“สั่งมาซะเยอะเลยนะครับพี่ภูมิ หิวเหรอครับ”เตชสิทธิ์เอ่ยทักภูวกฤษ เมื่อมองสำรวจอาหารหลายๆอย่างที่ฝ่ายนั้นเป็นจัดการสั่งมาให้ทั้งหมด ภูวกฤษชวนเขามายังร้านอาหารนี่เพราะอ้างว่าไม่สะดวกที่จะคุยกันที่ตึกเจ้าตัว เด็กหนุ่มยอมตามมาเพราะอยากรู้เหลือเกินว่าณิชาเอ่ยอะไรถึงตนบ้างตอนอยู่ลับหลัง
“ก็สั่งมาให้ไต๋น่ะแหละ ท่าทางกำลังกินกำลังโต”ภูวกฤษเอ่ยบอกยิ้มๆ รู้สึกสุขใจพิลึกที่ได้มีโอกาสนั่งอยู่สองต่อสองกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีแบบนี้
“ผมไม่ค่อยหิวหรอกครับ ผมแค่อยากรู้ว่าณิชาพูดอะไรถึงผมบ้างแค่นั้น ผมถึงตามพี่มา”เตชสิทธิ์เอ่ยออกไปตรงๆ เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าคำพูดตนจะทำให้คนฟังใจวูบ เพราะคนใจวูบยังมีรอยยิ้มให้เห็นอยู่เช่นเดิม
“ท่าทางจะเป็นเอามากนะเรา”ภูวกฤษจำใจเอ่ยด้วยรอยยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ขุ่นเคือง ยัยคุณหนูนั่นมีดีอะไรนักหนา นายถึงได้สนใจนักหึ
นายไต๋ เอาสิ ถ้าฉันจะใส่ไฟใส่ร้ายเด็กนั่นให้นายฟังนายยังจะเข้าข้างมันอีกมั๊ย!!
“เอาล่ะพี่บอกนายก็ได้ว่าณิชาเอ่ยถึงนายว่ายังไงบ้าง”คนคิดแผนการร์เอ่ยออกมาใหม่ด้วยท่าทีสุขุมขึ้น ประหนึ่งว่าสิ่งที่ตนจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้ยินมากับหู
เตชสิทธิ์มัวแต่สนใจเรื่องราวของตัวเองที่พร่างพรูออกมาจากปากภูวกฤษจนลืมว่าตนยังมีภาระที่จะต้องกลับไปเรียนพิเศษเสียสนิท
เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าเรื่องราวต่างๆที่ออกมาจากปากฝ่ายตรงข้ามนั้น เป็นเรื่องราวที่ฝ่ายนั้นยกเมฆเอ่ยมาแทบทั้งสิ้น
“คุณณิชาเธอเป็นคนสวยน่ารัก คนรักคนชอบก็เลยเยอะเป็นเรื่องธรรมดา คนที่เทียวรับเทียวส่งเธอที่พี่เห็นไม่ได้มีแค่ไต๋คนเดียวนะ เวลาที่พวกพี่แซวเธอว่าเสน่ห์แรงอย่างโน้นอย่างนี้เธอก็บอกว่า ทุกๆคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ตอนนี้เธอยังไม่คิดจริงจังกับใคร แม้กระทั่งไต๋ อืม พี่จะบอกยังไงดีล่ะ”
“บอกมาเถอะครับ ผมรับได้”
“เธอบอกว่าในบรรดาเด็กหนุ่มที่เดินตามเธอต้อยๆ ไต๋เป็นทางเลือกสุดท้ายที่เธอจะมอง”
“ณิชาบอกพี่แบบนี้เลยเหรอครับ”
“อืม จริงๆพูดแรงกว่านี้อีก แต่อย่ารู้เลย จะพาลไม่สบายใจไปเปล่าๆ”
“มันไม่ทันแล้วล่ะพี่ ผมเครียดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนหน้าเจอพี่อีก เพราะณิชาก็พูดกับผมทำนองนี้แหละ”เตชสิทธิ์ถอนหายใจเมื่อเอ่ยจบ ภูวกฤษ
แอบกระหยิ่มยิ้ม ชายหนุ่มนึกไม่ถึงเลยว่าบทละครเรื่องหนึ่งที่เพิ่งจะเขียนขึ้นจากจิตใต้สำนึกเมื่อครู่ จะไปอิงจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
“เอาน่า ผู้หญิงไม่ได้หายากนักหรอก นายเองก็หล่อเหลาเข้าที ไม่น่าจะเครียดกับเรื่องแบบนี้เลยนี่นา”ชายหนุ่มแกล้งเอ่ยปลอบ พลางถือวิสาสะเอื้อมมือไปตบไหล่คนเครียดเพื่อให้กำลังใจ มือเรียวนั้นลูบไล้จากหัวไหล่ไล่มาตามต้นแขนอย่างตั้งใจ แต่อนิจจาคนกำลังเครียดไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆเลย
“เอ่อ พี่ภูมิ ผมถามอะไรหน่อยสิ”คนไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนแอบลวนลาม เงยหน้าเอ่ยขึ้น ทำให้ฝ่ายลวนลามชะงักมือไปหน่อยๆ ก่อนจะยอมจำใจชักมือนั่นกลับด้วยเพราะเกรงว่าไก่จะตื่นซะก่อน
“อะไรเหรอ”ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเก็บไม้เก็บมือตัวเองให้เป็นปกติแล้ว
“พี่ภูมิมีแฟนหรือยังอ่ะ”
“นายถามทำไม”
“ก็ถ้าพี่มี พี่ก็ช่วยแนะนำผมหน่อยสิว่าทำยังไงถึงจะจีบผู้หญิงที่เราถูกใจติด”ภูวกฤษกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อฟังคำตอบจากหนุ่มน้อยตรงหน้าจบ แต่ในเมื่อเดินหน้ามาขนาดนี้แล้วจะให้ถอยหลังกลับก็ไม่ใช่ภูวกฤษแล้วล่ะ ชายหนุ่มเปิดยิ้มกว้างเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้อีก
“ของแบบนี้มันอยู่ที่ฝีมือ บอกกันได้ที่ไหนล่ะ แต่ก็นะ เห็นว่านายกำลังเฮิร์ท พี่จะช่วยติววิชาจีบหญิงให้ละกัน”
“พูดแบบนี้แสดงว่าพี่มีแฟนแล้วสิ”
“อ้าวแน่นอนสิ สวยๆทั้งนั้น”
“สวยๆทั้งนั้น อย่างนี้พี่ก็มีหลายคนสิครับ”
“แฟนน่ะคนเดียว แต่กิ๊กอีกเพียบ”
“โห ร้ายว่ะ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้มั๊ยครับเนี่ย”
“ยินดีเลยไอ้น้อง”
“ไม่ต้องอะไรมากหรอก แค่พี่ช่วยผมจีบณิชาติดอย่างเดิมผมก็พอใจแล้ว”
“แค่เนี้ย เรื่องขี้ผง เดี๋ยวพี่เทรนให้พรุ่งนี้เลย ว่างหรือเปล่าเราน่ะ”
“ว่างสิพี่ ถ้าไม่นับว่าผมจะตามณิชาไปที่ตึกพี่”
“งั้นก็ไม่ใช่ปัญหา พรุ่งนี้พี่ก็ว่าง นายตามคุณณิชามาแล้วกัน พี่จะรอที่ตึก คราวนี้ล่ะ ที่นายจะได้ควงคุณหนูนั่นเป็นแฟนดังเดิม”
“โอเคครับ งั้นตกลงตามนี้นะครับ พรุ่งนี้ผมจะตามณิชามา แต่วันนี้เย็นมากแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่า”
“ให้พี่ไปส่งมั๊ย ฝนทำท่าจะตก”
“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองดีกว่า ไปนะครับ”เตสิทธิ์ลุกพรวดเดินหนีทันทีที่เอ่ยจบโดยไม่สนใจเลยว่าคนข้างหลังได้เม้มปากตัวเองอย่างนึกเสียดายตน
“นายไม่รอดแน่นายไต๋”คนเม้มปากเอ่ยเยาะๆ ก่อนจะสะดุ้งตัวเย็นวาบเมื่อลุกขึ้นเตรียมที่จะออกจากร้านไปอีกคนแต่กลับหันไปเจอคนรักเก่ายืนมองอยู่ด้วยสีหน้าและแววตาเรียบนิ่ง
“มะ มา อยู่นี่ได้ไงตฤณ”ชายหนุ่มเอ่ยทักฝ่ายนั้นก่อนจะรีบปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติแล้วทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม เมื่อรู้สึกเข่าอ่อนอย่างประหลาดด้วยเพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าตอนนี้จะได้ยินอะไรก่อนหน้าหรือไม่
“กำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่าภูมิ”กัณตินันท์เอ่ยขึ้นเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะต้องพูด จากการที่แอบพาตัวเองเข้ามานั่งโต๊ะใกล้ๆคนตรงหน้า ชายหนุ่มได้ยินทุกสิ่งอย่างที่คนรักเก่าสนทนากับลูกศิษย์เก่าเมื่อครู่
“ตฤณพูดถึงอะไร ภูมิไม่เข้าใจ”ภูวกฤษแสร้งงงกับคำถามที่ได้ยิน ชายหนุ่มไม่เคยรู้เลยว่าเด็กหนุ่มที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่มีความสัมพันธ์กับเจ้าของคำถามเมื่อครู่แบบไหน แต่ที่ต้องแสร้งไม่รู้เรื่องก็เพราะอายหากว่าโดนจับได้ว่าตัวเองเอ่ยอะไรออกไปอย่างไม่ตรงพฤติกรรมและรสนิยมตัวเองนัก
“ก็สิ่งที่ภูมิเอ่ยกับเด็กนั่นเมื่อครู่”กันตินันท์นั่งลงเอ่ยเมื่อคิดว่าคงต้องคุยกับคนรักเก่าหลายนาทีแน่กับพฤติกรรมแปลกๆของเจ้าตัว เปล่าหรอก ชายหนุ่มไม่ได้นึกหึงหวงอะไรเพียงแต่เลือดความเป็นครูมันข้นเกินกว่าที่จะปล่อยให้สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่มันผ่านไปเฉยๆ มันไม่ถูกต้องเลยซักนิดที่ ผู้ใหญ่คนหนึ่งกำลังจะฉุดเด็กลงไปในกิเลสก่อนวัยอันควร ยิ่งผู้ใหญ่คนนั้นเป็นคนที่เขาเคยคลุกคลีด้วยเขายิ่งรับไม่ได้ที่เหตุการณ์มันจะเป็นอย่างนั้น
“ตฤณได้ยินว่าไงล่ะ”ภูวกฤษแสร้งถามใหม่
“ก็ได้ยินทุกสิ่งอย่างแหละ”กัณตินันท์ตอบเสียงห้วน คนได้ฟังจึงยียวนกลับ
“ได้ยินแล้วไง หึงเหรอ”
“หึงทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”
“รู้ฐานะตัวเองก็ดี แล้วนี่มาทักภูมิทำไม”
“ตฤณก็ไม่ได้อยากรบกวนเวลาภูมินักหรอกนะ ถ้าภูมิกำลังคิดที่จะทำสิ่งไม่ถูกไม่ควรอยู่”
“ภูมิทำอะไร เมื่อไหร่ ตอนไหน”
“ตฤณก็บอกแล้วไง ว่ากำลังจะทำ”
“เหรอ แล้วตฤณคิดว่าภูมิจะทำอะไรล่ะ”
“ภูมิกำลังจะสอนให้เด็กคนหนึ่งเสียคน”
“สอนใครไม่ทราบ”
“ก็นายเตชสิทธิ์นั่นไงล่ะ”
“นะ นี่ ตฤณรู้จักนายไต๋ด้วยเหรอ”
“ข้อนั่นไม่สำคัญหรอก”
“สำคัญสิ ทำไมจะไม่สำคัญ ตฤณไปรู้จักนายไต๋ตอนไหน บอกภูมิมานะ”
“ภูมิจะรู้ไปทำไมกัน ปกติก็ไม่คิดจะใส่ใจนี่ ว่าตฤณจะทำอะไรยังไง”
“นี่ ให้มันน้อยๆหน่อยนะ อย่าทำมาเป็นประชด ที่ถามนี่ไม่ได้คิดที่จะหึงอะไรเลยนะ อย่าเพิ่งคิดหลงตัวเอง”
“ภูมิจะคิดยังไงก็ช่าง ตฤณไม่อยากหลงประเด็นแล้ว เอาเป็นว่า สิ่งที่ภูมิเอ่ยภูมิพูดกับเตชสิทธิ์เมื่อครู่ ยกเลิกความคิดตัวเองซะเถอะ การที่จะสอนให้เด็กแก่แดดเกินวัยมันไม่ถูกไม่ควรนักหรอก ตฤณจะรู้สึกดีมากถ้าภูมิจะเปลี่ยนจากสอนเตชสิทธิ์จีบหญิงมาเป็นติวหนังสือให้แทน ตอนนี้เตชสิทธิ์มีปัญหากับเรื่องนี้มาก ถ้ารักเขา หวังดีกับเขาจริงๆ ก็เลือกทำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์เพื่อเขาเถอะนะ ตฤณฝากไว้แค่นี้แหละ”
กัณตินันท์เดินลุกเดินจากไปเมื่อเอ่ยจบ คนที่อยู่ข้างหลังเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจที่จะคิดตามคำพูดทิ้งท้ายของฝ่ายนั้น นอกเสียจากพูดขึ้นลอยๆเพื่อระบายอารมณ์
“นี่กูเคยหลงคบเต่าล้านปีเป็นแฟนได้ไงวะ”
.
.
.
.
.
ฝนตั้งเค้าทำท่าว่าจะตกลงมาดื้อๆ ผู้คนที่กำลังเดินอยู่กันคนละเส้นทางต่างก็เปลี่ยนเป็นสาวเท้าวิ่งแข่งกันให้วุ่นเพื่อหาที่กำบังให้ตัวเอง
ป้ายรถประจำทางข้างหน้า เป็นจุดหมายของแต่ละคน รวมทั้งคนสองคนที่กำลังวิ่งแข่งกับฝูงชนด้วยเช่นกัน
ป้ายรถประจำทางที่เคยว่างบัดนี้แน่นเต็มไปด้วยบุคคลหลายวัยหลายอาชีพที่กรูกันเข้ามายืนหลบเม็ดฝนที่เริ่มโปรยลงมาจากทีละเม็ดๆ
แล้วแปรเปลี่ยนเป็นตกกระหน่ำ
“โอ้ยย!!”กัณตินันท์ร้องลั่นเมื่อรู้สึกว่าร่างตัวเองโดนเบียดอย่างแรงจนเสียหลักแทบจะเซล้มลง ดีที่ว่าโดนมือใครบางคนฉุดเอาไว้เลยรอดตัวไม่ถลาลงไป
“จะอ่อนแออะไรนักหนาหึ”เสียงเข้มตวาดว่าให้ได้ยินจากคนช่วยฉุดตัว คนโดนว่าหันขวับไปมองอย่างเร็วเพราะเสียงนั่นมันคุ้นจนน่าตกใจ
“นายไต๋”ชายหนุ่มเอ่ยออกไป เมื่อเห็นใบหน้าเจ้าของเสียงๆชัดเจน ก่อนจะใจสั่นไปหน่อยๆกับถ้อยคำที่ฝ่ายนั้นทักกลับ
“เรียกชื่อเล่นผมได้แล้วเหรอคุณอาจารย์”
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณครับ
Boy
ดีใจจัง เริ่มมีคนเข้ามาอ่านมากขึ้นและ
ไงก็เป็น กำลังใจให้ด้วยเน้อ
ไปดีฟ่า......