ทาสแค้น {พี่หมอ-น้ำฝน} [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทาสแค้น {พี่หมอ-น้ำฝน} [END]  (อ่าน 1144878 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ไม่ดราม่าเลยจ้ะ ไม่ดราม่าเลย  o18

แต่หน่วงใจสุดๆ อิพี่หมอใจเป็นห่วงเขาเดินตามขนาดนั้น จะเหง้าไปถึงไหน

เรียนจบหมอไม่ใช่เหรอ มันก็ต้องฉลาดสิไม่งั้นจะเรียนจบมาได้ไง  :angry2:

แต่ทำไมกะอีแค่เรื่องหัวใจถึงได้โง่นัก  :serius2:

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
อ่านไปอ่านมาติดซะละ สงสารฝนจังแฮะ  :hao5:

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
พี่หมอนะพี่หมอ กำลังใจมาให้  :L2:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
>>ต่อค่ะ : เนื้อหาก่อนหน้า : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105.msg3205142#msg3205142 <<


นางพยาบาลเข้ามาดูอาการอีกรอบตอนตีห้า ผมตัดสินใจไม่นอนต่อ ไผ่มันยังไม่ฟื้น ผมเดินไปอาบน้ำแต่งชุดนักเรียน นั่งเล่นเป็นเพื่อนมันไปเรื่อย ๆ จนเจ็ดโมงถึงได้นั่งแท็กซี่ไปโรงเรียน ผมแจ้งให้ทางอาจารย์ประจำชั้นทราบรวมถึงเพื่อน ๆ ในห้องด้วย เพราะงั้นพอเลิกเรียน เพื่อนผมเกือบสิบชีวิตเลยพากันยกโขยงกันมาเยี่ยมมันที่โรงพยาบาล ไผ่มันฟื้นแล้ว พ่อแม่มาถึงแล้วด้วย   
 
ผมเดินนำเข้าไปก่อนตามติดด้วยเพื่อน ๆ ทุกคนพากันยกมือไหว้พ่อกับแม่อย่างรู้มารยาท ห้องพิเศษขนาดใหญ่แคบไปถนัดตา ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง
 
“เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม” มันพยักหน้ารับ ปากดูมีสีสันขึ้นมาหน่อย “กูลาโรงเรียนให้แล้วนะ ไม่ต้องห่วง”

พวกเพื่อน ๆ ผมพากันถามไถ่อาการรวมถึงสาเหตุที่ทำให้มันมานอนกินน้ำเกลือต่างข้าวแบบนี้ ผมว่าอาการมันจะจะทรุดเพราะโดนเพื่อน ๆ รุมนี่แหละ พ่อกับแม่พากันขอตัวออกไปหาอะไรกิน เพื่อให้พวกเราอยู่คุยกันเอง ไม่นานพวกท่านก็กลับมา หอบหิ้วของกินมาให้ด้วย แล้วพวกมันก็สละแล้วซึ่งความห่วงในตัวเพื่อน ไปห่วงใยปากท้องตัวเองแทนทันที

เสียงดังมาก ไอ้พวกนี้ก็พยายามเชิญชวนให้ไผ่มันกินด้วย แต่มันไม่กิน พวกมันอยู่ก่อกวนให้ไผ่อาการทรุดหนักกันอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่งก็พากันกลับ เสียงดังด้วยครับ กลัวรบกวนห้องอื่น พี่นางพยาบาลเข้ามาเตือนรอบหนึ่งแล้ว
 
“แม่ไม่ต้องอยู่เฝ้าไผ่นะ ให้ฝนเฝ้าคนเดียวก็พอ”
 
“ไปรบกวนฝนเขาทำไมลูก”
 
“ฝนมันเพื่อนสนิทผม เอาน่า ให้ฝนอยู่นั่นแหละดีแล้ว แม่มาเหนื่อย ๆ พาพ่อกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ฝนดูแลผมได้” มันบอกพ่อกับแม่โดยไม่ถามผมสักนิดว่าเต็มใจจะอยู่เฝ้ามันรึเปล่า แม่กับพ่อพยักหน้าเข้าใจ จะมาดูมันอีกทีพรุ่งนี้ ผมเดินไปส่งพวกท่านทั้งสองที่หน้าประตู
 
“มีอะไรฉุกเฉินโทรหาแม่เลยนะลูก” แม่มันลูบหัวผมเบา ๆ ผมรับปาก ปิดประตูลงเดินกลับไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง
 
“ไม่ถามกูสักคำว่ากูอยากอยู่เฝ้ามึงไหม”
 
“ก็กูอยากให้มึงอยู่ด้วย เวลาแบบนี้มีมึงอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจกว่า กูเคยอยู่เป็นเพื่อนมึงตอนมึงป่วยจำได้รึเปล่า กูวิ่งร่อนหาซื้อยามาให้มึง เช็ดตัวให้ นอนกอดมึง กูกำลังทวงบุญคุณมึงอยู่นะ” ตรงมากเพื่อนกู ผมยิ้ม พยักหน้ายอม ๆ มัน
 
“มึง มีใครช่วยลูกหมาที่ตัดหน้ากูไว้ไหม” มันถามด้วยน้ำเสียงเหมือนนึกขึ้นได้
 
“อืม มันปลอดภัยดี ดามขาเหมือนมึงนี่แหละ กูไปดูให้แล้ว”
มันพยักหน้า
 
“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ กูขับรถอยู่ดี ๆ มันวิ่งมาจากไหนไม่รู้ตัดหน้า จำได้ว่าก่อนหมดสติลากมันมากอด หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว”
 
“ห่า จะตายเพราะหมาตัวเดียวเนี่ยแหละ แทนที่จะรีบช่วยตัวเองก่อน” ผมเบิ้ดหัวมันไปที(ไม่สำนึกว่าตัวเองก็เคยทำ) ผมยิ้มให้มันนิดหนึ่ง “ไม่ต้องห่วงหรอก ระหว่างมึงรักษาตัวอยู่กูดูแลให้เอง” ผมอาสา มันพยักหน้าซีด ๆ รับ 
 
มันเล่าให้ฟังว่าฟื้นตั้งแต่เที่ยงแล้ว พี่ฟ้ามาตอนบ่าย อยู่กับมันไม่ถึงชั่วโมงมันก็หลับไม่รู้เรื่อง ตื่นมาอีกทีพี่ฟ้าก็ไม่อยู่แล้ว แล้วมันก็บ่น ๆ ว่าอาหารโรงพยาบาลไม่ได้เรื่อง อยากกินอาหารฝีมือพี่ฟ้า บ่นเจ็บบ่นปวดบ่นเมื่อยก้นไปตามประสา
 
“แม่ม นอนท่าเดียว ทรมานฉิบ”
 
“เอาน่า ทนหน่อย ไม่นานก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
 
“กูอยากอาบน้ำ”
 
“เขาห้ามอาบ เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้”
 
“นางพยาบาลเช็ดแล้ว แต่รู้สึกไม่สะอาดเลย”
 
“งั้นเดี๋ยวกูเช็ดให้อีกรอบ รับรองสะอาดเอี่ยม จะให้แวะไปซื้อแชมพูยี่ห้อเดียวกับวันเวย์มาเช็ดให้ด้วยไหม”
 
“เวร” มันด่า ผมหัวเราะ เดินไปเตรียมของ สักพักก็กลับมา
 
“กูว่ามึงกับกูนี่ดู ๆ ไปก็เหมือนคู่รักกันนะ”
ผมมองตามัน ไม่พูดอะไร เอาผ้าสะอาดไปลูบหน้าลูบตามันก่อน ผมเคยป่วยมาก่อน รู้ดีครับว่าอยากให้เช็ดตรงจุดไหนถึงจะรู้สึกสะอาดล้ำลึก
 
“มึงเช็ดดีฉิบหาย แม่ม กูแย่งมึงจากไอ้หมอนั่นมาเป็นเมียกูดีกว่า”
 
ผมเอาผ้าที่กำลังเช็ดหน้าอกโป๊ะหน้ามัน
 
“ถ้ามึงจะเอากูเป็นเมีย เอาพี่สาวกูดีกว่า มีลูกได้ด้วย ออกหน้าออกตาได้ สวย น่ารัก มีเสน่ห์ ทำกับข้าวก็เก่ง”
 
“นั่นพี่สาวกูเหอะ”
 
“พี่สาวกู นี่ ถ้ามึงจะเอาผู้ชายเป็นเมีย เอาพี่สาวเพื่อนเป็นเมียไม่ดีกว่ารึไง มึงพูดดีไป กูรู้ว่าใจมึงคิดกับพี่กูเกินพี่สาวไปแล้ว พี่กูด้วย”
 
มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ
 
“ไม่มั้ง”
 
“นั่นพี่สาวกู กูรู้ มึงเพื่อนกู กูรู้”
 
“แต่นั่น…”
 
“มึงอย่ามาอ้าง” ผมชี้หน้าเบรก มันหุบปากลงฉับคล้ายจะยอมจำนน

เอ้อ เงียบไปเลย
 
ผมคลี่ปลดเสื้อมันเพื่อเช็ดรักแร้มันดี ๆ ผมไม่ได้รังเกียจหรอก เพราะมันก็เคยทำให้ผม มันพลิกตัวหน่อย ๆ ให้ผมเช็ดดี ๆ สงสัยมันอยากสะอาดจัด ๆ เลยให้ผมถอดเสื้อให้ ผมก็ทำตาม จนตอนนี้มันนอนโป๊ท่อนบน ผมก็จับมันพลิกตะแคงเพื่อเช็ดหลังมัน ก่อนซักผ้าอีกรอบ เช็ดก้นมัน กำลังจะเช็ดไข่ มันรีบหยุดมือไว้
 
“มึง ไม่ต้องก็ได้มั้ง น้องกู กูเช็ดเองก็ได้” มันบอกอาย ๆ
 
“ตามใจ” แล้วมันก็ดึงผ้าไปเช็ด ๆ น้องมัน ก่อนยื่นมาให้ผมซัก ผมก็ซักแล้วเอาไปเช็ดขามันต่อ แบบละเอียดเลย
 
พอเสร็จ ผมก็เอากะละมังและผ้าไปซัก เดินเช็ดมือออกมาใส่เสื้อผ้าให้มัน ไผ่มองหน้าผม แกล้งทำตาเชื่อม
 
“มึง กูอยากได้มึงเป็นเมียว่ะ มะ มาเป็นเมียกูดีกว่านะ” ไม่พูดเปล่า ยังดึงผมขึ้นไปบนตัวมัน ผมพยายามจะขัดขืน แต่ทำได้ไม่มาก เพราะกลัวไปถูกขามันเข้า
 
ตอนนี้ผมมานอนอยู่บนตัวมันแล้วครับ เบี่ยงไปทางซ้ายนิดหนึ่ง ไม่ให้ชนขาขวาที่หัก
 
นี่ขนาดป่วยหนักนะ แรงควายจริง ๆ มันมองหน้าผมเคลิ้ม ๆ แกล้งทำหน้าหื่น ๆ กะลิ้มกะเหลี่ยใส่ ผมยิ้ม ตบหน้าผากมันไปที
 
“เมาน้ำเกลือไงมึง”
 
“คงงั้น” มันพูดเคล้าเสียงหัวเราะ ผมขยับหวังจะลงจากเตียง แต่ผิดจังหวะไปหน่อยจนเกือบตก มันรีบคว้าผมกลับไปนอนที่เดิม 
 
“ใจเพื่อน” ผมจะลุกดี ๆ อีกรอบ แต่มันกอดผมไว้แน่น “ปล่อย กูจะลง เลิกเล่นได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะพาลเข้าใจผิดกันเปล่า ๆ”
 
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อยู่ให้กอดก่อน ให้นอนคนเดียวบนเตียงโรงพยาบาล มันเหงา” มันกระชับกอดผมแน่นขึ้น ผมเลยยอมนอนอยู่เฉย ๆ ให้ มองหน้าโทรม ๆ ของมัน
 
“นอนกอดมึงแบบนี้ เหมือน ๆ ร่างกายกูจะหายเร็วขึ้นด้วย” พูดแล้วก็ซบหัวกับไหล่ผมเบา ๆ ผมหัวเราะ ผลักหน้าผากมันออกมามอง มันทำหน้างอนหน่อย ๆ บ่นเหงาบ่นอยากหายเร็ว ๆ บ่นอยากกลับบ้าน ผมมองหน้ามันยิ้ม ๆ ยอมรับว่ามันหล่อดีครับ ก่อนหน้าของใครบางคนจะฉายเข้ามาแทนที่ ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ มันก็ยอมให้ผมมองดี ๆ เหมือนกัน
 
“จะว่าไปแล้ว หน้ามึงนี่ก็คล้ายพี่หมอนะ” ผมพูดไปตามใจคิด มันทำหน้าเอือมทันที คลายมือที่กอดผมไว้
 
“พูดถึงมันทำไมให้เสียอารมณ์”
 
“แค่คล้าย แต่มึงหล่อกว่าเยอะเลย”
 
มันยิ้มทันทีที่ผมพูดจบ
 
“จริงป่ะ หล่อกว่ามากมะ” มันถามอารมณ์ดี ผมยิ้มรับ พยักหน้า เหมือน ๆ จะเห็นหางมันกระดิกยิก ๆ เลย มันกอดผมไว้อีกรอบ
 
“นี่ กูจริงจังนะ กูฝากมึงดูแลพี่กูได้ไหม” มันมองตาผม ผมหลุบเปลือกตาลงต่ำ “กูไม่อยากให้พี่หมอจีบพี่ฟ้าติด ให้เราพยายามกีดกัน อาจทำได้ไม่ดีเท่ากับมึงได้คบกับพี่ฟ้าจริง ๆ ถึงเวลานั้น กูคงดีใจหลายอย่าง มึงก็เพื่อนรักกู เป็นเหี้ยก็จริง แต่ก็เป็นเหี้ยที่ดี” มันรัดผมแรงจนผมร้องอ๊อกเพราะจุก ผมตบหน้าผากมันอีกรอบ
 
“ปาก”
ผมหัวเราะ
 
“กูอยากให้มึงเป็นแฟนกับพี่ฟ้าจริง ๆ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง มันมองตาผมนิ่ง ๆ
 
“กูรักพี่ฟ้า แล้วกูก็รักมึงด้…” ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ประตูบานใหญ่นั้นก็เปิดออกโดยไร้เสียงเคาะ ผมกับไผ่หันไปมอง
 
“พี่หมอ” ผมครางเรียก พี่หมอยืนมองพวกเราอึ้ง ๆ อยู่กับที่ ผมรีบยกตัวด้วยความตกใจจนไปชนขาไผ่เข้า มันร้องโอ๊ย ผมรีบหยุดตัวเองลงทันที
 
“โทษที ๆ ไม่เป็นไรนะ” ผมถามขณะอยู่บนตัวมัน มันเบ้หน้า พยักหน้านิด ๆ รับ คงเจ็บจริง คราวนี้ผมค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง มองพี่หมอที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แอบเห็นแววไม่พอใจผ่านดวงตาคู่นั้นด้วย
 
พี่หมอเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง หยิบแฟ้มประวัติอาการไปอ่าน ผมได้แต่ยืนมอง รายนั้นไม่พูดอะไร ก้าวเดินจากไป

อดนึกไปถึงสิ่งที่พี่หมอทำเมื่อคืนไม่ได้
 
“หึ มาทำหน้าที่ลูกตอแหลที่ดี” ไผ่มันว่ากระแนะกระแหน
 
“มึงก็เหมือนกันเถอะ” ผมด่า “ดึกแล้ว นอนได้แล้ว กูจะได้นอนด้วย”
 
“มึง มานอนกับกูมะ” มันตบข้างตัวปุ๊ ๆ ผมมองหน้ามัน แกล้งดีดขามันไปนิดจนมันร้องโอ๊ยอีกรอบ
 
“เจ็บขนาดนี้ เกิดกูนอนดิ้นไปถูกเข้าจะทำไง”
 
มันทำตาละห้อย “ที่นอนออกกว้างน่า อีกอย่างมึงนอนไม่ดิ้นด้วย นะนะ กูเหงา”
 
ผมไม่สนใจ เดินไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา มันแง๊ว ๆ อีกนิดหน่อย ก่อนอยู่นิ่ง ๆ ยอม
 
ได้ยินเสียงเมสเสจดังเบา ๆ ผมล้วงหยิบมาดู เป็นข้อความที่ทำให้ผมต้องกัดปากแน่น
 
‘ร่าน’
ผมกดลบทันที ก่อนข้อความใหม่จะถูกส่งเข้ามาอีก ผมกดอ่าน
 
‘ออกมา ฉันรออยู่ข้างนอก’
ผมมองไปทางไผ่ มันยังขยับดิ้นด๊อกแด๊กอยู่ ผมกดตอบไป
 
‘ไม่’
ไม่มีอะไรกลับมาอีก ผมวางมือถือไว้ที่เดิม หลับใหลไป ก่อนสะดุ้งตื่นเพราะมีใครบางคนมาอุดปากไว้
 
พี่หมอ!
 
“หึ คนป่วยก็ยังไม่เว้น ไม่คิดว่าจะอยากมากขนาดนั้น บอกฉันก็ได้ เดี๋ยวตอบสนองให้” พี่หมอขยับมือขยุกขยิกกับด้านล่างของผมจนกางเกงผมหลุดจากตัว

“อย่า พี่หมอ” ผมพยายามดิ้นรน แต่เสียงดังมากไม่ได้เพราะกลัวไผ่ตื่นขึ้นมาเห็น พี่หมอกระตุกยิ้ม ละมือที่ปิดปากมารวบจับสองมือผมตรึงไว้เหนือหัว อีกข้างยกขาผมพาดบ่า เชื่อมบางส่วนเข้ามา ผมหยุดดิ้น เพราะกลัวเกิดเสียงแล้วคนเข้ามาเห็น ผมขยับปากกระซิบห้าม น้ำตาคลอเบ้า มองไปทางไผ่ที่ยังคงนอนนิ่ง หันกลับมามองคนที่ยกยิ้มมองผมอยู่ 
 
“ตื่นเต้นดีใช่ไหม”
 
“ไม่ อย่าทำพี่หมอ” ผมกระซิบห้ามอีกรอบ เขาขยับท่อนล่างเบา ๆ ผมแทบกลั้นใจตาย

“พี่หมอ อย่าทำ” ผมร้องขออีกรอบ น้ำตาที่ประคองไว้ตรงหางตาพากันร่วงหล่น ตอนนี้มันรู้สึกอึดอัดไปหมด กลัวทั้งไผ่และนางพยาบาลจะเข้ามาเห็น
 
ผมเลิกร้องขอ แต่มาภาวนาขอให้พี่หมอหยุดเร็ว ๆ ผมกัดกรามแน่น มองคนด้านบนตาขวาง
 
“สารเลว”
พี่หมอยิ้ม
 
“เหมาะกับคนร่าน ๆ ดี ตื่นเต้นดีไหม เห็นทำกับไผ่ คิดว่าน่าจะชอบแบบนี้” อยากปฏิเสธเหลือเกิน แต่สิ่งที่ทำได้ มีแค่กัดฟัน บีบรัดส่วนนั้นแน่นหวังให้คนตรงหน้าหยุดเกมนี้ลงเร็ว ๆ
 
“หึ ถูกใจล่ะสิ รัดซะแน่นเชียว”
 
“ไม่ใช่ อ๊ะ!”
ผมคลายปล่อยเพื่อเป็นการปฏิเสธตามข้อกล่าวหา แต่พี่หมออาศัยจังหวะนั้นกดลึกเข้ามามากขึ้น ผมผวาเฮือก เผลอแอ่นอกตอบรับครางออกมาเสียงดัง ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ อย่างถูกใจจากคนด้านบน

พี่หมอคลายปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ ผมรีบชักกลับหวังผลักพี่หมอออก แต่เรี่ยวแรงหดหาย ทำได้แค่กอบกุมอกเสื้อเขาไว้เท่านั้น ผมขยับมุดหน้ากับอกกว้าง เลื่อนสองมือขึ้นไปโอบกอดแผ่นหลังแกร่งไว้ระบายความซาบซ่านที่มีมากตอนนี้ออก
 
“พี่หมอ…”   

TBC...

ขอบคุณคอมเม้นท์ A4 จากคุณ yoghurtz นะคะ ปลื้ม :L1:

คำเตือน ตอนหน้าพี่หมอหึงหนักมากและ ...มุ้งมิ้งหนักมากเช่นกัน = =

ตัวอย่างตอนถัดไป
“พี่หมอ” เสียงเร้าอารมณ์ผสมทรมานของมันดังก้องไปทั่วทั้งโสตประสาทหูผม ผมปลดปล่อยสัตว์ร้ายออกมากัดกินมันอีกครั้ง ให้สาสมกับความทรมานที่ผมได้รับในวันนี้
 
ผมหอบแฮก กัดหูมันไปแรง ๆ ที ก้มฝากรอยไว้บนแผงอกมันด้วยหลายจุด
 
“ห้ามนอนกับไผ่อีก ถ้านอนครั้งหน้าจะยิ่งกว่านี้” ผมกระซิบข้างหู ตัวมันสั่นสะท้านเพราะแรงอารมณ์ผสมหวาดกลัว จวบจนทุกอย่างจบสิ้นสิ้นลง
ผมลุกยืน แต่งตัวให้เรียบร้อย หันมองไปทางเตียงนอนที่ไผ่ยังหลับไม่ได้สติ
 
ถึงนายจะรักฝนแค่ไหน แต่ฝนเป็นของฉัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2015 17:44:08 โดย memew »

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
ผมว่าไฝ่ควรจะรู้ความจริงได้ละ แค่หลับนะไม่ได้โดนยาสลบ ถ้าไฝ่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคงไม่เมคเซ้นมากกว่าเดิมละ บางฝนก็ร่านจริงๆ เสียงครางคือวิธีแก้ปัญหา? วนอยู่ที่เดิม แต่กูก็อ่านทุกตอน 5555

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ให้เราฟังที่ไผ่พูดให้จบก่อนก็ได้ค่ะพี่หมอแล้วค่อยเข้ามา :ruready

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ป่านนี้ไผ่คงรู้ความจริงเข้าแล้วมั้งนี่ ถ้าไม่ได้โดนยาอ่ะนะ

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
หมั่นไส้หมอมากกกก

ให้หึงให้ตายเลยยย o22

ออฟไลน์ leefever

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หึงแรงขนาดก้ยอมรับแล้วไปสู่ขอน้องเลยดีกว่ามั้ง. ไม่ต้องมานั่งจับผิด นั่งหึงให้ตัวหงุดหงิดเกาะ

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
แทบจะอดใจรอตอนหน้าไม่ไหว
อยากเห็นพี่หมอหึงโหด  :oo1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อยากบ้องหูอิพี่หมอจริวๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่หมอมันโหดร้ายยยยย

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
พี่หมอจะเอาสิทธิ์อะไรมาหึงฝน แฟนก็ไม่ใช่เป็นแค่คู่นอน จิ๊ หมันไส้
ที่ทำวันนี้ร้ายมากคือปกคือปกติก็ทำลายศักดิ์ศรีฝนตลอด แต่ทำต่อหน้าไผ่ที่นอนอยู่นี่มันสุดๆ
คิดว่าฝนจะอับอายบ้างไหม พระเอกแย่อ่ะ ให้คะแนนติดลบ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
พี่หมอด่าฝน เพราะหึงละสิ เมื่อไรจะรู้ใจตัวเองเนี้ย

แต่ตอนนี้เหมือนสัันเลยอะ หรือผมอ่านเพลิน 5555
ตอนหน้าขอยาวๆๆๆ อิอิ

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หืมมมม
บางทีก็หมั่นไส้พี่หมอนะ ตัวเองมีสิทธือะไรมาทำกับฝนอย่างนี้
จะรอตอนต่อไปนะคะะะ ตอนคนเขียนบอกเนื้อหาประมาณ 100 ตอนผมนี่กระอักเลือดเลย ถถ
แต่ก็ดีได้อ่านนานๆ กิ้กิ้

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เอาจริงก็ไม่ได้อยากให้ไผ่คู่กับฟ้าเท่าไหร่555
มันรู้สึกผูกพันกันมากกว่า

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
หึงก็บอกเขาว่าหึง ไม่ใช่ว่าเขาว่าร่าน :angry2:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ ดวงตะวัน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เมื่อไหร่คุณหมอจะรู้ใจตัวเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
อิพี่หมอนี่ก็นะ เพลีย!! :เฮ้อ:

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
หึงหน้ามืด
ไผ่จะรู้ความจริงเพราะงี้แหละอิคุณหมออออ

ออฟไลน์ anat14335

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
พี่หมอเข้ามาได้จังหวะพอดีเป๊ะเลย

ออฟไลน์ yaoionlyyes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ว้อยยยยยยยย ฟฟฟฟฟฟฟ้าาากกกกกกกก
คือสั้นแบบ ฮือออ ผีบ้ามาก
นี่อยากรอให้อัพจนจบและค่อยมาอ่านแต่ก็ทนไม่ได้ทุกทีเวลาเห็นหัวข้อว่าอัพตอนใหม่แล้ว
มาต่อเดี๋ยวนี้ๆๆๆๆๆฟฟฟฟๆฟฟฟยไสกสานดนะนพนำยกมมเนภจำยหวำสย_สเม/บบ/วไใกบ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
Chapter : 31 : กลั่นแกล้ง
(พี่หมอ...♡)

แสงไฟอ่อน ๆ จากหลอดไฟที่เปิดไว้ให้คนไข้ส่องสว่าง ผมกดร่างข้างใต้หนักหน่วง ผลักไสร่างกายของตัวเองเข้าไป ให้มันรับรู้และจดจำได้เพียงรสสัมผัสจากผมเท่านั้น มันพยายามกลั้นเสียงไว้ แต่เอาไม่อยู่หรอก เสียงครางผสมหอบหน่อย ๆ ของมันแทบกรีดหัวใจผมให้ขาดวิ่น
 
ผมรู้ว่ามันเสี่ยง แต่ผมก็เลือกที่จะทำ ผมรู้ว่ามันกลัว แต่ผมก็ชอบที่จะเห็นมันหวาดกลัวและทรมานแบบนี้ ผมต้องการเหยียบย่ำศักด์ศรีมันและไผ่ในเวลาเดียวกัน
 
คนเจ็บไม่มีทางรับรู้หรอกเพราะตอนเข้ามาผมฉีดยานอนหลับอ่อน ๆ เข้าไปในน้ำเกลือให้แล้ว หลับสนิทไปจนถึงเช้า ส่วนนางพยาบาลจะเข้ามาอีกทีก็เช้าเลย เพราะอาการไม่มีอะไรน่าห่วง
 
ผมรู้ดี…
แต่คนด้านล่างไม่รู้…

มันถึงได้พยายามส่งสายตาอ้อนวอนผสมก่นด่าเพราะทำอะไรไม่ได้ ผมรู้ว่ามันคบกันอยู่ ผมรู้ว่ามันเป็นคู่ขาไผ่ แต่ไม่คิดว่าจะมาได้ยินคำรักที่มันบอกกันเมื่อกี้ คำคำนั้นทำเอาสติผมขาดผึ่งเลย
 
“พี่หมอ...” เสียงเร้าอารมณ์ผสมทรมานของมันดังก้องไปทั่วทั้งโสตประสาทหูผม ผมปลดปล่อยสัตว์ร้ายออกมากัดกินมันอีกครั้ง ให้สาสมกับความทรมานที่ผมได้รับในวันนี้
 
ผมหอบแฮก กัดหูมันไปแรง ๆ ที ก้มฝากรอยไว้บนแผงอกมันหลายจุด
 
“ห้ามนอนกับไผ่อีก ถ้านอนครั้งหน้าจะยิ่งกว่านี้” ผมกระซิบข้างหู ตัวมันสั่นสะท้านเพราะแรงอารมณ์ผสมหวาดกลัว จวบจนทุกอย่างจบสิ้นสิ้นลง

ผมลุกยืน แต่งตัวให้เรียบร้อย หันมองไปทางเตียงนอนที่ไผ่ยังหลับไม่ได้สติ
 
ถึงนายจะรักฝนแค่ไหน แต่ฝนเป็นของฉัน
….
….
….
….
….
นับวันผมยิ่งเหมือนโรคจิตเข้าไปทุกที ผ่านมาอาทิตย์หนึ่ง ผมมาเยี่ยมไผ่มันตามปกติ แม่นั่งปอกผลไม้ให้พ่อกิน ในขณะที่ตาก็ดูละครหลังข่าวในทีวี ไผ่มันทำหน้าเหม็นเบื่อทันทีที่เห็นผม ผมยักไหล่ มาทำหน้าที่พี่เพียงแค่ฉาบหน้าเท่านั้น เหลือบมองใครบางคนที่พยายามหลบเลี่ยงสายตาผม
 
มันคงไม่อยากนอนเฝ้าไข้ แต่ขัดคำสั่งไผ่มันไม่ได้ ผมไม่ได้เข้ามารังแกมันทุกวันหรอก เฉพาะช่วงเวลาเหมาะ ๆ เท่านั้น เพราะผมก็ไม่อยากเสี่ยงจนเกินความจำเป็นเหมือนกัน
 
“รีบ ๆ เก็บของเข้า กูเบื่อห้องนี้เต็มทนแล้ว คิดถึงห้องนอนที่รัก” ไผ่มันบ่นใส่คู่ขา ฝนกำลังเก็บข้าวของอยู่ วันนี้มันจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปโรงเรียนได้ตามปกติ
 
“ห่าเหอะ กูก็เบื่อมานั่งเฝ้าไข้มึงทุกวันเหมือนกัน”
 
“แค่นี้ทำบ่น เดี๊ยะ ๆ จับจูบ”
เท้าผมกระตุกวูบ ฝนโบกหัวมันไปที พ่อกับแม่หัวเราะใหญ่ไม่ใส่ใจสิ่งที่มันพูด
 
แม่จะรู้สึกยังไงที่รู้ว่าลูกชายตัวเองเป็นเกย์
 
ผมชะงักกับความคิดตัวเอง
 
แล้วตัวผมเองล่ะ เป็นอะไร...
 
ผมนอนกับผู้ชาย ตามหลักแล้วต้องเป็นเกย์ใช่ไหม แต่ผมไม่ใช่ ผมไม่ได้คิดพิศวาทอะไรในตัวผู้ชาย ที่ผมทำไป เพื่อแก้แค้นไอ้เด็กเปรตนั่นเท่านั้น
 
ผมปิดแฟ้มลง นางพยาบาลเดินมายื่นบิลค่าใช้จ่าย ซึ่งคนที่ออกคือพ่อ ผมแอบไม่พอใจ แต่ก็เข้าใจว่าตอนนี้พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวอยู่
 
ไผ่มันพยุงตัวด้วยไม้เท้า มันใช้จนชำนาญแล้ว โดยมีเพื่อนมันคอยประคองอยู่ไม่ห่าง เอาเข้าจริงแม่แทบไม่ได้ดูแลอะไรมันเลย คนดูแลหลัก ๆ ก็นู่น น้ำฝน
 
จริง ๆ มันป่วยก็ดีอยู่อย่างนะ ทำให้ผมมีเวลาเจอฟ้ามากขึ้น เพราะฟ้ามาเยี่ยมไผ่ทุกวัน อยู่เป็นเพื่อนมันช่วงกลางวัน ช่วงเย็นถึงเช้าเป็นเวรของคู่ขามัน
 
“เจ็บแบบนี้น้องเท่กูคงเหงา” ไผ่มันบ่น ผมทำหน้าที่สารถีพาทุกคนกลับบ้าน
 
“เอาน่า กลับไปก็ลูบหัวมันหน่อย” แล้วไผ่ก็ลูบหัวคู่ขามันเบา ๆ ฝนรีบปัดออก “หัวน้องเท่มึงไม่ใช่หัวกู”
 
“อ้าวเหรอ คิดว่าแทนกันได้ซะอีก” แล้วมันก็หัวเราะร่าเริง ผมเผลอกดคันเร่งแรง ก่อนสงบใจ แม้ตาจะมองถนน แต่ก็แอบเหลือบมองกระจกหลังไปยังสองคนที่นั่งคุยกันอยู่บ่อย ๆ พ่อนั่งหน้า แม่นั่งริมด้านซ้ายประกบไผ่ไว้ ฝนนั่งริมสุดอีกด้าน
 
“ช่วงนี้มีน้ำมีนวลขึ้นหรือเปล่า” ไผ่มันจับคางน้ำฝนเขย่าไปมา ผมคิ้วกระตุก “เพราะได้กินของฝากดี ๆ ของกูล่ะสิ”
 
“เอ้อ ช่วยไง เพราะรู้ว่ายังไงมึงก็กินไม่ทัน”
แม่กับพ่อผมพากันหัวเราะ ไม่นานเราก็พากันมาถึงบ้าน ฝนกับพ่อรีบประคองไผ่ลงจากรถ ผมกับแม่ช่วยกันถือของ
 
“ขอบใจมากนะฝน ไม่ได้น้ำฝน พ่อกับแม่คงแย่”
 
“ไม่เป็นไรครับ ไงมันก็เพื่อนผม แต่ถ้าจะตอบแทนจริง ๆ ยกสมบัติทั้งหมดของมันให้ผมก็ได้ ผมจะจำใจรับไว้” ไผ่เบิ้ดหัวเพื่อนมันไปที
 
“โห ขอทีขอน้อยมากเลยนะมึง พูดมาได้ จะจำใจรับไว้ เขี้ยวกับหางมึงนี่งอกลากพื้นแล้ว”
 
แม่หัวเราะเสียงดัง ข้อดีอย่างหนึ่งเวลาที่พวกมันอยู่ด้วยกันคือมักทำให้คนรอบข้างมีเสียงหัวเราะตามไปด้วย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง อย่างมากก็แค่ยิ้มเสแสร้ง
 
แม่เดินเข้าครัวไปทำอาหาร โดยเรียกน้ำฝนเข้าไปทำด้วย สงสัยจะติดใจฝีมือ พ่อขอตัวขึ้นห้องไปทำธุระส่วนตัว ผมเดินตามขึ้นไปติด ๆ เพราะไม่อยากอยู่กับไผ่มันเพียงลำพัง ส่วนมันนั่งกระดิกเท้าข้างที่ไม่หักไล่หลังผมมายิก ๆ
 
ผมว่าชาตินี้ทั้งชาติ เราคงไม่มีทางญาติดีกันได้แน่ ๆ
 
ผ่านไปประมาณชั่วโมงหนึ่งก็ได้ยินเสียงเคาะห้อง ผมเดินเนื่อย ๆ ไปเปิด ตอนแรกคิดว่าแม่มาเคาะ
 
...แต่ไม่ใช่
 
“แม่ให้ตามลงไปกินข้าว”
มันบอกแค่นั้นหันหลังเตรียมจะเดินหนี มือผมอาจไวกว่าความคิด คว้าข้อมือมันไว้ ฉุดเข้าห้อง และดูเหมือนร่างกายผมจะเร็วกว่าความคิดด้วยเหมือนกัน ผมกดมันติดกำแพง ตรึงมันไว้ด้วยเรือนร่างสูงใหญ่ของตัวเอง และปิดเสียงมันด้วยปาก มันจับสองต้นแขนผมไว้อัตโนมัติ ผมเอียงหน้าให้องศาลงล็อก
 
ร่างกายผมอยู่ ๆ มันก็ร้อนจนหาสาเหตุไม่เจอ ต้องการน้ำฝนเย็น ๆ มาโปรยให้รู้สึกชุ่มฉ่ำ ผมบดเบียดปากมันรุนแรงให้สาสมกับความร้อนที่ผมมี ก่อนค่อย ๆ คลายปล่อย มันหอบแฮก มองผมตาปรอย ใจอยากจับมันกดลงกับเตียง กลืนกินมันไว้ทั้งตัว แต่รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
 
มันรีบผลักผมออก เช็ดปากด้วยหลังมือ วิ่งลิ่ว ๆ ลงบันไดไป ผมก้าวตามไปติด ๆ
 
“เร็วเข้าตาแซม พ่อหิวจะแย่แล้ว” พ่อเร่ง อาหารพร้อมหมดแล้วครับ ไผ่นั่งประจำที่แล้ว พ่อนั่งข้างแม่ ผมนั่งลงข้าง ๆ พ่ออีกที ไผ่นั่งข้างคู่ขามัน
 
ปากฝนแดงเพราะแรงจูบหนักจากผมเมื่อกี้ ไม่มีใครสนใจมองหรอก นอกจากผม ผมเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ยังจำรสชาตินั้นได้ติดตรึงอยู่เลย
 
แม่ตักข้าวยื่นมาให้ แล้วพวกเราก็พากันกิน สองคนนั้นกินกันไปแกล้งกันไป ทำให้พ่อกับแม่พลอยมีเสียงหัวเราะตามไปด้วย
 
“เอ้ามึง กินเยอะ ๆ ตัวจะได้อ้วน ๆ กอดแล้วมีเนื้อมีหนังหน่อย” ไผ่มันตักอาหารไปใส่จานน้ำฝน รายนั้นกระทุ้งศอกใส่สีข้างมันแรง
 
“มากกว่านี้เขาเรียกหมูแล้ว ไปเฝ้ามึงอาทิตย์เดียว น้ำหนักขึ้นตั้งหลายกิโล”
 
“มากกว่านี้อีกหน่อยสิ” มันยังไม่วายตักมาเพิ่มให้ ผมนั่งกรุ่นความไม่พอใจเอาไว้ในอก แม่ตักอาหารไปใส่จานน้ำฝนบ้าง
 
“กินเยอะ ๆ นะลูก จะได้ตัวสูง ๆ”
 
มันหน้าบูด
 
“ผมหยุดสูงตั้งแต่ 13 แล้ว”
 
“กินนมเยอะ ๆ ดิ”
 
“กินจนนมจะงอกแล้ว”
 
ไผ่มันหัวเราะร่วน
 
“ฟ้ากับฝนใครสูงกว่ากัน” แม่ถาม
 
“ผมครับ แต่แค่หกเซ็น” มันทำหน้าหน่าย “ถ้าวันไหนพี่ฟ้าใส่ส้นสูง คนอื่นมองมาแทบจะไม่ต่างกันเลย”
 
“เตี้ย” ไผ่มันว่าเบา ๆ ก่อนจะร้องโอ๊ย สงสัยมันจะโดนเหยียบเท้าด้านล่าง
 
“ตาแซมกว่าจะหยุดสูงก็ตั้งยี่สิบแน่ะ” พ่อผมพูด ฝนตวัดสายตามามองผมนิดหนึ่ง ก่อนก้มหน้าลงไปตักข้าวกินต่อ
 
“งั้นผมจะหยุดสูงตอนอายุ 21” ไผ่มันว่า คว้าแก้วนมยกดื่มอึก ๆ
 
“เดี๋ยวก็อิ่มนมแทนข้าวหรอก” เพื่อนมันใช้ศอกถองสีข้างอีกรอบ
 
“เออว่ะ ลืม แฮะ ๆ” แล้วมันก็กลับมากินข้าวต่อดี ๆ
 
ผมว่าตอนนี้ฝนกลายเป็นลูกรักอีกคนของบ้านไปแล้วนะ
 
พอกินอิ่มมันก็บอกลาผู้ใหญ่กลับบ้าน
 
“กลับยังไงล่ะลูก” แม่รีบถาม
 
“รถเมล์ครับ”
 
“ได้ไงกัน” พ่อท้วง “ตาแซมไปส่งน้องหน่อยลูก”
 
“ไม่เป็นไรครับ!” มันรีบท้วงทันที
 
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจให้พี่เขาไปส่งเถอะ เราอยู่ดูแลไผ่มาทั้งอาทิตย์ แค่นี้เอง นะ ไปส่งน้องหน่อย” พ่อพูดประโยคแรกกับมันก่อนจะหันมาขอร้องผม
 
“ครับ” ผมรับปาก
 
“เอ่อ...”
 
“ไม่ต้องเกรงใจลูก” พ่อตบบ่ามันปุ ๆ คงแปลความอึดอัดใจของมันเป็นความเกรงใจแทน มันจำต้องรับปากอย่างเสียไม่ได้
 
“เจอกันพรุ่งนี้นะมึง”
ไผ่มันพยักหน้ารับ ทำหน้าไม่สบอารมณ์มาทางผม ผมรู้ว่ามันไม่อยากให้ผมใกล้ชิดคู่ขามันเท่าไหร่หรอก
 
ผมกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เพราะผมได้มากกว่าที่มันไม่ชอบเยอะ
 
ฝนเดินตามผมมาเงียบ ๆ ผมขึ้นนั่งประจำที่ มันขึ้นตาม พอประตูรถปิดสนิท มันรีบหันมาบอกทันที
 
“ส่งผมลงหน้าปากซอยก็ได้ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเอง”
ผมไม่พูดอะไร สตาร์ทเครื่อง ถอยหลังพารถออกจากบ้าน โดยมีคนในบ้านยืนส่ง มันส่งยิ้มให้ทุกคน
 
“จอดตรงนี้ก็ได้” มันบอกอีกทีหลังรถวิ่งมาถึงหน้าปากซอย แต่ผมไม่จอด
 
“พี่หมอ” มันท้วง “จอดตรงนี้แหละ ผมจะเรียกแท็กซี่กลับเอง”
 
“คิดว่าพ่อกับแม่จะโง่รึไง ขับมาไม่ถึงห้านาทีก็วนรถเข้าบ้าน คิดว่าฉันวาบไปส่งนายรึไง” มันทำหน้านึกได้ กัดปากแน่น “หึ ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่คิดทำอะไรนายตอนนี้หรอกน่า” ผมนิ่งไปพัก
 
“หรือว่า…” ก่อนหันไปมองมันอีกรอบในจังหวะที่รถติดไฟแดงพอดี “อยากให้ต่อจากเมื่อกี้”
 
“โรคจิต!” มันด่า ผมยกยิ้ม เหลือบมองเวลาที่รันอยู่ตรงหน้า มีเวลาแค่ยี่สิบวิ มันน้อยมาก แต่ก็มากพอที่จะปิดปากร้าย ๆ นั้นไว้ได้ ผมจับคางมันแน่น ดึงเข้ามากดจูบบดขยี้หวังทำโทษมากกว่าสิ่งอื่นใด
 
ผมเก่งในการนับตัวเลข ผมผละปล่อยทันทีเมื่อเวลาเหลือห้าวินาทีสุดท้าย ผมกลับมาจับเกียร์และพวงมาลัย เหยียบคันเร่งพารถเดินหน้า หัวเราะหึ ๆ ใส่คนข้าง ๆ มันเช็ดปากลวก ๆ เขยิบไปนั่งชิดหน้าต่าง
 
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านหลังน้อยของมัน ฟ้าเป็นคนวิ่งมาเปิดประตูให้
 
“หวัดดีค่ะคุณหมอ”
 
“สวัสดีครับ เอาน้องของนางฟ้ามาส่ง” ผมหยอดเบา ๆ ฟ้าหัวเราะร่วน
 
“คุณหมอทานข้าวมารึยังคะ”
 
“เรียบร้อยแล้วครับ ฝนไปทำให้กินที่บ้าน”
 
“ขอบคุณที่มาส่งครับ ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ” มันหันมาบอกลาเป็นการไล่ผมกลาย ๆ ฟ้าหันไปส่งสายตาตำหนิใส่ ผมซ่อนยิ้มไว้ภายใน แกล้งเลียริมฝีปากเบา ๆ ให้ดูหื่นจิตนิด ๆ ใส่
 
ผมจับประตูรถไว้กำลังจะก้าวขึ้นรถ สองพี่น้องยืนส่งอยู่ข้าง ๆ ผมมองฟ้า ก่อนมองไปทางฝน เลยไปยังต้นลีลาวดีขนาดใหญ่ภายในบ้าน ข้างกันเป็นต้นจำปีที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง
 
“คุณฟ้าจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอดอกจำปีไปให้แม่ไหว้พระ”
 
ฟ้าตาโต
 
“ว้าว คุณหมอชอบเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอคะ” ฟ้ามองผมด้วยดวงตาชื่นชม ฝนมองผมแบบไม่ไว้ใจ “ได้ค่ะ เดี๋ยวฟ้ากับฝนจะช่วยกันเก็บให้ บ้านเรามีเยอะ เอาไปเท่าไหร่ก็ได้ ออกดอกทุกวัน”
ผมพยักหน้ารับ ปิดประตูลง ก้าวตามฟ้าไปยังจำปีต้นนั้น
 
“เดี๋ยวพี่ไปเอาถุงมาใส่ก่อน ฝนเก็บไปก่อนนะ” ฟ้าสั่งน้อง ฝนพยักหน้ารับอย่างขัดไม่ได้ ฟ้าวิ่งเข้าไปในบ้าน ผมมองตาม ก่อนหันกลับมาสบตาคนที่มองผมอยู่ก่อนหน้า
 
“ผีออกจากตัวแล้วรึไง ถึงเข้าห้องพระได้”
 
“แค่ข้ออ้าง นายดูไม่ออกรึไง”
 
“สารเลว” แล้วผมก็ได้รับคำชมจากใจจริงของมัน
 
“เหมาะกับคนร่าน ๆ อย่างนายดี” ผมเขยิบเข้าไปชิด มันรีบเขยิบออกห่าง ผมหัวเราะหึ ๆ พยักหน้าไปทางต้นจำปี “รีบเก็บเข้าสิ”

มันทำหน้าไม่พอใจใส่ หันหลัง ยืดตัวเก็บดอกหนึ่งที่อยู่สูงขึ้นไป ผมจับเอวมันเบา ๆ จากด้านหลัง มันสะดุ้งเฮือก รีบหันมามอง ผมชักมือกลับ มองมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันมองมาแบบไม่ไว้ใจ ก่อนหันกลับไปเก็บต่อ คราวนี้ผมตะปบแก้มก้นมันแทน
 
“พี่หมอ!!”
 
