ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)  (อ่าน 65457 ครั้ง)

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
มิลล์คือ??

ออฟไลน์ babyblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กรี๊ดดดดด คิดถึงพี่พาย

กลับมาคราวนี้จะไม่หายไปอีกใช้ไหมอ่า ฮือๆๆๆ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เรื่องช่างซับซ้อนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ sundayskydee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :hao5:  :mew6: งือออ สงสารไอ้พี่พาย กอด+1

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ noksamsee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่พายอบอุ่นน่ะ เป็นผู้ชายที่ดูจิงใจดี แต่ความลับมันมีทุกคน ธูปยังเด็กบางเรื่องอาจไม่เข้าใจ พี่พายเป็นผู้ใหญ่ต้องค่อยๆๆอธิบายน่ะ มีเมียเด็กต้องใจเย็นเด็กชอบเอาแต่ใจ

ออฟไลน์ ❁INDY_FAMILY❁

  • -ทำไมต้องเดินตามรอยเท้าใคร เราสามารถสร้างรอยเท้าของเราเองได้-
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม



-มาวิน-


ผมมองดูธูปที่ถูกตระกองกอดอย่างรักใคร่โดยแฟนหนุ่มนักธุรกิจสายเทา(ผมขอเรียกแฟนธูปแบบนั้นแล้วกันเหมาะกับมันดี)ที่ประคองธูปไว้แนบอกเดินผ่านหน้าผมไป ผมคิดว่าถ้าเห็นภาพคนทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันจะเจ็บช้ำมากกว่านี้แต่พอเอาเข้าจริงมันกลับรู้สึกแค่หวิวๆในใจเท่านั้น ไม่ได้เจ็บช้ำจนแทบกระอักเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ ผมยิ้มให้กับความคิดของตัวเองเดินไปในห้องพักนักดนตรีหยิบกระเป๋าและกีตาร์ของตัวเองขึ้นมาสะพายไหล่ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อกลับบ้าน
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากอาบน้ำอาบท่าและหาอะไรกินให้ท้องอิ่มผมก็หยิบบุหรี่บนโต๊ะเดินออกมาที่ระเบียงนั่งรับลมบนเก้าอี้พาดขากับขอบระเบียงยกมือป้องลมเพื่อจุดเอาสารนิโคตินเข้าปอดหวังเพียงให้มันดับอารมณ์ขุ่นมัวที่มีอยู่ในใจ ผมเงยหน้าปล่อยควันสีเทาลอยออกจากปากล่องลอยสู่อากาศ ลอยไปโดยที่เราไม่สามารถเอื้อมมือคว้ามันไว้กับตัวได้ มันคงคล้ายๆกับความรักละมั้งเห็นอยู่ตรงหน้าเราแต่ไม่สามารถเอื้อมมือไปกักเก็บมันมาไว้กับตัวเราได้ ควันมันลอยไปตามลมและสุดท้ายก็สลายหายไปกับตา แต่รสชาดของมันยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน


คิดถึง.......


คำนี้ที่ติดอยู่ในใจผมตลอดมาเมื่อใครคนนึงได้จากไป คนที่สอนให้ผมรู้จักคำว่ารัก สอนให้ผมรู้จักอะไรหลายๆอย่าง ผู้หญิงคนนึงที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับผม "แม่" คำสั้นๆแต่ความหมายมันมากมายจนพูดกันทั้งชีวิตก็ไม่หมด ตั้งแต่ที่ผมสูญเสียผู้ให้กำเนิดไปอย่างไม่มีวันกลับเพียงเพราะความมักง่าย มักมากของคู่ชีวิตที่ท่านรักสุดหัวใจทรยศหักหลังท่านด้วยการพาผู้หญิงอีกคนเขามาเหยียบในบ้าน เข้ามาแทนที่แม่ของผม เข้ามาแทรกระหว่างคำว่าครอบครัว ตั้งแต่นั้นมารอยยิ้มของแม่ก็หายไปแทนทีด้วยหยาดน้ำตาและความซึมเศร้า แม่ย้ายตัวเองไปอยู่เรือนหลังเล็กพร้อมกับผมที่ไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ ผู้หญิงที่แย่งความสุขไปจากครอบครัวผม


ตั้งแต่วันนั้นแม่ยังคงเป็นแม่ที่รักผมเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั้นคือแม่ยิ้มน้อยลงร้องไห้มากขึ้นผมในวัยเด็กไม่รู้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นคือพ่อไม่รักแม่ พ่อพาใครอีกคนเข้ามาในบ้าน สั่งให้คนรับใช้ทุกคนเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า "คุณผู้หญิง" ตำแหน่งที่แม่ผมควรได้รับสิทธิ์นั้นแต่เพียงผู้เดียว พ่อพาผู้หญิงคนนั้นออกงานเปิดตัวกับสังคมว่าเป็นคนรัก เป็นภรรยา ทิ้งคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาให้ร้องไห้จมกองน้ำตาอยู่ที่เรือนหลังเล็ก พ่อไม่เคยมาหาแม่ ไม่เคยถามถึง นานวันก็ลืมเลือนผู้หญิงที่รักและเถิดทูลพ่อจนหมดหัวใจ


ผมในวัยเด็กเห็นและรับรู้ทุกอย่างผมสงสารแม่และคอยตั้งแง่กับพ่อไม่เคยพูดดีกันสักครั้งผมอาละวาดทุกครั้งที่พ่อมารับที่โรงเรียน จนเมื่อผมอายุได้สิบห้าชีวิตของผมก็พังทลายลงเมื่อแม่ที่ตรอมใจมานานหลายปีท่านป่วยและท่านก็ทรุดลงเรื่อยๆ ท่านบอกผมในวันนั้นว่า


ความรักจะไม่ทำให้เราเสียน้ำตา คนรักกันจะไม่ทำให้เราเสียใจ แต่ถ้าเรารักใครสักคนเราจะยอมอภัยให้เขาไม่ว่าเขาจะทำร้ายเราสักกี่ครั้ง เราก็พร้อมจะอภัยให้ เพราะเรารักเขา



ผมในวัยสิบห้ายังไม่เข้าใจในความหมายนั้นทั้งหมดรู้เพียงแต่ว่าผมเกลียดพ่อที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ เกลียดผู้หญิงคนนั้นที่ทำลายครอบครัวผมเกลียดโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตของผม


ผมเกลียดความรัก


เพราะมันพรากทุกอย่างไปจากผม พรากแม่ พรากพ่อ พรากครอบครัวที่อบอุ่นของผมไป


แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ผมกำลังมีความรัก เหมือนสุภาษิตที่เค้าบอกไว้ว่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง


เกลียดความรักแต่กลับต้องการมัน


หลังจากนั้นแม่ก็กินยานอนหลับและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เมื่อไม่มีแม่ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่บ้านหลังนั้น ผมได้มรดกจากแม่มาเยอะพอสมควร และผมก็โตพอที่จะออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เด็กอายุสิบห้าที่ออกมาอยู่คนเดียว เผชิญชีวิตคนเดียวบนโลกกว้าง ยังดีที่มีน้องชายของแม่คอยดูแลและช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ส่วนพ่อก็คงไม่รู้และไม่สนใจด้วยซ้ำว่าลูกคนนี้จะอยู่อย่างไรใช้ชีวิตที่เหลือไปในทิศทางใด


ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียด เกลียดตัวเองที่ช่วยแม่ไม่ได้ เกลียดพ่อที่มากรักไม่ซื่อสัตย์ เกลียดผู้หญิงคนนั้นที่มาแย่งความรักของพ่อที่มีต่อแม่ผม


"แม่รักวินมากนะลูก"


ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาตัวเองไม่รู้เมื่อไหร่จะเข้มแข็งไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกเสียใจให้กับสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ผมรู้ตัวว่าผมอ่อนแอยิ่งเกลียดความรักมากเท่าไหร่ในใจลึกๆกลับโหยหาและเรียกร้อง เพียงแค่มีคนมาทำดีด้วยใจผมก็โอนเอนไปหาเขาคนนั้นจนลืมนึกถึงความจริง ลืมนึกถึงความเจ็บปวด สุดท้ายความรักไม่เคยต้องการผมเลยสักครั้ง ไม่ว่าผมรักใครเขาก็ทิ้งผมไปทุกคน ผมรักแม่แม่ก็ฆ่าตัวตายทิ้งผมเอาไว้คนเดียว ผมรักพ่อแต่พ่อไม่เคยสนใจผมเลย ผมรักเทียนมันก็หนีหายไปจากผม ส่วนธูปผมบอกได้เลยว่าผมไม่ได้รักใช่ผมรู้ตัวเองดีว่าผมไม่ได้รักธูปแต่ที่ผมบอกมันไปอย่างนั้นเพราะผมมองธูปเป็นตัวแทนของเทียน แต่พอนานไปพอได้รู้จักได้รู้นิสัยใจคอ ใจที่โหยหาความรักของผมก็เริ่มโอนเอนไปหามัน


แต่ก็โดนหมาตัวผู้คาบไปกินเรียบร้อยแล้ว


ผมเคยคิดนะว่าผมคงเกิดมาพร้อมคำสาป เกิดมาเพื่อที่จะไร้รักและตายไปด้วยความเหงาตายไปโดยไม่มีคนรัก มีหัวใจแต่ไม่มีใครต้องการ ผมยิ้มให้กับชีวิตตัวเอง ยิ้มหยันความน่าสมเพชของตัวเอง


"แม่ครับทำไมไม่มีใครรักวินเลย" จะมีใครไหมที่มาเช็ดน้ำตาที่มันไหลลงบนแก้มให้กับผม จะมีใครไหมที่จะเอ่ยคำว่ารักให้ผมได้ชื่นใจ


จะมีใครไหมที่พร้อมจะเดินเคียงข้างกันไปในทุกๆวัน เดินจับมือกันไปไม่ปล่อยผมเอาไว้กลางทาง


จะมีไหมใครคนนั้น
.
.
.
.
.
.
.
ผมเดินเข้ามาในคณะด้วยสภาพที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่เมื่อคืนกว่าจะสลัดความคิดที่ทำร้ายตัวเองได้ก็เกือบเช้า แต่เพราะวันนี้มีงานต้องส่งผมจึงต้องลากสังขารมาที่มหาลัย พวกเพื่อนๆผมมองมาด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่มีใครพูดอะไรเพราะทุกครั้งที่พวกมันถามจะเป็นผมเองทุกครั้งที่พยายามปิดกลั้นความหวังดีนั้นไว้ ผมไม่อยากให้ใครมาสงสาร เห็นใจกับเรื่องที่มันผ่านไปนานแล้วผมไม่อยากใ้ใครเห็นน้ำตาเห็นความอ่อนแอของผม


"ไงมึงเผางานเสร็จแล้วดิ" ไอ้โตถามผมทั้งๆที่ตามันยังจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้ามันอยู่เลย


"เสร็จเมื่อวานวะเกือบตาย ลางานหลายวันเลยกู" ผมตอบออกไปพร้อมกับวางงานลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงข้างๆไอ้กานต์ ที่นั่งพัดให้ไอ้โอมที่ฟุบหลับอยู่ตรงโต๊ะ ไอ้นี่ก็หลับตลอดชาติ


นั่งคุยนั่งเช็คงานกันเสร็จก็ได้เวลาเข้าเรียน ส่งงาน พรีเซนต์งาน หลังจากเลิกเรียนพวกมันก็ชวนกันไปกินดื่มที่ร้านที่ผมทำงานอยู่เพื่อฉลองที่ส่งงานทันเส้นยาแดงผ่าแปดพอดี


Rrrrrrrrrrr


หลังจากนัดแนะเวลากันและต่างแยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเองผมที่เดินมาที่รถมอไซด์ของตัวเองก็ต้องหยุดเดินเพื่อรับโทรศัพท์


"ว่าไงครับน้าพี" ผมเอ่ยทักทายปลายสายด้วยความคิดถึง


"ว่าไงไอ้เสือ ทำไรอยู่"


"กำลังจะกลับหอหน่ะครับ แล้วน้าอยู่ไหนอ่ะให้วินไปหาไหม" น้าผมไม่ค่อยว่างเพราะต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ นานๆเราถึงจะเจอกันสักที


"น้าอยู่เชียงใหม่หน่ะแต่ก็ไม่ได้ลงไปกรุงเทพหรอกนะเพราะต้องไปภูเก็ตต่อ แล้วเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง"


"ก็ดีอ่ะครับเรื่อยๆ" ผมตอบน้าญาติเพียงคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ ส่วนพ่อผมไม่คิดนับญาติกับเขาตั้งแต่แม่จากผมไปแล้ว


"ตั้งใจเรียนล่ะเรา งานในผับเลิกได้ก็เลิกจะได้มีเวลาพักผ่อน"


"คร้าบบบบบบบ" ผมคร่อมรถมอไซค์เสียบกุญแจคาเอาไว้ ฟังที่น้าผมพูดเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง


"น้าอยากให้เราอภัยและกลับไปเยี่ยมพ่อเราบ้าง......"


"น้าพีแค่นี้ก่อนนะครับพอดีวินมีธุระ"


"วิน......"


ผมกดวางสายทันทีด้วยรู้ว่ามันเสียมารยาทแต่ผมไม่อยากได้ยินชื่อไม่อยากรับรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากที่คุยกับน้าเสร็จผมก็กลับหอหาข้าวหาปลากินนอนพักเอาแรงเพื่อจะมาร้องเพลงหาเงินเลี้ยงตัวเอง ถึงแม้ว่าน้าพีจะให้เงินผมใช้แต่ผมก็ไม่รับ เพราะเงินนั้นมันคือเงินจากผู้ชายที่เลือดเขาอยู่ในตัวผมเพียงครึ่ง น้าพีทำงานกับเขาและเงินที่น้าพีให้ผมก็คือเงินเขาดังนั้นผมจึงเลือกที่จะปฏิเสธเงินนั้น ผมมีเงินจากประกันชีวิตของแม่ที่ใช้กินใช้จ่าย มีเงินจากการร้องเพลง แค่นี้ก็พอแล้วเพราะวันๆผมก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากมายอยู่แล้ว


ผมเดินเข้ามาในร้านหลบไอ้เป๋อที่กำลังก้มหน้าถูพื้นเพื่อเดินเข้ามาในห้องพักนักดนตรี ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาวันนี้ผมมาเร็วเพราะในห้วมีแต่ความคิดฟุ้งซ่านหลังจากวางสายจากน้าพีเลยไม่อยากอยู่คนเดียวให้จิตตกมากไปกว่านี้


ไม่นานเพื่อนๆร่วมวงผมก็มาพอมาถึงเราทั้งหมดก็นัดแนะกันว่าจะร้องเพลงอะไร ตรงไหนต้องปรับตรงไหนต้องเพิ่ม เพื่อเวลาอยู่บนเวทีจะไม่ได้โป๊ะแตกเล่นกันไปคนละทาง พอคุยนัดแนะเรื่องเพลง จังหวะรับส่งมุขกันเรียบร้อยก็ได้เวลาที่ต้องขึ้นเวที วันๆชีวิตผมก็มีเท่านี้ล่ะครับ ไปเรียน กลับหอ นอนพักและตื่นมาร้องเพลงและกลับหอไปนอนพักและตื่นมาเรียน มีดื่มมีเที่ยวบ้างบางเวลาแต่ก็นานๆครั้ง เพราะเงินมันหายาก ลองหาเงินใช้เองคุณจะรู้


ระหว่างที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีพวกเพื่อนๆผมก็มาถึงพวกมันนั่งโต๊ะหน้าเวทีโบกไม้โบกมือทักทายกัน ผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปจนเมื่อร้องเพลงเสร็จก็เดินมาทักทายพวกมันที่ตอนนี้มีหญิงสาวเซ็กซี่ประกบซ้ายขวาจนแทบไม่มีที่ว่างให้ผมแทรกเข้าไป


"ไงพวกมึง" ผมทักทายก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆไอ้โต โดยมันให้ผู้หญิงลุกมานั่งตักมันและสละเก้าอี้ให้ผม เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจมากๆ


"คืนนี้ไปต่อกับพวกกูเปล่าวะ" มันถามส่อสันดาน และทุกครั้งคำตอบของผมก็เหมือนเดิม


"ไม่วะขอบใจ"


พวกมันโห่ร้องเหมือนทุกครั้งแต่ก็ไม่เซ้าซี้อะไร คงเพราะผมเคยบอกเหตุผลไปแล้วว่าเซ็กส์สำรับผมคือต้องทำกับคนรักกัน จะให้มาแลกคู่นอนมั่วเซ็กส์กันนั้นผมทำไม่ได้ ผมเกลียดคนแบบไหนผมก็ไม่ควรจะทำตัวแบบนั้น


มากรัก.......


มักมาในกาม.........


