ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)  (อ่าน 185811 ครั้ง)

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดๆเข้าไปอีกหน่อย :oo1: เป็นกำลังจายยย ห้ายยยย น้าาาา ตัวววว เอ๊งงงงงงง :katai3: :pig4:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เถียงกันอย่างกับแฟน  :hao3:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
แหม...ไม่รู้ซะแล้ว ทะเลาะแบบนี้น่ะ ต้องให้พวกเขาคืนดีกันบนเตียงสิ ฮุฮุ มีชีวิตชีวาสุดๆ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 24


          อันที่จริงวันนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่เพราะคุณเจ้านายแสนดีเป็นผู้สั่ง วัฒน์จึงต้องยอมทำตามอย่างเสียมิได้ แต่กระนั้นเขาก็ได้โทรไปสั่งงานเลขาของตนไว้เรียบร้อย หลังจากวางหูไปแล้วหนุ่มใหญ่ก็เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ดวงตาคมเหม่อมองไปยังโต๊ะที่ว่างเปล่า พอไม่มีงานแล้วเขาก็นึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี

          อยาก...

          วัฒน์สะดุ้งจนเด้งขึ้นมาจากเก้าอี้ ดวงตาเรียวเบิกโพลงจนเหมือนจะหลุดจากเบ้า เขาไม่อยากเชื่อความคิดที่หลุดจากสมองเมื่อครู่เลยสักนิด หนุ่มใหญ่รีบชิ่งเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกที่อ่างแล้วสาดน้ำเข้าหน้าหลายต่อหลายครั้งเหมือนคนบ้า จนอาการร้อนรนไหลไปพร้อมกับสายน้ำ สายตาเลื่อนมองกระจกตรงหน้าอยู่ครู่ใหญ่ นึกตำหนิตัวเองที่เผลอคิดเรื่องที่ไม่สมควรคิดที่สุดออกมาเสียได้

          นี่เราอยากจะทำกับมันงั้นเรอะ

          ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเอาหัวลงไปโขกกับขอบอ่างล้างมือให้รู้แล้วรู้รอด และยิ่งอยากร้องไห้สุดๆ เมื่อไอ้ตรงช่วงล่างเจ้ากรรมดันมีปฏิกิริยากับความคิดเมื่อครู่เสียได้

          “โธ่เว้ย” เขาอดสบถไม่ได้ พอหน้าของคนต้นเรื่องลอยขึ้นมาเขาก็เผลอขยี้หัวตัวเองเสียจนยุ่ง วัฒน์พยายามสงบจิตสงบใจและกล่อมอารมณ์ตัวเองให้มอดลง จากนั้นก็จัดการแต่งตัวให้เข้าที่ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ “อ๊ะ”

          เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเห็นร่างบางของเด็กหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนเตียง และนั่นพานให้เขาคิดถึงเรื่องสัปดนที่ตนพยายามลืมขึ้นมาอย่างที่ไม่ควร

          “เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่...” วัฒน์เอ่ยถามเสียงเรียบ แล้วรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูบนราวแขวนที่อยู่ข้างประตูขึ้นมาเช็ดหน้า กลัวสีหน้าของตัวเองในยามนี้เสียเหลือเกิน

          เนนิ่วหน้ามองด้วยความสงสัย “ก่อนที่คุณจะร้องว่า ‘โธ่เว้ย’ ”

          ฟังแล้ววัฒน์นึกอยากกระโดดตึกเลยทีเดียว

          “อ๋อ งั้นหรือ...” เขาพยายามทำเสียงนิ่ง แล้วทำทีไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน หันหลังให้เพราะไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ  “วันนี้ว่าง นายอยากจะไปไหนก็ไปได้นะ”

          “แล้วคุณล่ะ”

          ทีแรกวัฒน์เกือนจะตอบไปแล้วว่า ‘ไม่ใช่ธุระของนาย’ แต่พอนึกได้ว่าที่อีกฝ่ายถามคงเพราะคิดว่าถ้าเขาคิดจะทำงาน คงไม่อยากปล่อยให้ตนอยู่ลำพัง

          “ฉันก็ว่าง กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรดี” หนุ่มใหญ่ตอบตามตรงพร้อมกับหันหน้ามามอง พยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

          คราวนี้เด็กหนุ่มนิ่งไปนานมากจนวัฒน์ถึงกับต้องหันมามองอีก สีหน้าของเนดูเหมือนคนกำลังคิดไม่ตกยังไงยังงั้น

          และความจริงก็เป็นเช่นนั้นนั่นล่ะ ที่เนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้นก็เพราะกำลังนึกหาคำพูดดีๆ ที่จะขอขึ้นเตียงกับคนตรงหน้าไม่ออกอยู่

          ‘ผมอยากล่ะ มาเอากันเถอะ’ นี่ก็ตรงไป ‘งั้นวันนี้ก็ว่าง คุณก็ไม่มีอะไรทำ งั้นเรามาทำกันมั้ย’ ...ไอ้นี่ก็ฟังแล้วเหมือนแฟนคุยกันยังไงก็ไม่รู้โว้ย แถมฟังไปฟังมาก็เหมือนเราอยากทำกับลุงแกยังไงก็ไม่รู้...

          “....จำสัญญาได้ไหม”

          ได้ยินแล้วหน้าก็ร้อนวูบเสียจนเหมือนโดนไฟลนก็ไม่ปาน แต่วัฒน์ก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อืม ทำไม”

          เงียบต่อไปอีกราวสามสี่นาที แล้วเนก็ลุกพรวดขึ้นมา “ก็แค่ถามดู”

          จบประโยคก็ผลุนผลันเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้คนแก่กว่าได้แต่มองตามหลังด้วยความสงสัย

          แต่นึกงงอยู่ครู่เดียวก็ออกอาการซึมอย่างโจ่งแจ้ง เพราะเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกแย่ที่สุดต่อสัญญาบ้าบอนั่น ถึงขนาดทนเห็นหน้าเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

          ความเป็นจริงก็คือ เนเขินที่จะเอ่ยขอจนไม่กล้าทนมองหน้าวัฒน์ อีกทั้งอาวุธคู่ใจมันดันตื่นขึ้นในตอนที่เขากำลังจะอ้าปากขอนั่นล่ะ ถึงได้รีบแจ้นเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน

          อ๊ากกก เอาไงดีวะ

          อยู่ๆ เขาก็ชะงักนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนที่จะลุกกลับออกไปด้านนอก ซึ่งวัฒน์ที่กำลังจ้องมาทางห้องน้ำอยู่ถึงกับสะดุ้งจนหันกลับโต๊ะไม่ทัน

          “คุณวัฒน์” น้ำเสียงนั้นนิ่งผิดปกติจนน่าสงสัย แต่พอหนุ่มใหญ่สังเกตเห็นเบื้องล่างของเด็กหนุ่มที่ล่อนจ้อนออกมาเขาก็หน้าตื่น ยิ่งเห็นไอ้ที่ไม่น่าเห็นแล้วยิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ และยังไม่ทันที่วัฒน์จะร้องถาม เนก็รีบชิงจังหวะก่อนที่จะเสียโอกาส “มันไม่ยอมลงสักที ถ้าเป็นแบบนี้ผมคงออกไปข้างนอกไม่ได้...”

          เขาก็อยากจะถามกลับว่า ‘แล้วมาบอกทำไม’ อยู่หรอก แต่พอนึกถึงสัญญาขึ้นมาแล้ววัฒน์ก็สำนึกได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ และนั่นทำให้เขาถึงกับทำหน้าไม่ถูก เพราะกำลังสรรหาคำตอบรับดีๆ ที่ฟังแล้วเหมือนเขาไม่ได้อยากทำเรื่องอย่างว่ากับเด็กหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย

          “จะทำใช่ไหมล่ะ รู้แล้วๆ ” กำลังรออยู่...เอ๊ย! เกือบหลุดปาก

          ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับว่าไม่อยากทำอย่างแรง บวกกับวัฒน์เดินมาทิ้งตัวลงเตียงจนเสียงดัง เนก็รู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายขึ้นมาตงิดๆ  เขากำลังรู้สึกผิดและแย่ที่ต้องบากหน้าขอทำทั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายเกลียดตนอยู่แท้ๆ  เจอกวนโมโหเข้าถึงกับหายหวั่นเป็นปลิดทิ้ง

          “ดีครับดี งั้นก็รีบๆ ทำ จะได้เสร็จๆ ซักที” ปากก็บอกแบบนั้น แต่อันที่จริงในใจเนก็รู้ตัวดีว่าเผลอๆ อาจจะเพลินทั้งวันจนต้องโดนบอกห้ามเป็นแน่

          ยังไม่ทันที่วัฒน์จะรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดเหล่านั้น เขาก็โดนอีกฝ่ายผลักลงนอนเสียก่อน คนโดนกดพยายามดิ้นหนีตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ แต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะยอมให้เนื้อที่หวังกินตั้งนานหลุดจากมือ เขาเองก็เตรียมการไว้สำหรับเวลานี้อยู่แล้ว

          “เฮ้ย!” วัฒน์ร้องเสียงหลงเมื่อเนปลดเข็มขัดเขาออกมาหมายจะพันธนาการมือทั้งสองของตน

          “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็ช่วยทนอยู่นิ่งๆหน่อยจะได้ไหมครับ” เนพยายามทำเสียงให้ฟังดูเบื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาอยากให้อีกฝ่ายเลิกดิ้นยั่วอารมณ์เขาสักที แค่นี้เด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองจะพอใจแค่สองสามรอบ

          อันที่จริงหนุ่มใหญ่ก็ไม่อยากเสียเวลานักหรอก แต่พอนึกว่าถ้ายอมให้ทำง่ายๆแล้ว ก็กลัวเด็กหนุ่มจะคิดว่าเขากระสันจนตัวสั่นอยู่น่ะสิ

          “ระ...รู้แล้วน่า แต่ฉันแค่อยากจะทำใจก่อน...” วัฒน์ละล่ำละลักบอกทั้งที่อารมณ์พุ่งเสียจนห้ามไม่อยู่แล้ว

          และเนเองก็เช่นกัน

          “จะเสียเวลาทำไม รีบๆทำจะได้จบๆเรื่องไง” พอเครื่องติดเด็กหนุ่มก็ไม่อยากหยุดคิดเรื่องอื่นให้เสียเวลา เขาประกบปากโดยไม่รีรอเมื่อเห็นวัฒน์ตั้งท่าจะเถียง ความรู้สึกที่สู้เก็บกดมานานก็ปล่อยทะลักใส่อย่างไม่มีการเห็นใจแต่อย่างใด ริมฝีปากบดเบียดเข้าหาอย่างรุนแรง ราวกับต้องการเก็บเกี่ยวสิ่งที่อดรอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะโอกาสเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆ

          วัฒน์เองก็ใช่ว่าจะถอยหนีอย่างที่ทำเมื่อครู่ เขาเองก็รอสิ่งนี้อยู่นานแล้ว พอโดนรุกใส่เลยปล่อยเลยตามเลยและตอบกลับอย่างโหยหา ลืมความหวาดหวั่นเสียสิ้น เสียงครางบ่งบอกความพึงพอใจจากทั้งสองฝ่ายดังเครือออกมาเป็นระยะและเนิ่นนาน จนกระทั่งคนรุกเป็นฝ่ายถอนตัวออกมาเอง

          เนไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นหน้าตัวเองนัก เขามั่นใจว่าตอนนี้สีหน้าตัวเองต้องดูพอใจกับเหตุการณ์เช่นนี้อยู่เป็นแน่ เลยรีบดำเนินการต่ออย่างทันท่วงที

          “อ๊ะ” วัฒน์ร้องเสียงตื่น มือหนาพยายามเข้าห้ามทั้งที่ไม่อยาก แต่เพราะรู้สึกดีเกินไป จนเขากลัวว่าถ้าขืนอีกฝ่ายยังกระทำเช่นนี้ต่อ มีหวังเขาได้วิ่งเข้าเส้นชัยก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมจริงๆแน่ และถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริง ก็โดนรู้กันพอดีว่าตัวเองรื่นรมย์แค่ไหนที่ได้นอนด้วย

          “อะไร” พอโดนขัดก็ส่งเสียงใส่อย่างไม่พอใจจนชวนผวาออกมา เนปัดมือวัฒน์ออกแล้วตรงเข้าที่ซอกคอเล็ก ลิ้นอุ่นหนาลากไล้ไล่วนก่อนจะขบเม้มด้วยความมันเขี้ยว

          “เดี๋ยวสิ...ขืนทำแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นรอยหรอก” หนุ่มใหญ่ละล่ำละลัก ถ้าความสุขต้องแลกมาด้วยการนั่งตอบคำถามที่ชวนกระอักกระอ่วน เขายอมตัดใจดีกว่า แม้ตอนนี้จะชักลังเลแล้วก็ตาม

          เนชะงักเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้เสี่ยงต่อการโดนคนอื่นเห็นเป็นอย่างมาก เลยยอมตัดใจ...ลงไปหาเนินอกด้านล่างแทน

          มือหนาแกะกระดุมเสื้ออีกฝ่ายออกอย่างทุลักทุเล รู้สึกไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นักเพราะปกติปลดเป็นแต่กระดุมเสื้อผู้หญิง เลยใช้เวลานานกว่าปกติที่ควรจะเป็น...และยิ่งนานกว่าเก่าเมื่อตัวเองก็ตื่นเต้นเสียจนลน เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างกังขา

          “มองอะไร” เด็กหนุ่มพยายามมุ่นหน้าให้ดูหงุดหงิดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่จริงรู้สึกเขินจนแทบจะระเบิดตายอยู่แล้ว

          วัฒน์มุ่นคิ้วกลับ ขยับปากเหมือนจะเอ่ยคำพูด แต่กลับไร้ซึ่งประโยคใดๆดังออกมา ก่อนจะเบี่ยงหน้าไปอีกทาง “เปล่า”

          เขาเก็บความสงสัยไว้ในใจ ปกติถ้าแค่อยากทำ ก็ไม่เห็นว่าเนจะต้องมานั่งเสียเวลาเล้าโลมให้เขามีอารมณ์ร่วมไปด้วยสักหน่อย แถมเมื่อครู่ก็บอกเสียชัดว่าจะรีบๆด้วย

          แต่พอคิดว่าถ้าถามไปแล้วอีกฝ่ายอาจจะรีบรวบรัดตัดบทข้ามขั้นตอนไปจริงๆ ก็อดนึกเสียดายไม่ได้ เลยได้แต่บ่ายหน้าเอาความอายหนีไปทางอื่นเสีย ปล่อยให้เด็กหนุ่มทำตามใจชอบ

          แม้แต่ตัวเนเองยังแปลกใจที่ตื่นเต้นกับการมองเรือนร่างของอีกฝ่าย ซึ่งดูไม่ต่างจากของตัวเองเลยสักนิด ถึงวัฒน์จะอายุย่างเข้าสี่สิบแล้ว แต่ผิวกายที่ออกสีแทนเล็กน้อยกลับตึงแน่นน่าสัมผัส เอวที่บางเล็กพอๆกับของตนแลดูบอบบางน่าทะนุถนอมกว่าตาเห็น ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มหลุดครางออกมาก็ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกจนพลุ่งพล่านไปหมด จนนึกอยากแกล้งให้ร้องจนสาแก่ใจขึ้นมา

          “อื๊อ” วัฒน์เผลอกรีดเสียงออกมาเมื่อโดนปลายลิ้นอุ่นหยอกเย้ากระเซ้ายอดอก แม้จะพยายามกลั้นเสียงเอาไว้แค่ไหน สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่แรงตัณหาของอีกฝ่าย...ยิ่งเขาต่อต้านด้วยการนิ่งเงียบเนก็ยิ่งรุนแรงใส่ด้วยการขบกัด อีกทั้งยังโดนมือลูบไล้ทั้งหน้าหลังเร่งเร้าอารมณ์ไม่หยุด และเมื่อไม่อาจขืนหนีจากอีกฝ่ายได้ หนุ่มใหญ่จึงได้แต่ส่งเสียงออกมาอย่างจำยอม

          “ผม...ทำเลยนะ” หลังจากเพลิดเพลินจำเริญใจกับเสียงคราง เด็กหนุ่มก็เอ่ยกระซิบถามเสียงแหบพร่า

          ใบหน้าแดงระเรื่อเลื่อนลงมองด้านล่างทั้งของตนและอีกฝ่ายซึ่งดูพร้อมทำการเต็มที่ วัฒน์มุดหน้าหลบพร้อมกับพยักหน้าให้ “อย่าลืมข้อตกลงด้วยล่ะ”

          “ครับๆ” ทั้งที่กำลังรู้สึกดีอยู่แท้ๆ พอโดนเตือนขึ้นมาถึงกับนิ่วหน้าใส่ ความรู้สึกเห็นใจที่ตนเผลอแกล้งอีกฝ่ายเสียสนุกพลันมลายหายสิ้น รอยยิ้มผุดพรายเผยขึ้นอย่างเชื่องช้าและเจ้าเล่ห์ เนปล่อยให้อีกฝ่ายนอนมุดอยู่เช่นนั้น ส่วนตนก็เอื้อมขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ที่ตนเก็บไว้ในลิ้นชักข้างที่นอน

          วัฒน์สะดุ้งเมื่อโดนความเย็นกระทบเข้าส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวเต็มที่ แต่ก็พยายามหลับหูหลับตาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ เขารู้ตัวดีว่าใบหน้ายามนี้ของตัวเองคงดูพึงพอใจต่อสภาพในยามนี้เป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าโดนเห็นแล้วต้องรู้ทันทีแน่

          นิ้วเรียวลากไล้เล้าโลมท่อนเนื้อของอีกฝ่ายอย่างเบามือตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางและวนอยู่อย่างนั้นจนร่างตรงหน้าสั่นระริก รู้สึกสนุกเมื่อเห็นอีกฝ่ายกระตุกเพราะโดนสัมผัส อันที่จริงเขาอยากจะเล่นต่อให้นานกว่านี้ แต่เพราะความอยากในกายเร่งเร้าให้เขาปลดปล่อยเสียที จึงต้องยอมยกยอดทั้งหมดไว้ยกที่สองแทน

          “อ๊า” คนนอนอยู่ร้องเสียงหลงเพราะอีกฝ่ายแทรกนิ้วเข้ามาอย่างรวดเร็ว และยังไม่ทันได้เตรียมใจ เนก็ใส่นิ้วที่สองเข้ามาทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องแม้แต่น้อย...อันที่จริง เขาต้องการแบบนี้อยู่แล้วต่างหาก

          เพียงไม่นาน นิ้วก็ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่หนาและใหญ่กว่า วัฒน์สะดุ้งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมกำลังจะเข้ามาในกาย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะขืนตัวออก มือของเด็กหนุ่มก็จับเอวเขาไว้เสียก่อน
         
          “ช่วยให้ความร่วมมือกันหน่อยได้มั้ย” เนเอ่ยเสียงดุพร้อมกับดันตัวเองเข้าไป วัฒน์ถึงกับนิ่วหน้าพร้อมกับร้องครางออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว

          “พยายามอยู่” พยายามที่หนุ่มใหญ่บอกไปคือ พยายามขัดขืนให้ดูเหมือนไม่อยาก เพราะที่เหลือคือร่วมมืออย่างเต็มใจเต็มกายน่ะสิ

          เนไม่ว่าอะไรต่อ เขาดันตัวเองเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า แรงบีบรัดกระตุกขึ้นทุกคราที่เขาเคลื่อนตัว ดวงตาเรียวปรือมองอีกฝ่ายที่ยังคงมุดหน้าเข้าที่นอน รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเผยสีหน้าพอใจออกมา...แต่อีกใจกลับรู้สึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเหมือนไม่อยากมองหน้าเขาขนาดนั้น

          และทั้งที่ไม่พอใจ แต่ท่าทีเหล่านั้นกลับกระตุ้นตัณหาในกายให้พลุ่งพล่านจนฉุดไม่อยู่

          เสียงกรีดร้องเล็กดังขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มขยับตัวเสียแรงชนิดที่ไม่มีการเห็นใจใดๆทั้งสิ้น วัฒน์กัดปากแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้เสียงหลุดออกมา ความรู้สึกเสียวซ่านที่แล่นผ่านเข้ามายังร่างกายนั้นรุนแรงเสียจนเขาแทบคลั่ง จนในที่สุดทำนบที่สู้อดกลั้นไว้อยู่นานก็พังทลายลงมาจนได้

          “ผม...บอกไว้ก่อน...ว่า...รอบเดียวไม่จบหรอกนะ...” เสียงทุ้มกระซิบดังอยู่ข้างหูพร้อมกับเร่งเร้าจังหวะให้เร็วและหนักกว่าเดิมทั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายเสร็จไปแล้ว ในตอนนี้เขาไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดนอกจากการปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองให้ถึงจุดที่ต้องการ “ถ้าผม...เล่นจนคุณหมดแรงก็อย่าว่ากันล่ะ...”

          ตอนนี้วัฒน์ไม่ได้ฟังที่เนพูดเลยแม้แต่คำเดียว ความรู้สึกสุขสมที่ถึงฝั่งฝันยังคงแล่นพล่านอยู่ทั่วร่างจนเขาหัวหมุนไปหมด มือทั้งสองพยายามดันอีกฝ่ายออกเพราะทนต่อไปไม่ไหว แต่มีหรือที่เด็กหนุ่มจะยอม ยิ่งโดนขัดขืนกลับรังแต่จะโดนกลับมาหนักกว่าเก่า เมื่อไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านหนุ่มใหญ่จึงได้แต่ร่ำร้องดิ้นขลุกอยู่บนเตียง

          “ฉัน...” วัฒน์พยายามจะเอ่ยห้าม แต่สุดท้ายคำพูดกลับโดนกดกลับลงคอไปหมด เหลือเพียงเสียงร้องครางที่แล่นออกมาแทน มือที่พยายามผลักร่างอีกฝ่ายออกจนถึงเมื่อครู่เปลี่ยนมาจิกเล็บใส่ราวกับช่วยระบายสิ่งที่อัดอั้นในกายออกไปได้
         
          แม้จะรู้สึกเจ็บ แต่เนก็ไม่ได้ต่อว่าหรือห้ามแต่อย่างใด เขาปล่อยให้อีกฝ่ายฝากรอยแผลไว้บนไหล่ตนตามใจชอบ ดวงตาเรียวเลื่อนมองใบหน้าของอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้ผละออกมาจากที่นอนแล้ว สีหน้าของวัฒน์บิดเบี้ยวคล้ายคนกำลังทรมาน และนั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน

          “อึก” ร่างของวัฒน์กระตุกขึ้นอย่างรุนแรง ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นภายในได้รับการปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง หนุ่มใหญ่รู้สึกโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายหยุดเสียที ถ้าขืนเนยังทำต่อไปมากกว่านี้แล้วละก็ เขากลัวว่าครั้งหน้า ตัวเองจะกลายเป็นฝ่ายอยากทำก่อนเพราะติดใจจนทนไม่ไหวเป็นแน่

          เด็กหนุ่มค่อยๆถอนตัวออกมา ใบหน้าชื้นเหงื่อดูนิ่งจนเหมือนไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ได้รับนัก เมื่อเห็นดังนั้นแล้ววัฒน์ก็อดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ ที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเหมือนกับตน

          เนใจหายขึ้นมาเมื่อเห็นวัฒน์ดูจะไม่ได้มีความสุขนักทั้งที่ตัวเขาสดชื่นและรู้สึกดีสุดๆ แต่เขาก็ไม่อาจนึกโวยวายมากได้

          ก็ไปฝืนใจ ใครมันจะไปชอบกัน

          “ยังไหวหรือเปล่า” เด็กหนุ่มถามเสียงค่อย เมื่อเห็นหนุ่มใหญ่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ถึงจะรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่แต่เขาจำเป็นต้องถามเพราะตัวเองยังไม่สาแก่ใจ ถึงแม้ว่าวัฒน์จะตอบว่าไม่ไหว เขาก็คงไม่คิดหยุดอยู่แล้วก็ตาม

          วัฒน์เกือบจะหลุดปากไปว่า ‘ไหว ต่อเลยๆ’ ไปแล้ว ดีที่สติรั้งไว้ทัน เขาเลิกคิ้วให้เล็กน้อยเมื่อเห็นเนกำลังตระเตรียมพร้อมลุยต่ออีกรอบ...หรือหลายๆรอบ ซึ่งมันบอกอย่างแม่นมั่นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมจบง่ายๆ แน่ วัฒน์หันมองไปยังอีกทาง ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกอับอายเพราะดีใจที่ไม่ได้จบเพียงแค่นี้

          “จะทำต่อก็รีบทำเถอะ”


___________________________________

แม้จะตั้งแง่และซึนกัน ก็ยังสามารถกันได้ ฮา

ไม่รู้จะเรียกว่าคืนดีได้ไหม ถึงจะอยู่บนเตียงก็เถอะ =3=

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :haun4:   :jul1:
ต่างฝ่ายต่างต้องการซึ่งกันและกัน แต่ปากเนี้ยจะแข็งไปไหน อย่างอื่นแข็งสู้แล้วนั้น
เฮ้อ... ฟอร์มนิวางๆ กันบ้างเถอะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ jirojiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ย ฟินมากกกก

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ไม่อยากจะทำกันเลยยยยย
ไม่มีอารมณ์กันสักกะติ๊ดดดดด
5555555

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ขำอีกแล้ว 5555555555555+ >O<
พวกนี้นี่มันอะไรกันเนี่ย คิดเหมือนกันแท้ๆ แต่ไม่มีใครยอมพูด และก็คิดเองเออเอง เดาไปเองกันหมด! -0-!
จงพูดความจริงออกมา~ พูดความจริง~ (ร่ายมนต์)

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ซึนไปแล้วนะ   :เฮ้อ:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :haun4: :haun4: :haun4: จะสงสารใครดีว๊าาา..สงสารวัฒน์ที่อยากแต่ก็ห้ามแสดงออก..หรือสงสารเนที่จะลงแดงตายแต่ก็ไม่กล้า.. :laugh: :laugh: :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
กระอักความฟินกันเลยทีเดียวสำหรับตอนนี้ ตอนหน้าจะเล่นกี่ยก ใครจะฟ้าเหลืองก่อนกัน ต้องเตรียมนั่งหน้าจอสินะ ฮากับมุขขอขึ้นเตียง แล้วมุขหน้า เนจะชวนอาวัฒน์ขึ้นเตียงยังไงเนี่ย เหอเหอ

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
ท่ามากจริงๆๆๆ



อยากก็พูดๆๆไปเหอะ



รออ่านตอนต่อไปค้าบ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 พยายามขัดขืนให้ดูเหมือนไม่อยาก...<<< คืออะไรคะลุ๊งงงงง :haun4: จะตั้งแง่กันไปถึงเมื่อไรเล่าท่านทั้งสอง รักก็บอกรัก ชอบก็บอกชอบ อยากก็บอกอยากสิค้า จะรออะไรช้าอยู่ไย  :hao6:  เป็นกำลังใจให้น้า

ออฟไลน์ mcooky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ซึนกันจริงๆครูนี้ ถ้าอยากก็บอกเขาปายยย :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 o22 เวลาแบบนี้ยังจะสามารถซึนกันได้อีก ข้าน้อยขอคารวะ 1 จอก

ต่อกันยาวๆ เลยเน ทิชชู่พร้อม  :hao6:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
เฮ้อ   :เฮ้อ:  ดาวจะไม่ทน อะไรก็ไม่รู้ ต้องให้ตายกันไปข้างละมั้งถึงจะยอมรับใจตัวเอง  แยกห้องเลยมั๊ย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
จะซึนไปหนายยย ย ยย

ออฟไลน์ MiU

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ปากแข็งทั้งคู่เลยนะ  :katai4:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 25


          ไอ้รู้สึกผิดกับละอายมันก็มีอยู่หรอก แต่ปัญหาคือมันรู้สึกดีจนเผลอใจอยู่ร่ำไปนี่น่ะสิ

          แม้สายตาจะมองเอกสารในมือ แต่ภายในใจของหนุ่มวัยสี่สิบกลับว้าวุ่นไปหมด ยิ่งพอนึกถึงต้นเหตุที่นั่งอยู่ใกล้ๆแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังจะกระอักเลือดออกมายังไงยังงั้น วันก่อนถ้าไม่ใช่เพราะแมวมาเคาะเรียกไปทานอาหารเย็นล่ะก็ มีหวังเขาได้เล่นผีผ้าห่มกับเนจนลืมเวลาเป็นแน่

          ถ้าเพียงแต่หมอนี่ไม่ใช่ลูกน้องไอ้เดชล่ะก็...

          คิดถึงแค่นั้นก็ต้องรีบหยุด เพราะรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ และต่อให้เนไม่ใช่(ซึ่งก็ไม่ใช่นั่นล่ะ)ลูกน้องของเดชจริงๆ อุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อมาที่น่ากลุ้มนั่นก็คือการที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่อ่อนคราวลูกอีก อีกทั้งวัฒน์เองก็มั่นใจว่า ที่เด็กหนุ่มทำกับเขาเพียงเพราะระบายความอยากเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกนอกเหนือไปจากนั้นแน่

          และเขาก็คิดว่าตัวเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน...ที่เผลอคิดไปนั่นก็แค่รู้สึกนึกเสียดายนิดหน่อยถ้าถึงเวลาที่ต้องยกเลิกสัญญาก็เท่านั้นเอง...ไม่ได้คิดเกินเลยอะไรสักนิด!

          ยิ่งพอนึกถึงประชุมที่จะมีในคืนนี้เขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวและหงุดหงิด เพราะต้องไปเจอกับคนที่เขาอยากจะมอบลูกตะกั่วฝังหัวให้เป็นที่สุด...คิดแล้วก็นึกแค้นขึ้นมาจนอยากจะลุกออกไปยิงเจ้าตัวเสียเดี๋ยวนี้เลย

          ทั้งหมดก็เป็นเพราะมันนั่นล่ะ!! ไอ้เดช!

 

          เนชักรู้สึกสับสนตัวเอง ปกติเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกอยากนอนกับใครสักคนมากเท่านี้เลย...แถมยังสลัดอีกฝ่ายไม่หลุดจากความคิดเสียด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด นึกถึงคราวก่อนที่เพลิดเพลินจนลืมเวลาก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่านั่นคือศัตรูแท้ๆ...

          แล้วถ้าไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ...

          เนเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อที่ตัวเองเผลอคิดแบบนั้นออกมา เพราะถึงอีกฝ่ายจะไม่ใช่(ก็ไม่ใช่อยู่แล้วล่ะ)ศัตรูก็จริง แต่วัฒน์เป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมยังแก่กว่าตั้งเกือบหนึ่งเท่าของอายุตัวเองเลยทีเดียว ที่สำคัญคือเขาก็ดันไปทำเรื่องแบบนั้นเข้าอีก วัฒน์จะเกลียดจนไม่อยากเผาผีให้เลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

          เกลียด...

          ภายในใจรู้สึกเจ็บแปลบอย่างน่าประหลาด เนรีบสะบัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัว ถึงอย่างไรก็ไม่คิดจะยอมรับแน่

          รักน่ะหรือ...ไม่มีทางหรอก...เราก็แค่นึกเสียดายถ้าต้องเลิกเป็นคู่นอนกับเขาก็เท่านั้น

          และอีกฝ่ายก็ไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่นอน!

 

          คืนนี้เป็นวันประชุมประจำเดือนที่จัดขึ้นเพื่อให้เหล่าผู้ดูแลกิจการภาคกลางคืนมารวมตัวกันรายงานและหารือต่อสถานการณ์ของกิจการกับผู้นำสูงสุด ซึ่งจัดขึ้นในบาร์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากิจการของสิทธิ์เอง

          ทันทีที่สิทธิ์เดินเข้ามาด้านใน เหล่าพนักงานผู้คุ้นเคยต่างพากันทักทายอย่างเป็นกันเอง จนดูเหมือนสิทธิ์เป็นเพื่อนมากกว่าหัวหน้า แต่ก็ยังรักษาท่าทีไม่ให้เกินเลยนักเพราะหวาดกลัวผู้ติดตามวัยดึกที่ตามมาด้วย ปกติคนอื่นๆมีท่าทีเกรงอกเกรงใจ คอยรักษามารยาทกับสิทธิ์เพราะวัฒน์อยู่แล้ว แต่วันนี้ถึงกับพากันขยาด ถอยห่างไปตั้งหลักเสียไกลเกินสามเมตร เพราะลุงแกเล่นทำหน้าอย่างกับจะมาฆ่าคน

          และพวกเขาก็รู้สาเหตุดีด้วย

          “เน นายไม่ต้องมาด้วยหรอกนะ” ผู้เป็นนายบอกพลางกลอกสายตาไปรอบร้าน “แกร่วแถวนี้ไปก่อนก็ได้ คงไม่นานมากหรอก”
         
          “เอ๋ แต่ว่า...” เจ้าของชื่อตีหน้าแหยง พอเหลือบมองเพื่อนร่วมงานที่ยืนอมยิ้มอยู่ก็เริ่มหงุดหงิด

          “ไว้เรียนงานให้มากกว่านี้แล้วค่อยว่ากันดีกว่า” ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเริงร่าของหนุ่มใหญ่ เนก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังดีใจกับชัยชนะ(ไร้สาระ)ครั้งนี้ “เข้าไปตอนนี้คงไม่เข้าใจหรอก เดี๋ยวนายจะเหนื่อยเปล่าๆ”

          ประเด็นคือกำลังหลอกด่าว่าเด็กหนุ่มโง่จนไม่สมควรเข้าประชุมด้วยเห็นๆ แต่เจ้านายที่แสนจะมองโลกในแง่ดีกลับเห็นเพียงว่าวัฒน์เป็นห่วงเนและไม่อยากให้เครียดกับงานมากไป

          “นั่นสิ แถมไหนๆก็ได้ออกมาทั้งที นายก็พักผ่อนบ้างก็ได้ เดี๋ยวอัดอั้นจนเส้นเลือดในสมองแตกหรอก”

          เด็กหนุ่มตั้งท่าจะค้าน แต่พอสิทธิ์ยกเหตุผลต้องห้ามขึ้นมา เขาก็ถึงกับชะงัก ก่อนจะยอมทำตามอย่างเสียมิได้

          “ฮ่าๆ  ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ นี่ของชอบนายไม่ใช่หรือไง” ในขณะที่กำลังรู้สึกจี๊ดที่หัวใจ ผู้เป็นนายก็พุ่งเหลนเข้าซ้ำด้วยใบหน้าอันใส่ซื่อบริสุทธิ์ ทำเอาเนออกอาการอีหลักอีเหลื่อทั้งที่ในหัวก็พยายามนึกอยากเห็นด้วยกับอีกฝ่าย

          แต่สายตาเย็นชาของหนุ่มใหญ่ที่มองมานั้นชวนให้เขารู้สึกรวดร้าวเสียเหลือเกิน...บ้าเอ๊ย! แล้วตูจะไปรู้สึกแบบนั้นทำหอกอะไรฟะ!!

          “ก็นั่นน่ะสิ โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้บ่อยๆ” ยิ่งได้ยินวัฒน์สำทับ ความรู้สึกก็ยิ่งดำดิ่งลงสู่โลกมืด จนนอตที่อุตส่าห์ขันไว้หลุดออกมา

          “...นั่นสินะ งั้นถ้าเสร็จประชุมแล้วไม่เจอผม ฝากคุณวัฒน์โทรช่วยโทรมาเรียกผมหน่อยละกัน ผมกลัวจะเพลินจนลืมเวลา” ทิ้งท้ายเสร็จเนก็เดินฉิวหนีไปทันที

          วัฒน์มองตามพลางมุ่นคิ้วอย่างหงุดหงิด ทั้งที่เขารู้อยู่แก่ใจ แต่เมื่อไหร่ที่เห็นอีกฝ่ายออกอาการดีใจดั่งหลุดพ้นจากบ่วงกรรมแล้ว เขาก็รู้สึกแย่ทุกที

          ...แล้วทำไมตูต้องรู้สึกเหมือนโดนสวมเขาซึ่งๆหน้าแบบนี้ด้วยวะ!!! ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาวุ่นวายกับเรื่องแบบนี้สักหน่อย

          คิดจบก็เหลือบมองไปยังบันไดที่อยู่อีกฝั่งซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังห้องประชุม เพลิงแค้นที่ก่ออยู่ในใจปะทุขึ้นจนวัฒน์อยากจะระเบิดมันเสียตรงนี้ แต่ก็ต้องพยายามระงับเพราะไม่อยากใช้อารมณ์ให้เสียเรื่องโดยเปล่าประโยชน์

 

          เนไม่ได้ทำอย่างที่ปากบอกไว้ เขาเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ในร้านด้วยสีหน้าเหมือนสามีรอภรรเมียคลอดลูก แต่กระนั้นก็ยังมีสาวน้อยสาวใหญ่คอยเมียงมองไม่ขาด และแม้จะโดนสาวๆส่งสายตาจีบเขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มให้ หาได้เข้าไปทำความรู้จักอย่างที่มักเป็น ขนาดบางคนเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เด็กหนุ่มกับเลือกที่จะปฏิเสธแทน เขาหงุดหงิดเกินกว่าจะไปเที่ยวเล่นได้อย่างหน้าชื่นตาบาน แน่นอนว่าสาเหตุก็เพราะเพื่อนร่วมงานวัยลุงผู้ชอบทำหน้าหงิกนั่น และยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเดิมก็ตรงที่ตัวเองต้องมานั่งรู้สึกแบบนี้เพราะคนที่ตนควรจะรังเกียจ

          “เฮ้ หวัดดีเน” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดึงให้เจ้าของชื่อหันไปมอง เขาเห็นปาล์มโบกแก้วไวน์อยู่ตรงเคาท์เตอร์พร้อมกับเรียกต่อผู้มีตัวตนเบาบางซึ่งยืนอยู่ไม่ห่าง “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าซังกะตายแบบนั้นล่ะ”

          พอโดนทัก เนก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างว่องราวกับกดรีโมทเปลี่ยนช่อง จนคนมองพากันผงะ แต่ก็ไม่กล้าถามถึงเพราะรู้สึกถึงรังสีอาฆาตแปลกๆที่แผ่ออกมา

          “เปล่า ก็แค่สงสัยนิดหน่อย” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้า สดใสและเข้ากันมากเสียจนน่าขนลุก “ว่าประชุมกันเนี่ย ต้องเป็นความลับขนาดนั้นเลยหรือ”

          “อืม...ก็ไม่เชิงหรอก...” ปาล์มเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย แต่ก็ยอมตอบออกมา “ปกติจะประชุมกันที่ชั้นสาม แล้วบนนั้นก็ห้ามคนนอกขึ้นอยู่แล้วน่ะ แต่ก็ไม่ได้ห้ามเด็ดขาดหรอก เพราะด้านบนมีห้องพักของพนักงานอยู่ด้วย บางทีพวกเราก็ขึ้นไประหว่างประชุมก็มี แต่ถ้าโดนเห็นว่าไปป้วนเปี้ยนแถวหน้าห้องประชุมก็อาจจะโดนว่าน่ะ”

          “งั้นหรือ...” เด็กหนุ่มมองไปทางบันได นึกลังเลว่าจะไปดีหรือไม่

          “อยากไปดูหรือ...” เสียงเนิบถามที่ข้างหูทำเอาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ “นายอยากไปดูมากเลยสินะ”

          “....นี่นายอ่านใจชาวบ้านได้ด้วยหรือ...” ปาล์มถามด้วยสีหน้าออกอาการผวาสุดขีด ในขณะที่คนโดนทักได้แต่หน้าตื่นเพราะโดนรู้ความใน

          “เปล่า” ได้ยินแล้วคนฟังต่างพากันโล่งใจอย่างออกนอกหน้า ทำเอาต่อรู้สึกห่อเหี่ยวนิดๆ “เห็นเอาแต่มองไปทางโน้นนี่ แล้วเมื่อกี้ก็ถามถึง ถ้าไม่อยากไปดูแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ”

          “เห ที่น่าเบื่อพรรค์นั้น จะอยากดูไปทำไมน่ะ” ปาล์มหันมาตีหน้าหน่ายให้ ก่อนจะหยิบแก้วไวน์อีกใบขึ้นมาเช็ดต่อ “มีแต่พวกอาๆลุงๆป้าๆคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ฟังแล้วจะหลับ”

          “ก็ฉันเป็นผู้ติดตามใช่ไหมล่ะ ยังไงงานแบบนี้ฉันก็ต้องเจอ” เนยกเหตุผลที่ดูดีขัดกับนิสัยของเจ้าตัวจนคนฟังรู้สึกแปลกมากกว่าเข้าใจ “ถ้าได้ไปศึกษาไว้ก่อนก็คงจะดี...” น้ำเสียงช่วงท้ายลากยาวพร้อมกับเหล่มองที่ปาล์มสลับกับทางไปห้องประชุมราวกับกำลังขออนุญาต

          “ฉันว่าอย่าดีกว่า...” ต่อเตือนด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน “โดนจับได้ขึ้นมา คุณวัฒน์ด่ายาวแน่...”

          “น่านสิ ฉันก็ว่าอย่าดีกว่า แถมนายอยู่บ้านคุณสิทธิ์ด้วยใช่ไหมล่ะ ได้โดนเทศน์ข้ามวันข้ามคืนแน่” ปาล์มเสริมพร้อมกับออกอาการหวาดหวั่นอย่างจริงจัง “ฉันเคยลองแอบดูมาแล้วโดนจับได้ อาวัฒน์แกเล่นสวดซะจนหลอนไปสามสี่วันเลยอะ”

          “แต่สรุปคือแอบไปดูได้สินะ”

          เมื่อเห็นเนดึงดังจะไปเสียให้ได้ บาร์เทนเดอร์ทั้งสองก็พากันมองหน้าราวกับกำลังปรึกษากัน ก่อนที่ปาล์มจะให้คำตอบ

          “โดนจับได้พวกฉันไม่เกี่ยวนะ”

          จบประโยคปุ๊บ เด็กหนุ่มก็ยิ้มหน้าระรื่นเดินแผล็วไปทางขึ้นห้องประชุมทันที

          “หมอนั่นพิลึกชะมัด” หลังจากเนเดินออกไปแล้ว ปาล์มก็เปรยขึ้นพร้อมกับเอียงคอมองตามด้วยความสงสัย “อยากศึกษางานขนาดต้องลงทุนแอบไปดูกันเลยหรือไงนะ”

          “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ...ว่ามีเหตุผลอื่นหรือเปล่า” เมื่อเห็นสายตาเป็นประกายของเพื่อนร่วมงาน ต่อก็พูดดักคอเอาไว้ ก่อนจะถอนหายใจเสียงเนือย “แต่ที่แน่ๆ เดี๋ยวหมอนั่นจะมาลากนายไปด้วย...เพราะฉะนั้น ฉันเฝ้าตรงนี้เอง...”

          ยังไม่ทันที่ปาล์มจะถามว่าทำไม เนก็วิ่งเข้ามาที่เคาท์เตอร์ด้วยความเร็วสูงเสียจนปาล์มสะดุ้ง

          “มีคนเฝ้าทางด้วยนี่หว่า” เนแหววหน้าตื่น “แล้วจะเข้าไปได้ยังไงล่ะ นายช่วยไปกับฉันทีสิ”

          บาร์เทนเดอร์หน้าหวานหันมองหน้าเพื่อนร่วมงานอย่างเหลือเชื่อ เขาได้แต่หัวเราะเสียงแห้ง ภาวนาว่าอย่าให้ตนโดนจับได้เป็นพอ

          สำหรับปาล์ม การเดินขึ้นไปชั้นสามไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยสักนิด เพราะคนที่เฝ้าทางเองก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมเหมือนกัน แค่เขาเอ่ยว่าโดนพ่อเรียก อีกฝ่ายก็เปิดทางให้โดยสดุดีแล้ว

          “ไอ้ขาขึ้นไม่ใช่ปัญหาหรอก กลัวแต่อาวัฒน์จะจับได้นั่นล่ะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นสามแล้วปาล์มก็พึมพำขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นอย่างชัดแจ้ง

          “ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ฉันไปคนเดียวเอง ขอบใจนายมากนะ” เนบอกอย่างไม่ยี่หระ แต่สร้างความวิตกให้กับคนฟังมากกว่าสบายใจ

          “เอ้อ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปกับนายด้วยดีกว่า รีบลงไปตอนนี้เดี๋ยวคนเฝ้าเขาจะสงสัยเอา” ส่วนหนึ่งปาล์มกลัวอย่างที่บอก แต่อีกส่วนก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะสร้างปัญหาอะไรหรือเปล่า เลยไม่กล้าปล่อยไปคนเดียว

          ชั้นสามมีสภาพเหมือนกับชั้นสอง พื้นกว้างรูปตัวยูที่ตรงกลางของชั้นทำเป็นระเบียงสามารถมองเห็นลงมาถึงชั้นล่างๆได้ แต่ต่างกันตรงที่ชั้นนี้ไม่มีโต๊ะเก้าอี้และไร้ผู้คน เป็นเพียงพื้นที่โล่งโจ้งเท่านั้น

          ทั้งคู่เดินไปตามทางเดินยาวที่ปูพรมกำมะหยี่สีเลือดหมู ไฟสีส้มดวงเล็กที่ติดอยู่บนผนังสีน้ำเงินทึบคอยส่องให้พอเห็นทาง ห้องประชุมอยู่อีกฟากของทางขึ้นเลยต้องเสียเวลาเดินกว่าจะสุดทาง เนแอบนึกบ่นในใจว่าทำไมตั้งห้องประชุมไว้เสียไกลขนาดนี้ทั้งที่ชั้นนี้ก็ไม่ได้มีแค่ห้องๆเดียวแท้ๆ

          เสียงฮึมฮัมของเพลงที่เปิดชั้นล่างดังแว่วขึ้นมาช่วยให้บรรยากาศกดดันน้อยลงไปบ้าง ปาล์มนัดแนะเนเอาไว้ว่าถ้าเกิดจำเป็นต้องซ่อนตัว ก็ให้รีบวิ่งเข้าประตูที่อยู่ใกล้ที่สุดได้เลย...ถึงแม้ว่าไอ้ประตูที่ว่าจะห่างจากประตูห้องประชุมราวยี่สิบเมตรเลยก็ตาม

          และยังไม่ทันได้เดินเลยประตูที่ปาล์มบอก ทั้งสองก็ต้องรีบเข้าไปใช้บริการทันที เพราะประตูห้องประชุมเปิดออกมาเสียก่อน

          “ท่าทางจะประชุมเสร็จแล้วแฮะ” ปาล์มบอกก่อนจะแง้มประตูออกไปพอให้มองเห็น นึกหวั่นว่าจะโดนจับได้เสียเหลือเกิน “ท่าทางจะมาเสียเที่ยว”

          เนเพียงแต่เงียบและมองยังช่องว่างออกไป เขาได้ยินเสียงเดินดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และตามมาด้วยเสียงบ่นของคนที่เดินนำมา สีหน้าของผู้ออกมาจากห้องประชุมแลดูเหน็ดเหนื่อยราวกับต้องนั่งทำงานน่าเบื่อหน่ายมาทั้งวันก็ไม่ปาน

          “เฮ้อ ปวดก้นชะมัด” ฉัตรร้องอย่างอ่อนล้าแล้วถอนหายใจเสียลั่น

          “ส่วนฉันปวดหัว” คนที่เดินข้างหนุ่มใหญ่ร่างล่ำเอ่ยบอกพร้อมกับจับหน้าผากตัวเอง “สงสัยไมเกรนขึ้นอีกแหงมๆ”

          “จะให้บุกน้ำลุยไฟยังไงก็ได้นะ แต่ไอ้เรื่องประชุมนี่ขอเลย” อีกเสียงร้องขึ้นเหมือนคนใกล้จะเสียสติ พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาขยี้หัวจนยุ่ง “หรืออย่างน้อยก็ขอประชุมโดยไม่มีสองคนนั่นก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุด...ไม่เอาไอ้เดชก็ได้ เมื่อไหร่มันจะหายไปให้พ้นหูพ้นตาซักทีวะ นั่งปั้นหน้าเป็นคนดีพูดกวนคุณวัฒน์อยู่ได้ ฉันละอยากเป่ามันจริงๆ”

          “ฮ่าๆ ไว้เจอหลักฐานมัดไอ้จิ้งจอกนั่นก่อนเถอะ ฉันจะซัดมันให้หายแค้นเลย” ฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่ดวงตาที่เหมือนคนเมาตลอดเวลากลับแสดงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ไอ้วัฒน์คงไม่เที่ยวอารมณ์เสียไม่เลือกหน้าแบบนี้หรอก”

          “เดชนี่ใครหรือ...” เนถามเสียงเบา นึกสงสัยว่าคนที่ว่านั่นเป็นใคร ทุกคนถึงรังเกียจกันอย่างออกนอกหน้าขนาดนั้น แถมยังเป็นคนที่สามารถทำให้วัฒน์อารมณ์เสียได้อีก นอกจากตัวเขา เนก็ไม่เคยเห็นวัฒน์ตั้งแง่กับใครเลยสักคน

          ปาล์มไม่ตอบในทันที เขากำลังรอให้คนด้านนอกเดินผ่านไปให้หมดก่อน แต่พอเนสะกิดไม่เลิกเลยจำเป็นต้องกระซิบบอกอย่างเสียมิได้ “เป็นผู้จัดการสาขาอาบอบนวดแถวพระรามสี่ พ่วงตำแหน่งผู้บริหารด้วยน่ะ...แล้วก็ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบหมอนั่นหรอก หมอนั่นเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าก็ทำอีกอย่าง แต่ลับหลังเที่ยวพยายามล้มคุณสิทธิ์อยู่นั่นล่ะ”

          “ว่าไงนะ”

          ปาล์มแทบจะกระโดดเมื่ออยู่ๆเนก็ร้องถามเสียงดัง แต่โชคดีที่ดูเหมือนว่าคนด้านนอกจะไม่ทันได้ยิน

          “อย่าเสียงดังสิฟะ...ว่าแต่ นายไม่รู้หรอกหรือ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเลิกคิ้ว “ไอ้เรื่องที่พวกเราโดนไอ้แก๊งไฟฉายนั่นมาก่อกวนจนคุณสิทธิ์ต้องออกโรงเอง ก็เป็นเพราะมันทั้งนั้นล่ะ”

          เนเบิกตามองหน้าคู่สนทนา “แล้วคุณสิทธิ์ไม่รู้หรือไง”

          สิ่งที่ได้รับคือเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “มีแต่คุณสิทธิ์นั่นล่ะที่มองโลกในแง่ดีสุดๆ ลองถ้าไม่มีหลักฐานคาตาละก็ คุณสิทธิ์ไม่เชื่อหรอก แต่ไอ้หมอนั่นมันร้ายจะตาย จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมโผล่หางซะที”

          เนฟังแล้วสะดุ้งขึ้นมา...รู้สึกเหมือนเขาจะเคยคิดแบบนั้น...กับวัฒน์...

          ....หรือว่าเรา...ไม่จริงน่า...

          “บางที...หมอนั่นอาจจะมีคนในร่วมมืออยู่ด้วยก็ได้...หรือเปล่า...” เนถาม พยายามเก็บความหวาดหวั่น อยากให้ได้คำตอบอย่างที่หวังเสียเหลือเกิน

          “เรื่องนั้นฉันก็ฟันธงไม่ได้หรอก” ปาล์มตีหน้าหงุดหงิด “แต่ที่แน่ๆ ในบรรดาคนที่เข้าประชุมทั้งหมด มีแต่ไอ้เดชเท่านั้นล่ะที่เป็นงูพิษคิดลอบกัดคุณสิทธิ์น่ะ”

          เนกลืนน้ำลายลงคอ ตอนนี้เขาพอจะรู้ตัวแล้ว แต่ยังพยายามหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่

          นี่เรา...เข้าใจผิดตลอดงั้นหรือ...แต่ว่า...แต่ว่าเสียงที่เราได้ยินมันก็เสียงวัฒน์นี่นา...

          เราพลาดอะไรไปเนี่ย!

          ทั้งสองเดินออกมาหลังจากผู้คนเดินลงไปกันหมดแล้ว ในขณะที่ปาล์มกำลังจะเดินกลับลงไป เนกลับเดินไปทางห้องประชุมแทน

          “คุณวัฒน์ยังไม่ออกมาเลย ฉันอยากจะไปดูหน่อย”

          ได้ยินแล้วปาล์มถึงกับหน้าซีด แล้วขอชิ่งหนีก่อนทันที

          เนค่อยๆย่องไปยังห้องประชุม นึกสงสัยเสียเหลือเกินว่าทำไมปาล์มหรือใครๆถึงต้องกลัววัฒน์ด้วย ทั้งที่วัฒน์เองก็ใช่ว่าจะน่ากลัวสักหน่อย ถ้าไม่นับตอนที่ถือปืน วัฒน์ก็แค่เป็นพวกปากเสีย ชอบทำหน้าไม่รับแขก แต่เขาก็ไม่เห็นว่าวัฒน์จะดูน่าเกรงขามตรงไหน

          แถมท่าทางยามอยู่บนเตียงนั้น ก็ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจนชวนให้หลงด้วยซ้ำ ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่ดูน่ากลัวสักหน่อย.....

          .................................

          เนถึงกับทรุดลงพื้น นี่เขาคิดว่าตาลุงนั่นน่ารักเป็นครั้งที่สองแล้ว! แถมที่แย่ไปกว่านั้นคือ เขาดันคิดพิเรนทร์ว่าถ้าใครมาเห็นด้านที่เขาได้เห็นแล้ว ใครที่ว่านั่นก็อาจจะนึกหลงตาลุงนั่น แล้วตัวเขาก็อาจจะโดนแย่งหมอนข้างไปนี่ล่ะ ที่เขาทำใจไม่ได้สุดๆ

          หรือว่าเรา...จะชอบลุงนั่นจริงๆ...

          เนื่องจากชีวิตไม่เคยนึกรักใครมาก่อน เขาเลยไม่รู้ว่านี่ควรจะเรียกว่ารักได้หรือเปล่า แถมอีกฝ่ายเองก็ดันเป็นคนที่ไม่สมควรรักเป็นที่สุดด้วย

          “นึกว่าฉันไม่รู้รึไงว่านายคิดอะไร”

          เนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องประชุม และนั่นก็ไม่ใช่เสียงของใครที่ไหน ก็เจ้าคนที่ทำให้เขาหัวหมุนเหมือนคนบ้านี่ล่ะ

          “คิดอะไรอยู่งั้นหรือ ทำไมนายชอบมองฉันในแง่ร้ายแบบนั้นล่ะ ฉันเสียใจนะเนี่ย”

          เสียงต่อมาทำเอาเนนิ่วหน้า เพราะนั่นก็เป็นเสียงของวัฒน์เหมือนกัน

          หมอนั่นพูดคนเดียวอยู่หรือไง
         
          ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ เขารีบเดินไปแง้มประตูห้องประชุมแล้วมองลอดเข้าไปด้านในทันที และสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาก็สร้างความมึนงงและตื่นตระหนกให้กับเขา

          วัฒน์ไม่ได้คุยคนเดียวอย่างที่เนคิด คู่สนทนาของหนุ่มใหญ่ยืนยิ้มพรายอยู่ไม่ห่าง ท่าทีเหมือนไม่รู้สึกรู้สาที่โดนวัฒน์จ้องราวกับจะฆ่า ชายคนนั้นมีอายุไล่เลี่ยกับวัฒน์ ผิดกันตรงที่ร่างสูงใหญ่พอๆกับฉัตร ใบหน้านั้นฉาบไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างเหลือล้นชนิดที่ว่าแค่มองปุ๊บก็รู้ทันทีว่าหมอนี่มันเป็นคนไม่ดีแน่นอน แถมแว่นกรอบทองทรงกลมที่มีขนาดเล็กกว่าตานั่นยิ่งทำให้คนสวมดูชั่วร้ายหนักกว่าที่เป็นอยู่

          “อย่ามาเล่นลิ้นนะ” วัฒน์ตวาดใส่เสียงเข้มพร้อมกับชี้หน้า “ฉันไม่มีวันร่วมมือกับแกแน่ เจ้านายของฉันมีเพียงคุณสิทธิ์คนเดียวเท่านั้น!”

          “โธ่ ที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะหวังดีกับนายแล้วก็คุณสิทธิ์หรอกนะ” อีกฝ่ายผู้มีเสียงเหมือนกับวัฒน์อย่างไม่ผิดเพี้ยนเอ่ยขึ้น ฟังคล้ายกำลังสลดเสียใจ แต่สำหรับเน ฟังแล้วเหมือนพยายามแสร้งทำแบบห่วยแตกสุดๆ มากกว่า “ฉันก็แค่คิดว่าถ้าทำกิจการให้สะอาดแบบครึ่งๆกลางๆมันออกจะลำบาก แถมกำไรก็ได้น้อยลงด้วย ก็เลยพยายามช่วยแท้ๆ...นี่ฉันทำเพื่อคุณสิทธิ์นะ ทำไมนายไม่เข้าใจกันบ้างล่ะ”

          อย่าว่าแต่วัฒน์เลย ขนาดตัวเขาซึ่งไม่ค่อยประสีประสาเรื่องบริหารงานฟังแล้วยังรู้สึกแปลกๆเลย จริงอยู่ว่าฟังผ่านๆแล้วเหมือนจะดูดี แต่เนรู้ดีว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สิทธิ์ต้องการเลยสักนิด สิทธิ์เคยบอกว่าไม่ได้อยากทำงานแบบนี้ แต่ถ้าตัวเขาไม่ยอมรับกิจการที่สืบต่อจากผู้เป็นพ่อ ลูกน้องมากมายเกือบพันก็มีอันต้องตกงานชนิดที่ว่าอาจไม่สามารถไปตั้งต้นหางานใหม่ได้อีกแล้ว เพราะบางคนก็แก่เกินกว่าจะไปตั้งต้นหางานใหม่ บางคนก็ไม่มีทักษะในการทำงานนอกจากเรื่องตีรันฟันแทง บางคนก็มีประวัติดูดีเป็นศรีแก่ตัวมากถึงขนาดไม่มีใครที่ไหนจะกล้ารับเข้าทำงานด้วย และตัวสิทธิ์ก็ไม่ใช่คนที่จะทำตามใจตัวเองเพื่อให้คนมากมายต้องเดือดร้อนด้วย

          แต่ไอ้เรื่องอยากจะให้มือสกปรกดำปี๋เขาก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นสิทธิ์จึงพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบของกิจการให้เป็นไปในทางที่ไม่ต้องข้องแวะกับคุกหรือศาล แม้ว่ามันจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ร้อยเปอร์เซ็นก็ตาม ซึ่งเหล่าลูกน้องเองต่างก็รู้สึกซึ้งใจต่อการกระทำของเจ้านายที่อุตส่าห์ทำเพื่อพวกเขา แต่ละคนจึงคอยสนับสนุนสิทธิ์เต็มที่ และด้วยนิสัยที่เป็นกันเอง อีกทั้งความสามารถที่เก่งพอๆกับผู้เป็นพ่อ จึงทำให้สิทธิ์กลายเป็นหัวหน้าที่เคารพนับถือได้ไม่ยาก

          แน่นอนว่าคงไม่ใช่ลูกน้องทุกคนที่คิดเช่นนั้น...ดั่งเช่นคนที่กำลังคุยกับวัฒน์อยู่เป็นต้น

          “เฮอะ! นึกว่าฉันไม่รู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่งั้นรึไง ไอ้เดช!” วัฒน์แผดเสียงลั่น “อย่าได้หวังว่าจะเป็นไปตามที่แกต้องการ! ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ”

          “โอ้ย น่ากลัวจังเลยนะ” คู่สนทนาเอ่ยล้อเลียนด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกันกับอีกฝ่ายจนเนฟังแล้วรู้สึกสยองพิกล ชายผู้สวมแว่นค่อยๆเดินเข้ามาหาวัฒน์ ก่อนจะเอ่ยคำซึ่งเหมือนจะเป็นห่วง แต่น้ำเสียงบ่งบอกถึงการข่มขู่คุกคามอย่างชัดเจน “งั้นก็ระวังหน่อยละกัน ช่วงนี้พวกลอบทำร้ายเยอะด้วยนะ ฉันเป็นห่วงคุณสิทธิ์เขา”

          มาถึงตรงนี้ สิ่งที่พยายามทำเมินก็กระจ่างคาหูคาตาจนไม่รู้จะเบี่ยงไปทางไหนอีกแล้ว

          เสียงที่เขาได้ยินในตอนนั้น เป็นเสียงของเดช...ไม่ใช่เสียงของวัฒน์!

          นี่เราเข้าใจผิดไปงั้นหรือ

          เนรีบเดินออกจากประตูห้องประชุม เข้าไปยังห้องพักของพนักงาน ร่างสูงโปร่งยืนพิงประตูหน้านิ่ง ความรู้สึกภายในตีกันจนเขาออกอารมณ์ไม่ถูก

          ทันทีที่รู้ว่าวัฒน์ไม่ใช่คนคิดร้ายต่อสิทธิ์ เขารู้สึกดีใจและโล่งใจมาก แต่พอคิดได้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องเลวร้ายกับอีกฝ่ายก็รู้สึกผิดจนไม่รู้ว่าจะกล้าสู้หน้าวัฒน์ได้หรือเปล่า

          ทั้งที่เขาไม่ได้ผิดอะไร...แต่เรากลับ...

          ยิ่งเห็นว่าท่าทีที่หนุ่มใหญ่แสดงออกต่อเดชเมื่อครู่นั้น ช่างเหมือนกับตอนที่วัฒน์แสดงกับเขามาโดยตลอด ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจขึ้นจนหายใจลำบาก

          “เอ๋ อะไรกัน”

          เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง เมื่อเห็นหยดน้ำใสร่วงเผาะลงพื้น แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เหงื่อแต่อย่างใด เพราะมันออกมาจากตาของเขา

          อะไรกัน...เราร้องไห้ทำไม

          เนพยายามปาดน้ำตาออก แต่มันกลับไม่มีท่าทีจะหยุด ไม่ว่าเขาจะพยายามห้ามตัวเองสักเท่าใดก็ตาม กลับทำให้น้ำตาไหลหนักกว่าเดิมจนเขาสะอื้น

          ยิ่งนึกถึงวัฒน์ เขาก็ยิ่งร้องไห้หนักจนหยุดไม่อยู่

          ไม่เอานะ...หยุดสักทีสิ...ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ร้องไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาสักหน่อย

          ยังไงคุณวัฒน์ก็เกลียดเราอยู่ดี


_________________________________

และในที่สุด เนก็รู้ความจริงสักที (แฮ่กๆ)

ซึนจะแตกเหมือนที่น้ำตาจะแตกไหม....โปรดติดตาม (ฮา)

ฉากเสียเลือด ขอยกยอดไว้ตอนอื่นนะงับ XD เขียนเยอะเดี๋ยวหมดมุกเขียนตอนหลังๆ ๕๕๕

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ในที่สุด เนก็รู้ความจริง ที่นี้จะเอายังไงล่ะ รุกต่อหรือไม่ ต้องรอดูตอนต่อไปอิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เนรู้แล้ว ทำไงต่อน้อ  :katai4:

ออฟไลน์ mcooky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เนจะทำยังไงต่อหล่ะทีนี้  น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินน

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ทีนี้เนก็เลิกเข้าใจวัฒน์ผิดซะที  เนเอ้ย เลิกซึนด้วยนะ

ทีนี้ก็รอให้วัฒน์เลิกเข้าใจผิดเนบ้าง จะได้มุ้งมิ้งกันเสียที  :hao7:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ตาสว่าง

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เหอๆ วัฒน์ไม่เกลียดหรอกหนูจ๋า  :hao3:

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
รอต่อค้าบ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เนคงจะรู้สึกผิดมาก ถึงขั้นร้องไห้เลย แต่เรื่องรู้สึกผิดแค่ส่วนน้อยล่ะมั้ง แต่ที่ร้องไห้เพราะคิดว่าวัฒน์เกลียดตัวเองใช่รึเปล่า โอ๋ๆไม่ร้องนะ ลุงงงง เคลียร์ Now! มาปลอบเด็กเลยลุง :hao3: เป็นกำลังใจให้นะจ้ะ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
ผ่างๆๆๆๆ   ตาสว่าง  เอาไงต่อล่ะทีนี้  จากนี้ต่อทำดีแค่ไหน ก็ยังคงไม่มีไรดีขึ้น ตราบใจที่อีกคนยังอยู่ในความมืดมิด ที่ไร้แสงนำทาง   ตูเวิ่นเว้ออะไรเนี่ย   :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Malila

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ใจเย็นๆนะ  คุณวัฒน์ไม่เกลียดหรอก  พูดกันให้เข้าใจสักที

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เนรู้ความจริงแล้ววว ขอให้ซึนแตกสักทีละกัน ตอนท้ายแอบสงสารเนนะเนี่ย แต่พวกนี้มันชอบคิดไปเองตลอดเลยแฮะ =O=; ถามอีกฝ่ายสิครับ! ถาม!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด