บทส่งท้าย
ผ่านไปหนึ่งปีแล้วสินะ
โยชัวนั่งถอนหายใจขณะเหม่อลอยครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตอยู่บนเก้าอี้ริมระเบียง เด็กหนุ่มหลังจากรู้ความจริงซึ่งพวกพี่ชายวางแผนเอาไว้ทั้งหมด ถึงจะเข้าใจเหตุผลที่จำเป็นจะต้องทำแล้วก็ตาม แต่ว่าการที่ลาซารัสกับชาฮาร์ฉวยโอกาสลักพาตัวเขามา ทำให้โยชัวโกรธการกระทำอันเห็นแก่ตัวของพี่ชายทั้งสองคนจนไม่ยอมให้อภัยง่ายๆ
กลับกัน เด็กหนุ่มไม่เคยคิดผูกใจเจ็บลูเซียแม้แต่นิดเดียว เพราะเจ้าชายลูกครึ่งเทพปีศาจ เป็นพี่ชายเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการลักพาตัวหรือหลอกลวงเขาไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม
หลังจากพวกพี่ชายในโลกนี้จัดการกับท่านพ่อผู้ชั่วร้ายลงได้ โยชัวที่อยากกลับไปบ้านและร่างเดิมใจแทบขาด ไม่ว่าจะพยายามขอร้องซักเท่าไหร่ เหล่าเจ้าชายปีศาจก็ไม่ยอมส่งเด็กหนุ่มกลับไป
โยชัวคิดน้อยใจนับครั้งไม่ถ้วน เนื่องจากพี่ชายแสนดีอย่างลูเซีย ยังทำตัวบิดพลิ้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อไม่สามารถกลับไปได้ เด็กหนุ่มก็เมินเฉยเจ้าชายปีศาจทั้งสามด้วยทั้งงอนและขุ่นเคือง
เคยทั้งอดข้าวประท้วงและไม่ยอมพูดจา แต่ทว่า เพียงลาซารัสออกคำสั่ง ไอ้อาการดื้อแพ่ง ก็กลายเป็นความตั้งใจที่สูญค่า เพราะไม่สามารถต่อต้านคำสั่งของเจ้าชายปีศาจได้ดั่งใจ
แล้วกาลเวลาก็ผ่านเลยไป ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่พ้นผ่าน พี่ชายทั้งสามมุ่งมั่นกับการง้องอนหว่านล้อม การที่โยชัวถูกพี่ชายล่อลวงด้วยคำหวานและข่มขู่ ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกใบนี้
โยชัวรู้ดี ถึงจะพยายามหลอกตัวเองว่าถูกคนรอบตัวบังคับให้ต้องทนอยู่อย่างไม่เต็มใจ แต่ส่วนลึก ภายในจิตใจ ก็รู้อยู่แล้ว ’ตัวเขาเองต่างหาก ที่กำลังตกหลุมรักพี่ชายทุกคนจนไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธ’ มันเริ่มจากความผูกพัน ทีละนิดทีละน้อย จนตอนนี้กลายเป็นความรักซึ่งเผาผลาญหัวใจจนร้อนรุ่ม แค่คิดจะต้องแยกจาก ภายในอกก็ปวดแน่นจนแม้แต่คนหัวช้าอย่างเขาก็ยังเข้าใจได้
“ทำอะไรอยู่เหรอ พี่ชายคิดถึงโยชัวจังเลย…”
โยชัวถูกชาฮาร์โอบกอดจากด้านหลัง หลังจากโค่นราชาปีศาจลงได้ เจ้าชายปีศาจทั้งหมดก็ยุ่งวุ่นวายกับการจัดการดินแดนและเผ่าพันธุ์ที่อยู่ใต้การดูแล
พี่ชายทั้งสามแบ่งหน้าที่กันอย่างลงตัว โดยการให้ลาซารัสขึ้นเป็นจักรพรรดิปีศาจ ชาฮาร์กับลูเซียเป็นแม่ทัพและที่ปรึกษาสูงสุดตามลำดับ
ลูเซียผู้เป็นพี่ชายคนโตค่อนข้างพอใจในหน้าที่ที่ตัวเองได้รับอยู่มาก เจ้าชายลูกครึ่งปีศาจ ไม่ชอบที่จะต้องปกครองผู้คนมากมายก็จริง แต่ชอบวางแผนจัดการกับทุกทุกสิ่ง แต่เพราะไม่ชอบการถูกผูกมัด การได้มาซึ่งอำนาจหากแต่ยังมีอิสระ ทำให้ผู้เป็นพี่ชายพึงพอใจอย่างมาก
กลับกันกับชาฮาร์ซึ่งได้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ นับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งมาเจ้าชายผู้เจิดจรัสยุ่งวุ่นวายอยู่ตลอด จนร้องครางเสียงงุ้งงิ้งทุกครั้งที่ปลีกตัวมาหาโยชัวได้
เวลานี้ก็เช่นกัน ชาฮาร์ที่บ่นไม่หยุดไปพร้อมๆกับเรียกร้องความสนใจ พยายามนัวเนียกอดจูบโยชัวไม่เลิก หากเป็นก่อนหน้านี้ซักหนึ่งปี เด็กหนุ่มคงอาละวาดชกจนหน้าหงาย ที่บังอาจระดมจูบลงบนแก้มซ้ายขวาของเขาไม่ยั้ง
แต่เพราะก่อนหน้านั้นหนึ่งอาทิตย์ โยชัวได้ตกลงปลงใจมอบร่างกายให้พวกพี่ชายทำรักจนสมใจไปแล้วหลายครั้ง ฉะนั้น เด็กหนุ่มจึงไม่มีท่าทางกระบิดกระบวนยามถูกชาฮาร์ลวนลามแต่อย่างใด
“อยากทำกับโยชัวจัง” ชาฮาร์ส่งสายตาวิบวับเป็นประกาย
“ทำที่ว่าคงไม่ได้หมายถึงเรื่องอย่างว่าหรอกใช่ไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว ครั้งแรกกับครั้งสุดท้ายที่ทำมันผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ” ชาฮาร์หัวเราะคิกคิก โยชัวถูกเจ้าชายผู้เจิดจรัสอุ้มกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะโดนวางลงบนเตียง เมื่อรู้ตัวว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เด็กหนุ่มก็โวยวายขัดขืน จนคนเป็นพี่ชายแทบจะเข้าโหมดหน้ามืดด้วยความอยากจนใจแทบสั่น
“โยชัวอย่าขัดขืนเลย…หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แค่คิดถึงร่างกายอันเปลือยเปล่า พี่ชายก็คลั่งจนแทบจะดับอารมณ์ด้วยการช่วยตัวเองยังไม่พอเลยรู้ไหม”
โยชัวแทบหวีดร้อง ระหว่างพยายามสลัดให้หลุดจากอ้อมกอด ใบหน้าของคู่สนทนาแม้จะเผยอยิ้มที่ดูสดใส แต่คำพูดกลับน่าขนลุกเสียจนเด็กหนุ่มหวั่นใจ ในท่าทางหื่นกระหายหยาบโลนขึ้นเรื่อยๆของชาฮาร์
“ปล่อย…ปล่อยนะ!”
โยชัวซึ่งดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์รู้ดี ต่อให้พยายามแค่ไหนคงจะสู้แรงช้างสารของชาฮาร์ไม่ได้ ขณะที่หยาดน้ำตาร่วงปอยๆ ในเวลาถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้า ลาซารัสกับลูเซียที่ปรากฏกายขึ้นพร้อมกันก็ทำให้ชาฮาร์หยุดการคุกคามน้องชายเพียงชั่วครู่
“กำลังสนุกกันอยู่เหรอ…”
ลาซารัสยิ้มพราย ดวงตาสองสีและใบหน้าลึกลับเย้ายวนดูเบิกบานใจอย่างมากที่ได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ทว่าลูเซียกลับตีหน้าขรึมแล้วต่อว่าชาฮาร์ด้วยประโยคประชดประชัน
“ไม่คิดว่าน้องชายของข้าจะปฏิบัติกับคนรักอย่างป่าเถื่อนถึงขนาดนี้”
“พูดอะไรกันครับ? โยชัวสมยอมข้าต่างหาก”
“ใครกันที่สมยอม ไอ้ปีศาจเลว เจ้าใช้กำลังข่มขืนข้าอยู่ชัดๆ”
โยชัวก่นด่าชาฮาร์ที่โกหกโต้ตอบกับลูเซียด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น ในตอนนั้นลาซารัสซึ่งฉีกยิ้มกว้างมากเป็นพิเศษ ก็กระซิบบางอย่างให้ลูเซียฟัง
“ถ้ายังขัดขืนอยู่ล่ะก็ พวกพี่ชายจะช่วยให้เจ้าสมยอมเองก็แล้วกัน” ลาซารัสเคลื่อนกายมายังข้างเตียงแล้วใช้มือลูบไล้ใบหน้าของโยชัวที่ดูงุนงง
สิ่งที่โยชัวตื่นกลัวจริงๆไม่ใช่การจู่โจมจากทั้งลาซารัสและชาฮาร์ การที่ถูกลูเซียเข้าร่วมวงด้วยต่างหาก ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ต่างจากคนจมน้ำที่ตะกายขึ้นมาได้ แล้วถูกคนบ้ากดหัวกลับให้จมลงไปจนหายใจหายคอไม่ออก
“ไม่ต้องกลัวนะ”
ลูเซียจุมพิตบนหลังมือของโยชัว จากนั้นการทำรักซึ่งมีโยชัวเท่านั้นที่เป็นเครื่องรองรับแรงปรารถนาก็เริ่มต้นขึ้น เด็กหนุ่มไม่สิทธิแม้แต่จะขัดขืน
“ทำไมถึงทำแบบนี้”
โยชัวพยายามปิดกั้นเสียงครวญครางของตัวเองอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะเอ่ยคำถามนี้ออกมา ดวงตาสีอเมทิสต์คู่งามเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำจนแทบจะหยดลงมา แต่ก็ถูกลาซารัสแลบลิ้นไล้เลียและกลืนมันลงไป
“เพราะโยชัวน่ารักยังไงละ ถึงไม่อยากให้ไปทำเรื่องแบบนี้ตามลำพังกับคนอื่น แม้จะเป็นพวกพี่ชายก็ตาม”
“หมายความว่ายังไง…อ๊ะ…”
ทั้งที่สติหลุดลอยร่างบางก็ยังตั้งคำถาม หากเป็นความคิดของชาฮาร์แต่เพียงผู้เดียว โยชัวคงไม่แปลกใจ แต่การที่ทั้งลูเซียและลาซารัสจู่โจมตนเองพร้อมกันแบบนี้เหมือนนัดกันมามันดูแปลกๆยังไงชอบกล
“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ”
เสียงกระซิบแหบพร่าของชาฮาร์ทำให้โยชัวถึงกับสั่นสะท้าน
“ไม่เอานะ ท่านพี่ลูเซียชาร์เสียสติไปแล้ว”
“ใจเย็นๆก่อนโยชัว ไม่มีอะไรหรอก ต่อให้ไม่ใช่ชาฮาร์ ตัวเจ้าในเวลานี้ แม้แต่ข้ายังไม่สามารถถอนสายตาได้”
ลูเซียเชยคางโยชัว เจ้าชายลูกครึ่งเทพปีศาจมองสบตากับคนที่กำลังตื่นตระหนกครู่หนึ่งก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยและประทับจูบลงไปอย่างเนินนาน แม้จะเป็นการจุมพิตที่นุ่มนวลเพียงไหนแต่ก็แฝงไว้ด้วยการรุกเร้าและเอาแต่ใจจนผิดภาพลักษณ์ กลับกันกับลาซารัส แม้จะกระทำรุนแรงแต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“ถอดเสื้อผ้าออกสิโยชัว”
เจ้าชายปีศาจกระซิบแผ่ว โยชัวขยับถอดเสื้อผ้าที่เริ่มหลุดลุ่ยของตัวเองออกจนหมด
“เสร็จแล้วก็ขึ้นมาคร่อมบนตัวข้า”
ลาซารัสออกคำสั่งต่อไป แม้โยชัวจะไม่รู้ตัวก็ตามแต่ภาพร่างอันเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม ช่างงดงามยวนใจจนไม่อาจต้านทาน
“ขี้โกงเกินไปแล้ว “
ชาฮาร์โวยวายขณะเข้าไปคลอเคลียโยชัวจากด้านหลัง ส่งผลให้ลูเซียถอนหายใจด้วยความสมเพช
“อึก….อื้อ…ท่านพี่ลูเซียช่วยข้าด้วย”
โยชัวที่ตั้งใจต่อต้านมนต์สะกดของลาซารัสวอนขอ แววตาเว้าวอนของเด็กหนุ่มทำให้ลูเซียเกิดความรูสึกผิดในใจ
“ข้าจะอ่อนโยนกับเจ้าเอง”
ลูเซียพูดราวกับจะให้คำมั่นสัญญาก่อนจะแนบจูบกับโยชัวอีกหน ครั้งนี้ไม่ได้หยุดลงเพียงแค่ริมฝีปากแต่ค่อยๆเลื่อนไล่ไปตามใบหูและซอกคอเรื่อยลงมา
“แย่จริง ใครๆก็เอาแต่เล่นสนุกกับร่างกายของโยชัว ไม่มีใครสนใจความรูสึกของน้องชายคนนี้สักนิด”
ลาซารัสกล่าวกับโยชัวที่เผลอมองสบตามา ร่างบางอยากจะร้องด่าใจแทบขาดว่าคนที่เล่นกับร่างกายของเขามากที่สุดไม่ใช่ใครนอกจากลาซารัสเอง ในตอนนั้นคนตัวเล็กก็ครางออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อมือของเจ้าชายปีศาจหยอกเย้าที่แก่นกายจนสิ่งนั้นตื่นตัวขึ้นมา
“รู้สึกไวจริงนะ”
เลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้าของโยชัวจนร้อนผ่าว ลาซารัสหัวเราะน้อยๆขณะยกมือที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นของเขาขึ้นมาชิมรสชาติ เด็กหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาว่าเจ้าชายปีศาจจะลดตัวทำเช่นนั้น
“อึก…อย่า…มันสกปรก”
แม้จะอับอายแต่ความรู้สึกดีก็มีมากพอพอกัน ทันทีที่ลาซารัสใช้ปากรับเอาเครื่องเพศของเขาเข้าไปในปากโยชัวก็ร้องครางเสียงหวานออกมา
“ไม่ต้องกลัวพี่ชายจะทำให้มีความสุขเอง”
ลาซารัสกระซิบกล่าว โดยไม่ถือสา ถึงโยชัวจะปลดปล่อยออกมากะทันหันจนของเหลวขาวขุ่นกระเด็นเปรอะเปื้อนใบหน้า ลาซารัสหาได้ใส่ใจเขาใช้นิ้วมือสำรวจกลีบดอกตูมซึ่งยังไม่เปิดออกเป็นเชิงปลุกเร้า
“อ้าขาหน่อยโยชัว พี่ชายอยากเข้าไปจะแย่แล้ว”
ไม่เพียงแต่ลาซารัสชาฮาร์เองก็ใช้น้ำรักของตนเองสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับช่องทางของคนตัวเล็ก เพราะไม่อยากสร้างความเจ็บปวดให้ เจ้าชายผู้เจิดจรัสจึงได้แต่ฝืนตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“มะ..ไม่เอา”
โยชัวฝืนการสะกดของลาซารัส ขัดขืนเต็มกำลังเมื่อสัมผัสได้ถึงการรุกรานของพี่ชายทั้งสอง
“ช่วยไม่ได้ถ้าเป็นความปรารถนาของเจ้าล่ะก็”
ลาซารัสคลี่ยิ้มที่ดูลึกลับ เจ้าชายปีศาจคลายมนต์สะกดร่างบาง โยชัวแทบจะไหลกองลงไปนอนแผ่บนเตียงถ้าไม่ติดว่า ด้านหลังถูกชาฮาร์เล้าโลม หรือด้านข้างถูกลูเซียประคองลูบไล้อยู่เช่นกัน
“จะเข้าไปละนะ ขอพี่ชายเข้าไปในตัวเถอะ”
เสียงของชาฮาร์ฟังดูแตกพร่า หลังจากบรรจงเตรียมช่องทางอยู่นาน เจ้าชายผู้เจิดจรัสก็ค่อยๆเสือกแก่นกายเข้าไปในช่องทางคับแคบอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โยชัวก็อยากได้ของพี่ชายเหมือนกันสินะ เป็นเด็กที่ละโมบซะจริง”
ลาซารัสหัวเราะในลำคอ
“อึก…อ้า…
โยชัวหวีดร้องเมื่อแก่นกายขนาดใหญ่ของพวกพี่ชายสองคนเข้าไปในร่างกายจนสุด หลังจากถูกขยับเข้าออกนับครั้งไม่ถ้วนคนตัวเล็กก็ปลดปล่อยออกมาหลายต่อหลายครั้งจนหมดเรี่ยวแรง กลับกันเหล่าพี่ชายยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นราวกับสะกดกลั้นความปรารถนาเอาไว้ไม่อยู่
“อะ…อา…พอแล้ว…”
ขณะที่ช่องทางด้านหลังถูกเล่นสนุก ด้านหน้าก็ถูกทำให้ปลดปล่อยออกมาหลายครั้ง ด้วยริมฝีปากของเจ้าชายลูกครึ่งปีศาจที่ตอนนี้แววตาเริ่มจะเปลี่ยนไป ลูเซียมองโยชัวที่ถูกทำให้ขยับกายเป็นจังหวะด้วยสายตาซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการจนพร้อมจะกระโจนเข้าใส่เด็กหนุ่มได้ทุกเมื่อ
“อย่าท่านพี่…ลูเซีย…”
โยชัวร้องห้ามเสียงหวิว แค่พี่ชายสองคนก็ราวกับร่างกายจะฉีกขาดหากต้องรองรับลูเซียด้วยอีกเขาคงทนต่อความหฤหรรษ์ไม่ได้แน่ๆ ก่อนที่ลูเซียจะขาดสติยับยั้ง เด็กหนุ่มใช้ความขลาดกลัวเปลี่ยนเป็นความกล้าให้ตัวเองค่อยๆก้มลงไปไล้เลียแก่นกายของอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเล
“อืม…”
ลูเซียครางเบาๆดวงตาของเจ้าชายลูกครึ่งเทพปีศาจลุกโชนด้วยเพลิงแห่งความใคร่ การกระทำที่ทั้งงุ่มง่ามและยั่วใจทำให้ร่างสูงสง่าสติขาดสะบั้น ริมฝีปากบางที่อุ่นนุ่มกับปลายลิ้นซึ่งลากไล้ไปตามแก่นกายของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อถูกทำเช่นนั้น เขาจึงไม่สามารถหยุดความต้องการของตนเองเอาไว้ได้
“อ๊ะ…โอ๊ย”
โยชัวร้องออกมาเมื่ออยู่ๆลูเซียกระชากตัวเขากดลงนอนกับเตียง เด็กหนุ่มถูกร่างสูงสง่าทาบทับแล้วสอดกายใหญ่โตเข้ามาในร่างจนสุดความยาว
“อา…”
ถูกรุกรานอย่างไม่ปรานีปราศัย รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเองมาอยู่ใต้ร่างของชาฮาร์อีกครั้ง
“พี่ชายก็อยากจะทำอีกรอบจนตัวสั่นเลยล่ะนะ”
ชาฮาร์สอดลิ้นสำรวจโพรงปาก แก่นกายขนาดใหญ่ของเจ้าชายผู้เจิดจรัสพอถูกสอดเข้ามาคนตัวเล็กก็เหมือนจะขึ้นสวรรค์เสียให้ได้
“อะไรกัน ช่างเป็นเด็กที่นิสัยแย่จริงๆเลยน้า รู้สึกดีขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ”
พอผละจากชาฮาร์มาได้ โยชัวก็แทบหน้ามืดเมื่อเห็นรอยยิ้มของลาซารัส
“ไม่เอาแล้ว…”
ครางออกมาอย่างสิ้นหวังก่อนจะถูกลากลงไปบนเตียงอีกครั้ง ลาซารัสเอ่ยปลอบโยนว่า’คืนนี้ยังอีกยาวไกล’
โยชัวกระพริบตาปริบๆเหม่อมองเพดานของเตียงสี่เสา ถึงแม้ก่อนหน้านั้นจะพบกับบทรักที่ยาวนานถึงสองวันแต่พอผ่านไปสองสามชั่วโมงเด็กหนุ่มก็กลับมากระปรี้กระเปร่าได้อีกครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอโยชัว”
ชาฮาร์ซึ่งนอนก่ายกอดโยชัวชะโงกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเข้ามาในระยะการมองเห็นของเด็กหนุ่ม
“อื้อ…”
โยชัวตอบรับอย่างรำคาญนิดๆ ใจจริงอยากจะบอกให้เจ้าชายผู้เจิดจรัสเลิกนัวเนียตัวเขาได้ซักที แต่พอพบว่าลาซารัสกำลังนอนตะแคงส่งยิ้มมาให้จากทางด้านขวา เด็กหนุ่มก็คิด ’นอนนิ่งเฉยๆแบบนี้ดูจะเข้าท่าที่สุด’
“อยากกลับไปยังโลกเดิมซักครั้งไหมโยชัว?”
คนถูกถามตอบรับคำพูดของลาซารัสอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะเก็บอาการของตนด้วยรู้สึกว่า หากดีใจมากเกินไปอาจถูกกลั่นแกล้งให้สิ่งที่ถามเป็นเรื่องล้อเล่นก็เป็นได้
“จะพาไปจริงๆนะเหรอ?”
ลาซารัสตอบรับด้วยการพยักหน้า ในตอนนั้นลูเซียก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับพวกเมดสาวที่นำสำรับอาหารตามมาด้วย
ท่ามกลางผู้คนสัญจรมากมาย ที่สวนสาธารนะ โยชัวยืนลังเลอยู่นานด้วยไม่รู้จะเข้าไปพบปะกับโยชัวอีกคนยังไงดี
“เข้าไปหาสิ”
ลาซารัสกระซิบสั่ง โยชัวมองดูโยชัวอีกคนที่อาศัยอยู่ในร่างของเขาใช้ชีวิตแทนเขาอย่างกลมกลืน ในระยะห่างซึ่งค่อนข้างไกล แต่คนตัวเล็กก็ยังเห็นและได้ยินชัดเจน ตัวเขาอีกคนกำลังพูดคุยอย่างสนิทชิดเชื้อจนเกินงามกับเด็กสาวเพื่อนร่วมห้องเรียนของเขา
‘มินตรา แอน สมิธ’ เด็กสาวลูกครึ่งซึ่งมีสีผมน้ำตาลช็อกโกแล็ตใช้มือลูบศีรษะกลมทุยของร่างที่เคยเป็นของเขา โยชัวอีกคนหัวเราะแฮะๆอย่างมีความสุขเมื่อมินตราแสดงออกด้วยความรักและเอ็นดู
“บอกแล้วใช่ไหมว่าให้กินข้าวให้ครบ นิสัยเปลี่ยนไปแบบนี้เพราะความจำเสื่อมก็จริงแต่อะไรที่กำชับแล้วก็อย่าลืมสิ”
โยชัวได้ยินเต็มสองรูหู ทว่าคำพูดตอบโต้ของโยชัวอีกคนทำให้เข้าใจความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ชัดเจนยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มตกใจกับการที่มินตรากับโยชัวอีกคนคบหากันในฐานะคู่รัก
“โยชัว”
โยชัวสะดุ้งกายเมื่อลูเซียตะโกนเรียกชื่อด้วยเสียงที่ดังมาก ทั้งที่ยังไม่ได้เตรียมใจแต่โยชัวอีกคนก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับมินตรา
“…………………”
นิ่งอึ้งกับการได้พบกันอย่างกะทันหัน ดูเหมือนว่าโยชัวอีกคนก็ลำบากใจไม่ต่างกัน ฝ่ายนั้นอึกอักเหมือนน้ำท่วมปาก สุดท้ายจึงเอ่ยทักทายเขาด้วยรอยยิ้มเจื่อนสนิท
“เป็นยังไงบ้าง”
โยชัวอีกคนพูดด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เด็กหนุ่มสังเกตเห็นคู่สนทนาปลายตามองไปยังมินตราอย่างพะว้าพะวัง คิดดูแล้วอีกฝ่ายคงไม่อยากให้เด็กสาวรู้ที่มาที่ไปของตนเอง
“โยชัวผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของนายเหรอ? สวัสดีครับผมเป็นญาติของโยชัว”
โยชัวทักทายมินตราแก้สถานการณ์ให้โยชัวอีกคน เด็กสาวพอถูกทักว่าเป็นคนรักก็หน้าแดงด้วยความขวยเขิน
“พวกพี่ชายอีกสามคนเป็นญาติโยชัวด้วยเหรอคะ”
มินตราถามขณะจ้องดูลาซารัส ชาฮาร์ และ ลูเซียตามลำดับ ดวงตาที่ใสซื่อทำให้โยชัวรู้สึกดีกับเด็กสาว เพราะมินตราไม่ได้แสดงความตื่นเต้นหลงใหลเมื่อได้พบกับเหล่าพี่ชายผู้งดงามเลยซักนิด เด็กหนุ่มแค่มองดูเด็กสาวยังเข้าใจในทันทีว่ามินตราผูกสมัครรักใคร่ในตัวโยชัวอีกคนมากมายแค่ไหน
โชคดีอะไรอย่างนี้
โยชัวยิ้มกว้าง เด็กหนุ่มถึงจะอยากกลับร่างเดิมแต่เมื่อได้สัมผัสความสุขเอ่อล้นของโยชัวอีกคน เขาก็ไม่อยากจะแย่งชิงมันมาโดยที่ตนเองก็กำลังมีความสุขกับคนรักทั้งสาม ทว่ายังหดหู่ใจอยู่เช่นเดิมยามที่นึกถึงหน้าพ่อแม่
หลังจากพูดคุยกันอยู่เกือบชั่วโมงโยชัวอีกคนก็โผล่งออกมาว่าจะพาเขาไปพบพ่อแม่ คงเป็นเพราะโยชัวทำหน้าเศร้าสร้อยตลอดบทสนทนา ดังนั้นในตอนนี้จึงถูกพามายังบ้านซึ่งเคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด
“พ่อครับแม่ครับนี่เพื่อนสนิทของผม”
โยชัวน้ำตาซึมทันทีที่ถูกแนะนำให้พ่อแม่รู้จักในฐานะคนอื่น แต่ระหว่างที่พบปะพูดคุยและทานอาหารค่ำ เด็กหนุ่มพยายามเก็บอาการซึ่งจะส่งผลเสียกับโยชัวอีกคน
“อยากกลับมาอยู่ที่นี่ไหม?”
ลาซารัสยิ้มพรายให้โยชัวซึ่งหันกลับมา ก่อนหน้านั้นเด็กหนุ่มมองดูพ่อแม่กับโยชัวอีกคนด้วยแววตาหม่นหมอง พอถูกยื่นสิ่งที่ต้องการ โยชัวก็เสมือนกับได้มือของใครมาฉุดให้ลุกขึ้นยืนในเวลาที่ลื่นหกล้ม
“จะได้จริงๆนะเหรอ?” โยชัวถาม
“เอาเถอะ ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ตามใจ แต่ถ้าอยู่ในร่างนั้นคงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป สงสัยว่าอาจจะแก่แล้วตายไปในระยะเวลาไม่นาน”
ลาซารัสยิ้มขณะพูด ท่าทางเหมือนไม่แยแสทำเอาโยชัวแปลกใจ ทว่าชาฮาร์ซึ่งร้องโวยวายทำให้เด็กหนุ่มสบายใจขึ้น
“อย่าเลยโยชัว พี่ชายแค่ต้องทนเห็นโยชัวแก่ตัวลง แค่คิดก็ทรมานจะแย่ ไม่ใช่รังเกียจร่างกายที่แก่ชรานะ แต่จะให้นับวันรอเจ้าตาย เห็นทีจะทนไม่ไหว”
“ย…อย่างนั้นเหรอ…”
โยชัวตอบโต้ด้วยการกระตุกยิ้มจืดเจื่อน เด็กหนุ่มที่กำลังสับสนปลายตาขอความเห็นจากลูเซียซึ่งยืนยิ้มสดชื่นอยู่ตรงหน้า
“ท่านพี่ลูเซียคิดว่าควรจะทำยังไงดี”
“อยู่กับพวกเราเถอะ อยู่ในร่างนี้นี่แหละ อย่าทิ้งพวกเราไปเลยนะ”
ลูเซียยิ้มสดใสเกลื่อนเต็มหน้า จังหวะนั้นชาฮาร์ก็ร้องสนับสนุนด้วยท่าทีรื่นเริงเป็นที่สุด
“ใช่แล้วโยชัวอยู่กับพวกเราเถอะนะ พวกเราจะทำให้โยชัวมีความสุขแทนท่านพ่อท่านแม่เอง”
“เรื่องนั้น…”
โยชัวพึมพำก่อนจะลอบมองลาซารัสที่กระตุกยิ้มชั่วร้ายมาให้ เจ้าของใบหน้าลึกลับเย้ายวนทำแค่เพียงโปรยยิ้มโดยไม่พูดอะไรออกมา
“ถ้าอย่างนั้นทุกคนต้องสัญญานะว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปโดยไม่ทอดทิ้งกันไว้เพียงลำพัง”
โยชัววอนขอ ลึกๆเขาหวาดกลัวสีหน้าท่าทางซึ่งแสดงถึงความไม่แน่ใจของพวกพี่ชายค่อนข้างมาก หากว่าเห็นสีหน้าบ่งบอกความรู้สึกเช่นนั้นแล้วล่ะก็ เด็กหนุ่มคิดว่า เขาอาจจะขอกลับไปอยู่กับพ่อแม่เสียน่าจะดีกว่า เพราะเข้าใจดี พี่ชายทั้งสามมีโอกาสที่จะเบื่อหน่ายตนเองในระยะเวลาไม่นาน และถึงแม้จะรู้ดีเรื่องที่อาจถูกหลอกด้วยการแสดงสีหน้าแบบเฉพาะหน้า แต่เมื่อเห็นใบหน้าซึ่งแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนของพี่ชายทั้งสาม โยชัวก็เตะเหตุผลนานัปการทิ้งไป
เขาจะยอมอยู่เป็นคนรักข้างกายพวกเจ้าชายปีศาจนับแต่นี้ไปจนกว่าจะตายจากกัน
โยชัวคิดว่าสำหรับพวกเขาที่มีร่างกายเป็นอมตะคงจะเป็นระยะเวลายาวนานไม่สิ้นสุดจนกว่าโลกซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่จะถึงกาลปาวสาน
จบแล้วนะคะ ตอนนี้เราเขียนเรื่องใหม่อยู่อีกไม่นานจะเอาเรื่องใหม่มาลงต่อคะ
ถ้ายังไงช่วยตามอ่านตามเม้นเหมือนเรื่องนี้ด้วยนะคะ รักคนอ่านค่ะ