ผมนั่งดื่มนั่งคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มอยู่นานพอสมควรจนกระทั่งได้ยินเสียงขวดแตกจึงลุกขึ้นหันไปมองยังต้นเสียง


"สัสปากดีนักนะมึง" ผมมองวัยรุ่นตัวโตที่มือข้างขวากำขวดที่แตกเป็นปากฉลามไว้แน่น


อีกฝ่ายไม่พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มเยาะกลับไปมันจะรู้ไหมนั้นว่าเลือดกำลังไหลออกจากหัวของมัน


ผู้ชายที่ถือขวดพุ่งเข้าใส่ชายที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะโดนถีบกระเด็นหงายหลังกลับมา พี่หนุนเห็นท่าไม่ดีแกจึงแหกปากออกไมค์ว่าให้หยุดตีกัน แต่แล้วมันไม่เป็นดังที่เจ้าของร้านบอกเพราะฝ่ายที่โดนถีบหน้าหงายนั้นมันลุกขึ้นพร้อมกับเพื่อนๆของมันกรูกันเข้าไปใส่อีกฝ่ายที่พวกพ้องยืนตั้งรับอยู่ก่อนแล้ว สงครามย่อมๆเกิดขึ้นในร้านพี่หนุนทันที


พวกผมกระโดดหลบเก้าอี้ ขวดเหล้าขวดโซดากันวุ่นวายไปหมด เสียงกรีดร้องของผู้หญิงในร้านผสมปนเปมากับเสียงสบถด่าทอของคู่อริทั้งสองฝ่าย บางคนไม่มีส่วนร่วมยังผสมโรงขว้างปาขวดใส่กันจนวุ่นวาย


ผมคลานออกมาจากโต๊ะพวกเพื่อนๆไปยังพี่หนุ่นที่ถือโทรศัพท์อยู่ พี่แกดูอารมณ์เสียมากที่เกิดเรื่องทะเลาะกันในร้าน


"สัสเอ๊ย!! แมร่งโทรไม่ติดวะ" ผมหนุนอารมณ์เสียแกพยายามกดเบอร์ 191 อีกครั้ง  "วินไปเอาปืนในห้องกูมา" พี่แกสั่งพร้อมโยนกุญแจให้ผม


ผมรับกุญแจมาพร้อมกับย่อตัวหลบสารพัดขวดที่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุญที่พวกมันจะหามาขว้างใส่กัน พอเข้ามาในห้องพี่หนุนได้ผมก็ไปที่กระเป๋าแกทันที ที่รู้ว่าแกเอาปืนไว้ที่ไหนเพราะแกเคยใช้ให้มาหยิบครั้งนึงตอนที่มีคนตีกันที่ร้านนี่แหละ


พอได้ของที่พี่หนุนสั่งผมก็เดินออกมาโดยลืมไปว่าข้างนอกนั้นยังมีสงครามย่อมๆเกิดขึ้น รู้ตัวอีกทีก็เห็นผู้ชายคนนึงง่างขวดเหล้าเข้ามาใกล้ๆหน้าผมแล้ว และด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงเผลอหลับตาลงพร้อมๆกับยกแขนขึ้นป้องกันตัวเองแทนที ตอนนั้นมันทำอะไรไม่ถูกสมองประมวลความคิดช้าไปหมด


เพล้ง!!


ผมคิดว่าควรจะเจ็บเพราะขวดน่าจะกระแทกเข้าที่หัวผมหรือแขนของผม แต่มันกลับไม่รู้สึกอะไรนอกจากอ้อมกอดที่ใครคนนึงกอดผมเอาไว้ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นก็เห็นหน้าของคนที่ผมเกลียดเข้าเส้นมันมองผมนิ่งๆก่อนจะหันกลับไปชกหน้าคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง


"วินปืน" เสียงพี่หนุนเรียกสติผมให้กลับมา ผมส่งปืนให้พี่แกไปอย่างงงๆ


ปัง!!


เสียงปืนเพียงนัดเดียวทำให้ทุกอย่างหยุดอยู่กับที่ พี่หนุนสั่งลูกน้องปิดทางเข้าออก แกมองไปรอบๆก่อนจะหาตัวต้นเรื่องพอเจอแกก็กระทืบซ้ำปางตายไม่นานตำรวจก็เข้ามา พูดคุยสอบถามจนนำตัวผู้ก่อเหตุและผู้ที่สร้างความวุ่นวายไปโรงพัก ส่วนร้านพี่หนุนก็ต้องปิดปรับปรุงไปตามระเบียบ ผมเดินไปหาคนที่ช่วยเอาตัวมาบังผมจากขวดเหล้า มันยังยืนนิ่งๆเมื่อผมเดินไปถึง


"ขอบใจ" แม้ไม่อยากจะเอ่ยคำนี้สักเท่าไหร่แต่มันช่วยผมเอาไว้ ถึงไม่อยากพูดก็ต้องพูดอ่ะนะ


มันไม่พูดอะไรและผมก็ไม่มีอะไรจะพูดจึงเดินกลับไปที่ห้องพักเพื่อเอากีตาร์และบอกลาพวกเพื่อนๆนักดนตรีที่ทยอยกันกลับไปบ้างบางส่วนและเพื่อนๆผมที่ตอนนี้ปลอบขวัญเด็กมันจนแทบจะเอากันในร้านอยู่แล้ว ผมหันไปไหว้พี่หนุนและที่ทำหน้าเครียดมองสภาพร้านที่ไม่มีชิ้นดี แกบอกให้ผมรีบกลับไปเพราะทางนี้แกจะจัดการเอง ผมเดินมาถึงที่จอดรถมอไซค์ก็เจอไอ้คนที่ยืนนิ่งในร้านในตอนแรกมันก็มายืนอยู่ข้างๆรถผม ทำให้ผมต้องหันไปเลิกคิ้วมองมันด้วยความสงสัย


"มีไร" ผมถาม


มันไม่ตอบแต่โดดมานั่งซ้อนท้ายรถผมเรียบร้อยแล้ว


"เฮ้ย!อะไรวะเนี่ยลงไป" เกาะเอวกูทำไมวะ


"หุบปากสักทีได้ป่ะและช่วยพากูไปทำแผลด้วย" มันสั่งผมและผมคิดว่าไล่ยังไงมันก็ไม่ลงไปจากรถผมแน่นอน


สุดท้ายเลยต้องขี่รถพามันไปด้วย ด้วยความไม่เต็มใจ
.
.
.
.
.
.
"เข้ามาดิจะยืนในใครอุ้มมึงเข้ามารึไง" ผมบอกก่อนจะก้มเก็บรองเท้าเข้าตู้


มันเดินตามมาเงียบๆก่อนจะถอดรองเท้าและเดินไปนั่งลงที่พื้นตรงหน้าทีวี ผมก็เดินไปวางกีตาร์เข้าที่ก่อนจะหายาในตู้มาให้มัน


"เอาน้ำให้กูด้วย หิว" สัสสั่งกูอีก เดินย้อนกลับไปเอาน้ำในตู้เย้นมาขวดนึงเอามาให้มันตามที่สั่ง โยนกล่องยากับขวดน้ำลงบนตักมัน


"ทำแผลเองนะเสร็จแล้วก็ล็อคห้องให้กูด้วย" ผมบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ มันช่วยผม ผมช่วยมันถือว่าเจ๊ากันไป


อาบน้ำอาบท่าเสร็จเดินเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำผมก็เจอมันยังนั่งอยู่กับทีมันหันมองมาที่ผมเหมือนจะด่าผมทางสายตา แต่โทษทีกูไม่รู้สึกเจ็บปวดสักนิด


"ทำไมยังไม่ไปอีกวะ" ผมถาม


"ทำแผลให้กูที กูมองไม่เห็น"


"อะไรหนักหนาวะเนี่ย" ผมบ่นมันก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหาเสื้อผ้ามาใส่ นั่งทาครีมเสร็จแล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียง กลับเข้ามาในห้องมันก็ยังนั่งอยู่ทีเดิม จ้องหน้าผมเพื่อกดดัน


"เออๆแมร่ง" สุดท้ายผมก็ต้องทำแผลที่หัวให้มันอย่างเลี่ยงไม่ได้  "มึงชื่ออะไรนะกูลืม" ผมลืมจริงๆนะก็มันไม่สำคัญกับชีวิตผมนี่หว่า


"แมนเมือง" ผมพยักหน้ารับรู้


"แผลไม่ใหญ่มากดีที่ไม่ต้องเย็บ คิดยังไงเอาหัวเป็นโล่วะ"


"ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร" คำตอบแบบกำปั้นทุบดินมาก "คิดแค่ว่าต้องช่วยไอ้โง่ที่ยืนเฉยๆรอขวดมาตีหัวก็แค่นั้น"


ปากมึงเนี่ยนะ


"น่าจะโดนตีปากมากกว่าหัวนะมึงอ่ะ"  ผมพันผ้ารอบหัวมันก่อนจะเก็บขวดยาเข้ากล่องลุกขึ้นเอาไปเก็บที่


หันมาก็เห็นไอ้แมนเมือง หรือเมืองแมนวะ เออ นั้นแหละกำลังถอดเสื้อโยนใส่ตระกร้าผ้าผมพอดี


"เฮ้ยทำไรวะ" ผมถามพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อของมันในตระกร้าผ้าของผมมาโยนคืนให้


"กูจะนอนนี่" พูดได้หน้ามึนมากๆ


"ใครให้นอน"


"ไม่มีแต่กูจะนอน"


"......."


"กูช่วยมึงไว้นะ"


"แล้วยังไงมึงช่วยกูไม่ใช่ว่ามึงจะมานอนห้องกูได้ตามใจมึงนะ"


"ทำยังกับกูไม่เคยนอน" มันไม่เหมือนกันป่ะวะ


"จะออกไปดีๆหรือจะให้กูถีบส่ง" ผมบอกพร้อมง้างตีนรอ


"กูกลับบ้านไปสภาพนี้ไม่ได้ มึงเข้าใจไหม"


"ไม่เข้าใจแล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู"


"กูกลับบ้านไปสภาพนี้พ่อด่ากูแน่ๆ และที่สำคัญที่กูเป็นแบบนี้เพราะกูช่วยมึง" กูไม่ได้ขอร้อง อยากตอบแบบนี้แต่ก็นะถ้าไม่ได้มันผมอาจจะเจ็บกว่าที่มันโดนก็ได้


สุดท้ายผมก็ต้องยอมให้มันนอนด้วยแต่คงแค่คืนเดียวเท่านั้นล่ะครับเพราะผมไม่ชอบขี้หน้ามัน ขืนอยู่ด้วยกันเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง มีหวังฆ่ากันตายก่อนจะได้พูดจากันดีๆ




TALK : บอกก่อนนะคะว่ามาวินเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวกับเรื่องครอบครัว เขาเป็นคนประเภทโหยหาความรักมากๆใครทำดีกับเขา ให้ความสำคัญกับเขา มาวินเขาจะมองว่าคนนั้นพิเศษจนสุดท้ายเขาก็รักคนๆนั้น อย่างกรณีเทียนคือมาวินจะสนิทกับเทียน ทำงานทำโน้นนี่นั้นร่วมกันตลอด จนมาวินตกหลุมรักเพื่อนตัวเอง(แต่เทียนไม่เคยคิดอะไรด้วยเลย)แต่กับธูปมาวินแค่เห็นเป็นตัวแทนของเทียน ไม่ได้ลึกซึ้งขนาดที่เรียกว่าความรัก แค่คาดหวังและคิดไปเอง มาวินชีวิตเขาน่าสงสารนะ เหมือนจะหนีความรักแต่เขาก็วิ่งไล่ตาม ส่วนเรื่องพ่อแม่มาวินนั่นมีเงื่อนงำค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2015 10:44:54 โดย ❁INDY_FAMILY❁ »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
มาวินน่าสงสารจัง.....เศร้าแทน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ชีวิตมาวินมันช่างดราม่าจริงๆ
รอๆคนเขียนมาเฉลยเงื่อนงำ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: วินพูดถึงความรักอ่านแล้วหน่วง 

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ว้าย พึ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้ สนุกอะ

ออฟไลน์ ❁INDY_FAMILY❁

  • -ทำไมต้องเดินตามรอยเท้าใคร เราสามารถสร้างรอยเท้าของเราเองได้-
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๔ ไม่ต่างกัน



-มาวิน-


หลังจากวันที่ไอ้แมนเมืองมันบอกว่าจะนอนห้องผมเพราะมันไม่อยากกลับบ้านไปให้พ่อแม่มันด่านั้น ผมก็คิดเอาเองว่ามันคงจะอยู่แค่วันเดียวแล้วย้ายสาระร่างของมันไปบ้านเพื่อนมันหรือบ้านกิ๊กบ้านใครก็แล้วแต่เพื่อกลบดาน แต่ก็เปล่าหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็อาทิตย์นึงพอดีที่มันมาสิงอยู่ที่ห้องผม ด่าก็แล้วไล่ก็แล้วยังไงมันก็ไม่ไป มันบอกว่าเพราะผมมันจึงเป็นแบบนี้ เพราะมันช่วยผมที่ยืนโง่จะให้เขาเอาขวดมาตีหัวมันจึงเจ็บตัวแทน ฟังดูเหมือนจะดีแต่โทษทีทำไมรู้สึกเหมือนโดนด่าวะ

"หิว" นอกจากมาสิงอยู่ห้องผม แย่งเตียงของผม มันยังใช้ผมเยี่ยงทาสอีก

"หาแดกเองไม่ได้ก็ไม่ต้องแดก"

"กูเจ็บตัวเพราะมึงจะไม่ทำอะไรตอบแทนกูหน่อยรึไง" อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ยินคำนี้นับพันๆครั้ง อะไรๆก็กู ขี้ไม่ออกจะเรียกกูไปช่วยเบ่งไหมเนี่ย

"แล้วที่มึงมาสิงอยู่ห้องกูเนี่ยคือไม่ตอบแทนอย่างนั้นสิ" ด่าไปก็เท่านั้นมันไม่สะเทือนหรอกครับ

"หิว" แมร่งพูดเป็นคำเดียวรึไงวะ

"เออรู้แล้ว!!" สุดท้ายก็เหมือนเดิม ผมต้องลุกขึ้นมาหาให้มันแดก ไม่งั้นมันก็จะแหกปากพูดแต่คำว่า 'หิว' ไม่หยุด

ผมลุกขึ้นเดินไปเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเพื่อต้มมาม่าให้มัน โทษทีที่ห้องผมก็มีแค่นี้ล่ะ ผมไม่ค่อยซื้อของมาตุนไว้หรอกครับมีแค่มาม่าไข่ ไส้กรอก แค่นั้น เพราะผมทำอาหารไม่เป็นและที่สำคัญผมกลัวมันจะเสียก่อนกินหมด ถึงแม้อาทิตย์ที่ผ่านมาจะมีอาหารจากร้านหรูๆมาส่งถึงห้องเพราะใครอีกคนที่อยู่ร่วมกันเป็นคนสั่งมา แต่ผมก็ไม่แตะไม่กินอะไรของมันสักอย่าง ถึงมันจะบังคับและจับยัดใส่ปากผมในบางที่ผมก็กินแค่ที่มันยัดใส่ปากนั้นแหละครับ เพราะคนที่ไม่เคยหาเงินเองมักไม่เห็นค่าของเงิน แต่จะให้พูดให้สอนก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมอยู่ดี

ระหว่างรอน้ำเดือดในหัวผมก็มีเรื่องเข้ามาให้คิดได้สารพัด ถ้าแม่ไม่ทิ้งผมไปถ้าพ่อไม่พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ผมก็คงใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ คงจะใช้เงิบมือเติบไม่คิดหน้าคิดหลัง ชีวิตคงไม่รู้จักโตไม่รู้จักคำว่ารับผิดชอบ ไม่รู้ว่าผมจะขอบคุณพ่อที่พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านหรือจะโทษผู้หญิงคนนั้นที่ทำลายครอบครัวผมดี

ผมไม่รู้จริงๆ........


"มึงร้องไห้" ไอ้แมนเมืองเดินเข้ามาประชิดตัวผมพร้อมกับทำหน้าหมางงใส่ผมประกอบอาการสงสัยของมัน

ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆเอาจริงๆผมก็ไม่ได้อายอะไรหรอกนะครับ ร้องไห้ใครๆก็เคยทั้งนั้น หรือคุณไม่เคยดังนั้นผมจึงมองไม่เห็นว่ามันมีอะไรน่าอาย คนเราแสดงความรู้สึกกันได้ไม่ต้องปิดบังเอาไว้หรอก

"ร้องทำไมวะ" แต่บางครั้งผมก็ไม่อยากจะตอบคำถามเพื่อให้ใครสมเพชผมหรอกนะ

"เสือก" ผมพูดแค่นั้นก็กดน้ำร้อนที่เดือดพอดีใส่มาม่าคัพเทเครื่องปรุงปิดฝาแล้วยื่นให้มัน ไม่ลืมกดน้ำร้อนใส่ถ้วยของผมอีกถ้วย พอเสร็จผมก็เดินออกมานั่งตรงโซฟาเงียบๆไม่พูดไม่อะไรกับอีกคนที่อยู่ร่วมห้อง

ผิดเหรอที่ผมไม่อยากให้ใครมาสมเพชผม ผิดเหรอที่ผมเสียใจแล้วร้องไห้ ผิดเหรอที่ผมเป็นคนแบบนี้

ผมผิดมากเหรอ

แต่อย่างน้อยในความเสียใจมันก็ยังมีเรื่องราวดีๆให้ผมได้จดจำ ยังมีภาพวันเก่าๆให้ผมได้คิดถึง

หลังจากที่ผมซัดมาม่าในถ้วยจนหมดผมก็ลุกขึ้นเอาถ้วยมาม่าไปทิ้งเดินไปนั่งสูบบุหรี่ที่ระเบียงด้านนอก สักพักผมก็ได้ยินเสียงคนเกากีตาร์(ของผม)ขึ้นมาเบาๆ ตามมาด้วยเสียงร้องเพลงที่ฟังดูคร่ำครวญดั่งเหมือนกับว่าเพลงนี้ได้แต่งมาเพื่อมันโดยเฉพาะ

เพื่อนสนิท คิดไม่ซื่อ

"เวลาเธอกอดคอ เล่นหยอกล้อกันอยู่ทุกวัน หัวใจมันสั่น ฝันละเมอคิดไปไกล เธอไม่เคยจะรู้ เพื่อนที่ดูแลเธอทุกวันข้างกาย เค้ามีบางสิ่ง คิดไม่ซื่อกว่าเพื่อนกัน"

"กูจะอยู่ข้างๆมึงนะวิน"

"ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะดีใจที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ สุดท้ายต้องก็ยังทุกข์ใจเสมอ เพราะรักเธอข้างเดียว"


"มีอะไรมึงบอกกูได้ทุกเรื่องเลยนะ"


"มีเพียงความผูกพัน แค่เท่านั้นไม่เคยได้ใจ หวังไปเท่าไหร่ ก็เลือนลางทุกนาที ทำให้ความห่วงใย ไม่เคยทำให้เธอรักกันซักที ไม่มีทางเปลี่ยน ให้เราเปลี่ยนจากเพื่อนกัน"


"มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับกู"


"ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะดีใจที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ สุดท้ายต้องก็ยังทุกข์ใจเสมอ เพราะรักเธอข้างเดียว"

"แค่เพื่อนที่กูให้มึงได้"


"ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะดีใจที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ สุดท้ายต้องก็ยังทุกข์ใจเสมอ เพราะรักเธอข้างเดียว"

"แค่เพื่อนเท่านั้นวิน"

"ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะดีใจที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ สุดท้ายต้องก็ยังทุกข์ใจเสมอ เพราะรักเธอข้างเดียว"

"กูคิดกับมึงแค่เพื่อน เท่านี้ที่กูให้มึงได้"

ผมสูบบุหรี่ไปพร้อมกับฟังเสียงร้องของไอ้แมนเมืองไปด้วย เสียงมันอาจจะไม่ได้เพราะเหมือนนักร้องอาชีพ แต่ก็พอฟังได้ในระดับหนึ่ง  ยิ่งมันร้องเพลงนี้ออกมาจากความรู้สึกของมันแล้วนั้น ทำให้เสียงมันดูเศร้าสร้อยแปลกๆ

ผมหวนนึกถึงตอนที่มันเมาแล้วระบายเรื่องธูปให้ผมฟัง จริงๆมันก็ไม่ได้จะพูดให้ผมฟังหรอกนะครับ เพียงแต่ตอนนั้นมันเมามากแล้วมันก็คงอึดอัดใจ พอมีเรื่องอะไรไปกระทบใจมัน สุดท้ายมันจึงพูดความใจในของมันออกมา

"ไม้กันหมาอย่างกู ไม่มีสิทธิ์รักเลยเหรอว่ะ มีหน้าที่แค่กันคนอื่นออกห่างจากธูป รวมทั้งตัวกูด้วยใช่ไหมว่ะ"

ไอ้แมนเมืองกระดกเหล้าเข้าปากหลังจากพล่ามเรื่องความรักของมัน

"กูอยู่กับมันตลอดไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด สนิทกับมัน รู้ทุกเรื่องของมัน จนสุดท้ายกูก็รักมัน"

ผมนั่งหยิบถั่วลิสงโยนใส่ปากพร้อมกับรินเบียร์ใส่แก้วตัวเองไปด้วย ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงอะไรให้มันรับรู้

"เพราะไอ้เทียนมันบอกกูว่ามีคนมาชอบธูปแต่ไอ้เทียนไม่ต้องการให้ธูปไปยุ่ง มันเลยให้กูกันธูปไม่ให้มันเข้าใกล้ มึงคิดดูไอ้เหี้ยนั่นก็ฝากเหี้ยอะไรมาให้ธูปนักก็ไม่รู้ทุกวี่ทุกวัน กูเนี่ยแดกแทบจะอ้วก กลัวแมร่งใส่ยาเสน่ห์ฉิบหาย"

บางครั้งผมก็คิดนะว่าไอ้เทียนมันหวงพี่ชายมันเกิดเหตุไปรึเปล่าวะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจริงๆเวอร์มาก


"กูอยู่กับมันจนสุดท้ายกูก็รักมัน มึงคิดดูอยู่ใกล้กันทุกวันแต่กูทำอะไรไม่ได้ แสดงออกว่ารักมันเกินกว่าเพื่อนก็ไม่ได้ ทรมานโคตรๆ"

กูก็ไม่ต่างจากมึงเท่าไหร่หรอกอยู่ใกล้ชิดได้สนิทเพียงเพราะเป็นเพื่อนกันไม่มีวันได้ขยับเข้าไปใจมันสักที จนสุดท้ายชะนีคาบมันไปแดกตัดหน้ากูซะงั้น

"และสุดท้ายกูก็ทำมันพัง มันพังเพราะกูขี้ขลาด เพราะกูไม่กล้าพูดความจริง เพราะกูคนเดียว........"

ผมหันไปมองคนที่พูดพล่ามอยู่นานสองนาน จนเสียงมันเงียบหายไปแลดูผิดปกติ สุดท้ายผมก็เห็นซากมนุษย์ขี้เมาที่นอนฟุบลงกับพื้นหลับตาพริ้มอยู่อย่างนั้น

ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปนอนในห้องอย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้นอนบนเตียงแหละ ส่วนอีกคนช่างมันเถอะครับ มันจะนอนไหนก็เรื่องของมันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ

ผมปล่อยควันบุหรี่ให้ล่องลอยไปในอากาศ แล้วก็คิดเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ถ้าวันนั้นผมทำมันลงไปจริงๆวันนี้ธูปจะรักผมไหม จะมีคนรักผมเพิ่มขึ้นมาอีกคนไหม

ไม่มีใครรู้คำตอบนอกจากธูป แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้คำตอบ คำตอบมันมีอยู่แล้ว เพราะเป็นผมไง เพราะผมคือมาวินที่ไม่เคยมีใครรัก พอผมรักใครทุกคนก็หนีหายไปจากผมทุกครั้ง คนบนฟ้าคงไม่อยากให้ผมมีความรัก คนบนฟ้าคงเกลียดผม

ผมทิ้งบุหรี่ที่สูบจนหมดลงบนกระถางต้นไม้ หันหลังเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะพบกับ

ไอ้ขี้เมา(เมามันได้ทุกวัน)ที่นั่งกินเหล้าเพียวๆ(ที่มันซื้อมาเก็บไว้)อยู่ตรงโซฟา พร้อมกับขนมกรุบกรอบอีกสารพัด ผมหยุดยืนมองขวดเหล้าที่กลิ้งอยู่ที่พื้นด้วยความเหนื่อยใจ แดกมาม่าเสร็จแดกเหล้าต่อเลยนะมึง

เมาแมร่งทุกวัน เพ้อทุกวัน เหมือนหมาเข้าไปทุกวัน ไอ้แมนเมืองเงยหน้ามามองผม สายตามันดูเศร้า หม่นๆยังไงชอบกล มันคอแข็งนะเรียกว่าโคตรคอทองแดงเลย แต่คนเราอารมณ์หม่น กินเหล้าคนเดียว(หมดกลม)ร้อยทั้งร้อยไม่เมาก็ให้รู้ไป

"อ้ายยยวินนนนนน" เสียงเริ่มยานคาง สภาพเริ่มไม่ต่างจากหมา

ไอ้แมนเมืองดึงมือผมให้นั่งลงบนพื้นข้างๆมัน ไอ้ธูปเวลาเมาว่าเกรียนแล้วนะเจอไอ้เมืองแมนเข้าไปชิดซ้าย เพราะรายนี้ดราม่ามาเต็ม ชีวิตมันรันทดยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าหลังข่าวอีกครับ กูอยากรู้จริงๆกลุ่มมึงเวลาเมามีใครเต็มบ้างไหมว่ะเนี่ย

"แดกเหล้าเป็นเพื่อนกูหน่อยกูเหงา" มันยกแก้วเหล้าชูขึ้นตรงหน้าผม

"ไม่ว่ะ" ผมดันแก้วเหล้ากลับไป

"หยิ่งรึไงว่ะ"

"เปล่ากูมีงานต้องทำ" ผมบอกมันก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเอางานที่ทำค้างไว้มานั่งทำ พยายามไม่สนใจเสียงหมาเสียงเปรตที่ร้องโหยหวนอยู่ด้านนอก

งานของผมต้องใช้สมาธิอย่างสูงปีสามงานหนักมหาโหด เรียนห้าปีกว่าจะจบ เวลาใกล้จะส่งงานเรียกว่าเผางานกันตูดแทบไหม้ เมาบุหรี่เมากาแฟ กระทิงแดงกันไปกว่างานจะเสร็จ และที่ผมต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยบอกเลยหนักกว่าคนอื่นสองเท่าถ้าไม่ขยัน อนาคตไม่ต้องสงสัยได้หาคณะเรียนใหม่แน่ๆ ไอ้เทียนมันคงรู้ตัวมันเลยเลือกดร็อปก่อนจะไปทำเรื่องของมัน มันไม่บอกไอ้ธูปและห้ามพวกผมว่าห้ามปากมากไปบอกธูปไม่งั้นพวกผมจะซวย

แล้วใครจะกล้ากับมันล่ะครับ

จนป่านนี้ไอ้ธูปมันยังไม่รู้เลยว่าไอ้เทียนมันดร็อปเรียนไปแล้ว แต่ไอ้เทียนไปไหนอันนี้พวกผมก็ไม่รู้เหมือนกันมันบอกว่าจะไปทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่คืออะไร ยังไง พวกผมไม่รู้เพราะไอ้เทียนไม่เคยพูดไม่เคยบอกอะไรพวกผมอยู่แล้ว

มันเป็นคนไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวกับใคร แม้จะสนิทกันมาก มันก็จะไม่พูด นอกเสียจากว่ามันจะพูดจะบอกเอง คิดเอาเถอะครับว่าธูปเป็นพี่ชายมันแท้ๆยังไม่รู้เลยว่าไอ้เทียนมันไปไหน

"ทำม้ายไม่ร๊ากกับฉานนนนน" เสียงโหยหวนดังแว่วเข้ามา ผมหลับตาพยายามอย่างยิ่งที่จะสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้เดินออกไปกระถีบไอ้ขี้เมาด้านนอกเอาไว้ หยิบบุหรี่ที่วางไว้ตรงที่เขี่ยบุหรี่ หยิบขึ้นมาสูบเข้าปอดจนไฟสว่างวาบที่ปลายมวน ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมานอกห้อง

ซากอดีตมนุษย์ย้ำว่าอดีตมนุษย์ที่ตอนนี้เมาและกลายเป็นหมา และในเวลาไม่ช้ามันจะกลายเป็นหมาที่ดราม่าใส่ทุกสิ่งอย่างไม่เว้นแม้แต่ถุงขนมเลย์ มันก็สามารถดึงมาเศร้าได้

ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกระทิงแดงมาสองขวด กาแฟกระป๋องอีกสอง ไม่ลืมคว้าเอาขนมที่วางอยู่บนโต๊ะอีกสามสี่ถุง งานนี้ถ่างตาทำกันถึงเช้า

ผมเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งนั่งทำงานไปด้วยกระดกกระทิงแดงไปด้วยทำไปเพลินๆก็เริ่มรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างได้เดินเข้ามาภายในห้อง

ซากมนุษย์ขี้เมาเดินเข้ามาในห้องที่ผมทำงานอยู่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม คอพับคออ่อน นั่งเอนซ้ายทีขวาที ห้องก็ไม่ได้เอียงมึงจะเอนไปเอนมาทำไมว่ะกูปวดหัว

"อ้ายวินนนนนน"

ผมไม่ได้สนใจคนขี้เมาที่พยายามก่อกวนผมอยู่ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองไป มันก็เริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข หยิบโน้นจับนี่จนผมต้องตีมือมันแย่งเอาของในมือมันคืนมา

"วินนนนนนน" เสียงยานขนาดนี้ไปนอนเถอะกูเสียสละเตียงให้เลย

"เหี้ยวินนนนนนน" สรพพนามกูเปลี่ยนทันทีเมื่อไม่ได้ดั่งใจมึง

"ว่า" ผมถามมันออกไปเพราะถ้าขืนเงียบมีหวังมันป่วนจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ

"กูม้ายดีตรงหนายอ่า" ตรงที่มึงเมาเหมือนหมาไง

"กูจะรู้ไหม" ผมตอบมันกลับไปงั้นๆ ไม่ได้สนใจมันมากไปกว่างานตรงหน้าที่ต้องเร่งส่ง

"ทำม้ายธูปม้ายร๊ากกูว่ะ" คนไม่รักจะบังคับได้ยังไงว่ะ

"......"

"กูเจ็บตรงนี้อะ เวลาที่มันทำเมินไม่สนใจกูอ่ะ" มันยกมือทุบลงที่อกข้างซ้ายของมันดังอั๊กๆ ปากก็ร้องกระโกนว่าเจ็บอย่างนั้นเจ็บอย่างนี้ แต่มือก็ยังไม่หยุดทุบ

ช้ำในตายขึ้นมาซวยกูอีก

"มึงทุบขนาดนั้นก็ต้องเจ็บล่ะ" ผมเตือนสติมันเพื่อมันจะคิดได้ว่าทุบลงไปขนาดนั้นมันอาจจะช้ำในตาย

"กูอยากให้มันมองกูเหมือนที่กูมองมัน"

เทียนเองก็ไม่เคยมองกูแบบเดียวกับที่กูมองมันเหมือนกัน

"กูอยากให้มันยิ้มให้กูคนเดียว"

เทียนเป็นคนยิ้มยากแต่ถึงอย่างนั้นเทียนก็ยิ้มให้ทุกคนไม่เฉพาะแค่กู

"กูอยากให้ธูปรักกู ไม่ใช่รักแบบเพื่อน"

กูเองก็อยากให้เทียนรักกูบ้างมีกูอยู่ในหัวใจบ้าง

แค่นั้นเองที่กูต้องการ........

"เพราะมึงอ่ะทำให้ธูปเกลียดกู" ไอ้ขี้เมาชี้นิ้วสะเปะสะปะไปมาตรงหน้าผม

ถึงไม่มีกูเขาก็ไม่รักมึงอยู่ดีนั่นแหละ

"555 สุดท้ายมึงกับกูก็ไม่ต่างกัน แห้วแดกทั้งคู่"

ใช่เราสองคนไม่ต่างกันเลยสักนิด พี่น้องคู่นี้ใจร้าย ใจร้ายมากทำคนเกือบตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

แค่บอกไม่รักก็ทำเอาเจ็บเจียนตาย

ความคิดของผมหยุดลงทันทีเมื่อหัวทุยๆของไอ้ขี้เมาที่พูดมากอยู่เมื่อครู่หล่นตุบลงมาบนตักผม มันเอาหัวถูๆขาผมก่อนจะหันหน้าซบกับหน้าท้องผมก่อนจะนอนหลับไป ผมพยายามดันหัวมันแต่ไม่ออกเพราะมันยกมือขึ้นโอบรัดเอวผมเอาไว้จนแน่น

แน่นกว่าอนาคอนด้ารัดเหยื่อซะอีก

คืองานกูก็ต้องทำรึเปล่าวะแล้วมึงจะมานอนหนุนตักกูเพื่อ? ดันมากก็ไม่ได้ถ้ามันดิ้นไปโดนงานผมเข้าล่ะงานงอกของแท้เลยทีนี่ สุดท้ายในเมื่อดันมันไม่สำเร็จก็ปล่อยเลยตามเลย

แน่จริงมึงนอนหนุนตักกูให้ถึงเช้าเลยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2015 14:21:36 โดย ❁INDY_FAMILY❁ »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
คู่นี้ใครรุกรับนะ....รึจะเป็นแค่เพื่อน หุหุ รอลุ้น

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
แลมีซัมติงรอดูยาวๆจร้าาา

ออฟไลน์ ❁INDY_FAMILY❁

  • -ทำไมต้องเดินตามรอยเท้าใคร เราสามารถสร้างรอยเท้าของเราเองได้-
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๕ เหนื่อยไหมหัวใจ



-มาวิน-


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมต้องอยู่ร่วมห้องใช้ชีวิตใช้อากาศหายใจร่วมกับปรสิตที่เกาะติดไม่คิดจะย้ายสาระร่างไปไหนสักที ผมเลิกล้มความคิดที่จะไล่มันแล้วครับไม่ใช่ว่ามันจ่ายค่าเช่าห้อง หรือซื้อของกินของใช้ให้ผมหรอกนะครับ ของพวกนั้นผมมีปัญญาซื้อเองจ่ายเองได้ แต่ที่ผมไม่ไล่มันก็เพราะว่าผมไล่มันทีไรมันก็จะทำหน้ามึนๆใส่และวันรุ่งขึ้นมันก็จะหอบเอาเสื้อผ้าข้าวของของมันมาสุ่มที่ห้องผม(ยิ่งไล่มันยิ่งขนมา)และห้องผมก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายนักพอมีเสื้อผ้าข้าวของของมันมาเพิ่มมันก็ยิ่งเล็กและแคบเข้าไปอีก จะหาพื้นที่ว่างๆให้เดินแต่ละก้าวนี่แทบจะไม่มี ไม่ต้องพูดถึงตู้เสื้อผ้าของผมที่โดนมันยึดไปกว่าครึ่ง โต๊ะเครื่องแป้งที่มีแต่ครีมทาผิวและน้ำหอมของมันเยอะแยะจนผมยังงงว่ามันใช้หมดทุกอันรึเปล่า


"หิว" มาอีกแล้วคำนี้ มึงไม่คิดจะเดินไปหาอะไรใส่ปากใส่ท้องเองบ้างเลยรึไงวะ


ผมนั่งมึนทำงานของตัวเองไปโดยไม่สนใจเรียกหมาเห่าหมาหอน เพราะยังไงมันก็ตามมาหลอกหลอนผมอยู่ดี


"กูหิว" ไอ้แมนเมืองมันเดินมาสะกดผมพร้อมบอกความต้องการของมัน


เอาเวลาที่เดินมาบอกผมไปหาอะไรแดกเองง่ายกว่าไหม


ผมเงยหน้ามองมันก่อนจะหันกลับมาสนใจงานที่อยู่ตรงหน้าผมดั่งเดิม พอผมไม่สนใจมันไอ้แมนเมืองก็เริ่มหยิบยื่นความน่ารำคาญให้ผมทันที


"หิวๆๆๆๆๆๆๆ" มันย่อตัวนั่งยองๆลงข้างผมก่อนจะแหกปากใส่หูผมและพูดเสียงดัง


"เป็นเหี้ยไร" ผมหันไปแวดใส่มันทันทีด้วยความโมโห


"กูหิว" มันย้ำ


"แล้ว"


"ไปกินข้าวกัน" ไม่พูดเปล่ามันลุกขึ้นฉุดมือผมให้ลุกตามไปด้วย


ผมพยายามขืนตัวแต่ก็เท่านั้นแหละครับเพราะมันไม่สนใจหรอกว่าผมจะอยากไปหรือไม่เพราะถ้ามันต้องการให้ผมไปมันก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ความต้องการของมันเป็นผลโดยไม่ถามความสมัครใจของผมสักนิด


ถ้าเป็นธูปมันจะตามใจไม่กล้าขัดหรือถ้าขัด ธูปต้องได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นที่ผมรู้เพราะมันเมาแล้วเล่าให้ฟัง อธิบายง่ายๆคือถ้ามันอยากกินข้าวแต่ธูปอยากกินก๋วยเตี๋ยวมันก็จะจูงใจธูปด้วยการเอ่ยปากบอกว่ามันจะเลี้ยงและอาจจะแถมด้วยการพาไปดูหนังเรื่องที่ธูปกำลังอยากดู หรืออาจะเป็นอะไรอย่างอื่นก็แล้วแต่ว่ามันจะหามาเอาใจธูป ที่ผมพูดให้คุณฟังไม่ใช่ว่าผมอิจฉาหรืออะไรนะครับอย่างเข้าใจผิด แต่ผมจะบอกว่าผมเองก็เป็นเหมือนกันผมตามใจเทียนมันทุกอย่างตามใจมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ สำหรับผมเทียนคือที่หนึ่งไม่ว่ามันจะอยากได้อะไรอยากกินอะไรผมต้องพาไปต้องหามาให้มัน


ผมก็แค่จะบอกว่าเวลาคนเรารักใครสักคนนึงเราสามารถจะทำทุกอย่างได้เพื่อเขาคนนั้น แต่ในทางกลับกันถ้าเราไม่ได้รักไม่ได้รู้สึกพิเศษเราก็ไม่จำเป็นต้องทำตามใจผมพูดถูกไหม แต่ตอนนี้ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยวะ ชุดที่ผมใส่อยู่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนะ กางเกงบอลเสื้อยืดก็แค่ไปกินข้าวไม่ใช่หรอวะแล้วทำไมต้องเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องใหม่ด้วย ผมมองชุดที่อยู่ในมือไอ้แมนเมืองที่มันยื่นมาให้ผมตรงหน้าด้วยความสงสัย


"อะไร" ผมถาม


"สูทไง เปลี่ยนซะเดี๋ยวกูไปรอข้างนอก" มันพูดจบก็เอาสูทยัดใส่มือผมทันทีส่วนตัวมันก็หมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาเดินชิวๆออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมงงสงสัยว่าแค่ไปกินข้าวถึงกับต้องใส่สูทกันเลยหรอวะ
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมมองโรงแรมหรูตรงหน้าก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยความสงสัย คือวันนี้ผมสงสัยหลายๆอย่างและไม่มีทีท่าว่าจะได้รับคำตอบอะไรสักอย่างเพราะไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆกันนั้นมันทำเพียงแค่พยักหน้าและเตะข้อศอกผมเพื่อให้เดินตามมันเข้าไปในโรงแรมหรูนั้น


นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ก้าวเท้าเข้ามาในที่หรูหราแบบนี้ นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนชนชั้นสูงในสังคม นานแล้วนะที่ไม่มีใครให้เกียรติก้มหัวทำความเคารพเมื่อผมเดินผ่านและเปิดประตูให้เพื่อให้ผมก้าวเข้าสู่โลกแห่งการใส่หน้ากากเข้าหากัน


นานแล้วนะ........ตั้งแต่วันที่ครอบครัวของผมไม่ใช่ครอบครัว


"พามาที่นี่ทำไมวะ" ผมถามไอ้แมนเมืองแต่มันก็ทำแค่เพียงยกคิ้วทำหน้าส้นตีนใส่ผม


ไอ้แมนเมืองมันเดินนำหน้าผมเข้าไปในงานอะไรสักอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันไปมาให้วุ่นวาย แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปสาดใส่เซเลป ไฮโซ คนดังที่ยืนอวดเครื่องเพชร เครื่องประดับที่ขนกันมาเพื่อใส่อวดประชันกันว่าใครเหนือกว่ากัน เห็นแล้วน่าสมเพสสิ้นดี สุดท้ายก็แค่เปลือกนอกที่เราอยากให้คนอื่นเห็นว่าสวยหรู ภายในจิตใจเน่าเฟะขนาดไหนใครจะรู้


ผมถอนหายใจให้กับความน่าเบื่อหน่ายกับภาพที่เห็นก้าวเท้าเดินตามไอ้แมนเมืองไปอย่างเงียบๆพยายามไม่เงยหน้าสบตากับใครๆเพราะผมไม่ได้ตระเตรียมหน้ากากทางสัมคมมาด้วยเกรงว่าอาจจะทำเรื่องให้อีกฝ่ายขายหน้าได้ง่าย


"กว่าจะมานะลูกคนนี้" ผมเงยหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงตำหนิแบบไม่จริงจังนัก


คุณหญิงอุไรวรรณ พิสุทธิรักษณ์


ผมหันไปมองหน้าไอ้แมนเมืองด้วยความสงสัย มันยืนยิ้มตาหยีก่อนจะเดินเข้าไปโอบเอวคุณหญิงท่านและทำท่าทางออดอ้อน


"ก็มาแล้วไงครับแม่"


แม่เหรอ.....


"แม่ครับนี่มาวินเพื่อนผม"  ผมรีบยกมือไหว้คุณหญิงแม่ของไอ้แมนเมืองแทบไม่ทัน คุณหญิงท่านยิ้มหวานยกมือรับไหว้ผมก่อนจะที่ขมวดคิ้วเพ่งพินิจใบหน้าของผมอย่างไม่วางตา


"หนูวินลูกคุณอำภาใช่ไหมลูก" ผมแทบกลั้นหายใจที่คุณหญิงท่านพูดจบ จริงอยู่ที่สังคมชนชั้นสูงมันแคบใครต่อใครก็รู้จักกันหมด และอาจจะรู้ดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ


"ครับ" ผมตอบรับเพียงแค่นั้น


"น้าเสียใจด้วยนะคะเรื่องคุณแม่ของหนู" คุณหญิงแสดงท่าทีเศร้าเสียใจท่านลูบหลังผมอย่างต้องการปลอบประโลม


ผมยกมือไหว้ขอบคุณในความสงสารนั้น คุณหญิงกุมมือผมเอาไว้ท่านมองหน้าผมแววตาแสดงออกว่าท่านยินดีที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ ดีใจที่เจอผม


"น้าดีใจที่เจอหนู ดีใจจริงๆ" ท่านพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่เจ้าหน้าที่ในงานจะเชิญท่านไปถ่ายรูป ก่อนไปท่านยังยิ้มให้ผมและบอกผมว่าให้ทำตัวตามสบาย


มันไม่ใช่ที่ของผมจะให้ทำตัวตามสบายก็คงไม่ใช่


ผมตวัดสายตามองหน้าไอ้คนที่พาผมมา มันแค่เพียงยิ้มแหยะๆแล้วบอกกับผมว่ามันไม่มีเพื่อนมางานนี้ มันเองก็โดนแม่มันบังคับให้มาเหมือนกัน


แล้วทำไมต้องเป็นผมวะที่มากับมันอ่ะ


"เพื่อนกูไม่มีใครว่างถึงว่างมันก็ไม่มา ขนาดแม่ไอ้เหนือบังคับไอ้เหนือมันยังไม่มาเลย" มันพูดแค่นั้นแล้วเดินไปคว้าเอาแชมเปญมาสองแก้วก่อนจะส่งให้ผมแก้วนึง


"ธูปไงไม่ชวนมาอ่ะ" เพื่อนมันผมจำหน้าได้หมดแต่ลืมๆชื่อไปบ้างจำได้ก็แค่ธูปคนเดียว


"แฟนมันคงให้มากับกูอ่ะนะมึงก็พูดไป" เออจริง


"เลยซวยกู"


"หึ"


ผมกับไอ้แมนเมืองยืนเป็นหุ่นอยู่ในมุมอับเพราะไม่อยากแสดงตัวและไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายมากนักมันมางานนี้เพราะถูกบังคับและมันก็ลากผมมาด้วยเหตุเพราะมันไม่มีเพื่อน


"แล้วมึงรู้ไซส์เสื้อผ้ากูได้ไง" มันพอดีจนผมตกใจ


"ไม่ยากก็กูลองใส่เสื้อผ้ามึงแล้วกูก็เอาไปให้ร้านเค้าวัดตัวกะขนาดเอาแค่นั้น"


ผมสูงกว่ามันนิดหน่อยแต่ไหล่มันหนากว่าผม ตัวมันก็หนากว่าผม แล้วมันลองใส่เสื้อผ้าผมซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะวัดขนาดได้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถือว่าช่างเขาเก่งนะครับตัดออกมาพอดีเลย


"มึงเตรียมการมาอย่างดีเลยนะ" ผมกัดมันไปอีดอก


"ก็เป็นเดือนเพื่องานนี้"


ผมไม่พูดอะไรต่อเราสองคนยืนมึนๆอยู่ในงาน มีสาวๆแวะเวียนเข้ามาทำความรู้จักบ้างประปรายผมก็แค่ยิ้มไปตามมารยาท งานนี้เป็นงานเปิดตัวผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งกลับมาจากอังกฤษมารับตำแหน่งที่พ่อของเขาปูทางเอาไว้ให้ คนที่เกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่างมันก็ดีแบบนี้ล่ะครับแค่เดินตามเส้นทางที่พ่อแม่ขีดไว้ให้ คำว่าประสบความสำเร็จก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เปรียบกับคนที่พ่อแม่ไม่มีหลักฐานมั่นคงก็คงต้องดิ้นรนกันเอง


แล้วอย่างผมล่ะจัดอยู่ในประเภทไหน


ผมมองขึ้นไปบนเวทีเมื่อเสียงประกาศของพิธีกรบนเวทีพูดจบแสงไฟสาดส่องไปยังผู้ชายที่ใส่สูทสีดำราคาแพงยืนปรากฎกายเป็นจุดเด่นอยู่กลางเวที ผมละความสนใจเมื่อเจ้าของงานกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ผมตัดสินใจเดินออกมาจากงานตรงไปยังระเบียงด้านนอกยืนเงยหน้ามองฟ้าที่มีดาวประดับอยู่บนนั้น แม่คงจะอยู่บนดาวดวงไหนสักดวง แม่คงเฝ้ามองดูผมจากบนนั้น ผมได้แต่ยิ้มขื่นให้กับตัวเอง


"วิน" ผมตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงที่เรียกชื่อผม


"......"


"วินลูก" มือใหญ่ที่ไร้ความอบอุ่นสำหรับผมเอื้อมมาแตะที่ไหล่ผมด้วยอาการกล้าๆกลัวๆ


ผมเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือใหญ่นั้นก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายจ้องตาเขม็งให้รู้ไปเลยว่าผมไม่ยินดียินร้ายกับการที่ต้องมาเจอกับอีกฝ่าย


"พ่อคิดถึงลูกมากนะ" อีกฝ่ายพูดบอกพยายามจะเดินมาหาผม


"ผมไม่รู้จักคุณ" ผมพูดออกไปพร้อมกับเดินผ่านอีกฝ่ายเพื่อจะเดินกลับเข้าไปในงานไปบอกไอ้แมนเมืองว่าผมต้องการจะกลับหอแล้ว


"วิน" แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้ผมจากไปง่ายๆเขาเอื้อมมือมาจับข้อศอกผมเอาไว้


"......." 


"ฟังพ่อพูดก่อนได้ไหม"


"ฟังอะไร" ผมสะบัดแขนตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อยมือ "ฟังว่าคุณพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านทำให้แม่เสียใจ ตรอมใจและตายต่อหน้าผมอย่างนั้นหรอ"


"......"  อีกฝ่ายเงียบผมจึงพูดต่อ


"หรือจะให้ฟังว่าคุณเอาผู้หญิงคนนั้นออกงานเชิดหน้าชูตาในสังคมว่าเป็นเมียทั้งๆที่คนที่คุณควรจะให้เกียรติกลับนอนร้องไห้อยู่ที่บ้าน"



"......."


"จะให้ผมฟังคำโกหกอะไรของคุณอีก ผมฟัง ผมเห็นมาหมดแล้ว พอแล้วอย่ามายุ่งกับผมอีกเลย คุณมีครอบครัวของคุณ ผมมีชีวิตของผม อย่ายุ่งกับผมอีก!!"


ผมรู้ว่ามันบาปแต่ผมไม่อาจลืมเรื่องที่เขาทำกับแม่และผมได้ ผมเกลียดความไม่รู้จักพอผมเกลียดคนที่เห็นแก่ตัว


ผมเกลียด........


"วินกำลังเข้าใจพ่อผิดนะ" ผมเกลียดคำแก้ตัวของเขา


"เข้าใจผิด ตรงไหนที่ผมเข้าใจผิด"


"เรื่องพ่อกับแม่หน่ะมันไม่ใช่อย่างที่วินคิดนะ บางเรื่องมันก็ยากที่จะอธิบาย แต่ถ้าวินจะให้โอกาสพ่อได้พูด......."


"ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวของคุณ"


ผมหันหลังกลับเพื่อจะเดินเข้าไปในงานโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายพูดจบรึยัง แต่แล้วคำพูดของคนที่ผมทิ้งเอาไว้เบื้องหลังก็หยุดสองเท้าของผมเอาไว้ เพียงเพราะเขาพูดออกมาว่า


"พ่อกับแม่ เราไม่เคยรักกัน"


ผมหันควับกลับไปมองคนเห็นแก่ตัวที่ยืนอยู่ด้านหลัง อยากเดินเข้าไปทำให้อีกฝ่ายเจ็บเหมือนที่แม่ผมเจ็บ อยากทำให้อีกฝ่ายกระอักเลือด ทุกข์ใจ เหมือนที่แม่ผมต้องเคยเป็นเมื่อครั้งอดีต แต่เพราะคำว่าผู้ให้กำเนิดมันค้ำคอผม ทำให้ผมได้แต่คิดแต่ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย


"คุณมันเห็นแก่ตัว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง ถ้าคุณกับแม่ไม่ได้รักกันแล้วแต่งงานกันทำไม มีผมทำไม ให้ผมเกิดมาเพื่อรับรู้เรื่องแบบนี้ทำไม!!"


ผมเงยหน้ามองท้องฟ้ากระพริบตาเร็วๆเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา เพราะผมไม่อยากให้คนตรงหน้าเห็นว่าผมอ่อนแอ


"พ่อกับแม่แต่งกันเพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบมันเป็นเรื่องของธุรกิจ พ่อกับแม่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะตอนนั้นเรายังเด็กทั้งคู่"


"......."


"แม่ของลูกมีคนที่รักอยู่แล้ว พ่อเองก็มีเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าเราทั้งสองคนรักใคร"


"คุณหมายความว่ายังไง" ถ้าแม่ไม่ได้รักคนๆนี้แล้วแม่รักใคร แล้วทำไมแม่ต้องเสียใจที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน


"แม่ของลูกรักพี่ชายของพ่อ ก็ลุงของลูกนั้นแหละ แต่เพราะท่านเป็นคนเจ้าชู้ทำให้แม่ของลูกเสียใจหลายต่อหลายครั้ง"


"คุณโกหก" ผมเถียงออกไปเพราะรู้สึกค้านในคำพูดของอีกฝ่าย ลุงผมถึงท่านจะอายุสี่สิบปลายๆแต่ท่านเป็นผู้ชายที่ยังหล่อเหลา และมีเสน่ห์มาก ท่านยังครองตัวเป็นโสดแต่มีข่าวว่าเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อย ผมไม่เคยเห็นแม่และลุงจะมีความสัมพันธ์อย่างที่อีกฝ่ายว่ามาเลย


"พ่อจะโกหกให้ได้อะไรขึ้นมา พ่อยอมเสียทุกอย่างแต่พ่อจะไม่ยอมเสียลูกไปแน่นอน ลูกคือครอบครัวคือทุกอย่างของพ่อ"


"ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นครอบครัว เป็นทุกอย่างของคุณ"


"ถ้าพ่อบอกว่าเขาเป็นคนของลุง ลูกจะเชื่อพ่อไหม"  ผมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย


"หมายความยังไง"


"เขาเป็นคู่ควงของลุงแต่เพราะลุงของลูกกลัวว่าแม่ของลูกจะเสียใจจึงให้พ่อบอกใครต่อใครว่าเขาคือคนของพ่อ...."


"ลุงจะทำแบบนั้นทำไม"



"เพราะลุงของลูกรักแม่ของลูกแต่ก็รักชีวิตอิสระ"



ความรักจะไม่ทำให้เราเสียน้ำตา คนรักกันจะไม่ทำให้เราเสียใจ แต่ถ้าเรารักใครสักคนเราจะยอมอภัยให้เขาไม่ว่าเขาจะทำร้ายเราสักกี่ครั้ง เราก็พร้อมจะอภัยให้ เพราะเรารักเขา


คำพูดของแม่ลอยเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ถ้าทั้งหมดที่คนตรงหน้าผมพูดนั้นเป็นความจริง แม่ผมต้องทุกข์ทรมานเพราะคนรักมานานขนาดไหนต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักนานขนาดไหน ความรักที่ไม่อาจรักได้มันทรมานจนทำให้คนๆนึงต้องตรอมใจตาย แล้วถ้าเรื่องทั้งหมดที่ออกมาจากปากคนตรงหน้าผมนั้นเป็นความจริง ผมควรจะโกรธควรจะเกลียดใคร


ปู่ย่า ตายาย ลุง หรือคนตรงหน้าผม



"ถ้าเรื่องที่คุณพูดมาเป็นความจริง ผมถามสักคำได้ไหมว่าผมเป็นลูกใคร" ถ้าแม่รักลุง ถ้าคนตรงหน้าผมมีคนรักอยู่แล้ว แล้วใครเป็นพ่อของผมกันแน่


เมื่อคำถามออกจากปากของผมไปแล้วนั้นอีกฝ่ายก็ทำสีหน้าลำบากใจ เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยปากถามผม


"ลูกแน่ใจนะว่าอยากรู้" ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ มาถึงขั้นนี้แล้วอะไรมันจะเกิดผมคงต้องยอม


"ลูกเป็นลูกของพ่อ แต่พ่อกับแม่เราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน เราแค่ใช้วิทยาการทางการแพทย์ซึ่งลุงของลูกเป็นคนเสนอทางนี้"


"ทำไม"


"ลุงของลูกเป็นหมัน" คนตรงหน้าผมเว้นระยะลังเลว่าจะพูดต่อดีไหม  "และพ่อก็ไม่ได้ชอบผู้หญิง"


ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เรื่องบัดสีแบบนี้ทำไมต้องมาเกิดกับผมด้วย ผมไม่ได้เกิดมาจากความรัก แต่เกิดมาเพราะครอบครังต้องการทายาทอย่างนั้นหรอ


"แล้วคนรักของคุณเป็นใคร"


"น......."


"วิน" ผมหันไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย


"น้าพี" น้าพีหน้าตาตื่นเดินตรงมาหาผม


"ทำไมเรามางานนี้ได้ล่ะ"


"เพื่อนผมพามาอ่ะครับ แล้วน้ามากับเขาหรอ" น้าพีพยักหน้าตอบ


"แล้วทำไมมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะ" น้าพีถามพลางมองไปที่อีกคนที่ยืนอยู่เงียบๆมองเราสองคนอยู่


"ไม่มีอะไรหรอกครับ งั้นวินขอตัวก่อนนะน้าพี สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้น้าพีก่อนจะรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที


ผมก้มหน้าก้มตาเดินลงลิฟท์และรีบออกมาจากโรงแรมนั้นทันทีโดยไม่ได้บอกอะไรกับไอ้แมนเมือง ผมเดินไปเรื่อยเปื่อยเรื่องราวมากมายรุมเร้าอยู่ในหัวของผมแทบจะระเบิด ผมไม่รู้ว่าที่ได้ยินทั้งหมดนั้นมันคือเรื่องจริงหรือเปล่า และถ้ามันคือเรื่องจริงแล้วผมจะทำยังไงต่อไป ผมจะสามารถให้อภัยและกลับไปเป็นครอบครัวกับคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่ออีกครั้งได้ไหม และลุงของผมคนที่เป็นสาเหตุให้แม่ต้องตายผมจะมองหน้าเขาติดเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม ผมไม่รู้ ตอนนี้ผมเหนื่อยและไม่อยากรับรู้หรือคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว
.
.
.
.
.
.
"กูก็หามึงในงานจนทั่ว โดนแม่ด่าหาว่าทิ้งมึง แล้วนี้อะไรมานั่งแดกเหล้าสบายใจอยู่ในห้องเนี่ยนะ"


ผมไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาเสียงหมาเห่าหมาหอนของไอ้แมนเมืองที่มันบ่นตั้งแต่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้วเห็นผมนั่งซดเหล้าอยู่ ผมเครียดหาทางออกไม่ได้ผมก็กินเหล้าก็แค่นั้น ระหว่างทางกลับมาที่ห้องผมแวะเซเว่นซื้อเหล้า โซดา น้ำแข็ง ขนม มาด้วยเพราะคิดเอาไว้ว่าถ้าไม่เมาคงนอนไม่หลับดีนะที่วันนี้ไม่ได้ไปร้องเพลงที่ผับและพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียน ดังนั้นคืนนั้นผมจึงเมาได้เต็มที่


"เป็นอะไรวะ" ไอ้แมนเมืองถามผมหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มันนั่งลงข้างๆผมพร้อมกับเนียนๆรินเหล้า(ของผม)ใส่ในแก้วที่มันเตรียมมาเพื่อจะแดกเหล้าฟรี


"เปล่า"


"แดกเหล้ายังกะน้ำเสือกบอกเปล่ากูคงเชื่อ มึงเป็นอะไร แล้วหนีกลับมาก่อนทำไม"


"อย่าเซ้าซี้ได้ป่ะวะ น่ารำคาญ"


ไอ้แมนเมืองหุบปากลงทันทีที่ผมพูดจบ เราทั้งคู่นั่งกินเหล้ากันไปเงียบๆเมื่อเหล้าหมดก็ต่อด้วยเบียร์ที่ไอ้แมนเมืองมันซื้อมาตุนไว้ ตอนนี้สภาพของผมกับมันไม่ต่างกับหมา เมาจนคุมสติตัวเองไม่อยู่ ก็ดีครับจะได้ลืมเรื่องปวดหัวไปได้บ้าง


หลังจากเมากันได้ที่ผมก็เลื้อยขึ้นมาบนเตียงนาทีนี้น้ำท่าไม่อาบกันแล้วล่ะครับ แค่ลุกขึ้นยืนก็จะล้มแล้วให้ไปอาบน้ำคงตายคาห้องน้ำพอดี ผมคลานขึ้นเตียงได้ก็ขยับตัวไปนอนติดผนังห้องเว้นที่ไว้ให้อีกคนขึ้นมานอนข้างๆเหมือนทุกๆคืน


เรื่องราวในอดีตย้อนกลับมาในความทรงจำของผมทันที ไหนใครว่ากินเหล้าแล้วจะลืมไงวะทำไมมันยังจำได้อยู่อีก เรื่องที่พ่อพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน แม่เสียใจย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังเล็ก เรื่องที่คนๆนั้นเล่าให้ฟังทำไมผมยังจำได้ทำไมไม่ลืมสักที


"มึงร้องไห้" เสียงกระซิบถามดังข้างหูผมทำให้ผมต้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้ตัว


"เสือก"


"มึงทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าคนอื่นตั้งมากมายแล้วมึงต้องกลับมาร้องไห้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวมึงเหนื่อยไหมวิน"


เหนื่อยสิ เหนื่อยมากด้วยแต่จะให้ผมไปร้องตะโกนบอกใครต่อใครหรือไงว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง ต้องให้ผมทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นมาสมเพสเวทนาหรือไง ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย


ผมสะดุ้งตกใจเมื่อท่อนแขนของไอ้แมนเมืองพาดอยู่ที่เอวของผมมันขยับตัวมาใกล้จนหลังผมชิดกับอกของมัน ผมแทบกลั้นหายใจเมื่อลมหายใจของมันรินรดอยู่ใกล้ตัวผมมาก


"นอนเถอะมึงอย่าคิดมากเลย" มึงคิดว่ากูจะนอนหลับในอ้อมกอดของมึงรึไง


ผมพยายามดิ้นแต่มันกลับกระชัดอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมทำให้ผมไม่กล้าออกแรงดิ้น ผมนอนนิ่งอยู่แบบนั้นผมว่าผมคงเมาแล้วล่ะที่รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ความคิดผมผิดเพี้ยนไปแบบนี้


ผมหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งๆที่อยู่ในอ้อมกอดของคนที่ผมไม่คิดว่าจะมากอดกันและหลับไปพร้อมกันแบบนี้ มันเองอาจจะทำไปเพราะเมาเช่นกันกับผมหรือจะเพราะอะไรก็ช่างเถอะผมไม่อยากจะหาคำตอบให้มันวุ่นวาย


เอาเป็นว่าตอนนี้ผมขอพักเรื่องเครียดๆไว้ก่อนแล้วกัน


ฝันดีนะครับทุกคน





เรื่องของที่บ้านมาวินมันค่อนข้างจะซับซ้อน ที่พ่อมาวินยอมพูดออกมาทั้งหมดเพราะต้องการให้ลูกชายกลับบ้าน ไม่อยากให้ใช้ชีวิตข้างนอกคนเดียว

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ชีวิตมาวินเนี่ยมันช่างดราม่าซับซ้อนนะ
ชีวิตอาภัพเกิ๊นนน(แอบเช็ดน้ำตาแปป)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
วินน่าสงสารจัง
อยากจิเข้าไปกอดปลอบจริงๆ

ออฟไลน์ ❁INDY_FAMILY❁

  • -ทำไมต้องเดินตามรอยเท้าใคร เราสามารถสร้างรอยเท้าของเราเองได้-
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๖ เปิดใจ


-มาวิน-

ผมนั่งเผชิญหน้ากับน้าพีและเจ้านายของน้าที่มีศักดิ์เป็นพ่อของผมแต่จะให้ผมเรียกเขาว่าพ่อตอนนี้ผมบอกเลยว่าผมยังไม่ชิน เพราะผมใช้ชีวิตที่ไร้คำว่าครอบครัวมานานจนผมลืมเลือนมันไปแล้ว และในวันนี้ที่ผมยอมมาเจอหน้าทั้งคู่เพราะหน้าพีบอกว่าเจ้านายของน้าอยากจะเคลียร์เรื่องทั้งหมดกับผม ไม่ว่าจะเรื่องของแม่ ผู้หญิงคนนั้น และเรื่องของลุง ซึ่งทุกเรื่องเจ้านายของน้าอยากจะให้มันจบในวันนี้ และผมเองก็อยากจะรู้ความจริง ความจริงที่ทำลายชีวิตผมมาเกือบทั้งชีวิต


"วินกินอะไรก่อนไหม" คำถามเป็นห่วงเป็นใยมาพร้อมกับสายตาที่ห่วงหาอาทร


"ไม่ครับ ผมไม่หิวพูดธุระของคุณมาเถอะ"


"วิน!!" น้าพีปรามผมเมื่อผมทำพฤติกรรมไม่ดีกับผู้ที่มีศักดิ์เป็นพ่อ


"ไม่เป็นไร"


เจ้านายน้าพียกมือขึ้นปราม ผมไม่สนใจกับภาพตรงหน้ามากนัก พูดให้ถูกคือผมยังไม่ชินกับอีกฝ่ายมากกว่าผมอยู่ด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กไม่มีคำว่าครอบครัวคอยโอบอุ้มเหมือนเด็กคนอื่นๆที่เวลาทำผิดหรือเสียใจก็จะมีพ่อแม่ ครอบครัวคอยกางปีกปกป้องและดูแล เมื่อทำดีทำชื่อเสียงให้ก็จะมีครอบครัวหรือพ่อแม่คอยยิ้มและมอบคำชมต่างๆนานา สิ่งเหล่านั้นผมไม่เคยได้รับเลยตั้งแต่แม่ของผมจากไป ผมจึงเป็นคนแบบนี้เป็นเหมือนคนที่เก็บงำทุกอย่างเอาไว้กับตัวเพราะผมไม่มีใครคอยให้คำปรึกษา นี่แหละชีวิตของผู้ชายที่ชื่อมาวิน


"ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมด" ผมเปิดประเด็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะพูดอะไรทำเพียงแค่นั่งจ้องหน้าผมเท่านั้น


เจ้านายน้าพีถอนหายใจ คงระอากับพฤติกรรมไร้การอบรมของผมล่ะมั้ง ช่างเถอะใครสน


"สั่งอาหารก่อนแล้วกัน" อีกฝ่ายไม่สนคำผม เขาทำเพียงเรียกบริกรมาสั่งอาหารราคาแพง เมื่อสั่งเสร็จทั้งคู่ก็นั่งเงียบทำเพียงจ้องหน้าผมเหมือนรอเวลา


เมื่อรู้ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถง้างปากคนทั้งคู่ได้ผมจึงได้แต่นั่งเงียบๆรอให้ทั้งคู่เปิดปากพูดออกมาเอง จนแล้วจนรอดเมื่ออาหารยกมาเสริ์ฟเต็มโต๊ะ ทั้งสองก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักที จนทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ในที


"ทานอาหารซะมาวิน" ไม่บ่อยนักที่น้าพีจะเรียกผมแบบนั้น คงเพราะผมแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปจนน้าพีต้องปราม


"ครับ" ผมจำต้องตอบรับคำและทานอาหารเริศรสตรงหน้า เพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็กดดันมากพอแล้ว


ผมชะงักมือที่กำลังจะตักเป็ดพะโล้ตรงหน้าเพราะว่าเจ้านายน้าพีเขาตักมันมาวางในจานผมก่อนแล้ว ผมเงยหน้ามองเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร ผมมันก็แค่เด็กไร้มารยาทที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน ก็นะแม่ที่เลี้ยงดูผมมาก็จากผมไปนาน ผมอยู่ตัวคนเดียวเลยไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี


"วิน" เสียงน้าพีเรียกผมอย่างอ่อนใจ


"ขอบคุณครับ" ผมจำต้องพพูดคำนั้นออกไปแม้ในใจยังค้านกันอยู่ก็เถอะ


"ทานเยอะๆนะ" เจ้านายน้าพีบอกกับผมพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่ผมไม่เคยชินสักที


"ครับ"


เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วผมจึงเริ่มเปิดประเด็นอีกครั้งคนทั้งคู่ทำได้เพียงนั่งเงียบสักพักก่อนที่เจ้านายน้าพีจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง


เจ้านายน้าพีเล่าว่ารู้จักกับแม่ตอนที่เรียนมหาลัยและสนิทกันเพราะต้องทำกิจกรรมร่วมกันไหนจะเรียนสาขาเดียวกันอีกจึงทำให้สนิทกันเร็ว เจ้านายน้าพีไปรับไปส่งแม่ผมสามารถเข้าออกบ้านของแม่ผมได้แทบจะตลอดเวลาเป็นคนโปรดของตากับยาย มีบางครั้งที่แม่ผมจะมาทานอาหารกับเจ้านายน้าพีที่บ้านและแน่นอนว่าปู่ย่าท่านชื่นชอบแม่ผมด้วยกิริยา วาจา ที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ยิ่งปู่ย่ารู้ว่าแม่เป็นลูกของใครท่านทั้งสองจึงจัดการทาบทามหมั้นหมายทั้งคู่ด้วยไม่รู้ว่าแม่ผมรักชอบอยู่กับลุงโดยที่เจ้านายน้าพีรู้เห็นเเป็นใจทุกอย่าง และเจ้านายน้าพีก็มีคนรักอยู่แล้ว


เมื่อทั้งคู่รู้ว่าจะต้องหมั้นหมายกันแม่ของผมก็ไม่ยอมท่านบอกความจริงว่าท่านมีคนรักอยู่แล้วและคนๆนั้นก็คือลุงของผมผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยเพียงเพราะลุงของผมท่านไม่เอาไหน เรียนไม่จบ บริหารงานในบริษัทก็ไม่รอด สุดท้ายผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เร่งรัดงานหมั้นให้เร็วขึ้น แม่ผมรับไม่ได้จึงจะหนีออกจากบ้านโดยมีเจ้านายน้าพีคอยช่วยเหลือทุกทาง ท่านหนีไปกับลุงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแบบที่ท่านเลือกเองแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดเมื่อตาให้ลูกน้องสืบหาจนรู้ที่อยู่ของท่านทั้งคู่


แม่ถูกจับหมั้นทันทีที่ถูกจับตัวกลับมาเจ้านายน้าพีไม่ยินยอมพยายามทุกอย่างเพื่อยกเลิกงานหมั้นถึงขนาดประกาศว่าตนที่คนรักอยู่แล้วและคนๆนั้นก็เป็นผู้ชาย แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายหาสนใจไม่พวกท่านแยกคนทั้งคู่ออกจากกันส่งตัวคนรักของเจ้านายน้าพีและลุงไปให้ไกลแสนไกลเจ้านายน้าพีและแม่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองตกลงจะแต่งงานกัน เพื่อข้อตกลงที่ผู้ใหญ่ยื่นให้ว่าจะส่งตัวคนรักของทั้งคู่กลับมา ทั้งคู่จึงคิดว่านี้คือทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้พบกับคนที่รักอีกครั้ง


เมื่อทั้งสองแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้วลุงและคนรักของเจ้านายน้าพีก็กลับมา ทั้งคู่ใช้ชีวิตตามปรกติพยายามเลี่ยงไม่เจอไม่พบหน้าและก็เป็นแม่ผมเองที่แอบหนีไปหาลุงอีกครั้งและใช้ชีวิตด้วยกันอย่างลับๆทั้งคู่พยายามทุกอย่างเพื่อมีลูกด้วยกันแต่แล้วหมอก็ตรวจพบว่าลุงผมเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้ลุงและแม่เสียใจมากเพราะลุงผมตอนที่ไปอยู่เมืองนอกลุงผมพยายามศึกษาธุรกิจทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อแม่ จนกลับมาเมืองไทยท่านก็กลับมาเรียนและศึกษาธุรกิจอย่างจริงจัง


และเนื่องด้วยแต่งงานกันมานานเจ้านายน้าพีและแม่ผมก็ไม่มีทายาทสืบสกุลสักที ปู่ย่า ตายาย ท่านจึงสงสัยว่าเจ้านายน้าพีและแม่นอนด้วยกันหรือไม่ ร้อนถึงทั้งสามคนจึงวางแผนทำทุกอย่างเพื่อให้มีลูกทั้งสามตกลงกันว่าจะทำเด็กหลอดแก้ว หรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อจะมีเด็กสักคน สุดท้ายก็สำเร็จแม่ท้องผมโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้านายน้าพีและแม่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันเลยแม้แต่ครั้งเดียว


ส่วนคนรักของเจ้านายน้าพีนั้นพอรู้ว่าแม่ผมท้องเขาก็หายไปไม่กลับมาอีกเลยจนกระทั่งผมอายุครบหนึ่งขวบเขาก็กลับมาแต่มาในฐานะน้าของผมไม่ใช่คนรักของใคร ฟังถึงตอนนี้ผมก็ต้องอึ้งกับเรื่องที่ได้รู้น้าพีกับเขารักกัน พวกเขารักกันและแม่ก็เป็นแม่สื่อแม่ชัก เจ้านายน้าพีชอบน้าพีตั้งแต่แรกเจอเมื่อครั้งมาบ้านของแม่ เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สนิทกับน้าพีโดยที่แม่รู้เห็นเป็นใจทุกอย่าง แต่เมื่อน้าพีรู้ว่าเขาจะแต่งงานกับแม่น้าพีเสียใจและต้องการจากไปเพราะตา ยาย บอกว่าน้าพีไม่คู่ควร สุดท้ายน้าพีก็กลับมาเมื่อผมอายุครบขวบปีเพราะแม่ของผมอยากให้น้าพีกลับมาไม่ใช่แค่ในฐานะน้าของผมแต่เป็นฐานะคนรักของเขา


น้าพีกลับมาโดยเข้าทำงานเป็นเลขาของเขา ปู่ย่า ตายาย ไม่มีใครกล้าคัดค้านด้วยเพราะแม่ผมเป็นคนร้องขอ ส่วนลุงหลังจากเรียนจบปริญญาตรีท่านก็ศึกษาต่อปริญญาโททางด้านบริหาร ท่านยังใช้ชีวิตกับแม่ผมอย่างลับๆในบ้านใหญ่คนที่รู้มีเพียงแม่นมของแม่ เจ้านายน้าพี น้าพี และเด็กรับใช้ในบ้านเท่านั้น และเมื่อเวลาผ่านไปลุงผมเป็นที่ยอมรับของปู่ย่า ท่านมอบหมายงานให้ลุงผมทำมากมายท่านต้องเดินทางไปในหลายๆที่นานวันกว่าจะกลับบ้านสักครั้งเริ่มเป็นที่สนใจในสังคมมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเสนอตัวและเข้าหามากมาย ลุงผมก็หลงระเริงกับสิ่งยั่วยวนตรงหน้าจนท่านลืมแม่ของผม


พวกท่านทะเลาะกันหนักเข้าลุงของผมก็ไม่กลับบ้าน กลับมาก็เริ่มทะเลาะกันรุนแรงเข้าลุงก็หายหน้าไปจนเจ้านายน้าพีต้องไปตามกลับบ้านบ่อยครั้งและจุดแตกหักก็เกิดขึ้นเมื่อลุงติดพันผู้หญิงคนนึงจนอยากจะแต่งงานกับเธอคนนั้นแต่เจ้านายน้าพีขอไว้โดยไม่อยากให้แม่ผมรู้เรื่อง เจ้านายน้าพีพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านตามความต้องการของลุงแต่ไม่ต้องการให้แม่ผมรู้ แม่ไม่พอใจด้วยคิดว่าเจ้านายน้าพีนอกใจน้าพีและหลอกลวงน้าพีจึงทะเลาะเยาะแว้งกันสุดท้ายหญิงสาวคนนั้นก็หลุดปากบอกออกไปว่าเป็นคนรักของลุง แม่ผมช็อคกับสิ่งที่ได้รู้จึงย้ายตัวเองไปอยู่เรือนหลังเล็กไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับใคร


และผมที่ยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไรที่ผู้ใหญ่ทำกันมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่า ตายาย ผมที่เป็นเด็กมองเห็นภาพตรงหน้าก็ตีความไปตามที่เห็น ไม่มีใครอยากให้เรื่องบัดสีนั้นมาแปดเปื้อนเด็กเล้กที่เป็นดั่งผ้าขาวในความคิดของผู้ใหญ่ ดังนั้นผมจึงมองเห็นและคิดไปเองสุดท้ายผมก็เกลียดคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของตนเอง เกลียดในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เกลียดสิ่งที่เห็นแต่ไม่ใช่สิ่งที่เป็น สุดท้ายคนที่โง่ที่สุดก็คือผม ผมที่ไม่รู้อะไรเลย


"วินพ่อขอโทษที่ไม่บอกความจริงกับลูก" ผมขยับหนีมือของอีกฝ่ายที่เอื้อมมาหมายจะจับตัวผม


"คุณพูดอยู่ฝ่ายเดียวจะพูดอะไรก็ได้" ผมยังหาเหตุผลมาค้านเพราะไม่อยากยอมรับว่าเรื่องนี้ผมผิดที่มองเขาผิดไป


คนทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจออกมา  "ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านกับพ่อนะแล้ววินจะเห็นความจริงทุกอย่างด้วยตาของวินเอง"


"ไม่!!" ผมปฏิเสธลั่นดีที่เราอยู่ในห้องอาหารส่วนตัวจึงไม่ตกเป็นเป้าสายตาใคร


"วินถ้าหลานไม่เปิดใจแล้วหลานจะรู้คำตอบที่หลานสงสัยไหม"


"น้าก็พูดได้นี่ ก็เขาเป็นคนรักของน้ายังไงน้าก็ต้องเข้าข้างเขาอยู่แล้ว"


"มาวิน!!"


"พี" น้าพีเงียบลงเมื่อถูกเจ้านายปราม รักกันยอมเชื่อฟังกันขนาดนี้ถ้าเขาขอให้โกหกเพื่อหลอกผมน้าพีคงยอมทำ


เจ้านายน้าพีหันหน้ามามองผมก่อนจะพูดออกมา "วินกลับไปถามลุงเองแล้วกันถ้าวินไม่เชื่อพ่อ"


เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเรียกบริกรมาเพื่อจ่ายเงินและทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องไปทิ้งผมให้จมอยู่กับความคิดของตนเอง
.
.
.
.
.
.
.
.
"ไปไหนมาวะ" ผมกลับมาถึงห้องก็เจอกับคำถามของผู้ที่(หน้าด้าน)อาศัยในห้องผม


"ไปธุระ" ผมตอบมันแค่นั้นก่อนจะถอดรองเท้าและเดินไปเข้าห้องน้ำล้างเท้าล้างหน้า


ผมกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงยกมือก่ายหน้าผากหลับตาลงคิดทบทวนเรื่องราวที่ได้ฟังมา ผมไม่รู้ว่าควรเชื่อตัวเองหรืออีกฝ่ายดี ผมไม่รู้ว่าทางออกของเรื่องนี้มันอยู่ที่ตรงไหน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อไป


ผมไม่รู้........


"มึงร้องไห้" ผมลืมตามองไอ้แมนเมืองก่อนที่มันจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ใบหน้าให้ผม


"......."



"มีอะไรรึเปล่าวะ มึงไปไหนมา"


"ไอ้แมนกูถามอะไรหน่อยได้ไหม" ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองหน้ามัน ส่วนมันก็คงงงๆกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของผม


"ถามอะไรวะ"


"ถ้าสิ่งที่มึงเห็นมันไม่ใช่อย่างที่มึงคิด และมึงเข้าใจผิดมานานจนมันฝังรากลึกในใจมึงไปแล้วมึงจะทำยังไงวะ"


ไอ้แมนเมืองทำหน้าหมางงใส่ผมทันทีมันยกมือขึ้นเกาหัวแบบมึนๆ  "มึงพูดเรื่องอะไรวะเนี่ยกูไม่เข้าใจ"


"กูว่าแล้วว่ากูปรึกษาอะไรมึงไม่ได้จริงๆ" ผมส่ายหน้าให้กับความโง่เง่าของไอ้แมนเมือง


มันทำหน้างงๆเหมือนไม่เข้าใจที่ผมพูดสักนิดผมว่าผมก็ไม่ได้ถามอะไรที่มันยากเลยนะแล้วทำไมมันไม่เข้าใจวะ


"มึงลองพูดที่มนุษย์ธรรมดาเขาพูดกันดิ" แล้วที่กูพูดไปเมื่อกี้ไม่ใช่แบบที่มนุษย์ธรรมดาเขาพูดกันรึไงวะ


ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามไม่โมโหอะไรกับควายตัวโตที่ไร้สมองตรงหน้า


"ตั้งใจฟังให้ดีๆกูจะไม่พูดซ้ำแล้วนะ" ไอ้แมนเมืองพยักหน้าตั้งอกตั้งใจรับฟังสิ่งที่ผมจะบอกอย่างตั้งใจ


"ถ้าสมมุติว่ามึงเห็นธูปอยู่กับแฟนมันที่เป็นผู้ชายแต่ความจริงแล้วไม่ใช่สิ่งที่มึงเห็นมึงจะทำยังไง"


"ก็ไม่ทำยังไงเพราะไม่ใช่เรื่องของกู" คำตอบแบบกำปั้นทุบดินมาก


"โว๊ะมึงแมร่ง" ผมทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ไอ้ควายตัวโตที่นั่งบื้ออยู๋ด้านหลัง กูไม่น่าถามความเห็นจากมึงเลย


ไอ้แมนเมืองขยับตัวบนเตียงสักพักก่อนมันจะพูดออกมา


"กูไม่รู้นะว่ามึงเจอเรื่องอะไรมาแต่กูอยากให้มึงใช้สติมากกว่าอารมณ์ และคำตอบที่มึงต้องการก็จะปรากฎออกมาเอง"


ผมหันหลังกลับไปมองไอ้แมนเมืองทันทีที่มันพูดจบ


"เปิดใจมองด้วยสติ" ผมย้ำคำมันอีกครั้ง


"ก็ประมาณนั้น" มันยักไหล่ทำท่าชิวๆใส่ผม


ผมหลุบตาลงต่ำก่อนจะคิดตามที่ไอ้แมนเมืองพูดถ้าผมยังอยากหาคำตอบให้กับตัวเองทำไมผมไม่ถามลุงล่ะ ถ้าคำตอบของลุงตรงตามที่คนๆนั้นพูดผมก็หมดข้อสงสัยในทุกเรื่อง


ผมหุนหันลุกขึ้นเดินไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู๋บนโต๊ะก่อนจะกดหาหมายเลขที่ผมไม่เคยคิดจะโทรจะติดต่อเลยตั้งแต่ออกจากบ้านหลังนั้นมา เพียงเพราะอคติที่คิดว่าเขาคือพี่ชายของคนที่ทำร้ายจิตใจแม่ผม


ผมรอสายอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงจากปลายสายกดรับก่อนที่ปลายสายจะพูดออกมาเสียงดุๆที่ผมไม่เคยชินสักที


"ฮัลโหล วิน"



"เอิ่ม สวัสดีครับลุงภัทร" ยังไงก็ไม่ชินกับเสียงนี้สักที


"ว่าไงตัวแสบไม่โทรหาลุงเลยนะหายหน้าหายตาไปเลย สบายดีไหม"


"สบายดีครับ แล้วลุงล่ะครับสบายดีไหม"


"ลุงสบายดีแล้ววินโทรหาลุงมีอะไรรึเปล่า" ลุงภัทรคงสงสัยที่อยู่ดีๆผมก็โทรหาหลังจากที่ไม่ติดต่อใครมานานหลายปี


ผมเริ่มถามในสิ่งที่สงสัยทันทีผมเล่าเรื่องที่ได้ยินมาวันนี้ให้ลุงฟังและปลายสายก็เงียบไปนานจนผมแปลกใจ ลุงไม่พูดและไม่ตอบอะไรออกมาจนผมคิดว่าสายอาจจะหลุดไปแต่แล้วเสียงถอนหายใจของลุงก็ทำให้ผมรู้ว่าลุงยังถือสายอยู่


"ลุงขอโทษ" คำพูดสั้นๆนั้นทำเอาสิ่งที่กดทับอยู่ในอกผมมันคลายออกไป น้ำตาผมรื้นขึ้นมาที่ขอบตาผมเงยหหน้ามองเพดานห้องมือไม้สั่นเหมือนทำอะไรไม่ถูก


"ลุงขอโทษที่ทำให้แม่เราเสียใจ ลุงขอโทษ"


"ทำไมลุงไม่บอกผม ทำไมฮึก ไม่มีใครบอกผม ทำไม!!" ผมตวาดลั่นห้องด้วยความสงสัย เสียใจ ทำไมทุกคนต้องทำร้ายผมด้วยการปิดบังวามจริงแล้วสุดท้ายก็มาบอกผมแค่ว่าขอโทษ ทำไมผมต้องเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องบ้าๆนี้ด้วย


"......."


"ลุงรู้ไหมว่าผมเสียใจแค่ไหน ฮึก ผมโทษเขาโทษคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ผมต้องเสียอะไรไปบ้างกับการกระทำของคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ใหญ่ ฮึก ผมร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ผมต้องอยู่กับมันมานานแค่ไหน"


"วินคิดว่าลุงไม่เสียใจหรอ คิดว่าพ่อ น้าเราเขาไม่เสียใจหรอ ทุกคนเสียใจกับเรื่องนี้ทั้งนั้น ถ้าจะมีคนผิดก็ผิดด้วยกันทั้งนั้น ลุงผิดที่ไม่รู้จักพอ พ่อเราก็ผิดที่ไม่อยากให้แม่เราเสียใจ ทุกคนผิดด้วยกันทั้งนั้นผิดที่รักโดยไม่สนใจผิดถูก ผิดที่รักโดยไม่มองความจริง"


"แล้วผมผิดอะไร" ผมผิดตรงไหนที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ผมผิดอะไรหรอ


ผมกำโทรศัพท์แน่นร้องไห้โดยไม่อายใครอีกคนที่อยู่ในห้องไอ้แมนเมืองมันลงมานั่งข้างๆผมก่อนจะจับเอาโทศัทพ์ในมือผมกดวางแล้วหลังจากนั้นมันก็โอบกอดผมเอาไว้ตัวผมสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ลุงยอมรับผิดยอมพูดเพราะลุงเองก็อยู่กับความรู้สึกผิดนั้นมานาน ลุงอยากไถ่โทษที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ น้าพีและคนรักอยากให้ผมกลับบ้านกลับไปใช้คำว่าครอบครัวที่ผมโหยหามานาน แต่ผมห่างหายจากคำนั้นมานานเกินกว่าจะกลับไปโดยไม่รู้สึกอะไร


"ไอ้แมน ฮืออออออ" ผมกอดตอบมันตอนนี้ผมต้องการหลักยึดผมไม่ไหวคิดอะไรไม่ออก


ไอ้แมนเมืองกอดปลอบผมอยู่นานจนผมเริ่มสงบลงสุดท้ายมันก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ผมไม่รู้จะเล่ายังไง มันเองก็ไม่เซ้าซี้ มันพูดแค่ว่าบางครั้งถ้าเราเปิดใจยอมรับอะไรสักอย่างด้วยหัวใจเราก็จะมีความสุขกับสิ่งนั้นๆ


แล้วถ้าผมเปิดใจรับพ่อเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้งผมจะมีความสุขอย่างที่ไอ้แมนเมืองพูดรึเปล่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ต้องลองนะวิน....เชื่อแมนสิ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
กว่าจะเข้าใจกันได้ปล่อยให้ยืดเยื้อกัน
มาตั้งนานเลยนะทุกคนต่างก็เห็นแก่ตัว
โดยที่ไม่สงสารเด็กเลย

ออฟไลน์ ❁INDY_FAMILY❁

  • -ทำไมต้องเดินตามรอยเท้าใคร เราสามารถสร้างรอยเท้าของเราเองได้-
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๗ หวาน


-พาย-


ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หาเรื่องมาทะเลาะกับธูปเพราะสาเหตุที่ผมพาธูปมาหัวหินก็เพราะผมอยากอยู่กันสองคนกับธูป ผมอยากให้ธูปคิดอยากให้ธูปมองผมต่างจากทุกๆครั้งที่ธูปเคยมอง


หว่านพืชเราก็หวังผลกันทั้งนั้นผมเองก็เช่นกัน


ผมหวังอยากให้บรรยากาศดีๆรอบๆตัวเราทำให้ธูปมองผมเปลี่ยนไปบ้าง ไม่ถึงกับต้องมองว่าผมเป็นคนรักเขาอย่างที่ผมมองเขาก็ได้แต่ผมก็อยากให้ธูปมองว่าผมมีความสำคัญกับธูปบ้าง ไม่ใช่คนที่ธูปวางไว้ในระดับความสัมพันธ์ที่ไม่สำคัญ พร้อมจะทิ้งเมื่อคิดว่าต้องทิ้งอยากจะสนใจก็แค่หันกลับมามอง ผมไม่ต้องการแบบนั้น


ที่ผมต้องการคือเป็นคนที่ธูปไม่มีวันทิ้งผมไปไหนได้และเห็นผมสำคัญที่สุดมองหาผมเป็นคนแรกเมื่อมีความสุขหรือทุกข์นึกถึงผมเป็นคนแรกเมือ่มีเรื่องดีๆอยากแบ่งปัน นั้นแหละสิ่งที่ผมหวัง แต่ผมจะทำได้ไหมก็อีกเรื่อง


คำว่ารักที่ผมมีให้ไปสิ่งที่ผมทำให้ธูปทุกอย่างมันอาจจะไม่มากพอในสายตาของใครแต่มันก็คือทั้งหมดที่ผมมี ผมไม่รู้ว่าผมรักคนๆนี้มากแค่ไหนแต่ผมรู้แค่ว่าผมจะรักเขาให้ดีที่สุด ไม่ใช่ชดเชยสิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีกับเขาแต่ที่ผมทำทั้งหมดนั้นผมทำเพราะผมรักเขา ความรักของคนเรามันต่างกันบางคนไม่แสดงออก บางคนป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าคิดอะไรกับอีกฝ่าย ส่วนตัวผมเองนั้นผมไม่รู้ว่าผมเป็นแบบไหนเพราะผมไม่เคยรักใครมาก่อน ผมอาจจะทำอะไรในบางคราวที่ไม่เหมือนคนรักกันทำแต่ผมก็พยายามเรียนรู้เพื่อให้ความรักครั้งนี้มันเป็นไปด้วยดี ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ครั้งนี้กับคนๆนี้ให้อยู่กับผมตราบนานเท่านาน


ผมนั่งอ่านประวัติครอบครัวธูปที่ลูกน้องส่งมาให้ หึหึแฟนผมถูกเลี้ยงดั่งไข่ในหินมีพี่ชายที่พ่อแม่รับมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กและไอ้เทียนน้องชายฝาแฝดคอยอารักขาดูแลไม่ห่างเมื่อขึ้นม.ปลายพี่ชายต่างสายเลือดก็ต้องไปช่วยกิจการร้านอาหารของที่บ้านที่เกาหลีใต้ธูปอยู่เมืองไทยกับน้องชายฝาแฝดแค่สองคน ไอ้เทียนไม่เคยให้ธูปทำอะไรสักอย่างคุณรู้ไหมว่าแฟนผมขับรถไม่เป็นขี่มอไซค์ยังไม่เคยเลย ครอบครัวธูปเป็นครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่ใจดีตามใจลูก แต่ถ้ารู้ว่าลูกมีแฟนเป็นผู้ชายจะยังตามใจและใจดีอยู่รึเปล่านะ


ผมอ่านประวัติครอบครัวธูปจนละเอียด อย่างน้อยรู้เขารู้เราจะได้ไม่พลาดคนที่ต้องห่วงไม่ใช่พ่อแม่ธูปแต่เป็นพี่ชายและน้องชายธูปตั้งหากที่ผมต้องผ่านด่านอรหันต์นั้นไปให้ได้แต่ละตัวโหดยิ่งกว่าหมาพิบลูเสียอีก


"ทำไรอ่ะ" เสียงหวานๆเอ่ยถามขึ้นข้างหูผม ตลอดวันมานี้ธูปพยายามชวนผมคุยพยายามง้อผม(ในแบบของเขาอะนะ)คงรู้ว่าผมโกรธแต่คงไม่รู้ว่าโกรธเรื่องอะไร


ธูปโน้มตัวลงมามองเอกสาวในมือผมทำให้ผมต้องรีบเก็บเอกสารลงในลิ้นชักก่อนจะผินหน้ากลับไปมองหน้าแฟนตัวเองที่ตอนนี้กำลังดูดไอศรีมอยู่ข้างๆผมเนี่ยแหละ


"ทำไรอ่ะ" ธูปถามอีกครั้งเมื่อไม่ได้คำตอบ


ผมไม่ตอบอะไรเอื้อมมือไปคว้าไอศรีมในมือธูปมากินต่อหน้าตาเฉย การกระทำของผมทำเอาธูปหน้าแดงลามไปถึงหู


"น ในตู้เย็นก็มีทำไมต้องมาแย่งด้วยอ่ะ กูเลียไปแล้วนะนั่น" ธูปยันตัวขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาหยิบรีโมทมาเปิดทีวีกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตนเอง


ผมลุกขึ้นเดินตามไปนั่งข้างๆก่อนจะยื่นไอศรีมในมือคืนให้แต่อีกคนทำหน้าเหยเกใส่ผม


"แหวะไม่เอาอ่ะมึงดูดไปแล้วมาให้กินต่ออ่ะนะ" ธูปใช้มือดันมือข้างที่ถือไอศรีมออกห่าง


"จูบกันยังจูบมาแล้วเลยทีไอติมทำเป็นรังเกียจ" ผมพูดจบอีกคนก็ถลึงตาใส่ผมทันที


"พูดอะไรวะ" บ่นอะไรงึมงำๆอยู่คนเดียวสักพัก  "แล้วเมื่อเช้าเป็นอะไรอ่ะ โกรธไรธูปหรอ"


"เปล่า" ผมเก๊กฟอร์มทำหน้าดุใส่เมื่อธูปพูดถึงเรื่องในห้องน้ำเมื่อเช้า


แฟนผมทำท่าคิดอยู่สักพักก่อนที่สมองจะประมวลผลออกมา ต้องเข้าใจนิดนึงว่าแฟนผมค่อนข้างจะแรมต่ำมาก


"เอออออออ" ลากเสียงยาวไปไหมครับแฟน  "พี่พายโกรธธูปหรอที่พูดว่าจะเลิกกันอ่ะ"


กว่าจะรู้ว่าผมโกรธเรื่องอะไรก็ปาเข้าไปครึ่งวัน =_=!!


ผมนั่งเงียบไม่พูดอะไรเพื่อจะดูปฎิกิริยาของแฟนผมว่าจะทำอย่างไรต่อไปถ้าผมไม่พูดกับเขา ธูปนั่งจ้องหน้าผมอยู่นานในหัวความคิดคงตีกันยุ่งไปหมดว่าจะทำยังไงให้ผมหายโกรธ ธูปค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ผมอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะยิ้มหวาน(ในสายตาของพี่พายอ่ะนะ)


"โกรธหรอ ธูปไม่ได้ตั้งใจอ่ะ อย่าโกรธธูปนะๆๆก็ธูปกลัวป๊าม๊าโกรธอ่ะเลยพูดไปแบบนั้น อย่าโกรธธูปน้าๆๆ"


จริงๆผมหายโกรธนานแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจธูปนะบ้านธูปไม่เหมือนบ้านผมที่ออกจะสมัยใหม่ลูกรักใครพ่อแม่ก็รักด้วยไม่ว่าคนรักของลูกจะเพศไหน แต่บ้านธูปอาจจะไม่เหมือนบ้านผมดังนั้นผมจึงมองว่าธูปอาจจะกลัวจนพูดอะไรออกกมาโดยไม่คิด


"งั้นพี่ขอถามอีกครั้ง ถ้าพ่อแม่ธูปให้เราเลิกกันจริงๆธูปจะเลิกกับพี่ไหม"


"ก ก็ไม่รู้ธูปไม่รู้อ่ะพี่พายจะถามทำไมเนี่ยเรื่องมันยังไม่เกิดเลยนะ พูดไปก็ทะเลาะกันอีกอ่ะ"


"แต่รู้ไว้นะว่าพี่ไม่เลิก" ผมพูดพร้อมกับดึงเด็กเอ๋อของผมขึ้นมานั่งบนตัก ธูปดิ้นไม่ยอมอยู่สักพักแต่เพราะสู้แรงผมไม่ได้สุดท้ายจึงนั่งก้มหน้าแดงๆนั่นเงียบๆ


"ถ้าป๊ากับม๊าไม่ยอมรับอ่ะจะทำไง" สีหน้าธูปดูวิตกกังวลมากกับเรื่องนี้ แต่ในเมื่อมันยังมาไม่ถึงจะเครียดไปก่อนทำไม


"เอาไว้ให้ถึงวันนั้นพี่จะจัดการเอง เชื่อใจพี่นะ" ผมยกมือลูบหน้าเด็กเอ๋อของผมเจ้าตัวกระพริบตาปริบๆทำหน้าเอ๋อใส่


ผมว่าถึงเวลาที่ผมควรจะเดินทางไปหาพ่อตาแม่ยายแล้วล่ะครับ
.
.
.
.
.
.
.
"อร่อย" ธูปตักไอศรีมกะทิในถ้วยกะลาให้ผมชิม คงลืมตัวไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่แฟนผมจะแสดงออกต่อหน้าผู้คนขนาดนี้หรอก


ผมก้มลงไปชิมไอศรีมในมือธูปก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยว่ามันอร่อยจริงๆ


"หวาน" ธูปทำหน้าฉงนก่อนจะตักไอศรีมชิมอีกครั้ง


"ไม่เห็นจะหวานเลย" 


ผมไม่ตอบอะไรแค่ยิ้มให้กับคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินไอศรีมผมกับธูปเรามาเดินเที่ยวกันที่ตลาดโต้รุ่งตลอดทางที่เดินแฟนผมก็ร้องหิวร้องกินโน่นนี่นั่นตลอด ธูปดูมีความสุขเขายิ้มหัวเราะและอาจจะลืมเลือนเรื่องที่คุยกับผมเมื่อเช้าไปแล้ว ก็ดีครับผมไม่อยากเห็นเขาเครียด


"พี่พาย" ธูปกวักมือเรียกผมเมื่อเห็นร้านขายรองเท้าเก่าๆร้านนึง


"ว่า"


"สวยอ่ะอยากได้" นี่ไม่ใช่คำร้องขอแต่คือคำสั่งว่า 'มึงต้องซื้อให้กูนะ' นั่นแหละครับความหมายขอคำว่า 'อยากได้'


ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับก็ได้แต่หยิบเงินในกระเป๋าแล้วควักมันออกมาจ่ายไว้กลับบ้านเมื่อไหร่จะเอาคืนให้คุ้มเลยคอยดู


"ขอบคุณนะ" แฟนผมยิ้มหวานให้ผมก่อนจะเดินนำผมเพื่อไปผลาญเงินในกระเป๋าผมยังร้านต่อไป แต่จะให้ผมพูดอะไรได้ล่ะครับก็ตั้งแต่เป็นแฟนกันผมก็เป็นสมาชิกเพจ #พ่อบ้านใจกล้า  นั้นแหละทำให้ผมเห็นสัจธรรมว่าไม่ควรมีปัญหากับมนุษย์เมีย(ตอนนี้ยังไม่ใช่แต่อนาคตมันเป็นแน่)


กว่าจะกลับมาถึงบ้านพักก็เล่นเอาขาผมแทบหมดแรงไหนใครว่าผู้หญิงช็อปเก่งไงวะทำไมมนุษย์แฟนของผมมันถึงได้ได้ช็อปล่ะกลับมาไร้อาการเหนื่อยล้า แถมมันยังกลับมานั่งชื่นชมของที่(ผมเสียเงิน)ซื้อมาอีก


"อันนี้น่ารักดี" ธูปบอกกอ่นจะชูพวงกุญแจทำมือให้ผมดูไม่แค่นั้นแฟนผมยังถือวิสาสะเดินมาหยิบกุญแจรถผมและจัดการเอาชาแนลผมออกและใส่ไอ้พวงกุญแจน่าตาปัญญาอ่อนอันเข้าไปแทนที


ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากยิ้มรับสภาพ (นี่กูเข้าชมรมกลัวเมียแล้วใช่ไหมเนี่ย)


"ไปอาบน้ำได้แล้ว"


"เดี๋ยวดูของก่อน" จะดูทำไมวะตอนซื้อมาไม่ได้ดูรึไง แค่คิดนะครับไม่กล้าพูดเดี๋ยวมันโกรธเอา


"ธูปไปอาบน้ำ" เงยหน้ามามองผมนิดนึงแล้วก็เดินกระถืบเท้าเข้าไปในห้องน้ำ มาแบบนี้งอนกูชัวร์


"เข้ามาทำไมออกไป"


"อาบด้วย" ผมเดินหน้ามึนๆเข้าไปหาธูปที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว


"พี่พายอย่าจับ"


"ทำไมไม่ล็อคประตูจะยั่วหรอ"


"เปล่าเถอะติดนิสัยจากที่บ้านอ่ะ พี่พายอย่างลูบดิวะ"


ผมไม่ฟังเสียงค้านลูบสะโพกมนนั่นอย่างได้ใจธูปบิดตัวหนีมือร้อนของผมอีกทั้งปากผมที่ระดมจูบไหล่จูบหลังของธูปอย่างย่ามใจ


"อืมมมม" เสียงครางหวานหูดังขึ้นเมื่อมือผมชักรูดแก่นกายของอีกฝ่าย ผมผลิกตัวธูปให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันก่อนจะบดจูบริมฝีปากแดงๆนั้น


ธูปยกมือขึ้นโอบกอดดรอบคอผมต่างฝ่ายต่างบดเบียดสะโพกเข้าหากันอย่างโหยหา อารมณ์เราทั้งคู่ดังพายุที่โหมกระหน่ำธูปเองก็คงมีความต้องการเมื่อผมเป็นคนชักนำ มือข้างนึงผมยังทำหน้าที่รูดรั้งแก่นกายคนรักส่วนอีกข้างลูบวนเนื้อนิ่มตรงสะโพก


ธูปผลักผมออกก่อนจะหอบหายใจอย่างหนักหน่วง "ไม่เอา" แฟนผมพูดแค่นั้นเมื่อผมสอดนิ้วเข้าไปในตัวูปแค่เพียงนิดเดียว


"ทำไมในเมื่อธูปก็ต้องการ" ผมถาม


"ก ก็ธูปยังไม่พร้อมอ่ะ" ไม่พร้อมตรงไหนครับแฟนตั้งเด่ชี้หน้าพี่อยู่เนี่ย


"แล้วไอ้ที่ตั้งๆอยู่เนี่ยแหละ" ผมชี้ธูปน้อยที่กำลังชี้หน้าผมอยู่


"เดี๋ยวธูปเอาลงเอา พี่พายออกไปเลยป่ะ"


"เดี๋ยวพี่ช่วย" ผมไม่ฟังเสียงร้องค้านของแฟนตัวเองจัดการล็อคตัวธูปไว้และช่วยส่งแฟนผมขึ้นสวรรค์ด้วยสองมือของผม เสียงธูปครางลั่นห้องน้ำทำเอาผมเสียวแทบตายจะอยากกระแทกตัวเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายแต่สุดท้ายก็ต้องห้ามใจเพราะกลัวจะผิดข้อตกลงที่เคยตกลงกันไว้


"อะ อ๊ะ อ่าาาาา"  ธูปเกรงหน้าท้องสองมือจิกบ่าผมแน่นก่อนจะปลดปล่อยออกมา ผมต้องโอบกอดร่างโปร่งนั้นไว้เพราะดูแฟนผมจะไร้เรี่ยวแรงเต็มที


"จุ๊บ ทำให้พี่บ้างนะครับ" ผมไม่พูดเปล่าจับมือธูปมาวางที่แก่นกานของตัวเอง


"ก ก็ทำเองดิ" แฟนผมชักมือหนีพร้อมหันหน้าหนีผมเข้ากำแพง


ผมเบียดร่างเข้าหาอีกฝ่ายคิดผิดแล้วครับแฟนที่หันหลังให้พี่สองมือของผมแหวกเนื้อเนียนแยกออกก่อนจะดันตัวผมบดเบียดปากทางเข้าสู่ทางสวรรค์นั้น ธูปดิ้นหนีอีกครั้งแต่เมื่อโดนผมจับล็อคไว้จึงส่งเสียงขอร้องหวานหูมายั่วกันอีกครั้ง


"พี่พายอ่ะไม่เอานะ ธูปกลัวนะๆๆ"


"แค่ข้างนอกนะครับพี่ขอนะ" ชั่วโมงนี้อะไรผมก็เอาล่ะครับ


ธูปเงียบไปพักนึงก่อนจะพยักหน้าตกลงผมก็ไม่รอเวลาจัดการปลุกอารมณ์แฟนผมขึ้นมาฟันดาบกันอีกรอบและเสร็จอีกรอบด้วยมือของกันและกัน อย่างน้อยผมกับธูปเราก็ก้าวข้ามกันมาอีกขั้นถึงจะไม่หวือหวาเหมือนคู่อื่นแต่คู่เราก็ค่อยเป็นค่อยไป ผมว่าแบบนี้มันก็ดีแล้วสำหรับผู้ชายสองคนที่ไม่เคยคบกับคนเพศด้วยกันมาก่อน
.
.
.
.
.
.
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมในห้องน้ำเมื่อคืนกว่าผมจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้าก็มีคนที่เราอยากจะกอดเขาแต่ทำไมได้นอนยั่วอยู่ข้างๆใครมันจะไปหลับลงวะ และตอนนี้แฟนผมก็วิ่งลั้นล้าไปเล่นน้ำทะเลแล้วล่ะครับธูปขาดเรียนสองวันแต่เราจะอยู่นี่กันสี่วันเดินทางกลับวันอาทิตย์ตอนเย็นๆผมแค่อยากสร้างความทรงจำที่ดีๆกับธูปเผื่อวันนึงที่เขาจะต้องเลือกเขาจะได้นึกถึงช่วงเวลาดีๆสำหรับเราสองคน


ผมยืนมองธูปที่กำลังถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆตัวก่อนจะหันกลับมาสนใจงานที่เลขาส่งมาให้ทางเมลล์หลังจากทำงานที่ค้างคาอยู่จนเสร็จก็เป็นเวลาเย็นย่ำผมไม่ได้ยินเสียงคนรัก จึงรู้ได้ทันทีว่าแฟนผมยังไม่เข้าบ้านผมจึงเดินออกไปหาเอง ถ่ายรูป เล่นน้ำนานสองนานป่วยไปจะฟาดให้คอยดู


ผมเดินไปในหัวก็คิดไปว่าจะจัดการกับแฟนตัวดื้อยังไงดีให้ผมได้เปรียบกับการลงโทษบทนี่ นึกถึงเรื่องในห้องน้ำเมือ่คืนแล้วอยากจะจับแฟนลากกลับบ้านและทุ่มลงเตียง พอเถอะพูดไปก็เหมอืนโรคจิตยังไงไม่รู้


ผมเดินมาถึงชายหาดสอดสายตามองหาก็ไม่เจอร่างโปร่งของคนรักจึงเดินออกจากบริเวณบ้านพักมุ่งหน้าไปทางชายหาดที่มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกัน แต่เดินไปไม่ถึงไหนผมก็เจอเข้ากับชายหญิงคู่นึงกำลังกอดกันผมจะไม่อะไรเลยถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนรักของผม



"ธูป!!"

ออฟไลน์ Thanthip

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เขาคือใครอะ ลุ้นมาก รอรอมีปริศนาที่ยังไม่คลี่คลายอีกเยอะเลย.  :ling1: :hao3:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
เอ้าตอนจบนี่ขัดกับชื่อตอนเลย
พี่พายกำลังจะปรี้ดดดแตกกก

ออฟไลน์ BoolinMini

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
อย่าบอกนะว่าคนที่ธูปกอดคือแฟนเก่าที่หายไป

ส่วนมิลค์คือใคร??

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ธูปกอดใคร

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
Holy shit!!!!
เป็นเรื่องละไง....งานนี้พายระเบิดแน่

ออฟไลน์ ❁INDY_FAMILY❁

  • -ทำไมต้องเดินตามรอยเท้าใคร เราสามารถสร้างรอยเท้าของเราเองได้-
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๘ ถ่านไฟเก่า


-ธูป-


ผมเบื่อที่ต้องนั่งๆนอนๆอยู่แต่ในบ้านเลยออกมาเดินเล่นริมชายหาดซึ่งไอ้พี่พายก็อนุญาตให้ออกมาได้แต่มันบอกให้อยู่ในบริเวณเขตรั้วบ้านเท่านั้นอย่าไปไหนไกลเพราะมันกลัวผมหลง ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลป่ะว่ะจะมาหลงแค่เดินออกจากบ้านพักอ่ะ


ผมเดินทอดน่องถ่ายรูปวิว ทะเล นักท่องเที่ยวไปเรื่อยจนเริ่มหิวน้ำจึงเดินเลาะชายหาดเพื่อไปหาซื้อน้ำดื่มดับกระหาย อย่าถามว่าทำไมไม่เข้าไปดื่มน้ำในบ้านก็เพราะผมกลัวว่าจะไม่ได้ออกมาอีกกลัวไอ้พี่พายมันไม่ยอมให้ออกมา


ผมซื้อน้ำมาขวดนึงและเดินหาของกินอื่นๆอีกตอนนี้อากาศไม่ร้อนมากและนักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะเท่าไหร่อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล ผมรูดลูกชิ้นที่เสียบไม้ลูกสุดท้ายเข้าปาก ตาก็มองดูอะไรไปเรื่อยผมว่าจะหาที่นั่งถ่ายรูปสวยๆไว้ลงIGอวดพวกเพื่อนๆหลังจากวางข้าวของข้างกายตอนที่หาที่นั่งเพื่อถ่ายรูปได้แล้วนั้นผมก็ยกกล้องขึ้นปรับเลนส์ให้เหมาะกับภาพที่จะถ่าย ลั่นชัตเตอร์รัวใส่ภาพทะเลท้องฟ้าร้านค้าและนักท่องเที่ยวตรงหน้า ผมก้มดูผลงานงานของตัวเองจากกล้องยกยิ้มพอใจกับฝีมือการถ่ายภาพ


"พี่ธูป"  ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่เรียกชื่อผม


"น้ำฝน!!" ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ น้ำฝนนั่งลงข้างๆผมเธอเธอส่งยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้งที่เราเจอกัน


"พี่ธูปมาทำอะไรที่นี่คะ" เธอถาม


"มาเที่ยวแล้วฝนล่ะมาทำอะไร" น้ำฝนหลบตาลงต่ำสีหน้าท่าทางของเธอไม่สู้ดีนัก


"หนูกลับมาอยู่บ้านค่ะ"


"ฝนไม่เรียนแล้วหรอ" ที่ผมถามเพราะน้ำฝนหายไปผมไม่สารถติดต่อเธอได้ถามเพื่อนถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน


"เรียนค่ะ รอเรียนใหม่ปีหน้าแต่หนูว่าจะไปเรียนที่เชียงใหม่"


"ทำไม" ผมถามเพราะสงสัยอยู่ดีๆฝนก็หายไปจากผมไปโดยไม่ลา ทิ้งให้ผมอยู่กับคำถามเดิมๆว่าทำไม ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นผมกับฝนก็เหมือนคนไม่รู้จักกัน และสุดท้ายเธอก็จากผมไป


น้ำฝนหันมองหน้าผมเธอเอื้อมมือมาบีบมือผมส่งรอยยิ้มบางๆกลับมาให้ ดวงตาคู่สวยระรื้นด้วยน้ำตาเธอเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะกลับมาสบตากับผมที่รอคำตอบจากเธอ


"เพราะเรื่องวันนั้นทำให้หนูไม่กล้าสู้หน้าพี่ พี่รู้ไหมว่าหนูกลัวหนูกลัวพี่จะมองหนูไม่เหมือนเดิม หนูกลัวพี่รังเกียจหนู ฮึก" ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาคู่สวยคู่นั้น


ผมไม่เคยรังเกียจ ไม่เคยโกรธเธอเลยเพียงแต่ผมแค่สงสัยว่าเธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร ทำกับผมได้อย่างไร


"พี่ไม่เคยโกรธฝนไม่เคยเกลียดฝน แต่พี่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมฝนถึงทิ้งพี่ไปมีคนอื่น"


"หนูไม่เคยมีคนอื่น" เธอสวนคำกลับมาโดยทันที


"แล้วทำไม......"


"เพราะหนูดันเป็นคนรักของพี่ไงหนูจึงโดนแบบนั้น"


น้ำฝนเล่าให้ผมฟังทั้งหมดทุกเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนที่ผมรักต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ภาพที่มีผู้หวังดีส่งมันมาให้ผมคือภาพน้ำฝนนอนเปลือยกกกอดอยู่กับผู้ชายสามคนผมเห็นครั้งแรกก็คิดว่าเป็นภาพตัดต่อแต่สุดท้ายมันก็มีคลิปส่งมาให้ผม มันไม่ใช่คลิปการร่วมเพศหรืออะไรเป็นแค่คลิปที่น้ำฝนนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วผู้ชายสามคนนั้นก็คุยโว้ว่ามีอะไรกับเธอ บอกว่าคนรักของผมลีลาเด็ดแค่ไหน


ผมไปหาน้ำฝนเพื่อจะขอคำอธิบายแต่น้ำฝนเอาแต่หลบหน้าผมและสุดท้ายเธอก็หายไป แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นเมื่อเธอบอกกับผมว่าคนที่ทำเรื่องทั้งหมดคือบี เพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจเพียงเพราะบีแอบชอบผมและอยากได้ผมมาเป็นคนรักของตัวเอง วิธีเดียวที่จะทำให้ผมกับน้ำฝนเลิกกันก็คือทำให้น้ำฝนดูแย่และทำให้ผมเข้าใจน้ำฝนผิดไป


น้ำฝนไปตรวจเลือดและตรวจภายในผลปรากฏว่าเธอไม่ได้ถูกล่วงละเมิด มันคือการจัดฉากที่ทำลายชีวิตเธอทั้งชีวิต น้ำฝนอับอายที่บีใช้คลิปนั้นมาต่อรองและขู่เธอทุกครั้งที่เธอยังไม่ยอมหายไปจากชีวิตผม สุดท้ายบีก็ขู่ว่าจะให้ผู้ชายสามคนนั้นข่มขื่นเธอจริงๆถ้าเธอยังอยู่กรุงเทพ น้ำฝนปรึกษาที่บ้านเธอรู้ตัวว่าไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เพราะมันเป็นลูกคนมีชื่อเสียง มีเงินที่สามารถเปลี่ยนผิดเป็นถูกได้


จนสุดท้ายเธอจึงลาออกจากมหาลัยเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ครั้นจะให้ไปแจ้งความน้ำฝนก็บอกเพียงแค่ว่าคนบางคนกฏหมายก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรได้ และเมื่อกฏหมายเอาผิดไม่ได้เธอเองนั่นแหละที่จะมีอันตรายถ้าพวกมันย้อนกลับมาเล่นงานเธอ ทุกวันนี้เธอต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเพราะกลัวว่าพวกมันจะตามหาเธอพบ เธอกลัวว่าจะตกเป็นเหยี่ออีกครั้ง


"ทำไมฝนไม่บอกพี่" ผมถามด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนั้นร้ายและน่ากลัวกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก เห็นหน้าสวยๆใสๆใครเลยจะรู้ว่าข้างในเน่าเฟะเหม็นหึ่งขนาดนี้


"หนูกลัว อีกอย่างหนูคิดว่าพี่คงรับไม่ได้"


"พี่ขอโทษ" ผมกอดปลอบเธอเอาไว้รู้สึกผิดในใจลึกๆที่เอาใจใส่เธอไม่มากพอ


"หนูก็ผิด ผิดที่หนีพี่มาผิดที่ไม่คุยกับพี่" น้ำฝนซบหน้าลงกับอกผมน้องตัวสั่น เสียงสะอื้นทำให้ผมยิ่งแค้นเป็นเท่าตัว


"แล้วตอนนี้ดีขึ้นรึยัง"


"ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ ฮึก พ่อกับแม่ก็คอยปลอบหนู ฮึกหนูคิดมาตลอดเลยนะคะว่าทำไมเราต้องเลิกกันทั้งๆที่เรารักกัน"


".........."


"หนูคิดว่าคงเพราะเราสองคนรักกันไม่มากพอ ฮึก หรืออาจจะไม่เคยรักกันเลยด้วยซ้ำ ตอนเกิดเรื่องหนูกลัวหนูเลยหนีพี่มา พี่เองก็ตามหาหนูแต่ก็พยายามไม่มากพอ เราไม่หันหน้าคุยกัน ฮึก ความหวาดกลัวทำให้สุดท้ายเราก็จากกันโดยที่หนูก็ไม่รู้ว่าจริงๆเรารักกันจริงรึเปล่า"


"พี่ขอโทษที่ทำให้ฝนเสียใจ แต่พี่บอกฝนได้เลยนะว่าที่ผ่านมาพี่รักฝนนะ"


"พี่ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดพี่ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผู้หญิงคนนั้น และหนูก็รักพี่นะ" น้ำฝนกำมือแน่นเมื่อพูดถึงใครอีกคน


"ช่างเขาเถอะยังไงพี่ก็ไม่รักไม่ชอบเขาอยู่ดี ต่อให้เขาทำอะไรมากมายขนาดไหนก็เถอะ"


"พี่ยังรู้จักผู้หญิงคนนี้น้อยไป ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะคะ"


เราพูดคุยกันไปเรื่อยส่วนมากจะเป็นฝนที่ถามโน้นถามนี้เธอถามผมว่ามีคนรักใหม่หรือยัง ผมก็ตอบไปไม่เต็มปากอาจเป็นเพราะว่าผมกับเธอเลิกกันโดยที่เราทั้งคู่ไม่เคยเอ่ยปากหยุดความสัมพันธ์แต่เราเลิกเพราะความเข้าใจผิดและห่างกันไป มันเลยทำให้ผมเกรงใจเธออยู่ลึกๆ


"แฟนพี่สวยไหมคะ" น้ำฝนถามด้วยความคาดหวัง


"ไม่อะ"


"งั้นคงน่ารัก"


"ก็ไม่อะ"


น้ำฝนทำหน้างงๆใส่ผมก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมา  "อย่าบอกนะว่าแฟนหล่ออ่ะ"


ผมพยักหน้าตอบรับส่วนน้ำฝนก็ตะลึงอ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว


"เปลี่ยนแนวก็ไม่บอก"


"ไม่รังกียจหรอ" ผมถาม


"ไม่รังเกียจแต่อิจฉามากกว่า" น้ำฝนยิ้มสดใสต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง


"ขอบใจนะที่ไม่โกรธพี่ และขอบคุณที่ครั้งนึงฝนเคยให้พี่ได้รัก"


"โอ๊ยอย่ามาดราม่าไม่เอาๆหนูจะร้องไห้" น้ำฝนเช็ดน้ำตาที่เปื้อนหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนและผมก็ลุกขึ้นยืนตาม


"กอดหน่อย" น้ำฝนกางแขนบอกผมด้วยรอยยิ้ม ผมเดินเข้าไปสวมกอดเธอช้าๆความรู้สึกที่ค้างคาใจมานานหลายปีวันนี้มันเหมือนยกภูเขาออกจากอกผมจนหมดสิ้น


เรากอดกันอยู่สักพักจนผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าใคร เสียงดุๆพร้อมแรงกระชากที่แขนทำให้ผมกับน้ำฝนผละออกจากกันทันที


"ธูป!!"



งานงอกไอ้ธูปอีกแล้วใช่ไหมครับ


"ทำอะไร" ไอ้พี่พายมันถามเสียงดุ ลมออกหู หน้าตามันตอนนี้สามารถฆ่าคนได้และคนที่จะโดนมันฆ่าก็กูนี่แหละ


"เอิ่ม นี่น้ำฝน น้ำฝนนี่พี่พาย" ผมทำอะไรไม่ถูกเลยแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน


น้ำฝนยกมือไหว้ไอ้พี่พายแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้ายักษ์ใส่น้องมัน น้ำฝนหันมายิ้มแหยๆให้ผม


"หึงรุนแรงจังอ่ะ หนูกลัว" ผมได้แต่ยิ้มรับโดยไม่พูดอะไรออกไปเพราะกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่


"กลับบ้าน" มันลากแขนผมให้เดินตามันไปโดยไม่สนใจน้ำฝนที่ยืนงงๆอยู่ด้านหลัง


"เดี๋ยวพี่พาย ธูปจะไปส่งน้อง" ผมบอกพร้อมกันพยายามขืนแรงไม่เดินตามมันที่ฉุดกระชากผม


ไอ้พี่พายมันหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม


"ทำไมต้องไปส่งมาเองได้ก็กลับเองได้ "  โอ๊ยพ่อคุณพ่อสุภาพบุรุษ พูดออกมาได้


"ธูปจะไปส่ง" ผมดื้อเพ่งไม่ยอมมันเหมือนกัน


ไอ้พี่พายถอนหายใจช้าๆมันเหลือบตามองน้ำฝนก่อนจะพูดขึ้นมา "ตามมาเดี๋ยวขับรถไปส่งให้"


ผมจึงพยักหน้าให้น้ำฝนเดินตามมาตอนแรกน้องมันไม่ยอมแต่เพราะไอ้พี่พายมันทำหน้ายักษ์ใส่ น้องมันกลัวจึงจำใจต้องเดินตามมาอย่างช่วยไม่ได้
.
.
.
.
.
.
"ขอบคุณค่ะพี่พาย ขอบคุณนะคะพี่ธูป ไว้หนูเอิ่ม โทรหานะ" น้องมันยกมือไหว้ผมสองคนก่อนจะกระซิบบอกผมเบาๆคงเพราะกลัวไอ้พี่พายมันว๊ากใส่ล่ะมั้งครับ


พี่พายออกรถเมื่อน้องมันเดินเข้าบ้านไปแล้ว ก่อนจะหันมาตีหน้ายักษ์ใส่ผมอีกครั้ง


"ใคร"


"แฟนเก่า"  ถามมาก็ตอบไปไม่มีอะไรต้องปิด  "เฮ้ย!!พี่พายขับช้าๆหน่อยได้ไหม"


รถมึงไม่มีเบรกรึไงวะ กูกลัวตายนะเว้ย


"หุบปากแล้วนั่งเงียบๆไปเลยนะถ้าไม่อยากเจ็บตัว" ทำตามสิครับใครจะกล้านาทีนี้ผมอยากหายไปจากตรงนี้ฉิบหายเลย กลัวแมร่งฆ่าผมแล้วเอาศพไปลอยทะเล


พอขับกลับมาถึงบ้านผมก็รีบลงจากรถด้วยขาสั่นๆเดินยังไม่ทันจะถึงตัวบ้านดีไอ้พี่พายมันก็มากระชากแขนผมให้ไปรับจูบอันดุเดือดของมัน มันจูบผมอยู่ตรงทางเข้าบ้านมือข้างนึงล็อคคอผมเอาไว้อีกข้างมันโอบกอดเอวผมไว้แน่น ผมเองก็ไม่กล้าดื้นเพราะรู้ตัวว่ามีความผิดอยู่จึงปล่อยให้มันจูบผมอยู่อย่างนั้น


มันผละจูบออกก่อนจะจ้องหน้าผมและเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตาดุๆคู่นั้น


"ยังรักมันอยู่รึเปล่า" ไอ้พี่พายถาม


ผมส่ายหน้าปฏิเสธทันที ผมดีใจที่เจอน้ำฝน ดีใจที่เราได้พูดคุยกันดีใจที่รู้ว่าน้องมันไม่ได้นอกใจผม แต่ผมเสียใจที่ปกป้องน้องมันไม่ได้ เสียใจที่เป็นต้นเหตุให้น้องมันเจอเรื่องแย่ๆ


"ธูปสงสารน้อง" ผมบอกอีกฝ่ายไปอย่างใจคิด


"สงสาร ความสงสารมันเป็นจุดเริ่มต้นของความรักนะธูป"


"ถ้าพี่พายรู้ว่าน้องมันเจออะไรมาพี่ก็จะสงสารน้องมันเหมือนธูปนั่นแหละ"


"แล้วน้องมันเจออะไรมา"


ผมเล่าทุกอย่างทุกเรื่องที่ผมรู้ให้พี่พายมันฟัง มันโกรธจัดเมื่อรู้ว่าน้ำฝนถูกกระทำอะไรมา มันบอกว่าถึงจะเป็นแฟนเก่าผมแต่เรื่องแบบนี้น้ำฝนไม่สมควรจะโดนกระทำไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ไอ้พี่พายมันบอกว่าตอนแรกมันก็หึง แต่พอมันสังเกตุผมกับน้ำฝนมันบอกว่าเราทั้งคู่ไม่หลงเหลือคำว่าคนรักกันเลย มันจึงวางใจไม่หึงไม่โวยวายอะไรมากนัก


มันโทรให้ลูกน้องหาสืบประวัติบีและหาตัวไอ้ผู้ชายสามคนนั้นมาให้มันเมื่อมันกลับไปถึงกรุงเทพ ส่วนน้องบีไอ้พี่พายบอกว่ามันจะจัดการด้วยวิธีของมันเอง แต่ผมขอไว้เพราะยังไงน้องมันก็เป็นผู้หญิง พี่พายมันยอมอ่อนลงให้แต่มันก็เตือนผมให้ระวังบีเอาไว้เพราะมันแน่ใจว่าบีต้องทำอะไรที่คาดไม่ถึงอีกแน่นอน


Rrrrrrrrrrrr



ผมมองโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้ามองพี่พายเหมือนขออนุญาต มันเองก็พยักหน้ายอมแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่


"ครับ"


"พี่พายทะเลาะกับแฟนรึเปล่าคะ"


"ไม่หรอก อย่าคิดมาก"


"แฟนพี่น่ากลัวอ่ะ หนูสยองเลยเขาเหมือนจะฆ่าหนูเลยอ่ะ"



ผมหัวเราะเมื่อน้องมันพูดถึงพี่พายว่าน่ากลัวอย่างนั้นอย่างนี้


"ฝนเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะพี่พายเขาจะจัดการให้" น้องมันเงียบไปเมื่อผมบอกเรื่องที่พี่พายมันจะจัดการไอ้สามตัวนั้นให้


"หนูกลัว"


"ไม่ต้องกลัว พี่พายเขาบอกว่าจะไม่ให้มันมายุ่งกับฝนได้อีก"


"ฝากขอบคุณพี่เขาด้วยนะคะ ขอบคุณจริงๆ"



ผมคุยกับน้องมันอีกนิดหน่อยไอ้พี่พายมันก็สั่งให้วาง มันเดินหน้านิ่งไปที่โต๊ะอาหารผมบอกลาน้ำฝนก่อนจะวางสายและเดินตามมันไป ผมนั่งลงตรงข้ามมัน บอกมันว่าน้องเขาฝากขอบคุณ


"กูไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น กูทำเพื่อมึง" โกรธแน่นอนกูมึงมาเต็มๆหน้าเลย


"ครับรู้ครับ"


"ซึ่งมึงควรจะตอบแทนกูด้วยที่ทำเพื่อมึงขนาดนี้"


นั่นไงกูว่าแล้วแมร่งมีข้อแลกเปลี่ยนตลอดอ่ะ ไม่เคยจะทำอะไรให้ฟรีๆหรอก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด