HATE LOVE : 79 : พนักงานเสิร์ฟสุดหล่อ (พี่หมอ) 150%
ผมหัวเราะหึๆ ใส่มือถือ คาดเดาได้เลยว่าฝนจะโวยวายขนาดไหนที่ผมตัดบทไปดื้อๆ แบบนั้น วันนี้ผมอยู่ทำงานดึกนิด กว่าจะว่างโทรหาฝนได้ก็ดึกแล้ว ผมรีบกลับบ้าน พอไปถึงก็เห็นร่างกึ่งดวงวิญญาณของไผ่นอนแหมะคว่ำหน้าอยู่บนโซฟา ผมเดินไปเขย่าปลุก กลัวมันจะเป็นลมล้มพับไป
“เป็นไร” ผมถามน้องชายต่างสายเลือด
“หมดแรง แม่งช่วยงานฝนก็หนัก ยังไปท้าไอ้ห่านั่นออกกำลังกลางดึกอีก เมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้ว”
ผมหัวเราะ เดินไปที่กล่องยา หยิบยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของยาแก้อักเสบรวมถึงยาทาคลายกล้ามเนื้อมายื่นให้มันกินสองเม็ด
“อาบน้ำเสร็จแล้วก็ทาไอ้นี่ พรุ่งนี้จะได้ไม่ล้ามาก”
มันเหลือบตามอง ตอนแรกผมคิดว่ามันจะปัดความหวังดีผมทิ้ง แต่มันรับไปยัดใส่ปาก ลุกเดินเนือยๆ ไปรินน้ำกรอกปาก
“โทรหาฝนยัง” มันถาม ผมพยักหน้า
“มันเล่าให้ฟังแล้ว?”
ผมพยักหน้าอีกที
“ก็ตามนั้น น้ำตาลบอกว่าไว้ใจได้ 80% ที่เหลือดูกันต่อไป กูก็รู้สึกโอเคกับมันอยู่ ไม่ได้รู้สึกต่อต้านเหมือนที่รู้สึกกับมึง”
ผมพยักหน้าเข้าใจ ยังไม่ทันได้อาบน้ำมันก็เอายาบีบใส่มือนวดๆ กล้ามเนื้อ
“ไม่อาบน้ำก่อน” ผมติง
“อาบแล้วค่อยทาอีกรอบ”
ผมส่ายหัวไปมา พ่อกับแม่กลับมาพอดี
“เป็นไรไผ่ ทำไมท่าทางเหนื่อยๆ ลูก”
“ไปช่วยลูกสะใภ้พ่อทำงานมาดิ ไม่รู้ใครเอาร้านฝนไปรีวิว ลูกค้าแน่น ผม หิน น้ำตาล รวมทั้งครูสอนพิเศษพ่อ ต้องกลายร่างเป็นพนักงานเสิร์ฟกันไปหมด”
พ่อเลิกคิ้วมอง
“ครูสอนพิเศษพ่อ?”
“ครับ พี่ต้าร์ ครูสอนพิเศษพ่อนั่นแหละ พอดีแกเห็นว่าลูกค้าเยอะ เลยอยู่ช่วยเสิร์ฟ เอ้อ ผมว่าจะถาม ติวเตอร์พ่อนี่ไว้ใจได้กันทุกคนไหม”
“ลูกสาวเพื่อนพ่อเป็นเจ้าของ ประวัติติวเตอร์ทุกคนก็ไว้ใจได้ ทำไม สอนไม่ดีเหรอ” พ่อถามซีเรียส
“เปล่า ฝนมันบอกว่าสอนดี ผมไปลองนั่งเรียนดูก็ดี แค่ถามเท่านั้น”
“ไว้ใจได้ ใครเรียนที่นี่สอบติดกันทุกคน แต่ค่าเรียนแพงนิดแค่นั้นเอง”
ไผ่มันหันมามองหน้าผม
“ถ้าพ่อบอกว่าโอเค ก็โอเค ผมขอเบอร์ไว้นิดนะ เผื่อเอาไปแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จัก”
ไผ่มันขอ พ่อยิ้มดีใจทันที รีบวานให้แม่ไปหาเบอร์ที่ห้องมาให้
“ขอบใจนะ”
ผมพูดกับมัน หลังจากพ่อแม่พากันเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำพักผ่อน มันหันมามอง
“กูไม่ได้ช่วยมึง แต่กูช่วยเพื่อนกู”
“นั่นแหละ ฉันขอบใจให้เพื่อนนายด้วย”
ผมกวนกลับนิดๆ มันทำหน้าหงุดหงิด คงจะเหนื่อยจริง ถึงได้ไม่มีแรงต่อล้อต่อเถียงมาก ผมบอกให้ไผ่ขึ้นไปพักผ่อน ซึ่งมันก็ทำตามง่ายๆ ผมกดมือถือโทรหาเพื่อน
“เล่นไรกับไผ่ มันถึงได้หมดแรงมาแบบนี้”
“ประลองกำลังกันนิดหน่อย สู้ไม่ได้ก็ยังอยากจะสู้” มันหัวเราะหึๆ คุยอะไรกันนิดหน่อยผมก็กดวางสาย
ผมยังไม่ได้บอกฝนเลยว่าวันศุกร์นี้มีนัด ผมไลน์ไปหา ไม่มีข้อความตอบกลับคาดว่าฝนคงหลับไป ผมยิ้มใส่มือถือ อาบน้ำแต่งตัวนอน
วันนี้ผมไม่มีงานอะไรต้องทำหลังออกเวร กะว่าจะไปหาฝนสักหน่อย
“หมอแซมคะ”
หมออรเรียกทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องตรวจ กลิ่นน้ำหอมหวานๆ ที่ผมชอบลอยคลุ้ง กลิ่นนั้นผ่อนคลายน่าดู
“ครับ”
“ติดนัดที่ไหนไหมคะ พอดีอรอยากให้คุณหมอช่วยวิจารณ์บทความอรหน่อย”
ผมนิ่งคิด
“เยอะหรือเปล่าครับ”
“ประมาณสองหน้ากระดาษค่ะ”
ผมพยักหน้ารับ มันก็ไม่ได้เยอะอะไร
“งั้นเชิญคุณหมอที่ร้านกาแฟข้างๆ โรงพยาบาลได้ไหมคะ ถือว่าอรเลี้ยงตอบแทน”
ผมยกนาฬิกามอง ยังพอมีเวลา ผมพยักหน้า เดินเคียงไปกับหมออร
ผมช่วยดูสิ่งที่หมออรเขียน หมออรถือว่าเป็นผู้หญิงที่เก่ง เขียนบทความดีๆ ส่งนิตยสารการแพทย์มาหลายฉบับ ผมยังเคยอ่านบทความของเธอบ่อยๆ
“ขออรไปห้องน้ำสักครู่นะคะ” หมอรพูดเสียงหวาน ผมพยักหน้ารับ ไล่อ่าน แนะสิ่งที่ควรแก้ไข ผมว่าช่วงหลังๆ บทความของหมออรมีจุดผิดพลาดเยอะนะ ไม่รู้เขียนมานานจนหมดมุก หรือมีปัญหาอะไรรบกวนจิตใจกันแน่
“หึ เพิ่งรู้ว่าลับหลังแฟนก็มามีกิ๊กเป็นผู้หญิง”
ผมเงยหน้ามองคนพูด ก่อนสบเข้ากับดวงตาของใครบางคน
“ดีน”
มันนั่งหันหลังให้ผม ตอนเดินเข้ามาก็ไม่ได้สังเกตมอง แก้วกาแฟมันพร่องลงไปนิดเดียว เหมือนมานั่งคอยใครมากกว่า
“มาทำอะไรแถวนี้” ผมถามตามมารยาท
“รอพ่อ”
ผมอยากเจอกับมันอยู่แล้ว แต่เวลานี้คงไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะมาคุยอะไรกันซีเรียส กำลังจะเอ่ยปากนัดมัน แต่หมออรเดินออกมาก่อน ผมจำต้องเงียบเสียงลง หมออรวิ่งเหยาะๆ เข้ามานั่ง ทั้งผมและมันเลยต่างพากันเงียบเหมือนไม่รู้จักกันอีกครั้ง
ผมเร่งเวลาหมออร กะว่าส่งหมออรเสร็จจะกลับมาเพื่อนัดคุยกับมันให้เป็นเรื่องเป็นราว พอผมกับหมออรลุกขึ้นยืนเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงมือถือมันดัง มันกดรับสายตอบรับเนือยๆ แล้ววางสายไป ผมกับหมออรก้าวออกจากที่นั่ง มันลุกขึ้นยืน เดินกระแทกไหล่ผมออกจากร้านไป หมออรที่เห็นเหตุการณ์หลุดมองเหวี่ยงๆ
“ไร้มารยาท ชนแล้วไม่มีขอโทษ”
ผมมองตาม หัวเราะหึๆ มันยังทำเรื่องไร้มารยาทได้มากกว่านี้เยอะ
50%
ผมเดินทางมาถึงเลทกว่าที่ตั้งใจไว้ร่วมชั่วโมง ซึ่งร้านอยู่ในช่วงก่อนปิดร้าน คนเยอะอย่างที่พวกนั้นเล่าไว้จริงๆ ผมเดินเข้าไปภายใน ลูกค้านั่งไม่เท่าไหร่ ลูกค้าที่ยืนถือบัตรคิวเพื่อรับอาหารกลับนั้นยาวเป็นวา
“หวัดดีค่ะพี่หมอ”
ฟางยกมือไหว้แค่นั้น วิ่งลิ่วหายไป ผมกวาดมองไปรอบๆ จนเห็นเด็กต้าร์กำลังถืออาหารเสิร์ฟ ผมหรี่ตามอง แล้วมองหาน้ำฝน ซึ่งคนตัวเล็กของผมกำลังวิ่งวุ่นรับออร์เดอร์อยู่ ไม่ต่างกับไผ่ที่รับออร์เดอร์อีกด้าน ทั้งฝนและไผ่ยังไม่เห็นผม แต่เด็กต้าร์ที่น่าจะเป็นติวเตอร์อย่างเดียวกลับมายืนเสิร์ฟด้วยหันมามอง มันเดินยิ้มเข้ามาหา
“ที่นั่งเต็มแล้ว รับกลับอย่างเดียวนะครับ”
มันบอกอย่างนอบน้อม คงไม่รู้ว่าผมเป็นใคร
“พี่หมอ”
แล้วคนตัวเล็กของผมก็เดินเข้ามาทัก ต้าร์หันไปมอง ก่อนหันมามองหน้าผม ฝนทำหน้าอึดอัด
“คนเยอะ เลยเลื่อนเวลาเรียนออกไป”
ฝนบอกโดยที่ผมไม่ต้องถาม ผมไม่พูดอะไร มองหน้าต้าร์ ทางนั้นมองหน้าผม ก่อนยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูเจื่อนลงกว่าตอนแรกที่ยิ้มให้แบบลูกค้า
“พี่หมอ แฟนฝนใช่ไหม” ต้าร์หันไปถาม ฝนพยักหน้ารับ
“สวัสดีครับ ผมต้าร์ อยู่ปีสาม บริหาร มอ A ตอนนี้เป็นติวเตอร์ให้น้ำฝน”
ต้าร์แนะนำตัว ผมพยักหน้า ไม่ได้แนะนำอะไรกลับ เพราะอีกฝ่ายน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
“ผมไม่ว่างคุยด้วย เชิญพี่ไปรอที่ห้องผมก่อนก็ได้” ฝนออกตัว
“ไม่เป็นไร แค่แวะมาหา”
ฝนหน้าแดงก่ำ ก่อนนุ่นจะเรียกให้ไปเอาของมาเสิร์ฟ ฝนถึงได้รีบวิ่งไปพร้อมต้าร์ ผมมองตาม ถ้าจากสายตาของไผ่และเพื่อนๆ มองก็น่าจะพอใจ แต่ผมก็อยากได้รับคำยืนยันด้วยสายตาตัวเองอีกรอบเหมือนกัน ผมเดินไปหาฟาง ร้องขอผ้ากันเปื้อน ฟางนี่แทบร้องไห้เพราะทำแทบไม่ไหวแล้ว เพื่อนฟางที่ดูคล่องแคล่วน้อยกว่าก็วิ่งวุ่นไม่ต่าง
ทุกคนดูตกใจไม่น้อยที่เห็นผมในชุดพนักงานเสิร์ฟ
ก็นะ ทุกคนใส่ชุดนักเรียนกันหมด มีผมคนเดียว ใส่สูทผูกไท (เสื้อสีฟ้าเข้มพาสเทล) มองกลายๆ คล้ายผู้จัดการร้าน ไม่ใช่คล้ายอย่างเดียว ลูกค้ายังเรียกตัวไปชื่นชมว่าอาหารอร่อยบริการดี บางคนก็ขอเบอร์ผู้จัดการร้านเลย ผมไม่ได้ให้ใครสักคน ช่วงแรกๆ บอกว่าไม่ใช่ผู้จัดการก็ไม่มีใครเชื่อ
สงสัยจะเพราะผมใส่สูทผูกไทล่ะมั้ง ผมรีบเดินเลี่ยงไปถอดเนกไทใส่กระเป๋า คลายกระดุมเสื้อออกสามเม็ด ให้ดูไม่เป็นทางการ พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอก ยีผมที่เคยปล่อยธรรมชาติให้ดูยุ่งนิดๆ บอกตามตรง ผมไม่กล้าแต่งตัวแบบนี้ไปโรงพยาบาลเด็ดขาด เพราะดูไร้ระเบียบมาก
แต่สำหรับที่นี่ ผมอยากให้ดูยังไงคนก็ไม่น่าจะเอาผมไปเป็นผู้จัดการร้านได้ ผมส่องกระจกดูความเรียบร้อย หันซ้ายหันขวา
เอาละ น่าจะพอได้
ผมก้าวออกจากห้องน้ำไป
ได้ผลครับ ไม่มีใครคิดว่าผมเป็นผู้จัดการร้าน แต่คิดว่าผมเป็นเจ้าของร้านกันหมดเลย = =
แถมคนยังมองมากกว่าเดิมอีก ผมหน้าหงิก
นี่มันอะไรกัน
แต่เอาเถอะ อยากมองก็มอง ผมไม่สนใจแล้ว มาช่วยแค่วันเดียวเท่านั้น ผมตัดสินใจไม่สนใจใคร เดินหน้าเรียบไปรับอาหารจานละมือแล้วเอาไปเสิร์ฟ
“มึง ไม่ต้องหล่อมาก”
ไผ่มันเดินมารับอาหารด้วยกันแซวหน้าหน่าย ผมหันไปมอง
“หล่อตรงไหน นี่พยายามทำให้ดูลุ่ยๆ แล้วนะ”
ผมหันไปพูดกับมันตามจริง มันหันมามอง ทำสีหน้าเหมือนคนปวดท้อง จิ๊ปากหมั่นไส้
“เอ้อ มึงมันหล่อ ทำอะไรก็หล่อ ไอ้ฝนมันน้ำลายหกไปหลายหยดแล้ว”
ผมหันไปมองเป้าหมายที่ไผ่ว่า ก่อนสบกับดวงตาฝนที่มองมา พอผมมอง มันก็หลบสายตาวูบ ผมเผลออมยิ้มออกมาบางๆ
“ฉันดูดีจริงๆ รึเปล่า”
ผมเดินเคียงไปกับไผ่เพื่อถามให้แน่ใจอีกรอบ
“มึงหาเรื่อง?”
“เปล่า ถามจริงๆ”
“ไปถามเมียมึงดูเอาดิ ปาดน้ำลายให้มันด้วย หยดลงอาหารหมดแล้ว”
แล้วมันก็ฉีกเดินแยกไปอีกทาง ผมอมยิ้ม พอเสิร์ฟอาหารเสร็จก็เดินเลี่ยงไปทางฝน ปกติเวลาผมทำงาน ผมจะให้ความสำคัญกับงานที่ทำ ไม่วอกแวกคิดเรื่องอื่น แต่คำสะกิดของไผ่ทำให้ผมต้องทิ้งหน้าที่(แม้จะทำฟรีก็ตาม) ไปหาฝน ฝนกำลังเก็บโต๊ะอยู่ ผมเดินเข้าไปชิด ก้มเก็บด้วย แต่จงใจคร่อมร่างเล็กไว้ ปากเฉียดแก้มขาวไปเบาๆ ฝนหันขวับมามอง ผิวแก้มแดงก่ำ ผมหัวเราะหึๆ กระซิบพูดใส่หูที่กำลังเปลี่ยนสีนั้นเบาๆ
“คิดถึงนะ”
แล้วก็เดินหนีมา ผมแอบมอง ฝนแทบจะหยิบของใส่ถาดผิดที่ผิดทาง ผมหัวเราะหึๆ โดนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเจ้าของร้านแล้วได้แกล้งแฟนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“มึงนี่ชอบแกล้งเพื่อนกูจัง มันน่าแกล้งตรงไหน”
ไผ่มันเดินเข้ามาชิดแล้วถามบ้าง ผมหันไปมองคนที่เดินหูแดงเข้าไปทางหลังบ้าน
“ก็ชอบเวลาเห็นแก้มฝนแดงๆ ทำอะไรผิดๆ ถูก เถียงทั้งๆ ที่เถียงไปก็ไม่ชนะ แล้วก็ชอบสีหน้าเวลาอึดอัด เวลาทำท่าจะร้องไห้ หรือเวลา…”
ผมละไว้ในฐานที่เข้าใจ
“อืม นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้พี่หมอชนะใจน้ำฝนได้สินะครับ”
ผมกับไผ่พากันหันไปมองคนพูดด้านหลัง
ต้าร์…
“แล้วนายล่ะ ชอบฝนตรงไหน” ต้าร์หันมาถามไผ่บ้าง ไผ่เลิกคิ้ว
“ตรงข้ามกับหมอนี่เลย ผมชอบเห็นฝนยิ้ม เห็นมันหัวเราะ แต่ก็ชอบตอนมันโกรธด้วยนิดๆ หน่อยๆ เพราะเวลาโกรธ หน้ามันจะบวมๆ ดี”
มันพูดแล้วก็หัวเราะ
“แล้วพี่ล่ะ”
ไผ่ถามต้าร์กลับบ้าง
“ทุกอย่างที่เป็นฝน”
มันยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มแบบนั้น ผมรู้ว่าเป็นรอยยิ้มที่แท้จริง ไม่ได้เสแสร้งแน่ๆ
“แต่ชอบแค่ไหนก็เป็นได้แค่พี่ชายร่วมโลก เพราะเขามีแฟนตัวจริงอยู่แล้ว”
มันมองมาทางผม แล้วผมก็มองตอบ มองด้วยสายตาที่ว่า ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งเหยื่อของผมได้เด็ดขาด
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมบอกแล้วว่าผมไม่คิดจะแย่งของของใคร ผมรักษาสัญญาเสมอ แต่อย่างที่ผมเคยบอกฝนไปแล้ว ถ้าวันไหนคุณดูแลฝนไม่ดีขึ้นมา หรือไม่อยากดูแลแล้ว ผมจะขอรับหน้าที่นั้นต่อเองทันที”
ผมหันไปเผชิญหน้ากับมันตรงๆ
แล้วไผ่มันก็เอาแก้วสองใบมาชนกันคล้ายระฆังตรงหน้าของเราสองคน
“เอ้าๆ เลิกคุยกันแล้วไปทำงาน อู้มาก เดี๋ยวเจ้าของร้านก็ตัดเงินเดือนหรอก”
พวกเราจึงต้องพากันแยกย้ายไปกันคนละทิศละทาง ช่วงนี้เป็นช่วงเคลียร์ลูกค้าออกแล้ว เราทยอยเก็บโต๊ะไปเรื่อยๆ ต้าร์เดินไปช่วยฝนยกของ ในขณะที่ผมยังติดพันกับลูกค้าที่สอบถามว่ามีความคิดยังไงถึงได้เปิดร้านในบ้านแบบนี้
จะให้ตอบว่าไงดี ลูกค้ารอคอยคำตอบจากผมอย่างตั้งใจ ผมยิ้มนิดๆ
“เพราะเราอยากให้ลูกค้าทุกคนเป็นคนในครอบครัวเรา”
สั้นๆ ครับ แล้วผมก็บอกขอตัวไปเก็บโต๊ะต่อ ไผ่มันหัวเราะหึๆ เดินเข้ามาช่วยเก็บโต๊ะเดียวกัน
“ทำงานวันเดียวได้เป็นเจ้าของร้านแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เพราะฝนเป็นเมียฉัน ร้านเมียก็เหมือนร้านฉัน”
มันรวบเก็บแก้วลงถาดแก้ว ในขณะที่ผมรวบเก็บจานและช้อนแยกถาด
“ได้ข่าวว่าเป็นแค่ว่าที่”
ผมยกยิ้ม
“ถ้าทางนิตินัยน่ะใช่ แต่ทางพฤตินัยฉันคือสามีฝนแน่ๆ”
ผมกับมันจ้องตากันไฟแลบ
100%
พอเก็บร้านเสร็จฟ้าก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ ทุกคนพูดคุยกันสนุกสนาน ผมนั่งอยู่ตรงกลางขนาบข้างด้วยฝนและไผ่ ในขณะที่ตรงกันข้ามคือต้าร์และฟ้าที่นั่งอยู่ข้างต้าร์อีกที
หลังจากทานอาหารไผ่ก็รีบตรงดิ่งไปคลินิกเพื่อนผมในขณะที่ฝนอยู่เรียนหนังสือและมีผมนั่งอ่านหนังสือเป็นกำลังใจให้
เท่าที่ดูถือว่าต้าร์สอนหนังสือเก่งมาก ระดับโปรเลย ในขณะที่ฝนก็ตั้งใจเรียนดี ผมไม่ก่อกวนอะไร กระทั่งการสอนจบลง ต้าร์ลากลับบ้านในขณะที่ผมนั่งคอยอยู่ในห้องรอ
ฝนเปิดประตูกลับเข้ามาอีกครั้ง มันมองหน้าผม แล้วเสหน้าไปทางอื่น
“ขอบคุณที่มาช่วยนะครับ”
“ไม่ได้ช่วยฟรีๆ นี่ ขอค่าเสิร์ฟด้วย”
“ได้ไม่เยอะนะ”
มันบอกพาซื่อ ผมหรี่ตาตอบมันด้วยสายตาว่าไม่ใช่ด้วยจำนวนเงิน
“ถ้าจะมาช่วยแล้วหวังผลตอบแทนแบบนี้ก็ไม่ต้องมา พี่ต้าร์ยังเอาค่าชั่วโมงแบบพนักงานปกติเลย”
“เอาผัวไปเปรียบเทียบกับชู้เหรอ”
ผมดึงมันลงมานอนทับบนตัว มันดิ้นขลุกขลัก
“ผมเปล่า แค่บอกว่าพี่น่ะเจ้าเล่ห์ ทำอะไรหวังผลตอบแทน น้ำใจน่ะมีไหม”
มันดิ้นไม่หยุด
“ปล่อยพี่หมอ ตัวผมมีแต่เหงื่อ เหม็น”
“ไหนขอฉันพิสูจน์หน่อย” ผมก้มดมซอกคอมัน “อื้มเหม็นจริงๆ” แล้วเลื่อนลงไปแถวๆ หน้าอก ดมฟอดใหญ่ “อื้ม เหม็น”
“เหม็นก็ปล่อยสิ” มันดิ้นแรงขึ้น
“ขอพิสูจน์ความเค็มก่อน”
แล้วผมก็แกล้งงับต้นคอมันเบาๆ ไล่ต่ำลงไปถึงยอดอก งับผ่านเสื้อ ฝนมันครางเบาๆ
“มันไม่เค็มแฮะ แต่หวาน”
ผมเย้า หน้ามันแดงเรื่อ ผมหัวเราะหึๆ ปล่อยให้มันเดินเข้าห้องน้ำไป ออกจะเสียมารยาทไปบ้าง แต่ผมว่าคืนนี้ผมจะนอนค้างที่นี่แหละ พอฝนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาข้างนอก
“พี่หมอจะกลับกี่โมง”
ผมแกล้งยกนาฬิกามอง หรี่ตาทำท่าคิด
“หกโมงเช้า”
มันอ้าปากพะงาบๆ แก้มแดง
“จะค้างเหรอ”
“ใช่ ใช้งานฉันหนักขนาดนี้ คงไม่คิดไล่กลับหรอกนะ”
“ตะ แต่พ่อกับแม่”
“ถ้าคุณพ่อกับแม่มาจะออกไปขอเอง ฉันอาบน้ำก่อนล่ะ มีอะไรให้ใส่บ้าง”
“มีแต่ของไผ่ที่พี่พอจะใส่ได้”
“ถ้าไผ่ไม่ว่า”
“มันไม่รู้หรอก”
มันบอกหน้าแดง ผมพยักหน้าเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ฝนยื่นเสื้อยืดกางเกงบอลนอนสบายมาให้ บอกตามตรงว่าไม่ใช่แนวผมหรอก แนวไผ่มัน แต่ตอนนี้จะเลือกมากก็ไม่ได้ ผมรับมาสวม เสื้อค่อนข้างพอดีตัว กางเกงบอลสั้นเหนือเข่า ฝนมองหน้าแดงๆ ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดในบ้าน แน่นอนพ่อกับแม่มา และผมเป็นว่าที่ลูกเขยก็ต้องลงไปต้อนรับ
แอบเขินเหมือนกันครับ ทั้งชุดที่ใส่แล้วก็แบบว่า ยังไม่ได้แต่ง แต่มานอนค้างบ้านผู้หญิงอะไรอย่างนี้
“อ้าว คุณหมอ”
ผมยกมือไหว้คนทั้งคู่ ท่านเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมใส่ชุดไผ่
“จะค้างเหรอ”
ผมมองหน้าฝน
“ครับ พี่หมอมาช่วยเสิร์ฟ พอดีคนไม่พอ เอ่อ ผมเลยให้ค้าง”
ผมหัวเราะอยู่ในใจ เพราะคนขอค้างคือผม ไม่ใช่ฝน
แม่หน้าแดงนิดๆ
“ผมขออนุญาตค้างนะครับ”
ถ้าท่านบอกว่าไม่ ผมก็พร้อมจะกลับขึ้นไปแต่งตัวแล้วเดินออกไป
“ครับ”
แต่พ่อก็อนุญาต บรรดาลูกๆ ของคนทั้งคู่ก็เข้าไปพะเน้าพะนอเอาใจ กระทั่งคนทั้งสองเดินขึ้นห้องไป ฟ้าหันมามอง หัวเราะหึๆ มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ทุเรศเหรอครับ”
“ใส่ชุดขอทานคุณหมอยังหล่อเลย ชุดนี้ทำให้หน้าเด็กลงไปได้หลายปี”
ผมยกยิ้ม หันไปมองฝน
“บางทีอาจจำเป็นครับ เพราะเผลอชอบเด็กไปแล้ว”
“พี่ฟ้า ฝนง่วง ไปนอนก่อนละ”
มันหาทางเลี่ยงความอายที่ฟ้ากับผมช่วยกันก่อ ซึ่งผมว่ามันคิดผิดนะ เพราะถ้าเข้าห้อง คิดว่ามันจะได้นอนรึไง
“แน่นอน”
ไม่มีทาง
“อืม พี่หมอ…”
To be Con..
สปอยด์ ตอนหน้า พี่ดีนโผล่ & ไผ่เสร็จพี่หมอนนท์ -,. - #คนละเม้นท์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยคร้าบบ
ปล. ไม่มีใครบอกว่าเขาใส่ชื่อตอนผิด TT
ปล2. จองหนังสือได้ทางเพจนะฮับ