“มาแล้ว ๆ” ฟ้าวิ่งหน้าตั้งเข้ามา ผมเขยิบออกมายืนห่าง ๆ ฝนกัดริมฝีปากแน่น ด่าทอผมทางสายตา ผมซ่อนยิ้มไว้ภายใน ช่วยฟ้าเก็บ แต่จงใจไปยืนซ้อนหลังจุดที่ฝนเอื้อมเด็ด
 
ได้มาเยอะอยู่เหมือนกัน ผมถึงบอกให้พอเพราะกลัวหมดต้นเสียก่อน
 
“ขอบคุณทั้งคู่นะครับ” ผมบอกเสียงนุ่มกับฟ้า หิ้วถุงดอกจำปีขึ้นรถ ผมนั่งยิ้มอยู่หลังพวงมาลัยมาตลอดทั้งเส้นทาง หัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าตระหนกของฝนตอนโดนผมจับก้น
 
ผมหันไปมองถุงดอกจำปี กลิ่นมันหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องโดยสาร ผมเอื้อมหยิบมาดอกหนึ่ง ดมกลิ่นมันเบา ๆ มันเหมือนเป็นกลิ่นของน้ำฝนกลาย ๆ ผมยิ้มใส่จำปีดอกนั้น วางมันไว้บนคอนโซลตรงหน้า ขับรถตรงกลับบ้าน   

To be Con..

หึ ๆ ไม่ได้ชอบน้ำฝนเลยยยย ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเล้ยยยย จริง ๆ สาบานให้เหลือแขนซ้ายข้างเดียว
1 เม้นท์ 1 กำลังใจให้คนเขียนผู้น่ารักน่าฟัดแก้มคนนี้ที (จริง ๆ นะ ไม่เชื่อลองหอมดูจิ-ยื่นแก้มนูน ๆ ไปให้)

ตัวอย่างตอนต่อไป :
พอล้างจานเสร็จ ผมล้างมือ แขวนผ้ากันเปื้อนไว้ที่ราวแขวน เดินออกไปด้านนอก พี่หมอเดินสวนทางมาพอดี ผมไม่มองหน้าคนตัวสูง เขยิบเดินเลี่ยง ๆ แต่พี่มันเดินเฉียดเข้ามาใกล้ ยัดสิ่งหนึ่งใส่มือผมไว้ ผมกำสิ่งนั้นแน่น เพราะไม่รู้ว่าคืออะไร เดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำเพื่ออ่าน
 
‘ถ้านอนกับไผ่เมื่อไหร่ มีเรื่อง’
ผมเม้มปากแน่น ฉีกกระดาษแผ่นนั้นยัดลงชักโครกกดมันลงไป

ตอนหน้า ทุกคนอาจอยากปาระเบิดใส่ไผ่แทนพี่หมอ = =
___________________________________________________
มุมเวิ้นของคนเขียน :: คนเขียนมีตัวอย่างของคนสองคนให้นั่งมองชีวิต เพศเดียวกัน อายุใกล้เคียงกัน ทำสิ่งเดียวกัน แต่มุมมองชีวิตต่างกัน
คนหนึ่งทำไปบ่นไป คนหนึ่งทำไปมีความสุขไป คนหนึ่งตื่นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม พบชีวิตที่สดใส ไม่มีอะไรในชีวิตก็ไม่เดือดร้อน คนหนึ่งทั้งที่มีของอยู่เต็มกำมือกลับพร่ำบ่นว่าไม่มีอะไรเลย
คนหนึ่งมีคำพูดติดปากว่ามีความสุขจัง คำพูดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ที่แค่ได้ฟังเสียงผ่านโทรศัพท์คนฟังอย่างเราก็พลอยยิ้มตามไปด้วย อีกคนที่พร่ำบ่นว่าเบื่อชีวิต เบื่องาน เบื่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว เบื่อลูกเบื่อหลาน ชีวิตไม่มีอะไรดีเลย ฟังมากก็ชักจะเอียน ๆ อยากเดินหนี
คนหนึ่งตื่นขึ้นมาก็ขอบคุณลมหายใจ ขอบคุณบ้านดี ๆ ที่มีให้อยู่ ขอบคุณลูกหลานที่สร้างเสียงหัวเราะให้บ้านครึกครื้น ขอบคุณหมาแมวที่อยู่เป็นเพื่อน ขอบคุณต้นไม้ทุกต้นที่ออกดอกออกใบให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทุกวัน ในขณะที่อีกคน ก่นด่าทุกสิ่งรอบตัว แม้กระทั่งตัวเอง
คนหนึ่งมีเงินเต็มกำมือ แต่พอถึงวันที่หนึ่งหรือสิบหกของเดือน เงินที่ว่านั้นก็สูญสลายแล้วนั่งบ่นว่าเงินไม่มี อีกคนมีเงินเพียงแค่ยี่สิบบาทก็เลือกที่จะซื้อของกินที่สามารถแบ่งปันกันได้ทั้งครอบครัว ความสุขของเธอคือการได้กินและนั่งมองลูกหลานและสามีกินกันอย่างมีความสุข
คนหนึ่งหกล้ม มีคนยื่นมือให้ แต่กลับปัดทิ้งแล้วพร่ำบ่นว่าไม่มีคนช่วยเหลือเลย อีกคนแม้จะหกล้มก็ยังหัวเราะใส่ความซุ่มซ่ามของตัวเอง กลายเป็นเรื่องตลกขบขันไป ไม่ชอบร้องขอความช่วยเหลือใครด้วย มีแต่จะมองหาผู้ที่เดือดร้อนและพร้อมจะวิ่งเข้าไปช่วยด้วยความเต็มใจ
อีกคนแบ่งปันสิ่งของให้คนอื่นในขณะที่จิตใจคิดหวังว่าจะได้อะไรตอบแทน หรือให้เพื่อให้เป็นบุญคุณ อีกคนให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ขอแค่ได้ให้ฉันก็พอใจแล้ว
คนหนึ่งชอบพูดบ่น ฉันจน ฉันไม่มีเงิน ฉันลำบากยากแค้นไม่มีใครเหลียวแล ทั้งที่งานก็มีให้ทำเงินก็มีในกระเป๋า ลูกหลานก็อยู่เคียงข้างคอยดูแลตลอด อีกคนแม้เงินในกระเป๋าไม่มีสักสะหลึง ก็ยังยืนยิ้มรดน้ำต้นไม้แล้วพูดว่า เงินไปเที่ยวเดี๋ยวเดียวมันก็กลับ (แล้วมันก็กลับมาจริง ๆ)
คนแรกผลักไสสิ่งดี ๆ ออกห่างจากตัว คนหลังมีแต่จะดึงดูสิ่งดี ๆ เข้าหาตัว นั่งมองคนสองคนแค่นี้ก็ได้บทเรียนที่มีค่าแล้วว่าเราจะเลือกเป็นแบบไหน ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2017 20:21:36 โดย memew »

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
เริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสินะพี่หมอ
รู้ใจตัวเองสักทีสิ สงสารน้ำฝน

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
อาการหนักนะพี่หมอ แต่ยังไม่รู้ใจตัวเองอีก 555+

มีการขอดอกจำปีด้วย 5555+

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
บางทีก็อยากให้ไผ่คู่กับฝนแทน เบื่ออิพี่หมอ 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด