้ว” เขินเลยครับพูดแบบนี้เลยยอมอยู่นิ่งๆ ให้มันกอด จะว่าไปก็รู้สึกอบอุ่นใจดีนะ

.........................................................

      รอทมาส่งผมที่คณะตอนบ่ายก็ถูกตอนรับด้วยสายตาแปลกๆ จากคนในคณะ ลากพวกไอ้ตั้มมาถามได้ความว่า เขารู้ว่าผมกับรอทเป็นแฟนกันเพราะดันมีคนเห็นเราเล่นหนังสดที่ลานจอดรถ..เชี่ย!!! มันเป็นอะไรที่อัปยศอดสูมาก เพื่อนในเอกล้อผมกระจุย เอากับผู้หญิงมันก็ดูว่าเจ๋งแต่นี่โดนผู้ชายเอานี่สิ ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!!!!...เครียด เป็นคนดังชั่วข้ามคืน มีใครทะลึ่งถ่ายคลิบด้วยเปล่าวะ ผมจะตามไปยิงทิ้ง


      จากปกติผมจะมีสาวๆ มาอ่อยบ้างประปรายแต่เดี๋ยวนี้กลุ่มเป้าหมายมันเพิ่ม เก้งกว้างเข้ามาเต็ม คือแบบต้องรับมือทั้งสองเพศเลยกู ประสาทจะกิน กูไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมยังรักและหลงใหลในหน้าอกตูมๆ แค่บังเอิญได้ผัวเข้าจั้ย! t(- -t)


      “โย โย แกทำยังไงวะได้เดือนวิศวะมาเป็นแฟน” ไอ้น้ำเพื่อนในเอกถามแบบอยากเสือก ไอ้ผัวหื่นมันเป็นเดือน...เพิ่งรู้ “กูก็สงสัยอยู่ เขามาหามึงที่คณะบ่อยๆ”


      “เออ พวกกูเล็งพี่เค้าอยู่ตั้งแต่รับน้องรวม มึงนี่โครตโหดอะ ชะนีอย่างพวกกูไร้ที่ยืน” แป้งมันบ่นอีกคน ไอ้หื่นนั่นมันป๊อปขนาดนั้นเลยหรอวะ คิดแล้วหมั่นไส้


      “ไม่รู้กูเมา ตื่นมาก็โดนเอาไปแล้ว” หึ ปฏิเสธไปก็เท่านั้น รับแม่งหน้าด้านๆเลยครับ พวกมันมองผมแบบหมั่นไส้ ก่อนเดินแยกไปนั่งกลับกลุ่มตัวเอง ทำใจๆ เดี๋ยวก็ชิน


      “สมน้ำหน้าเสือกอยากไม่เลือกที่” นี่ก็อีกคน ไอ้ข้าวยิ้มกวนๆ อยากเอาตีนถีบหน้ามึงจริง


      “มันบังคับกูสัส” ฮึ่ย!!! ทำไมกูต้องใจเต้นวะ “เดี๋ยวมึงโดนพี่หมอจับมัดคาเตียงคนไข้มั่งกูจะเอามาประกาศเลยคอยดู หรือตอนนี้เลย”


      “เชี่ยโย!!” ไอ้ข้าวว่าพลางพยายามเอามือปิดปากผมหน้ามันนี่แดงแป๊ด หรือโดนไปแล้ววะ!? คนแม่งสนิทกันได้คงสันดานไม่ต่างกันเท่าไร



      วันนี้เป็นวิชาบรรยายชิวๆ เข้าเรียนให้ครบกับมาสอบก็ผ่าน ไอ้ข้าวหอมสงบปากสงบคำขึ้นเยอะเลยครับโดนผมขู่เรื่องพี่หมอ หลังเลิกเรียนรอทก็มารับผมกับไอ้ข้าวไปบ้านผัวมัน เหอๆ มันย้ายสัมโนครัวมาอยู่กับพี่เขาแล้วแรดจริงไอ้นี่


      “ผมเจอบางอย่างน่าสนใจ” ริคว่าพลางหอบเอกสารกองหนึ่งกับหนังสือปกหนังเล่มใหญ่มาวางบนโต๊ะก่อนนั่งลงข้างๆ ไอ้ข้าว ตอนนี้เราทั้งหมดอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้านหมอ


      “หนังสือเล่มนี้โดนยึดมาจากพวกซาโตนี่เมื่อ 30 ปีก่อน ที่มีการไปทลายรังพวกมันในโรมาเนีย พี่ชายผมส่งมาให้เพราะเห็นว่าเราตามเรื่องนี้อยู่” ริคเกริ่นก่อนเริ่มเปิดหน้าที่คั่นไว้ทีละหน้า เริ่มจากหน้าแรกที่เป็นรูปดาวห้าแฉกคว่ำมีกระโหลกแพะอยู่ตรงกลาง


      “นี่เป็นตราประจำองค์กร Satanismus Creed ที่ยังใช้มาถึงปัจจุบัน เหมือนจะเป็นที่รู้กันว่าสถานที่นัดพวกของพวกมันจะมีอะไรคล้ายๆ ดาวหน้าแฉกคว่ำเป็นสัญลักษณ์บอกใบ้ อาจซ่อนอยู่หรือแฝงไปกับรูปร่างอื่น เท่าที่ลองสืบดูคร่าวๆ ไทยก็มีอยู่บ้าง บางที่เราก้รู้จักกันดีเสียด้วย มันได้เงินสนับสนุนจากกิจการใต้ดินทุกประเภท ในไทยก็มีอยู่ไม่กี่ที่หรอกนะ” ดวงตาสีน้ำตาลมองหน้าเราทุกคนคล้ายถามว่าเข้าใจไหม ก่อนจะหยุดที่ผม


      “แต่ในช่วง 100 ปีแรกในการตั้งองค์กร มันไม่ได้ใช้สัญลักษณ์นี้ แต่เป็นอีกอัน” ว่าแล้วไอ้แวร์วูฟเจ้าปัญญาก็เปิดไปอีกหน้า ทำเอาผมประหลาดใจ เพราะตราในหนังสือนั่นมันดูเหมือนรอยสักที่หน้าอกผมเป๊ะเลย มันเป็นรูปดาวเจ็ดแฉกที่เส้นต่อกันดูไม่มีที่สิ้นสุด ใจกลางเป็นสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ล้อมรอบด้วยวงแหวนสองวงที่แบ่งเป็นช่องเท่าๆกัน ภายในมีทั้งอักขระและตัวเลขทั้งที่เคยเห็นและไม่เคยเห็นปะปนช่องละตัว


      “เป็นไปได้ไหมว่าคนที่ทำตราประทำที่อกโยจะเกี่ยวข้องกับองค์กรนี้” รอทถามขึ้น พลางมองหน้าผมอย่างกังวล ไม่คิดว่าผมจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้องค์กรอันตรายแบบนี้


      “อาจจะไม่ใช่ตัวองค์กร แต่อาจเกี่ยวกับผู้จัดตั้ง เพราะ เหมือนว่ามันมาจากผู้ก่อตั้งคนแรก เขาอาจจะใช้ตราประจำตระกูลมาเป็นสัญลักษณ์ก็ได้นะ” ริคว่า “นอกจากตระกูลใหญ่ 3 ตระกูลก็ยังมีตระกูลอมนุษย์อื่นๆ ที่มีอิทธิพลในแต่ละโซน นายลองไปค้นดูสัญลักษณ์ของแต่ละตระกูลดูสิอาจมีอันที่ตรง” พี่หมอเสนอ รอทพยักหน้ารับ


      “เดี๋ยวผมจัดการเอง เอิ่ม…หอสมุดที่สภากลางน่าจะเก็บไว้อยู่เพราะที่นี่เป็นศูนย์ใหญ่ของภูมิภาคเอเชีย”


      “ผมไปด้วย” ผมที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น ดวงตาสีฟ้าหันมองผมดูไม่พอใจ


      “ไม่ได้โย เคยบอกแล้วนิว่าไม่อยากให้เข้าไปที่นั่นนะ” รอทบอกผมเสียงดุเลยครับ


      “แต่มันเรื่องเกี่ยวกับตัวผม อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน อยากจะค้นหามันด้วยตัวเอง” ผมพยายามอธิบาย “นะรอท มันไม่สนุกเท่าไหร่หรอกที่คนอื่นๆ มีความทรงจำวัยเด็กมาเล่าสู่กันฟัง แต่ผมกลับจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย แม่เองก็ไม่เคยบอก” เห็นใจผมบ้างสิ...ยิ่งฝันเมื่อเช้ายิ่งทำให้ผมอยากรู้ขึ้นไปอีก ว่าในอดีตมันมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นกับครอบครัวผมกันแน่


      “แต่ผมไม่อบยากให้พวกนั้นรู้ว่านายเป็นอะไร” รอทยังคงเสียงแข็ง


      “แต่ก็มีเครื่องรางที่นายให้มาไง พวกมันสัมผัสไม่ได้หรอก”


      “คงไม่เป็นไรหรอกรอท ถ้าไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งจริงๆอย่างนายกับผม คงสัมผัสกลิ่นไอจากตัวโยไม่ได้อยู่แล้ว แม้แต่ยูจีนยังไม่รู้เลย” พี่หมอพยายามไกล่เกลี่ยเมื่อพวกผมเริ่มเสียงดัง


      “งั้นผมไปด้วย!!!” ไอ้ข้าวเสนอหน้าเรียกสายตาดุๆ จากคนข้างๆ ให้หันมอง


      “มันไม่ใช่ห้างนะข้าวหอม ที่เราจะเดินเข้าออกตามสบาย นี่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวโยเองพี่เลยคิดว่าเขามีสิทธ์เข้าไป แล้วเราล่ะ จะเข้าไปทำไม โดนไอ้พวกในนั้นจับกินพี่ไม่รู้ด้วยนะ”โดนผัวดุหน้าเจื่อนไปเลยเพื่อนผม


      “รอท!” ผมหันไปเรียกไอ้คนที่นั่งหน้านิ่งมองผม “นะ พาไปน้าา” อ้อนมันนิดนึง คล้องแขนคลอเคลียเผื่อใจอ่อน อนาถตัวเองวะต้องมาทำตัวเป็นลูกแมวแบบเนี้ย!


      “ต้องจ้างนะ” คนโดนอ้อนเริ่มเก๊กไม่อยู่ “เสนอมาสิถ้าคุ้มค่าจะพาไป” ริมฝีปากบางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย แค่ให้พาไปแค่นี้มันต้องมีข้อต่อรอง หาเรื่องจะเอาผมให้ได้เลยว่างั้น


      “มึงก็แก้ผ้าผูกโบว์ให้พี่เขาไปเลย” ไอ้ข้าวหอมแนะนำ มึงเป็นเพื่อนที่ดีเชี่ย!ๆ หันไปขอความช่วยเหลือจากหมอแต่เจ้าตัวยักไหล่แบบไม่รู้ไม่ชี้ เออเข้ากันดีนะพวกมึง


      “ปะกลับ” รอทว่าพลางดึงมือผมลุกขึ้น ทีงี้มึงรีบ!!...สัส สังหรใจไม่ดีเลย


      “ไม่อยู่กินข้าวเย็นก่อนหรอโย” ไอ้ข้าว นี่มึงพยายามยื้อชีวิตกูใช่มั้ย


      “นั่นสิ ข้าวหอมทำไว้ตั้งเยอะ” พี่ริคเสริม


      “เอ่อ...”


      “วันนี้โยคงไม่ กำลังไดเอท เดี๋ยวกลับไปกินโยเกิตแทน ใช่มั้ยที่รัก” เฮือก!!! รอยยิ้มชั่วร้ายถูกส่งมาให้ผม เสียวสันหลังวาบเลย


      โยเกิร์ตอะไรวะ เปิดตู้เย็นเมื่อเช้าไม่เห็นมี แต่เอ๊ะ น้ำขาวๆ ข้นๆ หรือว่ามันหมายถึง...ไอ้เชี่ยรอทไอ้ทะลึ่ง ไอ้จัญไรไอ้แวมไพร์หื่นกาม ไอ้ๆๆๆๆ....ด่าออกเสียงไม่ได้เดี๋ยวมันไม่พาไป ผมมองมันแบบแทบจะกินหัว หน้าร้อนวูบวาบอย่างห้ามไม่อยู่ ไอ้ผัวเวรหัวเราะหึๆ ก่อนจะลากผมออกมา ตายๆ คืนนี้ผมคงไม่รอดแน่ ก้าวขึ้นรถยังไม่ทันจะปิดประตูก็ได้ยินเสียงไอ้ข้าวหอมเพื่อนรักตระโกนตามหลังมาด้วยความห่วงใย


      “เฮ้ย! โย พรุ่งนี้มีเรียนเช้า อย่าหักโหมนะ” สัส ไม่ต้องย้ำ!

      
Talk Talk
[/b]

-เข้าเนื้อเรื่องหลักซักทีเนอะ ออกนอกทะเลมาเนิ่นนาน งงมั้ยเนื้อเรื่อง งงถามได้ :z2:
-ขอโทษที่อัพช้ามัวแต่ไปอ่านนิยายคนอื่นมา เรื่อง เสร็จมึงจนได้ผู้ชายขี้เอา กับ king's club โฆษณาให้ด้วย 555 ชอบๆ :katai3:
-ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน นิยายเรามันไม่โรแมนติกเราบางทีก็เปลี่ยนอารมณ์ไปมาๆ จนกังวลว่าจะ สับสนกันบ้างมั้ย :z3:




      

      

   


      
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 19 ตราสัญลักษณ์ (เข้าเรื่องหลัก) p7 up 5/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-07-2015 18:33:28
คู่โยรอทดังใหญ่แล้ว. หวานออกสื่อได้แล้วนะเนี่ย
ว่าแต่เรื่องเข้าสภาของโยเนี่ยอันตรายไปนะคะลูก
น้องโยน่ารักเซะซี่ รักนางอะ
ขอบคุณคนเขียนจ้า.  :mew1: 
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 19 ตราสัญลักษณ์ (เข้าเรื่องหลัก) p7 up 5/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 05-07-2015 19:02:28
สงสัย พ่อของโยจะเป็นตัวร้ายของเรื่อง หรือเปล่า  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 19 ตราสัญลักษณ์ (เข้าเรื่องหลัก) p7 up 5/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 05-07-2015 19:34:16
จะได้บู๊รึเปล่าน้อออออ พ่อของโยอาจจะเป็นแวมไพร์หรือคนของลัทธิที่มีตำแหน่งๆก็ได้เนาะ
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 19 ตราสัญลักษณ์ (เข้าเรื่องหลัก) p7 up 5/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 05-07-2015 19:49:01
ภาพประกอบ ชอบค่ะ ขอพี่ริคน้องข้าว ตอนนัวเนียด้วย :katai5:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 19 ตราสัญลักษณ์ (เข้าเรื่องหลัก) p7 up 5/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 05-07-2015 23:25:08
(http://upic.me/i/bk/ricardokawhom-sofa.jpg) (http://upic.me/show/56091362)

ตามรีเควส หึๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 19 ตราสัญลักษณ์ (เข้าเรื่องหลัก) p7 up 5/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-07-2015 23:31:37
รูปน้องข้าวกะพี่หมอหมาฟินมากๆค่ะ. น้องข้าวตัวเล็กมากเลยพออยู่กับพี่ริค

ขอบคุณมากค่ะทั้งคนรีเควสและคนวาด.  :o8: 
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 19 ตราสัญลักษณ์ (เข้าเรื่องหลัก) p7 up 5/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 06-07-2015 19:55:24
แหมๆ น้องโย กล้าว่าเพื่อนแรดนะ ตัวเองก็มาอยู่กับผัวแล้วมิใช่หรือ ฮ่าา
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 19 ตราสัญลักษณ์ (เข้าเรื่องหลัก) p7 up 5/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 06-07-2015 22:28:13
บทที่20 ตระกูลที่หายไป
[/b]

      Yonah Say

      หงุดหงิด นอนน้อย เรียนอะไรก็ไม่เข้าหัว วันนี้อาจารย์ทวนแนวข้อสอบก่อนมิดเทอมด้วย เห็นรุ่นพี่บอกว่าจิตวิทยาเป็นวิชาเลือกที่สอบยากที่สุดแล้วถ้าผมตกนะ ไอ้รอท...ไอ้ผัวเวร ไอ้หื่นไม่ดูกาลเทศะ ผมจะเล่นให้เละเลยคอยดู


      “ไม่ต้องด่าในใจก็ได้มั้ง” คนข้างๆ แซวทำเอาผมสะดุ้ง รู้ได้ไงว่าด่ามัน คือกูแสดงออกทางสีหน้าขนาดนั้นเลยหรอ ในวิชามอ.มันมานั่งเรียนกับผมเป็นเรื่องปกติไปแล้วครับ ตอกย้ำชัดเลยครับว่าเป็นอะไรกัน


      “ผมบอกพี่แล้ว ว่าเช้ามีเรียนให้เบาๆ” ไอ้ข้าวบอกรอท มันหัวเราะสะใจ


      “เดะกูจะบอกพี่หมอเอาให้เดินไม่ได้เลยคอยดู” ผมด่ามัน


      “พี่หมอเขาแยกแยะเป็นวะ” มันเถียงหน้าแดงเลยครับ


      “จับขามึงแยกอะนะ”


      “เชี่ยโย พี่รอทดูเด็กพี่ดิ” แหนะบังอาจฟ้องผัวกู เถียงกับมันหายง่วงเลยครับ แอบหวั่นๆ วันหนึ่งมันหายไปคงเหงาหูพิลึก...ว่ามั้ย ไอ้ธีร

.....................................................................

      รอทพาผมมาที่สภากลางเพราะเราไม่มีเรียนคาบบ่าย มันบอกเสาร์อาทิตย์มีพวกอมนุษย์เข้ามาใช้บริการเยอะไม่อยากให้ผมเจอ ใครจะรู้ละครับว่าอาคารสูงย่านธุรกิจที่ดูเผินๆ เหมือนบริษัทต่างชาติทั่วไปจะเป็นที่ทำการของ SCEC:Security Council of Eternal Clan ด้านบนสูง 30 กว่าชั้นแม่งจิ๊บๆ เจ๋งตรงชั้นใต้ดินนี่แหละ เห็นว่ามีเกือบ 20 ชั้น กรุงเทพมันขุดได้ลึกขนาดนั้นเลยหรอวะ 3 ชั้นสุดท้ายเป็นคุก ถัดมา 2 ชั้นเป็นที่พิพากษา แล้วก็แบ่งเป็นแผนกต่างๆ ตามชั้นที่เหลือ โดยมีหอสมุดอยู่ชั้นสูงสุด และห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูงๆในชั้นรองลงมา ดูลึกลับเป็นอาณาจักรที่ซ้อนทับอยู่ในโลกของความจริงหึๆ


      “ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านรอท” หญิงสาวนางหนึ่งตรงปรี่เข้ามาทักทันทีที่เราก้าวเท้าสู่ตัวอาคาร  ภายในเป็นโทนสว่างดูตัดกับพื้นหินอ่อนสีดำ รูปร่างสูงเพรียวดูสวยแต่หลอนตามไสตล์อมนุษย์ทั่วไป ...เรียกท่าน! เลยหรอวะ


      “แล้วคนคนนี้...” เธอหันมามองผมพลางยิ้มสวยแต่แม่งแปลกๆ


      “เขามากับผม” รอทบอก ท่าทางมันดูนิ่งกว่าปกติมาก


      “เป็นมนุษย์หรอ?” เธอหันมาถามผม


      “ครับ!” ผมพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมยิ้มให้ รู้สึกเกร็งๆ


      “ตาเธอสวยจัง!” มือเรียวเอื้อมมาคล้ายจะจับผมอย่างลืมตัว แต่ต้องหดกลับไปเมื่อรอทมองแบบดุๆ


      “ซอนเน่อยู่ไหม” รอทถาม


      “อยู่ค่ะ ห้องทำงานชั้นบน ให้แจ้งมั้ยค่ะว่าท่านมาหา”


      “ไม่ต้องเดี๋ยวผมไปเอง อยากเซอไพร์เธอซักหน่อย” คนข้างตัวว่าพลางก่อนจะเดินนำผมไป


      ผมเดินตามรอทมาติดๆ ก่อนจะคว้ามือหนานั่นไว้อย่างลืมตัว มันอึดอัดมาก ความกดดันมหาศาลโถมเข้ามาจนรู้สึกเวียนหัว อย่างที่บอกผมสัมผัสถึงพวกอมนุษย์ได้ ที่นี่ก็มีพวกมันเต็มไปหมดและหลายๆ ตนไม่ได้คิดจะปิดบังกลิ่นไอตัวเองเลยคล้ายกำลังข่มขวัญแข่งขันกัน แถมหลายตนยังจ้องผมไม่วางตา เรายืนรอลิฟกันซักพักก่อนก่อนจะก้าวเข้าไปเมื่อมันมาถึง


      “ไหวไหม” ร่างสูงถามพลางลูบหัวผมเบาๆ ผมพยักหน้าแทนคำตอบ “เดี๋ยวก็ชิน”


      เราขึ้นมาชั้นรองสุดท้ายก่อนจะเดินตรงไปยังห้องที่อยู่ด้านตะวันตกสุดของตึก รอทเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะเผยให้เห็นห้องทำงานขนาดใหญ่ปูพื้นด้วยหินอ่อนสีขาวมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่ทำจากหินไทเกอร์อายตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้อง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อย่างออกรส หันหลังให้เราผมสีน้ำตาลยาวสลวยเกือบถึงเอวดูเข้ากันดีกับรูปร่างสูงโปร่งนั่นเสริมให้คงตรงหน้าดูสง่าจนไม่อาจวางตา


      “ไงรอท จะมาไม่เห็นบอก” เจ้าของห้องวางโทรศัพท์ก่อนหันมาหาเรา ใบหน้าสวยในมาดนางพญาดูเข้ากันดีกับตาสีฟ้าใสที่เหมือนของรอทแต่รอยยิ้มกลับอ่อนหวานดูตัดกับลุคเสียจริง


      “อยากเซอไพร์” รอทว่า


      “แล้วหนุ่มน้อยหน้าสวยคนนั้นใคร” เธอพยักพเพยิดมาทางผม...ชมว่าสวย กูอยากจะร้องไห้ Q_Q หล่อครับผมหล่อ


      “แฟนผม” เอิ่ม...ตรงไปปะ หน้าแดงทำไมเนี่ยกู


      “เปลี่ยนแนวแล้วหรอ แต่ถ้าน่ากินขนาดนี้ เป็นใครก็เปลี่ยนแนวละนะ” น่ากินอะไรก๊าน...ใครเจอแม่งก็จะงาบแต่ผม จนเริ่มระแวงตัวเองแล้วเนี่ย “ชื่ออะไรจ๊ะ”


      “โยนาห์ครับ เรียกโยก็ได้”


      “รูปก็งามนามก็เพราะ” หญิงสาวยิ้มร่าก่อนเข้ามาประชิดตัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “น้องโยเป็นมนุษย์หรอจ้ะ อุ้ย!แก้มนิ้มนิ่ม” เธอดึงแก้มผมใหญ่เลยทีนี้ เอิ่มตอนแรกนึกว่าจะโหด


      “อืม มนุษย์ธรรมดานั่นแหละ ปล่อยมือได้แล้วมั้งซอนเน่” รอทพยายามจับเธอแยกจากผม


      “กับพี่ตัวเองไม่เห็นต้องหวงเลย” พี่สาวรอท!?คนสวยหน้างอก่อนจะหันไปจู่โจมรอทแทน “ตอนแรกนึกว่าพวกพันธุ์หายากจากไหน อยู่ใกล้แล้วรู้สึกแปลกดี” เธอบอกทั้งที่ยังไล่ฟัดรอทอยู่ จึงไม่ทันเห็นว่าผมแอบสะดุ้ง เธอรู้สึกถึงตัวตนผมได้งั้นหรอ เห็นไอ้ผัวหื่นทำหน้ายุ่งก็ตลกดีครับ นานๆ มันจะหลุดมาดหล่อๆ ซักที


      “ฉันชื่อซอนเน่นะ เป็นพี่คนรองของรอท นั่งก่อนๆ” คนรองแปลว่ารอทมีพี่อีก “มานี่มีเรื่องอะไรหรอ” เราทั้งสามนั่งลงตรงโซฟารับแขกภายในห้อง


      “พวกผมมาหาข้อมูลเกียวกับเจ้านี่” รอทว่าพลางเหยิบกระดาษที่มีภาพตราบนหน้าอกผมออกมากางบนโต๊ะกระจก ซอนเน่นิ่งพินิจภาพนั้นอยู่ซัพพัก


      “ไสตล์การเขียนน่าจะเป็นพวกตราประจำตระกูล” เธอออกความเห็นในที่สุด “ไปได้มาจากไหน”


      “ตราของพวกซาโตนี่ตอนเริ่มตั้งองค์กร” มันบอก แต่ไม่บอกเรื่องรอยสักผม “พอจะบอกได้ไหมว่าเป็นตระกูลไหน”


      “โถน้องรัก นอกจากสามตระกูลใหญ่ ยังมีอีกเป็นร้อยๆ ตระกูลนะยะใครจะไปจำได้ แต่!” นิ้วสวยไล่วนตามสัญลักษณ์ในวงแวนรอบนอก “สัญลักษณ์พวกนี้เคยเห็นผ่านๆ ในตำราพวกแสกนดิเนเวีย ไซบีเรีย ไม่ลองหาจากตระกูลดังๆ แถบนั้นดูละ” เธอแนะนำ เขาบอกผู้หญิงฉลาดมักดูสวย แต่ซอนเน่ทั้งสวยทั้งฉลาด...นางในฝันผมเลย!


      “แล้วหอสมุดที่นี่มีพวกหนังสือประจำตระกูลเยอะไหม” รอทถามต่อ


      “ก็เกือบครบละนะ ที่นี่ตั้งมานานแล้วนี่” เธอว่าพลางจดอะไรขยุกขยิกใส่กระดาษให้พวกเรา “มันอยู่ในโซนประวติศาสตร์ เกือบๆ ในสุดนั่นแหละ”


      “ขอบใจ” รอทว่าพร้อมหอมแก้มเธอไปที... ...ดูน่ารักอบอุ่นสมเป็นพี่น้องกันดี อยากมีพี่มั่งจัง


................................................................

      ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ที่หอสมุดชั้นบนสุดให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการดีครับ เพดานเป็นโดมสูงประดับด้วยกระจกสี เราตามหาบันทึกประจำตระกูลโดยเริ่มจากตระกูลทางโซนเหนือทั้งหมดตามที่ซอนเน่แนะนำ พวกเราหอบหนังสือเก่าๆ มากองบนโต๊ะมากกว่า 20 เล่ม


      “เอ๊ะ ทำไมไม่เห็นมีตัวหนังสือเลย” ผมเปิดหนังสือตรงหน้า พลิกไปพลิกมาอย่างงงงวย ก่อนจะไปหยิบเล่มอื่นมาเปิดก็เป็นกระดาษสีน้ำตาลเก่าๆ ว่างเปล่าเหมือนกัน


      “พวกบันทึกของตระกูลมีลักษณะเด่นคือการบันทึกด้วยเลือด ถ้าจะอ่านต้องใช้เลือดของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในตระกูลหรือเลือดจากตระกูลที่มีพลังสูงกว่าหยดลงไป เพราะบันทึกพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นความลับไม่ต้องการให้คนนอกรู้” รอทอธิบายพร้อมกัดนิ้วตัวเองแล้วหยดเลือดลงไปเป็นการสาธิตแล้วตัวหนังสือก็ค่อยๆ ปรากฏ พร้อมตราประจำตระกูล


      เล่มนี้ไม่ใช่...เล่มนี้ก็ไม่ใช่ ผมปิดหน้าหนังสืออย่างเซ็งๆเมื่อไม่เจอสัญลักษณ์ที่ต้องการ ผ่านไปเป็นสิบเล่มเริ่มสงสารผัว ถึงแผลมันจะหายไวเล่นกัดเลือดหยดลงทุกเล่มเห็นแล้วเจ็บแทนเลย มันมาจากสามตระกูลใหญ่ครับแปลว่าเลือดมันเปิดอ่านได้ทุกเล่ม


      “ไม่เจ็บหรอ” ผมถามออกมาในที่สุด


      “นิดหน่อยน่ะ” มันตอบยิ้มๆ “บอกแล้วต้องจ้าง มาจ่ายเพิ่มด้วนนะที่รัก” ยัง...ยังมีหน้ามาหื่น เออไม่สงสารมันแล้ว ว่าแล้วก็ไปขนหนังสือมาเพิ่ม...กัดให้มือแหกไปเลยนะ


      เราหากันไปเรื่อยๆ จนมาถึงหนังสือหนังสีดำกรอบด้วยโลหะตรงสัน และขอบปกเป็นลายเถาไม้สวยสะดุดตาทำจากเงิน เถาไม้โลหะนั้นเลื้อยพันยึดปกหน้าปกหลังไว้ด้วยกันจนดูเหมือนปิดตาย รอทหยดเลือดของตัวเองลงไปบนปกอย่างไม่ลังเล เถาไม้นั้นขยับอย่างอัศจรรย์แต่ยังไม่ทันหลุดจากกันมันก็กลับไปพันแน่นดังเดิม เราสองคนมองหน้ากันอย่างงุนงง แม้แต่เลือดของซานซิโอยังเปิดไม่ได้ ผมจ้องหนังสือเล่มนั้นอยู่นาน รู้สึกสนใจอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะโดนสะกดด้วยความสวยของมัน


      “โย!..ทำอะไรนะ” รอทร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ผมตัดสินใจกัดนิ้วแล้วหยดเลือดตัวเองลงไป ผมก็ไม่เข้าใจทำไมต้องทำแบบนั้น เถาไม้บนปกค่อยๆ เลื้อยอีกครั้ง จนหลุดออกจากกันกลายเป็นเพียงลายประดับตรงขอบเท่านั้น...นี่มันอะไรกัน มันมีปฏิกิริยากับเลือดผม มัวแต่อึ้งกับหนังสือตรงหน้าพอเงยหน้าแล้วเจอกับสิ่งที่อึ้งกว่า เพราะอมนุษย์ทุกตนในหอสมุดหันมาจ้องผมเป็นตาเดียว...เฮือก!!


      “อย่าทำอะไรแบบนี้อีก” รอทว่าเสียงขุ่นก่อนกำนิ้วที่เป็นแผลผมไว้แน่นแล้วมองพวกรอบๆนิ่งๆ จนทุกคนต้องหลบสายตาเพราะจิตสังหารที่มันปล่อยออกมามากจนผมเองยังอึดอัด “กลิ่นเลือดมันอาจเปิดเผยตัวนายได้แม้แต่เครื่องรางนั่นก็เอาไม่อยู่”


      “ขอโทษ” ผมบอกเสียงแผ่วก่อนจะก้มหน้าเปิดหนังสือในมือ แล้วพบกับสิ่งที่ผมตามหาเลยมองหน้ารอทอย่างขอความเห็น


      “เอากลับไปอ่านที่ห้องเถอะถ้าอยากรู้” รอทบอกพร้อมดึงหนังสือตรงหน้าไปถือ สีหน้าขุ่นมัวสุดๆ “เรื่องเมื่อกี้ทำให้เราถูกสนใจมากเกินไป”


      รอทยืมหนังสือออกจากหอสมุดก่อนจะแวะไปลาซอนเน่ มันบอกพี่ว่าได้หนังสือที่ต้องการแล้วขอเอากลับไปศึกษาดูก่อนแล้วจะมารายงานทีหลัง เราอยู่บนรถกำลังจะกลับรอทโทรไปหาริคบอกว่าจะเข้าไปบ้านมีอะไรจะปรึกษา คงไม่พ้นเรื่องหนังสือในมือผมแน่ๆ ระหว่างทางผมก็เปิดอ่านไปพลางๆ ถัดจากหน้าตราสัญลักษณ์ก็มีตัวอักศรหวัดๆ เขียนไว้ว่า Arcane ชื่อคุ้นๆ วะ...คิดออกแล้ว มันคือหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ แต่พวกรอทไม่ค่อยเอ่ยถึงตระกูลนี้เท่าไหร่ งั้นแสดงว่าพ่อผมก็มีสายเลือดมาจากอาร์เคนนะสิผมถึงเปิดมันอ่านได้  เป็นภาษาอังกฤษล้วนเลยครับคงนั่งแปลกันมันละทีนี้


      “ผมไม่คิดว่าอาร์เคนจะยังมีคนเหลืออยู่นะ” รอทเอ่ยขึ้นหลังจากเปิดดูหนังสือเล่มนั้นคร่าวๆ ตอนนี้เราอยู่ในห้องนั่งเล่นบ้านหมอ  ไอ้ข้าวไปบ้านแม่ครับ ไม่เหลืออะไร! ผมนั่งหัวโด่อยู่นี่ไง “ตระกูลนั่น บ้าในเลือดบริสุทธิ์จนแทบจะสูญสิ้นไปซะเอง น่าเสียดายในพลังอำนาจที่มีนะ รุ่นหลังๆ ที่เคยเห็นคงเป็นแฝดอาร์เคน อาร์วาร์ค กับ อัลสไวเดอร์ แต่ก็นานมากแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยรับรู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลนี้เท่าไหร่”


      “จริงๆ ก็ยังมีอยู่นะ” หมอหมาทำท่าครุ่นคิด “มันก็เรื่องไม่นานเท่าไหร่นะ ประมาณสิบกว่าปีก่อนได้ยินว่ามีสงครามภายในตระกูลนี้จนฆ่ากันเอง ตอนสภากลางไปเจอศพนี่เกลื่อนปราสาทไปหมด ผู้นำตระกูลตอนนั้นก็นอนเป็นศพรวมอยู่ด้วย คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของแฝดคู่นั้นละ อัลสไวเดอร์หายสาบสูญไป ส่วนอาร์วาร์คถูกจับแล้วขังไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของคุกสภากลาง เพราะ อาร์วาร์คแข็งแกร่งเกินไปกลัวจะเป็นอันตรายต่อทุกคน แต่จะฆ่าก็ไม่ได้เพราะยังต้องการความรู้บางอย่างของอาร์เคนที่หมอนั่นมี ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องของซาโตนี่ที่คนในตระกูลรุ่นหลังๆ ไม่เอาด้วยเลยขัดแย้งกัน” ริคอธิบายผมนั่งฟังอย่างตั้งใจ

......หรือหนึ่งในสองคนนี้อาจจะเป็นพ่อผม ถ้าเป็นคนอื่นในตระกูลพ่ออาจจะตายในเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ได้....

      “แล้วคุกนั่นมันอยู่ไหน” ผมถามออกมาอย่างสงสัย อยากเห็นหน้าคนที่ชื่อ อาร์วาร์ค อะไรนั่นจัง ช่วงหลังผมฝันถึงตอนเด็กๆ บ่อยจนหน้าพ่อผมเริ่มชัดขึ้นทุกที


      “คุกนิฟล์เฮม อยู่ไซบีเรีย” รอทบอก “คงไม่คิดจะไปดูหน้าหมอนั่นหรอกนะ มันไม่ใช่ที่ใครๆ จะเข้าออกได้ยิ่งโซนลึกสุดยิ่งมีแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่เข้าได้”


      “เปล่าก็แค่อยากดูว่าหน้าตาเป็นยังไง” ผมอธิบาย วัยรุ่นอย่างผมจะเอาปัญญาที่ไหนถ่อไปไซบีเรียวะ


      “เป็นไปได้มั้ยว่า อัลสไวเดอร์ยังมีชีวิตแล้วยังคอยชักนำซาโตนี่อยู่” ผมไม่เคยเห็นรอทมีสีหน้าเคร่งเครียดแบบนี้มาก่อน ถ้าเป็นแบบนั่นจริงอาจต้องงัดกับคนที่มีระดับเดียวกัน ผมเริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินตัวผมไปเรื่อยๆ แม้แต่เรื่องต้นกำเนิดผมเองก็ตามมันก็ดูซับซ้อนชวนปวดหัวซะเหลือเกิน


      “แต่ว่าตอนนี้เราเคลียคดีใกล้ตัวก่อนไหม ไอ้ที่หนีเข้ามากบดานในไทยจับมาให้ได้ อยากขยายผลทำอะไรต่อค่อยว่ากัน” พี่หมอสรุปบท นั่นสิ ผมว่าไอ้คดีนี้แม่งชักจะบานปลายแล้วล่ะ “เดี๋ยวรอยูจีนก่อนว่าเธอสืบอะไรมาได้บ้าง”


      “งั้นก็ตามนั้น”

................................................................

      เรากลับมาที่คอนโดในตอนค่ำทำโน่นทำนี่กินกันน่าแปลกวันนี้รอทมันกินข้าวผมแต่มันเงียบ เงียบมากจนผมอึดอัด จริงๆ ตอนที่รู้จักกันแรกๆ มันก็ถามคำตอบคำนั่นแหละครับ ผัวผมมันคงเครียดก็พอจะเข้าใจเลยไม่ได้ซักไซ้อะไรมาก เสร็จก็นั่งดูทีวีซักพัก ผลักหนังสือเจ้าปัญหานั้นไปไกลๆก่อนพรุ่งนี้ค่อยอ่านเพราะต้องมานั่งแปล ผมอาบน้ำใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ล้มตัวลงนอนมองร่างสูงที่นั่งอ่านโน่นนี่นั่นอยู่หน้าโต๊ะคอมเงียบๆ ก็เริ่มง่วง


      “รอท!” ผมสะดุ้งก่อนจะทันได้เคลิ้มหลับเมื่อจู่ๆก็ถูกดึงเข้าไปกอดไอ้คนอยู่หน้าโต๊ะคอมมานอนข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ด้วยระยะใกล้ขนาดนี้ทำให้ผมได้เห็นหน้ามันชัดๆ...ใบหน้าเรียวแต่งแต้มด้วยรายละเอียดที่ชัดเจน คิ้วเข้มๆ รับกันดีกลับดวงตาสีฟ้าสวยที่มักมองผมเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสันที่ชอบขโมยหอมแก้ม ริมฝีปากบางที่มักจูบจนผมต้องเคลิ้มตาม...โครตหล่อผัวใครวะ เชี่ยเถอะ! นี่ผมหลงมันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร


      “เรื่องที่สภาวันนี้ผมคิดว่ามันต้องมีคนที่รับรู้ถึงตัวนายได้แน่ๆ” รอทบอกผมหน้าเครียด...เครียดแม่งทั้งวัน


      “ไม่หรอกน่า อย่าคิดมากสิ พวกนั้นไม่ทันสังเกตหรอก”


       “ผมกลัวว่ามันจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น...เหมือนตอนไอ้กรกฏนั่น” เสียงทุ่มฟังดูสั่นทำเอาใจผมสั่นตาม ผมรู้ว่ามันเป็นห่วงผมมาก


      “ผมยังมีนายไง...รอท นายเก่งจะตาย  ปกป้องผมได้อยู่แล้ว” ผมกอดตอบพร้อมซุกหน้าลงกับอกแกร่ง อ้อมแขนกระชับแน่นขึ้นจนผมหายใจลำบาก มันกอดผมแน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไป “อือ รอท หายใจไม่ออก”


      รอทคลายวงแขนออกกอดผมไว้หลวมๆ ก่อนจะจูบหน้าผากผมไปที ใช่ว่าผมไม่กลัว ไม่กังวล ยิ่งพยายามหาตัวตนของตัวเองเท่าไหร่ ยิ่งเหมือนถลำเข้าไปในความมืดมากเท่านั้น แต่ผมก็รู้สึกปลอดภัย รู้สึกอบอุ่นใจข้างๆ มัน มันคงไม่เป็นไรถ้าผมจะได้หลับไปในอ้อมกอดนี้ทุกๆ คืน

(http://upic.me/i/1m/0images4.jpg) (http://upic.me/show/37375381)

Satanismus Creed Symblo

(http://upic.me/i/xk/arcanesymblo.jpg) (http://upic.me/show/56102741)

Arcane Symblo

   
Talk Talk
[/b]
-รายละเอียดเยอะมาก เขียนอะไรไปก็ต้องมานั่งทำแมพไว้ว่าเรื่องมันโยงกันยังไง เอาไปเอามาก็เริ่มมึนๆ กลัวคนอ่านจะงง อย่าเพิ่งทิ้งกันเน้อ :hao5:
-เกี่ยวกับชื่อของแฝดอาร์เคน เอามาจากตำนานแสกนดิเนเวีย อาร์วาร์ค(Arvark) คือม้าลากพระอาทิตย์ ส่วน อัลไสวเดอร์(Alsvider) คือม้าลากพระจันทร์  :katai4:
-รูปยังรีเควสได้นะ เราสนุกดีที่วาดมัน เห็นทุกคนชอบเราก็มีความสุข :กอด1:
-ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะจ้ะ :mew1:
      

   

      

      
      
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20 ตระกูลที่หายไป p7 up 6/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 06-07-2015 23:06:46
ไม่ทิ้งงงง  :กอด1:

เข้มข้นไปทุกทีแล้วว อยากเจอพ่อโยแล้วสิ  :katai2-1:

หวังว่าคดีนี้โยจะไม่เจ็บตัวอีกนะ สงสารรอทนะเฮ้ยย แวมไพร์ช็อคตายนี่คงไม่ค่อยดี ฮ่าๆๆ

อ่านแล้วใจหายใจคว่ำตาม ใจหวิวๆ อย่ามีเรื่องร้ายแรงเล้ยยย

คนเขียนสู้ๆนะ จุ๊บ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20 ตระกูลที่หายไป p7 up 6/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 06-07-2015 23:26:02
ขอบคุณสำหรับภาพประกอบค่า ข้าวตัวจ้อยไปเลยเวลาอยู่ในอ้อมกอดพี่หมอริค

ตามรอยไปกับโยลุ้นมากเลยค่ะ ลุ้นให้รอทดูแลน้องอย่าให้เจ็บนะ ไม่งั้นลงชื่อปลดจากพระเอก จริงๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-07-2015 02:19:13
ตื่นเต้นชะมัด
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20 ตระกูลที่หายไป p7 up 6/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-07-2015 04:31:53
โอ้ น้องโยคงเป็นพวกเลือดผสมสินะคะ
กลิ่นเลือดหนูคงหอมหวานน่าดู ระวังตัวนะลูก
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 07-07-2015 06:20:29
รออ่านฉากบู๊เลือดสาด
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-07-2015 06:40:07
 :hao7:  เป็นห่วงโยจังเลยอ่า
ถึงรอทจะเก่งแต่เรื่องของโยเนี่ยกลัวขึ้นมาเลยเนอะ. รักมากก็งี้
ส่วนโย. คนหลงผัว. ตอนนี้ไม่ต้องปิดแล้วเนอะประกบเลยพี่รอท. ยิ่งสวยๆอยู่. ขอบคุณค่ะ. รอคลายปมน้องโยต่อไป
ขอบคุณสำหรับภาพประกอบค่ะ.  :L1: 
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 07-07-2015 14:03:02
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-07-2015 22:29:39
ยิ่งค้นยิ่งเจอปริศนาสินะ :katai4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 08-07-2015 11:04:33
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:รอตอนต่อไปปปปป :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 08-07-2015 14:17:22
โย ที่เป็นลูกครึ่ง สายพันธุ์พิเศษ จะเป็นตัวแปรสำคัญอย่างไรในเรื่องนะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 08-07-2015 15:12:41
ห่วงน้องโย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 10-07-2015 09:40:37
น้องโย  เริ่มจะหลงความหล่อของ ผัว แล้วสินะ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่20ตระกูลที่หายไป p7up6/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 11-07-2015 02:35:20
บทที่ 21 ผู้ล่า (part1)
[/b]



      มหาสมุทรอาร์คติก ทะเลไซบีเรียนตะวันออก เกาะแห่งหนึ่งซ่อนตัวจากมนุษย์มาแสนนาน อำพรางด้วยเวทย์ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แสกนไม่เจอในเรดาร์ และไม่อาจตรวจจับด้วยดาวเทียม นิฟล์เฮม หมายถึงโลกแห่งความมืดมิดชั่วนิรันดร์(ในตำนานนอร์ท) ซึ่งคุกแห่งนี้ดูไม่ได้ไกลจากชื่อของมันเลยแม้แต่น้อย ในดินแดนที่หนาวเหน็บเกินกว่ามนุษย์จะอยู่อาศัยแสงแดดไม่อาจส่องได้แม้ในยามกลางวัน เป็นที่ตั้งของปราสาทเหล็กกล้าสไตล์โกธิคให้ความรูสึกงามสง่าและน่ากลัวในตัวมันเอง ลึกลงไปใต้ดินเป็นดินแดนคุมขังเหล่านักโทษที่ไม่ใช่มนุษย์ ยิ่งลึกยิ่งแน่นหนา และมืดมน ไม่ใช่แค่มันถูกสร้างอย่างแข็งแกร่งหากแต่ทุกห้องขังยังถูกผนึกด้วยเวทย์มนต์และไม่เคยมีใครทำลายมันได้


   ตึก ตึก ตึก...เสียงรองเท้าหนังดังกึกก้องโถงทางเดิน ร่างระหงนวยนาดไปตามทางอย่างอ้อยอิ่งดุจอสรพิษร้าย ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูหินสลักบานใหญ่ที่มีเพียงช่องเล็กๆ ให้มองลอดเข้าไปสู่ความมืดด้านใน


      “ยังสบายดีไหมที่รัก” เสียงหวานเอ่ยถามแต่ไร้ซึ่งเสียงตอบ “อย่าเย็นชานักสิ ไม่เจอกันตั้งนานไม่คิดถึงกันบ้างหรือไง”


   “คิดถึงหึ? ยังเป็นพวกสำคัญตัวไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสียงทุ้มตอบกลับเนือยๆ


   “โดนขังอยู่แบบนี้คงน่าเบื่อแย่” รมฝีปากสวยยกยิ้ม   


   “ต้องการอะไร” จิตสังหารรุนแรง จนคนหน้าห้องขังต้องผงะแต่ก็ยิ้มสู้


   “ใจเย็นสิ แค่มีเรื่องดีๆ มาบอก บางทีอาจทำให้หายเบื่อได้นะ” ผู้ถูกคุมขังยังคงเงียบคล้ายรอฟัง “เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่”


   “ไปรู้มาจากไหน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสนใจ


   “เด็กนั่นบังเอิญเข้ามาในสภากลางโซนเอเชียเมื่อไม่กี่วันก่อน กลิ่นเลือดนั่นมันพิเศษถ้าเป็นคนเก่าๆ ของซาโตนี่ละก็ต้องรู้ได้แน่นอน” ผู้มาเยือนยังคงอธิบายด้วยความตื่นเต้น


      “งั้นก็...ได้เวลาสะสางเรื่องเก่าให้มันเสร็จไปซักที” อีกเสียงตอบกับอย่างถูกใจ


   “เตรียมตัวเลยที่รัก เดี๋ยวช่วยออกไป...อะ!?”  ร่างบางผงะถอยเมื่อประตูลงเวทย์ตรงหน้าค่อยๆ ร้าว รับรู้ถึงพลังมหาศาลที่พวยพุ่งออกมานำพาความกลัวอย่างฉุดไม่อยู่


   “ไม่จำเป็น ลืมไปแล้วหรอ ว่าที่นี่ใครสร้าง!”

...........................................................


   ผมฝัน!...เป็นอีกครั้งที่ต้องมาอยู่ในร่างของวัยเด็ก ผมกำลังถูกอุ้มและพาไปซักที่ พอกวาดตามองรอบๆ ก็พบกับชั้นหนังสือเรียงราย ที่นี่ใหญ่พอๆ กับหอสมุดที่สภากลางหากแต่ตกแต่งแบบโรมาเนส ให้ความรู้สึกอึมครึมกว่ามาก เรามาอหยุดอยู่หน้าเตาผิงหินสลักอันใหญ่ก่อนที่คนอุ้มจะกดหัวรูปปั้นทางซ้ายแล้วได้ยินเสียงกลไกที่ซ่อนอยู่ภายใน เตาผิงค่อยๆ เลื่อนออกเผยให้เห็นบันไดหินทอดยาวสู่เบื้องล่างมีเพียงคบไฟสองข้างทางส่องสว่างตามทางเดิน


   ความหวาดกลัวโถมเข้ามาในใจอย่างไร้ที่มา เมื่อเขาเก้าเท้าลงไปตามบันไดนั้น มันมากขึ้นๆ จนร่างกายสั่นสะท้าน ผมพยายามดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดนั่น กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งราวกับปลายทางตรงหน้ามันคือนรกอเวจี


   “โย!! โยเป็นอะไร” เสียงหนึ่งดึงผมกลับมาให้ลืมตามองโลกแห่งความจริง รอทมองผมอย่างวิตก นี่ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่จำได้ว่าผมนอนอ่านหนังสือของอาร์เคนอยู่บนโซฟาหลังจากเลิกเรียนกลับมา ใจผมยังคงสั่นพอๆกับลมหายใจที่ขาดห้วง เหมือนความกลัวมายังตกค้างในความคิด...กลัว!? ผมกลัวอะไร


   “ฝันร้ายหรอ” รอทถามเมื่อผมยังคงเงียบ จึงพยักหน้าแทนคำตอบ มันดึงผมเข้าไปกอดพลางลูบหัวเบาๆ อย่างปลอบขวัญ


   “เป็นไปได้ไหมว่านั่นเป็นความทรงจำ ไม่ใช้ฝัน” ผมสบตาสีฟ้าคู่นั้นที่มองตอบผมอย่างครุ่นคิด หากนั่นมันคือความทรงจำเหมือนอดีตของผมคงไม่ได้สวยงาม


   “ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ผมหวังให้มันเป็นแค่ฝัน”




   ผมอ่านบันทึกของอาร์เคนไปไม่มากนักอาจเพราะไม่ใช่ภาษาพ่อแม่เลยเสียเวลาแปลอยู่นานโข เชื่อกันว่าตระกูลนี้สืบเชื้อสายจากเฮลล่าซึ่งเป็นลูกสาวของโลกิ(ซาตาน/ลูซิเฟอร์) เหมือนกับซานซิโอตระกูลของรอท เพียงแต่แข็งแกร่งกว่า(มั้ง)เพราะกฎเหล็กของตระกูลนี้คือห้ามแต่งงานกับมนุษย์ ทำให้สายเลือดแวมไพร์ไม่ถูกเจือจาง อาร์เคนนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องวิทยาการความรู้รวมไปถึงเวทย์มนต์ พิธีกรรมโบราณต่างๆ ผิดไปจากซานซิโอที่ถนัดด้านการรบการต่อสู้ ส่วนเรื่องอื่นๆ คงไม่พ้นการสรรเสริญเยินยอในสายเลือดอาร์เคนจนรู้สึกว่าไอ้ตระกูลห่านี่มันบ้าในอำนาจหลงตัวเองไปไหน คิดแล้วก็รู้สึกแหยงๆ ที่ดันมือสายเลือดนี้อยู่ตั้งครึ่งหนึ่ง แถมตัวผมเองยังเป็นสิ่งที่ผิดกฎเพราะดันมีสายเลือดมนุษย์ปนอยู่...เพราะนี่หรือเปล่า ครอบครัวผมเลยเหลือแค่ผมกับแม่


   “โย สัปดาห์นี้มีเรียนหรือเปล่า” รอทถามขึ้นตอนเราทานข้าวเย็น


   “มีสิ เพิ่งวันจันทร์เอง นายไม่มีหรือไงถามแปลกๆ” ผมวางช้อนในมือแล้วมองหน้ามัน ทำงานเยอะจนเพี้ยนหรอผัวกู


   “แล้วลาได้มั้ย?”


   “ก็น่าจะได้ ไม่น่ามีอะไรสำคัญ เพราะสอบอาทิตย์หน้า” ผมเรียนศิลปกรรมจึงไม่มีหนังสือต้องอ่านเยอะ สอบแค่2-3วิชา ส่วนใหญ่ทำงานส่ง “นายจะไปไหนหรอ”


   “ป่าตอง ภูเก็ต!”


   “ไปทำอะไร”


   “ก็เรื่องคดีนั่นละ ผมหาตัวหมอนั่นเจอแล้ว เอ่อหมายถึงแกนนำของซาโตนี่ที่หนีเข้ามาในไทย มันกบดานอยู่กับผู้มีอิทธิพลที่นั่น เพราะซอนเน่บ่นกรอกหูทุกวันแถมยิ่งเอาไว้นานสาวกซาโตนี่ในไทยยิ่งถูกปลุกให้ลุกมาเคลื่อนไหว ผมกลัวว่าเรื่องมันจะบานปลายเกินควบคุม ” รอททำหน้าเครีย ผมพอจะรู้ว่าช่วงนี้มันยุ่งแค่ไหนนั่นเป็นส่วนหนึ่งว่าทำไมผมต้องมางมอ่านไอ้หนังสือบ้าๆ นั่นเอง


   “แล้วทำไมผมต้องไป” นั่นสิเอาไปจะช่วยอะไรได้ ถึงมันจะสอนผมสู้สอนผมยิงปืนแต่กับคดีจริงจังแบบนี้ไม่น่าจะช่วยได้


   “ก็แค่ไม่อยากปล่อยนายไว้” ดวงตาสีฟ้ามองผมอย่างจริงจัง “นะที่รัก อย่างน้อยผมก็สบายใจ ไปเป็นกำลังใจให้ด้วยไง” อ๊าก!!!...มันเรียกที่รักทีไรขนลุกทุกที อดเขินไม่ได้กับลูกอ้อนมัน


   “แล้วจะให้ลาเรื่องอะไรล่ะ!” จู่ๆ จะให้ลาทั้งสัปดาห์มันบ้าหรือเปล่า


   “ป่วย!ก็ได้ เดี๋ยวผมให้ไอ้หมอมันเซ็นใบให้” เหอะๆ มีเพื่อนเป็นหมอมันดีแบบนี้นี่เอง ถึงว่าผมเห็นมันโดดไปทำงานที่สภาบ่อยๆ “จะรีบเคลียให้เสร็จๆ เดี๋ยวพาเที่ยว คิดซะว่าไปฮันนี่มูน นะครับ!” ยัง...ยังไม่เลิกเกลี้ยกล่อม พร้อมทำตาวิ้งๆ คือมึงเปลี่ยนอารมณ์ไวดีเนอะ


   “ฮันนีมูนบ้านแกสิ!” ผมสวนมันไปทันที...ไอ้แวมไพร์นี่เพ้อเจ้อว่ะ แล้วคือกูใจเต้นทำไม เชี่ย!


   “นะ นะ นะครับ” ดู ดูมันอ้อน มันอายุหาสิบกว่าหรือห้าขวบวะ!


   “เออ!!!!”


.................................................................................

   วันถัดมาเราทั้ง 5 คน?ก็มาถึงหน้าโรงแรมที่ภูเก็ต ดูหรูดีครับมันบอกทางสภากลางจัดมาให้ ผม ไอ้รอท ยูจีนคนสวย พี่หมอ แล้วก็เมียพี่หมอ (เพื่อนผมนั่นแหละ) ไอ้ 3 ตนแรกเข้าใจครับมาทำงานส่วน ผมโดนบังคับมา แต่ไอ้ข้าว!?


   “สัดข้าว มึงมาทำไมวะ...” ผมถามไอ้ตี๋ที่ยืนดี้ด้าอยู่ข้างๆ “ไม่เรียนหรอ”


   “แล้วมึง ไม่เรียนหรอ!” ไอ้เตี้ยมันย้อน!


   “กูโดนบังคับมา” ไอ้รอทยิ้มรับ รู้ตัวด้วย!?


   “กูเหงา ถูกเพื่อนทิ้งเลยตามมา” ข้าวบ่นหน้าหงิก นั่นสิ กลุ่มเรามีแค่ผมกับมันแล้วนิ “ไม่อยากอยู่กับกูหรอ” มันว่าพลางเกาะแขนผมเอาหน้าถูๆ มันก็ออเซอะผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเพราะมันอ้อนไอ้ธีรไม่ค่อยได้อะไร


   “สัดนี่...ทำไรเกรงใจพี่หมอมั่ง” ผมแกล้งดุมัน


   “พี่หมอไม่ว่าหรอก” มันหันไปยิ้มหวานให้พี่ริคก่อนที่เขาจะขยี้หัวมันอย่างเอ็นดูแล้วเดินนำเข้าไป



   เราพากันเอาของไปเก็บที่ห้องของตัวเอง ผมอยู่กับผัว ข้าวอยู่กับหมอ ส่วนยูจีนโดดเดี่ยวแต่ดูเธอไม่มีปัญหาหรอกครับเดี๋ยวคงเกี่ยวหนุ่มๆ แถวนี้ได้เอง ในสายตาคนอื่นเธอดูง่ายแต่ผมเข้าใจครับ พลังงานของซักคิวบัสนั้นมาจากเซ็กซ์ หรือมีกามารมณ์เป็นอาหาร อย่างน้อยๆ ก็ต้องอาทิตย์ละครั้ง พวกเขาถึงจะเหนือมนุษย์แต่ต้องมีชีวิตโดยกระหายในสิ่งคาวมันก็เหมือนคำสาปนั่นแหละ ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่สุขกับมันเท่าไหร่มั้ง


   ห้องพักของผมอยู่ชั้นบนสุดหันไปทางทิศตะวันตกเพราะทะเลที่นี่เป็นฝั่งอันดามัน เป็นห้องชุดมีห้องนอน ห้องนั่งเล่นและห้องน้ำ ใจกลางมีอ่างจากุสซี่ขนาดใหญ่ ที่ด้านหนึ่งเป็นกระจกทำให้เห็นวิวทะเลและขอบฟ้าด้านนอก เวลาอาบน้ำคงอย่างให้รู้สึกว่าแช่ตัวในทะเลละมั้ง เห็นแล้วหวิวๆ ดี ห้องคงแพงน่าดู สภากลางนี่คงรวยล้นฟ้าเลยสินะ เก็บขอตัวเองเสร็จพวกเราก็มารวมตัวกันที่ห้องพี่หมอ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอาเอกสารคดีมากางบนโต๊ะแล้วเริ่มอธิบายตามประสาคนฉลาดอย่างเคย


   “นี่คือคนที่เราตามหา คงไม่ต้องแนะนำเยอะ” หมอว่าพลางชี้ลงไปบนกระดาษบนโต๊ะ แนะนำก็ดีนะผมอยากเสือกง่ะ T^T “และนี่ ชื่อ อรรถพล เป็นพวกแวร์วูฟและเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ทำธุรกิจมืดทุกประเภท ซ่อง บ่อน ยา คุมผับใหญ่ๆ ที่นี่ และก็เป็นคนให้เงินสนับสนุนกลุ่มซาโตนี่ในไทย” ผมมองภาพไอ้หนวดหน้าเหี้ย(ม) คุณสมบัติดีเด่นแท้...ภูเก็ตก็ไม่ต่างจากพัทยาหรอกครับรวมด้านมืดหลายๆอย่าง ที่มีชื่อในต่างชาติคงไม่พ้นโสเภณี ซึ่งหลายคนในไทยยังหลับหูหลับไม่ยอมรับความจริงนี้ จึงไม่แปลกที่ที่นี่จะกลายเป็นที่กบดานของอาชญากรหลายๆ คนรวมไปถึงพวกอมนุษย์


   “แก๊งค่ายา ค้ามนุษย์ มันดูไม่ใช่งานของสภาเลยด้วยซ้ำ” ยูจีนบ่น “มันควรจะเป็นงานของตำรวจท้องที่ไม่ใช่หรอ หรือโดนซื้อไปหมดแล้ว”ผมก็ว่างั้น


   “แต่ในเมื่อมีซาโตนี่มาเอี่ยวมันก็กลายเป็นงานของเรา” พี่ริคอธิบายต่อ


   “เอาน่าคิดซะว่าสงเคราะห์ พวกมนุษย์ไปละกัน” รอทบอก


   “แล้วจะไปเมื่อไหร่” ผมถามขึ้น หลังจากไร้ตัวตนอยู่กับไอ้ข้าวหอมมาซักพักเพราะไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขามาก


   “คืนนี้เลย ผมเตรียมกำลังคนไว้แล้ว เราจะบุคไปที่ผับ...ตามพิมเขียวข้างใต้มีชั้นใต้ดินเป็นที่รวมของพวกอมนุษย์ด้านบนเปิดเผ็นผับบังหน้า อาวุธก็ในลังนั้นเลย” หมอพยักเผยิดไปทางลังไม้ขนาดใหญ่ 2 ลังทั้งที่ตอนมาไม่เห็นมีบนรถคงให้คนของสภากลสงเตรียมมาให้ 


   “แผนการไม่ยาก จับเป็นเท่าที่ทำได้เพราะเราอยากขยายผลตามซาโตนี่ที่เหลือ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ฆ่าทิ้งตามสบาย” ดวงตาสีน้ำตาลแข็งกร้าวขึ้นมาชั่วครู่ ทำเอาไอ้ข้าวหอมข้างๆ สะดุ้งมองอย่างหวาดๆ เหมือนหมอริคจะรู้ตัวเลยหันไปขอโทษคนตัวเล็ก...มันไม่เหมือนผมที่ต้องออกไปช่วยรอททำงานบ้างเลยชินกับเรื่องพวกนี้


   “ผมไปด้วย” ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว...ทำไมวะ ผมอยากช่วยนิ

   “โย มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ” รอทบอกเสียงดุ


   “ก็ไม่ได้เล่นไง นายสอนผมเยอะแค่ไหนไม่ลงสนามจริงก็เท่านั้น” ผมเถียง


   “แต่โย...”


   “มันก็ไม่ต่างกับการทิ้งให้อยู่คนเดียวที่คอนโดไม่ใช่หรอ แล้วจะพามาทำไม บอกไม่อยากอยู่ห่างนิ ก็ให้ไปด้วยสิ” ผมร่ายยาวเลยครับ...นี่กูเอาแต่ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รอทมองผผมแล้วถอนหายใจออกมาดังๆ “ผมไม่ได้อ่อนแอ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งก็เหมือนพวกนาย”


   “แต่พวกเราก็ตายเป็น” มันทำท่าครุ่นคิด “นายว่าไงริค”


   “คนของนายตัดสินใจเอง”    พี่ริคบอก มันเลยหันไปหายูจีนแต่เธอก็ยักไหล่แบบไม่ขอออกความเห็น

   
   “ก็ได้” มันพูดออกมาในที่สุด “แต่ถ้าผมเห็นว่ามันไม่ไหวแล้วบอกให้ถอย นายต้องถอยห้ามเอาตัวเองไปเสี่ยง”


   “ตกลง”


   เรามาจัดแจงเตรียมตัวกัน รอทเลือกปืนสั้นกึ่งออโต้ให้ผม2 กระบอก พร้อมแมกกาซีนอีกหลายอัน ผมซ้อมยิงปืนหลายครั้งและค่อนข้างแม่นครับ อาจเพราะเลือดแวมไพร์ครึ่งหนึ่งทำให้สายตาดี มีดสั้นอีก 3เล่มตอนนี้ผัวผู้น่ารักกำลังบังคับผมใส่เสื้อกันกระสุนไว้ด้านใน อึดอัดชิบหายก่อนจะทับด้วยเสื้อเชิทสีดำ มันจัดเจงติดกระดุมให้เหมือนพ่อที่กำลังส่งลูกไปเรียนไม่มีผิด


   “ขอบใจ”


   “รู้ใช่ไหมว่ามันอันตราย” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ ดูสีหน้ามันคงเคืองเรื่องที่ผมจะไปด้วย


   “รู้ แต่ก็อยากไป อยากช่วย อยากทำอะไรบ้าง” ผมร่ายยาว


   “นายมันดื้อ” รอทว่าผมอย่างอ่อนใจ ดวงตาสีฟ้าใสมีแต่ความกังวล


   “ก็แค่อยากแกร่งขึ้น อยากดูแลตัวเองให้ได้ ไม่อยากให้นายต้องลำบาก” ผมจ้องตาคู่นั้น ผมคิดแบบนั้นจริงๆ รอทเฝ้าผมไม่ได้ตลอด หากผมโดนจู่โจมก็ควรจัดการเองได้ หรือปกป้องคนรอบๆ ตัวผมได้โดยเฉพาะไอ้ข้าวกับแม่ษา


   “แต่ผมเต็มใจปกป้องนาย” คิ้วเข้มขมวดมุ่น...เครียดอีกแล้ว ผมชักกลัวว่าผัวผมจะหน้าแก่แล้วสิ


   “อื้อ รู้ ขอบคุณนะ” ผมบอกพลางโน้มคอร่างสูงลงมาจูบอย่างอ้อยอิ่งและอ่อนหวาน ส่วนหนึ่งเพราะอยากขอบคุณอีกส่วนคืออยากให้มันเบาใจขึ้นในเรื่องของผม


   ผมอดตื่นเต้น และหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังจะทำไม่ได้ แต่ผมเลือกแล้วที่จะแกร่งขึ้น

...เปลี่ยนจากเหยื่อล่อให้กลาย เป็นผู้ล่า...
[/i]

Talk Talk
[/b]

-เราว่าเรื่องของเรามันห่างจากคำว่าโรแมนติกไปไกล จนดูไม่เป็นบอยเลิฟไปเสียแล้ว เรากลัวคนอ่านจะเบื่อจัง ไม่ค่อยมีเรื่องหัวใจมาให้ลุ้น :katai1:
-ขออภัยที่อัพช้านะ อย่าโกรธเค้าเลย มัวแต่ออเซอะที่รักอยู่นานๆเจอที :impress3:
-บทหลังๆ จะหนักเอาการ กล่าวถึงโน่นนี่นั่นเยอะไปหมดอย่าเพิ่งสับสนกันนะ มีอะไรถามทิ้งไว้ก็ได้เดี๋ยวเรามาตอบนะจ้ะ :pig2:
-เอ้อแล้วการที่เราเขียนบทพูดอะจ้ะ เราใช้ผมกับนายเพราะ รอท ริค ไม่ใช่ไทยแท้จึงไม่เชี่ยวชาญการใช้สรรพนามที่หลากหลาย อาจทำให้เรื่องนี้ขาดอรรถรสไปบ้างต้องขออภัย เพราะในชีวิตจริงเราก็เป็นคนเงียบๆ ด้วยสิ :z3:
-ท้ายที่สุดนี้ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ที่ทำให้คนแต่งมีแรงพิมพ์ต่อไป ขอบคุณจากใจเลยจ้า :กอด1:




   

   

   

   
   

   

   

   


   

หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 11-07-2015 06:46:21
น้องโยจะบู๊แล้ววววว
แซวคนเขียน ออเซาะอารายหรออออ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-07-2015 06:56:13
เริ่มเข้มข้นแล้ว. เย้ๆ. ใครกันหนอที่อยู่ในคุกเรากลัวว่าจะเป็นศัตรูที่ตามล้างตระกูลของโยจังเลย
ขอบคุณค่ะ. อ่านช่วงเม้ามอยแล้วอิจเบาๆ.
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 11-07-2015 07:14:41
สู้เค้าน้องโย!!!!! ดูเหมือนตัวร้ายกำลังจะแหกคุกออกมาละ
บทหน้าบู๊รึเปล่าน้อออออ
รอตอนต่อไปค่ะ!!
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 11-07-2015 07:49:06
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 11-07-2015 09:32:24
 o18
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 11-07-2015 19:48:18
อยากให้โย มีพลังเทพๆ เหาะ หายตัวได้  วิ้งๆๆๆ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-07-2015 20:11:59
โยเริ่มโหดแล้ว 555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 11-07-2015 21:07:27
รอ รอ รออ่านบทบู๊คับ ว่าโยจะไปเป็นตัวถ่วงทำให้ทีมคอยเป็นห่วงหรือจะไปเป็นผู้ล่าได้จริงๆ  อยากอ่านฉากบู๊ของโยคับว่าจะเป็นยังไง มาเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 12-07-2015 10:43:30
แอบหวานบางเวลา พอกริ้บกิ๊ว
ชอบค่ะไม่เลิฟซีนมากเกินไปจนเฝือ เพราะเนื้อเรื่องชวนติดตาม
คนในคุก คงเป็นญาติของโยสินะ

แล้วอิน้องข้าวจะไม่เป็นไรเหรอ อ่อนด้อยด๋อยไม่มีฝีมืออยู่คนเดียว
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part1)p8 11/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 15-07-2015 23:52:18
บทที่ 21 ผู้ล่า(part2)
[/b]


      Yonah Say


   “มึงจะมาด้วยทำไมเนี่ย” ผมหันไปโวยพร้อมตบกบาลไอ้ข้าวไปที มันส่งสายตาอาฆาตมาเลยครับ


   “มึงยังมาเลย” มันเถียง “กูอยากรู้อะ” ผมว่าบางทีนิสัยขี้เสือกมันต้องมีขอบเขตหรือเปล่าวะ


   “มึงอยากตายหรอ คือคิดว่าพวกกูมาเดินห้างป่ะ โดนลูกหลงจะทำยังไง พี่หมอแม่งก็ปล่อยมันมาไม่ห้ามมันวะ” ผมสวดยาวไม่วายหันไปด่าผัวมันด้วย


   “ห้ามแล้วไม่ฟัง” หมอหมาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย


    ตอนนี้เราห้าคนอยู่ในรถซึ่งจอดอยู่หน้าผับ คนของสภาคนอื่นๆ แฝงตัวเข้าไปก่อนแล้ว ส่วนพวกเราตอนอยู่ในชุดหล่อพร้อมเที่ยวจะแฝงตัวตามเข้าไป ไอ้ข้าวโดนบังคับให้รอที่รถ ตอนแรกมันก็ดื้อครับแต่หมือนโดนพี่หมอดุไว้เลยยอมแต่โดยดี ริคดูเหมือนจะตามใจข้าวหอมมากแต่กลับอะไรที่เป็นงานเป็นการหมอนี่จะเด็ดขาดแบบไม่น่าเชื่อซึ่งก็ดีแล้วละ


   “คนเยอะขนาดนี้แล้วเราจะลงมือยังไง” ผมมองไปรอบๆ ผู้คนมากมายที่ยังคงมึนเมาโยกกายตามเสียงเพลงที่ชวนให้โยกตามหากเป็นในยามปกติ


   “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจัดการให้” ยูจีนตบบ่าผมพร้อมยิ้มสวยมาให้ก่อนจะหันไปส่งสายตาหวานหยดให้ชายฉกรรจ์ตรงโต๊ะริมทางเข้า...สังหรใจไม่ดีเลยวะ


   “น้องคนสวยมีโต๊ะยังจ้ะ มานั่งกับพี่มั้ย” เอาแล้วครับเริ่มมีหมาเห่าหอน ก่อนที่มันคนหนึ่งจะเดินมาจับมือถือแขนคนข้างตัวผม


   “เฮ้ย!” ผมทำท่าจะผลักมันแต่รอทดึงไว้หันมองมันขยิบตาบอกให้ผมอยู่นิ่งๆ


   “เธอมากับผม” พี่หมอโอบเอวยูจีนไว้ก่อนยักคิ้วให้กวนๆ


   “กูไม่ได้ถามมึงไง” มันว่าพร้อมผลักอกหมอ


   “ก็อยากตอบไง” เอิ่มเค้าลางว่าจะได้มีเรื่องแล้วมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ


   เพล้ง! ขวดใบหนึ่งฟาดลงบนหัวหมอริคก่อนที่พวกบนโต๊ะที่เหลือจะเข้ามาตะลุมบอนจนคนเริ่มมอง รอทกับริคหลบพวกมันแบบชิวๆ สวนบ้างแต่ไม่เต็มแรง ส่วนผมพยายามดึงยูจีนหลบแต่สาวเจ้าดันหัวเราะคิกคักดูสนุกเต็มประดา


   ปัง ปัง ปัง! หนึ่งในพวกมันยิงปืนขู่ ลั่นไกลขึ้นเหนือหัวจนพาลกลัวว่าชั้นบนมีคนโดนลูกหลงหรือเปล่า ทุกกิจกรรมในนี้หยุดนิ่ง ทุกชีวิตหันมามองตามเสียงด้วยความตระหนก ก่อนที่จะวิ่งหนีตายออกไปหมด เหลือแค่คนที่คิดว่าน่าจะเป็นของสภา


   “ขอโทษครับหัวหน้า” คนเอาขวดฟาดหัวริคเมื่อกี้โค้งให้น้อยๆ


   “ไม่เป็นไร แสดงดีนะ ลาออกจากนักล่าไปเป็นนักแสดงเถอะ” ริคว่าพลางหัวเราะ ตอนนี้เข้าใจแล้ว แกล้งมีเรื่องป่วนร้านเพื่อกันคนนอกออกไป  พนักงานในร้านหลายคนยังคงอยู่เฝ้ามองพวกเราอย่างมาดร้าย จากสัมผัสที่ได้พวกมันไม่ใช่มนุษย์แน่นอน


   “จะนักเลง จะค้ายา โสเภณีห่าเหวอะไรนั่นมันไม่ใช่งานของสภากลาง จะเข้ามาวุ่นวายทำไม” จู่ๆ มอนิเตอร์หลังเวทีก็ฉายภาพนายอรรถพลซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ สีหน้าดูหงุดหงิดเต็มทน


   “เราก็แค่มีธุระกับเพื่อนนาย จะไม่วุ่นวายเลยถ้าส่งหมอนั่นมาดีๆ” รอทว่า “เมนอส กอนเดร อยู่กับนายไม่ใช่หรอ”


   “อยู่แล้วทำไม” มันมีท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนจะตีสีหน้านิ่งเฉย “มาก่อความวุ่นวายที่นี่ แถมยังคิดจะมาลากคนออกจากที่นี่ไม่ให้เกียรติกันเลยนะ คงปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ได้หรอก” สิ้นเสียง ประตู หน้าต่างของร้านก็ถูกปิดตายด้วยแผ่นเหล็กกล้าซึ่งเป็นกลไกที่ซ่อนเอาไว้ ก่อนที่ใครอีกคนจะเดินมายืนข้างๆ นายอรรถพล ใบหน้าขาวซีดแสยะยิ้มให้เรา


   “อยากได้ตัวก็เข้ามาจะรออยู่ข้างล่างนี่ละ” ผมคงไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั้ยว่า ดวงตาสีอำพันคู่นั้นจ้องมาที่ผม



   ถึงผมจะมีเรื่องชกต่อย วิ่งหนีตีนบ่อยๆ แต่นี่มันต่างกันไกลจากคำว่ามีเรื่องไปแล้วครับ เสียงปืน เสียงคำราม เสียงมีดคมๆ ที่เฉือนเข้าเนื้อดังก้องในโสตประสาท กลิ่นเลือดคละคลุ้ง นำพาให้ใจเต้นระทึกเลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง แทนที่ผมจะกลัวทำไมกลับรู้สึกคุ้นเคย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นร่างจริงของยูจีนในคราบซัคคิวบัสกับตา หางยาวๆ ส่วนปลายเป็นลูกศรกับปีกสีดำที่ดูเหมือนค้างคาวที่หลัง ถึงมันจะดูแปลกแต่ก็สวยเซ็กซี่ดีในสายตาผม ร่างบอบบางไม่ได้ทำให้เธอเสียเปรียบในการต่อสู้เลยแม้แต่น้อยขนาดมนุษย์หมาป่าตัวใหญ่ยังถูกเตะกระเด็นผ่านหน้าผมไป


   มองรอบตัวมันชุลมุนวุ่นวายไปหมด ผมหลบตีนบ้างยิงสวนบ้าง ประสบการการณ์ฆ่าใครซักคนทำเอาผมสั่นไปทั้งตัวถึงจะเตือนตัวเองว่านั่นไม่ใช่มนุษย์ก็เถอะ ผมไม่รู้ว่าพวกมันมีเยอะเท่าไหร่เหมือนออกมาประทะกับเราได้ไม่ขาดสาย  เราค่อยๆ ดันไปจนถึงประตูบานใหญ่ในส่วนครัว คนของสภาจัดการระเบิดมันทิ้งเสียงดังสนั่น เผยให้เห็นบันไดลงไปชั้นล่าง จนสงสัยว่าข้างนอกไม่ได้ยินเสียงพวกเราเลยหรือไง


   “เชี่ยไรวะเนี่ย!” ผมอุทานอย่างหัวเสียกับทางตรงหน้าที่บังคับให้เราต้องแยกกันหา ผมมากับรอทในทีแรกแต่ไอ้ผัวเวรดันโดนตัวอะไรซักอย่างพุ่งใส่ทะลุกำแพงไปอีกห้อง แต่ยังไม่ทันจะตามมันไปสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ไม่ควรอยู่ตรงนี้


   “ไอ้ข้าว!!!” เจ้าของชื่อหันมามองผมอย่างดีใจก่อนจะวิ่งเข้ามาโดยมีพวกอมนุษย์ไล่ตาม ผมเห็นมันคนหนึ่งยกปืนขึ้นเตรียมลั่นไก ผมจึงพุ่งไปคว้าเพื่อนไว้แล้วดึงไปหลบข้างหลังเอาตัวบังทันจังหวะที่กระสุนหลายนัดจะพุ่งเข้ามา


   “อุ๊ก! แคกๆ” ถึงจะมีเสื้อกันกระสุนแต่มันก็กระแทกแรงจนทรุดลงไปไอคอกแคกด้วยความจุกโดยมีไอ้ข้าวประคองไว้ เหมือนโดนใครซักคนเหยียบหน้าอกเข้าจังๆ จนต้องถอดเสื้อเกราะออกเพราะหัวกระสุนมันดันเข้าเนื้อ แถมร้อนจัด “เชี่ย...มึง มาทำไม แคกๆ บอก...ให้รอข้างนอก” ผมด่ามันกระท่อนกระแท่น


   “ก็ตอนได้ยินเสียงปืนกูเป็นห่วงเลยวิ่งมาดู พอจะกลับออกไปประตูก็ปิดหมดแล้ว” มันอธิบายหน้าเสียเลยครับ จากมือสั่นๆ ที่จับแขนผมบอกได้ว่ามันกำลังกลัว


   “โย!” โต๊ะตัวใหญ่กำลังลอยมาทางเรา


   โครม! เศษไม้แตกกระจายพร้อมกับแรงกระแทกเข้าหลังเพราะผมกอดไอ้เตี้ยแล้วเอาตัวบังไว้ แรงขนาดนี้ถ้ามันโดนลงกระดูกร้าวทั้งตัวละมั้ง...เจ็บสัสๆ แม่งเอ้ย ผมสะบัดหัวไล่ความึน ก่อนจะดึงแขนมันลุกแล้วยิงสวนเข้าหน้าไอ้ตัวที่เขวี้ยงโต๊ะมาอย่างจังจนมันล้มตึง ดึงมือเล็กๆ นั่นออกวิ่ง ทางไหนวะ สัส! เสียงคำรามดังมาจากสุดทางเดินจำได้ลางๆ ว่าเป็นหมอจึงมุ่งหน้าไปทางนั้น แต่อยู่ๆ พื้นใต้ตัวเราก็เปิดออกทำผมกับไอ้ข้าวร่วงลงไป


   ผลัก! ตัวผมกระแทกพื้นไม่แรงมากแต่ก็เจ็บอยู่เพราะเอาตัวรองไอ้เตี้ยเอาไว้ เห็นว่ามันยังอยู่ครบสามสิบสองพร้อมมองผมตาแป๋วก็เบาใจ เดาว่าน่าจะตกมาประมาณหนึ่งชั้น


   “โยเจ็บเปล่าวะ” คนบนตัวถามอย่างร้อนรน


   “เออดิวะ มึงแม่งภาระ” ผมด่ามันอย่างโมโห...โมโหที่มันไม่ระวังตัวเอง


   “ขอโทษ” ไอ้ข้าวทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนลุกออกแล้วดึงผมขึ้น แสบหลังไปหมดอาจโดนเศษอะไรบาดเพราะไม่ได้ใส่เสื้อจนได้กลิ่นเลือดตัวเองจางๆ รู้สึกเจ็บแปลบที่ขาซ้ายอาจเคล็ดหรือหักแต่คิดว่าซักพักคงดีขึ้น...ผมฟื้นตัวไวกว่ามนุษย์ ว่าแล้วก็มองรอบๆ ตัวเป็นห้องโถงใหญ่ แต่ก็ต้องตกใจกับคนที่ยืนอยู่อีกฟากของห้อง ใบหน้าขาวซีดแสยะยิ้มให้ผมทำเอาสยดสยองอย่างห้ามไม่อยู่...มันคือ เมนอส คนที่สภาต้องการตัว


   “ว้าว! ดูสิใครมา ทั้งๆ ที่คิดว่าต้องไปตามหา แต่ดันหล่นมาให้ตรงหน้าดีจริงๆ” ตามหา!? มั่นใจว่าเป็นผม ดวงตาสีอำพันจ้องมาที่ผมอย่างมาดร้าย ก่อนมันจะทำท่าสูดหายใจแรงๆ แล้วยิ้มร่า “กลิ่นเลือดนี่ หอมดีจริงๆ ด้วย”


   ผมหันซ้ายหันขวาอย่างหาทางหนีไม่อยากปะทะกับไอ้ตัวตรงหน้า ผมไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าใครควรสู้ไม่ควรสู้ แต่ห้องนี้มีเพียงทางออกเดียวคือประตูที่อยู่ด้านหลังเมนอสกับรอยแตกบนเพดานที่เราหล่นลงมา ได้ยินเสียงตระโกนของพวกรอทดังแว่วมาไกลๆ คงทำได้แค่ยื้อเวลาไปก่อน


   “ทำไงดีวะโย” ไอ้ข้าวเขย่าแขนผมแรงๆ อย่างตื่นกลัว


   “ยื้อไปก่อนรอพวกรอทมา”


   “ลืมไปเลยว่ามีไอ้เด็กมนุษย์ชั้นต่ำนั่นติดมาด้วย” เมนอสย่างเท้าเข้าหาเรา “เกะกะลูกตา ฆ่าทิ้งซะดีกว่า” ได้ยินดังนั้นผมรีบดึงไอ้เตี้ยไปหลบหลังเลยครับ


   “ถ้ามึงคิดว่ากูจะอยู่เฉยก็ลองดู” ผมบอกเสียงเรียบพยายามข่มความกลัวไว้ในใจ เมนอสพุ่งเข้าหาเราแบบไม่ทันได้ตั้งตัว มันไวมากจนเกือบมองไม่ทันแต่ผมก็รั้งกรงเล็บมันไว้ได้ก่อนจะถึงตัวไอ้ข้าว แต่แค่ข้างเดียว ส่วนอีกข้างกลับข่วนเข้าหน้าท้องผมอย่างจัง


   “อ๊าก” กรงเล็บคมจิกลึกก่อนกระชากเฉือนลงบนท้องผมจนเลือดอาบเป็นแผลเหวอะหวะ เจ็บจนตาพล่าแทบเสียหลัก เมนอสอาศัยจังหวะนั้นเหวี่ยงผมไปกระแทกกำแพงอีกฟากของห้องรับรู้ถึงกระดูกที่หักร้าวจากภายใน ร่างร่วงลงพื้นราวกับนกปีกหักพร้อมเศษปูนที่แตกออกมา  ผมพยายามดันตัวลุกขึ้นแต่ร่างกายเสียหายหนักเกินไปแค่นั่งยังลำบาก


   “ไอ้โย...อึก!” ไอ้ข้าวที่ทำท่าจะวิ่งมาหาผมโดนเมนอสคว้าคอไว้ด้วยมือเดียวก่อนจะยกลอยขึ้นจากพื้น “ปะ...ปล่อยกู”


   “มึง...ปล่อยเพื่อนกูนะ” ผมตะโกนลั่น


   “โอ้ว มิตรภาพ ช่างสวยงาม คงจะดีนะถ้าแกได้เห็นเพื่อนแกตายอย่างช้าๆ ฮ่า” มันหัวเราะลั่นก่อนจะออกแรงบีบคอข้าวหอมหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหน้าเริ่มซีด


   “แก...” ดวงตาสีดำจ้องมาที่ผมช่างดูเศร้า ภาพของไอ้ธีรในวันนั้นซ้อนทับตรงหน้า...ไม่ ผมจะไม่เสียเพื่อนไปอีกแล้ว ไม่มีทาง! ผมตะเกียกตะกายเข้าหามัน เลิกสนใจร่างกายที่แม้จะเจ็บเจียนตาย ทั้งล้มทั้งลุก แต่ผมก็ยังฝืนเดินต่อไป แม้เลือดผมจะไหลอาบไปตามทาง...คิดแต่ว่าต้องช่วยมันให้ได้


   “อย่าดิ้นรนเลยน่า แกมัน เกิดมาเพื่อตาย เดี๋ยวก็ได้ตามเพื่อนแกไปแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้” เมนอสทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย


   เกิดมาเพื่อตาย! แกมันเกิดมาเพื่อตาย! ค่าของแกมีไว้เพื่อตาย! เสียงพูดหลากหลายดังก้องขึ้นในหู ทั้งที่ในห้องนี้มีแค่เราสามคน ปวดหัว...เหมือนภาพตรงหน้าถูกซ้อนทับด้วยอีกภาพเป็นฉากๆ เสียงกรีดร้อง ศพที่นอนเกลื่อนกลาด กลิ่นเลือดคละคลุ้ง ผมก้มมองมือตัวเองที่แดงฉาน พลันพื้นรอบตัวกลับกลายเป็นทะเลเลือด ความเคียดแค้น ชิงชัง โถมกระหน่ำเข้ามาในใจ จากที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงผมกลับก้าวเท้าเข้าหาใจกลางอย่างมั่นคง ลืมสิ้นทุกความเจ็บปวด คิดอย่างเดียวว่าต้องฆ่า!...ฆ่า! มันทุกคนที่ทำร้ายคนที่ผมรัก


   “แก! เป็นบ้าอะไร” ดวงตาสีอำพันมองผมอย่างตกใจและไม่อาจซ่อนความกลัวไว้ได้ ผมเข้าประชิดตัวแล้วหักแขนข้างที่มันบีบคอไอ้ข้าวอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ผมคุมตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างมันรวดเร็วเป็นไปตามสัญชาติญาณดิบ ผมคว้าคอมันก่อนเหวียงใส่กำแพงแล้วตามไปเหยียบซ้ำ มันกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแต่ผมกลับรู้สึกสนุก กระทืบร่างนั้นจนจมดิน ก่อนจะลากร่างที่อ่อนแรงนั้นออกมาจากพื้นที่ยุบ แล้วกดหน้ามันลงกับพื้น


   “อ๊าก!!!!!!” เมนอสกรีดร้องลั่นเมื่อผมจิกกรงเล็บลงบนอกซ้ายมัน ลึกลงเรื่อยๆ เลือดสีเข้มไหลทะลัก รับรู้ถึงซี่โครงของมันที่ปลายนิ้วก่อนจะสัมผัสถึงก้อนเนื้อที่กำลังเต้น


   “โย!..อย่า” เสียงพวกรอทที่เพิ่งเข้ามาร้องห้ามแต่สายไป


   พรวด! เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น ผมมองก้อนเนื้อที่เต้นช้าลงเรื่อยๆ ในมือ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกแบบไหน ในหัวมันสับสนวุ่นวายไปหมด ภาพหลอนค่อยๆ หายไป ทะเลเลือดกลับกลายเป็นพื้นห้องปกติ เมนอสนอนตายตาค้างอยู่ใต้ร่าง


   นี่...ผมฆ่ามันไปแล้ว!? ผมหันไปมองข้าวที่มองผมกลับอย่างตกตะลึง...มันปลอดภัย! ผมก็เบาใจ จู่ๆ เรี่ยวแรงที่เคยมีกลับหดหาย รู้สึกตาพล่า ลืมไปเลยว่าร่างกายบาดเจ็บและเสียเลือดมากแค่ไหน แค่หายใจเบาๆ ยังเจ็บไปทั้งตัว รอทเข้ามาพยุงผมไว้ก่อนจะล้มลง ดวงตาสีฟ้ามองผมสลับกับศพเมนอสเต็มไปด้วยคำถาม


   “นายฆ่ามัน!?” ใช่...ผมฆ่าโดยที่ไม่รู้เลยว่าทำไปได้ยังไง ผมหันมองคนอื่นๆ ไม่มีแม้แต่แรงจะพูด หมอริคดึงมือไอ้ข้าวลากออกไปส่วนมืออีกข้างลากร่างนายอรรถพลที่ถูกมัดด้วยโซ่ทั้งตัวในสภาพสะบักสบอม


   “ฉันขอไปดูคนที่เหลือก่อนละกัน” ยูจีนบอกก่อนจะวิ่งตามออกไปเช่นกัน เหลือแค่ผมกับรอทในห้องนี้


   “ก็บอกแล้วไง ไม่ไหวให้ถอย อย่าเสี่ยง” รอทดุเสียงเบามองผมอย่างกังวล “ดูสิแผลเต็มตัวเลย นายอาจตายได้นะ” มันว่าพลางซ้อนอุ้มผมขึ้นไว้ในอ้อมแขน


   “ขอโทษ...” ผมบอกมันเสียงแผ่วก่อนฟุบลงบนไหล่หนาอย่างอ่อนแรง รู้สึกลำคอแห้งผากและง่วงมากๆ ในตอนนี้ ผมพยายามฝืนความง่วงมองสถานการณ์รอบตัว นักล่าหลายคนบาดเจ็บหนักแต่โชคดีที่ทางฝั่งเราไม่มีใครสูญเสีย พวกของนายอรรถพลบางตนถูกจับ บางตนเป็นศพ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมรอทถึงพยายามกันผมออกจากเรื่องนี้นัก เพราะนี่ไม่ใช่การทะเลาะวิวาทแบบที่ผมเคยผ่าน แต่มันคือกานเข่นฆ่าเพื่อความอยู่รอด หากคุณพลาดนั่นหมายถึงความตาย


Talk Talk
[/b]

-แอคชั่นเลือดสาดมากมายอะบทนี้ แนวเรื่องห่างไกลคำว่าเลิฟสตอรี่ขึ้นทุกทีฮ่าๆ :katai2-1:
-ขอโทษที่อัพช้า มัวแต่อ่านเรื่องอื่น แล้วก็กำลังมองหางาน พยายามมองหาพวกทำภาพประกอบ เพราะเราชอบอ่านนิยาย อีกอย่าง แอคชั่นเขียนยากมาก ในความคิดเรา พิมๆ ลบๆ อยุ่นานพยายามกลั่นกรองมันให้เข้าใจง่ายที่สุด :mew5:
-บทหน้า dark romance กันเถอะ คิดซะว่าพักสมองแต่ท่านผู้อ่านละกัน :mew2:
-ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจ เราจะตั้งใจเขียนจะพยายามอัพอย่างสม่ำเสมอเท่าที่ทำได้  :pig4:
   

   

   
   

   

   
   


   
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part2) p8 16/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-07-2015 07:06:37
หน้ามืดคราวนี้ต้องมีเอี่ยวกับเรื่องในอดีตของโยแน่ๆ
รอตอนต่อไปเนาะะะ ตื่นเต้นๆๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part2) p8 16/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-07-2015 07:13:07
 :hao5:   สะเทือนใจอ่า
โยเริ่มตื่นแล้ว. ความทรงจำที่ฝังลึกคงไม่น่าจดจำอย่างแรง
ขอมาม่าชามเล็กพอนะคะ สงสารโย  :mew6:
เสียวน้องข้าวคอหักตายจริงๆเลย. หนูควรอยู่ห่างๆนะ
ธีร์ก็มาโดนร่างแหไปแล้วคนนึง พี่หมอหมารีบจัดการด่วน
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part2) p8 16/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-07-2015 20:30:59
ตกไปหน้าสองละ. ดันๆ
ขอภาพประกอบด้วยค่ะ. เอาตอนท้ายที่น้องโยกำลังเบลอแล้วพี่รอทมาอุ้มไว้
ขอบคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงจ้า
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part2) p8 16/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 17-07-2015 19:50:14
ตัวตนที่แท้ของโยสินะ แต่ถ้าโยคุมพลังได้ คงจะเริ่ดมาก
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part2) p8 16/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 17-07-2015 23:56:58
บทที่ 22 blood romance
[/b]

   
Rote Say

      
      ผมรีบกลับเข้ามาที่โรงแรมอย่างรีบร้อนหลังจากไปเคลียเรื่องกับตำรวจท้องเพื่อปกปิดเรื่องในวันนี้ ใช้เงินนิดหน่อยก็เปลี่ยนสงครามย่อมๆ ให้กลายเป็นคดีทะเลาะวิวาทไร้ความสำคัญไปได้ ยูจีนรู้เรื่องที่โยเป็นเลือดผสมแล้ว แต่ผมขอให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับโดยให้เหตุผลว่ามันจะเป็นอันตรายต่อตัวโย หวังว่าจะไว้ใจเธอได้


      ไอ้ริคกับแฟนเหมือนจะทะเลาะกันหนัก  เรื่องที่ข้าวไม่ฟังมันแล้วเข้าไปในผับจนเกิดเรื่อง แต่นั่นคงต้องปล่อยพวกมันเคลียกันเอง แอบสะใจที่ไอ้หมอมันล้อผมเรื่องคบผู้ชายแต่กลับได้ซะเอง กลายเป็นว่าไอ้ทฤษฏีล้านแปดของมันเลยได้มีภาคปฏิบัติ


      ส่วนเรื่องการตายของเมนอส โกหกซอนเน่ไปว่าผมเป็นคนทำ พี่สาวผมเทศนาไปชุดใหญ่ ว่าทำอะไรบุ่มบ่ามแทนที่จะได้ขยายผลการสอบสวน ตัวให้ข้อมูลดันมาตายซะได้ แถมยังตัดเงินเดือนผมด้วย...แต่ผมไม่เดือดร้อน


      ผมทิ้งโยไว้ที่ห้องเพราะเจ้าตัวบอกไม่เป็นไรไม่นานก็คงหายแต่ผมรู้ดีว่าโยไม่มีทางฟื้นตัวไวเท่าพวกผม ทันทีที่เข้าไปในห้องสัมผัสไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ก้าวเท้ายาวๆ ไปตรงส่วนห้องนอน โยที่มีเพียงกางเกงนอนขายาวยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงเหมือนตอนที่ผมออกไป บาดแผลส่วนใหญ่เหมือนจะหายไปแล้วเหลือเพียงรอยเล็บตรงหน้าท้องขาวๆ ที่ยังไม่ปิดสนิท แต่คิดว่าอาการบอบช้ำภายในน่าจะยังคงอยู่ เพราะลมหายใจหนักๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงหลับไม่สุขเท่าไรนัก ผมไม่รู้ว่าขีดจำกัดพลังที่โยมีมากน้อยแต่ไหนแต่จากเรื่องวันนี้บอกให้รู้ว่าคงมากกว่าแวมไพร์ทั่วๆ ไปแน่นอน อาจเพราะสายเลือดของอาร์เคนที่อยู่ในตัว


      “โย...” คนถูกเรียกลืมตามองผมช้าๆ ดวงตาสีเทาเรืองแสง ริมฝีปากอิ่มเผยอหอบหนักเผยให้เห็นคมเขี้ยวเล็กๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนส่วนที่เป็นแวมไพร์ของโยจะตื่นขึ้นเพราะร่างกายบาดเจ็บ


      “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” ผมนั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอามือเตะที่แผลนั่นอย่างแผ่วเบา


      “อืม!...เจ็บ” โยตอบ แววตาคู่สวยจ้องผมด้วยความต้องการในบางสิ่ง กัดริมฝีปากแดงนั่นจนเลือดซึม...เลือด!? มันจะช่วยให้โยดีขึ้น ที่นี่ไม่ใช่คอนโดคงไม่มีเลือดถุงในตู้เย็น นอกจากเลือดผม


      คิดได้ดังนั้นผมจึงกัดลิ้นตัวเอง รู้สึกถึงรสเลือดในปากก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากปากนิ่มๆ นั่น ลิ้นร้อนตอบสนองรสคาวในทันที เหมือนราดน้ำมันบนกองไฟคนข้างล่างดูดดุนลิ้นผมอย่างหิวกระหายจนกลับกลายเป็นจูบที่เร่าร้อน แต่แค่นี้คงไม่เพียงพอเมื่อคนอยู่ใต้ร่างพลิกตัวผมนอนราบกับเตียงแล้วขึ้นคร่อม บั้นท้ายแน่นๆ เสียดสีตรงส่วนกลางจนเริ่มตื่นตัว


      “อื้อ...หิวจัง” โยถอนริมฝีปากพลางออดอ้อน ผมทอดมองร่างที่นั่งคร่อมผมไว้อย่างหลงใหล  ร่างขาวเนียนสะท้อนแสงจันทร์ที่สาดเข้ามาในห้อง คมเขี้ยวกัดบนริมฝีปากแดงๆชวนจูบ พร้อมกับนัยน์ตาสีเทาวาวแสงที่จ้องมาแฝงไว้ซึ่งอำนาจ ทรงเสน่ห์ เย้ายวนชวนให้ถูกสะกด...ให้ตายเถอะ เมียใครวะโคตรน่ารัก น่าเอา


      “ใจเย็นสิ...ที่รัก” ผมหลุดยิ้มเมื่อโยพยายามจะถอดเสื้อผมออกด้วยมือสั่นเทา เลยจัดการเองซะเพราะไม่ทันใจ ทันทีที่เสื้อยืดสีดำถูกเขี่ยให้พ้นตัว ฝ่ามือนิ่มๆ ลูบไล้ไปทั่ว ใบหน้าสวยก้มลงซุกไซ้ กดจูบจนขนลุกซู่ ก่อนจะฝังเขี้ยวลงบนคอดูดกลืนหยาดเลือดจากตัว ผมถือโอกาสนี้ลวนลามคนข้างบนอย่างย่ามใจ ก่อนจะถอดกางเกงนอนนั้นออกให้พ้นตาโดยที่เจ้าตัวยังคงมึนเมากับรสเลือด ร่างผอมบางสั่นสะท้านเมื่อผมบี้หัวนมทั้งสองจนเริ่มแข็งเป็นไต


      “อื้อ...อย่าแกล้ง” โยผละออกจากคอมาจ้องหน้าดูหงุดหงิดแต่ก็น่ารัก


      “อ๊ะ...เอาคืนหรอ!” ผมสะดุ้ง เมื่อเขี้ยวคมๆ กัดลงบนอก ทั้งเจ็บทั้งเสียวเมื่อลิ้นร้อนๆ นั้นแลบเลียของเหลวที่ซึมออกมา ก่อนจะเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ ทั้งจูบทั้งกัดฝากรอยเขี้ยวไว้ตามรายทาง แต่ผมกลับรู้สึกดี...เอาเลยครับ ทำอะไรก็เชิญ ผมยอม...อิอิ


      ริมฝีปากร้อนยังคงไล้ต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงขอบกางเกงยีน โยจัดการปลดตะขออกก่อนรูดซิบแล้วรั้งชั้นในผมลง จนลูกชายที่แข็งขืนเด้งออกมาทักทาย มือเรียวกอบกุมมันไว้ก่อนขยับรูดจนผมหายใจหนักๆ อย่างซาบซ่าน เจ้าตัวยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยก่อนจะทำในสิ่งที่ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำให้ผม


      “อืม...” ผมหลุดครางเมื่อโพรงปากร้อนๆ รับลูกชายผมเข้าไปได้แค่ครึ่งก่อนจะดูดดุน สลับกับลากเลียจากโคนสู่ปลาย...อา โคตรเสียว ทำผมมีอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ พอเอื้อมมือไปไล้แก้มเนียนๆ ใบหน้าสวยเงยมามองผมด้วยตาเป็นประกายคล้ายกำลังสนุก ไม่รู้เจ้าตัวนึกคึกอะไรแต่แบบนี้มันยั่วชะมัด ผมผลักหัวทุยๆ นั่นออกผมยังไม่อยากแตกตอนนี้หากแต่ต้องการในสิ่งที่มากกว่า


      “ไม่ชอบหรอ!?”


      “ชอบสิ แต่อยากได้โยมากกว่า”


      “อื้อ...” ผมกดนิ้วลงบนปากนิ่มๆ ก่อนจะล้วงเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นชื้นจนชุ่ม แล้วดึงออกก่อนรั้งร่างบางขึ้นมาจูบพลางดันตัวขึ้นพิงหัวเตียง ลิ้นของเราตอบโต้กันแบบไม่มีใครยอมใคร ผมบีบเค้นบั้นท้ายนิ่มๆ นั่นด้วยแรงอารมณ์  โยนาห์คงไม่ต่างเพราะเจ้าตัวเผลอบดเบียดส่วนกลางที่แข็งขืนเข้ากับของผม...ไม่ไหวแล้วโว้ย!


      “อ๊ะ...อ๊า...” เสียงหวานครางเครือเมื่อผมสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังรับรู้ถึงความฝืดแน่นเพราะแค่น้ำลายคงไม่เพียงพอแต่จะให้ลุกขึ้นไปหยิบเจลก็กลัวขาดตอน ผมค่อยๆ เพิ่มนิ้วเข้าไปก่อนขยับบ้างเข้าออกบ้างหมุนวนทำเอาสะโพกมนบิดเร่าด้วยความเสียว ภายในเริ่มผ่อนเกร็ง บ่งบอกว่าโยน่าจะพร้อมแล้ว


      “ขอเข้าไปนะ ไม่ไหวแล้ว”


      “อืม...” โยนาห์ตอบรับก่อนรั้งตัวขึ้นแล้วจับลูกชายผมไปจ่อตรงทางเข้า ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักตัวลงมา โดยมีผมช่วยประครองอยู่


      “ซี๊ด...มันเจ็บ...อา...อ๊า!”  ร่างบางหวีดร้องลั่นเพราะเจ้าตัวกดลงทีเสียวจนสุด ใบหน้าสวยเหยเกอย่างเจ็บปวดจนน้ำตาร่วง...ไม่ว่ากี่ทีก็ยังไม่ชินสินะ น่าสงสารจริงเมียผม


      “ไหวไหม” ถามไปงั้น ไม่ไหวคงไม่หยุดหรอก เล่นตอดผมถี่ๆ จนเสียววาบขนาดนี้ใครจะไปหยุดได้ ยัง!...ยังมากัดปากแดงๆ ยั่วกันอีก เลยดึงมาจูบซะเลย เคี้ยวเล็กๆกัดปากผมจนเลือดซึม ดูเหมือนจะติดในรสเลือดเข้าเสียแล้ว แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรให้รางวัลคนน่ารัก


      “อ๊ะ อ๊า รอท...” เสียงหวานครางกระเส่าเมื่อผมเริ่มขยับโดยเจ้าตัวก็ขยับรับอย่างรู้งาน ช้าๆแต่หนักหน่วง


      ผมชอบเวลาโยออนทอปเพราะมุมนี้วิวดีที่สุด ได้เห็นใบหน้าแดงเรื่อ ผิวกายขาวเนียน โยน้อยที่ชี้หน้าอย่างท้าทายและแม้แต่ส่วนที่เราเชื่อมกัน มือเรียวบางที่ยันอกผมไว้ประคองร่างงดงามนั่นให้ขย่มลงบ่นตัวผม ภาพเหล่านั้นโหมเพลิงอารมณ์ให้ลุกโชน จนจังหวะช้าๆ ไม่อาจตอบสนองได้


      “อ๊า! รอทเบา...ฮะ...อา” คนโดนเอาผวากอดคอผมเมื่อผมกระแทกสวนแรงจนตัวคลอน นิ้วเรียวจิกลงแผ่นหลังอย่างระบายอารมณ์ลืมว่าเล็บคมๆ ข่วนเนื้อจนเลือดซึม โยจากที่เสียหลักอยู่ซักพักกลับมาตั้งตัวเด้งเอวสวนจนเข้าจังหวะ ขมิบแรงจนผมซี๊ดปาก...ถึงจะมีอะไรกันบ่อยครั้งแต่ก็ไม่คิดว่าเมียผมจะเร่าร้อนได้ขนาดนี้ จากปกติที่ผมเป็นคนคุมเกมกับเป็นฝ่ายโดนคุม แต่แบบนี้ก็มันส์ไปอีกแบบ


      “อา แน่นจัง” ผมกระซิบข้างหูคนที่ฟุบหน้าลงบนไหล่ แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายฝังเขี้ยวลงบนคอดูดกลืนหยาดเลือดแต่ยังคงจังหวะไว้ แทนที่จะสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงเจอแบบนี้ดันของขึ้น พลิกร่างบางลงบนเตียงง้างเรียวขาออกกว้างแล้วใส่ไปสุดแรงจนเจ้าตัวต้องผละออกมาแหงนหน้าครางลั่น เสียงเนื้อกระทบกันคลอไปด้วยเสียงชื่นแฉะและเสียงหอบครางของเรา ร่างบางโยกคลอนไปตามแรงที่ผมส่ง กัดริมฝีปากแดงช้ำด้วยความเสียวพลางเผยอหอบ


      “ฮา...ฮะ...รอ.ท...อ๊า!” โยรูดส่วนกลางตัวเองรัวๆ ส่วนอีกมือก็คว้าไหล่ผมเป็นหลักยึด ทั้งร่างบิดเกร็งจนสั่นเทิ้มบอกว่าใกล้ถึงเต็มที เห็นแบบนั้นก็จัดให้ เมียอยากเสร็จจะรออะไร  ผมขยับเอวรัวแรงจนคนข้างใต้ครางไม่เป็นภาษาก่อนจะปลดปล่อยออกมาในที่สุด ช่องทางร้อนตอดรัดแน่นจนลูกชายผมทนไม่ไหวถึงกับร้องไห้เลยครับออกมาในตัวโยเต็มๆ


      “ยังหิวอยู่หรือเปล่า เอาอีกมั้ยครับ” ผมล้อคนที่นอนหอบหนักอยู่ใต้ตัวพร้อมยิ้มระรื่น ดวงตาคู่สวยตวัดมองแบบเคืองๆ เปลี่ยนอารมณ์ไวไปมั้ย เมื่อกี้ยังอ้อนกันอยู่เลย


      “พอ...พอแล้ว” โยส่ายหัวเบาๆ พลางผลักตัวผมออกเพราะแก่นกายยังคาอยู่ที่เดิมแต่ผมไม่ถอนออกกลับเด้งสวนไปที “ซี๊ด!!! เชี่ยรอท”


      “แต่ผมยัง” ว่าแล้วก็จัดการดึงขาเนียนๆ มาเกี่ยวเอวตั้งท่าจะลุยต่อ “ยังไม่อิ่มเลย”


      “โอ๊ย!...ไปตายอด...อ๊ะ...ตายอยากมาจากไหน...อ๊า” โยบ่นไปครางไปเมื่อผมเริ่มขยับ “ไอ้หื่น!!! อื้อ!”


      “ใครเป็นคนเริ่มละครับ ที่รัก”  ผมว่าพลางจุ๊บปากแดงๆ นั่นไปที “รับผิดชอบหน่อยนะ”


      คนอย่างรอทขึ้นแล้วลงยากครับ คนทำเลยต้องรับผิดชอบไปยาวๆ อย่าหาว่าเอาเปรียบหรือฉวยโอกาสเลยครับ งวดนี้เสียทั้งเลือดเสียทั้งน้ำ แถมยังต้องเปลืองแรงไปตั้งเยอะเพราะยกหลังๆ คุณเมียดันสิ้นฤทธิ์ ผมมีแต่เสียกับเสีย  คุณควรเห็นใจผมสิ...อิอิ!


........................................


      “ยังไม่เคลียกันอีกหรือไง” ผมถามไอ้ริคที่นั่งเป็นหมาหงอยอยู่บนเปลผ้าใบหลบแดดข้างๆ กัน แอบอิจฉาพวกยูจีน โยและข้าวหอมที่เล่นน้ำกันกลางแดดจ้าอย่างสนุกสนาน เพราะผมไม่ถูกกับแสงร้อนๆ นั่นเอาซะเลย


      “ไม่รู้สิ ตัวเล็กมันดื้อจนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว” เพื่อนรักผมส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ “ที่ดุก็เพราะเป็นห่วงดันมางอนกันซะงั้น”


      “รีบเคลียเลย ทำคนอื่นเดือดร้อนเนี่ย” อุส่ามาพักผ่อนทั้งทีแทนที่จะได้ใช้เวลากับโยนาห์เยอะๆ ข้าวหอมดันเกาะเพื่อนแจเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ไอ้ริค เห็นว่าคืนนี้ถึงขึ้นจะหอบผ้ามานอนกับโยขอแลกห้องกับผมซะงั้น...ใครจะไปยอม


      “เออรู้แล้ว จะไม่ปล่อยให้ไปขัดจังหวะบนเตียงพวกนายหรอกน่า” มันบอกปัดอย่างรำคาญ “คุยดีๆ ไม่ได้คงต้องใช้กำลังแล้วล่ะ” ไอ้แวร์วูฟข้างตัวยิ้มหื่นๆ สงสัยเมื่อคืนมันอด...สงสารเพื่อนจังครับ


      “ให้มันจริง!”


      ผมมองตามโยที่กำลังไล่เตะเพื่อนซี้ โดยมียูจีนวิ่งตาม เสียงหัวเราะนั่น ร้อยยิ้มนั่นพาให้ทุกสิ่งรอบตัวดูสดใส ความรักมันสวยงามแบบนี้สินะ ถึงมันจะมาแบบไม่ทันตั้งตัวและเหนือความคาดหมายแต่มันก็ทำให้เรารู้สึกดี รักมากก็ห่วงมาก จากที่โยฟิวขาดฉีกเมนอสเป็นชิ้นๆ ยิ่งทำให้ผมกังวลกับอดีตของโย เหมือนยิ่งค้นยิ่งดำมืด ผมเดาว่ามันคงไม่น่าจดจำเท่าไหร่นักเผลอๆ อาจเกี่ยวกับเหตุการณ์นองเลือดของอาร์เคนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไหนจะพวกซาโตนี่อีก อันตรายหลากหลายคงเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่จะให้หยุดคนที่ผมรักก็คงยาก เพราะนิสัยโยถ้าตั้งใจจะทำก็ต้องทำให้ได้ จนเริ่มกลัวว่ารอยยิ้มนั้นจะจางหายไปในซักวัน


      “รอท” เสียงเรียกดึงผมออกจาห้วงความคิด “พระอาทิตย์จะตกแล้ว ไปเล่นน้ำกัน” โยวิ่งเข้ามาดึงมือผมลุกขึ้น ใบหน้าสวยยิ้มร่าพาให้ผมต้องยิ้มตาม


...ยิ้มของโยนาห์ ผมจะปกป้องมันเอง ต่อให้หายไปผมก็จะทำทุกอย่างให้รอยยิ้มนี้กลับมา...

Talk Talk
[/b]

-บทนี้พักเนอะ nc เบา (หรอ!?) ให้มันดูเป็น love storry ซักนิด :z1:
-ส่วนรูปกำลังวาดนะจ้ะ จะรีบเอามาลงให้ ขอบคุณที่ช่วยดัน เราซึ้งใจมาก :mew4:
-ขอบคุณทุกกำลังใจทั้งที่แสดงตัวและไม่แสดงตัว ต่อให้ไม่มีเม้นแต่ยังมีคนอ่านแค่นั้นก็พอ เราก็ยังจะตั้งใจทำต่อไป หวังว่าทุกคนจะสนุกกับโลกที่เราพยายามสร้าง เนื้อเรื่องที่เราพยายามสื่อ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ :L1:

      

      

      

      
      

      
      
      

      

      
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-07-2015 01:26:26
โยอันตราย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 18-07-2015 01:48:26
รอลุ้นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-07-2015 01:50:17
โยนาห์ใช้ได้ นี่ขนาดได้มาแค่ครึ่งเดียวแค่เลือดผสมนะคับ ยังไม่ใช่เลือดบริสุทธ์เต็มตัวยังเก่งขนาดนี้อ่ะ เผ่าอาร์เคน เปนยังไงอยากรู้แบบลึกๆคับ มีพลัง อำนาจมากขนาดไหน รอ รอ รออ่านตอนใหม่มาเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-07-2015 06:53:23
อิอิ. พี่หมอกลัวเมียนี่นา
โยกับรอทนี่มันช่างร้อนแรงจริงๆ.  หวานกับแบบปนกลิ่นเลือด.   o22. 
ขอบคุณค่ะ.  :katai2-1:   
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 18-07-2015 07:29:52
ดีนะที่รักษาตัวเองได้ ทีเลือดดีๆคงจะหายเร็วขึ้นล่ะซี๊
พี่หมอกะน้องข้าวกลับสู่โหมดงอนอีกแล้ววว
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 18-07-2015 10:11:15
น้องข้าวนี่ชีวิตดูจะเป็นอันตรายสุด ท่ามกลางอมนุษย์พวกนี้
เหนื่อยพี่ริคล่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 18-07-2015 12:56:46
เนื้อเรื่องกำลังน่าตื่นเต้นเลย รอตอนต่อไปนะค้า :3123:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 18-07-2015 15:46:32
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-07-2015 17:43:24
โธ่...นายรอทช่างกล้าพูดนะ แหม มีแต่เสียกับเสีย ควรเห็นใจเรอะ แล้วที่นายจับหนูโยกดอีกยาววววววววนั่น ไม่เรียกได้กำไรเรอะ!!! :hao6:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-07-2015 21:50:51
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 19-07-2015 10:40:35
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: wishper ที่ 19-07-2015 20:17:35
NC เบาๆหรอ? :hao3:
ไม่เบาแล้วมั้ง~ :pighaun: :pighaun: :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-07-2015 22:09:26
เบามาก เลือดหมดละ ไปเติมเลือดแพ๊บ  :jul1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่21 ผู้ล่า(part2) p8 16/7/58 RomanticHororFantasy
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 20-07-2015 01:28:41
ตกไปหน้าสองละ. ดันๆ
ขอภาพประกอบด้วยค่ะ. เอาตอนท้ายที่น้องโยกำลังเบลอแล้วพี่รอทมาอุ้มไว้
ขอบคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงจ้า

(http://upic.me/i/68/rote-yonahholdup.jpg) (http://upic.me/show/56233079)

ที่รีเควสมาจัดให้แล้วเน้อ อาจไม่สวยเท่าไหร่แต่ขอบคุณจากใจเลยที่คอยให้กำลังใจเราในทุกๆ บทแถมช่วยดันให้อีก แล้วก็คนอื่นๆ ขอมาได้นะ เราชอบวาดเล่น คิดซะว่าเป็นการตอบแทนผู้อ่านทุกท่านละกัน :L2:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 20-07-2015 03:36:42
  :z1::hao6: :pighaun: :hao6: :z1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่22 ฺblood romance (ncเบาๆ) p8 18/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 22-07-2015 03:28:30
บทที่ 23 moonlight romance
[/b]

      เสียงเพลงแจสเปิดคลอเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราของร้านอาหานตะวันตกในกรุงเวียนนา เมืองแสนสงบที่ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนที่ยังคงความคราสสิกหรูหราอันเป็นเสน่ห์ดึงดูดทุกคนให้มาเยือน อุษานั่งจิบไวน์พลางกวาดตามองบรรยากาศภายนอกหน้าต่างร้านอย่างเพลิดเพลิน มุมนี้ถูกกั้นไว้เป็นห้องส่วนตัว ในใจนึกถึงลูกชายตัวดีที่ชื่นชอบศิลปะยิ่งกว่าสิ่งใด คงจะดีไม่น้อยหากพาโยนาห์มาเที่ยวที่นี่ซักครั้ง


      เธอเหลือบมองนาฬิกาใกล้จะหนึ่งทุ่มซึ่งเป็นเวลานัดของวันนี้ การเป็นดีลเลอร์นำเข้าเครื่องสำอางค์ทำให้เธอต้องเดินทางศึกษาตลาดในประเทศต่างๆ มีบ้างที่ลูกค้าอยากจะนัดดินเนอร์เป็นการส่วนตัวเพราะจริงๆ แม้อายุจะย่างเข้าเลขสี่แต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้านี้งดงามน้อยลง กลับมีเสน่ห์ตามวัยไปอีกแบบ และแล้วประตูร้านก็เปิดออกพร้อมร่างสูงที่เดินตรงมายังเธอ ผมสีบรอนเงินยาวถูกรวบหลวมๆกับดวงตาสีเทาและใบหน้าที่แทบไม่เปลี่ยนไปเลยจากเมื่อสิบกว่าปีก่อนทำเอาแก้วไวน์แทบหลุดมือด้วยความประหลาดใจ


      “อัล!?” ริมฝีปากสวยระบายยิ้มอย่างดีใจ “อัลสไวเดอร์! ใช่คุณจริงๆ หรอ”


      “อืม...ไม่เจอนานเลยนะที่รัก” ร่างสูงระบายยิ้มก่อนนั่งลงตรงข้าม “คุณยังสวยเหมือนเดิมเลย คงจะดีถ้ามันจะเป็นอย่างนี้ไปนานๆ” มือเย็นเอื้อมมาจับมือเธอก่อนลูบเบาๆ อย่างสื่อความหมาย เธอยิ้มรับเจื่อนๆ จังหวะเดียวกับที่อาหารมาเสริฟ ที่นี่สามารถสั่งเมนูไว้ล่วงหน้าหรือไม่ก็มีชุดอาหารตามเทศกาลเปลี่ยนทุกๆ สองอาทิตย์


      “รู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่” อุษาถามคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ


      “จริงๆ ก็ตามข่าวคุณกับลูกอยู่ตลอดนั่นแหละ แต่ที่ผมไม่เข้าใกล้คุณเพราะอยากให้โยได้เติบโตและใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอย่างที่คุณต้องการ” เขาอธิบายพลางลงมือทานอาหาร “โยเป็นยังไงบ้าง”


      “เอาจริงๆ ฉันก็ไม่ได้อยู่กับลูกมาก อย่างที่เห็นทำงานเดินทางตลอด โทรไปหาบ้าง ส่งเมลไปคุยบ้าง แต่ก็ดี เสเพลบ้างตามประสาวัยรุ่น ตอนนี้เรียนศิลปกรรมอยู่ จริงๆ เขาเพิ่งจะเสียเพื่อนสนิทไปนะแต่ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว”


      “ยังชอบวาดรูปไม่เปลี่ยนเลยสินะ ถึงจะจำตอนเด็กไม่ได้”


      “ฉันก็ไม่อยากให้ลูกจำ”


      “แล้วคิดจะบอกเรื่องแวมไพร์กับลูกเมื่อไหร่” เธอส่ายหัว “แต่ท้ายที่สุดโยก็ต้องรู้นะ”


      “เขาไม่มีทางรู้ หลังจากวันนั้นเขาไม่เคยเจอคุณเลยด้วยซ้ำ ไหนจะตราผนึกของคุณอีก และฉันก็จะเลี้ยงเขาในฐานะมนุษย์แบบนี้แหละ” โลกของอมนุษย์มีอันตรายมากมาย จะดีกว่าถ้าโยได้เติบโตและมีความสุขแบบวัยรุ่นทั่วไป


      “แต่คิดว่าถึงเวลาที่โยต้องรู้แล้วละ” ร่างสูงแย้ง “อาร์วาร์ค แหกคุกนิฟเฮมออกมาแล้ว”


      เคร้ง!? ร่าบางเผลอปล่อนช้อนส้อมในมืออย่าตกใจ


      “ เขาอยู่นิ่งๆ มานานแล้ว คุกนิฟเฮม ตระกูลอาร์เคนเป็นคนสร้าง อาร์วาร์คเข้าใจมันดี เดาว่าเขาต้องรู้ว่าโยยังมีชีวิตอยู่จึงเริ่มเคลื่อนไหว ผมมั่นใจว่าคุณกับลูกต้องโดนตามล่าแน่ๆ ผมน่าจะฆ่าเขาทิ้งซะตอนนั้น” ดวงตาสีเทาดูเศร้าสร้อยเมื่อพูดถึงแฝดผู้พี่ของตน “อย่างน้อยถ้าโยรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้ว่าทำอะไรได้ เขาน่าจะปกป้องตัวเองไหว”


      “งั้นฉันควรจะรีบกลับไปหาโย” เธอมีทีท่ารีบร้อน อาหารตรงหน้าหมดความอร่อยไปทันที


      “ใจเย็นก่อนษา อาร์วาร์คคงยังไม่ไม่ทำอะไรตอนนี้ เขาโดนขังมานานพลังก็ยังไม่คงที่ เขายังต้องรวบรวมคน” อัลสไวเดอร์ว่าพลางกุมมือเธอแน่น “


      “ไม่รู้ล่ะฉันจะเคลียงานให้เสร็จแล้วกลับพรุ่งนี้เลย ฉันเป็นห่วงลูก” ร่างบางร้อนรนกับข่าวที่ได้รับสิ่งที่เธอกลัวมาตลอดสุดท้ายมันก็เกิด


      “งั้นผมจะรวบรวมคนเก่าๆ เดี๋ยวตามไปให้เร็วที่สุด อ๊ะ ษาคุณจะรีบไปไหน” เขาว่าพลางรั้งมือนิ่มๆ นั้นไว้ ดินเนอร์ของเขาและเธอเพิ่งเริ่มด้วยซ้ำ


      “ไปเตรียมตัว กับหาซื้อตั๋วเครื่องบินไง”


      “ครับ จะรีบตามไปนะ” เสียงทุ้มตอบรับก่อนจุมพิตหลังมือบางนั้นไปทีเรียกรอยยิ้มหวานจากเจ้าตัว

................................................................

      Kawhom Say


      ...Last night...


      “พี่บอกให้รอที่รถทำไมไม่รอละ” เสียงทุ้มดุผม


      “ก็ผมได้ยินเสียงปืน...เลยวิ่งเข้าไปดู” ผมก้มหน้างุด รู้ตัวว่าผิดเต็มๆ


      “คนปกติที่ไหนเขาวิ่งเข้าหาเสียงปืนวะ!” พี่หมอเริ่มเสียงดัง


      “ก็ผมเป็นห่ว...”


      “ห่วงตัวเองเถอะ!” เจ้าตัวพูดขัด “แล้วนี่ดูสิ ถ้าโยช่วยช้าไปนิดเดียวเราคงตายไปแล้ว” มือหนาเชยคางผมขึ้นสำรวจรอยมือช้ำๆ ที่โดนเมนอสบีบคออย่างขุ่นเคือง


      “ผม...ขอโทษ ผมก็แค่อยากช่วย”


      “ข้าวหอม ลืมไปแล้วหรอว่าตัวเองยังเป็นมนุษย์นะ เข้าไปแบบนั้นนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังเป็นภาระคนอื่นเขา โยบาดเจ็บขนาดนั้นส่วนหนึ่งเพราะต้องปกป้องเรารู้ตัวมั้ย” พี่หมอร่ายยาวในสิ่งที่ผมก็รู้ดี เออผมมันก็แค่มนุษย์ ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่นั่งง่อยลุ้นทั้งที่เป็นห่วงแทบตาย...แม่งเอ้ย


      “ก็ผมขอโทษแล้วไง พี่ไม่อยากให้ผมเป็นภาระก็เปลี่ยนให้ผมเป็นแบบพี่สิ” ผมเถียงออกมาในที่สุด


      “คิดว่ามันง่ายหรือไง” ดวงตาสีน้ำตาลดูแข็งกร้าว “ถ้าเราเป็นแบบพี่มันเลี่ยงที่จะมีเรื่องกับคนอื่นไม่ได้หรอกนะ อมนุษย์อย่างเรายังคงใช้ชีวิตด้วยสัญชาติญาณ การไล่ล่าแย่งชิงเป็นเรื่องปกติ แล้วครอบครัวเราก็ต้องมาเดือดร้อนไม่ช้าก็เร็ว ข้าวจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขาได้อย่างปกติ ยอมได้หรือเปล่าละ”


      “พี่หมอยังอยู่กับผมได้เลย” ผมเถียงค้างๆ คูๆ ใจนึกถึง ป๊า ม้า พี่ฟ่างและก็อาม่า


      “พี่แกร่งพอจะปกป้องเราได้”


      “ผมก็จะแกร่งให้พอปกป้องคนอื่นได้”


      “ข้าวมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ”


      “ผมไม่ได้เล่น!” ผมเริ่มเสียงดังบ้าง...ทำไมการที่ผมเป็นมนุษย์มันมีปัญหามากหรือไง!? ผมก็แค่อยากทำอะไรได้บ้างไม่ใช่ไร้ค่าอยู่แบบนี้ พี่หมอเก่งจะตาย...จะไปเข้าใจความรู้สึกผมได้ไง


      “พี่ว่าเราพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ” พี่หมอมีท่าทีเหนื่อยหน่าย...เหนื่อยมากใช่มั้ย!?...เออ


      “งั้นก็ไม่ต้องพูดกับผม” ผมตัดบทด้วยอารมณ์คุกรุ่นในตอนนั้น ก่อนจะหนีเข้าห้องนอนปิดประตูดังลั่น


      ...Back to present…


      แม่งเอ้ย! ผมลุกพรวดจากโซฟาเพราะทนบรรยากาศอึดอัดไม่ไหว พี่หมอเงียบผมก็เงียบราวกับว่าใครพูดก่อนแพ้ ดวงตาสีน้ำตาลเอาแต่จ้องผมนิ่งๆ จนผมทนไม่ไหวลุกพรวดไปคว้าเอาหมอนกับผ้าห่มในห้องเดินไปที่ประตู มือสากคว้าแขนผมไว้พร้อมมองด้วยสายตาประมาณว่า...จะไปไหน!?


      “จะไปนอนกับไอ้โย” ผมตอบห้วนๆ


      “ไม่ต้องไปกวนสองคนนั้นเลย” เสียงทุ้มเรียบนิ่ง “ถ้าไม่อยากอยู่ใกล้ขนาดนั้นเดี๋ยวพี่ไปเองก็ได้ นอนนี่ละ ไม่ต้องออกไปไหนด้วย ดึกแล้ว” ยังไม่ทันที่ผมจะปฏิเสธอะไรร่างสูงก็ปิดประตูเสียงดังจากห้องไปเสียแล้ว


      ผมล้มตัวลงนอน ทำยังไงก็ไม่อาจข่มตาหลับทั้งที่เหนื่อยล้าเต็มทนจากการเล่นน้ำมาทั้งวัน เหลือบเห็นหมอนอีกใบข้างๆ ที่ว่างอยู่แล้วใจมันโหวงๆ  บางทีผมอาจงี่เง่าเกินไปก็ได้ แต่ไม่มีใครชอบโดนดุหรอกจริงไหมถึงผมจะรูว่าพี่เขาห่วงผมมาก็ตาม ตอนนี้พี่หมอไปไหนนะ จะไปนอนที่ไหนกับใคร...ความคิดมากมายตีกันวุ่นอยู่ในหัว


      “แม่งเอ้ย!” ผมลุกขึ้นทึ้งหัวอย่างหงุดหงิด ไม่นงไม่นอนมันละ คว้ากางเกงยีนมาใส่หยิบกระเป๋าตังกับโทรศัพท์ มือกดโทรหาเบอร์ที่ทำผมนอนไม่หลับก่อนจะกระชากประตูห้องนอนเปิดอย่างร้อนใจ แต่ก็ต้องชะงักงันเมื่อเจอคนที่ผมตามหานั่งกระดกเหล้าอยู่ตรงโซฟากลางห้อง ส่วนโทรศัพท์ยังคงสั่นครืดอยู่บนโต๊ะภายใต้แสงสีเงินของดวงจันทร์ที่สาดเข้ามา


      “ไหนพี่บอกจะไปข้างนอก” ผมถามอย่างประหลาดใจ


      “บอกแล้วว่าไม่ต้องออกไหน” ไม่มีคำตอบกลับพูดไปอีกเรื่อง ดวงตาสีน้ำตาลนั่นยังคงมองแก้วในมือ


      “ผมจะออกไปตามหาพี่” ใบหน้าหนวดๆ หันมองผมแวบหนึ่งพลางกระตุกยิ้มที่มุมปากแต่ก็พยายามเก๊กไว้เหมือนยังโกรธผมอยู่ ทำผมหลุดขำเบาๆ...นี่สินะเจ้าตัวถึงกลับมา รู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดๆ จึงทำใจดีสู้หมา!?ไปนั่งลงข้างๆร่างสูงนั่น แต่คนตัวโตใจน้อยยังทำเป็นไม่สนใจ


      “ขอโทษ” ผมว่าพลางเอนหน้าไปซุกไหล่หนานั่น รู้สึกอุ่นอยู่ข้างแก้ม “ที่ทำให้เป็นห่วง” ตอนนี้รู้แล้วครับโกรธกันไปก็เท่านั้นต่างคนต่างไม่สบายใจเปล่าๆ พี่หมอวางแก้วเหล้าลงก่อนถอนหายใจออกมาดังๆ

      “ไม่ให้อภัย” อะไรวะคนอุส่าง้อ


      “ตามใจ...เฮ้ย!” ผมทำท่าจะลุกหนีแต่กลับถูกดึงเสียหลักไปนั่งบนตักคนตัวโต ไอ้ยินเสียงหัวเราะหึๆ เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี “ไม่ให้อภัยแล้วมากอดทำไมเนี่ย” แขนแกร่งรัดผมไว้แน่นพร้อมก้มหน้าซุกต้นคอผม ไรหนวดที่คลอเคลียเล่นเอาขนลุกซู่เลยครับ


      “อยากให้อภัยต้องไถ่โทษสิ” ผมหันกลับไปมองก็พบกับรอยยิ้มของหมาป่าชั่วร้าย รับรู้ถึงสัญญาณอันตรายที่นำพาให้หน้าร้อนผ่าว


      “อย่ามาฉวยโอกาส”


      “เปล่านี่ ใครก็ไม่รู้ทำพี่เป็นห่วงแทบคลั่ง กลับมา ยังมางอนไม่ยอมคุยด้วย นอนหันหลังให้ทั้งคืนแถมไม่ยอมให้กอด จะขาดใจตายแล้วเนี่ย” พี่หมอบ่นอุบ พร้อมทำหน้าเหมือนจะขาดใจจริงๆ...ทั้งหมั่นไส้ ทั้งสงสารเลยทีนี้


      “โอ๋ๆ อย่าพึ่งตายนะพี่” ผมยิ้มขำพร้อมโน้มคออีฝ่ายลงมาจูบ ทั้งที่กะจูบปลอบเบาๆ กลายเป็นร้อนแรงไปซะได้ ริมฝีปากอุ่นบดเบียด ลิ้นร้อนลุกล้ำเข้ามาอย่าหิวกระหาย จาบจ้วงดูดกลืนเอาเรี่ยวแรงผมไปสิ้นจนสมองพล่าเบลอ รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสเตียงแล้วครับ ไม่รู้โดนอุ้มมาตอนไหน


      “อื้อ...แปป...แฮกๆ ผมหายใจไม่ทัน” พี่หมอผละออกอย่าว่าง่ายแต่มือกลับลูบไล้ไปทั่วตัวจนสั่นสะท้าน ไม่วายเอาหนวดแข็งๆ มาซุกไซซอกคอผมอีก ผมได้แต่สะดุ้งเฮือกในทุกครั้งที่พี่หมอกดจูบไปตามร่าง ขบกัดทิ้งรอยบ้าง ก่อนจะวกกลับมายึดครองริมฝีปากผมอีกครั้งมือก็จัดการลอกคราบผมออกอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่เสื้อผ้าจะถูกโยนทิ้งไปซักที่ในห้อง


      “อ๊ะ...อย่าพึ่ง” ห้ามไปก็ไร้ผลเพราะพี่หมอตอนนี้เหมือนสติหลุดจู่โจมผมไปทุกส่วน นี่แค่อินโทรยังทำผมแทบบ้าจนได้แต่ร้องครางเหมือนลูกกวางที่โดนหมาป่าขย้ำ พอจะเข้าใจครับ...เราไม่ได้มีอะไรกันบ่อยเหมือนคู่เพื่อนซี้ เพราะพี่หมอกลัวผมช้ำตายไม่ได้ฟื้นตัวไวแบบไอ้โย ส่วนใหญ่เราก็แค่กอดกัน จูบกันและก็นอนกอดกัน มีจัดหนักก็แค่สุดสัปดาห์ หมาป่าตัวร้ายของผมจึงอยู่ในสภาวะหิวโซเก็บกด พอได้เริ่มอะไรๆ ก็ฉุดไม่อยู่ เลยต้องปล่อยเลยตามเลย

:oo1:
      
      “พะ...พอแล้วพี่ผมเหนื่อย” ผมร้องห้ามคนตัวโตที่ตอนนี้ทาบทับกดจูบไปตามตัวหลังจากผ่านไปสองยก รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ยังคั่งค้างข้างใน บ้างไหลเลอะมาตามโคนขาที่แทบจะไม่มีแรงขยับ


      “ยังไม่พอหรอก” ใบหน้าคมยิ้มเจ้าเล่ห์สายตาทอดมองจันทร์เพ็ญนอกหน้าต่างนั่น “คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงนะ”


      “ละ...แล้วทำไม อื้อ...” ผมถามเสียงสั่น เมื่อมือสากๆ เริ่มระรานยอดอก


      “แวร์วูฟมักจะออกล่า เพราะ แข็งแกร่ง! ที่สุดในเวลานี้” ทำไมต้องเน้นด้วยอ๊าก!!!...แล้วยังจะเอาไอ้ความแข็งแกร่งที่ว่ามาถูไถปากทางผมเล่นให้ผมบิดเร่า...อือเสียวนะเว้ย เริ่มรู้สึกร้อนๆ แล้วสิ “นอกจากการล่า สิ่งที่สัญชาตญาณต้องการอีกอย่างก็คือ...เซ็กซ์!


      “อ๊า!...” ผมครางลั่นเมื่อสิ่งที่ถูไถอยู่นั่นกดเข้ามามิดลำ แม้จะผ่านศึกมาไม่นานแต่ขนาดก็ยังทำผมเจ็บปนเสียวอยู่ดี พี่หมอยิ้มร้ายบอกถึงชะตากรรมของผมในคืนนี้ก่อนที่เอวหนาจะขยับกระทั้นรัวแรงจนจับจังหวะร้องไม่ถูกเลย...ให้ตายสิ พรุ่งนี้ผมจะลุกได้ไม่เนี่ย ทำอ้างสัญชาติญาณนี่มันความหื่นล้วนๆ พี่หมอแม่งๆ ๆ... โอ๊ย! คิดคำด่าไม่ออก สมองขาวโพลนไปหมด ตอนนี้ขอร้องครางให้หมาบ้าคลั่งตายก่อนละกัน

Talk Talk
[/b]

-สองบทที่ผ่านมาหวานแววเบาๆ สบายๆ ไปแล้ว บทหน้าเตรียมตัวรับอะไรหนักๆ กันเถอะ o18

-น้องข้าวยังแอบเวิ่นให้ได้ปวดหัวนิดๆ ตามไสตล์แหละจ้า

-รูปวาด เราจัดให้แล้วนะในเม้นบน คนอื่นๆ ขอเข้ามาได้นะ จัดได้ทุกเรท แต่ถ้าแรงมากเดี๋ยววาดส่งให้หลังไม อิอิ :haun4:

-ขอบคุณทุกแรงใจแรงเชีย เรารู้แหละ เรื่องเรามันค่อนข้างจะอินดี้    แต่ยังมีรีดเดอร์คนดีคอยให้กำลังใจเราอยู่ตรงนี้ สู้ตายเลยจ้า  :fire:

      

      

      

      

      

      


      
   
      

      
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-07-2015 04:51:45
 :katai2-1:  ฟ้นเบาๆ

ขอบคุณมากสำหรับตอนใหม่และภาพสวยๆ
คุณแม่กับคุณพ่อโยคุยกัน? 
พี่หมออิ่มอีกละ.  :-[.
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-07-2015 06:53:56
ข้าวหอมก็น้าาาาาา การจะเปลี่ยนมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ต้องเตรียมใจรับผลที่ตามมาด้วย
รอตอนต่อไปเนาะะะะ
คุณพ่ออัลจะเจอกับโยบ้างไหมน้าาา
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-07-2015 08:58:05
แหมๆๆ สัญชาตณานหรือความหื่นส่วนตัวกันแน่คะ พี่หมอ กดซะขนาดนี้ พรุ่งนี้เดินไม่เป็นแน่ ข้าวหอมเอ๊ยยยย :hao3:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: BoolinMini ที่ 22-07-2015 09:51:39
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ จนตอนนี้ตามอ่านจนทัน คนแต่งเขียนเรื่องได้ดีมาก ผูกเรื่องได้แทบจะไม่ขาดตอนเนื้อเรื่องมันเลยดูเนียนไปด้วยกัน คนแต่งทิ้งปมไว้และเริ่มเผยออกซึ่งดีกว่าบางเรื่องที่ผ่านๆมา คือทิ้งปมแรก ต่อปมสอง ต่อปมสาม แก้ปมแรก ผูกปมสี่ จนเราอ่านจนจบแล้วยังไม่รู้เรื่องที่ผูกปมไว้ทั้งหมดเพราะบางทีคนแต่งลืมเฉลยปมที่คาไว้มันเลยคาใจกันไป เอาเป็นว่าเราชอบและติดตามแน่นอน ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ

มาที่เนื่อเรื่องกัน โดยส่วนตัวชอบนิสัยโยเป็นทุนเดิม คือเป็นนายเอกที่ฉลาดและดูเฉลียว ถึงจะอารมณ์ร้อนไปหน่อยแต่โดยรวมคือชอบเพราะสู้คน ดูแล้วสดใสดี ดีกว่าตาพระเอกที่ดูนิ่งเป็นปลัดขิก 5555 ส่วนคุณหมอนี่ชายในฝันชัดๆ สุภาพ อบอุ่น ดูแฟมิลี่แมนสุดๆ อ่านแล้วนึกภาพเป็นไซบีเรียนเลยล่ะ คิดแล้วระทวยประหนึ่งโดนเผา(?) แต่!!!ทุกเรื่องต้องมีแต่ ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบข้าวนะ เราออกจะคิดว่านางน่ารักเลยล่ะ รักเพื่อน น่ารัก มุ้งมิ้ง กวนๆ แต่พอมาเจอช็อตนางงี่เง่าเท่านั้นแหละ อยากจะจับมาบีบคอ เขย่าๆถามว่าคิดอะไรอยู่ เข้าใจว่าห่วงเพื่อน อยากช่วย แต่ช่วยคิดตามหน่อยตัวเองเป็นแค่มนุษย์ไม่ใช่จะเข้าไปช่วยได้ทุกอย่าง ถ้าอยากช่วยจริงๆคืออย่าทำตัวให้ทุกคนเป็นห่วงดิ เป็นไงละ พอเกิดเรื่องขึ้นมา พี่หมอดุหน่อยรับไม่ได้ เหวี่ยง วีนไปอีก ดูแล้วไม่มีเหตุผลเลย พี่หมอน่าจะโกรธนานกว่านี้ซักหน่อย เผื่อจะได้เห็นคนเดินไม่ไหว ห๊ะ(?) คึคึ

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 22-07-2015 11:32:33
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-07-2015 12:18:53
พ่อแม่โยจะมาแล้วววววววว

มาลงต่อบ่อยๆนะคะ o13
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 23-07-2015 21:47:37
คุณพ่อคุณแม่ค่ะไม่เล่าแล้วค่ะ

น้องโยนอกจากจะรู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนแล้วยังเป็นเมียแวมไพร์อีกตระกูลด้วยหึหึห

เดี๋ยวสามีเขาก็ปกป้องเองแหลหึหึ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 23-07-2015 23:37:01
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 23 moonlight romance (ncนิดหน่อย) p9 22/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 24-07-2015 01:20:11
บทที่ 24 สูญเสีย
[/b]

   Yonah Say


      เสียงโทรศัพท์ที่ดังกับแรงสั่นปลุกผมจากฝันแปลกๆ ที่เริ่มจะชิน รู้สึกชาต้นขานิดๆ เพราะไอ้ข้าวเล่นยึดตักผมแทนหมอน หลับเป็นตายเลยครับสงสัยเมื่อคืนจะหนัก  ตอนนี้เราอยู่บนรถกำลังจะกลับ พี่หมอเป็นคนขับส่วนรอทเป็นตุ๊กตาหน้ารถคอยบอกทาง ส่วนยูจีนขอเที่ยวต่อ ขาไปไปเครื่องบินขากลับขับรถเพราะจะได้แวะเที่ยวตามรายทาง


      “ฮัลโลครับ”


      /โยนี่แม่นะ/ เสียงปลายสายทำเอาผมประหลาดใจจนต้องดูเบอร์ที่หน้าจออีกรอบ...ก็เบอร์แม่นี่นา


      “ทำไมกลับมาไวจังครับไม่เห็นบอกผมเลย”


      /อ่า แม่เคลียงานเสร็จไวจ้ะ แล้วนี่อยู่มหาลัยหรือเปล่า เดี๋ยวแม่ไปหา/


      “เปล่าครับ ผมไปทะเลมากำลังกลับ” ผมตอบออกไปตามจริง ลุ้นในใจว่าจะโดนว่าหรือเปล่าที่โดดเรียนไปเที่ยว


      /ไม่มีเรียนหรือไงฮะ แล้วไปกับใคร ถึงไหนแล้ว/ นั่นไงเสียงเริ่มขุ่น กลับบ้านไปจะโดนเชือดมั้ยเนี่ย


      “อ่าไปกับพี่รอท รุ่นพี่ที่มหาลัย ไอ้ข้าวแล้วก็พี่หมอ ถึงเส้นธนบุรีปากท่อแล้วครับแม่” ผมตอบเสียงหวาน...อ้อนไว้เพื่อความปลอดภัย


      “เรียกพี่รอทด้วย น่ารักจัง” ไอ้คุณผัวยิ้มกริ่มพร้อมแซว...เลยถลึงตามองมันแบบหมั่นไส้


      “เดี๋ยวผมให้พี่เขาเลยไปส่งที่บ้านก็ได้”


      /มันจะรบกวนพี่เขาหรือเปล่า/ แม่พูดอย่างเกรงใจ...เกรงใจเพื่อ!? มันรบกวนผมทุกคืนเลยนะ


      “ไม่รบกวนเลยครับ ผมยินดี” คนถูกพาดพิงแทรก...แอบฟังคนอื่นคุยไม่มีมารยาท


      /เสียงพี่รอทหรอลูก เสียงหล่อจัง ฮ่าๆ งั้นแม่ทำกับข้าวรอ พาเพื่อนมาพักกินข้าวเย็นก่อนก็ได้/ แม่หัวเราะร่วนทีกับผมเสียงแข็งอะไรวะ


      “ครับผม”


      /รักลูกน้า จุ๊บ!/ เสียงหวานๆ ทำผมยิ้มหน้าบาน ก่อนที่แม่จะวางไป


      “สรุปเราไปกินข้าวเย็นบ้านโยกัน” รอทบอก พี่หมอพยักหน้า      


      “แม่มึงกลับมาแล้วหรอ จะเลี้ยงข้าวเย็นด้วยหรอ” ไอ้คนที่ควรจะหลับลุกมาถามตาตื่น ไอ้นี่เห็นของฟรีเป็นไม่ได้


      “เออ แวะไปบ้านกูก่อน”


      “เย้ จะได้เจอนางฟ้าในฝันของผมแล้ว” ไอ้ข้าวทำหน้าเพ้อ อ้อนมืออ้อนตีนจนต้องตบกบาลมันไปที...ผลัวะ!


      “สัสแม่กู อย่าลามปาม” คนโดนตบลูบหัวปอยๆ ก่อนส่งสายตาน่าสงสารให้ผัวมัน



      ทันทีที่รถจอดนิ่งหน้าประตูบ้านผมก็รีบเปิดประตูลงจากรถ กระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆ เข้ามาในบ้านอย่างเร่งร้อน ไม่ใช่ผมคิดถึงแม่จนทนไม่ไหวแต่เพราะกลิ่นไอของอมนุษย์ที่ผมสัมผัสได้จากในบ้านทำใจผมเต้นระทึกด้วยความเป็นห่วง ทันทีที่เข้ามาในบ้านผมเห็นแม่นอนนิ่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าสวยหลับตาพริ้มคล้ายนิทรา เพียงแต่รอยมือช้ำเป็นปื้นรอบคอทำเอาผมถลาเข้าไปใกล้อย่างร้อนรน เงียบงันปราศจากแม้เสียงหายใจ เหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบหายไปจนทรุดนั่งลงตรงนั้น ลูบแก้มเนียนนั่น เย็นเยียบราวกลับจะแช่แข็งจิตใจของผมไปด้วย


      “แม่...” ผมเขย่าร่างนั้น “โยกลับมาแล้ว แม่ครับ ฮึก แม่” ผมเรียกเธอซ้ำๆ จากแผ่วเบาจนแทบตะโกน แต่เหมือนเธอคงไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว ได้แต่มองเธอผ่านม่านน้ำตา  อีกแล้ว ผมต้องเสียคนที่รักไปอีกแล้ว เจ็บปวดเหลือเกินเหมือนวิญญาณนี้มันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ


      “ไม่เจอกันนานโตขึ้นเยอะเลยนะ” เสียงหนึ่งเรียกผมให้หันมองอย่างตื่นตะลึง ผมสีเงินยาวกับดวงตาสีเทาดูคุ้นตา ผมจำเขาได้จากความฝันอันลางเลือน “หน้าเธอคล้ายษามากๆ เลย”


      “มึงทำอะไรแม่กู” ผมถามเสียงดัง 


      “ก็แค่ช่วยให้เธอไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไปไงละ” ร้อยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาแต่ทำไมผมถึงขยะแขยงมัน


      “แก...” ผมกัดฟันกรอดอย่างโกรธแค้น ทำท่าจะกระโจนใส่มันอย่างเหลือดอด


      “อย่า...โย” รอทเข้ามาคว้าตัวผมไว้ กลับเป็นมนุษย์หมาป่าร่างใหญ่กระโจนใส่มันแทน แรงปะทะ นำพาร่างทั้งสองล้มกลิ้งไปชนกำแพงปูนพังครืนลงตรงหน้า ก่อนที่พี่หมอจะเป็นฝ่ายโดนเหวี่ยงกระเด็นล้มตึงอยู่ข้างเรา


      “หึๆ...ดันมีพวกตัวสวะมาป่วนซะได้” ไอ้สารเลวนั่นยิ้มเยอะพลางลุกยืนเต็มสองเท้า “ไว้โอกาสหน้าเราค่อยคุยกันสองต่อสองนะ” ว่าแล้วมันก็วิ่งหายไปทางหลังบ้านในพริบตา


      “ไอ้เหี้ยมึง” ผมดิ้นพล่านให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่ง “ปล่อย กูจะตามไปฆ่ามัน”


      “โย...นายสู้ไม่ได้หรอก ตั้งสติก่อน” รอทพยายามปลอบแต่ผมไม่อยากรับรู้มัน ออกแรงสะบัดตัวจนเราล้มตึงไปกับพื้นยังไม่สามารถดิ้นหลุดจากอ้อมกอดนี้ได้เลย


      “โย...ใจเย็นนะ” ข้าวบอกผมทั้งน้ำตา...ใครมันจะเย็นไหว แม่กูตายทั้งคน


      “ปล่อย...ฮือปล่อยกู ได้โปรด รอท ปล่อยให้กูตามไปลากคอมัน ฮึก...ไอ้สารเลวนั่นกู ฮือ” ผมทั้งด่าทั้งสะอื้น น้ำตาไหลพรากจนไม่อาจเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจน


      “โย...มันไม่ใช่ตอนนี้ ขอร้องละ” เสียงทุ้มสั่นไหว ยิ่งดิ้นรอทยิ่งกอดผมแน่นขึ้น ทั้งจิกทั้งข่วนเพื่อให้มันปล่อยจนแขนนั้นเลือดซึมแต่เหมือนเจ้าตัวกลับเมินความเจ็บนั่นสนใจแค่เพียงผม ดิ้นรนอยู่นานจนสิ้นแรงจึงทำได้เพียงฟุบหน้าสะอื้นกับอกแกร่ง ไม่รู้น้ำตาคนเรามีมากเท่าไหร่ผมร้องไห้ไปนานแค่ไหน เจ้าของอ้อมกอดนี้กับไม่มีปริปากบ่น มือหนาเพียงแค่ลูบหัวเบาๆ อยู่เช่นนั้นคล้ายปลอบประโลมใจที่ว้าวุ่นให้เริ่มสงบ จนในหัวเริ่มว่างเปล่า เหนื่อยเหลือเกินทั้งกายและใจ


...แม่จากไปแล้ว เป้าหมายเดียวในชีวิตได้สูญสิ้นไปเสียแล้ว...

...ผมควรทำยังไงต่อจากนี้...

............................................................................................

      
      “ไอ้โย กินอะไรหน่อยมั้ยมึง” ข้าวหอมถามพลางถือจานข้าวเข้ามาในห้องก่อนนั่งลงบนเตียงข้างๆ ผม


      “กูยังไม่หิวเอาวางไว้บนโต๊ะก่อน” ผมตอบเสียงแหบ แสบคอเป็นบ้า กินอะไรไม่ลงหรอกตอนนี้ เมื่อวานผมร้องไห้จนหลับตื่นมาก็อยู่ที่คอนโดเหลือแต่ไอ้ข้าวที่อยู่เป็นเพื่อนผมจนค่ำอีกวัน ส่วนรอทกับริค กำลังไปสืบดูว่าไอ้คนที่ฆ่าแม่ผมเป็นใคร


      “ตั้งแต่เย็นวานมึงยังไม่กินอะไรเลยนะ” มันทำสีหน้ากังวล “ถ้าขี้เกียจกูป้อนก็ได้ มา!” ว่าแล้วมันก็ตักข้าวผัดในจานจ่อปากผม...ผมได้แต่ส่ายหัว


      “หรือมึงอยากกินเลือด เอาเลือดกูก็ได้นะ” มันต่อรอง ผมก็ยังส่าย


      “เฮ้อ!” ไอ้ข้าวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะวางจานข้าวบนโต๊ะหัวเตียงแล้วขึ้นมานั่งคุกเข่าตรงหน้าผม ก่อนจะจับหน้าผมให้สบตามันตรงๆ ...อะไรอีกละ!?


      “ไอ้โยมึงจะมัวหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ไม่ได้นะ” น้ำเสียงมันจริงจังพอๆ กับสายตาที่มองมา “กูรู้ว่ามึงเสียใจ กูก็เสียใจ ที่มึงเป็นแบบนี้”


      “แล้วจะให้กูทำยังไง” ผมถามมันเสียงเบา “กูไม่เหลือใครแล้ว ต่อจากนี้กูไม่รู้จะทำเพื่อใคร”


      “เหลือสิ มึงยังมีพี่รอท ยังมีกูและตัวมึงเอง ถ้าไม่รู้จะทำเพื่อใครก็ทำเพื่อกูไง ไอ้ธีรก็ตายไปแล้ว กูเหลือมึงคนเดียวแล้วนะเพื่อน” แล้วหยาดน้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาสีดำคู่นั้น “รักตัวเองหน่อยสิวะ ถึงมึงจะไม่ใช่มนุษย์เต็มร้อยแต่มึงเล่นไม่กินอะไรแบบนี้ถ้าตายไปกูจะทำยังไง ฮึก...”


      “เฮ้ย! ร้องไห้ทำไม” มันร้องใหญ่เลยครับ...ผมเลยดึงมันมากอด


      “ก็กูเป็นห่วงมึงนี่...ฮือ”


      “เออรู้แล้วๆ” ผมตบหลังมันเบาๆ ในใจนึกขำที่ต้องมาปลอบมันแทนซะงั้น


      “กลัวมึงฆ่าตัวตาย” ทั้งพูดทั้งสะอื้นเลยไอ้เตี้ย


      “มึงอย่าเว่อร์ กูไม่ทำหรอก” มันยังร้องไม่หยุดเริ่มสงสัยแล้วครับว่าแม่ใครตาย “กูยังไม่ได้แก้แค้นเลยกูไม่รีบตายหรอกน่า” คิดได้แบบนั้นในใจมันเหมือนมีพลังบางอย่าง...รอทบอกผมสู้หมอนั่นไม่ได้แต่ในอนาคตผมต้องแกร่งขึ้นเพื่อที่จะฆ่ามัน


      “จริงหรอ” ...เด็กขี้แยเงยหน้ามองผมตาแป๋ว...มึงแบ๊วมากปะสัส จากใจที่หนักอึ้งกลับรู้สึกดีขึ้นได้ด้วยท่าทางปัญญาอ่อนของมัน


      “เออ!!!”


      “งั้นกินข้าวกินปลาซะ” มันบอกเสียงดัง


      “ครับแม่!” ผมประชด มันทำท่าจะป้อนผม “เฮ้ย! ไม่ต้องกูไม่ได้เป็นง่อย ตักมาทำไมเยอะแยะวะ มึงไปเอาช้อนมาช่วยกูกินสิ” ผมแย่งช้อนจากมือมันมากินเอง มันก็เดินไปหยิบช้อนอีกคันที่ครัวมานั่งกินข้าวผัดจานเดียวกับผม


      กินไปคุยไปว่าจะเอายังไงต่อ อันดับแรกคงเป็นเรื่องกฎหมาย ต้องทำเรื่องโอนทรัพย์สินของแม่มาเป็นชื่อผม ส่วนศพของแม่ว่าจะจัดพิธีฝังเงียบๆ ในพื้นที่ของโบสถ์ซักแห่ง แม่ผมเป็นคริสต์ครับ ส่วนตัวผมเองไม่ได้นับถืออะไร เป็นพวกไร้ศาสนาเพราะผมเชื่อในตัวเองที่สุด เรื่องเรียนผมจะทนให้จบเทอมนี้ค่อยว่ากันว่าจะดรอปไว้ก่อนหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากตามสืบเรื่องไอ้สารเลวนั่นสุดตัวแต่ใจหนึ่งก็อยากเรียนต่อไปตามปกติเพราะมันคือสิ่งที่แม่ต้องการ


      ข้าวหอมเก็บจานไปล้างส่วนผมก็คว้าผ้าขนหนูไปอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเสียหน่อย ถึงมันจะเศร้าแต่คิดซะวะท่านยังอยู่ตรงนี้ในใจหรือเฝ้ามองผมจากที่ไกลๆ มันก็พอทำใจได้ ระหว่างที่แต่งตัวอยู่นั่นไอโฟนผมก็ดังเพราะมีสายเข้า หยิบดูเบอร์ไม่คุ้นเอาซะเลย ใครมันจะโทรหาผมวะ รุ่นพี่หรือเพื่อนที่คณะก็เซฟไว้หมด


      “ฮัลโลครับ”


      /โยนาห์ใช่มั้ย/ ใครวะ!?


      “ช ...ใช่ครับ”


      /ถ้าอยากรู้ว่าคนที่ฆ่าอุษาเป็นใคร และอดีตของเธอเป็นยังไงมาหาฉัน/เสียงปลายสายทำเอาผมคิ้วกระตุก


      “แกเป็นใคร” ผมกดเสียงต่ำ


      /ถ้ามาแล้วจะบอก/ มันต่อรอง คงไม่ใช่ไอ้สารเลวนั่นหรอกนะ มันบอกอยากคุยกับผมสองต่อสองนิ


      “แล้วจะไว้ใจได้ไง ว่าแกไม่ใช่พวกเดียวกับคนที่ฆ่าแม่ผม” ผมเริ่มเสียงดัง ไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะให้ต่อรอง


      /ฉันรู้จักษา ไม่งั้นจะมีเบอร์ได้ไง แต่ถ้ายังไม่ไว้ใจกัน ฉันจะบอกอะไรให้ ว่าสร้อยที่เธอใส่ กับรอยสักที่อก ฉันเป็นคนทำ/ ผมนิ่งคิด ของสิ่งนั้นมันปกป้องผมมาตลอด คนที่ทำคงมีเจตนาดีต่อผม และมันก็ไม่ใช่ทุกคนที่รู้เรื่องนี้นอกจากผมกับแม่และคนสนิท


      “ให้ไปที่ไหน” มาถึงจุดนี้แล้วมันก็ต้องเสี่ยงหากอยากจัดการหมอนั่นผมต้องรู้จักตัวเองให้ดีก่อน


      /มาที่...ผมให้คนรอรับอยู่/ ผมกดวางสายก่อนใส่ชุดพร้อมลุย


      “เฮ้ย! มึงจะไปไหน” ไอ้ข้าวถามเมื่อผมเดินผ่านมันไปใส่รองเท้าอย่างเร่งร้อน


      “ข้างนอก เดี๋ยวกูมา! ไม่ต้องตาม” ผมเบรกมันก่อนจะเปิดประตูออกห้องไปเลย

Talk Talk
[/b]

-โยรับบทหนักมาเลยในบทนี้ ต่อไปจะเป็นอดีตทั้งหมดของโยแล้วนะจ้ะ
เป็นคีย์ สำหรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เขียนเองยังสงสารเลย  :hao5:

-หลังจากนี้ บทรักโรแมนติกอาจน้อยลง เน้น แอคชั่น สืบสวน ดราม่า ประประวัติศาสตร์(ที่แต่งเอง) o22

-ภาพประกอบขอกันมาได้น้ะค่ะ เรามีภาพหนึ่งลงสีอยู่ อิอิ :z1:ต้องใช้เวลาเพราะเราตั้งใจมาก :z13:

-ขอบคุณสำหรับทุกเม้นที่เข้ามาให้กำลังใจ บางทีเราก็เหมือนคนบ้า อ่านเม้นไปยิ้มไป ชื่นใจสุดๆ :L1:



หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 24-07-2015 02:14:43
คนมันไม่มีทางสู้ไง มันเลยใช้วิธีเล่นงานคนที่เรารักแทน แต่ก็ดีแล้วโยนาห์ จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง 
    รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: BoolinMini ที่ 24-07-2015 02:16:18
เฮ้อออ :เฮ้อ: ศึกสายเลือดนี่แหละที่น่ากลัว กลัวใจตัวเองที่จะสงสารคนสายเลือด แต่ก็อย่างว่า ในเมื่อถ้าเราไม่ทำเค้า เค้าก็ต้องทำเรา ต่อไปชักจะเห็นความวุ่นวายขึ้นมาลางๆละ ไหนจะศึกในตระกูล ไหนจะองค์กร ไหรจะเรื่องเลือดผสม ฮึฮึ มันส์พ่ะย่ะค่ะ

ปล.เรื่องดราม่าไม่ค่อยกลัวนะเพราะมันต้องมีทุกเรื่องอยู่แล้ว แม้แต่ในชีวิตจริงเรายังเลือกไม่ได้เลยย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 24-07-2015 03:20:49
จะได้เจอหน้าพ่อแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 24-07-2015 05:59:58
แม่ตายแล้วหรอไม่จริงงงงงงงงงงงงงง

ทำไมพ่อโยไม่เปลี่ยนแม่โยล่ะ


ฮือดราม่าอ่ะ   :ling1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 24-07-2015 06:04:56
แสดงว่าาาาาาาา เดี๋ยวจะเจอคุณพ่อแล้วสินะ!!!!
อดีตของโยต้องเข้มข้นแน่ๆ
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 24-07-2015 06:23:28
สงสารโย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-07-2015 06:28:46
 :hao5:   โย
เราเข้าใจนะว่าคนเขียนพยยายามให้ดราม่ามันไม่หนักมาก เพราะรอพีคตอนเจอพ่อใช่ปะล่ะ
แล้วไอ้ตัวที่บุกเข้าบ้านแม่คือใครอ่า ใช่ที่แหกคุกมาปะ  เดาว่าพ่อบินตามมาแต่ไม่ได้อยู่ด้วยเหรอ
เห้อ รู้สึกว่าแม่โยเลือกทางที่จะเป็นมนุษย์เอง สะกดโยไว้แล้วแยกทาง มันเสี่ยงมากเลยนะเพราะว่าการเป็นคนธรรมดานี่แหละเปราะบางเหลือเกิน

รอชมรูปค่ะ    :mew1: 
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 24-07-2015 07:00:49
รู้สึกไปเองว่าอ่านฉากแม่ตาย สะเทือนใจน้อยกว่าตอนธีร์ตาย
รวบรัดแต่ไม่ร้าวลึก
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 24-07-2015 07:46:07
ง่า คุณแม่ยังไม่ได้เจอหน้าโยเลย เศร้าจัง
โย จะออกไปติดกับอีกฝ่ายหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 24-07-2015 11:26:00
อยากรู้อดีตของโย ลุ้นมากๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-07-2015 15:18:41
ไม่คิดว่าคุณแม่จะไปเร็วขนาดนี้ เวลาเศร้ายังจะไม่มีเลย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-07-2015 02:36:07
รวดเดียวจบ ต้องตามต่ออ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่24 สูญเสีย (hard darma) p9 24/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 27-07-2015 23:53:29

บทที่ 25 อดีตที่หายไป
[/b]


Yonah Say

      Cbr1000 ลูกรักไม่แว้นกันนานคิดถึงจริงจัง เห็นแล้วมันเศร้าครับ มอเตอร์ไซคันนี้แม่ซื้อให้ผมเป็นของขวัญอายุ 17 ยังจำวันที่แม่แอบกลับมาจากทำงานต่างประเทศโดยไม่บอกพร้อมมาเซอไพร์ผมหน้าโรงเรียนด้วยบิ๊กไบท์คันงาม นึกถึงรอยยิ้มสดใสแล้วน้ำตาพาลร่วง พลันบรรยากาศรอบตัวมันหดหู่อย่างห้ามไม่อยู่ การตายของแม่เป็นเรื่องเซอไพร์พอกัน คำบอกรักของท่านยังก้องอยู่ในหูแต่คนพูดดันมาจากไปเสียแล้ว ไม่มีแม้แต่คำล่ำลาใดๆ ด้วยซ้ำ ชีวิตคนเรามันก็แบบนี้ถ้าคุณยังมีโอกาสก็ทำมันให้ดีที่สุด


      “นายจะไปไหน” เสียงไอ้ผัวเวรดังขัดอารมณ์ดราม่า มันเดินมากระชากกุญแจรถไปถือไว้ ผมเช็ดน้ำตาแบบลวกๆ ก่อนส่งยิ้มแห้งๆ ให้


      “ไปธุระ...” ผมว่าพลางพยายามแย่งกุญแจคืน


      “โย!” มันทำเสียงดุ


      “ไปเจอใครบางคนที่รู้เรื่องอดีตของผม” เล่นจ้องกันแบบนี้ถ้าไม่บอกความจริงคงไม่ยอมให้ไปสินะ


      “มันจะไม่เสี่ยงไปหน่อยหรอโย มันอาจเป็นกับดัก เหมือนหมอนั่นจะต้องการตัวนายอยู่ด้วย”รอทว่ามามันก็ใช่


      “นายรู้อะไรมั้ย คนที่ฆ่าแม่ษาผมเคยเห็นมันในฝัน ดังนั้นอดีตของผมมันจึงสำคัญหากผมคิดจะตามหาไอ้สารเลวนั่น” ผมอธิบาย มันไม่มีอะไรจะเสีย ตอนนี้ก็ตัวคนเดียวแล้วหากนี้คือก้าวแรกผมก็พร้อมที่จะเสี่ยง


      “งั้นผมไปด้วย” รอทว่าพลางดึงแขนผมลากไปที่รถ คงปฏิเสธไม่ได้หรอกครับมีมันอยู่ด้วยอย่างน้อยก็อุ่นใจ



      

      เราพากันมาที่ท่าเรือน้ำลึกแถวชลบุรี ดูจากสภาพเหมือนแค่เอาไว้เก็บพวกตู้สินค้าเก่าแต่ไม่มีการใช้งานใดๆ รอทจอดลดตรงกลางลานโล่ง แบบนี้เหมือนเป็นเป้านิ่งเลยให้ตายสิ ผมกวาดตามองไปรอบๆ ท่ามกลางความมืดชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินมาทางเรา พวกมันมีท่าทีตกใจเมื่อเห็นรอท ก่อนจะพยักพเยิดให้เราตามลงไป ผมสัมผัสได้ถึงอมนุษยืตัวอื่นๆ ที่เฝ้ามองเราอยู่รอบนอก คงมากกว่า 30 ตนแน่ๆ ผมเอื้อมไปจับมือรอทไว้อย่างหวาดหวั่น มันบีบมือผมเบาๆ ให้กำลังใจ


      “ไม่ต้องกลัวนะ” ผมยิ้มตอบมัน


      พวกมันนำเรามาถึงตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ที่ถูกดัดแปลงเป็นออฟฟิศ ทันทีที่เปิดเข้าไปเจอชายคนหนึ่งกำลังหันหลังให้เราผมสีเงินยาวทำเอาใจผมกระตุกวูบ...แล้วยิ่งพอหันหน้ามาผมถึงกับตาเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง ผมพุ่งใส่หมอนั่นอย่างลืมตัวแต่โดนรอทคว้าเอวไว้


      “โยใจเย็น หมอนั่นไม่ใช่คนที่ฆ่าแม่นายหรอก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูทำเอาผมประหลาดใจ ทั้งที่คนตรงหน้า เหมือนไอ้สารเลวนั่นทุกระเบียบนิ้ว


      “ใช่!...ตามนั้น” ชายคนนั้นยิ้มกว้างให้ผมอย่างใจดี มันรู้สึกต่างจากเจ้านั่นลิบลับ “อ๊ะ นั่งก่อนสิ”


      เรานั่งลงตรงโซฟากลางห้อง ผมนั่งข้างคุณผัวส่วนเจ้าถื่นนั่งตรงข้าม สัมผัสกลิ่นอายจากหมอนี่ดูดีๆ มันก้คนละคนอย่าที่รอทบอก ถึงจะคล้ายกันมากๆ ก็เถอะ


      “ขอโทษ ตอนแรกผมนึกว่าคุณเป็นคนเตียวกับที่ฆ่าแม่ผม” ผมบอกพลางรับแก้วน้ำจากเขา


      “ฉันจะไปฆ่าคนที่ตัวเองรักได้ไง เสียใจด้วยเรื่องแม่ ฉันเองก็เสียใจเหมือนกัน” ดวงตาสีเทานั้นเศร้าสร้อย ผมกับรอทสบตากันอย่างสงสัย“อ้อฉันยังไม่แนะนำตัวเลยนี่นา ฉัน อัลสไวเดอร์ อาร์เคน”


      “ฝาแฝดบ้านอาร์เคนสินะ เราเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว ผม รอท ซานซิโอ”


      “เธอเป็นอะไรกับโยนาห์”


      “แฟน” ป๊าป! ฟาดแม่งตอบตรงไป...สัส! ไอ้ผัวเวรหันมายิ้มล้อ หน้าแดงสิกู


      “งั้นโยคงรู้แล้วใช่มั้ยเรื่องตัวเองเป็นเลือดผสม” ผมพยักหน้ารับ “สร้อย กับรอยสักละ”


      “จี้สร้อยมันแตกไปแล้วครับ ส่วนรอยสักมีอุบัติเหตุที่ทำให้ผมเกือบตายมันเลยหายไป” เขาเพียงพยักหน้ารับ


      “เรื่องคนที่ฆ่าแม่เธอ หมอนั่นชื่ออาร์วาร์ค เป็นพี่ชายฝาแฝดฉัน เพิ่งจะแหกคุกของสภามาไม่นาน คงร่วมกับซาโตนี่ตามล่าเธอแน่” เพราะแบบนี้ถึงหน้าตาเหมือนกัน “ทางสภาคงตามหามันให้วุ่น หวังวะรอทจะเก็บเรื่องฉันเป็นความลับนะ พวกนั้นคงเหมารวมฉันกับอาร์วาร์คแน่นอน”


      “แล้วจะเชื่อใจได้ไงว่าคุณไม่ได้ร่วมมือกับพี่ชายคุณ แล้วเขาจะตามล่าผมไปทำไม ทำไมต้องฆ่าแม่ผมด้วย” ผมถามด้วยความแคลงใจ


      “ฉันจะตอบทุกอย่าง ก่อนอื่น...เธอรู้สึกว่าฉันเชื่อใจได้หรือเปล่าละ” ตามความรู้สึกได้แต่พยักหน้ารับ


       “เอิ่ม...คุณ” นิ่งคิดไปพักหนึ่งเขาบอกว่ารักแม่ถ้าเดาไม่ผิดคนๆ นี้ “เป็นพ่อผมใช่ไหมครับ”


      “ถ้าตามสายเลือดไม่ใช่ ถึงฉันจะรักอุษามากแค่ไหนแต่เธอก็ยินดีเป็นแค่เพื่อนที่อยู่ดูแลกันและกัน” ดวงตาสีเทามีแววเจ็บปวด “แต่ฉันก็เลี้ยงเธอมาก่อนที่จะแยกกับษา เพราะแม่เธออยากให้เธอใช้ชีวิตแบบมนุษย์ธรรมดา” เขาว่าพร้อมยื่นอัลบัมรูปตอนเด็กให้เปิดดู ผมจำบ้านสีขาวหลังใหญ่นั่นได้ ฝันถึงมันบ่อยๆ


      “ละ...แล้วใครเป็นพ่อจริงๆ ของผมละ” ชายผมยาวมีท่าทีอึดอัดอัดใจ


      “พ่อจริงๆ ของเธอก็คือ อาร์วาร์ค อาร์เคน คนที่ฆ่าแม่ของเธอนั่นละ” เหมือนน้ำเย็นๆ สาดเข้าหน้าให้ชาวาบ นี่ผมต้องตามล้างแค้นพ่อตัวเองงั้นหรอ ไอ้สารเลวนั่นแค่รู้ว่ามีเลือดมันอยู่ในตัวก็รู้สึกขยะแยงเต็มทน “ทำไม...เขาถึง...” เสียงผมหายไปเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ


      “แล้วเรื่องอดีตของโยละ” รอทถามขึ้น


      “เอาทั้งหมดเลยหรอ”


      “ทั้งหมดเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตผมกลายเป็นแบบนี้” ทำไมเสียงผมสั่นจังวะ จากเรื่องพ่อกลับแม่ผมเริ่มกลัวความจริงเข้าแล้วสิแต่อีกใจก็อยากรู้


      “ถ้ามีเวลาฟังก็ยินดี เริ่มที่ตะกูลอาร์เคนของเราเลยแล้วกัน ตระกูลเราต่างจากซานซิโอซึ่งเป็นนักรบ ส่วนเราเก่งเรื่องเวทย์แขนงต่างๆ โดยสืบต่อกันรุ่นสู่รุ่นแต่อาร์เคนมีกฏเหล็กคือไม่แต่งงานกับมนุษย์เธออยากรู้ไหม? ว่าทำไม”


      “ครับผมเคยอ่านเจอในบันทึกตระกูล”


      “อย่างที่รู้ อาร์เคนกับซานซิโอสืบเชื้อสายจากเฮลล่า(เทพีแห่งโลกคนตายในตำนานนอธ)ซึ่งเป็นบุตรีของโลกิหรือลูซิเฟอร์ ถ้ารอทเคยเล่าให้เธอฟังบ้างมันมีตำนานส่วนหนึ่งที่มีแค่ในหนังสือลับของอาร์เคน ว่าลูซิเฟอร์พ่ายแพ้และร่วงหล่นสู่นรกส่วนเทพที่เข้าร่วมตกสู่โลกมนุษย์กลายเป็นอมนุษย์ พระเจ้าได้สร้างเขตแดนกันนรกกับโลกเราไว้ให้ผ่านได้เพียงวิญญาณ เฮลล่าจึงรับปากบิดาตัวเองว่าจะมอบทายาทหนึ่งคนให้เป็นร่างแก่ลูซิเฟอร์ เพราะร่างที่จะใส่วิญญาณได้นั้นต้องมีความเกี่ยวพันทางสายเลือด หากแต่ร่างที่สมบูรณ์ที่สุดคือร่างที่อยู่กึ่งกลางระว่ามนุษย์กับอมนุษย์ นั่นคือเลือดผสม ต้นตะกูลอาร์เคนเป็นพี่จึงรับเอาคำสาบานนี้มาไว้กับตัว ผู้นำตระกูลคนต่อมาไม่อยากสังเวยลูกหลานของตัวเองให้กับคำสาบานนี้จึงตั้งกฎไม่ให้แต่งงานกับมนุษย์เพราะอาจเกิดเป็นเด็กเลือดผสม”


      “ผมคงเป็นสิ่งที่ตระกูลคุณไม่อยากให้เกิดสินะ” สังหรณ์ใจว่าเรื่องวุ่นวายทั้งหมดมันเริ่มจากผมเองสินะ


      “ แต่การนำลูซิเฟอร์ขึ้นมามันก็เป็นหน้าที่มันเหมือนคำสาป ถ้าเธอสังเกตรอท...คนตระกูลอาร์เคนมักมีพลังมหาศาลแต่อายุไขสั้นกว่าตระกูลใหญ่อื่นๆ มาก ส่วนใหญ่อายุร้อยกว่าก็จากโลกนี้ไปหมด ผู้นำตระกูลคนนั้นจึงจัดตั้ง Satanismus Creed ขึ้นเพราะหาวิธีอื่นๆ เพื่อทำหน้าที่ให้สำเร็จแล้วล้างคำสาปนั้นไป แต่แนวทางขององค์กรมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนอาร์เคนบางคนต่อต้านเราจึงถอนตัวออกมาในที่สุด แต่ซาโตนี่ยังดำเนินต่อไปด้วยพวกอมนุษย์หัวรุนแรงที่เอาเรื่องการอันเชิญลูซิเฟอร์มาเป็นข้ออ้างในการฆ่าล้างมนุษย์”


      “คุณจะบอกว่าอาร์เคนไม่ได้เกี่ยวกับซาโตนี่แล้ว!?” รอทถาม


      “ก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอก มีพวกเราในตระกูลบางคนยังเข้าร่วมอยู่” อัลสไวเดอร์ยักไหล่น้อยๆ “ตระกูลเราทั้งสายเลือดหลักและย่อยจึงเหมือนแบ่งเป็นสองฝ่าย”


      “พวกคุณจึงฆ่ากันเองเมื่อสิบกว่าปีก่อนนะเหรอ” คนข้างกายถาม


      “ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก” ทำไมเขาต้องทำหน้าลำบากใจเมื่อมองผมด้วยละ “ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเธอด้วย โยนาห์”


      “ตัวผม!? แล้วพวกคุณเจอแม่ผมได้ยังไง”


      “เราทั้งสองเจอกับษาที่มหาลัยในรัสเซีย แม่เธอมาเป็นนักเรียนทุน ตอนนั้นเรานึกคึกอยากไปใช้ชีวิตในมหาลัยบ้าง เธอเป็นคนน่ารักสดใสใครๆ ก็รัก แม้แต่เราที่ถูกสอนให้ดูถูกมนุษย์ยังรักเธอเลย แต่เหมือนเธอจะชอบอาร์วาร์คมากกว่า ฉันจึงถอยออกมา พวกเขาแต่งงานกันเงียบๆ จนมีเธอ พอโยเกิดออกมาเป็นเลือดผสมเราจึงคิดว่าควรพาหนีไปให้ไกล ให้ท่านพ่อรู้เรื่องไม่ได้และสุดท้ายท่านก็รู้จึงส่งคนตามล่าเธอกับแม่ อาร์วาร์คคิดว่าหนีไปเรื่อยๆ อาจถูกจับได้ในซักวัน จึงเข้าไปต่อรองกับท่านพ่อตรงๆ พี่ถูกบังคับให้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปแล้วถูกส่งไปช่วยงานของสภาในตะวันออกกลางจากนั้นเขาก็เปลี่ยนไป เขาเล็งเห็นว่ามนุษย์ต่างก็ฆ่าฟันกันทำลายล้างทุกสิ่งอย่างไม่คู่ควรกับโลกใบนี้ด้วยซ้ำ อาร์วาร์คละทิ้งความรัก ครอบครัวเขาตั้งใจจะทำหน้าที่ของตระกูลให้เสร็จสิ้นด้วยการสังเวยเธอให้เป็นร่างของลูซิเฟอร์ แต่ฉันไม่เห็นด้วย การที่คำสาบานนั่นเป็นจริงมันหมายถึงหายนะ สงครามจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ต้องมีอีกกี่คนที่ล้มตาย” คิ้วหนาขมวดมุ่นพูดท้ายประโยคอย่างเคร่งเครียด


      “มันอาจจะเป็นแค่ตำนานไม่เป็นจริงก็ได้” ผมถามออกไปงั้นแหละ...มันดูเวอร์เกินไปแล้วนะ


      “แล้วการที่มีพวกเราอยู่บนโลกกับเธอที่เป็นเลือดผสม คิดว่าใช่ตำนานหรือเปล่าละ ตอนเธอสามขวบอาร์วาร์คลักพาตัวเธอไปจากบ้าน เพื่อไปทำพิธีในเขตของซาโตนี่ ฉันกับคนในตระกูลและพวกสภาบางส่วนจึงตามไปช่วยจนต้องสู้กับพวกนั้น สงครามย่อยๆ ครั้งนั้นทำให้คนของตระกูลเราล้มตายไปเกือบหมดแม่แต่ท่านพ่อ แต่อาร์วาร์คแข็งแกร่งเกินไป เพราะเราทั้งคู่ทำงานให้สภามาตั้งแต่เด็กฝึกฝนมาอย่างดี อีกทั้งยังได้รับการถ่ายทอดภูมิเวทต่างๆมาจากต้นตระกูล มีหนึ่งคนคิดจะหยุดทุกอย่างด้วยการฆ่าเธอทิ้งซะ เขาจู่โจมเธอในช่วงชุลมุน อาร์วาร์คจึงเข้าใจว่าเธอตายไปแล้วเพราะเห็นเธอนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น พอดีกับสภาที่พาคนบุกเข้ามาเพิ่มฉันจึงอาศัยจังหวะนั้นพาร่างเธอออกมา ส่วนอาร์วาร์คก็ถูกจับและขังไว้ในนิฟเฮมอย่างที่เธอรู้ ฉันพาเธอกลับมาหาอุษา แม่เธอเสียใจมาก แต่ปาฏิหาริย์ยังมีเพราะเธอยังไม่ตายถึงจะสาหัสเต็มที” ดวงตาสีเทามองผมด้วยอารมณ์หลากหลาย “ทุกคนคิดว่าเธอตาย เพื่อป้องกันเธอจากพวกซาโตนี่ ฉันจึงตัดสินใจผนึกส่วนที่เป็นแวมไพร์ของเธอไว้แล้วให้อุษาพาเธอหนีกลับมาอยู่ไทยเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะเด็กธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก และคอยให้ความช่วยเหลือเธอกับแม่อยู่ห่างๆ เพราะพยายามกันเธอให้ห่างจากโลกของอมนุษย์ให้มากที่สุด”


      ฟังทุกอย่าจบภายในห้องพลันเงียบงันไม่มีใครพูดอะไรต่อส่วนผมได้แต่ก้มมองมือตัวเองที่บีบกันแน่น เสียงผมแหบแห้งไป ราวกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ในหัวมันเหมือนมีอะไรมากระแทกหนักๆ อดีตของผมมันมากมายเกินกว่าจะจินตนาการ เพราะงี้สินะความทรงจำในวัยเด็กของผมจึงเลือนลาง การมีอยู่ของผมต้องสังเวยชีวิตผู้คนไปมากมาย แม่ตายเพราะผม แม้กระทั้งไอ้ธีรก็ด้วย...พลันรู้สึกร้อนผ่าวตรงดวงตาแต่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้...เป็นคุณจะรู้สึกอย่างไรที่รู้ว่าตัวเองนำหายนะมาสู่คนรอบตัว


      “คุณน่าจะปล่อยให้ผมตาย”


      “โยนาห์...คนเราเลือกเกิดไม่ได้หรอก” อัลสไวเดอร์บอกพลางตบไหล่ผมเบาๆ “ทุกคนรวมทั้งอุษาทำทุกอย่างเพื่อให้เธออยู่รอด อย่าคิดว่าชีวิตตัวเองไร้ค่าสิ รักษามันไว้ดีๆ อย่างน้อยก็เพื่อแม่ที่มองเธอจากบนฟ้าไง” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้ คำพูดหล่านั้นเตือนสติผมว่าไม่ควรทำให้แม่ต้องตายเปล่า


      “ใช่...ถ้านายไม่อยู่แล้วผมจะทำยังไง” รอทว่าสายตาจริงจัง...ทำไมมึงต้องยิ้มหล่อด้วยวะ


      “แล้วผมต้องทำยังไงต่อไป”


      “จุดเริ่มของเรื่องนี้คือเธอกับพ่อของเธอ”


      “ผมไม่อยากเรียกมันว่าพ่อ” ผมขัดเสียงแข็งรังเกียจเกินจะยอมรับ ครอบครัวคนเดียวที่ผมรู้จักคือแม่ไม่ใช่ไอ้สารเลวที่ทำให้ผมเกิดมา


      “เอิ่ม...สรุปง่ายๆ คือ กำจัดอาร์วาร์ค ทุกอย่างก็จบ” เขาบอก ซึ่งนั่นก็ตรงกับความคิดผมเช่นกัน


      “แต่เจ้านั่นเจอผมกับริค หมายถึงลูกชายบ้านเดอลาครัวซ์แล้ว คงจะระวังตัวมากขึ้นไม่บุกเข้ามาหาโยตรงๆ แน่นอน” รอทบอก


      “งั้นก็คิดซะว่าเหลือเวลาให้เราเตรียมตัว อาร์วาร์คมีซาโตนี่คอยช่วย คงไม่ง่ายหรอกถ้าจะเข้าถึงตัว” ดวงตาสีเทาจ้องมาที่ผมอย่างครุ่นคิด “เธอต้องฝึก”


      สำหรับชีวิตผมในตอนนี้ กลับมาสู้โหมดปกติเหมือนเมื่อก่อนตอนเจอรอทใหม่ๆ เรื่องเรียนผมไม่ได้ดรอปครับเพราะพ่อไม่ยอมเนื่องจากเป็นสิ่งที่แม่ษาต้องการ ท่านอยากให้ผมได้เรียนได้รับปริญญาเหมือนวัยรุ่นทั่วไป...พ่อ!?...ผมหมายถึง อัลสไวเดอร์ เขาขอให้ผมเรียกแบบนั้นเหมือนตอนเด็กๆ ช่วงที่เขาดูแลผมกับแม่หลังจากเกิดเรื่อง ผมเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะการใช้ชีวิตร่วมกับเขาความทรงจำตอนเด็กก็เริ่มกลับมาและผมก็รู้สึกว่านี่คือคนในครอบครัวจริงๆ...ไม่ใช่ไอ้สารเลวอาร์วาร์คนั่น พ่อได้บ้านหลังใหญ่พื้นที่กว้างในการซ่อนตัวแต่อยู่ใกล้ๆ มหาลัยซึ่งผมก็ย้ายไปพักที่นั่น แน่นอนไอ้ผัวตัวแสบมันงอแงไม่ยอม เก็บเสื้อผ้าตามมาด้วยเช่นกัน


...คืนไหนไม่ได้นอนกอดคุณผมคงขาดใจ... แม่งเว่อร์! คุณก็รู้มันนอนกอดอย่างเดียวที่ไหนละ


      ผมช่วยรอททำงานล่าบ้างเป็นการฝึกตัวเอง บางทีพ่อก็สอนวิทยาการเจ๋งๆของอาร์เคนให้ผม ตอนนี้ก็พอเข้าใจระบบการเขียนวงเวทย์ เล่นแร่แปรธาตุและพิธีกรรมบางอย่าง สกิลต่อสู้อื่นๆ ฝึกบ้างประปราย แต่ไม่ยากเท่าไหร่แค่ปล่อยไปตามสัญชาติญาณ  อ้อตอนนี้ผมเข้าใจเรื่องการควบกลิ่นไอตัวเองพอสมควร มันขึ้นอยู่กับสภาพอารมณ์และสมาธิ แต่ก็ยังต้องใส่สร้อยไว้อยู่ พวกซาโตนี่เหมือนจะเงียบหายไป พ่อบอกว่าคนอย่างอาร์วาร์คเกลียดความผิดพลาดหมอนั่นจะไม่จู่โจมท่าไม่มั่นใจ ยิ่งใกล้ตัวผมมีเลือดบริสุทธิ์ อยู่ด้วยถึงสามคนแถมกองกำลังที่พ่อรวบรวมไว้คงมีเวลาตั้งรับไปอีกนาน แต่ก็คงประมาทไม่ได้ คงเคยได้ยินใช่มั้ยคำกล่าวที่ว่า

...พายุมักมาหลังลมสงบ...



Talk Talk
[/b]

-ได้รู้อดีตของโย ซักทีนะ หลังจากคุมเครือมานาน  :fire:

-เรื่องของฝาแฝดอาร์เคนช่างตรงกับสิ่งที่ว่า ความรัก เริ่มต้นทุกอบ่างจริงๆ ทั้งสุขและทุกข์ :katai1:

-บทนี้ค่อนข้างใช้เวลาเพราะต้องเรียบเรียงทำพูดตัวละครค่อนข้างละเอียด แอบกลัวว่ามันจะเยอะจนงงกันหรอเปล่า เอาเป็นว่าต่อไปถ้าไม่เข้าใจตรงไหนโพสถามกันนะ :katai4:

-อยากได้ตอนพิเศษไว้พักกันมั้ยจ๊ะ ถ้าอยากได้รีเควสมาซักนิด หรือจะอัดเนื้อเรื่องหลักยาวๆ บอกได้ๆ

-ขอบคุณทุกเม้นที่เข้ามาให้กำลังใจมันช่างคุ้มค่ากับการที่เราใช้เวลาในไวใสร่วมรวมข้อมูลต่างๆ แล้วดัดแปลงขึ้นเป็นเรื่องนี้ เรามีความสุขจริงๆ ที่ทุกคนสนุกกับมัน ขอบคุณนะค่ะ :กอด1:

      

      

      

      
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: BoolinMini ที่ 28-07-2015 00:26:54
ตอนแรกนึกว่าเป็นแค่ลุงที่ฆ่าแม่ แต่ช๊อคตรงที่เป็นพ่อแล้วฆ่าแม่นี่แหละ ชีช้ำกะหล่ำปลี แค่สายเลือดเดียวกันทำร้ายกันยังว่าเศร้าแล้ว มาเจอแบบนี้ไปไม่เป็นเลยทีเดียว ต่อไปรอดูความแข็งแกร่งของโยนะ รอค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 28-07-2015 00:44:19
ยังคิดอยู่ว่าอัลสะไวเดอร์เป็นพ่อของโยนาห์ ไม่ใช่อาร์วาร์ค
ขำพี่รอท ตามไปอยู่บ้านเมียให้เหตุผลเสี่ยวมากพี่รอท ๕๕๕
รอ รอ รออ่านตอนใหม่ มาเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-07-2015 01:26:29
เข้มแข็งนะโย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-07-2015 06:02:34
รันทดแท้ๆเลยโย
ยิงยาวเลยดีกว่ากำลังเข้มข้นเลย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 28-07-2015 07:39:23
ตอนแรกคิดว่าแฝดของพ่อมาฆ่าแม่ แต่ที่ไหนได้เป็นพ่อเป็นคนฆ่าแม่

แล้วอาดันเป็นคนช่วยเหลือโยกับแม่ไปได้ อ๊ากกกกก


ลุ้นจริง ๆ เรื่องราวชักจะดราม่า+บู้ล้างกระจ่ายแน่ งานนี้ต้องรออ่านตอนต่อไปอย่างเดียวสินะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 30-07-2015 00:40:01
ว้าววว เรื่องซับซ้อนมาก รออ่านต่อค่าาา
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-07-2015 00:53:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-07-2015 03:19:27
เห้อ!! สงครามมม
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่25 อดีตที่หายไป (ของโยนาห์) p9 27/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 02-08-2015 11:26:33
บทที่ 26 ลองกินุส
[/b]

Yonah Say


      ชีวิตปีหนึ่งผ่านไปจนหมดเทอม เรื่องอาร์วาร์คและซาโตนี่เหมือนสายลมที่พัดผ่านไปเช่นกัน เพียงแต่สายลมนี้อาจก่อตัวเป็นพายุร้ายรอเวลาจะพัดกระหน่ำอีกหน ผมมองสำรวจรอยแดงนับไม่ถ้วนบนตัวที่เกิดจากการฝึกซ้อม รอยฟกช้ำ ขีดข่วน เหล่านี้คงหายสนิทไม่เกินวัน แต่อาการปวดเมื่อยกับบอบช้ำภายในนี่สิ น่ารำคาญเกินทน จนต้องดื่มเลือดบ่อยขึ้นเพราะอาหารของมนุษย์ให้พลังงานไม่เพียงพอ แต่ทั้งหมดใช่ว่าจะเสียเปล่า คล่องเคล่วจนหลบกระสุนได้เฉียดฉิว รวมไปถึงการต่อสู้ระยะประชิดที่ถ้าไม่ใช่มือดีของพ่อผมก็ล้มได้สบาย และที่สำคัญผมเป็นนักแม่นปืนตัวยงอาจเพราะบ้าเกม fps เป็นทุนเดิมเลยสนใจเรื่องลั่นไกเป็นพิเศษ


      “ข้าววว กูอยากกินยำมาม่าใส่กุ้งเยอะๆ” ผมออดอ้อนไอ้เตี้ยที่นั่งดูทีวีสบายใจโดยยึดตักมันเป็นหมอน


      “ทำไมกูต้องทำ เลือดในตู้ก็ไปเอามากินดิวะ” ด่าเสร็จตบหัวกูด้วยเพื่อนเวร


      “แม่งมีรสชาติเดียวน่าเบื่อจะตาย” ยังอ้อนวอนงอแง จนมันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ “หรือมึงไม่หิว นี่จะค่ำแล้วนะเว้ย”


      “เออก็ได้” มันผลักหัวผมออกจากตักก่อนเดินลงส้นเข้าครัวไป


      ข้าวมันย้ายมาอยู่กับผมที่บ้านนี้ไม่ต้องถามเนอะว่าหมอตามมามั้ย ทำให้บ้านหลังใหญ่นี้ดูคึกครื้นขึ้นมาเลย อบอุ่นดีครับสะท้อนให้เห็นเลยว่าลึกๆ ผมอยากจะมีครอบครัวอย่างคนทั่วไปขนาดไหนถึงปากจะบอกไม่เป็นไรก็เถอะ บ้านหลังที่ผมอยู่เรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ย่อมๆ บริเวณกว้างขวางกินพื้นที่กว่าสิบไร่ มีบ้านหลังย่อยๆ ให้คนของพ่อพักอยู่ด้วย พลังเงินนี่น่ากลัวจริงเพราะท่านเพิ่งย้ายมาไม่นาน อีกทั้งยังซ่อนเร้นจากสภากลางได้อย่างน่าอัศจรรย์หรืออาจเป็นเพราะรอทที่กันไม่ให้ใครเข้ามายุ่งเสียมากกว่า


      มองดูบนโต๊ะแล้วช่างขัดแย้งกับอาการไม่อยากทำของไอ้ข้าวเสียจริง ยำมาม่าของผม แกงจืด ซี่โครงหมูทอด ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ข้าวสวยอีกหม้อ อื้ม...มึงคงไม่ได้ประชดกูใช่เปล่า กินกันแค่สามคน พ่อกับรอทก็ได้เลือดสีแดงขั้นไปกันคนละแก้วรวมถึงผมด้วย แต่อยากกินข้าวมากกว่า คิดซะว่ากินน้ำแดงไรงี้


      “ปิดเทอมกันแล้วใช่ไหม” พ่อถามขึ้นเมื่อเราทุกคนอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างพร้อมหน้า


      “ครับ ปิดเทอมใหญ่ 2 เดือน” ผมตอบพลางยกแก้มน้ำแดง? ขึ้นจิบ “ทีนี้ผมก็มีเวลาตามหาอาร์วาร์คจริงจังซักทีสินะ”


      “ลูกคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วหรอ”


      “พ่อเป็นคนบอกเองว่าไอ้สารเลวนั่นยังนิ่งเพราะต้องรวบรวมคนแล้วก็ฟื้นฟูตัวเองที่ถูกขังมานาน พ่อคิดจะปล่อยให้มันแข็งแกร่งกว่านี้หรอครับ” ผมแย้ง


      “แต่ลูกจะฆ่ามันได้หรอกำลังเราก็ยังเท่านี้” ดวงตาสีเทาจ้องผมจริงจัง


      “ผมไม่ได้บอกว่าจะด้วยตัวเอง ผมรู้ตัวดีว่ายังไงก็เทียบเลือดบริสุทธิ์แท้ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเราทุกคนช่วยกัน ต้องฆ่าไอ้สารเลวนั่นได้แน่” ผมมองหน้าพ่อ พี่หมอ แล้วก็รอท “ขอแค่มันตาย ผมไม่เลือกวิธีการ”


      ทุกคนบนโต๊ะต่างเงียบจนรู้สึกผิดที่ทำมื้ออาหารกร่อยไป เอาจริงๆ เรื่องอาร์วาร์คมันทำให้ผมฮึดขึ้นมาทำอะไรหลายๆ อย่างลึกๆ แล้วแม้แต่วันเดียวผมก็รอไม่ได้


      “ผ...ผม ขอโทษ”


      “ไม่เป็นไร ที่ลูกพูดมามันก็ถูก ยิ่งรอนานก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น” พ่อวางแก้วเปล่าๆ ลงบนโต๊ะก่อนจะเรียกลูกน้องมาแล้วสั่งบางอย่าง “การหาตัวอาร์วาร์คนะไม่ยากแต่การเข้าถึงนั้นยากกว่า”


      “แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนครับ” รอทถามขึ้น


      “ปราสาทหลังเก่าของอาร์เคน ในป่าดำตอนใต้ของเยอรมัน ป่าดำ” พ่อว่าพลางรับม้วนกระดาษแผ่นใหญ่จากลูกน้องก่อนจะกางลงบนโต๊ะอาหารเป็นแผนที่วาดด้วยหมึกดูเก่ามากๆ แต่สวยดี


      “ทำไมถึงแน่ใจละว่าเป็นที่นี่” รอมถามตาก็มองแผนที่บนโต๊ะเก็บรายละเอียด


      “การทำพิธีถ่ายวิญญาณต้องใช้ประตูนรก พวกเธออาจจะเคยเห็นมาแล้ว งานศิลปะของโรแดง นั่นเป็นแบบจำลอง แต่ของจริงมี 2 อัน อันแรกโดนทำลายทิ้งไปแล้วตอนบุกไปช่วยโยที่คฤหาสก์อาร์เคนในรัสเซีย ส่วนอีกอันอยู่ในปราสาทหลังเก่านี่แหละ” พ่อว่าพลางวางรูปถ่ายงานประติมากรรมนูนต่ำเป็นฉากนรกภูมิของโรแดงลงบนโต๊ะ ที่ตอนนี้ถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว “นี่เป็นแผนที่ดั้งเดิมของปราสาท ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาล้อมด้วยกำแพงเหล็ก ต้องเดินเท้าเข้าไป แต่ประตูมีแค่ผู้นำตระกูลในแต่ละรุ่นเท่านั้นที่เปิดได้ ซึ่งรุ่นนี้ก็คืออาร์วาร์ค” 


      “เราก็เข้าจากบนฟ้าก็ได้นิ” ผมเสนอ...โรยตัวลงมาแบบสายลับในหนังอะไรประมาณนั้น


      “เขตอาคมที่กั้นไว้ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคทุกประเภทไม่ทำงาน ช่วยอำพรางสายตาคนภายนอก ทำให้ลอดจากตาวเทียม ดังนั้นจะเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์บินเข้าเขตจะตกทันที” คนอาวุโสที่สุดอธิบาย “จะเข้าไปได้คือเดินเท้าเท่านั้น...ช่วยไปหยิบพิมพ์เขียวของปราสาทที่โต๊ะทำงานให้ที” พ่อหันไปสั่ง


      “แต่ถ้าเราเข้าไปตรงๆ กว่าจะถึงตัวอาร์วาร์คคงจะเสียกำลังคนไปเยอะ มั่นใจว่าเจ้านั่นคงเกณฑ์คนของซาโตนี่มาคุ้มกันแน่นอน” ที่พี่หมอพูดมันก็มีเหตุผล “พอจะมีทางอื่นหรือเปล่า”


      “ก็มีนะ ขอบคุณ!” พ่อรับพิมพ์เขียวมาวางลงบนโต๊ะ “ในชั้นใต้ดินของปราสาทจะเชื่อมต่อด้วยถ้ำาจากภายนอกตรงจุดนี้” ว่าแล้วก็ก็มาคลงบนแผนที่ป่าซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของปราสาท “จะเชื่อมมาที่คุกใต้ดินซึ่งมีกำแพงหินเป็นกลไกลบังไว้ตรงห้องนี้” แล้วพ่อก็มาคลงบนพิมพ์เขียวอีกที


      “ไม่คิดว่าจะมีคนเฝ้าอยู่หรอ”


      “ไม่แน่ใจ แต่ทางนี้คนอื่นไม่มีใครรู้ ฉันไปเจอโดยบังเอิญเมื่อตอนหนุ่มๆ ที่เข้าไปหาของในนั้น” เขายักไหล่ ดูมั่นใจพอตัว “จากจุดนี้ขึ้นไปแค่สามชั้นก็จะถึงห้องพิธีซึ่งประตูนรกอยู่ที่นั่น ต่อให้ไม่เจออาร์วาร์ค ทำลายศิลานั่นทิ้งก็หยุดเรื่องนี้ได้เหมือนกันต่อให้อาร์วาร์คไม่ตาย เพราะศิลปะประตูนรกชิ้นนี้ต้องเข้าพิธีและใช้เวลาสร้างหลายร้อยปี คงไม่สามารถเริ่มพิธีได้อีกจนกว่าจะสร้างอันใหม่”


      “แล้วไอ้สารเลวนั่นละ จะฆ่ามันยังไง” ผมถาม...ในใจไม่ได้สนเรื่องตำนานห่าเหวนั่นอยู่แล้ว แค่อยากให้มันตายก็เท่านั้น


      “เราอาจต้องหาตัวช่วย เพราะอาร์วาร์คผ่านพิธี vigorous มาแล้ว รวมกับการเป็นเลือดบริสุทธิ์ทำให้แข้งแกร่งพอตัว” ผมจำได้...ไอ้พิธีที่ผมเกือบเอาชีวิตไปทิ้งในฐานะเครื่องสังเวยของกรกฎ “หอกลองกินุส อ่า...ฉันหมายถึงหอกศักดิ์สิทธ์ เธอคงเคยจะได้ยินมาบ้าง ว่าใช้ปลิดชีพพระเยซูตอนตรึงกางเขน ว่ากันว่าอณุภาพของมันฆ่าได้แม้แต่บุตรของพระเจ้า ถ้าใช้สิ่งนี้คงช่วยให้ฆ่าเจ้านั่นได้ง่ายขึ้น”


      “หอกลองกินุส ตอนนี้น่าจะถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงเวียนนาออสเตรีย” หมอบอก “ไอ้ที่โชวเป็นของปลอม ส่วนของจริงอยู่ชั้นใต้ดิน ภายใต้การรักษาความปลอดภัยที่คุมเข้มด้วยเทคโนโลยีทางทหารของมนุษย์ที่อมมนุษย์เองก็ไม่ควรประมาท”


      “แต่เราต้องได้มันมาก่อนที่จะบุกไปปราสาทอาร์เคน” ผมบอก พี่หมอหันไปปรึกษาเมียที่นั่งเงียบมาตลอดก็ขานอาสา


      “เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง

      
      “เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะรวมพลกันที่รัฐบาเดิน–เวิอร์ทเทมแบร์ก ตอนใต้ของเยอรมัน จะอยู่ที่นั้นซัก2-3 วันเพื่อเตรียมการต่างๆ แล้วคุณเดอลาครัวซ์ก็มาสมทบอีกทีแล้วเข้าไปป่าดำพร้อมๆกัน”


      “แล้วเราจะไปกันวันไหน” รอทถาม


      “มะรืนนี้เลยแล้วกัน”ทุกคนพยักหน้ารับทราบ พ่อจึงเก็บเอกสารบนโต๊ะทุกอย่างแล้วขอตัว ท่านบอกต้องรีบจัดการเรื่องพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบินและที่พักของเราทั้งหมด ...แต่แปลกใจที่รอทก็เดินตามออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มีอะไรกันหรือเปล่านะ




      ห้องอาหารกลับมาเงียบสงบหลังจากบรรยากาศตึงเครียด ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ไอ้ข้าวมองผมสลับกับพี่หมอ ผมรู้ว่ามันจะพูดอะไร


      “กูไม่ให้มึงไป” ผมบอกมัน...ครั้งนี้ มันอันตรายเกินไป


      “กูรู้...กูคงทำอะไรไม่ได้” มันว่าเสียงหงอย


      “พี่ก็ไปแทนเราไง ช่วยโยแทนส่วนที่เราอยากช่วย” พี่หมอว่าพลางขยี้หัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู “ส่งกำลังใจให้พี่แค่นั้นก็พอแล้ว”


      “ใช่ แค่กำลังใจ แค่รู้ว่ามึงปลอดภัยนั่นคือสิ่งที่กูต้องการ” ผมย้ำ “แล้วพี่หมอจะไปวันไหนครับ”


      “พรุ่งนี้เลยแล้วกัน” หมอริคว่าพลางดึงมือข้าวหอมลุกขึ้น “ไปกลับ พี่ต้องไปเตรียมของ” ทั้งคู่หันมาลาผมก่อนจากไป




      ตอนนี้เรามารวมตัวกันที่สนามบินรวมคนของพ่อด้วยก็เกือบยี่สิบ พ่อบอกคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่โซนยุโรปจะตามไปสมทบที่บาเดิน–เวิอร์ทเทมบิร์ก พวกอาวุธยุทโธปกรเหมือนส่งไปกับเครื่องบินสินค้าก่อนหน้าแล้ว ไอ้ข้าวมาส่งผมที่สนามบินด้วยครับ ไม่ได้ไปกับผัวมันเพราะคงไม่รู้จะบอกกับที่บ้านยังไง ตอนนี้มันเกาะผมแจเลยเหมือนเด็กน้อยที่กลัวโดนพ่อแม่ทิ้ง เราเดินเรื่อยๆจนถึงที่เช็คอิน ผมหันไปมองหน้ามันที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ก่อนดึงมันมากอดไว้แน่น


      “สัส ทำอย่างกับกูจะไปสงครามอีรัก” ผมพูดกลั้วหัวเราะ “กูไม่ได้ไปตาย”


      “แม่งเหี้ยกว่าสงครามอีรัก” มันตอบเสียงอู้อี้พลางซุกไหล่ผมแน่น


      “โยนาห์ไม่มีคำว่าพลาดมึงก็รู้”


      “เออ...กูรู้ กลับมาหากูนะ มึงต้องกลับมาเป็นๆ นะ” อ่าว...ร้องอีกละ ขี้แยจริงไอ้เตี้ย


      “กูต้องไปแล้ว” มันพยักหน้ารับ ผมผละออกมาก่อนจะคว้ากระเป๋าลากไปที่ทางเดินกับทุกคน ไม่วายหันกลับไปมองมันที่โบกมือให้ ไม่รู้สิ...ทำไมรู้สึกใจหายชอบกล เหมือนกับว่าถ้าผมหันหลังไปแล้วจะไม่ได้เจอมันอีกเลย ไม่หรอก อาจเพราะผมกลัว หยุดเดินแบบไม่รู้ตัว รอทคว้าจับมือของผมดึงสายตาให้มองมัน ที่บอกเบาๆ ว่า...ยังมีมันอยู่ข้างผม...ผมรู้ว่าตัวเองต้องเจออะไรที่ยากที่สุดในชีวิตแน่ต่อจากนี้  แต่ไม่พร้อมตอนนี้แล้วจะพร้อมตอนไหนละจริงไหม


Talk Talk
[/b]

-เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้น บางทีข้อมูลอาจเยอะเกินไป ไม่เข้าใจจุดไหน หรืออยากให้เราอธิบายเพิ่มเกี่ยวกับอะไรบอกได้นะค่ะ :z13:

-ต้องขอโทษจริงๆ ที่อัพช้าเนื่องจากวันหยุดยาวที่ผ่านมาเราไปต่างจังหวัดอีกทั้งยังวุ่นวายเรื่องงานแสดงที่หอศิลป์ อาจทำให้ท่านผู้อ่านรอนานและรู้สึกขาดช่วย อย่าโกรธกันเลย :mew2:

-ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ เราก็ไม่คิดเหมือนกันว่านิยายแนวเราจะอยู่ในบอร์ดนี้และมีคนชอบ ด้วยไสตลืที่ไม่ได้โรแมนติกจ๋า แต่ก็ชื่นใจทุกครั้งที่อ่านเม้น และรู้ว่ามีคนสนใจในสิ่งที่เราทำมันช่างมีความสุข :pig4:



      

      
   
      
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่26 ลองกินุส(หอกศักดิสิทธฺ์) p10 2/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-08-2015 11:52:00
เอ่อ ขอโทษนะแต่ลงผิดตอนหรือเปล่า
งงว่าทำไมอยู่ดีๆผ่านไปปีนึงรอทคุยกับพ่อปกตืแถมมีบ้านใหม่ซะด้วย งงจุง.  :ling1:   
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่26 ลองกินุส(หอกศักดิสิทธฺ์) p10 2/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 02-08-2015 12:02:27
เอ่อ ขอโทษนะแต่ลงผิดตอนหรือเปล่า
งงว่าทำไมอยู่ดีๆผ่านไปปีนึงรอทคุยกับพ่อปกตืแถมมีบ้านใหม่ซะด้วย งงจุง.  :ling1:

ชีวิตปีหนึ่ง หมายถึงโย ทนเรียนจบเทอมอะค่ะ จบปีหนึ่งจะขึ้นปีสอง ส่วนบ้าน ก็กล่าวไว้ว่าซื้อในตอนที่แล้วค่ะ เราอาจเขียนไม่เคลียเองเนอะ ขอโทษๆ ขอแก้แปป
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่26 ลองกินุส(หอกศักดิสิทธฺ์) p10 2/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 02-08-2015 15:02:01
เตรียมเสบียงไว้เชียร์น้องโย #งานยากต้องมา
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่26 ลองกินุส(หอกศักดิสิทธฺ์) p10 2/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2015 23:50:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่26 ลองกินุส(หอกศักดิสิทธฺ์) p10 2/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-08-2015 00:30:01
สู้โว้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่26 ลองกินุส(หอกศักดิสิทธฺ์) p10 2/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 05-08-2015 21:33:10
บทที่ 27 ข่าวร้าย
[/b]

   Yonah Say

      ตอนนี้เรามาถึงเยอรมันแล้วครับ พักกันอยู่ที่เมือง ทิทิเซ นอยสตัท(Titisee-Neustadt) หนึ่งในเมืองเล็กๆ ที่กระจายตัวอยู่ในป่าดำรอบนอก ในเขตรัฐบาเดิน–เวิอร์ทเทมบิร์ก ริมทะเลสาบทิทิเซที่แสนสงบ ท่ามกลางป่าสนและอากาศในช่วงซัมเมอร์ที่ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ที่นี่เจริญไม่น้อยจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุสาหกรรมป่าไม้สน สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้คงเป็นไร่องุ่น คงจะดีหากได้ลองชิมไวน์ที่นี่ อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของนาฬิกานกกาเหว่าอีกด้วย แต่นี่ไม่ใช่เวลามาท่องเที่ยว หากผมสะสางเรื่องนี้เสร็จตั้งใจจะมาพักผ่อนที่นี่อีกซักครั้งในชีวิต


      “ชอบที่นี่ไหม” แขนแกร่งกอดรัดผมที่กำลังทอดมองทะเลสาบตรงหน้า


      “ชอบสิ สงบดี อื้อ” ผมตอบพลางหลบจมูกรอทที่ไล่ฟัดแก้มนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว “รอท...มีอะไรจะถาม”


      “อะไรครับ”


      “วันนั้นคุยอะไรกับพ่อ” ดวงตาสีฟ้าเสมองไปทางอื่น บอกชัดเจนว่ามีอะไรปิดบัง “บอกมาเถอะ เป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ” ออดอ้อนเสียงแผ่ว และมันก็ใจอ่อน


      “เรื่องหอกลองกินุส” รอทตอบพร้อมถอนหายใจหนักๆ “มันไม่ได้เอาไว้ฆ่าอาร์วาร์คหรอก ถึงหมอนั่นจะแกร่งแต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธทรงอณุภาพขนาดนั้น”


      “แล้วมันเอาไว้ทำอะไรละ”


      “ฆ่าร่างทรงในกรณีที่ลูซิเฟอร์ถูกเชิญขึ้นมาจริงๆ” มือสากลูบใบหน้าผมแผ่วเบา “พ่อนายอยากเผื่อไว้ ถ้าทุกอย่างผิดพลาด เขาจะได้หยุดเรื่องนี้ได้ ด้วยการฆ่า...บ้าเอ้ย มันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกน่า” ใบหน้าคมดูหงุดหงิด ริมฝีปากบางเม้มแน่น ลึกๆ แล้วผมก็กลัวเรื่องนี้ไม่แพ้กัน


      “ถ้าสมมุติ มันเกิดขึ้นจริงๆ” เสียงผมสั่น “นายจะฆ่าลูซิเฟอร์ได้หรือเปล่า”


      “โย!! มันจะไม่...”


      “ผมไม่อยากให้ร่างกายนี้ต้องไปทำอะไรที่เลวร้าย สัญญาได้ไหม หากถึงเวลานั้น นายจะหยุดมัน” ดวงตาสีฟ้าไหวระริก “ผมเชื่อว่ารอทที่ผมรู้จักแข็งแกร่งพอ ได้โปรด...”


      เราสบตากันอยู่นาน อารมณ์มากมายส่งผ่านทางแววตา รักมากก็กลัวมาก ห่วงมาก กังวลมาก หากเราทั้งคู่เป็นแค่คนธรรมดาคงจะดี ไม่ต้องแบกรับสิ่งใด แต่ถ้าผมไม่ใช่โยนาห์คนนี้ไม่ได้หลงมาในทางแห่งรัตติกาลนี้ ก็คงไม่เจอรอท ถึงทุกคนจะย้ำว่ามันต้องสำเร็จแต่ก็ไม่อาจมั่นใจในโชคชะตา รอทกอดเอวผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกลับกลัวว่าผมจะหายไป


      “รอท...”


      “มันจะไม่มีวันเป็นแบบนั้น แต่ ผม...สัญญา...” เสียงทุ้มตอบพร้อมกดริมฝีปากลงบนหน้าผากผม ทำให้ใจอบอุ่นขึ้นมาทันใด ถึงบางครั้งคุณผัวจะดูเงียบและนิ่งเฉย แต่ผมรู้ว่ามันรักผมมาก ผมเองก็เช่นกัน


      “ขอบคุณนะ” ผมจูบปากมันเบาๆ พร้อมยิ้มให้


      “แค่เนี๊ยะ!?” คนสูงกว่าจิ๊ปากขัดใจ “มันพอที่ไหนละ ปวดใจขนาดไหนที่ต้องสัญญาแบบนั้น มาๆ ตอบแทนให้คุ้มซะดีๆ” มันว่าเสร็จก็จู่โจมผมแบบไม่ให้ตั้งตัวเลยครับ...เมื่อกี้ยังซึ้งมาโหมดหื่นได้ไงวะ...


รสจูบร้อนแรงเอาแต่ใจทำเอาผมได้แต่ครางรับ จูบตอบ โดนสูบเรี่ยวสูบแรงจนเข่าอ่อนจำต้องคว้าไหล่หนาเป็นหลักยึด ไอ้คุณผัวทำเนียนอาศัยจังหวะผมเคลิ้มต้อนผมเข้าห้องจนขามาชนกับปลายเตียง...เอาละไม่ต้องเดาว่บอกนะว่าเราจะทำอะไรต่อ ผมว่าคุณเองก็รู้ดี

.....................................................


      เราประชุมแผนกันนิดหน่อยที่ห้องพักของพ่อ หมอริคไปถึงเวียนนาแล้ว เห็นบอกจะตามมาสมทบในวันพรุ่งนี้ วันว่างๆ เลยพากันเดินเที่ยวถ่ายรูปโน่นนี่นั่นไปเรื่อย ผมชอบบ้านเรือนที่นี่มากครับทุกอย่างมันดูลงตัวในแบบชนบทของตะวันตก บ้านส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐหรือปูนไม่สูงมาก มีหน้าต่างค่อนข้างเยอะดูปลอดโปร่ง รับกันดีกับหลังคาอิฐทรงจั่วที่เน้นโทนแดงเสียส่วนใหญ่  บรรยากาศชวนผ่อนคลายเดินจูงมือกันไปกับคนที่เรารัก ผมว่ามันสงบเกินไป ทำไมคนของซาโตนี่ถึงไม่มายุ่มย่ามกับเราเลย ทั้งที่เข้าใกล้พวกมันขนาดนี้


      ยามบ่ายแดดเริ่มจ้าทำเอาแวมไพร์เลือดแท้ของผมเริ่มไม่สบายตัวเลยหาที่นั่งพัก ปักหลักกันที่ Restaurant Jostalstueble ซึ่งที่นี่ขายอาหารพื้นเมืองและอาหารตะวันตกขึ้นชื่อไม่เบาในหมู่นักท่องเที่ยว สั่งอาหารกันไป3-4 อย่าง หมั่นไส้คุณผัวพูดเยอรมันซะคล่องป๋อ บางทีการมีชีวิตอยู่นานๆ ก็ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเยอะดี ระหว่างรอผมจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เดินสวนกับอมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลยทำเอาใจกระตุกวูบ...คิดมากไปหรือเปล่าเรา...อมนุษย์ก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติแฝงอยู่ทั่วทุกที่ไม่ใช่หรอ


      ตืด....ตืด....เสียงโทรศัพท์ดังมาจากห้องน้ำห้องหนึ่ง ทั้งที่ไม่มีใครอยู่นอกจากผม บางทีอาจมีคนลืมไว้ก็ได้ เดินตามเสียงไปก็พบกับถุงกระดาษสีน้ำตาลบนฝากชักโครก เสียงโทรศัพท์ดังมาจากในนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคงจะเป็นลายมือหวัดๆ บนถุงว่า…To Yonah… มั่นใจว่าหมายถึงผมจึงคว้าถุงใบนั้นมาเปิดอย่างร้อนรน แล้วดึงโทรศัพท์เจ้ากรรมออกมารับ


      “ฮัลโล”


      /ไง ลูกรัก/ เสียงปลายสายเล่นเอาผมนิ่งงัน ขยะแขยงเต็มทนกับคำว่าลูกที่ไอ้สารเลวนั้นมอบให้


      “แก...ต้องการอะไร” ผมพยายามข่มเสียงให้นิ่งที่สุด


      /ดูรูปในถุงก่อนสิ/ มันว่าอย่างอารมณ์ดี ผมดึงออกมาดูอย่างสงสัย...ไอ้ข้าว! ภาพเพื่อนรักที่ถูกมัดมือมัดเท้าหลับไม่ได้สติบนเตียงอันใหญ่ทำผมเดือดดาลได้ทันที...ผมน่าจะเอามันมาด้วย พี่หมอก็ไม่อยู่ ไม่มีใครปกป้องมันได้ ผมไม่น่าชะล่าใจเลย


      “แก...ต้องการอะไร” ผมถามเสียงขุ่น


      /ลูกก็รู้ดีนี่ ตัวลูกไง/  หากมันได้ตัวผมไป จะมั่นใจได้ไงว่าคนอื่นจะมาช่วยทัน แล้วถ้าหากไม่...ข้าวหอมคงตาย ขนาดแม่ผมเป็นเมียมันแท้ๆ ยังถูกฆ่าเลย


      “จะมั่นใจได้ไงว่าข้าวจะปลอดภัย” ผมถามเสียงเย็น


      /รับปากด้วยเกียรติของอาร์เคนเลย ถึงพ่อจะเลวแต่ก็รักษาคำพูดนะ/ มันตอบเสียงจริงจัง แสลงหูกับคำว่าพ่อของมัน /โย...ลูกคงไม่อยากให้เพื่อนคนนี้ ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ใช่ไหม/


      “ที่ไหน เมื่อไหร่” ผมถามออกไปในที่สุด นึกถึงวันที่เสียไอธีรกับแม่ไปแล้วมันทำใจไม่ได้ จะให้ใครมาตายเพื่อผมคงไม่เอาแล้ว


      /ที่โบสถ์ Neuapostolische ตะวันออกเฉียงเหนือจากโรงแรมที่ลูกอยู่ มีแผนที่อยู่ในซอง/ หยิบแผนที่ขึ้นดูตามมันบอก /เที่ยง! พรุ่งนี้ คนเดียว/


      “ตกลง” เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดให้ข้าวมันรอด ต่อจากนี้ค่อยคิด


      /อย่าสายละ เดี๋ยวข้าวหอมจะกลายเป็นศพเสียก่อน ฮ่าๆ/ มันว่าทิ้งท้ายพร้อมหัวเราะร่า แล้วตัดสายไป ทิ้งผมให้โมโหจนแทบคลั่งบีบโทรศัพท์จนแหลกคามือ


      ผมทิ้งของทุกอย่างลงในถังเก็บเพียงแผนที่ไว้กับตัว ออกมารอทก็ถามว่าทำไมไปนาน แถไม่ออกเลยได้แต่ยิ้มตอบ แต่มันไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงเพาะอาหารมาเสริฟก่อน มันเป็นมื้ออาหารที่อึมครึมเอามากๆ คนตัวสูงเองก็ไม่ช่างพูด ส่วนผมก็มัวแต่คิดเรื่องไอ้ข้าวจนจบมื้อ เราเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบทิทิเซจนพระอาทิตย์ตกจึงพากันกลับ


...................................................

      สายน้ำอุ่นจากฝักบัวไหลผ่านร่างแต่ก็ไม่อาจชำระล้างความคิดที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายในหัวผมได้ ไอ้เรื่องไปตามนัดผมไปแน่ ไม่ปล่อยให้ข้าวหอมมันเป็นอะไรไปหรอก แต่ถ้ามันเล่นตุกติกแล้วได้ตัวผมไป แล้วไม่ยอมปล่อยข้าวหอมจะทำยังไง หรือผมควรบอกคนอื่นๆ ถ้าบอกพ่อ...พ่อยอมเสียคนของท่านมากมายเพื่อให้ผมมีชีวิตและคงจะไม่ลังเลหากท่าจะทิ้งชีวิตไอ้ข้าวไปอีกคน ถ้าบอกรอทเจ้าตัวต้องค้านหัวชนฝาหรือไม่ก็ตามไปด้วยซึ่งนั่นผิดข้อตกลง เพื่อนผมไม่รอดแน่มั่นใจ...แต่ถ้าให้ตามไปหลังข้าวปลอดภัยในทันทีละ นั่นยังพอมีโอกาสอยู่ ผมวางแผนทุกอย่างไว้ในใจก่อนล้างเนื้อล้างตัว คว้าผ้าขนหนูมานุ่งแล้วเดินออกจากห้องน้ำมา


      “พรุ่งนี้ไปไหนหรือเปล่า” ผมถามรอทที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเพราะอาบน้ำไปก่อนแล้ว ไม่อาบพร้อมมันหรอกครับเดี๋ยวยาว


      “ไปรับไอ้ริคตอน 11 โมง” มันตอบสายตาเลือบมองผมที่แต่งตัวอยู่แล้วยิ้มร้าย พร้อมตบที่ว่างข้างตัวเรียกผม “ทำไมหรอ”


      “ว่าจะออกไปถ่ายรูปเล่นนะ แต่เดี๋ยวไปคนเดียวก็ได้แถวนี้เอง” ผมโกหก ล้มลงนอนข้างมันอย่างว่าง่าย


      “ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ”


      “อืม...รอท”


      “ครับ”


      “สมมุติเกิดผมโดนจับตัวไป นายจะมาช่วยไหม” มันขมวดคิ้วมุ่นกับคำถาม บิดหนังสือที่อ่านดังฉับ! แล้ววางบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนหันมาจ้องหน้าผมจริงจังอย่างจับผิด เลยต้องซุกหน้าหลบสายตาลงกับอกมันแทน


      “ทำไมถึงถามละ...หืม!?”


      “ก็แค่สมมุติไง...จะมาไหมละ” ผมเร่งเร้าแต่ไม่จริงจัง พยายามทำเสียงให้ดูล้อเล่นมากที่สุด


      “ก็ต้องไปสิ ไปให้เร็วที่สุดเลยด้วย ถ้าวาปไปหาได้ก็จะทำ” มันตอบ แขนแกร่งกอดผมแน่น พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ชอบถามอะไรแบบนี้ คิดมากไปนะเรา นอนซะ! จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”


      “อืม...”


      “ฝันดีครับ” มันจูบหน้าผากผมไปที


      “ฝันดี...”


      “รักโยนะ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว รู้สึกดีเสมอที่ได้ยิน


      “รู้แล้วน่า...” คงจะดีถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดหมอนี่ไปนานๆ

:katai5:Talk Talk
[/b]

-ใกล้แล้วสินะ หึๆ จบแบบไหนดีน้าา แกล้งคนอ่านดีไหม o18
-อัพช้ามากเราขอโทษนะ หาข้อมูลประกอบการเขียนมานิดหน่อย หาไปหามาหลงรัก บาร์เดิน-เวิทเทอเบิร์ก ไปซะงั้น อยากไปเที่ยวซักครั้งจัง :katai2-1:
-ขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลัง วางแผนไว้ว่าจะมีตอนพิเศษให้ด้วยส่งท้าย หรืออาจมี โน่นนี่นั่นเพิ่มมานิดหน่อยหากเรื่องจบแล้ว
-สำหรับข้อมูลบางอย่าง อย่างพวก ตำนานนอธ ป่าดำ เมืองต่างๆ ที่เกียวในเรื่อง ถามเพิ่มเติมจากเราได้นะ ถ้าสนใจ บางทีเราก็เป็นคนละเอียดเกินจำเป้น แหะๆ :hao7:

      

      

      
      

      

      



      

      

หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 27 ข่าวร้าย p10 5/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-08-2015 21:40:13
 :serius2:   ไม่นะข้าว. พี่หมอทำไมไม่เอาน้องไปด้วย แง้

อย่าแกล้งคนอ่านตาดำๆเลยค่ะ.
รอททำไงดีอ่า
ขอบคุณเช่นเคย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 27 ข่าวร้าย p10 5/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-08-2015 21:58:09
 :ling1: น้องข้าววววว
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 27 ข่าวร้าย p10 5/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-08-2015 23:57:57
ใกล้จบละหราา
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 27 ข่าวร้าย p10 5/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 06-08-2015 00:23:27
ใกล้จบละหราา

ก็ไม่เชิงอะค่ะ เนื้อเรื่องหลักคงไม่เกิน 5 บทหรอก แต่ตั้งใจจะเขียน side story อยู่ค่ะ อาจจะอธิบายเพิ่ม ส่วนของ หมอและข้าว ชีวิตของตัวละครต่างๆ หลังจากนั้น ไม่ก็ส่วนของพ่อโย ประมาณนั้นละค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 27 ข่าวร้าย p10 5/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 06-08-2015 07:47:13
โอ๊ยโยทำไมไม่บอกรอทฟร่ะ อย่างน้อย ๆ ก็ให้ไปช่วยได้ทันนนนนนนนนนนนไม่ยอมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 27 ข่าวร้าย p10 5/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-08-2015 11:49:16
จะเป็นอะไรมากไหมข้าว  :ling3:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 27 ข่าวร้าย p10 5/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 10-08-2015 20:45:25
บทที่ 28 สิ่งที่ต้องแลก
[/b]

      Yonah Say


      รอทออกไปรับพี่หมอในตอนเช้า เมื่อดูให้แน่ใจว่าไปแล้วจึงออกไปบ้าง โดยไม่ลืมทิ้งจดหมายอธิบายเรื่องทั้งหมดเอาไว้ ผมรู้ว่ามันคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแน่ถ้าอ่านจบ แต่ก็นะ ผมไม่มีทางเลือกมากนัก และผมก็มั่นใจว่ามันต้องตามมาช่วยผมทันแน่นอน ผมโกหกคนของพ่อว่าจะออกไปถ่ายรูปเล่นรอบๆ โรงแรม โชคดีที่ไม่มีใครเอะใจและไม่ได้ตามมา ผมถามคนแถวนั้นไปเรื่อยๆ จนถึงที่หมาย ลำบากมากครับเพราะคนส่วนใหญ่พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ แหงละที่นี่เยอรมันนะ ส่วนผมก็ไม่ได้เก่งอะไร มาถึงจุดหมายปลายทางแบบเที่ยงพอดี


      ที่นี่เป็นโบสถ์ไม่ใหญ่ไม่เล็กมีทุกอย่างครบครัน สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสไตล์อาร์ตนูโวหากมีเวลาผมคงหลงไหลไปกับสุนทรียของที่แห่งนี้แน่ แต่ตอนนี้ผมมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ ก้าวยาวๆ เข้าไปในโบสถ์ เงียบสงัดจนพาใจให้สั่นไหว คนที่นัดผมนั่งฉีกยิ้มอยู่โต๊ะไม้ตัวยาวแถวหน้ากับบรรดาสมุนสวะของมันอีกหลายตนที่นั่งบ้างยืนบ้างประปราย เหมือนคนธรรมดาจะถูกกันออกไปจากที่นี่เสียแล้ว...แบบนี้คงยากที่จะเล่นบทชิงตัวประกัน ทำได้เพียงแลกตัวกับข้าวหอมตามที่มันขอเท่านั้น ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้สารเลวอาร์วาร์คเว้นระยะห่างเป็นช่วงตัว ส่วนหนึ่งคือระแวงอีกส่วนคือขยะแขยงมัน


      “ข้าวหอมอยู่ไหน” ผมเข้าประเด็น


      “ใจคอจะไม่ทักทายพ่อหน่อยหรอ” ...ยังกล้าเรียกตัวเองว่าพ่ออีกนะ


      “ไม่จำเป็น ข้าวหอมอยู่ไหน” ผมย้ำพร้อมดึงปืนมาจ่อใต้คางตัวเอง ในเมื่อสิ่งที่มันต้องการคือร่างนี้ถ้าตายก่อนพิธีทุกอย่างก็จบ อยู่ในวงล้อมแบบนี้อดหวั่นใจไม่ได้เลย ถ้ามันเล่นตุกติกไม่ปล่อยเราทั้งคู่...ผมยิงตัวเองทิ้งแน่...ทั้งที่ตั้งใจแบบนั้นแต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะคุมมือตัวเองไม่ให้สั่น “ว่าไง...ปืนลั่นไม่รู้ด้วยนะ”


      “หึ...ฉลาดต่อรองเสียจริง” มันพยักเพยิดให้ลูกน้องพาเพื่อนผมออกมา ข้าวดูตกใจระคนดีใจที่เห็นผม พวกมันดันร่างเล็กๆ นั่งลงข้างกาย ผมถอนหายใจอยากโล่งอกที่ตัวมันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเว้นแต่ขอบตาแดงๆ ที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า


      “มึงโอเคมั้ยวะ” ผมถามพร้อมลุกไปดึงมันเข้ามากอดไว้แน่น ข้าวพยักหน้าตอบพลางสะอื้นตัวสั่นผมว่ามันคงกลัวจริงๆ “ไอ้ธีรคงไม่อยากให้มึงตามไปตอนนี้หรอก...เลิกร้องได้แล้ว”


      “มึงมาทำไม...มึงก็รู้ว่ามันจะเอามึงไปทำอะไร” คนตัวเล็กบอกเสียงเครือ


      “กูไม่มามึงก็ตายสิ”


       “มึง...กู...ฮึก ขอโทษ กูทำมึงเดือดร้อนอีกแล้ว” ทีนี้มันร้องไห้หนักเลยครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ถ้ามันไม่ใช่เพื่อนผม คงไม่โดนลักพาตัวข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงนี่หรอก ที่บ้านมันคงวุ่นที่จู่ๆ มันหายไป


      “เออ กูรู้มึงไม่ได้ตั้งใจ”


      “ไป...หนีกัน” ผมหลุดขำที่มันพูดตาตื่น...ข้าวก็คือข้าวละว้า...มันไม่ได้ดูเลยหรือไงว่ามีอมนุษย์ล้อมเราอยู่กี่ตีน


      “ไม่ได้หรอก....มึงดูรอบตัวหน่อยสิวะ” มันมองรอบแล้วทำสีหน้าปลงตก


      “กูจะให้พวกมันเอามึงไปส่งโรงแรมที่กูพัก”

      
      “กูไม่ไป กูจะอยู่กับมึง ตายกับมึง” ซึ้งใจครับที่มันพูดแบบนี้ แต่ไม่มีทาง มันเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของผมในตอนนี้ ผมเคยสัญญาแล้วว่าจะทำเพื่อมันและก็กำลังทำอยู่


      “นี่ไอ้เตี้ย อย่าทำให้ความพยายามกูเสียเปล่า กูยอมมาให้มันจับเพื่อให้มึงปอดภัย” จ้องตามันจริงจัง “เดี๋ยวไอ้รอทก็ตามมาช่วย” ผมบอก คิดว่าตอนนี้คงกลับมาเจอจดหมายผมแล้วละ ผมเชื่อในตัวมัน “มึงไปเถอะไม่ต้องห่วง...กูเก่งเอาตัวรอดได้”


      “มึงนี่มัน...แต่ขอบใจนะ สัญญานะเว้ย ว่ามึงจะกลับมาหากู” ผมพยักหน้ารับ พร้อมดึงมันลุกขึ้นส่งให้ไอ้ฝรั่งตัวใหญ่ที่ยืนรอ พร้อมยื่นนามบัตรโรงแรมที่เขียนเบอร์โทรห้องของรอทไว้


       “ช่วยเอามันไปส่งที่นี่...อย่าตุกติก กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะแน่ใจว่ามันปลอดภัย” ผมยื่นคำขาด แล้วเอาปืนจ่อตัวเองไว้ดังเดิม อาร์วาร์คยักไหล่...มันคงจนใจกับผมเหมือนกัน


      “แล้วทำไมต้องทำตาม หึๆ” ไม่วายกวนตีน ไอ้เวรนี่


      “ถ้านี่เป็นการขอร้องละ” อาร์วาร์คเลิกคิ้วน้อยๆ คล้ายรอฟัง “ขอร้องในฐานะลูกคนหนึ่งที่ไม่เคยได้อะไรจากพ่อเลยนอกจากความเจ็บปวด ขอแค่ชีวิตเพื่อนคนนี้ ให้ได้หรือเปล่า” ผมพูดเสียงอ่อน  ยอมลดศักดิ์ศรีขอร้องให้เพื่อนที่เหลือคนเดียวของผมพ้นภัย อาร์วาร์คสบตาผมด้วยสีหน้าอ่านยาก ไม่รู้ว่าคำขอร้องนี้จะซึมถึงจิตใจมันไหม ได้ภาวนากับคำว่าพ่อลูกที่มันชอบพูดย้ำยังมีคุณค่าอยู่


      “หากลูกต้องการแบบนั้นพ่อก็ยินดี”


      ข้าวหอมงอแงพอตัวกว่าจะยอมไปกับไอ้ร่างยักษ์นั่น ผมนั่งรออยู่นั่นเนิ่นนานปราศจากบทสนทนาใดๆ จนคนของซาโตนี่วิดีโอคอลมาให้เห็นว่าส่งไอ้ข้าวถึงที่จริงๆ จึงวางใจ เผลอลดปืนลงจึงโดนอาร์วาร์คแย่งไปจากมือ...คงไม่ยอมให้มึงพาตัวไปง่ายๆ หรอกนะ... ตอนนี้มีแค่ผมไม่ต้องกลัวใครโดนลูกหลงจึงทุ่มสุดแรงจู่โจมใส่อาร์วาร์ค...คิดเพียงสิ่งเดียวคือ ฆ่ามัน!


      โครม!!!! โต๊ะไม้ตัวยาวล้มระเนระนาดไปตามแรงปะทะเมื่อผมกระโจนใส่คนที่ทำให้ผมเกิดพร้อมมีดเงินในมือ ร่างของเราล้มกลิ้งไปกับพื้นจบลงด้วยการที่ผมคร่อมร่างของมันไว้ พยายามจนสุดแรงที่จะกดมีดลงบนอกมัน แต่มือที่รั้งข้อมือผมไว้กลับไม่ขยับ


      “แก...” ผมกัดฟันกรอดหายใจแรงอย่างเดือดดาลเมื่อมันเพียงแค่ยิ้มเยาะ คนของซาโตนี่รอบๆ ทำแค่ยืนมองคล้ายมั่นใจว่าผมไม่มีทางทำอะไรนายของมันได้


      “แววตาแน่วแน่ดี แต่แรงแค่นี้พอหรอที่จะแก้แค้น” เสียงทุ้มเอ่ยล้อดูสนุกเต็มทน


      “อ๊ะ!” เคร้ง! มือทั้งสองของผมโดนบิดจนเจ็บก่อนมีดจะหลุดออกไปอย่างง่ายดาย อาร์วาร์คพลิกร่างผมลงกับพื้นพร้อมกดไหล่แรงจนหินอ่อนเริ่มร้าว พลังกดดันมหาศาลแทบจะฝังร่างผมลงตรงนั้น ความขุ่นแค้นถูกกลบด้วยความอึดอัดและหวาดกลัว ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาที่เหมือนของผม ทั้งที่ดูว่างเปล่าแต่เหมือนมันเจือความเศร้าอยู่ภายใน ผมตระหนักดีว่าพลังของผมกับมันช่างห่างไกล สวรรค์ไม่ได้เข้าข้างเราเสมอ นึกสมเพชตัวเองเต็มทน ช่วงเวลาที่ทุ่มเทฝึกฝนนั้นเพื่ออะไร ยังไงผมก็แค่เลือดผสมส่วนไอ้สารเลวนี่เป็นถึงเลือดบริสุทธิ์ แถมพลังของผมที่มีก็ได้จากสายเลือดของหมอนี่ที่ไหลเวียนอยู่ในตัว...หมดหวังแล้วจริงหรือ!?


      “เอาละคงไม่มีเวลามาเล่นสนุกนัก คงต้องไปกันแล้ว” อาร์วาร์คบอก ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกเข็มปักลงหัวไหล่ รับรู้ถึงตัวยาที่ไหลผ่านเส้นเลือดเข้าสมองจนเริ่มชา รอทเคยบอกว่ายาสลบขนานแรงก็มีผลกับอมนุษย์เช่นกัน ตอนนี้พิสูจน์มันด้วยตัวเองเสียแล้ว ภาพตรงหน้าเริ่มเบลอเรี่ยวแรงเริ่มหดหาย รับรู้เลือนรางว่าร่างกำลังถูกช้อนอุ้ม...มันกำลังจะพาผมไปไหน!? ในสภาวะที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในใจกลับร่ำร้องชื่อใครคนหนึ่งอย่างแจ่มชัด จดหมาย...ไอ้ข้าว...รอท...ตอนนี้นายคงรู้แล้วว่าผมหายไป...รอท ได้โปรด ผม...รอนายอยู่

..............................................................................
      

      Kawhom Say


      วันที่ไปส่งไอ้โยที่สุวรรณภูมิ ล่ำลากับมันอยู่นาน ห่วงมากครับแต่มนุษย์อย่างผมก็ทำอะไรไม่ได้ จึงเลือกที่จะอยู่เฉยๆ เพื่อไม่ให้เป็นภาระใคร เข็ดแล้วครับกับความดื้อดึงที่ทำเพื่อนเดือดร้อนแบบในครั้งก่อน สงครามขนาดย่อมๆ ของพวกเหนือธรรมชาติ ตำนานเก่าแก่ และพิธีอัญเชิญซาตานที่ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีอยู่จริง แต่ในเมื่ออมนุษย์ยังมีอยู่บนโลก ผมว่าตำนานหลายๆ อย่างที่เราเคยได้ยินอาจเป็นจริงเช่นกัน พี่หมอขึ้นเครื่องไปเวียนนาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ ผมอยากตามไปนะ แต่จะตอบคำถามที่บ้านยังไงละ นั่นคือประเด็น อีกอย่างพี่เขายังต้องตามไปสมทบกับโยอีกที ซึ่งไอ้โยมันก็ไม่ต้องการให้ผมไปเสี่ยงเช่นกัน



      ส่งเพื่อนเสร็จเดินออกมายังไม่ทันถึงคิวแท็กซี่ก็โดนใครไม่รู้เอาถุงดำคุมหัวลากขึ้นรถ ตอนนั้นผมตกใจมากทั้งดิ้นตั้งเตะทั้งถีบแต่ไร้ผลกลับโดนแม่งต่อยท้องจนตัวงอ นอนสิ้นฤทธิ์ให้มันพาตัวไป มารู้ตัวอีกทีตอนมันพาขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ดึงผ้าคลุมหัวออก ใบหน้าแรกที่เจอคืออาร์วาร์คที่แสยะยิ้มมาให้ ไหนว่าแม่งอยู่เยอรมันวะ ผมจำท่าทางร้ายกาจมันได้ วันนั้นที่บ้านโยวันที่แม่มันตายผมก็อยู่ ทั้งกลัวทั้งกังวลผมมั่นใจว่ามันจับผมมาต้องมีเอี่ยวกับโยแน่ และมั่นใจว่าในบรรดาคนของอัลสไวเดอร์ต้องมีสายของพวกเชี่ยนี่แฝงตัวอยู่ ถึงได้รู้เวลาที่ผมอยู่ตัวคนเดียวได้เป๊ะขนาดนี้

      ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจแต่ต้องมานั่งเครื่องบินเป็นสิบชั่วโมง จึงเลี่ยงไม่ได้กับอาการเจ็ทแลคที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ผมทั้งอ๊วกทั้งเวียนหัวแม่งเอ้ย! นี่กูคงไม่ตายก่อนถึงที่หมายหรอกนะ...ผมหมดสติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้หลับยาวเลยครับทีนี้ ตื่นมาอีกทีก็อยู่บนเตียง ถามไอ้หน้าโหดที่ยืนเฝ้าได้ใจความว่าผมถูกพามาเยอรมัน เมืองเดียวกับที่ไอ้โยมา


      แล้วสิ่งที่ทำให้ผมกลัวก็เป็นจริงเมื่ออาร์วาร์คมันต่อรองชีวิตของผมกับตัวโย ได้ยินแบบนั้นมันก็เศร้านี่เป็นอีกครั้งที่ผมนำโชคร้ายมาสู่เพื่อน และที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือผมรู้ดีว่ามันต้องมาแบบไม่ลังเล คิดได้แบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้กับความไร้ประโยชน์ของตัวเอง ยิ่งเห็นมันมายืนตรงหน้ายิ่งปล่อยโฮออกมาแบบไม่อายใคร ผมกอดมันแน่น อีกแล้วมันช่วยผมอีกแล้ว ตั้งแต่มัธยมจนถึงตอนนี้มันก็มาช่วยผมตลอด ผมจำใจต้องทำตามมันบอกเพราะไม่อยากให้ความพยายามมันเสียเปล่า


      “ข้าว!” พี่หมอวิ่งลงมารับผมหลังจากโทรขึ้นไปที่ห้องพักพี่รอทตามเบอร์โทรโยที่ทิ้งไว้ “เป็นอะไรหรือเปล่า”


      “ผมไม่เป็นไร...แต่ไอ้โย...”


      “รอทรู้แล้วละ โยเค้าทิ้งจดหมายไว้ ไปคุยกันที่ห้อง” เขาจูงมือผมเดินนำไปห้องพัก ได้ยินเสียงพี่รอทเถียงกับอัลสไวเดอร์จนดังออกมาข้างนอก พี่แกคงอยู่ในสภาวะเดือดจัดจนแอบรู้สึกหวั่นเพราะผมดันเป็นตัวต้นเหตุเสียด้วย


      ผมเล่าให้พี่หมอฟังว่ามาที่ได้ยังไง เขาขอโทษผมยกใหญ่ที่ทิ้งผมไว้ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย ใครมันจะคิดว่าอาร์วาร์คจะเล่นแผนสกปรกแบบนี้


      “พี่...ผมอยากไปช่วยไอ้โย” ผมบอกไปอย่างจนใจ


      “แต่เราจะไปยังไง เราเป็นมนุษย์นะ” พี่หมอว่าพลางดึงผมเข้าไปกอดลูบหัวเบาๆ อย่างปลอบใจ       


      “งั้นพี่หมอเปลี่ยนผมสิ”


      “มันไม่ง่ายเลยนะ คิดดีแล้วหรือไง” ดวงตาสีน้ำตาลจ้องผมจริงจัง ขนาดไอ้โยมันยังไม่ลังเลที่จะช่วยผม ผมก็คงไม่ลังเลเช่นกัน


      “ใช่ ผมคิดดีแล้ว ขอแค่ได้ช่วยมัน ผมไม่อยากต้องทนดูอยู่เฉยๆ แบบนี้ ทั้งที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนเสี่ยงตาย” พี่หมอพยักหน้าเข้าใจ “งั้นพี่จะช่วยเปลี่ยนผมใช่ไหม”


      “เฮ้อ!....ให้ช่วยเปลี่ยนนะได้ แต่ตอนนี้คงทำให้ไม่ได้” เสียงทุ้มกล่าวอย่างอ่อนใจ


      “ทำไมละพี่”


      “พี่ธีถ่ายพลัง ผู้ให้จะสูญเสียพลังไประยะหนึ่ง สำหรับอมนุษย์ธรรมาดาคงเป็นเดือน ส่วนพวกตระกูลใหญ่อย่างพี่คงเป็นอาทิตย์ แต่รอทคงจะบุกเข้าไปช่วยโยในคืนนี้ ไม่มีทางที่พี่จะฟื้นพลังทัน ขอโทษด้วยนะข้าวหอม พี่เข้าใจนะว่าเราอยากช่วยเพื่อนจริงๆ”


      “ผม...เข้าใจครับ” คงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก ถึงผมกลายเป็นอมนุษย์ไปจริงๆ แต่ถ้าแลกกับการเสียกำลังของคนที่ผมรักในตอนนี้ถือว่าไม่คุ้ม...ยังไงสายเลือดตระกูลใหญ่คงทำอะไรได้มากกว่าอยู่ดี


      “พี่จะพยายามเต็มที่เลย พยายามแทนส่วนของเราด้วย ตัวเล็กเป็นแฟนพี่หมอทำให้แทนให้ได้อยู่แล้ว” พี่หมอลูบหัวพร้อมกอดผมโยกตัวน้อยๆ อย่างปลอบใจ...เชี่ยกูไม่ใช่เด็ก แต่ก็อดยิ้มไม่ได้


      “ต้องจ้างปะ”


      “จ้างดิ...จ่ายแพงด้วย” พี่หมอยิ้มผมก็ยิ้ม...รู้สึกเบาใจไปเยอะ



      ไม่นานพี่รอทก็มาตามหมอไปเตรียมตัว เห็นหน้าเครียดๆ ของพี่แก ก็อดหวั่นใจไม่ได้ เจ้าตัวเลยเอ่ยปลอบว่าไม่ได้คิดโทษผม...แต่ก็รู้สึกผิดอยู่ดีเปล่า ผัวไอ้โยดึงคนของสภามาช่วย ทั้งอาวุธทั้งจำนวนบอกให้รู้ว่าพี่แกเอาจริง ส่วนเรื่องพ่อโยกับสภาเห็นว่าไว้เคลียทีหลังตอนนี้จำต้องร่วมมือกันไปก่อน ผมลงไปส่งพี่หมอขึ้นรถหน้าโรงแรม คนรอบข้างเริ่มแตกตื่นที่เห็นคนของสภาพร้อมอาวุธครบมือ แต่มันไม่ใช่เวลาที่ต้องมาเสนใจ เดี๋ยวเรื่องก็คงเงียบหายอย่างเคย


      “พี่ไปแล้วนะ” พี่หมอว่าก่อนหันมาจุ๊บปากผมไปที


      “ดูแลตัวเองดีๆ ให้คุ้มกับที่โยมันยอมเสี่ยงละ” พี่รอทว่าก่อนเดินนำขึ้นรถไป โดยทิ้งคนคุ้มกันผมได้ด้วย


      “พาเพื่อนผมกลับมาไวๆ นะพี่” หมอยิ้มรับก่อนขึ้นรถตามไป เฝ้ามองพวกนั้นจากไปจนลับตา เฮ้อ!...เหนื่อยใจที่ได้แต่นั่งรอ ห่วงแต่ทำอะไรก็ไม่ได้  ในขนาดที่กำลังทดท้อกับความไร้น้ำยาของตัวเอง ผมต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อใครบางคนตบไหล่ผมแรงๆ


      “ได้ข่าวว่ามีเด็กน้อย อยากเปลี่ยนเป็นอมนุษย์เอาพลังไปช่วยเพื่อน” เสียงหวานคุ้นหูดึงผมให้หันไปมอง “คงไม่รังเกียจใช่ไหม ถึงไม่ใช่สามตระกูลใหญ่ แต่ในบรรดาซักคิวบัสนะ สายเลือดฉันแกร่งสุดนะ”


      “พี่ยูจีน!!!!!”


....................................................................

Talk Talk
[/b]

-อืม...บู๊กันเนอะ บทหน้า เป็นพาทของรอทแล้วละ ถึงรอทจะดูเป็นพระเอกที่เเข็งทือเป็นท่อนไม้คนหนึ่งก็ตาม 555 :jul3:

-ขอโทษที่อัพช้านะ ยิงบทหลังยิ่งต้องระวังกลัวเขียนแล้วมันจะแย่กว่าของเก่า ไม่รู้สิแค่รู้สึกไม่มันใจในบางครั้ง เหมือนยังไงก็ไม่พอใจกับงานตัวเอง ฟุ้งซ่านเนอะ :hao5:

-ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ถ้าจบแล้วใจจริงอยากทำเป็นหนังสือนะ อาจเป็นหนังสือทำมือเก็บไว้เป็นที่ระทึกแก่ตัวเอง หรือตีพิมพ์หรือรีไรท์ไหม่ก็สุดแท้แต่อนาคต  แต่ฝันของเราคืออยากวาดภาพหน้าปกให้ตัวเองซักครั้ง :heaven
      
      
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 28 สิ่งที่ต้องแลก p10 10/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 10-08-2015 21:04:39
พลังซัคคิวบัสเหมาะกับข้าวหอมดีโดยแท้.........
ตัวเล็กๆ น่ารักๆๆ แถมยั่วยวนได้อีกด้วย
พี่หมอหลงตกหลุมจนไม่อยากขึ้นแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 28 สิ่งที่ต้องแลก p10 10/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-08-2015 21:16:49
อ้าวตอนนี้พระเอกของเรื่องโดนแย่งซีนหมดเลย
น้องโยอย่าชิงตายไปก่อนเน้อ
ลุ้นน้องข้าวได้แปลงร่าง

 :mew1:  ลองทวนคำผิดอีกทีค่ะเจอหลายจุด ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 28 สิ่งที่ต้องแลก p10 10/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-08-2015 21:35:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 28 สิ่งที่ต้องแลก p10 10/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 13-08-2015 20:15:12
 :hao5: แจ้งข่าว เนื่องจากคอมเราพังค่ะ อยู่ศูนย์ กำลังซ่อม ตัว พาวเวอซัพพลายมันเสีย อาจหายไปซักพัก ซ่อมเสร็จแล้วจะรีบมาอัพนะค่ะ ขอโทษทุกคนด้วย อันนี้แวบมาเล่นร้านเนต เศ้ราจริง ที่พิมไว้ก็หายหมด :ling3:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 28 สิ่งที่ต้องแลก (แจ้งข่าวT^T) p10 13/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-08-2015 22:24:44
โอ่ะโอ่ววว!! ข้าวหอมจะต้องเฟี้ยว
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 28 สิ่งที่ต้องแลก (แจ้งข่าวT^T) p10 13/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 23-08-2015 01:47:07
บทที่ 29 ตาม
[/b]

    อาร์วาร์คทอดมองร่างที่หลับไหลอยูบนเตียงใหญ่ด้วยฤทธิ์ยา มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มแผวเบาดังเช่นอดีตเมื่อเจ้าของร่างนี้ยังเล็ก รักเหลือเกิน เจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องทำเช่นนี้ ทั้งที่หวังมาตลอดว่าอยากมีครอบครัวที่แสนสงบ หากแต่ไม่เคยสำผัสมันเลยนับตั้งแต่ลูกชายคนนี้เกิดมาเป็นเลือดผสม พยายามจะหนีไปให้ไกลแต่ก็ไม่เคยพ้น จนหมดแรงจำต้องกลับมาคุกเข่าอ้อนวอน ท่านพ่อของเขาให้ปล่อยมือ หากแต่ต้องแลกกับการเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ซึ่
เขาก็ยินดี หากนั่นทำให้ครอบครัวของเขามีความสุข


    แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด ตำแหน่งผู้นำมาพร้อมภาระที่หนักอึ้ง เรื่องอัญเชิญลูซิเฟอร์ ไม่ใช่แค่หน้าที่ของอาร์เคน หากแต่คำสาปส่งผลทั้งเผ่าพันธุ์  ผู้นำทุกรุ่นเก็บงำความลับนี้ไว้เพื่อความมั่นคงของโลก หากเหล่าอมนุษย์รู้ว่าตัวเองต้องสูญสิ้นในซักวัน คงคลุ้มคลั่ง
ฆ่าล้างมนุษย์จนหมด หลายปีมานี้อมนุษย์โดยกำเนิด เกิดมาน้อยจนนับหัวได้ จะมีก็แต่พวกที่ถูกเปลี่ยนซึ่งส่วนใหญ่คุมตัวเองไม่ได้จนกลายเป็นบีส บ่งบอกว่าเราอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์เต็มที 
จำต้องล้างคำสาปก่อนที่จะส่ายไป


    ท้ายที่สุดอาร์วาร์คจึงตัดสินใจแลกชีวิตของโยนาห์กับเผ่าพันธุ์ เขาบอกอุษาและแน่นอนว่าเธอไม่มีทางเห็นด้วย ครอบครัวในฝันของเขาพังลงในวันนั้น อัลไสวเดอร์พาเธอกับลูกหนีไป น้องชายของเขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และมองว่าคำสาปต้องปล่อยมันไปตามโชคชะตา อีกทั้งเขารู้ดีว่าคนเป็นน้องรักภรรยาของเขามากเพียงใด ถึงขนาดยอมเสียสละให้เขาเเละเธอได้สมหวังกัน เขาลักพาตัวโยนาห์ออกมาได้ แต่พิธีกลับล่มสลายไปเพราะอัลไสวเดอร์พาคนมาขัดขวาง รวมทั้งโยนาห์ที่ยังเด็กระบิดพลังออกมาเพราะความกลัวจนทำทุกอย่างผิดพลาด ครั้งนี้จึงต้องวางยานอนหลับขนานแรงให้โยนาห์จนเจ้าตัวอยูในอาการกึ่งโคม่า หลับไหลไร้ทางสู้


     "แม่..." เสียงละเมอแผ่วจากคนหลับกลับพาลให้ดวงตาคนเป็นพ่อวูบไหว ล้มตัวลงนอนข้างๆ พร้อมดึงร่างนั้นเข้ามากอดไว้แน่น ทั้งที่ไม่มีวันทำได้ยามที่เจ้าตัวตื่น นานแค่ไหนแล้วนะ... ที่ไม่ได้กอดแบบนี้

     
      "แม่ของลูกตายไปแล้วหละ" ...เพราะเขาฆ่าเธอด้วยสองมีนี้ อาร์วาร์คสะอื้นไห้เงียบๆ อย่างเจ็บปวด
หยาดน้ำตาใสๆ ค่อยไหลอาบแก้มของโยนาห์เช่นกัน ภาพนั้นดั่งคมมีดกรีดกลางใจ บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงอยู่ในห้วงของฝันร้ายซึ่งคงไม่พ้นการมีพ่อเลวๆ ของเขาอยู่ในนั้น ร่างกายอุ่นๆ ซุกตัวเข้าหาอย่างต้องการที่พึ่งโดยที่ไม่รู้ว่าอ้อมอกนี้เป็นของคนที่เจ้าตัวเกลีบดชังที่สุด


      ถ้าถามว่าทำไมต้องฆ่า?...เพราะอุษาเจ็บปวดกับเรื่องนี้มามากแล้วไง ภาพนั้นยังคงชัด ในวันที่กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากโดนขังมาหลายปี เธอจำได้ทันทีว่าเป็นเขา แววตาที่มองนั้นบอกชัดเจนว่ายังรัก แต่ก็เศร้าหมองในคราเดียวกัน ผู้หญิงที่เขารักคุกเข่าอ้อนวอน ขอชีวิตลูกกับเขา ขอให้เขาหยุดทุกอย่าง น้ำเสียงหวานเจือสะอื้นที่บอกเขาในวันนั้น


 ......      "ที่รักฉันขอร้องทิ้งมันไปเถอะหน้าที่บ้าๆนั่น ฉันจะลืมทุกอย่าง แล้วเรากลับมาอยูด้วยกันเป็นครอบครัว ฉันไม่เคยโกรธคุณเลย ฉันเข้าใจ แต่ฉันยอมให้ลูกตายไม่ได้"  ......

      คำพูดเหล่านั้นทำให้อาร์วาร์คตัดสินใจฆ่าเธอ เพราะเขาคงไม่หยุดและอุษาคงเจ็บปวดทรมานที่ต้องมารรับรู้ เรื่องเลวร้ายที่กำลังจะเกิด ทางที่ดีที่สุดคงเป็นความตายเพราะเธอจะได้ไม่ต้องรับรู้และร้องไห้อีกต่อไป


          เสียงอึกกระทึกจากปราการด้านนอกบ่งบอกว่าพวกของอัลไสวเดอร์มาถึงแล้ว ซึ่งมันดูจะไวกว่าที่คิดไปมาก ฟ้าเริ่มมืด แต่คงไม่อาจยื้อเวลาจนถึงเที่ยงคืนอย่างที่พิธีควรเป็น ทั้งที่อยากจะกอดไว้นานกว่านี้แต่เวลากับหมดแล้ว อาร์วาร์คลุกขึ้นจากเตียงช้อนอุ้มร่างบางแนบอก ที่หมายคือโถงพิธี


         ....ลูกจะได้ไปเจอแม่แล้วนะ....และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น  พ่อจะตามไป....


         เจ้าของเรือนผมสีเงินกดจูบลงบนหน้าผากของลูกชายอย่างแสนรัก..ภาวนาเหลือเกิน ว่าท้ายที่สุดครอบครัวของเขาจะได้อยู่กันพร้อมหน้าและมีความสุข  แม้จะเป็นสวรรค์ โลกหน้า หรือ ชาติหน้า เขาก็ยินดี

............



      Rote Say

     ....อาร์วาร์คจับตัวไอ้ข้าวไป มันต้องการแลกกับตัวกู ขอโทษที่ไม่ได้บอก เพราะถ้ามึงรู้คงไม่ยอมให้กูไปแน่  ถ้าเห็นจดหมายนี้ กูคงอยูในมือไอ้สารเลวนั่นแล้ว กูเชื่อว่ามึงต้องมาช่วย แล้วจะรอ ขอโทษจริงๆ ถ้ามึงโกรธก็ตามมาเอากูไปลงโทษไวๆ...รักมึงนะ....โย...

ปล. ถ้ามาไม่ทันอย่าลืมที่สัญญากันไว้ละ


     ผมขย้ำกระดาษในมือก่อนปาอัดกำแพงอย่างหงุดหงิด อีกแล้วที่โยทำอะไรไม่ปรึกษา มักจะเก็บปัญหาเอาไว้แล้วจัดการด้วยตัวเองเสมอแม้ว่ามันจะเกินตัวก็ตาม จริงอยู่ที่เราทั่งสองเริ่มรักกันแบบงงๆ ไม่ได้จีบ ไม้ได้แทคแคร์ ไม่มีอะไรหวือหวาน่าประทับใจแบบคู่อื่น เพราะมันเริ่มจากเซ็กที่ผมเป็นคนอยากรู้อยากลอง แต่การใช้ชีวิตด้วยกันทุกวัน นอนด้วนกัน กินด้วนกัน ทำอะไรร่วมกัน รู้ตัวอีกทีไอ้เด็กนั่นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่รู้สึกรักมากๆ ไปเสียแล้ว คิดแล้วมันน่าน้อยใจ...เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้กลับไม่บอกกัน คำว่าแฟนหรือคนรักคงไม่สำคัญกับมันเลยใช่ไหม


     ผมเองก็พลาดทั้ง่อีกฝ่ายชอบพูดอะไรแปลกๆ บังคับให้สัญญาในเรื่องเลวร้ายแต่กลับไม่ได้เอะใจ กลับคิดไปเองว่าโยคงเครียดมากเกินไป เพราะตลอดเวลาหลายเดือนมานี้เจ้าตัวประสบพบเจอมรสุมมากเกินกว่าชีวิตวัยรุ่นจะรับได้ แม้จะพยายามยิ้มทำเหมือนเข้มแข็งว่าไม่เป็นนไร แต่  หลายครั้งที่ดวงตาสีเทานั้นหม่นหมองเหม่อลอยจนพาให้ใจผมหม่นลงไปด้วย มองไปยังหอกลองกินุสบนโต๊ะข้างเตียว ที่ไอ้ริคเอามาให้เมื่อเช้าแล้วถอนใจ หวังว่าคงไม่ต้องใช้มันหรอกนะ...มึงได้แฟนมึงคืน ส่วนแฟนกูตกอยู่ในมือมัจุราชแทน...รู้สึกหมั่นไส้ไอ้เพื่อนรักอย่างบอกไม่ถูก


     "โธ่เว้ย!" ผมสบทลั่น ต้องรีบไปช่วยโย ว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ไปที่ห้องของอัลสไวเดอร์ก่อนจะเปิดพรวดเข้าไปอย่างไร้มารยาท


      "โยไปหาอาร์วาร์คแล้ว"


      "ว่าไงนะ" พ่อตาผมร้องรลั่นอย่างตกใจ ผมยื่นจดใหมายให้เขาอ่าน เมื่ออ่านจบ เจ้าตัวถึงกับกุมขมับ


      "เราต้องไปช่วยโย ตอนนี้เดี๋ยวนี้" ผมบอกเสียงกร้าว


     "แต่คนของเรามีน้อยกว่าจะประทะตรงๆ คงยาก ยังไงก็ต้องลอบเข้าไปอยูดี เราควรจะมีแผน

     "กว่าคุณจะมีแผนโยไม่โดนสังเวยก่อนหรือไง" ผมตะโกนลั่น เผลอปล่อยไอพลังจนลูกน้องของ อัลไสวเดอร์ก้าวถอยอส่าวหวาดหวั่น


     "แต่กว่าเราจะฝ่ากำแพงเข้าไปได้ คนของเราคงตายหมด"


    "จำนวนคนใช่ไหมที่คุณต้องการ"


    "ใช่!!!!!"


    "ผมจะเรียกใช้คนของสภา" ผมบอกถึงเวลาที่ต้องใช้อำนาจของซานซิโอ ในมือเสียแล้ว


    "แต่สภาอาจจะ..." อัลไสวเดอร์ มีท่าทีลำบากใจ


    "เรื่องคดีของคุณกับอาร์วาร์คผมสั่งระงับก่อนได้ หลังจบงานนี้ค่อยว่ากัน ผมปล่อยตามแผนของคุณมานานแล้วเพราะโยเชื่อมั่นในตัวคุณ แต่ตอนนี้ผมจะใช้วิธีการของผม" ผมเอ่ยเสียงเย็นบ่งบอกว่าเอาจริง  "คุณคงไม่ได้กลัวคุกนิฟเฮมมากกว่าการที่เด็กที่รักเหมือนลูกกำลังจะตายหรอกนะ"


    "ไม่...ฉันไม่ได้กลัวโดนสภาจับ...ถ้ามันได้ฉันก็ยินดีร่วมมือ"


    "งั้นก็ตกลงตามนั้น"


      ว่าแล้วก็เดินออกไปโทรศัพท์ขอกำลังจากสภาโดยให้ซอนเน่ช่วยอนุมัติ พี่สาวผมด่ายับเลยครับที่ปิดบังเรื่องตระกูลอาร์เคนแต่เธอก็ยินดีช่วยส่งคนของสภาในภูมิภาคยุโรปมาให้กว่าร้อยนายแต่ก็ไม่วายคาดโทดคิดบัญชีผมแน่หลังจบเรื่อง สั่งงานคนใต้บังคับบัญชาเสร็จสรรพก็เดินไปหาไอ้หมอ ได้ยินมันคุยกับน้องข้าวฟังดูจริงจังจึงหยุดฟังอยู่หน้าประตู  ได้ยินน้องมันคร่ำครวญเรื่องเพื่อน อ้อนไอ้หมอเปลี่ยนมันให้กลายเป็นอมนุษย์บอกเลยว่าโกรธไม่ลง ไอ้ข่าวมันคงห่วงโยไม่ต่างจากผมหรอก แต่ก็ไม่มีเวลาให้พวกมันโอ๋กันมากหรอกครับจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป...ขัดจังหวะเเม่ง ทำกุอิจฉา


    "มาคุยกันหน่อยริค" ผมเอ่ยเรียนไอ้เพื่อนรัก


    "พะ...พี่รอท เรื่องโย..." น้องข้าวมีท่าทีลนลานที่เห็นผม สีหน้ามันอย่างกับหมาหงอย คงรูสึกผิดจริงจัง


    "มันไม่ใช่ความผิดเราหรอกพี่เข้าใจ ไม่ได้โกรธ อย่าคิดมาก" ว่าพร้อมตบบ่ามันเบาๆ ย้ำคำพูดตัวเอง ก่อนจะพยักเพยิดเรียกเพื่อนให้ตามออกมาพร้อมเดินนำไปยังห้องของอาร์วาร์คที่ต้อนนี้ตัวแทนของสภามาถึงแล้ว สะดุดตากับสาวผมแดงตาสีมรกตที่เดินนวยนาถมากอดคอพวกผม


     "ไง ยูจีน" ไอ้หมอเอ่ยทัก


     "มีเรื่องสนุกไม่บอกกันเลยนะที่รัก มันน่าน้อยใจไหมเนี่ย" เสียงหวานตัดพ้อหน้างอ


      "แล้วทำไมมาได้ละ" ผมถาม


     "บังเอิญรับงานอยุในเยอรมันช่วงนี้ พี่ซอนเน่เลยโทรมาขอแรง ฉันรู้เรื่องแล้วละ คุณอัล...เล่าให้ฟังหมดแล้ว" เธอว่าพลางดึงพวกผมนั่ง "ถึงว่าเวลาใกล้โยมันดึงดูดแปลกๆ แถมนี่ยังมีผลกระทบกับพวกเราทั้งหมด จะให้อยู่เฉยๆ คงไม่ได้อีกอย่างฉันก็เอ็นดูน้งมันเกมือนน้องชายคนหนึ่งด้วย"


     "แผนก็ง่ายๆ ไอ้ริคนำคนประทะเข้าทางกำแพงจากเหนือและใต้ต้องขอเเรงมือดีของคุณเพื่อดึงความสนใจ ส่วนคุณนำผมลอบเข้าไปในทางลับที่คุณเคยบอกไว้ในตอนแรก แต่ถ้ากำแพงถล่มไวเราก็จะเข้ทางประตูหลักแทน ส่วนพวกที่บินได้ให้เข้าไปป่วนหลังกำแพงและพยายามเปิดประตูจากด้านในอาจต้องรบกวนซัคคิวบัสอย่ายูจีน งานนี้อาวุธครบมือ จับตายสถานเดียว"


     "เรามีเวลาเท่าไหร่ก่อนจะเริ่มพิธี" ไอ้หมอถาม


     "ก่อนเที่ยงคืน พิธีส่วนใหญ่อาศัยพลังของดวงจันทร์ ต้องทำเที่ยงคืนเพราะเป็นช่วงที่ดวงจันทร์มีพลังมากที่สุด
ยิ่งกับพิธีใหญ่ๆ อย่างอัญเชิญซาตานยิ่งต้องทำ เพราะเวลาอื่นมีโอกาสที่พิธีไม่สมบูรณ์สูงมาก อาร์วาร์คทุ่มเทกับเรื่องนี้มานานคงไม่อยากเสี่ยง" ทายาทอาร์เคนอธิบาย


    "ผมก็หวังให้มันเป็นแบบนั้น"


     หลังจากจัดการนัดแนะทุกคนจึงรีบพากันลงมาด้านล่างที่มีรถจอดเตรียมไว้ ไอ้คุณเพื่อนไม่วายไปร่ำลาเมียรักอยู่หน้าประตูโรงแรม ข้าวหอมยังคงสีหน่าไปสู้ดี ถอนใจเฮือกๆ อย่างร้อนรนแบบคนที่ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้คงอยากเปลี่ยนเป็นอมนุษย์มากเลยสินะ ไอ้หมอทำไม่ได้เพราะต้องเก็บแรงไปรับศึกใหญ่ สาวนผมนี่ไม่ต้องพูดถึง ยังไงก็อยากไปลากเมียกลับมาด้วยตัวเอง หันมามองยูจีนข้างกาย สาวสวยระบายยิ้มอ่อนก่อนมองหน้าผมเหมือนตัดสินใจอะไรได้


     "ถ้าไม่มีฉัน สู้ไหวไหมที่รัก"


     "ก็พอไหว...หืมทำไมถามละ" ผมมองเธออย่างฉงน


      "มีธุระต้องทำ"


     "อะไร?"

   
      "สงเคราะห์เด็กตาดำๆ" ผมมองตามสายตาเธอไปหยุดที่น้องข้าวก็เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร


      "งั้นฝากด้วยนะ"  บอกก่อนจะเรียกไอ้เพื่อนริคขึ้นรถ


       หวังว่าคงไปทัน ต่อให้ต้องฆ่าพวกมันทิ้งห่อเผาปราสาทนั้นจนสิ้นซากผมก็ต้องเอาเมียผมกลับมาให้ได้ สำหรับความดื้อรั้นจนเกิดเรื่อง แถมยังไม่ไว้ใจกัน จับตัวได้พ่อ จะลงโทษให้หนัก จะเอาให้เตียงพัง ครางลั่น ขาเดี้ยงจนหนีไปไหนไม่ได้อีกเลยคอยดู


Talk Talk
[/b]

-เราหายไปนานมาก อย่าโกรธกันเลยเราขอโทษ คอมเรายังอยูศูนย์ มันเก่ามาหาอะไหล่ไม่ได้เพราะเป็นโน๊ตบุค จึงตัดสินใจพิมในไอแพด  อาจมีคำผิดเยอะมาก :katai1:

-ตอนนี้สอดแทรกมุมมองของอาร์วาร์คเล็กน้อย เผื่อใครจะเข้าใจฮีบ้าง :mew4:

-สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณทุกท่านท่ติดนาม วาดรูปปรากิบจริงจังอยุไว้เดี๋ยวเอามาโชว :katai2-1:

หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 29 ตาม p.10 up 23/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-08-2015 02:15:36
รีบมาอีกน้า รออยู่ตลอดดด
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 29 ตาม p.10 up 23/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 23-08-2015 07:34:54
ตัวเองทำให้เลือดผสมเกิดมาเองแท้ๆ ยังมีหน้ามาชิงชังอีก
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 29 ตาม p.10 up 23/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-08-2015 07:59:01
 :ling1:    แง้.  ลุ้นง่า
พี่รอทมาให้ว่องแต่วางแผนให้ดีๆก่อนนะ
ขอบคุณคนเขียนจ้า. รอเสมอ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 29 ตาม p.10 up 23/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-08-2015 15:42:34
ช่วยโยให้ได้น่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่ 29 ตาม p.10 up 23/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 30-08-2015 22:03:23
บทที่ 30 สิ้นสุด
[/b]

   Rote Say

     แม้อากาศในตัวเมืองจะดูเย็นสบายแต่ในป่าดำแห่งนี้กับเย็นเยือกราวกับโลกหลังความตาย เราเคลื่อนพลไปยังเป้าหมายอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว ในไม่ช้าคงมีการสูญเสียไม่ฝั่งเราก็ฝั่งมัน แม้จะดูเห็นแก่ตัวไปนิดที่เอาชีวิตคนเหล่านี้มาแลกกับโยนาห์เพียงคนเดียว แต่สำหรับผมต่อให้เป็นร้อยเป็นพัน ก็ไม่มีค่าเท่าชีวิตคนที่เรารัก เราแยกกันก่อนถึงหน้าปราสาทอาร์เคนหนึ่งกิโลเมตร ไอ้หมอในร่างมนุษย์หมาป่าดูเข้ากันดีราวกับเป็นเจ้าแห่งพรงไพรนำทัพไปประทะตรงกำแพง ส่วนอัลไสวเดอร์และผมมุ่งตรงไปยังทิวเขาด้านตะวันออกของปราสาท เราเดินเลาะไปตามตีนผาที่สูงชันสุดสายตาเมื่อแหงนมองก่อนจะหยุดนะจุดหนึ่ง


    "ตรงนั้นล่ะ" อัลไสวเดอร์เงยหน้าชี้ไปยังปากถ้ำเหนือหัว ตรงหน้าผา หากต้องไปตรงจุดนั้น สำหรับมนุษย์อาจต้องเป็นนักปีนเขามืออาชีพกับอุปกรณ์ครบมือ แต่สัมหรับอมนุษย์แบบพวกเขาก็แค่ปีนป่ายสลับกับกระโดด ใข้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ


    "ให้พวกเราช่วยนะ" กากอยสองตนดึงร่างผมกับทายาทอาร์เคนบินมาส่งทีหมาย รอจนคนอื่นๆ ขึ้นมาครบจึงเดินต่อ แว่วเายงระเบิดเสียงถล่มมาจากที่ไกลๆ เดาว่าทางฝั่งริคคงเปิดศึกกันแล้ว


     "ชอบอะไรในตัวโย ไม่สิต้องบอกว่ารักสินะ" อัลสไวเดอร์ถามขึ้นขนาดที่เราเดินเลาะไปตามแนวหินงอกหินย้อย ความมืดดูจะไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่นัก


     "รอท ที่ฉันได้ยินเป็นคนฉลาด การที่นายใช้อำนาจของตระกูลเกณฑ์คนของสภามาช่วยคนๆ เดียว มันจะไม่สั่นคลอนชื่อเสียงของซานซิโอหรอกหรอ อีกทั้งความน่าเชื่อถือในสภากลางอาจสั่นคลอน ซึ่งฉันว่าเธอก็รู้เรื้องนี้ดีอยู่แล้ว"


      "โย มีค่ามากกว่าชื่อเสียงเหล่านั้น แต่จะถามว่าชอบหรือรักที่ตรงไหน คงเป็นทุกอย่างที่เป็นโยนาห์นั่นแหละ"


      "ความรักนี่แปลกดีนะ"


      "ใช่ มันแปลก รู้ตัวอีกทีสายตาก็หยุดอยู่ที่คนๆ เสียแล้ว เหมือนที่คุณรักคุณอุษา มันทำให้คุณยอมทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข รวมถึงรักลูกชายที่เธอรักด้วย ผมพูดถูกมั้ย" ว่าจบก็หันไปสบตาสีเทาคล้ายของคนรัก ซึ่งอีกฝ่ายทำเพียงพยักหน้ารับ


      "ถึงแล้ว หลังผนังนี่เป็นประตู" อัลไสวเดอร์พาพวกเราหยุดที่ผนังหินปูนผืนใหญ่ หลังจากเดินเข้ามาลึกจนไม่อาจได้ยินเสียงภายนอก หากสังเกตุดีๆ มันดูเรียบเกินกว่าจะเกิดจากธรรมชาติ อาจมีกลไก หรือ เวทย์ผนึกไว้ ซึ่งผมก็เดาไม่ผิด เื้อเจ้าของผมสีเงินยาว วาดวงเวทย์ด้วยเลือดที่กัดจากนิ้วตนก่อนพึมพำภาษาอารบิกโบราณ ไม่นานผนังที่ว่าก็สลายหายไปราวกับไม่เคยอยู่ตรงนั้น เผยให้เห็นทางเดินหินแกรนิตยาวๆ ที่ขนาบข้างด้วยห้องขังทั้งใหญ่และเล็ก


      เราเร่งเคลื่อนตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ในชั้นใต้ดินนี้ไม่มีคนของซาโตนี่ซักตน เดาว่าอาร์วาร์คคงไม่คิดว่าเราจะเข้ามาทางนี้จริงๆ แต่พอถึงโถงกลางชั้นหนึ่งการปะทะก็เริ่มขึ้น พวกมันดูตกใจไม่น้อย่โดนตลบหลัง เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวจึงโดนจัดการราบคาบในเวลาไม่นาน


     "ห้องพิธีอยู่ชั้นไหน" ผมถาม


     "ชั้นสี่ โดมตรงทิศตะวันออก"


      ผมวิ่งนำไปตามทางบันไดวนที่อัลไสวเดอร์บอก รับมือพวกที่กระโจนเข้าใส่ไปพลาง ณ วินาทีนี้ความปราณีใดๆ คงไม่มีเพราะบอกตามตรงว่าผมรีบ กลิ่นเลือดบวกกับที่รู้สึกห่วงโยนาห์ ทำเอาภายในร้อนรนพุ่งพล่าน ฉีกกระชากทุกอย่างที่ขวางทางจนร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือด ตอนนี้ห้าทุ่ม แค่ชั่วโมงเดียว บ้าเอ๊ย...โครม! ผมออกแรงยันแวร์วูฟที่กระโจนใส่จนร่างใหญ่กระเด็นชนราวบันไดหินแตกยับก่อนร่วงลงไป...อีกแค่สองชั้น


     บูม!!!! บันไดหินสู่ชั้นสี่ถูกระเบิดเป็นจุนตัดทางเรา ผมกระโดดข้ามช่องว่างนั้นสุดแรง ก่อนโถมเข้าใส่ไอ้ตัวจุดชนวนแล้วบิดคอมันให้หักคามือ อัลไสวเดอร์โดดตามมาติดๆ และคนอื่นๆ ในลำดับถัดมา



       "ข้างหน้าเรียบร้อยแล้วหรอ" ผมถามเมื้อเห็นแวร์วูฟสีน้ำตาลตัวใหญ่ กระโจนมายืนเคียงข้าง...ไอ้หมอริคนั่นแหละครับ


      "ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว" มันตอบเสียงทุ้มฟังดูแหบสากเพราะไม่ได้อยู่ในร่างคน "จะเอาไงต่อ" มันถามพลสงมองไปตรงหน้า


      ผมมองตาม เวรเถอะ! นี่มันกองทัพอมนุษย์นานาพันธุ์ชัดๆ สู้อะไหวแต่กว่าจะถึงตัวโยมีหวังไม่ทันแน่ ขนาดกำลังประมวลมวลผลทางอื่น ซึ่งไม่มีหรอก กระจกตรงหน้าต่างข้างๆ ก็แตกดังเพล้ง!...เผยร่างต้นเหตุที่พุ่งเข้ามา


     "น้องข้าว!/ตัวเล็ก!" ผมกับไอ้หมอตระโกนออกมาพร้อมกันอย่างตกตะลึก ข้าวที่ยิ้มแหยๆ เกาหัวแกรกๆ พร้อมเดินมาหาเรา ปีกสีดำคล้ายอีกาหุบไว้ข้างกายกับหางปลายลูกศรที่กวัดแก่งตามจังหวะเดิน ไปนจะปลายหูแหลมๆ และเขี้ยว เล็กๆ โผล่พ้นริมฝีปากเล็กที่เผยอหอบนั่นอีก ทุกคนกำลังมองอึ้งๆ ส่วนเพื่อนผมที่ตอนแรกอึ้งแต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสายตาหลงไหลแทน...มันใช่เวลามาหื่นไหม เมียกูกำลังจะตายเนี่ย


      "พี่ยูจีนเขาช่วยนะ" น้องมันอธิบายสายตาลุ้นๆ ว่าจะโดนผัวว่าหรือไม่ อิหมอไม่ตอบแต่คว้าเมียมันไปกอดเลยครับ "พี่ริค เฮ้ย! หยุด...พี่รอทเดี๋ยวผมพาบินไปเข้าทางด้านบนแทน พังกระจกโดมเข้าไปน่าจะดีกว่า"


      "แล้วคนอื่นๆ ละ" ผมถาม


      "ให้พี่หมอพาฝ่าเข้าไป...แฟนข้าวเก่งอยูแล้วเนอะ" ไม่วายหันไปอ้อนเสียงอ่อนใส่ไอ้แวร์วูฟตัวโต "ผมกับพี่รอท อ่า...แล้วก็คนอื่นๆ ที่บินได้จะเข้าไปขวางพิธีก่อนและพยาสมมจะช่วยไอ้โยให้ได้ ไม่ไหวยังไงเราก็จะยื้อจนกว่าที่เหลือจะตามมา...โอเคไหม?"


      "ฟังดูเข้าท่าดี ไม่มีเวลาแล้วตกลงตามนั้น" อัลไสวเดอร์ที่เงียบอยู่นานเอ่ยสรุป


      "ตามมาไวๆ นะครับ" ว่าแล้วน้องมันก็หอมแก้มขนๆ ไอ้ริคไปที แวร์วูฟตัวโตคำรามรับในคอ ข้าวเดินมาคว้าแขนผมก่อนจับไว้มั่น แล้วทะยานสู่อากาศ ...ไอ้หมอตามมาคงใช้เวลาไม่นาน ดูจากร่างที่โดนมันเหวี่ยงกระจาย คงเพราะได้กำลังใจดี...หมั่นไส้โว้ย!


     "ปล่อยพี่ลงตรงนี้เลย เดี๋ยวพังกระจกให้"


      เพล้ง!!!  ผมทิ้งตัวผ่านโดมกระจกมายืนบนพื้นหินอ่อน ก่อนที่คนอื่นๆ จะตามลงมา น้องข้าวเองก็มายืนข้างตัวเช่นกัน

   ไอพลังมหาศาลแผ่กระจายไปรอบห้องดึงสายตาให้ไปหยุดที่ร่างคุ้นเคยบนบรรลังย์ลายวิจิตรที่เบื้องหลังเป็นงานแกะสลักหินที่ชื่อว่าประตูนรก...ดวงตาสีเลือดที่จ้องมาทำเอาผมชาวาบไปทั้งตัว นี่ไม่ใช่โยนาห์ที่ผมรู้จัก ไม่จริง! ผมมาช้าไป ทั้งที่ยังไม่เที่ยงคืนแท้ๆ แต่พิธีมันสำเร็จไปแล้ว ความเสียใจความตึงเครียดผิดหวังโถมเข้ามาในใจ มันคงน้อนกลับไม่ได้เสียแล้ว


      "แกมาช้าไปเด็กน้อย...โยนาห์คงไปรอพวกแกในโลกหน้าแล้วละ ฮ่าๆๆ" อาร์วาร์คหัวเราะลั่นอย่างสะใจ ขนาดที่ยังยืนอยู่ข้างๆ ร่างของโยอย่างภักดี...อยากจะพุ่งไปจับมันฉีกเป็นชิ้นๆ ซะเดี๋ยวนี้


      "รอท ราฟาเอลโล่ ซานซิโอ สินะ ในหัวเด็กคนนี้มีภาพเจ้าเต็มไปหมด อ่าาา คงรู้นะว่าข้าขึ้นมาบนโลกนี้เพาะอะไร" ลูซิเฟอร์ในร่างคนที่ผมรักเหยียดยิ้มร้าย ก่อนจะหายวับมายืนประจันหน้าผมในพริบตา...ไวเกินไปแล้ว
      "ข้าต้องการกลับไปล้างแค้นที่แดนสวรรค์และแน่นอนจำเป็นต้องผ่านโลกใบนี้เพื่อเปิดประตูนั่น และมันคงจะดีถ้ามีสายเลือดที่แข็งแกร่งของเจ้าคอยช่วยเหลือ" มือเรียวไล้ไปตามแก้ม ดวงตาที่จ้องมาราวกับตรึงขาผมอยู่ตรงนั้นจนไม่อาจขยับ
      "ข้าสัมผัสได้ถึงพลีงในตัวเจ้า คงน่าเสียดายแย่หากต้องกำจัดทิ้งเพียงเพราะเจ้าจะโง่เง่าขวางทางข้า ข้ารับรองจะตอบแทนให้เจ้าอย่างเหมาะสม"


       "หึ...ใครมันจะไปร่วมมือกับแกกัน" ผมปัดมือที่เคยชอบจับนั้นออกอย่างรังเกียจ


       "แต่ถ้าเจ้าร่วมมือ ร่างกายนี้ที่เจ้าปรารถนาจะยังเป็นขอเจ่าอยู่ต่อไป" ไม่ใข่แค่พูดแต่ลูซิเฟอร์กลับดึงมือผมไปลูบไล้แผ่นอกเนียนแต่ผมก็สะบัดออกในทันที...ร่วมมือเพื้อแลกกับร่างกายนี้นะหรอ...หึ


       "ไม่! ไม่มีทาง ก็แค่ร่างที่หน้าตาเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่โยนาห์ที่ผมรู้จัก มันก็ไม่ ความหมายอีกต่อไป" ผมตะโกนลั่นพร้อมดึงหอกลองกินุสที่ใส่ด้ามเป็นหอกั่นออกมาหวดใส่ร่างตรงหน้าแต่เจ้าตัวกลับหลบได้อย่างรวดเร็ว...คำสัญญาที่ให้ไว้กับคนรักกึกก้องอยู่ในหัว...หากโยต้องกลายเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมจะฆ่ามันด้วยตัวเอง


      "แก...อัก" อาร์วาร์คที่ทำทาาจะเข้ามาขวางกับโดนคูแฝดตนที่เพิ่งเข้ามาถึงกระโจนใส่จนล้มกลิ้งไปอีกมุม การตะลุมบอนจึงเริ่มขึ้น โดนผมกับไอ้เพื่อนตายอย่างไอ้หมอพุ่งเป้าไปที่ลูซิเฟอร์


      โครม! เพล้ง! เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ร่างผมกับแวร์วูฟตัวยักษ์ถูกเตะกระเด็นหลังจทกพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย ทำเอาเจ็บร้าวไปทั้ัตัว ผมฝืนยันการลุกขึ้นอักครั้งอย่างสุดกลืน แม้รู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายมีพลังมหาศาลและไร้ทางสู้ ในขนาดที่ไอ้หมอสิ้นฤทธิ์อยู่ข้างๆ เดือดร้อนน้องข้าวฝ่าดงตีน่าดูอาการ


     "พวกเจ้านี่มันน่ารำคาญเสียจริง คิดว่าไอ้หอกง่อยๆ นั่นจะทำอะไรข้าได้ ต่อให้ได้ น้ำหน้าอย่างเจ้านะเหรอจะปักมันลงที่อกข้า" ลูซิเฟอร์เหยียดยิ้มหยัน พลางคว้าคอคนของสภาที่เข้าจู่โจมแล้วหักทิ้งคามือ "รอท...ยอมร่วมมือซะเถอะน่า ดีกส่าเอาชีวิตไปทิ้ง"


     "ไม่มีวัน!" ผมตอบกลับเดือดดาล ต่อให้ต้องตายผมก็จะเอามันตายไปด้วย...โยคงไม่ต้งการให้ร่างตัวเองถูกใข้อย่างชั่วร้ายแน่ๆ และเป็นอีกครั้งที่ผมพุ่งเจ้าใส่มันสุดแรงและฉับพลันทำเอามันที่ไม่ทันตั้งตัวล้มกบิ้งไปถามกัน


     "แก..." มันกัดฟันกรอดก่อนพลิกร่างขึ้นคร่อมผมแล้วบีบคอแน่น เพิ่มแรงขึ้นเรื้อยๆ จนเจ็บแปลบ ผมพยานามแกะมือมันออกแต่ไร้ผม...ปล่อยไว้คงตายแน่ อึดอัด ทรมาน แต่ก่อนจะตาย ขอเหอะ! ผมรวบรวมแรงปะกหอกใส้อกมันด้วยสองมือแต่กลับถูกรั้งด้วยมืออีกข้างที่ว่างอยู่ "โง่ เจ้ามันโง่ หอกนี่เอาไปปักอกตัวเองเถอะ"


     ลูซิเฟอร์พลิกมือผมหันเข้าหาตัวก่อรกดปลายหอกลงมาเรื่อยๆ โดนที่ผมพยายามยั้งแรงนั่นไว้ จนค้างเติ่งอยู่บนอกบาดผิวพอเลือดซึม ผมจ้องใบหน้าที่เคยหลงไหล นัยน์ตาดีเลือดที่จ้องมาอย่างเกรี้ยวกราดคู่นั้นที่เคยเป็นสีเทาสวย และเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ที่โยมีให้ ผมยังตายไม่ได้...ไม่...ผมยังทำไม่สำเร็จ แต่ร่างกายดันไม่เป็นใจเพร่ะมันไม่อาจรั้งแรงนั้นไว้ได้อีก น่คนอย่างรอทต้องมาตายแค่นี้จริงหรือ ในขนาดที่ผมสิ้นหวังแรงที่กดลงมากับจสงหายไปพร้อมมือที่บีบคอผมแน่นเริ่มคลานออก ใบหน้าสวยเริ่มบิดเบี้ยวอย่างสับสน ดวงตาคู่สวนเปล่ยนเป็นเทาสลับแดงคล้ายมีบสงสิ่งต่อต้านอยู่ภายใน


      "เจ้าเด็กบ้า ออกไปจากหัวข้า...อ๊าก... เจ้าควรจะตาย วิญญาณเจ้าควรจะตาย....เจ้าก็ด้วย" และแล้วร่างบางก็กลับมาจู่โจมผมอีกครั่ง มือเรียวบีบขย้ำคอผมแน่กว่าเก่า ส่วนอีกข้างกระชากหอกไปจากมือผมก่อนเงื้อขึ้นสูง ผมได้แต่หลับน้อมรับชะตากรรมอย่างสิ้นหวัง...ขอโทษนะที่ทำตามสัญญาไม่ได้


      ฉึก! เลือดสีสดสาดกระเซนไปทั่วพื้นเมื่อหอกลองกินุสปักลงผิวเนื้อ ผมลืมตามองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึงเมื่อนั่นไม่ใข่เลือดของผม แต่เป็นของร่างบางข้างบนที่บัดนี้ทำเพียงมองผมด้วยรอยยิ้มและดวงตาสีเทาเศร้าสร้อย ก่อนจะดันหอกทั้งเล่มให้ฝังจนมิดด้ามแล้วดึงออก เรียกเลือดให้ไหลทะลักจนอาบไปทั้งตัวโยและผม หอกถูกทิ้งลงข้างตัวด้วยมือที่อ่อนแรงแล้วร่างบางก็ล้มฟุบลงบนอกในทันใด


      "รอท" เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียก ก่อนที่ร่างของโยนาห์จะแน่นิ่งไป สมองที่ก่อนหน้ายังมึนตื้อเริ่มประมวลผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น แววตาสุดท้ายที่เห็นนั่นคือคนที่ผมรัก โยจบทุกอย่างด้วยตัวเองและ...ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ผมเอื้อมมือที่สั่นเทากอดร่างบางไว้แนบอก กอดไว้แน่นราวกับว่าหากปล่อยมันคงสลายไป โย...ตายแล้ว!?นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกสูญเสียเพราะโยนาห์เป็นคนแรกที่ผมเลือกจะรักแต่ทำไมถึงได้มาจากผมไปทั้งที่ยังอยู่ด้วยกันไม่นาน โยนาห์ตรงหน้ายังคงหลับตาพริ้มหากเป็นในยามเช้าของทุกวันผมคงมีความสุขที่เฝ้ามอง แต่ตอนนี้ผมรู้ดีว่าเจ้าตัวคงหลับไปตลอดการ...เจ็บปวดเหลือเกิน อึดอัดเหมือนถูกบีบไปทั้งใจ ผมขอโทษ ผมผิดเอง...โยนาห์ หากผมรอบคอบกว่านี้ ระวังมากกว่านี้ ไม่ทิ้งโยให้อยู่คนเดียวเรื่องบ้าๆ นี่คงไม่เกิดขี้น อาร์วาร์คแค่โดนกำจัด แล้วเราก็อยู่ด้วยกันไปจนตาย ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนกลับน้ำตาที่เริ่มเอ่อก่อนมันจะไหลอาบแก้ม ผมร้องไห้ คนอย่างรอทกำลังร้องไห้ อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อนแม้กระทั่งตอนเกิด


...ภาวนาให้ปราฏิหารเกิดขึ้นอีกครั้ง ได้โปรด อะไรก็ได้ ผมขอร้อง หากต้องอยู่ต่อไปโดยไม่มีคนที่รักผมคงตายทั้งเป็น...


Talk Talk
[/b]


-ยังไม่จบหรอกนะแค่เกือบๆ อัพช้ามากขออภัย นั่งพิมในไอเเพท ยากมากมาย

-เดี๋ยวจะมีตอนพิเศษของซัคคิวบัสมือไหม่อยู่ซักหน่อย หวังว่าจะยังอยู่ด้วนกันนานๆ นะ

-เรามีโครงการจะทำเล่มเเต่คั้งใจจะซาวเสียงคร่าวๆ ก่อน ถ้ามีคนสนใตอาจทำขาย แต่คงราคไม่แพง อยากให้ออกมาเป็นหนังสือน่าสะสมมากกว่า เพราะเราตั้งใจจะทำเก็บเป็นที่ระทึกให้ตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งส่วนหนังสือตั้งใจจะวาดภาพประกอบใส่เยอะๆ วาดปกเอง อยากให้มันเป็นมากกว่านิยายคือเป็นงานอาท ควรแก่การสะสมอะไรประมานี้ คิดเห็นเช่นไรบอกกล่าวด้วย ตอนนี้นั่งลงสีหน้าปกอยู่ งานดรออิ้งสีไม้ละเอียดยิบ สามวันแล้วได้แต่ ดอกไม้ ฮ่าๆ


- สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ทำให้จินตนาการของคนๆ นี้มาค่าขึ้นมาขิบคุณจริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 30-08-2015 22:15:24
เอาใจช่วย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-08-2015 22:30:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 30-08-2015 23:23:16
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-08-2015 02:27:28
โยต้องอยู่ซิ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 31-08-2015 06:20:58
พี่รอท อย่าพึ่งร้องสิ เค้าจะร้องตามแล้วนะ โย ฟื้นสิลูก
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-08-2015 06:42:10
 :sad4:  โย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 31-08-2015 14:32:10
โยตายจริงๆหรอ? แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 31-08-2015 21:55:40
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/150831030447.jpg) (http://picture.in.th/id/0af98de1c11276d9a4ebfb622db190eb)


Sample หน้าปกที่กำลังวาดเล่นๆ อีกเยอะเลย เฮ้อ :-[
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 31-08-2015 22:37:11
โอ๊ยยยย จะร้องไห้ สงสารโยมาก
คือพึ่งจะอ่านรวดเดียววันนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย
ง่าาาาาา สงสารโยกับรอทที่สุดเลย TTT o TTT
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-08-2015 23:22:22
น่าสงสารจุง
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: lovelypolly ที่ 07-09-2015 02:38:20
  :hao5: :hao5: งือ งือ ไม่นะ มันต้องไม่เป็นแบบนี้เซ่!!!!
ตามอ่านทันแล้ว รอลุ้นปาฏิหารย์อยู่นะค่ะ มาต่อไวๆเถอะ เค้ารออยู่.....
ส่วนเรื่องหนังสือ สนใจอยู่นะ แต่ขอทราบรายละเอียดกับราคาก่อนได้มั้ย
จะได้ตัดสินใจถูกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 11-09-2015 18:17:38
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 17-09-2015 14:26:35
มันยังไม่เที่ยงคืนสินะ พิธีจึงไม่สมบูรณ์
ภาวนาให้มีปาฏิหารย์แห่งรัก สงสารโยและรอทจับใจ ทำไม?? #ร้องไห้
รออ่านต่ออยู่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 17-09-2015 18:14:06
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที30 สิ้นสุด(ใกล้ละ) p.11 up 30/8/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 18-09-2015 22:30:19
บทที่ 31 บทส่งท้าย
[/b]

Yonah Say
   สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือความเจ็บแปลบที่หัวไหล่เพราะถูกฉีดยาสลบเข้าตัว ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในความมืด เวิ้งว้างว่างเปล่าสุดลูกหูลูกตา มันอาจเป็นความฝันหรือไม่ก็โลกหลังความตาย คิดได้แบบนั้นมันก็ชวนให้ใจหายวาบ...ไม่จริงนะ ผมอาจจะแค่หลับไป  คนที่ผมเฝ้าภาวนาให้ตามมาช่วยคงไม่ได้มาช้าเกินไป นึกถึงดวงตาสีฟ้าสดใสนั่นแล้วรู้สึกมีความหวัง...นี่สินะที่เขาว่าหากนึกถึงคนที่เรารักมันมักทำให้เรามีพลังขึ้นมาได้ จะว่าไป รอทเองป่านนี้คงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ผมหนีมาแบบนี้  อยากเจอหมอนั่นจัง...อยากเจอ...อยากเจอ พลันภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไป

   รอท!...ผมร้องเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าหากแต่ไม่มีเสียงใดออกจากปาก ตอนนี้ผมนั่งคร่อมอยู่บนร่างของคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด แต่ทำไมดวงตาคู่นั้นดูเจ็บปวดและสิ้นหวังนัก นอกจากนั้นมือของผมยังกำลังบีบคออีกฝ่ายแน่น...ไม่นี่ไม่ใช่ผม แต่เป็นร่างผมที่คงโดนลูซิเฟอร์ชิงไปแล้ว ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้! ผมได้แต่กรีดร้องในใจอย่างบ้าคลัง ฆ่าไม่ได้ ผมพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดคล้ายมือตัวเองออก...หยุด เชี่ย กูบอกให้หยุด ลูซิเฟอร์ห่าเหวอะไรกูไม่สน นั่นแฟนกู  นี่ตัวกูเอาคืนมา...

   "เจ้าเด็กบ้า ออกไปจากหัวข้า...อ๊าก... เจ้าควรจะตาย วิญญาณเจ้าควรจะตาย....เจ้าก็ด้วย" ลูซิเฟอร์ตวาดลั่นก่อนมือที่ผมพยายามออกแรงรั้งไว้จะถูกแรงมหาศาลยื้อไปคว้าเอาหอกลองกินุสก่อนกระชากขึ้นสูงอย่างคุมไม่อยู่หมายจะปลิดชีพคนที่ผมรัก รอทหลับตารับชะตากรรมตัวเองลงอย่างสงบ...ไม่!!! มึงต่างหากที่ต้องตาย งั้นก็ตายไปพร้อมๆ กันนี่แหละ...

   ฉึก!!! หอกลองกินุสปักลงบนอกผมด้วยมือตัวเอง...สำเร็จ...ผมทำสำเร็จ แม้จะเจ็บปวดจากบาดแผลแต่เมื่อมองหน้ารอทที่จ้องผมตอบอย่างตื่นตะลึงพลันให้รู้สึกเบาใจขึ้นทันใด มันปลอดภัยถึงสภาพสะบักสบอมเพียงใดมันก็ยังปลอดภัย จนผมหลุดยิ้มออกมาอย่างดีใจลืมความเจ็บปวดและเลือดที่ไหนนองพื้นไปสิ้น

   "รอท" ผมเรียกมันเสียงแผ่วเมื่อภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนไปพร้อมๆ กับเรี่ยวแรงที่จางหาย แย่แล้วเวลาของผมกำลังหมด ผมยังไม่ได้บอกรักมันเลย ไม่เอา...ผมยังไม่อยากตาย แต่เหมือนร่างกายผมคงยื้อต่อไปไม่ไหวเพราะตอนนี้ได้ล้มฟุบลงบนตัวอีกคน...รอทมึงกอดกูสิ...ขอเวลาอีกนิด...ยังไม่ใช่ตอนนี้...












   ราวกลับร่างนั้นล่องลอยว่างเปล่า ปราศจากความรู้สึก รอบตัวสว่างจ้าไปหมด ความตายรู้สึกแบบนี้หรอ งั้น...ผมจะได้ไปเจอแม่กับไอ้ธีรแล้วสิ แต่เดี๋ยวนะ เหมือนผมจะได้ยินใครร้องไห้จากที่ไกลๆ ใครนะเสียงคุ้นจัง ผมเดินเข้าหาเสียงนั้น มันชัดขึ้นชัดขึ้น...รอท!!

   "โย...ฟื้นสิ...โย อย่าทิ้งผมไป" เสียงสะอื้นนั้นดังอยู่ข้างหู พาให้หัวใจสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ผมรับรู้ถึงแรงกอดที่รัดตัวผมแน่น ก่อนตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่ฝันหรือโลกหลังความตาย...เพราะผมยังไม่ตาย และนี่คือความจริงที่เมื่อลืมตาผมก็เจอกับคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด และมันกำลังร่ำไห้เรียกชื่อผมไม่หยุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   "ไม่ยักรู้...ว่าคนอย่างนายก็ร้องไห้เป็น" ผมถามเสียงเบา ยิ้มขำเมื่อเห็นหน้าเหวอๆ ของไอ้คุณรอท

   "โย!" ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นร้องลั่นออกมาอย่างประหลาดใจที่ผมยังไม่ตาย อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ผมเองยังงง แม้แต่แผลตรงกลางอกก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว

   "นายยังไม่ตาย" ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นดูยินดีและสับสน "ทำไม!?"

   "จะ...จะไปรู้หรอ...อ๊ะ เบา หายใจไม่ออก" ผมโวยเพราะรอทดันกอดผมแน่นจนเริ่มหายใจไม่ออก "นี่ปราสาทอาร์เคนหรอ"

   "ใช่..." ผมมองไปรอบๆ ตอนนี้เราอยู่ในห้องโถงที่โดมกระจกด้านบนแตกกระจุย เสา พื้น หน้าต่าง ทุกสิ่งทุ่งอย่างในนี้ล้วนเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายจากการต่อสู้ รวมถึงสภาพแต่ละคนเหมือนเพิ่งผ่านศึกสงครามมา บ้างอยู่ในร่างอมนุษย์บ้างบาดเจ็บจนเพื่อนต้องช่วยพยุงบอกให้รู้ว่าทุกคนทุ่มสุดตัวเพื่อนช่วยผม...จนอดรู้สึกซาบซึ้งใจไม่ได้

   "ขอบคุณ...ขอบคุณทุกคนที่มาช่วย" ผมบอกพร้อมมองหน้าทุกๆ คน ที่เพียงแค่ยิ้มตอบกลับมา ผมมองหาตัวการที่ทำให้ต้องมาอยู่ตรงนี้...ไอ้สารเลวนั่นโดนจัดการไปแล้วหรือยัง
   
   "มันตายไปแล้ว" ไอ้ข้าวบอกพลางหลบให้ผมเห็นศพของมัน ซึ่งอัลไสวเดอร์กำลังนั่งมองอยู่ไม่ห่าง เดาว่าพ่อคงเสียใจเพราะยังไงนั่นก็พี่ชายเขา

   "มันจบแล้วสินะ" ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมหันมายิ้มให้รอท

   "ใช่...มันจบแล้ว กลับบ้านกันเถอะ"

   "อืม"

....................................................................

   หลังจากปิดเทอมอันแสนวุ่นวายชีวิตวัยรุ่นของผมก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งในเทอมสอง ถึงแม้ที่ผ่านมาผมได้สูญเสียคนสำคัญไปถึงสองคนแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยเพราะตอนนี้ผมมีพ่อที่ขี้บ่นไม่แพ้แม่ษาเลย แล้วก็ไอ้คุณรอทที่ตามติดผมไม่ต่างจากเงา เรื่องที่เกิดขึ้นที่ปราสาทอาร์เคนใช่ว่าจะได้ผ่านไปเงียบๆ พ่อโดนคดีนิดหน่อยเพราะกลุ่มคนของพ่อดันเคยไปสร้างความยุ่งยากให้กับพวกสภาจึงต้องมีการทำงานชดใช้ความผิดด้วยการเขียนตำราพิธีกรรมและภูมิเวทย์ต่างๆ แก่ห้องสุดของสภากลาง ส่วนรอทก็โดนสอบหนักแถมยังต้องเขียนรายงานยาวเหยียดเรื่องของการเกณฑ์คนของสภามาใช้ในเรื่องส่วนตัว แถมยังโดนพี่ซอนเน่บังคับไปทำงานแทนทันทีเมื่อเรียนจบ ช่วงนี้ใช้ชีวิตสบายๆครับปีสามเทอมสองไม่มีอะไรมากสำหรับมัน แถมงานนักล่าตอนนี้ก็มีคนมาทำแทนแล้วครับ ได้ยินมาว่าเป็นลูกบุญธรรมของพี่ชายรอทมาจากตระกูลราเวน...ก็ตามชื่อเลยครับ ราเวน เป็นเผ่าอีกาครับ คล้ายๆ พวกมนุษย์หมาป่าเพราะพวกนี้กลายร่างเป็นอีกาได้ครับ ส่วนผมตอนแรกก็ร่ำร้องอยากทำงานนักล่าของสภาแต่จากเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้ขอทำตัวเป็นเด็กมหาลัยธรรมดาดีกว่าครับ

   "ถามจริง วันๆ นายไม่มีเรียนหรือไงฮะ " ผมหันไปว่าไอ้คนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างกาย เอ่อวันนี้เรียนเพนท์ครับ ออกมาวาดรูปนอกสถานที่กันเป็นพระราชวังใกล้ๆ มหาลัยนี่แหละ ส่วนไอ้คุณรอทก็อย่างเช่นทุกวันถ้ามันว่างก็จะตามมาเฝ้าผม

   "มีวิชาบรรยายโดดได้ ค่อยเข้าสอบเอา" ครับ...เข้าใจครับว่ามึงเก่ง ผมได้แต่มองมันแบบหน่ายๆ เอาเถอะครับผมเริ่มชินกับการโดนเพื่อนในคณะแซวแล้วครับ แต่ที่ไม่ชินคงเป็นหมาสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่นอนกระดิกหางดิ๊กๆ อยู่ข้างไอ้ข้าวหอมนี่ละครับ

   "พี่หมอมึงไม่เข้าเวรหรือไงวะ" ฟังไม่ผิดหรอกครับนั่นพี่ริคขวัญใจน้องข้าวนั่นแหละครับ ผมเคยบอกไปหรือยังว่าแวร์วูฟนะ มีสามร่าง มนุษย์ มนุษย์หมาป่า แล้วก็หมาป่าครับ

   "กูก็ไม่รู้วะ กูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องห่วงกูมาก นี่ถ้าเสียการเสียงานจะทำไงวะแม่ง" มันหันไปดุ จนพี่ริคถึงกลับครางหงิงๆ เอิ่ม...เหมือนหมากลัวเจ้าของเลยครับ ปัญหามันเกิดก็ตั้งแต่ไอ้เพื่อนรักมันตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองเป็นซัคคิวบัสเพราะต้องการพลังมาช่วยผม แต่ก็อย่างที่รู้กันเผ่าพันธุ์นี้เขามีดีเรื่องเสน่ห์ทางเพศ ไอ้ข้าวมันเลยราศีจับออร่าวิ้งวับดึงดูดให้คนเข้ามาแจกขนมจีบอย่างช่วยไม่ได้ เดือดร้อนพี่หมอต้องมาเฝ้าถ้าว่าง ครั้นจะใส่เสื้อกราวมานั่งเฝ้ามันก็ไม่เนียนเลยมาในร่างหมาป่า จนกลายเป็นหมากันหมาอยู่อย่างนี้ละครับ

   "อ๊ายย...ไอ้ข้าว หมาที่ไหนวะ" นั่นไงครับความชุลมุนกำลังจะเริ่มเมื่อแก๊งสาวๆ กรูกันเข้ามาลูบมาคลำขนนิ่มๆ ของไอ้พี่ริค แถมพี่ท่านยังกระดิกหางรับ เรียกคะแนนนิยมไปอีกครับ...เฮ้อ! เพลียแทนเพื่อน

   "โย...งานเสร็จยัง" คนข้างตัวถามขึ้น ก่อนที่ผมจะมองสำรวจเฟลมผ้าใบของตัวเอง

   "หืม...ก็เสร็จแล้วละ"

   "งั้นกลับกันเถอะ" มันรบเร้า พลางเก็บของให้ผมเสร็จสรรพ

   "ละ...แล้วไม่รอไอ้ข้าวกับพี่หมอหรอ"

   "กลับไปก่อนเลยมึง ของกูอีกนาน" ไอ้ข้าวบอกพลางโบกมือไล่ผมด้วยครับ "ไปเลยชิ่วๆ"

   "เออ! แล้วเจอกัน"

   ไอ้คุณรอทจูงมือผมให้เดินตาม ไอ้อาการมองนาฬิการัวๆ บ่งบอกว่ามันรีบ...จะไปไหนของเขานะ มันเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งในรถก่อนตัวมันจะเอาอุปกรณ์ทั้งหมดไปวางที่เบาะหลังแล้วมาประจำที่คนขับ  นัยน์ตาสีฟ้ามองผมเป็นประกายโชวสิ่งที่อยู่ในมือ...ผ้าเช็ดหน้า!!?

   "เฮ้ย! จะทำอะไร" ผมเอี้ยวตัวหลบเมื่อมันทำท่าจะเอาผ้าปิดตาผม

   "มีเซอไพร์นิดหน่อย...น่า...ไม่เอาไปทิ้งที่ไหนหรอก" มันยิ้มกว้างยืนยันในสิ่งที่พูด...เซอไพร์ห่าอะไรวะ คงไม่ลากเอาอมนุษย์ทั่วสารทิศมาโชวร่างจริงหรือไม่ก็โชวคลังแสงที่มีขีปนาวุธให้ดูหรอกนะ ผมพยักหน้าเออออกับมันไป เอาเถอะการที่เกือบตายมาสองครั้งผัวผมมันประคบประหงมเสียยิ่งกว่าไข่ในหิน มันคงไม่ทำอะไรอันรายกับผมหรอกครับ รอทผูกผ้าปิดตาก่อนขโมยจูบหน้าผากผมไปที รับรู้ถึงเสียงเครื่องยนต์ที่เริ่มทำงานกับแรงกระชากจากรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง...เพิ่งสี่โมงเย็นกว่าๆ มันจะรีบไปไหนวะ มองก็ไม่เห็นแถมคลอด้วยเพลงป๊อปสบายๆ ผมจึงตัดสินใจเอนเบาะนอนไว้ถึงที่ให้รอทปลุกเอาแล้วกัน




   เสียงเปิดประตูฝั่งคนขับดึงผมออกจากนิทราก่อนที่รอทจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ผมก่อนที่จะจูงผมเดินออกไป ดินอ่อนนุ่ม เสียงคลื่น สายลมพัดอ่อน และแสงสีส้มที่ลอดผ่านผ้าปิดตาผืนบางบอกให้รู้ว่าที่นี่คือทะเล กลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ที่ลอยมาตามลมทำเอาผมหลุดยิ้มกับบรรยากาศแสนสงบของสถานที่แห่งนี้ อยากรู้แล้วสิว่ามันจะเซอไพร์ผมด้วยอะไร...ตื่นเต้นจริงจัง

   "ถึงแล้วครับ" มันกระซิบข้างหูให้ขนลุกวาบ ก่อนจะค่อยๆ แกะผ้าปิดตาออกอย่างเบามือ บ้านตากอากาศชั้นเดียวสไตล์โคโลเนียลปรากฏต่อสายตา รอบบ้านเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ พร้อมกับสระว่ายน้ำที่ดูกลืนไปกับวิวทะเลซึ่งตอนนี้อาบไปด้วยแสงสีแดงของอาทิตย์อัสดง คงไม่มีคำนิยามใดนอกจาก...สวย ทั้งบรรยากาศทั้งตัวบ้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายแห่งการพักพิง
   
   "ชอบไหม" ผมยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้ารับรัวๆ

   "ชอบสิ สวยมากเลย...บ้านนายหรอ"

   "เปล่า...นี่บ้านของเรา" มือกร้านคว้ามือผมไปจับ ดวงตาสีฟ้ามองผมพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น พลันให้ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ โอ๊ย...เขิน หยุดมองซักทีเถอะ เราต่างคนต่างเงียบเมื่ออีกคนยังยิ้มกว้างส่วนผมก็เอาแต่หลบสายตานั่น ถึงเราจะนอนด้วยกันอยู่ด้วยกันทุกวัน จนเหมือนมีอีกคนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่เราไม่เคยได้ทำอะไรพิเศษให้กันอย่างมอบดอกไม้ ดินเนอร์ใต้แสงเทียนหรือของขวัญแทนใจให้กันดังเช่นคู่อื่นๆ นั่นทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกในตอนนี้

   "ต...เตรียมไว้นานแล้วหรอ" ผมถามเสียงเบา

   "ก็...ตั้งแต่จบเรื่องนั่นแหละ" รอทตอบพลางเสตามองไปรอบๆ ไอ้อาการบีบมือผมเป็นพักๆ อย่าบอกนะว่ามันกำลังเขิน!!! "ที่เกือบเสียนายไป มันทำให้ผมได้รู้ว่าควรทำอะไรให้นายบ้าง แต่ติดที่ว่าโยก็เป็นผู้ชายก็ไม่รู้ว่าอะไรที่จะทำให้นายประทับใจได้  สร้อย แหวนหรือช่อดอกไม้ก็ไม่รู้ว่านายจะถูกใจหรือเปล่า ก็เลยมานั่งคิดว่าอะไรละที่ผมอยากให้นายมากที่สุด...แล้วผมก็ได้คำตอบ" มันกลับมาสบตาผมจริงจัง

   "แล้วอะไรละ"

   "บ้านไง บ้านที่เป็นของเราสองคน...เพราะสิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือการใช้ชีวิตอยู่กับนาย..." คำตอบที่ได้รับนำพาความอบอุ่นมาสู่ใจ ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอเหมือนกับผมที่แม้จะผ่านเรื่องร้ายๆ มาแต่ตอนนี้ผมกลับกำลังมีความสุขกับคนตรงหน้า

   "ขอบคุณนะ ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ" ผมโถมเข้ากอดร่างสูงซบลงกับอกกว้างนั่น ปลาบปลื้มจนน้ำตาซึม

   "อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ" เสียงทุ้มเอ่ย...มันไม่ต่างจากคำขอแต่งงานเลยให้ตายสิ ผมแทบละลายลงตรงนี้แล้วนะ

   "อืม" สุขจนพูดไม่ออกเลยครับ

   "ผมรักโยนะ"

   "อืม"

   "นี่จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ" มันว่าพลางเชยคางให้มองหน้ามัน

   "พะ...พูดอะไร"

   "โยรักผมหรือเปล่า" อ๋อนึกว่าอะไร ยังจะมาทวง

   "รู้อยู่แล้วจะถามทำไม" ผมเฉไฉ ทั้งเขินทั้งอาย ไอ้คำง่ายๆ แม่งพูดยากจังวะ...อ๊ากกกก!!!

   "ไม่พูดจะรู้ได้ไง...หืม!!!" ใบหน้าคมดูขัดใจ

   "ไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้"

   "แค่บอกรักผม...น่า...พูดหน่อยนะ" มันอ้อน เห็นแล้วอยากแกล้งเลยครับ

   "ไม่พูดจะทำไม" ยักคิ้วน้อยๆ กวนตีนมัน ไอ้รอทตีหน้านิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายชวนให้ผมเสียวสันหลังวาบ "เฮ๊ย!!!" ผมร้องลั่นเมื่อจู่มันอุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาว "จะ...จะทำอะไร"

   "เค้นคำว่ารักจากคนปากแข็ง" มันว่าก่อนจะกดจูบลงมาโดยที่ผมไม่ทันได้แย้ง บทจูบร้อนแรงดำเนินไปพร้อมกับไอ้แวมไพร์หื่นกามจะก้าวยาวๆ เข้าไปในบ้าน ให้ตายสิคืนนี้ผมจะปากแข็งกับมันไปได้ซักกี่น้ำ...จบเถอะ :really2:


Talk Talk
[/b]

-จบแล้วกรี๊ดดดดดดดดดดด เดี๋ยวจะมีตอนพิเศษมาแถมให้นะค่ะ :L2: ขอโทษที่อัพช้ามัวแต่ไปนั่งวาดรูป ฮ่าๆ

-อยากให้สรุปติชมให้หน่อยค่ะเพราะจะได้เอาไปปรับปรุงเรื่องต่อไปค่ะ ...ส่วนตัวที่รู้ว่าเป็นจุดบอดของงเราคงเปน คำผิด จับฉากโรเเมนติกทั้งหลายค่ะ  :katai1:

-ไอ้เรื่องรวมเล่มหน้าปกเสดแล้วค่าาา แต่เราไม่เคยทำเลย ใครพอมีโรงพิมพ์ ที่พิมพ์จำนวนน้อยได้ แนะนำหลังไมกันมาด้วยเน้อ อีบุ๊คก็น่าสนเนอะ  :katai2-1: หากเสนอและได้ราคาที่แน่นอนจะมาบอกอีกทีนะค่ะ บางทีเราควรทำโพลสำรจซักนิด :mew3:

-นี่เป็นหน้าปกค่ะ งานดรออิ้งสีไม้ ของจริงแผ่น A3 ค่ะเพื่อที่แสกนแล้วภาพจะสวยคมชัด เดี๋ยวต้องไปทำเพิ่ม ในphotoshop ใส่ฟร้อนเเต่งกรอบ อีกนิดค่ะ :mc4:

(http://upic.me/i/n4/novel.jpg) (http://upic.me/show/56760236)

-สุดท้ายนี้ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ ที่ทำให้จิตนาการเพ้อฝันของเราดูเป็นสิ่งมีค่าขึ้นมาค่ะ ขอบคุณจากใจเลย...โปรเจคใหม่เจอกันเร็วๆ นี้ค่ะ :bye2:

   

   
   
   


   
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 18-09-2015 22:50:51
กรีดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-09-2015 23:09:43
 :hao5:  ดีใจ ปกสวยมาก. ฟินค่ะ
ขอบคุณนะคะ ไม่ค่อยได้อ่านนิยายแฟนตาซีฟินๆ ขำๆ แบบนี้มนานแล้ว หาคนแต่งยาก

ขอฝากภาคต่อให้ด้วยค่ะ Dark Wing ตัวละครเกี่ยวข้องกับโยและรอทค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48986.0
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-09-2015 00:28:51
หึหึ รอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-09-2015 01:58:24
 :heaven อยู่รอดปลอดภัย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 19-09-2015 12:17:23
ปาฏิหารย์มันมีจริงๆ ไม่ต้องจากกันไม่ต้องเสียใจ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ รักกันตลอดกาลไปเลยน๊า รอท❤โยนาห์
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 19-09-2015 13:58:35
อร้ายยยยย น้องโย อึ๋มจังเลย

หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-09-2015 14:34:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 19-09-2015 16:35:24
ขอบคุณมากครับสำหรับนิยายดีๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 19-09-2015 20:48:40
 :pig4:ตามลุ้น ตามอ่าน
ในที่สุดก็รอด แต่ฉากมุ้งมิ้งน้อย ขอตอนพิเศษดพิ่มนะคะ
พี่หมาเอ๊ยพี่หมอกะน้องข้าวน่ารักจัง ขอภาพมนุษย์หมาป่ากับอินคิวบัสสักภาพนะคะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-09-2015 20:55:57
เฮ้อ สุข เศร้า เคล้าน้ำตามานานพอจะจบก็ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย  :hao5:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: lovelypolly ที่ 20-09-2015 02:11:52
ไม่มีอะไรจะบอก นอกจาก  o13 o13 o13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 20-09-2015 07:04:16

กรีดร้อง.......

ชอบจัง

อยากได้แบบนี้บ้าง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: tegomon ที่ 22-09-2015 10:41:53
อ่านยุ2 วันรวดเดียวเลยจบ สนุกมาก ชอบๆ :L1: :L1: :mc4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 22-09-2015 14:37:07
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-09-2015 22:11:13
วี้ดดด
ชอบมากเลยค่ะ
ลงชื่อเป็นแฟนคลับด่วนๆ
เราชอบเรื่องสไตล์นี้มากๆ
คนแต่งวาดรูปก็ส้สวยสวย
คือเหมือนกับรูปมันวาดกันง่ายๆเลยอ่ะ
เมพจริงๆ :L2:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 23-09-2015 01:57:47
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 27-09-2015 01:41:21
รอฉากพิเศษและรวมเล่มนะ ขอเก็บตังแปป จบแบบแฮปปี้ดีใจมากมาย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 27-09-2015 15:38:19
อ่านรวดเดียว สนุก ตื่นเต้น หวาน ครบรส  เยี่ยมมาก o13
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 08-12-2015 20:26:22
 o13รวบรัดได้ใจความมากค่ะ  สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 13-12-2015 20:55:15
สนุกมากเลย คนแต่งเก่งมากค่ะ เป็นเรื่องที่กะทัดรัด ได้ใจความดี 5555

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ รอตอนพิเศษต่อปายยยยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 13-12-2015 21:25:39
 o13
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet Coffee ที่ 16-12-2015 17:11:35
สนุกมากค่ะ ชอบนิยายแนวนี้มากมายเลย

 :3123:

หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 19-12-2015 20:09:53
 o13
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 21-12-2015 16:17:35
จบแล้ววววว ใจหายอ่ะ สนุกมากกกก
ชอบทั้งคู่หลักคู่รองเลย นานๆจะเจอนิยายมันส์ๆแฟนตาซีแบบนี้
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ คิดถึงรอทโยพี่หมอกับตัวเล็กแย่เลย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล บทที่31 บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)p.11 up 18/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 06-01-2016 23:52:08
ตอนพิเศษ เป็นเมียหมอต้องอดทน
[/size][/color]


Kawhom Say

   ถ้าพูดถึงปีใหม่คนเราจะนึกถึงอะไร วันหยุดยาว วันรวมญาติ สังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือการใช้เวลากับคนพี่เศษซึ่งคงเป็นได้ยากสำหรับผม ทำไมนะหรอ ก็ไอ้คนพิเศษผมดันเป็นหมอ ช่วงเทศกาลอย่างนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้ลาแถมยังต้องไปอยู่เวรที่โรงพยาบาลทั้งกลางวันกลางคืน ส่วนผมนะหรอมหาลัยหยุดยาวตั้งแต่คริสมาสเลยครับ เปิดอีกทีก็วันจันท์หน้าโน่นแหละ แอบเซงนะครับแต่ก็เข้าใจ ไว้หลังปีใหม่ค่อยหาเวลาไปเที่ยวกันก็ยังไม่สาย

   "ตัวเล็ก เห็นที่ชาร์ตโทรศัพท์พี่ไหม" พี่ริคตะโกนถามจากห้องชั้นบนในขณะที่กำลังเก็บของย้ายสำมะโนครัวไปอยู่โรงพยาบาลชั่วคราว

   "ตรงโต๊ะทำงานชั้นล่างไง" ผมตระโกนตอบพลางวางจานข้าวผัดสองจานลงบนโต๊ะ ไม่นานไอ้คุณชายก็เสด็จลงมาพร้อมเป้ใบเล็กบนหลัง ถ้าไม่รู้จักกันคนส่วยใหญ่คงดูไม่ออกหรอกว่าพี่ท่านเป็นหมอ ก็ไอ้หนวดเครากับผมยาวๆ ดูเหมือนพวกแก้งค์ฮาเลย์ซะมากกว่า แต่ก็เท่ละว้าแฟนผม "ของแค่นั้นพอหรอพี่"

   "เหลือเฟือ" พี่ริคยิ้มตอบ "จะมีเวลาอาบน้ำหรือเปล่าเถอะ" เหอะ...คนไข้คงไม่เยอะจนไม่มีเวลาอาบหรอกมั้ง ขี้เกียจละสิไม่ว่า คนตัวโตทำจมูกฟุดฟิดเหนือจานข้าวก่อนจะวกมาจบที่แก้มผม "กลิ่นหอมน่ากินจัง"

   "ตลอดอะพี่..." ผมบ่นแก้เขินเอี้ยวหน้าหลบจมูกโด่งๆ ที่ระรานไม่เลิก แต่ก็โดนรวบเอวไว้หนีไปไหนไม่รอดปล่อยให้พี่มันฟัดจนหนำใจ "งื้อ...จะกินไหมข้าวเดี๋ยวก็สายหรอก"

   "กินสิ กินน้องข้าวอะ...โอ๊ย" ผมเขกหัวหมาบ้าไปทีอย่างหมั่นเขี้ยว เจ้าตัวก็ทำหน้าเจ็บจะเป็นจะตาย

   "เอาอีกซักทีดีไหม...หืม" น่าซ้ำซะจริง

   "ไม่จ้ะ ตัวเล็กใจร้าย" อ้อนเข้าไป คิดว่าตัวเองน่ารักหรือไง "พี่ไม่อยู่ตั้งหลายวันจะทนไหวหรอ ฮึ" ผมสะดุ้งเมื่อถูกมือแกร่งบีบบั้นท้ายเบาๆ

   "ทะ...ทะลึ่งวะพี่" ผมทุบอกคนช่างแกล้ง ซ่อนหน้าแดงๆ จากดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายนั่น "ใครจะไปหมกมุ่นเหมือนพี่"

   "แต่ถ้าหิวขึ้นมาจะทำยังไง" น้ำเสียงฟังดูเป็นห่วงแต่หน้าตานี่หื่นเว่อ เหอๆ

   "ก็จัดหนักแล้วไงเมื่อคืน" แค่ภาพเมื่อคืนเล่นเข้ามาในหัวทำเอาผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ก็พี่หมอมันเล่นทบต้นทบดอกให้เพราะจะไม่อยู่หลายวัน กลัวเมียพลังงานหมด คิดถูกคิดผิดวะเนี่ยที่เปลี่ยนตัวเองเป็นซักคิวบัสอ้อถ้าเป็นผู้ชายเขาเรียกอินคิวบัสนี่หว่า ตอนนั้นก็แค่อยากช่วยไอ้โย แต่ตอนนี้เริ่มกลุ้มกับสิ่งที่ตัวเองเป็น เพราะพลังงานหลักของอินคิวบัสอย่างผมนั่นคือเซ็กซ์  หากเป็นทั่วๆไปก็คงเป็นพวกวันไนท์แสตน เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เพื่อความอยู่รอด ส่วนผมก็มีพี่หมอริคไงครับ ถึงผมไม่เรียกร้องไอ้หมาป่าหื่นกามอย่างมันก็หาเรื่องได้ตลอด

   "แต่พี่อยู่โน่นเป็นอาทิตย์เลยนะ" พี่หมอยังคงแย้ง

   "น่า...ผมไม่ลงแดงตายหรอก" ไอ้คนจะลงแดงตายผมว่ามันมากกว่า "กินข้าวสิพี่ แปดโมงแล้วนะโว้ย"

   "แน่ใจนะ" ยัง....ยังจะมาย้ำ เลยได้แต่พยักหน้าตอบ "หยุดหลายวัน จะไปไหนเนี่ย"

   "คงแวะไปเยี่ยมคนที่บ้านแต่ไม่ค้างหรอก ขี้เกียจทะเลาะกับป๊า " ที่บ้านรู้เรื่องพี่หมอแล้วครับว่าเราเป็นแฟนกัน ตอนแรกป๊าอาละวาดบ้านแตกเลยครับ ไม่ยอมรับท่าเดียวแทบจะตัดผมออกจากกองมรดก แต่ก็ได้อาม่าช่วยกล่อมเพราะแกรู้จักหมอริคมานาน ตะล่อมจนแกยอมแต่ก็ยังตึงๆ ใส่กันอยู่ ส่วนม๊ากับเจ๊ข้าวฟ่างไม่มีปัญหาครับ สองรายนั้นเขาหัวสมัยใหม่ ผมอยู่กับใครแล้วมีความสุขก็สนับสนุน

   "ถ้าว่างก็แวะไปหาพี่ที่โรงพยาบาลด้วยนะ"

   "ไปทำไมอะพี่ วุ่นวายเปล่าๆ"

   "มาเติมกำลังใจให้พี่ไง คิดถึงเราจนขาดใจแน่เลย" เหอะ...เสี่ยวที่สุด แล้วกระผมจะหน้าแดงทำไมวะ ผมว่าข้าวผัดมันหวานๆ เนอะ กว่าจะกินกันหมดเลี่ยนแทบขาดใจ

   "ไปได้แล้ว ลีลาจริง" ผมดันแผ่นหลังกว้างบังคับให้พี่หมอเดินออกประตูบ้าน

   "เดี๋ยวๆ พี่ลืม"

   "ลืมอะ...!!!!" พี่มันหันขวับกลับมาดึงผมเข้าไปจูบหนักๆ จนหนำใจ ก่อนจะยิ้มหล่อทิ้งท้ายแล้วขึ้นรถขับออกไปปล่อยให้ผมยืนเหวออยู่หน้าบ้าน


   ตอนบ่ายผมแวะเข้าไปเยี่ยมคนที่บ้านเอาของฝากไปให้ อยู่ทานข้าวเย็นกับพี่ป้าน้าอาแล้วก็กลับโดยไม่ลืมซื้อหนังสองสามเรื่องติดมือกลับบ้าน จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหากับการนอนคนเดียวหรอกนะเพราะบางวันพี่มันก็ต้องเข้าเวร วันที่สองโยแวะมาอยู่เป็นเพื่อนผมในตอนกลางวัน ทำโน่นทำนี่กินกัน เพื่อนผมมันนึกคึกอยากทำขนมเค๊กเซอร์ไพรผัว คือพี่รอทมันเป็นแวมไพร์มึงจะทำเค๊กให้มันทำซากอะไรไม่เข้าใจ ถล่มห้องครัวที่บ้านซะยับเยินพอเค๊กเสร็จมันก็รีบสะบัดตูดกลับ บอกรีบไปช่วยผัวทำงาน โยนาห์มันทำงานล่าให้สภาอย่างจริงจังแต่ก็ไม่ถึงกับงานหลักเพราะมันยังเรียนอยู่ ที่มันตั้งใจกับงานนี้ส่วนหนึ่งเพราะมันอยากชดเชยเรื่องที่ไอ้ธีรตาย ถึงโยจะเลิกฟูมฟายแต่มันก็ยังรู้สึกผิดแล้วก็ไม่อยากให้ใครมาโชคร้ายเพราะอมนุษย์เลวๆ แบบไอ้ธีร

   สังคยานาห้องครัวเสร็จผมจึงจัดแจงเค๊กใส่กล่องเอาไปฝากพี่หมอที่โรงพยาบาลโดยไม่ลืมซื้อข้าวติดไปด้วย ก็ไม่ต้องแนะนำอะไรมากเพราะเจ้าหน้าที่บางคนก็คุ้นหน้าผมดี นั่งรอพี่หมออยู่หน้าห้องตรวจรอจนมันพักจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป พี่หมอยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นผมถ้าตอนนี้มันอยู่ในร่างหมาป่าคงกระดิกหางเริงร่าวิ่งมาพันแข้งพันขาแน่ๆ

   "หิวไหมพี่ ผมเอาเค้กมาฝาก" ผมชูของฝากในมือให้ดู

   "มากกก วันนี้ทั้งวันพี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย" ดูท่าจะหิวจัด...รับถลาเข้ามาอย่างไว...แต่ว่าเห้ย!!!!

   "พี่ เดี๋ยวคนมาเห็น" ผมดุมันเสียงเบา พลางขืนตัวออกจากวงแขนแกร่งที่กอดรัดผมไว้แน่น ไม่กล้าโวยวายเพราะมันเป็นเขตโรงพยาบาล

   "ไม่มีหรอก นี่มันเวลาพักพี่ ใครจะเข้ามาละ ฮึ" มันเถียง "ไหนๆ มาหอมให้ชื่นใจหน่อย" แล้วอีพี่มันก็ปู้ยี่ปูยำแก้มผมจนหนำใจ มือมันไวคว้าเอาถุงเค๊กในมือไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่ผมจะถูกมันต้อนจนไปนั่งแหมะบนเตียงคนไข้...เชี่ย ลางไม่ดีอีกแล้วกู

   "นี่มันโรงพยาบาลนะพี่" ผมบอกเสียงเบา มือกร้านไล้แก้มผมเบาๆ กับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมันทำให้ใจผมสั่น "พี่หมอ..."

   "แค่จูบ...นะครับ" แล้วมึงจะกระซิบทำไม ขนลุก ทันทีที่ริมฝีปากร้อนสัมผัสกันสติสตังถึงกับกระเจิง ยิ่งถูกลิ้นร้อนกวาดต้อนยิ่งอดไม่ได้ที่จะโต้ตอบจนรสจูบทวีความเร่าร้อนอย่างไม่มีใครยอมใคร

   "อื้อ..." ผมครางประท้วงเมื่อมือซนล้วงเข้ามาในสาบเสื้อ ลูบจากหน้าท้องไล้มาตรงอกให้สะท้านเล่น ต้องรีบเบรกเดี๋ยวมันเลยเถิด แต่การจะผลักมนุษย์หมาป่าแรงควายอย่างมันออกนี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงประตูเหมือนเสียงสวรรค์ ผมสบโอกาสผลักมันออกห่างตัวจะย้ายร่างมานั่งนิ่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน พี่หมอมันทำหน้าเสียดายเต็มประดาจนต้องชี้หน้าคาดโทษไอ้คนหื่นไม่เลือกสถานที่

   "เข้ามาเลยครับ"

   พยาบาลเดินถือแฟ้มคนไข้เข้ามาวางที่โต๊ะพร้อมยิ้มทักทายพวกเรา

   "นี่เป็นข้อมูลคนไข้ทั้งหมดที่จะ OR ในอีกหนึ่งชั่วโมงค่ะ...เอ่อ ถ้าคุณหมอทานข้าวเสร็จยังไงรบกวนไปที่แผนกด้วยนะค่ะ" เฮ้อน่าสงสารซะจริงเพิ่งพักยังไม่ทันไรก็มาตามซะแล้ว ถ้าให้ผมไปเรียนหมอขอบายเลยหายตังแทบตายแต่ก็ไม่มีเวลาใช้  กินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหมอริคเสร็จผมจึงขอตัวกลับ ขืนอยู่ต่อมันคงอิดออดไม่ยอมทำงานเป็นแน่


   วันที่สามที่สี่ผ่านไปแบบเอื่อยเฉื่อย บ้างก็ทำโน่นทำนี่กับไอ้เพื่อนรัก หรือไม่ก็ออกไปเดินห้างคนเดียวเจออะไรน่ากินก็ซื้อไปฝากพี่ริค แวะไปกินข้าวกับมันเป็นบางมื้อ แต่ยิ่งนับวันยิ่งรู้สึกเบื่อ การที่ต้องนอนคนเดียวพอหลายคืนเข้ามันก็รู้สึกโหวงๆ เหมือนขาดอะไรไป ผมไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ว่าพลังงานในร่างกายมันกำลังหมด พยายามหาอะไรทำให้ลืมสัญชาติญาณตัวเองไปเพื่อผ่านพ้นในแต่ละวัน

   "ทำไมสีหน้าเราดูไม่ดีเลย" พี่หมอทักทันทีที่เห็นผม วันนี้วันสิ้นปีผมหอบกับข้าวมากมายที่ใช้เวลาทำกว่าค่อนวันมาหามันที่โรงพยาบาล ตั้งใจจะฉลองกันเบาๆ ในระหว่างเวลาพักของมัน

   "ก็ไม่เป็นไรนิพี่" ผมโกหก ทั้งที่จริงวันนี้รู้สึกเพลียกว่าทุกวันแต่ประสาทสัมผัสกลับทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แล้วยิ่งมายืนใกล้ๆ พีริคแบบนี้กลิ่นกายจางๆ เล่นเอาผมเบลอไปเลย

   "แน่ใจนะ..."

   "อ๊ะ..." ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ พี่มันก็จับแก้มผมเหมือนมีกระแสวิ่งผ่านไปทั่วร่าง ร่างสูงมองผมอย่างครุ่นคิด

   "หิวแล้วหรอ ที่รัก" เสียงทุ้มกระซิบถามทำเอาขนลุกไปทั้งตัว

   "จะบ้าหรอ" ผมกลบเกลื่อน "จะกินไหมพี่ เดี๋ยวก็หมดเวลาพักก่อน" รีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากโดนมันซักไปมากกว่านี้

   เราทานมื้อเย็นพร้อมฉลองกันเล็กๆ ในโรพยาบาลโดยไม่ลืมชวนเจ้าหน้าที่แถวนั้นมาร่วมวงด้วย ก่อนที่พวกพี่เขาจะกลับไปทำหน้าที่ตน ช่วงเทศกาลวุ่นวายเป็นธรรมดา มีคนเจ็บคนป่วยมหาศาลแต่ส่วนมากก็เป็นพวกอุบัติเหตุเสียมากกว่า


   ตกดึกผมถูกพวกเพื่อนในคณะลากออกมาเคาท์ดาวที่ผับ ส่วนโยมันอดต้องทำงานข้ามปีให้สภากับผัวมัน แสงสีกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่หรือแม้แต่ฟรีโรโมนจากผู้คนที่เบียดเสียดในผับทำเอาผมแย่ ในสภาวะที่ขาดพลังงานแบบนี้อินคิวบัสอย่างผมตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้ได้ไวจนน่ากลัว เหมือนมีพลังบางอย่างดึงดูดคนรอบข้างให้เข้ามาหาแบบที่ควบคุมไม่ได้ แอลกอฮอลแก้วแล้วแก้วเล่าจากมือเพื่อนทำเอาผมสติหลุด รู้ตัวอีกทีคือผมกำลังจูบสาวสวยนางหนึ่งที่นั่งคลอเคลียอยู่บนตัก เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไร ผมสะดุ้งตกใจผลักเธอออกจนร่างบางลงไปนั่งกับพื้น

   "อะไรของนายเนี่ย"สาวเจ้าวีนลั่น

   "ขะ...ขอโทษ" ละล่ำละลักตอบ รีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นโดยไม่สนเสียงเรียกของเพื่อนที่โต๊ะเลย แย่...แบบนี้มันแย่ ถ้าอยู่ต่อไป อาจคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกร่างกายมันร้อนจนแทบไหม้ แต่ผมไม่อยากคว้าใครก็ได้มานอนด้วยถ้านั่นไม่ใช่คนที่ผมรัก

   พอถึงบ้านผมรีบวิ่งขึ้นบนชั้นสอง พุ่งตัวเข้าห้องนอนปิดประตูขังตัวเองอยู่ในนั้น ของทุกชิ้นที่ติดกายถูกโยนกระจัดกระจาย หวังว่ามันจะช่วยระบายความร้อนรุ่มภายในได้แต่ไม่เลย ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างอ่อนแรง ร่างกายมันสั่นไปหมด ในคอแห้งผาก ที่เค้าเรียกว่าลงแดงมันเป็นแบบนี้สินะ

   ตืดดดดดด... เสียงไอโฟนสั่นฉุดสายตาให้หันมอง จะเป็นใครได้ละนอกจากแฟนผม เอื้อมมือที่เล็บคมเริ่มยาวปัดมันออก ถ้าผมได้ยินเสียงพี่เขาตอนนี้ ผมคงคิดถึงกว่านี้ ทรมานกว่านี้ แค่นี้ทั้งกลิ่นกาย ผิวเนื้อ และใบหน้าของพี่มันก็ประดังเข้ามาในความทรงจำทำเอาร่างกายโหยหาเจียนตาย

   ผมไม่อยากเรียกให้พี่ริคกลับมา เพียงเพราะความกระหายอยากในเซ็กซ์ของตัวเอง ในเมื่อตอนนี้แฟนผมกำลังช่วยชีวิตคนอีกมากที่เขาเดือดร้อน ผมทำไม่ได้จึงได้แต่ภาวนาให้มันผ่านพ้นไปเพียงแค่หลับตา





Ricardo Say


   ผมนั่งฟังเสียงรอสายมากว่าสิบรอบแต่เจ้าของโทรศัพท์กลับไม่มีทีท่าว่าจะรับ ข้าวหอมมาหาผมเมื่อเย็น ทำไมจะดูไม่ออกว่าแฟนตัวเองอาการไม่สู้ดี ถึงได้รีบโทรหาทันทีที่ออกจากห้องผ่าตัด ผมเป็นเพื่อนกับยูจีนมานานจึงรู้ลีว่าลิมิตของซักคิวบัสหรืออินคิวบัสนั้นมีไม่เกินห้าวัน อย่างน้อยๆ ก็ควรได้พลังงานจากเซ็กซ์หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ เพราะงั้นผมเลยห่วงเพราะตั้งแต่น้องมันเปลี่ยนตัวเองเป็นอินคิวบัสมาก็ไม่เคยทิ้งห่างจากมันเกินสามวันเลยด้วยซ้ำ

    เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมต้องมาสิงสถิตอยู่ที่โรงพยาบาล มันเป็นช่วงเจ็ดวันอันตรายของเทศกาลปีใหม่ ตำแหน่งของผมค่อนข้างจำเป็นเพราะผมเป็นศัลยแพทย์ ปวดหัวจริงๆ กับพวกเมาแล้วขับ บ้างก็ตีกันมา คึกคะนองทำอะไรไม่คิด เข็นเข้าโรงพยาบาลมาไม่น้อย บางคนหายแล้วก็ซ่า ปากดีบ้างล่ะ ญาติบางคนก็เหลือเกินจะดีจะร้ายไม่เคยโทษคนของตัวเองมาด่าหมอด่าพยาบาล ขอร้องอย่าทำเลย บุคลากรทางการแพทย์ล้วนแล้วแต่เป็นคน สิ่งที่พูดมาบั่นทอนกำลังใจคนทำงานเขาเปล่าๆ

   ผมรีบเปลี่ยนชุดเดินไปหยิบกระเป๋าตังกับโทรศัพท์ในห้องก่อนจะรีบร้อนเดินออกมา สวนกับพวกบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงคนไข้ฉุกเฉินจากอุบัติเหตุผ่านหน้าไป ณ วินาทีนี้ใครจะสนละ ถึงผมจะทำงานช่วยคนแต่อย่าลืมผมคือแวร์วูฟ การปล่อยให้ใครซักคนตายก็ไม่ใช่เรื่องชวนหนักใจเท่าไหร่นัก เพราะใจมันพะวงกับคนที่บ้านมากกว่า กลับมาถึงบ้าน ไฟข้างในมืดสนิทแต่กลิ่นไอรุนแรงแปรปรวนที่แผ่กระจายจากภายในบ่งบอกว่าคนที่ผมกำลังตามหาอยู่ที่นี่ ผมรีบกระโจนขึ้นบนระเบียงห้องนอน โชคดีว่าไม่ได้ล๊อคไม่งั้นคงพังมันทิ้งแน่

   "ตัวเล็ก..." ร่างบอบบางนอนคุดคู้อยู่กลางเตียง ปีกและหางสีดำตกลู่ไปข้างตัว กรงเล็บจากมือเล็กๆ จิกที่นอนแน่นจนขาด บ่งบอกถึงความทรมานที่เจ้าตัวฝืนทนถึงขั้นไม่สามารถควบคุมรูปลักษณ์ตัวเองได้จึงอยู่ในร่างเต็มเช่นนี้

   "พี่...มาได้ไง" เสียงหวานแหบแห้งและเบาหวิวดูสิ้นแรง เอื้อมไปเปิดไฟในห้องทำให้เห็นสภาพคนรักของผมเต็มตา มันทั้งน่าสงสาร น่ารัก และน่า...ในเวลาเดียวกัน ข้าวหอมที่เหลือเพียงเชิ๊ตตัวบางนอนสั่นสะท้านอยู่ตรงหน้า ผิวเนียนแดงซ่านดูน่าสัมผัสไปเสียทุกส่วน "อ๊ะ..." ตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเพียงแค่แตะเบาๆ บอกให้รู้ว่าในยามนี้คนตรงหน้าไวต่อสัมผัสเหลือเกิน ผมนั่งลงบนเตียงนุ่มก่อนช้อนอุ้มแฟนมาไว้บนตัก รับรู้ถึงความร้อนผ่านผิวกายที่สั่นสะท้าน

   "ไม่ไหวทำไมไม่บอกพี่" นัยน์ตาฉ่ำน้ำค้อนมองอย่างดื้อรั้น เอามือลูบไล้แก้มใสอย่างเอ็นดู

   "ก็...พี่ ฮะ...ทำงาน อา..." ข้าวหอมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงจนแดงช้ำ ยั่วเกินไปแล้วโอ๊ย...ทนไม่ไหวแล้ว ก้มลงไปลิ้มรสริมฝีปากหวานนั่น ขบเม้มกลีบเนื้อนิ่มก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กภายใน ข้าวหอมร้อนๆ กินกี่ทีก็ไม่เบื่อ ร่างบางก็ตอบสนองกลับอย่างหิวโหย พอผมล่าถอยลิ้นเล็กกลับเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาแทน ลิ้นชื้นตอบโต้กันจนน้ำลายแทบหก จากที่เหมือนจะสิ้นแรงคนตัวเล็กกลับดันร่างผมให้นอนราบบนเตียงก่อนจะปีนขึ้นมาคร่อมทับโดยที่ปากยังระดมจูบอย่างเร่าร้อน

   "อา...พี่หมอ" ข้าวหอมครางเสียงพร่าเมื่อผมเมื่อมือสากไล้ต่ำตามแนวสันหลังไปยันโคนหางก่อนจะบีบเค้นสะโพกมนอย่างหมั่นเขี้ยว

   "หิวจัดเลยสิเรา...หึๆ" ผมกระเซ้า เมื่อมือเล็กฉีกทึ้งเสื้อผมจนขาดวิ่น ลูบไล้แผงอกลากต่ำหน้าท้องก่อนจะปลดตะขอกางเกงออกแล้วล้วงมือเข้าไปสัมผัสหมาป่าตัวร้ายภายใน ทอดมองคนน่ารักค่อยๆ ปลดกระดุมเชิ้ตออกทีละเม็ดโดยที่สายตายังจับจ้องมาพร้อมกัดริมฝีปากน้อยๆ อย่างยั่วยวน ภาพของเสื้อที่ล่วงลงจากไหล่บ้างช้าๆ เร้าอารมณ์จนร้อนไปทั้งกาย อยากจะกระแทกเอวบางซะเดียวนี้ แต่ก็อดทนไว้เผื่อจะได้เห็นทีเด็ดของเมียสุดที่รัก

   "ข้าวทำให้นะ..." คนข้างบนเอ่ยอ้อน ผมละอยากจะดิ้นตายไปกับความน่ารักนี้ ยิ้มรับหน้าบานก่อนจะรั้งใบหน้าหวานมาจูบให้รางวัลซักหน่อย

   "ตามใจเลยครับ" ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่ว ก่อนกระขบกัดเบาๆ ตรงคอ ลิ้นร้อนลากต่ำลงมาแล้วจู่โจมยอดอดของผมให้เสียววาบ ฝ่ามือนิ่มเค้นคลึงอีกข้าง จนผมต้องซี๊ดปากหลังแทบไม่ติดฟูก รู้สึกใจเต้นระส่ำเมื่อริมฝีปากของข้าวลากต่ำลงไปเบื้องล่าง ทั้งลากเลีย กดจูบ และขบกัดทิ้งรอยไว้รายทาง ก่อนมาจบตรงขอบกางเกงพร้อมๆกับถอนร่นไปคุกเข่าตรงหว่างขา มือเล็กโอบประคองท่อนเนื้อแกร่งก่อนจะขยับรูดหนักๆ จนมันแข็งขืนทำเอาลมหายใจสะดุดด้วยความซาบซ่าน "ชิมดูไหม..."

   "อืม..." น้องมันยิ้มรับก่อนค่อยๆ เลียเบาๆ ที่ส่วนแล้วครอบริมฝีปากกลืนกินส่วนกลางกายแต่ก็ได้แค่ครึ่งท่อนเพระขนาดของมัน โพรงปากร้อนสร้างความรัญจวนได้ไม่น้อย นัยน์ตาสวยช้อนมอง ผมก็ยิ้มตอบแทนคำชม

   "ดีครับ..." ผมคลึงแก้มใสอย่างเอาใจ ยิ่งเห็นว่าผมชอบโพรงปากร้อนและมือเล็กยิ่งเร่งจังหวะจนต้องแอ่นรับ อารมณ์มันพุ่งสูงจนแทบสุดแต่คนทำกับหยุดเอาดื้อๆ "แกล้งพี่หรอ..."

   "คิคิ ใจเย็นพี่" คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักพลางหยัดกายขึ้นนั่งคร่อมให้ช่องทางด้านหลังเสียดสีท่อนเนื้อร้อนอย่างจงใจ ข้าวหอมยิ้มร้าย ก่อนจะยกมือขื้นเลียนิ้วเรียวช้าๆ ส่วนมืออีกข้างกอบกุมข้าวหอมน้อยขยับรูด เลียจนนิ้วชุ่มแล้วยันตัวขึ้นก่อนจะกดนิ้วเหล่านั้นสู่ช่องทางสีอ่อนช้าๆ


   นิ้วที่หนึ่ง ขยับวนเบา


   นิ้วที่สอง สะโพกมนบิดเร่าดัวยความเสียว


   นิ้วที่สาม คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างอึดอัด ...บอกได้คำเดียวว่าเอ็กซ์สัดๆ


   "พี่จะไม่ไหวแล้วนะ..." ผมประท้วงอย่างสุดกลั้น บีบสั่นโพกนิ่มแรงๆ บอกให้รู้ถึงความต้องการที่เอ่อล้น ภาพที่เห็นมันเร้าอารมณ์ใช่น้อยเสียเมื่อไหร่ มองนิ้วเรียวที่ถูกกลืนเข้าไปในช่อทางสีหวาน กับแก่นกลางที่ชี้หน้าอย่างท้าทาย ไหนจะดวงตาฉ่ำน้ำที่ทอดมองมา ได้เห็นภาพคนรักที่กำลังเล่นเสียวกับตัวเองอยู่ด้านบนจากมุมนี้ อะไรๆ มันชัดไปหมดปีกสีดำที่สยายกว้างขับให้ร่างขาวบางงดงามดุจเทพจากสวรรค์   

   "อ๊ะ...มัน ฮะ ใหญ่" น้องมันดึงนิ้วออกก่อนจะจับเอาท่อนเนื้อแกร่งจ่อปากทางนุ่ม แล้วค่อยๆ กดร่างลงมา  เรียวขาทั้งสองสั่นเกร็งจนผมต้องประคองบั้นท้ายน้องไว้อีกแรง น้องข้าวกลั้นใจกดร่างลงมาทีเดียว "โอ๊ย...ซี๊ด" ใบแหงนหน้าครางลั่นอย่างทรมานจนน้ำตาคลอ ภายในรัดแน่นจนผมต้องกัดฟันทนเพื่อให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว

   "ไหวไหมที่รัก..." ตัวเล็กพยักหน้าแทนคำตอบ ฝ่ามือนิ่มยันอกผมไว้ก่อนที่ร่างบางจะขย่มสุดตัว ตอดรัดความเป็นชายจนสติกระเจิง จนต้องกระแทกสวนหนักๆ เรียกเสียงครางลั่นของคนน่ารัก เมคเลิฟในคืนสิ้นปีเป็นอะไรที่พีคสุด คุ้มค่ากับการโดดเวรเสียจริง

   "อ๊า พี่ เร็ว ฮะ...อือ" เสียงหวานสะอื้นราวจะขาดใจ เมื่อหมาป่าตัวร้ายสอดลึกโดนจุดกระสัน เล็บคมจิกข่วนแผ่นอกระบายอารมจนเลือดซึม ผิวกายแดงก่ำพร่างพรมไปด้วยเหงื่อขับกลิ่นเนื้อหอมชวนมึนผสมกลับกลิ่นคาวเลือด กระตุ้นสัญชาติญาณดิบของผมให้ลุกฮือ

   ผมพลิกร่างบางนอนราบปีกสีดำแผ่สยายลงบนเตียง  จับขาเรียวพาดบ่าก่อนโถมกายใส่เต็มที่ให้สมอยากจนร่างบางโยกคลอนไปตามแรง

   "พี่...ฮะ จูบ ฮ๊า..." ข้าวหอมรั้งคอผมลงไปจูบอย่างหิวกระหาย แลกน้ำลายกันจนเยิ้ม หายปลายลูกศรโอบรัดรอบตัวผมแน่นตามแรงรมณ์ที่พุ่งสูง ในขณะที่เบื้องล่างยังสอดประสานกันไม่หยุด

   "อ๊า!!!!!...ฮึก" ข้าวหอมหวีดร้องสุดเสียงพร้อมๆกับน้ำรักที่ปลดปล่อยจนเลอะหน้าท้องของเราทั้งคู่ ภายในที่ร้อนรุ่มและบิดเกร็งบังคับให้ผมจำต้องปล่อยทุกความรู้สึกเข้าไปจนเต็มตื้นจึงถอดถอนออกมาจน คนตัวเล็กนอนหอบสั่นจากกิจกรรมร้อนแรงที่พึงผ่าน นัยน์ตาปรือฉ่ำเยิ้มจ้องผมไม่วางตา ก่อนสิ่งต่อมาจะทำให้ผมจิตหลุดได้ทันทีเมื่อขาเรียวแยกกว้างอย่างจงใจพร้อมใช้นิ้วแหวกให้เห็นช่องทางสีแดงช้ำที่มีน้ำขาวขุ่นไหลเลอะออกมา

   "สวัสดีปีใหม่นะครับ...ที่รัก" ข้าวหอมบอกเสียงพร่า ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มบางก่อนจะแลบเลียริมฝีปากอย่างเชิญชวน...เมียใครวะยั่วเก่งเป็นบ้า แค่นี้ก็ทั้งรักทั้งหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเนี่ย

   เสียงพุที่จุดดังจากด้านนอกบอกให้รู้ว่าศักราชใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ใครเล่าจะสนในเมื่อภาพตรงหน้าเร้าใจกว่า ผมบอกไว้เลยว่าเด็กน้อยช่างยั่วตรงหน้าได้ร้องครางลั่นบ้านยันเช้าแน่นอน หมอริครับประกัน

(http://upic.me/i/y3/ric-kawhny.jpg) (http://upic.me/show/57595775)

Talk Talk
[/b]

-ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่แวะอ่านแวะชม ตอนพิเศษนี้เปรียบดังของขวัญขอบคุณแก่ท่านผู้อ่าน :hao3:

-มีผู้อ่านที่เคารพท่านหนึ่งอยากได้รูปข้าวหอมตอนเป็นอินคิวบัส วาดให้แล้วเด้อ อาจไม่เต้มที่เท่าไหร่แต่ก็ยังวาดเนอะ อิอิ ไม่ได้ลืมนะอย่าโกรธเค้าเลย :hao5:

-ตอนนี้เรากำลังอีกเรื่องที่ออนแอร์ เรื่องราวไม่ใกล้ไม่ไกล วนเวียนแถวๆ สภากลางนี่แหละจ้า o18 ชื่อเรื่อง


Dark Wing ปีกทมิฬ...เมื่อฟ้าจรดผืนน้ำ
[/b]

ติดตามกันได้ที่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48986.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48986.0)

ไม่รู้ว่าภาพมะนเรทไปไหมอะ เรทไปเอาออกได้นะ ของขวัญปีใหม่เบาๆ จ้า
[/b]

:mew1:

รักนะจุ๊บๆ มีอะไรขอมาได้ยินดีรับใช้จ้า
[/b]

   
   
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-01-2016 08:17:31
 :-[   :haun4:  โอ๋ววว ร้อนแรงจริงๆเลยอินคิวบัสข้าวหอม
พี่ริคก็เหนื่อยหน่อยนะ
ตอนนี้ดีกรีความร้อนแรงแซงหน้าคู่หลักไปแล้ว พี่รอทอย่าปล่อยให้แรงตกเชียวนะ   :hao6: 

ขอบคุณคนเขียนและสวัสดีปีใหม่ค่ะ รูปน้องข้าวดูยั่วมากมาย กรี้ด ถูกใจ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-01-2016 11:35:21
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 07-01-2016 22:39:34
ร้อนแรงมากๆๆๆๆ
ข้าวหอม-ริคร้อนยิ่งกว่าคู่หลักอีก
ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะคะ
ถึงจะมีบางคำที่งงๆไปบ้างก็เถอะ
แต่ก็สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 08-01-2016 16:32:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-01-2016 20:56:35
เลือด...ขอเลือด...//ดับอนาถหน้าคอม :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: pawara123 ที่ 12-01-2016 16:08:58
ชอบมากคร้าบ ฉากหื่น เยอะมาก  :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 16-01-2016 13:54:55
อร๊ายยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-01-2016 16:08:15
 :haun4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 17-01-2016 23:44:04
ข้าวหอมขี้ยั่ว  นี่ถ้าโยยั่วแบบนี้บ้างนะ คงเดี้ยงคาเตียง สลบไป3คืนแน่ ขนาดไม่ยั่วรอทยังหื่นจัดเลย
คู่พี่หมอเค้ามาแรงแซงโค้งเลยอ่ะ พี่รอทจะยอมหรอ555
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 19-01-2016 21:11:05
 :-[
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-01-2016 14:09:27
หนูข้าวแซ่บมากค่ะ   :hao6:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 21-01-2016 22:33:57
อ่านรวดเดียว บอกเลยชอบเรื่องแนวนี้มาก สนุก
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: MAILOVEZ ที่ 22-01-2016 02:43:30
เป็นเรื่องที่สนุกมากแบบมากๆ มากแบบอินฟินิตี้เลยค่ะ ไม่ค่อยมีโอกาสได้อ่านแนวแบบนี้เท่าไหร่แต่พอได้อ่านแล้วเจอเรื่องแบบนี้คือรู้สึกปลื้มปริ่มมาก ใช้เวลาอ่านแค่วันเดียวเพราะมันวางไม่ได้คือต้องอ่านต่อไปเรื่อยๆ มีทั้งความตลกเฮฮา ฉากเรียกน้ำตา ตอนซึ้งๆ ที่ทำให้ยิ้มได้ของรอทและโย ความหื่นแบบอินฟินิตี้ของพระเอกสองคน ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกก

ชอบความคอมมีดี้ของเรื่องนี้มากคือแบบกำลังกดดันมากๆ เดี๋ยวต้องมีสักคนทร่มาทำให้ยิ้มได้คือมันดีกับใจมาก แต่ต้องยอมรับเลยนะว่าถึงอาร์วาร์คจะเลวขนาดไหนแต่เราเสียน้ำตาให้เยอะเลยแค่ช่วงสั้นๆ ตอนที่นอนกอดลูกแล้วร้องไห้ไปพร้อมกับโยนี่แบบสะเทือนใจมากไม่มีใครไม่รักลูกตัวเองจริงๆ นั่นแหละ ได้อ่านในมุมนั้นก็อดเห็นใจไม่ได้นะคือเขาเป็นคนที่ทั้งตระกูลฝากความหวังตัวเองจึงต้องเสียสละทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ดวงใจของตัวเองมันเจ็บปวดนะคะ ㅠㅠ

แต่เรื่องนี้ที่พีคจริงคือจุดเริ่มต้นความรักของพระนายนี่แหละ มันคงเป็นเพราะเค้าลิขิตมาแล้วล่ะเนอะ แต่แบบหลังจากคืนนั้นรอทเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยนะ ชอบที่พระเอกเรื่องนี้พูดเพราะมากและทีสำคัญหื่นมากด้วย ต้องพาโยเข้าคอร์ดยกเครื่องบ้างนะพี่รอทไม่เว้นวันแบบนี้ แต่เวลาอ้อนก็ต้องยอมจริงๆ แหละเรายังแทบละลายอยู่ตรงนี้เลย 5555 ชอบความรักที่สองคนมีให้กันมันยิ่งใหญ่มากจริงๆ ยิ่งตอนสุดท้ายนี่นอนน้ำตานองหน้าเลยโยสู้มากสู้เพื่อจะกลับมาหารอทแบบยิ่งตอนฟื้นเรานี่ยิ้มทั้งน้ำตาอาบแก้มเลย

มิตรภาพของเพื่อนเรื่องนี้ก็น่ารักมากโยกับข้าวนี่แบบอ่านตินโยไปช่วยข้างคือน้ำตาจะไหล ข้าวก็น่าเอ็นดูตัวเล็กแต่ใจใหญ่เสมอถ้าเป็นเรื่องของโยมันน่ารักดูมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งดี 55555 ><

สรุปเรื้องนี้มันดีมากค่ะ ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านนะคะมันสนุกตื่นเต้นตลกเศร้าเหงาซึ้งคือครบทุกความรู้สึกเลยเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะสู้ๆ

ปล.รูปภาพประกอบสวยทุกรูปเลยดีงามพระรามเก้าสุดๆ อีกสักนิดสเปของน้องข้าวกับพี่หมอเด็ดโคตร งิงิ ><
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 23-01-2016 22:43:35
สนุกมากกกก แวมไพร์ แวร์วูฟ ของโปรดเลย~~ :haun5:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 25-01-2016 02:42:28
คู่นี้ช่างร้อนแรงกันเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 26-01-2016 16:21:51
โอ้ยยย มันส์ มันส์มากกกก รอท กะ ริค แม่งหื่นไปนะ 555 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 13-02-2016 17:59:39
กรี๊ดดดด!! เลยค่ะ พระเอก พระรองหื่นได้ใจ จัดตอนพิเศษคู่รอท กับ โย สักตอนสิค่ะ อย่าให้แพ้คู่รอง อิอิอิ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 22-02-2016 03:49:01
พี่หมอมีเมียเป็นอินคิวบัสงี้ ต่อไปได้ทำคะแนนแซงหน้ารอทแน่นอน :haun4:

สารภาพว่าตอนกลางๆเรื่องหงุดหงิดน้องข้าวหอมมากอะ คือแบบ อมนุษย์เค้าจะตีกัน ตัวเองเป็นมนุษย์สุดบอบบางคนเดียว แค่ขอตามมานี่ก็เป็นการเปิดเผยจุดอ่อนของกลุ่มให้อีกฝ่ายรู้แล้ว ยังทะเล่อทะล่าวิ่งไปกลางดงให้เพื่อนต้องมาเดือดร้อนรับตีนแทนอีก...  เข้าใจว่าห่วงเพื่อนอะ แต่บางทีก็ต้องคิดด้วยว่าห่วงแล้วทำยังไงให้เพื่อนไม่ลำบากกว่าเดิม พอแฟนว่าเรื่องนี้ก็มางอนอีก เค้าพูดเค้าเตือนก็เพราะห่วงปะ โกรธอะไรไม่เข้าเรื่อง พี่หมอน่าจะต้องเป็นฝ่ายโกรธปะ แบบอุตส่าห์พามาแล้ว กำชับเตือนแล้ว ยังจะพาตัวเองไปหาเรื่องอีก แต่น้องข้าวก็ห่วงเพื่อนนี่นะ แบบว่าเพิ่งเสียธีร์ไป คงช็อค แต่ธีร์ไม่น่าตายเลย ตอนแรกนี่แบบ เหยยยยย แย่งแฟนเพื่อนเฉย ดันมาเฉลยเอาลมหายใจสุดท้ายว่าทำเพื่อโย เพื่อนประเสริฐมากค่ะ แต่ตอนท้ายสุดน้องข้าวสุโค่ยมาก จากที่เคยหักคะแนนในใจนี่เพิ่มให้ล้นเลย ชอบภาพรวมของกลุ่มโยมากเลย เป็นเพื่อนตายทั้งนั้นแบบรักกันมาก เราอ่านเรื่องดาร์ควิงก่อนแล้วมาอ่านเรื่องนี้ ตอนแรกๆเลยสับสนนิดหน่อย แต่ชอบมากๆเลยค่ะ. อยากให้ทำเป็นซีรี่ย์ยาว แต่งคู่อื่นๆเพิ่ม ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 22-02-2016 14:04:40
น่ารักมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 22-02-2016 17:05:42
น่าจะมีต่อนะ......อิอิ   o13 #เรื่องแนวนี้หาอ่านยากมากกกกก  ชอบค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 22-02-2016 19:38:15
อ่านรวดเดียวจบเลย อยากให้ยาวกว่านี้จังเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะะะ ตอนพิเศษแซ่บจริงๆ
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 23-02-2016 19:47:31
ตามมาจาก Dark Wing อยากอ่านอีกมากๆ สนุกทั้งสองเรื่องเลย พี่ชายของรอทจะมีเรื่องของตัวเองไหมคะ  รอติดตามเรื่งต่อไปนะค้าาา 
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 23-02-2016 20:27:22
ฝากนิยายเรื่องใหม่ค่ะ  :katai2-1: http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52090.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52090.0)

Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 28-03-2016 14:12:47
สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 03-04-2016 09:13:39
ชอบจังเลยค่าา
เนื้เรื่องสนุกมากๆเรย ชอบเรื่องแฟนตาซีจัง
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 05-05-2016 19:25:12
สนุกมากจ้า เพิ่งได้เข้ามาอ่าน หยุดอ่านไม่ได้เลย
มีครบทุกอารมณ์เลย ขอบคุณค่าสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: Mitnai ที่ 08-05-2016 11:45:12
ชอบมาก แง รูปวาดสวยมากค่ะ ชอบอิมเมจพี่ริค ดูเป็นคุณพิศาลมาก5555555555
รูปสวยมากกกกก สวยทุกรูป ออกแนววินเทจ โดนมาก
นิยายก็มุ้งมิ้ง สนใจเรื่องรวมเล่มนะคะ ♥
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 24-05-2016 20:17:14
สนุกมาก อ่านรวดเดียวเลย แต่แอบเสียใจพ่อของโยกับแม่อะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ หมอริคXข้าวหอม p.12 up 7/1/59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-05-2016 02:13:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 1/2 p.13 up 18/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 18-08-2016 21:38:44
Night Knight Love Life I

     สวัสดีความสงบสุขที่หวนคืนมาสู่ชีวิตโยนาห์คนนี้อีกครั้ง ที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นกับชีวิตผมมากมาย จากวัยรุ่นธรรมดาแท้จริงคือครึ่งแวมไพร์จากสายเลือดตระกูลใหญ่อย่างอาร์เคน ชีวิตที่ถูกกำหนดให้เป็นเครื่องสังเวยจนแทบเอาชีวิตไม่รอด สูญเสียหลายสิ่งที่สำคัญให้กับพายุแห่งปัญหาที่พัดผ่านเข้ามาในช่วงชีวิต แต่เราก็ผ่านมาได้ ทั้งตัวผมและทุกคนที่ผมรัก
ผมขึ้นปีสอง กลายเป็นรุ่นพี่ แอบเสียดายปีหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสชีวิตเฟรสชี่เท่าไหร่นัก เพราะปีที่ผ่านมาชีวิตมัยวุ่นวายเกินรับ ส่วนรอทอยู่ปีสี่ ปีสุดท้ายในรั้วมหาวิยาลัย แม้ตารางเรียนจะเริ่มว่างแต่รายงานกลับท่วมหัวทั้งกลุ่มทั้งเดี่ยว ในส่วนงานเดี่ยวก็ไม่มีอะไรยากกับตาแก่ร่างหนุ่มอย่างมัน แต่งานกลุ่มบางครั้งก็ต้องมาทำร่วมกับเพื่อนๆ และแน่นอนเจ้าตัวก็มักจะลากผมมาด้วยจนคุ้นเคยกับเพื่อนๆ ในกลุ่มของมันดี

    “ไงน้องโยโดนลากมาอีกแล้วสินะ” เสียงเอ่ยทักเมื่อรอทพาผมเดินไปยังม้าหินหน้าคณะมันที่มีเพื่อนๆ นั่งอยู่ก่อนแล้วสามคน คนที่ทักชื่อโตหัวเกรียนดูเถื่อนดี พี่ยศและพี่อัคแค่ยิ้มแล้วพยักหน้าทักทาย ผมจึงยกมือไหว้ตามมารยาท ถึงจะเป็นเพื่อนรอทแต่ก็แก่กว่า

    “พี่ก็รู้ผมปฏิเสธมันได้ที่ไหนอะ” รอทไปรอผมเลิกเรียนอยู่หน้าห้องเลยครับ เพราะคุณท่านเลิกก่อนชั่วโมงหนึ่ง 
ส่วนไอ้ข้าวหอมเพื่อนรักมีนัดพาพี่หมอทานข้าวเย็นกับที่บ้าน หมอหมากลายเป็นขวัญใจบ้านนั้นไปแล้วครับ ใครบ้างไม่ชอบ ลูกเขยเป็นคุณหมอ การงานก็ดีฐานะก็ดี ป๊ากับม๊าแทบจะยกลูกชายใส่พานถวายเลยก็ว่าได้ แม้แรกๆ ป๊ามันจะรับไม่ค่อยได้ก็เถอะ
 
    “โถ่น้องโย อย่างน้องเนี่ยสมยอมมันละสิไม่ว่า ไม่งั้นจะเป็นเมียมันหรอ” พี่ยศแซวพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
 
    "นั่นมันก็บังคับผมเหมือนกัน" ผมบ่น ก็แค่แรกๆ อะนะ ไม่ถึงขั้นขืนใจหรอก เคลิ้มตามมันตลอด

    "หึๆ" เสียงไอ้คุณผัวหัวเราะชอบใจ จนโดนประเคนฝ่ามือฟาดหลังไปที "เขินรุนแรงตลอด"

    "ใครเขิน" ปากก็ปฏิเสธแต่หน้านี่ร้อนไปหมด พี่ๆ ที่เหลือพากันหัวเราะชอบใจ ก่อนจะแบ่งงานกันทำโดยแต่ละคนมีโน๊ตบุ๊คคนละเครื่อง หันมาปรึกษากันบ้าง กวนกันบ้างตามประสา ทำเอาผมยิ้มตามเป็นบางครั้ง

    นี่เป็นอีกด้านของรอทที่ผมได้มีโอกาสสัมผัส ไม่ใช่แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์จากตระกูลใหญ่ ที่จับมีดถือปืนและเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของศัตรู แต่เป็นผู้ชายธรรมดา ที่ไม่ได้มีอำนาจทรงพลัง แค่นักศึกษาคนหนึ่งกับกลุ่มเพื่อนที่สุมหัวกันทำงาน แม้ไม่ใช่คนช่างพูดแต่ก็เข้ากันได้ดีกับทุกคน

    ระหว่างรอผมก็หยิบสมุดเสก็ทขนาดกลางขึ้นมาวาดอะไรเรื่อยเปื่อย บ้างก็ร่างงานที่อาจารย์ให้หัวข้อมาในอาทิตย์นี้ เรานั่งกันอยู่นานจนฟ้าเริ่มมืด ดูเวลาในโทรศัพท์เป็นเวลาหกโมงครึ่ง ผมนั่งอยู่นี่เกือบสองชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย บิดขี้เกียจไล่ความปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ซบหน้ากับต้นแขนคนข้างๆ ดูว่ามันทำอะไรในโน้ตบุ๊ค ก็เห็นตัวหนังสือสีเขียวบนพื้นดำกับสารพัดตัวเลขชวนมึน
 
    "เบื่อแล้วเหรอ หรือหิว" รอทว่าพลางละมือที่จับเมาส์มาลูบหัวผมเบาๆ

    "หิว อยากกินแซลมอน"

    "อ่า คงอีกซักพักแหละ โยไปหาอะไรกินรองท้องก่อนก็ได้" ว่าพร้อมยื่นกระเป๋าตังให้ อิอิ รู้หน้าที่เสียด้วย
 
    "พวกพี่มีใครฝากซื้ออะไรไหม" ผมหยิบแบงก์แดงออกมาแค่ใบเดียว จริง ๆ เงินตัวเองก็มีแหละแต่เขาอยากให้เราก็ไม่ขัดศรัทธา

    "ฟุตลองชีส โค๊กขวดนึง" พี่ยศ

    "เปาหมูไข่เค็ม น้ำเปล่า" พี่โต

    "เอาเหมือนไอ้โต" พี่อัคว่า

    รับออเดอร์เสร็จก็เดินไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่อีกตึกซึ่งไม่ไกลมาก หยิบขนมกับนมกล่องให้ตัวเอง น้ำเปล่าให้รอทเพราะเขาคงไม่มีเลือดถุงขายหรอกครับ กับของที่พวกพี่ๆ ฝากมาแล้วไปเข้าคิวจ่ายเงิน ตอนเย็นคนเยอะเพราะในมหาลัยมีอยู่ที่เดียว จึงมีนักศึกษาจากหลายคณะเข้าออกร้านแห่งนี้ไม่ขาดสาย

    พอกลับมายังโต๊ะหินหน้าคณะวิศวะ ก็พบว่าโต๊ะมีสมาชิกเพิ่มอีกคนซึ่งนั่งแทนที่ผมที่ว่างอยู่ เป็นผู้หญิงที่จัดได้ว่าสวยพอตัว พี่โตที่นั่งใกล้ๆ รอทจึงเขยิบให้ผมไปนั่งม้าหินตัวเดียวกัน
 
    "ปีหนึ่งเหรอค่ะ พี่ไม่เคยเห็นเลย" สมาชิกใหม่เอ่ยทักผมพร้อมยิ้มหวาน แต่คนอื่น ๆ กลับทำสีหน้าลำบากใจอย่างเป็นได้ชัด

    "เปล่าครับ ปีสองแล้วแต่คณะอื่น"

    "อ่อถึงว่าไม่เคยเห็น พี่ชื่อแพทนะค่ะ เป็นดาวคู่กับรอท" ว่าแล้วก็กอดแขนรอทอย่างสนิทสนม ทำเอาผมรู้สึกตึงๆ ไปนิด

    "อะ เอ่อ...ผมโยครับ" ผมตอบรับแค่นั้นพลางยิ้มตอบเจื่อนๆ แล้วหันไปแจกของที่ซื้อมาให้กับคนอื่น ๆ แบบไม่อยากจะสนใจ
 
    "รอทค่ะงานประจำปีนี้อย่าลืมไปเข้าร่วมประชุมนะค่ะ เป็นเดือนแต่ไม่เคยทำหน้าที่เลย แบบนี้ใช้ไม่ได้นะ" พี่แพทว่าเลื่อนเอกสารชุดหนึ่งมาตรงหน้าเจ้าของชื่อ ที่ยังคงสนใจแต่คอมฯตรงหน้าไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น

    "งานอะไรครับ" จึงอดที่จะถามออกมาไม่ได้

    "ก็งานแสดงละครของมหาลัยไงค่ะ รวมเอาดาวกับเดือนแต่ละคณะมาร่วมแสดง อีกอย่างปีที่ผ่านๆ มารอทก็ไม่ค่อยจะร่วมกิจกรรมเท่าไหร่" เธออธิบาย 

    "ผมไม่ได้อยากเป็น" ไม่บ่อยนักที่รอทจะปฏิเสธออกมาเป็นคำพูดขนาดนี้ เพราะหมอนี่มันประเภทถ้าไม่ชอบไม่ใช่ก็ไม่ทำแล้วจบไป

    "แต่เราแทบจะไม่ได้ออกงานคู่กันเลยนะค่ะ" ว่าแล้วก็หันไปกระเง้ากระงอดใส่คนข้างตัว ซึ่งรอทเองก็รู้ตัวดี พยายามดึงตัวออก เห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะโวยวายเพระคนของผมเองก็ไม่ได้ผิด "อีกอย่างนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วคิดซะว่าทิ้งทวนก็แล้วกัน นะค้ะ น้าาา" 

    “ขอคิดดูก่อน” รอทว่าพลางเริ่มเก็บของ พี่ๆ ในกลุ่มคนอื่นก็ทำตาม “ผมต้องไปแล้ว ค่ำแล้วอยากกลับ”

    “บายคนสวย”

    “ไปละ”

    “บาย”

    ผมยังงงที่จู่ๆ ทุกคนลุกขึ้นจากโต๊ะและรวบเอาของตัวเองมาถือแล้วคุณผัวก็ลากเดินออกมาเลย ปล่อยให้ดาวคนสวยเหวอแดกอยู่ที่โต๊ะคนเดียว

    “แม่งยังไม่เลิกตื้อมึงอีกหรอวะ” พี่โตบ่นขณะที่เราทุกคนกำลังเดินไปยังที่จอดรถ

    “ตื้อ? แปลว่าพี่คนนั้นเขาชอบรอทเหรอ” ผมถามออกมาอย่างสนใจ

    “น่าจะ ก็เห็นตามเกาะมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ไปทำท่าไหนถึงติดใจขนาดนั้น” พี่ยศว่า

    "คงจะหลายท่าอยู่” พี่อัคตอบให้

    “เธอเคยนอนกับนายใช่ไหม” ไม่รู้ว่าถามออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหนแต่คนถูกถามหันมามองหน้าผมพร้อมจับมือผมแน่น

    “เคย สองสามครั้งช่วงปีหนึ่ง ตอนนั้นเรายังไม่เจอกันด้วยซ้ำ”

    "อืม เข้าใจ" คุณก็รู้อยู่ว่ารอทมันหื่นแค่ไหน ผู้ชายอย่างเราๆ ถ้ามีคนมาเสนอให้มีหรือจะไม่สนอง เป็นผมถ้าโสดอยู่สวยระดับดาวคนนั้นก็น่าลอง

    "แล้วทำไมไม่บอกไปเลยวะ ว่าโยเป็นแฟนมัน" พี่ยศว่า

     "คนอย่างแพทน่าจะดูออกแหละ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า" ผมเห็นด้วยกับพี่อัคนะ รอทเทียวรับเทียวส่งผมทุกวัน จนรู้ทั้งคณะแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน แถมวีรกรรมตรงลานจอดรถตอนนั้นอีก ถึงไม่มีคนเห็นอะไรชัดแต่ก็รู้ว่าพวกเราทำอะไร พูดถึงเรื่องนี้ ยังอายไม่หายเลยแม่งเอ้ย!!!  :z3:

    "แล้วสรุปงานจะทำที่ไหน อยู่หน้าตึกยัยนั่นคงมากวนไม่เลิก"

    "ไปคอนโดผมแล้วกัน" รอทสรุป 

    ตลอดสุดสัปดาห์นั้น ห้องของพวกผมจึงกลายเป็นสถานที่ทำงานให้กับกลุ่มรอท เราย้ายคอนโดแล้วครับ ไปอยู่ที่ที่มันกว้างขึ้น เป็นห้องชุดขนาดใหญ่ สองห้องนอนสองห้องน้ำ ซึ่งห้องนอนหนึ่งถูกทำเป็นห้องทำงานกับที่วาดรูปให้ผมครับ มีส่วนครัวและห้องนั่งเล่น จึงเพียงพอต่อการรับรองผู้ชายตัวโตๆ อีกสามคนที่อาศัยชุดโซฟาเดย์เบดเป็นที่ซุกหัวนอน
วันจันทร์ผมถูกไอ้คุณผัวลากมาร่วมประชุมกิจกรรมของบรรดาดาวและเดือนในตอนเย็น ปีนี้ทางมหาวิทยาลัยจะจัดการแสดงละครเวทีโดยรวมเอาดาวและเดือนเน้นที่ปีสี่ ซึ่งกำลังจะจบของแต่ละคณะมาร่วมแสดง เพราะละครครั้งนี้เป็นงานการกุศลมีการขายบัตรเข้าชม คงมีบรรดาแฟนคลับยอมซื้อตั๋วมาให้กำลังใจคนที่ชื่นชอบเยอะพอตัว

     สำหรับเรื่องที่แสดงเป็นเรื่องตำนานกรุงทรอย รอทได้รับบทเป็น โอดิสซุส (แม่ทัพผู้ปราดเปรื่องของกรีกผู้คิดอุบายม้าไม้ที่ถูกส่งเข้าไปในทรอย โดยภายในบรรจุทหารกรีกอยู่ เมืองทรอยจึงถูกโจมตีจากภายในและเเพ้พ่ายในที่สุด) แต่ผมว่ามันเหมาะกับพวกบทรูปปั้น ก้อนหิน ขอนไม้อะไรเทือกนั้นมากกว่านะ 

      ส่วนผมที่ถูกลากมาด้วยใช่ว่าจะรอด ดันมาเจอกับรุ่นพี่ปีสี่คณะตัวเองพอดี พี่มันเลยจับผมไปพรีเซ็นท์ว่าเก่งอย่างงั้นอย่างงี้ จึงต้องซวยช่วยพวกมันรับผิดชอบการทำฉาก แต่ก็นะมั่นใจเลยว่าอย่างรอทมันไม่ยอมมาซ้อมคนเดียวอยู่แล้ว
สำหรับแม่ดาวคนสวยที่ชื่อแพท เธอได้บทเฮเลน นางเอกของเรื่องแต่ดันเป็นเฮเลนที่ไม่อยากได้เสียกับเจ้าชายปารีสนี่สิ มาแซะโอดิสซุสของผมไม่หยุดหย่อน จนเริ่มหมั่นไส้ผู้หญิงขึ้นมานิดๆ

     “ตั้งแต่พรุ่งนี้เราต้องมาซ้อมทุกวัน ขอแพทติดรถมาด้วยคนนะค่ะ” นั่นไง เธอเริ่มแล้ว

     "แพทมีรถไม่ใช่หรอครับ" รอทยอนทันควัน

     "ก็...เอ่อ"

     "แพทมาเองดีกว่านะครับ เพราะก่อนมานี่ผมต้องแวะไปรับโย และกลับกับเขาครับ ไม่สะดวกไปส่งตอนเลิกด้วย" ไอ้คุณผัวสรุปเสร็จสรรพ ก่อนดึงมือผมเดินออกมาทิ้งให้ดาวคณะตัวเองยืนเหวออยู่ตรงนั้น คนเขาปฏิเสธขนาดนี้แล้วก็นะ ยังจะมองตาละห้อยอีก ผมเป็นผู้ชายจะให้ไปแวดๆ ใส่เธอก็ใช่ที่ 

     บรรยากาศในรถตอนกลับบ้านเงียบกว่าปกติมาก ก็รู้ตัวแหละว่าเป็นเพราะผมที่อารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีเลยเลือกที่จะไม่ชวนคุยด้วยกลัวพาลใส่อีกคน ลองมีผู้หญิงมาเกาะแกะแฟนคุณไม่เลิก ใครจะไม่หงุดหงิดละครับ  หันไปมองหน้าคนที่กำลังขับรถแบบเซ็งๆ ถ้ามันหล่อน้อยกว่านี้ซักนิดผมคงไม่ต้องมานั่งปวดหัว เพราะผมไม่ได้พิศวาสมันเพราะหน้าตาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว รอทหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนหันกลับไปมองถนนตรงหน้าพร้อมอมยิ้ม

     "ยิ้มอะไร มีความสุขมากเหรอ" จนอดที่จะแขวะไม่ได้ 

      "อืม...ขี้หึงนะเรา" รอทว่าขำๆ ผมได้แต่มองค้อนมันด้วยความหมั่นไส้

      "หลงตัวเอง"

     "เปล่า หลงโยต่างหาก"

     "ไอ้บ้า"


 
     วันต่อมา หลังจากรอทซ้อมเสร็จ แล้วมานั่งเฝ้าผมเก็บอุปกรณ์ที่ใช้เพ้นฉาก ซึ่งวันแรกคงได้แค่ภาพร่าง

     “รอทค่ะ แพทได้ตั๋วหนังฟรีมาเย็นนี้ไปดูด้วยกันนะค่ะ” ผมได้แต่กลอกตาแบบเซ็งๆ ผมต้องเจอแบบนี้ไปตลอดช่วงซ้อมเลยใช่ไหม

    “ขอโทษนะ แต่ผมไม่สะดวก” คนถูกชวนกล่าวตัดบท รีบช่วยผมเก็บของแล้วชิ่งอย่างไว


 
     วันเสาร์พวกเราสองคนเข้ามหาวิทยาลัยกันแต่เช้า เพราะพวกศิลปกรรมตั้งใจจะเก็บงานให้เสร็จภายในสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากอาทิตย์ถัดไปพวกพี่ปีสี่มันต้องเสนอพรีทีสิสกัน นั่งวากฉากกันหลังขดหลังแข็งจนค่ำ รอทที่ซ้อมเสร็จก่อนมานั่งเฝ้าผม เลยใช้มันเก็วของให้ส่วนตัวเองก็ชิ่งไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา

     "นี่...ขอคุยด้วยหน่อยสิ" เสียงทักดังขึ้นตอนผมกลับจากไปเข้าห้องน้ำ

     "เอ่อ ครับ" นึกว่าใคร ดาวคณะคนสวยของเรานี่เอง

     "เรื่องรอทนะ!!!" ว่าแล้ว สุดท้ายเธอต้องมาเคลียกับผมเข้าซักวัน

     "อ๋อ ว่าไงครับ"

     "นายกับรอทเป็นอะไรกัน"

     "อันนั้น ผมว่าพี่รู้อยู่แล้วนะ ขอตรงๆ ดีกว่าครับ ว่าต้องการอะไร"

     "ไปจากรอทซะ ผู้ชายดีๆ แบบนั้นนะ เบี่ยงเบนก็เพราะพวกผิดเพศแบบแกไง" ถึงกับเปลี่ยนสรรพนาม ไอ้ที่เคยชมว่าเธอสวยนี่ผมถอนคำพูดได้ไหม เพราะคนที่ดูถูกตัวตนของคนอื่นแม่งโคตรทุเรศเลยวะ

     "หึ...พูดเหมือนรู้จักหมอนั่นดีเลยนะ"

     "แกไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วรอทนะเป็น..." แพทว่าเสียงดังแต่กลับชะงักไปเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด

     "แวมไพร์" ผมจึงต่อให้

     "แกรู้!!!!" แพทมองผมตาโตเหมือนไม่คิดว่าผมจะรู้

     "นอกจากนี้มีอะไรให้ตกใจอีกไหมครับ" ก็ไม่ได้พูดอะไรหยาบคายนะ แต่ทำไมสีหน้าเธอดูหงุดหงิดนักละ

     "นี่แก...รอทนะ เป็นถึงสายเลือดตระกูลซานซิโอ คนอย่างแกไม่คู่ควรหรอกยะ" แพทว่าพลางผลักผมจนกระแทกกำแพง เธอไม่ได้แรงเยอะอะไรหรอกแค่ผมไม่ทันตั้งตัว

     "แล้วพี่คู่ควรหรอ"
 
     "แก" แพทถลึงตาใส่พลางกำคอเสื้อผมแน่น หน้าอกหน้าใจเบียดมาเสียชิด แต่ก่อนผมอาจจะหวั่นไหวกับอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ รู้สึกอยากผลักเธอไปให้ไกล แต่่คนอย่างโยนาห์ไม่ชอบรังแกผู้หญิงวะ จึงได้แต่นิ่งไว้ "พ่อฉันนะ เป็นถึงสมาชิกสภากลาง ส่วนแก ก็แค่เด็กเมื่อวานซืน เทียบกับฉันไม่ได้หรอกย่ะ"

     "หึๆ ฮ่าๆ พี่นี่มันจี้ชะมัด"

     "หัวเราะอะไร" 

     “นี่คนสวย ถ้ารู้ดีขนาดนี้ ก็น่าจะรู้นิ ว่าซานซิโอมันไม่ได้ใหญ่ตระกูลเดียว” ผมยิ้มเยอะ สบตาเธออย่างเอาเรื่อง 

     “แก..เองก็ ว้าย!!!” แพทร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ตัวก็ถูกกระชากออกห่างจากผม

     “กล้าดียังไงมาแตะต้องคนของผม” รอทว่าเสียงขุ่นพลางเอาตัวมาขวางผมไว้ มือข้างหนึ่งบีบต้นแขนดาวคณะแน่น 

     "รอทค่ะ แพทเจ็บ" ดูจากสีหน้าเธอคงเจ็บน่าดู

     "รอทใจเย็น นั่นผู้หญิงนะ" แถมยังเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ผมละกลัวแขนเธอจะหักคามือคุณผัวจริง ๆ

     "ไปรอที่รถ"

     "แต่...ปล่อยพี่แพท..."

    "โยไปรอที่รถ นะครับ" ฟังจากน้ำเสียงนิ่งๆ แบบนี้ อารมณ์ไม่ดีแน่นอน 

     "อืม..เร็วๆ นะ" ทางที่ดีไม่ดื้อกับมันดีกว่า ผมละกลัวรอทหักคอเธอทิ้งจริงๆ แต่ตอนนี้ขอห่วงตัวเองก่อนนะ

................................

คิดถึงกันไหมหายหน้าไปนาน ตอนนี้เรามีอีกเรื่องที่ออนแอร์อยู่นั้นคือ ผู้พิทักษ์ใจ  Guardian of Heart http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52090.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52090.0)

ตอนนี้ส่วนหนึ่งที่หายหน้าหายตาเพราะ ซุ่มเตรียมพิมพ์เรื่องนี้อยู่จ้า บังเอิญมีคนมาให้การสนับสนุน เราเลยต้องจัดทำรูปเล่ม ในส่วนของอาร์ตเวิร์คเราเป็นคนวาดเองทำเองเลยค่ะ เลยยุ่งๆ นิดหน่อย ไหนจะงานประจำ(ตอนนี้ทำงานแล้ว รู้สึกเริ่มจะแก่)และปั่นลุงเวกับน้องฟา ทุกสิ่งมันเลยรวนๆ ไปนิด

เอาเป็นว่าถ้าหนังสือเค้าออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่าลืมอุตหนุนกันนะ เนื้อหาคบงเดิม แต่มีการขัดเกลาภาษาให้สละสลวยขึ้นค่ะ

*ปล. ขอไอดีซื้อขายไปนานละอ่าาา ไม่เห็นได้รับการตอบกลับเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 1/2 p.13 up 18/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2016 22:32:27
แหมะ เอามายั่วน้ำลายกัน
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 1/2 p.13 up 18/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-08-2016 21:04:38
 :katai2-1:    แอร๊ยยดีใจ. รอต่อจ้ากำลังมันส์เลย
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 1/2 p.13 up 18/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 21-08-2016 21:59:53
เนื้อเรื่องน่าติดตาม สนุกดีครับ แต่รายละเอียดบางอย่างน่าจะขยายเพิ่ม อย่างเช่นพ่อตัวจริงของโย สรุปตายไปเฉย ๆ เลย แล้วโยก็เกลียดพ่อต่อไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรว่าพ่อก็รัก อีกอย่างคือ คำสาปที่จะทำให้อมนุษย์ทั้งหมดสูญพันธุ์ ถูกทำลายลงแล้ว ?

ขอบคุณสำหรับนิยายน่าอ่านอีกเรื่อง
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 1/2 p.13 up 18/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-08-2016 22:23:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 1/2 p.13 up 18/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 22-08-2016 09:46:35
เนื้อเรื่องน่าติดตาม สนุกดีครับ แต่รายละเอียดบางอย่างน่าจะขยายเพิ่ม อย่างเช่นพ่อตัวจริงของโย สรุปตายไปเฉย ๆ เลย แล้วโยก็เกลียดพ่อต่อไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรว่าพ่อก็รัก อีกอย่างคือ คำสาปที่จะทำให้อมนุษย์ทั้งหมดสูญพันธุ์ ถูกทำลายลงแล้ว ?

ขอบคุณสำหรับนิยายน่าอ่านอีกเรื่อง

ตอบคำถามค่า....โยยังเกลียดพ่อต่อไป?  ใข่ค่ะ เพราะโยเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นและสิ่งที่เจอค่ะ มันเลยยากจะเชื่อว่าพ่อรักค่ะ แต่อัลสไวเดอร์ รู้ดีค่ะว่าพี่รักลูก เพียงแต่คนน้องเลือกคนที่รักค่ะ แต่คนพี่เลือกหน้าที่

คำสาป อันนี้ไม่ได้ทิ้งค่ะ จริงๆ ซีรี่นี้เราแพลนไว้สี่ภาคค่ะ ใบ้ให้ก็นิดนึง ภาคสามเป็นคิวของบ้าน เดอลาครัวซ์ค่ะ และภาคจบจะ เป็นของลูกชายคนโตบ้านซานซิโอค่ะ แต่มันค่อนข้างช้า เพราะผู้แต่งเองก็ต้องทำงานค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 1/2 p.13 up 18/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-08-2016 00:02:33
โอ๊ยยยยย ค้างๆๆๆๆ มาต่อเร็วๆนะคะ อยากอ่าน ๆๆๆๆ
ปล.คิดถึงสองคนนี้มากค่ะ ดีใจที่มาต่อตอนพิเศษนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 23-08-2016 23:05:43
Night Knight Love Life II

ผมเก็บสีและพู่กันเข้ากระเป๋าให้โยนาห์เพราะเจ้าตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่นี่สิบห้านาทีแล้วยังไม่เห็นเดินกลับมา ถึงรู้ว่าคนแบบโยดูแลตัวเองได้แต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ลองคุณเกือบจะเสียคนรักไปถึงสองครั้งสองคราแบบผมสิ  ต่อให้คนของคุณเป็นครึ่งแวมไพร์ก็ไม่อยากให้คลาดสายตาอยู่ดี นอกจากมามหาลัย ไปบ้านพ่อ และไปกับข้าวหอม ผมแทบจะไม่ปล่อยให้โยนาห์ไปไหนคนเดียว หาว่ารอทติดเมีย อันนี้ยอมรับ
 
ผมวางทุกอย่างที่ีทำอยู่ทันที เพราะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของโยนาห์ทำเอาตกใจเพราะกลัวจะเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากปกติอมนุษย์อย่างเราจะอำพลางไอพลังของตนเอง สองเท้าพาไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็วแบบไม่กลัวคนอื่น ๆ จะผิดสังเหตุในความเร็วที่ผิดมนุษย์มนา

ทันทีที่ไปถึงก็เห็นแพทกำคอเสื้อโยแน่นเบียดโยชิดกำแพง ทำเอาผมโมโหขึ้นมาพอตัว นอกจากข้าวหอมกับคนในครอบครัว ผมไม่ชอบให้ใครถึงเนื้อถึงตัวเมียผมเลยซักครั้ง นี่เธอเป็นใครถึงมาทำแบบนี้ ผมคว้าแขนเธอได้ก็กระชากออกห่างจากเมียผม

“กล้าดียังไงมาแตะต้องคนของผม” ผมว่าพลางแทรกตัวไปบังโยไว้

"รอทค่ะ แพทเจ็บ"

"รอทใจเย็น นั่นผู้หญิงนะ" โยพยายามห้าม

ไปรอที่รถ"
 
"แต่...ปล่อยพี่แพท..."

"โยไปรอที่รถ นะครับ" ผมพยายามข่มอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองเอาไว้ ไม่อยากไปพาลใส่โย เพราะรู้นิสัยแย่ๆ ของตัวเองดี

"อืม..เร็วๆ นะ" แม้จะมีท่าทีลังเล แต่เจ้าตัวก็ยอมถอย 

โยไม่ชอบเวลาผมโมโหครับ และตัวผมเองก็พยายามจะไม่เอาอารมณ์ไปลงใส่คนรัก เพราะผมเคยโกรธจนเผลอทำร้ายเขา ตอนที่โยบอกจะไปจากผมในตอนนั้น ผมโกรธมากจนขาดสติ ทำเรื่องแย่ๆ กับคนที่รัก ภาพที่โยร้องไห้ไม่ยอมมองหน้าวันนั้นยังติดตาอยู่เลย เพราะแบบนี้ไงเลยบอกให้ไปรอที่รถ ผมมองตามแผ่นหลังบางนั่นจนลับตาก่อนจะหันมาสนใจผู้หญิงตรงหน้าที่ตอนนี้ยืนหน้าซีด

"ผมดูเป็นคนใจดีขนาดนั้นเลยหรอ" หันมาถามผู้หญิงตรงหน้า ที่ตอนนี้มองมาด้วยดวงราแดงก่ำน้ำตาคลอ ส่วนหนึ่งคงเพราะเจ็บแขนที่ถูกผมบีบแน่น

“รอท แพทเจ็บ” คนอย่างรอทไม่ใช่สุภาพบุรุษและแสนดี ผ่านมาที่ไม่ได้ใส่ใจที่ถูกตามติด เพราะเคยปฏิเสธเธอไปชัดเจนแล้ว อีกทั้งยังเห็นแก่หน้าพ่อของเธอที่ทำงานในสภา แพทเองก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรมากมายแม้จะน่ารำคาญก็เถอะ แต่ตอนนี้เธอมาระรานคนของผมซึ่งยอมไม่ได้ แม้แต่ไอ้กรกฏยังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กับเธอหากทำมากกว่านี้ผมคงไม่ละเว้น

“เคยบอกชัดเจนแล่วนะแพท ว่าผมไม่มีวันรักคุณ” ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ชอบเพียงเพราะผมหล่อและรวย สิ่งที่เธออยากได้อีกอย่างคืออำนาจ และเธออยากให้ผมเปลี่ยนเธอเป็นแวมไพร์ 

“ไอ้เด็กเวรนั่นมันดีตรงไหน อึก” ผมปล่อยแขนเธอแต่เปลี่ยนมาคว้าลำคอระหงบีบมันแน่นพลางกดร่างบางเข้ากำแพง 

“อย่ามาว่าโยนาห์แบบนั้น” แพทหน้าซีดเผือดขึ้นทันที

“ทำไมละ กับอีแค่ปีศาจกระจอกๆ แบบนั้น แพทให้พ่อสั่งเก็บก็ยังได้” เพราะเธอคิดแบบนี้ไง ดูถูกคน ผมจึงไม่ยากเปลี่ยนเธอเป็นแวมไพร์ เพราะถ้าเธอมีพลังก็คงไปกดขี่ข่มเหงคนอื่นๆ

“ถ้าคิดว่ายุ่งวุ่นวายกับคนตระกูลอาร์เคนแล้วเรื่องจบง่ายละก็ ลองดู”

“อย่าบอกนะว่าเด็กนั่น…”

“แต่ถ้าทำแบบนั้นผมก็ไม่อยู่เฉยเหมือนกัน” ผมออกแรงบีบ จนร่างบางดิ้นพล่านเพราะขาดอากาศหายใจ “จำไว้เลิกยุ่งกับเราสองคนซะ ถ้ายังรักชีวิตอยู่” ร่างของแพททรุดลงกับพื้นทันทีที่ผมปล่อยมือ จะหาว่าผมใจร้ายก็เถอะ ถ้าเป็นเรื่องของโยนาห์ ผมไม่มีวันยอมทั้งนั้น ผมเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนที่จะโมโหทำร้ายเธอไปมากกว่านี้

“ช้าจัง” โยว่า แต่ผมไม่ตอบอะไรรีบตรงกลับคอนโดทันที 


“อาบน้ำก่อนไหม จะได้อารมณ์เย็นๆ” เหมือนที่รักจะรู้ว่าผมหงุดหงิด มาถึงก็จัดแจงหาเสื้อผ้าและผ้าขนหนูมายื่นให้ ทำตัวน่ารักอีกแล้ว ผมแย่งของเหล่านั้นจากมือโยแล้วโยนมันไว้ที่เตียง จากนั้นก็คว้าเอวคนตรงหน้ามากอดไว้แน่นก่อนจะจูบริมฝีปากนิ่มนั้น ซึ่งเจ้าตัวก็จูบตอบแต่โดยดี แลกลิ้นกันจนหนำใจจึงยอมผละออก

“แฮก อารมณ์ไหนเนี่ย” โยบ่นทั้งที่หน้าแดงซ่าน ผมหัวเราะชอบใจพลางฟุบหน้าลงกับไหล่บาง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมชะงัก กลิ่นน้ำหอมของแพทติดตัวโยมา

“ตัวนาย มีกลิ่นผู้หญิงคนนั้นติดมา” 

“เอ้ยยย เดี๋ยว” โยร้องลั่นเมื่นเมื่อถูกผมช้อนอุ้มและก้าวยาวๆ เข้าห้องน้ำไป

“อาบน้ำกัน” สรุปเองเสร็จสรรพ

“เดี๋ยวๆ อาบใครอาบมันสิโว้ย” โยโวยวาย หน้านี่แดงแป๊ดไปยันหู ส่วนมือก็พยายามจับมือผมที่กำลังเลื่อนลงมาปลดกระดุม ถามว่าเคยหยุดรอทได้ไหม…บอกเลยว่าไม่

“ฝักบัวหรืออ่าง”

“ไอ้เชี่ยรอท”

“พูดไม่เพราะ” ผมว่าก่อนก้มลงไปจูบปากนั่นหนัก อาศัยจังสะเมียเคลิ้มจับลอกคราบซะเลย

“อืม..อะ อ่าง” คนโดนจูบที่ตอนนี้ระทวยในอ้อมกอดตอบเสียงสั่น

“ทำไมครับ” ผมกระซิบถามที่ข้างหู 

“ยืนมันเมื่อย…” คือผมขอคิดว่าเป็นเรื่องนั้นก็แล้วกัน
 
“อ๊ะ เบาๆ สิ จะถลกหนังกันเลยหรือไง” โยว่าพร้อมหยิกหลังมือผมเพราะไอ้ผิวเนียนๆ นั่นทำเอาเผลอหนักมือไปหน่อย

“ไปให้คนอื่นโดนตัวต้องล้างให้เกลี้ยง เนี่ยๆ กลิ่นยัยนั่นยังติดตัวนายอยู่เลย” ผมว่าพลางฝังจมูกลงบนซอกคอขาว ขบกัดเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว

“นี่ก็เยอะตลอด อ้ะ อย่ากัดนะเว้ย งดบริจาคเลือด” คนโดนงับโวยวายพลางดึงหัวผมออก ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ในอ่างโดยมีร่างโปร่งนั่งซ้อนอยู่บนตัก หันหน้าเข้าหากัน สภาพล่อแหลมใช้ได้ อะไรๆ มันเสียดสีกันจนขนลุกซู่ รอทน้อยตื่นขนาดนี้ไม่รอดหรอกครับเมีย

“ก็ผมหวงนิ”

“โถ คนแก่ขี้งก อื้อ” ปากแบบนี้ไง เดี๋ยวจูบซะให้เข็ด ผมขบเม้มริมฝีปากนิ่มนั่นหนักหน่วง ก่อนจะแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นร้อนของเจ้าตัวอย่างดูดดื่ม สองมือลูบไล้ไปตามแผ่นอกแบน แล้วขยี้จุกที่เริ่มเเข็งไปไตจนโยครางอื้อในลำคอ 

“ใจเย็น ฮือออ รอท ซี๊ดดด” โยครางลั่น ในยามที่ด้านหลังถูกรุกล้ำช่องทางร้อนตอดรัดนิ้วผมแน่นจนอยากจะเอาส่วนอื่นใส่ไปแทน รัวนิ้วเข้าออกจนคนบนตักบิดเร่าด้วยความเสียว กล้าว่าผมแก่หรอ มันต้องจัดหนักๆ ให้รู้ซะบ้างว่าคนอย่างรอทแก่แค่ตัวเลข ส่วนอื่นไม่แก่ตามนะครับ

“ที่รัก ไม่ไหวแล้ว” ผมบอกเสียงพร่า สบกับดวงตาสีเทาจ้องมาอย่างออดอ้อน กับริมฝีปากแดงจัดที่เผยอหอบ ใครเล่าจะทน
 
"โอ๊ยยย!!!" เสียงหวานครางลั่นเมื่อผมดึงนิ้วออกแล้วใส่ลูกชายเข้าไปแทนรวดเดียวจนสุด ลืมไปว่าของตัวเองไม่ใช่เล็กๆ เล่นเอาที่รักผมเจ็บน้ำตาคลอ "เจ็บนะเว้ย ไอ้บ้า" ผลัวะ!! ไม่ด่าเปล่าทุบไหล่ผมซะเต็มแรง ผมจูบซับน้ำตาที่สองแก้มก่อนจะวกมาที่ริมฝีปากหวาน

"ขยับนะ"
 
"อือ อาาา" โยพยักหน้ารับคำเสียงสั่น วาดแขนโอบรอบคอผมเป็นหลักยึด ก่อนจะค่อยขย่มลงบนตักผมเบาๆ ช่องทางอุ่นร้อนตอดรัดจนไม่อาจทนใจเย็นต่อไปได้ จากสองมือที่คอยประคองเอวบางไว้กลับกดรั้งลงรับจังหวะที่กระชั้นถี่ เร็วขึ้นแรงขึ้นจนน้ำในอ่างกระฉอกไปตามแรง จังหวะรักร้อนแรงชนิดที่น้ำในอ่างไม่ได้ทำให้เราทั้งคู่รู้สึกหนาวเลย

"ฮือ รอท อาาา ไวอีก อ๊ะ อ๊าา" เสียงครางที่ดั้งก้อง กับส่วนล่างที่ถูกตอดรัวๆ ทำเอาสติผมกระเจิง ไม่ว่ากี่ครั้งโยนาห์ก็ทำให้ผมรู้สึกหลงไหลบ้าคลั่งไปกัับร่างกายนี้เสมอ เหมือนว่าสัมผัสเท่าไหร่มันก็ไม่พอ อยากจะกัด อยากลิ้มรส ทุกสิ่งทุกอย่างของคนๆ นี้
 
"รักนะครับ" ผมกระซิบเสียงพร่า เร่งจังหวะพาเราทั้งคู่ให้ถึงปลายทาง 

"อืมม เหมือนกัน ฮืออ" โยนาห์รับคำก่อนจะโน้มหน้าผมลงไปรับจูบอย่างดูดดื่มๆ เนื้อตัวสั่นเทาเกร็งไปทั้งร่างเพราะใกล้เสร็จเต็มที เลยยิ่งเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นจนร่างบางโยกคลอนไปตามแรง โยเชิดหน้าร้องลั่นก่อนจะปลดปล่อยออกมาในที่สุด ภายในรัดแน่นจนผมเองก็ต้องปลดปล่อยออกมาเช่นกัน

"ทำอีก ได้ไหม" ผมพรมจูบไปตามใบหน้าเนียนที่แดงซ่าน จากห้วงอารมณ์ทีเพิ่งผ่าน

"ไปที่เตียง" โยนาห์บอกเสียงแผ่วด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมเลยอุ้มที่รักมาล้างเนื้อล้างตัวที่ฝักบัว กว่าจะเสร็จพิธีได้เลยโดนอีกรอบ ใครใช้ให้ยั่วผมละครับก็รู้ๆ กว่ารอทหื่น

"พอแล้ว อือรอท พรุ่งนี้ต้องไปช่วยเขาทำฉาก" เสียงหวานเอ่ยท้วงทันทีเมื่อร่างถูกวางลงบนเตียงนุ่ม ดวงตาสีเทาปรือมอง ไม่รู้ตัวหรือไงว่าแบบนี้มันยั่วเป็นบ้า ผมรั้งเรียวขาเนียนพาดบ่าเตรียมลุย

"เดี๋ยวลาให้ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปนะ" 

"ไม่นะ รอท อ๊าา" สำหรับรอทยิ่งห้ามเมือนยิ่งยุละนะ มีแรงห้ามได้ห้ามไปครับผมก็ทำอยู่ดี

 
 
"วันนี้ไม่ไปซ้อมนะ" ผมโทรไปบอกเฮดของงานแสดงในตอนเช้า 

"หา...ทำไมละ" เสียงปลายสายถามกลับทันที

"เมียป่วย"  หันไปมองร่างโปร่งที่ยังนอนหมดแรงอยูบนเตียงก็เจอสายตาอาคาตแค้นของคุณเมียส่งมาให้พร้อมส่งคำสรรเสริญมาให้ด้วยนิ้วกลาง ก่อนจ้าตัวจะดึงผ้าขึ้นมาคลุมแล้วหันหลังให้ จดอดยิ้มไม่ได้กับท่าทางแบบนั้น...น่ารักใช่ไหมละ

.............................................

- เบื่อลุงวะ หาเรื่องรังแกโยได้ตลอด

 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 24-08-2016 01:00:06
เข้ามาอ่านอีกรอบ ลุงยังหื่นเหมือนเดิม

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่าา
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-08-2016 14:29:10
หึๆๆๆๆ ความหื่นไม่เกี่ยวกับอายุนะ อยู่ที่นิสัยต่างหากกกกก  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: ckk ที่ 24-08-2016 19:58:32
ขอบคุณมากค่ะ
สนุกมากก o13
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 25-08-2016 21:10:37
ความหื่นพี่แกนี่คงเส้นคงวามากกก
เอ๊ะะ หรือจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะ
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-08-2016 19:09:11
ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 27-08-2016 15:51:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 30-08-2016 22:05:53
สนุกดีๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: FONS ที่ 31-08-2016 11:31:54
ถึงขั้นป่วยเลยโย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาล ตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ love life 2/2 p.13 up 23/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 13-09-2016 16:41:19
(http://upic.me/i/ra/14040000_1566581126985002_5490223334078363559_n.jpg) (http://upic.me/show/59258061)
หนังสือเรื่อ Night Knight อัศวินรัติกาลเปิดจองแล้วนะค่ะ ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.whybooksth.com/ (http://www.whybooksth.com/)  สำหรับคนที่อากสะสมค่ะ มีให้เรื่อง 2 แบบบ ปกอ่อน กับ ปกแข็ง (หุ้มจั่วปัง ปั๊ม เคเงินค่ะ) ปล. เราทำอาร์ต และรูปประกอบในเล่มเองเลยค้าาาา


ฝากผลงานด้วยค่ะอุดหนุนกันเยอะๆ นะค้า พูดคุยกับเราได้ที่เพจ  https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/ (https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/)

 :mew3:

หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-11-2016 19:08:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 20-11-2016 07:38:57
สงสารพ่อโย และสงสารแม่โยมากที่สุด พ่อที่รักลูก แต่ไม่เคยได้แสดงออก ได้แต่ทำเป็นเลว กลบเกลื่อน สงสารแม่โย ที่ต้องเสียคนที่รัก  สงสารโย ที่เสียคนที่รักไปเกือบหมด แต่อย่างน้อยก็ยังเหลทอรอท เหลือข้าวหอม แต่แอบรำคาญความงี่เง่าข้าวหอม ตอนไปภูเก็ต
เป็นนิยายที่อ่านเพลินมากเลยคะ มีน้ำตาไหลตามด้วย มันจุกตอนพ่อโยสารภาพทุกอย่าง พ่อโยคงเสียใจไม่แพ้กัน อย่างว่า หน้าที่มักต้องมาก่อนหัวใจเสมออะเนอะ 

  ขอบคุณที่เขียนนะคะ เพิ่งเจอ ชอบมากเลย

แต่แอบสงสัยคะ คือตระกูลรอท ไม่ได้เป็นอมตะหรอคะ ??  คือมีอายุขัยเหมือนกันใช่ไหม หรือเราอ่านข้ามตรงไหนไปหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 20-11-2016 09:38:31
ขอบคุนค่า
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 21-11-2016 11:58:35
สงสารพ่อโย และสงสารแม่โยมากที่สุด พ่อที่รักลูก แต่ไม่เคยได้แสดงออก ได้แต่ทำเป็นเลว กลบเกลื่อน สงสารแม่โย ที่ต้องเสียคนที่รัก  สงสารโย ที่เสียคนที่รักไปเกือบหมด แต่อย่างน้อยก็ยังเหลทอรอท เหลือข้าวหอม แต่แอบรำคาญความงี่เง่าข้าวหอม ตอนไปภูเก็ต
เป็นนิยายที่อ่านเพลินมากเลยคะ มีน้ำตาไหลตามด้วย มันจุกตอนพ่อโยสารภาพทุกอย่าง พ่อโยคงเสียใจไม่แพ้กัน อย่างว่า หน้าที่มักต้องมาก่อนหัวใจเสมออะเนอะ 

  ขอบคุณที่เขียนนะคะ เพิ่งเจอ ชอบมากเลย

แต่แอบสงสัยคะ คือตระกูลรอท ไม่ได้เป็นอมตะหรอคะ ??  คือมีอายุขัยเหมือนกันใช่ไหม หรือเราอ่านข้ามตรงไหนไปหรือเปล่าคะ

ไม่มีตระกูลไหนเป็นอมตะค่ะ แต่แค่พวกตระกูลใหญ่จะมีอายุยืนกว่า สายเลือดอื่น ๆ ค่ะ ตามแพลนจะอยู่ราว 300-500 ปีค่ะ แต่คำสาป ใบ้ให้ว่าเปนเพียงกุสโรบายให้แก่เหล่าอมนุษย์ค่ะ
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-11-2016 20:19:04
เพิ่งอ่านมาเจอ...เป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องนึงเลย

แต่โยอาภัพไปหน่อย...แต่ก็มีเหตุผลรองรับ

ขอบคุณเรื่องดีๆที่นำมาให้อ่านค่ะ.
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 11-11-2017 13:55:46
หุววววว ขุดกระทู้แฟนตาซีเจอเรืองนี้เลยตามมาจ้าาา

สนุกมากเลย  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 12-11-2017 20:28:06
เป็นแฟนตาซีที่สนุกมาก ไม่น่าเบื่อเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคนเขียน
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 07-12-2017 22:40:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: bewitchz ที่ 12-12-2017 13:11:06
 :impress2:  :impress2:
เพิ่งได้มาอ่าน ชอบมากๆเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: bewitchz ที่ 12-12-2017 13:25:40
โยน่ารักอ่าาาา  o22 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 17-01-2018 21:54:03
 o13
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: bewitchz ที่ 11-06-2018 12:36:55
แปะไว้ก่อนเดี๋ยวมาตามอ่านน้า :hao7:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: lostinthelight ที่ 02-01-2020 05:03:45
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ สนุกมากเลยยย :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Night knight อัศวินรัติกาลตอนพิเศษ รอทxโยนาห์ แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะP13 13/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 11-07-2020 13:26:09
สนุกตื่นเต้นเร้าใจทุกตอนเลย แหมตอนสุดท้ายน่าจะจัดยัยแพทให้หนักๆหน่อย แค่นี้ยังน้อยไป ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ :pig4: