Chapter : 50 : สงครามเล็ก ๆ
(น้ำฝน...♥)
วันนี้ต้องเป็นวันโลกแตกแน่ ๆ ที่พี่หมอกับไผ่ทำงานร่วมกัน แน่นอนสงครามเล็ก ๆ เลยละ ผมก็ทำไปห้ามทัพระหว่างสองขุนพล หนึ่งขุนพลแรกดุเดือดเลือดพล่าน อีกหนึ่งขุนพลนิ่งสงบแต่เชือดนิ่ม ๆ
ไม่เกินชั่วโมงก็ได้ยินเสียงกริ่งอีกรอบ พวกผมไม่เขยื้อนเพราะรู้ว่าไงป้าแม่บ้านก็เป็นคนทำหน้าที่นี้ สักพักก็เห็นใครบางคนเดินหน้าหล่อเข้ามา
เป็นพี่หมอนนท์ครับ มาในชุดเสื้อยืดคอกลมสบาย ๆ หัวตั้งมาแต่ไกลเลย
“อ้าวสวัสดีค่ะคุณหมอนนท์” พี่ฟ้ารีบทัก “ตัดผมทรงใหม่หรือคะ หล่อจัง”
พี่หมอนนท์ยิ้มหล่อเรี่ยราด
“ใช่ หล่อจนไอ้ตัวกินไก่เห็นแล้วอยากลากลงไปกินในน้ำ”
ไผ่มันโกยตีนหมาเข้าไปกัดก่อนทันที ตอนนี้ขุนศึกผู้เยือกเย็นมีกองกำลังหนุนแล้วครับ แล้วเจ้าหญิง เอ้ย! คนกลางอย่างผมจะทำยังไง
“พอดีวันนี้ผมหยุด ไอ้หมอมันชวนมา ไม่ทราบว่ากำลังอะไรกันอยู่ครับ”
“พอดีฟ้าจะเปิดร้านอาหารค่ะ เลยกำลังทำอุปกรณ์พวกโต๊ะเก้าอี้ไว้ใช้ในร้าน”
พี่หมอนนท์ตาวาว
“งั้นผมขอจองโต๊ะล่วงหน้าไว้ก่อนเลย จะต้อนเพื่อน ๆ ศิษย์อาจารย์ลูกค้ามาอุดหนุนจนคุณฟ้าทำไม่ทันเลย”
โห พูดซะพี่ฟ้าตัวลอย แต่ดีเลยครับ กิจการจะได้รุ่ง ๆ
“ยินดีค่ะ”
“ที่นี่เป็นร้านอาหารสำหรับให้คนกิน พวกตัวเหี้ยตัวห่าเชิญไปกินได้ที่ลำคลองข้าง ๆ”
ไผ่มันยังไม่หยุดกัดพี่หมอนนท์ รายนั้นหน้าเสียเลย
“ไผ่”
พี่ฟ้าปราม มันก้มทำหน้าที่ของตัวเองต่อ พอพี่หมอนนท์มา พี่หมอก็เข้าประชิดตัวผมมากขึ้น
นี่มึง มึงจงใจเรียกหน่วยเสริมมาเพื่อการนี้ใช่ไหม ไอ้ไผ่หันมาเห็น กำลังจะเข้ามาชาร์จตัวผมกลับ แต่ถูกขวางทางด้วยร่างหนา ๆ ของพี่หมอนนท์
“มีอะไรให้ช่วยไหม”
“ช่วยไปไกล ๆ ตีนกูเลย”
ไผ่มันไม่ไว้หน้าพี่หมอนนท์แม้แต่น้อย พี่หมอนนท์ก้มมองเท้ามัน ขยับออกห่างก้าวหนึ่ง
นี่พี่กวนตีนหรือพาซื่อกันแน่ = _ =;
“ให้พี่ช่วยดีกว่า พี่เก่งเรื่องพวกนี้”
“กูไม่มีพี่ชาย”
แหม กระทบคนแถวนี้นะไผ่
“งั้นให้ผมช่วยคุณดีกว่า ผมเก่งเรื่องพวกนี้”
คนนี้ก็เก่งรับมือไผ่มันเอาเรื่อง
“เสือก”
มันด่ากลับ แต่พี่หมอนนท์ไม่ฟัง ตรงเข้าไปแย่งเลื่อยจากมือมันมาถือเอง แต่ผมว่าดีแล้วครับ ตอนนี้ให้มันถือ อาจมีคนได้รับบาดเจ็บได้
พี่หมอนนท์ไม่ได้โม้จริง ๆ ที่ว่าเก่งในเรื่องพวกนี้ เพราะพี่แกทำงานเนี๊ยบมาก เก่งกว่าพี่หมออีก แถมยังช่วยในเรื่องของการออกแบบอีกต่างหาก
เบื้องต้นเราจะทำกันประมาณ 15 โต๊ะ 5 ตัวแรกเป็นโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ (เพราะแถวนี้มีออฟฟิศเยอะครับ) อีก 5 โต๊ะเป็นแบบสี่คนนั่ง และอีก 5 สำหรับสองที่ เน้นจัดวางให้กลมกลืนไปกับตัวบ้าน ทำจากไม้จริงเป็นหลัก บางจุดจะทำซุ้มด้วย พ่อสละโรงรถ+โรงเก็บของให้ทำเป็นส่วนของร้านในร่ม(ไม่มีแอร์นะครับ) ซึ่งจุดนี้พี่ฟ้าจะเอาพวกภาพแอบแทรกแผ่นดินหนีมาตกแต่ง ทำจุดไว้ให้ถ่ายรูป ร้านเราเดินทางไม่สะดวก ถ้าจะให้ดึงคนได้ก็ต้องรสชาติและของดึงดูดพวกนี้แหละ บ้านเรามีรถแค่คันเดียว พ่อเอาไปไว้ใต้เพิงเก๋ ๆ ที่ทำขึ้นมาใหม่อีกที
เราวางแผนกันไว้ว่าจะทำอาหารเป็นหลัก ส่วนของหวานจะเป็นขนมไทย ๆ ก่อน ที่เหลือดูการตอบรับของลูกค้าก่อน ถ้าดีแล้วค่อยว่ากัน
เหนื่อยครับ เหงื่อไคลของแต่ละคนไหลย้อย นี่ขนาดทำกันในร่มนะ พี่ฟ้าขอตัวเข้าไปช่วยป้าแม่บ้านทำมื้อเที่ยง พี่หมอขอตัวเข้าห้องน้ำ เดินเคียงพี่ฟ้าไปติด ๆ ในขณะที่หมอนนท์ยังติดพันวัดไม้ทำซุ้มศาลาอยู่ รายนั้นก็ตั้งอกตั้งใจทำจริง ๆ
ผมเบรกเดินไปตักน้ำจากกระติกขึ้นกิน ไผ่มันเดินเข้ามาใกล้
“ป้อนหน่อย”
ผมยกป้อนมันจนอิ่ม มันเช็ดปากด้วยหลังมือ ผมวางแก้วไว้ที่เดิม มองเข้าไปภายในบ้าน พี่หมอหายเข้าไปนานแล้วนะ หรือว่าจะเข้าไปอ้อร้อพี่ฟ้า
“มึง กูว่าพี่หมอต้องเข้าไปหาพี่ฟ้าแน่นอนเลย กูเข้าไปดูก่อนดีกว่า”
ไผ่รีบคว้าจับข้อมือผมไว้
“กูว่าเลิกห่วงพี่ฟ้าไปได้เลย ไอ้นั่นมันไม่สนพี่ฟ้าหรอก”
“ไม่สนได้ไง เขาจีบพี่ฟ้าอยู่”
ไผ่มองตาผม
“ฝน ถ้ามึงจะห่วง ห่วงตัวเองก่อนดีกว่า”
ผมขมวดคิ้วมอง กูรู้ แต่กูก็ห่วงพี่กูเหมือนกัน
“มันทำอะไรกูตอนนี้ไม่ได้หรอก มึงอยู่ทั้งคน แต่พี่ฟ้า…”
มันถอนหายใจแรง กางนิ้วจับกบาลผมไว้ กดเบา ๆ ไม่ให้หัวผมเคลื่อนไปไหน จ้องตาเขม็ง
“ไอ้บ้านั่นมันไม่ได้จ้องจะงาบพี่ฟ้านะฝน มันจ้องจะงาบมึง”
ผมอ้าปากค้าง
“กะ ก็…”
“ตอนนี้มันแค่ใช้พี่ฟ้าเป็นข้ออ้างมาหามึง ถ้ามันคิดจะจีบพี่ฟ้าจริงมันคงไม่เปิดตัวต่อสาธารณะแบบนั้นหรอก”
ผมอ้าปากค้างอีกรอบ
“นินทาอะไรเพื่อนผมกันอยู่หรือเปล่า”
พี่หมอนนท์เดินเข้ายืนอยู่ไม่ห่าง ไอ้ไผ่รีบละสายตาไปมอง เปลี่ยนสายตาเรียบ ๆ เป็นปล่อยแสงเลเซอร์ใส่พี่หมอนนท์ทันที
สงสัยรายนั้นจะชินแล้วครับ ยืนมองไม่สะทกสะท้านเลย
“แบบมึงแถวบ้านกูเรียกเสือก”
พี่หมอนนท์ส่ายหัว
“ผมแค่หวังดีครับ อยากให้เกิดความปรองดองกันระหว่างพี่น้อง”
ไผ่หันไปเผชิญหน้าตรง ๆ
“โดยการช่วยเพื่อนให้ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับฝนเนี่ยนะ”
“ผมไม่ได้สนับสนุนนะ พยายามปราม ๆ มันอยู่เหมือนกัน แต่ไอ้นั่นมันดื้อ”
“ไม่สนับสนุนแล้วช่วยมันทำไม”
ไผ่ถามต่อ
“ไม่ได้ช่วย แต่อยากห้ามไม่ให้ทะเลาะกันเฉย ๆ”
“กูว่าทางที่ดีนะ…” ไผ่มันเดินเข้าไปชิดพี่หมอนนท์ “ลากคอไอ้ห่านั่น แล้วพากันไสหัวไปไกล ๆ จะดีที่สุด”
พี่หมอนนท์ไม่ได้ขยับท่อนล่างไปไหน แต่เอนท่อนบนหลบไปด้านหลัง
“เฮ้ย!!”
ผมร้องเสียงดังเมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกรวบจับเอวไว้ แถมยังถูกหอมแก้มแรง ๆ จากปากปริศนาอีกต่างหาก ผมรีบหันไปมองคนทำ
พี่หมอครับ ยืนยิ้มหล่อไม่เขยื้อนไปไหน ผมรีบดันตัวออก แต่พี่หมอไม่ปล่อย
“ปล่อยพี่หมอ เดี๋ยวพี่ฟ้าก็เข้ามาเห็นหรอก”
“ไม่เห็นหรอก ทำกับข้าวอยู่”
“สารเลว ตัวเองคิดจะจีบพี่ฟ้าแล้วมายุ่งอะไรกับผม”
ผมหันไปเผชิญหน้า พี่หมอทำสายตากรุ้มกริ่ม
“นั่นน่ะสิ เพราะอะไรน้า”
ได้ยินเสียงอื้อ ๆ สักอย่างจากไผ่ กำลังจะหันไปมอง แต่พี่หมอจับคางผมไว้ ล็อกให้อยู่นิ่ง เหลือบตามองผ่านหัวผมไปทางด้านหลังที่มีพวกไผ่อยู่ แล้วก้มลงมา ผมตาโตเพราะคิดว่าจะถูกจูบอีก
แต่ไม่ใช่ครับ = =
แค่โดนหอมแก้ม...
ฟอดใหญ่จนแก้มบี้เลย
“พี่หมอ!”
ผมพยายามจะดันหน้าพี่หมอออก ได้เสียงโวยวายอึกอักด้านหลัง ให้เดาไผ่มันต้องถูกสกัดดาวรุ่งจากพี่หมอนนท์แน่ ๆ
“เอาล่ะ ระหว่างรอมื้อเที่ยง เรามาทำโต๊ะกันต่อดีกว่า”
พี่หมอปล่อยผมออก ผมรีบหันไปมองทางไผ่ เป็นไปตามคาด พี่หมอนนท์อุดปากเพื่อนผมไว้ด้วยมือ สองแขนถูกล็อกไพล่ไว้ด้านหลัง
เห็นนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะข้อแข็งขนาดนั้น
“เอ่อ ผมว่าปล่อยเพื่อนผมดีกว่าครับพี่หมอนนท์”
พี่หมอนนท์พยักหน้า ปล่อยเพื่อนผมออก ไผ่มันแว้งตัวหันขวับไปยกเท้าหมายถีบพี่หมอนนท์ แต่รายนั้นก็ไวทายาทคว้าจับข้อเท้ามันไว้ ดันจนไผ่เซแถด ๆ ถอยหลังเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้า มันรีบลุกอย่างรวดเร็ว กำหมัดแน่นถลาจะเข้าไปต่อย(ผมเคยบอกรึยังว่าไผ่มันชอบต่อยมวย) แต่พี่หมอนนท์รู้ทันรับได้อยู่ดี รับได้อย่างสบาย ๆ ด้วย
พี่หมอยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมองนิ่ง ๆ ประหนึ่งดูการแสดงมหรสพกลางงานวัด
“อย่าคิดสู้กับไอ้นนท์ดีกว่า ถ้ามันไม่ได้เป็นหมอป่านนี้คงเป็นหน่วยสืบราชการลับประจำแอลเอไปแล้ว”
ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน
“ถ้าวันนี้กูเอาเลือดหัวมึงออกไม่ได้ก็อย่าเรียกกูว่าผู้ชายเลย”
ไผ่ปล่อยหมัดหวืด พี่หมอนนท์หลบวูบคว้าจับแขนมันมาล็อกท่าเดิมอีกรอบ มันอ้าปากครางเจ็บ พี่หมอนนท์ดึงมันเข้าประชิดตัวจนหลังมันแนบติดกับหน้าอกตัวเอง
“ใจเย็น ๆ สิคุณ”
“ใจเย็นกับพ่อมึงสิ ลองมาเป็นกูดูไหม เพื่อนมึงทำเรื่องสารเลวกับเพื่อนกู”
พี่หมอนนท์ถอนหายใจแรง
“ไม่เถียง แต่นายต้องสู้ไอ้หมอด้วยสติสิ ไม่งั้นน้ำฝนของนายถูกไอ้หมอแย่งไปแน่ ๆ”
“ถ้ามึงไม่ห้ามกู กูหยุดมันได้แล้ว”
“ใครว่าล่ะ ถ้าผมไม่ห้าม ทั้งคุณทั้งไอ้หมอ คงกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว แล้วคราวนี้ฝนจะอยู่กับใคร”
ไผ่มันชะงัก หันมองมาทางผม
แหมจะรู้สึกภูมิใจดีไหม พี่หมอนนท์อ้างผมทีไร หยุดความบ้าของไผ่มันได้ทุกที
“ปล่อย!”
ไผ่มันสงบลง พยายามสะบัดตัว พี่หมอนนท์คงเห็นว่ามันเย็นลงแล้วถึงได้คลายปล่อย มันรีบเดินมาคว้าผมออกห่างจากพี่หมออีกรอบ ดึงไปทำงานด้วยกัน ปล่อยให้พี่หมอนนท์กับพี่หมอทำด้วยกัน ผมยังรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าไม่หายเลย
สักพักป้าแม่บ้านก็เข้ามาตามให้เข้าไปกินข้าว พี่หมอนนท์นี่กินไปเคลิ้มไปเลย
“ฝนก็ทำอร่อยนะคะ วันหน้าลองมาชิมดู”
“ครับ”
“ครั้งหน้าไม่ต้องทำหรอกพี่ฟ้า”
ไผ่มันตักกินไป พูดไป
“ซื้อไก่สด ๆ มาวางไว้ที่พื้น เดี๋ยวพวกสัตว์ไม่ได้รับเชิญแถว ๆ นี้ก็ลากลงไปกินในน้ำเอง”
พี่ฟ้าตีแขนมันปุ๊ พี่หมอนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้านกับคำด่านั้น ส่วนพี่หมอนนท์หัวเราะหึ ๆ พออิ่ม พวกเราก็ออกมานั่งเล่นกันปล่อยให้ป้าแม่บ้านเป็นคนเก็บกวาด พี่หมอนนท์ตีพุงปุ๊ ๆ ท่าเดียวกับไผ่เลย เราใช้บริการเก้าอี้ที่ทำเสร็จแล้วเรียบร้อยนั่ง คนละมุมครับ พอพักจนหนำใจผมก็เดินไปคว้าค้อนมาถือก่อนเพื่อน ลงมือต่อโต๊ะ พี่หมอลุกเดินเข้ามาช่วย ไผ่กำลังจะลุกแต่พี่หมอนนท์จับแขนมันไว้ ลากให้เดินไปช่วยทำโต๊ะอีกตัวอีกด้าน
“กูจะไปช่วยเพื่อนกู”
“รับปากหรือเปล่าว่าจะไม่มีเรื่องกับไอ้หมอ”
“กูไม่รับ”
“งั้นก็มาช่วยกันตรงนี้”
พี่ฟ้าหัวเราะ พี่แกออกแนวเป็นห่วงช่วงแรก แต่หลัง ๆ ชักหัวเราะกับสิ่งที่เห็น บอกตลกดี
“เสื้อเปื้อนหมดแล้ว”
ผมบอกคนตรงหน้า พี่หมอก้มมองเสื้อตัวเอง
“แค่เสื้อ”
แล้วผมก็ไม่พูดไม่ถามอะไรต่อ พี่ฟ้าไปเพ้นท์รูปบนโต๊ะที่ตอกเสร็จแล้วต่อ จังหวะที่ผมจับไม้จะลงค้อนก็มีอีกมือมาช่วยจับ แต่ไม่ได้จับไม้
จับมือผมนี่แหละ
ผมจะชักมือกลับ แต่ไม่หลุด พี่หมอยึดจับแน่น
“ปล่อย”
ผมกระซิบห้ามเสียงเบา เหลือบมองไผ่ รายนั้นไม่เห็นหรอก เพราะพี่หมอนนท์เอาตัวใหญ่ ๆ ของพี่แกบังไว้อยู่ พี่หมอยกยิ้ม มองตาผม เกลี่ยหลังมือผมเบา ๆ หัวใจผมไหวแรง ผิวหน้าร้อนผ่าว ก่อนพี่มันจะละมือออก ล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กำไว้ในมือ ยื่นมาไว้ตรงหน้าผม
“อะไร”
ผมถามแบบไม่ไว้ใจ
“ดอกไม้”
ผมมองคนพูดอึ้ง ๆ
“โทษที ผมไม่ใช่แต๋ว เก็บไว้เองเถอะ”
“แบมือ”
“ไม่”
“แบ!”
พี่มันสั่งเสียงเข้ม ผมมองตาขวาง จำต้องแบมือออก พี่หมอวางบางสิ่งนั้นไว้บนมือผม ผมมองมันงง ๆ ก่อนมองหน้าคนให้
มันน่าจะเป็นช็อกโกแลตครับ รูปดอกไม้ ห่อด้วยฟอยล์สีทอง เขียนตัวหนังสือเป็นภาษาอังกฤษด้วยสีแดงสด
“ลองกินดูสิ”
ผมมองแบบไม่ไว้ใจ
“ไม่ได้ใส่อะไรแปลก ๆ ไว้หรอกน่า คนไข้เอามาฝาก เลยแบ่งมาให้”
ผมจิ๊ปาก โด่ คิดว่าจะลงทุน
“เอาไปให้พี่ฟ้าสิ เอามาให้ผมทำไม”
ไม่รู้ทำไมต้องพูดแบบนี้ ทั้งที่ใจจริงดีแล้วที่พี่หมอจะเลิกจีบพี่ฟ้าได้
“ฟ้าได้แล้วเมื่อเช้าช่อเบ้อเร่อ”
ผมแอบอมลมกับคำนั้น พี่ฟ้าได้ช่อใหญ่ ผมได้ดอกเดียว ผมคลี่แกะออก มองแบบไม่ไว้ใจอีกที
“จะกินเอง หรือจะให้ฉันป้อนด้วยปาก”
ผมรีบยัดใส่ปากทันทีไม่มีลีลา พี่หมอหัวเราะหึ ๆ
อื้อหื้อ อร่อยมาก
“อร่อยใช่ไหม”
“ก็งั้น ๆ”
เรื่องไรจะยอมรับตรง ๆ พี่หมอยกยิ้ม ก้มมากระซิบข้างหู
“ที่ห้องฉันยังมีอีกหลายอัน ถ้าอยากได้ก็ไปเอาด้วยตัวเองสิ”
บ้าหรือเปล่า กูไม่ใช่เด็กนะ จะได้มาหลอกล่อด้วยขนม
“ไม่มีทาง”
ผมตอบกลับ
“ออกห่างจากเพื่อนกูหน่อย ใช้ลมหายใจร่วมกันมาก ๆ เดี๋ยวเพื่อนกูผื่นขึ้น”
ไผ่มันมาหาเรื่องด้วยตัวเองไม่ได้แต่ส่งหมาในปากมันมาได้ ตอนนี้พี่หมอนนท์ขวางทางเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่
“ก็เรื่องปกตินี่ เพราะเราใช้ลมหายใจร่วมกันออกบ่อย ยิ่งเยอะ ผื่นยิ่งขึ้น แดงเป็นจ้ำ ๆ เชียว”
“มึง!!”
ไผ่มันจะถลาเข้ามาหาพี่หมออีกรอบ แต่พี่หมอนนท์ก็เบรกไว้ ไม่ได้ล็อกหรอกครับ ใช้ตัวบังไว้เฉย ๆ ซึ่งไผ่มันคงเรียนรู้ว่าถ้าโดนล็อกเมื่อไหร่ เจ็บตัวแน่
พี่หมอหัวเราะ ช่วยผมทำโต๊ะดี ๆ อีกที สงสัยในช็อคโกแลตจะมียาชูกำลังผสมอยู่แน่ ๆ ผมถึงได้รู้สึกซู่ซ่าและหัวใจเต้นแรงขนาดนี้
To be con...
Mery Christmas - ได้ข่าวว่าเมื่อวาน = =; - สวัสดีวันเสาร์ - พี่หมอหลอกเด็กน้อยเข้าห้องตัวเอง - ,. -
**ติดแท็ก #พี่หมอน้ำฝน หรือ #ทาสแค้น เมื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้ในทวิตเตอร์และเฟซ >///<
**เจอคำผิดสะกิดด้วยน้าาา