ตอนที่11
“เป็นอะไร….”
โยชัวสะดุ้ง ดวงตากลมโตมองดูลูเซียเจ้าของเสียง ใบหน้าของเด็กหนุ่มจืดเจื่อน เมื่อรู้ว่าตนเองเหม่อลอยครุ่นคิดมากเกินจนเจ้าชายลูกครึ่งเทพปีศาจรู้ตัว
“ไม่ชอบอาหารที่เตรียมไว้หรอกเหรอ อืม…..คงตกใจที่ได้เห็นวิธีการเตรียมอาหารจนทานไม่ลงสินะ”
“ไม่…ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับท่านพี่ลูเซียข้า….”
โยชัวอึกอักหลังจากพูดปฏิเสธ สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว เหตุผลที่เหม่อจนลืมทานมันมีหลายอย่าง เรื่องไปเห็นวิธีการเตรียมอาหารที่เต็มไปด้วยเลือดก็ส่วนหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงขนาดให้เขาทานอาหารไม่ลง
“กินซะสิ”
ลูเซียยื่นช้อนส้อมที่มีชิ้นเนื้อสเต็กที่ทำจากสัตว์อสูรมาที่เบื้องหน้าโยชัว เด็กหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายในการป้อนอาหาร ประหม่าและเขินอายขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้ากินเองได้ครับ”
โยชัวโบกมือทั้งสองข้างปฏิเสธพัลวัน
หากแต่พอถูกลูเซียเร่งรัดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากรอยยิ้มของเทพธิดา เด็กหนุ่มก็อ้าปากงับเนื้อสเต็กเคี้ยวตุ้ยๆด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
“อยากให้ป้อนอีกหรือเปล่า”
ลูเซียถามด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้า
โยชัวที่กลืนอาหารลงคอเข้าใจว่า’ถ้าตนยังคงดื้อแพ่งไม่ยอมทานอาหารอยู่อย่างนี้ คงไม่แคล้วถูกชายหนุ่มป้อนอาหารให้จนหมดจาน’
ดังนั้นแทนคำตอบ โยชัวก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างดุเดือด ด้วยความที่เนื้อสเต็กชิ้นนั้นทั้งนุ่มทั้งฉ่ำ ซอสที่ราดลงบนเนื้อเองก็รสชาติสุดยอดด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มจึงเผลอทานเข้าไปถึงสองชิ้นใหญ่ๆ
หลังจากที่ทานอาหารจนอิ่มท้อง โยชัวคิดว่า’ตัวเขาทานเยอะเกินจนดูน่าเกลียดไปหรือเปล่า’ พอเห็นปริมาณที่ลูเซียกับชาฮาร์ทั้งดื่มและกิน เด็กหนุ่มก็เบิกตากว้างอย่างพิศวง
เจ้าชายแห่งสวรรค์ ถึงจะกินเยอะน่าดู แต่ตอนนี้เขาก็หยุดกินแล้ว ทว่าชาฮาร์กลับตั้งหน้าตั้งตากิน จนในที่สุดเนื้อของสัตว์อสูรตัวใหญ่เท่าหมีก็หมดลงด้วยการกินล้างกินผลาญของเจ้าชายผู้เจิดจรัส
กินเยอะจังแฮะ……
โยชัวยิ้มค้าง เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจกับความเจริญอาหารที่ออกจะเกินขีดจำกัดไปซักหน่อย ทั้งที่ผ่านมา เวลาทานอาหารด้วยกันชาฮาร์นอกจากจะกินในปริมาณเท่ากับคนปกติ แถมท่าทางการกินยังดูมีมารยาทอย่างมาก
ไม่ใช่ว่าตอนนี้มารยาทในการกินแย่ แต่ไอ้การทานแบบไม่คิดแม้แต่จะเหลือเศษซากนี่ชวนให้คิดว่า’ที่ผ่านมามันคืออะไร?’
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารจนอิ่ม ลูเซียที่ชวนโยชัวพูดคุยสัพเพเหระเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ตัดสินใจพาทุกคนไปที่ลานฝึก ทันทีที่คนรับใช้นำดวงจันทร์สีขาวที่รอคอยกันอยู่มาส่งให้มือ
“ตั้งสมาธินึกถึงรูปร่างของลูกศร”
ลูเซียเอ่ยสอนขณะที่โยชัวพยายามตั้งสมาธิ สองชั่วโมงก่อนหน้านั้น เด็กหนุ่มได้เรียนรู้ว่าดวงจันทร์สีขาวเป็นธนูที่มีลักษณะพิเศษคือ ไม่จำเป็นต้องมีลูกศร ก็สามารถสร้างลูกศรด้วยตนเองจากพลังวิญญาณของผู้ใช้
พลังทำลาย รูปร่างของลูกศร รวมถึงขนาด ขึ้นอยู่กับจินตนาการกับระดับพลังวิญญาณ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่เจ้าของได้มอบให้กับมัน
“มันไม่ยากหรอกแค่วาดรูปร่างของลูกศรที่ต้องการในความคิด”
ลูเซียปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่ใช้เฉพาะกับเด็กเล็กๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่ยับย่นของโยชัวที่ไม่สามารถสร้างลูกศรขึ้นมาเป็นรูปร่างได้ซักที
หลังจากผ่านไปอีกสามชั่วโมง ในที่สุดลูกศรสีเงินที่สร้างจากจินตนาการ ก็ถูกปล่อยจากคันธนู พุ่งตรงไปยังเป้า ที่ถึงแม้ลูกศรจะไม่เข้ากลางเป้า แต่ก็พุ่งทะลุผ่านจุดมุ่งหมายไปยังต้นไม้ใหญ่หนาถึงแปดลำต้น ทุกทุกสิ่งที่ลูกศรแหวกผ่านทิ้งรูโหว่ทรงกลมขนาดเท่าลูกเทนนิสเอาไว้ จนไม่ว่าใครได้มาเห็นก็ต้องตกใจในอานุภาพของมัน
“สุดยอด….”
โยชัวดีใจจนกระโดดโลดเต้นไปมา สภาพไม่ต่างจากนักฟุตบอลที่สามารถยิงบอลเข้าประตูของฝ่ายตรงข้ามได้ จากนั้น เด็กหนุ่มที่ถูกลูเซียลูบหัวไปมา พร้อมกับชมว่า’ดีมาก’ ก็มุ่งมั่นตั้งเป้า จะต้องยิงลูกศรทรงพลังให้เข้าสู่จุดมุ่งหมายทุกจุด ให้เหมือนเป็นเรื่องปกติให้จงได้
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ดูเหมือนว่าลูเซียที่นึกสนุกอะไรไม่รู้ จู่จู่ก็เอ่ยชักชวนให้ชาฮาร์เป็นคู่ซ้อมดาบ โยชัวที่กำลังหมกมุ่นกับการฝึกยิงธนูหูผึ่งจนแทบไม่มีสมาธิ
“จะว่าไปเราสองคนไม่ค่อยได้ฝึกซ้อมด้วยกันเท่าไหร่นี่นะ”
ลูเซียยิ้มในขณะที่ชาฮาร์มีท่าทีลำบากใจ
โยชัวที่ลอบมองดูพี่ชายทั้งคู่ พอเห็นชาฮาร์เกาหัวแกรกๆแล้วหัวเราะ ท่าทางที่ดูไม่เอาไหน ทำให้เด็กหนุ่มอดรนทนไม่ได้ จนถึงขั้นรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาซะดื้อๆ
ไม่ใช่ว่าอยากจะแกล้ง แต่อยากเห็นชายหนุ่มลองพยายามทำดู ก็รู้อยู่ว่าชาฮาร์อาจจะคิดว่าสู้พี่ชายของตัวเองไม่ได้ จากการที่เขาได้เห็นชั้นเชิงของลูเซียและลาซารัส
นอกจากนั้นท่าทางที่หมดสภาพเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกพี่ชาย ทำให้โยชัวตีความว่า ‘ชาฮาร์อาจจะเป็นพี่ชายที่มีทักษะในการต่อสู้อ่อนด้อยที่สุดในบรรดาพี่น้อง’ แน่นอนว่าไม่นับตัวเขาเข้าไปด้วย
แต่นี่มันเป็นการฝึกซ้อมไม่ใช่เหรอ? คนเราจะเก่งขึ้นได้จากการฝึกฝนและได้รับการชี้แนะจากคนที่เก่งกว่า
ถ้าเกิดว่าได้ฝึกซ้อมกับพี่ลูเซีย ชาฮาร์จะต้องเก่งขึ้นแน่ๆ จะว่าไปการที่หมดท่าต่อหน้าลาซารัสทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเอาแต่เที่ยวเล่นจนไม่มีเวลาฝึกฝนหรอกเหรอ?
โยชัวคิดว่า การที่ชาฮาร์เอาแต่วิ่งไล่ตามตนเองไปทุกที่ บวกกับความทรงจำเป็นตัวบ่งชี้ ‘ เจ้าชายผู้เจิดจรัสอาจจะเป็นพวกที่มีนิสัยลอยชายมากกว่าที่คิด’ เด็กหนุ่มคิดเช่นนั้นอย่างปักใจ
“อยากเห็นท่านพี่ลูเซียกับชาร์ซ้อมดาบ”
โยชัวทำตาวิ้งวับเป็นประกาย รอยยิ้มเจื่อนที่ถูกฉาบบนใบหน้าของชาฮาร์ ทำให้โยชัวตัดสินใจใช้ท่าไม้ตาย
“ข้าอยากเห็นพี่ชายฝึกดาบซักครั้ง”
โยชัวบิดมือไปมาพร้อมกับช้อนตามองอย่างมีจริตจะก้าน เด็กหนุ่มเลียนแบบท่าทางของน้องสาวผู้ยั่วยวนใน
มังงะเฮ็นไต
อีเดียดตัวเองสุดๆ
แต่ดูแล้วจะใช้ได้ผลกับพี่ชายที่เป็นบราค่อนอย่างชาฮาร์ ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร ตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะตกลงรับคำขอด้วยท่าทางลำบากใจเหมือนเดิม
“ข้าจะใช้อาวุธประจำตัว เจ้าคงไม่รังเกียจสินะชาฮาร์”
ลูเซียเรียกดาบสีทองที่มีชื่อว่า’พิฆาตราชันย์’ออกมา ลำแสงเรืองรองสีทองที่เปล่งประกายจากตัวดาบ ดูสะอาดพิสุทธิ์ใสซะจนเกิดความคิดว่า’ถ้าถูกปลิดชีวิตด้วยดาบเล่มนี้ วิญญาณคงจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ ไปสู่มรรคาแห่งสวรรค์ชั้นฟ้า’
“เจ้าล่ะจะใช้อาวุธประจำตัวหรือเปล่า”
“ข้าเอาดาบแถวนี้ก็ได้ครับ”
ชาฮาร์ตอบพร้อมกับเลือกดาบจากชั้นวางอาวุธจำนวนมากแบบไม่เสียเวลาคิด การกระทำที่เหมือนกับเตรียมตัวจะพ่ายแพ้อย่างนั้น ทำให้โยชัวขมวดคิ้วเข้าหากันจนกลายเป็นปม
ทั้งเป็นห่วงทั้งไม่พอใจ ความคิดสองอย่างนี้ตีกันให้วุ่น แต่เพราะพี่ชายทั้งสองพร้อมที่จะปะดาบกันแล้วเด็กหนุ่มจึงหุบปากเงียบ ไม่โวยวายต่อว่าการกระทำที่ไม่เข้าท่าของชาฮาร์ ด้วยความเข้าใจว่าชายหนุ่มก็น่าจะมีอาวุธประจำตัวที่ทรงพลังด้วยเหมือนกันแต่ไม่ยอมเอาออกมาใช้
แคร้ง
เสียงดาบประทะกันดังขึ้นต่อเนื่อง ลูเซียในตอนนี้ตั้งใจลงดาบใส่ชาฮาร์รุนแรงมากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าความแม่นยำ ปราดเปรียว และความหนักหน่วงที่ใช้จู่โจม ทำให้ชาฮาร์ที่เป็นเป้าหมาย ทำได้แต่ตั้งรับเพียงอย่างเดียว
ฝีมือต่างกันถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?
โยชัวแทนที่จะรู้สึกชื่นชมในความเก่งกาจของลูเซีย กลับปวดร้าวในอกที่ต้องเห็นชาฮาร์ถูกรุกไล่จนไร้ทางตอบโต้
ที่ร้ายไปกว่านั้นเพราะอะไรไม่ทราบ เจ้าชายแห่งสวรรค์อยู่อยู่ก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ใบหน้าที่มักเยือกเย็นอยู่เสมอแปลสภาพเป็นดุดันจนเด็กหนุ่มยังรู้สึกแปลกใจ
พริบตานั้นออร่าที่เคลือบดาบพิฆาตราชันย์ ดูเฉียบคมขึ้น แค่มองดูก็รู้ว่ามันเต็มไปด้วยพลังทำลายที่อัดแน่น
แย่แล้ว! ถ้าถูกฟันด้วยดาบแบบนี้ ชาร์คงจะเจ็บตัวหนักแน่ๆ
“ชาร์………”
โยชัวตะโกน ภาพลูเซียที่วาดดาบทรงพลังเข้าใส่ชาฮาร์ กลายเป็นการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เสี้ยววินาทีนั้นออร่าที่มีพลังมหาศาลก็อัดแน่นลงบนดาบของเจ้าชายผู้ที่ถูกไล่ต้อน รุนแรงจนแม้แต่โยชัวยังรู้สึกตกใจ
ในจังหวะที่ดาบของพี่ชายทั้งสองปะทะกัน ก็เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ลมที่เกิดจากการแรงอัดกันของดาบ ตีวงออกกว้างพัดโหมรุนแรงจนผมเผ้าและเสื้อผ้าของโยชัวปลิวไสว ความแรงของลมทำให้เด็กหนุ่มต้องหยีตามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พอทุกอย่างสงบ โยชัวเห็นลูเซียกับชาฮาร์ยืนจ้องหน้ากันในสภาพที่ต่างลดดาบ แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ดาบของเจ้าชายผู้เจิดจรัสนอกจากจะหักครึ่งแล้ว ยังค่อยๆหมดสภาพด้วยการแตกสลายผุผังกลายเป็นฝุ่นผง
“ขอบคุณที่ชี้แนะครับ”
ชาฮาร์แสดงความเคารพลูเซียที่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งยวด แต่หลังจากที่เจ้าชายลูกครึ่งเทพปีศาจทำให้พิฆาตราชันย์หายไป ใบหน้าของชายหนุ่มก็กลับมาเยือกเย็นดุจน้ำแข็งเช่นเดิม
“ทำแบบนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติกันเลยซักนิด ไม่อยากแสดงความสามารถที่แท้จริง หรือแค่เกรงกลัวภาพลักษณ์ที่ฉาบไว้จะลอกออก”
โยชัวงุนงงกับคำต่อว่าที่แสนเย็นชาของลูเซีย ถึงแม้เด็กหนุ่มจะวิ่งเข้ามายืนขนาบข้าง พี่ชายทั้งสองก็ยังทำเสมือนเขาไม่มีตัวตน คนตัวเล็กรู้สึกถึงแรงกดดันของลูเซีย ซึ่งแผ่พุ่งเข้าหาชาฮาร์ที่ค้อมคำนับรับคำต่อว่าของพี่ชายด้วยใบหน้าเรียบเฉย
โยชัวเข้าใจว่าชาฮาร์คงจะออมมือ ดูจากการปะทะกันเมื่อครู่ ต่อให้โง่แค่ไหน ก็น่าจะจินตนาการความร้ายกาจของเจ้าชายผู้เจิดจรัสออก
คงไม่อยากแข่งขันกับพวกพี่ชายสินะ
โยชัวไม่คิดว่าเจ้าชายผู้เจิดจรัสจะเป็นพวกคิดละเอียดอ่อนถึงขนาดนั้น แต่ท่าทางที่ไม่คลายจากความโกรธของลูเซียต่างหาก ที่เป็นปัญญาเฉพาะหน้าซึ่งต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เล่นมองชาฮาร์ด้วยแววตากดดันถึงขนาดนั้น
บรรยายกาศอึมครึมเลวร้ายนี่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน
“เอ่อ….คือว่า….นี่มันก็เย็นมากแล้ว ท่านพี่ลูเซียข้าหิว แถมเหนียวตัวมากอยากกลับไปอาบน้ำแล้วล่ะครับ”
โยชัวเอ่ยขัดบรรยากาศแย่ๆด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ลูเซียที่กรุ่นโกรธเปลี่ยนสีหน้าท่าทางกลับมาพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากลูเซียให้กลับปราสาทได้ โยชัวก็จูงมือชาฮาร์ที่มีสีหน้าเรียบเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวให้เดินตาม
เพราะอีกฝ่ายเงียบไม่พูดไม่จาจนดูผิดปกติ เด็กหนุ่มที่เริ่มจะลำบากใจ จึงขุดเรื่องไร้สาระมาพูดไม่หยุด ก่อนจะกลายเป็นการเปิดฉากอวยลูเซียผู้เพียบพร้อม ด้วยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเจ้าชายผู้เจิดจรัสดี ในเมื่อพูดอะไรไปชายหนุ่มก็ดูจะไม่ตอบสนอง
“โยชัวชอบท่านพี่ลูเซียเหรอ”
โยชัวอุทานดัง’เอ๊ะ’กับคำถามของชาฮาร์ เด็กหนุ่มจำต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองคนที่พยายามขืนตัวเอาไว้จนไม่สามารถจูงมือเดินหน้าต่อไปได้
“พูดอะไรน่ะ”
โยชัวขมวดคิ้ว ไม่ชอบใจนิดๆที่ชาฮาร์พูดจาไร้สาระ แต่ถ้าถามเขาว่า’ชอบลูเซียไหม?’ แน่อยู่แล้วว่าต้องชอบใครๆก็อยากมีพี่ชายที่ใจดีและสุดยอดแบบนั้นทั้งนั้น
“อืมชอบสิ”
โยชัวตอบ แทบจะในทันทีเด็กหนุ่มถูกชาฮาร์กระตุกร่างดึงเข้าไปโอบกอด เจ้าชายผู้เจิดจรัสกอดรัดเขาแน่นจนรู้สึกเจ็บนิดๆและอึดอัด
“ข้ารักเจ้า”
ชาฮาร์กระซิบทั้งที่ยังกอดรัด
โยชัวไม่รู้ว่าคนที่กำลังกอดทำสีหน้าเช่นไร แต่น้ำเสียงของชายหนุ่มดูปวดร้าวและหวาดกลัว
“พูดอะไรเนี้ย! ไม่รู้สึกว่าเจ้าชอบข้าเร็วเกินไปเหรอ ก่อนที่จะออกจากคุกเราอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วันเองนะ”
โยชัวพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอด หากแต่วงแขนที่รัดแน่นปานคีมเหล็ก ทำให้เด็กหนุ่มตระหนักว่าดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์
“อีกอย่าง….สมมุตินะว่าข้าที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่ข้า ไม่สิหลักๆเลยคือข้าไม่ใช่คนที่เจ้าปรารถนา ตัวตนที่แท้จริงของข้ากับคนที่เจ้าชอบ…..รูปลักษณ์ของข้าตอนนี้มัน…….”
โยชัวเปลี่ยนประโยคคำพูดไปมาอย่างสับสน
สำหรับเด็กหนุ่มแค่มีผู้ชายด้วยกันมาสารภาพรักก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่นี่เขาไม่รู้ว่า’ชาฮาร์ชอบตนเองที่มีรูปร่างของน้องชาย?’ ‘ เพราะว่าเข้าใจว่าเขาเป็นน้องชาย?’ หรือว่าอะไรกันแน่
และ ยิ่งไม่เข้าใจ ระยะเวลาเพียงเท่านี้มันเป็นไปได้จริงๆนะเหรอ? ที่คนคนหนึ่งจะตกหลุมรักใครอีกคนหนึ่งได้ถึงขนาดตัดสินใจสารภาพรัก
โยชัวเคยคิดว่ารักแรกพบเป็นแค่เรื่องตลก พอประสบเข้ากับตัวจริงๆ เด็กหนุ่มก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวยังไง
“ไม่สำคัญหรอกนะ ไม่ว่าจะเวลาหรือรูปลักษณ์เจ้าจะเป็นแบบไหน ที่ข้าชอบก็คือเจ้าในตอนนี้ คนที่อยู่กับข้าเวลานี้ เจ้าที่มีจิตวิญญาณที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน”
“พ….พูดอะไรชวนงงมากเลยนะ”
โยชัวเอ่ยตะกุกตะกัก ทั้งที่รู้สึกตื้นตันอยู่บ้างกับคำบอกรัก ทว่าเนื้อหาคำพูดที่ชวนปวดหัว ทำให้เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าชาฮาร์ต้องการจะสื่ออะไร
ในตอนนั้นเอง เพราะจิตใจที่เริ่มสงบลง โยชัวถึงได้รู้ว่าร่างของคนที่กำลังกอดรัดเขา สั่นเทาอยู่นิดๆ
ไม่ใช่เพราะว่าหนาวแน่ๆ กลัวงั้นเหรอ?
ก็ไม่แปลกหรอก หากให้เขาไปสารภาพรักกับผู้หญิงซักคน ตัวเขาเองก็คงจะสั่นพับพับด้วยความอับอายเหมือนกัน
ทั้งที่คิดว่าการกระทำและความคิดของชาฮาร์วิตถารแท้ๆ แต่โยชัวก็ใช้มือลูบแผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน จังหวะที่ใช้มือปลอบประโลม ก็ถูกจู่โจมด้วยภาพความทรงจำของชายหนุ่ม
“ท่านพี่เป็นพ่อยังไงก็ต้องสนับสนุนชาฮาร์ ให้เป็นราชาปีศาจองค์ต่อไป ท่านก็รู้นี่เรนเดลว่ามันเป็นความปรารถนาของข้า”
ชาฮาร์มองดูอมันด้าผู้เป็นมารดาจากหลังผ้าม่าน ดูคลับคล้ายว่าเจ้าหล่อนจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกชายของตนกำลังแอบดูอยู่ ที่เป็นเช่นนั้นเด็กชายเข้าใจว่า เพราะท่านลุงเรนเดลได้สอนวิธีการกลบกลิ่นไอให้กับเขาเมื่อสองเดือนก่อน
ไม่สิ จะเรียกท่านลุงไม่ได้อีกแล้ว ก็ในเมื่อท่านแม่พูดออกมาเองว่าคนที่นับถือยิ่งกว่าชีวิต แท้จริงแล้วเป็นพ่อของเขา
ชาฮาร์รู้สึกเสียใจนิดๆที่ตนเองเป็นเด็กที่เกิดมาจากการคบชู้ของแม่ หากแต่ความยินดีกลับมีมากกว่า สำหรับเด็กชาย ท่านพ่อที่แท้จริงผู้นี้ ทำหน้าที่สั่งสอนเขาได้ดีกว่าท่านพ่อในนามที่เป็นถึงราชาปีศาจเสียอีก
“นั่นเป็นเพราะเจ้ามาออดอ้อน อยากให้ทายาทที่เกิดจากสายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าพันธุ์เรา ได้ปกครองเป็นราชาที่แท้จริง หากข้าไม่คิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ล้างแค้นโดโนแวน ข้าคงไม่คิดที่จะยินยอมสมสู่กับเจ้า”
ชาฮาร์มองดูเรนเดล เจ้าชายเผ่าหมาป่าอสูรผู้ที่เคยเป็นแม่ทัพและถูกวางตัวให้เป็นราชาปีศาจองค์ต่อจากท่านตาของเขาผู้ล่วงลับ ก่อนที่จะถูกทำลายไปสิ้นด้วยความทะเยอเยอทะยานไม่สิ้นสุดของโดโนแวน
“ว่าแต่หนทางที่จะทำให้เจ้าสมหวังไม่ได้มีแค่การผลักดันชาฮาร์ เจ้ายังมีลาซารัสอยู่ไม่ใช่หรือไง”
เรนเดลพูดก่อนจะยกจอกเหล้าขึ้นดื่มอึกใหญ่
“ลาซารัสน่ะไม่ได้หรอก”
อมันด้ามีสีหน้าลำบากใจ เจ้าหล่อนแสดงท่าทีหวาดกลัวด้วยการโอบกอดร่างของตัวเองที่สั่นระริก
“เจ้าเด็กนั่นกำลังคิดอะไรอยู่ข้ายังไม่รู้เลย”
“เจ้าเองก็อ่านใจชาฮาร์ไม่ได้เหมือนกันนี่ เพราะงั้นแทนที่จะฝากความหวังกับชาฮาร์ ลาซารัสที่หน่วยก้านดีกว่า น่าจะเป็นราชาที่ดีหลังจากกำจัดโดโนแวนได้”
“อะไรของท่าน….”
