..
..
รอไม่เกินครึ่งชั่วโมง หมายเลขคุ้นตาก็โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ อนุรักษ์กดรับ ไม่จำเป็นต้องพูดฮัลโหล อีกฝ่ายก็สวนทันควัน
"ผมถึงซูเปอร์แล้ว ไปรอที่หน้าประตู"
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณชายเป็นนักโฆษณา เขาคงคิดว่าเจ้าตัวเป็นทหารสังกัดกองพลไหนสักแห่ง ถึงติดนิสัยสั่งได้สั่งจริง ส่วนลูกกระจ๊อกอย่างไอ้รักษ์น่ะเหรอ เทียบรัศมีคงเป็นได้แค่ทหารเกณฑ์ ท่านนายพลสั่งอย่างไรก็ต้องตะเบ๊ะ...รับทราบครับผม!
อนุรักษ์จึงเดินออกไปด้านหน้าประตูกระจกอัตโนมัติ ซึ่งเป็นทางเข้าออกของซูเปอร์ มีรถญี่ปุ่นสีดำคันหนึ่งกำลังหยุดให้คนเข็นรถเข็นบรรจุข้าวของที่เพิ่งช็อปปิ้งเสร็จได้เดินผ่าน ก่อนรถคันนั้นจะเคลื่อนตัวมาชะลอตรงหน้า พร้อมกระจกที่ลดระดับลงให้เห็นหน้าคนขับ
“ขึ้นมา”
นึกแปลกใจว่า บุคลิกอย่างคุณชายน่าจะขับเบนซ์ หรือไม่ก็บีเอ็มดับบลิวเปิดประทุน แต่นี่ดันเป็นรถคันเล็กราคาไม่ถึงล้านที่เห็นได้ตามท้องถนนทั่วไป หากพอเปิดประตูเข้าไปนั่ง ถึงได้รู้ว่า
...คุณชายก็ยังคงเป็นคุณชายวันยังค่ำ... เปล่งออร่าหล่อเนี้ยบในชุดสูทสีดำโก้หรูแบบไม่เกรงใจแดดในประเทศไทย เล่นเอายูนิฟอร์มพนักงานแคชเชียร์ฟ้าสดใสของเขาถึงกับหมอง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเปรียบเทียบการแต่งกายระหว่างฐานะ แต่มาเพื่อเจรจาธุรกิจ
"นี่ครับโทรศัพท์คุณซ่อมเสร็จเรียบร้อย ข้อมูลยังอยู่ครบ แต่เผื่อตกหล่น จะลองเช็คดูก่อนก็ได้ครับ"
เขายื่นสมาร์ทโฟนสีดำให้ แต่คนรับไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง ตั้งสมาธิอยู่กับการหมุนพวงมาลัยรถ พลางพึมพำส่ง ๆ
"อืม เอาวางไว้ตรงคอนโซลนั่นแหละ"
...
อะไรวะ ขมวดคิ้วกับคำพูดขอไปที ไหนบอกว่ามีข้อมูลสำคัญมากนักหนา ไอ้เขารึสู้อุตส่าห์ทะนุถนอมอย่างดี กลัวจะทำข้อมูลหายไปสักไฟล์แล้วอาจจะโดนคุณชายสั่งฆ่าหมกป่า แต่พอได้คืน นอกจากคุณชายจะไม่สนใจเช็ค ยังทำเหมือนเป็นของไม่มีค่า ดูแล้วไม่คุ้มกับการเอามือถือของเขาไปเป็นตัวประกันแลกเลย
อนุรักษ์จำใจวางสมาร์ทโฟนตรงคอนโซลหน้ารถ เตรียมทวงโทรศัพท์ของตัวเองบ้าง ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นทางรอบ ๆ ...ทีแรกคิดว่าที่คุณชายสั่งให้ขึ้นรถเพราะตั้งใจจะวนหาที่จอด แล้วค่อยมาเจรจาแลกโทรศัพท์กัน แต่คนขับกลับหมุนพวงมาลัยขับออกไปนอกซูเปอร์มุ่งสู่ถนนใหญ่ จนผู้โดยสารต้องร้องถามตกใจ
“เดี๋ยวคุณจะพาผมไปไหน”
“ไปกินข้าว”
คำตอบที่ได้ยิน ทำเอาชะงัก ...เออเว้ย...วันนี้มาแปลก นึกยังไงถึงใจดีขึ้นมา สงสัยคุณชายคงติดนิสัยตามประสานักธุรกิจ เวลาทำงานต้องมีสินน้ำใจตอบแทน แต่เขาแค่ต้องการแสดงความรับผิดชอบ ไม่ได้เรียกร้องผลประโยชน์สานต่อใด ๆ
“ซ่อมมือถือให้แค่นี้ ไม่ต้องถึงขนาดเลี้ยงข้าวหรอกครับ”
เขารีบบอกปฏิเสธตามประสาพลเมืองดีมีน้ำใจ คุณชายละสายตาจากถนนเป็นครั้งแรก มองคนนั่งข้าง ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบประจำตัว
“ใครจะเลี้ยง ผมแค่หิวเฉย ๆ”
เพล้ง! ...รู้สึกหน้าตัวเองร้าวเป็นเสี่ยง ว่าแล้วปีศาจนิสัยเสียอย่างคุณชาย อยู่ ๆ จะเปลี่ยนไปมีวงแหวนเทวดาขึ้นบนหัวทันทีคงเป็นไม่ได้
"งั้นคุณเอามือถือผมคืนมาก่อน แล้วจะอยากไปกินข้าวที่ไหนก็ไป"
อนุรักษ์วนกลับมาที่ธุระสำคัญ อยากรีบทำเรื่องให้จบ ๆ จะได้ไม่ต้องอยู่นานให้โดนกวนประสาทอีก แต่การตัดสินใจของเขาคงช้าไป ...นับตั้งแต่เปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถคันนี้ เขาก็ตกเป็นเบี้ยตัวน้อยในอาณาเขตของคุณชายผู้คุมกฏ ซึ่งแจงเหตุผลสั้น ๆ
"ผมขับรถอยู่ ถึงร้านแล้วจะคืนให้"
อ้อ...ได้ครับ เอาเลยครับคุณชาย ตามแต่ที่คุณชายสะดวกเลยครับ
คร้านจะออกปากเถียงคนบ้าอำนาจ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เต็มใจมา แต่จะให้เขากระโดดลงจากรถซึ่งกำลังเคลื่อนตัวแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วก็ใช่ที่ ในเมื่อหนีไปไหนไม่รอดแล้ว ก็ทำตัวเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่ดี ดึงเข็มขัดมาคาด นั่งนิ่งเรียบร้อย ตามองวิวข้างทางไปเรื่อย ขณะหูฟังเสียงเปียโนเพราะ ๆ คลาสสิคตามรสนิยมคุณชาย หากพอเพลงเล่นจบลง เขาถึงได้ยินเสียงดีเจพูด ทำให้เพิ่งรู้ว่าเมื่อครู่คุณชายไม่ได้เปิดแผ่นซีดี แต่เปิดคลื่นวิทยุฟัง
...จะว่าไป เขาเองก็ชอบฟังวิทยุเหมือนกัน มันสนุกตรงที่ไม่รู้ว่าเพลงไหนจะถูกหยิบขึ้นมาเปิด ถ้าเป็นเพลงโปรดก็จะแอบดีใจคล้ายตัวเองถูกหวย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ยังมีโอกาสได้ฟังเพลงใหม่ ๆ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ทำนองของเพลงเริ่มต้นเล่น
“จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นไทย มิเป็นทาสใคร แหละมีน้ำใจล้นปริ่ม ทั่วโลกกล่าวขานขนานนาม ให้ว่าสยามเมืองยิ้ม... " เสียงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ทำเอาอนุรักษ์เกือบหน้าทิ่ม ไม่คิดว่าต่อจากเพลงเปียโนคลาสสิค ดีเจจะกล้าเปิดเพลงลูกทุ่ง ช่องวิทยุคลื่นไหนจับกลุ่มผู้ฟังได้หลากหลายขนาดนี้ แต่หลังจากเพลงจบท่อน เขาก็ได้รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด
"ยาสีฟันสปาร์กไวท์ สนับสนุนให้คนไทยกล้าที่จะยิ้มอย่างมั่นใจ”ชื่อผลิตภัณฑ์ถูกแทรกขึ้นมาตอนท้าย สรุปแล้วนี่คือโฆษณายาสีฟันที่นำ
