Chapter : 95 ความสุข พาร์ท 2
[พี่หมอ...♡]
ผมกระชับกอดฝนแน่นขึ้น ลมหายใจฝนเข้าออกสม่ำเสมอ ผมไม่กระดุกกระดิกร่างกายใดๆ เพราะอยากให้ฝนได้หลับนานๆ ได้พักผ่อนอย่างมีความสุขที่สุด
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงที่ผมนั่งนิ่งๆ มองวิวปล่อยให้ฝนหลับใหลอยู่แบบนั้น อยากนั่งต่อนะ แต่ตะคริวเริ่มกินขาผมแล้ว ผมค่อยๆ ช้อนอุ้มฝนอย่างเบามือลุกขึ้น เดินเบาๆ จากชั้นล่างขึ้นบันไดไปวางไว้บนเตียง ปล่อยให้สายลมเย็นๆ จากท้องทะเลพัดเข้ามา ผมไม่ชอบนอนกลางวัน ถ้าไม่ใช่การนอนเพื่อเก็บแรงไว้ทำงาน แต่เวลานี้สีหน้าผ่อนคลายของฝนทำให้ผมอยากฝังร่างลงบนเตียงเคียงข้างกับฝน ผมยิ้ม จูบซับหน้าผากกลมเกลี้ยงแผ่วเบา โอบมันไว้ในอ้อมแขน
เพราะผมไม่ได้ปิดประตูระเบียง จึงได้ยินเสียงคนเดินบนทางเดินระหว่างห้องผมกับห้องเพื่อน แต่ไม่คิดจะตื่นขึ้นไปมองเพราะรู้ว่าเป็นใคร
“หลับกันแล้ว” เสียงหมอนนท์พูดขึ้น ให้เดามันคงชะโงกหน้าจากประตูระเบียงมามอง “เราไปนอนกันบ้างดีกว่า”
“เรื่องของมึง”
ไผ่ตอบ แล้วหลังจากนั้น ผมก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งคู่ หลับใหลไปกับร่างน้อยในอ้อมแขน
ผมตื่นอีกทีเพราะคนในอ้อมแขนผมขยับ ผมก้มมอง ฝนลืมตามอง
“พี่หมอ”
ก่อนเรียกชื่อ ยิ้มหวาน
ถ้าฟ้าเป็นนางฟ้า ฝนก็คงเป็นเทวดาสำหรับผม ผมก้มจูบมันเบาๆ ที
“ทำอะไรกันต่อดี”
แล้วถาม ฝนนิ่งคิด
“มาทะเล ขอเดินเล่นริมทะเลหน่อยดีกว่า” แล้วมันก็หันไปมองด้านนอก “แดดไม่แรงแล้วด้วย” ผมพยักหน้า พยุงตัวมันลุก “ว่าแต่ เราจะไปกันเองหรือไปกับพวกพี่หมอนนท์”
“แล้วแต่ฝน ของพี่ยังไงก็ได้ ขอแค่มีฝนก็พอ”
ฝนยิ้มหวาน ยืดหน้าขึ้นมาจูบปลายคางผมเบาๆ
“สามีใครเนี่ย น่ารักจัง”
ผมจับมันลงไปนอนหงาย แกล้งเบียดหนวดเคราที่ยาวขึ้นมานิดๆ เพราะไม่ได้โกนตั้งแต่เมื่อวานก่อนไซ้ซอกคอ มันหัวเราะคิก บ่นจั๊กจี้ ดิ้นพล่านไปมา แต่ผมยังไม่หยุดแกล้ง ไซ้ต่ำลงไปที่พุง มันหัวเราะร่าจับหัวผมไว้
“พอแล้วๆ” มันรีบห้าม ผมยกหน้าขึ้นมามองขำๆ “หนวดพี่ยาวแล้วนะ”
“โกนให้พี่สิ”
“เกิดผมทำพลาด ทำพี่เป็นแผลล่ะ”
“พี่ก็จะทำโทษเราข้อหาทำให้พี่บาดเจ็บไง”
“ผมโดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะ”
ผมขยับขึ้นไปคร่อมมันไว้
“ก็เมียพี่น่ารักนี่นา”
แก้มขาวแดงซ่าน ผมหัวเราะหึๆ ดึงมันลุกจากเตียงอีกรอบ ก่อนอะไรๆ มันจะตื่นขึ้นมาเพราะร่างขาวๆ น่ากินของคนตรงหน้านี้
“ตอนนี้พี่ยอมไปก่อน แต่เย็นนี้ ห้ามปฏิเสธ”
“ผมจะแกล้งหลับ”
ผมหัวเราะ
“งั้นพี่จะปล้ำคนแกล้งหลับ”
ผมกับฝนพากันเดินออกจากห้อง ฝนอยากชวนไผ่กับหมอนนท์ไปด้วย บอกว่าน่าจะสนุกกว่า ผมก็เห็นด้วย ไหนๆ ก็มาด้วยกัน ให้แยกกันมันก็กระไรอยู่
เราพากันเดินตรงไปยังห้องของคนทั้งคู่ ชะโงกหน้าไปทางระเบียงที่อีกฝ่ายเปิดไว้กว้างไม่ต่างจากห้องผม ภาพที่เห็นภายใน ทำเอาผมกับฝนพากันมองหน้ากันเอง
ผมบอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก ส่วนฝนจะรู้สึกยังไง ผมไม่รู้ เพราะตอนนี้บนเตียงขาวนั้น ไผ่นอนตะแคงข้างหลับสนิททั้งที่อยู่ในชุดเดิม โดยมีเพื่อนผมนอนกอดมันไว้จากทางด้านหลัง
ผมรู้ว่าไผ่มันรุก แต่มาเข้าคู่กับเพื่อนผม ผมว่ามันก็ดูดีไปอีกแบบ ลมทะเลปลิวม่านขาวพลิ้วเป็นระลอก
“พี่ว่าเราไปเดินกันสองคนก็ได้”
“ผมก็ว่างั้น”
เราสองคนพากันย่องออกจากบ้าน ตรงไปที่ทะเล สี่โมงเย็นพระอาทิตย์ทอดตัวต่ำลง เราสองคนสอดประสานปลายนิ้วเข้าหากัน ไม่สนใจว่าจะมีใครมาเห็นไหม เพราะตอนนี้ชีวิตผมมีแค่ฝนแล้ว ฝนยิ้มให้คลื่นทะเล ผมสั้นๆ ของมันไหวลู่ ผมเคยถามว่าทำไมไม่ไว้ผมยาวกว่านี้ ฝนให้เหตุผลว่าทรงนี้ทำให้ดูตัวสูง
ผมขำไปกับความคิดนั้น
“พี่หมอ ขออะไรอย่างได้ไหม”
ผมหันไปมองเป็นคำถาม มันยิ้มน่ารัก
“ขอขี่หลังหน่อย จริงๆ ผมเคยคิดไว้ว่าถ้ามีแฟน จะให้แฟนขี่หลัง แต่ตอนนี้มันสลับกันนิดหน่อย จะให้พี่หมอขี่หลังผม ผมคงหลังหักเป็นสองท่อน”
ผมหัวเราะ ไม่ตอบ แต่หันหลังย่อตัวคุกเข่าต่อหน้ามัน มันรีบเกาะหลังผมทันที ผมขยับลุกยืน น้ำหนักฝนเบากว่าที่ผมคิดอีกนะ เสียงหัวใจฝนแนบติดอยู่กับหลังผม ผมคล้องมือไปโอบสะโพกมันไว้ ในขณะที่มันก็คล้องคอผมไว้หลวมๆ หน้าชิดหน้าผม ผมขยับปรับท่าให้มั่นคง เมื่อมั่นใจว่าฝนไม่ตกแน่ๆ ถึงได้เริ่มต้นก้าวเดิน
“นายเป็นคนแรกเลยนะ ที่พี่ยอมให้ทำแบบนี้”
“ไม่เชื่อ หน้าตาอย่างพี่ต้องผ่านผู้หญิงมาแล้วนับไม่ถ้วนแน่ๆ เรื่องแบบนี้น่าจะเคยทำ”
“ไม่เคยจริงๆ นายเป็นคนแรก”
มันนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนขยับปากถามเสียงเบา
“รักแรกของพี่เป็นใคร”
ผมนิ่งตามบ้าง นึกทบทวนถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา ผมผ่านผู้หญิงมาเยอะ คบกับผู้หญิงมาก็เยอะเช่นกัน แล้วคนที่เป็นรักแรกของผมก็คือ…
“นายไง”
คนด้านหลังนิ่งไปอีก
“ผมไม่เชื่อหรอก พี่ฟ้าล่ะ พี่จีบ พี่ต้องชอบบ้างล่ะ”
“ใช่ พี่ชอบ แต่ไม่ถึงกับรัก ฟ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่พี่ชอบหรือจีบ แต่ไม่เคยมีใครทำให้พี่พูดได้เต็มปากว่ารักเหมือนนาย”
“พี่พูดจริงเหรอ เรื่องผม…”
มันถามเสียงแผ่ว
“จริง”
ผมตอบกลับเสียงเบาไม่ต่าง
“แล้วรักผมได้ยังไง รักตอนไหน”
“รักได้ไง พี่บอกไม่ถูกเหมือนกัน รักตอนไหนก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว รักแบบถอนตัวไม่ขึ้นด้วย”
“รักอีท่าไหนบังคับเอาบังคับเอา”
เสียงมันฟังดูเง้างอนนิดๆ ผมหัวเราะหึๆ
“รู้ไหม อะไรเป็นหนึ่งที่ทำให้พี่รักฝน”
มันส่ายหัว เคลื่อนหน้ามาชิดแก้มผมมากขึ้น เหมือนต้องการฟังอย่างตั้งใจ ผมก้าวเดินช้าๆ ไปบนผืนทราย ฝ่าเท้าเกลี่ยน้ำไปเป็นทาง
“ฝนเป็นคนแรกที่พี่ไม่ต้องเสแสร้งสร้างภาพ เป็นตัวของตัวเอง ดีฝนก็เห็น เลวฝนก็เห็น คนที่พี่แสดงด้านนี้ให้เห็น นอกจากหมอนนท์แล้วก็มีฝนนี่แหละ”
มันนิ่งไปอีกรอบ
“เพราะอยู่กับฝน พี่ถึงได้เป็นตัวของตัวเอง นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้พี่รักฝน”
รู้สึกถึงแรงรัดที่คอแน่นขึ้น ผมยิ้ม ก้าวเดินไปตามทางช้าๆ
“แล้วฝนล่ะ รักพี่เพราะอะไร แล้วรักตอนไหน”
ผมถามกลับบ้าง แต่ไม่มีเสียงตอบรับอะไรจากคนด้านหลัง ผมหยุดเท้าลงกึก เขย่าคนด้านหลังเบาๆ
“อ้าว…แล้วกัน ตกลงรักพี่ไหมเนี่ย”
คิดว่าหลับไปแล้ว แต่แรงรัดรอบคอที่มากขึ้น ทำให้ผมรู้ว่ามันยังไม่หลับ
“ผมไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว มันเริ่มจากใจเต้นแรงเวลาที่ถูกพี่หมอสัมผัส รู้สึกดีเวลาที่พี่หมออ่อนโยน ถึงจะเกลียดบ้างบางการกระทำ แต่แปลกที่นับวัน ความเกลียดนั้นกลับกลายเป็นความชอบไปได้”
ผมเอี้ยวหน้าไปหวังมองหน้ามันให้ชัดๆ
“เช่นอะไรบ้าง”
ฝนกดหน้าตัวเองลงมาเป็นการบังคับให้ผมหันกลับไปมองทางตามเดิมแล้วก้าวเดินต่อ
“ก็..” มันทำเสียงอึกอักในลำคอ “พี่ชอบบังคับ ชอบออกคำสั่ง บางครั้งก็อารมณ์รุนแรง ขี้หึง ยอมรับว่าผมไม่ชอบ แต่ถ้าไม่ทำเลย ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่พี่หมอ”
ผมหัวเราะหึๆ
“บอกตามตรง พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นคนแบบนี้หรอก เพราะไม่เคยแสดงกับใครมาก่อน กับผู้หญิงพี่จะใจดี อ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษสุดๆ”
“ตรงข้ามกับผมเลย”
มันพูดงอนๆ
“แล้วใครที่ได้หัวใจพี่ไปล่ะ”
ผมย้อนทันที มันนิ่งไป กระชับกอดคอผมแน่นขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงอ้อมแอ้มตอบกลับมา
“ใครก็ไม่รู้…”
ผมอมยิ้มทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้แก้มมันต้องแดงอยู่แน่ๆ
“เขาบอกว่าถ้าอีกฝ่ายสามารถรับด้านลบของเราได้ นั่นก็แปลว่าเขารักเรามากแล้วจริงๆ”
ฝนไม่พูดอะไร เพราะคงค้านสิ่งที่หัวใจตัวเองรู้สึกไม่ได้
เราเงียบกันอีกครั้ง ฟังเสียงคลื่นน้ำและคลื่นหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ตอนนี้
“เมื่อยรึยัง”
ฝนถามแผ่วเบา
“ยัง”
ผมตอบกลับแผ่วเบาไม่ต่าง ได้ยินเสียงนกทะเลแว่วร้องบินผ่านไป
“ถ้าเมื่อยบอกนะ ผมจะได้ลงเดินเอง”
จริงๆ ผมเมื่อยแล้ว ตัวฝนหนักขึ้นเรื่อยๆ ขาเริ่มล้า แขนเริ่มไร้แรง แต่แปลกที่หัวใจผมกลับรู้สึกเบาหวิวคล้ายกับกำลังโบยบินอยู่บนอากาศ นกทะเลโฉบบินผ่านหน้าเราไป เรามองตาม ฝนกระชับกอดคอผมแน่นขึ้น เหมือนจงใจให้ผมได้ยินเสียงหัวใจของมันได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
เสียงหัวใจที่ร้องเรียกเป็นชื่อผม
[ต่อ 50%]
ฝนชวนกลับเมื่อคิดว่าเดินมาไกลมากแล้ว ขากลับฝนขอเดินเอง นิ้วมือเรายังสอดประสาน ฝนอิงหัวติดต้นแขนผม เตะน้ำทะเลจนฟุ้งกระจาย พอเดินไปถึงหน้าที่พัก ก็เห็นหมอนนท์ออกมานั่งบนเก้าอี้ชายหาดหน้าที่พักแล้ว ข้างๆ กันเป็นไผ่ ตรงกลางระหว่างพวกนั้นมีโต๊ะสีขาวตัวเล็กๆ มีไวน์ของโปรดฝนวางไว้ในถังน้ำแข็ง
ด้านข้างของเพื่อนผมมีเก้าอี้ชายหาดว่างอีกคู่ คงเตรียมไว้ให้ผมกับฝน ฝนรีบโบกมือใส่สองคนนั้นทันที วิ่งเหยาะๆ เข้าไปหา
“ตื่นกันนานแล้วเหรอ เอาสักหน่อยสิ” เพื่อนผมยกแก้วไวน์ชวน
“ท้องว่าง เดี๋ยวก็เมาเร็ว”
มันพยักหน้าไปยังของกินบนโต๊ะ น่าจะพวกที่เขาหาบมาขาย
“กำลังหิวเลย”
ฝนไม่ได้ไปนั่งที่เก้าอี้ว่างของตัวเอง แต่ถลาไปหาไผ่ ซึ่งรายนั้นก็เหมือนจะรู้ใจกันดีตบแปะบนตักตัวเอง ฝนรีบถลาเข้าไปนั่ง จิ้มอะไรสักอย่างในถุงพลาสติกกิน ไผ่หยิบแก้วเปล่ามารินไวน์ส่งให้เพื่อนมันเอง ฝนรับไปดื่มอึกๆ เหมือนดื่มน้ำเปล่า
“อื้ม ชื่นใจ”
ฝนปาดปาก ผมมองยิ้มๆ เพื่อนผมหยิบแก้วเปล่ามารินให้บ้าง ผมรับมาถือ ทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อน
“ฝนมานี่”
ผมเรียก ฝนเงยหน้าจากถุงอาหารมอง คว้าแก้วไวน์ตัวเองลุกจากตักไผ่มานั่งตักผมแทน มีคนหาบของมาขายเพิ่ม ฝนรีบโบกมือเรียก แล้วเราก็ช่วยกันสั่ง เยอะเลย ทั้งหมึกย่าง กุ้งย่าง ผลไม้จิ้มพริกเกลืออีกสองสามอย่าง ฝนชอบกินกุ้งย่างมาก นั่งกินไปหลายตัวเลย แกะให้ผมกินด้วย
ไม่นานหน้าท้องเล็กๆ ของฝนก็ป่องขึ้น เจ้าตัวนอนแผ่หลาบนตัวผม
“อิ่มว่ะ” มันคุยกับเพื่อนมัน “ไปเล่นน้ำย่อยอาหารกันมึง” แล้วเด้งตัวลุกชวน ไผ่พยักหน้า ฝนหันมาทางผม
“ผมไปเล่นน้ำกับไผ่ก่อนนะ อยากตามมาเมื่อไหร่ก็มา” แล้วฝนก็จับข้อมือไผ่ ลากลงน้ำไปด้วยกัน
ผมมองตามตาปริบๆ
“วู้วววว”
ฝนแหกปาก วิ่งถลาลงน้ำเหมือนเด็กๆ ตามไปติดๆ ด้วยไผ่ คนทั้งคู่วิ่งแรงจนน้ำแตกกระจาย ลากขาผ่านลงไปในน้ำที่ลึกขึ้น โถมตัวดำผุดดำว่าย ฝนดูมีความสุขมากจนผมเผลอตัวอมยิ้มตาม ไผ่ก็มีสภาพไม่ต่าง ก่อนเจ้าตัวจะจับฝนยกขึ้นพาดบ่า เหวี่ยงไปรอบๆ ฝนแหกปากร้องลั่น ไผ่โยนฝนลงน้ำดังตูม แล้วสองเพื่อนก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
“ไม่ลงไปเล่นกับฝนล่ะ” เพื่อนผมถาม
“แค่ดูก็สนุกแล้ว”
มันหัวเราะหึๆ
ฝนกระโดดเกาะหลังไผ่ หน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้มเคล้าเสียงหัวเราะ
“ฉันจริงจังกับไผ่นะแซม”
อยู่ๆ เพื่อนผมก็พูดขึ้น ผมหันไปมอง
“ฉันรักเด็กนั่น ไม่ใช่ความใคร่ แต่เป็นความรัก ฉันรักทุกอย่างที่เป็นไผ่ ถึงเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลยก็เถอะ”
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะผมก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าไผ่มันรู้สึกอะไรกับหมอนนท์หรือเปล่า
“ป่ะ เราลงไปเล่นกันบ้างดีกว่า ฉันชักอิจฉาฝนละ ได้รับความรักจากไผ่ตลอด”
“เขามาก่อนเรานะ”
“แกมาทีหลัง ฝนยังรักนักรักหนา”
ผมหัวเราะหึๆ
“แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ”
แล้วมันก็เดินดุ่มๆ ลงน้ำไป ผมก้าวตามไปติดๆ
พอฝนเห็นผมก็ละจากไผ่ วิ่งถลาเข้ามาหา ผมอ้าแขนออกกว้างรอรับ ฝนกระโดดสวมกอดผมแรง ผมหัวเราะ ยกสะโพกฝนขึ้นสูงจนเหนือน้ำ ฝนหัวเราะอารมณ์ดี ผมแกล้งหมุนฝนไปรอบๆ ฝนรวบกอดหัวผมแน่นเพราะกลัวตก
ไผ่ยืนมอง ทำหน้าเซ็ง ทำท่าจะเดินขึ้นจากน้ำ แต่เพื่อนผมรั้งไว้
“เล่นน้ำด้วยกันก่อน”
“กูเบื่อแล้ว”
“ผมยังไม่ได้เล่นเลย”
“เรื่องของมึง”
มันตอบแบบไม่ใส่ใจ จะเดินขึ้นจากน้ำ แต่เพื่อนผมไม่ปล่อยมือ ลากมันไปเล่นทางอื่น
ผมไม่สนใจคนทั้งคู่อีก หันมาเล่นน้ำกับฝนต่อ ผมรู้ว่าเวลาฝนเล่นน้ำ ฝนมักใช้คู่เล่นเป็นทุ่นลอยน้ำเคลื่อนที่ ตัวผมเองก็ไม่ต่าง ฝนว่ายมาเกาะหลังผมไว้ ร้องขอให้ผมเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ผมทำตาม เราเล่นกันตั้งแต่น้ำตื้นเพียงข้อเท้าลงไปถึงน้ำลึกจนขาหยั่งไม่ถึง ก่อนมาจบลงตรงน้ำที่สูงเพียงเข่า ผมทิ้งตัวลงนั่งบนผืนทราย หันหน้าเข้าหาทะเล น้ำสูงขึ้นมาถึงอก ฝนนั่งอยู่ด้านหน้า ผมโอบฝนไว้หลวมๆ ปล่อยให้น้ำทะเลสาดซัดเนื้อตัว
พระอาทิตย์ลาลับไปแล้ว เราเฝ้ามองผืนฟ้าที่กำลังดำดิ่งลงสู่ความมืด ถึงจะไม่มากเพราะมีแสงสีจากตึกรามบ้านช่องมาประดับ แต่มันก็แตกต่างกับช่วงเวลาปกติ
ไผ่กับหมอนนท์นั่งอยู่ในน้ำท่าเดียวกับเรา โดยเพื่อนผมนั่งโอบเอาไผ่ที่นั่งหน้าหงิกไว้ตรงหน้า ผมไม่รู้ว่าหมอนนท์มันมีความสุขตรงไหน และอะไรในตัวไผ่ที่ทำให้เพื่อนผมรักได้ถึงขนาดนี้
มันเองก็ผ่านผู้หญิงมาหลายคน แต่แปลกไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้เพื่อนผมหวั่นไหวได้เท่ากับเด็กที่ทั้งดื้อและปราบยากแบบไผ่
“ผมชักสงสารพี่หมอนนท์แฮะ”
อยู่ๆ ฝนก็พูดขึ้นมา คงกำลังมองภาพเดียวกับผมอยู่
“แล้วไผ่ล่ะ”
“ผมบอกไม่ถูก”
ผมจับฝนพลิกมาเผชิญหน้า
“เรื่องของพวกเขา”
ผมทำได้แค่บอกมันไปอย่างนี้เท่านั้น ผมจะไม่ยุ่งเรื่องของเพื่อนเด็ดขาด ยกเว้นว่ามันจะมาขอความช่วยเหลือ ผมจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะยอมช่วยหรือไม่
[ต่อ 80%]
พอความมืดเข้าครอบคลุมมากขึ้นผมก็ชวนทุกคนขึ้น อาบน้ำอาบท่า แล้วออกไปนั่งดูดาวกันตรงระเบียงหน้าห้องใครห้องมัน เสียงคลื่นทะเลยามค่ำคืนฟังเพราะกว่าช่วงเวลากลางวันมาก คงเพราะความเงียบล่ะมั้ง เก้าอี้สำหรับนั่งดูดาวถูกครอบครองไว้สองตัว แต่ตัวละสองชีวิต ผมนั่งอยู่ก่อนแล้วฝนนั่งบนตักผมอีกที ในขณะที่เพื่อนผมที่นั่งอยู่ก่อนแล้วบังคับให้ไผ่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่ได้นั่งตักแบบผมหรอก เพราะถ้านั่งตักจริง ขาเพื่อนผมคงหักเพราะน้ำหนักตัวที่มากของไผ่
แต่ถึงอย่างนั้น มองกลายๆ ก็คล้ายๆ กับไผ่นั่งตักเพื่อนผมเหมือนกัน สองมือมันโอบรอบตัวไผ่ไว้ ผมไม่สนใจคนทั้งคู่อีก โอบกอดฝนด้วยหัวใจรักใคร่
เครื่องดื่มสีแดงยามนี้รสอร่อยกว่าเมื่อตอนเย็น ผมนั่งคลึงมือเล็ก สูดกลิ่นหอมๆ จากตัวฝน
“ใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไร”
ผมกระซิบถามเสียงเบา
“ไม่ได้ใช้ ใช้แค่โคโลญจ์”
“พี่ชอบ หอมดี”
ผมก้มซุกซอกคอฝนเบาๆ ฝนหัวเราะคิก
“หนวดทิ่ม”
“ก็ฝนไม่ยอมโกนให้พี่นี่”
“ไว้พรุ่งนี้ละกัน”
คำพูดของเราไม่ได้ดังไปถึงสองคนนั้นหรอก ผมแกล้งไซ้ซอกคอฝน ฝนหัวเราะพยายามเอียงคอหนี แล้วเราก็กลับมานั่งนิ่งๆ กันอีกครั้ง
ผมเกลี่ยมือเล็กไปมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความมืด ความเงียบ หรือความเมากันแน่ ผมถึงได้รู้สึกว่าร่างกายมันร้อนๆ ขึ้นมา ผมเลื่อนมือลอดชายเสื้อสัมผัสหน้าท้องฝน ฝนไม่ได้ขัดขืน หรืออาจกำลังเพลิดเพลินกับการมองดาวด้านบนอยู่ ผมลิงโลด เลื่อนมือสูงขึ้นไปที่ยอดอกขนาดเล็ก
“พี่หมอ…”
ฝนเรียกเสียงพร่า ผมไม่หือไม่อือ จิบไวน์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วางแก้วไวน์ลงก้มหอมแก้ม งับติ่งหูฝนเบาๆ อารมณ์ผมเพิ่มสูงขึ้นนิดๆ จูบซับแก้มขาว ไซ้เบาๆ ได้ยินเสียงครางเบาๆ จากคนในอ้อมแขน ผมว่าฝนคงรู้อารมณ์ผมแล้ว
“เข้าห้องกันเถอะ”
ผมชวน ฝนพยักหน้า ผมดันตัวฝนลุกขึ้น รวบเก็บแก้วสองใบไว้ในมือ อีกข้างหิ้วขวดไวน์ไว้
“ฉันกับฝนเข้านอนก่อนนะ”
ผมตะโกนบอกฝั่งนู้น เพื่อนผมหันมาพยักหน้า ผมกับฝนพากันเดินเข้าห้อง ผมวางไวน์ไว้บนโต๊ะ ฝนปิดประตูระเบียง เลื่อนม่านบังตาปิด เดินไปปิดหน้าต่าง
ผมเดินไปเปิดไฟหัวเตียง ดับไฟกลางห้องลง ห้องที่เคยสว่างไสวด้วยดวงไฟสองดวงเหลือไว้แค่แสงอ่อนๆ นวลตา ฝนยกไวน์ที่เหลือในแก้วขึ้นดื่ม ผมเดินไปประกบหลัง ก้มซุกซอกคอ ฝนไม่ได้ขัดขืนวางแก้วไวน์ลง ซ้ำยังเอียงคอนิดๆ ให้ผมทำได้ง่ายขึ้น ผมซุกซอกคอฝนมากขึ้น เลื่อนไล้ปากขบเม้ม งับติ่งหูไล่ลงมาถึงหัวไหล่
ได้ยินเสียงครางแผ่วๆ มาจากปากเล็ก ผมเลื่อนมือผ่านชายเสื้อด้านหน้า เกลี่ยสูงจากหน้าท้องไปที่หัวนม ผมเคยชินแล้วและรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในการครอบครองและบดคลึงเรียกเสียงหวานๆ ออกมาฟัง
เสียงของฝนกระตุ้นความกระหายอยากในตัวผมให้มีมากขึ้น แต่สำหรับคืนนี้ ผมอยากอ่อนโยนกับฝน อยากให้เป็นคืนที่เหมาะสมกับคำว่า’ฮันนีมูน’ที่สุด
“พี่รักฝนนะ”
ผมกระซิบคำหวานข้างใบหู ฝนไม่ได้ตอบกลับ ดวงตาคู่เล็กหลับพริ้มคล้ายจะซึมซับความรู้สึกดีๆ ที่โอบล้อม แอร์เย็นฉ่ำที่เปิดทิ้งไว้เริ่มทำงานเมื่ออากาศภายนอกถูกกางกั้น แต่ความเย็นนั้นกำลังสวนทางกับความร้อนที่ผมมี
ผมพลิกหันฝนมาเผชิญหน้า ก้มลงกดจูบแผ่วเบา ฝนเลื่อนมือมาโอบรอบลำคอผมทันที ตอบรับรสจูบที่ผมมอบให้
จูบของเรานั้นหวาน มันหวานเพราะจูบกันด้วยความรัก ผมถอนปากออกมอง ดวงตาฝนเชื่อมหวาน กลีบปากที่ผมบดขยี้ฉ่ำแดง ผมทาบทับอีกครั้งแล้วละออก ผมโฉบอุ้มฝนไว้ในอ้อมแขน พามันเดินตรงไปที่เตียง วางมันลงบนผืนที่นอนสีขาวเบามือ
ฝนมองตาผม และผมก็มองตาฝน สื่อถึงความรักให้กันและกันรับรู้ ก่อนผมจะก้มลงไปจูบอีกครั้ง ปลดปราการด้านบนฝนทิ้ง เมื่อไม่มีสิ่งไหนมาขวางกั้น ยอดอกเล็กๆ ก็พร้อมใจกันตั้งชันยั่วยวนให้ผมครอบครอง และผมก็พร้อมที่จะทำเช่นนั้น ผมก้มงับเบาๆ ฝนแอ่นอกรับทันที สองมือคลึงหัวผมไว้ ผมเลื่อนปากต่ำลงไปที่หน้าท้อง ฝนหดเกร็ง ผมค่อยๆ รั้งกางเกงฝนออกพร้อมชั้นในตัวน้อย
ผมอ้าปากครอบครองความพร้อมของฝนโดยไม่รังเกียจ ฝนผวาเฮือก บิดเร่า งอขา คลึงหัวผมแรงขึ้น ปากก็พร่ำเรียกแต่ชื่อผมให้รู้สึกสะท้านไปทั่วทั้งหัวใจ
ผมปรนเปรอฝนให้มากที่สุดและนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนเป็นฝนเองที่ทนไม่ไหว ร้องขอให้ผมปลดปล่อย
ผมเลื่อนปากขึ้นไปจูบฝน รสจูบที่ฝนชื่นชอบ รสจูบที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ผมละปากออก เลิกถอดเสื้อออกจากหัว พอๆ กับปราการด้านล่าง ผมเตรียมความพร้อมฝนด้วยปลายนิ้ว เชื่อมร่างของเราสองคน
เสียงของฝนหวาน หวานจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือเสียงของผู้ชาย ฝนรู้จังหวะรักของผมมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะท่าทีอ่อนประสบการณ์ หรือท่าทีเร่าร้อน จะแบบไหน ก็ทำให้ผมหลงได้เหมือนกัน
ฝนมองผมตาเชื่อม หญิงใดในโลกก็ไม่เซ็กซี่เท่ากับเมียผมคนนี้อีกแล้ว ผมกอดมันแน่นเมื่อเรากำลังจะไปถึงปลายทาง เหงื่อเราไหลย้อยย้อมกันและกันจนเปียกไปหมด
ผมรักฝน ผมบอกได้แค่ว่าผมรักฝนมาก
To be Con...
ยังไม่หมดนะ ยังมีความสุขพาร์ท 3 ต่อ >//< พาร์ทหน้าเป็นพาร์ทที่คนเขียนเคยทำตอนนั้นทั้งตอนหาย แซดมาก เกือบจะเลิกเขียนนิยายเรื่องนี้ไป ดีแต่ว่าแม่ให้กำลังใจ บอกว่า เดี๋ยวมันก็กลับมาได้ทั้งหมด เชื่อแม่สิ สุดท้าย มันก็กลับมาได้จริงๆ ครบถ้วนสมบูรณ์ด้วย เพราะงั้นขอให้มีความสุขกับทุกเนื้อหาที่เอามาฝากนะคะ ไม่ได้เขียนเก่งมาก แต่เขียนมาจากใจ
เลิฟยูว์
.
.
.
.
จองหนังสือ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068