ตอนที่ 3
ระหว่างที่ถูกอุ้มเดินไปตามทางอย่างเจ้าสาว ชายหนุ่มผู้เปล่งประกายวิบวับยิ่งกว่าดวงตะวันหรือชาร์ฮาร์ก็เปิดปากพูดคุยกับกับโยชัว สลับกับตอบรับคำทักทายอย่างนอบน้อมและปลาบปลื้มของเหล่าทหารและคนในวังซึ่งล้วนเป็นอมนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์อย่างเป็นกันเองไปตลอดทาง
และถึงแม้โยชัวจะแสดงออกถึงความไม่ไว้วางใจและมึนตึงสักแค่ไหน ชาร์ฮาร์ก็ไม่มีท่าทีรำคาญหรือไม่ชอบใจสักนิด ชายหนุ่มผู้เจิดจรัสยังคงเล่าเรื่องนี้อธิบายเรื่องโน้นได้อย่างลื่นไหลโดยไม่คิดแม้แต่จะหยุดพักหายใจ
ในที่สุดโยชัวก็ถูกอีกฝ่ายพามาถึงปราสาทส่วนแยกทางด้านตะวันตก ถึงแม้จะบอกว่าเป็นปราสาทแยกแต่ถ้าสังเกตให้ดีจะมีทางเดินเชื่อมเป็นทางยาวระหว่างปราสาทแยกกับปราสาทหลักอยู่ แต่เดิมปราสาทหลักซึ่งถูกพาออกมาเป็นสัดส่วนในพื้นที่เดียวกันก็ยังใหญ่มากอยู่ดี
ชาร์ฮาร์อธิบายว่าปราสาทแยกนี้เป็นที่อยู่ของพวกเจ้าชายซึ่งโตแล้ว แถมยังพูดต่อไปว่าเขาเองก็ถูกย้ายมาอยู่ที่นี่ตอนอายุสิบสองปีเช่นกัน
พอก้าวเข้าไปในปราสาท บรรดาสาวใช้ในชุดเมดโกธิค ก็กรูกันเข้ามาต้อนรับผู้ป็นนายก่อนจะชะงัก
พวกหล่อนเบ้หน้าแล้วแสดงท่าทางรังเกียจโยชัวอย่างชัดแจ้งจนเด็กหนุ่มรู้สึกห่อเหี่ยวใจ
ทำไงได้ล่ะก็สกปรกเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและขี้โคลนไม่ต่างจากกองอาจมเลยนี่น้า
คำพูดของลาซาลัสผุดวาบเข้ามาในความคิด
โยชัวก้มลงดูสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดและสิ่งสกปรกที่ติดกายตน ก่อนจะยกแขนตัวเองขึ้นดมเสียงฟุดฟิดแล้วผงะออกด้วยกลิ่นสนิมและอะไรหลายอย่างที่รวมกันแล้วทำให้รู้สึกขยะแขยงจนน้ำตาแทบร่วง
จะไปก่อนหน้านั้นเพราะอยู่ในคุกอับๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเลยทำให้เขาไม่รู้สึกถึงกลิ่นที่น่าขยะแขยงของตัวเอง
ทว่าพอมาอยู่ในที่ๆ มีอากาศสดชื่นบริสุทธิ์ ขนาดตัวเองยังรับไม่ได้ ไม่แปลกที่คนอื่นจะแสดงสีหน้าแบบนั้น
“อยากอาบน้ำ”
โยชัวพูด เด็กหนุ่มใช้มือเล็กๆ กระตุกแขนเสื้อของชาร์ฮาร์ ดวงตากลมโตช้อนมองผ่านเส้นผมสีดำรกปกปิดใบหน้า
“อ๋อ จริงสินะ”
ชาร์ฮาร์ทำสีหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้เจิดจรัสคนนี้จะไม่รู้สึกถึงความสกปรกที่ติดอยู่บนร่างกายของโยชัวเลยสักนิด จะเรียกว่าตายด้านเฉยเมย หรือเป็นคนดีซะจนไม่สนใจว่าร่างเล็กสกปรกแค่ไหนก็ไม่ทราบได้ ในตอนนั้นเอง ชาร์ฮาร์ก็ออกคำสั่งให้เมดสาวในชุดโกธิคพาเขาไปอาบน้ำรวมถึงปรนนิบัติรับใช้อย่าให้ขาดตกบกพร่อง
แต่ดูเหมือนว่าแม่สาวเมดพวกนั้นจะประท้วงโอดครวญและพากันแสดงความลำบากใจ
ยิ่งพวกสาวเมดแจกแจงเหตุผลที่ไม่ยอมปรนนิบัติรับใช้เขามากเท่าไหร่ ชายหนุ่มผู้เจิดจรัสก็ดูเหมือนจะมีท่าทางลำบากใจมากเท่านั้น ตอนนี้ชาร์ฮาร์อ้าปากพะงาบๆ อย่างคนหมดหนทาง
ยิ่งดูยิ่งรู้สึกสมเพชปนสงสารจนทนไม่ได้
โยชัวเริ่มเข้าใจพื้นฐานนิสัยของชายที่กำลังโอบอุ้มเขาอยู่ขึ้นมาทีละนิด เด็กหนุ่มกระตุกแขนเสื้อของชาร์ฮาร์เบาๆ อีกครั้ง
“อยากอาบเอง”
ในที่สุดโยชัวก็ได้รับคำอนุญาตให้อาบน้ำเองได้ ทว่าร่างเล็กที่ตอนนี้ที่ถูกพามาห้องอาบน้ำที่กว้างขวางกำลังเขม่นมองชาร์ฮาร์ที่ดึงดันจะช่วยเขาอาบน้ำให้ได้ โดยให้เหตุผลว่าเขายังเป็นแค่เด็กเล็กแถมยังตัวสกปรกมากขนาดนี้อาบเองคงจะไม่สะอาดถ้าไม่มีคนช่วย
“ข้าอายุสิบห้าแล้วนะ”
โยชัวมองช้อนคนที่ตัวสูงกว่าเกินยี่สิบห้าเซนติเมตร ในสภาพผมเผ้ายาวรุงรังลากพื้น เนื้อตัวสกปรกมอมแมม เด็กหนุ่มยืนจังก้าประสานสายตากับชาร์ฮาร์ในสภาพนี้มาเป็นเวลาสิบนาที ก่อนที่จะเปิดปากพูดเพราะไม่ว่าจะแสดงออกถึงท่าทางไม่พอใจหรือส่งสายตากดดันเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ยืนเฝ้าเป็นยักษ์ปักหลั่นแสดงเจตนารมย์อันมุ่งมั่นที่ต้องการจะช่วยเขาชำระล้างร่างกายให้จงได้
“ทำไมล่ะข้าเองก็มีคนช่วยอาบน้ำตั้งแต่เด็กนะ จนถึงตอนนี้ก็ยังให้พวกเมดพวกนั้นรับใช้อยู่ อาบน้ำเองมันก็ดีอยู่หรอก แต่พวกแผ่นหลังหรือตรงจุดที่มองไม่เห็นมันก็ลำบากอยู่นะ”
ชาร์ฮาร์พูดหน้าตาเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ในเรื่องปกติของปกติที่เจ้าตัวพูดมานั้นทำเอาโยชัวหน้าแดงก่ำ เด็กหนุ่มวันสิบห้าจิตนาการถึง ’เฮ็นไต’ อนิเมะที่มีเมดสาวจำนวนมากช่วยอาบน้ำให้พระเอกของอนิเมะเรื่องนั้น โชคยังดีที่เส้นผมรกรุงรังปิดบังใบหน้าของเขาทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร
“ยังไงก็อยากอาบเองนี่นา ไม่ชอบให้ใครมาแตะน่ะ”
โยชัวยืนยันความคิดของตัวเองออกไป ในใจนึกถึงความยุ่งยากที่จะตามมาหลายอย่างเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบโต้คำขอของเขาด้วยความรุนแรงหรือเปล่า เพราะงั้นตอนนี้จึงยืนตัวเกร็งอย่างผิดปกติ เด็กหนุ่มกำมือทั้งสองข้างแน่น แต่ก็ทำใจดีสู้เสือโดยการส่งสายตาแน่วแน่มองดูอีกฝ่ายตรงๆ
“เข้าใจล่ะ แต่ถ้าไม่สะอาด ทางนี้จะเข้าไปช่วยอาบให้นะ”
พอได้รับคำอนุญาต โยชัวที่รู้สึกผ่อนคลาย ก็สลัดชุดที่สวมใส่ซึ่งมีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วออกทางหัว
ร่างเล็กเดินฉับๆ ไปยังบ่อน้ำร้อนที่กว้างมาก พอจะหย่อนเท้าลงไป เด็กหนุ่มก็ชักเท้ากลับเพราะร่างกายที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกของตัวเอง
รู้สึกเกรงใจที่จะทำให้น้ำทั้งบ่อสกปรก
โยชัวมองซ้ายมองขวา ดวงตากลมโตสังเกตเห็นอุปกรณ์อาบน้ำและขันไม้วางอยู่ใกล้ๆ เด็กหนุ่มจึงใช้สิ่งนั้นจัดการทำความสะอาดร่างกายทันที
มือเล็กใช้ขันไม้ตักน้ำในบ่อราดตัวตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้าหลายครั้ง ก่อนจะหยิบสิ่งที่ดูยังไงก็เหมือนสบู่ขึ้นมาขัดถูตามร่างกาย ร่างเล็กรู้สึกดีใจสุดๆ ที่โลกนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใกล้เคียงกับโลกที่เขาเคยอยู่ อย่างน้อยก็มีสบู่
หลังจากใช้สบู่ขัดถูตามร่างกายโดยเมินเฉยชาร์ฮาร์ราวกับฝ่ายนั้นไม่มีตัวตน โยชัวที่คิดว่าเนื้อตัวสะอาดหมดจดดีแล้วก็คว้าเอาขวดแก้วทั้งหมดขึ้นมาดมแล้วเทใส่มือไปทุกๆ ขวด ในที่สุดเด็กหนุ่มก็พบสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นยาสระผม
รู้สึกปลื้มปิติจนน้ำตาแทบไหล สองวันมานี้ทุกครั้งและตลออดเวลาเขารู้สึกว่าอยากจะสระผมวันนึงสักหลายๆ ครั้งก็เพราะว่าผมของเขาตอนนี้มันยาวมาก ยาวจนนึกรำคาญในความยาวของของมัน อยากตัดมันออกแต่ก็ไม่มีอุปกรณ์
จะขอร้องคนดูแลก็เกรงใจ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือทำความสะอาดและดูแลมันให้สกปรกน้อยที่สุด
โยชัวนั่งขัดสมาธิแล้วเทน้ำยาสระผมลงบนฝ่ามือ เด็กหนุ่มชโลมน้ำยาลงบนเส้นผม เนื่องจากผมเขายาวมาก การสระผมจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะที่กำลังวุ่นวายกับเส้นผม ชาร์ฮาร์ที่เข้ามาประชิดทางด้านหลังเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ก็อาสาช่วยเหลือ
เพราะว่ามันยุ่งยากมากบวกกับสิบห้าปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยไว้ผมยาวมาก่อน ยิ่งยาวจนลากพื้นขนาดนี้ โยชัวจึงไม่รู้สึกตะขิดตะข่วงใจที่จะให้อีกฝ่ายช่วยจัดการเส้นผม
จู่ๆ ภาพความทรงจำที่เต็มไปด้วยสีสันของชาร์ฮาร์ก็วาบเข้ามาในสมองของโยชัว
เสียงโอดครวญร้องขอของบรรดาเมดสาวหลายคน ดูเหมือนว่าพวกเธอจะวอนขอให้ชายหนุ่มผู้เจิดจรัสยิ่งกว่าสิ่งใดในพิภพไปอาบน้ำ
“เจ้าชาย...ท่านชาร์ฮาร์คะ ได้โปรดเถอะค่ะ ท่านไม่อาบน้ำมาเจ็ดวันแล้วนะคะ”
หนึ่งในบรรดาเมดสาวจำนวนมากโอดครวญขณะที่ชาร์ฮาร์ยืนปรึกษาเรื่องสำคัญกับบรรดาแม่ทัพนายกองซึ่งเป็นอมนุษย์ครึ่งสัตว์ทั้งหมด
“ตัวข้าเหม็นเหรอ”
ชาร์ฮาร์ถามอย่างสงสัย ก่อนจะใช้จมูกสูดกลิ่นกายของตัวเอง
“ไม่ค่ะท่านชาร์ฮาร์ไม่มีทางมีกลิ่นโสโครกอย่างนั้นแน่ แต่เพื่อให้สมฐานะ การรักษาความสะอาดเป็นสิ่งที่เชื้อพระวงศ์ควรทำเจ้าค่ะ”
เหล่าเมดสาวพูดประสานเสียง หากแต่เหล่าแม่ทัพนายกองซึ่งเป็นอมนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์กลับเอ่ยคัดค้านจนเหล่าเมดสาวตีหน้ายักษ์
“ฝ่าบาทชาร์ฮาร์โปรดอย่าได้เชื่อแม่พวกไร้สมองพวกนี้ เผ่าอมนุษย์ครึ่งสัตว์หรือพวกอสูรกลายร่างอย่างเรากลิ่นฟีโรโมนสำคัญนะฝ่าบาท ยิ่งพวกเราไม่อาบน้ำ กลิ่นกายของเผ่าพันธุ์เราจะยิ่งหอมฟุ้ง ขนาดกระหม่อมเองยังไม่อาบน้ำมาแล้วสามเดือน...”
พอนายกองอมนุษย์ครึ่งคนครึ่งไฮยีน่าพูดจบเหล่าเมดสาวก็ส่งสียงยี้มองดูด้วยความรังเกียจ
ในตอนนั้นเองความรู้สึกลำบากใจของเจ้าของความทรงจำที่เห็นเหล่าเมดกับทหารคนสนิทของตนเขม่นกันทำให้ชาร์ฮาร์ตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง
ไม่ใช่ไม่ชอบอาบน้ำ แต่มีเรื่องให้ทำมากซะจนไม่มีเวลาต่างหาก
นอกจากนั้นเขาไม่รู้สึกสักนิดว่าตัวเองมีกลิ่นเหม็นที่ตรงไหน
ในตอนนั้นเองเจ้าของความทรงจำก็ขยายร่างใหญ่ขึ้น พริบตานั้นร่างที่เคยเป็นมนุษย์กลายสภาพเป็นสัตว์สี่ขาขนสีทองฟูฟ่อง
ชาร์ฮาร์ในร่างหมาป่าอสูรใหญ่ยักษ์กระโจนลงสระน้ำที่มีขนาดใหญ่โตกว่าร่างกายเพียงเล็กกน้อย ก่อนจะร้องเรียกให้เหล่าเมดสาวช่วยทำความสะอาดร่างกายใหญ่ยักษ์ที่เต็มไปด้วยขนอย่างสนุกสนาน
ภาพเหตุการณ์นั้นสร้างความขบขันให้โยชัวจนหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ่งตอนอาบน้ำสลัดขนอย่างหมานี่ยิ่งเด็ดมาก ที่บอกให้คนอาบน้ำเพราะทำความสะอาดไม่ทั่วก็เพราะแบบนี้สินะ
“จักกะจี้เหรอ”
เสียงของชาร์ฮาร์ดังขึ้นพอดีกับที่ภาพความทรงจำหายไป โยชัวจำต้องเออออไปตามน้ำเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะถามซอกแซ่ก
“ถ้าเกิดว่าข้าจะขอตัดผมเจ้า เจ้าจะว่าอะไรหรือเปล่า”
โยชัวพยักหน้าหงึกหงักเมื่ออีกฝ่ายร้องขอสิ่งที่ตรงกับใจตัวเองอย่างที่สุด
หลังจากนั้นชาร์ฮาร์ที่ไปหยิบกรรไกรมาก็เริ่มตัดผมหน้าที่รกรุงรังออก ใช้เวลาไม่นาน ใบหน้าที่ไม่ได้สัมผัสอากาศมานานก็เย็นวาบ ทัศนวิสัยที่เคยถูกบดบังตอนนี้กระจ่างชัดเมื่อไม่มีสิ่งใดมาปกปิด
ดวงตากลมโตประสานเข้ากับดวงตาสีทองของชาร์ฮาร์ และเพราะว่าชายหนุ่มผู้เจิดจรัสวิ้งวับมองจ้องมาที่เขานานจนรู้สึกแปลกๆ โยชัวจึงหลุบดวงตาลงแล้วเกาหัวแกรกๆ
เด็กหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ้อมแอ้ม
“เอ่อ จะตัดผมต่อไหม”
“อือ แน่นอน”
ชาร์ฮาร์ที่เหมือนจะได้สติแสดงความกระตือรือร้น ชายหนุ่มเดินอ้อมไปที่ด้านหลังจัดการกับผมที่ยาวจนเกินปกติ
“อยากตัดสั้นๆ น่ะ”
โยชัวร้องขอคนที่จรดกรรไกรกับปลายเส้นผมของตน
“เอาขนาดไหน”
ชาร์ฮาร์ถามเสียงนุ่มนวล
“เอาเกรียนๆ เอาให้สั้นที่สุด”
ใช่
โยชัวคิดอยากจะได้ทรงเดียวกับพวกนักเรียนมัธยมต้นที่ประเทศไทยให้มันรู้แล้วรู้รอด เพราะช่วงเวลาที่อยู่ในร่างนี้เขาได้สัมผัสถึงความยุ่งยากในการไว้ผมยาวเต็มกลืนแล้ว
“จะดีเหรอ”
“ดีสิ”
โยชัวตอบคำถามชาร์ฮาร์อย่างมุ่งมั่น
“แต่คงไม่ได้หรอกมั้ง”
“ทำไมล่ะ”
โยชัวย้อนถามคนที่เอ่ยปฏิเสธความต้องการของตนด้วยน้ำเสียงลำบากใจ
“ก็เด็กชายเชื้อพระวงศ์จะต้องไว้ผมยาวจนถึงบรรลุนิติภาวะนี่นา”
“เอ๊ะ”
โยชัวขมวดคิ้ว เด็กหนุ่มพยายามนึกภาพของชาร์ฮาร์ ลาซาลัส และลูเซียในความทรงจำ ดูเหมือนว่าคนที่ไว้ผมยาวจริงๆ ในวัยเด็กจะมีแค่ลูเซียเท่านั้น
คิดแล้วก็อ้าปากจะเอ่ยค้าน แต่ก็ต้องหุบฉับ ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างของเขาถูกจับยัดคุกทรมานตั้งแต่อายุเท่าไหร่ อยู่มากี่ปี ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่าเขาทำกันแบบนี้ ถ้าหากเขายังโวยวายเอาแต่ใจไร้สาระ นอกจากจะถูกจับผิด แถมสถานภาพที่ไม่แน่นอนของตัวเองตอนนี้ไม่รู้ว่าจะถูกทำอะไรบ้าง
“เข้าใจแล้ว”
“งั้นตัดให้ยาวเหลือแค่ข้อเท้าพอนะ”
ชาร์ฮาร์ทำเสียงระริกระรื้นจนโยชัวรู้สึกหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
หากตัดให้ยาวถึงข้อสำหรับเขาแล้วไม่เห็นจะต่างกับไม่ตัดตรงไหน แต่ถ้าจะคิดอีกทีก็ยังดีกว่าปล่อยให้ลากพื้นเหมือนตอนแรก
หลังจากตัดผมเสร็จ ตอนนี้โยชัวยืนประจันหน้ากับชาร์ฮาร์ในสภาพเปลือยเปล่า พอเห็นอีกฝ่ายมองดูเขาด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนจะเรียบเรียงสิ่งที่ควรทำไม่ถูก โยชัวก็ร้องขอเสื้อผ้าทันที
“อ๋อ จริงด้วยแฮะไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาด้วย งั้นใส่ชุดคลุมนี่ไปก่อน”
ชาร์ฮาร์หยิบชุดคลุมสีขาวหนานุ่มยื่นให้โยชัวรับไปใส่อย่างรู้งาน หากแต่สวมเสร็จชายผู้เจิดจรัสยิ่งกว่าดวงจันทร์ในยามค่ำคืนก็เข้ามาทำท่าคล้ายจะอุ้ม ทำให้เด็กหนุ่มถอยกรูดออกจากระยะเอื้อมของคนตัวใหญ่กว่าทันที
“ตอนนี้เดินเองได้แล้ว” โยชัวบอก
ชาร์ฮาร์ได้ฟังก็ร้องอ้อ รู้สึกว่าคิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาขมวดเล็กน้อยแต่ก็แค่ชั่วแวบเดียว
หลังจากที่ชาร์ฮาร์พาเขาไปยังห้องห้องหนึ่ง เจ้าตัวก็บอกว่าเป็นห้องส่วนตัวของเขาที่ท่านพ่อจัดไว้ให้ตั้งแต่แรก ก่อนจะเดินออกไปพร้อมพึมพำ ‘แย่แฮะๆ’ ไปตลอดทาง ทิ้งโยชัวไว้ให้ยืนรอในสภาพชุดคลุมตัวเดียวเพียงลำพัง
เด็กหนุ่มเมื่อได้อยู่ในห้องคนเดียวตามลำพังก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจไปทั่วห้อง ดวงตากลมโตชะงักเข้ากับกระจกบานใหญ่เท่าตัวคน ตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ยังไม่มีสักครั้งที่จะเห็นร่างตัวเองได้อย่างชัดๆ พอคิดจะเดินไปตรงกระจก ชาร์ฮาร์ก็เดินโครมครามเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าและอะไรอีกหลายอย่าง
“ใส่เป็นหรือเปล่า”
โยชัวพยักหน้าแล้วตอบอีกฝ่ายไปว่าไม่มีปัญหา เด็กหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกแล้วเริ่มสวมใส่เสื้อผ้าทีละชิ้น มีบางจังหวะที่เขาเงยหน้าขึ้นขอความเห็นว่าใส่แบบนี้ถูกต้องไหม จังหวะนั้นชาร์ฮาร์ก็จะเสมองไปทางอื่นพร้อมกับบอกวิธีใส่ที่ถูกต้องให้
ในที่สุดพอถึงชิ้นสุดท้ายที่ต้องใช้ผ้ารัดเอว ชาร์ฮาร์ก็ขยับตัวเข้ามาจัดการสอนวิธีใช้ผ้ารัดเอว ก่อนจะจัดการรวบผมที่ยาวจนถึงข้อเท้า
รู้สึกตะหงิดๆ เล็กน้อยกับทรงผมที่ถูกอีกฝ่ายทำให้ แต่พออีกฝ่ายพูดว่าถ้าปล่อยไว้มันจะยาวเกะกะจนไม่ชอบใช่ไหม โยชัวก็รู้สึกเห็นด้วยขึ้นมา
ถ้าทำให้มันเกะกะน้อยที่สุดก็จะเป็นผลดีกับตัวเองละนะ
โยชัวคิดพรางมองเสื้อผ้าเนื้อดีนุ่มสบายหากแต่ดูกรุยกราย ตอนแรกยังไม่เอะใจและต่อต้านเท่าไหร่ ทว่าพอเห็นตัวเองในกระจกเต็มตาแล้ว โยชัวแทบจะหัวเราะไม่ออก
ไอ้สาวน้อยโพนี่เทลนี่มันใครกัน
ใบหน้าและรูปร่างนี้มันช่างเหมือนกับเจ้าวิญญาณร้ายที่มีความงามล่มฟ้าดิน ซึ่งแย่งร่างกายเขาไปไม่ผิดเพี้ยนตอนนี้ตัวเขาในกระจกคือเทวทูตที่แยกเพศแทบไม่ออก
ผมที่ดำยาวสลวยถูกมัดรวบเป็นทรงโพนี่เทลด้วยเครื่องประดับที่ฝั่งพลอยอเมทิสต์สีเดียวกันกับดวงตาของเขาเสื้อผ้าสีฟ้าครามดูกรุยกรายช่วยขับผิวที่ขาวพุดผ่องราวกับเปล่งแสงได้ให้ดูกระจ่างตายิ่งขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากตัวผ้าที่ใช้ทำนั้นดันเปล่งแสงแวบวับตามการสะท้อนของแสงที่ตกกระทบได้ จนรู้สึกสงสัยว่าไอ้เสื้อชุดนี้ใช้ผ้าอะไรทำ โยชัวขมวดคิ้วดูเนื้อผ้าที่ชายแขน
“ชอบเหรอ ชอบก็ดีแล้วเพราะสั่งตัดไปแล้ว ภายในวันนี้น่าจะได้เจ็ดถึงแปดชุด”
ชาร์ฮาร์พูดด้วยรอยยิ้มกว้างส่องประกายเจิดจรัสแว้บๆ หากแต่พอเห็นใบหน้าซืดเผือดเหมือนถูกผีหลอกของโยชัว ชายหนุ่มก็หุบยิ้มลง
“อยากได้เสื้อผ้าธรรมดา เอาแบบเจ้าใส่ก็ได้”
โยชัวกดเสียงต่ำ พยายามเก็บอาการโกรธองตัวเองเอาไว้
ไอ้ทรงโพนี่เทลนี่ยังพอจะทำใจได้แต่ไอ้ชุดกรุยกรายส่องแสงแวบได้นี่ ถ้าไม่ขจัดออกไปคงไม่พ้นถูกมองเป็นสาวดุ้น
“ไม่ได้หรอก”
“ห๊ะ” โยชัวอุทานเมื่ออีกฝ่ายตอบปฏิเสธด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ก็โยชัวยังไม่เป็นผู้ใหญ่นี่นาจะแต่งจะแต่งตัวแบบผู้ใหญ่ได้ยังไง”
โยชัวรู้สึกเหมือนถูกตีหัว เหตุผลบ้าๆ นี่ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ จากความทรงจำของชาวบ้านไม่เห็นคนอื่นจะแต่งตัวแบบเขาตรงไหน
“อย่าเรื่องมากนักเลย ท่านพ่อถึงจะปล่อยให้ทำอะไรตามใจชอบได้ แต่จริงๆ แล้วท่านเป็นคนที่เข้มงวดมากนะ ถ้าท่านโกรธ ต่อให้เป็นข้าก็คงจะช่วยอะไรโยชัวไม่ได้”
โยชัวคอตก คำพูดของชาร์ฮาร์เท่ากับเป็นการประกาศกฎที่ห้ามละเมิด
“แล้วข้าจะบรรลุนิติภาวะตอนไหน” โยชัวถามทั้งที่ยังคอตก
“ยี่สิบละมั้ง”
ชาร์ฮาร์ทำเสียงเหมือนลังเล
“ไม่สิยี่สิบห้าน่ะแหล่ะ”
เวรกรรม
หากว่าในเวลาอันใกล้เขาเติบโตเป็นหนุ่มล่ำกล้ามโตแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบห้าก็ต้องแต่งอย่างนี้เหรอ
บ้า! บ้ามากๆ
“เจ้าตอนนี้อายุเท่าไหร่”
“ข้าเหรอ สักสามสิบได้มั้ง” ชาร์ฮาร์ตอบพรางเกาคอแกรกๆ
“แล้วพี่น้องคนอื่นๆ ล่ะ”
“อ้อท่านพี่ลูเซียห้าสิบ ส่วนท่านพี่ลาซาลัสสี่สิบได้ละมั้ง”
โยชัวฟังแล้วก็ถอนหายใจ
การที่คนพวกนี้อายุมากแต่มีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างกับคนวัยหนุ่ม ก็คงเพราะเป็นเผ่าปีศาจ ในที่สุดก็เข้าใจว่ายังไงก็ต้องทำตามกฎของที่นี่อย่างไม่อาจบิดพริ้ว
สำหรับเด็กหนุ่มที่เป็นคนง่ายๆ จึงทำใจให้ยอมรับได้อย่างไม่ยากอะไร
ในตอนนั้นเองความรู้สึกตื้นตันและอบอุ่นก็พลุ่งพล่านขึ้นมา ดวงตากลมโตสีม่วงช้อนมองคนตัวสูงกว่าอย่างสำนึกขอบคุณ
หากว่าเขาถูกโยนให้คนที่มีจิตใจชั่วร้ายโดยที่ไม่ใช่คนๆ นี้ ไม่รู้ว่าจะได้สัมผัสความเป็นมนุษย์เหมือนก่อนที่จะมาโลกนี้หรือเปล่า
“ขอบคุณนะ” โยชัวเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
เด็กหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าความตื้นตันและความดีใจของเขาคงจะส่งผ่านไปให้อีกฝ่าย จนทำให้ชาร์ฮาร์ผู้เจิดจรัสส่งยิ้มกว้างสดใสตอบกลับมา
รอยยิ้มที่ว่าส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งไม่ต่างจากเทพบุตร แลดูน่ารักและเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น จนเด็กหนุ่มเกิดอาการตาพร่าอย่างคนที่กำลังมองดูดวงอาทิตย์
โยชัวรู้สึกตื่นเต้น ที่สามารถได้พบกับเจ้าชายที่ส่องสว่างหล่อเหลา ในโลกของความเป็นจริง
ไม่ใช่แค่ภาพในเกมหรือภาพวาดแบบสองมิติในอนิเมะและไลท์โนเวล
เอาเถอะจะสาวดุ้นหรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าคิดซะว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชิวิต คิดในแง่นี้ก็ไม่เสียหายอะไร
“เอ่อเจ้าชื่อชาร์ฮาร์ใช่มั้ย ข้าเรียกเจ้าว่าชาร์ฮาร์ได้รึเปล่า”
โยชัวเอ่ยขออย่างเป็นมิตร ทว่าเจ้าชายผู้เจิดจรัสกลับหน้าตึงแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันจนเด็กหนุ่มตกใจ
“ข้าเป็นพี่ชายของเจ้านะ ถ้าให้ถูกควรเรียกว่าท่านพี่สิ”
ชาร์ฮาร์พูดด้วยเสียงกดต่ำ
โยชัวรู้สึกถึงแรงกดดันด้านมืดอย่างแปลกๆ จากชายตรงหน้า
ออร่าสีดำพวยพุ่งอยู่ที่ด้านหลังชายหนุ่ม
ซิสค่อน
คำๆ นี้ผุดขึ้นมาในความคิดของเด็กหนุ่ม
ไม่สิถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเป็นบราค่อนต่างหาก
คนปกติ...คนปกติเนี้ย
เขาไม่จริงจังกับคำเรียกขานขนาดนี้หรอก ถ้าไม่พอใจที่ถูกปืนเกรียวก็น่าจะพูดด้วยท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ หรือไม่ตามคาแรคเตอร์ของหมอนี่ก็น่าจะพูดไปกลั้วหัวเราะไปด้วยท่าทางเฮฮามากกว่า
แต่นี่แผ่รัศมีกดดันเอาเป็นเอาตายซะจนรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ
ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่ไหว
ทั้งสาวดุ้น ทั้งเจ้าชายบราค่อนอนาคตข้างหน้าไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับเรื่องวิตถารแบบไหนอีก
จะทำยังไงดีถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไปไม่ได้ ถ้าเกิดเจอเรื่องที่หนักหนากว่านี้ไม่รู้ว่าจะทนรับยังไง
ไม่สิถูกทรมานก็เจอมาแล้วนับภาษาอะไรกับเรื่องแค่นี้
จิ๊บจ๊อย....จิ๊บจ๊อยมาก
แค่เรียกพี่ชายเท่านั้นเอง ลืมเรื่องที่ไม่ปกติ หรือความคิดอคติไปซะ
โยชัวพูดปลุกปลอบใจตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน พอทำใจได้ในที่สุด เด็กหนุ่มก็เอ่ยเสียงเรียกอีกฝ่ายด้วยคำที่ต้องการ
“ทะ ท่าน...”
“ช่างเถอะ”
“เอ๊ะ“
โยชัวร้องออกมาด้วยความสงสัยเมื่อถูกอีกฝ่ายจัดจังหวะคำพูดของตน
“โยชัวเรียกข้าว่าชาร์เฉยๆ ก็ได้ เจ้าทำท่าลำบากใจซะขนาดนั้น เรียกข้าว่าชาร์นั้นแหล่ะดีที่สุด”
“อืม”
โยชัวพยักหน้าเบาๆ พอทั้งคู่ตัดสินใจได้ว่าจะเรียกกันว่าอะไร เมดสาวชุดโกธิคก็โผล่เข้ามาเชิญพวกเขาไปรับประทานอาหาร ชายหนุ่มผู้เจิดจรัสคว้ามือเขาพาเดินไปพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่น่าสนุกหลายอย่างให้ฟังไปตลอดทาง
อยากจะบอกว่าน้องสาวกับเราทะเลาะกันหนักมาก หลักๆคือเราโวยวายอยู่คนเดียว #ร้องไห้หนักมาก
คือน้องสาวเราเค้าอ่านลายมือในสมุดเราไม่ออก เลยเปลี่ยนรูปประโยคไปหลายอย่างจนเราอ่านแล้วงง
คือตอนนี้และตอนต่อไปอาจต้องเสียเวลาพิมและนั่งแก้ตอนต่อไปอาจจะลงได้วันอังคารนะคะ
สำหรับคนอ่านที่แนะนำให้เราเกลาภาษาเราดีใจค่ะ แต่นิยายเราเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่เขียนไกล้จบ แถมเราเขียนไปไกลมากแล้ว
เราลำบากใจสุดๆ
ส่วนผู้อ่านที่ถามถึงพระเอก ออกมาครบแล้วนะคะ ตั้งแต่ตอนที่แล้ว และจะเริ่มทยอยเขารูทของแต่ละคน แต่เราไม่บอกนะว่าใครเพราะเราคิดว่าทุกคนคงเดาได้แหละ
รักคนอ่านค่ะ