'เพลงสยามเมืองยิ้ม' มาเล่นกับการใช้ยาสีฟันอวดรอยยิ้มของไทยให้ตรงตามชื่อฉายาประเทศที่ทั่วโลกรู้จัก นับเป็นไอเดียน่าสนใจ แต่ไอ้คอนเซปต์
'ให้คนไทยกล้าที่จะยิ้มอย่างมั่นใจ' เขาคุ้น ๆ ว่าเหมือนเคยได้ยินผลิตภัณฑ์ไหนสักชิ้นใช้มาก่อน
ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้เปลืองสมอง คำเฉลยก็ตามมาด้วยการเอื้อมมือดับวิทยุของคนขับรถ แม้หน้าตาจะยังนิ่งเฉย ทว่ารังสีมาคุกลับแผ่กระจายออกมาเป็นหย่อม ๆ คลุ้งไปทั่วรถจนอนุรักษ์ชักเริ่มทำตัวไม่ถูก ปกติถ้าคุณชายเงียบธรรมดาไม่พ่นอะไรกวนประสาทออกมา เขาพอก็รับมือได้อยู่ แต่จู่ ๆ ตอนนี้ดันองค์ลง เป็นใครจะไม่รู้สึกอึดอัดบ้าง แถมมองออกไปนอกหน้าตาสภาพการจราจรด้านนอกก็อึดอัดไม่ต่างจากบรรยากาศด้านใน
...หกโมงเย็น ได้เวลาเลิกงาน รถจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจมาประชุมกันบนถนนโดยมิได้นัดหมาย ทำให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ทีละนิด เขาไม่รู้ว่าคุณชายจะไปกินข้าวที่ไหน อยากจะชี้ว่ากินร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางตรงนี้ก็ได้ แก้หิวเหมือน ๆ กัน แต่คนขับก็ยังมุ่งมั่นฝ่าดงรถติดต่อไปโดยไม่สนใจ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ มีหวังคงอึดอัดหายใจไม่ออกตาย หรือเขาควรเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ พูดอะไรออกไปสักคำดีมั้ย
“เออ...วันนี้ผมเห็นมีคนซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มของมอร์นิ่งด้วยนะ”
เลือกชมไว้ก่อน เผื่อคุณชายใจอ่อน คราวที่แล้วจำได้ว่าพอเข้าหลุดปากว่าชอบโฆษณาที่คุณชายเป็นคนทำปุ๊บ อีกฝ่ายก็ยอมเชื่อใจว่าเขาไม่ใช่หัวโขมยทันที แต่คราวนี้แผนกลับไม่ได้ผล เพราะนอกจากคุณชายจะไม่ปริปาก ซ้ำยังส่งสายตาย้อนถามด้วยอารมณ์
'แล้วยังไง' ...ถึงจะมีลูกค้าซื้อมอร์นิ่ง คุณชายก็เป็นคนทำโฆษณาไม่ใช่เจ้าของ คงไม่ดีใจอยู่แล้ว อีกอย่างมันคงเป็นแผลในใจด้วยที่ดันไปแพ้โฆษณาจากเอเจนซี่คู่แข่ง สรุปไอ้ที่เกริ่นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิด เขาจึงรีบเปลี่ยนไปเลือกหัวข้อสนทนาใหม่
"แล้วคุณทำโฆษณาให้กับสินค้าตัวไหนอีกเหรอครับ”
ประเด็นนี้เขานึกสงสัยมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่อะไร เผื่อเคยดูมาก่อนจะได้หาเรื่อยคุยง่าย ๆ และมันก็เป็นความชอบส่วนตัวของเขาที่สนใจอยู่ก่อน
...บางคนอาจชอบดูละคร ชอบดูข่าว แต่นายอนุรักษ์ ...ชอบที่จะเลือกดูโฆษณา
ชั่วเวลาแค่สามสิบวินาที ซึ่งต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์และต้องจบลงเดี๋ยวนั้น เรื่องราวจึงถูกถ่ายทอดไม่ต่างอะไรจากหนังสั้น บ้างสร้างเนื้อหาให้ดราม่า บ้างอาศัยเพลงให้คุ้นหู บ้างใช้มุกตลกให้คนหัวเราะได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือนักครีเอทีฟที่ต้องงัดเอากลยุทธ์เทคนิคต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจจากสายตาของผู้ชมจากสินค้าหลายร้อยหลายพันแบรนด์
...โฆษณามอร์นิ่งของคุณชายคือหนึ่งในเรื่องที่เกี่ยวสายตาเขา เขาเลยอยากรู้ว่าคุณชายจะทำโฆษณาตัวอื่นได้ดึงดูดความสนใจอีกมั้ย
แต่คำตอบของคุณชายกลับปิดประตูตาย
“...ก็มีหลายอย่าง”
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า
'นิสัยดาราที่แสดงออกเบื้องหน้ากับนิสัยเบื้องหลังต่างกัน'ตอนนี้นายอนุรักษ์เข้าใจแจ่มแจ้ง ถึงจะประทับใจฝีมือ แต่เจอท่าทางกวนประสาทแบบนี้เข้าไป ความประทับใจก็หดหาย ทุกทีเห็นคุณชายซักเขา แต่พอถูกเขาซักบ้างดันประหยัดคำประหนึ่งกลัวดอกพิกุลจะร่วง หรือคุณชายจะเป็นประเภทพวกชอบตั้งคำถาม ไม่ชอบตอบ ในเมื่อเจ้าตัวไม่พูด เขาก็ขี้เกียจต่อกร อยากเงียบนักก็ตามใจ
คนนึกระอาหันหน้าหนีมองวิวข้างทางแทน หากอยู่ ๆ คนเงียบกลับเป็นฝ่ายพึมพำ
“รถ”
อนุรักษ์หันกลับมามองถนน นึกว่าจะมีอุบัติเหตุรถชนหรืออะไร แต่การจราจรรอบตัวก็ยังเคลื่อนตัวไปได้ปกติ เลยทำให้เขาคิดได้ถึงความหมายความ หรือคุณชายจะตอบคำถามที่ค้างไว้
“โฆษณารถแบรนด์อะไรครับ”
“คันนี้”
รถสัญชาติญี่ปุ่นคันเล็กที่กำลังนั่งอยู่เป็นรุ่นที่ออกมาน่าจะเกือบสองปีแล้ว ทำให้เขาจำโฆษณาไม่ได้ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปดูของเก่าเผื่ออาจมีคนลงไว้ในยูทูป ...คุณชายทำโฆษณาทั้งรถ น้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วล่าสุดยังมีลิปสติกอีก นับว่ารับงานหลากหลายเหมือนกัน ไม่เพียงแค่นั้นร่างสูงยังขยายความเพิ่ม
“งานโฆษณาทีวีผมไม่ค่อยได้ทำ ส่วนใหญ่จะเป็นปรินท์แอด”
“ปรินท์แอด?"
“พวกโฆษณาลงในนิตยสาร หนังสือพิมพ์”
อ้อ..เขาพยักหน้าเข้าใจ เกือบลืมไปว่าโฆษณาไม่ได้มีแค่ในโทรทัศน์ มีทั้งพิมพ์ในกระดาษ แขวนไว้บนป้าย ออนไลน์ในอินเตอร์เน็ต ที่ไหนมีมีสื่อ ที่นั้นย่อมมีโฆษณาแฝงติดตามตัวเราไปได้ตลอดทุกเมื่อ
“แล้วโฆษณาลิปสติกเป็นแบบไหนเหรอครับ"
“สปอดวิทยุ”
อนุรักษ์นึกเสียดายความจริงเขาอยากเห็นมันเป็นโฆษณาทีวีมากกว่า แต่ก็อยากรู้ว่าคนอย่างคุณชายจะทำโฆษณาเครื่องสำอางผู้หญิงยังไง
“ไปถึงไหนแล้วครับ”
หลุดปากถามออกไปถึงรู้สึกตัวว่าชักละลาบละล้วง คุณชายคงไม่มีทางยกเรื่องงานมาคุยกับคนนอก แต่ผิดคาด เมื่อคุณชายตอบกลับสั้น ๆ ขณะเปิดไฟเลี้ยว
“เพิ่งโดนขโมยไป”
