ตอนที่8
“…………………….” ลูกสุนัขขนฟูฟ่องมองดูลาซารัสที่อายุประมาณสิบสามจากความสูงที่ต่ำกว่า
ความรู้สึกของชาฮาร์ที่ตกใจและสิ้นหวัง ถ่าโถมเข้าหาโยชัวจนรู้สึกตึงเครียดไปพร้อมๆกับเจ้าของความทรงจำ
โยชัวรับรู้ว่า การถูกสาปให้อยู่ในร่างลูกสุนัขแบบนี้ เป็นเพราะความช่างสงสัยของชาฮาร์ ที่พยายามสอดแนมชีวิตประจำวันของพี่ชายร่วมมารดา
ไม่ใช่ว่าเจ้าชายผู้เจิดจรัสอยากจะสนิทสนมกับลาซารัส แต่เพราะถูกพี่ชายผู้ชั่วร้ายกลั่นแกล้งทุกครั้งที่ได้พบหน้ากัน
ครั้งนี้จึงตัดสินใจแอบตาม เพื่อที่จะหาจุดอ่อนเล็กๆน้อยๆข่มขู่อีกฝ่ายกลับ จะได้เลิกแกล้งเขาได้ซักที
รู้สึกเสียใจจริงๆที่ตอนแรกไม่เลิกล้มความพยายามทั้งๆที่เจออุปสรรค เมื่อได้เห็นลาซารัสสร้างประตูมิติสีดำแล้วหายวับผ่านเข้าไป
ชาฮาร์ที่ถึงแม้จะได้กลิ่นของพี่ชาย แต่ก็ไม่สามารทำเลียนแบบเจ้าชายปีศาจได้ เจ้าชายผู้เจิดจรัสมุ่งมั่นหาทางที่จะทำให้เหมือนอย่างลาซารัสอยู่หลายชั่วโมง
ในที่สุด ชาฮาร์ก็สามารถสร้างประตูมิติได้ด้วยการแผ่คลื่นเสียงของตนตอนที่อยู่ในของหมาป่าอสูร
คลื่นเสียงที่เปล่งออกมาจากการร้องคำราม ทำให้เกิดแรงสั่นในชั้นบรรยากาศจนบิดเบี้ยว
สุดท้ายห้วงอากาศที่ผันผวนก็แปรสภาพไปจนกลายเป็นประตูมิติที่มีลักษณะเป็นรูกลมสีดำ ชาฮาร์กระโจนเข้าไปในนั้น
หมาป่าอสูรวิ่งตามกลิ่นลาซารัสที่ค่อนข้างเจือจางจนหลุดออกมายังสถานที่ซึ่งแปลกตาอย่างเหลือเชื่อ
บ้านเรือนรูปทรงประหลาดแถมยังแออัดติดกัน กลิ่นสาปพวกมนุษย์จำนวนมาก รวมถึงกลิ่นอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ ทำให้หมาป่าอสูรย่นจมูกทำเสียงฟุดฟิด
ก็ยังดีที่ได้กลิ่นของพี่ชายอยู่
ชาฮาร์กระโดดขึ้นหลังคา กระโจนไปมาตามกลิ่นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ตาของมนุษย์จะมองเห็น
และแล้ว เขาก็พบลาซารัสเข้าจนได้
กำลังดูอะไรอยู่นะ?
ชาฮาร์กวาดมองไปรอบๆ หมาป่าอสูรพบกับเด็กชายตัวเล็กๆ อายุน่าจะน้อยกว่าเขาที่สิบขวบประมาณหนึ่งปี
เพราะว่าเด็กตัวเล็กกำลังก้มๆเงยๆกับการวาดภาพ จึงทำให้เจ้าชายผู้เจิดจรัสมองเห็นหน้าเป้าหมายไม่ชัดเจน
ตอนนั้นเองทั้งที่แอบมองลาซารัสจากด้านหลังในที่มิดชิด พี่ชายที่น่าจะอยู่ตรงหน้ากลับโผล่มาที่ข้างหลังของเขา
น้ำเสียงที่ยียวนสนุกสนานยามจับผู้ร้ายได้ ช่างน่ากลัวซะจนชาฮาร์ไม่กล้าขยับตัว จากนั้นเจ้าชายผู้เจิดจรัสก็ถูกสาปให้กลายเป็นลูกสุนัข
“พอครบหนึ่งอาทิตย์คำสาปก็น่าจะหายไปล่ะนะ แย่จังน้า……….เพราะปกติ เจ้าก็ชอบเล่นซนจนหายไปเป็นอาทิตย์อยู่เป็นประจำ แถมนี่ยังอาจหาญไล่ตามมาจนถึงโลกอื่น ถือซะว่าเป็นบทลงโทษที่สาสมกับน้องชายจอมจุ้นจ้านล่ะนะ”
ลาซารัสกลับไปทั้งที่ยังหัวเราะ
หลังจากนั้นนรกที่มาในรูปแบบของการชีวิตในร่างสัตว์อ่อนแอชั้นต่ำ ทำให้ชาฮาร์ทรมานจนเกือบสิ้นหวังนับครั้งไม่ถ้วน
ถึงจะรู้ว่าคำสาปกินเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์ แต่สามวันที่ใช้ชีวิตอย่างลูกสุนัข ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมนุษย์พลุกพล่าน บ้านเรือนแออัดและเจ้าสิ่งที่น่าจะเป็นพาหนะของโลกนี้
นอกจากจะหาอาหารได้ยากลำบาก ยังเจอหมาจรจัดตัวใหญ่ตามรังแกทุกครั้งทุกสถานที่แบบไม่ซ้ำตัว
ชาฮาร์ในร่างลูกสุนัข ตัวเล็กและไร้พลัง ถึงจะพยายามต่อสู้กับหมาจรจัดที่เข้ามาหาเรื่องอย่างสุดฤทธิ์
ทว่ากว่าจะไล่ไปได้ก็สะบักสะบอมจนแทบไม่มีแรง
ยิ่งนานวันผ่านไปการใช้ชีวิตในโลกนี้ของชาฮาร์ก็เลวร้ายมากยิ่งขึ้น พอเข้าวันที่สาม ลูกสุนัขที่หลบเข้าไปนอนในสนามเด็กเล่น ในเช้าตรู่ของวันต่อมาก็โดนเด็กเกเรไล่ต้อนจับพร้อมกับเอาก้อนหินขว้างใส่
เลวร้าย!เลวร้าย! จนไม่รู้ว่าจะทนให้ครบเจ็ดวันไปได้ยังไง
ขณะที่คิดเช่นนั้นฝนก็ตกกระหน่ำลงมาซ้ำเติม เด็กเกเรพากันวิ่งกลับบ้าน ชาฮาร์ในร่างลูกสุนัขวิ่งเข้าไปหลบฝนในอุโมงค์เด็กเล่นที่คล้ายบ้าน
แต่ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำแบบนั้น ร่างเล็กๆของเด็กชายแปลกหน้าคลานตามเขาเข้ามาติดๆ
รู้ว่าเด็กชายแปลกหน้าคงเข้ามาหลบฝน แต่สภาพจิตใจที่บอบช้ำทำให้ชาฮาร์ขยับหนีไปขดอยู่ที่มุมของอุโมงค์
เพราะว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดครึ้ม ภายในที่หลบฝนจึงมืดสลัวจนแทบมองไม่เห็นใบหน้าของเด็กชาย
“หนาวเหรอ” เด็กชายปริศนาถาม
ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมสถานที่จะเห็นสภาพย่ำแย่ที่เกิดจากการ ขาดอาหาร บาดเจ็บ ทั้งยังเปียกปอนไปทั้งร่าง
“……………”
ชาฮาร์ในร่างลูกสุนัขนอนขดสั่นเทา แต่กระนั้นก็ยังทำหูทวนลมไม่สนใจคู่สนทนา
โดยไม่ทันคาดคิด เด็กชายถือวิสาสะอุ้มเขาไปโอบกอด ชาฮาร์ทั้งขู่ทั้งต่อต้าน สุดท้ายก็งับที่แขนของคนที่กำลังทำเรื่องอุกอาจ จนฝ่ายนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
อีกเดี๋ยวคงถูกตีแน่ๆ
แทนที่จะถูกตี เด็กชายที่ยังไม่ยอมปล่อยตัวเขาง่ายๆ กลับใช้มือลูบหัวชาฮาร์ไปมาพลางพูดจาปลอบโยน
เด็กชายผู้ที่มองไม่เห็นใบหน้า พูดกับลูกสุนัขด้วยน้ำเสียงดีใจว่า”หากไม่มีนายเป็นเพื่อนฉันคงจะร้องไห้แน่ๆ”
ฉะนั้นทั้งสองคนจึงรู้สึกอุ่นใจที่ได้มีกันและกันในสภาพที่เลวร้ายและเปลี่ยวเหงา
ชาฮาร์เคยรู้สึกปลาบปลื้มกับโยชัวที่น่ารักเหมือนตุ๊กตา แต่ความรู้สึกเต็มตื้นที่ได้สัมผัสในเวลานี้กลับไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นท่านแม่ พวกเมดสาวที่เป็นพี่เลียง หรือแม้แต่น้องชายต่างมารดาก็ตาม
อยากให้เจ้าฝนที่สร้างความรำคาญตกให้หนักอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
แต่ในความเป็นจริง ไม่นานนักฝนก็หยุดตก เด็กชายปริศนาคลานเข่าออกจากอุโมงค์ โดยมีชาฮาร์เดินสี่ขาตามออกไปที่หลัง
ต้องแยกจากกันแล้วงั้นเหรอ?เขาจะได้พบเด็กคนนี้อีกหรือเปล่านะ?
ชาฮาร์ในร่างลูกสุนัขก้มหน้าหงุดหงุด
ตอนนี้ผู้หญิงที่น่าจะเป็นแม่ตามหาเด็กชายจนพบ น้ำเสียงและถ้อยคำที่แสดงให้เห็นถึงความดีใจทำให้เจ้าชายผู้เจิดจรัสรู้สึกขุ่นมัวจนไม่อยากมองหน้าเด็กชายและแม่ของเขา รู้สึกไม่ดีจนไม่ได้ฟังซะด้วยซ้ำว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไร
“แม่อนุญาตให้ผมเลี้ยงนายแล้วนะ”
เด็กชายอุ้มลูกสุนัขขึ้นจากพื้น ชาฮาร์ในร่างสุนัขพยายามหรี่ตามองดูเด็กชาย
อาจจะเป็นเพราะแสงแดดหลังฝนสว่างจ้าจนทำตาสุนัขของเขาพร่า ทั้งที่อยู่ท่ามกลางประกายแสงของดวงอาทิตย์แท้ๆ แต่ก็ยังเห็นใบหน้าของคนที่เขารู้สึกพึงใจไม่ชัดเจน
รู้สึกไม่ชอบจนอึดอัดใจไปหมด แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเด็กคนนี้จะเก็บเขาไปเลี้ยง
ยังเหลือเวลาอีกเกือบห้าวัน ทั้งใบหน้าและนิสัยของคนคนนี้เขาจะพยายามเรียนรู้มัน
คนที่กำลังโอบอุ้มเขาอยู่เป็นคนที่จิตใจดีงาม ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ
เพราะคนที่จิตใจชั่วร้ายคงไม่สามารถโอบกอดใครด้วยความทะนุถนอมได้เหมือนอย่างที่เด็กชายกำลังทำ
“…………..”
ดวงตากลมโตสีม่วงกระพริบขึ้นลงหลายครั้ง โยชัวที่ลืมตาตื่นเห็นชาฮาร์ใช้มือทาบหน้าผากวัดไข้ให้เขาด้วยใบหน้าที่ไม่สบายใจอย่างชัดเจน
“ดีจังที่เจ้าตื่นขึ้นมาซักที”
ชาฮาร์ที่ยังไม่คลายกังวลใช้มือช่วยพยุงโยชัวให้ลุกขึ้นนั่ง
“ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” โยชัวถาม เด็กหนุ่มรู้สึกหน้ามืดเวียนหัวจนเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ถูก
แทนคำตอบของชาฮาร์ สาวเมดจำนวนมากที่ด้านหลังชายหนุ่มช่วยกันตอบคำถามด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว
“ท่านจำไม่ได้เหรอคะว่าดื่มเหล้ากับท่านลาซารัสจนเมาสลบ ซูซานรับคำสั่งจากท่านผู้นั้นอุ้มท่านโยชัวมาส่งถึงมือท่านชาฮาร์เจ้าค่ะ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ท่านชาฮาร์ดูแลท่านที่ไข้ขึ้นและลุกขึ้นมาอ้วกตลอดทั้งคืนโดยไม่หลับไม่นอน นี่ก็เที่ยงวันแล้วท่านพี่ของท่านยังไม่ได้ทานอาหารซักมื้อเลยด้วยซ้ำ”
โยชัวหน้าเผือดสี เด็กหนุ่มไม่นึกว่าตัวเขาจะสร้างความเดือดร้อนให้ชาฮาร์มากถึงขนาดนี้
พอจะเอ่ยปากขอโทษ จู่จู่ก็พะอืดพะอมจนชาฮาร์ต้องเอากระโถนมาให้ ชายหนุ่มลูบหลังคนตัวเล็กที่กำลังโก่งคออาเจียนเอาน้ำย่อยที่ขมและเปรี้ยวออกมา
โยชัวทรมานจนน้ำตาไหล พออ้วกออกมาจนหมด ชาฮาร์ก็ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาด บรรจงเช็ดใบหน้าของเขาอย่างเบามือ เด็กหนุ่มรู้สึกสบายจนปล่อยให้เจ้าชายผู้เจิดจรัสทำตามใจชอบ
“กินซุปซะหน่อยนะ”
โยชัวอ้าปากรับซุปที่ชาฮาร์ป้อนอย่างว่าง่าย ถึงเด็กหนุ่มจะย่ำแย่จนไม่อยากทานอะไร แต่คำสอนของแม่ที่พูดไว้ว่า”ยิ่งป่วยก็ยิ่งต้องพยายามกิน” ทำให้ร่างเล็กอดทนกินทั้งที่รู้สึกคลื่นไส้เป็นพักๆ
ในตอนนั้นเมดสาวที่ด้านหลังก็เริ่มโวยวายร้องขอให้ชาฮาร์ทานอาหารไปพร้อมกันกับโยชัว เจ้าชายผู้เจิดจรัสปฏิเสธเสียงเย็นชา ชายหนุ่มให้เหตุผลในทำนองที่ว่า”โยชัวป่วยหนักคงจะทำอะไรเองไม่สะดวก”
โยชัวเห็นแววตาเขียวปั้ดของเมดสาวหลายคู่มองมาที่ตัวเขา โดยไม่รอช้าเด็กหนุ่มร้องขอถ้วยซุปจากชาฮาร์ก่อนจะลงมือรับประทานสิ่งนั้นด้วยตนเอง
“ท่านโยชัวก็ทานเองแล้วนะเจ้าคะ ท่านชาฮาร์ก็รับประทานอาหารไปพร้อมกันเลยดีกว่าเจ้าค่ะ”
พวกเมดสาวกุลีกุจอยกสำรับอาหารยัดเยียดให้ชาฮาร์
“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น”
ชาฮาร์เปิดประเด็นหลังจากที่จัดการกับอาหารมื้อแรกของวันเสร็จ ใบหน้าหล่อเหลาดูปวดร้าวซะจนโยชัวรู้สึกแย่
เด็กหนุ่มเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆว่าถูกลาซารัสบังคับให้ดื่มเหล้าก่อนจะหมดสติไป ชาฮาร์ที่ฟังจนจบตีหน้ายักษ์ในทันที
“ท่านพี่ลาซารัสแกล้งกันแรงเกินไปแล้ว แล้วยังไงเจอท่านพี่ตอนไหน เมื่อวานข้าติดธุระเลยไม่ได้มาหาแต่เช้า กว่าจะรู้ตัวว่าเจ้าหายไปก็เป็นเวลาเกือบค่ำ โยชัวเจ้าหายไปไหนมาแต่เช้ากันแน่”
“เอ่อ….เรื่องนั้น”
โยชัวอึกอัก จู่จู่ก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าดูน่ากลัว ถ้าจะแค่ทำหน้าดุดันเพราะโกรธลาซารัส เด็กหนุ่มก็คงไม่รู้สึกกลัวอย่างนี้
แต่ไอ้คำพูดที่ไม่ต่างจากคำสอบสวนของตำรวจนี่สิ ทำให้เขาไม่กล้าเล่าว่าเมื่อวานทั้งวันตนเองหายไปทำอะไรที่ไหนมาบ้าง
ขณะที่ถูกกดดันอย่างหนัก เสียงอุทานของเมดสาวกับการปรากฏตัวของลูเซีย ทำให้บรรยากาศร้อนแรงดั่งไฟนรกลดอุณหภูมิลงจนกลายเป็นองศาติดลบซะยิ่งกว่าขั้วโลกที่หนาวเหน็บ
“ท่านพี่ลูเซีย”
เจ้าชายผู้เจิดจรัสเบิกตากว้าง ชาฮาร์ลุกขึ้นยืนทำความเคารพพี่ชายต่างมารดาอย่างนอบน้อม
ลูเซียทำแค่พยักหน้าเบาๆเป็นการรับรู้
ร่างสูงสง่าลากเก้าอี้ไปยังข้างเตียงอีกฝากแล้วนั่งลง ในมือของชายหนุ่มมีธนูสีเงินคันงาม ความสวยงามอย่างวิจิตรของมัน ทำให้ผู้คนในห้องเหม่อมองสิ่งนั้นจนไม่อาจละสายตา
“ท่านพี่ลูเซียสิ่งนั้น….ถ้าข้าคาดไม่ผิด”
ชาฮาร์ที่ได้สติก่อนใครไม่กล้าฟันธงแน่ชัด เพราะเจ้าชายผู้เจิดจรัสก็ไม่เคยเห็นคันธนูซึ่งเป็นของจริงมาก่อน
“อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ นี่คือ ดวงจันทร์สีขาว อาวุธเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสมบัติล้ำค่าซึ่งท่านแม่ของข้านำติดตัวมาจากสวรรค์”
ลูเซียเอ่ยเสียงเนิบนาบพร้อมกับลูบไล้ดวงจันทร์สีขาวที่ไม่อาจมีคันธนูไหนในพิภพเทียบเคียงได้
“ข้าเห็นว่าลูกศิษย์ไม่มาตามนัด ตอนแรกคิดว่าอาจเป็นพวกเหลาะแหละไม่เอาไหน แต่ไม่ว่าจะพยายามตรองยังไงจากลักษณะท่าทางดูแล้วไม่น่าใช่คนแบบนั้น ตอนนี้ก็เลยถือวิสาสะเอาของเล่นมาล่อถึงที่ หวังว่าคงจะไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของโยชัวหรอกนะ”
“ไม่…..ไม่เลย”
โยชัวส่ายหน้า เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นปลื้มกับความใจดีและรอยยิ้มนุ่มนวลของลูเซีย
การมาของพี่ชายต้นแบบผู้งามสง่าทั้งกายและใจ ถึงดวงจันทร์สีขาวจะงดงามสูงค่าแค่ไหน
แต่สำหรับโยชัว ความประทับใจเทียบไม่ได้กับการที่ลูเซียมาเยี่ยมเยียนถึงห้องส่วนตัว
“ถ้าหากว่าหายดีเมื่อไหร่ ก็มาหาข้าที่ลานฝึกลับพร้อมกับดวงจันทร์สีขาวนะ”
“แน่นอนครับ”
เด็กหนุ่มรับดวงจันทร์สีขาวที่ลูเซียส่งมาให้
บรรยากาศชื่นมื่นงดงามของพี่น้องที่ส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ใกล้ๆกันนั้นพี่น้องอีกคนที่ถูกทำเสมือนไม่มีตัวตน แผ่ออร่าคุกคามจนพวกเมดสาวหวาดผวากันถ้วนหน้า
ทว่าเหมือนสองพี่น้องผู้สดใสบริสุทธิ์จะไม่ใส่ใจ โยชัวยังถามนั่นถามนี่พูดคุยกับลูเซียไม่หยุดปาก ถึงบางครั้งจะแสดงอาการไม่สู้ดีด้วยการโอ้กอ้ากเป็นระยะระยะ ลูเซียผู้เป็นพี่ชายก็จัดการดูแลเด็กหนุ่มได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สมกับที่เคยเลี้ยงน้องชายด้วยตัวเองมากับมือจนคุ้นชิน
