CHAPTER 24-1 ∞ เขากอดกันแน่แล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.msg3105297#msg3105297)
CHAPTER 24-2 ∞ แผนลับของสน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.msg3106960#msg3106960)
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 24-1: เขากอดกันแน่แล้ว สนถอนหายใจอย่างหนักใจทันทีที่รู้ว่าพ่อโทรมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร ก็เป็นอย่างที่สนคิดไว้อยู่แล้วล่ะ สุดท้ายเรื่องที่สนไม่ค่อยสนใจใยดีนินาก็เข้าหูพ่อกับแม่สนจนได้ คงไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าเรื่องนี้ไปถึงท่านสองคนได้อย่างไร
"ต่อไป...น้องเขาก็จะเป็นเมียของสน สนอย่าลืมนะลูก พ่อแม่เขาเลี้ยงกันมาเอง ข้าวสักเม็ด น้ำสักแก้วบ้านเราก็ยังไม่เคยได้ให้เขากิน แต่เพราะเขารักเรา ต่อไปเขาก็จะต้องจากอ้อมอกพ่ออ้อมอกแม่มาอยู่กับลูก ใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดกับลูก เป็นเมียของลูก เป็นสะใภ้ของพ่อกับแม่ เอาพ่อกับแม่เป็นพ่อแม่ของตัวเอง ต่อไปก็จะเป็นแม่ของลูกให้กับสน ต้องยอมทรมานทนอึดอัดเพื่อให้กำเนิดลูกให้กับครอบครัวของเรา เกิดมาแล้วลูกก็ยังใช้นามสกุลของเราอีก ผู้หญิงเขาต้องเป็นฝ่ายเสียสละและเสียเปรียบให้เราเสมอ สนลองคิดดูสิลูก ถ้าสนไม่ทำดีกับน้อง มันจะน่าละอายต่อพ่อกับแม่ของน้องเขาหรือเปล่าลูก เราไปเอาของเขามาแล้ว จะทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้นะลูก"
สนนิ่งเงียบ ก็จริงอย่างที่พ่อพูดทุกอย่าง วันนั้นสนเผลอไผลพรากเอาพรหมจรรย์ของผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นของเขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ สนก็ได้ทำให้ลูกสาวเขาเสียหายไปแล้ว ต่อไปผู้หญิงคนนี้ก็ต้องเป็นเมีย เป็นแม่ของลูก ต้องจากพ่อจากแม่มาอยู่กับสน หมั้นกันแล้วยังไงก็ต้องแต่งงานกัน สนจะทำใจร้ายใจดำกับนินาไปเพื่ออะไรกัน เพราะไม่รักอย่างนั้นหรือ ใช่...ก็ไม่ได้รักหรอก แต่ถ้าวันหนึ่งต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าสนไม่รักผู้หญิงคนนี้ชีวิตครอบครัวคงไม่เป็นสุขแน่ สนจะทำยังไงดี ต้องพยายามรักผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า แล้วต้นล่ะ...มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
"ครับพ่อ"
"ดีแล้วลูก พ่อไม่รู้ว่าสนรักน้องมากน้อยแค่ไหน แต่สนก็ต้องเข้าใจนะลูก สนกับน้องหมั้นกันแล้ว ต่อไปก็จะต้องแต่งงานกัน ถ้าไม่รักกันจะอยู่ด้วยกันลำบาก นี่ก็เหลือเวลาอีกตั้งสองปี สนยังมีเวลาที่จะค่อยๆ ทำความรู้จักกันไป ให้เวลากับน้องมากขึ้น ใช้เวลากับน้องเขามากขึ้น ไม่นานก็อาจจะรักกันไปเอง สนลองทำดูนะลูก อย่าให้ใครเขามาว่าเราได้ว่าพ่อแม่ไม่ได้อบรมสั่งสอน"
"ครับพ่อ" สนไม่รู้ว่าจะเถียงพ่อว่ายังไงเพราะมันคือความจริงที่สนก็รู้อยู่แล้ว
นี่แปลว่าสนจะต้องทำใจรักนินาให้ได้ใช่หรือเปล่า หัวใจของคนมันบังคับกันได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ
"เอ้อสน พ่อถามจริงๆ นะลูก สนมีผู้หญิงคนอื่นที่สนรักอยู่หรือเปล่าลูก"
นี่ล่ะคือคำถามที่สนกลัวว่าพ่อจะถาม โดยเฉพาะถ้าพ่อกับแม่ต้องรับรู้ว่าคนที่สนรักไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่พ่อกับแม่เข้าใจมาตลอด
"ไม่มีครับ" สนตอบไปในที่สุดหลังจากที่เงียบไปสักพัก
"ดีแล้วลูก สนจะได้ไม่ต้องมีปัญหาไปหักอกผู้หญิงคนไหนอีก ศึกษาดูใจกันดีๆ นะลูก น้องเขาเป็นคนน่ารัก เป็นคนขยัน เขาจะช่วยครอบครัวเราทำอะไรได้อีกเยอะเลย"
"ครับพ่อ" สนได้แต่รับคำไปอย่างนั้น แต่สุดท้ายสนก็รู้ว่าเขาต้องทำอย่างที่พ่อบอกนั่นแหละ
"แล้วเรื่องที่เราคุยกันวันนั้นล่ะลูก"
สนนิ่งเงียบไปสักพักราวกับกำลังคิดหนักมากทีเดียว "ไม่มีอะไรครับพ่อ" สนกัดฟันบอกพ่อไป
"ดีแล้วลูก"
"เอ่อ...พ่อครับ ถ้าเกิดสน...สนทำยังไงก็รักน้องเขาไม่ได้ ผมควรจะทำยังไงครับพ่อ" สนถามหยั่งเชิง
"ยังไงสนก็ต้องแต่งงานกับน้องเขานะลูก ตอนนี้พ่อว่าสนอย่าเพิ่งกังวลเลยลูก มีเวลาอีกสองปีที่สนจะได้ใช้เวลาอยู่กับน้องเขา เดี๋ยวสนก็จะได้คำตอบเอง ดูอย่างพ่อสิ เจอกับแม่ไม่กี่ครั้งเอง แต่งงานกันแล้วอยู่กันไปก็รักกันไปเอง คนเราถ้าทำดีต่อกันมันรักกันไม่ยากหรอกลูก เชื่อพ่อสิ อ้อ...ก็ระวังเรื่องท้องเรื่องไส้กันด้วยนะลูก ตอนนี้น้องยังเรียนไม่จบเดี๋ยวจะมีปัญหา"
"ครับพ่อ"
สนคุยกับพ่ออีกพักหนึ่งก็วางสายไป จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในบ้านพัก นิก ปั้นจั่นและต้นยังคงนั่งกินข้าวเย็นคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน พอเห็นสนเดินเข้ามาทุกคนก็หันมามอง
"คุยกับพ่อมึงเสร็จแล้วเหรอ" ปั้นจั่นถามพลางมองดูคนที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหมือนคนเบื่อโลก
สนนั่งลงประจำที่กินข้าวของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจ
"ไม่น่าเลยว่ะ"
"อะไรวะสน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า" นิกถามอย่างเป็นห่วง
สนสบตากับเพื่อนๆ ทีละคน เม้มริมฝีปากพร้อมกับครุ่นคิด "พ่อแม่ของนินาเขาโทรไปฟ้องพ่อกับแม่กูน่ะ เรื่องที่กูไม่ค่อยสนใจใยดีเขานั่นแหละ"
ฟังสนพูดจบแล้วต้นก็อดใจหายไม่ได้ พอจะเดาออกว่าพ่อของสนน่าจะพูดอะไรกับสนบ้าง
"แล้วพ่อกับแม่มึงว่าไง" สีหน้าปั้นจั่นดูอยากรู้มากทีเดียว
สนถอนหายใจอีกครั้ง "กูจะมีทางเลือกเหรอวะพวกมึง ลูกสาวเขาเสียหายไปแล้ว กูกับนินาก็หมั้นกันแล้ว ต่อไปก็ต้องแต่งงานกัน ถ้าไม่รักกันจะอยู่ด้วยกันยังไงมึงลองคิดดูสิ"
"แสดงว่าพ่อมึงก็อยากให้มึงรักนินาให้ได้งั้นสิ" นิกลองเดาดูบ้าง แต่คิดว่าไม่น่าจะเดาผิด
สนถอนหายใจเป็นรอบที่สามแล้วก็พยักหน้า เห็นสีหน้าและแววตาของต้นแล้วสนก็ได้แต่สงสารจับจิตจับใจ สนไม่มีทางเลือกแล้วนะต้น ไม่ใช่ว่าสนอยากทำอย่างนั้น แต่สนก็มีความจำเป็นและเงื่อนไขหลายอย่างที่ทำให้สนทำตามใจตัวเองไม่ได้
"กินไม่ลงแล้วว่ะ"
แล้วสนก็ถอนหายใจเป็นรอบที่สี่ ยิ่งเห็นสีหน้าต้นแบบนั้นแล้วสนก็ยิ่งรู้สึกผิด สนหยุดนิ่งมองหน้าต้น ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่ง แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันแต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าแต่ละคนกำลังรู้สึกและคิดอะไรอยู่ นิกกับปั้นจั่นมองหน้าต้นกับสนสลับกันอย่างงงๆ แม้จะไม่เข้าใจแต่ก็รู้ว่าอีกไม่นานปัญหาบางอย่างคงปะทุขึ้นมาอีกแล้ว โชคดีละกันนะต้นกับสน หวังว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตจะไม่โหดร้ายกับต้นและสนจนเกินไป
สรกฤษณ์เห็นคนที่นัดไว้เดินมาแต่ไกลก็ลุกขึ้นพลางโบกไม้โบกมือให้ แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันเป็นปีแต่เขาก็จำหน้าต้นได้ไม่เคยลืม ต้นโบกมือตอบแล้วก็ยิ้ม พอเห็นที่หมายแล้วก็รีบเดินแกมวิ่งตรงไปทันที
"สวัสดีครับพี่กริด รอผมไม่นานนะพี่"
ต้นถามเมื่อมาถึงที่โต๊ะที่สรกฤษณ์นั่งอยู่ สรกฤษณ์ลุกขึ้นมาเลื่อนเก้าอี้ให้ต้นนั่งแล้วก็ยิ้มอย่างดีใจเช่นกัน
"ไม่นานหรอกต้น ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียว ต้นดูเป็นหนุ่มหล่อขึ้นเยอะเลยนะครับ"
ต้นยิ้มพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลง
"ขอบคุณครับพี่ พี่กริดก็ยังดูหล่อเหมือนเดิมนะครับ"
"จำหน้าพี่ได้ด้วยเหรอ" สรกฤษณ์นั่งลงแล้วยื่นเมนูให้ต้น วันนี้เขานัดต้นมาคุยงานที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้ๆ ม. เชียงใหม่
"พอได้อยู่ครับพี่ ต้นก็ไม่ได้ขี้ลืมขนาดนั้น" หัวเราะแล้วก็รับเมนูมาเปิดดู จากนั้นก็สั่งลาเต้เย็นมาหนึ่งแก้ว
"พี่กริดจบไปกี่ปีแล้วครับ"
"สามปีแล้วล่ะ กลับไปในมหาลัยทีน้องๆ ก็จะเรียกลุงกันแล้ว" สรกฤษณ์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่"
คุยสัพเพเหระกันไม่นานนัก สรกฤษณ์ก็ชวนคุยงานเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
"โอเค งั้น...เรามาเริ่มเรื่องของเราเลยดีกว่า ต้นเล่าคอนเซ็ปต์งานคร่าวๆ ให้พี่ฟังอีกทีก่อน"
"ได้ครับพี่" ต้นพยักหน้าแล้วก็เล่าความเป็นมาของโครงการนี้ให้สรกฤษณ์ฟัง
"ตอนนี้พวกเราคัดเลือกคนพิการตัวอย่างไว้ประมาณ 6 คนครับพี่ แล้วจะต้องมีการลงไปสำรวจที่บ้าน ไปพูดคุยกับพ่อแม่ญาติพี่น้องของคนพิการ ก็อาจจะถามคำถามประมาณว่าคิดยังไงถึงให้โอกาสลูกที่พิการมาเรียนหนังสือที่ มช. มองอนาคตยังไง แล้วก็เราจะถ่ายทำชีวิตประจำวันของนักศึกษาพิการตัวอย่างเวลาที่เขาอยู่ที่บ้าน หรือไปคุยกับเพื่อนบ้านด้วยก็ดีนะครับพี่"
สรกฤษณ์พยักหน้าเข้าใจ "แล้วแต่ละคนเขาอยู่ใกล้ๆ กันหรือเปล่าต้น"
"ไม่หรอกครับพี่ บางคนอยู่ติดชายแดนพม่าก็มี บางคนอยู่บนดอยห่างไกลความเจริญ มาจากหลายๆ อำเภอเลยครับ"
"เหรอ แสดงว่าก็ต้องใช้เวลาสัมภาษณ์เก็บข้อมูลหลายวันเหมือนกันนะถ้าเป็นอย่างงั้น"
"ก็หลายวันอยู่ครับ เดี๋ยวผมจะทำตารางจัดคิวให้ว่าเราจะไปสัมภาษณ์ใครวันไหนที่ไหนกันบ้าง บางที่อยู่ไกลมาก อาจจะต้องพักค้างคืนครับพี่"
"ไม่เป็นปัญหาหรอก พี่ยังไงก็ได้ แล้วจะมีใครลงพื้นที่กับเราบ้างครับต้น"
"อืม...หลักๆ ก็คงจะเป็นอาจารย์อัศวิณีครับ พอดีงบไม่เยอะ ผมอาจจะชวนเพื่อนไปได้อีกสักคนในกรณีไปต่างอำเภอที่ไกลๆ ก็ประมาณสามถึงสี่คน ผมจะเป็นคนสัมภาษณ์เก็บข้อมูลเองครับ ส่วนพี่กฤษณ์ก็ถ่ายวิดีโอกับภาพนิ่ง ตอนนี้ผมทำสคริปต์สัมภาษณ์ไว้แล้วคร่าวๆ ครับ เดี๋ยวผมจะส่งอีเมล์ให้พี่กริดดูอีกที เผื่อพี่มีไอเดียอื่นๆ อีก"
สรกฤษณ์พยักหน้าพลางยิ้มด้วยความชื่นชม รู้สึกถูกชะตากับต้นตั้งแต่ที่เจอกันวันนั้นแล้วล่ะ ถึงได้เผลอคุยกับต้นซะนานจนเกือบลืมถ่ายรูป
"อ้อ พี่เกือบลืม นี่ๆ รูปต้นกับเนื้อคู่ของต้น พี่อัดมาให้แล้ว"
สรกฤษณ์ค้นในกระเป๋าสักพักก็ส่งรูปถ่ายสองใบมาให้ต้นดู เป็นภาพในงานแต่งงานที่ต้นกับสนไปเมื่อปีที่แล้วแล้วก็บังเอิญได้ของชำร่วยที่มีหัวใจสีแดงเหมือนกัน ต้นกับสนยืนเคียงข้างกัน ยิ้มอย่างสดใส โดยเฉพาะสน ดูเหมือนสนมีความสุขมากทีเดียวในรูปสองใบนี้
"ขอบคุณครับพี่กริด"
"ต้นเชื่อไหม พี่แค่ดูรูปเฉยๆ นะ พี่ไม่รู้จักต้นกับเพื่อนของต้นเป็นการส่วนตัวเลย แต่พี่เดาว่าต้นกับเพื่อนน่าจะสนิทกันมาก โดยเฉพาะคนนี้ เขาชื่ออะไรนะต้น"
"ชื่อสนครับพี่"
"ใช่ โดยเฉพาะสนนี่แหละ ต้นดูสายตาของสนในรูปนี้สิ เขามองต้นด้วยความรู้สึกที่พี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ เหรอ" สรกฤษณ์ถามด้วยน้ำเสียงฟังดูเล่นๆ แต่ก็สะดุดใจต้นไม่น้อย
"เป็นเพื่อนกันครับพี่" ต้นรีบบอกไป แต่สายตาก็ดูเหมือนคนมีพิรุธ
"สนเขาดูหล่อมากเลยนะรูปนี้ แล้วเขามีแฟนหรือยังล่ะ"
"เขามีคู่หมั้นแล้วครับพี่ จบไปก็่น่าจะแต่งงานกันเลย"
สรกฤษณ์ตาโต "จริงเหรอต้น ทำไมเขาต้องรีบแต่งงานเร็วขนาดนั้นล่ะ"
"ไม่รู้เหมือนกันครับพี่"
น้ำเสียงแบบนั้นทำให้สรกฤษณ์พอเดาออกว่าต้นคงไม่อยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่ ก็เลยต้องกลับมาคุยเรื่องงานต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่จะลาจากกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน
ต้นไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอึดอัดออกมาเป็นคำพูดหรือท่าทางยังไงเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของคนที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ เขานั่งเงียบมานานเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างที่หนักใจ เงียบจนต้นรู้สึกกลัวไปเลย ต้นไม่เคยเห็นทินเป็นแบบนี้ แสดงว่าคงมีเรื่องรบกวนใจ แต่ก็เกินที่ต้นจะคาดเดาได้ว่าทินมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
"พี่ทิน...พี่ทินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
ต้นอดที่ถามขึ้นมาไม่ได้เพราะไม่อยากอยู่ในบรรยากาศที่ชวนอึดอัดเช่นนี้ อันที่จริงต้นก็ไม่อยากมาที่คอนโดแล้วอยู่ในที่รโหฐานกับทินอย่างนี้สองคนเท่าไหร่นัก เพื่อนๆ ที่มาทำงานในห้องพี่ทินกลับกันไปก่อนแล้ว ต้นก็ว่าจะกลับแต่พี่ทินขอให้อยู่ต่ออีกสักหน่อยเพราะมีเรื่องจะคุยด้วยนั่นเอง แล้วเรื่องอะไรกันนะที่ทำให้ทินเครียดขนาดนี้
ทินถอนหายใจยาว ท่ากึ่งนอนกึ่งนั่งเหยียดยาวบนโซฟานั้นดูสบายก็จริง แต่เจ้าของร่างกลับดูเครียดจนดูขัดกับท่าที่สบายนั้น
"ต้น...ต้นยังรักสนอยู่ใช่ไหม"
ทินเผยที่มาของความเครียดในตอนนี้ออกมาแล้ว แต่ต้นก็ไม่รู้จะตอบสนองต่อคำถามนั้นอย่างไร
"ใช่ไหมต้น ต้นรักเขามากเลยใช่ไหม" ทินถามย้ำ ไม่มองหน้าต้น
ทินก็รู้อยู่แล้วนี่นา ทำไมจะต้องถามอีก ต้นก็เลยได้แต่เงียบ
"สามปีที่เรารู้จักกันมา มันทำให้ต้นรักพี่ไม่ได้เลยเหรอ ต้น...พี่มีอะไรตรงไหนที่ดีน้อยกว่าสนหรือเปล่า ทำไมต้นรักพี่ไม่ได้"
ทินลุกขึ้นนั่ง สีหน้าดูเครียดมากยิ่งขึ้น น้ำเสียงก็แข็งกระด้างมากขึ้น ต้นรู้สึกกลัวจนตัวลีบ
"ว่าไงล่ะต้น ทำไมไม่ตอบพี่ ต้นรักพี่ไม่ได้เลยเหรอ พี่รอต้นมานานแล้วนะ"
ว่าแล้วทินก็ลุกขึ้นเดินมานั่งที่โซฟาเดียวกับต้น
"พี่ทินเป็นอะไรน่ะครับ" ต้นมองหน้าทินอย่างหวาดหวั่น รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยมากขึ้นทุกที
"ต้นรู้ไหม ไอ้ภาพที่สนกับต้นไปเที่ยวกันแล้วโพสต์ขึ้นเฟสบุ๊ค แล้วก็ข้อความพวกนั้น มันบอกอะไรพี่หลายอย่าง ยังไงต้นกับสนก็ยังรักกันอยู่ ต้นไม่เคยเห็นอยากไปเที่ยวกับพี่แบบนี้เลย หลังๆ มานี้ต้นเอาแต่อ้างว่าทำงานๆ เดี๋ยวก็ไปช่วยชมรม เดี๋ยวก็ต้องไปเก็บข้อมูลอะไรก็ไม่รู้ แล้วทำไมต้นมีเวลาไปเที่ยวกับสนล่ะ"
ภาพพวกนั้นสนโพสต์ขึ้นเมื่อเกือบสองเดือนมาแล้ว ทำไมทินเพิ่งจะมาพูดถึงตอนนี้นะ
"พี่ทิน พี่ทินก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วนี่ครับ ผมก็เคยบอกพี่ทินไปแล้วว่าผมยังรักสนอยู่ รักเขามาก ไม่รู้จะลืมได้วันไหน พี่ทินก็รู้ พี่ทินก็ยอมที่จะเป็นแฟนกับต้นเองนะครับ" ต้นพูดพลางเขยิบตัวถอยออกห่างจากทินเล็กน้อย ท่าทางของทินดูน่ากลัวจนต้นไม่กล้าไว้ใจ
"ใช่...พี่รู้ แต่ต้นรู้ไหม พี่เหลือเวลาอยู่กับต้นอีกไม่นานแล้วนะ ปีนี้พี่ก็จะจบแล้ว ต่อไปเราก็จะไม่ได้เจอกัน แต่ต้นยังไม่เคยรักพี่เลย แล้วถ้าพี่ไปแล้ว ไม่ได้ใจต้นไปด้วย ก็คงไม่มีอะไรทำให้ต้นรักพี่ได้อีกแล้ว ต้นเข้าใจความรู้สึกของพี่ไหม"
ทินเริ่มเสียงดัง ต้นต้องค่อยๆ ทำใจดีสู้เสือไว้
"ทำไมต้นจะไม่เข้าใจล่ะครับพี่ทิน ต้นก็เป็นเหมือนพี่ ต้นก็รักคนที่เขารักต้นตอบไม่ได้เหมือนกัน"
"แล้วเราจะมารักกันทำไมล่ะต้น เราไม่ควรจะรู้จักกันเลยถ้าเป็นแบบนี้"
ทินจับไหล่สองข้างของต้นแล้วก็เขย่า ต้นตกใจกลัวอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกผิดหวังที่ทินเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทินเป็นคนพูดเองว่ายินดีที่จะเป็นแฟนกับต้นไม่ว่าต้นจะรักใครอยู่ก็ตาม แล้วนี่หมายความว่ายังไง
"พี่ทิน" ต้นเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงดัง แต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สติไปแล้ว
"หรือว่า...ต้นมีอะไรกับสนไปแล้ว ใช่ไหมต้น ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ เลยต้นถึงได้ไม่รักพี่"
"พี่ทินปล่อยต้นนะครับ"
ต้นเริ่มดิ้นหนี ทินผลักต้นลงบนโซฟาแล้วก็รีบเอาตัวขึ้นมาทาบทับ
"พี่ทิน อย่าทำอะไรผมนะครับพี่ทิน ผมขอร้องล่ะ"
"มันเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วนะต้น ถึงต้นจะไม่ชอบ พี่ก็ต้องทำ"
ทินกดแขนสองข้างของต้นไว้แล้วก็พยายามระดมไซร้ซอกคอของต้นอย่างหื่นกระหาย ต้นกลัวจนร้องไห้ แต่ทินกลับไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่กำลังทำอยู่เลย
"พี่ทิน อย่าทำแบบนี้นะครับพี่ทิน" ต้นพยายามดิ้นสุดชีวิต ตัวเขากับทินขนาดไม่ต่างกันมากนัก ต้นผลักทินออกสุดแรงเกิดจนทินกระเด็นไปอีกมุมหนึ่งของโซฟา
ทินดูเหมือนจะได้สติขึ้นมาทันที
"พี่ทินบอกผมมาได้ไหมครับ พี่ทินบอกสนใช่ไหมว่าผมกับพี่ทินมีอะไรกันวันนั้น ใช่ไหมครับพี่ทิน" ต้นถามเสียงสั่นและเสียงดัง เขาคงจะคบกับทินต่อไปไม่ได้แล้ว แต่นี่คือสิ่งที่ต้นอยากรู้ก่อนจากไป
"ใช่ พี่เป็นคนบอกสนเอง เพราะพี่อยากให้สนเลิกรักต้น" ทินยอมรับแต่โดยดี
ต้นตกใจกับคำตอบนั้นมากทีเดียว ไม่คิดว่าทินจะทำได้ถึงขนาดนี้ "ถ้างั้น ต้นก็คงไม่สามารถเป็นแฟนกับคนที่โกหกต้นได้หรอกครับ ที่ผมไม่พยายามรักพี่หลายเดือนที่ผ่านมาก็เพราะเรื่องนี้"
"ต้น...พี่ขอโทษ พี่"
ทินพูดไม่ทันจบต้นก็ถือโอกาสวิ่งไปคว้ากระเป๋าแล้วออกไปจากห้องของทินทันที และนั่นก็คือครั้งสุดท้ายที่ความสัมพันธ์ของพี่และน้องรหัสได้สิ้นสุดลง ต้นไม่ได้เสียใจมากนักแต่ออกจะเสียขวัญมากกว่า ใช้เวลาอยู่หลายวันทีเดียวกว่าจะหายหวาดกลัว
"ลาก่อนนะครับพี่ทิน ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทินคอยช่วยเหลือต้นมาตลอด ต้นดีใจมากที่ได้เจอพี่รหัสอย่างพี่ทิน พี่ทินจะอยู่ในความทรงจำของต้นตลอดไป"
นั่นคือข้อความสุดท้ายที่ต้นส่งไลน์ให้ทิน จากนั้น ชีวิตของคนสองคนก็ไม่มาบรรจบกันอีกเลย
เสียงพูดคุยหัวเราะของใครบางคนที่กำลังคุยกันดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านในตอนเช้าวันหนึ่ง ไม่บอกก็รู้ว่าคงมีความสุขกันมากแค่ไหน วันหยุดสบายๆ อย่างนี้เป็นโอกาสดีที่คนรู้ใจกันจะได้มาอยู่ด้วยกันและใช้เวลาด้วยกันอย่างมีความหมาย แต่คนที่เพิ่งมาถึงและปรากฎอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำให้บรรยากาศที่อบอุ่นและสดใสจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแทบจะหายไปในทันทีทันใด
"สวัสดีค่ะพี่ต้น พี่สนอยู่ไหมคะ"
เสียงใสที่ถามนั้นดูมีอาการประหม่าไม่น้อย ต้นนึกไม่ออกเหมือนกันว่าเหตุใดนินาจึงมาที่บ้านพักของเขากับเพื่อนๆ
"อยู่ครับนินา" แล้วต้นก็หันไปเรียกเพื่อนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง "สน...นินามาหา"
คนถูกเรียกขมวดคิ้วด้วยความสงสัย สนไม่ได้นัดให้นินามาหาที่นี่เลย นินามาทำไม สนลุกจากเก้าอี้แล้วก็เดินมาที่หน้าบ้าน ต้นถอยฉากหลบไปให้คู่หมั้นสองคนได้คุยกันเอง
"นินามีเรื่องจะคุยกับพี่สนหน่อยค่ะ"
แม้จะรู้สึกยุ่งยากใจแต่สนก็คงจะเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะคราวนี้
"คุยหน้าบ้านได้ไหม" เหตุผลของสนก็คือเขาไม่อยากให้ต้นเห็น
"ได้ค่ะ"
ท่าทีที่ดูสงบเสงี่ยมและสีหน้าที่ดูเศร้าๆ ของนินา บวกกับที่สนเพิ่งคุยกับพ่อไป ทำให้สนรู้สึกต่อผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปพอสมควร แต่สนก็ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เปลี่ยนไปคืออะไร
"ตามสบายนะ เดี๋ยวเราจะขึ้นไปทำงานที่ค้างในห้อง" ต้นบอก
สนหันมาพยักหน้ากับต้น จากนั้นก็เดินออกไปที่หน้าบ้านพร้อมกับนินา มีโต๊ะสำหรับนั่งเล่นสบายๆ อยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้านให้พอนั่งคุยกันได้อยู่
ต้นมองดูคู่หนุ่มสาวที่เดินไปด้วยกันด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น ดูเหมือนว่าคราวนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจนต้นรู้สึกได้ มันก็ควรต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว สนกับนินาเป็นคู่หมั้นกัน จะรักหรือเปล่ายังไงก็ต้องแต่งงานมีชีวิตครอบครัวด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่พ่อกับแม่สนต้องการ สิ่งเดียวที่ต้นไม่สามารถเข้าไปทดแทนได้เลยในชาตินี้
เสียดายที่วันนี้นิกกับปั้นจั่นไม่อยู่ ไปช่วยป้าทำงานที่ร้านเหมือนเช่นเคย ถ้าต้นมีเพื่อนคุยด้วยตอนนี้คงจะดี ไม่งั้นต้นก็คงอดฟุ้งซ่านอีกไม่ได้
สนกับนินานั่งลงตรงข้ามกัน ต่างคนต่างไม่รู้จะเริ่มการสนทนาอย่างไร ตั้งแต่ที่สนคุยกับพ่อไปเมื่อสองสามวันนั้นสนก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทำอย่างที่พ่อบอกเลย มันยากเกินที่สนจะทำเสียจริงๆ
"นินา...อยากจะมาขอโทษพี่สนค่ะ" ในที่สุดนินาก็เริ่มเรื่องก่อน
"เรื่องอะไรเหรอ" สนถามทั้งๆ ที่ก็พอรู้อยู่แล้ว
"ก็...เรื่องที่นินา...บอกพ่อกับแม่ที่พี่สน...ไม่มาหานินาเลย" นินาทำท่าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็สะกดอารมณ์ไว้
สนถอนหายใจ มองหน้าคู่หมั้นด้วยสีหน้าที่อ่อนลง จะว่าไปเขาก็ทำกับนินาเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ผู้หญิงคนหนึ่งที่เสียความบริสุทธิ์ให้สนแล้ว สนกลับทำตัวเหมือนผู้ชายเหลวไหลที่ได้แล้วก็ทิ้งๆ ขว้างๆ
"ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ พี่เองก็...ต้องขอโทษนินาด้วยที่พี่...ที่พี่ทำไปแบบนั้น"
ดูเหมือนว่าคนที่ได้รับคำขอโทษจะตกตะลึงไม่น้อยทีเดียว สนเห็นนินาทำสีหน้าอย่างนั้นก็อดสงสารอีกไม่ได้
"ขอบคุณค่ะพี่สน ขอบคุณที่เข้าใจนินา นินาเครียดมากเลย เพื่อนๆ ของนินาก็ซุบซิบกันว่านินาโดนพี่สนทิ้งแล้วแน่ๆ เลยเพราะพี่สนไม่ยอมมาหานินา นินา...ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้อง...ขอให้พ่อกับแม่ช่วย"
สนถอนหายใจอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสำหรับสนเลย จะทำเหมือนไม่ใส่ใจก็จะกลายเป็นคนใจร้าย ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียหายแล้วก็ทิ้งขว้าง แต่จะให้พยายามรักมันก็ยากสำหรับสนอีกเช่นกัน
"เธอไม่ต้องอธิบายหรอก เอาเป็นว่าพี่เข้าใจละกันนะนินา ต่อไป...เธอกับพี่ก็ต้องแต่งงานกัน พี่มาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอยู่แบบนี้ ชีวิตแต่งงานของเราคงไม่มีความสุข แล้วก็...พี่เองก็ไม่อยากให้เธอต้องถูกคนอื่นมองไม่ดี ไม่อยากให้ใครต้องมาว่าเธอว่าถูกพี่ทอดทิ้ง พี่ขอโทษอีกครั้งละกันนะกับเรื่องที่ผ่านมา"
"พี่สน" คราวนี้นินาร้องไห้จริงๆ เสียแล้ว รู้สึกซาบซึ้งตื้นตันในที่ว่าที่สามีให้อภัยเธอแล้ว ที่เธอใส่ยาให้สนกินคราวนั้นเธอเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย แต่ด้วยความที่ขาดสติยั้งคิดจึงทำไปอย่างนั้น ต่อไป...นินาจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว
"เดี๋ยว...วันเสาร์หน้า พี่จะพาเธอไปเที่ยวละกันนะ นินาช่วยคิดมาหน่อยละกันว่าอยากไปที่ไหน"
แม้จะทำใจยากแค่ไหนที่จะพูดประโยคนี้ออกไป สนก็รู้ว่าเขาควรจะต้องกลั้นใจทำมันเสียที
"จริงเหรอคะพี่สน เดี๋ยวนินาจะคิดไว้นะคะ แล้วจะโทรบอกพี่สน"
เห็นว่าที่ภรรยาในอนาคตร้องไห้อยู่ตรงหน้าแล้วสนก็ทำตัวไม่ถูก ถ้าคนเป็นแฟนกันทั่วไปก็คงต้องปลอบใจกัน แต่สนรู้สึกกระดากใจที่จะทำอย่างนั้น
สนพยักหน้า "นินามีธุระแค่นี้ใช่ไหม หรือว่ามีอะไรอีก พอดี...พี่ทำงานค้างไว้"
นินาส่ายหน้า
"ขอบคุณนินาที่มาวันนี้นะ นินาสบายใจได้ ต่อไป...พี่จะไม่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนี้อีก"
คำพูดประโยคนี้ยิ่งทำให้นินาร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจหนักขึ้น เธอมองหน้าว่าที่สามีพร้อมกับยิ้มทั้งน้ำตา
"นินามาที่นี่ได้ยังไง มารถแดงเหรอ"
นินาพยักหน้า
สนถอนหายใจอีกครั้งราวกับหนักใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง
"เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ท่ารถนะ"
สนลุกขึ้นยืนก่อนที่นินาจะลุกขึ้นาตามมาติดๆ ในจังหวะนั้นเองนินาก็เดินเข้ามากอดสนไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อย
"พี่สนคะ นินารักพี่ค่ะ พี่สนอย่าทิ้งนินานะคะ"
สนตกใจไม่น้อยเลย แต่ก็จำใจต้องกอดเธอตอบเบาๆ เพื่อปลอบใจว่าที่ภรรยาที่กำลังเสียขวัญและหวาดกลัวกับอนาคตของเขาและเธอ ความรู้สึกอาจจะไม่ได้อบอุ่นเหมือนตอนที่สนกอดต้นหรอก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แปลกไปอีกอย่าง อย่างน้อย สนก็พอจะรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาได้บ้าง
สนไม่รู้หรอกว่าภาพที่นินากำลังกอดเขาอยู่นั้นสร้างความเจ็บช้ำให้กับคนที่ยืนดูตรงหน้าต่างในห้องนอนของตัวเองขนาดไหน นั่นสินะ ชายกับหญิงเกิดมาคู่กัน เหมาะสมกันในทุกๆ ด้านตามที่ธรรมชาติสร้างมา ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์หรือสถานะในสังคม บทบาทในครอบครัว หรือบทบาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของหญิงชาย ต้นไม่มีอะไรสู้ได้เลย
หัวใจต้นแทบสลาย เพื่อนที่ต้นรักมาตลอดสิบกว่าปี เฝ้ารักเฝ้าทะนุถนอมและคอยห่วงใยไม่เคยห่าง ผูกพันกันมานานจนเกิดเป็นความรักที่ยากจะตัดให้ขาด อีกไม่นานนี้ก็คงจะปล่อยมือต้นไปเพื่อใช้ชีวิตตามกรอบประเพณีของสังคม อีกไม่นาน ผู้ชายคนนี้ที่ต้นรักก็จะเป็นของคนอื่น อันที่จริง ก็เป็นของคนอื่นไปแล้วล่ะ ต้นไม่มีสิทธิ์อะไรอีกแล้ว
ตอนนี้ต้นไม่คงไม่เหลือใคร พี่ทินก็จากไปด้วยความเจ็บช้ำ สนก็กำลังจะจากไปอีกไม่ช้ากับหญิงสาวผู้เป็นคู่หมั้น คงเหลือแต่ต้นคนเดียวแล้วสินะ
ต้นเดินกลับมาที่เตียงนอนแล้วก็นั่งลง ปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาอย่างสุดกลั้น คำอธิษฐานของต้นกับสนที่ตรงกันที่พระธาตุดอยสุเทพวันนั้นก็แทบจะช่วยอะไรไม่ได้ ต้นไม่มีความหวังเหลืออยู่อีกแล้ว ไม่ว่าจะคิดหรือมองหาวิธีอย่างไรก็มืดแปดด้านไปหมด คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าทำใจและปล่อยมือจากคนที่ต้นรัก ปล่อยให้คนที่ต้นรักไปมีชีวิตอย่างที่เขาควรจะมี แม้ไม่อยากเสียสละก็ต้องยอม เพราะเขาสองคนเป็นคู่กัน!!!
TBC