อนุรักษ์นิ่งอึ้ง ชักจับเค้าลางถึงบางสิ่งได้ ...เหตุผลที่คุณชายปิดวิทยุหลังได้ยินโฆษณายาสีฟันสยามเมืองยิ้ม และแผ่รังสีมาคุออกมา หรือจะเป็นเพราะมีคนจากเอเจนซี่โฆษณา ATM คู่แข่งจ้องขโมยไอเดียเหมือนที่คุณชายนึกระแวงแล้วกล่าวหาเขา
แต่โฆษณาผลิตภัณฑ์คนละอย่างจะกล้าลอกงานกันได้ด้วยเหรอ ทำเป็นเด็กประถมลอกการบ้านส่งครูไปได้ ที่สำคัญคอนเซปต์
'กล้ายิ้มอย่างมั่นใจ' เขาว่ามันก็เหมาะกับยาสีฟันมากกว่าลิปสติกจริง ๆ
ปริศนาเริ่มพันกันอีรุงตุงนัง แต่พนักงานแคชเชียร์ยังไม่ทันได้สวมบทนักสืบเชอร์ล็อกโฮมไขคดี รถญี่ปุ่นก็จอดตรงหน้าร้านอาหารในซอยเล็ก ๆ อนุรักษ์ขมวดคิ้วเลี้ยวมองรอบด้านขณะที่คนขับดับเครื่อง
...เมื่อกี๊มัวแต่คุย เลยไม่ทันได้สังเกต คุณชายเอาเขามาปล่อยไว้ตรงนี้ แล้วเขาจะกลับยังไงวะ อย่างน้อยน่าจะมีน้ำใจส่งหน้าป้ายป้ายรถเมล์ก่อน หรือเขาต้องนั่งแท็กซี่กลับ ยิ่งใกล้สิ้นเดือน เงินยังไม่ออก แล้วต้องมาเสียให้เรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
แต่หลวมตัวมาถึงนี้ขั้นนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้ เขาถอนหายใจหน่าย ก่อนทวงถาม "แล้วมือถือผม..."
"ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวผมเลี้ยง เป็นค่าซ่อมโทรศัพท์" คุณชายเอ่ยขัด แล้วเปิดประตูรถออกไป ทิ้งให้คนฟังกระพริบตาปริบ
อ้าว...สรุปที่เขาเข้าใจผิดตอนแรกเป็นจริงเหรอ หรือคุณชายเห็นเขานึกไปอย่างนั้น เลยเห็นใจพาเลี้ยงข้าว แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ตราบใดที่มือถือยังไม่ได้คืน เขาจึงต้องเดินตามเข้าไป
ร้านอาหารเล็กแต่จัดแต่งค่อนข้างเรียบหรู เหมาะกับลูกค้าใส่ชุดสูทแบบคุณชาย ส่วนพนักงานแคชเชียร์อย่างเขาเหมือนคนรับใช้ตามถือของ ...ผู้ชายสองคนต่างสไตล์ มากินข้าวด้วยกันคงเป็นภาพที่แปลกตา หากพนักงานต้อนรับไม่ได้มีสีหน้าสงสัย ยังคงยิ้มแย้มต้อนรับพาเขาสองคนไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมยื่นเมนูให้
รายการอาหารส่วนใหญ่ล้วนเป็นเมนูตะวันตก ทั้งฟรัวการ์ สเต็กเซอร์ลอย เป็ดอบซอสส้ม ถึงอนุรักษ์จะมีคุณชายเป็นสปอนเซอร์ แต่เขาไม่คิดจะอยากให้อีกฝ่ายเลี้ยงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนเช็คบิลตั้งใจจะขอแชร์ด้วยซ้ำ เขาจึงไล่สายตาดูเมนูที่คนกระเป๋าตังค์ฟีบตอนสิ้นเดือนพอจ่ายไหว
“รับอะไรดีครับ”
“เอาสปาเกตตี้คาโบนาราครับ”
เลือกเมนูง่าย ๆ ที่ถือซะว่านาน ๆ กินที เพราะปกติเขาถูกปากกับของแซ่บ ๆ ถึงเครื่องถึงรสมากกว่า พวกชีสนมเนยเนื้อสันแพง ๆ คงเหมาะกับบุคลิกไฮโซแบบคุณชาย แต่ผิดคาด เมื่อคนร่วมโต๊ะกลับสั่งตาม
“เพิ่มเป็นสองที่ แล้วขอ BIN 389 ด้วยครับ” แต่คุณชายก็ยังเป็นคุณชาย รักษามาดด้วยการสั่งไวน์ บริกรพยักหน้าเอ่ยทวน
"รับไวน์ทั้งสองท่านนะครับ"
"ผมขอน้ำเปล่าดีกว่าครับ"
อนุรักษ์ปฏิเสธ อันที่จริงก็เคยลองดื่มไวน์อยู่ครั้งสองครั้ง แต่รู้สึกขืนคอแปลก ๆ สไตล์เขาถนัดกับเหล้าเบียร์มากกว่า
TRRRRRR!!เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดัง คุณชายล้วงสมาร์ทโฟนหยิบรับ ...ไม่ใช่เครื่องที่เขาเพิ่งคืน เพราะมันยังนอนอยู่ที่คอนโซลหน้ารถอยู่เลย มิน่าคุณชายถึงไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ เพราะมีสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง แถมใหม่กว่าที่เขาเอาไปซ่อมอีก คนรวยก็แบบนี้ อะไรพังก็หาสำรองง่าย ๆ ได้ทันที
“ครับ...ผมทราบแล้วครับ ...ไม่มีปัญหาครับ ...ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
บทสนทนานั้นคล้ายพูดกับเจ้านายหรือคนมีอำนาจมากกว่า แต่คุณชายยังคงรักษาน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีความอ้อนน้อมเหมือนเดิม
อนุรักษ์ไม่อยากเสียมารยาท เลยลุกออกมามาเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางโซนเคาท์เตอร์ด้านใน เขาถึงเพิ่งสังเกตว่าร้านนี้มีตู้โชว์เค้ก และขนมหวานหน้าตาน่าทานวางอยู่รายชิ้น เห็นแล้วทำให้เขาฉุกคิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้...
ครั้นกลับมาที่โต๊ะ คุยชายก็คุยโทรศัพท์จบแล้ว โดยมีบริกรกำลังรินไวน์ด้วยท่าทางเชี่ยวชาญ แต่คุณชายทำเหมือนมันเป็นเหล้าช็อต กระดกแก้วรวดเดียวหมด ถึงเขาไม่ถนัดดื่มไวน์ แต่รู้ว่าวิธีดื่มจริง ๆ ต้องค่อย ๆ ละเลียดลิ้มรสชาติ การดื่มแบบคุณชายจึงมีเหตุผลเดียวคือ...ตั้งใจจะเมา
"อย่าดื่มเยอะ เดี๋ยวคุณต้องขับรถกลับ" มือที่ถือแก้วไวน์ชะงัก หลังได้ยินน้ำเสียงซีเรียสจากปากอนุรักษ์
...พ่อแม่เขาซึ่งเสียด้วยอุบัติเหตุคนเมาแล้วขับ ตอนดื่มน่ะสนุก แต่พอเมาแล้วไม่รู้หรอกว่าผลของมันอาจไปกระทบใครอีกหลายคนมากขนาดไหน
โชคดีที่คำเตือนของเขาไปกระตุ้นต่อมศีลธรรมของคุณชายได้บ้าง ร่างสูงจึงผ่อนการดื่มให้น้อยลง พอดีกับสปาเกตตี้มาเสิร์ฟ เขาสองคนก้มหน้าทานสปาเก็ตตี้เงียบ ๆ ไร้บทสนทนาใด ๆ เหมือนพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์สักอย่าง ...สปาเกตตี้คาโบนาราอร่อย ไม่เลี่ยนครีมมากอย่างที่คิด แต่เจอบรรยากาศแบบนี้อาหารรสเลิศแค่ไหนก็ดูชืดไปถนัด
บริกรเก็บจานออกไปหลังทานเสร็จ ก่อนเสริ์ฟของหวาน
“ดับเบิ้ลช็อกโกแล็ตเค้กครับ”
ขนมเค้กถูกวางลงตรงหน้าคุณชาย ซึ่งเลิกคิ้วเพราะตนเองไม่ได้สั่ง แต่อนุรักษ์กลับชิ่งพูดก่อน
“คุณเลี้ยงข้าวผม ผมขอเลี้ยงเค้กคุณแทน แล้วก็เออ..." เขาอ้างเหตุผลแรกที่พอให้คุณชายรับได้ แล้วจึงอ้อมแอ้มบอกจุดประสงค์หลักที่แท้จริง
"...สุขสันต์วันเกิดครับ...”
