“ทำไมสภาพถึงกลายเป็นลูกหมาตกน้ำแบบนี้ตฤณ”ภูวถฤษเอ่ยถามคนที่โทรตามตนลงมาหาทันทีที่ชายหนุ่มเห็นหน้าฝ่ายนั้นที่ยืนตัวสั่น
อยู่ในมุมหนึ่งของห้องน้ำ
“ตฤณก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงภูมิ”คนถูกถามเอ่ยตอบเบาๆ หลายนาทีระหว่างที่นั่งรอคนรักอยู่ในห้องน้ำนี่ ชายหนุ่มรู้สึกสับสนกับหนทางการเป็นอาจารย์สอนพิเศษที่เลือกเดิน
โดยไม่รู้ว่าจะไปต่อหรือถอยกลับ ด้วยในตอนแรกที่โดนลูกศิษย์ทำกิริยาป่าเถื่อนใส่ก็คิดว่ายังไงก็คงต้องลาออก แต่พอผ่านไปสองสามนาทีกลับคิดว่าต้องทนเพื่อ
พิสูจน์ว่าตัวเองสามารถทำงานชิ้นแรกให้สำเร็จอย่างที่มาดหมายไว้
“ก็แค่บอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แค่นี้พูดไม่ได้เหรอ”ภูวกฤษเอ่ยตอบกลับอย่างคนนึกหัวเสีย ไม่รู้สิ ตั้งแต่เรียนจบและมีสังคมในที่ทำงานกว้างขึ้น จิตใจเขาที่เคยมีความรู้สึกดีๆให้คนตรงหน้ากลับจางหายไปทีละนิดๆจนบางทีนึกอยากจะบอกปัดการคบกันแบบคนรักมาเป็นแค่เพื่อนกับคนๆนี้
ซะอย่างนั้น
“ตฤณก็อยากบอกนะ แต่บอกไปมันก็เหมือนเรื่องโกหก”กัณตินันท์ค้านเสียงสั่นคล้ายสะเทือนใจ ก็มันจริงอย่างที่พูด ขนาดเขาเองเขายังไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กนักเรียนมัธยมปลายอย่างนายเตชสิทธิ์จะมีพฤติกรรมหยาบร้ายแบบนี้กับเขาซึ่งเป็นอาจารย์สอนพิเศษ
แล้วเขาจะบอกคนตรงหน้าได้ยังไงว่าเมื่อซักครู่มันเกิดอะไรขึ้น
“ตามใจไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก แล้วนี่โทรตามเรียกภูมิมามีอะไรหรือเปล่า”คนไม่ได้คำตอบเอ่ยใหม่ กัณตินันท์มองหน้าคนเอ่ยใจหวิวหน่อยๆ รู้สึกได้บ้างถึงน้ำเสียงและแววตาที่แปลกไปของฝ่ายนั้น ชายหนุ่มไม่ได้คิดไปเองหรอกว่าสิ่งที่คนตรงหน้าแสดงออกมาตอนนี้มันคล้ายซ่อนความรำคาญเอาไว้ในใจลึกๆ
“ก็ตฤณไม่กล้าเดินออกจากตึกนี้ในสภาพแบบนี้คนเดียว”ชายหนุ่มเอ่ยบอกจุดประสงค์ตัวเองออกไปโดยอ้อม
“ก็เลยโทรตามภูมิที่ทำงานหัวฟูอยู่ลงมาเพื่อมาเดินเป็นเพื่อนว่างั้น”ภูวกฤษแปลจุดประสงค์โดยตรงให้ และก็ได้รับการพยักหน้าเป็นการตอบกลับมา
“ให้ตายสิตฤณ คบกันมาตั้งนานภูมิไม่คิดเลยว่าตฤณจะเหลวไหล ไร้สาระแบบนี้”ภูวฤษเอ่ยต่อเมื่อเห็นกัณตินันท์พยักหน้าเสร็จไป
“ทำไมภูมิพูดแบบนี้ล่ะ ก็ตอนแรกที่ภูมิเห็นสภาพตฤณภูมิยังแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตฤณ แล้วคนข้างนอกล่ะ พวกเขาจะมองตฤณว่ายังไงถ้าตฤณเดินเด๋อด๋าออกไปแบบนี้”กัณตินันท์เอ่ยค้าน รู้สึกเสียใจที่โดนต่อว่าอย่างไม่รักษาน้ำใจจากคนรัก
