✿✿ธุรกิจนี้มีรัก✿✿CHAPTER 18 ❋ สารภาพรัก
พึงจดจำไว้
เราแข็งแรงมากกว่าที่เราเป็น
เราเข้มแข็งมากกว่าที่เราคิด
เราเป็นได้มากกว่าที่เราเป็น
เราไปได้มากกว่าที่เราเชื่อ - กรกฎ บุญรักษา
--- <+> -- <+> --- <+> -- <+> --- <+> -- <+> ---
"ไง มาหาพี่ถึงนี่ มีอะไรอีกแล้วสิ" แม้ไม่ใช่คำทักทายที่ฟังดูดีนัก แต่ก็ทักแบบนี้มาตลอด เพราะมาทีไรมักมีเรื่องให้เดือดร้อนและเสียเงินทุกที
"โธ่พี่ รู้ทันอีกแล้ว พี่ก็รู้นี่ว่าผมน่ะรายได้น้อยกว่าพี่เไม่รู้กี่เท่า เงินเดือนผมนิดเดียวเอง จะไปพอกินอะไรครับ" เจ้าตัวโอดครวญและนิ่วหน้า
"ก็พี่ให้มาทำงานกับพี่ก็ไม่มา ให้มาอยู่ที่บ้านด้วยกันก็ไม่เอา" คนพูดหมายถึงให้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัว
"โธ่พี่ ผมชอบติดต่อกับคนที่ไหน แล้วถ้าผมมาอยู่บ้านพี่ ผมก็ต้องตื่นแต่ตีสี่โน่นแหละถึงจะไปทำงานทัน"
"คราวนี้จะเอาเท่าไหร่" คนพี่ถามเข้าเรื่อง เพราะไม่อยากฟังคนน้องบ่นน้อยอกน้อยใจ โทษแต่อย่างอื่น แต่ไม่เคยมองมาที่ตัวเอง
"ห้าหมื่นครับ" เจ้าตัวตอบทันที ราวกับว่ากำลังขอเงินแม่ห้าสิบบาทไปซื้อขนมกิน
"ห้าหมื่นเลยเหรอ! นี่เอ็งจะเอาเงินไปทำอะไรเยอะขนาดนี้วะไอ้จิ๊ด" คนพี่ชักเริ่มไม่สบอารมณ์ ที่ใช้คำว่า "เอ็ง" เพราะเรียกอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กตามประสาคนบ้านนอก
"ก็ผมผ่อนรถแล้วก็ซื้อของเข้าคอนโดตั้งหลายอย่าง" คนน้องแก้ตัว
"แล้วก็หนี้บัตรเครดิตด้วยใช่ไหม" คนพี่รู้ทัน
"ครับ" จิ๊ดรับคำอายๆ
เล็กถอนหายใจแล้วก็ส่ายหน้า "ทำไมเอ็งใช้เงินแบบนี้วะจิ๊ด บ้านก็ผ่อน คอนโดก็ผ่อน ข้าวของอะไรก็ผ่อน เงินก็ไม่เคยส่งให้แม่ใช้เลย ขนาดพี่เป็นดาราพี่ยังไม่กล้าใช้เงินเหมือนเอ็งเลยนะจิ๊ด รถพี่ยังไม่กล้าผ่อนเลย เห็นไหมว่าพี่ยังต้องรอให้ผ่อนบ้านหมดก่อน"
"โธ่พี่ พี่ก็รู้ว่าผมน่ะลำบากกว่าพี่น้องคนอื่น ผมไม่ได้โชคดีเหมือนพวกพี่ๆ นี่ พี่เล็กเป็นดารา เงินเยอะกว่าผมตั้งหลายเท่า พี่จิ๋วก็เป็นข้าราชการ อยู่ต่างจังหวัดแทบไม่ต้องใช้อะไร ก็ส่งให้แม่ได้สิครับ ผมก็อยากส่งให้แม่เหมือนกันนะพี่ แต่พี่คิดดูสิ แค่พนักงานรัฐวิสาหกิจเงินเดือนหมื่นกว่าบาทจะไปพออะไรล่ะครับ"
ลำบากกว่าพี่น้องหรือ? ตอนที่เล็กกับน้องเรียนหนังสือ ที่บ้านประสบปัญหาการเงิน เล็กต้องออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อเสียสละให้น้องชายเรียนจนจบ ดีที่พี่สาวจบไปก่อนแล้ว ไม่งั้นคงแย่เหมือนกัน หลังจากนั้นเล็กต้องระหกระเหินมาหางานทำที่กรุงเทพทั้งที่เรียนไม่จบ ชีวิตลำบากเลือดตาแทบกระเด็น โชคดีที่จับพลัดจับผลูมาเป็นดารากับเขาได้ นับว่าโชคดีกว่าพี่น้องอีกสองคน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยคราบน้ำตา
"เออๆ พอเหอะๆ พี่ขี้เกียจพูดกับเอ็งเรื่องพวกนี้แล้ว เดี๋ยวพี่โอนให้ละกัน แต่ว่า..."
"อะไรครับพี่" จี๊ดชะงัก แต่ท่าทางก็ดูดีใจที่จะได้เงิน
"ช่วยพี่ฟังอะไรหน่อยดิ" เล็กคิดว่าไหนๆ น้องชายก็มาหาถึงบ้านแล้ว จะขอฝึกซ้อมสปอนเซอร์กับน้องชายนี่แหละ ก่อนที่เล็กจะเริ่มดำเนินการตามแผนที่คุยกับเจไว้
ถ้าจี๊ดเข้ามาอยู่ในยัวร์เวย์น่าจะดี เล็กหมดปัญญาจะสอนน้องชายคนนี้แล้ว จิ๊ดเป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือย คิดลบ ชอบอ้าง ชอบแก้ตัว ไอ้ที่ผ่อนๆ มาใช้ทั้งหลายแหล่ก็มีแต่เล็กทั้งนั้นที่ช่วย ถ้าให้คนสำเร็จในยัวร์สอน น่าจะดีกว่าที่เล็กสอนเอง เผื่อจะคิดอะไรกับชีวิตได้มากขึ้น
จากนั้นเล็กทำตามที่เจสอน เริ่มจากการเช็ค F-O-R-M ก่อน แม้จะรู้อยู่แล้วแต่เล็กก็เน้นฝึกถาม สรุปคร่าวๆ ว่าจิ๊ดเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน ไม่รับภาระในบ้านเลย แถมเป็นภาระของพี่ๆ น้องๆ อีก ส่วนอาชีพก็เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่พอใช้ รบกวนพี่ชายตลอด การใช้เวลาก็ใช้อย่างไม่เป็นประโยชน์ เที่ยวเตร่ กินเหล้า หลีหญิง ส่วนความฝันก็นึกไม่ออก ไม่รู้จะฝันอะไร อยากมีเงินเยอะๆ มั้ง ตรวจสอบดูแล้วเล็กก็ไม่พบว่ามีอะไรน่าสนใจสักอย่าง ไม่มีคุณสมบัติไหนบ่งบอกว่าจะเป็นคนสำเร็จเลย
"ดูตามที่พี่เขียนนะ สมมติว่านายกอไก่ทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัทเอมาสิบปี จิ๊ดคิดว่าเขาน่าจะมีเงินเดือนเท่าไหร่"
"แสนนึงมั้งครับ เพื่อนผมบางคนก็ได้เกือบเท่านี้แล้ว" จิ๊ดพูดพลางก้มมองตามที่พี่ชายเขียนบนกระดาษ เล็กเขียนตัวเลขหนึ่งแสนลงไปข้างๆ นายกอไก่
"แสนนึงนะ ทีนี้ นายกอไก่ก็ทำธุรกิจเอ็กซ์ ทำมาสามปี ใช้เวลาว่างตอนเลิกงานหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แล้วก็มีรายได้ประมาณหนึ่งแสนบาทต่อเดือนเหมือนกัน"
"ธุรกิจเอ็กซ์คืออะไรเหรอครับพี่เล็ก" จี๊ดทำหน้าสงสัย
"เออน่า อย่าเพิ่งถามตอนนี้ ฟังไปเรื่อยๆ ก่อน ทีนี้วันหนึ่งนายกอไก่ประสบอุบัติเหตุ ไปทำงานไม่ได้ ต้องพักรักษาตัวนาน เดือนแรกนายกอไก่มาทำงานไม่ได้ ถ้าจิ๊ดเป็นนายจ้าง จิ๊ดจะจ่ายเงินเดือนแสนนึงให้นายกอไก่ไหม"
"โห...ตั้งแสนนึง ไม่น่าให้เลยครับ แต่กฎหมายกำหนดนี่ครับว่าต้องจ่ายอย่างน้อยสองเดือนแรก ก็ต้องจ่ายแหละครับ"
"โอเค งั้นสองเดือนแรกจ่ายเดือนละแสนนะ แล้วเกิดเดือนที่สามยังมาทำงานไม่ได้อีกล่ะ จะจ่ายไหม"
"ไม่จ่ายแล้วพี่ ใครจะบ้าจ่ายให้ งานก็ทำให้ไม่ได้ ต้องจ้างคนมาแทนแล้ว"
"อืม...แล้วถ้าเกิดว่าภายในหกเดือนเขาหายล่ะ จะให้เขากลับมาทำงานในตำแหน่งเดิมได้ไหม"
"ใครจะรอล่ะพี่ หางานใหม่ละกัน"
เล็กยิ้มพอใจ "ถ้าสมมติว่าเขาเกิดตายในเดือนที่สอง แล้วนายกอไก่ก็มีลูกกับเมียอยู่ จิ๊ดจะให้ลูกเมียนายกอไก่มาทำงานแทนนายกอไก่ไหม"
"มันแทนกันได้ด้วยเหรอพี่ มีที่ไหนเขาทำกัน ไม่ได้หรอก" จี๊ดส่ายหัวไปมา พานคิดไปว่าพี่ชายพูดอะไรไม่เข้าท่า
"แต่จี๊ดเชื่อไหม ธุรกิจเอ็กซ์ที่นายกอไก่ทำจนสำเร็จ เดือนแรกที่นายกอไก่ป่วยก็โอนมาแสนนึง เดือนที่สอง เดือนที่สาม เดือนที่สี่ เดือนที่ห้า เดือนที่หกก็ยังจ่ายมาแสนนึงทุกเดือน ถ้าหายแล้วอยากกลับมาทำใหม่ ก็ทำต่อจากจุดเดิมได้เลย ถ้าเกิดนายกอไก่ตายไป ลูกเมีอนายกอไก่ก็มารับเงินแทนได้ ไม่ว่าจะกี่เดือนหรือกี่ปี เงินหนึ่งแสนก็จะยังโอนมาทุกเดือน เกิดวันหนึ่งลูกโตแล้วอยากทำธุรกิจของนายกอไก่ต่อแทนพ่อที่ตายไป ก็ทำต่อจากนายกอไก่ได้เลย วันหนึ่งก็อาจจะได้มากกว่าหนึ่งแสน อาจจะเป็นสองแสน สามแสน ล้านนึง สิบล้านหรือร้อยล้านก็ยังได้"
จิ๊ดหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัย "ธุรกิจเอ็กซ์มันคือธุรกิจอะไรเหรอพี่ มีด้วยเหรองานแบบนี้ ป่วยก็ได้เงิน ตายก็ได้เงิน ไม่น่ามีนะพี่"
"มีสิ สนใจหรือเปล่าล่ะ"
จิ๊ดพยักหน้าทันที "สนใจครับพี่เล็ก ว่าแต่ มันงานอะไรเหรอครับ"
"ยัวร์เวย์ไง ยัวร์เวย์ที่พี่จิ๋วเคยทำนั่นแหละ"
"อะไรนะพี่! นี่พี่ทำยัวร์เวย์เหรอครับ! โหพี่...พี่โดนใครเขาหลอกมาหรือเปล่า ยัวร์เวย์เนี่ยนะจะให้รายได้แบบนี้ ผมเห็นเจ๊งไปหลายคนแล้ว วิ่งขายของทำยอดกันเต็มไปหมด ที่ทำงานผมก็ทำเยอะ จะเดินชนกันตายอยู่แล้ว ไม่เอาหรอกพี่ ผมทำไม่ได้หรอกงานแบบนี้ ผมพูดไม่เก่งพี่ก็รู้อยู่" จิ๊ดโวยวาย เกิดอาการกลัวยัวร์เวย์เหมือนเล็กไม่มีผิดเลย นี่แหละเขาว่าทำกับอัปไลน์ไว้ยังไง กรรมก็จะตามสนองอย่างนั้น
ดีที่ว่าเป็นน้องชาย เล็กจึงไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ บางทีเล็กก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ให้ดูสลิปรายได้ดีกว่า ว่าแล้วเล็กก็หยิบสลิปเงินโอนจากยัวร์เวย์ที่เตรียมไว้ให้จี๊ดดู
"อะไรพี่" จิ๊ดหยิบมาดูแล้วก็มองหน้าพี่ชาย
"สามหมื่นกว่าบาท พี่ใช้แค่เศษเวลาเล็กๆ น้อยๆ ทำนะจิ๊ด ไม่ได้ต้องเข้างานแปดโมงเช้าเลิกสี่โมงเย็นเหมือนเอ็ง เอ็งทำขนาดนั้นยังได้แค่หมื่นกว่าบาท พี่ใช้เวลาน้อยกว่าเอ็งยังได้มากกว่าเอ็งตั้งสองเท่า แล้วเดือนนี้พี่ตั้งใจเป็น 21% จะได้มากกว่านี้อีก อย่างน้อยๆ ก็สองเท่า"
เงินน่ะ...ซื้อจิ๊ดไม่ได้หรอก...ถ้าไม่มากพอ
แววตาเป็นประกายพลันวิบวับขึ้นในดวงตา แม้เคยเห็นคนทำหลายคน แต่จิ๊ดไม่เคยเห็นใครเอาสลิปแบบนี้มาให้ดูเลย ใช้เวลาไม่มากแต่ได้เงินขนาดนี้ก็ไม่เลว จริงอย่างที่พี่ชายว่า ทำงานแต่เช้ายันเย็น ห้าวันต่อสัปดาห์ สี่สัปดาห์ผ่านไปได้เงินมาหมื่นกว่าบาท เล็กแบ่งเวลาจากงานแสดงมาทำเล็กๆ น้อยๆ ยังได้เยอะกว่าที่จิ๊ดทำทั้งเดือนเลย
"แล้วมันทำยังไงล่ะพี่" จิ๊ดดูสงวนท่าที แต่เล็กดูออกว่าน้องชายเริ่มสนใจแล้ว
จากนั้นเล็กก็เขียนแผนการตลาดให้น้องชายดู ทำให้จิ๊ดเข้าใจที่มาของรายได้มากขึ้น จากนั้นเล็กก็เล่าเรื่องบุญหกแบบให้น้องชายฟัง จิ๊ดก็ฟังไปอย่างงั้นๆ เพราะยังเด็กอยู่ ไม่ค่อยสนใจแนวคิดดีๆ แบบนี้ แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าจิ๊ดได้เข้ามาในธุรกิจก็จะค่อยๆ ซึมซับไปเอง เด็กๆ หลายคนที่เข้ามาในยัวร์เวย์ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีทั้งนั้น
สรุปว่าจิ๊ดสมัคร เล็กจึงพาจิ๊ดไปยื่นใบสมัครที่ช็อปของยัวร์เวย์ ดีที่จิ๊ดมีรถมาด้วย เล็กจึงสบายหน่อย ในระหว่างทางเล็กก็โปรโมทอัปไลน์ของเล็กให้น้องชายฟังว่าเจเรียนจบอะไร ไปทำงานที่ไหน ที่บ้านทำธุรกิจอะไร ทำไมเจถึงมาทำยัวร์เวย์ จี๊ดก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างตามประสา
สมัครเสร็จ จิ๊ดก็ซื้อสินค้าไปทดลองใช้ มีชุดยาสีฟัน ชุดอาบน้ำ ชุดสระผมพร้อมด้วยชุดอาหารเสริมโปรตีน หมดไปหลายพันโดยที่เล็กไม่ช่วยออกเงินให้ ก็แน่ล่ะ เดี๋ยวเล็กก็จะโอนไปให้ห้าหมื่นอยู่ดี จิ๊ดก็เลยไม่บ่น จากนั้นเล็กก็นัดจิ๊ดมาที่เซ็นเตอร์เย็นวันจันทร์แถวบางกะปิ จิ๊ดโอดครวญนิดหน่อย แต่ด้วยความอยากได้เงินสามหมื่นเหมือนพี่ก็เลยรับปาก
สำเร็จไปแล้วรายแรก ในที่สุดดาวน์ไลน์ที่เป็นนักธุรกิจคนแรกก็เป็นน้องชายของเล็กนี่เอง มาได้จังหวะพอดี เล็กส่งไลน์ไปบอกเจ สักพักเจก็ส่งสติ๊กเกอร์สุดยอดกลับมาให้ จากนั้นไม่พูดอะไรอีกเลย ดูเฉยชาผิดปกติ
คงเป็นเพราะเมื่อวานนี้แน่ๆ!
--- <+> -- <+> --- <+> -- <+> --- <+> -- <+> ---
เล็กให้น้องชายมาส่งที่อาคารเอวันมีเดียส์ก่อนแยกย้ายกันไป เล็กขึ้นไปสัมภาษณ์รายการวิทยุ วันนี้มาเพื่อโปรโมทซีรี่ส์ "ไม่ได้รักหรือรักไม่ได้" ตอนนี้ฉายไปหนึ่งตอนแล้ว ได้รับเสียงตอบรับดีมาก สัปดาห์หน้าจะฉายตอนต่อไป
เสร็จจากงานโปรโมทซีรี่ส์ เล็กก็เดินทางไปหาคุณสนิทที่บ้าน ว่าจะปรึกษาเรื่องงาน รวมทั้งสปอนเซอร์เข้ามาในธุรกิจด้วย หลังด้อมๆ มองๆ มาหลายครั้งหลายครา ระหว่างนั่งแท็กซี่ไปก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"สวัสดีครับพี่ฉิม วันนี้พี่โทรหาผมเองเลยเหรอครับ พี่สบายดีนะครับ" เล็กทักไป
"สบายดีจ้ะ เล็กสบายดีนะ"
"สบายดีครับพี่ พี่มีอะไรให้รับใช้ครับ"
ทางปลายสายหัวเราะเล็กน้อย "มีสิจ๊ะ เล็กสนใจเล่นเป็นพระเอกให้พี่สักเรื่องไหม ตอนนี้พี่เพิ่งซื้อนิยายใหม่มาเรื่องหนึ่ง กำลังให้เขาเขียนบทอยู่ พี่จะเอามาทำเป็นละคร พี่คุยกับผู้ใหญ่แล้ว เขาไฟเขียวเลย"
"สนใจครับพี่" เล็กทำเสียงตื่นเต้น แต่พอนึกได้ก็มุ่นคิ้ว "เอ...แต่ว่า...ผมไม่ได้ต่อสัญญากับช่องสิบแล้ว จะเป็นไรไหมครับ"
"ไม่เป็นไร" พี่ฉิมลากเสียงสูง "หรือว่าเล็กจะไปต่อสัญญาเขาก็โอเคนะ คุณชิงชัยเขาคุยให้แล้ว"
"จริงเหรอครับพี่!" เล็กตกตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เล็กเคยเกลียดนักเกลียดหนา พอทำตามที่เจกับพี่ประสิทธิ์แนะนำเท่านั้น ชิงชัยก็เปลี่ยนเป็นอีกคน สงสัยต้องไปขอบคุณเสียหน่อย
"จริงสิ" พี่ฉิมยืนยันเสียงใส
"ว่าแต่...พี่จะให้ผมเล่นเรื่องอะไรครับ แล้วเรื่องมันเป็นยังไงครับ"
"อ๋อ...พี่อยากชวนเรามาเล่นละครที่ไม่มีนางเอกน่ะเล็ก น่าจะรู้นะว่าหมายถึงอะไร"
"ละครชายรักชายเหรอครับ" เล็กแปลกใจ นึกในใจว่า...อีกแล้วเหรอ
"ใช่จ้ะ ชื่อเรื่อง ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย เรื่องมันดีมากเลยนะเล็ก เล็กต้องชอบแน่ ดราม่าน้ำตาท่วมจอเลย เป็นละครหลังข่าวเรื่องแรกที่เป็น boys' love เลยนะเล็ก อ้อ คุณโฮป ธนวัฒน์ รับเล่นเป็นพระเอกด้วย เล็กเคยเจอหรือยัง ตอนนี้กำลังมาแรงเลย"
"ยังครับพี่ฉิม เอ่อ...คือ...พี่ฉิมจะให้ผมเล่นเป็น...นายเอกเหรอครับ" เล็กถามอย่างไม่แน่ใจ
"ใช่จ้ะเล็ก ก็เหมือนกับซีรี่ส์ที่เล็กเล่นตอนนี้ไง พี่ว่าเล็กเล่นดีมากเลย พี่ชอบมาก เล็กเล่นดูอินยังไงไม่รู้ พอพี่ได้เรื่องนี้มา พี่ก็เลยคิดถึงเล็กคนแรกเลย สนใจไหมเล็ก พี่ว่าเล็กนี่แหละเหมาะที่จะแสดงเป็นต้นมากๆ เลย พี่ดูๆ ดาราคนอื่นแล้วไม่เข้ากับบุคลิกแบบตัวละครตัวนี้ สู้เล็กไม่ได้เลย" พี่ฉิมโน้มน้าวเต็มที่
"อ๋อ...สนใจครับพี่" เล็กรับปาก สงสัยคงต้องหันมาเอาดีทางบทเกย์ คงมีคนแซวว่าเป็นแผนแกรนด์โอเพนนิ่งแน่ แต่ช่างเถอะ ถ้ามันหนีไม่พ้นก็คงต้องทำ
"ขอบใจมากจ้ะเล็ก เดี๋ยวไว้เรานัดคุยกันอีกที พี่จะได้เอาบทให้ดูด้วย"
"ครับพี่ฉิม ขอบคุณมากครับที่นึกถึงผมอยู่ สวัสดีครับพี่"
ช่วงนี้เล็กกับเจเจอกันบ่อยมาก ทั้งที่เซ็นเตอร์ ที่บ้านของเจเอง บ้านของเล็กหรือในคอร์สอบรมต่างๆ เล็กตัดสินใจแล้วว่าจะเป็น 21% อัปไลน์จึงต้องช่วยหนัก ช่วงนี้เล็กกับเจทำงานหนักมาก แต่เจน่าจะหนักกว่าใครเพราะต้องดูแลดาวน์ไลน์อีกหลายคน นอนวันละไม่กี่ชั่วโมง ตื่นเช้ามาก็ออกจากบ้าน ไปช่วยดาวน์ไลน์วางแผนบ้าง สปอนเซอร์ส่วนตัวบ้าง ขายสินค้าบ้าง นอกจากนี้ต้องแบ่งเวลาไปเซ็นเตอร์ ไปงานอบรม รวมทั้งแบ่งเวลามาช่วยงานร้านที่บ้านอีก
เดือนนี้เล็กทำงานได้เกินเป้าหมายไปแล้ว เพราะเป็น 21% ช่วงเลยกลางเดือนมาเล็กน้อย เจจึงชวนเล็กตั้งเป้าหมายเป็นทับทิม แต่ต้องทำงานเพิ่มจากเดิมเป็นสองเท่า วอลลุ่มธุรกิจของเล็กจะเพิ่มจากหลักแสนเป็นหลักล้าน
โชคดีที่อัปไลน์สอนดีและตั้งใจทำงาน เล็กจึงไม่ใช้โอกาสเปลือง ทุกครั้งที่นัดไปเจอผู้มุ่งหวัง เจมักตามไปด้วย ถ้าไปด้วยไม่ได้เล็กก็จะปรึกษากับเจอย่างละเอียดทางโทรศัพท์ เล็กทำตามที่อัปไลน์บอกทุกอย่าง ตรงไหนไม่แน่ใจเล็กจะแอบขอเข้าห้องน้ำปรึกษาอัปไลน์ตลอด ถ้าเจช่วยแล้วมักไม่ค่อยพลาด
ทุนของเล็กคือการรู้จักคนมากหน้าหลายตา เพราะงานที่ทำอยู่ทำให้เจอคนบ่อยๆ คนที่เล็กสปอนเซอร์ส่วนมากมักจะเป็นคนในวงการบันเทิง เช่น เพื่อนๆ ดารา ศิลปินและคนทำงานเบื้องหลัง นอกนั้นก็มีทีมออร์แกไนเซอร์ที่ทำงานด้วยกันบ่อยๆ แต่ใช่ว่ารู้จักคนเยอะแล้วจะง่ายกว่าคนอื่น เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎค่าเฉลี่ย ในสิบคนอาจมีเพียงแค่คนหรือสองคนที่สนใจธุรกิจ บางครั้งไม่มีเลย แต่ยังดีตรงที่มีคนซื้อสินค้าตลอด
เล็กไม่ได้โชคดีเพราะรู้จักคนเยอะ แต่โชคดีที่มีอัปไลน์ดี เล็กเชื่อฟังอัปไลน์ทุกอย่าง เจย่อประสบการณ์ของตัวเองที่ทำมาหลายปีมาสอนเล็กแล้ว ถ้ามัวแต่เถียงก็จะไม่ได้ลงมือทำ พอเชื่อคนมีประสบการณ์จึงพลาดน้อยลง
เจแนะนำให้ข้ามคนสปอนเซอร์ยากไปก่อน อย่าเก็บมาท้อใจแต่ไปต่อทันที ทำมากพอแล้วจะเก่งขึ้นเอง อีกเรื่องที่ช่วยได้มากก็คือ การทำตัวเป็นผลิตผลของผลิตภัณฑ์ เล็กใช้สินค้าอย่างตั้งใจจนเห็นการเปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้เวลาไปไหนจะมีคนมาถามตลอดว่าเล็กไปทำอะไรมาถึงดูดีขึ้น เท่านี้ก็เปิดโอกาสธุรกิจให้เล็กได้แล้ว
พอทำงานยัวร์เวย์อย่างจริงๆ จังๆ มาเกือบเดือน เล็กก็ค้นพบสัจธรรมอย่างหนึ่งว่า คนปฏิเสธมีมากกว่าคนตอบรับ ถ้าไม่ใช่เพราะเจช่วยให้ความคิดและให้กำลังใจ เล็กก็ไม่รู้ว่าจะทนถูกปฏิเสธได้มากแค่ไหน
เล็กมีดาวน์ไลน์ที่สนใจทำแค่สามคนเท่านั้น น้องชายเล็ก คุณสนิทและบีซึ่งเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่บังเอิญเจอกัน ตอนนี้เธอทำงานเป็นเทคนิคการแพทย์อยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง คนนี้สปอนเซอร์ยากสุดเพราะเป็นนักวิทยาศาสตร์ เชื่ออะไรยาก เล็กยังอดขำไม่ได้วันที่พาบีมาเซ็นเตอร์วันแรก
"เล็ก...คนที่ขึ้นไปสาธิตสินค้าเป็นแค่แม่ค้าจบปอสี่เองเหรอ แล้วเขาจะมาช่วยอะไรเราได้ ตัวเขาเองเอาตัวรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำไมคนจบปอโทเทคนิคการแพทย์อย่างเราต้องมาฟังแม่ค้าปอสี่ด้วยล่ะ เดี๋ยวเราจะจับผิดให้ดู เราเป็นนักวิทยาศาสตร์ โกหกเราไม่ได้นะเล็ก" บีบ่นกระปอดกระแปด ผมได้แต่ยิ้มๆ
จากนั้นบีก็คอยจ้องดูแม่ค้าจบปอสี่สาธิตสบู่ทุกขั้นตอน เล็กเคยสาธิตด้วยตัวเองมาแล้วก็เลยไม่กลัวว่าเพื่อนจะจับผิดได้ สุดท้ายบีก็ยอมรับว่าจับผิดไม่ได้เลยแม้แต่จุดเดียว แถมยังพูดขำๆ กับเล็กอีกว่าตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์แท้ๆ ยังเลือกสบู่ด้วยการดมกลิ่นหรือซื้อตามดารา แต่แม่ค้าปอสี่เลือกสบู่จากการทดสอบคุณภาพไขมันที่ใช้ในการผลิตสบู่ น่าอายจริงๆ
ช่วงใกล้สิ้นเดือน เล็กสังเกตว่าเจดูเหนื่อยมากกว่าเดิม ดูโทรม อิดโรย ขอบตาคล้ำ บางทีก็เบลอ บางวันเผลอสัปหงกในเซ็นเตอร์ เล็กได้แต่สงสารและเห็นใจ แต่เจก็ไม่บ่น ไม่เคยบอกว่าเหนื่อย เมื่อไหร่ที่เล็กหรือใครต้องการให้ช่วย เจจะรีบจัดเวลาให้
ในส่วนของการช่วยดาวน์ไลน์ทำงาน เล็กยังต้องอาศัยเจช่วยหลายจุด เหนื่อยอัปไลน์อีกตามเคย พอตัดสินใจทำจริงๆ เล็กพบว่าไม่ใช่แค่ตัวเองเท่านั้นที่เหนื่อย แต่อัปไลน์ก็เหนื่อยด้วย เล็กเข้าใจแล้วว่าทำไม อ. เหวิน ถึงสอนว่า "ใครทำอะไรดีๆ ให้เราไม่ใช่หน้าที่" ฉะนั้น เล็กต้องตอบแทนอัปไลน์ให้ได้
พอถึงวันสิ้นเดือนปิดยอด เจยิ่งต้องทำงานหนักกับดาวน์ไลน์ที่ต้องการเป็น 21% มากขึ้น บางคนสมหวัง บางคนไม่สมหวัง แม้เหนื่อยแต่เจก็ดูมีพลังเสมอ
ตอนนี้คะแนนของเล็กขึ้นไปถึง 290,000 PV เศษๆ ขาดอีกเพียง 10,000 PV เศษๆ ก็จะเป็นทับทิม หรือเรียกว่าเป็น 21% สองครั้ง ถ้าใครสักคนซื้อเครื่องกรองน้ำสักตัว เล็กก็จะได้เป็นทับทิมแล้ว
วันนี้ เล็กและดาวน์ไลน์ที่ตั้งใจของเจมารวมกันที่สำนักงานใหญ่ตอนเย็น คงอยู่กันถึงเที่ยงคืน เล็กพยายามโทรหาและส่งไลน์ถามหลายคนที่เคยไปแนะนำเครื่องกรองน้ำ แต่ยังไม่มีใครสนใจ เกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว สุดท้ายคนที่สนใจอยากได้เครื่องกรองน้ำก็คือบีนั่นเอง เล็กแนะนำไปหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่เอาท่าเดียว อยู่ดีๆ ไม่รู้นึกครึ้มยังไงถึงได้ตัดสินใจซื้อ
เพราะฉะนั้นเดือนนี้เล็กเป็นทับทิมแน่นอน พอเจคำนวณรายได้ให้ดูเล็กก็ตาโต อีกไม่กี่บาทก็จะถึงแสน เล็กจึงตัดสินใจซื้อครีมทาหน้าตัวท็อปสุดของยัวร์เวย์มาหนึ่งกระปุก เจบอกว่าจะช่วยย้อนอายุผิวไปสิบห้าปี พอเช็ครายได้อีกครั้งจึงเกินแสนไปแล้ว คราวนี้จิ๊ดตะลึงแน่
--- <+> -- <+> --- <+> -- <+> --- <+> -- <+> ---
"เดี๋ยวผมกลับแท็กซี่เองนะครับคุณเจ คุณเจเหนื่อยแล้วจะได้กลับไปพักผ่อน ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผม ถ้าไม่ได้คุณเจ...ผมไม่มีวันนี้หรอก" เล็กบอกอัปไลน์ด้วยแววตาซาบซึ้ง คนอื่นๆ ร่ำลากันไปหมดแล้ว เหลือแต่เล็กกับเจที่ยังอยู่
เจพยักหน้า แม้จะไม่บอกว่าเหนื่อยเล็กก็รู้ว่าเจเหนื่อยมาก กลับไปคงนอนสลบ เล็กได้แต่ยิ้มบางๆ ให้กำลังใจ อัปไลน์เหนื่อยขนาดนี้ ไม่รู้ว่าต้องการให้ใครสักคนอยู่ข้างๆ หรือเปล่า แฟนคนก่อนเพิ่งเลิกกันไป ส่วนคนที่กำลังดูใจกันอยู่กลับทำให้น้อยใจซะอย่างนั้น แล้วใครหนอจะช่วยดูแลเจยามเหนื่อยล้า
"ผมไปแล้วนะครับคุณเจ" เล็กฝืนบอกไป ตั้งแต่เจเข้าใจผิดว่าเล็กนัดน้ำฝนไปเจอกันที่บ้านวันนั้น ทั้งสองคนก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ไปๆ มาๆ เล็กก็ไม่กล้าคุยเรื่องส่วนตัวกับเจ พากันทำแต่งานตลอดเดือน
เล็กออกมายืนโบกแท็กซี่อยู่ข้างถนน รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เป็นเพราะสำนึกผิดแล้วแต่ไม่มีโอกาสขอโทษ คิดไปแล้วก็นึกชื่นชมเจ ทั้งๆ ที่เจก็ระแวงเรื่องเล็กกับน้ำฝน แต่พอเล็กขอให้ช่วย เจกลับไม่เคยปฏิเสธหรือเล่นแง่ แถมยังช่วยเต็มที่โดยไม่ปริปากบ่น
เล็กไม่เพียงแต่ชื่นชมในฐานะอัปไลน์เท่านั้น แต่ความรู้สึกในใจที่มีให้ก็พัฒนามากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งเห็นเจเหนื่อย ยิ่งเห็นเจทุ่มเท ยิ่งรู้ว่าเจไม่เคยบ่นน้อยใจทั้งที่ควรจะน้อยใจ ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งทวีคูณ
'เอาวะ กลับไปขอบคุณอัปไลน์ให้ดีกว่านี้หน่อยดีกว่า'
เล็กบอกตัวเอง จากนั้นก็วิ่งกลับเข้ามาในอาคารสำนักงานใหญ่ ประตูกำลังจะปิดพอดี เล็กวิ่งทะลุด้านหลังไปยังลานจอดรถ ก่อนวิ่งไปขึ้นลิฟต์ กดขึ้นไปชั้นสามที่เจมักใช้จอดรถบ่อยๆ ได้แต่ภาวนาขอให้เจยังไม่ขับรถออกไป
พอลิฟต์เปิดออกก็เห็นลานจอดรถพอดี เล็กรีบออกจากลิฟต์แล้วเดินตามหาเจจนทั่ว ลานจอดไม่ใหญ่มากแต่กลับหาไม่เจอ หรือว่าเจกลับไปแล้ว จะตามไปที่บ้านดีหรือเปล่า แต่อย่าเลย เดี๋ยวป๊ากับม๊าเจสงสัย เจจะเดือนร้อนอีก
เล็กเดินคอตกกลับมาที่ลิฟต์ ความผิดหวังฉายทั่วใบหน้า รู้สึกเสียดายที่เมื่อกี้ดันปากหนัก ถ้าบอกเจตรงๆ ว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยก็จบแล้ว
เล็กกดลิฟต์แล้วยืนรอ ตอนนี้ไม่มีใครเหลืออยู่เลย อึดใจเดียวลิฟต์ก็เปิดออก เล็กกำลังจะเดินเข้าไป พลันต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง
"ตามหาใครอยู่เหรอครับ"
แค่ได้ยินเสียง เล็กก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ "คุณเจ!"
เล็กหันหลังกลับไปหาต้นเสียง เห็นเจยืนอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าวก็วิ่งเข้าไปกอด น้ำตาซึมด้วยความดีใจ เจกอดตอบคนขี้แยพลางลูบหลังเบาๆ อ้อมกอดแบบนี้เล็กรอคอยมากว่าหนึ่งเดือนเต็มแล้ว
"ผมคิดถึงคุณเจมากเลยรู้ไหมครับ"
"คิดถึงทำไมครับ เจอกันเกือบทุกวัน" เจสัพยอก
"แต่มันไม่ใช่แบบนี้ไง" เล็กกอดเจแน่นขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเจเข้าใจตรงกันว่า "แบบนี้" คือ "แบบไหน" เมื่อกอดพอใจแล้วเล็กจึงผละออก มองหน้าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มละไม "ผมได้คำตอบแล้วนะครับคุณเจ"
เจยิ้มกว้าง แม้เหนื่อยแต่ก็ดูมีความสุข "ชัดแล้วใช่ไหมครับ" เจถาม
เล็กพยักหน้า "ชัดยิ่งกว่าชัดเลยครับ คุณเจไม่ปล่อยมือผม ทั้งๆ ที่..." เล็กละไว้ในฐานที่เข้าใจ
"ก็ผมสัญญาไว้แล้วไงว่าจะไม่ปล่อยมือคุณเล็ก" เจบอกพลางวางมือบนไหล่สองข้างของเล็ก จ้องตาให้อีกฝ่ายเขินเล่น
"ก็นั่นแหละ แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เพราะหน้าที่หรือคำสัญญาอย่างเดียวหรอก ผมก็ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง รู้แต่ว่า...มันเป็นการพิสูจน์ตัวเองที่โคตรดีเลย" เล็กยิ้มด้วยแววตาชื่นชม "อ้อ...คุณเจอยากให้ผมพูดหรืออธิบายอะไรไหมครับ หรือว่าไม่จำเป็น"
เจส่ายหน้า แค่นี้เล็กคงรู้แล้วว่าเจคิดอะไร ส่วนเรื่องเล็กกับน้ำฝน เจคงรู้จักนิสัยแฟนสาวของตัวเองดี ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เปลืองน้ำลาย
"คุณเล็กเป็นไรทำไมขี้แยครับวันนี้ ไม่ดีใจเหรอ เป็นทับทิมแล้วนะครับ ได้เงินเป็นแสนเลย" เจยกมือขึ้นปัดเกลี่ยไรผมให้เล็กเบาๆ
"ดีใจสิครับ แต่ได้เงินเป็นแสน...ก็ยังไม่ดีใจเท่ากับได้รู้ว่า..." เล็กละไว้ในฐานที่เข้าใจอีก สักพักก็เปลี่ยนเป็นถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง "คุณเจเหนื่อยหรือเปล่า"
"นิดหน่อย แต่เห็นคนเติบโตก็หายเหนื่อยแล้ว"
"นิดหน่อยจริงเหรอ ผมว่าคุณเจเหนื่อยมากเลยนะ นอนก็ไม่ค่อยได้นอน"
เจยิ้มละไมแต่ไม่พูดอะไร
"ไปบ้านผมไหมครับคุณเจ ผมจะดูแลคุณเจเอง จะบริการให้ทุกอย่างเลย อยากได้อะไร อยากให้ทำอะไร...บอกผม" เล็กใจกล้าหน้าด้านชวน ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เจไปส่งเล็กที่บ้านก็จริง แต่ไม่เคยอยู่ค้างด้วยเลย
เจยืนนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เล็กจึงขอร้องอีกครั้ง "ไปนะครับคุณเจ คุณเจน่ะ...ไม่ได้นอนบ้านผมมาเป็นเดือนแล้ว ไม่เหงาบ้างเหรอครับ ผมน่ะ...นอนเหงาทุกคืนเลย" พูดไปแล้วเล็กก็เขิน นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่ออกปากชวนผู้ชายไปนอนบ้าน "ไปนะครับคุณเจ"
เจพยักหน้าในที่สุด เล็กดีใจจนนึกอยากกระโดดกอด
"คุณเจครับ" เล็กทำท่าซึ้ง แต่ก็ดูแปลกๆ นิดหน่อย
"หืม..." เจเอียงคอ
"ตั้งแต่เกิดมา นอกจากแม่แล้ว ผมยังไม่เคยเห็นใครดีกับผมอย่างนี้เลย คุณเจไม่ใช่ญาติ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่กลับห่วงผม ห่วงอนาคตผม แถมยังยอมเหนื่อยกับผมอีก ขอบคุณนะครับอัปไลน์ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงให้เท่ากับความรู้สึกของผม"
เล็กหยุดเว้นจังหวะ ใจเริ่มเต้นรัว ริมฝีปากก็เริ่มสั่นไปด้วย ยิ่งเห็นเจรอฟังก็ยิ่งประหม่าและตื่นเต้น
"ขอโทษที่เคยไม่เชื่อใจนะครับ ขอโทษที่วันนั้นผมถามพล่อยๆ ออกไป แล้วก็ขอโทษ...ที่ทำให้คุณเจน้อยใจเรื่องนั้น ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่า..." เล็กหยุดเว้นจังหวะอีก สูดลมหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่พอมี
เจเลิกคิ้วสงสัย "รู้ว่าอะไรเหรอครับ"
"ผมรักคุณเจครับ!!!"TBC