เป็นคำอวยพรแบบคาดไม่ถึง สีหน้าเฉยชาของคุณชายจึงมีความประหลาดใจเจืออยู่เล็ก ๆ
“รู้ได้ยังไง”
“SMS จากค่ายโทรศัพท์ของคุณ ผมไม่ได้แอบดูนะ มันขึ้นมาพอดี"
ประโยคหลังรีบออกตัวก่อน แม้จะแอบไขว้นิ้วไว้ในใจ ...ก็จริงที่เขาไม่ได้แอบดูข้อความ เพราะไอ้ทัตเป็นคนเปิดโชว์ให้เห็นเอง ทำให้เขานึกขึ้นได้ตอนเห็นเค้ก
...คนที่ถูกแฟนทิ้ง เพื่อนไม่อยู่ ตัดขาดจากครอบครัว กินข้าวกับพนักงานแคชเชียร์เงียบ ๆ สองคนคงเงียบเหงาพิลึก วันพิเศษแบบนี้ ไหน ๆ ก็สมควรฉลองอะไรเล็ก ๆ บ้าง ถึงเจ้าตัวจะไม่ใช่เด็ก ๆ และคงแก่กว่าเขา...กี่ปีนะ?
"คุณอายุเท่าไรครับ"
“สามสิบสอง”
...แก่กว่าสิบเอ็ดปี แต่ไม่รู้ทำไมทั้งหน้าตาและนิสัยของถึงไม่ได้เหมาะกับคนอายุสามสิบเลย
คุณชายจิบไวน์จนพร่อง แล้วเป็นฝ่ายย้อนถามกลับบ้าง
“เธอยังเรียนอยู่รึเปล่า”
สรรพนามที่เรียกเขาเปลี่ยนไป อาจเพราะอีกฝ่ายตระหนักได้เช่นกันถึงความห่างของอายุ หรือเพราะต้องการตอกย้ำว่าเขาควรจะทำตัวให้เคารพอาวุโสกว่าบ้าง แต่ที่ผ่านมาเขาก็มีมารยาทพอจะพูดสุภาพกับคุณชายทุกคำ
“ปีสามครับ แต่ตอนนี้ปิดเทอมอยู่เลยมาทำงานพาร์ทไทม์”
“อืม”
คู่สนทนายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง ไม่คิดจะแตะต้องจานของหวาน
“เออ...ไม่กินเค้กสักหน่อยเหรอครับ หรือไม่ชอบขนม”
อนุรักษ์รู้ว่าตัวเองถือวิสาสะสั่งมาโดยไม่ถามก่อน ผู้ชายอายุเท่านี้อาจไม่ชอบกินขนมกันแล้ว แต่วันเกิดมันต้องคู่กับเค้กสิ และเขาก็อุตส่าห์เลือกเป็นช็อกโกแล็ตที่ดูแล้วไม่น่าจะหวานมากมาให้ หรือเขาควรจะเปลี่ยนเป็นพวกชีสเค้กดี
หากคำตอบของคุณชายกลับผิดจากที่คิดไปไกล
“ถ้างั้นลองพูดให้ฉันอยากกินทีสิ”
อนุรักษ์เงยหน้าขึ้นถาม "คุณว่าอะไรนะ?"
“สมมติว่าฉันเป็นเด็กที่ไม่ชอบกินผัก เค้กนี่ก็เหมือนผักขม ๆ ลองพูดให้ฉันอยากกินหน่อย ทำได้มั้ย”
...พูดบ้าอะไรวะ! ทำไมเขาต้องทำแบบนั้นด้วย ไอ้คุณชายนี่เริ่มกวนประสาทอีกแล้ว!
เขากำลังจะประชดว่า ถ้าไม่อยากกินก็บอกกันมาดี ๆ แต่สายตาเรียวที่มองประเมินเหมือนกำลังท้าทาย กลับเปลี่ยนให้เขาพยักหน้ารับ
“ได้ครับ ผมมีเหตุผลสี่ข้อที่จะทำให้คุณอยากกินเค้ก”
อนุรักษ์ยกนิ้วชี้ขึ้น “หนึ่ง...วันนี้วันเกิดคุณ”
ตามมาด้วยอีกนิ้ว “สอง...ผมซึ่งไม่รู้จักคุณเลย โคตรไม่ประทับใจอะไรสักอย่างในตัวคุณ สั่งเค้กให้คุณกิน เพราะดันนึกขึ้นได้"
“สาม...แทนที่จะกินเค้กแบบรักษาน้ำใจอย่างคนปกติทั่วไป คุณกลับมาท้าผมให้พยายามหาทางโน้มน้าวให้คุณกินเค้กที่อุตส่าห์สั่งมาให้อีก”
“และสี่..." เขาสูดลมหายใจ ก่อนจบข้อสุดท้าย
“ลองสมมติว่า ถ้าคุณเป็นผม ....ตอนนี้คุณคิดว่า ผมยังจะอยากเห็นคุณกินเค้กอยู่อีกมั้ย”
สิ้นการโน้มน้าวที่เหมือนหลอกด่าไปในตัว คุณชายยังคงไม่ขยับ เพียงแค่เอ่ยถาม
“เธอชื่ออะไร”
“รักษ์”
คุยกันมาตั้งนาน เพิ่งนึกได้ว่าตนเองยังไม่ได้บอกชื่อ คุณชายพยักหน้ารับรู้ ก่อนหันไปเรียกบริกรมาเช็คบิล โดยยังปล่อยจานของหวานไว้เช่นเดิม
“ตกลงจะไม่กินเค้กจริง ๆ ใช่มั้ยครับ งั้นเอามาให้ผม”
ถึงผลสรุปออกมาแล้วว่า
'เขาแพ้' แต่ก็ยังรู้สึกเสียดาย ยังไงเค้กนี้เขาเป็นคนออกเงินก็ขอกินเองดีกว่าทิ้งไว้ ทว่าคุณชายกลับแย้ง
“ฉันจะเก็บเอาไปกินที่บ้าน”
อ้าว...ยังไงวะ ตกลงเขาชนะ หรือแค่อยากรักษาน้ำใจ เห็นแบบนี้ไอ้รักษ์ก็แฟร์พอที่จะเล่นในกติกา แต่คู่แข่งอาจไม่แน่
“เดี๋ยวไปถึงบ้าน คุณอาจเอาไปทิ้งก็ได้”
“งั้นตามฉันมาจะได้เห็นกับตา”
“ทำไมผมต้องไปกับคุณด้วย ไหนคุณลองพูดให้ผมอยากไปกับคุณบ้างได้มั้ยครับ”
อนุรักษ์ใช้เกมเดียวกับที่อีกฝ่ายเคยเล่น อยากรู้ว่าอย่างคุณชายจะมีเหตุผลอะไรโน้มน้าวให้ไปได้ง่าย ๆ
แต่หลังจากนั้น...เขาก็ตระหนักได้ว่าตนเองพ่ายแพ้ต่อนักโฆษณามากประสบการณ์หมดรูป ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวสั้น ๆ
“...เพราะมือถือเธออยู่กับฉัน...”---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
คุณชายเห็นเงียบ ๆ แต่แอบร้าย ไม่ทันไรพาหนุ่มเข้าบ้านซะแล้ว
จริง ๆ เราเองก็เหมือนรักษ์ที่ชอบดูโฆษณา และเคยได้ยินว่าประเทศไทยมีการครีเอทโฆษณาได้ดีเป็นอันดันต้น ๆ ของโลก..น่าภูมิใจแทนค่ะ
แต่สำหรับนักโฆษณาแบบคุณชาย ไม่รู้น้องรักษ์จะรับมือได้มั้ย ก็ต้องสู้กันต่อไปนะลูก
เรื่องนี้ปมปริศนาค่อนข้างเยอะ แต่ทุกการกระทำของทั้งรักษ์และคุณชายล้วนซ่อนเหตุผลไว้ทั้งนั้น ยังไงก็อยากให้ทุกคนติดตามต่อจนแก้ปลายเชือกได้ทั้งหมดค่ะ ถ้าภาษาไม่ลื่นหรือมีอะไรผิดพลาดตรงไหนบอกได้นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ BitterSweet