ตอนที่ 34
ตั้งแต่วันที่คุยกับพี่ตุลย์จนเคลียร์วันนั้น ถามว่าผมหายระแวงไหม ผมบอกเลยนะว่า...ไม่อ่ะ ไม่หาย บางทีมันก็ยังมีเล็กๆ อยู่ในใจผม พอแว๊บๆ ขึ้นมาพอให้รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ดันทำตัวเป็นผู้หญิงคิดเล็กคิดน้อยทั้งๆ ที่พี่ตุลย์ก็บอกชัดเจนแล้วว่าไม่มีอะไร แต่ก็อย่างว่า เขาเป็นคนพิเศษของผมนี่
แต่ถ้าถามผมว่า คลายความระแวงลงไปมากแค่ไหน อันนี้ขอยืดอกบอกเลยว่าผมลดความระแวงลงไปเยอะมาก อาจเพราะว่าคนที่บอกว่า ‘ไม่’ คือพี่ตุลย์อะครับ พี่ตุลย์อะ! เก็ทปะ ตั้งแต่รู้จักกันมาผมว่าพี่ตุลย์ไม่น่าจะใช่พวกจับปลาสองมือ หรือถ่านไปเก่ายังไม่ดับก็มาจุดถ่านก้อนใหม่อะไรแบบนั้น
แล้วถ้าอยากรู้ว่าผมหายระแวงมากขนาดไหนนะ ผมลดความระแวงถึงขั้นวันต่อมา นั่งมองพี่ทอฟ้าตาเยิ้มอ่ะ อิอิ
ผู้หญิงอะไร๊ สวยโคตร โคตรๆ ครับผม! อยากจะให้อยากรู้ อยากให้ลองมุดเข้ามาในจอมองหน้าพี่ทอฟ้าพร้อมๆ กัน สวยมากก เจ๊พลอยไพลินก็สวยแล้วนะ แต่พี่ทอฟ้าคือสวยกว่าอีก (ดูได้จากสรรพนามที่เรียก) เขาสวยแบบดูมีชาติตระกูลอะครับ ผิวพรรณ การแต่งตัว การวางตัว หน้าตา ทุกอย่าง คือดีหมดครับ
สรุป มองไปมองมา ฟินนาเล่~
แล้วผู้หญิงยิ่งเล่นกับเด็กก็จะยิ่งน่ารักมากขึ้นใช่ไหมครับ ผมนี่โดนแอคแทคตลอดจนน็อคเอาท์อยู่ในใจไปหลายรอบแล้ว สับสนกับตัวเองเบาๆ ว่าจะระแวงหรือจะอะไรดี แต่อย่างว่าแหละครับ ผมก็ยังมีไอ้จ้อนอยู่ เป็นผู้ชาย ก็ต้องมองของสวยๆ งามๆ น่ารักๆ เป็นธรรมดา
นอกจากนั้นนะครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่ทอฟ้าจะไม่เชื่อว่าผมกับพี่ตุลย์จะเป็น.........กัน แอบคิดว่าเขาจะมาทำกับผมเหมือนที่เจ๊พลอยไพลินทำหรือเปล่า แบบลับหลังผมก็มาหาเรื่องผมอะไรแบบนั้นน่ะครับ แต่ปรากฏว่าก็ไม่มีเลย ตอนนั้นผมล้างจานอยู่ ปล่อยให้คนเป็นแม่เล่นกับลูกๆ ไปแทนผม แต่พอพี่ตุลย์ออกมาช่วยดูแลลูก พี่ทอฟ้าก็มาช่วยผมล้างจานกันสองต่อสอง เขาก็ไม่พูดจาหาเรื่องผมเลย ไม่ถามผมสักคำว่าเป็นลูกของคนรู้จักของพี่ตุลย์แน่หรอ ยังถามผมด้วยซ้ำว่ามหา’ลัยเป็นยังไงบ้าง ใช้ชีวิตที่นี่ลำบากไหม แล้วก็อีกหลายๆ เรื่อง ถ้าไม่นับนิสัยอย่างที่พี่ตุลย์เล่า ผมว่าพี่สาวคนนี้เป็นคนนิสัยน่ารักคนนึงเลยนะครับ พอตอนล้างจานเสร็จกำลังล้างมือกันอยู่สองคน เขายังบอกผมอีกว่า
‘พอมาที่นี่เห็นเอสเล่นอยู่กับที่หนึ่งแล้วก็ตอนต้นที่ไรรู้สึกเหมือนตัวเองมีลูกสามคนทุกทีเลย’
ฉึก!
อะไรไม่เท่ากับรอยยิ้มที่ส่งมาตอนนั้นครับ สวยจริงนะน้องสาว ผิวขาวราวกับเส้นหมี่~
โถๆ มันมีคุณแม่ที่ไหนอายุห่างจากลูกแค่สิบปีบ้างครับ อย่างงี้เป็นแม่กับลูกชายคนโตไม่ได้หรอก แต่ถ้าให้ผมเป็นสามีเด็กละก็ได้อยู่ อิอิ -..-
‘แล้วนี่หน้าตาดีขนาดนี้ เอสมีแฟนหรือยัง?’
ถามกันมาแบบนี้ ลงล็อค! อยากจะมาเป็นแฟนผมไหมละครับ พี่สาวคนสวย~ แต่งงานแล้วไม่เป็นไร ลักกินขโมยกินกันก็ได้นะครับ ผมว่าง~
‘แฟนหรอครับ ผมยังไม่...’
‘เอส’
ชะอุ้ย
แฟนไม่มีแต่พ่อมี...พ่อคุณทูนหัว!
ผมนี่ตัวสั่นหงิงๆ ประหนึ่งโดนจับได้ว่ามีเมียน้อยหันไปหาพี่ตุลย์ที่เรียกอยู่ด้านหลัง พอหันปุ๊บผมนี่ร้องแว๊กกก! ปั๊บ เพราะหน้าของตอนต้นอยู่ชิดผมมากจนจมูกผมนี่ปาดไปโดนน้ำลายข้างปากมันเต็มๆ
‘อะไรของพี่เนี่ย!?’
‘ตอนต้นจะเล่นด้วย ส่งเสียงก็แล้ว นายก็ไม่รู้สึกตัว เห็นจะเดินมาหา ฉันก็เลยอุ้มมาให้เลย’
นั่นแหละครับ ผมก็เลยต้องเดินอุ้มตอนต้นกลับไปนั่งเล่นด้วยอยู่หน้าทีวี #จบข่าว
แกร๊ก
“ป้าสร้อย หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ปรกๆ หลังจากเปิดประตูแอ๊ดเข้ามาเจอป้าสร้อยกำลังเดินตามหลังตอนต้นที่ตอนนี้เห่อการเดินมาก แทบจะไม่ยอมนั่งเลย ซึ่ง...มันเป็นภาพที่ผมเห็นบ่อยจนชินตาละ
ว่าไปแล้วผมก็อยู่ที่นี่นานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย
“อ้าว ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจังละเอส เพิ่งจะ 10 โมงครึ่งเอง”
“วันนี้มีเรียนแค่ตอนเช้าครับ อ.ปล่อยเร็วด้วย ผมก็เลยกลับเร็วแบบนี้ไง มาช่วยป้าสร้อยดูแลมารครับ”
“ก็ไปว่าน้อง” ป้าสร้อยหัวเราะ “จะว่าไปเอสมาก็ดีแล้ว โทรบอกตุลย์ให้หน่อยสิว่าแพมเพิสจะหมดแล้วนะ อันสุดท้ายน่าจะได้ใช้เย็นนี้แหละ
“แค่แพมเพิสใช่ไหมครับ?” ผมทวนขณะล้วงหยิบมือถือเครื่องละ 1,990 บาทออกจากกระเป๋ากางเกง
“อ่า กล้วยก็ใกล้จะหมดแล้วนะ นมผงเหลือครึ่งกระป๋อง แต่อยากซื้อเผื่อไว้ก็ได้”
“ครับๆ” ผมรับคำก้มหน้ากดเบอร์พี่ตุลย์ละ
“แต่ป้าว่า เอสไปดูของใช้ส่วนตัวดีกว่า อันนี้ป้าก็ไม่รู้ว่าขาดเหลืออะไร ตุลย์จะได้ไปหาซื้อมาทีเดียว”
“โอเคครับ” ผมละมือที่กำลังกดเบอร์ไอ้พี่ตุลย์ เดินดุ่มๆ ชะโงกหน้าเข้าไปในห้องน้ำเช็คสบู่ ยาสระผม ครีมนวด ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เอ้า! น้ำยาบ้วนปากใกล้จะหมดแล้ว เจลแต่งผม ครีมโกนหนวด...ผมเดินเข้าไปเขย่าๆ เบาหวิวๆ นี่แปลว่าใกล้จะหมดแล้วสินะ
“เอส ถ้ามันมีของต้องซื้อก็หากระดาษมาจดไว้สิ จะได้ไม่ลืม จำแบบนี้เดี๋ยวก็หลงๆ ลืมๆ จนได้” ป้าสร้อยแนะนำท้ายเสียงเชิงบ่นตามภาษาคนแก่ ผมรับคำแล้วเดินกลับมาฉีกกระดาษจากสมุดเรียนของตัวเองแล้วชะโงกหน้าเข้าห้องน้ำอีกครั้ง จดๆ เขียนๆ อื้มๆ
...
ไม่ดูเป็นแม่บ้านแม่เรือนเกินไปช้ะ?
นี่แค่มีเมียเป็นผู้ชาย (เออ ถึงจะโดนเสียบก็จะเป็นผัวอะ มีไรปะ!) ยังไม่พอ ตอนนี้กำลังจะพัฒนาการมาเป็นพ่อบ้านใจกล้าแล้วหรอ
...รับไม่ดั่ยยย orz
ผมคร่ำครวญอยู่ในใจแต่สายตาก็เช็คมือก็จด ลายมือเหี้ยมากครับ ไม่อยากให้เห็นไม่ต้องมาแอบมอง หลังจากที่เช็คของในห้องน้ำเสร็จผมก็เดินเข้ามาโซนห้องครัว ห้องครัวกับผมนี่เป็นภัยต่อกันมากอะ อยู่คนเดียวเกือบทั้งชีวิตปัจจุบันนี้สิ่งที่ทำได้ในห้องครัวสำหรับผมคือทอดไข่ ต้มมาม่าและหุงข้าวแค่นั้นแหละ ไอ้ที่ผมพอจะเช็คๆ ได้ก็เป็นน้ำมัน น้ำปลา แม็กกี้ ไข่ไก่อะไรพวกนั้น แต่ของพวกนี้ที่นี่ไม่ค่อยพร่องลงไปเลย อาจเพราะว่าไม่ค่อยได้ทำอะไรหรอก ไม่มีแม่บ้านปักหลักปักฐานแน่นอนที่ห้องนี้ แต่เมื่อกี้ป้าสร้อยบอกว่ากล้วยอาหารของตอนต้นกำลังจะหมด อื้มๆ จดๆ ซื้อยำยำมาด้วยดีไหม เห็นโฆษณาว่ารสข่าไก่ออกใหม่ น่าลองๆ โหย แค่พูดน้ำลายผมก็แตกในปากละ หึหึหึ
ก่อนที่น้ำลายจะย้อยลงเป็นทางผมออกจากห้องครัว ไปยังรังรักของเรา เจ๊ย ห้องนอนครับห้องนอน พูดเล่นแบบนี้พูดได้นะ แต่ถ้าพูดแบบจริงจัง... (ขนลุกโดยพร้อมเพรียงกัน) ผมชะโงกหน้าเข้าไปในห้องนอน ปรกติห้องนอนมันก็ไม่ต้องซื้ออะไรปะวะ กางเกงในใหม่งี้อะหรอ? มันไม่ใช่อ่ะ ว่าแล้วผมก็ปิดประตูห้องและพับเศษกระดาษที่มีตัวหนังสือคล้ายๆ จะเป็นตัวอักษรสมัยพ่อขุนรามเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงนักศึกษา
“ป้าสร้อยผมเช็ค...”
โครม!
“ตอนต้น! ตายละๆๆ” ป้าสร้อยรีบถลาไปหาไอ้เด็กอ้วนที่มันเดินเต๊าะแต๊ะอยู่ดีๆ แล้วก็ดันหัวทิ่มล้มโครมอยู่ตรงเท้าผม ใช้เวลาไม่กี่วิเสียงร้องก็แผดดังขึ้นจนแทบจะทะลุไปถึงโต๊ะประชาสัมพันธ์หน้าคอนโดฯ
“ไม่ร้องดิวะ เกิดเป็นผู้ชายซะเปล่า” ผมพูด พลางอุ้มหมูที่ร้องไห้อยู่ที่พื้นขึ้นมาอุ้ม
“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง เจ็บนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หายนะ” ป้าสร้อยพูดปลอบ ยื่นแขนมาเหมือนจะขออุ้มเอง แต่ก็คงนึกได้ว่าตอนต้นไม่ชอบให้ผู้หญิงแตะตัวเลยชักมือกลับไป ทำได้แต่ปลอบอยู่ห่างๆ
ป้าสร้อยมีสีหน้าลำบากใจ ผมเองก็ลำบากใจเหมือนกัน ยังไงดีละ คือเด็กนี่มันไม่ค่อยร้องนะ ค่อนข้างเป็นเด็กไม่ขี้แง ผมเลยเห็นมันร้องไห้ไม่บ่อยเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ไม่พี่ตุลย์อุ้มไปปลอบ นานๆ ทีผมจะดุมันจนกว่าจะเงียบไปเอง
แต่ถ้าจะให้ผมดุมันตอนนี้...ให้เกียรติป้าสร้อยด้วย orz
“ไม่ร้องๆ หกล้มนิดเดียว เรื่องเล็ก”
“ฮึก...ฮึก...แงงงงงงง”
“ไม่ร้องนะคะ แต่ช้าแต่ แต่ช้าแต่ เดี๋ยวป้าเป่าให้นะ มาๆ เจ็บตรงไหน” พอเห็นว่ายังร้องอยู่ป้าสร้อยเลยรีบเข้ามาสมทบ แต่ช้าแต่กันยกใหญ่ แต่ป้าแกคงจะกระวนกระวายใจมากจริงๆ จึงเผลอยื่นมือคว้าตัวตอนต้นหวังจะไปโยกอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง
แต่นั่นแหละ...
ผู้หญิงแตะตัวปุ๊บ ตอนต้นมันก็เลย..
“แง๊! แงงงงงงงงงงงงงงงงง!!! ”
Holy shit! หันมาร้องใส่หูด้วย
“ไอ้...”
ชิ้ง!
ประหนึ่งว่ามีไฟฟ้าแล่นแปล๊บอยู่ที่ปากให้ผมยั้งคำพูด ปรายตามองป้าสร้อยที่ก็กำลังจ้องผมอยู่
ปัดโธ่…
“ไม่ร้องนะ แต่ช้าแต่น๊า แต่ช้าแต่”
ก็ได้ แต่ช้าแต่กันไปยาวๆ! TT
ผมยื่นมือที่สั่นหงึกๆ ไปหยิบโทรศัพท์คู่กายที่โยนไว้บนโซฟาก่อนหน้านี้ กดเบอร์พี่ตุลย์อย่างยากลำบากเพราะนิ้วที่แทบจะควบคุมไม่ได้ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเวลาเด็กร้องแล้วปลอบยังไงก็ไม่หยุดนี่มันจะมีอนุภาพร้ายแรงขนาดนี้...
สั่นถึงนิ้วอะคิดดู
/ตรู๊ดด....ตรู๊ด..../
ระหว่างรอให้พี่ตุลย์รับสาย ผมก็ใช้มืออีกข้างที่สั่นไม่แพ้กันล้วงหยิบเศษกระดาษที่ลิสรายชื่อของที่จะฝากพี่ตุลย์ซื้อเข้าห้องมาด้วย
/ฮัลโหล/
“พี่ตุลย์ ขากลับจากสำนักพิมพ์ซื้อของใช้เข้าห้องมาด้วยนะ ก็มี แพมเพิส กล้วย น้ำยาบ้วนปา...”
/บอกช้าไปไหม?/ ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ เสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์ก็ดังแทรกขึ้นมา /นี่มันกี่โมงแล้ว?/
“กี่โมงหรอ? อ่า แป๊บนะ ดูนาฬิกาแป๊บ” ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู ดูเวลาบนหน้าจอ “ตอนนี้จะสี่โมงแล้ว”
/ฉันขึ้นลิฟต์มาแล้ว จะถึงหน้าห้องอยู่แล้วเนี่ย/
“หา เลิกงานแล้วหรอ?”
/อื้ม ก็เลิกงานสี่โมงเย็นเนี่ยแหละ แต่ฉันย้ายเวลาพักมาตอนบ่ายสามครึ่ง เวลาพักหมดก็เลิกงานพอดี ฉันก็เลยกลับบ้านเลย/
“อ้าว แล้วจะ...”
แกร๊ก
ประตูห้องไม้อัดสีขาวถูกเปิดออกก่อนจะปรากฏร่างของเจ้าของห้องที่มือข้างหนึ่งก็ถือโทรศัพท์คุยกับผมอยู่ และ...พี่ทอฟ้า ผู้มาที่นี่อะเกน
“ถ้าจะให้ซื้อของทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้หะ มาบอกตอนเวลาใกล้เลิกงานเนี่ยนะ”
“ก็ว่าจะบอกตั้งนานแล้ว แต่มัวยุ่งๆ อยู่กับตอนต้นนี่หน่า” ผมกดตัดสายโทรศัพท์ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ป้าสร้อยเดินออกมาต้อนรับ พร้อมถ้วยข้าวในมือ สภาพนี่ไม่ต่างกับผมอะ ตัวสั่นงันงกเหมือนกันเลย เด็กร้องไห้คนเดียว สูบแรงผู้ใหญ่ไปถึงสอง
“เฮ้อ แล้วต้องซื้ออะไรบ้าง?” พี่ตุลย์นำเสื้อสูทกับกระเป๋าเอกสารวางไว้บนโซฟา ส่วนพี่ทอฟ้าก็ทักทายผมเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปหาป้าสร้อยก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปหาตอนต้นที่นั่งรออยู่ในครัว
เอิ่ม...โคตรจะทำตัวเหมือนไม่ได้มาเหมือนด้วยกัน ประมาณว่า กูหนีบเอาวิญญาณข้างทางมาด้วย
“เนี่ยอะ ผมจดเอาไว้แล้ว” ผมละสายตาจากพี่ทอฟ้ายื่นเศษกระดาษให้พี่ตุลย์ที่ตอนนี้ปลดเนคไททิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแล้ว
“ขอพักหน่อย แล้วเดี๋ยวจะออกไปซื้อให้”
“ที่ห้างฯ อะหรอ?”
“อื้ม”
“ตุลย์ เอส ถ้างั้นป้ากลับห้องก่อนนะ”
“ตอนต้นกินข้าวหมดแล้วหรอครับ?”
“ยังหรอก แต่ป้าให้หนูทอฟ้าเขาทำต่อแล้วละ แม่เป็นคนป้อนอาจจะดีกว่าให้คนข้างห้องยังป้าป้อนนะ” ป้าสร้อยยิ้ม ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง B8002 ไป จังหวะที่ป้าสร้อยเปิดประตูนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ที่หนึ่งที่กลับบ้านมาด้วยรถรับส่งกำลังจะเปิดประตูห้องเข้ามาพอดีเลย เกิดเดดแอร์ชั่วขณะ ก่อนที่ป้าสร้อยจะเป็นฝ่ายทักทายที่หนึ่งก่อน แล้วค่อยกลับห้องของตัวเอง
“พ่อ!” ที่หนึ่งร้องลั่นเมื่อเห็นไอ้พี่ตุลย์ที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา “แม่มาไหมครับ?”
“อยู่ในครัวกับน้องครับ” พี่ตุลย์ตอบ
ผมนึกถึงเรื่องนึงที่เคยอ่านในเน็ตเลยอะ ที่ว่า คำถามของลูกที่มักจะถามพ่อแม่ สิ่งที่ถามแม่มีเป็นร้อยเป็นพันอย่าง ตั้งแต่หมากฝรั่งติดผมจนถึงสอบตก โดนทิ้ง แต่คำถามที่ถามพ่อคือ ‘พ่อ แม่อยู่ไหนอะ’
ไม่ใช่ว่าไม่รักพ่อหรอกนะครับ แต่มันยังไงดีละ เรียกว่า ติดกว่าละมั้ง? แล้วยิ่งกับที่หนึ่งด้วยแล้ว อยากมีแม่ อยากอยู่กับแม่มาตั้งนาน แล้ววันนึงแม่ก็กลับมาอยู่ตรงนี้อีกครั้ง ก็ไม่แปลกที่เด็กคนนึงที่เคยเดินตามผมต๋อยๆ เรียก ‘อันธพาลๆ’ ตอนนี้พอกลับถึงบ้านก็ถามหาแต่แม่ ไปขลุกอยู่กับแม่
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
“หื้ม?” ผมส่งเสียงนำลำคอเป็นเชิงสงสัยกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ก็มองที่หนึ่ง แล้วทำหน้าแบบแปลกๆ เหงาหรอที่เดี๋ยวนี้ ที่หนึ่งไม่เล่นด้วย”
“อ๋อ ก็ธรรมดาแหละ ปกติติดผม เกาะหนึบ ร้องจะเล่นด้วยตลอด แต่พอวันนึงเปลี่ยน มันก็ต้องโหวงๆ กันบ้าง” ผมพยักหน้าหงึกๆ ประหนึ่งคนเข้าใจสัจธรรม
“ก็ไม่ได้อยู่ห่างอะไรกันขนาดนั้นสักหน่อย ก็ยังอยู่ห้องเดียวกัน ถ้าอยากเล่นด้วยก็แค่เดินเข้าวงไปก็แค่นั้น”
“ไม่เอา อะ ให้อยู่กับแม่อะดีละ ไอ้ตัวผมมันก็ไม่มีซะด้วยสิ ‘แม่’ เนี่ย แต่ถ้ามี ผมก็คงอยากอยู่ด้วยนานๆ เหมือนกัน”
“...”
“ส่วนผมก็อยู่กับพี่นี่ไง จู๋จี๋ดู๋ดี๋ไม่มีใครขัด อิอิ” หัวเราะแบบกวนตีนใส่ไปหนึ่งที กระพริบตาปริบๆ จนขนตานี่แทบปลิวไปอยู่หน้าพี่ตุลย์ ชีวิตคู่มันต้องมีสีสันคร๊าบบ~ หยอกพี่ตุลย์ที่ทำหน้าเหมือนอมมะระ นี่โคตรความบันเทิงของผมอะ อิอิ
นี่ถ้าไม่ติดว่ามีสามชีวิตอยู่ในห้องนี้ด้วยนะ ไม่งั้น...หึหึหึ
“ฉันไปซื้อของดีกว่า อยู่ที่นี่เหมือนจะไม่มีสาระ”
“พูดแบบนี้ก็ถีบหน้าผมเลยก็ได้ ไม่ห้าม”
พี่ตุลย์ปรายตามองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจหน้าตากวนตีนของผมสักเท่าไหร่ “ที่หนึ่ง พ่อจะไปห้างฯ หน่อยนะ ลูกจะเอาอะไรไหม?”
“ไม่อะ แต่พ่อจะซื้อนมจืดมาก็ได้นะ”
“โอเค”
“เดี๋ยวฟ้าไปด้วย พี่จะได้เลยไปส่งฟ้าเลย ไม่ต้องขับรถหลายรอบ” ขณะที่พี่ตุลย์กำลังจะออกจากห้องไปซื้อของตามแผนที่ลายแทงของผม พี่ทอฟ้าที่กำลังอุ้มตอนต้นอยู่ก็รีบเดินมาที่หน้าทีวี
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ฟ้าก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน ก่อนกลับฟ้าจะได้ไปช่วยซื้อของ ถือของด้วยไง รอแป๊บนึง เดี๋ยวไปเอากระเป๋าก่อน”
“พี่ไปคนเดียวได้”
“ไม่เป็นไร ฟ้าจะไปด้วย” แล้วทั้งสองก็จ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ความรู้สึกอึดอัดรายล้อมจนผมรู้สึกอยากจะเฟดตัวหลบฉากไปอยู่ในห้องน้ำ “รอแป๊บ เดี๋ยวฟ้าจะไปด้วยเนี่ยแหละ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อน อีกอย่างมีคนไปช่วยเลือกช่วยถือมันก็ดีกว่าใช่ไหมละ?”
“เดี๋ยวพี่จะเอาเอสไปช่วย”
...
ชิบหาย! พูดอะไรออกไปวะะะ มันควรเอาคนที่สามเข้าไปยุ่งด้วยไหมไอ้พี่ตุลย์! ถามมม!
หมับ!
แว๊กกกกก! ไอ้พี่ตุลย์แม่งมาจับข้อมือผมแล้วด้วย! ชิบหายกว่าเก่าอีก!
“เอ่อ ไม่ดีกว่า ผมว่า ผม...”
“ฟ้าอยากอยู่กับลูก อยากเจอลูกไม่ใช่หรอไง ที่หนึ่งก็เพิ่งกลับมาก็อยู่กับลูกไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะเอาเอสไปช่วยถือของแล้วกัน รถพี่น้ำมันเต็มถัง ขับไปส่งอีกรอบได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”
คำพูดนี่แบบหัวหน้าครอบครัว แต่แววตานี่เรียบสนิท เหมือนเวลาสึนามิจะมา
เอ่อ...ผมควรพูด หรือควรขยับตัวไหม? Orz
“ก็ตามใจพี่แล้วกัน พี่จะขับรถไปส่งฟ้าอีกรอบ ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรฟ้าอยู่แล้ว” อีกฝ่ายยิ้ม
ยิ้มแบบนางฟ้า แต่แววตานี่ก็ไม่แพ้กับของพี่ตุลย์
“ไปเถอะ” พี่ตุลย์พูดเบาๆ แล้วลากผมออกจากห้องไปด้วยกัน
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากผู้ชายที่เดินอยู่ข้างๆ ขณะที่เราทั้งคู่ออกจากลิฟต์ ผมปรายตามองเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ไม่รู้ว่าผมควรจะพูดอะไร แล้วก็ไม่ได้อยู่ในฐานะไหนที่ควรจะพูดได้ด้วย “เห็นหรือยัง? ว่าฉันกับทอฟ้าไม่มีทางกลับไปมีครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า ครั้งที่หกได้หรอก”
“ผมก็ไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้วสักหน่อย พี่ยังคิดมากกับคำพูดของผมอยู่หรอไง?”
“ก็ฉันมันพวกชัดเจนละนะ”
“ไม่ต้องไปคิดที่ผมเคยถามพี่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว แค่เห็นทุกวันนี้ผมก็รู้ยิ่งกว่ารู้คำตอบซะอีก”
พี่ตุลย์หัวเราะเสียงฝืน “โทษที ที่ทำให้ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้หลายครั้ง”
“ช่างเหอะ ก็นี่มันเรื่องของ ‘ครอบครัว’ ของผมเหมือนกันนี่ใช่ไหม?” ผมยิ้ม พี่ตุลย์ทำหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะคลายยิ้มออกมาบ้าง “จะว่าไป ไปห้างฯ ด้วยกันครั้งนี้ถือว่าเดทเลยนะเนี่ย ไม่มีใครมารบกวน”
“แล้ว?”
“เพราะงั้น ปะ! พอซื้อของเสร็จแล้วเลี้ยวเข้าข้างทางด้วยนะ อิอิ”
“ดีแต่ปาก ก็อย่าพูดเลย” พี่ตุลย์ขำในลำคอพลางส่ายหัวน้อยๆ กับท่าทางปากดีกวนประสาทของผมเอง
ถึงตอนนี้ผมจะพูดปลอบใจอะไรไม่ได้ แต่ถ้าอยู่กับผมแล้วสบายใจก็โอเคละนะ
TBCจะ-บอก-ว่า-สอบ-มิดเทอม-เสร็จ-แล้ว!!!มีความสุขมากอ่ะ กลับมาอัพแบบ 100% ตู้มเดียวอีกครั้ง แฮปปี้ ~
ตอนนี้หลายๆอารมณ์ ให้เห็นสภาพปัจจุบันและอะไรหลายๆ อย่าง
ตอนหน้า หึหึหึหึหึ หวานๆ จัดหนัก จัดเต็ม ลด แลก แจก แถม! ให้คุ้มกับที่สอบมิดเทอมจบแล้ว~~~
อันนี้ของแถม เผื่อใครลืมหน้าเอสไปแล้ว~ เวอร์ชั่นไม่เซ็ตผมก็เป็นทรงบางระจันเยี่ยงนี้นี่เอง 