อมันด้าตวาดเสียงกร้าว เจ้าหล่อนหงุดหงิดเอามากๆ ก่อนจะฉุกคิดได้อะไรบางอย่าง แล้วหัวเราะเสียงแหลมสูงด้วยท่วงท่าที่ดูยั่วยวน
“ท่านคงจะเป็นห่วงชาฮาร์เพราะเป็นลูกในไส้สินะ…..อย่ามาขัดขวางความเจริญของลูกข้าจะดีกว่า หมาขี้แพ้อย่างท่านแค่มอบกำลังสนับสนุนของเผ่าเราให้ชาฮาร์ก็พอ”
ภาพใบหน้าเย้ยหยันของอมันด้าค่อยๆเลือนหาย เวลานี้ชาฮาร์ในวัยสิบขวบกำลังถอนหายใจโดยมีเหล่าเมดสาวมองดูด้วยความเป็นห่วง
“ไปหาท่านลุงเรนเดลดีหรือเปล่าคะท่านชาฮาร์”
สาวเมดถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากแต่ชาฮาร์กลับไม่สนใจ เจ้าชายผู้เจิดจรัสเฝ้าแต่คิดถึงเด็กชายผู้เคยเลี้ยงดูเขาในร่างลูกสุนัข
ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่เพียงห้าวัน แต่ความน่ารักของเด็กคนนั้น ทำให้เขาอยากจะกลับไปพบอีกครั้งจนแทบจะดิ้นทุรนทุราย ทั้งที่พึ่งจะกลับมาที่โลกนี้แค่สามวันเพียงเท่านั้น
“อยากทำอะไรก็ทำเลยสิคะ ถ้าเกิดว่าต้องมาเสียดายแบบนี้ สู้ทำในสิ่งที่ปรารถนาให้ถึงที่สุดถึงจะเรียกได้ว่าไม่เสียชาติเกิด”
ลอร่าเมดสาวสวมแว่น ซึ่งเป็นพี่เลียงที่ไกล้ชิดและเข้าใจชาฮาร์มากที่สุดเอ่ยสั่งสอน
คำพูดของลอร่าจุดประกายความคิดให้ชาฮาร์ จนในที่สุดเจ้าชายผู้เจิดจรัสก็ตัดสินใจกลับไปหาเด็กชายผู้เป็นเจ้าของเขาในโลกนั้นอีกครั้ง
ภาพเหตุการณ์ในความทรงจำถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ชาฮาร์ในร่างลูกสุนัข กำลังเล่นโคลนกับเด็กชายที่ตอนนี้เปื้อนโคลนมอมแมม จนไม่รู้แล้วว่าเป็นใครและมีตำหนิบนใบหน้าแบบไหน
ดูเหมือนว่าการกลับมาของชาฮาร์จะทำให้เด็กชายดีใจมาก ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ลูกสุนัขก็ดอดมาเล่นสนุกกับเจ้าของของมันทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
“สนุกกันใหญ่เลยนะ”
ชาฮาร์ที่คลอเคลียขาเจ้าของไปมาหยุดชะงัก เสียงที่ทรงพลังและเย้ายวนแบบนั้นไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้นอกจากพี่ชายผู้แสนชั่วร้าย ชาฮาร์ขู่คำรามลาซารัสอย่างดุดันด้วยร่างที่ยังเป็นลูกสุนัข
“พี่ชายเป็นใคร? นี่มันสวนของคุณย่า นอกจากคนงานแล้วไม่น่ามีคนอื่น”
เด็กชายเปื้อนโคลนถาม
ทั้งที่ลาซารัสในเวลาปกติ คงจะไม่รีรอกลั่นแกล้งเด็กชายที่บังอาจเอ่ยถามตัวตนของเจ้าชายปีศาจ ด้วยชาติกำเนิดที่ตำต้อยกว่า กลับกันรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนและดูจริงใจของลาซารัส ทำเอาชาฮาร์ขนลุกซู่ แล้วครางหงิงๆออกมาด้วยเสียงของลูกสุนัข
“เจ้านี่มันเป็นคนนะ”
เสียงอุทานในใจของชาฮาร์และเสียงของเด็กชายเปื้อนโคลนร้องออกมาพร้อมเพียงกันดัง’อ๊ะ’
“จริงเหรอ?”
เด็กชายถามก่อนจะเอียงคอมองดูชาฮาร์
ลูกหมาน้อยชาฮาร์หวาดกลัวจนตัวสั่น เขาไม่อยากให้เด็กชายผู้เป็นเจ้าของรังเกียจตัวเอง อยากจะสนิทสนมอยู่ข้างๆไปเรื่อยๆ แค่ร่างลูกสุนัขแบบนี้ก็ได้ เจ้าชายผู้เจิดจรัสไม่หวังมากไปกว่านั้นหรอก
ทั้งๆที่มันกำลังจะเป็นไปได้ด้วยดี
ทำไม?เจ้าลาซารัสถึงต้องโผล่มาตอนนี้ด้วย
“คืนร่างซะชาฮาร์”
ลาซารัสออกคำสั่ง ถึงแม้ชาฮาร์จะพยายามฝืนตัว แต่น้ำเสียงทรงพลังลึกลับดังซ้ำไปมาในหัว ทำให้ลูกสุนัขกลายร่างเป็นเด็กชายเปลือยเปล่า ถึงแม้ว่าจะมีอายุแค่สิบขวบ ทว่าร่างกายสูงใหญ่เกินวัยไม่ต่างจากลาซารัส ที่มีอายุถึงสิบสามปีเต็ม
เมื่อความเป็นจริงถูกเปิดเผย ชาฮาร์ก็ระเบิดน้ำตาร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร โดยมีลาซารัสยืนหัวเราะชอบใจเป็นฉากหลัง
อยากจะหนีไปซะให้พ้นๆ แต่ว่าก็อับอายจนเกินจะก้าวขาออก
ในตอนนั้นเอง เด็กชายที่ชาฮาร์ปรารถนาจะอยู่ใกล้ๆตลอดไป ยื่นผ้าเช็ดหน้าที่ยังสะอาดอย่างไม่น่าเชื่อมาให้
“อย่าร้องไห้นะ”
ชาฮาร์มองดูคนพูดที่กำลังยิ้มนิดๆ ก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้ามา เด็กชายเปื้อนโคลนตรงหน้าดูจะไม่ใส่ใจความผิดปกติของเจ้าชายผู้เจิดจรัสเลยซักนิด นอกจากนั้นยังแสดงออกด้วยความว้าวุ้นใจ เรื่องที่จะหาเสื้อผ้าจากไหนมาให้เขาที่ยืนเปลือยเปล่าสวมใส่
“ข้าหาให้เอาไหม”
ลาซารัสพูดยิ้มๆหลังจากหัวเราะร่วนด้วยความสนุกจนสาแก่ใจ
“จะหาให้จริงเหรอ?แน่ใจนะว่าจะไม่แกล้งลูกหมาของผม”
ชาฮาร์ร้องคำว่า’เห็นด้วย’ในใจ ลาซารัสทำแค่เพียงยักไหล่ก่อนจะหายตัวไปด้วยการเทเลพอร์ตแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้า
“ใส่ซะ”
ลาซารัสโยนเสื้อผ้าให้ชาฮาร์
เสื้อผ้าที่พี่ชายผู้ชั่วร้ายหามาให้พอดีตัวจนชาฮาร์รู้สึกแปลกใจ
“เท่านี้ก็ไปเล่นกันต่อได้แล้วนะ”
เด็กชายที่เปื้อนโคลนจนมอมแมมฉีกยิ้ม มือเล็กคว้ามือชาฮาร์เตรียมออกวิ่ง แต่ก็หยุดชะงัก เด็กชายมองดูลาซารัสที่ยืนยิ้มยั่วเย้า แล้วยื่นข้อเสนอที่ทำให้ชาฮาร์ค่อนข้างไม่ชอบใจ
“พี่ชายเหมือนจะไม่มีเพื่อนเล่นด้วยนะ ก็นิสัยไม่ค่อยดีนี่เนอะ เล่นด้วยกันหลายคนมันสนุกกว่า พี่ชายไปเล่นกับพวกเราเถอะ”
วินาทีนั้นลาซารัสก็เผยอยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ชาฮาร์คิดว่าตลอดชีวิตก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นอีก
น่ากลัวแฮะ
ชาฮาร์คิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นก่อนจะลืมเลือนไปเมื่อได้เล่นสนุกอย่างเด็กๆด้วยกันสามคน
ตอนที่11 แล้งค่ะ
ตอนหน้าอาจจะซักห้าหรือหกวันอย่างช้า
แต่ถ้าเราพิมทันก็สองถึงสามวันเหมือนเดิมจะเอาตอนต่อไปมาลงค่ะ
รักคนอ่านค่ะ