Chapter : 72 ทาบทาม
[น้ำฝน...♥]
ผมกดโทรศัพท์หาพี่หมออีกครั้งเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อีกคนกลับปิดมือถือเฉยเลย ทำให้ผมร้อนใจเล่น ผมรีบโทรหาไผ่ทันที
“ไผ่” ผมรีบถาม “เมื่อกี้พี่หมอโทรมาบอกว่ามึงต่อยพี่เขา เกิดอะไรขึ้น”
“โหย โทรมาฟ้องเมีย แล้วมึงก็เข้าข้างมัน” มันตอบกลับด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“เปล่า กูแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ก็ อูยย..” อยู่ ๆ มันก็ครางเหมือนคนกำลังเจ็บ
“เป็นไร” ผมขมวดคิ้วถาม
“โดนผัวมึงต่อยไง”
ผมตาโต “นี่พวกมึงต่อยกันเหรอ”
“เรียกว่าแลกหมัดกันดีกว่า คนละหมัด หน้ามันแข็งอย่างกับหิน หมัดหนักชิบ มันโทรไปฟ้องว่าไง”
“ไม่ได้ฟ้อง แค่บอกว่าโดนมึงต่อย พรุ่งนี้ให้ไปทำแผลที่บ้าน แล้วมึงเป็นไงบ้าง”
มันหัวเราะหึ ๆ อย่างเจ้าเล่ห์
“ดี พรุ่งนี้มาทำแผลให้กูด้วย กูหน้าเขียวหมดแล้ว หน้าหล่อ ๆ กูเสียโฉมหมด ไม่น่าไปท้าต่อยมันเลย”
“แล้วมึงไปท้าต่อยเขาทำไม”
“แค้นไงมึง เอาให้สาสม แลกกัน คนละหมัด”
“ทำอะไรกันไร้สาระ”
“เรื่องของลูกผู้ชาย ฆ่าได้ หยามไม่ได้”
“เอ้อ แล้วเป็นไง หมดหล่อไปอีกหลายวัน พรุ่งนี้แก้มตุ่ยไปโรงเรียนแน่ ๆ”
“เพราะงั้นพรุ่งนี้มึงต้องมาทำแผลให้กูกับผัวมึงเลย” ผมจะค้าน แต่ก็ยอมรับปากเพราะชักเป็นห่วง หุ่นแต่ละคนก็ใช่จะเล็ก ๆ
ไผ่มันขับรถมารับผมแต่เช้า พอเห็นหน้ามันนี่ผมแทบตาแหก เพราะหน้ามันบวมมาก ๆ
“พ่อแม่ไม่ตกใจไง กินยายัง”
“ตกใจดิ กินแล้ว”
“แล้วพี่หมอ”
“สภาพไม่ต่างกับกูนี่แหละ” ผมชักเป็นห่วงพี่หมอจริง ๆ “ไปกันได้แล้ว กูหิว” ผมพยักหน้า ก้าวขึ้นรถไปกับมัน
เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนพากันตกใจใหญ่ แต่มันเชิดหน้าบอกว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย แต่มันก็เท่จริง ๆ ครับ ขนาดหน้าเยินสาว ๆ ยังมองมันตรึม
“เกิดเป็นไอ้ไผ่นี่ก็ดีเนอะ หน้าเยินยังไงคนก็ยังกรี๊ด”
ไผ่มันหัวเราะหึ ๆ อย่างหล่อ ผมหมั่นไส้เลยแกล้งจับแก้มมันเบา ๆ มันร้องโอ๊ยหมดมาด ผมหัวเราะ มันรวบจับเอวผมไว้ จั๊กจี้จนผมตัวงอดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในอ้อมแขนมัน
“มึงสองคนนี่เล่นอะไรกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้ สาว ๆ เขาเข้าใจผิดกันหมดว่ามึงสองคนเป็นแฟนกัน”
ไผ่ยักไหล่ “ไม่สน”
ตกเย็นผมซ้อนมอ’ไซค์กลับกับไผ่ เป็นห่วงพี่หมอครับ พี่แกไลน์มาย้ำแค่ว่าให้ไปบ้านให้ได้ ถ้าไม่ไปจะมารับด้วยตัวเองเลย ผมถึงได้ไลน์ไปบอกว่ากลับพร้อมไผ่
พี่หมอยังไม่กลับ แต่พ่อกับแม่กลับมากันแล้ว พวกท่านพากันมองผม สายตาดูเศร้า ๆ ยังไงพิกล เหมือนมองลูกหมาลูกแมวบาดเจ็บ พ่อเดินเข้ามากอดผมก่อน ตามด้วยแม่ ผมมองพวกท่านอึ้ง ๆ
“มีอะไรกันครับนี่ คิดถึงฝนกันมากขนาดนี้เลยเหรอ” ผมแซวยิ้ม ๆ พ่อลูบหัวผมเบา ๆ
“หิวรึยังลูก ถ้าหิวแม่จะหาอะไรมารองท้องให้ก่อน อีกสักชั่วโมงพี่หมอก็กลับแล้ว”
“ผมรอได้ครับ”
“งั้นไปนั่งเล่นกันก่อนป่ะ พี่เขามาแล้วแม่จะเรียก”
ผมกับไผ่พากันพยักหน้า พอขึ้นห้องได้ ผมก็ทำหน้าที่พยาบาล จริง ๆ แม่จะทำเอง แต่ไผ่มันอ้อนให้ผมทำให้ แม่กับพ่อเลยพากันส่ายหัว
ผมทายาให้มันเบามือ แล้วนั่งเล่นนั่งคุยกันจนได้ยินเสียงรถ ผมหันขวับไปมอง ไผ่ทำหน้าหน่าย พาผมออกจากห้อง
สภาพหน้าพี่หมอตอนนี้ไม่ต่างกับไผ่เลย บวมโย้ แต่พี่หมอเขามีออฟชั่นเสริมเป็นแผ่นลดบวมที่แก้ม
“ทำแผลให้หน่อย”
พูดจบพี่หมอก็ฉุดมือผมเดินขึ้นห้องตัวเองไป ผมหันไปมองทุกคนตื่น ๆ ไม่คิดว่าพี่หมอจะกล้าจูงมือผมต่อหน้าพ่อแม่แบบนี้
“พี่หมอ”
ผมปราม พี่หมอไม่ฟังกระทั่งมาถึงห้อง พี่หมอจับผมจูบเบา ๆ ที แล้วยื่นแผ่นลดบวมและยามาให้ผมทาให้ ผมจำใจต้องทำ ให้พี่หมอนั่งลงตรงขอบเตียง ส่วนผมยืนอยู่ข้างเตียงทำให้ ลอกแผ่นเก่าออก แปะแผ่นใหม่
“บวมหมดแล้ว”
“เพื่อนนายหมัดหนัก”
“แล้วไปยอมให้เขาต่อยทำไม”
“จะได้หายติดค้างกันไง”
“แล้วเจ็บตัวไหมล่ะ” ผมว่ากลับ พี่หมอยิ้ม รวบกอดผมไว้
“ถ้าเจ็บแล้วมีเมียมาดูแลให้แบบนี้ ก็ถือว่าคุ้ม”
ผมอ้าปากพะงาบ ๆ ตั้งแต่ยอมรับว่ารักผมนี่ เสี่ยวแดกจริง ๆ
“บ้า” ผมตอบกลับได้แค่นั้น เขยิบหนี
ได้ยินเสียงเคาะห้องหนัก ๆ สองสามที
“ทำแผลเสร็จแล้วก็รีบลงไป พ่อกับแม่รอกินข้าว ไม่ต้องแดกไอ้ฝนมันตอนนี้นะ” ไผ่มันตะโกนบอกผ่านประตูเข้ามา ผมอ้าปากพะงาบ ๆ รีบเดินไปเปิดประตูออกมองหน้ามัน
“พูดอะไรหัดเบาเสียงหน่อยไผ่ พ่อแม่อยู่ เดี๋ยวพวกท่านก็ได้ยินหรอก”
“กูหิว” มันตัดบทสั้น ๆ ผมหันไปมองพี่หมอ พี่มันพยักหน้าทีหนึ่งเป็นสัญญาณว่าให้ลงไปกันได้แล้ว
พวกผมพากันก้าวลงไป พ่อแม่พร้อมอยู่บนโต๊ะอาหาร มื้อนั้นผ่านไปได้ด้วยดี พวกท่านดูจะใจดีกับผมมากเป็นพิเศษ พออิ่มก็ไล่ให้ผมไปนั่งบนโซฟา แต่เกรงใจครับ ผมเลยเข้าครัวไปหวังช่วยแม่ล้างจาน แม่หันมามองตอนผมกำลังสวมผ้ากันเปื้อน
“ร้านอาหารเป็นไงบ้างลูก”
“สนุกดีครับ เราได้แม่ครัวมือดีมาช่วย เลยไม่เหนื่อยมาก”
ผมอาสาล้างจานแทนที่ แม่ละออกง่าย ๆ ไปยืนมองห่าง ๆ แต่สายตาแม่ชักจะทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ ผมหันไปมองขณะไล้ฟองฟอดบนจาน
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่าหรอก แม่แค่รู้สึกดี เหมือนมีลูกชายเพิ่มอีกคน”
“หูย คิดว่าอะไร ผมเคยบอกแล้วไงว่าจะเฉดหัวไผ่ทิ้งแล้วขึ้นแท่นเป็นลูกรักแทน เป็นไง ผมพูดจริงใช่ไหมล่ะ”
แม่หัวเราะกับมุกผม แม่ช่วยนำจานที่ผมล้างเสร็จขึ้นเรียง ก่อนพากันเดินออกจากห้องครัวไป
“เอาล่ะ ฝนมานั่งตรงนี้ลูก พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
ผมมองพ่อที่ทำหน้าซีเรียสงง ๆ มองไปทางไผ่ ถามด้วยสายตา มันพยักหน้าให้มานั่งตามสั่ง พ่อนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ แม่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พ่อ ส่วนผม ไผ่มันดึงให้นั่งลงตรงกลางระหว่างมันเองกับพี่หมอ
“ครับ ทำหน้าซีเรียสเชียว หรือจะยกมรดกของไผ่ให้ผม” ผมพูดติดตลก ไผ่มันโบกหัวผมเบา ๆ ที
“เอาละ พ่อขอพูดเข้าเรื่องเลยนะ”
ผมครางรับ ชักจะตลกไม่ออก เพราะทุกคนดูซีเรียสกันมาก พ่อมองตาพี่หมอ
“พ่อจะขอให้ฝนมาเป็นลูกชายด้วยอีกคน”
ผมขมวดคิ้วมองงง ๆ
“ตอนนี้ก็เป็นอยู่แล้วนี่ครับ”
“ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนลูกชาย แต่ในฐานะลูกสะใภ้” ผมอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบ ๆ หันไปทางไผ่
“พ่อมุกใช่ไหมมึง”
“มั้ง” มันรับคำ
“พ่อพูดจริง ๆ ลูก ตาแซมกับตาไผ่เล่าเรื่องทุกอย่างให้พ่อฟังหมดแล้ว พ่อเลยจะมาคุยกับเราว่าเรารู้สึกยังไงกับตาแซม ถ้ารักชอบพอกันจริง พ่อจะได้ทำให้มันถูกต้อง พ่อต้องขอโทษแทนลูก ๆ แต่ละคนด้วยที่เคยทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ ครอบครัวเราจะรับผิดชอบร่วมกัน อยากขอให้ฝนมาเป็นหนึ่งในครอบครัวเรา”
ผมนั่งฟังอึ้ง ๆ คือบอกตามตรง ไม่คิดว่าพี่หมอจะพูดจริงเรื่องส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ คิดว่ามันคงจบที่พี่หมอให้แหวนคล้าย ๆ กับของปลอบใจไรงี้
เพราะเรื่องผู้ใหญ่เป็นเรื่องใหญ่มาก คงต้องใช้เวลา ไม่คิดว่าพี่มันพูดปุ๊บจะทำปั๊บแบบนี้
“พ่อกับแม่ไม่ได้รังเกียจฝนนะลูก แต่แค่อยากรู้ว่าฝนรักตาแซมจริงไหม ถ้ารับหมั้นเพราะถูกบังคับพ่อจะได้ยกเลิกให้ แต่ถ้ารักกันจริง พ่อจะได้ไปคุยกับผู้ใหญ่ให้”
“ผะ ผมว่า…” ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ทำไมเรื่องราวมันดูใหญ่โตขนาดนี้
“รักพี่เขาหรือเปล่าลูก” แม่ถาม ผมก้มหน้า แก้มร้อนผ่าว พี่หมอเลื่อนมากุมมือผมไว้เบา ๆ คล้ายกับจะให้กำลังใจ
“รักหรือเปล่าลูก” พ่อถามอีกรอบ ผมเงยหน้ามอง ทุกคนดูลุ้นมาก ไม่เว้นแม้แต่ไผ่กับพี่หมอ ผมก้มหน้าอีกรอบ พยักหน้าขึ้นลงเบา ๆ
“งั้นดีเลย พ่อจะไปคุยกับผู้ใหญ่ให้”
“ผะ ผมว่า…”
“ไม่ต้องกลัวนะ ให้พ่อกับแม่รับผิดชอบตรงจุดนี้เถอะ เราทำผิดต่อลูกและฝนมามากแล้ว ให้เราได้ทำอะไรเพื่อลูก ๆ บ้าง นะ”
ผมกลืนคำปฏิเสธลงไป
สักวันพ่อกับแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี แต่ไม่คิดว่ามันจะมาถึงในสภาพนี้
คืนนั้นผมอยู่บ้านไผ่กระทั่งดึก เพราะถูกพ่อกับแม่สอบถามเรื่องราวหลาย ๆ อย่าง คล้าย ๆ กับจะประติดประต่อเรื่องราว ผมก็เล่าตามจริง บางเรื่องก็ทำให้พี่หมอกัดกราม ไผ่หันหน้าหนี แม่ร้องไห้
แต่มันก็เป็นความจริงที่หนีไม่พ้น
พี่หมอรับหน้าที่ขับรถมาส่งผม ผมนั่งบีบมือตัวเองแน่นกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี(?)ข้างกาย
“พี่กล้าเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้ไง”
“ก็แค่เล่า แต่การเจรจาครั้งนี้จะสำเร็จลงไม่ได้ถ้าไม่มีไผ่ช่วย”
ผมขมวดคิ้ว
“นี่พวกพี่คุยกับพ่อแม่กันสองคนเลยเหรอ”
พี่หมอครางอื้อรับปาก ผมเหวอกินไป เพราะไม่คิดว่าไผ่มันจะยอมร่วมมือกับพี่หมอแบบนี้
“ไผ่มันรักนายมาก ในฐานะเพื่อนสนิท มากจนฉันอาจเทียบไม่ติด”
“บ้ารึไง เพื่อนกับคน...” ผมหยุดคำไป เพราะอายและกระดากถ้าต้องใช้คำนี้ “มันต่างกัน”
“แล้วนายล่ะ ระหว่างฉันกับไผ่ รักใครมากกว่ากัน”
“ไผ่สิ” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด
“แน่ใจ”
“งั้นทำไมเวลาเมา ถึงได้เลือกมาหาฉันมากกว่าไผ่ล่ะ ไผ่มันงอนนะรู้ไหม”
“มั่วแล้ว ใครไปหาพี่กันแน่”
ผมเถียงข้าง ๆ คู ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าเมาแล้วแรดเอาตัวไปให้พี่หมอกินขนาดไหน พวกเพื่อน ๆ ผมมันยำกันเละเลยครับ เล่ากันละเอียดยิบชนิดแทบแทรกแผ่นดินหนี เพราะวันนั้นทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าผมปล้ำจูบพี่หมอจริง ๆ
อับอายขายขี้หน้ามาก ๆ
“แล้วรักฉันไหม”
ผมยักไหล่ไม่ตอบ
“ฉันรู้ว่านายรักฉันมากกกก รักเท่าโอ่งมังกรเลย”
“หูย พูดเองเออเองเหอะ”
“ฉันมีหลักฐาน” พี่มันล้วงหยิบมือถือมากด
‘นายรักฉันหรือเปล่าน้ำฝน’
นั่นเสียงพี่หมอนี่ ได้ยินเสียงหายใจตัวเองด้วย
‘รักสิ’
ส่วนนี่เสียงผมแน่ ๆ ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะมาได้ยินอะไรแบบนี้
‘รักแค่ไหน’
เสียงพี่หมอยังคงไล่ต้อนไม่หยุด
‘รักมากกกกก’
ได้ยินเสียงพี่หมอหัวเราะหึ ๆ ถูกใจ
‘รักเท่าโอ่งมังกรเลย’
แล้วพี่หมอก็หัวเราะผมเสียงดังกว่าเดิม ในมือถือด้วย ข้างนอกด้วย พี่หมอขำชนิดที่ผมไม่เคยเห็นพี่มันขำแบบนี้มาก่อน
“นายต้องเห็นตอนนั้นนะฝน นายกางมือประกอบด้วย ทำเอาฉันเกือบหมดอารมณ์แน่ะ”
ผมหน้าง้ำ ร้อนไปทั่วทั้งหู
“ผมเมา” ผมยืนยันคำเดิม
“หึ แต่เมาแล้วน่ารักแบบนี้ ฉันยอมให้นายเมาทุกวันเลย”
ผมรีบเสหน้าหลบ มุบมิบด่าพี่มันเบา ๆ
ผมกลับมาเล่าให้พี่ฟ้าฟังเรื่องที่พ่อกับแม่ไผ่รู้เรื่องและพูดเรื่องสู่ขอ พี่ฟ้ายังอึ้งเลยที่พี่หมอทำจริงตามพูด
“แปลว่าเขารักฝนมากจริง ๆ”
“ไม่รู้ ไม่รู้ทำไปเพราะตกกระไดพลอยโจนหรือว่าเขารักมากจริง ๆ”
“คิดอย่างหลังไว้ก่อนละกัน”
“แต่ผมห่วงเรื่องพ่อกับแม่มากกว่า ถ้าพ่อกับแม่ไผ่มาคุยจริง ผมไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย ดีไม่ดีอาจสั่งให้ผมกับพี่หมอเลิกคบกันก็ได้”
“แล้วถ้าเป็นงั้นจริงล่ะ”
“ไม่รู้สิ ผมบอกไม่ถูก เอาตามตรงคือผมคิดถึงความรู้สึกพ่อแม่และครอบครัว ผมไม่อยากให้ท่านเป็นทุกข์”
พี่ฟ้ายิ้ม ลูบหัวผมเบา ๆ
“พี่ว่าพ่อกับแม่ต้องเข้าใจ”
ผมอยู่คุยกับพี่ฟ้าอีกนิดหน่อยก็แยกย้ายกันเข้านอน ก่อนนอนยังไม่วายถูกมือดีไลน์มากวนประสาทให้หัวใจหวั่นไหวเล่น
‘ต่อไปนี้ นอนหลับฝันถึงฉันด้วยล่ะ’
‘ไม่’ ผมตอบกลับ อมยิ้มนิด ๆ กับข้อความนั้น
แล้วคืนนั้น ผมก็ฝันเห็นพี่หมอจริง ๆ
ตามมากวนได้แม้กระทั่งในความฝันนะคนเรา ....................
แฮชแท็ก >> #พี่หมอน้ำฝน #ทาสแค้น