สำหรับโยชัวถ้าหากว่าลูเซียเป็นแค่พี่ชายที่มีภาพลักษณ์อ่ออนโยนใจดีเพียงแค่นั้น เด็กหนุ่มคงไม่ฝืนอาการพูดคุยกับอีกฝ่ายมากถึงเพียงนี้
แต่เพราะรสนิยมและความคิดอ่านของพวกเขาใกล้เคียงกันมาก ทั้งคู่จึงพูดคุยกันยืดยาวจนกลายเป็นว่า ลูเซียอยู่ทานอาหารเย็นให้ห้องซะด้วยกัน
“รบกวนโยชัวมากแล้ว ข้าคงต้องปล่อยให้เจ้าพักผ่อนซะที”
ลูเซียเอ่ยลา ก่อนจะลุกขึ้นชายหนุ่มใช้มือลูบหัวโยชัวด้วยความเอ็นดู
“ถ้าอย่างนั้นก็เช็ดตัวกันดีกว่าไหม”
ชาฮาร์เอ่ยแทรกอย่างกระตือรือร้น
โยชัวสังหรณ์ใจแปลกๆ กับรอยยิ้มที่ไม่คล้ายกับรอยยิ้มในแบบปกติของชาฮาร์
แต่เด็กหนุ่มกลับคิดว่าตนเองไม่ได้ชำระล้างร่างกายมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน จะให้ลงไปแช่น้ำในบ่อน้ำร้อนก็กลัวจะอาเจียนจนเลอะเทอะ คนตัวเล็กจึงยอมให้เจ้าชายผู้เจิดจรัสคลายชุดนอนออกอย่างว่าง่าย เพราะเข้าใจว่าการเช็ดตัวน่าจะเหมาะกับอาการเมาค้างที่ตนเป็นอยู่มากกว่า
“ชาฮาร์ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า เรื่องเช็ดตัวให้สาวใช้ทำให้แทนเถอะ”
เสียงแควกที่เกิดจากการฉีกขาดของเสื้อผ้าดังขึ้น โยชัวอุทานดัง”อ๊ะ” เมื่อชาฮาร์ที่กำลังปลดกระดุมเสื้อนอนให้ ฉีกเสื้อผ้าของเขาขาดจนกระดุมทั้งหมดกระเด็นกระดอนไปในอากาศ
โชคยังดีที่เสื้อนอนไม่ได้ขาดมาก หากแต่ต้องสะดุ้งจนตัวแข็งค้าง ทันที่ที่เด็กหนุ่มเห็นสีหน้าของชาฮาร์ยามที่มองดูบริเวณรอยขาดด้วยแววตาอันดุดัน
“โยชัวรอพี่ชายก่อนนะ เดี๋ยวพอคุยธุระเสร็จ พี่ชายจะกลับมาเช็ดตัวให้”
ชาฮาร์ที่กลับมาเป็นปกติพูดด้วยรอยยิ้มที่เปล่งประกาย ต่างจากใบหน้าเครียดขึงราวกับยักษ์มารก่อนหน้านี้ไปคนละเรื่อง
โยชัวไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังอารมณ์ไม่ดีเพราะอะไร แต่เขาเข้าใจว่าทำตามที่อีกฝ่ายพูดไว้น่าจะดีกว่า
หลังจากที่ตกปากรับคำ ชาฮาร์ก็ปลีกตัวไปพร้อมกับลูเซีย ปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนรอโดยมีเมดสาวสองสามคนคอยดูแลรับใช้
โยชัวนอนแผ่รอเฉยๆจนตะวันตกดิน เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มก็ร้องขอให้พวกเมดปล่อยเขาไว้เพียงลำพัง สุดท้ายไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่ก็ไม่เห็นชาฮาร์โผล่หน้ามา คนนอนรอที่เริ่มง่วงเต็มที่ก็ผล็อยหลับไปเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนพอดิบพอดี
ตอนที่8แล้วนะคะ
ตอนนี้ก็ค่อนข้างลงมาสั้นอีกแล้ว แต่เพราะนี้มันสั้นตอนหน้าอีกสองสามวันหรืออาจจะมาล
งเร็วกว่ากำหนดคือขึ้นอยู่กับความเร็วในการพิมลงคอมค่ะ แต่ไม่รอนานแน่นอน
รักคนอ่านค่ะ