“พูดไปก็พาลแต่จะทะเลาะกัน คุณมันคนเอาแต่ใจอยู่แล้วนี่ ถ้าอายนักที่จะเดินคนเดียวก็ตามมาละกัน”คนถูกค้านเอ่ยตัดบทก่อนจะหันหลังเดินออกไปอย่างไม่นึกใส่ใจว่าคนในห้องน้ำจะกำลังอึ้ง
ในสิ่งที่ได้ยินเพียงไร การถูกตราหน้าว่าเป็นคนเอาแต่ใจทั้งๆที่มันไม่ใช่ความจริงทำเอาชายหนุ่มรู้สึกจุกขึ้นมาในอกเสียดื้อๆ แต่กระนั้นพอตั้งสติได้ว่าคนรักได้เดินหนีไปโดยไม่รอ สองขาจึงรีบก้าวเดินตามออกไป
ร่างสูงของภูวกฤษเดินห่างไปหลายช่วงตัวแล้ว คนเดินตามหลังจึงก้มหน้าก้มตางุดๆเร่งฝีเท้าตัวเองเพื่อให้เดินทันฝ่ายนั้นจน…
“ว้าย!!”เสียงกรี๊ดว้ายดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณทางเดิน คนเดินก้มหน้างุดๆหน้าซีดตัวชาเมื่อเงยหน้าขึ้นมองถึงที่มาของเสียงแล้วเห็นร่างของเด็กนักเรียนสาวยืนเต้นสะบัดตัวเองเร่าๆพลางยกมือ
ไม้ขึ้นปัดตัวเองพัลวัน
“ตายแล้วน้อง พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ”ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักเอ่ย เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นสาเหตุทำให้เด็กสาวตรงหน้าเป็นแบบนั้น
“เดินยังไงกันคะ ไม่เห็นหรือไงว่าคนเดินถืออะไรมา”เด็กสาวตรงหน้าหยุดเต้นแล้วแว้ดใส่ชายหนุ่มเสียงดัง เสียงนั่นเพิ่มความสนใจให้ผู้คนรอบข้างเป็นอย่างดี รวมทั้งสองหนุ่มต่างวัยที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่คนละมุมด้วย มุมหนึ่งคือเตชสิทธิ์ ส่วนอีกมุมหนึ่งเป็นภูวกฤษ
“เกิดอะไรขึ้นหรือณิชา”เป็นเตชสิทธิ์ที่เดินเข้ามาสมทบเหตุการณ์ แล้วเอ่ยถามเด็กสาวที่เริ่มมีสีหน้าบึ้งงออย่างคนไม่สบอารมณ์ กัณตินันท์ใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันควันเมื่อพอจะคุ้นหน้าว่าเด็กสาวคนนี้คือคนที่เตชสิทธิ์เดินตามหลังตอนช่วงบ่าย
“ก็คุณคนนี้น่ะสิ เดินยังไงไม่รู้ชนเอาโกโก้ร้อนหกรดณิชาหมด”ณิชาเอ่ยบอกคนที่เข้ามาถามเหตุการณ์ พอฝ่ายนั้นได้คำตอบสายตาคมวาวของเจ้าตัวจึงตวัดไปมองคุณคนนั้นอย่างเร็ว
“โทษฉันฝ่ายเดียวไม่ได้นะ มันเป็นอุบัติเหตุ”คนโดนมองรีบบอก ก่อนจะส่ายสายตามองหาคนที่พอจะเข้ามาช่วยชีวิต แน่ล่ะชายหนุ่มกำลังมองหาคนที่ตัวเองเดินตาม นั่นไงล่ะคนที่จะช่วยชีวิตชายหนุ่มเอาไว้ยืนอยู่ตรงประตูทางออกนั่นเอง แต่
“ภูมิ”ชายหนุ่มได้แต่เอ่ยชื่อฝ่ายนั้นคล้ายครางเมื่อเห็นฝ่ายนั้นส่ายหัวอย่างคนนึกเอือมระอาแล้วพาร่างสูงของตัวเองเดินหนีไป
ทางอื่นอย่างไม่ใคร่สนใจตนเลย
“เสื้อผ้าณิชาเปื้อนหมด นายต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นนายเจ็บแน่”เสียงเตชสิทธิ์เอ่ยขึ้นเตือนสติให้ชายหนุ่มกลับมาสนใจเหตุการณ์ตรงหน้า
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าเป็นอุบัติเหตุ ฉันเองก็โดนไม่ต่างจากน้องเขาเท่าไหร่ เรื่องอะไรฉันจะรับผิดชอบ”คนสติเริ่มอยู่กับตัวเอ่ยหนักแน่น มานึกได้อีกทีอันทีจริงเขาไม่น่ารีบออกตัวเอ่ยขอโทษเด็กณิชานี่เพื่อแสดงว่าตัวเขาเองเป็นคนผิดเลยจริงๆ เห็นหน้าตาดูดีมีชาติตระกูลก็ไม่คิดว่าจะขี้วีนได้ขนาดนี้
“ทำไมพูดแบบนี้วะ อยากเจ็บตัวหรือมึง”เตชสิทธิ์ยกมือกระชากคอเสื้อคนบอกปัดความรับผิดชอบจนคนถูกกระชากตกใจตัวเริ่มสั่น
“เตชสิทธิ์ นี่เธอจะทำอะไรฉัน”ชายหนุ่มรีบเอ่ยออกไปหวังเพื่อให้คนกระชากคอเสื้อตนมีสติยั้งคิดก่อนที่จะทำอะไรป่าเถื่อนใส่ตน
“จะต่อยปากคนอวดดีอย่างนายไง รู้มั๊ยว่าณิชาเขาเป็นใคร”คนกระชากคอเสื้อเหวกลับ คนโดนกระชากหันสายตาไปมองหน้าเชิดของคนที่ถูกกล่าวถึง นึกอยากรู้ขึ้นมาเหลือเกินว่าเด็กสาวนี่เป็นใคร ทำไมถึงได้เชิดได้อย่างน่าหมั่นไส้นัก
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณหนูณิชา”หนึ่งเสียงแว่วมาให้ได้ยิน และก็เป็นเสียงของคนที่เข้ามาเฉลยสิ่งที่ค้างคาใจชายหนุ่ม เจ้าของเสียงนั้นเป็น ร.ป.ภ. ที่เข้ามาแจ้งให้เขารู้ว่าคุณหนูณิชานี่เป็นลูกสาวเจ้าของตึกอันใหญ่โตนี่
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย”คุณหนูณิชาบอกปัดรำคาญอย่างคนที่ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใครนานๆ เด็กสาวส่งสายตาให้เตชสิทธิ์ปล่อยคอเสื้อคนที่เดินชนเธอก่อนจะหันไปพูดกับร.ป.ภ.ว่า
“ทีหลังใครจะเข้าจะออกตึกนี้ช่วยดูดีๆด้วยนะคะ ท่าทางคุณคนนี้คงไม่ใช่พนักงานของบริษัทไหนในตึกแน่ๆ สภาพดูเหมือนพวกล้างท่อของกทมดีๆนี่เอง”พูดจบเด็กสาวก็เดินเชิดหน้าหนีไป เตชสิทธิ์ยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้ออาจารย์สอนพิเศษตัวเองแต่ก็ไม่วายชี้หน้ากำชับก่อนเดินตามคุณหนูริชานั่นไปว่า
“จำหน้าเขาไว้นะ นั่นน่ะแฟนฉันในอนาคต อย่าคิดอาฆาตอะไรเขาเด็ดขาด นายกับเขามันคนละชั้นกัน”ผู้คนทั้งหมดเดินจากไปหมดแล้วคงเหลือแต่ร.ป.ภ.เท่านั้นที่เข้ามาลากกึ่งจูงแขนคนหมดแรงเดิน
แล้วนำพาให้ออกไปจากตึกอย่างน่าอายในสายตาใครๆ
สงสัยจะไปอ่านที่บอร์ดพี่บอยกันหมด