(◕‿◕✿Miracle of ⓛⓞⓥⓔ❀•ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก•❀-แจ้งข่าวPre-Order- P.81
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (◕‿◕✿Miracle of ⓛⓞⓥⓔ❀•ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก•❀-แจ้งข่าวPre-Order- P.81  (อ่าน 538368 ครั้ง)

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด กรุณาอ่านทุกคน
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ 

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า  หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)






ขอบคุณฟรีแลนซ์น่ารักๆ จากคุณ Unnie และคุณ มะปรางเปรี้ยว มากๆ นะคะ  :m1:


。◕‿◕。สารบัญ。◕‿◕。

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งสิ้นค่ะ

╰☆╮-Intro-╰☆╮
ตอนที่ 1 ╰☆╮ตอนที่ 2 ╰☆╮ตอนที่ 3 ╰☆╮ตอนที่ 4 ╰☆╮ตอนที่ 5
ตอนที่ 6 ╰☆╮ตอนที่ 7 ╰☆╮ตอนที่ 8 ╰☆╮ตอนที่ 9 ╰☆╮ตอนที่ 10
ตอนที่ 11 ╰☆╮ตอนที่ 12 ╰☆╮ตอนที่ 13╰☆╮ตอนที่ 14╰☆╮ตอนที่ 15
ตอนที่ 16╰☆╮ตอนที่ 17╰☆╮ตอนที่ 18╰☆╮ตอนที่ 19╰☆╮ตอนที่ 20
ตอนที่ 21╰☆╮ตอนที่ 22╰☆╮ตอนที่ 23╰☆╮ตอนที่ 24╰☆╮ตอนที่ 25
ตอนที่ 26╰☆╮ตอนที่ 27╰☆╮ตอนที่ 28╰☆╮ตอนที่ 29╰☆╮ตอนที่ 30
ตอนที่ 31╰☆╮ตอนที่ 32╰☆╮ตอนที่ 33╰☆╮ตอนที่ 34╰☆╮ตอนที่ 35
ตอนที่ 36 ╰☆╮ตอนที่ 37╰☆╮ตอนที่ 38╰☆╮ตอนที่ 39 ╰☆╮ตอนที่ 40
ตอนที่ 41╰☆╮ตอนที่ 42╰☆╮The End

:กอด1: ขอบคุณคุณ sarawatta สำหรับสารบัญค่ะ :กอด1:
--------------------------------------------



Miracle of LOVE ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก


-Intro-


   
คุณเคยรักใครสักคนมั๊ย?


รักในแบบที่อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา อยากดูแล อยากเข้าใจ อยากเอาใจใส่ในทุกสิ่งทุกอย่างและอยากจะให้เค้ารักเราเพียงคนเดียว เป็นเพียงหนึ่งเดียวในหัวใจของเค้าเท่านั้น..


ผมไม่ได้คาดหวังกับความรักมากเกินไปใช่มั๊ยครับ?


“ทำไมยังไม่กลับอีกนะ?” ผมมองเข็มนาฬิกาที่เดินไปช้าๆ ตามหน้าที่ของมัน อีกไม่กี่นาทีก็จะล่วงเลยเข้าวันใหม่แล้วแต่คนที่รอก็ยังไม่กลับมาสักที

วันนี้เป็นวันสอบปลายภาควิชาสุดท้ายสำหรับการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองของผม ผมปฏิเสธกินเลี้ยงฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะกลับมาทำกับข้าวรอฉลองกับคนรัก อาหารบนโต๊ะที่ผมลงมือทำด้วยตัวเองถูกอุ่นไปแล้วสองรอบ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของคนที่รอ เสียงรายการในโทรทัศน์ไม่ได้เข้าหูผมสักนิด มองนาฬิกาเสร็จก็ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ที่ผมกดโทรออกเบอร์เดิมเป็นร้อยสายแต่ไร้คนรับ และข้อความอีกมากมายที่ยังคงค้างไว้ไร้การเปิดอ่านอยู่แบบนั้นตั้งแต่ตอนค่ำ

“เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย.. เจ้าบ้าเอ้ย!.. ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย” ในที่สุดความอดทนของผมก็หมดลง

ผมลุกขึ้นยืนอย่างหงุดหงิดในหัวใจ มือข้างหนึ่งก็กดโทรออกซ้ำๆ ฟังเสียงรอสายเดิมๆ วนอยู่แบบนั้น มืออีกข้างก็คว้าหยิบร่มไปด้วย เพราะด้านนอกฝนตกพรำๆ

สายฝนแม้จะไม่หนามากแต่สายลมที่พัดค่อนข้างแรงในระดับหนึ่งก็ทำให้ผมต้องประคองร่มด้วยสองมือ ห่อตัวลงด้วยความหนาว เมื่อครู่รีบเกินไปจึงลืมหยิบเสื้อคลุมออกมาด้วย แต่ก็ยังดีที่ฟ้าไม่แรงไปด้วยไม่งั้นผมคงไม่แม้แต่จะก้าวออกมาเดินแบบนี้ ผมกลัวเสียงฟ้าร้องและกลัวที่สุดคือแสงที่ฟาดผ่าผืนฟ้าเป็นที่สุด เพราะเป็นห่วงเค้าคนนั้น ไม่รู้ว่ามีอะไรรึเปล่าป่านนี้แล้วถึงยังไม่กลับ..
ด้วยเวลาดึกที่ฝนตกหนักติดต่อกันมาตั้งแต่ตอนเย็น ถนนในย่านหอพักมหาวิทยาลัยที่แสนจะคึกคักตอนนี้จึงแทบจะกลายเป็นถนนร้าง ร้านค้าต่างๆ ก็ปิดกันไปตั้งแต่สามสี่ทุ่ม แม้แต่ร้านอาหารโต้รุ่งที่แออัดไปด้วยลูกค้าคืนนี้กลับเงียบเชียบ พ่อค้าแม่ค้านั่งตบยุงกันเล่นเป็นส่วนใหญ่

เดินลัดสนามข้างมหาวิทยาลัย ลอดเข้าประตูเล็กข้างๆ คณะวิทยาศาสตร์ แล้วเดินเลาะไปตามตึกเรียนที่มีแสงไฟเปิดอยู่ จริงๆ แล้วผมไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่เพราะคนที่ผมรักเรียนอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะได้อยู่ข้างๆ เค้า ผมจึงยอมตื่นรอรถเมล์เที่ยวแรกเพื่อให้ทันในวันที่มีเรียนตอนเช้า และถ้าวันไหนมีงานช่วงเย็นผมจะต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่รถเมล์เที่ยวสุดท้ายจะหมด ซึ่งนั่นหมายความว่าผมจะมาคอนโดของเค้าเกือบจะเข้าวันใหม่แล้ว เหนื่อยแค่ไหนแต่ผมก็เต็มใจที่จะทำเพียงเพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน

ความเงียบ สายฝน และลมหนาวทำให้ผมต้องห่อตัวให้เล็กลงไปอีก สายตาพยายามจ้องฝีเท้าของตัวเองที่เดินย่ำพื้นเปียกแฉะ จุดมุ่งหมายของผมคือโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัย สถานที่ที่นักศึกษาแพทย์ปีห้าใช้ฝึกดูแลคนไข้จริงเน้นการรักษา และหนึ่งในนั้นก็คือ ‘พี่เปรม’ คนรักของ

เปรม หรือ นายเปรมนทีป์  อัศววิรุณฉาย นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ห้า อย่างที่รู้กันอยู่ว่านักศึกษาแพทย์นั้นเรียนหนักมาก ยิ่งปีห้าปีหกทั้งเรียนและปฏิบัติจริงก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ การขึ้นปฏิบัติงานบนวอร์ดนั้นจะเริ่มตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ไปจนถึงห้าหกโมงเย็น  อีกทั้งในบางวันจำเป็นต้องมีการอยู่เวรซึ่งอาจจะอยู่เวรถึงเที่ยงคืนหรือถึงเช้า แต่ที่รู้มาก็คือสัปดาห์นี้ไม่ได้อยู่เวร แล้วทำไมป่านนี้แล้วถึงยังไม่กลับ ปกติจะโทรบอกตลอด ถ้าไม่ว่างก็จะส่งข้อความมา พักหลังมานี้แทบจะไม่โทรและข้อความก็แทบจะไม่ตอบ สัญชาตญาณและความรู้สึกของผมกำลังบอกว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ บวกกับข่าวลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับคนรักกับบุคคลที่สามที่เข้ามากระทบจิตใจเป็นระลอกคลื่น ทำให้ผมเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก


หงิงๆ


เท้าที่กำลังเดินอย่างรีบเร่งชะลอลงอย่างกะทันหัน เพราะผมได้ยินเสียงดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ผมไม่ใช่พวกขวัญอ่อนเกี่ยวกับผี สิ่งเดียวในโลกที่ผมกลัวคือฟ้าร้องกับฟ้าผ่าอย่างที่บอกมานั่นแหละ เพราะฉะนั้นผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงที่ดังอยู่นั้นคือเสียงร้องของสิ่งมีชีวิตอย่างแน่นอน


หงิงๆ หงิงๆ


ผมหยุดเดินแล้วฟังตำแหน่งที่มาของเสียงให้ชัดยิ่งขึ้น แล้วจึงย่อตัวลงมองใต้ม้าหินอ่อนหน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ แล้วผมก็เจอก้อนกลมๆ ก้อนหนึ่งที่ขดตัวสั่นเทาอยู่ใต้ม้าหิน มันคือหมาน้อยตัวจ้อย ขนบนตัวยังอ่อนๆ อยู่ด้วยซ้ำ คงจะเพิ่งออกมาลืมตาดูโลกไม่ถึงสัปดาห์แน่ๆ แล้วแม่มันอยู่ไหนละเนี่ย ปกติแม่หมาจะหวงลูกเล็กๆ จะตายไป ผมหันซ้ายหันขวามองหาบุพการีหรือญาติพี่น้องของเจ้าตัวเล็ก แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววเลยสักนิด ท่าทางมันจะพลัดหลงกับครอบครัวแน่ๆ ตัวเล็กแค่นี้ทนหนาวไม่ไหวหรอก

นั่งยองๆ มองหมาน้อยตัวสั่นงกๆ แล้วก็สงสารจับใจ ยิ่งเห็นรอยแผลที่คงจะโดนหนูกัดเอาก็พาลน้ำตาจะไหล ผมเป็นพวกรักสัตว์และขี้สงสารโดยเฉพาะหมาแมว เคยอยากจะเลี้ยงอยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกห้ามไว้ตลอด พี่เปรมไม่ชอบเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดเหตุผลคือรำคาญ และพี่เปรมเป็นคนขี้หงุดหงิดง่าย ผมจึงทำใจยอมรับเรื่องเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เจ้าตัวน้อยกำลังต้องการความช่วยเหลือ ถึงจะเป็นแค่หมา แต่ก็เป็นหนึ่งชีวิตที่มีหัวใจ แล้วผมจะทิ้งมันไปแบบนี้ได้ยังไง 

“บอกเหตุผลดีๆ พี่เปรมคงจะไม่ดุหรอกนะ..” ผมตัดสินใจล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาห่อหมาน้อยเอาไว้ ตัวมันสั่นเทาร้องหงิงๆ น่าสงสารเป็นที่สุด

“ไม่เป็นไรนะเด็กดี.. ไม่เป็นไรแล้วนะ..” พูดปลอบเจ้าลูกหมาที่ตัวใหญ่กว่าฝ่ามือนิดเดียว ผมจึงประคองมันไว้แนบอกด้วยมือเดียวได้ ส่วนอีกมือก็ถือร่มไว้แล้วออกเดินต่อ

เพราะคอยเป็นห่วงหมาน้อยทำให้ผมลืมเรื่องกังวลใจก่อนหน้าไปเสียสนิท กว่าจะรู้ตัวก็เดินมาถึงหน้าโรงพยาบาลแล้ว และแน่นอนว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่มีการเคลื่อนไหวแทบจะตลอดเวลา ยิ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยก็มีชื่อเสียงตามไปด้วย ผมหุบพับเก็บร่ม กระชับลูกหมาเข้ากับอกให้แน่นขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาหาพี่เปรมที่โรงพยาบาล ผมเดินเข้าไปตรงเคาท์เตอร์ ถามหานักศึกษาแพทย์ ‘เปรมนทีป์’ ที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก เพราะนอกจากจะเรียนดี กีฬาเก่ง บ้านรวย แล้วยังมีดีกรีเป็นเดือนมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก ครบครันสูตรสำเร็จของผู้ชายที่โคตรจะสมบูรณ์แบบ

พี่พยาบาลมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งเมื่อเห็นลูกหมาที่ผมอุ้มอยู่เธอก็ทำตาโตเล็กน้อย แต่ก็ยังรักษามารยาทไว้ จากนั้นก็ยิ้มหวานเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก

“หมอเปรมกลับไปตั้งแต่หกโมงเย็นแล้วค่ะ..”

“กลับไปตั้งแต่หกโมงเย็นอย่างนั้นเหรอครับ?..” ไม่รู้ว่าผมแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป เพราะดูเหมือนว่าพี่พยาบาลจะเป็นห่วงผมไม่ใช่น้อย

“น้องเป็นอะไร... รึเปล่าคะ?”

หัวใจผมสั่นระริกราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นกำลังขย้ำขยี้หัวใจผมเล่น ข่าวลือมากมายที่ได้ยินมากำลังรบกวนจิตใจอย่างถึงที่สุด ที่ผ่านมาผมพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ

“ไม่ทราบว่า.. พอจะรู้มั๊ยครับว่าออกไปกับ... ใคร?” พยายามฝืนยิ้มทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมกำลังกลัว..

“ไปกับหมอภาพฟ้าค่ะ... มาทำงานด้วยกันและกลับพร้อมกันทุกวันค่ะ..”

สมองผมอื้ออึงไปชั่วขณะ ผมยังคงยิ้มให้พี่พยาบาล เอ่ยขอบคุณสำหรับคำตอบที่เหมือนไฟส่องสว่าง สองขาของผมก้าวเดินออกไปทีละก้าว ผิวหน้าสัมผัสถึงหยดน้ำเย็นๆ ผมไม่แน่ใจว่ามันคือน้ำฝนหรือน้ำตา แต่ผมก็ไม่คิดจะเช็ดมันออก ผมยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ประโยคคำตอบของพี่พยาบาลเมื่อครู่ยังคงวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในสมอง

สองขาพาผมมาหยุดยืนอยู่หน้าคอนโดที่ดีที่สุดในย่านมหาลัยนี้ ด้วยสภาพที่เปียกปอนและในอ้อมแขนก็ยังมีลูกหมาอีกหนึ่งตัว มันคงดูน่าเวทนามาก และยิ่งน่าสมเพชลงไปอีก เมื่อผมต้องมาเจอคนที่ผมรักกำลังยืนโอบกอดอยู่กับผู้หญิงอีกคน ริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาวแตะแผ่วลงบนผิวแก้มขาว ความสูงที่แตกต่างกันทำให้เธอต้องเขย่งปลายเท้าโอบรอบคอฝ่ายชายไว้ ดูเหมาะสมและคู่ควรอย่างที่สุด..

ภาพฟ้าและเปรมนทีป์ คือคู่รักดาวเดือนมหาลัยระดับตำนานที่ใครๆ กำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้ ใครต่อใครจึงต่างเห็นพ้องว่าช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมดีงามที่สุด และในเมื่อข่าวลือทั้งหมดเป็นความจริง แล้วผมล่ะ ผมเป็นใคร?? ผมอยู่ในสถานะอะไรกันแน่??

“ฮึก..” พยายามเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงอ่อนแอของตัวเอง อยากจะวิ่งออกไปให้ไกลที่สุด แล้วบอกตัวเองว่าที่เห็นอยู่คือภาพลวงตา แต่ขาเจ้ากรรมก็ดันเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง ทำได้ดีที่สุดคือค่อยๆ ถอยห่างออกจากพื้นที่ที่ไม่ใช่ของผมช้าๆ

 “พบรัก!..” ผมชอบเวลาที่พี่เปรมเรียกชื่อผม แต่ร้อยวันพันปีถึงจะยอมเรียกชื่อผมสักครั้ง กว่าจะยอมเรียกผมก็ต้องอ้อนวอนขอร้องแทบตาย แล้วทำไมครั้งนี้ถึงเรียกชื่อผมง่ายจัง ผมควรจะดีใจมั๊ยนะ

“พบรัก.. พบรัก!!..” พี่เปรมกำลังวิ่งมาหาผม แต่ผมกำลังถอยหลังหนี และเป็นวินาทีที่ผมถูกแสงบางอย่างแยงตาจนต้องปิดตาหยีลง เสียงยางล้อรถเบียดเบรกกับท้องถนนดังลั่น

ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยบอกว่าในโลกนี้สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือฟ้าร้องกับฟ้าผ่า แต่ตอนนี้ผมขอเพิ่มความกลัวอีกอย่างหนึ่งเข้ามานั่นคือ ‘ความตาย’ ร่างของผมถูกรถกระบะคันหนึ่งที่ลื่นไถลตกขอบถนนชนเข้าอย่างจัง สิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้คือเสียงครางหงิงๆ ที่ดังอยู่ข้างหู คล้ายว่ามันกำลังปลอบประโลมผมอยู่ และหลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลยนอกจากความมืดมิด...
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2016 11:26:30 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ติดตามค่าาาาาาาาาา :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เปิดเรื่องมาน่าสนใจดีคะ
ติดตามนะคะ สู้ๆ  o13

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ติดตามจ้าา..^^

ปล. อย่าลืมลงกฎด้วยนะค้าา :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
Miracle of LOVE ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก

-1-


ในห้วงลึกของความฝัน ผมมองเห็นตัวเองยืนมองเด็กผู้หญิงสี่ห้าคน ที่กำลังเชียร์เพื่อนที่ผมคิดว่าน่ารักที่สุดในกลุ่มให้เดินเข้าไปหาผู้ชายคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงคนนั้นเขินอายจนแก้มทั้งสองข้างสุกปลั่ง เธอพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่ปฏิกิริยาของผู้ฟังแทบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าหล่อคมคายนั้นยังคงนิ่งเรียบ และความนิ่งบวกความเงียบก็ทำให้เด็กผู้หญิงถึงกับร้องไห้ ผู้ชายที่ผมคิดว่าเย็นชามากคนนั้นจะเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองเด็กผู้หญิงที่กำลังร้องไห้เลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นผู้ชายที่ใจร้ายมาก..

นั่นคือเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนหน้าที่ผมยังเป็นเพียงเด็กมอปลาย แล้วสมัครเข้าค่ายซัมเมอร์ที่จัดขึ้นเพื่อให้มีโอกาสได้รับความรู้และเป็นแนวทางในการเรียนต่อจากรุ่นพี่หลากหลายคณะในมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมได้พบกับพี่เปรม

พี่เปรมนทีป์ เป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ชั้นปีที่สาม จากมหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับหนึ่งของประเทศ พี่เปรมเป็นผู้ชายที่โดดเด่น ทั้งรูปร่างและหน้าตา แต่ทว่าใบหน้าที่นิ่งเรียบตลอดเวลาทำให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ผมไม่ได้ตื่นเต้นและรู้สึกพิเศษกับพี่เปรมมากมายเหมือนพวกสาวๆ แต่ก็ยอมรับว่าทุกครั้งที่มีโอกาสผมอดไม่ได้ที่จะหันสายตาไปมองเสมอ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม รู้ตัวอีกทีก็มองอีกฝ่ายอยู่แล้ว

ค่ายซัมเมอร์จัดขึ้นสามวันสองคืน มีกิจกรรมให้เรียนรู้มากมาย บางคนก็ว่ามันเป็นค่ายที่ช่วยจุดประกายความฝันให้เราได้รู้หนทางการเรียนต่อของตัวเอง แต่สำหรับผมนั้นคิดว่ามันเป็นการเปิดโลกให้ตัวเองมากกว่าเพราะมันคือการที่เด็กหลายมอปลายจากหลายสถาบันมารวมตัวกัน ซึ่งส่วนใหญ่มากันเป็นกลุ่ม จะมีก็แค่ผมกับไอ้ดีนเพื่อนสนิทเท่านั้นที่มีกันมาแค่สองคน แถมไอ้ดีนก็ไม่ได้เต็มใจจะมาสักเท่าไหร่ มันเป็นลูกคุณหนู มันไม่ชอบการเข้าค่ายที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งแบบนี้ แต่มันก็พ่ายแพ้แก่ลูกอ้อนของผม อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ทำหน้าบึ้งตึงสักเท่าไหร่เพราะมีสาวๆ เยอะ เราทั้งคู่อยู่โรงเรียนประจำชายล้วนมาตั้งแต่มอต้น นานทีจะได้มาอยู่ร่วมกับสาวๆ จึงเป็นธรรมดาที่ไอ้ดีนจะเลิกบ่นแล้วมาทำหน้าดี๊ด๊าแทน

ตลอดการทำกิจกรรมจนถึงตอนนี้ซึ่งวันสุดท้ายของการเข้าค่าย แม้จะแอบมองพี่เปรมอยู่บ่อยๆ  แต่เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เพราะผมไม่ได้สนใจที่จะเรียนหมอสักนิดเดียว คณะที่ผมอยากจะเรียนคือคณะมัณฑนศิลป์ สาขาออกแบบภายใน ผมชอบวาดรูปโดยเฉพาะวาดลายเส้นมาตั้งแต่เด็กๆ หรือบางทีอาจจะเพราะว่าพ่อของผมทำงานเป็นมัณฑนากร ผมจึงซึมซับพรสวรรค์ทางด้านนี้มาในสายเลือด

ผมเดินมานั่งลงข้างไอ้ดีน ที่เพิ่งแลกไลน์แลกเบอร์กับสาวๆ มา ไอ้ดีนมันหล่อครับ รูปร่างสูงตามแบบฉบับนักกีฬาบาสเก็ตบอลของโรงเรียน แค่มันส่งยิ้มให้สาวก็ติดแทบจะทุกราย ยิ่งได้รู้ว่าเรียนที่ไหนสาวๆ ยิ่งอยากรู้จักมันมากขึ้น ก็โรงเรียนของผมค่าเทอมแต่ละเทอมนี่เหยียบหกหลักทีเดียว ถ้าพ่อแม่ไม่รวยจริงก็ไม่มีใครคิดจะส่งลูกมาเรียนกันหรอก

“เป็นไรว่ะ.. ทำหน้ายังกับขี้ไม่ออก..” ไอ้ดีนหันมาปากหมาใส่ผม พอผมเหวี่ยงสายตากลับไป มันก็ฉีกยิ้มกวนตีนแล้วจิ้มพิมพ์ข้อความคุยกับสาวๆ ของมันต่อ

ผมเหลือบมองเพื่อนรักแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอนแรกที่ชวนมาบ่นยังกับควายออกลูกแต่มาตอนนี้มันระริกระรี้ยิ่งกว่าปลาได้น้ำอีก

“พี่ดินจะมารับกี่โมงว่ะ..” ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช็คข้อความบ้าง

“มึงก็ไลน์ถามดิ..” เออ.. ดีครับ.. พี่มันแต่ให้ผมถาม แล้วผมจะทำยังไงได้นอกจากต้องพิมพ์ข้อความถามพี่ดินไป และไม่กี่สิบวินาทีพี่ดินก็ตอบกลับมาว่าใกล้จะถึงแล้ว

ตอนนี้เราทั้งคู่นั่งรอให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้านเหมือนกับเด็กอีกหลายๆ คน พี่ดินคือพี่ชายของไอ้ดีน เรียนอยู่คณะแพทย์ศาสตร์ชั้นปีที่สี่ มหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับหนึ่งเหมือนกับรุ่นพี่คนนั้น พี่ดินนิสัยแตกต่างจากไอ้ดีนมาก นอกจากจะดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีและใจเย็นแล้วยังเรียนเก่งและเป็นที่พึ่งพิงของน้องๆ ได้อีกด้วย บ้านผมกับบ้านไอ้ดีนอยู่รั้วติดกันดังนั้นครอบครัวของเราจึงสนิทกัน แม้ตอนนี้ทั้งบ้านจะเหลือแค่ผมอยู่เพียงคนเดียว แต่พ่อแม่ไอ้ดีนก็ยังดูแลเอาใจใส่เสมอเหมือนผมเป็นลูกคนหนึ่งในบ้านมันด้วยซ้ำ

ผมกับไอ้ดีนต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาอยู่ในโลกโซเชียลของตัวเอง แต่แล้วจู่ๆ เสียงพูดคุยของเด็กผู้หญิงที่จับกลุ่มกันนั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำให้ผมต้องเหลือบตาไปมอง และผมก็จำได้ว่านั่นคือกลุ่มเดียวกับที่ผมเจอก่อนหน้านี้ แต่ทำไมเด็กผู้หญิงที่ร้องห่มร้องไห้เสียใจเพราะถูกผู้ชายที่ตัวเองไปสารภาพรักปฏิเสธมาในตอนนั้น ตอนนี้กลับนั่งยิ้มหัวเราะคิกคักไม่มีร่องรอยของความบอบช้ำแม้แต่น้อย

 “เห็นมั๊ยล่ะแก.. แค่บีบน้ำตานิดหน่อยก็ได้ผลแล้ว..”

“ไม่น่าเชื่อนะว่าพี่เปรมจะเดินกลับมาอะ.. ตอนที่ถอนหายใจแล้วเมมเบอร์โทรให้แกอะ.. พี่เค้าหล่อมากกก.. เท่ห์มากกกก..”

“นั่นดิแก.. ชั้นนี่แทบจะกรี๊ดออกมาเลย..”

“แล้วนี่แกจะโทรหาพี่เค้าเมื่อไหร่ล่ะ.. นัดเดทกันเลยดิ..”

“กะว่าสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยโทร.. โทรไปตอนนี้เดี๋ยวพี่เปรมจะหาว่าชั้นแร่ด..”

“จ่ะ.. แกไม่แร่ดเลย..”

บทสนทนาเหล่านั้นทำให้ผมต้องขมวดคิ้วตาม นั่นแสดงว่าพี่เปรมคนนั้นเดินกลับมาอย่างนั้นเหรอ? เค้าไม่ได้ใจร้ายและเย็นชาอย่างที่ผมเห็นหรอกเหรอ? และที่สำคัญก็คือเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่พวกเด็กผู้หญิงเหล่านี้แกล้งจัดฉากขึ้นมาเพื่อจะจับผู้ชาย นี่ผมอยู่โรงเรียนประจำชายล้วนจนตามมารยาผู้หญิงสมัยนี้ไม่ทันแล้วใช่มั๊ยเนี่ย น่ากลัวชิบเป๋ง..

อีกสิบนาทีต่อมาเด็กผู้หญิงที่โคตรน่ากลัวกลุ่มนั้นก็ตกลงกันว่าจะไปฉลองกับความสำเร็จขั้นที่หนึ่งของแผนการจับพี่เปรม แล้วพากันเรียกแท็กซี่ออกไป แต่ก็ยังไม่วายหันมาส่งสายตาและส่งยิ้มให้ผมด้วย ผมมองจนลับตาแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ จากนั้นไม่นานรถออดี้สีดำที่คุ้นตาก็ขับเข้ามาจอดใกล้ๆ ผมสะกิดไอ้ดีนแล้วลุกขึ้นสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า ไอ้ดีนก็ลุกตามแล้วเตรียมจะเดินไปที่รถ แต่พี่ดินก็เปิดประตูลงมาจากรถเสียก่อน

 “หวัดดีๆ.. เป็นไงกันบ้าง?.. เหนื่อยเลยอะดิ..” พี่ดินไม่ได้ถามไอ้ดีนหรือว่าผมหรอกครับ สายตาและใบหน้าตี๋ๆ นั่นหันไปอีกทาง ผมกับไอ้ดีนจึงต้องหันไปดูจึงได้รู้ว่าเป็นกลุ่มรุ่นน้องของพี่ดินนั่นเอง เป็นกลุ่มใหญ่มีทั้งชายหญิงเกือบสิบคนและผู้ชายที่ผิวขาว ใบหน้าหล่อคมคิ้วเข้ม ตัวสูงก็โดดเด่นกว่าใครเพื่อน เพราะแทบจะทุกคนในกลุ่มนักศึกษาแพทย์จะเป็นสไตล์เด็กเนิร์ดตี๋หมวยใส่แว่น

“เหนื่อยแต่ก็สนุกดีคะพี่ดิน.. แล้วนี่พี่ดินมาทำอะไรคะเนี่ย?”

“มารับน้องชาย.. เฮ้ย!.. หวัดดีพี่ๆ เค้ารึยังเนี่ย..” พี่ดินหันมาหาเราทั้งคู่ ทำให้ผมกับไอ้ดีนยกมือไหว้กันแบบเอ๋อๆ แล้วผมก็อดใจไม่ไหวที่จะมองไปยังพี่ผู้ชายคนนั้น ทำให้เราบังเอิญสบตากันพอดี

“น้องชายพี่ดินทั้งคู่เหรอคะเนี่ย.. ไม่คุ้นหน้าเลย.. แสดงว่าไม่สนใจคณะแพทย์สินะ.. น่าเสียดายจัง.. คนหนึ่งก็หล่ออีกคนก็น่ารักน่าหยิก.. ว่าแต่ทำไมไม่เห็นเหมือนพี่ดินเลยคะ..” พี่ผู้หญิงร่างอวบที่สุดในกลุ่มร่ายยาวมาแบบรัวๆ พี่ดินก็อมยิ้มซะหล่อเชียว

“ไอ้หล่อนั่นน่ะน้องชายพี่ชื่อดีน.. ส่วนที่น่ารักน่าหยิกนั่นก็น้องชายเหมือนกันเห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ.. ชื่อพบรัก..”

“น้องดีนสุดหล่อ.. กับน้องพบรัก.. ต๊ายชื่อน่าเอ็นดูเหมือนรูปร่างและหน้าตาเลยนะลูก..” พี่ผู้หญิงอีกคนพูดไปทำตาเคลิ้มไปด้วย พวกพี่ผู้ชายก็หัวเราะขำกันใหญ่

คือมันไม่ใช่เรื่องน่าตลกสักนิดนะครับพี่ ผมยอมรับว่าผมสูงน้อย แต่ก็ไม่ได้เตี้ยนะครับ ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบนี่มาตรฐานชายไทยเลยนะ ส่วนสีผิวที่ใครๆ ก็บอกว่าขาวยังกับน้ำนมและหน้าตาที่ใครๆ ก็บอกว่าน่ารักเนี่ยเป็นเพราะได้มาจากแม่นั่นแหละ ก็แม่ของผมเป็นคนญี่ปุ่นนี่นา แม่ของผมสวยและน่ารักมาก แต่พ่อของผมก็หล่อเหมือนกันนะหล่อคมเข้มแบบไทยๆ นี่แหละ

แม่มาเที่ยวที่เมืองไทยแล้วได้เจอกับพ่อ เจอปุ๊ปก็ปิ๊งกันปั๊ป จึงตั้งชื่อผมว่าพบรัก มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่าไอ ซึ่งก็แปลว่ารักนั่นแหละ แต่ไม่ค่อยมีใครเรียกผมว่าไอนักหรอกนอกจากแม่กับพ่อ และพ่อของผมก็จากโลกนี้ไปตั้งแต่ผมอายุแค่สิบขวบ หลังจากที่พ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวไม่อยู่ มันคือช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับผมและแม่มาก แม่เป็นคนที่จิตใจอ่อนไหวและใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านมาตลอด แต่เพื่อผมแล้วแม่ก็พยายามอย่างมากเพื่อที่จะเข้มแข็ง แม่ออกไปหางานทำ แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับแม่ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานเลย จนสุดท้ายพ่อกับแม่ของไอ้ดีนก็ให้แม่ไปช่วยที่บริษัท แม่ของผมเรียนจบปริญญาตรีเกี่ยวกับภาษาและหน้าตาที่แม้จะมีลูกแล้วก็ยังถือว่าสวย พ่อกับแม่ไอ้ดีนจึงให้แม่ทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นรักครั้งใหม่ของแม่ แม่แต่งงานใหม่กับพ่อม่ายนักธุรกิจชาวสวิตเซอร์แลนด์ตอนผมอายุสิบสองปี

พ่อเลี้ยงติดต่อธุรกิจกับพ่อแม่ไอ้ดีนมานมนาน ทั้งคู่จึงมีส่วนเชียร์ให้แม่ผมแต่งงานใหม่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี และผมก็เห็นด้วยที่ว่าพ่อเลี้ยงของผมเป็นคนดีมากๆ ท่านเป็นพ่อม่ายเพราะอดีตภรรยาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งและไม่มีลูกด้วยกัน ท่านจึงเอ็นดูผม สนับสนุนให้ผมไปเรียนมหาวิทยาลัยที่สวิตเซอร์แลนด์ จดรับผมเป็นลูกบุญธรรม แล้วยังยกหุ้นในบริษัทให้ผมส่วนหนึ่งซึ่งเงินปันผลจะถูกโอนเข้าบัญชีของผมด้วยตัวเลขหกหลักทุกเดือน แต่ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะจากเมืองไทยไป แต่ผมก็อยากจะเห็นแม่มีความสุข ผมตัดสินใจขอแม่อยู่เรียนต่อที่เมืองไทย ด้วยเหตุผลว่าผมรักบ้าน บ้านที่พ่อสร้างมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ผมรักชีวิตที่เมืองไทยทุกอย่าง แม่จึงยอมอนุญาตให้ผมอยู่ที่เมืองไทยโดยส่งผมเข้าเรียนมัธยมในโรงเรียนประจำชายล้วนที่ดีที่สุดในประเทศไทย ไอ้ดีนก็ตามมาเรียนที่เดียวกับผมด้วย ส่วนในเรื่องงานบ้านทุกอย่างก็จ้างแม่บ้านมาดูแลสัปดาห์ละสามวัน อาหารการกินไม่ต้องห่วงเพราะแม่สอนผมเข้าครัวมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งมีเพื่อนบ้านอย่างครอบครัวไอ้ดีนแม่ก็หายห่วงผมไปได้เยอะ แต่มีข้อแม้ว่าผมต้องโทรหาแม่ทุกวัน ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเลย ถ้าแม่กับพ่อเลี้ยงว่างก็จะบินมาหาผม หรือไม่ช่วงปิดเทอมผมก็บินไปหาท่าน จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาได้ถึงหกปี และผมก็มีน้องสาวอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์อีกหนึ่งคน
พวกพี่ๆ เลิกสนใจผมกับไอ้ดีน แล้วหันไปพูดคุยถามโน่นถามนี่ตามประสาเด็กแพทย์กัน ก็ดูเฮฮาดี แต่พี่เปรมครับทำไมพี่ถึงได้ทำหน้านิ่งๆ แบบนั้นได้ไม่มีหลุดเลย ผมหันไปมองอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าบังเอิญรึเปล่าเพราะต้องได้สบตาคมคู่นั้นทุกครั้งเลย เล่นเอาผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ในอกด้านซ้ายมันเต้นแรงยังไงชอบกล

“เฮ้ย!.. มึงเป็นไรมั๊ยว่ะเนี่ย.. ไม่สบายรึเปล่า.. หน้าเหน้อแดงเชียว..” ไอ้ดีนทักซะเสียงดังจนทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว เอ่อ.. รวมถึงเจ้าของดวงตาคู่คมนั้นด้วย แต่ก็แปลกที่ผมไม่คิดจะหลบตาเลยสักครั้ง

“ไม่สบายเหรอ?..” สีหน้าพี่ดินเครียดขึ้นทันที เอาหลังมือมาแตะหน้าผากของผม

“สงสัยจะเหนื่อยละสิ.. ไม่เคยมาค่ายแบบนี้กัน..” พี่ดินโยกหัวผมเบาๆ แล้วอมยิ้ม ก่อนจะหันไปบอกล่าพวกรุ่นน้อง ผมกับไอ้ดีนก็ยกมือไหว้ลาตามประสาเด็กมารยาทงาม

ไอ้ดีนนั่งเบาะหน้ากับพี่ดิน ส่วนผมนั่งเบาะหลัง ผมมองออกไปนอกกระจกร่างสูงไม่วางตา ราวกับว่าเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างกำลังทำให้ผมไม่สามารถถอนสายตาออกไปได้

“เออ.. เปรม.. พรุ่งนี้นายไปด้วยใช่มั๊ย?” กระจกหน้ารถลดลงแล้วพี่ดินก็ตะโกนถามรุ่นน้องที่ชื่อเปรมออกไป คนถูกถามก็ทำเพียงพยักหน้ารับนิ่งๆ พี่ดินจึงปิดประจกขึ้นแล้วขับรถออกมา ผมก็ได้แต่หันมองด้านหลังจนลับสายตา พี่เปรมคนนั้นเป็นใครกันนะ ทำไมถึงทำให้ผมใจเต้นแรงได้แบบนี้..

หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนผมก็มีโอกาสได้เจอพี่เปรมบ่อยขึ้น เพราะไอ้ดีนที่สอบติดคณะและมหาลัยเดียวกับผม แต่ดันมาชอบดาวคณะอักษรที่มหาลัยของพี่ดิน ไอ้ดีนที่มาหม้อสาวไกลถึงนี่ก็มักจะพาผมพาผมติดมากับมันด้วย และน่าแปลกใจที่มาทีไรก็เจอพี่เปรมแทบจะทุกครั้ง ทั้งๆ ที่คณะแพทย์ไม่ได้อยู่ใกล้คณะอักษรเลยสักนิด แล้วความสงสัยของผมก็ถึงบางอ้อเมื่อได้รู้ว่าน้องสาวของพี่เปรมเรียนอยู่คณะอักษรด้วย และก็เป็นคนเดียวกับที่ไอ้ดีนกำลังจีบอยู่ นี่สินะที่เรียกว่าหน้าตาดีทั้งบ้าน พี่ชายเป็นเดือนมหาลัยในตำนานที่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครมาล้มความหล่อเทพของพี่เค้าได้ ส่วนน้องสาวดาวคณะอักษรก็รั้งตำแหน่งดาวมหาลัยในปีนี้ด้วย ครบครันทั้งหน้าตาดี เรียนเก่ง กีฬาเด่น พ่อแม่ช่างปั้นแต่งออกมาจริงๆ

เพราะว่าได้เจอกันบ่อยขึ้น ความคุ้นเคยจึงค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนผมเองก็ไม่ทันได้รู้ตัวว่าพี่เปรมเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจของผมตอนไหนกันแน่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่ผมดันซุ่มซ่ามเดินสะดุดรากไม้ล้มหัวเข่าแตกแล้วพี่เปรมช่วยทำแผลพร้อมกับกลั้นขำในความซุ่มซ่ามของผมไปด้วย  หรือบางทีอาจจะเป็นตอนที่ผมกินไอติมจนมุมปากพี่เปรมที่อมยิ้มกับความตะกละ หรืออาจจะเป็นตอนที่ผมอยากกินส้มตำข้างถนนแต่ไม่มีใครจะไปกินกับผมพี่เปรมที่กินเผ็ดไม่เก่งก็ยังมานั่งกินเป็นเพื่อน หรืออาจจะเป็นตอนที่จู่ๆ ก็ไม่สบายลุกขึ้นมาอาเจียนตอนกลางดึกพี่เปรมก็อุตส่าห์ขับรถมาทั้งชุดนอนเพียงเพื่อจะเอายามาให้ผม หรืออะไรอีกหลายๆ เหตุการณ์แหละหลายๆ อย่างทำให้เราสนิทกันมากขึ้น จนผมมั่นใจว่ามันคือความรัก แต่สำหรับพี่เปรมนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของเราคืออะไรกันแน่

จนผมขึ้นปีสอง พี่เปรมที่อยู่ปีห้าจะต้องเริ่มเข้าวอร์ดที่โรงพยาบาลของมหาลัย พี่เปรมจึงเช่าคอนโดอยู่ใกล้มหาลัย พี่เปรมให้คีย์การ์ดของคอนโดไว้กับผมหนึ่งชุด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เปรมถึงต้องให้ผมด้วย แต่ผมก็ดีใจนะ แรกๆ ผมมาหาพี่เปรมเฉพาะเสาร์อาทิตย์ แต่นานเข้าก็กลายเป็นมาทุกครั้งที่มีเวลาว่าง และจนปัจจุบันผมกลายเป็นส่วนหนึ่งของห้องนี้ไปแล้ว

คอนโดของพี่เปรมจัดอยู่ในระดับคอนโดที่หรู มีสองห้องนอน และห้องใหญ่เป็นของพี่เปรม และอีกห้องที่เหลือก็เป็นของผม เมื่อปลายปีที่แล้ววันเกิดครบสิบเก้าปีของผม ผมได้สารภาพรักกับพี่เปรมไป คำตอบที่ผมได้รับคือรอยยิ้มและอ้อมกอดที่อบอุ่น แม้จะไม่มีคำพูดใดๆ แต่ผมก็คิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่าพี่เปรมตอบรับในความรักของผม เราไม่เคยมีอะไรกันนอกเหนือจากการจูบและกอด พี่เปรมไม่ใช่เกย์ ผมเองก็ไม่ใช่เกย์ เราทั้งคู่ยังชอบผู้หญิง แต่ผมก็มีความสุขมากๆ ที่ได้อยู่ข้างๆ พี่เปรม แม้พี่เปรมจะไม่เคยบอกว่าคิดกับผมยังไงและผมก็ไม่เคยคิดจะถาม เพราะผมเองก็มีความกลัวและความผิดหวังอยู่ลึกๆ เราไม่เคยบอกใครถึงความสัมพันธ์ของเรา แม้แต่ไอ้ดีนก็ยังไม่รู้ ผมจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายรักพี่เปรม ให้พี่เปรมเป็นคนรักของผม และให้ผมเป็นฝ่ายรักพี่เปรมข้างเดียวก็พอ..

ไม่รู้ว่าไปมายังไงผมถึงมาหยุดยืนอยู่หน้าคอนโด ฝนที่ตกลงมาทำให้ผมเปียกม่อล่อกม่อแลก ผมก้มลงมองตรงเท้าของผม มีสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เรียกกว่าสุนัขหรือหมากำลังมองผมตาแป๋วเนื้อตัวสั่นเทาเพราะมันก็เปียกฝนไม่ต่างกับผม ผมก้มลงอุ้มมันขึ้นมาไว้แนบอก ถ้ามองไม่ผิดคิดว่าน่าจะเป็นพันธุ์ชิวาวา ผมลูบหัวปลอบมันเบาๆ แล้วเตรียมจะเดินเข้าคอนโด แต่แล้วก็ต้องชะงักกับความวุ่นวายจากผู้คน เสียงไซเรนรถพยาบาล รถกู้ภัย และรถตำรวจ ดังระงมไปทั่ว ผมมองเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างงงๆ ผู้คนวิ่งวุ่นผ่านหน้าผมไปมา ผมจึงค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้จุดเกิดเหตุ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แทรกผู้คนไทยมุงเข้าไปแบบง่ายๆ และลื่นไหล จนผมได้เห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่แสนคุ้นเคย แผ่นหลังกว้างและดูอบอุ่นเสมอนั้นกำลังสั่นเทา กลิ่นคาวเลือดอบอวลจนผมต้องยู่จมูก

“พบรัก!!.. ทำใจดีๆ ไว้นะ!!” ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นทันที ด้วยความตกใจผมจึงย่อตัวนั่งลงมองให้ชัดขึ้น แล้วผมก็ได้พบว่าพี่เปรมกำลังโอบกอด ร่างที่อาบไปด้วยของเหลวสีแดงสดนั้นอยู่ ซึ่งคนๆ นั้นคือผมเอง



เฮือก..

ร่างกายชาวูบด้วยความตกใจจนสะดุ้งตื่นจากความฝันที่แสนร้าย ผมพยายามพ่นลมหายใจเข้าออกเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ 


เจ็บ..


ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความเจ็บปวดร้าวไปทั้งตัว ราวกับว่ากระดูกจะผลิแตกเป็นเสี่ยงๆ หัวสมองและเปลือกตาหนักอึ้ง แค่พยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นยังทำไม่ได้ ลำคอแห้งผากไปหมด มันคือความทรมานที่ผมคิดว่าหนักหนาที่สุดในชีวิต

แต่แม้ว่าร่างกายจะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่ประสาทสัมผัสทางการได้ยินของผมกลับชัดเจนมาก โดยเฉพาะเสียงของคนคุ้นเคยที่คล้ายว่ากำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่ตรงระเบียง ฟังดูแล้วคงกำลังหงุดหงิดอยู่ทีเดียว ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าเรื่องราวทั้งหมดเมื่อครู่มันเป็นเพียงแค่ความฝัน ผมยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ในคอนโดนี้กับพี่เปรม

 “เวเจ็ทเททีพสเตจอย่างนั้นเหรอ?!” ศัพท์ทางการแพทย์อะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ
ประโยคอีกสองสามประโยคต่อมาผมก็ฟังไม่เข้าใจเหมือนเดิม ซึ่งคิดว่าพี่เปรมคงกำลังหงุดหงิดเรื่องเรียน แต่ทำไมน้ำเสียงถึงสั่นๆ ชอบกล

 “ชั้นจะเข้าไปเดี๋ยวนี้” พี่เปรมวางสายแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง

กลิ่นกายที่แสนรักและแสนคิดถึงส่งผ่านเข้าจมูกเมื่ออีกฝ่ายเพียงเดินผ่าน ผมอยากจะเรียกรั้งไว้ก่อน อยากจะบอกว่าผมไม่สบายและกำลังทรมานแค่ไหน แต่สภาพร่างกายไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนได้ ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลืมตาขึ้น จนในที่สุดผมก็สามารถมองเห็นเงาพร่าเลือนของร่างสูงสมส่วนที่เดินผ่านร่างกายของผมไปอย่างรีบเร่งนั้นมันชัดเจนเสียจนน้ำตาจะไหล ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอแล้วเปล่งเสียงออกมา

“แค่ก..” มันได้ผล.. ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวถึงประตูหยุดชะงัก และหันมามอง

ภาพพี่เปรมที่ผมเห็นในขณะนี้ยังคงพร่าเลือน และราวกับว่าพี่เมฆนั้นอยู่สูงเสียจนผมต้องแหงนมอง ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนว่าผมกำลังป่วยอยู่มากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วพี่เปรมก็เปิดประตูแล้วออกจากห้องไป ไม่มีแม้แต่คำพูดห่วงใยใดๆ สักนิดเดียวเหมือนไม่ใช่พี่เปรมคนเดิม

เสียงบานประตูที่ปิดลงพร้อมๆ กับหัวใจของผมที่เหมือนถูกรุมกระทืบ ถ้าจะหาคำพูดน้ำเน่าในเวลานี้ก็คงจะเป็นเจ็บเจียนตายแต่ยังคงมีลมหายใจอยู่


ผมกำลังจะถูกทิ้งเหรอ?

คำถามที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาทำให้ผมเหมือนคนโง่เขลา น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลออกมาไม่ได้ช่วยปลอบประโลมความเจ็บป่วยใดๆ และสุดท้ายผมก็ได้แต่ร้องไห้อยู่เพียงลำพังจนหลับไปอีกรอบ..

ผมรู้สึกตัวอีกครั้งและครั้งนี้ผมก็สามารถลืมตาขึ้นมองรอบตัวได้ง่ายขึ้น แต่รอบด้านก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด ดูเหมือนว่าด้านนอกฝนจะตกอีกแล้ว และท่าทางพี่เปรมจะยังไม่กลับมา ผมที่ไม่สบายจึงรู้สึกหนาวกว่าปกติ ผมกระพริบตาพยายามหานาฬิกาเพื่อดูเวลาและพยายามข่มความเจ็บระบมตามร่างกายขยับตัวควานหาผ้าห่ม และตอนนี้นี่เองที่ผมสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มันทำให้หัวใจของผมหดเกร็ง และร่างกายทุกรูขุมขนเย็นวาบด้วยความหวาดกลัว ผมไม่กล้าแม้แต่จะก้มลงมองร่างกายของตัวเอง ผมได้แต่พยายามสูดลมเข้าออกลึกๆ หันมองรอบกายในความมืดอีกครั้ง จนสายตาของผมไปหยุดลงที่ประตูกระจกของระเบียง แล้วผมก็ได้รู้ว่าความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ช็อคสุดขีด’ นั้นที่แท้จริงแล้วมันเป็นยังไง

“หงิงงง..” นั่นคือเสียงที่หลุดออกมาจากลำคอของผม เมื่อผมได้พบว่าเงาที่สะท้อนอยู่ตรงหน้ามันไม่ใช่ตัวผม แต่มันคือ ‘น้องหมา!!’
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2015 23:22:19 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตอนแรกเรานึกว่าน้องพบรักกลับมาในรูปแบบของวิญญาณเสียอีกค่ะ ฟู่วว~ คือต้องบอกว่าโล่งใจมากเลย เพราะถึงแม้ว่าน้องจะอยู่ในร่างของเจ้าตูบ แต่ก็ยังพอมีโอกาสทำให้พี่เปรมรับรู้ถึงการมีตัวตนของน้องพบรักได้บ้างนั่นล่ะน้า~ :heaven แบบนี้ดีแล้วเน้อ~

รอตอนต่อไปจ้าา..^^

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
 :hao3: ดีใจนะเนี่ยที่น้องพบรักยังไม่ตาย (รึเปล่า?) อยู่ในร่างน้องหมา แต่ก็ยังดีนะที่ได้อยู่ข้างๆพี่เปรม ว่าแต่ทำไมพี่เปรมเย็นชาแบบนั้นล่ะ เอาน่าๆ น้องพบรักอย่าเพิ่งหมดหวังนะ ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์เลย


ติดตามและเป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีจร้าน้องริริน ตามมาใหเกำลังใจโดยเฉพาะเลยนะ  :mew1:

พี่เปรม พี่เปรม พี่เปรม พี่คิดยังไงกะบน้องพบรักคะเนี่ย
เปิดมาก็ลุ้นเลยนะ แอบใจหายมาก แม้น้องพบรักจะเปฌนน้องหมาก็ไม่เป็นไรนะ ดีใจที่น้องไม่เป็นอะไรมากกว่านี้ หวังว่าพี่เปรมจะรู้นะ

สู้ๆ นะไรเตอร์คนเก่ง ตามมาคอยให้กำลังใจและติดตามจ้า

ออฟไลน์ pim-lovemj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao5: สงสารน้องพบรักอ่า ต้องมาอยู่ในร่างน้องหมา แล้วพี่เปรมจะรู้มั้ยเนี่ย รอติดตามค่า

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ง่ะ น้องรักกลายเปนน้องหมา แล้วน้องหมาขึ้นสวรรค์แทน?ฝ
ส่วนร่างน้องรักเปนเจ้าชายนิทรา??

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
Miracle of LOVE ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก

-2-



ถ้าหากว่านี่คือความฝัน..
มันคงจะเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของผม..


กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่ผมฟื้นจากอาการช็อค มันเป็นรุ่งเช้าของวันใหม่ สติของผมตื่นขึ้นพร้อมๆ กับท้องที่ร้องประท้วงด้วยความหิว แต่ตอนนี้มีเหรอที่ผมคิดอยากจะแตะต้องอาหาร ต่อให้รู้สึกหิวแค่ไหนผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ผมคิดถึงพ่อกับแม่มาก คิดถึงสมัยเด็กเวลาที่ผมไม่สบาย อาจจะเป็นเพราะผมเป็นเด็กแข็งแรงนานๆ ครั้งถึงจะป่วย แต่ถ้าป่วยขึ้นมาเมื่อไหร่อาการก็จะหนักทุกครั้ง เพราะฉะนั้นท่านทั้งคู่จะกอดผมไว้แล้วจะคอยปลอบโยนว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หาย หากแต่ช่วงเวลาเหล่านั้นมันเป็นเพียงแค่ความทรงจำของอดีต

ผมยังคงจ้องเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ตรงบานประตูระเบียง กระพริบตาก็แล้ว ผงกหัวเล็กน้อยก็แล้ว เงาที่อยู่ในนั้นก็ทำตามผมทุกอย่าง ผมกลัวว่าถ้าหากผมลุกขึ้นมันก็จะลุกขึ้นด้วยผมจึงได้แต่นอนนิ่งๆ ภายในสมองว่างเปล่า แม้แต่คำถามพื้นๆ ที่ในละครมักจะพูดกันอย่าง ‘มันเกิดอะไรขึ้น?’ หรือ ‘ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?’ ผมก็นึกไม่ออก แต่หัวใจของกลับหนักอึ้งมันอัดแน่นด้วยความรู้สึกอีรุงตุงนังที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตราวกับว่านี่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าคือวันสิ้นโลกของผม และผมก็ได้แต่เฝ้ามองแสงดวงตะวันที่เคลื่อนตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าและค่อยๆ ลาลับไป รอแล้วรอเล่าวันสิ้นโลกที่คิดหวังไว้นั้นก็ยังมาไม่ถึงสักที บ่อน้ำตามันคงจะแห้งไปซะแล้ว เพราะแม้ผมอยากจะร้องไห้แค่ไหนน้ำตามันก็ไม่ไหลออกมา

“แม่เด็กนั่นมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว..” เหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆ  คงจะเป็นเสียงเจ้าของห้อง กลับมาเมื่อไหร่ผมก็ไม่ทันได้สังเกต สภาพจิตใจมันอ่อนแอจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย

“ว่ามึงไม่คิดจะกลับมาดูมันเลยรึไงว่ะ!..” จู่ๆ เสียงตวาดที่ดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์แทบจะทันที ผมสะดุ้งจนหูตั้งแล้วหันไปมองที่มาของเสียง

“ไหนมึงบอกว่ารักมันนักหนายังไงว่ะ.. ทำไมมึงเหี้ยแบบนี้ว่ะไอ้ปลื้ม!” พี่เปรมกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนที่ชื่อคาดว่าน่าจะชื่อปลื้ม

พี่เปรมในเวลานี้ดูน่ากลัวมาก ปกติพี่เปรมจะเป็นคนเจ้าระเบียบรักความสะอาดและค่อนข้างจะดูแลตัวเอง แต่กลับปล่อยให้หนวดเคราเขียวครึ้ม รอบดวงตาก็ดำคล้ำคล้ายกับคนอดนอนมาหลายวัน

“โถ่เว้ย!! ไอ้เหี้ยปลื้ม!!!” โทรศัพท์มือถือสุดหรูถูกเขวี้ยงลงบนโซฟา แล้วก็กระเด้งกระดอนตีลังกาอีกสองรอบลงมานอนอย่างสวยงามข้างๆ ผม


เฮือก!!


ผมสะดุ้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจและกลัว มองไปยังพี่เปรมด้วยร่างกายที่สั่นระริก พี่เปรมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ผมไม่เคยเจอพี่เปรมในโหมดแบบนี้ มากสุดก็แค่ทำเย็นชาและหงุดหงิดใส่เล็กๆ แต่ถึงขนาดระเบิดอารมณ์แบบนี้ผมรู้สึกกลัวจริงๆ
“มึงไม่ต้องมามองหน้ากูเลยไอ้หมาเวร!” ทั้งๆ ที่คิดว่าบ่อน้ำตามันแห้งเหือดไปแล้ว แต่พอถูกจี้ใจดำว่าตอนนี้ผมคือ ‘หมา’ น้ำตาก็ทะลักออกมาอย่างกับเปิดก๊อก

“หงิง.. หงิง..” ผมร้องไห้กระซิกๆ สมเพชเวทนาตัวเอง ผมไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ ใครบ้างจะบ้ายอมรับที่ตัวเองมาเป็นหมาน้อยแบบนี้ นี่ผมทำเวรทำกรรมอะไรไว้นักหนาเนี่ยทำไมถึงได้ให้ผมมาอยู่ในร่างหมาแบบนี้ แล้วร่างของผมจริงๆ อยู่ไหน ฮือออ ร้องไห้ให้ขาดใจตายไปเลยก็ดีเหมือนกัน

“โถ่เว้ยยยยย!!” เสียงแหกปากที่เหมือนลาวาร้อนๆ พุ่งออกจากปล่องภูเขาไฟ เล่นเอาผมกลัวจนขี้เยี่ยวแทบราด ผมตั้งท่าจะวิ่งหนีออกไปจากบรรยากาศอันโหดร้านนี้ แต่ด้วยสภาพร่างกายของหมาน้อยที่คล้ายจะพิการก็ทำได้แค่สั่นงันงกไปไหนไม่เป็น

“กูบอกไว้ก่อนนะ.. ถ้ามึงขี้เยี่ยวเรี่ยราดแล้วทำห้องกูเลอะเทอะ.. หรือทำให้กูรำคาญแม้แต่นิดเดียว.. กูจะเตะมึงออกไปให้กลายเป็นหมาข้างถนนทันที” ด้วยความตกใจจนยังไม่ทันที่ฉี่จะได้ไหลขี้ก็หักในซะก่อน ผมขดตัวให้เล็กลงแล้วซุกตัวลงในผ้าห่ม ไม่ใช่สิมันคือผ้าเน่าที่เอาไว้เช็ดเท้าต่างหาก

พี่เปรมเดินออกไปนอกระเบียงด้วยใบหน้าบึ้งตึง ผมได้กลิ่นนิโคตินกระจายเข้ามาแตะจมูก ปกติแล้วพี่เปรมไม่เคยแตะบุหรี่หรือแอลกอฮอล์แม้แต่น้อย หรือว่าพี่เปรมมีเรื่องเครียดมากๆ แล้วพี่เปรมกำลังเครียดเรื่องอะไรกันนะ จะใช่เรื่องของผมรึเปล่า?
ค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากกองผ้าเน่า มองแผ่นหลังกว้างที่ผมหลงใหล พี่เปรมเป็นผู้ชายรูปร่างสูง กล้ามเนื้อ และสัดส่วนดูเพอร์เฟคเพราะพี่เปรมเป็นคนรักษาสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ นิสัยของพี่เปรมเป็นยังไงผมรู้จักเป็นอย่างดี พี่เปรมเป็นคนขี้หงุดหงิด ไม่ชอบสัตว์เลี้ยงทุกชนิด จึงไม่แปลกใจที่จะไม่ชอบผม ไม่ใช่สิ ไม่ชอบหมา เอ๊ะ หรือว่าไม่ชอบผมในร่างหมา เอ่อ ผมเองก็งงตัวเองเหมือนกัน เอาเป็นว่าพี่เปรมไม่ชอบหมานั่นแหละดีที่สุด แต่ผมดันมาอยู่ในร่างหมานี่สิคือปัญหา เป็นปัญหาระดับชั้นฟ้าชั้นสวรรค์เลยล่ะ เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาทำไมมันถึงได้กลับตาลปัตรมาเป็นแบบนี้ แล้วร่างของผมตอนนี้อยู่ที่ไหน และต้องทำยังไงผมถึงจะกลับไปร่างเดิมของตัวเองได้ คราวนี้รอยหยักในสมองของผมแข่งกันทำงานจนหัวแทบระเบิด
ท้องก็ร้อง หัวก็ปวด ตามตัวก็ยังระบมช้ำ ผมคิดถึงเตียงนอนนุ่มๆ มากกว่าคิดที่จะหาอะไรมากิน ว่าแล้วก็ค่อยๆ ออกจากกองผ้าเน่าแล้วเดินเข้าห้อง

“จะไปไหนเนี่ยมึง” จู่ๆ ร่างของผมถูกยกขึ้นสูงจนผมต้องหลับตาปี๋

“สวัสดีสัตว์โลกอมตีน.. แข็งแรงแล้วสินะ.. มึงนี่หน้าตาปัญญาอ่อนชะมัด..” ลืมตาโพลงเลยทีเดียวกับคำทักทายที่กระตุกให้อารมณ์ปี๊ดสูง คนอย่างนายพบรัก รัชชารักษ์ ไม่เคยมีใครมาพูดจาหยามน้ำหน้ากันแบบนี้ ถ้าหน้าตาอย่างผมเรียกว่าปัญญาอ่อน ผู้ชายทั้งโลกนี้ก็ขี้เหร่แล้วละครับ อันนั้นไม่ได้หลงตัวเองนะ แม่ของผมบอกแบบนี้จริงๆ แล้วต่อให้ผมรักพี่เปรมมากขนาดไหนแต่มาดูถูกกันขนาดนี้ก็ขอด่าหน่อยละกัน

“บ๊อกๆ..” เอ่อ.. ด่าครับ ไม่ใช่เห่า..

“ฮ่าๆๆ.. มึงนี่ตลกชะมัด.. ไอ้เด็กนั่นเก็บมึงมาจากไหนเนี่ย?” ดวงตาคู่คมจ้องมองมา มุมปากยกยิ้มแบบกวนๆ เท่ห์เป็นบ้า หัวใจของผมเต้นระทึกเชียว

“ถ้ากูเดาไม่ผิดหน้าตาปัญญาอ่อนแบบมึงเนี่ยไม่พ้นชิวาวาแน่.. กี่เดือนแล้วเนี่ยมึงอะ.. กำพร้ามารึไง?”

“บ๊อกๆ..” ถ้ากูรู้กูจะมาให้มึงอุ้มอยู่มั๊ย?

“อาบน้ำหน่อยมั๊ยมึง?..” สาบานนะว่านี่คือคำถาม เพราะผมยังไม่ได้ตอบตัวผมก็ถูกอุ้มเข้าห้องน้ำไปแล้ว

เฮ้ย! พี่เปรมจะอาบน้ำหมาเนี่ยนะ

ผมว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ ผิดแปลก และผิดคาดไปนะ ตั้งแต่เรื่องสูบบุหรี่ เรื่องที่เรียกผมว่าไอ้เด็กนั่น  สายตาที่ดุดันเย็นชา เรื่องเข้าใกล้สัตว์ประเภทหมา และที่สำคัญก็คือพี่เปรมไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่พูดคำหยาบ ต่อให้โกรธหรือหงุดหงิดแค่ไหนก็ใช้คำหยาบคายน้อยมาก หน้าตา รูปร่าง ผิวพรรณ ทุกสิ่งอย่างคือพี่เปรม แต่บุคลิก นิสัย และการแสดงออกที่แปลกออกไป ทำให้ผมชักไม่แน่ใจว่านี่ใช่พี่เปรมคนที่ผมรักรึเปล่า แล้วถ้าไม่ใช่พี่เปรมล่ะ ผู้ชายคนนี้คือใครกัน!!?


.
.
.
.



ขนเปียกๆ บนตัวของผมถูกเช็ดด้วยผ้าขนหนูจนแห้งสะอาดด้วยสองมือที่แสนอ่อนโยนอย่างพี่เปรม ผมมองบานประตูห้องน้ำที่ตอนนี้พี่เปรมอยู่ด้านในด้วยความฉงนสนเท่ห์ใจ ผมคิดว่าพี่เปรมไม่ได้เปลี่ยนไป แต่นั่นไม่ใช่พี่เปรมต่างหาก จากนั้นก็หันกลับมามองถ้วยขนาดเล็กที่มีนมสดเทใส่ไว้จนเกือบเต็มตรงหน้า

“อ้าวเปี๊ยกมองอยู่แบบนั้นมันจะอิ่มมั๊ยว่ะ?..” ผู้ชายที่หน้าตาโคตรหล่อ หุ่นโคตรดี พันผ้าขนหนูไว้รอบเอว เปลือยท่อนบน นั่งยองๆ ลงข้างผมแล้วเคาะถ้วยนมสองสามครั้ง จากนั้นก็มองหน้าผมนิ่งๆ ผมก็ได้แต่จ้องตากลับ แมร่มเอ้ย! อยู่กันมาเป็นปีครั้งแรกที่พี่เปรมมาเปลือยแบบนี้ต่อหน้าผม ก็พี่เปรมที่ผมรู้จักเป็นคนหวงเนื้อหวงตัวจะตายไป แบบนี้ก็ยิ่งยืนยันข้อสงสัยไปอีกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พี่เปรมอย่างแน่นอน

“ไอ้เปี๊ยก.. อย่าบอกนะว่ามึงกินไม่เป็น?..” นิ้วเรียวยาวแตะตรงจมูกของผมเบาๆ แต่ก็ทำเอาผมต้องหลับตาปี๋ด้วยรู้สึกจั๊กจี้

“ฮ่าๆ.. เป็นหมาเหี้ยไร.. กินนมไม่เป็น..”

ก็ผมไม่ใช่หมานี่นา ผมคือนายพบรัก รัชชารักษ์ ไม่ใช่หมาไอ้เปี๊ยกที่เห็นอยู่นี่สักหน่อย ได้ยินมั๊ย ได้ยินผมมั๊ยว่าผมคือพบรัก คือคนที่รักพี่เปรมมากมายยังไงเล่า!!!

“บ๊อกๆๆ..” คำตัดพ้อมากมายถูกแปลเป็นเสียงเห่า ช่างน่าสมเพชอะไรแบบนี้

“เออๆ.. ไม่ต้องงอน.. ตัวแค่นี้ขี้งอนจริงนะมึง..” มือใหญ่ลูบหัวผมแผ่วเบา ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความเอ็นดูที่แอบซ่อนอยู่ในน้ำเสียง

 “มึงเอาลิ้นเลียสิวะ.. เลียแผล่บแผล่บลงไปดิ..” มีการแล่บลิ้นสาธิตออกมาให้ดูด้วย ถ้าให้ดีพี่ช่วยสาธิตเลียลงบนถ้วยเลยได้มั๊ยครับ

ไม่ใช่ว่าผมจะกินไม่เป็น ก็รู้อยู่หรอกว่าหมามันต้องกินยังไง แต่มันยังทำใจไม่ได้เข้าใจกันบ้างป่ะ ความรู้สึกของผมยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง หัวใจดวงนี้ก็ยังคงเป็นของนายพบรักคนเดิม เพียงแค่ร่างกายเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แล้วจะให้ผมมากินแบบหมาทั้งๆ ที่ผมยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอยู่แบบนี้ มันทำใจไม่ได้จริงๆ

“กูเข้าใจว่ามึงเคยดูดกินแต่นมแม่.. แต่ในเมื่อแม่มึงไม่อยู่.. ยังไงมึงก็ต้องกิน.. ไม่งั้นคนที่ช่วยแกไว้จะเสียใจนะรู้มั๊ย.. ไอ้เด็กนั่นยิ่งเป็นประเภทหวั่นไหวง่ายอยู่ด้วย.. ร้องไห้น้ำตาแตกขึ้นมาเนี่ยเรื่องยาวเลยนะมึง..” นิ้วชี้เรียวยาวลูบตรงต้นคอของผมแผ่วเบา มันจั๊กจี้และรู้สึกดีจริงๆ

พี่เปรมเลื่อนถ้วยนมเข้าใกล้ผมมากขึ้น จากนั้นก็นั่งมองนิ่งๆ คงจะลุ้นว่าผมจะกินรึเปล่า ผมมองดวงตาคมคู่นั้นแล้วก็ได้แต่อ่อนใจ ถ้าลองคิดตามจากประโยคที่พี่เปรมพล่ามมาเมื่อครู่ สรรพนาม ‘เด็กนั่น’ ก็คงจะหมายถึงผมสินะ พี่เปรมเป็นห่วงจิตใจของผมอย่างนั้นเหรอ?? ผมมองของเหลวสีขาวในถ้วยก่อนจะหลับตาลงแล้วก็แล่บลิ้นออกไปแตะ ความสงสัยก็ถูกความหิวกลบทับจนสิ้น แม้จะไม่ชอบและไม่ชินกับการกินแบบหมา แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อตอนนี้ผมอยู่ในร่างของมันนี่นา ตอนนี้ผมเป็นแค่หมาน้อยพันธุ์ชิวาวาอายุน่าจะแค่เดือนกว่าๆ แถมเป็นหมาที่ผมเก็บมาเลี้ยงเองอีกต่างหาก ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น จำไม่ได้ว่าผมไปเดินเล่นบนสวรรค์แล้วแอบเด็ดดอกไม้หรือแอบกินแอปเปิ้ลของเทวดานางฟ้าองค์ไหนรึเปล่า ทำไมถึงต้องลงโทษผมแบบนี้

หลับหูหลับตากินไปสักพัก คิดว่าจะเอาแค่ให้พออิ่ม แต่พอลืมตาขึ้นปรากฏว่านมหมดถ้วยไม่เหลือสักหยด ยิ่งกว่าความเขินคือเมื่อเงยหน้าขึ้นเจอรอยยิ้มพิฆาตใจจากพี่เปรม

“เก่งมากไอ้เปี๊ยก..” ท่าทางพี่เปรมจะตั้งชื่อผมในร่างน้องชิวาวาตัวนี้ว่าไอ้เปี๊ยก มันเป็นชื่อที่น่ารักเหมาะกับผมมากจนน้ำตาปริ่มด้วยความสะเทือนใจ

ผมถูกอุ้มขึ้นด้วยมือข้างเดียว พี่เปรมเอาผมวางไว้บนพรมข้างๆ เตียง มองผ้าขนหนูที่ถูกปลดลงมากองกับพื้น รู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวๆ คุณพระคุณเจ้าไม่อายผีสางนางไม้ก็อายหมาน้อยอย่างผมบ้างเถอะ ผมรีบหันหลังหลับตาปี๋แล้วมุดหัวลงกับพื้นพรม ก็บอกแล้วไงว่าถึงแม้เราจะอยู่ด้วยกันมาเป็นปีๆ แต่ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ยังคงคลุมเครือ ผมรักพี่เปรม แต่ไม่รู้ว่าพี่เปรมจะรักผมด้วยรึเปล่า เรื่องระหว่างเรายังคงเป็นความลับ และที่สำคัญคือเราไม่เคยมีอะไรเกินเลยมากกว่ากอดและจูบ เพราะฉะนั้นเรื่องจะมาเห็นเนื้อหนังมังสาในส่วนสงวนนั้นไม่เคยมีระบุไว้ในความสัมพันธ์ที่ผ่านมา 

ไม่ไหวแล้วล่ะ กลิ่นตัวของพี่เปรมชัดเกินไป กลิ่นหอมอ่อนๆ จากสบู่อาบน้ำ มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ผมวิ่งทั้งที่ยังหลับตาออกมาจากห้อง ชนกับขอบเตียง ขอบโต๊ะ ขอบประตู จนมึนไปทั้งหัว ผมยอมรับว่าตอนที่ยังเป็นคนผมชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ พี่เปรม แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันต่างกัน ผมที่อยู่ในร่างน้องหมากลับไม่คุ้นชินกับพี่เปรมเลยสักนิด เลยต้องหนีมานอนหมอบตั้งสติอยู่ข้างโซฟาเพื่อตั้งสติ แต่นี่สินะที่เค้าเรียกว่าหนียังไงก็หนีไม่พ้น สุดท้ายก็ถูกอุ้มขึ้นมานอนแหมะลงบนตัก ผมตกใจจนสะดุ้งแต่ก็ถูกมือใหญ่อันแสนอบอุ่นลูบหัวเบาๆ คล้ายจะปลอบโยน เล่นเอาหัวใจน้อยๆ ของผมอ่อนยวบ ยอมนอนนิ่งๆ ให้อีกฝ่ายมอบสัมผัสอันอุ่นสบายให้

เสียงจากโทรทัศน์ทำให้ผมเหลือบมองไปนิด พี่เปรมกำลังดูรายการสารคดีสัตว์โลก มันเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ นั่นแหละ เพราะปกติแล้วพี่เปรมไม่ชอบนั่งดูสารคดีเกี่ยวกับสัตว์โลกพวกนี้เลยสักนิด อย่างพี่เปรมที่ผมรู้จักจะดูแค่ข่าวสารบ้านเมือง และซีรี่ย์หรือหนังฝรั่งแนววิทยาศาสตร์เท่านั้น พี่เปรมเปลี่ยนไปเยอะมาก เยอะซะจนผมตามแทบไม่ทัน

กำลังคิดอะไรเพลินๆ และกำลังจะเคลิ้มหลับอยู่ร่อมร่อ เสียงประตูเปิดปิดก็ดังขึ้น การได้ยินของน้องหมาที่ชัดเจนกว่ามนุษย์หลายเท่าตัวทำให้ผมสะดุ้งแล้วหันไปมองในทันที และบุคคลผู้มาเยือนก็ทำให้ตาโปนๆ ของผม(ที่อยู่ในร่างน้องหมา)เบิกกว้างขึ้นอีกเท่าตัว หูตั้ง หางชี้ ตามสัญชาตญาณของหมา

ผู้ชายที่เดินเข้ามามีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ และทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับพี่เปรมอย่างกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ผมมองหน้าพี่เปรมที่ทำเพียงเหลือบตาไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้านิ่งเรียบ ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสีทะมึนที่พุ่งออกมาจากร่างของพี่เปรมได้

“นี่จะเก็บไอ้หมาข้างถนนนี่ไว้จริงๆ เหรอ?..” ผู้ชายมาใหม่วางกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วทิ้งตัวลงนั่งแบบสบายๆ ดวงตาคมที่แสดงออกถึงความหงุดหงิดไม่พอใจมองมาทางผม และผมก็มองอีกฝ่ายไม่วางตา

“มึงไปเยี่ยมเด็กนั่นมายัง?..” พี่เปรมไม่ตอบแต่ถามอีกคำถามกลับไปแทน

“แม่น้องเค้าอยู่ด้วยตลอด.. นายจะให้ชั้นไปทำไม.. ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักหน่อย..” หรือว่านี่จะเป็นฝาแฝดของพี่เปรม ผมพอจะได้ยินเรื่องที่พี่เปรมมีน้องชายฝาแฝดหน้าเหมือนกันยังกับโคลนนิ่งมาบ้าง รู้สึกว่าจะชื่อ ‘ปลื้มชลล์’ แต่ก็ไม่เคยเจอตัวจริงสักที รูปถ่ายก็ไม่เคยเห็น รู้แค่ว่าไปเรียนที่เมืองนอกตั้งแต่มอสาม

“พูดเหี้ยๆ นะไอ้ปลื้ม.. เด็กนั่นแฟนมึงไม่ใช่รึไง..” ท่าทางพี่เปรมจะเริ่มอารมณ์ฉุนขาดอีกแล้ว เพื่อความปลอดภัยผมจึงรีบกระโดดลงไปจากตักอย่างว่องไว

“........................” พี่ปลื้มเงียบสนิทเลยทีเดียว ในแววตาที่เย็นชาเมื่อครู่ดูอ่อนลงอย่างชัดเจน

ผมแอบสำรวจพี่ปลื้มอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม กระเป๋า รองเท้า บุคลิกท่าทาง ลักษณะการพูด ทุกอย่างดูคุ้นหูคุ้นตาและคุ้นเคยไปซะหมด แต่ผมมั่นใจนะว่าไม่เคยเจอพี่ปลื้มมาก่อน เพราะเรื่องส่วนตัวของพี่เปรมโดยเฉพาะเรื่องครอบครัว พี่เปรมสั่งห้ามเด็ดขาด ผมในฐานะคนที่รักพี่เปรม(ข้างเดียว)ก็ได้แค่ทำตัวเป็นเด็กดี ทำตามอย่างว่าง่าย

“ถึงผมไปน้องเค้าก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก..”

“มึงเป็นหมอรึไง?..”

ผมไม่รู้ว่าพวกพี่เค้ากำลังพูดเรื่องอะไรกัน แต่มันคงเป็นเรื่องที่ตึงเครียดและอ่อนไหวมากพอดู และพี่เปรมก็ดูน่ากลัวขึ้นมาอีกแล้ว ในขณะที่ทางพี่ปลื้มก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้แม้แต่น้อย

“นายก็รู้ไม่ใช่รึไงว่าพบรักเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว.. ลุงหมอก็บอกอยู่ว่าโอกาสจะฟื้นห้าสิบห้าสิบ.. เพราะฉะนั้นต่อให้ชั้นไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร.. แล้วอีกอย่างนะชั้นก็เลิกชอบพบรักมาพักใหญ่แล้ว.. ชั้นกำลังจะบอกเลิกน้องเค้า.. แต่แล้วก็ดันมีอุบัติเหตุนั่นซะก่อน..”

“........................” คนที่เงียบไม่ใช่มีแค่พี่เปรม แต่เป็นผมอีกคนที่ร่างกายแข็งทื่อ ปลายประสาททุกส่วนชาหนึบไปในวินาทีที่ได้ยินชื่อของตัวเอง..

หมายความว่ายังไงกัน เรื่องราวทั้งหมดในบทสนทนานั่นยิงประเด็นมาที่ผมทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?? ผม.. เป็นเจ้าชายนิทรา.. และผม.. กำลังจะถูกพี่ปลื้มบอกเลิก.. แล้วผมไปรู้จักกับพี่ปลื้มตอนไหน.. ผมเป็นแฟนกับพี่ปลื้มตั้งแต่เมื่อไหร่.. เพราะคนที่ผมรักมาตลอดคือพี่เปรมนทีป์ไม่ใช่พี่ปลื้มชลล์สักหน่อย นี่พวกพี่กำลังพูดเรื่องอะไรกัน ผมสับสนไปหมดแล้ว..

“เรื่องนี้จะโทษชั้นคนเดียวมันก็ไม่ถูกหรอกนะ.. ถ้าหากนายไม่ไปยืนพลอดรักกับภาพฟ้าให้พบรักเห็นละ...”


อั่ก!!


จู่ๆ พี่เปรมลุกขึ้นต่อยพี่ปลื้มจนอีกฝ่ายล้มคว่ำแบบที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วก็ตามลงไปซ้ำอีกสองสามหมัด
“มึงยังจะมาโทษคนอื่นอีกเหรอ?!.. มึงมันเลวยิ่งกว่าเหี้ยอีกไอ้ปลื้ม!..”


อั่ก!!


“ไอ้.. สัตว์!!..”


อั่ก!!
อั่ก!!



ผมได้ยินแค่เสียงหมัดดังระรัวอยู่ในหู สมองของผมเบลอไปหมด แม้แต่การมองเห็นก็ยังพร่าเลือนเพราะถูกม่านหยาดน้ำบดบัง สติของผมค่อยๆ วูบดับลงพร้อมๆ กับเสียงที่กรีดร้องอยู่ในใจว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!! ใครก็ได้บอกผมที!!!!!!!






ปล. ขอบคุณมากนะคะ สำหรับความคิดเห็น ดีใจมากๆๆ เลยคะ
เพราะคิดว่าจะไม่มีคนมาแสดงความคิดเห็นและไม่มีคนอ่าน  :hao5:
มีกำลังใจเขียนต่อเลยคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2015 23:22:38 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องพบรักในร่างของหมาน้อยคือน่ารักมากๆ :m3: ที่สุดเลยค่ะ ^^ เอ็นดูน้องเหลือเกิน~ อยากจะเถียงพี่เปรมเขาบ้างก็ทำไม่ได้ แถมยัง
ขี้งอนมากๆ อีกด้วยน้าา >\\\\\\\\<

แต่สองแฝดน่ะเล่นอะไรกันอยู่คะเนี่ย ทำไมคุณปลื้มถึงได้ใช้ชื่อ 'เปรม' เข้าหาน้องล่ะ มีเหตุผลจำเป็นอะไรถึงต้องมาหลอกน้องแบบนี้ ถึงแม้ว่าน้องจะเข้าใจผิดเรื่องที่เห็นเปรม(ตัวจริง)ยืนจูบกับสาวอยู่ก็จริง แต่ถ้าปลื้มไม่บอกน้องว่าตัวเองชื่อเปรมน้องก็คงจะไม่เข้าใจผิดแบบนี้หรอกนะคะ หึย~ คนใจร้าย~ o12

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เรื่องเริ่มซับซ้อน ทำไมปลื้มเลวแบบนี้ล่ะ ฮึ่ยย

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เฮ้ย!! น้องน่ารักมากอะ เป็นน้องหมาได้น่ารักอะ พี่เปรม(ตัวจริง) ก็น่ารัก แต่ไม่ชอบพี่ปลื้มเลย คือไรอะ หลอกกันแบบนั้นมันแย่มากเลยนะ :z6:

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
........

น้องรักรุ้เรื่องแล้วสินะ อีกนานไหมคะกว่าจะกลับร่างเดิม

สงสารน้อง ครอบครัวน้องด้วย T T

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
ดีจร้าน้องริริน ตามมาใหเกำลังใจโดยเฉพาะเลยนะ  :mew1:

พี่เปรม พี่เปรม พี่เปรม พี่คิดยังไงกะบน้องพบรักคะเนี่ย
เปิดมาก็ลุ้นเลยนะ แอบใจหายมาก แม้น้องพบรักจะเปฌนน้องหมาก็ไม่เป็นไรนะ ดีใจที่น้องไม่เป็นอะไรมากกว่านี้ หวังว่าพี่เปรมจะรู้นะ

สู้ๆ นะไรเตอร์คนเก่ง ตามมาคอยให้กำลังใจและติดตามจ้า


ออนนี่---------- ขอบคุณมากเลยนะคร๊าาาาาาาาา  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ฝากต่อยซัก 20 ทีนะคะ

ออฟไลน์ meeoldly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เนื้อเรื่องน่าติดตาม รอตอนต่อไปค่ะ   :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ก็คิดอยู่ว่าน่าจะมีฝาแฝด แล้วไหนว่าพี่ปลื้มไปเรียนต่างประเทศไง ทำไมถึงอยู่กับน้องพบรักได้ล่ะ
ตอนพี่เปรมอยู่กับเจ้าเปี๊ยกน่ารักดีทั้งพี่เปรมและเจ้าเปี๊ยกเลย
พอพบรักมารู้ว่าจะถูกบอกเลิกตอนอยู่ในร่างหมาน้อยนี่น่าสงสารจัง ตั้งแต่รู้สึกตัวขึ้นมาก็มีเรื่องให้ประหลาดใจเรื่อยๆเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
สนุกดีครับ บวกเป็ดให้ทั้งสองตอนเลย

จะบอกว่าอ่านตอนที่พบรักรอคอยพี่เปรมที่ห้องทำให้ผมนึกถึงตัวเอง เคยเป็นแบบนี้แล้วก็ทำอะไรโง่ๆ ด้วย
น้องพบรักเป็นหมาซะแล้ว น่าสงสารจัง แถมยังเป็นหมาที่ฟังภาษาคนรู้เรื่องอีกด้วย
ความลับที่ไม่ควรจะได้ยินก็คงได้ยินกันหมดเพราะได้เป็นหมานี่แหละ 555
เข้าใจว่าพบรักน่าจะถูกสองพี่น้องนี้สลับร่างแกล้งหลอกอะไรสักอย่าง ลึกลับดีจัง

สำนวนภาษาดีมากครับ อ่านลื่นไหลดี
มาต่อไวๆ นะครับ

 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

Sarawatta

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีจร้าน้องริริน ตามมาใหเกำลังใจโดยเฉพาะเลยนะ  :mew1:

พี่เปรม พี่เปรม พี่เปรม พี่คิดยังไงกะบน้องพบรักคะเนี่ย
เปิดมาก็ลุ้นเลยนะ แอบใจหายมาก แม้น้องพบรักจะเปฌนน้องหมาก็ไม่เป็นไรนะ ดีใจที่น้องไม่เป็นอะไรมากกว่านี้ หวังว่าพี่เปรมจะรู้นะ

สู้ๆ นะไรเตอร์คนเก่ง ตามมาคอยให้กำลังใจและติดตามจ้า


ออนนี่---------- ขอบคุณมากเลยนะคร๊าาาาาาาาา  :กอด1: :กอด1:



กอดดดจร้าาา พี่อุตส่าห์ตามมาให้กำลังใจเพราะงั้นสู้ๆน๊า ^^

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากกระโดดร่วมต่อยด้วยสัก 4-5 หมัด
หวังว่าพี่เปรมคงไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยนะ

ตอนน้องพบรักเหม่อน่าสงสารมากอะ เหมือนโลกทัเงโลกมืดดับสินะ เป็นน้องหมาไม่พอยังมาเจอเรื่องแย่ๆ อีก น้องพบรักสู้ๆนะลูก โบกธงเชียร์

ไรเตอร์ก็สู้ๆนะลูก พี่เชียร์อยู่

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2



น้องพบรักในร่างของหมาน้อยคือน่ารักมากๆ :m3: ที่สุดเลยค่ะ ^^ เอ็นดูน้องเหลือเกิน~ อยากจะเถียงพี่เปรมเขาบ้างก็ทำไม่ได้ แถมยัง
ขี้งอนมากๆ อีกด้วยน้าา >\\\\\\\\<

แต่สองแฝดน่ะเล่นอะไรกันอยู่คะเนี่ย ทำไมคุณปลื้มถึงได้ใช้ชื่อ 'เปรม' เข้าหาน้องล่ะ มีเหตุผลจำเป็นอะไรถึงต้องมาหลอกน้องแบบนี้ ถึงแม้ว่าน้องจะเข้าใจผิดเรื่องที่เห็นเปรม(ตัวจริง)ยืนจูบกับสาวอยู่ก็จริง แต่ถ้าปลื้มไม่บอกน้องว่าตัวเองชื่อเปรมน้องก็คงจะไม่เข้าใจผิดแบบนี้หรอกนะคะ หึย~ คนใจร้าย~ o12


เรื่องเริ่มซับซ้อน ทำไมปลื้มเลวแบบนี้ล่ะ ฮึ่ยย

........

น้องรักรุ้เรื่องแล้วสินะ อีกนานไหมคะกว่าจะกลับร่างเดิม

สงสารน้อง ครอบครัวน้องด้วย T T


ฝากต่อยซัก 20 ทีนะคะ


เนื้อเรื่องน่าติดตาม รอตอนต่อไปค่ะ   :bye2: :bye2:


ก็คิดอยู่ว่าน่าจะมีฝาแฝด แล้วไหนว่าพี่ปลื้มไปเรียนต่างประเทศไง ทำไมถึงอยู่กับน้องพบรักได้ล่ะ
ตอนพี่เปรมอยู่กับเจ้าเปี๊ยกน่ารักดีทั้งพี่เปรมและเจ้าเปี๊ยกเลย
พอพบรักมารู้ว่าจะถูกบอกเลิกตอนอยู่ในร่างหมาน้อยนี่น่าสงสารจัง ตั้งแต่รู้สึกตัวขึ้นมาก็มีเรื่องให้ประหลาดใจเรื่อยๆเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ


สนุกดีครับ บวกเป็ดให้ทั้งสองตอนเลย

จะบอกว่าอ่านตอนที่พบรักรอคอยพี่เปรมที่ห้องทำให้ผมนึกถึงตัวเอง เคยเป็นแบบนี้แล้วก็ทำอะไรโง่ๆ ด้วย
น้องพบรักเป็นหมาซะแล้ว น่าสงสารจัง แถมยังเป็นหมาที่ฟังภาษาคนรู้เรื่องอีกด้วย
ความลับที่ไม่ควรจะได้ยินก็คงได้ยินกันหมดเพราะได้เป็นหมานี่แหละ 555
เข้าใจว่าพบรักน่าจะถูกสองพี่น้องนี้สลับร่างแกล้งหลอกอะไรสักอย่าง ลึกลับดีจัง

สำนวนภาษาดีมากครับ อ่านลื่นไหลดี
มาต่อไวๆ นะครับ

 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

Sarawatta

อยากกระโดดร่วมต่อยด้วยสัก 4-5 หมัด
หวังว่าพี่เปรมคงไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยนะ

ตอนน้องพบรักเหม่อน่าสงสารมากอะ เหมือนโลกทัเงโลกมืดดับสินะ เป็นน้องหมาไม่พอยังมาเจอเรื่องแย่ๆ อีก น้องพบรักสู้ๆนะลูก โบกธงเชียร์

ไรเตอร์ก็สู้ๆนะลูก พี่เชียร์อยู่



ขอบคุณนะคะสำหรับทุกความคิดเห็น
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆ เลยคะ ㅠ ㅠ
กำลังใจและแรงฮึดมาเต็มเลยคะ >///<
วันอาทิตย์นี้รินจะมาต่อให้นะคะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ตกลงพบรักชอบคนชื่อปลื้มเหรอ แล้วพบรักชอบคนชื่อเปรม
รออ่านตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
Miracle of LOVE ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก

-3-



   


ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะความอบอุ่นที่ต้นคอ มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ตื่นแล้วเหรอเจ้าเปี๊ยกขี้เซา..”

พี่เปรมใช้คำว่าขี้เซานี่เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ผมสลบนะครับไม่ใช่แค่ฟุบหลับไปเฉยๆ  แต่ก็จะเถียงอะไรได้ล่ะ เพราะถ้าหากตอนที่ผมยังเป็นนายพบรัก ผมจะดีใจมากที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอคนที่เรารักเป็นคนแรก แต่ตอนนี้ผมเป็นเพียงแค่น้องหมาพันธ์ชิวาวาอายุแค่เดือนกว่าแล้วยังมีชื่อที่ไพเราะเหมาะกับหน้าตาน่าเอ็นดูว่า ‘เจ้าเปี๊ยก’ ผมจึงรู้สึกเซ็งและโคตรเบื่อหน่ายที่ผมไม่สามารถหลุดจากฝันร้ายนี่ได้สักที

ผมเหยียดตัวอ้าปากหาว สะบัดหัวไปมาสองสามทีไล่ความงุนงง จากนั้นก็เงยหน้ามองพี่เปรมสบกับสายตาคู่คมที่กำลังมองมาราวกับว่าผมเป็นเด็กน้อยตัวจ้อยผู้น่าสงสาร

โผล๊ะ!

“เอ๋ง!..” จริงๆ แล้วผมอุทานว่า เหี้ย!

แม้พี่เปรมจะรับหมอนอิงที่ลอยหวือมาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะกระแทกลงบนร่างน้อยๆ ของผม แต่มันก็ทำให้ผมตกใจสะดุ้งหูตั้งหางตก แล้วมุดหัวงุดๆ หลบภัยเข้ากับกล้ามหน้าท้องแน่นๆ ของที่พึ่งพิง ที่แสนใจดีลูบหัวลูบตัวปลอบขวัญอีก

“นายเก็บมันมาทำไมเนี่ย?” พี่ปลื้มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่เต็มคำนัก ก็โดนพี่เปรมต่อยจนทั้งปากทั้งหน้าบวมเต็มไปด้วยรอยช้ำขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับนะว่าไม่สามารถบดบังออร่าความหล่อไปได้

ผมแอบมองพี่ปลื้มอย่างเกรงๆ ความรู้สึกคุ้นเคยยังคงเป็นความสงสัยที่ติดค้างอยู่ในหัวใจ ผมยังจำทุกถ้อยคำที่ได้ยินก่อนจะหมดสติไปได้ดี ผมพยายามจับต้นชนปลายเรื่องราวทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ที่พี่ปลื้มแอบอ้างตัวว่าเป็นพี่เปรมแล้วมาเป็นแฟนกับผม หลอกลวงผมมาเป็นปีๆ และก็กำลังจะบอกเลิกกับผม ซึ่งตอนนี้ผมเป็นเจ้าชายนิทรา ร่างของผมคงรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลไหนสักแห่ง และสาเหตุที่ทำให้ผมต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราก็มาจากอุบัติเหตุ แล้วบวกอีกเรื่องก็คือตอนนี้ผมอยู่ในร่างของเจ้าเปี๊ยกซึ่งเป็นหมาน้อยวัยเดือนเศษสายพันธุ์ชิวาวา แล้วยังไงต่อละทีนี้ มาถึงตรงนี้แล้วผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ผมยังคงยืนยันคำเดิมว่าแฟนของผมชื่อเปรมนทีป์ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ห้า ไม่ใช่พี่ปลื้มชลล์ตรงหน้าอย่างแน่นอน.. มั้ง??

“กูเก็บ?” ใบหน้าหล่อคมบึ้งตึงขึ้นทันตา

จะว่าไปผมก็รู้สึกนะว่าพี่เปรมคนนี้มันแตกต่างจากพี่เปรมที่ผมเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศโดยรวมก็แตกต่างกัน ตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกคุ้นเคยกับพี่ปลื้มมากกว่าเสียอีก

พี่น้องฝาแฝดกำลังเปิดศึกทางสายตาต่อกัน ผมก็ได้แต่มองหน้าหล่อบวมช้ำ สลับกับหน้าโคตรหล่อใสกิ๊กสลับกันไปมาอย่างลุ้นระทึก

“แฟนมึงเป็นคนเก็บมา..” น้ำเสียงของพี่เปรมทั้งนิ่งและลึกเสียจนผมยังแอบขนลุก

พี่ปลื้มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วตามด้วยเสียงซี้ดปากเบาๆ ในมือก็ถือผ้าประคบไปด้วย ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง พี่เปรมมองพี่ปลื้มไม่วางตา จนพี่ปลื้มเป็นฝ่ายยอมแพ้หลบสายตาแล้วหันไปมองนอกระเบียงแทน

“บอกแล้วไงว่าชั้นกับพบรักเรากำลังจะจบกัน.. ที่ผ่านมาหลังๆ นี่ชั้นพยายามจะห่างจากพบรักมากขึ้น.. แต่ไม่ใช่เพราะนายเหรอ?” เหลือบกลับมามองพี่เปรม แต่เมื่อเจอกับสายตาคมที่ลุกวาวพี่ปลื้มก็หันหลบกลับไปทางเดิม

“วันที่เกิดอุบัติเหตุชั้นก็ไม่คิดว่าพบรักจะมาหาชั้นที่คอนโดหรอกนะ.. เพราะเห็นว่าเพิ่งสอบเสร็จคงจะไปฉลองกับเพื่อน.. แต่ที่ไหนได้..” ประโยคจากพี่ปลื้มทำให้กล้ามเนื้อในอกด้านซ้ายกระตุกโดยแรง

“แล้ว?” พี่เปรมต่อประโยคให้พี่ปลื้มพูดออกมาให้จบ

“แล้วพบรักก็คงเจอนายกับภาพฟ้านั่นแหละ..”

“มึงรู้ว่ากูไม่ได้อยากรู้เรื่องที่นายกำลังพล่ามอยู่..”

“อ่อ.. ก็ถ้าเป็นเรื่องนั้นละก็.. ชั้นขอโทษละกัน.. แต่เอาจริงๆ ตอนแรกชั้นก็ไม่ได้จะใช้ชื่อนายหรอกนะ.. แต่ตั้งแต่ตอนแรกที่เจอกันพบรักก็เอาแต่เรียกชั้นว่าพี่เปรมๆ.. ชั้นก็เลยต้องตามน้ำไปอะ..”

“มึงนี่ไม่คิดจะยอมรับผิดเลยใช่มั๊ย.. โคตรพ่อโคตรแม่เหี้ยเลยว่ะ..”

“ชั้นกับพบรักยังไม่มีอะไรเกินเลยกันสักหน่อย.. ไม่เสียหายแน่นอน....”

“เออ.. เด็กนั่นไม่เสียหาย.. แต่กูนี่แหละเสียหายที่มีน้องฝาแฝดเหี้ยๆ แบบมึง..”

“ก็ขอโทษแล้วไง.. คราวหลังจะไม่ทำอีก.. เนี่ยชั้นให้นายต่อยจนหน้าช้ำไปหมดแล้วเนี่ย.. แม่เห็นต้องโดนโวยวายแน่ๆ”

“ตอนแรกมึงบอกว่าแค่จะขอใช้คอนโดกู.. แต่นี่มึงเอาชื่อกูไปใช้.. ไปหลอกเด็กนั่นไว้เป็นปีๆ.. แค่มึงโดนกูต่อยเท่านี้มันยังไม่สาสมหรอก..”

“เอาน่าเปรม.. ก็ขอโทษอยู่นี่ไง..” ท่าทางและน้ำเสียงฟังดูสบายๆ ไร้ความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น

หัวใจของผมค่อยๆ บีบรัดจนเจ็บ ผมอยากจะเป็นหมาหูหนวก หมาตาบอด หมาโง่ปัญญาอ่อนที่ไม่เข้าใจสิ่งใดๆ ทั้งนั้น ไม่อยากจะฟังบทสนทนาทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะทำยังไงทุกถ้อยคำก็ยังตรงดิ่งเข้าสู่โสตประสาทการรับรู้อย่างครบถ้วน

“ไหนตอนแรกมึงบอกว่ากับเด็กนั่นจริงจัง.. รักนักรักหนา..” คำถามจากแฝดคนพี่ ราวกับทัพพีที่คนความขุ่นมัวที่นอนนิ่งอยู่ใต้หม้อน้ำให้คลุ้งขึ้น ผมอยากจะวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุดไม่อยากจะรับฟังเรื่องราวใดๆ อีกต่อไป แต่ขาเจ้ากรรมก็ดันไร้เรี่ยวแรง
พี่ปลื้มเงียบไปนาน ใบหน้าบวมช้ำนั้นก้มลงมองพื้น ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบนพื้นนั่นมีอะไร แต่ส่วนลึกในจิตใจก็ยังคงคาดหวังต่อประโยคคำตอบของพี่ปลื้ม ได้โปรดอย่าทำให้ผมเกลียดพี่ ได้โปรดบอกผมทีว่าเรื่องที่พวกพี่กำลังพูดกันอยู่นี้เป็นเพียงบทละครฉากหนึ่งที่แต่งขึ้นเพื่อล้อผมเล่นเท่านั้น

“ชั้นคิดแบบนั้นจริงๆ นะ.. ตอนนี้ชั้นก็ยังชอบพบรักอยู่.. แต่มันเป็นเพียงแค่พี่กับน้องเท่านั้น..”

เสียงกำแพงแห่งความผิดหวังถล่มลงกลางใจ ทั้งๆ ที่ผมได้รู้ว่าผู้ชายที่ผมรักโกหกหลอกลวงผมมาตลอด ทำให้ผมกลายเป็นคนโง่ แต่ผมก็ยังหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ชายคนนั้นทำลงไปก็เพราะว่าเค้ารักผมอย่างที่ผมรักเค้า แล้วความรักที่ผมทุ่มเทให้ไปมันมีค่าแค่เพียงความเป็นพี่น้องอย่างนั้นเหรอ? นอกจากผมโง่เง่าเต่าตุ่นแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชแบบสุดๆ..

“แล้วมึงจะเอาไงต่อ..”

“สัปดาห์หน้าชั้นก็กลับไปเรียนต่อแล้ว.. ชั้นคิดว่าจะแวะเข้าไปเยี่ยมพบรักสักครั้ง.. จะขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด.. แล้วแม่ก็เป็นเจ้าของไข้เองด้วย.. ชั้นเลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่และคิดว่าพบรักจะต้องหายดีและฟื้นเร็วๆ นี้..”

ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก มันอึดอัดจนผมแทบขาดใจตาย ผมคิดถึงแม่ แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ผมก็จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านฟังเสมอ ยกเว้นเพียงเรื่องนี้กับคำขอร้องจากคนๆ นี้เท่านั้นที่ทำให้ผมยอมมีความลับกับแม่ ถ้าหากตอนนั้นผมตัดสินใจไปเริ่มต้นชีวิตกับครอบครัวใหม่บางทีเรื่องราวของผมคงจะดีกว่านี้ หรือไม่นี่คงเป็นบทลงโทษจากสวรรค์ก็เป็นไปได้

 “เด็กนั่นจะต้องหายดีแน่นอน..” มือใหญ่ลูบหัวของผมเบาๆ คล้ายกำลังปลอบโยน แต่ในเวลานี้ไม่มีสิ่งใดจะทำให้ผมหลุดพ้นจากหัวใจที่แตกแหลกเป็นเสี่ยงๆ ไปได้

ผมรับรู้ได้ว่าการมองเห็นของผมลดต่ำลงเพราะมีม่านน้ำมาบดบังไว้ พี่ปลื้มตรงหน้าก็คือพี่เปรมที่ผมหลงรักมาเป็นปีๆ ในขณะที่พี่เปรมตัวจริงคือใครอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จัก ผมอยู่กับความรักที่เป็นเพียงการหลอกลวงมาโดยตลอด ผมโง่ยิ่งกว่าควาย โง่อย่างไม่น่าให้อภัย นับว่าเป็นการได้รับรู้ความจริงอันแสนเลวร้ายยิ่งกว่าการตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นเพียงน้องหมาตัวหนึ่งเสียอีก

“อ้อ.. ของพบรักที่อยู่ในห้องนั้น.. พะ..”

“เอาไว้แบบนั้นแหละ”

“แต่...”

“ก็กูเพิ่งบอกมึงไปว่าเด็กนั่นจะต้องหายดีและฟื้นเร็วๆ นี้แน่นอน..”

สองพี่น้องฝาแฝดมองหน้ากันท่ามกลางความเงียบ ในสายตาของทั้งคู่คงกำลังสื่อความหมายอะไรบางอย่างกันอยู่โดยที่คนนอกแสนโง่อย่างผมไม่มีทางเข้าใจ

“อืม.. นั่นสินะ..” พยักหน้าเบาๆ กับรอยยิ้มมุมปาก.. ความหมายนั้นคืออะไรผมไม่รู้ แต่เท่าที่รู้คือมันทำให้ผมเกลียดผู้ชายที่ชื่อ ‘ปลื้มชลล์’ เพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยทวีคูณ

เสียงบานประตูที่ปิดลง บอกให้รู้ว่าพี่ปลื้มออกจากห้องนี้ไปแล้ว นั่นก็ราวกับปิดหัวใจที่แสนโง่เขลาของผมลงไปด้วย ความรักที่ผมเฝ้าทะนุถนอมและหวงแหนมันได้รับการตอบแทนด้วยความเจ็บปวดแบบนี้นะเหรอ

“หงิงง..” ฮึก.. ผมปล่อยให้เขื่อนน้ำตาพังทลายลงโดยไม่คิดอาย

“เปี๊ยก.. มึงเป็นไรอีกเนี่ย?..” ผมถูกอุ้มขึ้นให้อยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของพี่เปรม แต่เพราะสติและจิตใจที่ย่ำแย่อ่อนแอเกินไป ผมจึงมองพี่เปรมเป็นเพียงภาพที่พร่าเลือนเท่านั้น

พี่เปรมขยับตัวจากนั่งเป็นนอนเหยียดยาวบนโซฟา โดยที่มือใหญ่ข้างเดิมก็ยังลูบตัวผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วน้องหมาเวลาร้องไห้มันเป็นยังไง แต่ผมที่อยู่ในร่างของเจ้าเปี๊ยกก็เพียงแค่ทำตามความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น ผมเองไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจอะไรอีกแล้ว ความอัดอั้นทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาเป็นหยาดน้ำ ผมไม่ใช่คนขี้แย ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น และไม่ใช่พวกที่แพ้แล้วไม่ยอมรับความจริง แต่สำหรับเรื่องบางเรื่องมันก็ต้องมีข้อยกเว้นกันบ้าง ผมยอมรับว่าผมไม่สามารถทำใจกับเรื่องนี้ได้ เรื่องที่ว่าทำไมผู้ชายที่ชื่อปลื้มชลล์คนนั้นถึงได้มาล้อเล่นกับหัวใจของผมแบบนี้ ผมยอมไม่ได้จริงๆ

“เจ้านายมึงชื่อพบรัก..” ความเงียบที่ปกคลุมมานานถูกทำลายลงด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูอบอุ่น จนผมต้องสลัดสิ่งที่คิดอยู่ทิ้ง แล้วกระพริบไล่น้ำตา มองใบหน้าหล่อคมที่นอนปิดเปลือกตานิ่งๆ

“พบรัก.. รัชชารักษ์.. ” ผู้ชายคนนี้กำลังเรียกชื่อสกุลเต็มๆ ของผม..

“พบรัก.. เด็กตัวแห้งๆ เตี้ยๆ.. แก้มป่องๆ.. เวลายิ้มมีลักยิ้มตรงมุมปาก.. ผิวขาวยิ่งกว่าน้ำนมซะอีก..” นั่นคือลักษณะทางกายภาพของผม แม้เปลือกตาคมไม่ได้ลืมขึ้นขณะที่พูด แต่ทว่ามือใหญ่ก็กำลังลูบตัวผมอยู่

“หึๆ..” หัวเราะในลำคอ ริมฝีปากบางแย้มยิ้มขึ้นบางเบา

ทำไมกันนะ ผมถึงรู้สึกว่าหัวใจที่สลายไปเมื่อครู่ถูกก่อร่างสร้างขึ้นมาใหม่ช้าๆ ความเจ็บปวดก็บรรเทาลงอย่างกับมีเวทมนต์ปาฏิหาริย์ และผมก็ได้ยินเสียงจังหวะหัวใจอีกดวงที่กำลังเต้นเป็นจังหวะระทึกอย่างน่าประหลาด แทบไม่ต้องเงี่ยหูฟังและไม่ต้องมองหาเสียงนั้นจากที่ไหน ก็เพราะว่าตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนกล้ามอกแน่นๆ ด้านซ้าย

“ตอนนี้เจ้านายมึงไม่สบายเลยอยู่กับมึงไม่ได้.. แต่เดี๋ยวเจ้านายมึงก็กลับมา.. มึงก็อยู่กับกูไปก่อนละกัน..” เหมือนจะเป็นประโยคที่ชวนซาบซึ้ง แต่ทำไมผมถึงกลับอยากจะฉีกยิ้มออกมา แทบจะลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่น้ำตาไหลออกมามากแค่ไหน

คุณเคยรู้สึกว่ากำลังจะตายแต่ก็ถูกฉุดกระชากให้ฟื้นขึ้นมาใหม่มั๊ยครับ โดนกระชากซะแรงจนไม่ทันตั้งตัว ลมหายใจที่แผ่วเบาลงไปแล้วกลับมาแบบปุบปับจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน มันยังคงรู้สึกเจ็บเหมือนแผลสดที่เลือดยังซิบๆ แต่ก็มีคุณหมอใจดีค่อยๆ ทำแผลนั่นให้อย่างเบามือ พร้อมกับประโยคที่คอยให้กำลังใจว่าผมจะต้องหายดีในสักวัน และคุณหมอยังพยายามรักษาบาดแผลนั้นอย่างดีโดยที่จะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้ระคายผิวแม้แต่น้อย

ผมไถหัวคลอเคลียไปมาบนหน้าอกด้านซ้ายแทนคำขอบคุณที่ผมไม่สามารถจะพูดมันออกมาได้ แม้ว่าประโยคเหล่านั้นจะเป็นเพียงคำปลอบที่มีให้น้องหมาตัวหนึ่ง แต่ในความรู้สึกลึกๆ ผมกลับสัมผัสว่ามันคล้ายกับว่าคนพูดกำลังปลอบใจตัวเอง ‘ทำไมพี่เปรมถึงปลอบใจตัวเองแบบนี้กันนะ’ ผมคิดแบบนั้นจริงๆ

จังหวะหัวใจของพี่เปรมกลับเป็นปกติ เสียงลมหายใจก็สม่ำเสมอ ดูจากสภาพที่อดหลับอดนอนมาหลายวันก็พอจะเดาได้ว่าพี่เปรมคงกำลังหลับลึกอยู่แน่ๆ ผมที่ยังคงนอนอยู่บนอกแน่นๆ ก็เลยได้มีโอกาสมองสำรวจใบหน้าอีกฝ่ายเงียบๆ ผู้ชายคนนี้ถ้าไม่นับเรื่องนิสัยก็แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากพี่ปลื้มเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันจริงๆ ผมเองชักอยากจะรู้แล้วว่าคนอื่นๆ แยกทั้งคู่แยกออกได้ยังไงว่าคนไหนคือพี่ปลื้มคนไหนคือพี่เปรม แต่นั้นไม่สำคัญเท่ากับในตอนนี้ผมอยากจะรู้จักคนตรงหน้ามากขึ้นแล้วสิ..


.
.
.
.


   มันคือวันหนึ่งที่แสนจะร้อนอบอ้าว ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเย็นนี้ฝนต้องตกแน่ๆ ผ่านมาแล้วห้าวันที่ผมต้องอยู่ในร่างของเจ้าเปี๊ยก และผ่านมาแล้วสามวันหลังจากความจริงอันแสนเจ็บปวดได้ถูกเปิดเผย ผมก็ยังคงอยู่ในห้องเดิม คอนโดเดิม สภาพแวดล้อมเดิม ผมว่าผมไม่ได้อกหักนะ เพราะผมก็ยังอยู่กับพี่เปรมเหมือนเดิม ไอ้เรื่องราวเมื่อสามวันที่แล้วนั้นมาคิดๆ ดูมันก็เหมือนเรื่องตลก ถึงจะเจ็บจริง แผลยังสดใหม่อยู่ก็เรื่องจริง แต่มันก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยกเว้นมีความรู้สึกเกลียดคนที่ชื่อปลื้มชลล์เพิ่มขึ้นมา และเรื่องการกินการอยู่ของผมนี่แหละ..

   ถึงผมจะอยู่ในร่างของน้องชิวาวา แต่จิตใจของผมยังคงเป็นนายพบรัก รัชชารักษ์ อย่างสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นผมทำใจไม่ได้ทุกครั้งที่จะต้องกินแบบน้องหมา แค่ใช้ลิ้นเลียนมยังพอทนได้ แต่มาให้กินอาหารเม็ดละลายน้ำ บอกเลยแทบอ๊วกตั้งแต่ได้กลิ่น แล้วไหนจะเรื่องการขับถ่าย จะบ้ารึไงให้ผมถ่ายในกระบะทราย อายนะโว้ย ให้มาขี้มาเยี่ยวในที่แจ้งแบบนั้น ก็เข้าใจนะว่าพี่เปรมทำตามในหนังสือคู่มือการเลี้ยงสุนัขชิวาวา แต่แล้วไงล่ะ ผมไม่ใช่น้องหมาสักหน่อย!

   “บ๊อกๆๆ.. ” เอ่อ....

   ผมมองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก อย่าถามว่าผมมายืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำได้ยังไง ก็ไม่เห็นจะยาก ผมก็กระโดดขึ้นบนชักโครกแล้วกระเด้งมาบนอ่างล้างหน้า เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมได้พบความจริงที่ว่า ผมน่ารักมากแค่ไหน น่ารักซะจนน้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม ตัวเล็ก หูตั้งไม่ถึงกับใหญ่มาก ดวงตากลมโต ขนเป็นสีขาวเหลือบสีน้ำตาลเล็กน้อย จะมีใครน่ารักได้เท่าผมอีกมั๊ยเนี่ย ได้โปรดสวรรค์ พาผมกลับไปยังร่างของผมที

   “ทำไรน่ะเปี๊ยก?!.. ”

   “บ๊อก!.. ” เหี้ย!! ตกใจหมดเลย!

   “มึงเป็นหมาเหี้ยไรว่ะไอ้เปี๊ยก.. โจรเข้ามาถึงตัวแล้วเพิ่งรู้ตัว.. แล้วนี่ทำเหี้ยไรอยู่เนี่ย.. ส่องกระจกหาพ่องมึงเหรอ?..”

   เยสเข้!!!! บอกผมทีสิครับว่านี่คือว่าที่คุณหมอในอนาคต แต่ละคำที่พ่นออกมาทำไมถึงได้หยาบคายอะไรแบบนี้ พบรักรับไม่ได้ รับไม่ด้ายยยยยยยย

   “บ๊อกๆ.. บ๊อกๆ ” หาพ่องพี่นะสิ!

อ่อ แต่จะว่าไปผมก็ไม่ใช่พวกสุภาพบุรุษชนเท่าไหร่หรอกนะ ปกติเวลาอยู่กับเพื่อนก็ใช้คำหยาบคายแบบนี้แหละ จะมีก็แค่ตอนอยู่กับพี่ปลื้มที่อ้างเป็นพี่เปรมนั่นแหละที่แอ๊บตัวเองขึ้นมาหน่อย แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วละมั้ง ก็ตรงหน้าผมนี่คือพี่เปรมตัวจริงแล้วนี่นา

 “ไอ้เปี๊ยก.. นี่มึงยังไม่แดกข้าวอีกแล้วเหรอว่ะ..” พี่เปรมชี้ไปที่จานใส่ข้าวน้องหมา ที่พี่แกเพิ่งถอยมาให้ผมสดๆ ใหม่ๆ สีชมพูวิ้งวับลายคิตตี้ซะด้วย คือก็ไม่เข้าใจว่าพี่เปรมคิดว่าผมเป็นเพศเมียรึยังไง ทั้งๆ ที่น้องชายมันชี้โด่ขนาดนี้ แล้วขอโทษเถอะครับ ถ้าไอ้เละๆ ยิ่งกว่าอ๊วกแมวนั่นเรียกว่าข้าว แล้วให้ผมกระเดือกลงคอเนี่ย ผมยอมอดตายดีกว่า

“บ๊อกๆ..” ไม่แดกโว้ย 

“เออๆ.. ไม่แดกก็ไม่แดก.. เรื่องมากจริงมึง..” แน่ะ! เข้าใจอีก

พี่เปรมเดินเข้าห้องนอน ผมก็เดินตาม อีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ ผมก็นอนรอบนเตียง มหาลัยของพี่เปรมสอบช้ากว่ามหาลัยผมประมาณหนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้พี่เปรมจึงอยู่ในช่วงสอบ แล้วยังจะต้องเข้าวอร์ดที่โรงพยาบาลไปด้วย ดูแล้วก็คงจะหนักหนาสาหัสพอดู แต่หนังหน้ายังหล่อใสกิ๊ก แตกต่างจากวันแรกที่ผมรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเจออย่างสิ้นเชิง แต่เท่าที่เห็นพี่เปรมค่อนข้างเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ดี แม้จะเรียนหนักไม่ค่อยมีเวลาว่างแค่ไหน เรื่องอาหารการกินนี่ก็สำคัญเสมอ รวมทั้งยังเจ้าระเบียบนิดๆ ดูจากการจ้างแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดห้องวันเว้นวัน ผมเคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมทุกครั้งที่มาที่ห้องนี้ในตู้เย็นมักจะมีของสดติดเอาไว้เสมอ เมื่อก่อนผมแอบเข้าข้างตัวเองว่าแฟนตัวเองคงอยากจะให้ผมทำอาหารให้กิน แต่ที่ไหนได้เจ้าของห้องตัวจริงเป็นคนซื้อมาเก็บไว้เพราะไม่นิยมบริโภคอาหารที่มีแต่ผงชูรสต่างหาก

รออยู่พักใหญ่พี่เปรมก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันรอบเอวแค่ผืนเดียว โชว์ซิกแพคละลายใจให้ผมอิจฉาตาร้อน ไว้ผมกลับไปเข้าร่างตัวเองได้เมื่อไหร่จะเอาให้ได้แบบนี้บ้างคอยดู ผมกระโดดลงจากเตียงเมื่อพี่เปรมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ขนาดใส่แค่กางเกงบอลกับเสื้อยืดก็ยังเท่ห์ระเบิดระเบ้อ คนหล่อทำอะไรก็ดูดีไปซะหมด อิจฉาโว้ย

พี่เปรมเอากล่องอาหารที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าออกมาอุ่น พี่เปรมต่างจากพี่ปลื้มอีกหนึ่งอย่างก็คือพี่เปรมทำอาหารเก่งมาก แต่จะอร่อยรึเปล่านั้นผมเองก็อยากจะรู้ ไม่นานนักกลิ่นหอมๆ ลอยมาแตะจมูกแทบจะทันที ท้องของผมก็ร้องหิวโหย

“บ๊อกๆ.. บ๊อกๆ..” จะกินๆ ผมอยากกินจริงๆ นะ

“จะแดกนี่?..” พี่เปรมรู้ใจหมา เฮ้ย! รู้ใจผมไปแทบจะทุกอย่าง

“บ๊อกๆ” ใช่ครับๆๆ จะแดกเหมือนพี่เปรมนั่นแหละ

แม้จะทำหน้าดุ แล้วมีเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่พี่เปรมก็ยอมแบ่งข้าวให้ผม ซึ่งทันทีที่กลิ่นหอมๆ จากข้าวผัดหมูใส่ผักรวมอยู่ตรงหน้า ผมก็แทบจะสวาปามเข้าท้องทันที แต่ติดอยู่ตรงที่..

“หงิงงงงงงง” เค้าจะกินกับช้อนอ่า.. ผมพยายามอ้อนให้น่าเอ็นดูเข้าไว้..

“อย่าบอกนะว่าให้กูป้อน” พี่เปรมมองตามสายตาผมที่มันจดจ้องอยู่ที่ช้อน

ผมบอกแล้วไงครับว่าพี่เปรมเป็นคุณหมอที่รู้ใจผมจริงๆ ผมก็พยายามครางหงิงๆ กระดิกหางรัวๆ อ้อนสุดฤทธิ์ เป็นอีกครั้งที่ผมได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างอ่อนอกอ่อนใจของพี่เปรม แต่สุดท้ายก็ยอมใช้ช้อนตักข้าวมาจ่อตรงปากผม แล้วมีเหรอที่ผมจะชักช้าร่ำไร งับมันเลยสิครับ และทันทีที่รสชาติสัมผัสกับลิ้น วินาทีนั้นตัวผมก็แทบจะลอยได้ เพราะมันอร่อยจริงๆ ครับ

“มึงเป็นคนหรือเป็นหมากันแน่ว่ะไอ้เปี๊ยก.. หึๆ” บ่นไปหัวเราะไป แต่ก็ยังอุตส่าห์นั่งป้อนจนข้าวหมดจาน ท้องผมก็ป่องอิ่มแทบจุก จนต้องนอนแผ่พุงอย่างอารมณ์ดี

พี่เปรมกลับไปกินข้าวในส่วนของตัวเองบ้าง กินเสร็จก็นั่งอ่านหนังสือ ส่วนผมที่หนังท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อน ขยับตัวเข้าคลอเคลียข้างๆ ไออุ่นตัวโตๆ แล้วก็หลับไปอย่างสบาย หลับไปพร้อมความรู้สึกที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป อยากจะมีชีวิตเพื่อกลับคืนสู่ร่างเดิม อยากจะกลับไปหาแม่เพราะผมยังไม่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีตอบแทนท่านเลยสักนิด และอยากจะรู้จักนักศึกษาแพทย์เปรมนทีป์  อัศววิรุณฉาย ตัวจริงให้มากกว่านี้ เพราะผมชินกับการเรียกผู้ชายคนหนึ่งว่า ‘พี่เปรม’

.
.
.
.







ตอนที่ 3 มาแล้วคะ
 :katai2-1:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นอีกครั้งนะคะ รินจะพยายามอย่างเต็มที่คะ  :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2015 23:23:11 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
หวังว่าจะได้ตอบก่อนเป็นคนแรกนะครับ อิๆ
พี่เปรมน่ารักอะ มีป้อนข้าวน้องพบรักด้วย เหอๆ ถ้าเป็นผมอยู่ในร่างหมาแล้วมีหนุ่มหน้าตาดีหุ่นซิคแพ็กแบบนี้
คงจะเซ็งน่าดู ทำอะไรก็ไม่ได้เพราะเป็นหมา 555
อยากให้พบรักออกจากร่างหมาไวๆ จัง (รู้นะว่าคิดอะไรอยู่)  :z1:

ขอบคุณที่มาต่อครับ บวกเป็ดให้ 1 ตัวกับอีก 1 คะแนนครับ
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

Sarawatta
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2015 06:53:14 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
งื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่าร๊ากกกกกกกกกกก  :impress2:

น้องพบรักน่ารักอะ โถน่าเอ็นดู เป็นน้องหมาที่น่าเอ็นดูมาก
แต่ที่ยอมแพ้คือพี่เปรมค่าาาา 
ทำไมพี่เปรมน่ารักแบบนี้อะ เป็นผู้ชายในอุดมคติของเค้าเลยน๊า  :o8:

รอตอนต่อไปนะคะ ชอบมากๆ เลยคะ คุณริรินแต่งออกมาได้รื่นไหลมาก อ่านแล้วไม่มีสะดุดเลยคะ ชอบมากคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ ติดตามต่อไปคะ



ปล.เกลียดพี่ปลื้มด้วยคน

ออฟไลน์ punnicha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
นายเอกน่าร้ากกกก :impress2: ตามค่ะตาม :hao7: :pig4:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เราแอบน้ำตาไหลด้วยล่ะค่ะตอนที่พี่เปรมพูดถึงน้องพบรัก เพราะแค่คิดว่าพี่เปรมอาจจะ 'ตกหลุมรัก' น้องตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วน้ำตาก็พาลไหลออกมาเฉยเลย T^T และไม่แน่ว่าน้องพบรักเองก็คงจะคิดไม่ต่างกันกับพี่เปรมด้วยนะคะนั่นน่ะ

เป็นเพราะผู้ชายที่ชื่อ 'ปลื้ม' นั่นล่ะ ที่เข้ามาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเสียหมด อยากคบกับน้องจนถึงขนาดสวมรอยใช้ชื่อพี่เปรมเข้าหากันแบบนี้นี่เห็นแก่ตัวที่สุดเลย คนน่ารังเกียจ~

แต่ตอนนี้น่ารักมากๆ เลยนะค้าา >\\\\< พี่เปรมช่างรู้ใจน้องพบรักเสียจริง มีการป้อนข้าวให้น้องทั้งๆ ที่น้องแค่ส่งสายตาแป๋วๆ สื่อความนัยให้กันเท่านั้นเองน้าา :-[ ..

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
หวังว่าจะได้ตอบก่อนเป็นคนแรกนะครับ อิๆ
พี่เปรมน่ารักอะ มีป้อนข้าวน้องพบรักด้วย เหอๆ ถ้าเป็นผมอยู่ในร่างหมาแล้วมีหนุ่มหน้าตาดีหุ่นซิคแพ็กแบบนี้
คงจะเซ็งน่าดู ทำอะไรก็ไม่ได้เพราะเป็นหมา 555
อยากให้พบรักออกจากร่างหมาไวๆ จัง (รู้นะว่าคิดอะไรอยู่)  :z1:

ขอบคุณที่มาต่อครับ บวกเป็ดให้ 1 ตัวกับอีก 1 คะแนนครับ
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

Sarawatta

ขอบคุณมากเลยนะคะ ขอบคุณที่ชอบคะ
รู้ค่ะว่าคิดอะไรอยู่ เพราะริรินเองก็คิดเหมือนกัน 55555  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด