พิมพ์หน้านี้ - ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 20-04-2015 19:55:07

หัวข้อ: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 20-04-2015 19:55:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
BY...........❁INDY_FAMILY❁


หัวข้อ: Re: (รีไรท์)นิยาย..ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑ ท้องไม่รับ ๒๐/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 20-04-2015 20:29:07
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
 
ตอนที่ ๑ ท้องไม่รับ




ความซวยมันไม่เข้าใครออกใครหรอกครับเมื่ออยู่ดีๆผมที่ไม่รู้เรื่องอิโหน่อิเหน่อะไรกลับต้องมารับผิดชอบชีวิตน้อยๆที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้ มันช่างเข้าตำราเนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งดันเอากระดูกมาแขวนคอตัวเองอีก ซวยซับซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนจริงๆ

2 วันก่อนหน้านี้

อุ๊ก!!

พลั๊ก!!

ตุบ!!

เสียงที่ทุกท่านได้ยินนั่นไม่ใช่เสียงกลองเสียงเบสหรือเสียงดนตรีอันไพเราะแต่อย่างใด หากแต่เสียงที่ทุกท่านได้ยินนั่นไซร์มันคือเสียงฝ่าตีนกระทบเข้ากับลำตัวและใบหน้าอันหล่อเหลาของกระผมเองครับ (มันไม่คล้ายลาวกระทบไม้นะครับ โอเคมุกไม่ฮาพาคนอ่านเครียดข้ามๆมันไปเถอะ) แมร่งกูยังไม่อยากกินขนมตุบตับตอนนี้ไม่ต้องประเคนมากันได้ไหม

โอ๊ยๆๆๆ ฝากรอยเท้าเอาไว้ ฝากรอยช้ำเอาไว้ (ใช่เวลาไหมเนี่ย)


"พอ!!" เสียงอันทรงพลังดังคำที่ผมรอคอยเอ่ยขึ้นเมื่อผู้พูดมองเห็นสภาพผมที่นอนอยู่ท่ามกลางดง Teen นับสิบ ใครสู้ได้ก็เทพแล้วล่ะครับ กูคนนะครับไม่ใช่เหล่าThe avengersนะเว้ยถึงจะสู้กับเหล่าตัวร้ายได้โดยไม่เป็นไร สิบรุมหนึ่งแมนมากครับพวกมึง

"มึงทำน้องสาวกูท้องแล้วยังไม่คิดจะรับผิดชอบอีกหรอวะ มึงอยากตายใช่ไหม" แค่นี้กูยังไม่เหมือนศพอีกหรอครับพี่น้องครับสภาพกูเนี่ย พี่ปอเห็นจับส่งห้องดับจิตสถานเดียวเลยนะครับ

"ผะ ผมไม่รู้เรื่อง พวกมึงพูดเรื่องอะไรกันวะ" น้องมึงเป็นใครกูยังไม่เคยเห็นหน้าแล้วกูจะไปเสกเด็กเข้าท้องน้องมึงได้ไงวะ กูไม่เทพขนาดนั้นนะเว้ย

"มึงจะบอกไม่รู้เรื่องได้ไงหลักฐานก็เห็นๆกันอยู่" ไอ้ตัวหัวหน้าเหล่าร้ายมันโยนรูปถ่ายมาให้ผมดูซึ่งในรูปนั่นมันเป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่ในอากัปกิริยาที่ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่ารักกันดูดดื่ม ปานจะกลืนกินเธอทั้งตัวไม่เผื่อเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น (กูยังเล่นไม่เลิก) คือผู้หญิงเนี่ยผมบอกได้เลยว่าไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าคาดตาเธอมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แล้วผมจะไปปล่อยลูกออดของผมใส่มดลูกของเธอได้ยังไงวะ แต่พอผมพินิจพิจารณาดูผู้ชายในรูปแล้วต้องบอกว่าหนังหน้ามันดีแบบสุดๆหน้าตาดีที่สุดในสามโลก หาผู้ใดเทียบเทียมมิได้อีกแล้ว หล่อโคตรพ่อโคตรแม่ขุดโคตรเหง้าขึ้นมาหล่อกันเลยทีเดียว

"มึงจะจ้องอีกนานไมวะ โดนกระทืบแค่นี้ลืมหน้าตัวเองเลยรึไง" ผมที่กำลังชื่นชมผู้ชายในรูปอยู่นั่นถึงกับสะดุ้งตกใจเพราะเสียงอันทรงพลังของตัวร้ายที่อยู่ดีๆพี่แกก็ตะโกนออกมา คือพี่ไม่กลัวกล่องเสียงอักเสบบ้างหรอครับผมล่ะเป็นห๊วงเป็นหวง

"ผู้ชายในรูปมันไม่ใช่ผม" ถึงหนังหน้ามันจะดีมากๆเหมือนผมก็เถอะแต่มันไม่ใช่ผมอ่ะ

"หน้าเหมือนมึงยังกับแกะยังจะบอกว่าไม่ใช่อีกรึไงมึงเห็นกูโง่รึไงวะ" ไม่ฟังกูอธิบายอะไรเลย ตะเบ็งเสียงใส่หูกูอยู่นั่นแหละ "มึงไม่ยอมรับใช่ไหม ดีงั้นมึงก็เตรียมตัวตายได้เลย" พูดจบมันก็หันไปหาลูกน้องมันที่พร้อมจะแจกTeenให้ผมโดยไม่ถามผมสักนิดว่ากูต้องการไหม

ตุบ!!

อั๊ก!!


พลั๊ก!!

ผมเหมือนกำลังกรอเทปกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ฝ่าเท้านับสิบคู่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่เสื้อนักศึกษาโดยที่มองดูก็สามารถบอกได้เลยว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง ถ้ากูรอดไปได้กูจะไปแข่งรายการแฟนพันธุ์แท้ (รอย) รองเท้า กูว่ากูชนะแน่ๆ

"สัสมึงกล้าสู้กูหรอวะ" กูไม่ได้สู้เว้ย พวกมึงคิดไปเองรึเปล่าวะ แรงจะหายใจกูยังไม่มีเลย กูจะเอาแรงที่ไหนมาสู้พวกมึงครับคิดกันนิดนึงสิครับพี่น้องครับ

"หยุ๊ดดดดดด พี่พายพี่ทำอะไรพี่เทียนอ่ะคะ" เสียงนางฟ้านางสวรรค์ที่ไหนวะ ผมพยายามลืมตามองดูคนที่เข้ามาช่วยชีวิตผม แต่มันก็ได้แค่พยายามเพราะตาผมมันดันลืมไม่ขึ้นซะแล้ว สัมผัสอุ่นๆที่ใบหน้ามาพร้อมกับเสียงร้องไห้โหยหวนปานญาติมิตรตายจากดังขึ้นข้างหูผมพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

"แค่กๆๆๆ" โอ๊ยแม่คุณปล่อยผมก่อนเถอะครับผมจะตายเพราะเจ๊รัดคอผมเนี่ยแหละครับ

"พี่เทียนพี่เป็นยังไงบ้างคะ ฮือๆๆๆอย่าตายนะคะ" ถ้าคุณน้องไม่ตาบอดคุณน้องก็ไม่น่าถามนะครับ เพราะสภาพที่เห็นพี่เป็นอยู่เนี่ยใกล้เคียงกับคำว่าสาหัสแล้วล่ะครับคุณน้อง เออ แต่ยังไม่ตายนะครับแค่ใกล้เคียงกับคำนั้นเฉยๆ

"ผะ ผมไม่ใช่ ทะ" ผมกำลังจะบอกว่าผมไม่ใช่ไอ้เทียนคนที่ทุกคนกำลังเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็น หึ ไอ้น้องเวรอย่าให้กูเจอตัวนะมึงกูนี่แหละจะกระทืบมึงให้จมดินเลยคอยดู แต่ต้องรอกูหายก่อนนะ เพราะตอนนี้ลำพังจะยืนด้วยลำแข็งตัวเองยังไม่มีปัญญาเลย

"พี่เทียนพี่อย่าตายนะคะ โฮๆๆๆ" กูจะตายเพราะมึงรัดคอกูเนี่ยแหละครับอิเจ๊คนสวย (หลับตาอยู่แล้วรู้ได้ไงว่าสวย)

"ผมยังตาย" แต่คิดว่าอีกไม่นานน่าจะได้ตายจริงๆกูโดนรัดคอขนาดนี้ไม่ตายก็น่าจะรอดยาก ถามจริงคุณน้องเป็นญาติกับงูเหลือมรึเปล่าครับรัดคอกูแน่นโคตรๆ

"ฮือๆๆๆ พี่พายช่วยพี่เทียนด้วยพี่เทียนกำลังจะตาย ฮือๆๆๆ" กูว่ากูเพิ่งจะพูดไปนะว่ากูยังตายแต่กูกำลังจะตายเพราะน้ำมือเจ๊คนเดียวเลยครับ โดนกระทืบเป็นชั่วโมงยังพอทนได้แต่ใครจะรู้ว่าผมกำลังจะไม่รอดเพราะแขนเรียวๆบางๆที่กอดรัด (แน่น) อยู่ที่คอของผม

อ๊ากกกกก ใครก็ได้ช่วยไอ้ธูปที ไอ้ธูปยังไม่อยากตายยยยย



ปัจจุบัน


"มึงจะเอาไง" เสียงนี้ตามหลอกหลอนผมมาตลอดสองวันที่ผมนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ถามคำถามเดิมๆเรื่องเดิมๆที่ผมไม่รู้ และไม่มีคำตอบให้เพราะผมไม่ใช่พ่อเด็ก ไม่ใช่ไอ้คนที่เสกสรรปั้นแต่งสเปิร์มชนเข้ากับผนังมดลูกของน้องสาวมันแล้วจะให้พูดอะไรก็คงจะทำไม่ได้คงต้องรอไอ้ตัวดีมันกลับมา (แต่มันไปไหนผมยังไม่รู้เลย)

"พี่พายอย่าดุพี่เทียนสิคะ" น้องสะใภ้ผมช่างเป็นคนดีจริงๆ

"เค้กเข้าข้างมันรึไงไม่เห็นหรือไงมันไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเราเลยสักอย่าง" ผิดกับพี่ชายที่โหดสัสๆ

"เปล่าค่ะเค้กไม่ได้เข้าข้าง เค้กแค่เห็นว่าพี่เทียนเค้าเพิ่งจะหายดีพี่พายก็อย่าเพิ่งไปเร่งอะไรพี่เทียนเค้ามากสิคะ" น้องครับน้องเป็นแม่ชีเทเรซ่ากลับชาติมาเกิดรึเปล่าครับ พี่ล่ะสงสัย

"ยังไงๆมันก็ต้องรับผิดชอบ!!" ส่วนคนพี่ก็คงเป็นซาตานกลับชาติมาเกิดแน่ๆ พูดแต่ละคำนี่บ่งบอกว่ามึงมันโหดสัสของแท้จริงๆ

"พี่เทียนเขาต้องรับผิดชอบลูกในท้องของเค้กอยู่แล้วล่ะค่ะใช่ไหมคะพี่เทียน" เอิ่ม อันนี้พี่ก็ไม่ทราบอ่ะครับน้องเค้กว่าไอ้เทียนมันจะรับลูกในท้องของน้องเค้กรึเปล่า

"จะรับไม่รับไม่รู้แต่พรุ่งนี้มันต้องไปจดทะเบียนที่อำเภอกับเค้ก" อ้าวเฮ้ย!!ถามกันสักคำไหมครับ คือเรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวอ่ะครับผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบเด็กในท้องของน้องเค้กเลยนะครับแล้วทำไมผมต้องรับผิดชอบอ่ะ

"คะ คือ ผมไม่ใช่ ทะ เทียน" ผมเค้นเสียงพูดออกมาด้วยความอยากลำบาก

"มึงพูดอย่างนี้แปลว่ามึงจะไม่รับผิดชอบลูกในท้องน้องกูใช่ไหมห๊า!!" จ้ะพูดกันดีๆก็ได้ไม่ต้องพุ่งมาถวายตีนให้ด้วยความรักถึงเตียงขนาดนี้หรอกครับ ไอ้ธูปไม่ต้องการ

"ฮือๆๆๆๆ ทำไมพี่เทียนเป็นคนอย่างนี้ล่ะคะ เค้กรู้ว่าพี่มันติสแตกเข้าถึงยาก โลกส่วนตัวสูงมากๆ ฮือๆๆ แต่เค้กไม่คิดว่าจะเลวและชั่วบัดซบขนาดไม่รับผิดชอบลูกของเรา ฮือๆๆๆ" นี่น้องเค้กชมหรือด่าไอ้เทียนกันแน่วะเนี่ย ฟังดูแปลกๆนะครับ

"คือ ฟังผมพูดก่อน" ผมกำลังจะอธิบายแต่ว่า........

"ไม่ค่ะเค้กไม่ฟังเค้กเสียใจ โฮๆๆ เค้กเสียใจได้ยินไหมคะว่าเค้กเสียใจ ฮือๆๆๆๆ" ชัดเต็มสองรูหูเลยครับก็น้องเค้กเล่นแหกปากข้างหูพี่ขนาดนี้ไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วแม่คุณ แต่แม่คุณ #ร้องหนักมาก บ่อน้ำตาแตกแถมแม่คุณไม่คิดจะฟังอะไรอีก พูดเองเออเองคนเดียวเสร็จสรรพ พี่ล่ะเหนื่อยใจ

"มึงไม่คิดจะรับผิดชอบลูกในท้องน้องกูถึงขนาดต้องตอแหลหน้าด้านๆขนาดนี้เลยรึไงวะ อยากตายใช่ไหมห๊า" ไอ้คนน้องน่ะไม่เท่าไหร่ ไอ้คนพี่นี่สิแมร่งเออะอะจะฆ่าผมลูกเดียวเลย ฟังกันบ้างสิครับ ไม่ใช่คิดเองกันไปฝ่ายเดียว

"หุบปาก และก็ฟัง!!" แค่กๆๆๆเจ็บคอไม่น่าตะเบ็งเสียงเลยกู

"มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู" แหม่พ่อคุณตัวๆกูไม่กลัวมึงหรอกเว้ยไอ้ว๊าก แมร่งอย่านะอย่าให้กูองค์ (บัวขาว) ลงนะมึงเดี๋ยวมีคนตายนะขอบอก

"เออ ถ้าไม่เงียบแล้วจะรู้เรื่องกันไหมห๊า อีกคนก็แหกปากร้องไห้ไม่ฟังอะไร อีกคนก็ตะคอกตะโกนอยู่นั่น เงียบแล้วฟัง!!" อย่าต้องให้มีน้ำโหนะเว้ยเดี๋ยวมีคนเจ็บนะขอบอก "ผมชื่อธูปเป็นพี่ชายฝาแฝดของไอ้เทียน" อ้าวๆทำหน้าเยี่ยงนั่นหมายความว่าไงกันวะ

"นี่อับจนหนทางจนต้องกุเรื่องฝาแฝดขึ้นมาโกหกกันเลยรึไงวะ คิดว่ากูโง่รึไง" เอาจริงๆหน้ามึงก็ไม่ได้ดูโง่ขนาดนั้นอ่ะนะ แต่โทษทีกูพูดเรื่องจริงครับ

"เออ พี่ธูปจริงๆหรอคะ" น้องเค้กเช็ดน้ำหูน้ำตาก่อนจะเดินมาจับแขนจับขาผมแล้วก็.................

"เฮ้ยๆทำไร จะถกเสื้อขึ้นทำไมอะ" คุณน้องครับพี่รู้ว่าพี่หล่ออาจจะหล่อจนน้องอดใจไม่ไหว แต่น้องเค้กครับน้องอย่าปล้ำพี่ครับที่นี่มันโรงพยาบาลนะครับน้องเตียงมันแข็งนะครับไม่มันส์หรอกขอเตียงนุ่มๆเดี๋ยวพี่จัดให้แบบเต็มสตีทเลยครับ เอ๊ย!!ไม่ใช่นอกประเด็นแหละกูนั่นมันเมียน้องนะโว้ยไอ้ธูป ท่องไว้เมียน้องๆ

"ไม่ใช่พี่เทียนจริงๆด้วย" อะไรวะบทจะเชื่อก็เชื่อโคตรจะง่ายเลย งงครับคนหล่องง

"หมายความว่าไงยัยเค้ก" เออ หมายความว่าไงวะ ไอ้ธูปก็งง

"ก็พี่เทียนเค้า เอิ่ม....คือ" คุณน้องจะบิดอีกนานไหมครับ เขินหัวนมสีชมพูของพี่เหรอครับน้องจ้องตาไม่กระพริบเลย

"เค้าอะไรล่ะครับไม่พูดแล้วผมจะรู้ไหม" ผมเร่งน้องเค้กที่ยังยืนบิดแขนบิดขาตัวเองจนจะกลายเป็นเกลียวอยู่แล้ว หัวนมกูมันมีอะไรให้เขินวะ ถึงมันจะไม่ชมพูเท่ามาริโอ แต่มันก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนนี่หว่า

"คือ พี่เทียนเค้าจะสักคำว่า 'ผู้ชายของเค้ก' เป็นภาษากรีกตรงอกซ้ายอ่ะค่ะ แต่นี่ไม่มีก็แปลว่าเป็นพี่ธูปไม่ใช่พี่เทียน" น้องผมมันทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้นเป็นด้วยเหรอวะ น้ำเน่าวะ แหวะ กูเลี่ยนอ้วกจะแตก

"ถ้ามึงไม่ใช่ไอ้เทียนแล้วทำไมมึงไม่บอกตั้งแต่แรกวะ" กูมีโอกาสบอกไหมละครับไขประตูเข้าบ้านได้ก็เจอตีนประเคนใส่หน้าทันทีเลยกูจะเอาเวลาไหนมาอธิบายล่ะครับ

เออพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ลืมเลย

พวกมันเข้าบ้านผมได้ไงวะ

"แล้วรอให้อธิบายไหมล่ะครับ เออแล้วอีกอย่างนะคุณเข้ามาในบ้านผมได้ไง" ผมถามมันกลับไป แต่ไอ้อดีตพี่ว๊ากมันแค่ยักไหล่ไม่สนใจคำพูดของผมแม้แต่นิดเดียว มารยาทต่ำเตี่ยเรี่ยดินสุดๆ ธูปรับไม่ได้อ่ะขอบอก

"แล้วน้องมึงมันไปไหน" ไม่ขอโทษไม่พอ มันยังไม่ตอบคำถามผมสักคำแถมยังถามในสิ่งที่ผมไม่รู้อีกต่างหาก

"จะรู้ไหมครับก็อยู่ด้วยกัน" ผมไม่ได้มีญาณทิพย์นะครับใช้สมองคิดนิดนึง สมองมีควรใช้ให้เกิดประโยชน์บ้างนะครับไม่ใช่ใช้กำลัง (คิดในใจเงียบๆคนเดียว พูดออกไปตอนนี้อาจอาการหนักกว่าเดิม)

"เป็นแฝดกันยังไงวะน้องมึงไปไหนดันไม่รู้" แล้วทีคุณล่ะครับน้องสาวไปออกแบบลูกในท้องกับน้องชายผมจนท้องป่องออกมาแล้ว คุณยังไม่ทราบเลยนะครับมาว่าแต่คนอื่นช่วยดูตัวเองด้วยนะครับ

"ผมไม่ใช่แฝดสยามอินจันนะครับตัวจะได้ติดกัน"

"หึ ปากดีนะมึง งั้นระหว่างที่รอไอ้เทียนมันกลับมา มึงต้องไปอยู่บ้านกูเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้"

"เฮ้ย!!ได้ไงผมไม่ใช่พ่อเด็กนะคุณแล้วทำไมผมต้องไปอยู่บ้านคุณด้วยเล่า" โวยวายสิครับงานนี้ไอ้ธูปสู้ตาย อยู่ดีๆจะให้ผมหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่บ้านคนอื่นเนี่ยนะ บ้านผมก็มีจะไปอยู่บ้านคนอื่นทำไมล่ะครับ


"มึงไม่สิทธิเถียง น้องมึงทำน้องกูท้องแล้วยังหายหน้าไปอีก ดูก็รู้ว่ามันกำลังหนีความรับผิดชอบ" ไอ้อดีตพี่ว๊ากมันขยับเข้ามาใกล้ผมที่นอนอยู่บนเตียง "ดังนั่นมึงต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่ๆ" คือกูถามหน่อยเถอะว่ากูผิดอะไรวะเนี่ย

"ผมไม่เกี่ยว"

"มึงจะไม่รับผิดชอบว่างั้น" มึงจะกระชากคอเสื้อกูเพื่ออะไรครับกูหายใจไม่ออก

"พี่พายอย่าทำอะไรพี่ธูปนะคะ" น้องเค้กพยายามช่วยผมโดยการแงะมือไอ้พี่พายที่กำคอเสื้อผมอยู่ กูหายใจไม่ออกปล่อยกู โอ๊ย!!ตายๆงานนี้ไอ้ธูปตายครับ

"แค่กๆๆๆ" กูไปอยู่บ้านมึงกูมองเห็นอนาคตอันรำไรขอกูเลยวะว่ากูต้องเจออะไรบ้าง ขนาดอยู่บ้านกูเองมึงยังตืบกูซะเละเป็นโจ๊กถ้ากูไปอยู่บ้านมึงกูไม่ตายคาตีนมึงตั้งแต่วันแรกที่ไปอยู่เลยเหรอวะ 

"พี่พายปล่อยพี่ธูปนะคะ พี่พายทำร้ายพี่ธูปจนเข้าโรงพยาบาลนอนหยอดน้ำข้าวต้มจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ขนาดนี้แล้ว คำขอโทษสักคำพี่พายยังไม่พูดเลย แล้วนี่ยังจะมาทำร้ายพี่ธูปอีกเค้กไม่ยอมนะ" เออ ใช่ๆๆมึงยังไม่ได้ขอโทษกูเลยนะ กระทืบกูซะเกือบจะไปเกิดใหม่ขนาดนี้แล้ว ขอโทษกูมาซะดีๆกูรอฟังอยู่

พี่ชายของน้องสะใภ้ผมมันหันหน้ามามองผมก่อนจะพูดออกมา "ทำไมพี่ต้องขอโทษมันด้วยไม่จำเป็น"

"อ้าวคุณทำไมพูดจาแมวๆอย่างนี้วะ คุณพาพวกมากระทืบผมถึงบ้านแล้วไม่คิดจะขอโทษกันเลยหรอ ผมแจ้งความข้อหาบุกรุกได้นะครับ" จี๊ดเลยกูจี๊ดเลย

แมร่งถ้าไม่ติดว่ากูนอนให้น้ำเกลืออยู่นะ มึงโดนกูเตะยอดหน้าไปแล้วอย่าๆไม่อยากจะคุยนะโว้ยนี่ไอ้ธูปศิษย์บัวขาวนะครับไม่ใช่ขี้หมูขี้หมานะครับขอบอก

"แล้วทีน้องมึงทำน้องสาวกูท้องล่ะ กูยังไม่เห็นมันมาขอโทษน้องสาวกูเลย แล้วทำไมกูต้องขอโทษมึงด้วยวะ เออแล้วกูจะแจ้งความจับน้องมึงก็ได้นะเพราะน้องกูยังไม่ 20 ^^" ขู่ตลอด เก่งแต่กับกูอ่ะ ลืมอะไรไปรึเปล่าว่าเรื่องนี้กูไม่เกี่ยวไงทำไมคุณเข้าใจอะไรยากจังครับ 

"คุณฟังนะผมไม่ได้ทำน้องเค้กทะ...." ผมกำลังอธิบายแต่ไอ้พี่พายมันก็พูดตัดบทขึ้นมาก่อน

"กูไม่ฟังถ้าอยากให้กูขอโทษมึงก็ตามตัวไอ้เทียนมา ถ้ากูเอาเลือดหัวมันมาล้างตีนกูไม่ได้กูก็ไม่มีวันขอโทษมึง จำเอาไว้" งานช้างเลยกูแล้วผมจะไปตามไอ้เทียนมันที่ไหนวะเนี่ย ไอ้เทียนมึงไปอยู่ที่ไหนวะรีบกลับมาสักทีเหอะพี่ธูปขอร้อง กูจะตายอยู่แล้ว

"ถ้าพี่เทียนกลับมาพี่พายห้ามทำอะไรพี่เทียนเด็ดขาดเพราะพี่พายกระทืบพี่ธูปไปแล้วถือว่าหายกันไปถ้าพี่พายทำพี่เทียนเค้กจะงอนพี่พายจริงๆด้วย" อ้าวน้องเค้กทำไมพูดจาหมาๆอย่างนี้ล่ะครับ สรุปงานนี้ไอ้ธูปโดนตีนคนเดียวทั้งขึ้นทั้งล่องอ่ะดิ ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหนครับ แล้วคำขอโทษชาตินี้กูจะได้ยินจากปากไอ้พี่พายมันไหมเนี่ย โฮกกกกกกเรื่องนี้กูเกี่ยวอะไรด้วยวะ

ไอ้อดีตพี่ว๊ากมันแค่เหลือบสายตามองหน้าน้องสาวมัน ก่อนจะหันมาสนใจผมที่นอนพะงาบๆอยู่บนเตียงดังนั้นผมจึงเลือกพูดสิ่งที่อยู่ในใจ

"คำขอโทษมันพูดยากมากเลยรึไงวะ" ก็แค่คำขอโทษสองคำมันพูดยากมากเลยเหรอครับ คนทำผิดก็ต้องขอโทษมันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องมีใครเค้าบอกแต่เรารู้ได้ด้วยจิตใต้สำนึก ซึ่งผมคิดว่าไอ้พี่พายมันไม่มี หรือจิตใต้สำนึกมันอาจจะติดลบจนไม่สามารถรับรู้ว่าต้องทำไงเวลาทำความผิด นี่มันปัญหาสังคมเลยนะครับเนี่ย ท่านนายกต้องเอาเข้าสภาเพื่อให้เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องรีบแก้ไขด่วนๆเลย ไอ้ธูปขอร้อง

"เปล่าแต่กูไม่พูดเองมีไรป่ะ" คนแบบนี้ก็มีด้วยวุ้ย แมร่งโลกนี้มันอยู่ยากเกินไปล่ะ

"ก็ผมไม่ได้ทำน้องมึงท้องนี่ครับ แล้วมึงพาพวกมากระทืบผม มึงก็ควรขอโทษผมนะ" กูไม่มีส่วนร่วมใดๆเลยนะเนี่ยทำไมต้องมารับกรรมคนเดียววะ

"น้องมึงก็ทำเหมือนกันนั่นแหละ" เหมือนตรงไหนวะ กูไม่ได้ซั่มด้วยเลยนะครับ แมร่งถ้าไม่ติดว่ากูนอนให้น้ำเกลืออยู่นะ มึงเจ็บบอกเลย

"พอค่ะพอ หยุดเถียงกันได้แล้ว" น้องเค้กเอ่ยปากห้ามทัพขึ้นเมื่อเห็นว่าผมและไอ้อดีตพี่ว๊ากไม่มีท่าทีจะยอมความกัน

"พี่ธูปคะ" น้องเค้กหันมายิ้มหวานให้ผม รอยยิ้มที่ผมเห็นแล้วเสียวสันหลังวาบ ตาขวากระตุก รู้สึกถึงลางร้ายแปลกๆ "พี่ธูปไปอยู่บ้านเค้กนะคะ เพราะเค้กต้องการให้ลูกเห็นหน้าพ่อ ถึงพี่เทียนจะหายไปแต่เห็นพี่ธูปที่หน้าเหมือนกัน เค้กจะได้มีกำลังใจ^^"  ดูรูปไอ้เทียนเอาก็ได้นะครับน้องเค้กมันคงคล้ายๆกัน

"เอิ่ม คือ" ผมกำลังจะปฏิเสธ

"ไม่ต้องเอิ่มแล้วค่ะ ตกลงตามนี้นะคะ อย่าให้เค้กเครียดนะเพราะมันมีผลกับลูกในท้องเค้ก หลานพี่ธูปเลยนะ เค้กไม่อยากให้ลูกเกิดมาเอ๋อนะคะพี่ธูป น้าๆๆ" แค่แม่เครียดนี่ลูกถึงกับเอ๋อเลยเหรอวะ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลย ทำไมตอนเรียนกูถึงไม่เคยรู้เลยว่ะ หรือชั่วโมงนั่นกูโดด

เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เพื่อหลานธูปยอมเสี่ยงตาย

"ครับ พี่ไปอยู่บ้านน้องเค้กก็ได้ครับ" เพื่อหลานท่องไว้ไอ้ธูป เพื่อหลาน

"เย้ น่ารักที่สุดค่ะ" น้องเค้กยิ้มหวานให้ผมก่อนจะเดินออกไปโทรศัพท์ ทิ้งให้ผมอยู่กับไอ้อดีตพี่ว๊ากสองต่อสอง

ผมมองไอ้อดีตพี่ว๊ากที่จ้องหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว มันทำหน้านิ่ง นิ่งเสียจนทำเอาผมใจเสียพอจ้องหน้าผมหน่ำใจมันแล้ว ไอ้อดีตพี่ว๊ากก็ยกมือมันขึ้นก่อนจะทำท่าปาดคอตัวเองและเดินออกจากห้องไป
คือใครก็ได้บอกธูปที ว่าการไปอยู่บ้านน้องเค้ก ไอ้ธูปคนนี้จะไม่ตายก่อนแก่ใช่ไหมครับ ผมเริ่มหวั่นใจว่าจากนี้ไปผมที่ต้องไปอาศัยอยู่บ้านน้องเค้กคราวนี้จะทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป


ม่ายยยยยยยย ไอ้เทียนมึงอยู่หนายยยยยยยยยยย มารับผิดชอบลูกเมียมึงที




Talk: ธูปก็ยังคือธูปไม่ว่าจะรีไรท์กี่รอบๆมันก็ยังเอ๋อๆเหมือนเดิม ตัวละครบางตัวนิสัยอาจจะเปลี่ยนไปเพราะมันจะไปเชื่อมกับอีกเรื่อง (ที่ยังไม่ได้เปิดเรื่อง) นะคะ ชอบไม่ชอบก็เม้มบอกกันได้นะ พี่พายอาจจะไม่โหดเหมือนตอนแรกๆนะคะ (หราาาาาา)




หัวข้อ: Re: (รีไรท์)นิยาย......ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๑ ท้องไม่รับ ๒๐/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-04-2015 22:53:29
นี่ไม่โหดเลยยยยย 55555
ถนอมว่าที่เมียแกหน่อยสิอิพี่พาย ชิ
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)นิยาย......ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๑ ท้องไม่รับ ๒๐/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 21-04-2015 00:13:05
พี่อีเค้กนี่ตรรกะป่วยดีจริง ธูปไม่แจ้งความละข้อหาบุกรุกและพยายามฆ่าละ ดูไม่เมคเซ้นนะ
หัวข้อ: Re:ตอนที่ ๒ วันแรกก็โดนซะแล้ว ตายแล่ว ตายแล่ว อะไรกันหว่า ๒๑/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 21-04-2015 20:36:01
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๒ วันแรกก็โดนซะแล้ว ตายแล่ว ตายแล่ว อะไรกันหว่า


นี่คือสถานแห่งบ้านทรายทองที่ฉันปองมาสู่~~~~~~  ถ้ากูมีชะลอมและถักเปียสองข้างนี่พจมานเลยนะครับ อย่าครับอย่าเพิ่งทำหน้าเยี่ยงนั่นกันคือตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในบ้านเอิ่มหรือจะเรียกว่าวังจุฑาเทพดีวะ เออนั่นแหละสรุปคือพอผมออกจากโรงพยาบาลพี่ชายน้องสะใภ้ผมมันก็บังคับ(ลาก)ให้ผมมาอยู่บ้านมันโดยที่มันไม่ฟังคำร้องขอของผมเลยสักนิดแมร่งต้องเป็นญาติกับฮิตเลอร์แน่ๆเผด็จการเป็นที่หนึ่ง

"มากันแล้วเหรอ" เสียงอันทรงพลังเอ่ยขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมองว่าใครเป็นคนพูด และผมก็เห็นผู้ชายอายุประมาณห้าสิบปลายๆท่าทางน่าเกรงขามโคตรๆ(แต่หล่อเวอร์มากอายุขนาดนี้ยังหล่อไม่ต้องคิดเลยครับตอนหนุ่มๆจะขนาดไหน)ข้างๆกันนั่นก็มีผู้หญิงอายุน่าจะประมาณสี่สิบหรือห้าสิบต้นๆยืนอยู่คู่กัน(สวยมากๆครับ)พร้อมด้วยมนุษย์ชุดดำที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังคนทั้งคู่อยู่เต็มไปหมด

"เฮ้ย!!พวกมึงถอยห่างๆกูหน่อยได้ไหมวะ อยู่ในบ้านกูเองไม่ต้องอารักขากูขนาดนี้ก็ได้มั้ง!!" มนุษย์ชุดดำแตกหือทันทีเมื่อเสียงอันทรงพลังนั่นเอ่ยขึ้น ผมรู้แล้วว่าพี่ชายน้องสะใภ้ผมมันชอบว๊ากเหมือนใครเชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ ทั้งคู่เดินมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามผมและน้องเค้กนั่งอยู่ส่วนไอ้พี่พายมันยืนค้ำหัวผมอยู่ครับ สงสัยลมมันเย็นมันถึงไม่ยอมนั่ง


"สะ สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้พ่อแม่น้องเค้กทันทีเยี่ยงคนที่มีมารยาทือแบบว่าบุพการีผมสั่งสอนมาดีอ่ะครับ ไม่คลานเข่าเข้ามาก็บุญแล้วล่ะ เหอๆๆ

"ไหว้พระเถอะจ้ะ เรานะเหรอคนที่ทำลูกสาวฉันท้อง" ผมรีบส่ายหัวจนคอแทบหลุด แค่เจอตัวลูก (ชาย) ไอ้ธูปก็นอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้ว นี่ตัวพ่อมาเองผมไม่เตรียมต่อโลงนอนเลยเหรอครับ น้ำเสียงสีหน้าท่าทางมาเฟียฝุดๆเลยอ่ะ

"ไม่ใช่ค่ะคุณป๊า นี่พี่ธูปพี่ชายฝาแฝดของพี่เทียนค่ะ" น้องเค้กอธิบายให้ผู้เป็นพ่อเข้าใจ และช่วยให้ไอ้ธูปรอดจากการโดนยำตีน

"แล้วแฟนเราเค้าไปไหนล่ะทำไมให้พี่ชายมาแทน" คำถามโลกแตกที่ไม่มีใครสามารถตอบได้หลุดออกมาจากปากของสตรีที่นั่งอยู่ข้างๆพ่อของน้องเค้ก แววว่าความซวยกำลังจะวิ่งชนไอ้ธูปอย่างจัง

"มะ ไม่ทราบค่ะเค้กยังติดต่อพี่เทียนไม่ได้เลยอ่ะคุณแม่" น้องเค้กก้มหน้าวางมือประสานกันไว้ที่ตัก สีหน้าเครียดขรึมขึ้นมาทันที 

บรรยากาศมาคุเริ่มเข้าปกคลุมทั่วทุกบริเวณบ้าน แว่วว่าความซวยกำลังคลืบคลานเข้ามาหาไอ้ธูปเป็นหย่อมๆและกำลังกระจายตัวเป็นพายุทอร์นาโดในอีกไม่ช้า

"หมายความว่าไงคะที่บอกว่าติดต่อไม่ได้คุณแม่ต้องการคำอธิบาย" แววความตายกำลังคืบคลานมาหาไอ้ธูปอย่าช้าๆ ดูเหมือนมัจจุราชจะมาเคาะประตูวังจุฑาเทพแล้ว ทำไมกูต้องมารับรู้เรื่องราวพวกนี้ด้วยวะเนี่ย ใช่เรื่องของกูไหมครับ

"คือพี่เทียนหายตัวไปได้สี่วันแล้วค่ะหลังจากที่เค้กบอกพี่เขาว่าเค้กท้อง" ไอ้เทียนมึงไม่กลับมานอนบ้านหลายวันเลยเหรอวะ มึงไปนอนไหนแล้วทำไมกูถึงไม่รู้เรื่อง

"หมายความว่าแฟนเราหนีไม่คิดจะรับผิดชอบลูกสาวป๊างั้นสิ" อย่าสรุปเอาเองแบบนั้นสิครับคุณพ่อ น้องชายผมถึงมันจะติสไปนิดเข้าใจยากไปสักหน่อยแต่มันไม่ทิ้งลูกทิ้งเมียมันแน่ๆอะครับ แล้วนั่นอะไรครับอะไรพวกมนุษย์ชุดดำจะทำอะไรไอ้ธูปครับ ขยับมาใกล้กูทำไมออกไปชิ้วๆๆ

"ห้ามใครทำอะไรพี่ธูปนะคะ แล้วก็ห้ามว่าพี่เทียนของเค้กด้วย" ดังคำประกาศิตมนุษย์ชุดดำถอยร่นออกห่างจากตัวผมทันทีไปยืนข้างหลังตัวพ่อ (มาเฟีย) เมื่อน้องเค้กกางปีกปกป้องผม

"จ้าๆลูกรัก ป๊ายังไม่ได้ว่าอะไรแฟนลูกเลยนะจ๊ะ แล้วป๊าก็ไม่ได้ทำอะไรพี่ชายของแฟนลูกด้วยอย่างอนนะจ๊ะอย่างอนเดี๋ยวมันมีผลกับหลานป๊านะจ๊ะ" ผมรู้แล้วว่าบ้านนี้ใครใหญ่สุดไอ้เทียนมึงนี่มันช่างเลือกจริงๆ ผมนี่ #ทีมน้องเค้ก เลยครับ

"เค้กมีอีกเรื่องที่จะพูด พี่พายเอาลูกน้องไปทำร้ายพี่ธูปถึงบ้านเรื่องนี้คุณพ่อต้องจัดการให้ความยุติธรรมกับพี่ธูปด้วยนะคะไม่งั้นเค้กไม่ยอมจริงๆด้วย" หึๆไอ้พี่พายหน้าซีดไปแล้วครับ 555 สะใจไอ้ธูปจริงๆเว้ย มามะมาขอโทษไอ้ธูปซะดีๆ

"พาย!!ฉันบอกให้แกไปคุยกันดีๆไม่ใช่เอาคนไปทำร้ายเขา แล้วนี่ใครมั้งที่ไปทำร้ายคุณธูปบ้าง!!" ตัวพ่อ (มาเฟีย) ตะโกนด่าตัวลูก (ชาย) ก่อนจะหันไปถามลูกน้องที่ยืนตัวตรงเป็นรูปปั้นกันอยู่ด้านหลัง

"ใครที่ไปทำร้ายคุณธูปออกมายืนเข้าแถวข้างหน้าคุณธูปเดี๋ยวนี้!!" สิ้นเสียงของตัวพ่อพวกมนุษย์ยักษ์ตัวเขียวพร้อมด้วยควายไบสันก็เดินออกมาเข้าแถวด้านหน้าผมกันอย่างพร้อมเพรียงและเป็นระเบียบประหนึ่งทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

"ป๊าจะทำอะไร" ไอ้พี่พายถามด้วยความสงสัย ครั้งแรกที่ความคิดเราตรงกัน คือไอ้ธูปก็สงสัยแต่ไม่กล้าถาม

"ขอโทษคุณธูปเขาซะ!!" พวกยักษ์ตัวเขียวและควายไบสันจ้องหน้าผมเขม็งจนผมรู้สึกว่าอยากหายตัวไปจากตรงนี้อย่างไว คุณพ่อครับเหมือนคุณพ่อจะหวังดีแต่คุณพ่อกำลังเพิ่มคดีให้ไอ้ธูปอยู่นะครับ ธูปผิดอะไรทำไมต้องมองหน้ากันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อขนาดนั่น ธูปไม่เข้าใจว่าธูปผิดอารายยยยยยยยยย

"เร็วๆ!!สิวะหรือจะต้องให้ฉันทำให้พวกแกดูก่อน" คุณพ่ออย่าไปเร่งพี่ๆเค้าสิครับ เดี๋ยวความซวยมันจะมาตกอยู่ที่ผม แงๆๆๆอย่ามองหน้ากูอย่างนั่นกูต้องอยู่ที่นี่อีกนานดีๆกันไว้นะครับไอ้ธูปขอร้อง

"ขอโทษครับ!!" คำขอโทษที่เอ่ยออกมาเสียงดังสนั่นลั่นทุ่ง พวกควายไบสันพร้อมด้วยยักษ์ตัวเขียวโค้งคำนับผมอย่างพร้อมเพียงท่าทางมันเหมือนว่าจะสำนึกผิดนะถ้าไม่ติดว่าแววตาที่ส่งมาให้กันนั่นมันเหมือนกับยังอาฆาตแค้นกันแต่ชาติปางก่อน พวกมึงไม่สำนึกผิดจริงๆใช่ไหมครับมองกูเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ตายงานนี้ไอ้ธูปตายหยังเขียดแน่ๆ

"พี่พายไม่คิดจะขอโทษพี่ธูปบ้างเหรอคะ" น้องเค้กครับดูหน้าพี่ชายน้องด้วยครับจะงับหัวพี่อยู่แล้วครับอย่าหวังดีกับพี่เลยครับน้องเค้กพี่ธูปไม่อยากได้ครับ

"ไม่จำเป็น" ไอ้นี่ก็ไม่สำนึกผิดเลยจริงๆ

"พาย!!" คุณแม่เอ่ยเสียงเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงเย็นๆฟังแล้วขนไอธูปนี่ลุกชูชันประหนึ่งว่ากำลังปวดขี้

"ถ้ายังไม่เจอตัวไอ้เทียน พายก็ไม่ขอโทษมันหรอก พายขอตัวก่อนนะครับ" พูดจบแมร่งเดินออกจากบ้านไปเฉยเลย ทิ้งความงงเอาไว้เบื้องหลัง เจริญล่ะพ่อคุณไอ้ธูปไม่อยากจะคิดเลยว่าใครที่ได้ไอ้พี่พายมันไปเป็นผัวเนี่ยคงจะเหมือนตกนรกขุมที่ลึกที่สุดอ่ะนะ น่าสงสารคนๆนั่นจริงๆ

"ฉันต้องขอโทษแทนลูกชายฉันด้วยก็แล้วกัน ยังไงคุณอยู่ที่นี่ก็ทำตัวตามสบายนะ" กูเกร็งตั้งแต่เหยียบเข้ามาในบ้านแล้วครับ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เลิกเกร็งเลยครับไหนจะลูกน้องคุณพ่อและลูกน้องพี่ชายน้องสะใภ้ผมอีกแต่ละคนมองผมเหมือนเป็นกระสอบทรายเดินได้ที่พวกมันพร้อมจะเดินมาเตะมาต่อยผมได้ตลอดเวลา คงทำตัวตามสบายได้หรอกครับคุณพ่อ

"คะ ครับ ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ" เพราะกูหนัก ก๊ากๆๆใช่เวลาเล่นไหมไอ้ธูป
.
.
.
.
.
.
.
"พี่ธูปนอนห้องนี่นะคะ ขาดเหลืออะไรก็เรียกเด็กๆในบ้านได้ทุกคนเลยนะ" น้องเค้กนั่งลงบนเตียงบอกกล่าวอย่างอารมณ์ดี คือพี่คิดว่าถ้าพี่อยู่บ้านนี้พี่ต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้อ่ะครับ เพราะพี่ไม่กล้าเรียกใช้ใครจริงๆหน้าตาแต่ละคน ไอ้ธูปให้สามคำ โหด-โฉด-เถื่อน มากครับใครจะไปกล้าใช้พวกมันวะ

"ขอบคุณครับ เออ น้องเค้กพี่ถามอะไรได้ไหมครับ"

"ได้ค่ะ พี่ธูปจะถามอะไรเค้กหรอคะ"

ผมรวบรวมความกล้าก่อนจะตัดสินใจถามออกไป "อาจจะดูเหมือนว่าพี่ละลาบละล้วงแต่พี่สงสัยอ่ะครับ" ผมถอนหายใจและแสดงสีหน้าว่าลำบากใจจริงๆที่จะเผือกเรื่องนี้ น้องเค้กทำแค่ยิ้มๆและรอฟังคำถามจากผม ผมจึงพูดสิ่งที่คิดออกมาผมลำบากใจจริงๆนะไม่อยากจะเผือกเล๊ย "บ้านน้องเค้กทำอาชีพอะไรกันอะครับทำไมพ่อของน้องเค้กต้องมีคนตามคุมหน้าคุมหลังเยอะแยะไปหมดล่ะครับ" ถ้าทำอาชีพที่ทุจริตไอ้ธูปจะได้ไหวตัวทัน

นี่ล่ะเหตุผลที่ผมเผือก ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของตัวผมเองทั้งนั้น ผมไม่อยากเอาชีวิตที่สดใสและหล่อโคตรๆมาทิ้งไว้ที่นี่หรอกนะ

น้องเค้กส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนจะตอบ "อ้อคุณป๊าเค้กเค้าทำธุรกิจหลายอย่างนะคะ ตั้งแต่อสังหา ธุรกิจน้ำมัน ผับบาร์ โรงแรม รีสอร์ท รวมไปถึงปล่อยเงินกู้ด้วยนะคะ แต่ตอนนี้ธุรกิจคุณป๊ากำลังมีปัญหาเพื่อนคุณป๊าโดยลอบทำร้ายตายไปแล้วสองคนพี่พายเลยให้คนมาคุมกันคุณป๊านะคะ แต่พี่ธูปไม่ต้องห่วงนะคะไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกคะ ชิวๆเค้กชินแล้ว" มันชิวตรงไหนว่ะ ไอ้ธูปยังมองไม่เห็นคำว่าชิวในรูปประโยคนั้นเลยอ่ะ ตายไปสองนี่คือชิวเหรอวะ แล้วน้องเค้กชินแต่ถามพี่สักคำไหมครับว่าชิวไหม เวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย

น้องเค้กลุกขึ้นส่งยิ้มหวานมาให้ "เค้กไปหาคุณแม่ก่อนนะคะ เออ!!พี่ธูปหกโมงตรงเป็นเวลาทานมื้อเย็นนะห้ามมาเลทห้ามสายนะ"


"ครับ" น้องสะใภ้ผมออกจากไปห้องไปพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใสที่ผมเห็นแล้วต้องยิ้มตามน้องเค้กเป็นผู้หญิงคิดบวกจริงๆครับ น้องดูไม่เครียดไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรเลย แต่ในใจน้องเค้กคิดอะไรผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เฮ้ออออ เมื่อไหร่ไอ้เทียนมันจะกลับมาสักทีว่ะเนี่ย

ผมก้มดูนาฬิกาเห็นว่ามีเวลาอีกตั้งสามชั่วโมงงั้นไอ้ธูปขอนอนพักเอาแรงก่อนก็แล้วกันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอนหลังจากจัดการเก็บข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะเข้าสู่นิทรา


ในความฝันของผม ผมกำลังนอนมองท้องฟ้าสีครามในทุ่งกว้างที่มีมวลดอกไม้สวยงามนานาพันธุ์กลิ่นหอมรัญจวนใจของมวลดอกไม้ทำให้จิตใจของผมสงบ ผมมีอิสระสามารถโบยบินได้ดังเช่นนก ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้มองต้นไม้ใบหญ้า ท้องฟ้าสีครามสดใสและ........


คลื่นสึนามิ

ซ่า!!


"แค่กๆๆๆ" เชรี้ยในฝันกูไม่มีทะเลนี่หว่าแล้วอะไรแฉะๆเปียกๆตัวกูวะเนี่ยนี่กูกำลังฝันเปียกอยู่เหรอวะ ฉิบหายแล้วไอ้ธูปมึงมีอารมณ์กับดอกไม้หรือนี่ โอ้ว มาย ก็อต ผมสะดุ้งตื่นจากความฝันทันทีที่ร่างกายของผมได้สัมผัสกับความแฉะและเปียก พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นไอ้พี่พายยืนทำหน้าทะมึนใส่ผมพร้อมกับหลักฐานในมือมันที่มาของฝันเปียกๆของผม เพราะมันคือกะละมังนั่นเอง ฝันดีของกูถูกมึงพรากไปด้วยน้ำในกะละมังเหรอเนี่ย

ม่ายยยยยไอ้ธูปไม่ยอม

"มึงสาดน้ำใส่ผมทำไม" สงกรานต์แล้วเหรอวะ ผมรีบลุกจากเตียงไปยืนเผชิญหน้ากับไอ้คนที่มันบังอาจมาทำลายความฝันอันสวยงามของผมให้กลายเป็นฝันเปียก(ที่เปียกไปทั้งตัว)

"กูปลุกมึงแล้วมึงไม่ตื่นเองช่วยไม่ได้" ช่วยไม่ได้อะไรคือช่วยไม่ได้วะ ไอ้ธูปไม่เข้าใจ

"แล้วมาปลุกทำไมวะ"

"ก็มันได้เวลากินข้าวแล้วและทุกคนเขาก็รอมึงอยู่คนเดียว มาอาศัยบ้านเขาอยู่ก็หัดเกรงใจบ้างนะต้องให้เจ้าของบ้านมารอเสียมารยาท" เป็นชุดมาเป็นสึนามิเลยเลยมึงแล้วเข้าใจอะไรผิดเปล่าวะกูไม่ได้อยากมามึงอ่ะบังคับให้กูมากูไม่เต็มใจเลยขอบอก

"รู้จักคำว่ามารยาทด้วยเหรอครับ" กวนตีนวันละนิดจิตไอ้ธูปแจ่มใส

"มึงกล้าว่ากูเหรอห๊า!!" จะตะคอกทำไมวะอยู่ใกล้กันแค่นี้

"ว๊ากกกกกกกกก" ตั้งหลักได้ก็วิ่งหนีเข้าห้องน้ำอย่างไว ขืนยืนอยู่อาจจะได้กินอย่างอื่นนอกเหนือจากข้าว
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากมื้อค่ำที่แสนจะวุ่นวายผ่านพ้นไปเพราะคุณพ่อคุณแม่ไอ้พี่พาย เล่นยี่สิบคำถามกับผมจนตอบแทบไม่ทันทำเอาปวดเศียรเวียนเกล้าไมเกรนขึ้นกันเลยทีเดียว และตอนนี้ถึงเวลาที่ผมจิตตกนรกแตกเพราะผมกำลังยืนอยู่ในห้องของไอ้พี่พายโดยมีคุณพ่อคุณแม่และน้องเค้กมาส่งถึงห้อง คิดไปคิดมามันเหมือนมาส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอเลยวะ เฮ้ย!!ไม่ใช่แหละไอ้ธูปมึงคิดอะไรอยู่เนี่ย สยองสัดๆ

และเหตุผลที่ผมมายืนเอ๋ออยู่ในห้องไอ้พี่พายก็เพราะว่าไอ้พี่พายมันสาดน้ำใส่ผมซึ่งนอนหลับฝันดีอยู่บนเตียงนุ่มๆดังนั่นเตียงที่ผมนอนอยู่มันก็เปียกน้ำจนไม่สามารถนอนได้และคุณพ่อไอ้พี่พายก็เลยลงโทษไอ้พายด้วยการให้ผมไปนอนกับมัน ฆ่ากูเถอะครับถ้าจะลงโทษกันด้วยวิธีนี้ ไม่ถามสุขภาพผมสักคำมาถึงก็ยัดเยียดกูให้ไอ้พี่พายมันซะงั้น นรกเถอะครับ

ห้องมีเหลืออีกตั้งหลายห้องทำไมต้องให้ไอ้ธูปมานอนกับไอ้ตัวอันตรายอย่างพี่พายมันด้วยครับ ธูปไม่เก็ตอ่ะ ธูปไม่ว๊อน แมร่งไอ้เทียนมึงนะมึงเพราะมึงตัวเดียวชีวิตกูเลยต้องเป็นอย่างนี้เกิดมาดูโลกจนอายุครบ20ปีบริบูรณ์ไอ้ธูปยังไม่เคยร่วมเตียงเคียงหมอนกับผู้ชายแปลกหน้าคนไหนเลย (แต่ผู้หญิงแปลกหน้าไอธูปก็ผ่านมาหมดแล้วนะครับ แต่หน้าแปลกไอธูปไม่ว๊อน) แล้วทำไมคนแรกที่ได้เปิดซิงในการนอนร่วมเตียงกับผู้ชาย (แปลกหน้า) ถึงเป็นไอ้พี่พายไปได้วะพี่พายผู้ชายอันตรายที่เหนือคำบรรยาย ตายไอ้ธูปขอลาตาย ณ บัดนาว


ชีวิตหลังจากนี้ของไอ้ธูปคงไม่ได้รู้จักคำว่าสงบสุขอีกแล้วละครับทุกท่าน

ผมทำใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ไม่ลืมหันกลับไปยิ้มขอบคุณในความเมตตา กรุณา อุเบกขาที่ไอ้ธูปคนนี้ได้รับจากทั้งสามคนโดยที่ไอธูปไม่ต้องการเลยสักนิด ยิ้มกันทำไมครับไอ้ธูปดูเหมือนดีใจขนาดนั้นเลยรึไง โอ๊ย!! นรกรออยู่ตรงหน้าแล้วไอ้ธูปเอย ตายแน่นอนหมอลักษณ์ไม่ต้องมาฟันธงไอ้ธูปก็รู้ตัว ปีนี้ปีชงกูรึไงวะเนี่ย

"มึงจะยืนเอ๋ออีกนานไหมวะกูง่วงนอนแล้วนะโว้ย!!" ไอ้พี่พายอดีตพี่ว๊ากเก่าแหกปากถามผมทันทีเมื่อมันเห็นว่าผมปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้วแต่ยังยืนทำใจอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

"จะตะโกนทำไมอยู่กันแค่นี้" ขอให้กล่องเสียงมึงอักเสบทีเถอะ สาธุ ผมเดินอาดๆอย่างมาดมั่นเพื่อขึ้นไปนอนบนเตียงขนาดใหญ่เวอร์ๆของไอ้พี่พายแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ล้มตัมลงนอนเสียงไอ้อดีตพี่ว๊ากเก่าก็แหกปากร้องซะดังลั่นห้อง

"เฮ้ย!! มึงขึ้นมาบนเตียงกูทำไมลงไป๊!!" ไอ้พี่พายแหกปากร้องเสียงดังพร้อมกับฝ่าตีนอุ่นๆที่ไอ้ธูปแสนจะคุ้นเคยพุ่งตรงเข้าที่กลางดวงใจตรงอกข้างซ้ายของไอ้ธูปแบบพอดีเป๊ะมิใช่ลูกศรจากคิวปิคแต่อย่างใดกรุณาอย่าจิ้นกันไปไกลเพราะความจริงนั่นไซร์มันคือส้นตีนอุ่นๆของไอ้พี่พายมนุษย์เหนือโลกคนนี้นี่เอง


"โอ๊ย!!" ไอ้พี่พายมันถีบผมตกจากเตียงนอนอันแสนนุ่มมาสู่พื้นอันแข็งโป๊กตูดกูจะระบมก็งานนี้ล่ะครับแมร่งถีบมาได้อย่างแรงเลยริชซี่กูจะแตกไหมเนี่ย ทำไมมึงชอบใช้ความรุนแรงจังวะหรือว่ามึงเป็นพวกลัทธิคลั่งความรุนแรงเออะอะใช้แต่กำลังกูจะช้ำในตายก่อนจะเห็นหน้าหลานไหมครับเนี่ย


"มึงถีบผมทำไมเนี่ย!!" ผมรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะตะโกนถามไอ้พี่พายด้วยใบหน้าที่เหยเกเพราะอาการเจ็บแปลบๆที่ช่วงล่างที่ผมเพิ่งถูกไอ้พี่พายมันทำร้ายร่างกายมาหมาดๆ แต่ผมต้องแอ๊บเนียนทำเป็นว่าไม่เจ็บเพราะเดี๋ยวไอ้พี่พายมันจะได้ใจ

เจ็บสัดๆTT_TT

"มึงจะตะโกนทำไมอยู่กันแค่นี้!!" โอ๊ยมึงจะโหดไปไหนคร้าบพี่น้องครับ  แค่นี้กูก็ขี้หดตดหายแล้ว ว่าแต่คำพูดเมื่อกี้มันของกูนะครับ

"ทีมึงยังตะโกนใส่กูได้เลยแล้วทำไมกูจะทำมั้งไม่ได้วะ" มารยาทอันดีงานที่ไอ้ธูปมีวันนี้ไอ้ธูปขอพับเก็บเอาไว้ก่อนแล้วกันนะครับ หึๆกับไอ้คนๆนี้ผมว่าไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องพูดจาดีๆด้วยหรอกครับดังนั่นไอ้ธูปของัดวิชาสถุนลุนชาติที่ได้ศึกษามาจากเหล่าเพื่อนๆขอเอามาใช้กับไอ้พี่พายก่อนก็แล้วกัน

"ไอ้สัดมึงกล้าเถียงกูเหรอ อย่าอยู่เลยมึง" ไอ้พี่พายพุ่งมาหาผมเพื่อที่จะฝากรอยเท้าของมันเอาไว้ที่ร่างกายผม (อีกครั้ง) มันคงคิดจะเอาฝ่าเท้ามานวดผมเพื่อให้หลับฝันดีด้วยการใช้ส้นตีนนวดตามลำตัวและใบหน้าของผมแน่ๆเป็นวิธีการส่งเข้านอนในแบบฉบับของไอ้พี่พายที่ผมไม่ต้องการ ว๊ากกกกก พ่อแก้วแม่แก้วช่วยไอ้ธูปด้วยยยยคร้าบบบบบ

ผมวิ่งหนีตีนของไอ้พี่พายรอบห้องปากก็ตะโกนถามคำถามโง่ๆออกไป "มึงไม่ให้กูนอนที่เตียงแล้วมึงจะให้กูไปนอนที่ไหนวะ" กูหอบจะแดกแล้วนะมึงเชรี้ยกูไม่อยากออกกำลังกายก่อนนอนนะครับไอ้พี่พายมึงจะแรงควายไปไหนเนี่ยเหนื่อยบ้างเพลียบ้างเหอะธูปขอร้องตูดธูปยังเจ็บจากการกระทำของคุณพี่อยู่เลยนะครับ

"โน้นที่นอนของมึง" ไอ้พี่พายมันหยุดวิ่งไล่เตะผมแล้วนิ้วชี้ของมันก็ชี้ไปที่โซฟาเบดตัวใหญ่ พ่องมึงเถอะครับโซฟาเนี่ยนะ มึงจะให้กูซึ่งมาอยู่ในบ้านนี้ในฐานะพี่ชายฝาแฝดของสามีน้องสาวมึงที่ควบอีกตำแหน่งนึงก็คือลุงของลูกในท้องน้องสาวมึง (งงกันไหมครับ) ไปนอนที่โซฟาเนี่ยนะโหดร้ายมาก ฐานะที่กูมีกูต้องนอนเตียงเท่านั่นโว้ย!!

"เตียงออกจะกว้างนักฟุตบอลมานอนได้ทั้งทีมยังไม่เบียดกันเลย กูก็ไม่ได้ตัวใหญ่อะไรมากมายทำไมกูต้องไปนอนที่โซฟาด้วยวะ" อย่าว่าแต่นักฟุตบอลทั้งทีมเลยครับผมให้คนดูทั้งสนามมานอนบนเตียงมันก็เถอะแมร่งยังเหลือที่อ่ะ แล้วมันจะห่วงพื้นที่บนเตียงหาสวรรค์วิมานอะไรวะ

และไอ้พี่พายก็บอกเหตุผลที่โคตรจะฟังไม่ขึ้นในการที่มันไม่ยอมให้ผมได้นอนร่วมเตียงเคียงหมอนกับมัน "กูไม่เคยนอนกับใครกูไม่ชิน" ไอ้พี่พายครับมึงพูดซะกูจิ้นไปไหนต่อไหนแล้ว กูแค่มาอาศัยนอนหลับไม่ใช่หลับนอนกับมึงนะครับ มึงคิดไปไหนเนี่ยไอ้พี่พาย บรึ๊ย~~~ แค่คิดไอ้ธูปก็สยองแล้วครับ

"คือกูก็ไม่เคยนอนกับผู้ชาย (แปลกหน้า) เหมือนกัน ดังนั่นก็ถือว่าต่างคนต่างเปิดซิงเรื่อง (นอนหลับ) บนเตียงของกันและกันนะกูไม่ถือ" ไหนๆก็ต่างคนต่างไม่เคยก็ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตก็แล้วกันไอ้พี่พายได้ผมเป็นผู้ชายคนแรกที่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อนอนร่วมเตียงเคียงหมอนกับมัน ผมเองก็ได้นอนที่นอนนุ่มๆสบายๆดังนั่นผมจะถือว่าวิน-วินกันไปไอ้ธูปไม่ซีอยู่แล้วครับ ขอแค่คืนนี้ผมได้นอนเตียงนุ่มๆสบายๆแค่นี้ไอ้ธูปก็พอใจแล้วครับ

"แต่กูถือ ดังนั่นมึงไปนอนที่โซฟานั่นแหละดีแล้ว เอออย่าสะเออะมานอนเตียงเดียวกับกูเด็ดขาด" สัดกูนึกว่ามึงจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆนะไอ้พี่พาย

"......." ยืนสตั้นไปสามวิ ไอ้ธูปเงิบแดกครับงานนี้ตกลงกูต้องไปนอนที่โซฟาจริงๆใช่ป่ะเนี่ย





TALK: ตอนนี้เรื่อยๆนะคะตามสไตล์ชีวิตของธูป อย่าเพิ่งเกลียดพี่พายนะ พี่พายน่ารักนะเออ (ตรงไหน) เรื่องนี้ไม่ค่อยสาระอะไรนะคะ อ่านไปก็คิดเสียว่าตามติดชีวิตมนุษย์แปลกๆกลุ่มหนึ่งแล้วกันนะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๒ วันแรกก็โดนซะแล้ว ตายแล่ว ตายแล่ว อะไรกันหว่า ๒๑/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-04-2015 15:13:06
ฮิตเลอร์พาย 55555
ชื่อแกไม่ได้ทำให้วิญญาณว๊ากเกอร์หลุดออกจากร่างใช่มะ 5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๒ วันแรกก็โดนซะแล๘
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 22-04-2015 17:27:25
ธูปสู้คนอีกนิดท่าจะมัน แล้วพอฟักพอเหวี่ยงกับพายนี่แจ่มสุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓ เรื่องบนเตียง ๒๓/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 23-04-2015 23:16:02
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓ เรื่องบนเตียง


"เอ๊านี่หมอนกับผ้าห่ม" ไอ้พี่พายมันยังอุตส่าห์มีน้ำใจโยนหมอนกับผ้าห่มมาให้ผม แต่มึงช่วยโยนมาให้ถึงตรงที่กูยืนอยู่ได้ปะวะ แมร่งที่แหกปากพูดเนี่ยเสียงดังไปสามสี่จังหวัด ที่เวลากระทืบกูเนี่ยแรงดีเหมือนพลังช้างสาร แต่พอเวลาโยนหมอนโยนผ้าห่มให้กูเนี่ยแรงมึงไปไหนหมดวะ

"ชิส์!!" ผมเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มที่ไอ้พี่พายมันโยนลงมาที่พื้นใกล้ตีนมันนั่นแหละครับ ก่อนจะเดินคอตกไปที่โซฟาแต่ผมยังไม่ลืมที่จะหันไปสะบัดบ๊อบใส่ไอ้พี่พาย (ท่าทางมึงเมะมากไอ้ธูปเมะมากๆ) ที่ยืนทำหน้าสะใจใส่ผมอยู่ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง

ไอ้ธูปยังขอย้ำคำเดิมว่ามึงเผลอเมื่อไหร่กูจะปีนขึ้นเตียงมึงทันที มึงจำไว้เลยนะไอ้พี่พายไอ้ธูปคนนี้นี่แหละที่จะเป็นผู้ชายคนแรกที่นอน (หลับ) ร่วมเตียงเดียวกับมึง อย่าเผลอนะมึงกูจะปีนขึ้นเตียงไปนอน (หลับ) อยู่ข้างๆมึงคอยดู ผมนอนอยู่บนโซฟาพยายามทำจิตใจให้สงบบวกกับพยายามอย่างที่สุดที่จะทำตัวให้เล็กที่สุดในชีวิต โซฟามันจะไปนอนสบายเท่าเตียงได้อย่างไรล่ะครับ ข่มตาลงเริ่มใช้วิธีคลาสสิคที่ทั่วโลกใช้กันเวลานอนไม่หลับ

แกะตัวที่หนึ่ง.......กูยังนอนไม่หลับ

แกะตัวที่ยี่สิบสอง.........กูปวดคอโคตรๆ

แกะตัวที่สามสิบสี่........อาการปวดหลังตามมาติดๆ

แกะตัวที่สี่สิบห้า........ไอ้ธูปอยากนอนเตียงนุ่มๆสบายๆอ่ะ

แกะตัวที่ห้าสิบหก........กูทนไม่ไหวแล้วโว้ย!!

ผมลุกพรวดจากโซฟาก่อนจะสะบัดหัวไปมาสองสามทีและยกมือขึ้นนวดต้นคอเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการนอนผิดท่า (?) ก่อนที่สายตาของผมจะจ้องมองที่เป้าหมายซึ่งตอนนี้มันกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงที่ผมปราถนาจะได้สัมผัสกับความนุ่มของมันสักครั้ง ผมค่อยๆย่องไปที่เตียงที่ไอ้พี่พายมันนอนหลับอยู่โดยไม่ลืมที่จะหยิบหมอนและผ้าห่มติดมือมาด้วยผมยืนมองมนุษย์เหนือโลกนามว่า 'พาย' ที่ตอนนี้ดูไร้ซึ่งพิษสงไร้ซึ่งความอันตราย ไร้ซึ่งความน่ากลัว เป็นเพียงผู้ชายน่าตาดีธรรมดาๆคนนึงเท่านั้นเอง ไม่อยากจะชมว่ามันหล่อแต่ก็นะหลักฐานคาตาขนาดนี้ไอ้ธูปก็ไม่อยากจะผิดศิลข้อมุสาอ่ะครับ

บนเตียงตอนนี้มีเพียง 'พาย' ผู้ชายธรรมดาที่หน้าตาไม่ธรรมดาเลยสักนิดขนาดที่ผมว่าตัวผมหล่อแบบโคตรพ่อโคตรแม่ขุดโคตรเหง้ากันขึ้นมาหล่อแล้วนะ (ไม่ได้หลงตัวเองนะหลักฐานมันมีอยู่ที่เบ้าหน้าครั้นไอ้ธูปจะปฏิเสธก็ลำบากใจสุดท้ายเลยต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน โฮะๆ) แต่พอผมมาเจอกับไอ้พี่พายบอกตรงๆไอ้ธูปดูเป็นมนุษย์ธรรมดาๆที่หน้าตาบ้านๆไปเลย ผมว่าผมสูงแล้วนะ (178) แต่ไอ้พี่พายแมร่งสูงกว่าผมอีกอ่ะ (189) ตอนเด็กๆแมร่งต้องแอบไปกินเสาไฟฟ้าเล่นแน่เลยโตมามันถึงได้สูงขนาดนี้ แล้วดูจมูกแมร่งดิโด่งยังกะยัดซิลิโคลนเข้าไปอย่างนั่นแหละ คิ้วอีกแมร่งจะเข้มไปไหนครับ ตาคมๆดุๆที่ทำเอาประหม่าได้เวลาที่ถูกจ้องมอง ไหนจะริมปากแดงๆที่ดูมีเสน่ห์ (เวลาหลับ) แต่พอตื่นขึ้นมาปากมันก็หมาเหมือนเดิม

มึงมันช่างเป็นมนุษย์ที่พ่อแม่ตั้งใจปั้นจริงๆหน้าตามึงจะดีไปไหนครับพี่น้องครับ หน้าตาดีจนกูดูต่ำต้อยด้อยค่าไปเลย อ้อที่พูดๆมาทั้งหมดเนี่ยไม่ใช่ว่าผมจะหลงเสน่ห์อะไรของไอ้พี่พายมันหรอกนะ ผมแค่อิจฉามันแค่นั่นเองแค่นั่นจริงๆอะไรทำไมทำหน้าไม่เชื่อกันขนาดนั้นล่ะครับ ไอ้ธูปแมนนะครับแมนที่สุดในสามโลกแล้ว ดังนั่นผมจะไปหลงเสน่ห์ไปชอบผู้ชายด้วยกันได้ยังไงครับบ้ารึเปล่าที่พูดมาทั้งหมดก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้าพูดไปตามที่ตาเห็นก็แค่นั้นแค่นั่นจริงๆ

พอเถอะพูดมากไปมันก็เหมือนกับแก้ตัวเนอะเอาเป็นว่าผมไม่พูดดีกว่าเสียเวลานอนอันมีค่าของผมหมด หลังจากที่ผมยืนทำใจอยู่นานสองนานผมก็ค่อยๆก้าวเท้าขึ้นไปบนเตียง พยายามทำตัวลีบๆแบนๆเบาๆเพื่อให้เตียงมันยวบลงน้อยที่สุดเพราะผมกลัวไอ้พี่พายมันจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาซะก่อน เพราะถ้ามันตื่นขึ้นมาเห็นผมที่กำลังปีนขึ้นเตียงมันอยู่ล่ะก่อนเชื่อเถอะครับความบรรลัยเกิดขึ้นกับไอ้ธูปแน่นอน

ผมทิ้งตัวลงนอนอีกฝากของเตียงโดยผมพยายามใช้วิชาตัวเบาที่เคยเล่าเรียนมา (?) ทำให้ผมขึ้นมานอนบนเตียงได้โดยที่ไอ้พี่พายมันไม่รู้สึกตัวสักนิดปลื้มใจกับความสามารถของตัวเองจริงๆ อ้าาาา เตียงโคตรจะนุ่มอ่ะคืนนี้ไอ้ธูปหลับฝันดีแน่ๆเลยวะ หลังจากเคลิบเคลิ้มกับความนุ่มสบายของเตียงผมก็เริ่มเข้าสู่นิทราตามล่าหาฝันของตัวเองทันที หวังว่าในฝันของผมคงไม่เจอกับคลื่นสึนามิเหมือนเมื่อตอนเย็นหรอกนะ
.
.
.
.
ผมกำลังฝันดีก็ต้องสะดุ้งตื่น (แต่ไม่กล้าลืมตา) เพราะรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกขยับเขยินตัวไปไหนไม่ได้เลยมันรู้สึกเหมือนกำลังถูกรัด เอ๋!!หรือว่าผมโดนผีอำหว่า เชรี้ยแล้วไงไอ้ธูปตอนมาก็ลืมไหว้บอกเจ้าที่เจ้าทางแล้วตอนนอนก็ดันลืมสวดมนต์อีกนี่กูเจอดีตั้งแต่คืนแรกเลยเหรอวะ โหบ้านนี่โหดยันเจ้าที่เจ้าทางเลยเหรอวะเนี่ย แล้วไอ้ธูปจะรับมือไหวได้ยังไงครับเฮี้ยนทั้งคนทั้งผี

"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต...." อะไรต่อวะกูจำไม่ได้ สั่นแมร่งไปทั้งตัวแล้วเนี่ย โอ๊ยแล้วไอ้ผีบ้านี่จะรัดกูอีกนานไหมครับกูหายใจไม่ออกเดี๋ยวกูทำบุญไปให้คืนนี้กูขอนอนก่อนได้ไหม

"นอนได้แล้วกูรำคาญ" โอ้วววว วิญญาณมันสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ด้วยโว้ย ไอ้ธูปสัมผัสได้ว่ามีพลังงานบางอย่างอยู่ใกล้ตัวครับมันใกล้มากใกล้จนไอ้ธูปสัมผัสได้ถึงลมหายใจของมัน เชรี้ยผีที่ไหนมันมีลมหายใจวะ


ผมหรี่ตาขึ้นมามองก็พบกับไอ้พี่พายมนุษย์เหนือโลกที่มันกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขและคงกำลังหลับฝันดี แต่มึงจะมากอดกูทำไมครับ แล้วนั่นอะไรไอ้พี่พายขามึงอยู่ใกล้ขีปนาวุธของกูแล้ว สัญญาณอันตรายบ่งบอกว่ามันเริ่มจะไม่ปลอดภัย ผมเข้าใจแล้วว่าน้องเค้กมันทำไมถึงรัดคอผมได้รุนแรงขนาดนั่นก็เพราะมันมีไอ้พี่พายเป็นไอดอลไงครับ แมร่งชาติก่อนมึงสองคนพี่น้องเกิดเป็นงูเหลือมกันรึไงครับกอดรัดกูแน่นขนาดนี้อ่ะ

"ไอ้พี่พายมึงเขยิบไปหน่อยดิกูอึดอัด" ผมเอามือดันอกไอ้พี่พายให้ออกห่างตัวผมแต่แมร่งไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียวมึงขี้เซาไปนะกูว่า

"......." ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่กูเรียก


"เขยิบออกไปหน่อยดิกูหายใจไม่ออก" รวบรวมลมปราณทั้งหมดที่มีแล้วจัดการดันไอ้มนุษย์ขี้เซาออกห่างจากตัว แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมมันไม่ขยับเหมือนเดิม  "ไอ้พี่พายปล่อยกู" ดันแมร่งก็แล้วยกขาถีบแมร่งก็แล้วยังไม่ขยับอีกมึงมันไม่ใช่คนไอ้พี่พายมึงมันยักษ์ขี้เซาชัดๆ

หลังจากใช้เท้าดันและใช้มือยันไอ้ตัวโตที่กอดผมอยู่มันก็ไม่กระดิกสักนิดมันยังคงตั้งหน้าตั้งตาหลับอย่างสบายใจและผมก็ละอายแก่ใจไม่กล้าเซ้าซี้มันมากเกินไป จริงๆกลัวมันตื่นมาต่อยผมต่างหากล่ะครับ

"เฮ้อ!!" ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆบวกกับปลงในชีวิตสุดท้ายก็ต้องนอนเป็นหมอนข้างให้ไอ้พายมันกอดทั้งคืน

ชีวิตผมมันเกิดอาเพศอะไรขนาดนี้วะเนี่ย ผมโดนลูกน้องไอ้พี่พายกระทืบปางตาย เหตุเพราะน้องชายฝาแฝดของผมไปทำน้องสาวสุดที่รักของมันท้องป่องและเจ้าตัวมันดันหายเข้ากลีบเมฆตามหาตัวก็ไม่เจอไอ้เทียนมันปิดมือถือติดต่อไม่ได้ มึงจะรู้บ้างไหมว่ามึงทำให้ใครต่อใครเขาเดือดร้อนเพราะการกระทำของมึงคนเดียวเนี่ย 

และสุดท้ายใครต้องมารับกรรมถ้าไม่ใช่ไอ้ธูปคนนี้แต่เรื่องรับผิดชอบเด็กในท้องของน้องเค้กผมยังพอรับได้เพราะนั่นคือหลานของผม แต่ที่ผมต้องมาเป็นหมอนข้างจำเป็นให้พี่ชายน้องเค้กนี่สิไอ้ธูปบอกตรงๆเลยว่ากูรับไม่ได้ครับ ผู้ชายตัวเท่าควายสองคนมานอนกอดกันกลมอยู่บนเตียง ใครมาเห็นเข้าผมว่าเค้าคงอ้วกแตกรับไม่ได้กับภาพที่เห็นอ่ะ อย่างน้อยๆก็ผมคนนึงล่ะที่โคตรจะรับไม่ได้เลย ก็ผมไม่ใช่เกย์นี่ครับจะให้รับได้ยังไง แล้วไอ้พี่พายมันจะรู้ไหมว่าที่มันกอดอยู่เนี่ยคือคนที่มึงโคตรจะเกลียดขี้หน้า
.
.
.
.
.
แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าปลุกให้ผมตื่นจากความฝันมาสู่โลกแห่งความจริง ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอหน้าไอ้พี่พายที่อยู่ใกล้ผมมากใกล้มากจนปลายจมูกมันฝังอยู่ที่หน้าผากผมลมหายใจที่รินรดหน้าผากทำเอาผมไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวไอ้พี่พายมันจะตื่นขึ้นมาแล้วอาละวาดใส่  ผมนอนมองหน้าไอ้พี่พายมนุษย์เหนือโลกที่นอนกอดก่ายกอดรัดผมอยู่และด้วยสมองอันชาญฉลาดที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรษบอกกับผมว่าผมต้องรีบลุกจากเตียงให้ไวเพราะถ้าไอ้พี่พายมันตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าผมกับมันอยู่ในสภาพที่โคตรจะล่อแหลมมันจะไม่ดีกับชีวิตของผมเอง

ผมค่อยๆยกแขนไอ้พี่พายที่กอดรัดเอวผมอยู่นั่นออกห่างจากตัวผม อีกนิดๆอย่าเพิ่งตื่นขึ้นมานะ โอเคต่อไปก็เหลือขามันที่ก่ายอยู่ที่จุดยุทธศาสตร์ของผม แล้วขามึงจะหนักไปไหนวะไอ้พี่พายขาคนหรือท่อนซุงวะ ซวยแล้วลูกกูตื่น ตื่นผิดเวลารึเปล่าลูกนี่ยังไม่แปดโมงลูกยังไม่ต้องตื่นขึ้นมาเคารพธงชาตินะลูกนะหลับไปก่อนนะเดี๋ยวแปดโมงพ่อจะปลุกเองนะครับ

แรงกอดที่เพิ่มมากขึ้นพร้อมด้วยท่อนขาหนักๆตวัดเข้ากระชับรอบเอวของผมจึงทำให้ผมถอนใจที่จะเอาตัวผมลงจากเตียง คงต้องรอให้ไอ้พี่พายมันตื่นขึ้นมาเองนั่นแหละครับ

ผมนอนมองหน้าไอ้พี่พายเงียบๆอิจฉาในความหล่อของมันเบาๆ ทำไมพ่อแม่ผมไม่ตั้งใจปั้นผมออกมาหล่อแบบนี้บ้างว่ะ พูดแล้วก็แซด ระหว่างที่กำลังสำรวจใบหน้าของไอ้พี่พายเพลินๆผมก็รู้สึกว่าหน้ามันขยับเข้ามาใกล้ผมทีละนิดๆเป็นเพราะเมาขี้ตาหรือเพิ่งตื่นจึงทำให้ผมอึนๆงงๆจึงไม่ได้ระวังว่าผมจะเจอเรื่องซวยที่สุดในชีวิตของผม

ไอ้พี่พายมันขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของมันแตะเข้ากับริมฝีปากของผมและนั่นก็ทำให้สติของผมกลับเข้าร่างทันที ผมตกใจผลักร่างของพี่พายมันออกก่อนจะเด้งตัวลุกจากเตียงยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากที่เพิ่งถูกผู้ชายที่ผมเกลียดขี้หน้าที่สุดสัมผัสมันไป

อ๊ากกกกกกกก


กูโดนผู้ชายจูบคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓ เรื่องบนเตียง ๒๓/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: waterlily ที่ 24-04-2015 01:36:54
หนูธูปจะได้เนื้อคู่แล้ว :hao5: :mc4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓ เรื่องบนเตียง ๒๓/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 24-04-2015 09:26:08
เอารีไรท์ใหม่หรือ? เคยลงแล้วนี่นา
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓ เรื่องบนเตียง ๒๓/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 24-04-2015 09:52:13
รีไรท์ลงใหม่หรอคะ? อันเก่าได้ประมาณยี่สิบตอนแล้วนี่นา  :ruready
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓ เรื่องบนเตียง ๒๓/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 24-04-2015 10:04:49
เอารีไรท์ใหม่หรือ? เคยลงแล้วนี่นา
รีไรท์ลงใหม่หรอคะ? อันเก่าได้ประมาณยี่สิบตอนแล้วนี่นา  :ruready


ลงใหม่ค่ะเพราะตอนนั้นคอมพังและข้อมูลอยู่ในเครื่องหมดเลยค่ะ ^^





หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓ เรื่องบนเตียง ๒๓/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 24-04-2015 17:49:54
สนุกค่ะๆ o13
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๔ เจ้าทุย(ไอ้เทียน)อยู่ไหน ๒๕/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 25-04-2015 21:35:11
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๔  เจ้าทุย(ไอ้เทียน)อยู่ไหน


หลังจากที่ผมสงบสติอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงเนื่องจากถูกจูบมรณะของไอ้พี่พายเข้าไปแล้วนั่นผมก็ค่อยๆย่องออกจากห้องไอ้พี่พายและตรงไปยังห้องนอนของผม (ห้องรับแขก) เพื่อจัดการอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ไม่ลืมบ้วนปากด้วย และสุดท้ายก็แต่งตัวเพื่อที่จะไปมหาลัย และที่สำคัญผมต้องไปตามล่าหาไอ้เทียนน้องชายสุดติสแตกของผมด้วย ไม่รู้ป่านนี้มันไปเกรียนอยู่ที่นรกขุมไหน

เฮ้อ!! คิดๆแล้วก็เครียดทำไมเรื่องซวยๆมันถึงได้วิ่งตรงเข้าหาไอ้ธูปไม่หยุดไม่หย่อนอย่างนี้วะ ผมว่าผมต้องไปทำบุญไหว้พระ 999 วัดแล้วแหละครับ งานนี้แค่ 9 วัดอาจจะเอาความซวยของไอ้ธูปไม่อยู่ ยิ่งคนที่นำความซวยมาให้ชื่อ 'พาย' ด้วยแล้วไอ้ธูปว่างานนี้ต้องจัดหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว

"เป็นไงบ้างเมื่อคืนนอนหลับสบายไหมคุณธูป" พ่อไอ้พี่พายถามผมด้วยน้ำเสียงสดใสระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ คือไอ้ธูปอยากบอกมากเลยครับว่าเมื่อคืนลูกชายคุณพ่อจูจู๊บไอ้ธูปด้วย แต่พอเห็นสายตาของไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วไอ้ธูปของสงบปากสงบคำจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของกูเอง

"ครับ หลับสบายดีครับ" โดนทั้งจูบ ทั้งกอด นี่ยังไม่รวมโดนถีบด้วยนะครับ แหมหลับสบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับคุณพ่อ ไอ้ธูปล่ะปลื๊มปลื้มกับการต้อนรับขับสู้ของลูกชายคุณพ่อจริงๆ ปลาบปลื้มจนน้ำตาเล็ดเลยล่ะครับ

"แล้วนี่คุณธูปจะไปมหาลัยยังไงล่ะ"

"แท็กซี่ครับ เออ คุณพ่อครับไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้ครับ คือเรียกธูปเฉยๆจะดีกว่านะครับ" ผมบอกพ่อไอ้พี่พาย

"หนูธูปนี่น่าตาน่ารักน่าเอ็นดูจังเลยนะคะคุณพี่ พูดจาดีมีสัมมาคาราวะ" คุณแม่กำลังชมธูปกระทบลุกชายอยู่ใช่ไหมครับ ธูปรู้นะ
"พี่ธูปไม่ต้องนั่งแท็กซี่หรอกค่ะไปกับเค้กก็ได้ทางเดียวกันไปด้วยกันประหยัดดี" น้องสะใภ้ผมนี่นางฟ้ากลับชาติมาเกิดชัดๆไม่เหมือนพี่ชายเลยแมร่งซาตานสัดๆ

"ไม่ว่างไปส่ง" เสียงไม่เข้าพวกแบบนี้ผมคงไม่ต้องบอกนะครับว่าเสียงใคร ไอ้คนแล้งน้ำใจเอ๊ย!!

"เค้กไม่ได้ถามพี่พายนี่คะ" น้องเค้กหันไปมองค้อนไอ้พี่พายทั้งๆที่ไส้กรอกยังคาปากอยู่ เอ่อคุณน้องสะใภ้ครับเคี้ยวแล้วกลืนไปก่อนก็ได้นะครับไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับไม่ต้องรีบแจกค้อนขนาดนั่นก็ได้ มันคงไม่หนีไปไหนหรอกครับ

"เค้ก พี่ไปส่งเราที่มหาลัยก็จริง แต่พี่ก็มีธุระที่อื่นเหมือนกันไม่ว่างขับไปส่งพี่ชายแฟนเราหรอกนะ" คือมหาลัยผมกับน้องเค้กอยู่กันคนละที่ก็จริงครับ แต่ไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่ ประมาณว่านั่งแท็กซี่จากมหาลัยน้องเค้กมามหาลัยผมมิเตอร์ยังไม่ขยับอ่ะ (ผมแอบเผือกถามน้องเค้กมาแล้ว)  แล้วนี่ไอ้พี่พายมันทำเหมือนกับว่าผมให้มันไปส่งที่มอเชียงใหม่ยังงั้นแหละ พูดซะเวอร์เชียวนะพ่อคุณ

"พี่พายคะมันไม่ได้ไกลกันเลยนะแล้วอีกอย่าง มหาลัยพี่ธูปก็ทางผ่านไปที่ทำงานพี่พายด้วยมันจะลำบากอะไรกันหนักหนา อย่าแล้งน้ำใจสิ" ผมก้มหน้าก้มตายัดไส้กรอก แฮม ไข่ดาว ของทุกอย่างในจานใส่ปากลงกระเพาะโดยไม่สนใจครอบครัวของไอ้พี่พายที่กำลังถกปัญหาวาระแห่งชาติว่าด้วยเรื่องการไปส่งไอ้ธูปที่มอ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผมมันเป็นปัญาครอบครัวที่พวกเค้าต้องจัดการกันเอาเอง ไอ้ธูปเป็นคนนอกดังนั่นไอ้ธูปไม่เกี่ยวครับ กูมีหน้าที่แดกอย่างเดียวเคี้ยวๆกลืนๆไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆทั้งสิ้น

"ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีหน่อยสิ แกต้องไปส่งธูป นี่เป็นคำสั่ง!!" พ่อไอ้พี่พายสวมวิญญาณท่านว๊ากใส่ลูกชายตัวเองที่นั่งหน้าโหดมองหน้าผมด้วยสายตาอาฆาตอยู่ฝั่งตรงข้าม  "เพราะแกมีความผิดติดตัวอยู่เข้าใจใช่ไหม" ไอ้พี่พายแยกเขี้ยวใส่ผมแล้วครับ เชรี้ยกูไม่เกี่ยวพ่อมึงเลย พ่อมึงทั้งนั่นเลย กูนั่งกินของกูอยู่ดีๆอย่าลากกูไปเอี่ยวกับครอบครัวของมึง กูไม่ใช่คนในครอบครัวมึงกูมันคนนอกโว้ย

"หัวเราะเชรี้ยอะไรวะ" กูกำลังหัวเราะเชรี้ยที่โดนรุมอยู่ไงวะ  (ได้แค่คิดในใจเพราะพูดไปอาจได้กินตีนเชรี้ยแทนไข่ดาวในจานได้)

"เปล๊าครับ" รีบปฏิเสธอย่างไว

"พายลูกต้องดูแลธูปเขาดีๆนะเพราะว่าเขาก็เหมือนคนในครอบครัวของเรา" คุณแม่ไอ้พี่พายบอกอย่างอารมณ์ดี ผิดกับลูกชายที่นั่งแผ่รังสีอำมหิตใส่ผมอย่างจัง ถ้ามันลุกขึ้นมาบีบคอผมได้นี่มันคงทำไปแล้วแหละครับ

"ดีใจจังเค้กจะได้มีพี่ชายเพิ่มมาอีกคน" น้องเค้กกระดี้กระด้าสุดชีวิตที่ได้พี่ชายน่าตาหล่อโคตรพ่อโคตรแม่ขุดโคตรกันขึ้นมาหล่ออย่างผม แต่ผมไม่อยากนับญาติกับไอ้พี่พายอ่ะผมไม่อยากมีพี่ชายโรคจิต

"ป๊าก็ดีใจเหมือนกันที่ได้ลูกชายมาเพิ่มอีกคน เพราะไอ้ที่มีอยู่เนี่ยมันไม่ค่อยได้ดั่งใจเท่าไหร่" คุณพ่อครับจะพูดจะจาอะไรสงสารไอ้ธูปบ้างนะครับ เพราะคำพูดของคุณพ่อแต่ละคำนำมาซึ่งความวิบัติของชีวีไอ้ธูปทั้งนั่นเลยนะครับ ตั้งแต่เรื่องที่ให้ไอ้ธูปไปนอนในห้องไอ้พี่พายแล้ว ยังไม่ได้เคลียร์เลยอย่าเพิ่งเพิ่มคดีใหม่สิครับคุณพ่อ

"ถ้าดีใจกันมากขนาดนั่นไม่จัดงานเลี้ยงต้อนรับเปิดตัวลูกชายคนใหม่ไปเลยละ หรือไม่ก็แบ่งมรดกให้มันไปเลยสิ" หึ คนขี้อิจฉาก็ยังนี้แหละครับธูปเข้าใจนะพี่พายว่าพี่ไม่อยากเป็นหมาหัวเน่า แต่พี่ต้องเข้าใจด้วยว่าพี่หน่ะไม่มีใครต้องการ ก๊ากๆๆๆๆ หัวเราะ (ในใจ) ด้วยความสะใจ

"ก็ดีนะ" คุณพ่อไอ้พี่พายดันรับมุกซะงั้น

"คุณแม่ก็เห็นด้วยนะคะคุณลูกชาย ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณลูกจะคิดอะไรดีๆเป็น" เหมือนจะเป็นคำชมรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจแต่ดูท่าไอ้พี่พายคงไม่ปลื้มกับสิ่งที่ได้ยินเพราะมันกระแทกมีดกับส้อมลงในจานอย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันไปพูดกับน้องสาวสุดที่รักของมัน

"พี่ไปรอที่รถนะ ขืนอยู่นานกว่านี้อาจจะได้เตะคนก่อนไปทำงาน" พูดจบมันสะบัดตูดไปโดยไม่ลืมหันมาทำหน้าเหี้ย (ม) ใส่ผมอีก ไม่มีใครรักแล้วมาพาลกูเหรอ ตกกระป๋องแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ไอ้หมาหัวเน่าเอ๊ย
.
.
.
.
.
"พี่พายพี่ธูปสวัสดีค่ะ พี่พายห้ามทำร้ายพี่ชายคนใหม่ของเค้กนะไม่งั้นเค้กจะโกรธพี่พายจริงๆด้วย ต้องรักพี่ธูปเหมือนที่พี่พายรักเค้กรู้ไหม" น้องเค้กหันมาสวัสดีผมกับพี่ชายของเธอก่อนจะลงจากรถแต่ยังไม่วายจุดชนวนระเบิดเอาไว้ด้วย กูว่าน้องเค้กมันไม่ใช่นางฟ้ากลับชาติมาเกิดแล้วล่ะครับ เพราะน้องแมร่งเดวิลชัดๆผมแอบเห็นหางแหลมๆมันงอกออกมาจากก้นน้องมันด้วย

"พูดมากไปเรียนได้แล้วไป๊" ไอ้พี่พายทำเสียงโหดใส่น้องสาวของมันก่อนจะตวัดสายตามามองผมที่นั่งเป็นคุณชายสบายกายอยู่ที่เบาะหลัง   "กูไม่ใช่คนขับรถ!!" ไอ้พี่พายพูดขึ้นลอยๆแต่คำพูดของมันดันลอยมากระแทกหน้าผมอย่างจัง บอกดีๆก็ได้จะตะคอกหาพ่องมึงหรอครับ

ผมเปิดประตูรถด้านหลังลงมายืนถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูฝั่งตรงข้ามกับไอ้พี่พายและหย่อนตูดลงกับเบาะเบาๆเพราะยังเจ็บสะโพกอยู่

ปัง!!

แต่ขอกูเอาคืนด้วยการปิดประตูมึงแรงๆหน่อยล่ะกันหมั่นไส้นัก เอิ่มทำไมต้องมองหน้าธูปอย่างนั่นด้วยอะ ธูปก็ไม่ได้ปิดเสียงดังอะไรมากมายเลยนะ

"ปิดแรงขนาดนั้นอยากเจอตีนกูใช่ไหม" โหดคงเส้นคงวาจริงๆ

"กล้าหรอ" เอาดิมึงทำกูเมื่อไหร่กูจะกลับบ้านไปฟ้องพ่อกับแม่มึงอ่ะ

"มึงท้ากูใช่ไหม" แหนะยังมีหน้ามาถาม

"เออ!!" กูก็ตอบกลับอย่างมั่นใจ

"หึ ปากดีให้ตลอดนะมึง" ผมจบไอ้พี่พายก็เหยียบคันเร่งจนรถพุ่งทะยานออกตัวไปอย่างไว นี่มันเขตมหาลัยนะครับพี่น้องครับมึงจะรีบไปตายที่ไหนครับ

"ช้าๆหน่อยดิวะถ้ารีบไปตายก็ไปคนเดียว" สิ้นเสียงผมไอ้พี่พายแมร่งก็เหยียบเบรกทันที ส่งผลให้

โป๊ก!!

หัวผมกระแทกคอนโซลหน้ารถอย่างจังเพราะไม่ได้คาดเบลท์ ผมเอามือลูบหน้าผากตัวเองก็พบว่ามันเริ่มปูดเป็นลูกมะนาวออกมานิดๆ เสียงหัวเราะสะใจของไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆมันให้อารมณ์โกรธของผมเริ่มเพิ่มขึ้นที่ละนิดๆ

"เชรี้ย!!" นี่กูโกรธนิดเดียวนะมึงเลยได้แค่ตัวกินไก่ ถ้ากูโกรธมึงมากขึ้นกว่านี้รับรองกูยกมาทั้งสวนสัตว์แน่ๆ ตั้งแต่มดตะนอยยันหลิงปิงเลย นี่ถือว่ามึงยังโชคดีนะ

"มึงด่าใคร" ไอ้พี่พายจอดรถเข้าข้างทางก่อนจะหันมากระชากคอเสื้อผมอย่างแรงจนหน้ามันกับหน้าผมอยู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ไอ้พี่พายมึงตอนนี้ช่างเหมือนวัวกระทิงที่กำลังโมโหจนลมออกจมูกออกหูเลยวะ ถึงหน้ามึงจะดูดีแต่ก็ไม่ช่วยให้สิ่งที่มึงทำดูดีขึ้นมาได้เลยนะโว้ย

"อยู่กันสองคนกูคงไม่บ้าด่าตัวเองหรอกนะ" ผมก็กวนteenไอ้พี่พายมันกลับไปเหมือนกันเพราะความโกรธ จึงทำให้ลืมกลัวไปชั่วขณะ

"อย่าคิดว่าพ่อแม่และน้องสาวกูถือหางแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรมึงนะ" ไอ้ธูปกลืนน้ำลายลงคอดังเอือกเลยครับ

"กูกลัวตาย" กูกลัวตายจริงๆนะ ถ้ามึงจะเอาพวกควายไบสันมากระทืบกู ก็เอาแค่หยอดน้ำข้าวต้มพอนะ มึงอย่าเล่นกูถึงตายนะ กูกลัวไม่ได้เห็นหน้าหลาน

"หึ" หัวเราะแบบนั้นหมายความว่าไงวะ ไอ้พี่พายขับรถต่อไปไม่ตอบคำถามในใจของผมเกี่ยวกับเสียงหัวเราะ หึ เดียวของมัน
"เฮ้ย!! มันเลยมหาลัยกูแล้ว จอดๆๆๆ เฮ้ยจอดดิวะจอดดดดดดด" มึงจะพากูไปฆ่าทิ้งใช่ไหมไอ้พี่พายไอ้โหด ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่รัก แงๆๆๆไอ้ธูปตายแน่ๆเลยงานนี้

"หุบปาก!!จะเสียงดังหาพ่องมึงรึไง" เกิดความเงียบขึ้นมาทันทีที่ไอ้พี่พายมันว๊ากใส่หน้าผม

"แล้วจะพาไปไหนวะ"

"มึงพูดอะไรเนี่ยกูไม่ได้ยิน" แมร่งพอเสียงดังก็ด่า พอพูดค่อยๆก็ด่าอีก ตามอารมณ์ไม่ทันแล้วนะโว้ย

"จะพาไปไหน!!" ดังพอไหมครับ

"เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าวะ กูไม่ได้จะพามึงไปด้วย" อ้าว งง สิกู

"แล้วทำไมไม่จอดที่มหาลัยกูล่ะ" มึงจะขับเลยมาหาสวรรค์วิมานอะไรครับ

"กูมีประชุมด่วนและกูก็สายมากแล้ว" อ้าวไอ้เวรมึงจอดรถให้กูลงมันจะเสียเวลาสักเท่าไหร่กันวะ

"มึงจอดรถให้กูลงเนี่ยใช้เวลาไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ"

"กูไม่จอดมีไรป่ะ" มึงกำลังกวนตีนกูใช่ไหมครับ

"ปลดล็อคให้หน่อยดิ รถติดไฟแดงเดี๋ยวผมลงตรงนี้ก็ได้" ผมพยายามไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้พี่พาย แต่หันไปขอร้องมันที่นั่งทำหน้าโหดอยู่ข้างๆ โดยพยายามพูดดีๆกับมันเท่าที่ความสามารถของผมจะทำได้

"เรื่องดิ มึงไม่เห็นตำรวจรึไงวะ เดี๋ยวก็ซวยกันหมดหรอกโง่แล้วยังอวดฉลาด" ด่ากูอีกแล้ว
"ชิส์" สะบัดหน้าหนีมัน หันไปดูวิวทิวทัศน์นอกรถก็ได้วะ
.
.
.
.
"ลงมาสักทีจะนั่งเป็นหมากระเป๋าอีกนานป่ะ" สัดแต่ละคำที่หลุดออกมาจากปากมึงนี่นะ เกินคำบรรยายจริงๆ

"เพิ่งรู้ว่ามึงคุยกับหมากระเป๋าได้ด้วย" ผมเปิดประตูลงมาจากรถก่อนจะพ่นคำพูดใส่ไอ้พี่พายมันกลับไป

"หึ ยอมรับแล้วเหรอว่ามึงเป็นหมา" กูเกลียดมึง

"มึงก็หมาเหมือนกันล่ะหว่า"

"ระวังกูจะชำแหละเนื้อหมากระเป๋าอย่างมึงเข้าสักวัน" พูดจบแมร่งสะบัดตูดเดินเข้าตึกไปเฉยเลย ผมที่ยืนงงอยู่ราวๆสองวินาทีเศษๆจึงทำได้แค่ถอนหายใจด้วยความเซ็ง

.
.
.
.
.
หลังจากเดินมึนๆออกจากตึกอันใหญ่โตของบริษัทครอบครัวไอ้พี่พายผมก็ต้องนั่งแท็กซี่ย้อนกลับมาที่มหาลัยแมร่งสุดท้ายไอ้ธูปก็ต้องเสียตังค์ค่าแท็กซี่อยู่ดี รู้งี้กูมาเองยังดีซะกว่า แมร่งซวยๆ

"ธูปเป็นอะไรวะ" ไอ้แมนเมืองมันถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นผมเดินกระเผลกๆเข้ามานั่งที่โต๊ะประจำใต้ตึก "ใครทำมึง บอกกูมาเดี๋ยวกูจะไปจัดการให้" ขอบใจมากว่ะเพื่อนมึงอย่าเอาตัวไปแลกกับตีนไอ้พี่พายเลยมันไม่คุ้ม

"กูไม่เป็นอะไรหรอก พอดีกูตกนอนเตียงอ่ะ"

"โง่อ่ะดิ!!" ไอ้ชาไอ้เวร ซ้ำเติมกูเหรอมึง

"ไอ้คุณน้ำชาเพื่อนเจ็บอยู่นะครับ กรุณาอย่าซ้ำเติม" ไอ้แมนเมืองขอบใจมึงจริงๆซึ้งจนน้ำตาเล็ด

"แล้วไงวะ" เดี๋ยวมึงได้เจ็บแน่ไอ้ชา

"พอๆเลิกเถียงกันสักทีเหอะว่ะ เออไอ้ธูปมึงเจอตัวไอ้เทียนน้องมึงรึยังวะ" ไอ้น้ำเหนือห้ามทัพระหว่างผมกับไอ้ชา ก่อนจะหันมาถามคำถามที่เล่นเอาผมปวดหัวเพราะไม่มีคำตอบ

"ยังอะ"

"แล้วมึงจะไปตามมันที่ไหน" ถ้ากูรู้กูจะเครียดแบบนี้เหรอครับไอ้คุณแมนเมือง

"กูไม่รู้ว่ะ ยังคิดไม่ออกเลย แมร่งกูโคตรจะเครียดเลยสัด ปวดหัวฉิบหาย" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ

"ถามแม่มึงดิวะ" ไอ้ชาพูดขึ้นพร้อมกับจุดประกายแสงสว่างให้ผม

"เออๆๆ มันอาจจะไปหาพ่อกับแม่มึงก็ได้ มึงลองโทรไปถามพ่อกับแม่มึงดูดิวะ" ไอ้น้ำเหนือเร่งผมยิกๆ


ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออกหาบุพการีที่ไปเปิดร้านอาหารอยู่ที่เมืองนอกเมืองนา โดยทิ้งลูกชายสุดหล่อสองคนไว้ที่ประเทศไทยให้อยู่กันตามลำพัง ไม่คิดจะกลับมาหากันบ้างเลย คิดแล้วก็น่าน้อยใจจริงๆ ผมรอสายอยู่นานพอสมควรกว่าจะได้ยินเสียงที่แสนจะคิดถึง

"ว่าไงจ๊ะสุดหล่อของมามี๊" เสียงหวานมาตามสายเลยนะคุณนาย

"แม่ครับไอ้เทียนไปหาแม่รึเปล่าครับ" ผมรีบเข้าเรื่องทันทีเพราะมันเปลือง (เลวจริงๆไอ้ธูป: คนเขียน)

"ไม่นะ ธูปถามทำไม อย่าบอกแม่นะว่าน้องหายออกจากบ้าน" น้ำเสียงร้องรนเอ่ยถามด้วยความกระวนกระวายทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก เพราะไม่อยากให้คนในสายไม่สบายใจ

"คือ แม่ครับใจเย็นๆก่อนนะครับ คือไอ้เทียนมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ ธูปก็แค่ถามดูเฉยๆเห็นมันบอกว่าจะไปหาแม่กับพ่อหน่ะครับ" ผมจำต้องโกหกแม่เพราะไม่อยากให้ท่านเครียดและไม่อยากให้ท่านคิดมาก

"ธูป" แม่เรียกผมก่อนจะเงียบไป เป็นอันรู้กันว่าเริ่มเข้าสู่บทสนทนาที่เป็นการเป็นงานและตึงเครียด

"ครับแม่"

"มีเรื่องอะไรที่แม่ไม่รู้รึเปล่าลูก" น้ำเสียงของแม่อ่อนลงจนผมใจอ่อน แต่เพราะเรื่องนี้ผมไม่รู้ว่าสมควรบอกแม่รึเปล่าผมกลัวว่าบอกไปแล้วแม่จะเครียดและอาจจะผิดหวังในตัวไอ้เทียน และที่สำคัญผมอยากให้ไอ้เทียนมันบอกแม่เอง

"ไม่มีอะไรครับแม่ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับธูปสัญญากับแม่แล้วว่าธูปจะดูแลน้อง ธูปไม่มีทางผิดสัญญาแน่นอนครับแม่" แต่ตอนนี้ธูปยังไม่รู้ว่าน้องไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหนก็แค่นั่นเอง

"ธูปอย่าโกหกแม่นะลูก"

"ครับแม่ ธูปไม่กล้าโกหกแม่หรอกครับ" ผมรับคำทั้งๆที่หัวใจมันเริ่มบีบรัดแน่น ผมดูแลน้องไม่ดี ผมสั่งสอนน้องไม่ดีทำให้น้องทำเรื่องผิดพลาด และสุดท้ายน้องก็หนีเตลิดไปไหนก็ไม่รู้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะผมคนเดียว

"พ่อกับแม่รักลูกสองคนมากนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนนะลูกลูกค้าเต็มร้านเลย รักษาสุขภาพด้วยคนเก่งของมามี๊" แม่ผมพูดก่อนจะวางสายไป ผมรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม เทียนมึงอยู่ไหนวะ กูเป็นห่วงมึงมากมึงรู้ไหม รีบกลับมาสักที กูคิดถึงมึงเหลือเกิน

"สรุปว่าไงวะ" ไอ้ชาถามทันทีหลังจากที่ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

"แม่บอกว่ามันไม่ได้ไปหาว่ะ โอ๊ยกูจะไปหามันที่ไหนวะเนี่ย" ผมทึ้งหัวตัวเองด้วยความเครียด ที่หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ

"ไปถามเพื่อนๆที่คณะมันไหมเดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน" ไอ้แมนเมืองตบบ่าให้กำลังใจผม

"อืมก็ดีเหมือนกันนะเว้ย" ไอ้น้ำชาพยักหน้าเห็นด้วย ซึ้งผมก็เห็นด้วยเช่นกัน

พวกผมไม่ได้เข้าเรียนวิชาแรกเพราะไม่มีอารมณ์เรียนจริงๆและตอนนี้ผมกับเพื่อนๆก็มายืนหน้าหล่อราวกับนักร้องเกาหลีกันอยู่ที่ตึกคณะสถาปัตย์คณะที่รวมเด็กติสท์แตกโลกส่วนตัวสูงมากๆ เด็กคณะนี้มันคุยกับผู้คนคณะอื่นไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอกครับนอกจากพวกเดียวกันเอง แต่ขนาดพวกเดียวกันเองมันยังคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเลย

"มึงเคยเห็นหน้าเพื่อนๆไอ้เทียนรึเปล่าวะ" ไอ้แมนเมืองยื่นหน้ามาถามผม คือมึงไม่ต้องเอาหน้ามาใกล้กูขนาดนี้ก็ได้ ช่วยเอาหน้าหล่อๆของมึงออกไปห่างๆกูหน่อยได้ไหมวะ

"ไม่เคยอะ" ผมบอกไอ้แมนเมืองก่อนจะเดินแยกตัวออกมาและพยายามสอดส่องสายตามองหาเป้าหมายที่ดูเป็นคนปรกติธรรมดามากที่สุดเพื่อที่จะสามารถจะคุยด้วยได้

ผลั๊ก!!

ไอ้สัดใครตบหัวกูคร้าบบบบบ ผมหันไปมองด้านหลังก็เจอเข้ากับผู้ชายน่าตาดีโคตรๆผมยาวๆหน้าเซอร์ๆ ซึ้งผมมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกับมันแน่นอน ว่าแต่มึงมาตบหัวกูทำไมวะเนี่ย

"สัดตบหัวกูทำเชรี้ยอะไรวะ" ผมพุ่งไปหมายจะกระชากคอเสื้อไอ้เวรนั่นทันทีแต่ตัวมึงจะสูงไปไหนครับย่อลงมานิดนึงได้ไหม

"ไอ้เทียนไอ้สัดมึงหายไปไหนมาวะ" ไอ้เซอร์ถามผม โดยที่ไม่คิดจะขอโทษผมสักนิด

ว่าแต่มันเรียกผมว่าเทียนงั้นมันก็ต้องรู้จักน้องชายผมอ่ะดิ สรรค์ยังเมตตาไอ้ธูปอยุ่ใช่ไหมครับ

"มึงเป็นเพื่อนไอ้เทียนเหรอวะ" ผมถามมันกลับทันทีลืมเรื่องที่มันตบหัวผมไปเลย ตอนนี้เรื่องไอ้เทียนสำคัญที่สุด

"มีไรวะไอ้ธูป" ไอ้แมนเมืองเดินหน้าโหดมาหาผมทันที

"มึงคือไอ้ธูป พี่ชายฝาแฝดของไอ้เทียน?" ไอ้เซอร์ทำหน้าเจื่อนๆใส่ผมทันที  "กูโทษทีว่ะนึกว่าไอ้เทียน" กูตบซะดาวกระจายขนาดนี้มึงไม่ต้องขอโทษก็ได้มั้ง แต่ขอโทษกูก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อยก็มีจิตสำนึก ไม่เหมือนคนบางคน แล้วผมจะไปนึกถึงมันทำไมวะ

"เออกูพี่มันเองแหละ"

"แล้วทำไมไอ้เทียนมันไม่มาเรียนรึไงวะ หายไปตั้งหลายวันแล้ว" ไอ้เซอร์เกาท้ายทอยตัวเองแก้เก้อก่อนจะถามผม ซึ่งคำถามมันผมไม่สามารถตอบได้จริงๆ

"กูก็หาตัวมันอยู่เหมือนกัน" ผมบอกมันกลับไป "มึงรู้ไหมว่ามันไปไหน"

"มันบอกว่าจะไปทำสิ่งที่ถูกต้อง" อะไรคือสิ่งที่ถูกต้องวะ กูงง
"หมายความว่าไงวะ"

"สิ่งที่ถูกต้องก็คือสิ่งที่ถูกต้องไง มึงไม่เข้าใจตรงไหนวะ" กูไม่เข้าใจตรงมึงพูดนี่แหละ

"ขอบใจนะ มึงช่วยกูได้มากจริงๆ" ผมบอกไอ้เซอร์ก่อนจะหันหลังเดินจากมันมา

"กูดีใจนะที่ได้ช่วยเหลือมึงอ่ะ" กูประชดเหอะสัด

ผมหันหลังโบกมือลาไอ้เซอร์ติสท์แตกที่ไม่ได้ช่วยห่าเหวอะไรเลยก่อนจะเดินกลับคณะด้วยความเซ็งจิตหนักกว่าเดิม เฮ้อเจอเพื่อนไอ้เทียนคนเดียวกูก็อึนแดกแหละถ้าแมร่งยกกันมาทั้งกลุ่มผมคงบ้าตายก่อนจะได้รู้ว่าไอ้เทียนมันไปไหน

"ไปแดกข้าวเหอะวะ แล้วค่อยคิดกันต่อ" หลังจากที่ไอ้แมนเมืองมันพูดผมก็พยักหน้าหงึกๆและเดินตามพวกมันไปที่โรงอาหารด้วยสภาพที่เหมือนคนไม่สมประกอบใครลากไปไหนก็ไป สมองตอนนี้คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะไปตามหาไอ้เทียนมันที่ไหน ยิ่งคิดยิ่งเครียดยิ่งเครียดยิ่งปวดหัว เส้นเลือดในสมองกูจะแตกก่อนจะเจอมึงไหมเนี่ยไอ้เทียน

ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารกลาง นั่งลงเฝ้าโต๊ะให้พวกเพื่อนๆไปซื้อข้าวให้ ไอ้แมนเมืองมันบอกจะไปซื้อให้เพราะสภาพผมมันเห็นแล้วอนาถใจเกินกว่าจะปล่อยออกสู่สายตาประชาชนได้ ก็ดีครับผมยิ่งไม่อยากทำอะไรอยู่ด้วย อยากอยู่นิ่งๆเฉยๆ ไม่อยากคิดอะไรแล้วเพราะมันปวดหัวแทบจะระเบิด


"ธูปข้าว" เสียงไอ้แมนเมืองมาพร้อมกับจานข้าวเปล่าที่เลื่อนมาตรงหน้าผม เอิ่มให้แต่ข้าวเปล่าแล้วกับข้าวอ่ะครับ ผมหันไปมองไอ้แมนเมืองก่อนจะพูดคำๆหนึ่งออกไป
 
"เป๊บซี่กูอ่ะ" ชั่วโมงนี้ความเกรงใจไอ้ธูปไม่มีครับ ขอใช้ความดราม่าให้เป็นประโยชน์หน่อยเถอะ

"ไม่ลืมหรอก เอ๊า" ไอ้แมนเมืองว่าก่อนจะยกถุงเป๊บซี่ขนาดใหญ่มาตรงหน้าผม เอิ่มมึงไปเอาถุงตอนเค้าแจกน้ำท่วมมาใส่เป๊บซี่ให้กูรึเปล่าวะ

"มัน-ใหญ่-มาก" ไอ้น้ำเหนือพูดขึ้นซึ่งผมโคตรจะเห็นด้วยเลย

"แมร่ง-ลำ-เอียง" ไอ้ชามองถุงเป๊บซี่ (ขนาดใหญ่) ในมือผมกับขวดเอสขนาดอันน้อยนิดตรงหน้ามันสลับกันไปมา

"มัน-หนัก-มาก" ผมบอกหลังจากที่รับถุงเป๊บซี่ขนาดยักษ์มาไว้ในครอบครอง รู้สึกเหมือนยกดัมเบลอยู่เลยว่ะ กว่าจะแดกหมดกูคงกล้ามขึ้นแขน

"ซื้อมาให้แดกก็แดกๆไปอย่าบ่น" ไอ้แมนเมืองพูดตัดบทก่อนจะตักกระเพราไก่ใส่ปาก  (จานกับข้าวไอ้น้ำเหนือและไอ้น้ำชามันถือมาครับ)  เมื่อประธานเปิดพิธีพวกผมก็หุบปากและเริ่มจ้วงกับข้าวตรงหน้าตามมันทันที ช้าอาจจะหมดอดแดกได้ครับ นาทีนี้จ้วงได้จ้วงตักได้ตักไม่มีมาคุยกันให้เสียเวลา

"ไอ้ชากูเห็นมึงมองมานานแล้วอะกูให้เอาไปเลย" ผมยื่นถุงเป๊บซี่ขนาดใหญ่ไปตรงหน้าไอ้ชา เพราะเห็นมันมองนานมันคงอยากได้ รีบๆรับไปสิวะกูหนัก

"ขี้เกียจถือ" จะแดกยังขี้เกียจอีก

"อยากแดกก็ให้ไอ้เด็กเนิร์ดมันซื้อให้ดิวะ กูว่าเผลอๆมันนั่งถือให้มึงด้วยเชื่อกูป่ะ" ไอ้แมนเมืองกระตุกหนวดให้ชาด้วยพูดคำต้องห้ามออกมา วอนตีนคุณชายแล้วมึง

"ปากหมา" ไอ้ชาว่าก่อนจะก้มหน้ากินข้าวโดยไม่สนใจใคร

"เขินหรอวะ" ไอ้น้ำเหนือซ้ำอีกรอบ

"แดกตีนไหม" ไอ้น้ำเหนือนั่งขำเงียบๆโดยไม่พูดออะไรออกมาอีก เป็นอันจบประเด็นเพราะถ้ายังแซวต่ออาจจะไม่ได้กินข้าวกันแต่ได้แดกตีนแทน

ระหว่างที่พวกผมกำลังกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยผมขอใช้เวลาช่วงนี้เม้าส์มอยเรื่องของไอ้ชาเพื่อนผมกับไอ้เด็กเนิร์ดที่ไอ้แมนเมืองพูดถึงสักนิดนะครับ เผื่อว่ามีใครอยากรู้ (ทุกคนส่ายหน้าออกอาการว่ากูไม่อยากฟัง แต่ไม่เป็นไรไอ้ธูปอยากเล่า) คือเรื่องมันมีอยู่ว่าไอ้เด็กเนิร์ดที่พวกผมเรียกกันเนี่ยมันเป็นน้องรหัสของเจ๊ชีสพี่สาวไอ้ชา ซึ่งเจ๊แกเป็นเด็กซิวตอนนี้เจ๊แกเรียนอยู่วิศวะปีสอง ส่วนพวกผมเรียนนิเทศปีสาม

เรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับแค่เจ๊ชีสแกไปฟันเด็กไอ้ชามัน (เจ๊แกเป็นทอม) แล้วเจ๊แกกลัวไอ้ชามันจะเสียใจที่ผู้หญิงของมันมาชอบนิ้วเย็นๆมากกว่าเอ็นอุ่นๆเจ๊แกเลยจัดการหาคนมาดามใจไอ้ชา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครนั่นก็คือไอ้เด็กเนิร์ดนั่นแหละครับเจ๊ชีสขู่มันว่าจะตัดมันออกจากสายรหัส และมันจะไม่ได้ลายเซ็นของเจ๊แกถ้ามันจีบไอ้ชาไม่ติด

ผมว่าชาติหน้ามันก็คงไม่ติดอ่ะ เพราะมันคนละขั่วกับไอ้ชาเลยก็ว่าได้ พวกผมสงสัยกันว่าเจ๊ชีสแกรักไอ้ชา เป็นห่วงไอ้ชาจริงๆหรือว่าแกเกลียดไอ้ชากันแน่ถึงให้ไอ้เด็กเนิร์ดนี่มาจีบไอ้ชา เพราะอะไรทำไมพวกผมถึงคิดอย่างนี้น่ะหรอครับ ก็เพราะว่าการพูดการจากับสไตล์การแต่งตัวที่โคตรจะเป็นเอกลักษณ์ของมันนั่นแหละครับ

เสื้อตัวใหญ่ ไหล่ตกถึงข้อศอก มองไม่ออกว่ามันใส่ไปได้ไง แว่นสายตาอันโตรุ่นคุณทวดสมัย จอนด์ เลนนอน เห็นแล้วปวดร้าวไปถึงหัวใจ ไหนจะกางเกงหนีน้ำท่วม (มันคงฝังใจกับเหตุการณ์น้ำท่วมเมืองกรุง) ยังไม่รวมรองเท้าหนังขัดมันวาว ราวกระจกใช้ส่องหน้า ทรงผมแสกกลางหวีจนเรียบแปล้แถมยังใส่น้ำมันจนมันเยิ้มกลิ่นน้ำมันก็ฉุนกึก  เห็นแล้วคิดหนักจริงๆว่าชาตินี้มันจะจีบไอ้ชาติดด้วยวิธีไหน (ผมว่ายัยคนเขียนคงกำลังเขียนเรื่องไอ้ชาเร็วๆนี้แหละครับ) พอๆๆกลับมาเข้าเรื่องของผมกันดีกว่าเสียเวลาเรื่องไอ้ชาไปหลายบรรทัดแล้ว เดี๋ยวมันจะเด่นกว่าผม ธูปไม่ยอม

"แมร่งตายอยากฉิบหาย" พวกผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวไปมองตามสายตาของไอ้แมนเมืองก็เจอเข้ากับมนุษย์ เพศผู้รูปร่างสูงใหญ่ (สูงกว่าไอ้พี่พายอีกครับ)  หนังหน้าเป็นเช่นไรไม่มีใครสามารถแถลงไขได้เพราะแว่นตาอันใหญ่ที่บดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง การมาของเค้านั่นทำเอาคนทั้งโรงอาหารหยุดนิ่งเป็นหินราวกับกำลังจ้องตากับเมดูซ่าก็ไม่ปาน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๔ เจ้าทุย(ไอ้เทียน)อยู่ไหน ๒๕/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 26-04-2015 13:25:45
 o13
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๔ เจ้าทุย(ไอ้เทียน)อยู่ไหน ๒๕/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-04-2015 22:43:29
อิพี่พายนี่น่าจับไปตีก้นจริงๆ
โหดตลอด 55
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๔ เจ้าทุย(ไอ้เทียน)อยู่ไหน ๒๕/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 27-04-2015 00:02:32
โอ๊ะเรื่องนี้
รีไรท์
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๕ (กลุ่ม)คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ๒๘/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 28-04-2015 17:11:22

ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๕ (กลุ่ม)คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา




"แมร่งตายอยากฉิบหาย" พวกผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวหันไปมองตามสายตาของไอ้แมนเมืองก็เจอเข้ากับมนุษย์ เพศผู้รูปร่างสูงใหญ่ หนังหน้าเป็นเช่นไรไม่มีใครสามารถแถลงไขได้เพราะแว่นตาอันใหญ่ที่บดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง การมาของเค้านั่นทำเอาคนโรงอาหารหยุดนิ่งเป็นหินราวกับกำลังจ้องตากับเมดูซ่าก็ไม่ปาน

"ขอสามคำ" ไอ้น้ำเหนือเริ่มเปิดประเด็นเมื่อเห็นไอ้เด็กเนิร์ดเดินหน้ามึนมาแต่ไกล

"แนว-ไหน-วะ" ไอ้แมนเมือง

"กู-ไม่-รู้" ไอ้น้ำเหนือ

"รู้-แต่-ว่า"  ผม

"แมร่ง-โคตร-กล้า!!" ผมไอ้แมนเมืองและไอ้น้ำเหนือพูดขึ้นมาพร้อมๆกัน

"กู-อิ่ม-แล้ว" ไอ้ชารวบช้อนก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไปด้วยความไวแสง แต่ดูเหมือนจะไม่รอดเพราะว่าเจ๊ชีสแกยืนดักมันอยู่ตรงทางออกพอดี และสุดท้ายไอ้ชามันก็โดนเจ๊ชีสแกลากคอกลับมาที่โต๊ะเหมือนเดิม


"รีบ-แดก-เหอะ" พวกผมพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วยกับไอ้น้ำเหนือ จัดการยัดทุกอย่างตรงหน้า (ที่กินได้) เข้าปากอย่างเร่งรีบเมื่อเห็นว่าเจ๊ชีสที่ลากคอไอ้ชาใกล้เข้ามาที่โต๊ะพวกผมทุกทีๆ

"กู-เห็น-ด้วย" ไอ้แมนเมืองพูดก่อนจะจ้วงไข่พะโล้เข้าปากทั้งลูก

ทำ-ไป-ได้

"เงียบ-ไหม-วะ" ไอ้น้ำเหนือเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาถามผม

"อ้าวเอ็มอากอู" (ข้าวเต็มปากกู) ไหนมึงบอกให้รีบกินไงวะยังจะมาชวนกูคุยอีกไอ้พวกนี่นิ

"เกิน-สาม-คำ" สัดใช่เวลาไหมไอ้เหนือมึงดูดิเจ๊ชีสมันใกล้เข้ามาแล้ว

"ก็มึงบอกให้รีบแดกกูก็รีบอยู่นี่ไง" ไข่เจียวกูไอ้แมนเมืองมึงเอาไข่เจียวกูคืนมา แมร่งแย่งกูแดกจำเอาไว้เลยนะมึง

"เกิน-สาม-คำ" ไอ้น้ำเหนือมึงยังไม่หยุดเล่นอีกใช่ป่ะ

"ตั้งหน้าตั้งตาแดกกันขนาดนั้น พวกมึงจะไม่เงยหัวขึ้นมาทักกูกันหน่อยเหรอวะ" เจ๊ชีสนั่งลงตรงหน้าผมก่อนจะกระชาก (คอ) ไอ้ชาให้นั่งลงข้างๆเจ๊แก ส่วนเพียงฟ้าเด็กเก่าไอ้ชาแฟนคนปัจจุบันของเจ๊ชีส (งงกันไหมครับ) ก็นั่งลงข้างๆเจ๊แก ไอ้น้ำเหนือรีบยกจานข้าวย้ายตูดมานั่งกับพวกผมก่อนที่ไอ้เด็กเนิร์ดผู้มีสไตล์เป็นของตัวเองจะนั่งลงแทนที่ไอ้น้ำเหนือ

"หวัดดีครับเจ๊" พวกผมยกมือไหว้เจ๊ชีสด้วยความพร้อมเพรียง และสวยงามประหนึ่งจะไปประกวดมารยาท

"เออ!!" เจ๊แกพยักหน้ารับไหว้พวกผม ส่วนเพียงฟ้าก็ทักทายพวกผมพอเป็นพิธีอย่าถามถึงไอ้เด็กเนิร์ดนะครับเพราะมันไม่พูดอะไร นั่งมั่นหน้ามั่นสไตล์ของมันไปเงียบๆคนเดียว

"ชีสปล่อยชา" ไอ้ชาสะบัดคอตัวเองแรงๆเหมือนเวลาหมาที่ขนมันเปียกน้ำ (ผมพยายามอธิบายให้ทุกคนเห็นภาพตามไปด้วย) เพื่อให้หลุดจากการวงแขนอันแข็งแรงของพี่สาวมัน


"ไม่!! ขืนกูปล่อย มึงก็หนีกูอีกไอ้โซ่มันอุตส่าห์มาหามึงเลยนะเว้ย หึหึ" เจ๊ชีสบอกก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่พวกผมมักจะเห็นบ่อยๆเวลาที่เจ๊แกมีแผนชั่วๆอยู่ในหัว ปรกติในหัวเจ๊แกก็มีแต่เรื่องชั่วๆตลอดนั่นแหละครับ


"ใครให้มา" กูว่าบรรยากาศเริ่มได้ที่แหละ อีกนิดอีกนิดเดียวระเบิดลงแน่ๆ

"ไม่มีใครขอร้อง แต่มันมาตามเสียงหัวใจที่เรียกร้องว่ะไอ้น้องชาย" ถ้าไอ้ธูปอ้วกมันจะดูเป็นการเสียมารยาทมากไหมครับ

พวกผมพยายามกลั้นขำกันสุดชีวิตเมื่อเห็นหน้าเบื่อโลกของไอ้ชา มุกเสี่ยวๆเจ๊แกสรรหามาพูดกับไอ้ชาทุกวันนั่นแหละครับ แต่อย่าคิดว่าไอ้เด็กเนิร์ดมันจะพูดนะครับ ไม่มีทางแมร่งเงียบยังกว่าป่าช้าอีก (แต่เสียงมันเพราะมากนั่งฟังแล้วฟินเวอร์ พวกผมเคยได้ยินครั้งนึงตอนมันเรียกไอ้ชาตอนนั้นทำเอาพวกผมฟินไปหลายวัน)

"ชีส ชาบอกให้ปล่อย!!" กูว่าไข่พะโล้ในปากกูเริ่มไม่อร่อยแหละ บรรยากาศมาเต็มขนาดนี้ กินไม่ลงแล้วกู

"ไม่ปล่อย มึงหุบปากและฟัง" เจ๊แกโหดสัดรัสเซียมากๆอ่ะครับ "วันนี้กูจะชวนมึงและพวกเพื่อนๆมึงไปงานวันเกิดกูที่ร้านXXห้ามเบี้ยวเจอกันสี่ทุ่ม โอเค" เจ๊แกสรุปเสร็จสรรพไม่ถามความเห็นใครสักคน

"เจ๊ผมขอบายนะ เครียดๆเรื่องไอ้เทียนไม่มีอารมณ์ว่ะเจ๊" ผมบอกปฏิเสธโดยให้เหตุผลเรื่องที่ไอ้เทียนหายหัวไปและยังหาหัวและตัวมันไม่เจอ

"กูไม่ได้ชวนมึงไปเอานะไอ้ธูปมึงไม่ต้องใช้อารมณ์ ร่ำสุราเค้าใช้แค่มือกับปาก เออ ใช้ลูกชายมึงด้วยเวลามึงปวดเยี่ยว" เวลาร่ำสุรามันก็ต้องใช้อารมณ์นะเจ๊

"เจ๊เอากันก็ใช้ไอ้สามอย่างนี่เหมือนกันนะ" มือ ปาก และ (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ครบเลย ขาดอันไหนไปอันหนึ่งก็ไม่ได้

"สัด วกเข้าเรื่องใต้สะดือตลอดนะมึง" เจ๊ชีสสรรเสริญผมก่อนจะเน้นย้ำเรื่องร้านอีกครั้ง  "สี่ทุ่มร้านXXอย่าลืมนะโว้ยใครไม่ไปมีเฮ" ถ้าเจ๊แกไม่ได้เป็นทอมผมจะติดต่อให้ไอ้พี่พายมันเลยนะเนี่ย สันดานแมร่งเหมือนกันเป๊ะๆๆ


"จะไปไหนกันเหรอ" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงที่ได้ยิน (อีกครั้ง) ก็พบเจอเข้ากับมนุษย์หลุดโลกที่กำลังยืนหน้าเซอร์ พร้อมๆกับพ้องเพื่อนที่หน้าตาดีแต่บุคลิคขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงกำลังยืนมึนๆอยู่เบื้องหน้าผม

"มึงมาทำไรวะ" โรงอาหารกลางกับตึกเรียนของพวกมันห่างกันสามล้านปีแสงแล้วพวกมันมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย

ไอ้เซอร์คนที่ตบกบาลผมเดินเข้ามาหา ก่อนจะใช้ตูดของมันเบียดๆไอ้แมนเมืองจนสามารถนั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แมนเมืองได้ กูนับถือความพยายามของมึงจริงๆ

"จะเบียดหาพ่องมึงรึไงวะ" ไอ้แมนเมืองถามอย่างหัวเสีย

เพื่อนไอ้เทียนหันไปยิ้มเฉ่งใส่ไอ้แมนเมืองก่อนจะพ่นคำพูดกวนตีนออกมา "กูเบียดไอ้ธูปไม่ได้เบียดพ่องมึง" ชัดเจนมากคำว่าพ่องกระแทกเข้าเต็มหน้าไอ้แมนเมืองเต็มๆ

"สัด!!มึงกวนตีนกูเหรอวะ" ไอ้แมนเมืองลุกขึ้นพร้อมๆกับที่พวกผมและเพื่อนๆไอ้เทียนที่ลุกหือขึ้นมาเหมือนกัน ตอนนี้คนในโรงอาหารจ้องพวกผมเป็นตาเดียว หลังจากที่ทุกคนจ้องไอ้เด็กเนริ์ดจนลืมโลกกันไปแล้ว

กูไม่อยากเด่นเลยบอกตรงๆ (กลุ่มแกเด่นตั้งแต่อิโซ่มันมานั่งแล้วจ้ะ)


"ใจเย็นๆดิวะไอ้แมน" ไอ้น้ำเหนือปราม

"มึงก็เห็นว่าแมร่งกวนตีนกู" ไอ้แมนเมืองยังไม่หยุด

"กูไม่ได้กวนตีนมึงเลยนะ มึงถามกู กูก็ตอบแล้วกูกวนตีนตรงไหนอ่ะ" ตรงคำตอบมึงไงไอ้เวร แบ๊วได้อีกนะมึง

"พวกมึงจะยืนค้ำหัวกูอีกนานไหมวะ" เจ๊ชีสวีนแตกเมื่อไม่มีใครมองเห็นหัวเจ๊แก  ผมรีบกดไหล่ไอ้แมนเมืองให้มันนั่งลงจากนั่นจึงหันไปส่งสายตาให้ไอ้เซอร์เพื่อนไอ้เทียนเพื่อให้มันนั่งลงเหมือนกัน พอมันสองคนนั่งลงไอ้มนุษย์หลุดโลกเพื่อนๆไอ้เทียนที่เหลือก็นั่งลงเช่นกัน

"บอกกูได้ยังว่ามึงมาทำไม" ผมถามไอ้เซอร์

"คืองี้กูเห็นมึงเครียดๆเรื่องไอ้เทียนหายตัวไปใช่ป่ะ กูเลยจะมาอยู่ด้วยเผื่อว่าจะช่วยทำให้มึงหายเครียดได้" กูคาดว่ากูคงเครียดหนักกว่าเดิมอีกนะ

"แฮะๆ ไม่เป็นไรกูเกรงใจ" บอกปฏิเสธมันไป

"เฮ้ย!!ไม่ต้องเกรงใจ" ไอ้เซอร์โบกมือไปมาตรงหน้าผม "คนกันเองทั้งนั้น" คนกันเอง ใครคนกันเองกับมึงครับ กูจำไม่ได้ว่าเราสนิทกันขนาดนั้นแล้วเหรอวะ

"เราสนิทกันแล้วเหรอวะ ทำไมกูไม่เห็นรู้สึกตัวเลยอะ" ผมพูดตามที่ใจคิด

"งั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อนดีมะ" ไอ้เซอร์พูดขึ้นก่อนจะชี้นิ้วไปทางกลุ่มมนุษย์หลุดโลกที่นั่งกันอีกโต๊ะนึง "ไอ้นี่มันชื่อโต" ไอ้เซอร์ชี้นิ้วไปที่ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาคมเข้มแบบชายไทย ที่ใส่กางเกงขาเดฟรัดติ้วเน้นสัดส่วนช่วงล่างอย่างเด่นชัด อืมกูเชื่อแล้วว่ามึงมันโตสมชื่อจริงๆๆ

"หวัดดีพี่ชายไอ้เทียน" ไอ้โตรัดติ้วมันโบกมือทักทายผม ซึ่งผมก็แค่พยักหน้าให้มันกลับไปอย่างงงๆ

"แล้วไอ้หน้าฝรั่งนี่ชื่อ ไอ้กานต์" ผู้ชายหน้าตาโคตรหล่อรูปร่างสูงใหญ่ตัวพอๆกับไอ้เด็กเนิร์ด แต่เบ้าหน้าดีกว่า (ผมคิดเอาเองเพราะไม่เคยเห็นหน้าไอ้เด็กเนิร์ดมันชัดๆ)

"หวัดดีพี่ชายไอ้เทียน" ไอ้กานต์ยกมือขึ้นเซย์ไฮกับผม ซึ่งผมก็แค่พยักหน้ารับอย่างงงๆเหมือนเดิม


"และนั่นไอ้คนที่ทำหน้าง่วงๆอยู่นั่นน่ะชื่อไอ้โอม" ไอ้โอมผงกหัวขึ้นมายิ้มแบบง่วงๆให้ผม

"หวัดดีพี่ชายไอ้เทียน" ผมก็ยิ้มรับแบบ งงๆกลับไปให้มันเช่นกัน

"และคนสุดท้ายก็คือกู" ไอ้เซอร์คนที่ตบหัวผมมันชี้นิ้วไปที่หน้าของมันเอง ก่อนจะแนะนำตัว  "กูชื่อมาวิน เรียกวินเฉยๆก็ได้"

"เออ" ผมพยักหน้ารับรู้

สามปีในรั้วมหาลัยไอ้เทียนไม่เคยแนะนำให้ผมรู้จักเพื่อนของมันสักคนโดยไอ้เทียนให้เหตุผลว่าไม่อยากให้พวกมันมากวนใจผมและเวลาอยู่ที่มหาลัยเทียนจะมาหาผมแค่คนเดียวไม่เคยพ่วงเพื่อนๆมาด้วยที่สำคัญเทียนห้ามผมไปหาที่คณะเพราะกลัวว่าผมจะไปเจอกับเพื่อนหลุดโลกของมัน แปลกดีไหมล่ะน้องชายของผม

ผมเลยจำใจต้องแนะนำเพื่อนของผมบ้างแบบว่ามันเป็นมารยาทอ่ะนะ "นี่เพื่อนกูชื่อ......"

"ข้ามๆไปคนอื่นได้ป่ะกูไม่อยากรู้จักมัน" ไอ้เซอร์มาวินหรือไอ้วินพูดขัดขึ้นมากลางปล้องเมื่อผมกำลังจะแนะนำไอ้แมนเมืองให้พวกมันรู้จัก

"กูก็ไม่อยากรู้จักมึงเหมือนกัน" อะไรของมึงสองคนวะ

"เออๆข้ามไปก็ได้ แมร่งจะอะไรกันนักกันหนาวะ" ผมบอกอย่างหัวเสีย ก่อนจะแนะนำคนอื่นๆให้พวกเพื่อนๆไอ้เทียนมันได้รู้จักจนครบทุกคนยกเว้นไอ้แมนเมืองคนเดียว

"เพื่อนมึงเหรอวะธูป" เจ๊ชีสถาม คือเจ๊ใช้อะไรดูครับถึงถามแบบนั้นออกมา  "คืนนี้ว่างป่ะวะ กูอยากจะชวนพวกมึงไปงานวันเกิดกู สี่ทุ่มร้านXXนะเว้ย เพื่อนไอ้ธูปก็เหมือนน้องกู" เจ๊ชีสเจ๊ไปชวนพวกมันทำไมครับสนิทกันหรอเจ๊

"ของฟรีพวกผมไม่มีพลาด" ไอ้พวกนี่มันก็ยินดีเสมอเมื่อเจอของฟรีไม่มีใครคิดจะปฏิเสธเลยสักคน

"กูไปก่อนนะ" ไอ้ชาอาศัยช่วงที่เจ๊ชีสเผลอรีบลุกขึ้นและเดินออกจากโรงอาหารอย่างไว

"เฮ้ยไอ้ชารอกูด้วย ไอ้น้ำชากูบอกให้รอกูด้วยไงวะแมร่งเอ๊ย!! เอ๊าฟ้ารีบลุกเร็วเดี๋ยวไม่ทัน ไอ้โซ่ลุกเร็วๆดิวะน้องกูเดินไปโน้นแล้ว โว้ยไม่ได้ดั่งใจกูสักคน" เจ๊ชีสแกลากเพียงฟ้าให้รีบวิ่งตามไอ้ชาไปอย่างเร่งรีบ ส่วนไอ้โซ่มันแค่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่สูงมากๆและโคล้งหัวให้พวกผมก่อนจะเดินตามตูดเจ๊ชีสไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

พอไอ้เด็กเนิร์ดมันลุกไปเท่านั่นแหละครับพองเพื่อนไอ้เทียนก็อึ้งกับสไตล์การแต่งตัวของแฟชั่นนิสต้าเซเลบโซ่ทันที

"แนวฉิบหาย" ไอ้โตพูดขึ้นก่อนจะขำกลิ้งน้ำตาเล็ด

"มันหลงมาจากยุคไหนวะ มั่นมั๊กมากๆ" ไอ้วินถามผมก่อนจะหันไปมองเซเลบโซ่ด้วยสายตาที่อธิบายได้ว่ามันอึ้งกับสิ่งที่เห็น

"เป็นสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้ายังไม่กล้าจะลงโทษ" ไอ้กานต์พูดอย่างปลงๆ  ส่วนไอ้โอมมันฟุบหน้าหลับโดยไม่มีส่วนร่วมใดๆทั้งสิ้นกับเหตุการณ์เมื่อครู่


"ธูปขึ้นเรียนเหอะว่ะ" ไอ้แมนเมืองเดิมมาสะกิดไหล่ผม

"เออๆ เฮ้ยกูไปเรียนก่อนนะพวกมึง" ผมพยักหน้าให้ไอ้แมนเมืองก่อนจะหันไปบอกไอ้มาวินที่ยังไม่เลิกวิเคราะห์สไตล์การแต่งตัวที่ลิมิเต็ดอิดิชั่นของไอ้เด็กเนิร์ด

"อ้าวมึงจะไปแล้วเหรอวะ" ไอ้วินถามผม

"เออ"


"งั้นคืนนี้เจอกันสี่ทุ่มนะพี่ชายไอ้เทียน" พูดเหมือนมึงเป็นเจ้าของงานเลยนะไอ้เซอร์ ได้ข่าวว่าเพิ่งรู้จักเจ๊ชีสนะ แล้วอีกอย่างกูมีชื่อทำไมไม่เรียกกันครับ

"อืมๆ กูไปล่ะ" ผมเดินออกมาจากโรงอาหารพร้อมไอ้น้ำเหนือ ได้ยินเสียงไอ้แมนเมืองพูดอะไรสักอย่างกับไอ้มาวินแว่วๆฟังไม่ชัดก่อนที่ตัวมันจะวิ่งมากอดคอผมและก้มหน้าลงมาดูดเป๊บซี่ในมือ ซึ่งตอนนี้ละลายหมดความซ่าไปล่ะ รสชาดแยกไม่ออกระหว่างน้ำเปล่าหรือน้ำล้างจาน

ช่วงบ่ายผมก็เรียนไปพลางคิดเรื่องไอ้เทียนไปพลาง บางครั้งการมีเพื่อนๆอยู่ข้างๆมันก็ทำให้ผมลืมเรื่องเครียดๆไปได้เหมือนกัน จนเมื่อเลิกเรียนพวกผมก็แยกย้ายกันกลับ ไอ้ชารีบกลับบ้านไปอย่างหัวเสียด้วยเรื่องที่คืนนี้มันต้องไปงานเจ๊ชีสโดยเลี่ยงไม่ได้ ส่วนไอ้น้ำเหนือก็ไปรับแฟนมันที่โรงเรียนสตรีชื่อดัง (มันกินเด็ก) ส่วนผมก็อาศัยไอ้แมนเมืองให้ไปส่งที่บ้านเพราะผมขับรถไม่เป็นปรกติผมจะมาเรียนพร้อมไอ้เทียนหรือไม่ก็ขึ้นแท็กซี่มา (อยู่ด้วยตลอดยังไม่รู้ว่ามันมีเมียคิดดูดิ)
.
.
.
.
"มึงจะไปกินข้าวก่อนป่ะวะ" ไอ้แมนเมืองถามผมหลังจากที่เราทั้งคู่ขึ้นมานั่งอยู่บนรถของมันเรียบร้อยแล้ว

"ตามใจมึงเหอะวะ" กูขี้เกียจคิด


"มึงคิดมากเรื่องไอ้เทียนอยู่ใช่ป่ะ"


"อืม"

"อย่าเครียดดิวะกูว่ายังไงไอ้เทียนมันก็มีเหตุผลของมัน"

"เหตุผลอะไรวะ กูไม่เข้าใจมันเลยนะเว้ย มึงคิดดูดิกูเป็นพี่มันแท้ๆถึงกูจะเกิดก่อนมันแค่นาทีเดียวแต่กูก็พี่มันป่ะวะ แล้วกูกลับไม่เคยรู้เรื่องอะไรของมันเลย" บางครั้งผมก็น้อยใจนะ ผมเข้าใจว่ามันโลกส่วนตัวสูงแต่มันก็น่าจะเปิดโลกของมันให้พี่ชายอย่างผมได้เข้าไปรู้ไปเห็นบางไม่ใช่ว่าเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องของมันอย่างนี้

"เอาน่าเชื่อกูเหอะว่ามันต้องกลับมา ไอ้เทียนมันไม่ใช่คนที่หนีปัญหามึงก็รู้ ที่สำคัญมันรักมึงหวงมึงมากขนาดไหนมันไม่หายไปไหนนานๆหรอก" ไอ้แมนเมืองพยายามพูดปลอบใจผม ซึ้งก็ทำให้ผมรู้สึกดีได้นิดหน่อย

"อืม ขอให้มันจริงอยากที่มึงพูดเหอะวะ" รีบๆกลับมานะเทียน ธูปเหนื่อยเต็มทีแล้วตอนนี้ธูปคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่างเลย
.
.
.
.
.
ไอ้แมนเมืองจอดรถเข้าซองในที่จอดรถของห้างชื่อดังก่อนที่เราทั้งคู่จะลงจากรถไอ้แมนเมืองมันล็อครถเสร็จสรรพเราสองก็เดินเข้าห้างหาร้านอาหารเพื่อยัดของกินใส่กระเพาะ เราทั้งคู่ยืนลังเลอยู่ระหว่าง เป็ด กับ ไก่ อะไรที่มันจะได้เข้าไปอยู่ในท้องน้อยๆของเราสองคน

"MK เหอะวะไม่ได้กินนานล่ะ" ผมเสนอแต่ไอ้แมนเมืองมันไม่สนองปัญหาจึงเกิด

"KFC กูอยากกินไก่" มึงกินไก่สุกได้ด้วยเหรอวะ

"แถวนี้ไม่มีแม่น้ำให้มึงลากลงไปแดกนะโว้ย"

"เก็บปากไว้แดกไก่เหอะ ปะกูเลี้ยง" พูดจบมันก็ลากผมให้เดินตามมันไป สุดท้ายก็ต้องตามใจเจ้ามือเค้าแหละครับ แดกกันจนโรคเก๊าท์จะถามหากูอยู่แล้ว

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งแทะกระดูกไก่กันอยู่เพลินๆไอ้แมนเมืองมันก็ทำหน้าเครียดๆจ้องมองหน้าหล่อๆของผมมันจ้องแบบจ้องเขม็งเหมือนมันกำลังจะหาสิวบนใบหน้าใสๆของผม ซึ้งแน่นอนว่ามันไม่มี

"มองไรวะ" ผมถามด้วยความสงสัย

"ถ้าไอ้เทียนมันรู้ว่าเพื่อนมันมายุ่งกับมึงเป็นเรื่องแน่" ระเบิดลงเลยล่ะครับเพราะไอ้เทียนมันขึ้นชื่อว่าหวงผมยังกับอะไรดี ถ้าเราไม่ใช่พี่น้องกับมัน ผมนี่คิดว่ามันจะเอาผมทำเมียอ่ะครับ จะทำอะไรกระดิกตัวไปไหนทีไอ้เทียนต้องรู้ตลอด แต่มันจะทำอะไรผมกลับไม่รู้สักอย่างน่าน้อยใจไหมล่ะครับ

"ให้มันกลับมารับรู้เถอะ ตอนนี้มันหายไปไหนกูยังไม่รู้เลย ไหนมันบอกรักกูจะไม่ทิ้งกูไงวะ แล้วนี่อะไรหายไปไหนไม่คิดจะบอกกันเลย" พูดแล้วมันน้อยใจพาลน้ำตาจะไหล

"เอาน้ามึงอย่าคิดมากดิวะ กินๆเข้าไปอ่ะกูยกน่องไก่ให้เลย อย่าคิดมากนะมึง" ไอ้แมงเมืองยกน่องไก่ชิ้นโตให้ผมเพื่อปลอบใจ แต่มึงเป็นคนเปิดประเด็นก่อนนะเท่าที่กูจำได้อ่ะ
.
.
.
.
.
"มึงนั่งดูหนังรอกูก่อนเดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนแป๊ปเดียวเดี๋ยวกูมา" ผมบอกไอ้แมนเมืองก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนของตัวเอง

ผมอาบน้ำสระผมด้วยความเร่งรีบเพราะกลัวว่าไอ้แมนเมืองมันจะรอนาน หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จผมก็เปิดประตูห้องน้ำเดินเปลือยกายออกมา ก็นะห้องนอนผมใครมันจะกล้าเข้ามาล่ะครับจะมีก็แต่ไอ้เทียนซึ้งผมกับมันก็เห็นกันมาหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว และอีกอย่างผมก็แก้ผ้าเดินในห้องเป็นปรกติอยู่แล้วด้วย

แต่ใครจะคิดว่าครั้งนี้จะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาอยู่ในห้องผมล่ะครับ


"เฮ้ย/เฮ้ย" เสียงผมกับเสียงไอ้แมนเมืองดังขึ้นพร้อมๆกัน ก็ไอ้เพื่อนเลวมันดันมานั่งอยู่บนเตียงในห้องผมในขณะที่ผมเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำพอดี ทำเอาตกอกตกใจหมด

"ทำไมไม่นุ่งผ้าดีๆวะ เอ๊าเอาไป" มันว่าก่อนจะโยนผ้าขนหนูมาให้ผม

ผมรับผ้าขนหนูที่มันส่งมาให้ก่อนจะจัดการพันรอบเอวเอาไว้หลวมๆก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหันไปพูดกับไอ้แมนเมือง "ก็มันห้องกูแล้วทำไมกูจะเดินแก้ผ้าไม่ได้วะ อีกอย่างกูก็ผู้ชาย มึงก็ผู้ชายมีเหมือนๆกันจะอายอะไร" ถ้ากูมีไข่สามใบล่ะก็ว่าไปอย่าง

"มึงหัดระวังตัวบ้างนะธูป" ไอ้แมนเมืองเดินมายืนซ้อนอยู่ข้างหลังผม ลมหายใจอุ่นๆรินรดอยู่แถวๆซอกคอ ทำเอาขนลุกแปลกๆ

"ทำไมต้องระวังด้วยวะ ใครมันจะมาปล้ำกูรึไงฮ่าๆ" ผมพูดกลับไปขำๆก่อนจะใส่กางเกงชั้นในและกางเกงยีนส์ พอใส่เสร็จแล้วก็หันหลังกลับไปคุยกับมันโดยที่มือก็หยิบเสื้อยืดมาสวมใส่ไปด้วย  "ถ้ากูเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่างจริงปะ แล้วนี่มึงจะมายืนเบียดกูเพื่อ" ผมขยับตัวออกห่างจากไอ้แมนเมืองเพื่อจะหันไปหยิบครีมมาทาตัวทาหน้า

"กูขอเตือนมึงด้วยความหวังดี" บ่นเป็นคนแก่เลยนะไอ้นี่

"อืมๆเข้าใจแล้วครับบ่นเป็นแม่กูเลยนะมึง เออแล้วใครจะมาปล้ำกูวะถามหน่อยเหอะ " ผมบ่นงึมงำๆ ก่อนจะป้ายครีมทุกอย่างที่อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งลงบนใบหน้าและผิวกาย และลุกขึ้นเดินนำไอ้แมนเมืองออกจากห้องเพื่อไปงานวันเกิดของเจ๊ชีส โดยที่ผมไม่ได้ยินคำพูดของไอ้แมนเมืองที่มันพูดพรึมพร่ำกับตัวเองเบาๆว่า.....


'เพราะกูนี่แหละที่จะปล้ำมึง'
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๕ (กลุ่ม)คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ๒๘/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-04-2015 17:22:29
อุ่ย เสียวสันหลังแทนธูปเลยแหะ

มีเพื่อนคอยจ้องจะงาบเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๖ หลอกกันเล่นรึเปล่า ๓๐/๔/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 30-04-2015 22:05:40
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๖ หลอกกันเล่นรึเปล่า




"เฮ้ย!!!ทางนี้ๆๆๆ"  ผมกับไอ้แมนเมืองเดินเข้ามาในร้านก็ได้ยินเสียงเจ๊ชีสที่แหกปากตะโกนเรียก (โดยไม่อายใคร) คือเจ๊แกเล่นยืนบนโซฟาแล้วโบกมือหยอยๆมาให้  อืมเล่นกูอายสายตาประชาชีตั้งแต่นาทีแรกที่เหยียบเข้ามาในร้านเลยเหรอเจ๊ ช่างเป็นผู้หญิงที่ควรค่าแก่การถูกเก็บรักษาเอาไว้จริงๆ

"มาช้าว่ะ" ไอ้ชาครับที่พูด ตอนนี้หน้ามันบอกบุญไม่รับอย่างแรง

"มาช้าดีกว่าไม่มานะมึง" ผมพูดก่อนจะหย่อนตูดนั่งลงข้างๆไอ้ชา และสายตาผมก็พลันไปเจอกับมนุษย์ถ้ำตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าใครกันที่สามารถลากมันออกมาจากถ้ำได้ หรือว่ามันหมดฤดูจำศีลแล้ววะ

ขออธิบายนิดนึงนะครับไอ้มนุษย์ถ้ำคนเนี่ยมันเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพวกผมแต่มันไม่ค่อยออกมาเจอผู้คนสักเท่าไหร่ (ขนาดเรียนมันยังไม่ค่อยจะมาเลยครับ ((มันเป็นเด็กบริหารครับ)) เพราะมันชอบจำศีลอยู่ในถ้ำ นานๆครั้งมันถึงจะโผล่หน้าออกมาเจอฝูงชน จนบางครั้งพวกผมก็ลืมไปแล้วว่ามีมันเป็นเพื่อน

"ไอ้เพื่อนมึงมาได้ไงวะ" ผมตะโกนถามมนุษย์ถ้ำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

"เจ๊ชีสอ่ะดิ แมร่งไปลากกูถึงหอจะไม่มาก็ไม่ได้อีก เล่นยืนแผ่รังสีหน้าประตูห้องกูอ่ะคนเค้าก็นึกว่ากูทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับ" กูโคตรเข้าใจมึงเลยวะ ว่าแต่หน้าอย่างมึงคนจะคิดว่าเป็นเมียเจ๊ชีสอ่ะดิ ก่อนพูดอะไรมึงควรส่องกระจกดูเบ้าหน้าตัวเองนิดนึงนะไอ้เพื่อน

"ไอ้เพื่อนงานวันเกิดกูทั้งทีมันต้องครบองค์ประชุมดิวะ จะขาดใครไปไม่ได้ ต่อให้พวกมึงตายกูก็จะไปลากพวกมึงมาจากนรก มาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้กูฟัง" เจ๊ชีสยืดอก (แบนๆ) ประกาศกร้าวอย่างมั่นใจ  คือเจ๊ไม่คิดบ้างเหรอครับว่าถ้าพวกผมตายพวกผมอาจจะได้ขึ้นสวรรค์นะครับ

"เจ๊ถ้าพวกผมร้องเพลงให้เจ๊ฟังแล้วเจ๊จะเด็กลงป่ะ ก็ไม่นะแล้วทำไมต้องอยากฟังนักวะ" ไอ้เพื่อนพูดจาวอนโดนตีนมาก   

"น่ารำคาญ" ไอ้ชาพูดขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นๆ

"อารมณ์ไม่ดีเพราะไอ้โซ่ไม่มาเหรอวะ" เจ๊ชีสแกว่งตีนกลับมาหาปากไอ้ชาแล้วครับ

"พูดมาก" ไอ้ชาหันไปว่าเจ๊ชีสก่อนจะเลิกสนใจเสียงโห่เสียงแซวจากเจ๊แก  อืมผมดูเจ๊แกมีความสุขอยู่คนเดียวนะคนอื่นๆเค้ายังไม่เฮฮาขนาดนี้เลยหรือว่าเจ๊แกเมาหญ้าแห้งวะ

ผมเลิกสนใจเจ๊ชีสก่อนจะหันไปทักทาย (ยกมือไหว้อย่างสวยงาม) กับพวกเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเจ๊แก (พวกเฮียๆเรียนกันจบแล้วครับมีงานมีการดีๆทำกันหมดแล้วมีแต่เจ๊ชีสนี่แหละที่ยังคงเรียนอยู่) และพวกเพื่อนๆไอ้เทียน (กลุ่มนี้ไม่ยกมือไหว้นะครับ) ที่ดูจะทำตัวกลมกลืนซะจนแยกออก (กลมกลืนยังไงวะ) พวกมันมานานแล้วครับและก็ตีซี้ตีสนิทพวกเพื่อนๆเจ๊ชีสเรียบร้อยแล้ว หลังจากทำตัวเป็นคนของประชาชนเสร็จเรียบร้อยผมก็ดื่มไปคุยกันไปเฮฮาปาจิงโกะสุดติ่งกระดิ่งแมว โต๊ะพวกผมเสียงดังกันแบบลืมตาย ไม่อายและไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งนั่นก็มากับเจ๊ชีสขาใหญ่นี่ครับ ใครมีปัญหาก็มาเคลียร์กับเจ๊แกได้ ถ้าไม่โดนเตะสลบซะก่อนอ่ะนะ

พวกผมคุยกันไปดื่มกันไปเสียงดังประหนึ่งว่าเป็นวันพบญาติของผู้ต้องขังยังไงยังงั้น เสียงดังแข่งกับเสียงเพลงกันเลยทีเดียว แต่อยู่ดีๆผมก็รู้สึกว่ามีใครมาสะกิดที่แขนพอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอกับไอ้เซอร์มาวินที่ยืนทำหน้ามึนอึนอยู่ข้างๆ   ผมมองหน้ามันพร้อมกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัยประมาณว่ามึงสะกิดเรียกกูเหรอ ส่วนไอ้มาวินก็ส่งสายตามาให้ประมาณว่าถ้าไม่ใช่มึงแล้วกูจะสะกิดหาพ่องมึงเหรอครับ ประมาณเนี่ยแหละครับ =_=!! ไอ้เซอร์มาวินมันพยักหน้าให้ผมก่อนจะเดินออกจากร้านไปส่วนผมก็ลุกขึ้นเดินตามมันไปแบบงงๆ

พอเดินมาถึงหน้าร้านไอ้มาวินก็จุดบุหรี่ดูดพร้อมกับยื่นซองบุหรี่มาทางผม ช่างเป็นคนดีมีน้ำใจซะจริงๆแบ่งปันมะเร็งมาให้กูด้วย ผมส่ายหัวปฏิเสธมันไปไม่ใช่ว่าผมไม่ดูดบุหรี่นะครับ แต่ที่ผมปฏิเสธไม่รับบุหรี่จากมันก็เพราะว่าผมไม่ดูดบุหรี่ยี่ห้อนี้แค่นั่นแหละครับเหตุผล ไม่ใช่ว่าเป็นคนรักสุขภาพอะไรหรอกครับ เหอๆ (จะรับมะเร็งเข้าสู่ร่างกายเราก็ต้องเลือกยี่ห้อกันนิดนึง มะเร็งยี่ห้อกระโหลกกะลาผมไม่มีทางให้เข้าสู่ปอดผมแน่ๆล่ะครับ)

ผมยืนรอว่ามันมีเรื่องอะไรจะพูดกับผม แต่ไอ้เซอร์มาวินมันก็ยังคงยืนเต๊ะท่าดูดบุหรี่โดยไม่พูดอะไรและไม่สนใจผมอีกต่างหาก แล้วมึงมาสะกิดเรียกกูออกมาเพื่อ? สายตามันเหม่อมองออกไปไกลแสนไกลไม่ได้โฟกัสที่จุดใดจุดหนึ่ง เหมือนมันมีเรื่องให้คิดและมันก็คงคิดไม่ตกกับปัญหาของมัน ว่าแต่ผมเกี่ยวอะไรกับปัญหาของมันด้วยวะทำไมต้องมายืนดูมันพ่นมะเร็งใส่ผมด้วยเนี่ย กูไม่เอามะเร็งยี่ห้อนี้ไม่ต้องพ่นมาทางกู

ยืนไปก็ปวดขาเปล่าๆแถมเสียเวลาแดกเหล้าอีก เมื่อคิดได้ดังนั่นผมเลยหันหลังจะเดินกลับเข้าไปในร้านแต่ไอ้เซอร์มันดันมาจับแขนผมเอาไว้ซะก่อน

"เดี๋ยว"

ผมหันกลับไปมองมันก็เห็นมันกำลังเอาแจ๊คหนังหุ้มข้อบดบี้ขยี้บุหรี่ที่พื้นอยู่  "มีไรวะ" ผมถามด้วยความสงสัย

"กูชอบไอ้เทียน" O_O!! มันบอกว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ชัด มันบอกว่ามันชอบไอ้เทียน OMG ตาเถรตกต้นชี มึงพูดอะไรออกมาเนี่ย

"มะ มึงเป็นเกย์เหรอวะ" ผมถามพร้อมกับขยับตัวหนีมันนิดนึงพองามเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดและไม่ให้มันรู้ว่าผมรังเกียจมัน

"ถ้าการที่กูรักผู้ชายคนนึงมันหมายความว่ากูต้องเป็นเกย์ งั้นกูคงเป็นเกย์อ่ะ" กูต้องงงไหมวะ

"แล้วไอ้เทียนรู้รึเปล่าว่ามึงชอบมัน"  ไอ้เซอร์ถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะตอบ

"รู้" มันหันมามองหน้าผม  "แต่มันไม่ชอบกูพอกูตื้อมันมากๆเข้ามันก็หนีกูไปทำผู้หญิงท้องเฉยเลย กูเศร้าว่ะ กูรักมันแต่กูไม่อยากเป็นมือที่สามทำให้ครอบครัวใครเขาแตกแยก กูไม่อยากพรากลูกพรากเมียใคร" ดราม่าใส่กูซะงั้น กูว่าต่อให้มึงคิดจะพรากก็คงทำไม่ได้อ่ะนะเพราะพี่ชายเมียไอ้เทียนมันคงไม่ยอมหรอกว่ะกูว่า อีกอย่างมึงพูดเหมือนน้องกูมีใจให้มึงยังนั่นแหละ ทั้งๆที่มึงเพิ่งจะบอกเองว่ามันไม่ชอบมึง

"แล้วมึงมาบอกกูทำไมวะ กูเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ" ดูไปมันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะเรื่องนี้ ใครจะรักกับใครใครจะทำใครท้องมันเกี่ยวอะไรกับกูวะ ทำไมอะไรๆก็กูตลอดเลย

"เกี่ยวดิมึงน่ะตัวเกี่ยวเลย" ไอ้เซอร์หันมามองผมและถ้าตาผมไม่บอดผมว่าผมเห็นสำแสงสีชมพูอมม่วงจากตัวมันพุ่งตรงมาทางผมนะ เอาแล้วไงตาขวากูกระตุกแล้วครับ

"กูเกี่ยวยังไงวะ" ทำใจดีสู้เกย์(?)ถามมันออกไปเอาให้เคลียร์ครับงานนี้  ไอ้เซอร์เอื้อมมือมาจับไหล่ผมทั้งสองข้าง ซึ่งผมก็พยายามสะบัดแต่ไม่หลุด (ไม่ต้องเข้ามาใกล้กูได้ไหมกูกลัว)  ก่อนที่คำพูดมันจะทำเอาผมช็อคตาค้างเพราะตรรกะทางความคิดที่แปลกแหวกของมัน

"ก็ในเมื่อไอ้เทียนมันหนีกูไปมีเมียดังนั่นคนที่น่าตาเหมือนไอ้เทียนก็เหลือแค่มึงกูก็ว่าจะจีบมึงแทน เป็นไงดีมะ" ดีบ้านป้าแกสิ ถามกูสักคำไหมว่าต้องการให้มึงจีบรึเปล่า อย่าคิดเองเออเองไอ้ธูปขอร้อง

"กูเป็นผู้ชายเหอะ แล้วมึงก็ไม่ต้องมาจีบกูเลยไปหาคนอื่นไป๊" เอกราชกูมึงอย่ามาคิดที่จะทำลายเชียวนะมึง กูกระโดดเตะสองตีนจริงๆนะเว้ย

"กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นผู้หญิงนี่ แล้วมึงจะให้กูไปจีบใครในเมื่อคนที่หน้าเหมือนไอ้เทียนมันก็มีมึงคนเดียว หรือว่ามึงมีแฝดอีกล่ะกูจะได้ไปจีบมัน" อย่ามายุ่งกับกูเลยกูขออยู่สงบๆเถอะครับพี่น้องครับ

"กูยังอยากมีเมียเป็นผู้หญิงเหอะ" ตอนนี้ผมเริ่มถอยห่างจากไอ้เซอร์เรื่อยๆแล้วครับ "แล้วมึงใช้สมองส่วนไหนคิดวะว่าจะมาจีบกูเพราะกูหน้าเหมือนไอ้เทียน กูกับไอ้เทียนคนละคนเหอะ"

"สมองที่กูคิดมาดีแล้วไง มึงคอยดูเถอะไอ้ธูปกูจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด กูจะทำทุกอย่างไม่ให้มึงมีเมีย เพราะกูจะเอามึงทำเมียแทนไอ้เทียน"  คำพูดคำจาน่าเอาส้นตีนลูบหน้าจริงๆ

"พูดเชรี้ยอะไรเนี่ย มึงบ้าป่าววะมึงชอบไอ้เทียนไม่ได้ชอบกู พออกหักจากน้องกูมึงก็จะมาจีบกูเพราะกูหน้าเหมือนไอ้เทียนเนี่ยนะ มึงใช้ส้นตีนคิดเหรอห๊า" เดือดสุดๆเกิดมากูยังไม่เคยโดนใครจีบด้วยเหตุผลเลวๆแบบนี้เลย แมร่งคิดได้ไงวะจีบกูเพราะกูหน้าเมือนคนที่มันชอบ

"มันก็จริงที่มึงบอกว่ากูชอบไอ้เทียน แต่มึงรู้ปะว่าตั้งแต่ที่กูได้คุยกับมึงกูว่าเราสองคนไปกันได้นะเว้ย เคมีเรามันเข้ากันเชื่อกูเถอะ" ใครเชื่อมึง ไม่ต้องมาล้างสมองกูเลยนะ แล้วเคมงเคมีอะไรกูไม่ได้เรียนวิทย์กูไม่รู้จักอย่ามาหลอกกูซะให้ยากเลย

"ไร้ซึ่งสาระมากๆกูกลับไปแดกเหล้าข้างในยังมีสาระกว่าอีก" ผมกำลังจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในร้านแต่ก็ต้องหยุดขาทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้ก่อนจะหันกลับไปมองไอ้เซอร์เพราะคำพูดของมัน

"กูจะจีบมึง เตรียมตัวและหัวใจมึงเอาไว้ให้ดีๆล่ะกัน เพราะกูจะเอามันมาเป็นของกูให้ได้คอยดูแล้วกัน" ปีนี้มันปีชงของกูแน่ๆ โดนซ้อมเพราะเข้าใจผิดกูยังไม่เครียดเท่ากับโดนผู้ชายด้วยกันจีบกูเลย พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่เหรอครับ

"ข้ามศพกูไปก่อนถ้ามึงคิดจะจีบไอ้ธูปอ่ะ" ผมกับไอ้เซอร์หันไปมองข้างหลังทันทีเมื่อได้ยินเสียงของบุคคลที่สามที่อยากมีส่วนร่วมในวงสนทนาที่ผมไม่อยากให้ใครมาได้ยิน

"มึงมายุ่งไรด้วยวะ" ไอ้เซอร์เดินไปยืนประจันหน้ากับไอ้แมนเมือง

"กูไม่จำเป็นต้องบอกมึง" ไอ้แมนเมืองก็ยืดอกพกความกวนตีนไว้สุดติ่งเช่นกัน

"ไอ้เมืองแมนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึง" เพื่อนกูชื่อแมนเมืองเว้ย

"กูชื่อแมนเมืองเหอะ" ก็นะตอนกูจะแนะนำให้รู้จักดันไม่อยากรู้จักกันแล้วเป็นไงเรียกชื่อผิดอายไหมล่ะมึง

"จะชื่ออะไรก็ช่างมึงเถอะ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึง" แถสีข้างถลอกแล้วไอ้เซอร์ อายก็บอกไปเถอะ กูไม่ล้อมึงหรอก

"ทำไมจะไม่เกี่ยว" ไอ้แมนเมืองหันมามองสบตาผมแวบนึง  อืมเจนรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ถูกส่งผ่านมาทางสายตาคู่นั่นเค๊อะ อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั่นกูขนลุกเหอะ

"เกี่ยวยังไงวะ" มึงจะไปถามมันทำไมล่ะครับ มึงมองสายตามันก็น่าจะรู้จะไปถามมันให้กูลำบากใจทำไมครับ

"เพราะกูก็ชอบไอ้ธูปและกูก็ชอบมันมาก่อนมึง ดังนั่นมึงไม่มีสิทธิ์มาจีบไอ้ธูปตัดหน้ากู" นั่นไงคำตอบที่กูไม่อยากได้ยิน ชัวร์เลยปีนี้ปีชงของกูชัวร์

"ไอ้แมนมึงพูดเรื่องอะไรวะเนี่ย" ผมกลั้นใจถามมันออกไป ช่วยบอกกูทีเถอะว่ามึงล้อกูเล่นอ่ะนะ

"กูชอบมึง ชอบมานานแล้วด้วย" อย่าย้ำให้กูขนลุกไปมากกว่านี้

"มึงเป็นเกย์เหรอวะ" ขอร้องอย่าตอบเหมือนไอ้เซอร์นะ เพราะมันน้ำเน่ามาก

"เปล่า" ไอ้แมนเมืองปฏิเสธ

"อย่าพูดนะว่ามึงเป็นผู้ชาย แต่การที่มึงชอบกูจะทำให้มึงเป็นเกย์มึงก็ยอม" ผมก๊อบปี้คำพูดของไอ้เซอร์เป๊ะๆทุกคำ

ไอ้แมนเมืองส่ายหัวไปมาก่อนจะเอ่ยปากพูด  "กูไม่ได้เป็นเกย์แต่กูเป็นไบ" แล้วมันแตกต่างกันตรงไหนวะ งง ไอ้ธูปไม่เข้าใจ ไบคืออะไรอ่ะ

"แต่กูเป็นผู้ชาย แล้วกูก็ไม่คิดจะมีเมียเป็นผู้ชายด้วยว่ะ" ผมบอกเจตนารมณ์ของตัวเองออกไปให้พวกมันฟัง จะได้เลิกยุ่งกับผมสักที

"กูก็ไม่ได้บอกว่ากูจะเป็นเมียมึงนิ" นี่มึงคิดจะตีประตูเมืองกูเหรอวะไอ้แมนเมืองไอ้เพื่อนเลว

"มึงสองคนอย่าบอกกูนะว่า......"  ผมชี้หน้าไอ้สองตัวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยอาการสั่นสะท้านในทรวง

"มึงนั่นแหละต้องเป็นเมียกู!!" สัดทีเรื่องนี้ล่ะสามัคคีกันเลยนะพวกมึง

"อย่ามายุ่งกับกู!!" ผมถอยห่างพวกมันเรื่อยๆ  "ไอ้แมนมึงเป็นเพื่อนกูนะ ถ้ามึงยังไม่เลิกคิดเรื่องบ้าๆพรรณ์นี้กูจะเลิกคบกับมึงจริงๆนะ" ผมพูดขู่เพื่อนสนิทตัวเองออกไป

"กูไม่ใช่เพื่อนมึงถ้างั้นกูก็จีบมึงได้อ่ะดิ" ยังเหลือไอ้เซอร์อีกตัวครับ

"ข้ามศพกูไปก่อนเหอะ" ไอ้แมนเมือง

"งั้นมึงก็วิ่งไปให้รถชนดิจะได้ตายๆไปซะกูจะได้ข้ามศพเน่าๆของมึงไปจีบพี่ชายไอ้เทียนมันสักทียืนพูดอยู่ได้เหม็นขี้ฟันว่ะ" ในสมองมึงมีแต่เยลลี่ใช่มะไอ้เซอร์

"กวนตีนกูใช่มะหรือมึงจะเอา"
 
"กูไม่เอามึงหรอก ตัวยังกับหมีขั่วโลก" เชิญพวกมันสองตัวเถียงกันอย่างกับเด็กๆต่อไป

"พอ!! มึงทั้งสองตัวหยุดกัดกันได้แล้ว" ผมสวมวิญญาณพี่ว๊าก (จำมาจากไอ้พี่พาย) ไอ้สองตัวที่กำลังกระชากคอเสื้อของกันและกันอยู่ มันสองคนหันมาสนใจผมแวบนึงก่อนจะหันกลับไปแยกเขี้ยวใส่กันเหมือนเดิม


สนใจกูมาก

ดีงั้นก็กัดกันให้ตายไปเลยกูไม่สนใจพวกมึงล่ะ เสียเวลาร่ำสุรากูฉิบหาย ผมเดินหัวเสียกลับเข้าไปในร้านโดยไม่ได้หันกลับไปมองไอ้สองตัวที่ยืนแลกขนมตุบตั๊บกันอยู่หน้าร้าน ถ้ามันอยากต่อยกันนักก็ปล่อยให้มันต่อยกันไป ผมไม่อยากยุ่งด้วย ไร้สาระที่สุด

"ไปไหนมาวะ" พอผมนั่งลงปุ๊บไอ้น้ำเหนือก็เสนอหน้ามาถามผมทันที

"ไปดูหมากัดกัน" ผมตอบก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากโดยไม่สนใจอะไรอีก
.
.
.
.
.
.
"เฮ้ยมึงสองตัวไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะทำไมสภาพมันเละขนาดนี้วะเนี่ย" เจ๊ชีสลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเจอหมาบ้าสองตัวเดินกลับเข้ามาในร้าน

"ไม่มีอะไรหรอกเจ๊" ไอ้แมนเมืองตอบเจ๊แกก่อนจะหันมามองหน้าผมซึ่งแน่นอนผมรีบก้มหน้าหลบสายตาของมันทันที

"แน่ใจว่าไม่มีใครทำอะไรพวกมึง" เจ๊ชีสแกยังคงคาใจ

"ไม่มีใครทำอะไรหรอกเพราะดูๆแล้วมันสองตัวคงฟัดกันเอง" เพื่อนเจ๊ชีส (เฮียฮง) เป็นคนพูดขึ้น

"มึงสองตัวต่อยกันทำไมวะ" จะถามทำไมครับแค่นี้กูก็อายมากพอแล้วเหอะ

"เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยอ่ะเจ๊" ไอ้แมนเมืองเดินมานั่งลงข้างๆผมอยากจะกระเถิบหนีแต่ไม่สามารถทำได้อย่างใจคิดเลยทำได้แค่เห็นมันเป็นธาตุอากาศ ส่วนไอ้เซอร์กลับไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนๆมันโดยที่มันยังไม่ลืมส่งสายตาหวานเยิ้มที่มีรอยเขียวช้ำๆมาให้ผม มีบางครั้งที่มันมองไอ้คนข้างๆผมด้วยสายตาอาฆาต มึงนี่ก็เก่งเนอะเดี๋ยวทำตาหวานเดี๋ยวทำตาขวาง กูกลัวตามึงจะเหล่ซะก่อน

พวกเพื่อนๆไอ้เซอร์ก็คงพอจะรู้แหละครับว่ามันไปมีเรื่องกับใครเพราะไอ้พวกที่เหลือมันพร้อมใจกันส่งสายตาอาฆาตมาให้ไอ้แมนเมือง อืมถ้าสายตาพวกมึงเป็นมีดกูว่าไปไอ้แมนเมืองคงตายไปแล้วล่ะ ส่วนพวกเพื่อนกลุ่มผมน่ะเหรอ เมาเหล้าไม่สนใจใครแล้วครับ ดีเหมือนกันเพราะผมขี้เกียจตอบคำถามและไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ด้วย

"มึงโกรธกูเหรอวะธูป" ไอ้แมนเมืองมันกระซิบถามผม

ผมกระเถิบหนีมันก่อนจะส่ายหน้าให้มันเป็นคำตอบคือปากไม่ว่างกูแดกเหล้าอยู่

"ไม่โกรธแล้วทำไมไม่พูดกับกูอ่ะ"

"ถ้ามึงยังคิดเชรี้ยๆกับกู กูก็จะไม่พูดกับมึงอีกเลย" ผมหันไปตอบมัน

"ความรักมันไม่ใช่เรื่องผิดนะเว้ยธูป" อย่ามาดราม่าใส่กูไม่ได้ผลหรอกเว้ย

"มันผิดตรงที่เราเป็นเพื่อนกันและที่สำคัญมึงกับกูก็เป็นผู้ชายกันทั้งคู่ไง"

"มึงอย่าเอาเรื่องเพศมาเป็นตัวกำหนดดิวะธูป" ไอ้แมนเมืองเริ่มขยับเข้าใกล้ผมเรื่อยๆ  "ทำไมวะความรักมันต้องเป็นผู้หญิงกับผู้ชายแค่นั้นเหรอวะ"

"กูไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่กูเป็นผู้ชายไม่ใช่เกย์กูชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชายเข้าใจป่ะวะ"

"ผู้ชายบางคนไม่ได้เป็นเกย์ยังรักกับผู้ชายด้วยกันได้เลยมึงไม่เคยอ่านในพันทิพ ในเว็บนิยายเกย์เหรอว่ะ คิดไรมากวะมึงลองเปิดใจดิธูปแล้วมึงจะรู้ว่ามันไม่ได้แย่อย่างที่มึงคิด" เข้าใจหว่านล้อมกูซะเหลือเกิน แต่กูไม่หลงกลมึงแน่นอน คือกูแมนๆเตะบอลกูจะเข้าเว็บนิยายเกย์เพื่ออะไรครับ

"ไม่วะขอบใจที่แนะนำ ยังไงๆกูก็ยังชอบผู้หญิงอยู่วะ และถ้ามึงยังคิดจะจีบกูอยู่ล่ะก็เลิกคิดไปได้เลย ไม่งั้นกูจะเลิกคบมึง" ผมขู่มันก่อนจะหันไปสนใจแก้วเหล้าในมือ ให้มันได้คิดเองกับสิ่งที่ผมพูด ผมว่าผมเองก็พูดเคลียร์แล้วนะถ้ามันยังดื้อรั้นอยู่อีกผมคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาด (ผมคงไม่ต้องลงทุนเหมือนไอ้เทียนหรอกนะยังไม่อยากมีเมียตอนนี้ กลัวแม่หัวใจวาย)

ผมถอนหายใจหนักๆหลังจากที่เห็นอาการของไอ้แมนเมืองที่แดกกระดกแก้วเหล้ายังกับน้ำหลังจากที่ผมพูดออกไป พอหันไปมองไอ้เซอร์สภาพก็ไม่ต่างกันกับไอ้แมนเมืองเลย เฮ้อ!!เหนื่อยใจว่ะเกิดมาหน้าตาดี ก็มีแต่คนหมายปอง โอ๊ยไอ้ธูปอยากขี้เหร่ครับ ไอ้ธูปอยากเป็นสิว ไอ้ธูปอยากเอามีดมากรีดหน้าตัวเองจังเลย อยากขี้เหร่จะได้ไม่ต้องมีคนมาแย่งมาแข่งกันจีบธูปแบบนี้ เหอๆ

ผมลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะที่นั่งอยู่เพราะตอนนี้กระเพาะผมมันรับน้ำเข้าไปเยอะผมเลยต้องเอามันออกอย่างด่วน ทำไมโลกมันเอียงๆวะหรือว่าผมจะเมา ผมเดินเซๆไปห้องน้ำที่ไม่ไกลแต่โคตรจะนานกว่าจะถึง (เพราะเซไปข้างหน้าทีข้างหลังที) กว่าจะถึงห้องน้ำก็ใช้เวลาพอสมควรผมเข้าไปปลดทุกข์เรียบร้อยก็เดินไปล้างมือตรงบริเวณอ่างล้างหน้าแต่ระหว่างที่ผมกำลังล้างมืออยู่นั่นก็มีมือปริศนามาสะกิดที่หลังของผม

ผมหันกลับไปมองก็เจอกับหญิงสาวสวยเซ็กส์เอ๊กซ์แตก นมระเบิดคนนึงยืนอยู่ด้านหลังผม นี่มันห้องน้ำชายนะครับน้อง แล้วน้องเขาเข้ามาทำไมวะผมยืนงงอยู่สักพักก่อนจะรวบรวมสติอันน้อยนิดและเอ่ยปากถามน้องเค้าไป

"มีอะไรรึเปล่าครับ" ผมถาม

"พี่ธูปจำบีไม่ได้เหรอคะ" บีไหนวะ แล้วแอ๊บเสียงทำไมครับน้อง กล่องเสียงอักเสบเหรอครับ

"จะ จำไม่ได้อ่ะครับ"

น้องบีทำหน้าหง่อยๆก่อนจะฉีกยิ้มให้ผมอีกครั้ง  "บีเพื่อนของน้ำฝนแฟนเก่าพี่ไงจำได้รึยังเอ่ย" เอ่อน้ำฝนปีสองแฟนเก่าผม

"อ้อ ครับๆจำได้แล้วครับแล้วมีอะไรรึเปล่าครับ" จริงๆจำไม่ได้อ่ะแต่แหลไปก่อน

"คือบีอยากจะอาเจียนน่ะค่ะเลยอยากให้พี่ธูปช่วยลูบหลังให้บีหน่อย อุ๊บ!!"  น้องบีรีบเอามืออุดปากตัวเองทันที  ยืนคุยกันตั้งนานสองนานไม่อ้วกพอพูดจบธาตุไฟแทรกร่างเหรอครับน้อง ถึงได้พะอืดพะอมขนาดนั้น

"น้องบีแพ้ท้องเหรอครับ" น้องบีถลึงตาใส่ผมทันที   โถ่น้องครับมุกนี้พี่เคยเจอมาแล้วครับ เห็นหล่อๆแบบนี้พี่ไม่โง่นะครับ

"เปล่าคะบีไม่ได้แพ้ท้อง บียังไม่เคยมีอะไรกับใครเลยนะคะ" น้องบีรีบเอามือออกจากปากพูดบอกผมอย่างไว โดยอาการพะอืดพะอมก่อนหน้านี้หายไปสิ้น

"ครับๆพี่เชื่อว่าน้องไม่เคย" แหมนะเข้าหาผู้ชายซะขนาดนี้เชื่อก็โง่แล้วน้อง  "เฮ้ยน้องบีจะพาพี่ไหน" น้องบีฉุดกระชากลากแขนผมตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำห้องในสุด

ผมเองก็เดินตามมาโดยไม่ได้ขัดขืนเพราะอยากรู้ว่าน้องมันจะทำอะไรกับผมเหมือนกัน พอเข้ามาในห้องน้ำน้องแกก็ล็อคประตูและเข้าชาร์ตผมทันที น้องบีโน้มคอผมลงมาก่อนจะประกบจูบปากผมอย่างเร่าร้อน เนี่ยนะคนไม่เค๊ยไม่เคยจูบเก่งโคตรๆลิ้นนี้ไล้เข้ามาในช่องปากผมอย่างหื่นกระหาย สะโพกมนของน้องเขาก็บดเบียดอยู่ตรงเป้ากางเกงผม มือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ก็ลูบไล้อยู่แถวๆหน้าท้องผมก่อนจะเริ่มถกเสื้อของผม น้องบีถอนริมฝีปากจากปากผมและเริ่มซุกซนอยู่แถวๆน่าอกผม น้องบีทั้งดูดทั้งกัดจนหน้าอกผมแดงไปหมด ผมดันไหล่น้องแกออกจากตัวผมซึ่งน้องแกก็ฝืนตัวไว้ไม่ยอมง่ายๆ

"บีจะอ้วกไม่ใช่หรอคะ" ผมถามอีกฝ่ายที่แสดงอาการหื่นใส่ผมอย่างไม่ปิดบัง ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวฉิบ

"พี่ธูปคะ บีชอบพี่อ่ะค่ะชอบมานานแล้วด้วย" วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ยทำไมมีแต่คนมาสารภาพรักกับกูจัง คิวปิคช่างขยันแผลงศรใส่กูจริงๆนะครับ

"แต่พี่เคยเป็นแฟนน้ำฝนเพื่อนเรานะคะ" ผมพยายามจะหาทางชิ่งน้องบี

"ก็เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ บีไม่ถือหรอกค่ะ" แต่พี่ถือครับน้อง แรงขนาดนี้ไอ้ธูปขอผ่านล่ะครับ คบไม่ไหวจริงๆกูกลัว

"ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะคะ อยู่ในนี้นานๆมันไม่ดีนะ" ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ต้องผงะเพราะไม่คิดว่าจะเจอคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

ไอ้พี่พายมันยืนมองหน้าผมก่อนจะแสยะยิ้มมาให้และเดินเข้าห้องน้ำห้องข้างๆไปโดยไม่สนใจผมที่ยืนเอ๋ออยู่

"พี่ธูปคะเราไปคุยกันต่อที่ห้องบีไหม" น้องบีเดินมาเกาะแขนผมพร้อมกับเอาฟาร์มโคนมมาเบียดๆที่แขนผมอย่างจงใจ คือตอนนี้สมงสมองผมมันเออเรอไปหมดเมื่อเจอหน้าคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ

"ไอ้ธูปมึงอยู่นี่เองกูหาซะทั่ว" สาดดดด กูไม่เคยดีใจเท่านี่มาก่อนเลยที่เห็นหน้ามึง ไอ้น้ำเหนือ

"เออ บีพี่ขอตัวก่อนนะคะพอดีพี่มีเรื่องต้องเคลียร์กับเพื่อนพี่น่ะ ไว้คุยกันวันหลังนะ" ผมรีบลากแขนไอ้น้ำเหนือออกจากห้องน้ำทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกของหญิงสาวที่แหกปากเรียกผมอยู่ด้านหลังโดยไม่อายใคร ส่วนไอ้น้ำเหนือก็ทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องใส่ผม

"ร้ายนะมึง นี่กูมาขัดจังหวะป่าววะ" ไอ้น้ำเหนือมึงอย่าเพิ่งถามรีบเดินก่อนเดี๋ยวแม่นางตามมางานจะงอกกู

"มึงมาช่วยกูไว้ต่างหากกูเกือบโดนปล้ำน่ะ" ถ้าไอ้น้ำเหนือมาไม่ท้นผมคงได้รวมร่างกับน้องบีแน่ๆ ปลุกเร้าอารมณ์เก่งขั้นเทพจริงๆ นี่ขนาดน้องเขาไม่เค๊ยไม่เคยนะครับเนี่ย แค่คิดก็หลอนแล้วกูน้ำฝนไปคบเพื่อนแบบนี้ได้ไงวะ

"หราาาาา" ทำหน้ากวนตีนใส่กูอีก

"เออ"

ผมกับไอ้น้ำเหนือเดินกลับมาที่โต๊ะ (ผมลากมัน) ก่อนที่นักร้องบนเวทีจะร้องเพลงแฮปปี้เบริ์ดเดย์ให้เจ๊ชีส พี่ตุล (เพื่อนเจ๊ชีส) ถือเค้กก้อนใหญ่เดินมาที่โต๊ะพวกเราหลังนักร้องร้องเพลงจบเรียบร้อยแล้วเจ๊แกก็อธิฐานก่อนเป่าเทียนเสร็จเจ๊แกก็วางเค้กลงบนโต๊ะ พวกผมก็เริ่มหันมาสนใจเหล้าบนโต๊ะกันเหมือนเดิม ผมกระดกเหล้าเข้าปากแบบลืมตายเพราะสายตาผมดันหันไปเห็นบุคลลอันตรายทั้งสองคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด คนนึงคือผู้หญิงที่พยายามจะปล้ำผมในห้องน้ำซึ้งตอนนี้น้องบีนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆน้องเขา ผมมองผ่านๆแล้วไม่เห็นน้ำฝนแฟนเก่าอยู่ในกลุ่ม ส่วนอีกคนคือผู้ชายที่ผมโคตรเกลียดขี้หน้า ไอ้พี่พายมันนั่งอยู่กับผู้หญิงโคตรจะสวยเลยครับ ทั้งสองคนมองมาที่ผมจนผมรู้สึกขนหัวลุก สายตาที่มองมามันต่างกันแต่ทำเอาผมผวาได้พอๆกัน
.
.
.
.
.
.
"ไอ้ธูปมึงเมาแล้วพอๆ" เสียงครายวะ แล้วแก้วเหล้ากูเอาไปไหนเอามานี่

"ครายมาวกูยางม่ายมาว" เหล้ากูเอาเหล้ากูมา

"ธูปมึงเมาแล้วกลับบ้านเหอะเดี๋ยวกูไปส่ง" ใครเมาวะกูบอกว่ากูไม่ได้เมา กูเมาตรงไหนเนี่ย

"ม่ายกลับ" เฮ้ยจะลากกูไปไหน ปล่อยๆๆๆ

"อย่าดื้นดิวะ"  ใครวะเนี่ยมาลากกูทำไม 

"อืม ปล่อยกู กูจะแดกเหล้า"

"เดี๋ยวไปแดกต่อที่ห้องกูป่ะเร็ว" ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะตอนนี้ไอ้ที่กินๆเข้าไปมันเริ่มจุกอยู่ที่ลิ้นปี่แล้วครับ กลัวว่าถ้าพูดออกไปมันจะพุ่งออกมาและมันจะเกิดปัญหาเพราะการทรงตัวของผมอาจจะทำให้มันเลอะได้ดังนั่นไอ้ธูปขออยู่เงียบๆดีกว่า 

ผมโดนลากมาที่รถใครก็ไม่รู้ก่อนจะถูกยัดเข้าไปในรถ เบาะถูกปรับเอนไปด้านหลังและผมก็ไม่รอช้าตูดถึงเบาะไอ้ธูปก็เข้าญาณทันที
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายๆของอีกวันนึงรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวแปลกๆ ผมลืมตาขึ้นก่อนจะหรี่ตาเพื่อปรับแสงที่แหยงตา อืมเพดานห้องไม่คุ้นอย่างแรง ผ้าม่านไม่เคยเห็น สภาพห้องไม่เคยผ่านตา ที่นี่ที่ไหนวะผมพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องร้องซื้ดออกมาเพราะรู้สึกปวดที่สะโพกจนแทบทนไม่ไหว ผมมองดูมือที่พาดอยู่บนท้องผมก่อนจะมองเลยลงไปก็เห็นขาสองข้างพาดเกยกันอยู่ที่ขาผม ผมพยายามตั้งสติก่อนจะหันมองทางขวามือผมก็เห็นไอ้แมนเมืองนอนอยู่ข้างๆพอหันไปมองด้านซ้ายก็เห็นไอ้เซอร์มาวินนอนอยู่ข้างๆเช่นกัน

และที่สำคัญพวกเราสามคนนอนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าครับ!! นี่ผมโดนปล้ำใช่ไหมเนี่ย เวรล่ะกูหนีผู้หญิงมาถูกผู้ชายสอย (ตูด) เหรอวะเนี่ย หนีเสือ (ผู้หญิง) ปะจระเข้ (เกย์) ชัดๆ มึงสองตัวสามพีกูใช่ไหม โฮกกกกกก T_T

ผมค่อยๆยกแขนและขาไอ้สองตัวที่กระทำชำเราผมออกจากร่างกายและรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีค่อยๆลุกลงจากเตียงด้วยความยากลำบากเพราะร่างกายไม่เอื้อสุดๆ ผมเดินหาเสื้อผ้าตัวเองอยู่พักใหญ่ก็เห็นว่ามันถูกตากอยู่ที่ราวตรงระเบียงนอกห้องจึงไม่รอช้าคว้าเอาผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้มาพันเอวก่อนจะเดินไปเอาเสื้อผ้าที่ระเบียงมาใส่อย่างเร็วและรีบหยิบเอากระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะและรีบเผ่นออกจากห้องอย่างไวมุ่งตรงกลับบ้านด้วยหัวใจที่ชอกช้ำระกำอุราแบบสุดๆ

พยายามคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่ความฝันมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ร่างกายผมมันกลับตอกย้ำว่าเรื่องทั้งหมดมันคือความจริงที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้ ไอ้ธูปคนนี้ยังอยากมีเมียอยู่นะครับ แล้วทำไมสรรค์ถึงต้องกลั่นแกล้งไอ้ธูปด้วย ทำไมต้องให้ผมมีผัวแถมมีทีเดียวตั้งสองคนโอ๊ย ธูปรับไม่ได้

ชีวิตผมจะเจอเรื่องอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกไหมเนี่ย


 
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๗ ฉันก็สู้คนนะฉันก็สู้คน ๒/๕/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 02-05-2015 22:53:18
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๗ ฉันก็สู้คนนะฉันก็สู้คน


พยายามคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่ความฝันมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ร่างกายผมมันกลับตอกย้ำว่าเรื่องทั้งหมดมันคือความจริงที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้ ไอ้ธูปคนนี้ยังอยากมีเมียอยู่นะครับ แล้วทำไมสรรค์ถึงต้องกลั่นแกล้งไอ้ธูปด้วย ทำไมต้องให้ผมมีผัวแถมมีทีเดียวตั้งสองคนโอ๊ย ธูปรับไม่ได้


ผมพาร่างกายที่บอบช้ำออกมาจากห้องที่ไม่น่าจดจำนั่น ก่อนปิดประตูห้องให้มันด้วยมือที่สั่นเทา (มารยาทดีซะด้วยขอบอก) ผมยังไม่ลืมที่จะก้มเก็บเศษหัวใจที่แหลกสลายของตัวเองที่ตกกระจายอยู่ที่พื้น (รันทดได้อีกชีวิตกู) สองขาค่อยๆก้าวเดินลงบันได ห้องแมร่งก็ดันมาอยู่ชั้นสองอีกลิฟท์มันไม่เปิดรับอ่ะ สภาพผมตอนนี้ใกล้เคียงกับคำว่าทุพพลภาพไม่ต่างจากคนพิการสักเท่าไหร่
 
ผมต้องเกาะราวบันไดและค่อยๆลากสังขารที่ไม่สมประกอบลงมาทีละขั้นทีละขั้น พอมาถึงประตูด้านหน้าหอดันออกไม่ได้อีก =_=!! เพราะไม่มีคีย์การ์ดผมเลยต้องนั่งหล่อๆอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆบันไดนั่นแหละครับ นั่งอยู่สักพักก็มีผู้หญิงคนนึงเปิดประตูเข้ามาผมไม่รอช้าค่อยๆลุกขึ้นยืน (เจ็บตูดนิครับลุกไวไม่ได้จริงๆ =_=!!) ลากสังขารไปที่ประตูกว่าจะเดินไปถึงประตูก็เกือบจะไม่ทัน
เดินออกจากหอก็ต้องมายืนหน้าหล่อๆ (เบื่อความหล่อตัวเองว่ะ) อยู่ตรงฟุตบาทด้านหน้าหอเพื่อรอเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน  ในสภาพเช่นนี้บอกตามตรงว่าไอ้ธูปไม่สามารถไปยืนเบียดเสียดกับคนอื่นๆบนรถเมล์ได้หรอกครับสังขารมันไม่เอื้อจริงๆ
.
.
.
.
หลังจากโบกแท็กซี่ผมให้โชเฟอร์มาส่งที่บ้านผม ที่ผมไม่ไปบ้านไอ้พี่พายเพราะว่าผมไม่อยากเจอหน้าใครผมอยากอยู่เงียบๆคนเดียว อยากใช้สมองคิดทบทวนถึงเรื่องเมื่อคืนไม่แน่นะครับมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดก็ได้ ผมอาจจะลื่นล้มในห้องน้ำ แล้วก็อ้วกใส่เสื้อตัวเองก็ได้คุณว่าจริงไหมครับ

เฮ้อ!!ผมขอบอกเลยครับว่าตอนนี้สภาพจิตใจของผมมันติดลบขั้นรุนแรง ผมไม่อยากจะเจอหน้าใคร ไม่มีกะใจพบคน หนักใจเหลือทน ทุกครั้งที่พบใครจะตอบยังไงเขาดี เวลาที่คนถามไถ่ (กูยังมีกะใจร้องเพลง) ผมยืนถอดถอนใจอย่างปลงๆอยู่หน้ารั้วบ้านของตัวเองก่อนจะไขกุญแจประตูรั้วเข้าไปในบ้าน ไม่ลืมที่จะเดินกะเผลกๆเข้ามาในบริเวณบ้าน

สายตาพลางสอดส่องมองดูบริเวณรอบๆบ้านที่ไม่ได้กลับมาหลายวันแต่สภาพโดยรอบที่ดูสะอาดสะอ้านเหมือนมีคนคอยดูแลรดน้ำต้นไม้พร้อมตัดแต่งต้นไม้ใบหญ้าจนดูสวยงามไร้ที่ติ จึงทำให้บ้านผมไม่เหมือนป่าดงดิบทั้งๆที่ไม่มีคนอาศัยอยู่

สองขาก้าวขึ้นบันไดหน้าบ้านที่มีอยู่แค่สามขั้นแต่ผมกลับใช้เวลาในการก้าวขึ้นบันไดแต่ละก้าวช่างยาวนานเหมือนกำลังเดินขึ้นบันไดดอยสุเทพก็ไม่ปาน กว่าจะเดินมาถึงประตูใหญ่หน้าบ้านก็เล่นเอาเหงื่อไหลพรากๆร้อนน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บตูดนั่นไซร์มันใหญ่หลวงนัก

ก้มหน้าก้มตาหาลูกกุญแจที่อยู่ในมือเพื่อที่จะไขประตูบ้านแต่แล้วก็ต้องแปลกใจเพราะประตูบ้านกลับถูกเปิดออกอย่างแรงเหมือนคนด้านในรู้ว่าผมจะมา ด้วยความดีใจเลยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูว่าเป็นใครเหตุเพราะคนที่มีกุญแจบ้านก็มีแค่พ่อแม่ของผมไอ้เทียนและตัวผมเองเท่านั่น และตอนนี้พ่อกับแม่ก็อยู่เมืองนอก (ไม่คิดจะกลับมาเยี่ยมลูกอยู่แล้ว) ซึ่งสองตัวเลือกนั้นตัดออกไปได้เลยครับ ดังนั่นก็เหลืออยู่แค่คนเดียวคือไอ้เทียน น้องชายที่นำเรื่องวุ่นวายเข้ามาในชีวิตผม ด้วยความดีใจปนกับเรื่องร้ายๆที่เพิ่งผ่านมาทำให้ผมต้องการหลักยึด ต้องการที่พึงทั้งทางกายและทางใจ

ไม่รอช้าผมรีบโผเข้ากอดไอ้เทียนอย่างไวและกอดมันแน่นเพราะกลัวมันจะหนีหายไปอีก ปากก็พร่ำพูดถึงเรื่องที่อึดอั้นอยู่ภายในจิตใจเรื่องซวยๆที่ผมต้องพบเจอ

"เทียนหายไปไหนมา รู้ไหมธูปต้องเจอกับอะไรบ้าง ธูปโดนพี่ชายแฟนเทียนกระทืบ โดยที่มันไม่ถามธูปอะไรสักคำเลยมาถึงมันก็กระทืบๆธูปอย่างเดียวเลยโคตรเหี้ยเลยธูปโคตรเกลียดมันเลย แต่เรื่องนั่นมันยังไม่น่าเจ็บใจเท่าเมื่อคืน เมื่อคืนที่ธูปโดนโฮกกกก..... โว๊ะเทียนจะดิ้นทำไมเนี่ย ธูปยิ่งเจ็บตูดอยู่นะ" กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไอ้เทียนก็พยายามขืนตัวให้หลุดจากอ้อมกอดอยู่นั่นแหละ แต่ผมไม่สนผมใช้พลังทั้งหมดในร่างกายที่มีล็อคตัวมันเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดอันแข็งแกร่งของผม ตอนนี้กูยิ่งกว่าตุ๊กแกอีกขอบอก มึงไม่มีทางดิ้นหลุดแน่นอนไอ้เทียน

"มึงจะปล่อยกูได้ยัง" เสียงเรียบๆที่คุ้นหูแต่ไม่เคยคุ้นชินสักทีถามกลับมาในน้ำเสียงที่พูดออกมานั่นฟังดูน่าขนลุกแปลกๆ

สมองประมวลผลอย่างไวผมรีบเงยหน้าขึ้นมองคนในอ้อมกอดด้วยความเร็วสูงก่อนจะคลายอ้อมกอดเด้งตัวผละออกจากมันเหมือนกับแม่เหล็กขั้วเดียวกันที่ไม่สามารถอยู่ใกล้ๆกันได้ ตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เห็นยกนิ้วชี้ค้างอยู่อย่างนั่นปากอ้างค้างเหมือนขากรรไกรใช้การไม่ได้ชั่วขณะ ตาโตจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า มันเป็นอาการที่เรียกได้ว่าช็อคสุดขีด
   
มันมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงคร้าบบบบบบบ
   
"มะ มึงเข้ามาในบ้านกูได้ไงวะ" ร้องถามคนตรงหน้าด้วยความสงสัย ไอ้คนตรงหน้ามันทำหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนกับว่าการที่มันเข้ามาบ้านคนอื่นเป็นเรื่องปรกติอย่างนั่นแหละ

"ทำไมเมื่อคืนมึงไม่กลับบ้าน ไปนอนกับใครก็ควรจะบอกกันบ้างนะ" ไอ้พี่พายมันไม่ตอบคำถามแต่มันกลับถามผมกลับซะงั้น เออดีจริงๆคำถามกูนี่ไม่เข้าหูมึงเลยใช่ไหมไอ้อดีตพี่ว๊าก

"เรื่องของกู มึงยุ่งอะไรด้วยวะ"  ไม่อยากคุยกับใครกูอยากอยู่คนเดียว กรุณาเข้าใจและไสหัวกลับไปได้แล้ว

"กูก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของมึงเท่าไหร่หรอกนะแต่พ่อกับแม่กูเค้าเป็นห่วงมึงเค้านึกว่าไปตายที่ไหน ทีหน้าทีหลังถ้าจะไม่กลับบ้านก็ควรบอกผู้ใหญ่เขาด้วยเขาจะได้ไม่ห่วง"  ผมยอมรับว่าผิดที่ไม่ได้บอกใครไว้ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนและไม่กลับไปนอนที่บ้านจึงทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วง แต่อารมณ์ตอนนี้ของผมมันติดลบเกินกว่าจะพูดอะไรออกไปได้เลย ผมอยากอยู่เงียบๆคนเดียว

"กูขอโทษล่ะกัน" ผมเดินสวนมันเข้าบ้านมุ่งตรงไปที่บันไดอย่างช้าๆแต่ละก้าวช่างสร้างความร้าวรานให้ร่างกายผมจริงๆ เฮ้อเวรกรรมอะไรของไอ้ธูปวะเนี่ย
   
"อย่าเดินหนีกู!!"  ไอ้พี่พายตรงเข้ามากระชากแขนผมอย่างแรงพร้อมกับตะคอกใส่หน้าผมเสียงดัง จองเวรจองกรรมกูจริงๆจะไฝว์กับกูใช่ไหม ได้ธูปจัดให้

ผลั๊ว!! 

หมัดหลุนๆของผมตรงเข้าที่หน้าของไอ้พี่พายอย่างจังส่งผลให้มันล้มลงไปนอนตายอยู่ที่พื้น ผมไม่รอให้มันได้ลุกขึ้นยืนปรี่ตรงเข้าไปนั่งทับกลางลำตัวของมัน พร้อมกับส่งหมัดใส่หน้าไอ้พี่พายไม่ยั้ง ผมระบายอารมณ์ระบายความอึดอั้นทุกอย่างลงที่ใบหน้าของไอ้พี่พาย มันเองก็ยกมือยกไม้ขึ้นมาปัดป้องหมัดของผมเหมือนกันแต่ตอนนี้อารมณ์โมโหมันมีมากกว่าจนทำให้ผมลืมความเจ็บที่ร่างกายก่อนหน้านี้ไปสิ้น

อั๊ก!!

"มึงรู้ไหมว่ากูต้องเจอกับอะไรบ้าง" ผมยังคงรัวหมัดใส่หน้าไอ้พี่พายไม่ยั้ง ปากก็ร้องตะโกนสิ่งที่อยู่ในใจ น้ำใสๆไหลออกมาจากตาโดยที่ผมไม่คิดจะยกมือขึ้นเช็ดมันด้วยซ้ำ

"........"

"ทำไมวะกูต้องมาแบกรับปัญหาของคนอื่นตลอดเลย ทำไมต้องเป็นกู ทำไมๆๆ!!" ตอนนี้น้ำหูน้ำตามันไหลพรากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันเกิดจากความอัดอั้นที่ผมต้องแบกรับทุกสิ่งเอาไว้เพียงลำพังโดยบอกใครไม่ได้ ใครจะมองว่าไอ้ธูปอ่อนแอก็เอาเถอะครับไม่เจออย่างผมใครจะเข้าใจ

"ปล่อยกูไอ้พวกเชรี้ยกูบอกให้ปล่อยกู!!" ผมร้องบอกลูกน้องไอ้พี่พายที่ตรงเข้ามาชาร์ตตัวผม พยายามดิ้นให้หลุดจากมืออันแข็งแกร่งแต่ก็ไม่เป็นผลไม่รู้มันแดกครีมเหล็กเป็นอาหารรึไงวะทำไมถึงได้บีบแน่นไม่มีทีท่าว่าจะหลุดเลย เลือดกูไม่เดินแล้วมั้งเบาๆหน่อยก็ได้ไอ้พวกควายไบสันเอย

ลูกน้องไอ้พี่พายปรี่กันเข้าไปพยุงลูกพี่มันที่ยังนอนอยู่ที่พื้นให้ลุกขึ้นมา ไอ้พี่พายยกมือห้ามก่อนจะลุกขึ้นยืนเอง สายตาอาฆาตถูกส่งมาจากดวงตาเรียวคมดุๆคู่นั้น แต่ตอนนี้ขอบอกว่าไอ้ธูปไม่กลัวอะไรอีกแล้ว กูสู้ตาย

"หึ หมัดหนักเหมือนกันนี่หว่า"  ไอ้พี่พายเดินมาหยุดตรงหน้าพร้อมกับใช้นิ้วโป้งปาดเลือดตรงมุมปากของมัน

ผลั๊ก

เพราะไม่ทันตั้งตัวมัวแต่แหกปากโวยวายสุดท้ายเลยโดนหมัดหนักๆของไอ้พี่พายกระแทกเข้าหน้าอย่างแรง ทำเอาไอ้ธูปเห็นดาวตอนกลางวันแสกๆเลยครับขอบอก

"แน่จริงมึงตัวๆกับกูดิวะอย่าเก่งแต่หมาหมู่"  มึงจะเป็นพี่เขยไอ้เทียน กูก็ไม่สนแล้วชั่วโมงนี้เลือดขึ้นหน้าตายเป็นตายไอ้ธูปขอระบายความแค้นหน่อยเถอะ

"ปล่อยมัน!!"  ไอ้พี่พายว๊ากใส่ลูกน้อง   "กูบอกให้ปล่อยมันไม่ได้ยินรึไงวะ!!" แหกปากตะโกนขนาดนั้นไม่ได้ยินกูก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วลูกน้องมึงคงหูดับหูอื้อเพราะต้องทนฟังเสียงตะโกนของมึงทุกวี่ทุกวันล่ะมั้ง

ลูกน้องไอ้พี่พายปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระและพวกมันก็พร้อมใจกันเดินถอยฉากออกไปยืนดูสถานการณ์ใกล้ๆยังไม่ลืมส่งสายตาเฉือนเชือดมาให้ หึ วันอื่นกูอาจจะหวั่นๆกับสายตาพวกมึงแต่วันนี้ต่อให้มาอีกสิบอีกร้อยไอ้ธูปก็บ่ยั่นเว้ย

ผลั๊ก

ผมตรงเข้าซัดหน้าไอ้พี่พายทันทีเมื่อลูกน้องมันปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ ไอ้พี่พายเองก็ไม่ยอมแพ้ มันต่อยหน้าผมสวนกลับมาเหมือนกัน ผมสะบัดหน้าเรียกสติก่อนจะส่งฝ่าเท้าเข้าที่ท้องมัน และก็ได้เรื่องเลยครับเหตุเพราะยกเท้าผิดท่าเลยทำให้เกิดอาการปวดแปลบๆที่สะโพกขึ้นมาทันที จึงทำให้เสียเปรียบโดนไอ้พี่พายยันฝ่าเท้าเข้าเต็มๆท้อง ล้มลงไปกระแทกกับขั้นบันได เจ็บจนจุกลุกไม่ขึ้นเพราะมันดันไปซ้ำแผลเก่าที่โดนกระทำชำเรามาเมื่อคืน

"ไงมึงไม่เก่งแล้วรึไง" ไอ้พี่พายเดินมานั่งยองๆตรงหน้าผม คือถ้ามึงรู้ว่าเมื่อคืนกูเจออะไรมามึงจะไม่พูดแบบนี้เลย ไม่ได้เจอแค่หนึ่งแต่มาถึงสอง กูต่อยกับมึงได้ก็เทพแล้วสัดเว้ย

"พวกมึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้เลยไป๊!!"  สู้ไม่ได้สุดท้ายก็แหกปากใช้เสียงสู้กับมันนี่แหละ
   
"กูไม่ไป" หน่ะยังหน้าด้านอีก ติดใจอะไรบ้านกูครับ

"มึงไม่ไปงั้นกูไปเอง" ผมเอื้อมมือจับราวบันไดพยุงตัวค่อยๆลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวขาเดินออกจากบ้าน

หมับ

ไอ้พี่พายจับแขนผมแน่นเมื่อผมเดินห่างมันออกไปไม่กี่ก้าว  "มึงจะหนีไม่รับผิดชอบน้องกูเหมือนที่น้องมึงทำใช่ไหม"

ผมหันกลับไปมองไอ้พี่พายด้วยสายตาเอาเรื่องสุดๆ "กูถามคำนึงนะ กูทำน้องมึงท้องรึเปล่า" ผมถามมันด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยไม่เจือแววโมโหหรือฉุนเฉียว และไม่ลืมพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือของไอ้พี่พายแต่มันกลับบีบแขนผมแน่นกว่าเดิมอีก เลือดที่แขนกูไม่เดินแล้วมั้งนั่น

"น้องมึงหายตัวไปมึงก็ต้องรับผิดชอบ" เกี่ยวกันไหมถามหน่อย เกี่ยวอะไรกับกูไหม

"เหตุผลควายๆอย่างนี้อย่ามาใช้กับกูเลย" ผมบอก

"ยอมมาได้ตั้งหลายวันมาพยศอะไรวันนี้วะ"


"ก็เพราะกูยอมไงมึงเลยคิดจะทำอะไรกับกูก็ได้  คิดจะซ้อมกูมึงก็ทำ กูคนนะเว้ยกูก็มีความรู้สึกเหมือนๆกับมึง กูเจ็บเป็นเหมือนกัน กูไม่ใช่หุ่นยนต์นะสั่งให้ไปทางไหนกูก็ต้องไปอ่ะ กูเป็นคนเหมือนๆกับพวกมึง และกูถามหน่อยเหอะมันใช่เรื่องของกูไหมห๊า!!"
ผมระบายทุกอย่างออกมาหมด ทุกอย่างที่มันอยู่ในใจ ทุกอย่างที่มันอัดแน่นอยู่ในนั่นจนผมแทบจะกระอักมันออกมาวันละหลายๆรอบ
   
"......"

"แทนทีมึงจะพูดกับกูดีๆไม่มีเลยไม่มี มึงใช้กำลังกับกูตลอดมึงอยากได้คนรับผิดชอบใช่ไหม งั้นมึงเอาที่อยู่กับเบอร์โทรของพ่อกับแม่กูไปแล้วมึงก็ไปหาเค้าบอกให้เค้ามารับผิดชอบเองแล้วกัน เรื่องนี้กูไม่ยุ่งด้วยแล้ว ใครจะเป็นจะตายไม่เกี่ยวอะไรกับกู!!"

ไอ้พี่พายมันปล่อยแขนผมทันทีที่ผมพูดจบ ผมกับมันยืนจ้องหน้ากันเหมือนกับว่าใครหลบสายตาก่อนคนนั่นแพ้ จนสุดท้ายก็เป็นผมที่ยอมหลบสายตา ผมค่อยๆเดินไปหยิบกระดาษกับปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะมาจดเบอร์โทรและที่อยู่ของพ่อกับแม่แล้วยื่นให้มันที่ยังคงมองหน้าผมอยู่  เลิกมองหน้ากูได้แล้วมั้งมองจนตาจะถลนออกมาแล้วนั่น

ผมส่งกระดาษให้ไอ้พี่พายเสร็จผมก่อนบอกให้พวกมันออกไปจากบ้านผมให้หมด ส่วนตัวผมก่อนเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะไปที่ห้องนอนของตัวเอง เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ กูจะตายก่อนไอ้เทียนกลับมาไหมวะเนี่ย

"เดี๋ยว!!" เสียงเรียกผม (โคตรดัง) ดังขึ้นด้านหลังระหว่างที่ผมกำลังลากสังขารขึ้นบันไดด้วยความอยากลำบาก ผมค่อยๆหันหลังกลับไปมองไอ้พี่พายด้วยความงง  "มีไร" กูต้องการพักผ่อนครับปล่อยให้กูไปสบายสักทีเหอะธูปขอร้อง

"แล้วเบอร์มึงละ" มึงจะเอาเบอร์กูไปแทงหวยเหรอครับ

"จะเอาไปทำไม"

"ก็ถ้าพ่อแม่มึงไม่รับผิดชอบ มึงก็ต้องรับผิดชอบสิวะถามโง่ๆ อ้อแล้วอีกอย่างเผื่อมึงหนีกูจะได้ตามตัวมึงทันไง"  เกี่ยวอะไรกับกูวะครับ

"มึงโทรรึยัง ถึงรู้ว่าพ่อแม่กูจะไม่รับผิดชอบอะ"  โทรก็ยังไม่ได้โทรดันรู้ดีซะงั้น   "แล้วที่สำคัญกูจะหนีไปไหนพ้น ลูกน้องมึงตามติดกูยิ่งกว่าเงาตามตัวขนาดนี้" อย่าคิดว่าไอ้ธูปไม่รู้นะว่ามึงเช่าบ้านหลังข้างๆกูให้ลูกน้องมึงมาเฝ้ากูอะ อ้อหน้าบ้านฝั่งตรงข้ามมันก็เช่าเอาไว้ให้ลูกน้องมันเหมือนกันครับ เรียกว่าวันๆนึงผมตดกี่รอบไอ้พี่พายมันยังรู้เลยแล้วยังนี้กูจะหนีไปไหนพ้นวะ ผมได้แต่ภาวนาให้เรื่องเมื่อคืนมันไม่รู้นะ ขอให้มันตายไปพร้อมกับผมเถอะ

"อย่ามาเถียงกู กูบอกให้เอามาก็เอาเบอร์มึงมาสิวะ อย่าให้กูต้องใช้กำลัง" มีขู่กูอีก นี่มึงจะขอเบอร์กูดีๆไม่ได้ใช่มะ

"เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับกู เลิกยุ่งวุ่นวายกับกูสักที กูรำคาญ!!"  พลิกตัวกลับหันหลังเดินขึ้นบันไดไม่สนใจไอ้พี่พายที่ยืนขู่อาฆาตอยู่ข้างหลัง

"มึงจะไม่ให้ดีๆใช่ไหมต้องให้เจ็บตัวก่อนใช่ไหม"

"กู ไม่ ให้" สะบัดตูดเดินขึ้นบันไดต่อไปด้วยความยากลำบาก รัดทนจริงๆชีวิตไอ้ธูป

หมับ

หวือ 

"เฮ้ย/เฮ้ย"

ตุบ

อั๊ก

กร๊อบ


"โอ๊ย!!"

อย่าเพิ่งงงครับเดี๋ยวไอ้ธูปจะอธิบายให้ฟัง คือผมหันหลังเดินขึ้นบันไดใช่ป่ะแล้วถูกไอ้พี่พายมันกระชากแขน และด้วยร่างกายของผมที่คล้ายกับคนทุพพลภาพเรื่องการทรงตัวนั่นไม่ต้องพูดถึงเลยครับลำพังจะยืนโดยไม่ให้เอนเอียงเนี่ยยังลำบากเลยครับ สุดท้ายเลยหงายหลังตกบันไดพร้อมๆกับไอ้พี่พายที่มือมันยังจับอยู่ที่แขนผมอยู่เลย

"ลุกไปสักทีสิวะ กูเจ็บโว๊ย!!!"  แหกปากสิครับรออะไรอยู่ ก็ท่าที่ลงมานั่นไม่เหมือนในนิยายที่พวกคุณเคยอ่านเคยเจอมาหรอกครับที่พระเอกกับนางเอกตกลงมาแล้วพระเอกมันเอาตัวมารองรับนางเอกเอาไว้ได้ทัน โกหกทั้งเพ

สภาพผมที่ตกลงมานั่นคือความจริงเลยครับความจริงที่พวกคุณไม่สามารถหาชมได้จากในละครหลังข่าว หรือจากในนิยายตาหวานแน่นอน เพราะผมตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก ในสภาพที่ใช้แขนข้างที่ไม่ได้ถูกไอ้พี่พายจับไว้ท้าวลงกับพื้นตามสัญชาตญาณป้องกันตัวเพื่อไม่ให้บาดเจ็บแต่ไอ้ธูปก็ยังคงเป็นไอ้ธูปที่พกพาความซวยเอาไว้เต็มกระเป๋านั่นแหละครับ เพราะแขนข้างที่ผมใช้ยันพื้นนั่นมันเกิดเสียงดัง กร๊อบ และตามมาด้วยความเจ็บที่แล่นจากข้อมือขึ้นมาถึงหัวไหล่ เหตุเพราะคนตัวเท่ายักษ์วัดแจ้งอย่างไอ้พี่พายมันดันหล่นลงมาทับตัวผมอีกทีนึงนะสิครับ ตูดระบมจากการถูกกระทำชำเรา แขน (คาดว่าจะ) หักจากการใช้ยันพื้น  จุกที่ท้องเพราะไอ้พี่พายมันหล่นมาทับ เฮ้อชีวิตไอ้ธูปซวยกว่านี้มีอีกไหมครับ

แล้วไอ้พวกควายไบสันพวกมึงจะยืนมองกูกับลูกพี่มึงนอนทับกันอีกนานไหมครับลูกพี่มึงไม่สั่งก็ไม่คิดจะช่วยกันเลยใช่ไหม ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้กูที กูต้องการเข้าห้องไอ ซี ยู ด่วนเลย กูจะตายอยู่แล้ว 
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๘ ฝากให้เธอช่วยดูแล ๗/๕/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 07-05-2015 22:27:17
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๘ ฝากให้เธอช่วยดูแล


ผมนอนมองเพดานสีขาวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย คิดถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในชีวิตผมช่วงเกือบเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่โดนไอ้พี่พายกระทืบเกือบตายเพราะเข้าใจผิดคิดว่าผมคือไอ้เทียนคนที่ทำให้น้องสาวสุดที่รักของมันท้อง เรื่องที่ไอ้แมนเมืองแอบชอบผมมานานสองนานโดยที่ไม่มีใครรู้ ไหนจะเรื่องไอ้เซอร์มาวินที่ชอบไอ้เทียนแล้วพอมันผิดหวังก็คิดจะเบนเข็มมาจีบผมแทน เหตุผลเพียงเพราะผมหน้าตาเหมือนไอ้เทียนคนที่มันรักนักรักหนา

ส่วนเรื่องสุดท้ายก็คือเรื่องที่ผมโดนไอ้แมนเมืองกับไอ้มาวินมัน เฮ้อ!! ช่างมันเหอะอย่าไปนึกถึงมันจะดีกว่า อะไรที่เสียไปแล้วก็ให้มันแล้วกันไปเพราะถึงยังไงผมก็เป็นผู้ชายและที่สำคัญผมท้องไม่ได้  จะให้มานอนร้องไห้คร่ำครวญผมก็ทำไม่เป็นซะด้วยสิ ก็นะผมมันไม่ใช่นางเอกในละครหลังข่าวนี่ครับที่พอโดนพระเอกมันข่มขืนแล้วตื่นขึ้นมาก็มานั่งกัดผ้าห่มร้องไห้เสียใจ สุดท้ายก็เรียกร้องให้พระเอกมายอมรับกับสิ่งที่มันได้ทำลงไป

-น้ำเน่าเหอะครับ-

"เฮ้อ!!" วันนี้ผมถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วนะ มีคนเคยบอกไว้ (ใครบอกอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน) เขาบอกว่าจะถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุจะสั้นไปสิบปี ผมว่าตอนนี้ชีวิตของผมคงเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้วล่ะครับเพราะแค่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาผมถอนหายใจไปเป็นสิบๆครั้งได้แล้วมั้ง ว่าแล้วก็ขอถอนหายใจอีกซักรอบก็แล้วกัน

"เฮ้อ!!"  ถอนแมร่งก็ไม่ได้ตังค์ แต่ชั่วโมงนี่กูจะถอดใครจะทำไม ผมว่าออกจากโรงพยาบาลผมคงต้องเดินสายทำบุญ ทำมันตั้งแต่แม่สายยังเบตงเลยแวะทุกวัด ไปทุกอำเภอ ไหว้ทุกจังหวัด สะเดาะเคราะห์บริจาคโลง บังสกุลเป็นบังสกุลตาย ถวายสังฆทาน อะไรที่ทำแล้วดีขึ้นทำมันให้หมดเผื่อชีวิตหลังจากนี้ของไอ้ธูปมันจะดีขึ้นมาบ้าง เพื่อเจ้ากรรมนายเวรจะได้หายๆไปจากชีวิตไอ้ธูปสักที


แอ๊ดดดดด (เสียงเปิดประตู : ผมว่าทางโรงพยาบาลน่าจะหยอดน้ำมันบ้างนะ เสียงสยองยังกับประตูบ้านผีสิง)

ผมหันไปมองที่ประตูก็พบกับพ่อแม่ของไอ้พี่พายที่เดินหน้าเครียดขรึมเข้ามาในห้องพร้อมด้วยไอ้ตัวการที่ทำให้สภาพผมไม่ต่างจากคนทุพพลภาพ ผมยกมือไหว้พ่อแม่ไอ้พี่พายอย่างยากลำบากเพราะมือข้างนึงก็ถูกเข็มจิ้มอยู่เพื่อให้น้ำเกลือ ส่วนมืออีกข้างก็ใส่เฝือกอ่อนคิดดูแล้วกันว่าผมเห็นสภาพตัวเอง ผมยังรับไม่ได้เลยอ่ะอนาถจัด

"สวัสดีครับ" ถึงจะเดี้ยงแต่ไอ้ธูปก็มารยาทงามนะครับขอบอก อิอิ

"ไหว้พระเถอะจ้ะ" แม่ไอ้พี่พายเดินมายืนข้างๆเตียงพลางส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยมาให้ส่วนพ่อไอ้พี่พายพยักหน้าก่อนจะรับไหว้ผม

"คุณแม่คุยกับคุณหมอแล้วนะคะ ธูปไม่ต้องห่วงนะ ธูปจะนอนที่โรง'บาลนานเท่าไหร่ก็ได้คุณแม่บอกคุณหมอให้แล้ว" คุณแม่ครับผมไม่ได้มาพักผ่อนนะครับ พูดเหมือนกับว่าผมมานอนโรงแรมห้าดาวอย่างนั้นแหละ

"คะ ครับ ขอบคุณครับ" ยกมือไหว้ให้กับความหวังดีของคุณแม่ ที่ไอ้ธูปไม่ต้องการเล๊ย

"แล้วนี่เจ็บมากไหมธูป คุณแม่ขอโทษแทนพายด้วยนะที่ทำเราเจ็บขนาดนี้น่ะ" แม่ไอ้พี่พายทำหน้าสำนึกผิด เหมือนกับท่านเป็นคนทำผมเจ็บเองยังงั้นแหละ

"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแม่ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ เพราะคนที่ทำเขายังไม่คิดจะขอโทษผมเลย คุณแม่ไม่ได้ทำอะไรผิดจะขอโทษผมทำไมล่ะครับ" ไม่ได้ประชดใครและไม่ได้โกรธใครทั้งนั้น แต่ผมคิดอย่างที่ผมพูดจริงๆคนที่ทำผิดยังไม่มีจิตใต้สำนึกไม่คิดจะขอโทษ แล้วทำไมคนที่ไม่ได้ทำแถมยังเป็นผู้ใหญ่อีก จะต้องมาขอโทษขอโพยกับสิ่งที่ท่านไม่ได้ทำล่ะ ผมแค่มองว่ามันไม่สมควรก็แค่นั่น

"พายไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ" แม่ไอ้พี่พายหันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสารอยู่ที่โซฟา ไอ้พี่พายไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำมันแค่ไหวไหล่ทำท่าไม่แคร์กับสิ่งรอบข้าง หึ คนแบบนี้ไอ้ธูปขออยู่ห่างๆจะดีกว่า

"พายถ้าคำว่าขอโทษมันพูดยากนักแกก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของแกด้วยการดูแลธูปเขา และถ้าแกไม่ทำแกเจอดีแน่" คุณพ่อครับไม่ต้องให้ไอ้พี่พายมาดูแลไอ้ธูปหรอกครับ ผมกลัวจะตายก่อนจะหายน่ะครับ ปล่อยให้หมอให้พยาบาลดูแลผมดีกว่านะครับ

ไอ้พี่พายละความสนใจจากนิตยสารตรงหน้าก่อนจะตอบพ่อของมันแต่สายตาของมันกลับจ้องมองที่หน้าผมซะงั้น  "ครับ ผมจะดูแลอย่างดีเลย"  หนักแน่นในคำพูดมั๊กมาก ซวยล่ะสิกู งานงอกไอ้ธูปแล้วครับ

"เออ มะ ไม่เป็นไรครับผมว่าผมดูแลตัวเองได้" ผมยืนได้ด้วยลำแข้งของผมเอง ไม่ต้องมีใครมาดูแล ผมดูแลตัวเองได้ครับ

"ไม่เอาสิจ๊ะธูป อย่าปฏิเสธความหวังดีของคุณป๊าสิจ๊ะ ให้พายเขาดูแลเราน่ะดีแล้ว" ตรงไหนของรูปประโยคที่ว่าดีครับคุณแม่ ไม่ดีครับไม่ดีอย่างแรง มันทำผมเจ็บขนาดนี้มันดูแลผมไม่ได้หรอกครับ ไอ้พี่พายมันถนัดเรื่องทำให้ผมเจ็บตัว มันไม่ถนัดเรื่องดูแลใครหรอกครับ เชื่อไอ้ธูปสิ


"ใช่ มึงอย่าปฏิเสธความหวังดีของกูสิ" ความหวังดีจอมปลอมของมึงกูไม่ต้องการเว้ย

"เออ คือ....." ผมอ้าปากพะงาบๆพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

"อุ๊ย!! คุณพี่คะได้เวลาไปงานเลี้ยงผู้ประกอบการแล้วค่ะ เดี๋ยวไม่ทัน" คุณพ่อคุณแม่จะรีบไปไหนคร้าบบบบบ อยู่กับไอ้ธูปก๊อนนนนนน อย่าทิ้งธูปปายยยยยยย

"เออ จริงด้วยสิคุณผมก็ลืมไปเลย ธูปป๊าไปก่อนนะลูก" พ่อไอ้พี่พายกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาด้วยท่าทางสง่างามทันทีก่อนจะหันมาบอกลาผม ทำเอาผมยกมือไหว้ท่านทั้งสองแทบไม่ทัน  "พายแกดูแลน้องดีๆละ ป๊าไปก่อนเดี๋ยวไม่ทันงาน" จะไปยังไม่วายหันมาสั่งเพชรฆาตให้ลงทัณฑ์ธูปอีกเหรอครับ อย่าไปย้ำมันครับคุณพ่อ

"หึ ผมจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยครับป๊าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก" คุณพ่อเป็นห่วงไอ้ธูปเถอะครับธูปขอร้อง แมร่งน้ำเสียงจริงจังฟังแล้วขนลุกซู่เลยกู เหมือนเห็นนรกอยู่ร่ำไร ตายแน่ไอ้ธูปตายแน่ๆ

พอคุณพ่อกับคุณแม่ของไอ้พี่พายเดินออกพ้นจากห้องไปความเงียบก็บังเกิดขึ้น ความวังเวงมันก็เริ่มคืบคลานเข้ามา ความกดดันพุ่งตรงแสกหน้าไอ้ธูปทันที และผมว่าความซวยมันจะกำเนิดเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้แน่ๆๆๆ

มันมาแล้วครับมันเดินมาทางผมแล้วครับ

"อย่าหันหน้าหนีกูได้มะ"  กูจะมองท้องฟ้า มองอากาศก็ผิดอีก แมร่ง

ผมหันหน้าไปจ้องหน้าไอ้พี่พายแถมด้วยถลึงตาใส่มันแถมไปอีก ช่วยกลัวกูหน่อยเถอะพ่อคุ๊ณ

"มึงกำลังประชดกูอยู่ใช่ไหมเนี่ย"  โว้ย เอาใจยากสุดๆ ผมป่วย ผมเจ็บ คุณต้องตามใจผมสิวะ ทำไมผมต้องมาทำตามใจคุณด้วยวะเนี่ย

"กลับไปเหอะไป อยากอยู่คนเดียว" ผมหันหลังให้ไอ้พี่พายก่อนจะโบกมือไล่มันไปให้พ้นๆ

"กูต้องอยู่ดูแลมึง ไม่ได้ยินที่ป๊ากูบอกไง" แหมเกิดจะเป็นคนดีขึ้นมาเชียวนะพ่อคุณ กูรู้สันดานมึงหรอกน่าว่ามึงจะหาเรื่องแกล้งกูอ่ะ

"กูอยากอยู่คนเดียว" ผมย้ำอีกครั้ง

"กูเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วก็ค่าห้องที่มึงนอนอยู่เนี่ย ดังนั่นกูมีสิทธิ์จะอยู่" มึงอยากอยู่งั้นมึงอยู่ไปเลย แมร่งแล้วใครขอร้องให้มึงพากูมาที่นี่วะ ค่าห้องแพงพอๆกับโรงแรมห้าดาวเลย (แต่เสียงประตูหลอนกูชะมัดเลย) แล้วกูจะเถียงอะไรได้ล่ะ ก็ยอมจำนนฟ้าดินนอนเงียบๆเหมือนคนเป็นใบ้ต่อไป ขืนพูดอะไรไม่ถูกใจแมร่งจะอ้างเรื่องเป็นคนจ่ายค่านั่นค่านี้อีก น่ารำคาญ

"........"  คลุมโป่งแมร่งเลยกู ไอ้ธูปขอตัดขาดจากโลกภายนอก

"ไม่เถียงต่อแล้วไง" กูยอมถอยให้มึงแต่มึงก็ยังไม่ยอมหยุดนะ จะหาเรื่องกูให้ได้เลยใช่มะ

ผมเลิกผ้าห่มออกจากตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากก่อนจะจ้องหน้าไอ้พี่พายเขม็ง 


"มึงจะเอายังไงกับกูว่ามาเลย กวนตีนกูอยู่ได้ น่ารำคาญ!!"  กูเหลืออดแล้วนะมึง

"อย่ามาขึ้นเสียงใส่กู!!" แล้วทีมึงว๊ากใส่หน้ากูล่ะ

"โว้ยอะไรนักหนาวะ ในเมื่อมึงกับกูต่างคนต่างก็ไม่ชอบหน้ากันอยู่แล้วจะมาอยู่ใกล้กันทำไม จะไปไหนก็ไปดิไป๊!!" แมร่ง อันนั่นก็ไม่ได้ไอ้นี่ก็ไม่เอา กูหายใจมึงยังผิดเลยมั้ง หงุดหงิดเว้ย!!


"มึงคิดว่ากูอยากอยู่ไง ป๊ากูสั่งหรอก"  เถียงคำให้ตกฟาก เดี๊ยะๆ

"ทุกทีกูไม่เคยเห็นมึงจะเชื่อ ทำไมตกบันไดสองสามขั้นสมองกลับรึไงถึงได้ทำตัวเป็นลูกที่ดีได้อ่ะ" คิดว่าจะสงบปากสงบคำนอนเฉยๆแล้วนะ แต่ไม่ไหวจริงๆขอด่ามันหน่อยเถอะ

"ถ้าป๊ากูไม่เอาเรื่องประมูลโครงการมาขู่กู กูก็ไม่มาดูแลมึงหรอก" ไอ้พี่พายมันพูดจบก็เดินไปนั่งไขว่ห้างที่โซฟาเอื้อมมือไปหยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมาอ่านเหมือนเดิม   แล้วมึงจะลุกมาหาพระแสงอะไรครับลุกมาแล้วก็ต้องกลับไปนั่งเหมือนเดิม


"หึ งั้นมึงกลับไปเหอะเดี๋ยวกูบอกพ่อมึงเอง" นี่กูยอมลดตัวไปช่วยมึงแล้วนะ


"กูต้องเชื่อมึง" เอ๊าไอ้นี่ กวนตีนกูซะงั้น

"โว้ย!! ตามใจมึงเหอะจะอยู่ก็อยู่ไป อย่ามายุ่งกับกูก็แล้วกัน แมร่งเวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย"  โอ๊ยไอ้ธูปอย่างจะบ้าตาย

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัดจังหวะสงคารมย่อมๆระหว่างผมกับไอ้พี่พายตามมาด้วยเสียงเปิดประตูสยองขวัญ (แอ๊ดดดดดดด) เผยให้เห็นร่างบางในชุดสีขาวสะอาดตา (นางพยาบาล) เดินเข้ามาก่อนที่คุณเธอจะหยุดฝีเท้าพร้อมเหลือบสายตาแอบมองไอ้คนที่นั่งอ่านนิตยสารไม่สนใจโลกอยู่ที่โซฟาแวบนึง จึงหันมาสนใจผมที่นอนเน่าอยู่ที่เตียง กว่าจะสนใจกูได้ไม่รอให้กูถอดเฝือกซะก่อนล่ะ

"วัดไข้หน่อยนะคะ" ปรอทเสียบเข้าที่รักแร้ทันทีที่พูดจบ สายรัดที่อยู่ที่แขนเพื่อตรวจวัดชีพจร สายตานางพยาบาลหันกลับไปมองไอ้คนที่นั่งอยู่บนโซฟา โดยที่มืออีกข้างก็บีบๆปั้มๆไอ้เครื่องตรงหน้าโดยไม่ได้สนใจผมเลย

"คุณครับ เลือดที่แขนผมไม่เดินแล้วมั้งครับ" ผมร้องบอกคุณพยาบาลที่ยังคงจ้องไอ้พี่พายเหมือนจะจับกินเข้าไปทั้งตัวก็ไม่ปาน คุณเธอตกใจก่อนจะหันมาขอโทษขอโพยผมซะยกใหญ่ กว่าจะวัดชีพจรเสร็จเล่นซะแขนชาไปทั้งแถบ

"อีกสักครู่ดิฉันจะยกอาหารเย็นมาให้นะคะ" คุณพยาบาลเธอว่าก่อนจะส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้ไอ้พี่พายอีกรอบก่อนจะนำอุปกรณ์การแพทย์ออกจากร่างกายผม คุณเธอค่อยๆย่างก้าวออกจากห้องไปอย่างช้าๆเหมือนใครไปกดปุ่ม Slow ที่เท้าคุณเธอ ถ้าจะเดินช้าขนาดนี้ ผมว่าเจ๊ คลานออกไปจะดีกว่านะครับ


ว่าแต่ไอ้หน้าที่ยกถาดอาหารนี่มันหน้าที่ของพยาบาลเหรอวะ  ผมสงสัยได้ไม่นานถาดอาหารก็มาอยู่ตรงหน้าพร้อมกับนางพยาบาลคนเดิมที่เดินนวยนาดยิ้มโชว์ฟันขาวมาให้ไอ้พี่พาย (ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยสักนิด) คุณเธอบริการจัดแจงเอาถาดอาหารวางบนโต๊ะแล้วเข็นมาให้ผมถึงเตียง บริการเปิดรินน้ำใส่แก้วให้อีกเสร็จสรรพ สมแล้วที่ค่าห้องค่ารักษามันแพงหูฉีก บริการดียิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวซะอีก นี้ถ้าเคี้ยวให้ผมได้คุณเธอคงทำไปแล้ว


"คนไข้มือเจ็บ ให้ดิฉันป้อนไหมคะ" ถามผมแต่ทำไมสายตามองไปยังไอ้คนที่นั่งอยู่ที่โซฟาวะ เฮ้ยสนใจผมหน่อยเดะผมมีตัวตนนะเว้ย

"ไม่ต้องเดี๋ยวผมดูแลเอง" ไอ้พี่พายพูดแต่ไม่ได้เงยหน้าจากนิตยสาร นิ่งได้อีกพ่อคุณ

"คุณพยาบาลป้อนผมก็ได้ครับ"  ให้ไอ้พี่พายป้อนกูสำลักข้าวต้มตายก่อนพอดี

"อะ เอ่อ คือ"  คุณพยาบาลใบ้รับประทานไปเรียบร้อยแล้วครับ นี่ผมช่วยให้คุณได้นั่งจ้องไอ้พี่พายนานๆแล้วนะช่วยสนองตอบรับความหลังดีของผมหน่อยเถอะครับ

"ออกไป อย่าให้ต้องพูดซ้ำ" ไอ้พี่พายเงยหน้าขึ้นมองคุณพยาบาลตาขวาง  สาดมึงจะโหดไปไหนครับ ขนาดคุณพยาบาลคนสวยมึงยังไม่เว้นเลย ดุยังกะหมา

"ค่ะๆออกไปเดี๋ยวแหละค่ะ" คุณพยาบาลวางช้อนลงในชามข้าวต้มก่อนจะพุ่งออกจากห้องไปด้วยความไวแสง ผิดกับตอนมาวัดไข้ผมราวฟ้ากับดิน

ไอ้พี่พายมันวางนิตยสารลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผม  กูเห็นนะว่ามึงแอบแสยะยิ้มอ่ะมึงต้องแกล้งกูแน่ๆเลย

ผมรีบคว้าช้อนในชามข้าวต้มทันทีเพราะไม่ไว้ใจมันแต่ด้วยสังขารที่ไม่เอื้อทำให้มือขวาที่มีเฝือกอ่อนอยู่หยิบช้อนได้ไม่ถนัดและมันก็หล่นลงไปในชามเหมือนเดิม เฮ้อ อนาถชีวิตตัวเองจริงๆ

ไอ้พี่พายเดินมาคว้าช้อนข้าวต้มไว้ในมือก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆแต่แววตามันแวววาวเหมือนกำลังเจอเรื่องสนุกๆ ไอ้เลวไอ้ชั่วอย่าบอกนะว่ามึงจะแกล้งกันอ่ะ

มันตักข้าวต้มมาพูนช้อน แถมด้วยควันที่ลอยอยู่จางๆ "อ้าปาก" ช่วยรบกวนเป่าให้กูก่อนได้ไหมครับ ไม่รู้สึกเลยเหรอว่าข้าวต้มมันร้อนอะ ขนาดกูอยู่ตรงนี้กูยังรู้เลยว่ามันร้อน ดูควันดิระอุเชียว

"มันร้อน"  ผมรีบร้องบอก เพราะไม่อยากให้ลิ้นตัวเองพอง กินเข้าไปมีหวังสุกยันลำไส้อ่ะผมว่านะ "เป่าก่อนดิวะ"

"เรื่องมากงั้นแดกเองแล้วกัน" มันวางช้อนลงชามดังเดิมก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟา

อ้าวไอ้เลว มาแค่นี้อ่ะนะ นี่มึงกำลังแกล้งกูใช่ไหมเนี่ย

ผมไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ในเมื่อมือขวาใช้การได้ไม่ถนัดก็ยังมีมือซ้ายอยู่จะไปกลัวอะไร ผมใช้มือซ้ายหยิบช้อนข้าวต้มขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล ค่อยๆตักข้าวต้มมาทีละน้อยก่อนจะเป่าให้คลายร้อนและยัดเอาปากอย่างเร็วด้วยความหิว แต่ละคำนำพาความลำบากและความเจ็บแปลบๆมาให้ แต่ใครสนก็ผมหิวอ่ะในเมื่อไม่มีใครช่วยผมและแขนผมก็ไม่ได้ขาด แรงก็ยังมีไม่ต้องไปง้อให้มาช่วยหรอกครับ ตักข้าวใส่ปากกินเองก็ได้วะถึงแมร่งจะลำบากไปหน่อยก็เหอะ แอ๊ดดดดดดดด (ผมว่านะโรงพยาบาลน่าจะเอาตังค์ค่าห้องค่ายาไปซื้อน้ำมันมาหยอดประตูเถอะธูปขอร้อง)


"ยังทานข้าวอยู่เหรอครับ" ผมหันไปมองตามเสียงที่ได้ยินก็ประสบพบเจอกับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หล่อราวเทพบุตร ผิวขาว สวมแว่นตา ใส่เสื้อกาวน์ (คุณหมอนั่นเอง) คุณหมอเดินยิ้มอารมณ์ดีมาที่เตียงก่อนที่คุณพยาบาลจะเลื่อนโต๊ะที่วางชามข้าวต้มของผมออก

คือ ผมยังกินไม่อิ่มเลยนะครับ

"ขอหมอดูข้อมือก่อนนะครับแล้วค่อยทานต่อนะ" เสียงนุ่มๆเสียงแล้วเคลิ้มมากๆพูดบอกผม ซึ่งผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ รีบๆตรวจเถอะครับผมจะได้ทานข้าวต่อ ธูปหิวจนจะแดกควายได้อยู่แล้วครับ

คุณหมอตรวจๆจับๆถามโน้นนี่นั่นสักพักก่อนจะจดอะไรหยิกๆลงในชาร์ตประวัติผู้ป่วยแล้วยื่นชาร์ตนั่นให้คุณพยาบาลที่ยืนยิ้มหวานให้ไอ้พี่พาย (คุณพยาบาลที่โดนไอ้พี่พายไล่ออกไปนั่นแหละครับ) ก่อนจะหันมาคุยกับผม

"คุณธรรณ์พยายามอย่าขยับมือข้างขวาถ้าไม่จำเป็นนะครับ เพราะกระดูกมันยังไม่เข้าที่ มีอะไรสงสัยไหมครับ"

"ไม่มีครับ เอ่อคุณหมอครับแล้วผมจะออกจากโรง'บาลได้เมื่อไหร่อ่ะครับ" ให้นอนอยู่อย่างนี้น่าเบื่อโคตรๆ

"อยากกลับบ้านแล้วเหรอครับ" ผมพยักหน้าจนคอแทบหลุด

ใครบ้างอยากนอนโรง'บาลวะ

"ขอหมอดูอาการอีกสักสองสามวันนะครับเพราะถ้ากลับบ้านไปหมอเกรงว่าคุณธรรณ์อาจจะยังใช้มือข้างนี้ไม่สะดวก เพราะกระดูกจะไม่ติด" สรุปไอ้ธูปต้องนอนเน่าอยู่โรง'บาลอีกสองสามวัน เฮ้อ ถอนหายใจอีกแล้วกู

"U_U"

"อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวกระดูกไม่ติดกันนะ"  เกี่ยวไรกันวะกูทำหน้าเศร้าแล้วมันเกี่ยวกับกระดูกไม่ติดหรอวะ ตรรกะแปลกๆพอๆกับน้องเค้กเลย

"ครับๆ" ผมยิ้มรับแกนๆ

"อืมถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ" คุณหมอว่าแล้วก็เดินยิ้มอารมณ์ดีออกจากห้องไป เหลือก็แต่คุณพยาบาลคนสวยนั่นแหละครับ ที่ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเคร่งครัด คุณเธอลากโต๊ะที่วางชามข้าวต้มมาให้ผมที่เตียง ก่อนจะยืนยิ้มหวานส่งไปให้ไอ้พี่พายที่นั่งจ้องหน้าผมเขม็ง กูทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย

"เสร็จรึยัง" ไอ้พี่พายลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาที่เตียง


"สะ เสร็จแล้วค่ะ"  คุณพยาบาลตอบ


"........" ส่วนไอ้ธูปนอนตายอยู่บนเตียงเหมือนเดิม

"เสร็จแล้วก็ออกไป"  มึงนี่ก็โหดคงเส้นคงวาจริงๆ

"ค่ะๆ"  คุณพยาบาลหน้าซีดทันทีก่อนจะจรลีลี้ภัยออกจากห้องไปอย่างเร็ว

"จะนอนหรือจะกินข้าว" ว๊ากใส่กูเพื่อ?

"กินข้าวดิ หิวจนจะแดกควายได้ทั้งตัวแล้ว" ผมว่าก่อนจะจับช้อนตักข้าวต้มขึ้นมาแต่ไอ้พี่พายมันกลับแย่งช้อนผมไปถือไว้  แมร่งอย่าบอกนะว่ามึงจะแย่งข้าวกูกินอ่ะ

ไอ้พี่พายมันเอาช้อนที่มีข้าวต้มเอาในนั่นมาจ่อที่ปากผม โดยไม่พูดอะไรส่วนผมก็มองช้อนข้าวต้มสลับกับมองหน้าไอ้พี่พายด้วยความงง มันจะมาไม้ไหนวะ เริ่มระแวงมึงแล้วนะเนี่ยโคตรจะระแวงเลยขอบอก

"จะกินข้าวหรือจะมองหน้ากูเลือกเอาสักอย่าง"  มึงพูดเฉยๆก็ได้ไม่ต้องดันช้อนมาชนปากกูหรอกไอ้พี่พายช้อนมันโดนฟันกู กูเจ็บ

ง้ำ

ผมงับช้อนข้าวต้มตรงหน้าก่อนจะรีบเคี้ยวรีบกลืนเพราะข้าวต้มคำต่อไปมาจ่อรออยู่ที่ปากแล้วครับ โอ๊ย จะเอาช้อนมาดันฟันกูเพื่อ? ไม่ต้องรีบป้อนกูขนาดนั้นช้าๆก็ได้กูเคี้ยวไม่ทันครับ

"แค่กๆ  มึงจะรีบป้อนกูทำไมเนี่ย กูกินไม่ทัน" โว้ยชีวิตไอ้ธูปเมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากราหูสักทีวะ

"อย่าบ่นกินๆเข้าไป มึงควรจะดีใจนะที่กูป้อนข้าวมึงอ่ะ" ความภาคภูมิใจที่กูควรจะบันทึกไว้ในความทรงจำใช่ไหมเนี่ย  ถุยเถอะครับมันน่าจดจำตรงไหนวะ

"งั้นมึงควรจะดีใจนะที่กูผู้ชายคนแรกที่ได้นอนกับมึง ฮ่าๆๆ" ไอ้พี่พายหน้าตวัดสายตามองผม จนผมต้องหุบปากลงทันที แหมทำเป็นโกรธกูก็แค่ล้อเล่นเฉยๆทำเป็นเครียดไปได้ แต่ดูแล้วครั้งนี้ผมชนะก๊ากๆๆ

เถียงสู้กูไม่ได้อ่ะดิโด่วนึกว่าจะแน่

ไอ้พี่พายวางช้อนลงในชามอย่างแรงจนน้ำข้าวต้มกระเฉาะมาโดนแขนผมดีที่มันไม่ร้อนแล้วไม่งั้นมีเฮแน่นอน มันยืนจ้องหน้าผมเขม็งถ้ากระโดดงับหัวผมได้คาดว่ามันคงทำไปแล้ว

"ดูมึงจะภูมิใจมากเลยนะที่ได้นอนกับกูเนี่ย" มึงช่วยขยายรูปประโยคเมื่อครู่ด้วยครับ กูกลัวใครได้ผ่านมาได้ยินเขาจะตีความหมายไปผิดๆ

"หน้ากูดูภูมิใจรึไง" โดนมึงจูบต้อนรับอรุณขนาดนั้น เอาจริงๆผมก็สยองนิดๆนะตอนที่นึกถึงภาพเหตุการณ์วันนั้นอ่ะ แหวะข้าวต้มกูขึ้นมาอยู่ที่คอหอยแล้วครับ

"ก็นะหน้ามึงมันบ่งบอกว่าภูมิใจมากมายจนปิดไม่อยู่" มึงตอแหลเถอะ

"แหม่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของมึงกูก็ต้องภูมิใจดิว่ะ" อย่าคิดจะมาเกรียนแข่งกับกู กระดูกคนละเบอร์ครับพี่น้องครับ

"........"

"หน้ามึงโคตรตลกเลยวะ ฮ่าๆ อ่อนจริงๆมึงอ่ะ" ไอ้พี่พายมันทำหน้านิ่งๆกอดอกมองผมอยู่ข้างเตียง ส่วนผมก็ได้ใจหาเรื่องล้อเลียนมันต่อไปโดยไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามา

"มึงจะหยุดพูดได้รึยัง" พอมันเถียงผมไม่ได้มันก็เล่นบทโหดใส่ผม เหอะคิดว่าผมกลัวรึไง คนมันกำลังได้ใจผมจึงใส่รัวเข้าไปไม่ยั้ง


ไอ้พี่พายมันเปลี่ยนจากหน้านิ่งๆโหดๆมาทำหน้าโรคจิตใส่ผม มันบีบไหล่ผมทั้งสองข้างอย่างแรงแล้วกดร่างผมลงกับเตียงก่อนจะ........







จูบผม





ไอ้พี่พายมันจูบผมอีกแล้ววววววววววว

หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๘ ฝากให้เธอช่วยดูแล ๗/๕/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-05-2015 06:47:12
อุ๊ยตาย!รีไรท์ใหม่ ครั้งนี้ทำไมรู้สึกนุงธูปมันกวนๆขึ้น รึมันเป็นของมันอยู่แล้ว เอะรึยังไง เค้างง ฮ่าๆๆๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๘ ฝากให้เธอช่วยดูแล ๗/๕/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 08-05-2015 19:47:31
 o14 o14 o14 o14 o14 o14 o14 o14 o14 o14 o14 o14 o14
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๘ ฝากให้เธอช่วยดูแล ๗/๕/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-05-2015 22:58:52
เคยอ่านเมื่อนานนนนมาละ เอากลับมารีใหม่ ช๊อบชอบบ มาไวๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๘ ฝากให้เธอช่วยดูแล ๗/๕/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-05-2015 09:37:34
ไรเนี่ย.....ขอเค้ารึยัง
อยู่ๆมาจับน้องธูปจูบหน่ะห๊ะคุณพี่ว๊าก
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๙ เรื่องเข้าใจผิด ๑๘/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 18-07-2015 23:05:08
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๙ เรื่องเข้าใจผิด



ผมดิ้นเหมือนปลาที่กำลังโดนทุบหัว มือใหญ่พอๆกับอุ้งตีนหมีนั่นกดไหล่ผมให้จมไปกับเตียง มันโถมร่างลงมาทาบทับตัวผมเอาไว้ให้หมดทางหนี และมันก็ไม่ลืมที่จะพยายามเอาลิ้นเข้ามาสำรวจในปากของผมอีกด้วย ส่วนตัวผมเองก็กัดปากแน่นจนเลือดไหลซิบๆออกมาอีกทั้งยังต้องพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากสถานการณ์บ้าๆนี้อีก สภาพผมคงทุเรศสิ้นดีขออย่าให้ใครเปิดประตูเข้ามาเห็นฉากนี้เลยนะครับ ไอ้ธูปไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว

"อื้มมมมม" เสียงครางต่ำๆของมันเพราะโดนขัดใจ ก่อนที่มือหนานั่นจะบีบคางผมให้อ้างปากออกจนมันสามารถส่งลิ้นเข้ามาในปากของผมได้สำเร็จ

มันทั้งดูดทั้งดุนลิ้นผมจนเจ็บไปหมด มือมันคลายแรงบีบที่คางของผมก่อนจะกลับมากดที่ไหล่ผมเหมือนเดิม  ส่วนผมก็พยายามดิ้นหนีจูบที่น่ารังเกียจของมันแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะข้อมือผมก็เจ็บและไหนจะตัวมันที่ใหญ่พอๆกับหมีขั้วโลกเหนือที่ทาบทับลงมาทั้งตัวนั่นอีก

จูบกูขนาดนี้มึงแอบชอบกูอยู่ใช่ไหมเนี่ยบอกกูมาซะดีๆ กูว่ากูเริ่มชินกับการที่มีผู้ชายมาชอบแล้วนะ แต่โดนจู่โจมแบบนี้บอกตรงๆไอ้ธูปไม่ชิน

พอไหล่ของผมเป็นอิสระเพราะมือของมันกำลังลูบไล้ลงไปอยู่ที่หน้าท้องของผมอยู่  ผมจึงรวมรวบแรงทั้งหมดที่มีผลักหน้าอกไอ้เชรี้ยพี่พายให้ออกห่างจากตัว

"โอ๊ย!!" แหกปากร้องลั่นห้องสิครับจะรออะไรอยู่ล่ะ ก็มือที่ใส่เฝือกอ่อนคือมือข้างเดียวกันกับที่ใช้ผลักไอ้หื่นตรงหน้า คงเพราะออกแรงผลักมันมากไปหน่อยเลยรู้สึกเสียวแปลบๆที่ข้อมือ จะเป็นหนักกว่าเดิมรึเปล่าวะเนี่ย

ไอ้หื่นตรงหน้าผมก็นะ แมร่งจูบซะติดลมบนเลยนะมึง ช้ากว่านี้กูเสียตูดซ้ำสองให้มึงแน่ๆ

ไอ้พี่พายทำหน้าตกใจสติวิ่งกลับเข้าร่างฉับพลัน มันผงะออกจากตัวผมยืดตัวตรงก่อนจะมองหน้าผม เอิ่ม เรียกว่าจ้องเขม็งเลยจะดีกว่า มองกูขนาดนี้ไม่แดกกูเข้าไปเลยล่ะครับแหม่

มันใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำลายที่มุมปากของมัน ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงเข้ามาหาผมที่นอนดิ้นไปมาพลางกุมข้อมือตัวเองอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวด ไม่เอาแล้วนะไม่กูจูบแล้วนะพอเถอะ กูขนลุก กูสยอง

มันก้มหน้าลงมากระซิบที่หูผม  "จำไว้ที่หลังมึงอย่ามาลองดีกับกู"

=_=!! ครับ ไอ้ธูปจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยครับ ว่าคนอย่างมึงฆ่าให้ตายได้แต่เกรียนใส่ไม่ได้

ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปอีกเลย เพียงแต่ผลิกตัวหันหลังให้มันเพื่อที่จะไปกดปุ่มฉุกเฉินที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเพื่อเรียกคุณพยาบาลให้เข้ามาดูข้อมือของผม แต่ผมก็ช้ากว่าอีกคนที่โน้มตัวข้ามผ่านตัวผมไปกดปุ่มที่ว่านั่นเรียบร้อยแล้ว

ทำไมมึงไม่เดินอ้อมไปกดล่ะเว้ยจะโน้มตัวมาทับกูเพื่อ?

"มีอะไรให้ช่วยคะ" เสียงพยาบาลพูดผ่านลำโพง (ผมไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะ)

"คนไข้เจ็บมือ" ไอ้พี่พายมันตอบสั้นๆห้วนๆตามสไตล์ของมัน

"ค่ะ รอสักครู่นะคะ"

คุยกันเสร็จแล้วมึงก็ลุกออกไปสักทีสิวะ จะโน้มตัวคร่อมกูอยู่อย่างนี้ทั้งคืนเลยรึไง

"เสร็จแล้วก็รีบๆลุกออกไปสักทีกูอึดอัด!!" เอ๊าไอ้นี่มองหน้ากูอีก มีปัญหาอะไรกับหน้าหล่อๆของกูเหรอครับ

ไอ้พี่พายมันไม่ลุกไปตามที่ผมบอกแต่มันกลับโน้มใบหน้าของมันลงมาใกล้ๆผม ทำเอาผมตัวแข็งทื่อ นอนตาเหลือกไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

คำพูดที่มาพร้อมกับลมร้อนๆที่กระซิบเบาๆที่ข้างหู แต่คำพูดของมันกลับดังก้องจนได้ยินชัดเจน

"มึงว่าข้าวต้มโรงพยาบาลมันหวานไปไหมวะฮ่าๆๆ"

มึงพูดอารายยยยยยยย

ข้าวต้มบ้านพ่องมึงสิหวาน จืดสนิทไร้รสชาดขนาดนั้น มันหวานตรงไหนวะ

ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูช่วยชีวิตผมเอาไว้

แอ๊ดดดดดดด (แต่เสียงประตูยังหลอนได้ใจกูเหมือนเดิม)

"อุ๊ยขอโทษค่ะ" เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นที่หน้าประตู ก่อนที่ไอ้พี่พายมันจะผละออกจากตัวผมช้าๆไม่เร่งรีบแล้วเดินไปยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ส่วนผมก็นอนรอให้เตียงมันสูบผมให้หายไปจากตรงนี้ ผมเห็นสายตาคุณพยาบาลแล้วผมกลัวฉิบหายเลยวะ

"จะยืนมองอีกนานไหม" โหดจริงอะไรจริง โหดเสมอต้นเสมอปลายเลยพ่อคุณ

คุณพยาบาลกุลีกุจอรีบเข้ามาดูข้อมือของผมทันทีส่วนไอ้พี่พายมันก็ยืนทำหน้าโหดกดดันอยู่ข้างๆ จนคุณพยาบาลแกมือไม้สั่นไปหมด พูดไปสั่นไปจนผมอดสงสารไม่ได้

"อย่าพยายามขยับข้อมือข้างนี้มากนักนะคะ เดี๋ยวกระดูมันจะเคลื่อนแล้วอาจจะต้องผ่าตัดนะ" ขู่กูอยู่ใช่ไหมเนี่ย T_T กูเชื่อนะ

"ครับ" ผมตอบรับอย่างไวพร้อมกับยิ้มให้คุณพยาบาล "เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ" อดถามไม่ได้เมื่อเห็นว่าคุณเธอยืนจ้องหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นปริศนาที่ชวนให้เสียวสันหลังวาบ

คุณพยาบาลเธอก้มลงมากระซิบเบาๆที่หูผม "แฟนคุณดุจังเลยนะคะ แต่ก็น่ารักดีดูเค้าหวงคุณจัง ฉันล่ะอิจฉา"

ใครแฟนกูวะ

"คะ ใครแฟนผมเหรอครับ" ผมถามกลับไปด้วยความสงสัย

"แหม อย่าเขินไปเลยค่ะ แค่เห็นดิฉันก็รู้แล้วล่ะค่ะว่าคุณสองคนเป็นแฟนกัน" เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วครับ

คุณพยาบาลกำลังจะคิดไปไกล เกินกว่าที่ผมจะดึงกลับมา

"เขาไม่ใช่แฟนผมครับ" ผมโบกไม้โบกมือพยายามปฏิเสธ ส่วนไอ้พี่พายมันแค่ยืนกอดอกมองดูอยู่เฉยๆ ช่วยกูได้มากจริงๆ

"อย่าอายไปเลยค่ะ ผู้ชายรักกันน่ารักออก" คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ยแม่คุณ ฟังผมพูดบ้างเถอะครับ

"เสร็จรึยัง" คุณพยาบาลคุยกับผมอยู่ดีๆแต่กลับมีสายซ้อนแทรกเข้ามาซะก่อน ทำเอาคุณเธอหน้าเจื่อนไปเลย

"สะ เสร็จแล้วค่ะ" เธอหันไปตอบไอ้พี่พาย

"เสร็จแล้วก็ออกไปสิ คุยอะไรกันนักหนา" แล้วมึงจะยุ่งอะไรด้วยวะ กูกำลังช่วยมึงปฏิเสธข้อกล่าวหาที่คุณพยาบาลกำลังเข้าใจผิดอยู่นะเว้ย

"ขี้หวงจริงๆเลยอะ เนอะ" เนอะอะไรครับคุณพยาบาล แล้วยิ้มนั่นหมายความว่าอย่างไรมาอธิบายก๊อนนนนนนนน อย่าเพิ่งไปสิครับ คุณพยาบาลเดินหันหลังออกจากห้องไปด้วยสภาพลอยๆเหมือนคุณเธอกำลังเต้นบัลเล่ต์อยู่ท่ามกลางทุ่งข้าวสาลี ไม่ได้สนใจผมที่อ้าปากค้างกวักมือเรียกเธออยู่เลยสักนิด กูว่างานนี้แมร่งรู้กันทั้งวอร์ด ดีไม่ดีรู้ทั้งตึก

จินตนาการของผู้หญิงไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ =_=

"กูไปโทรศัพท์เดี๋ยวมา" ไอ้พี่พายมันบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไป

แล้วมันจะมาบอกผมทำไมวะ ผมไม่ได้อยากรู้ว่ามันจะไปไหนมาไหนเลย ต่างคนต่างอยู่น่ะดีแล้ว

หลังจากไอ้พี่พายออกไปได้สักพักผมก็ลุกขึ้นจากเตียงเพราะรู้สึกเบื่อๆที่ต้องนอนอยู่ในห้องนานๆ เลยคิดว่าจะออกไปเดินยืดเส้นยืดสายข้างนอกสักหน่อย ผมหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์บนโต๊ะมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อและเดินลากเสาที่แขวนขวดน้ำเกลือเดินออกมาจากห้อง ก้าวเท้าออกมายังไม่ทันจะพ้นประตูห้องก็พบเจอกับสายตากรุ้มกริ้มของคุณพยาบาลทั้งวอร์ดที่มองผมเป็นตาเดียว (กูว่าแล้วแมร่งรู้ทั้งวอร์ด) ถ้าจะมองกันขนาดนี้เดินเข้ามาถามกันเลยดีกว่าไหมครับ มองซะเสียวสันหลังวาบ

ผมก้มหน้าก้มตาเดินเข้าลิฟท์ไปโดยพยายามทำเหมือนคุณพยาบาลทั้งหลายเป็นธาตุอากาศลงลิฟท์มายังชั้นที่ทางโรงพยาบาลเค้าจัดไว้เป็นเหมือนกับสวนพักผ่อนอ่ะครับให้สำหรับคนไข้และญาติผู้ป่วยหรือแม้แต่บุคลากรของทางโรงพยาบาลเองมาใช้บริการได้เช่นกัน ผมเดินลากเสาน้ำเกลือไปยังเก้าอี้ยาวตัวสีขาวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับน้ำพุ หย่อนก้นลงนั่งทอดสายตาออกไปยังเบื้องหน้า รู้สึกดีกว่าอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆเป็นไหนๆ

"ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ" กำลังคิดอะไรเพลินๆก็ต้องหลุดจากภวังค์ของตัวเองหันกลับไปมองตามเสียงที่ได้ยิน

คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้ของผมถือแก้วกาแฟชื่อดังราคาแพงที่ผมไม่กล้าซื้อกินยืนยิ้มเฉ่งอยู่ข้างๆ  "เชิญครับ" ผมบอกก่อนจะขยับให้คุณหมอนั่งลงข้างๆกัน

"ขอบคุณครับ" คุณหมอกล่าวขอบคุณ  "แล้วคุณธรรณ์มาคนเดียวหรอครับ" แล้วคุณหมอเห็นใครอยู่กับผมรึเปล่าล่ะครับ

"เออ ครับ" คิดอีกอย่างแต่จำต้องพูดอีกอย่าง ขืนพูดตามที่คิดกลัวจะได้กินยำจากคุณหมอ

"แล้วแฟนคุณธรรณ์ไปไหนซะล่ะครับ ปล่อยให้ลงมาคนเดียวได้ไง"

ใครเป็นแฟนกูอีกวะเนี่ย

"แฟนผม??"

"ก็คุณพีระไงครับ" แล้วไอ้พีระนี่มันใครวะ

คุณหมอคงเห็นผมทำหน้าเป็นหมางงเลยเฉลยข้อข้องใจให้

"ผู้ชายที่อยู่ในห้องกับคุณไง อย่าบอกนะว่าไม่ใช่แฟนกันผมไม่เชื่อหรอก ก็พยายบาลเขาพูดกันทั้งวอร์ด" คุณหมออย่าพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแบบนั่น ผมขนลุกครับ แล้วอะไรพยาบาลพูดกันทั้งวอร์ดคืออะไร นี่รู้กันไปถึงไหนแล้วเนี่ย ทำไมมันระบาดไวกว่าเชื้ออีโบล่าอีกล่ะครับ

และกรุณาอย่าเข้าใจผิดคิดไปเอง เพราะผมกับไอ้พี่พายไม่มีทางเป็นแฟนกันได้หรอกครับ เพราะผมไม่นิยมผสมพันธุ์กับหมาบ้า

"เขาไม่ใช่แฟนผม คุณหมอเข้าใจผิดแล้วครับ" ผมบอก  "ผมกับเขาเกลียดขี้หน้ากันจะตายไป"

"เกลียดกัน" คุณหมอทำหน้าสงสัย

"ครับไม่เคยพูดดีๆกันสักครั้ง อีกอย่างผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย"

คุณหมอดูดกาแฟราคาหลายร้อยบาทในมือก่อนจะหันมามองผมพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก

"แต่คนนอกอย่างผมมองเป็นอีกอย่างนะครับ"

"คุณหมอคงตาฟาดอ่ะครับถ้ามองว่าผมกับเขาเป็นคนรักกัน" คุณหมอพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด "เขาเป็นพี่เขยของน้องชายผมอ่ะครับ" ผมบอกความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้พี่พายที่มีศักดิ์แค่พี่เขย ระหว่างเราไม่มีทางเป็นได้มากกว่านี้แน่นอนไอ้ธูปฟันธง

"อ่อ" คุณหมอพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่ผมบอก

"เฮ้ออออออ" ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งหลังจากที่เราทั้งคู่นั่งเงียบๆกันมาพักใหญ่

"มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ"  คุณหมอถาม

"คือ คุณหมอไม่คิดว่ามันแปลกๆเหรอครับ"

"แปลก อะไรแปลกครับ"

"คุณหมอกับคุณพยาบาลต่างก็ทักว่าผมกับไอ้เอ่อเขาคนนั้นเป็นแฟนกันทั้งๆที่เราสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่"

คุณหมอหันมายิ้มให้ผม  "คุณธรรณ์จำกัดความของคำว่ารักไว้แบบไหนล่ะครับ" คุณหมอถาม  "ถ้าคุณธรรณ์คิดว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงแล้วนั่นเรียกว่าความรัก ผมว่ามันไม่ใช่นะ"

"ทำไมอ่ะครับ ธรรมชาติสร้างมาให้ผู้ชายมันก็ต้องคู่กับผู้หญิงอยู่แล้ว"

"ความรักมันไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศหรอกครับ รักก็คือรักมันคือเรื่องของหัวใจ"

"สำหรับผม ผมว่ามันแปลกๆอยู่ดี แค่พูดก็ขนลุกแล้ว" ผมยกมือลูบแขนตัวเอง

คุณหมอหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดต่อ "หมอก็ไม่เคยมีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกันนะครับ แต่น้องชายหมอเขามีแฟนเป็นผู้ชายนะ ซึ่งหมอก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน เขาก็ทำทุกๆอย่างที่คนรักกันเขาทำกัน หมอว่าถ้าคุณธรรณ์ลองเปิดใจมองความรักให้กว้างๆคุณธรรณ์ก็จะเห็นโลกในอีกแบบนึงนะครับ"

"แล้วความรักแบบนี้มันจะยั่งยืนหรอครับคุณหมอ ผมมองว่ามันก็แค่ความรักฉาบฉวย บางคนก็แค่อยากลองของแปลก" ผมคิดแบบนี้จริงๆนะ มันไม่ยั่งยืนหรอก ชายรักชายน่ะ

"ทุกวันนี้ก็ยังมีคนหย่าร้างกันอยู่เลยนะครับ ไม่มีอะไรมาการันตีได้หรอกครับว่าความรักแบบไหนมันจะยั่งยืนกว่ากัน สำหรับหมอรักก็คือรัก" คุณหมอหันหน้ากลับไปมองยังเบื้องหน้า ปล่อยให้ผมคิดตามในคำพูดของคุณหมออยู่คนเดียว

ผมรู้สึกสบายใจนะครับที่ได้คุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกับคุณหมออาจเพราะเราไม่รู้จักกันมาก่อน หรือเพราะเราคือคนแปลกหน้าเลยทำให้ผมกล้าที่ถามหรือแม้แต่พูดในสิ่งที่คิดออกไปเพราะถ้าเป็นกับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวผมคงไม่กล้าพูดเรื่องนี้ ยิ่งมารู้ว่าไอ้แมนเมืองมันคิดไม่ซื่อกับผมด้วยยิ่งแล้วใหญ่ผมยิ่งจะปิดปากเงียบไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับใคร กลัวและระแวงไปเสียทุกอย่างบอกตรงๆผมโคตรจะหลอนเลย

ว่าแต่ผมจะมาสนใจเรื่องนี้ทำไมวะ ผมก็ไม่คิดจะมีแฟนเป็นผู้ชายอยู่แล้วนี่หว่า จะมาเครียดไปทำไม เฮ้อไอ้ธูปมึงบ้าไปแล้ว คิดอะไรวะเนี่ย

Rrrrrrrrr

ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆโทรศัพท์ผมก็ดังขัดจังหวะซะก่อน  ผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาพอเห็นเบอร์คนที่โทรเข้ามาเท่านั่นแหละครับผมก็แทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งทันที

'แมนเมือง'

"ไม่รับหรอครับ" คุณหมอหันมาถาม

"ไม่อ่ะครับ" ผมตอบก่อนจะกดตัดสายไป

Rrrrrrrrrr


มันก็ยังกระหน่ำโทรมาเหมือนเดิม

ช่วยเข้าใจหน่อยว่ากูไม่อยากรับสายมึง

คุณหมอหันมายิ้มให้ผม "เค้าอาจจะมีธุระสำคัญก็ได้นะครับ"

ผมเกรงใจคุณหมอเพราะเสียงโทรศัพท์มันดัง (ทำไมไม่ปิดเสียง) ผมจึงตัดสินใจกดรับทั้งๆทีไม่พร้อมจะคุยกับมันเลยสักนิด

"มึงอยู่ไหนธูปกูตื่นมาไม่เห็นมึงกูโคตรห่วงมึงเลย แล้วก่อนหน้านี้ใครรับโทรศัพท์มึงวะ" ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้แมนเมืองก็ใส่รัวมาทันที

"อยู่โรง'บาลมึงมีธุระอะไรป่ะไม่มีแค่นี้นะ" ผมตอบกลับไป

"อยู่โรง'บาลมึงเป็นอะไรใครทำอะไรมึง และโรง'บาลไหนเดี๋ยวกูจะรีบไปหา"

"ไม่ต้องกูไม่อยากเห็นหน้ามึงตอนนี้" กูยังทำใจไม่ได้

"มึงโกรธกูเรื่องที่ไอ้วินมันทำให้มึงเจ็บตัวใช่ป่ะวะ กูขอโทษตอนนั้นกูเมากูช่วยอะไรมึงไม่ได้ อย่าโกรธกูนะธูป"

"พูดเหมือนมึงไม่ได้ทำกูด้วยอย่างนั้นแหละ" ถ้ามึงไม่ได้ทำกู แล้วทำไมมึงต้องนอนแก้ผ้าด้วยวะ

"มึงก็รู้ว่ากูรักมึง กูจะทำร้ายมึงได้ไงวะธูป"
ไอ้แมนพูดอะไรเนี่ยกูขนลุกเหอะ

"มึงเห็นว่ามันทำกูแล้วทำไมไม่ช่วยกู"  มึงรักกูจริงเปล่าวะ

"กูเมาเดินเองยังไม่ไหวเลย ไอ้ฝรั่งเพื่อนน้องมึงมันมาช่วยแบกกูไม่งั้นกูคงได้นอนอยู่ในรถอ่ะ"

"ไอ้วินมันทำกูคนเดียวงั้นสิ" เพราะกูจะได้คิดบัญชีกับมันคนเดียว

"เอ่อดิวะ แต่ธูปมึงจะไปว่ามันก็ไม่ถูกนะเว้ย มึงก็รู้ว่ามึงเมาแล้วเป็นไง" กูเมาแล้วกูเป็นยังไงวะ

"แล้วมึงก็ยืนดูมันทำกูเนี่ยนะ" ไอ้เพื่อนเลว

"กูขอโทษ แต่ตอนกูตื่นมากูต่อยมันให้มึงแล้วนะธูป"

แล้วมันทดแทนสิ่งที่กูเสียไปได้ไหมวะ

"แค่นี้นะกูไม่อยากคุยกับมึงแล้ว" ผมกดตัดสายก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อจะกลับห้อง อารมณ์เสียกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ

"จะกลับแล้วเหรอครับ มาผมช่วย" เอ่อผมลืมคุณหมอไปเลยนี่หว่า

"ขอบคุณครับ" ผมบอกก่อนที่คุณหมอจะช่วยลากไอ้เสาน้ำเกลือให้ผม

ผมกับคุณหมอเดินเข้าไปในลิทฟ์ด้วยกัน พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนถึงชั้นที่ผมอยู่ ลิฟท์เปิดออกผมก็ต้องตะลึงกับเสียงไอ้พี่พายที่มันว๊ากใส่คุณพยาบาลทั้งวอร์ด เสียงดังไม่เกรงใจใครจริงๆ มารยาทมันติดลบเข้าขั้นรุนแรงจนเกินจะสั่งสอนได้แล้ว

พอไอ้พี่พายมันหันมาเห็นผมเท่านั้นแหละครับมันก็เดินฉับๆมาหาผมทันที ทำไมต้องทำหน้าโหดใส่กูด้วยอะ แล้วมึงจะแดกหัวคุณหมอรึไงดูทำหน้าเข้า

"ไปไหนมา!!" จะตะโกนหาพ่องมึงหรอครับ

"ยุ่งไรด้วยวะ" กูยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่นะเว้ย

"กูถามก็ตอบมา อย่าเดินหนีกู" ไอ้พี่พายเดินมากระชากแขนผม อืม มึงลืมไปรึไงว่าข้อมือกูเจ็บอยู่ กรุณาอย่ามาซ้ำรอยแผลเก่า

"ขอโทษนะครับค่อยๆคุยกันจะดีกว่านะครับ" คุณหมอเข้ามาห้ามศึกระหว่างผมกับไอ้พี่พาย

"ไม่ใช่เรื่องของคุณอย่ายุ่ง" เขาหวังดีกลัวกูตายมึงก็ไปว่าเขาอีกนะ

"ครับผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของผม แต่คุณธรรณ์เป็นคนไข้ในความดูแลขอผม ดังนั่นผมมีสิทธิ์" เงิบไปเลยสิมึง สมน้ำหน้า

"คุณธรรณ์ครับเดี๋ยวหมอพากลับห้องนะ" คุณหมอว่าก่อนจะเดินมาแทรกกลางแล้วช่วยลากเสาน้ำเกลือพาผมเดินกลับห้อง

ส่วนไอ้พี่พายมันก็เดินกระฟัดกระเฟียดตามมา หน้าตาเหมือนเด็กที่โดนแย่งของเล่นประมาณนั่นแหละครับ ไม่รู้ใครทำมันอารมณ์เสียแล้วก็มาลงที่ผม สันดานเสียจริงๆกูไม่ใช่ถังขยะไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของมึงนะเว้ย

"ส่งกันเสร็จรึยัง คนไข้ต้องการพักผ่อน" แหนะมึงรู้ดีกว่าตัวกูอีกเนอะ

คุณหมอหัวเราะหึหึก่อนจะหันมายิ้มให้ผม "แฟนคุณนี้ดุเอาเรื่องเลยเนอะ พักผ่อนเยอะๆนะครับ" หมอครับอย่าเพิ่งไปรอผมอธิบายก่อน หมอเฮ้ย หมอกำลังเข้าใจผิดนะครับ กลับมาก๊อนนนนนนนนนน

ผมอ้าปากพะงาบๆมองตามไอ้พี่พายที่เดินตามหมอไปที่ประตูก่อนที่มันจะกดล็อค เฮ้ย แล้วมึงจะล็อคห้องทำไมวะ

"มึงล็อคห้องทำไมอะ"

มันเดินกลับมาหาผมที่เตียงก่อนนะโน้มตัวลงมาใกล้ๆผม "มึงไปไหนมา" กูถามมึงไม่ใช่ให้มึงมาถามกูกลับ ไอ้บ้า

"กูถามมึงก่อนนะ" แล้วมึงจะก้มหน้าลงมาใกล้ๆกูทำไมเนี่ย

"ไปไหนมา" พูดเป็นอยู่คำเดียวไงวะ

"กูไม่จำเป็นต้องตอบมึง" เอาดิคิดว่าจะบังคับกูได้เหรอ โด่วกูไม่กลัวมึงหรอกโว้ย

ไอ้พี่พายมันทำหน้านิ่งพูดเสียงโทนเดียว  "ไม่ตอบกูจูบ"

จูบพ่องงงงงง

"กูลงไปนั่งเล่นที่สวนชั้นล่างมา แล้วๆเจอคุณหมอเขาก็เลยขอมานั่งด้วยก็แค่นั่นเอง" กูไม่ได้กลัวนะแต่กูรำคาญมึงถามเซ้าซี้

"หึ" ไอ้พี่พายมันหัวเราะ "ก็แค่เนี่ยต้องให้กูขู่"

"มึงมันก็ดีแต่ขู่นั่นแหละหว่า" ยังกูยังปากดีได้อยู่

"มึงท้ากู"

"เปล่ากูไม่ได้ท้ามึงเลยนะ" ส่ายหัวจนคอแทบหลุด

"แล้วคุยอะไรกัน" มึงจะมานั่งสอบสวนอะไรกูหนักหนาวะ

"ก็คุยไปเรื่อยอ่ะ"

Rrrrrrrrr


ใครโทรมาหากูอีกวะเนี่ย

ผมมองเบอร์ที่ปรากฏอยู่ในโทรศัพท์

เบอร์แปลก

ใครวะ

"กดรับสักทีกูรำคาญ" เร่งกูจัง กูกำลังวิเคราะห์อยู่เว้ยว่าเบอร์ใคร

"ฮัลโหล"

"ธูปนายอยู่ไหน"

"ใครครับเนี่ย"

"วิน"

กูไม่อยากคุยกับมึง โทรมาทำไมวะ

"มึงเอาเบอร์กูมาจากไหน"

"กูเอามาจากโทรศัพท์ไอเมืองแมนอ่ะ" แมนเมืองเว้ยเรียกยังเรียกผิดเลยมึง

"แค่นี้นะเว้ยกูไม่ว่างคุย" ผมกำลังจะกดวางแต่ไอ้วินมันดันพูดแทรกเข้ามาซะก่อน

"กูขอโทษที่ทำกับมึงแบบนั่น แต่กูไม่มีทางเลือกนะธูปมึงต้องเข้าใจกูนะ"

"เข้าใจมึงจะให้กูเข้าใจว่าไง มึงทำได้ไงวะไอ้วินกูพี่ชายเพื่อนมึงนะสัด" กูว่าจะลืมแล้วนะแต่ทำไมพอนึกถึงเท่านั้นแหละแมร่งจำได้ทันทีเลย

"ธูปมึงอยู่ไหนกูอยากขอโทษ กูอยากอธิบายอ่ะกูอยากคุยกับมึงนะ"


"กูไม่อยากคุยกับมึงตอนนี้วะ แค่นี้นะเว้ยเออแล้วไม่ต้องโทรหากูอีก จะให้ดีอย่ามาให้กูเจออีกเลย" ผมกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะดึงเอากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋าเสื้อออกมาวางไว้ด้วย

ผมทิ้งตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผากจริงๆถ้าเอาเท้าขึ้นมาก่ายได้ผมคงทำไปแล้ว เฮ้อเหนื่อยใจวะ

"ใครโทรมา" เฮ้อ ผมลืมไอ้ตัวที่ทำให้ผมเครียดอันดับหนึ่งไปได้ไงวะ

"ไม่มีอะไรหรอก"

"กูถามก็ตอบ"

"จะอะไรกับกูนักหนาวะ กูอยากอยู่เงียบๆคนเดียวมึงเข้าใจไหม" ก้อนสะอึกมันมาจุกอยู่ที่คอกูแล้วนะ

"กูถามว่าใครโทรมา" ไอ้พี่พายมันเขย่าไหล่ผมจนหัวสั่นหัวคอน เอ่อ เขย่าจนเครื่องในกูไหลมารวมกันแล้วมั้ง

"โว๊ะ" ผมปัดมือมันออก  "ไอ้คนที่มันเอาตูดกูมันโทรมาขอโทษที่ทำแบบนั้นกับกู พอใจรึงยังว่ะ" ผมจ้องหน้าไอ้พี่พายเขม็ง

"ใครมันเป็นใคร" ไอ้พี่พายมันนั่งห้อยขาลงบนเตียงหันหน้าเข้าหาผม

"พอเหอะกูไม่อยากพูดถึง กูจะนอนแล้ว" ผมกำลังจะล้มตัวลงนอนแต่ไอ้พี่พายมันดันจับแขนผมเอาไว้ซะก่อน

"กูถามว่ามันเป็นใคร"

"กูบอกแล้วไงว่าไม่อยากพูดถึง" จะเซ้าซี้กูอีกนานไหมวะ  "โอ๊ยกูเจ็บนะเว้ย" ไอ้พี่พายมันบีบแขนผมอย่างแรง

"มึงเป็นเกย์หรอ"  ตรงไหนที่กูดูเหมือนเกย์ครับ

"ผู้ชายเหอะ" แมนๆเจะบอลเลยอย่างกูเนี่ย เกย์ตรงไหนครับ

"แล้วทำไมมึงยอมให้มันเอา"

กูไม่ได้ยอมเว้ย โดนตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

"กูเมาไม่รู้เรื่อง ตื่นมาก็มีผัวแล้ว และมึงจะให้กูทำไง" ย้ำอยู่ได้กูอยากลืมมึงก็ฟื้นฝอยหาตะเข็บจัง

"มึงมัน.....โว้ย!!" ไอ้พี่พายมันลุกขึ้นโวยวายก่อนจะเดินออกจากห้องไป

มึงเป็นอะไรวะ

กูงง

มึงจะมาหงุดหงิดใส่กูทำไม คนโดนเอาน่ะกูไม่ใช่มึง แล้วมึงจะมาโวยวายทำไมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๐ ควักหัวใจออกมาเอาออกมาพิสูจน์ ๑๘/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 18-07-2015 23:06:07
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๑๐ ควักหัวใจออกมาเอาออกมาพิสูจน์


หลังจากที่ไอ้พี่พายมันเดินกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องไปทิ้งให้ผมงุนงงสงสัยว่ามันเป็นอะไรทำไมต้องโมโหขนาดนั้น ผมพยายามคิดสะระตะต่างๆนาๆว่ามันโมโหเรื่องอะไร แต่คิดเท่าไหร่ผมก็คิดไม่ออกจนสุดท้าย

ช่างแม่รง

ผมไม่คิดให้ปวดกบาลแล้วมันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมันเหอะไม่เกี่ยวอะไรกับผมสักนิด ปล่อยมันบ้าไปคนเดียวผมไม่ยุ่งด้วยดีที่สุด

แอ๊ดดดดดด

เสียงเปิดประตูมาพร้อมกับร่างสูงที่เดินเนื่อยๆคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง (ประหนึ่งว่ามันโดนไล่ออกจากบ้าน AFอย่างนั่นแหละ กูยังจะเล่นมุก =_=) มันปรายตามองผมแวบเดียวไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ (ไวมากๆ) ก่อนจะสาวเท้าเดินไปนั่งลงที่โซฟา มันนั่งไขว้ห้างเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับหลับตาปิดกั้นการรับรู้ทุกสิ่งอย่าง

ผมนั่งมองการกระทำของมันอย่างงงๆจนอดรนทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถามมันออกไปเพราะต่อมเผือกของผมเริ่มทำงานแล้ว  "เป็นไรวะ"

ไอ้พี่พายมันยังนั่งนิ่งไม่ขยับ ไม่พูด ไม่หายใจ (ใช่เวลาเล่นไหมไอ้ธูป)

"เฮ้ยได้ยินไหมเนี่ย มึงเป็นอะไรวะ" ผมเพิ่มคำพูดลงไปในประโยคคำถามให้มันยาวขึ้น (เพื่อ?) แต่ผลก็เหมือนเดิม คือมันยังคงนั่งหลับตานิ่งไม่ไหวติง มันทำเหมือนกับคำพูดของผมเป็นอากาศที่ลอยเข้าหูมันแล้วก็ลอยออกไปไม่มีความหมายอะไร ประมาณว่าเข้าหูหมาทะลุหูควาย มันนิ่งเหมือนตายไปแล้วแต่ก็ยังหายใจอยู่ ประมาณเนี่ยล่ะครับ =_=

ผมรำคาญไอ้พี่พายจึงลุกลงจากเตียงไม่ลืมที่จะลากไอ้เสาน้ำเกลือติดมือมาด้วย

แกร๊กๆๆๆ

เดินไปหยุดตรงโซฟาที่มันนั่งหลับ (ตา) อยู่ ผมก็ไม่รู้ตัวเองรู้เหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจไอ้คนตรงหน้าด้วย เพราะมันทำตัวแปลกๆหรอ............... หรือเพราะมันเหมือนมีเรื่องกลุ้มใจหรอ.............. ผมไม่รู้อ่ะ ผมรู้แต่ว่าผมไม่ชอบให้ใครมาเงียบใส่ผมเวลาที่ผมถามหรือคุยด้วยก็เท่านั้นไม่มีอะไรมากกว่านี้แน่นอน

เชื่อผมสิ อย่าทำหน้าอย่างนั้นผมพูดเรื่องจริง

ผมหย่อนตูดนั่งลงบนโซฟาข้างๆไอ้พี่พายซึ่งโคตรจะลำบากเลย ไหนจะเสาน้ำเกลือที่มันเกะกะ ไหนจะสภาพผมที่เหมือนคนทุพพลภาพอีก กูจะเดินมาหามึงให้ลำบากตัวเองเพื่ออะไรวะเนี่ย

"มึง" เอื้อมมือไปสะกิดมันก็ยังนั่งนิ่ง วิญญาณมันออกจากร่างรึเปล่าวะ อย่างนี้ผมต้องเชิญคุณริวจิตสัมผัสปะเนี่ย

"ตายหรือยังวะ นิ่งเชียว" สาบานได้ว่าผมไม่ได้เกรียนใส่มันนะครับ

"ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดมึงนั่นแหละที่จะตาย" สาสสสสสส ทำเป็นโหดแมร่งโหดตั้งแต่ต้นเรื่องยันตอนนี้มึงก็ยังโหดอยู่อีก โหดไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆพ่อคู๊ณณณณณ

ไอ้พี่พายมันลืมตาขึ้นมาเหล่ผม ย้ำว่ามันแค่เหล่ตามองผมจริงๆ มึงจะมองให้มันเต็มๆตาไม่ได้รึไงวะ แมร่งอารมณ์เสีย

"มีไร" มันถาม

"มึงเป็นไรวะ" ที่ถามเนี่ยไม่ได้เป็นห่วงมันนะ แค่ต่อมเผือกมันเริ่มทำงานแค่นั้นเอ๊ง

"เกี่ยวไรกับมึง" ตอกกูซะหน้าหงายไปไม่เป็นเลย

"เออ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกูหรอก กูก็แค่เป็นห่วงนึกว่ามึงเป็นอะไรแมร่งไปก็ได้วะ" ผมลุกขึ้นยืนด้วยความฉุนเฉียว กำลังจะเดินกลับไปที่เตียงแต่ไอ้พี่พายมันดันคว้าแขนผมเอาไว้ซะก่อน

"เดี๋ยว!!"  มึงจะว๊ากกูทำไมเนี่ยอยู่ใกล้กันแค่เนี่ย วู้!!

"อะไร!!" กระชากเสียงใส่ให้มันรู้ไปเลยว่ากูกำลังโกรธมึง

"มึงเป็นห่วงกู" อะไรของมันวะ อารมณ์ไหนเนี่ย

"อะไร มึงพูดเรื่องอะไรวะกูงง" จะยกมือเกาหัวประกอบอาการงง ก็ทำไม่ได้หรอกครับเพราะมือข้างที่มีเข็ม (น้ำเกลือ) เจาะอยู่ไอ้พี่พายมันจับไว้ ส่วนอีกข้างก็เข้าเฝือกอยู่ เฮ้อช่างมันเถอะครับแค่หน้าผมไอ้พี่พายก็คงดูออกแล้วมั้งว่าผมงงจริงๆๆๆ

"มึงโง่หรือมึงความจำเสื่อมวะ"  มีข้ออื่นที่ดีกว่าสองข้องนี้ให้กูเลือกป่ะ   "ก็มึงเพิ่งบอกกูเมื่อกี้นี้ว่ามึงห่วงกู"  กูบอกตอนไหนวะคิดไปเองทั้งนั้น

"กูบอกตอนไหน"  ผมมองที่แขนตัวเอง  "แล้วมึงจะจับแขนกูอีกนานไหม ปล่อยได้แล้วมั้ง" เกาะเป็นเห็บหมาเลยนะมึง

ถ้าไอ้พี่พายเป็นเห็บหมา ผมก็ต้องเป็น.......

ไอ้พี่พายมันปล่อยแขนผม ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมันอีกตั้งหน้าตั้งตาลากเสาน้ำเกลือ (แมร่งเหมือนอวัยวะชิ้นที่33เลยวะ) เดินไปที่เตียงด้วยทันที ผมหย่อนก้นลงบนเตียงจัดแจงร่างกายและไอ้เสาน้ำเกลือให้มันเข้าที่เข้าทาง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน

แต่ผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ  "เฮ้ย!!มึงขึ้นมานั่งบนเตียงกูทำไมวะเนี่ย" ก็พี่แกเล่นขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงพร้อมทำหน้าตาหาเรื่องผมแบบจริงจัง ย้ำว่าจริงจังจริงๆครับ

กูทำอะไรให้มึงโกรธอีกวะเนี่ย


"มึงเป็นห่วงกู??" อะไรครับมึงเป็นอะไรอีกเนี่ย ไปเช็คสมองชั้นล่างก่อนไหม ไอ้ธูปเริ่มจะงง แรมกูยิ่งต่ำๆอยู่ มึงช่วยพูดอะไรให้มันเคลียร์ๆหน่อยได้ไหมอ่ะ

"เออๆกูห่วงมึง.....ก็ได้วะ" พูดไปจะได้จบเรื่องจบราวกูจะได้นอนสักที เพลียกับมึงมานานแล้ว

"ทำไมต้องมี ก็ได้ ด้วยวะ" มันยังไม่จบ มันคงคิดว่าตัวมันเป็นเจ้าหนูจาไมรึไงวะ มึงจะสงสัยอะไรหนักหนาครับ

"โอเคกูเป็นห่วงมึงจบไหม" ผมตอบมันกลับไป  "กูจะนอนแล้วง่วง"  ผมทิ้งตัวลงนอนเพราะรำคาญมัน แต่ผมรู้ซึ้งเลยว่าผมทำผิดมหันต์

เพราะ............

ไอ้พี่พายมันทิ้งตัวตามลงมาทับผมทันทีเหมือนกัน โอโนวววววววว มึงทำอารายยยยยยยยกูวะเนี่ยยยยยยย

"มึงเล่นบ้าอะไรเนี่ย" มึงจะก้มหน้ามาใกล้ๆกูทำไม แค่นี้กูก็หนีไม่รอดแล้วมั้งมึงจะกดไหล่กูให้เจ็บเพื่อ?

"มึงเป็นห่วงกูแปลว่ามึงต้องคิดอะไรกับกู" ทำไมมึงต้องทำเสียงแหบพร่าขนาดนั้นด้วยอ่ะ กูสยองมากกว่าจะสยิวนะเว้ย

"เออ กูคิด" คิดว่ากูโคตรจะเกลียดมึงเลย

ผมพูดได้แค่นั่นแหละครับเพราะไอ้พี่พายมันปิดปากผมด้วยปากมันทันทีที่ผมพูดจบ มึงจะสอดลิ้นเข้ามาทำไมวะ ผมพยายามหลบลิ้นของไอ้พี่พายที่มันพยายามจะเชิญชวนลิ้นผมให้ไปเกี่ยวพันกับลิ้นของมัน ขอโทษ (ลิ้น) กูไม่ใช่ง่ายๆนะเว้ย

"อืมมมมมม" เสียงใครครางวะ เสียงครายยยยยย ไม่ใช่เสียงกูใช่ไหม ไม่น่าใช่นะ หรือใช่วะ

ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่พายมันขึ้นมาทับตัวผม (บนเตียง) ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมันปล่อยให้ไหล่ผมเป็นอิสระตั้งแต่ตอนไหน ผมรู้ตัวอีกทีแขนของผม (ข้างที่มีเข็ม) เจาะอยู่ก็โอบรอบคอไอ้พี่พายเรียบร้อบแล้ว จะยกอีกข้างก็เกรงใจเพราะมันติดเฝือก มันยกไม่ขึ้นจริงๆ

ว่าแต่ทำไมสภาพกูตอนนี้มันเหมือนกูจะเป็นเคะน้อยๆเลยว่ะ

แค่กูมีผัว (แบบไม่รู้ตัว) คืนเดียวและครั้งเดียว (รึเปล่า) ไม่จำเป็นว่ากูจะต้องเคะเสมอไปนี่หว่า


เฮ้ย!!มันใช่เวลาคิดเรื่องเคะเรื่องเมะรึเปล่าวะเนี่ย

ผมดันไหล่ไอ้พี่พาย (เบาๆเพราะกลัวมือเจ็บ) ก่อนจะร้องบอก   "พะ พอ หยู๊ดดดดด" ไม่ต้องมาทำหน้าตาหงุดหงิดใส่กูเลย

"มีอะไร" ใช้สมองคิดรึเปล่าครับที่ถามออกมาเนี่ย แล้วมึงไม่ต้องทำเสียงกระเส่าขนาดนั้นกูขนลุกเหอะ

"กะ ก็มึงมาจูบกูทำไมเล่า" เสียงกูสั่นไปนะ

"จูบไม่ได้?" เอ๊าไอ้นี่กูลูกมีพ่อมีแม่นะเว้ยเฮ้ยไม่ใช่นึกจะจูบก็จูบบ้าเปล่าวะ

"เออสิ แล้วมึงมาจูบกูทำไมมึงเป็นเกย์รึไงห๊ะ" ถ้าอย่างมึงเป็นเกย์กูบอกเลยว่าขายดีแน่นอน

"กูก็กำลังพิสูจน์อยู่นี่ไง"  พิสูจน์อะไรของมันวะ

"พิสูจน์อะไรวะ"

ไอ้พี่พายมันก้มหน้าลงมากระซิบเบาๆที่หูผม ริมฝีปากของมันโดนหูผมอย่างตั้งใจทำเอาขนลุกซู่กันเลยทีเดียว  "ก็พิสูจน์ว่ากูกำลังจะเป็นเกย์รึเปล่ายังไงล่ะ"

สาสสสสสสส กูไม่ใช่หนูทดลองนะเว้ย แล้วกูก็ไม่ใช่เกย์ด้วย

"เชิญมึงไปพิสูจน์กับคนอื่นเลยไป๊!! อย่ามายุ่งกับกู ชิ้วๆ" ผมผลักไอ้พี่พายให้ออกห่างจากตัวผม นี่ถ้าผลักมันออกไปจากชีวิตผมได้ผมก็จะทำนะ แต่มันทำไม่ได้ไงเพราะแค่ผมผลักมันให้ออกห่างจากตัวมันยังไม่กระดิกเลย ยังคงนั่งหน้ามึนอยู่บนเตียงเหมือนเดิม

"กูรู้สึกแบบนี้กับมึงแค่คนเดียวกูก็ต้องพิสูจน์กับมึงแค่คนเดียว" เหตุผลเหมือนจะดีแต่โทษทีกูไม่เคลิ้ม

มันกำลังบอกชอบผมรึเปล่าวะ ทำไมคำพูดมันฟังดูแปลกๆ ชอบกล

"แต่กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึง" ถึงตูดกูจะเคยผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่กูก็แมนนะเว้ย   "กูชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชาย" อย่ามายุ่งกับกูเลยนะต่างคนต่างอยู่เหอะเดี๋ยวกูทำบุญกรวดน้ำไปให้ นะๆๆๆๆ

"กูก็ชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนกัน" ไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วพี่จะมาจูบผมทำไมล่ะครับ

"แต่ที่มึงจูบไปเมื่อกี้น่ะผู้ชายนะเว้ย" แถมหล่อซะด้วย (ใช่เวลาเล่นไหมไอ้ธูป)

"แล้วไงวะ" ผมพูดไม่เคลียร์หรือไอ้พี่พายมันไม่เข้าใจ

"มึงนี่มัน" ผมมองหน้ามันอย่างระอา "อะไรมองกูทำไม"

"เปล่า"

"แล้วมึงจะพิสูจน์อะไร" เปลี่ยนเรื่องทันทีครับเพราะผมไม่อยากพูดเรื่องจูบบ้าบออะไรนี่แล้ว

"พิสูจน์ว่ากูชอบผู้ชายรึเปล่า" ตรงมากครับพี่น้องครับ หรือกูคิดผิดที่เปลี่ยนเรื่องวะ

"มึงก็ไปพิสูจน์กับคนอื่นดิวะ"

ไอ้พี่พายถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย "ก็กูเพิ่งบอกไปไง ว่ากูรู้สึกแบบนี้กับมึงแค่คนเดียวแล้วมึงจะให้กูไปพิสูจน์กับใคร"

ยังไงๆมึงก็จะเอากูให้ได้ใช่ไหม

"ตั้งแต่เมื่อไหร่" ที่มึงคิดไม่ซื่อกับก้มงามๆของกูอ่ะ

"ไม่รู้เหมือนกัน"

แล้วกูจะรู้ไหมครับ
 
"อ้าว"

"เอาเป็นว่ากูรู้สึกแปลกๆกับมึงโอเครไหม"

"ไม่โอเคร"


"มึงนี่เข้าใจอะไรยากนะ" ด่ากูโง่ป่ะเนี่ย



"มึงช่วยอยู่ให้ห่างจากกูเลยนะ อย่ามาพิสูจน์ห่าเหวอะไรกับกูเด็ดขาด" ผมพยายามขยับหนีไอ้พี่พายด้วยความยากลำบาก อนาถชีวิตตัวเองจริงๆ

 
"กูอยู่ห่างมึงแล้วกูจะพิสูจน์สิ่งที่กูสงสัยได้ยังไงวะ" มึงยังจะพิสูจน์อีกหรอ

 
"นั่นมันเรื่องของมึง" ผมเริ่มจะเพลียกับไอ้พี่พายแล้ว

 
"ถ้าเรื่องของกู กูก็จะอยู่ใกล้ๆมึง" หน้าด้านไปนะ

"มึงจะมายุ่งกับกูทำไม" ผมถาม  "มึงก็รู้ว่ากูเพิ่งโดนอะไรมา" ไม่อยากพูดแต่ก็ต้องพูด

"เออ เรื่องนี้ก็อีกที่กูจะถาม" ไอ้พี่พายมันขยับเข้ามาใกล้ผม

"ถะ ถามอะไรวะ"

"ใครทำมึง" อยากให้มาเห็นหน้าตามันตอนนี้จริงๆ น่ากลัวสัดๆ

"กูไม่อยากพูดถึง"

"มันชื่ออะไร" อยากรู้ไปทำไมจะไปขอเคล็บลับวิชารึไงครับพี่น้องครับ

"ถามทำไม มึงจะไปทำอะไรมัน"

"กูจะไปจัดการกับมันไง" เหมือนที่มึงเอาควายไบสันมาจัดการกับกูใช่ไหม

ผมกลืนน้ำลงคออย่างยากลำบาก "อย่าไปยุ่งกับมันเลยวะเรื่องมันแล้วไปแล้วกูไม่อย่างนึกถึง" ผมบอกปัดมันไป จริงๆผมอยากลืมใจจะขาดอย่าขุดมันขึ้นมาอีกเลยนะ ธูปขอร้อง

"มึงติดใจมันรึไงถึงห้ามกูอ่ะ"

"แล้วมึงเป็นอะไรกับกูล่ะ ถึงมายุ่งวุ่นวายด้วยอะ"

เงียบ หลังจากที่ผมพูดออกไปห้องทั้งห้องก็เกิดความเงียบ ถ้าใครสักคนทำเข็มตกลงพื้นผมว่าเราคงได้ยิน

"เออ กูเสือกเอง" พูดจบแมร่งก็เดินออกจากห้องไปเหมือนตอนแรกเริ่มในบรรทัดแรกของตอนนี้เลย

ผมไม่ได้สนใจอะไรมันอยากไปไหนก็ปล่อยมันไป ผมทิ้งตัวลงนอนใช้เท้าเกี่ยวผ้าห่มที่อยู่ตรงปลายเตียงขึ้นมาห่มและหลับตาปิดสวิตช์ในร่างกายและเข้าสู่ห้วงแห่งเวลาของการหลับไหล

บอกตรงๆนะถ้าจะให้ผมคบกับผู้ชายสักคนเป็นแฟนจริงๆอ่ะนะผมขอเลือกไอ้แมนเพื่อนผมดีกว่าเพราะมันตามใจผมทุกอย่าง พูดกับผมดีมากๆไม่เคยขัดใจด้วย และที่สำคัญมันสนิทกับผมมากที่สุดแหละ ส่วนไอ้พี่พายคงจะเป็นคนสุดท้ายบนโลกเลยที่ผมคิดจะคบด้วย แต่เอาจริงๆผมก็ไม่คิดจะคบกับใครอยู่ดีอ่ะ ผมเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงนะครับ

อย่าลืมว่าผมอ่ะแมนๆเตะบอลนะ
.
.
.
.
.
.
ผมรู้สึกเหมือนมีสายตากดดันที่พุ่งมากระทบร่างอย่างจังจนต้องลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบเข้ากับไอ้พี่พายที่ยืนกอดอกจ้องเขม็งมาที่ผม

สะดุ้งเลยสิครับงานนี้ "มะ มองไรว่ะ" ผมถาม

"มองมึงไง" มันตอบแบบกำปั้นทุบดินมากๆ

"ไม่นอนต่อเหรอ มึงเพิ่งหลับไปแป๊ปเดียวเองนะ"

"กูนอนไม่หลับแล้ว" จ้องกันขนาดนี้ใครจะไปหลับลงว่ะ

"นอนไม่หลับแล้วจะทำอะไร ดูทีวีไหม รึว่า....." ไอ้พี่พายมันพูดทิ้งท้ายไว้ให้ผมงงเล่น

"รึว่าอะไร" ผมถามด้วยความสงสัย

"รึว่าจะช่วยกูพิสูจน์เรื่องที่กูสงสัย"

"ไปตายให้หนอนแดกซะไป๊!!" แมร่งอย่ามาทำหน้าหื่นใส่กูนะ กูขนลุกเหอะ

"มึงไม่คิดจะช่วยกูจริงๆหรอวะ"

"ช่วยมึงแล้วกูได้อะไร"

"ได้ชี้ทางสว่างให้กู เผลอๆมึงได้รู้ด้วยว่ามึงชอบแนวไหน"


เหตุผลน่าช่วยมาก

"กูชอบแนว หน้าสวย (ซึ่งมึงห่างไกลมาก) อกอึ๋ม (ไม่ใช่มึงแน่นอน) สะโพกสะบึม (อันนี้ยิ่งไม่ใช่ใหญ่) และที่สำคัญกูชอบผู้หญิง (ซึ่งมึงมีปิกาจูเหมือนๆกับกูแค่คิดก็สยองแล้ว)" ผมบอกแนวของผมให้ไอ้พี่พายมันฟัง
 
 
ไอ้พี่พายมันหัวเราะในลำคอก่อนที่สายตาเล่ห์วิบวับนั่นจะจับจ้องที่หน้าผม มันขยับปากขึ้นลงพร้อมเปล่งเสียงออกมา

 
เสียงที่ผมได้ยินแล้วแทบจะกลั้นหายใจตายอยู่ตรงนั้น
 
 
 
 
"หึ แต่หลังจากนี้มึงจะเปลี่ยนแนวแน่เชื่อกู"

 

เม้มให้เค้าด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๐ ควักหัวใจออกมาเอาออกมาพิสูจน์ ๑๘/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: paiongza1669 ที่ 19-07-2015 00:05:39
พระเอกดุจริง :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๑๑ ไม่เอานะเกรงใจไม่ดีหรอกเกรงใจ ๑๙/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 19-07-2015 12:17:21
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๑๑ ไม่เอานะเกรงใจไม่ดีหรอกเกรงใจ


ผมนั่งมองช่อดอกไม้ในมือด้วยความงงผสมกับความสงสัยระคนความไม่เข้าใจอยู่นานสองนาน ช่อดอกไม้มันดูไม่ธรรมดาเมื่อคนให้ผมมาคือ ไอ้พี่พายมนุษย์เหนือโลกที่ยืนทำหน้าเหมือนกำลังลุ้นล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอยู่ตรงหน้าผม

"ดอกรัก" ผมเงยหน้าจากช่อบูเก้ในมือเลิกคิ้วถามมันด้วยความมึนงง


มึงเอาดอกรักมาให้กูเนี่ยนะ เอามาให้ทำไหม


"เออ ก็ดอกรักไง หรือมึงเห็นเป็นดอกไม้จันทร์เหรอไงวะ" ไอ้พี่พายมันยืนกอดอกตอบผมเหมือนสิ่งที่มันทำเป็นเรื่องที่ใครๆเค้าก็ทำกัน


บูเก้ดอกรัก...........


มึงจะเอามาไหว้กูหรอครับ


ผมก้มมองช่อบูเก้ดอกรักในมืออีกครั้งด้วยความระเหี่ยใจเกินบรรยาย เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไอ้พี่พายมันบอกกับผมว่ามันต้องการพิสูจน์เรื่องบ้าบอคอแตกอะไรของมันเนี้ยแหละครับ ตั้งแต่นั้นมามันก็เริ่มทำตัวแปลกๆกับผม


เริ่มจาก........


มันดู (เหมือน) เอาใจใส่ผมมากขึ้น (กวนตีนมากขึ้นด้วย) มันคอยถามไถ่ผมตลอดว่าจะกินอะไรอยากได้อะไร มันก็หาซื้อมาให้ มันจะคอยกันท่าเวลาคุณหมอหน้าหล่อที่เข้ามาตรวจผม ที่สำคัญมันสแกนโทรศัพท์ของผมทุกครั้งที่มีคนโทรมา (ถ้าเป็นผู้ชายมันจะรับเอง) โดยไม่ถามความเห็นของผมสักนิด ยิ่งผู้หญิงโทรมาไม่ต้องพูดถึงเลยครับมันกดตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่คิดถามผมอีกเหมือนกัน (มันปะทะคารมกับเจ๊ชีสแล้วเถียงแพ้เจ๊แก มันเลยโกรธตัดสายทุกครั้งที่เบอร์เจ๊แกโทรเข้ามา)


ไอ้ธูปเอ๊ยแกช่างอยู่บนโลกนี้ยากขึ้นทุกวันๆแล้วล่ะ


กลับมาที่บูเก้ดอกรักกับไอ้คนให้ดีกว่าครับ


"มึงคิดยังไงวะไอ้พี่พายเอาดอกรักมาให้กูอะ"


"ความหมายมันก็ตรงตัวอยู่แล้วมึงจะถามทำไมวะ"  ความหมายตรงตัว


"กูไม่ใช่พระนะเว้ย มึงจะเอาดอกรักมาไหว้กูหรอ" กูยังไม่คิดจะละทางโลกตอนนี้หรอกนะ


"มึงควายหรือมึงโง่วะ" มึงด่ากูอีกแล้ว  "ดอกรักความหมายมันก็บอกอยู่แล้ว"


"........" ผมอ้าปากพะงาบๆพูดไม่ออก


ไอ้พี่พายมันบอกรักโผ้มมมมมมครับท่านผู้ชม


แต่ความคิดนั่นเป็นอันต้องตกไปเพราะคำพูดต่อมาของมัน ที่พูดบอกกับผม "แต่ตอนนี้กูยังไม่ได้รู้สึกกับมึงขนาดนั้นนะ  มึงเองก็อย่าเพิ่งดีใจไปล่ะ"


ใครวะใครดีใจ กูหรอหน้ากูเหมือนคนดีใจรึไง


"มึงกำลังจะจีบกูจริงๆหรอวะ"


ไอ้พี่พายถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินมานั่งลงบนเตียงข้างๆผม  "เปล่าตอนนี้กูยังไม่ได้จะจีบมึง" อะ อ้าว งงแดกสิครับพี่น้องครับ


"แล้วมึงเอาดอกรักมาให้กูทำไมวะ" สงสัยเหมือนผมไหมครับทุกคน


"ก็กูไม่เคยให้ดอกไม้ใคร" มันก้มมองดอกรักในมือผมพร้อมกับเอามือมาลูบๆที่ช่อของมัน  "กูเลยคิดว่าถ้ากูจะพิสูจน์เรื่องของเรา (มึงกล้าใช้คำว่าเรื่องของเราเลยหรอวะ) กูก็คงต้องเริ่มจากให้ดอกไม้มึงก่อน"


ตรรกะอะไรของมึงวะเนี่ย


"กูไม่เข้าใจวะ มึงอธิบายมาดิ" ถ้าจะเริ่มมึงควรเริ่มจากการลงไปชั้นสองแล้วเช็คสมองนะ


"กูแค่อยากให้แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองก่อน" ไอ้พี่พายมันเงยหน้ามามองผมสายตามันสื่อความหมายมากมายหลายอย่าง "ถ้ากูรู้ความรู้สึกของตัวกูเองเมื่อไหร่........"


ไอ้พี่พายมันหยุดเว้นวรรคคำพูดของมัน ทำเอาผมลุ้นจนตัวโก่งก่อนที่ริมฝีปากสีซีดนั่นจะขยับขึ้นลงพูดคำที่ผมได้ยินแล้วอยากจะกลั้นใจตายวันละสามรอบ


"........ตอนนั้นแหละที่กูจะจีบมึง"


โอ้วมายล็อด ก๊อดช่วยด้วย ไอ้ธูปอยากตาย ให้ควายขวิด ทำไมชีวิตกูมันช่างน่ารันทดขนาดนี้วะเนี่ย ปีชงกูแน่ๆ


"มะ ไม่เอาไม่ต้องมาจีบกู" ผมโยนช่อดอกไม้กลับไปให้ไอ้พี่พายเหมือนกับว่ามันเป็นของร้อนที่ไม่อาจแตะต้องได้


ไอ้พี่พายมันทำหน้าโหดใส่ผมแล้วครับ มันหยิบช่อดอกไม้ (ดอกรัก) ขึ้นมาถือไว้ก่อนที่จะเอามายัดใส่ในมือผมเหมือนเดิม


"มึงกล้าปฏิเสธกูหรอ อยากตายรึไงห๊ะ!!" มึงแน่ใจนะว่ามึงกำลังจะจีบกูไม่ใช่ว่ามึงกำลังจะฆ่ากูอ่ะ


"ละ แล้วทำไมมึงไม่ให้ดอกกุหลาบเหมือนคนอื่นๆเค้าวะ" เปลี่ยนเรื่องอย่างไว เพราะสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มเข้าขั้นวิกฤต


"ต้องเหมือนคนอื่น?"


"......."  ใครๆเค้าก็ให้กันป่ะว่ะ "คือกูไม่เคยเจอใครให้ดอกรักกันเลยสักคน"


"แล้วไงก็กูจะให้ดอกรักอ่ะ มึงมีหน้าที่รับก็รับไปอย่าพูดมากรำคาญ" เอ๊ามีอย่างนี้ด้วยวุ้ย


"กูไม่มีสิทธิเลือกว่างั้น"


"มี" ไอ้พี่พายมันตอบ  "มึงมีสิทธิ์เลือกระหว่างรับดอกไม้จากกูหรือว่า........"


มึงจะหยุดพูดทำไมครับกูลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้ว


"ว่า......" ผมพูดตามมัน


"โดนกูกระทืบ เลือกเอา"


"O_O" โหดกับกูตลอดๆ


.
.
.
.

"ออกไป!!"

"ไม่!!"

"กูบอกให้ออกไป"

"กู-ไม่-ออก"

ผมกับไอ้พี่พายยืนจ้องหน้าใช้สายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใครถ้าเป็นหนังการ์ตูนก็คงมีประกายไฟแปล็บๆออกมาทางสายตานั่นแหละครับ เหตุมันเกิดเพราะผมจะอาบน้ำแต่ไอ้พี่พายมันหวังดีจะอาบให้ (มันบ้าไปแล้ว) ผมเลยต้องมายืนไล่มันเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างที่ทุกท่านเห็นนั่นแหละครับ เฮ้อ!! เกิดเป็นไอ้ธูปนี่มันเหนื่อยจริ๊งจริงๆๆๆ

"กูบอกแล้วไงว่ากูอาบเองได้" ผมยืนกำอวัยวะชิ้นที่33ของตัวเองไว้แน่น (ไอ้เสาน้ำเกลือนั่นแหละครับ) พลางข่มอารมณ์โกรธเอาไว้อย่างสุดชีวิต

"กูก็บอกมึงแล้วไงว่ากูจะอาบให้" มันยังคงหน้าด้านเหมือนเดิม


"กูแขนเข้าเฝือกนะไม่ได้แขนขาด มึงเข้าใจอะไรผิดไปเปล่าวะ" โอ๊ย!!ไมเกรนกูจะขึ้น ทำไมพูดยากพูดเย็นอย่างนี้วะเนี่ย


"อย่าเรื่องเยอะมึงจะอายอะไรวะกูกับมึงก็มีเหมือนๆกันจะต่างกันก็แค่......" สายตาไอ้พี่พายไล่ลงมาจากหน้าผมก่อนจะมาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงของผมอย่างมีเลศนัย

 
"......ขนาด"


"อะ ไอ้" ผมปล่อยมือจากเสาน้ำเกลือก่อนจะยกขึ้นมาชี้หน้าไอ้พี่พายด้วยอาการสั่นเป็นเจ้าเข้าเพราะไม่รู้จะด่ามันคำไหนดีถึงจะสมกับปากหมาๆของมัน


"มึงจะคิดอะไรมากวะ กูอาบน้ำให้มึงก็เพื่อเป็นการฝึกไว้ก่อน พอหลานคลอดออกมากูก็จะได้อาบให้หลานได้ไง" มึงเข้าใจอะไรผิดไปเยอะนะ กูไม่ใช่หนูทดลองนะเว้ยเฮ้ย


"มึงจะออกไปดีๆหรือจะให้กูเอาเสาน้ำเกลือฟาดหัวมึง" กูขึ้นแล้วนะมึง อารมณ์กูมาเต็มแล้วนะ
.
.
.
.
.
.
.
"ยกแขนขึ้น ค่อยๆใส่เข้ามาอย่างนั่นแหละ" ผมยกแขนตัวเองก่อนจะสอดเข้าไปในเสื้อของโรง'บาลโดยมีไอ้พี่พายยืนถือเสื้อให้ผมอยู่ทางด้านหลังและคอยกำกับทุกทวงท่าโดยที่ผมไม่ได้ขอร้องมันเลยสักนิด

"ไม่ต้องกูผูกเองได้" ผมเบี่ยงตัวหลบมือไอ้พี่พายที่กำลังเอื้อมมือมาเพื่อจะผูกเชือกที่เสื้อให้ผม

"จะอายอะไรวะอาบน้ำกูก็อาบให้มึงมาแล้ว เร็วๆมากูผูกให้" ไอ้พี่พายมันไม่ฟังที่ผมพูดมันเดินเข้ามาประชิดตัวผมก่อนจะก้มหน้าก้มตาผูกเชือกที่เสื้อให้

ว่าแต่ผมลืมอะไรไปรึเปล่าวะ   

เฮ้ย!!  อ๊ากกกก   ไอ้พี่พายมึงจะพูดทำไมครับพี่น้องครับกูอุตส่าห์ทำเนียนลืมๆมันไปแล้วนะ ที่นี้คนเค้าก็รู้กันหมดว่ากูกับมึงทำอะไรกันในห้องน้ำ (มันแค่อาบน้ำให้ผมเฉยๆนะครับกรุณาอย่าจิ้นกันไปไกล) โฮกกกก แล้วที่นี่กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะเนี่ย

"ไอ้พี่พายมึงทำดีกับกูแบบนี้กูไม่ชินวะบอกตรงๆ"  เตะกูต่อยกูด่ากูเหมือนเดิมเถอะนะๆ


"กูก็แค่อยากพิสูจน์ว่าความรู้สึกที่กูมีกับมึงมันเป็นความรู้สึกที่มาจากใจกูจริงๆไม่ใช่ความรู้สึกผิดกับสิ่งที่กูเคยทำกับมึง" กรุณาอย่าใช้สายตาแบบนั้นมองกู กูขนลุกเหอะครับ


"แต่กูเป็นผู้ชายไง มึงไม่รู้สึกแปลกๆบ้างหรอ"


"แล้วไงวะ ตอนนี้โลกมันไปถึงไหนกันแล้ว มันหมดยุคที่ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงแล้วเปล่าวะ"


สาดมึงกรุณาอย่าดึงกูให้เดินทางสายสีม่วงกับมึงเลยนะ กูไม่มักทางสายนั้นจริงๆวะ


"แต่มึงเล่นเปลี่ยนไปจากหน้าเท้าเป็นหลังตีนแบบนี้กูไม่ชินอ่ะ"


"นิสัยกูจริงๆก็เป็นแบบนี้ล่ะ" ไอ้พี่พายมันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม มึงยืนใกล้กูไปไหมครับ จะสิงกูรึไงครับ  "ใครที่กูรักกูก็จะดูแลเอาใจใส่ อยากทำโน้นนี่ให้ ก็เหมือนกับที่กูทำทุกอย่างให้ยัยเค้กไง"


"แต่กูไม่ใช่น้องเค้ก" ผมถามด้วยความสงสัย  "แล้วมึงรักกูแล้วหรอ" อย่านะอย่ารักกูนะ กูไม่ต้องการแค่คิดก็สยองแล้วเหอะ


"จะรักหรือไม่รักแล้วไงวะ มึงอย่าเรื่องมากได้ป่ะวะกูทำอะไรให้ มึงก็แค่รับๆไปอย่าพูดมากน่ารำคาญวะ" สาดมีอย่างนี้ด้วยเว้ย


"ต่อให้กูพูดยังไงมึงก็ยังจะทำให้กูเหมือนเดิมใช่ไหม"

 
"เออ"

 
จบเลยครับ มันตอบมาแบบนี้ผมจะไปพูดอะไรได้ล่ะครับ แมร่งมัดมือชกกันนี่หว่า


"มึงไม่มีทางอื่นให้กูเลือกสักนิดเลยหรอวะ" ทางไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ทางสีม่วงอ่ะ กูไม่ต้องการเดินทางเส้นนั่นจริงๆวะ
 


ต่อให้ทางนั่นมันจะโรยด้วยดอกรักในช่อบูเก้ก็เหอะ =_=!!


 
ไอ้พี่พายมันไม่ตอบอะไรผมแต่มันกลับเลือกทางเลือกให้ผมเสร็จสรรพมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัวไอ้พี่พายมันเดินมาแทรกกลางหว่างขาผม ก่อนที่มือมันจะล็อคคอผมและโน้มหน้าเข้ามาพร้อมกับประกบปากผมอย่างแรง สัดปากกูแตกเลยอ่ะไอ้เวรมึงจะซาดิสต์ไปไหนครับจูบปากเคล้าคาวเลือดมันโรแมนติคตรงไหนวะเนี่ย แล้วมึงจะเอาลิ้นเข้ามาทำไม ม้ายยยยยยยยย


"โอ๊ย!!" ไอ้พี่พายแหกปากร้องลั่นมันผละออกจากตัวผมอย่างไว ก่อนจะยกมือกุมที่ปากตัวเอง  "มึงกัดปากกูทำเชี้ยไรวะอยากตายรึไงวะ" แมร่งขู่กูอีก โหดไปนะมึงน่ะ


"แล้วมึงจูบกูทำไมอ่ะ" จูบซะได้เลือดกูก็ต้องเอาคืนดิ

 
"อยากจูบมีไรไหม" หน้าด้านกว่านี้มีอีกไหมครับ

 
ผมยังยืนยันคำเดิม  ใครได้ไอ้พี่พายไปเป็นผัว แมร่งเหมือนตกนรกทั้งเป็น


"มี" ผมตอบมันไปพลางเอามือถูปากไปพลาง แมร่งปากกูบวมเลยสัด  "ปากกูมึงคิดจะจูบก็จูบไม่คิดจะขออนุญาตกูก่อนไง" ไร้ซึ้งมารยาทที่สุดธูปรับไม่ได้อ่ะ คุ๊ณผู้โช้มมมมม

 
 
ไอ้พี่พายกำลังจะอ้าปากเถียง ผมมั่นใจว่ามันต้องเถียง แต่ผมชิงพูดตัดหน้ามันก่อนที่มันจะพ่นคำบ้าๆออกมาจากปากของมัน


"อ้อ แล้วมึงก็ไม่ต้องซื้อไอ้ดอกรักบ้าบออะไรนี่มาให้กูด้วยกูไม่อยากได้ มึงไม่ต้องมาดูแลกู ไม่ต้องมาเอาใจใส่กูเพราะกูไม่ต้องการ"


เหนื่อยนะเนี่ยพูดไม่เว้นช่องไฟเลย


ไอ้พี่พายมันยืนกอดอกจ้องหน้าผม ท่าทางมันไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไป


กูใช้พลังงานเยอะนะกว่าจะพูดรวดเดียวจบอ่ะ ช่วยแสดงท่าทีตกใจหน่อยก็ได้มั้ง


"พูดจบรึยัง" ไอ้พี่พายมันถามผม


"จะ จบแล้ว ทำไมอะ"


"จะได้กินข้าวไง หรือมึงไม่หิวพูดมากซะขนาดนั้นน่าจะหิวนะกูว่า"

 
 
เฮ้ยมันใช่เวลากินข้าวไหม แล้วที่กูพูดไปเข้าหูมึงบ้างป่ะเนี่ย


"ไอ้พี่พายนี่มึงจะไม่ฟังที่กูพูดหน่อยหรอ"  ผมร้องถามเมื่อเห็นไอ้พี่พายมันกำลังจะเดินออกจากห้อง


สุดท้ายมันก็ไม่ฟังที่ผมพูดอยู่ดี
.
.
.
.
.
.
.
"อ้าปาก" มาแล้วครับฮิตเลอร์ในคราบไอ้พี่พายมันมาแล้วครับ

"........."

"มึงจะอ้าปากแล้วแดกข้าวดีๆหรือมึงจะให้กูใช้กำลัง" วู้!!เก่งเหลือหลายเลยนะพ่อคุณ เก่งจริงๆกับคนที่ไม่มีทางสู้อย่างกูเนี่ย

สุดท้ายผมจะทำอะไรได้ก็ต้องนั่งง่อยอ้าปากรอรับข้าวจากไอ้พี่พายที่มันตักมาป้อนให้ถึงที่ บ่นก็ไม่ได้ (เพราะมันไม่ฟัง)


"ไอ้อี๋อายอึงอ๋า......."


"เคี๋ยวให้หมดแล้วค่อยพูด" ดุกูอีก


ผมเคี้ยวข้าวในปากให้ละเอียดก่อนจะกลืนลงคอแล้วเริ่มพูด  "ไอ้พี่พายมึงอย่าทำอย่างนี้เลยวะกูไม่ชินจริงๆนะ"


"นานๆไปเดี๋ยวมึงก็ชินเชื่อกู"


"นานแค่ไหนกูก็ไม่ชิน" ก็มันไม่ใช่ทางผมอ่ะ จะให้ผมชินกับการที่มีผู้ชายตัวใหญ่อย่างกับยักษ์มานั่งป้อนข้าวป้อนน้ำ เอาดอกรักมาให้ แล้วก็อาบ เอ่อ อันนี้ข้ามๆมันไปอย่าไปเอ่ยถึงมันจะดีกว่า


ให้ตายไอ้ธูปก็ไม่ชิน


"กูเต็มใจที่จะทำ ส่วนมึงมีหน้าที่แค่รับมันไว้แค่นั่น"


"กูเกรงใจ แล้วกูก็ไม่อยากให้มึงลำบากด้วยนะเว้ย" 


"กูพูดหรอว่าลำบาก"


"แต่....."


"หุบปากแล้วก็กินข้าว" ถ้ามึงให้กูหุบปากแล้วกูจะกินข้าวได้ไงวะ (ใช่เวลาเล่นไหมไอ้ธูป)

 
สุดท้ายผมก็นั่งกินข้าวโดยมีไอ้พี่พายป้อนให้จนอิ่ม ไอ้พี่พายมันก็เอายาใส่มือผมก่อนจะยัดแก้วน้ำใส่มืออีกข้างของผมหลังจากนั้นมันก็บังคับให้ผมนอน กรดไหลย้อนเล่นงานกูก็ตอนนี้แหละ กินแล้วก็นอน เฮ้อ


"พี่พายทำไมน้องเค้กไม่มาเยี่ยมกูบ้างวะ" ผมถามระหว่างที่กำลังทิ้งตัวลงนอน จะไม่ให้ถามได้ไงล่ะครับก็ผมนอนโรง'บาลมาคืนนึงแล้วผมยังไม่เห็นหน้าคุณน้องสะใภ้เลยนิครับ


ไอ้พี่พายเงยหน้าจากนิตยสารแต่งรถที่มันกำลังอ่านอยู่ขึ้นมามองหน้าผม  "กูไม่ให้มาเองแหละโรง'บาลเชื้อโรคมันเยอะเดี๋ยวหลานกูไปอะไรไป"


ถ้ามึงห้ามน้องมึงไม่ให้มาโรง'บาลเพราะเชื้อโรคมันเยอะ แล้วเวลาน้องเค้กจะคลอด มึงจะให้น้องมันไปคลอดที่ไหนวะ ถ้าไม่ใช่โรงพยาบาลอ่ะ งงไหมครับหรือว่ามีผมงงอยู่คนเดียว

"แล้วเพื่อนๆกูอ่ะทำไมมึงห้ามมันด้วย (เพื่อนๆผมโทรมาถามว่าผมนอนโรง'บาลอะไรไอ้พี่พายมันกดตัดสายทุกครั้ง)" เพื่อนผมไม่มีใครท้องนะแถมพวกมันทนทานตายยากเชื้อโรคมากแค่ไหนก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอกครับ ผมก็ไม่เข้าใจไอ้พี่พายมันจะห้ามทำไมวะ


ไอ้พี่พายมันถอนหายใจเหมือนรำคาญผมเต็มที รำคาญกูเรื่องอะไรวะ มันใช้สายตาดุๆคู่นั้นมองผมเหมือนกำลังคาดโทษ


"เพื่อนมึงมาแล้วมึงจะได้พักผ่อนไหม หรืออยากนอนโรง'บาลนานๆ" อืมมันพูดก็ถูกของมัน


"ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่หว่าแค่ถามดูเฉยๆ" จะเถียงอะไรมันได้ล่ะครับ


"นอนได้แล้วพูดมากอยู่นั่น" ดุจังพ่อคุณ


ผมหลับตาพยายามหลับเพื่อจะได้พักผ่อนอย่างที่ไอ้พี่พายมันว่า เผื่อว่าวันพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาผมจะได้กลับบ้าน เบื่อโรง'บาลจะแย่อยู่แล้วครับ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๑๑ ไม่เอานะเกรงใจไม่ดีหรอกเกรงใจ ๑๙/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-07-2015 00:21:18
พี่พายโหด....ธูป นี่แกกำลังจะมีผัวหรือมีพ่อห๊ะ 55555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๒ แฟนจ๋าชีทมาแล้วจ้ะ ๒๐/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 20-07-2015 20:01:02
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๑๒ แฟนจ๋าชีทมาแล้วจ้ะ

 
 
จ้องเข้าไปจะแดกหัวกูรึไงครับจ้องกูซะขนาดนี้อ่ะ แมร่งเมื่อคืนกว่าจะได้นอนหลับจริงๆจังๆก็ปาเข้าไปตี1กว่าๆไม่ใช่อะไรหรอกครับก็ไอ้หน้ามึนตรงหน้าผมเนี่ยแหละตัวปัญหามันบอกว่านอนโซฟาแล้วมันปวดหลังนอนไม่สบาย มันเลยจะขึ้นมานอนบนเตียงกับผมให้ได้พอผมด่ามันก็ทำหน้ามึนใส่ สุดท้ายไม่ต้องบอกนะว่าเมื่อคืนมันนอนไหนอ่ะเพราะต่อให้ผมไล่ คนอย่างไอ้พี่พายมันก็หน้าด้านหน้าทนอัปเปหิตัวเองขึ้นมานอนเบียดกับผมอยู่ดี เหนื่อยใจที่จะพูดสุดท้ายก็ต้องนอนเบียดกันบนเตียงทั้งคืนปวดหลังปวดตัวมากกว่าเดิมอีกเตียงก็เล็กแค่นี้ คุณคิดดูผู้ชายตัวยังกับยักษ์สองตัวมานอนเบียดกันอยู่บนเตียง แมร่งแค่คิดก็เมื่อยตุ้มล่ะ


"หน้ากูมีอะไรติดอยู่รึไงมองซะขนาดนั้นอ่ะ" เข้าใจว่าหล่อแต่ไม่ต้องมองกูขนาดนั้นก็ได้มั้ง


มันไม่ตอบและยังคงยืนนิ่งมองหน้าผมโดยไม่พูดไม่จาอะไร ผมว่ามันเริ่มมีอะไรผิดปกติแล้วล่ะ เมื่อคืนมันยังดีๆอยู่เลยนี่หว่าแล้วนี้มันเป็นอะไรของมันวะ


"ตกลงจะไม่พูดกับกูใช่ไหม" ไม่ได้จะง้อนะเว้ยแค่ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้มันอึดอัด


"........" ยืนกอดอกมองหน้าไม่พูดจา เจริญล่ะครับแล้ววันนี้กูจะรู้เรื่องกับมึงไหมเนี่ยว่ามึงเป็นอะไร


"ถ้ากูถามแล้วไม่ตอบก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลยนะกูไม่ง้อแล้ว"


ไอ้พี่พายเลิกคิ้วทำหน้าสงสัยก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ย้ำว่ารอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของมันจะเผยออกมา มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม (ใกล้กันจนแทบจะหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว) ก่อนที่มันจะพูดอะไรน่าโดนถีบออกมา


"มึงแคร์ความรู้สึกกูด้วยหรอวะ" ถามกูเฉยๆก็ได้ไม่ต้องทำหน้าฟินอะไรขนาดนั้นก็ได้ครับ กูสยอง


"ใครบอกว่ากูแคร์มึง" กูแค่ไม่ชอบที่บรรยากาศมันเงียบเกินไปแค่นั้นเอง


"ก็มึงง้อกู มึงก็ต้องแคร์ความรู้สึกกูดิวะ มึงโง่เปล่าเนี่ย" ด่ากูอีก =_=


"กูไม่ได้แคร์มึง แล้วกูก็ไม่ได้ง้อมึงด้วย" เคยเป็นกันไหมครับเวลาที่เราพูดแล้วมันเป็นคำที่เคยชินเราก็พูดออกไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรแต่ไอ้พี่พายมันดันคิดและเก็บทุกคำพูดที่มันได้ยินเอามาเข้าข้างตัวมันเองได้อ่ะ


สุดยอดจริงๆ


"มึงจะบอกว่าที่มึงพูดมามึงไม่ได้แคร์กูไม่ได้ง้อกูว่างั้น" เสียงแข็งใส่กูทำไมครับ


"ก็เออสิวะกูจะห่วงมึงทำไมไม่ได้เป็นเหี้ยไรกันสักหน่อย"


"กูไม่ได้อยากเป็นเหี้ยกับมึงแต่กูอยากเป็นอย่างอื่นกับมึงมากกว่า" คำพูดมาพร้อมน่าตากะลิ้มกะเหลี่ยมาก กูขนลุกเถอะครับ


"มึงอยากเป็นอะไรกับกู พูดดีๆนะมึง"


ไอ้พี่พายมันยิ้มสยองโลกส่งมาให้ผมพร้อมกับยักไหล่แบบ 'กูไม่บอกมึงมีไรป่ะ' ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งไขว้ห้างสบายอารมณ์อยู่ที่โซฟาประหนึ่งว่ามันเพิ่งเจอกับเรื่องดีๆในชีวิต แล้วชาตินี้มันจะพูดไหมว่ามันอยากเป็นอะไรกับผม เฮ้อ เหนื่อยใจปวดจิต คิดมากไมเกรนพาลจะถามหาจริงๆ


"พี่พายแล้วสรุปมึงยืนจ้องหน้ากูเนี่ยมึงมีอะไรเปล่าวะ"


สุดท้ายผมก็ต้องเอ่ยปากถามมันไปในเรื่องที่สงสัยในครั้งแรกที่มันยืนจ้องหน้าผม ส่วนเรื่องที่มันอยากเป็นอะไรกับผมนั้นเอาเป็นว่าถ้ามันอยากบอกมันคงบอกเองและผมก็ไม่อยากจะรู้เท่าไหร่ด้วยเพราะมันคงไม่พ้นเรื่องบ้าๆของมันหรอกผมว่านะ


"สนใจด้วยหรอวะ" น้านมีงอลด้วยเว้ยเฮ้ย


"กูถามดีๆแล้วนะ" ผมพูดเสียงแข็งใส่มัน  "ถ้าตอบดีๆไม่ได้ก็ไม่ต้องตอบ ต่อไปกูจะได้ไม่ถาม"


ไอ้พี่พายมันทำเสียง 'เหอะ' ใส่ผมก่อนที่มันจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาหาผมที่เตียง (แล้วมันจะเดินไปนั่งทำไมวะ)

"คนชื่อชีสนี่ใครวะ" ไอ้พี่พายมันถามเสียงแข็งหน้าเครียดเหมือนกับว่ากำลังจะเจอปัญหาโลกแตก หน้ามึงเครียดไปนะ


"ไมวะ" เจ๊ชีสแผลงฤิทธิ์อะไรอีกละเนี่ย


"เป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับมึง" ถามขนาดนี้มึงไม่เอาไฟมาส่องหน้าสอบสวนกูเลยล่ะครับ


"พี่สาวเพื่อน ทำไม มีอะไร"


"แล้วจะมาหามึงทำไม" ถามแปลกๆ


"เค้าก็คงมาเยี่ยมกูป่ะวะ"


คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ เมื่อเช้าเจ๊ชีสโทรมาหาผมแต่เช้า พอดีกับที่พี่พายมันไม่อยู่พอผมรับสายเจ๊แกก็ใส่รัวเลยครับว่าผมอยู่ที่ไหนโรง'บาลอะไรเจ๊แกจะมาเยี่ยม ครั้นจะไม่บอกก็นะรู้ๆนิสัยเจ๊แกอยู่ว่าฮาร์ดคอร์ขนาดไหน

"แล้ว....."


แอ๊ดดดดดดดดดดดดดด

 
คำพูดไอ้พี่พายถูกขัดขึ้นด้วยเสียงเปิดประตู (สยองขวัญ) พร้อมกับเสียงแหบห้าวที่ดังมาก่อนตัวซึ่งไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร


"ธูปจ๋าาาาาาาชีสมาแล้วจ๊ะ"


"^_^" เจ๊ชีส


"O.O"  ผม


"=_="  ไอ้พี่พาย

 
เจ๊ชีสถลาเข้ามาหาผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มในมือแกถือกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงร่างกายใบใหญ่ก่อนที่แกจะเหวี่ยงกระเช้าให้ไอ้พี่พายที่ยืนงงๆอยู่ข้างเตียงรับไปแล้วเจ๊แกก็โดดขึ้นมานั่งเกาะแขนผมอยู่บนเตียง คุณฟังไม่ผิดหรอกครับเจ๊ชีสมันโดดมาเกาะแขนผมเกาะหนึบเหมือนใครเอากาวตราช้างมาทาไว้

เจ๊ชีสมึงเป็นอารายยยยยยยย


ไอ้พี่พายมันเดินมาแงะเจ๊ชีสออกจากตัวผมแต่อย่าคิดว่าคนอย่างเจ๊แกจะยอมนะครับไอ้พี่พายมันยิ่งดึงเจ๊แกก็ยิ่งกอด ส่วนผมก็นั่งเกร็งไปสิครับเจ็บแขนไปหมด เล่นอะไรกันวะไอ้สองคนนี้เนี่ย


"จะกอดอีกนานไหม" ไอ้พี่พายถามไปแงะร่างเจ๊ชีสไป


"ทำไมคนเป็นแฟนกันกอดกันผิดรึไง"


แฟน.....ใครแฟนกูอีกวะเนี่ย


"ใครแฟนเธอ!!" ไอ้พี่พายมึงจะตะโกนทำไมวะ กูหนวกหูเว้ยอยู่กันแค่นี้วิญญาณพี่ว๊ากเข้าสิงรึไงวะ


"ธูปไงแฟนฉัน"


"ห๊า/เฮ้ย"


"เจ๊พูดไรวะ" ปากคอสั่นเลยกู เจ๊ชีสมึงจะมาหลงเสน่ห์อะไรกูครับเนี่ยแค่ไอ้พี่พาย ไอ้เซอร์มาวินกับไอ้แมนเมืองกูก็สยองจิตแล้วนะ นี่เจ๊ยังเป็นไปกับเขาอีกคนหรอ กูตายๆๆๆทำไมกูมีเสน่ห์กับคนประหลาดขนาดนี้วะ


"เจ๊ชีสผมไปเป็นแฟนเจ๊ตอนไหนวะ" ถามด้วยความสงสัย


ป๊าดดดด


เห็นดาวกลางวันแสกๆเลยครับตบกูขนาดนี้เอาตีนมาถีบหน้ากูดีกว่าไหม


"เธอตบหัวมันทำไมเนี่ยห๊ะ" ไอ้พี่พายยืดอกพกถุง เอ๊ยไม่ใช่แหละ ไอ้พี่พายยืดอกปกป้องผมทำยังกับมึงไม่เคยทำร้ายร่างกายกู มึงอ่ะยิ่งกว่าเจ๊ชีสอีก


"ทำไมฉันจะตบหัวแฟนฉันไม่ได้" กูไม่ใช่แฟนมึงเหอะเจ๊ชีสมึงพูดอะไรวะเนี่ย


"เจ๊ชะ......"


"หุบปากไปเลยที่รักไม่ต้องพูดเดี๋ยวเค้าจัดการเอง"


ที่รัก


ใครที่รักมึงวะ


เจ๊ชีสมึงพูดอะไรเนี่ยกูสยอง


"ใครแฟนเธอยัยแบนพูดดีๆนะเว้ย" ไอ้พี่พายว๊ากใส่หน้าเจ๊ชีสแล้วครับ


"ถามแบบนี้ต้องให้จูบโชว์ไหมถึงจะเชื่ออ่ะ"  สาสสสสอย่ามาจูบกูนะกูไม่นิยมจอแบนกูชอบอึ๋มๆๆ


"พูดจากวนโมโหแบบนี้ออกไปจากห้องเลยป่ะ" ไอ้พี่พายโมโหหน้าดำหน้าแดงแล้วครับ อย่าคิดว่าเป็นสตรีเพศแล้วมันจะไม่ทำอะไรนะครับ คนอย่างมันเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก


"ไม่ไปเว้ย!!" เจ๊ชีสก็หน้าด้านหน้าทน


ส่วนผมนั่งหน้าหล่อฟังเขาสองคนทะเลาะกันก็พอแล้วครับมีปากมีเสียงเดี๋ยวจะเข้าเนื้อ ดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆดีกว่า


"ธูปเค้ามีเรื่องจะคุยกับตัวสองต่อสองตามลำพังอ่ะ" เจ๊ชีสหันมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ผม ซึ่งมันน่าขนลุกเหอะ


"เออ......" ใบ้กินสิครับเจ๊แกเล่นโยนขี้มาให้ผมแบบนี้


"ถ้าจะไล่กูออกจากห้องบอกเลยว่ากูไม่ไป เพราะกูเป็นคนจ่ายค่าห้องค่ารักษามันกูมีสิทธิ์อยู่ คนบางคนนั่นแหละที่สมควรจะไสหัวไป" ไอ้พี่พายมึงประกาศจุดยืนชัดเจนมาก


"ธูป!!"  โอ๊ยเจ๊มึงจะกดดันกูทำไมนักวะ สายตาจิกกูเกินไปนะ มึงทอมจริงป่ะเนี่ย


"เออ....." กูจะพูดไงดีวะ


"ถ้ามึงอยากให้กูออกไปนักมึงก็พูดมา แค่มึงบอกกูจะไปทันที" นั่นโยนขี้มาให้กูอีกแล้ว พวกมึงสองคนเห็นกูเป็นรถดูดส้วมรึไงวะเอาขี้มาให้กูจัง กูดูเหมือนคนชอบขี้หรอ


แต่ทำไมฟังคำพูดไอ้พี่พายแล้วผมหน่วงๆวะ รู้สึกแปลกๆไงไม่รู้ อาจเป็นเพราะมันเป็นคนออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้ผมก็ได้มั้งผมเลยรู้สึกไม่ดีถ้าจะไล่มันออกไป แต่ก็นะถ้าไม่ให้ไอ้พี่พายมันออกไปเจ๊ชีสแมร่งก็แดกหัวผมแน่นอน


โอ๊ยลำบากใจเว้ย

 
"ขอผมคุยกับไอ้พี่พายก่อนได้เปล่าวะเจ๊" ผมพยายามเลือกทางที่ดีที่สุดให้กับทุกคน คือเลือกยืดอายุให้ตัวเองมากกว่าครับ


ทั้งๆที่ผมไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของใครเลยก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงปล่อยผ่านมันไปไม่ได้วะ


เจ๊ชีสพยักหน้าให้ผมพร้อมกับกระโดดลงจากเตียงปรายตามองไอ้พี่พายและเดินหน้าเชิดออกจากห้องไป ตอนนี้ในห้องเหลือแค่ผมกับมันพร้อมด้วยบรรยากาศที่อึดอัดและมาคุโคตรๆก็นะถ้ามันจะทำหน้าเหมือนผมไปเผาบ้านมันขนาดนั้นผมว่าผมตามเจ๊ชีสออกไปด้วยท่าจะดี


"เอิ่ม พี่พาย" มึงจะมองกูเต็มๆตาไม่ได้ไงวะเดี๋ยวตาก็เหล่หรอก


"........" กอดอกนั่งเชิดเป็นคุณชายอยู่บนโซฟา เหล่ตามองเหมือนผมไม่สำคัญ มองเหยียดๆเหมือนผมเป็นตัวอะไรสักอย่าง


ไอ้พี่พายมึงทำอย่างนี้กับคนที่มึงบอกว่าชอบได้ไงวะ ให้เกียรติกูบ้างดิเว้ย


"จะไม่พูดใช่มะ" หยิ่งได้หยิ่งไปไอ้ธูปไม่ง้อนะ


ไอ้พี่พายถลึงตาใส่ผมก่อนจะลุกขึ้นยืนและก้าวฉับๆมาหาผมที่เตียง สีหน้ามึงโหดไปไหมครับ จะฆ่ากูรึไง


ไอ้พี่พายมันบีบแขนผมพร้อมกับเขย่าตัวผมไปด้วย เขย่าแรงขนาดนี้เครื่องในกูไหลรวมกันหมดแล้วครับ   


"ยัยแบนนั้นเป็นแฟนมึงหรอกูถามไม่ได้ยินรึไงวะตอบกูมาสิ"


เรียกแบบนั้นไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยนะ ถึงเจ๊แกจะแบนแต่ไม่ควรเรียกแกแบบนั้นนะครับ


และมึงควรจะปล่อยกูก่อนดิวะเขย่าขนาดนี้กูจะตอบมึงได้ไงวะ โอ๊ย!!!


"ปะ ปล่อยกูก๊อนนนนน"   โอ๊ยเกือบตาย ตับไตกูรวมกันหมดแล้วมั้ง


"พูดมาอธิบายมา!!" ว๊ากใส่กูอีกแล้วนะ   "ยัยแบนนั่นเป็นอะไรกับมึง" 

"เป็นพี่สาว(?)เพื่อนอ่ะไม่ใช่แฟนกูนะมึงอย่าเข้าใจผิดนะเว้ย"  ทำไมผมต้องรีบอธิบายด้วยวะ เอออาจเพราะสตรีเพศอย่างเจ๊ชีสเป็นบุคคลที่ไม่ควรเอาเป็นแฟนเด็ดขาดไม่มีเหตุผลอื่นเลยจริงๆครับเชื่อธูปนะทุกคน


ว่าแต่ไอ้พี่พายรอยยิ้มของมึงมันรอยยิ้มของปีศาจชัดๆ กูเห็นหางแหลมๆโผล่มากจากตูดมึงด้วย


ไอ้เดวิล


ไอ้พี่พายก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูผม  "ไม่ต้องรีบพูดขนาดนั้นก็ได้ ทำไมกลัวกูเข้าใจผิดคิดว่ายัยแบนนั่นเป็นแฟนจ๋าของมึงเหรอ"


ขนลุกเหอะครับพี่น้องครับ >///<


"เอ่อ......." แดกจุสิครับพี่น้อง


"หึ กูจะออกไปรอข้างนอกก็ได้นะ" มันทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผม   "แต่มีข้อแลกเปลี่ยน" 


ข้อแลกเปลี่ยน.........


"ข้อแลกเปลี่ยนอะไรวะ"


สายตาระยิบระยับแพรวพราวมากเลยนะมึง แมร่งมีแผนการร้ายในหัวอะไรรึเปล่าวะ 


"มึงต้อง......." 


มึงจะเว้นวรรคทำม้ายยยยยย


"ต้อง......"  เกร็งไปหมดแล้วครับพี่น้องครับ ปากเปิกกูเกร็งจนเป็นตระคริวแล้ว


"มันต้องยอมให้กูพิสูจน์เรื่องของเรากูถึงจะยอมออกไป"


โถ่เอ๊ยนึกว่าอะไร




ก็แค่พิสูจน์เรื่องนั้น


ห๊า!! พิสูจน์

 
พ่องมึงเถอะครับ


"ไอ้พี่พายใครจะไปยอมวะ"


"งั้นกูก็ไม่ออกไป เอาดิกูจะนั่งเป็นก้างมึงอยู่อย่างเนี่ย" น่านมีเล่นแง่ใส่ผมด้วยครับ


ผมนั่งคิดถึงผลได้ผลเสียสุดท้ายก็เลือกที่จะถามออกไป เพราะถ้ามันมานั่งเป็นก้างขวางคอผมล่ะก็ผมไม่มีทางรู้เหตุผลของเจ๊ชีสแน่ๆ


"แล้วที่ทำอยู่นี่ไม่เรียกว่าพิสูจน์หรอวะ" ทั้งบูเก้ดอกรัก ทั้งอาบน้ำ ป้อนข้าวป้อนยา สแกนโทรศัพท์ผม นี่ยิ่งกว่าพิสูจน์อีกป่ะวะ มันเหมือนข้ามขั้นไปไกลแล้วนะ

 
เสียงเปิดประตูมาพร้องกับเสียงแว๊ดๆๆของเจ๊ชีส   "ธูปอีกนานป่ะ"  เร่งจังกูกำลังต่อรองอยู่เว้ย ด่วนตัดสินใจอะไรออกไปไม่คิดให้รอบคอบมีแต่เสียกับเสียนะเจ๊


สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับข้อเสนอของไอ้พี่พายเหตุเพราะเจ๊เจ๊ชีสมันรวบรัดตัดความเอาเอง ผมก็ได้แต่นั่งเอ๋ออยู่บนเตียงโดยไม่สามารถพูดอะไรได้ทันเจ๊แก


ก็นะเจ๊ชีสแกเปิดประตูมาก็ลากไอ้พี่พายเหวี่ยงออกจากห้องไป แถมพูดเองเสร็จสรรพว่าผมยอมรับข้อเสนอไอ้พี่พายทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ใดๆส่วนเจ้าตัวนะเหรอครับพอได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มแก้มปริออกจากห้องไปโดยไม่สนใจเจ๊ชีสกับผมอีกเลย


สุดท้ายความซวยเลยมาตกอยู่ที่ไอ้ธูปคนนี้นี่เอง


"เจ๊ถามจริงๆเลยนะเจ๊ชอบผมเหรอ" พอไอ้พี่พายออกจากห้องไปปุ๊บผมก็เปิดประเด็นที่ค้างคาใจปั๊บ คือยอมรับนะครับว่าหล่อทรมานใจสาวแต่ขนาดเจ๊ชีสยังมาหลงชอบนี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว


หล่อจริงๆเลยเราจะประกบกับใครเราก็ไม่เห็นกลัว~~~~~~~~~~~

 
 
เจ๊ชีสปรายตามองผมก่อนจะหัวเราก๊ากออกมา


เอิ่มใครก็ได้เอาเจ๊แกไปเก็บที เจ๊มันบ้าไปแล้ว
 

 
"ฮาๆๆๆๆๆๆโอ๊ยไอ้ธูปมึงเมาน้ำเกลือหรอวะ ฮ่าๆๆ ถึงคิดว่ากูโอ๊ยฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดว่ากูชอบมึงอ่ะไอ้บ้ากูไม่คิดจะเอามึงทำเมียหรอกนะ"


เอาผมทำเมีย


เจ๊ชีสมึงคิดได้ไงวะกูไม่มีมดลูกคนที่มีมดลูกและสมควรเป็นเมียน่ะเจ๊นะครับ


"ถ้างั้นเจ๊มาที่นี่ทำไมอ่ะ" คือมาแสดงตัวเป็นแฟนจ๋าต่อหน้าไอ้พี่พาย แล้วลับหลังกับหัวเราะเป็นคนบ้าแบบนี้คืออะไรวะ



เจ๊ชีสเปลี่ยนสีหน้าเป็นหวาดๆพลางหันซ้ายหันขวากลัวว่าจะมีใครมาได้ยินในสิ่งที่เจ๊แกกำลังจะพูดต่อจากนี้ ว่าแต่ใครจะได้ยินวะในห้องมีแค่ผมกับเจ๊แก จิ้งจกสักตัวผมยังไม่เห็นเลยครับ

 
 
"มึงช่วยเป็นแฟนกูทีนะธูปนะ"


ทอมมาดแมนมาเกาะแขนขอเป็นแฟนผมควรจะดีใจดีไหมเนี่ย


ผมสะบัดแขนเจ๊ชีสออกจากตัวอย่างรังเกลียดแบบไม่เก็บอาการ ถึงเจ๊จะสวย (ถ้าจับแต่งตัวดีๆ) แต่ธูปไม่อยากได้เมียข้ามสปีชีส์นะเจ๊


"ไม่!!ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบผมไง แล้วนี่อะไรวะเจ๊มาขอคบกันเฉยเลย"  เห็นหล่อๆแบบนี้ธูปก็เลือกนะครับ


"มึงกล้าปฏิเสธกูเหรอวะธูป แล้วอีกอย่างที่กูจะบอกมึงเอาไว้นะ กูไม่ได้พิศวาสมึงเลย" มาเต็มอารมณ์ล้วนๆถ้าจะมาไม้นี่เจ๊จะมาถามมาขอความเห็นผมทำไมล่ะครับ


"ไม่ได้พิศวาสแล้วเจ๊มาขอคบผมทำไมครับ"
 

เจ๊ชีสถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะหันหน้ามามองหน้าผม มือเรียวสวยนั่นก็เกาะอยู่ที่แขนของผมส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ พร้อมกับปากบางสีแดงสดที่ไม่ต้องพึ่งลิปสติกขยับขึ้นลงเปร่งเสียงหวานๆ (หรา) ออกมา


"ธูปไม่รู้ล่ะยังไงมึงต้องช่วยกูนะ กูไม่รู้จะให้ใครช่วยแล้วอ่ะนะๆๆๆธูปนะ"


"แล้วเพียงฟ้าแฟนเจ๊อ่ะเขาไม่ว่าเอาหรอถ้าผมไปเป็นแฟน (กำมะลอ) ของเจ๊อ่ะ" ผมไม่อยากเป็นตัวสร้างความราวฉานให้กับครอบครัวใครนะครับ


"กูเลิกไปแล้ว" เจ๊ชีสสวนคำพูดผมกลับมาโดนท่าทางชิวๆแบบว่ามึงชิวมากไปไหมวะ


"เลิกแล้ว!!" ผมทวนคำเจ๊แก


"เออ กูเลิกไปแล้ว จะถามทำไมเนี่ยตกลงจะยอมเป็นแฟนกูไหม" นี่มึงกำลังขอร้องหรือบังคับกูอยู่วะเนี่ย


"ไม่อ่ะ"  ผมส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ "ถ้าเจ๊ไม่บอกเหตุผลมาก่อนว่าทำไมผมต้องไปเป็นแฟนเจ๊ ผมก็ไม่เป็นให้"


เจ๊ชีสหันซ้ายหันขวาอย่างระแวง (อีกรอบ) ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นและโน้มหน้ามาติดชิดกับหูของผมก่อนจะพูดว่า.......


"มึงรู้แล้วเหยียบไว้เลยนะมึง" ผมพยักหน้าหงึกๆทันที "ไอ้ คือ ไอ้ ไอ้ตุลย์มัน......."  วันนี้กูจะรู้ไหมเนี่ย


"เฮียตุลย์มันทำไมวะเจ๊ อย่าบอกนะว่าเฮียมันปล้ำเจ๊อ่ะ" เจ๊ชีสช็อคทันทีที่ผมพูดจบ ปากค้าง ตาเหลือก ตลกฉิบ


แต่อย่าบอกนะว่ากูเดาทางถูก


บร๊ะเจ้าฟ้าจะฝ่ากบาลเฮียตุลย์มันไหมเนี่ย ผสมพันธุ์กับสปีชีส์เดียวกัน


"มะมึงรู้ได้วะ ใครบอกมึง ไอตุลย์บอกมึงหรอ ไม่นะมันบอกใครอีกบ้างวะ ไม่ๆๆ" เจ๊ชีสเด้งตัวออกห่างจากตัวผมเจ๊แกหน้าซีดปากสั่นเดินวนไปวนมาจนผมเริ่มปวดหัว อาการแบบนี้บอกตรงๆว่าผมไม่เคยเห็นเจ๊แกเป็นมาก่อนเลย


"แปลว่าจริงตั้งแต่เมื่อไหร่วะเจ๊แล้วไอ้ชารู้รึเปล่า" เจ๊ชีสส่ายหน้าช้าๆ


"ตั้งแต่งานวันเกิดกูอ่ะ กูเมาไม่รู้เรื่องพอตื่นมาอีกทีก็....." อนาจจิต ทอมโดนผู้ชายข่มขืน =_= กูขอนั่งไว้อาลัยให้เจ๊แกสามวิ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อโคตรๆ


แต่กูเข้าใจมึงเลยเจ๊ชีสกูผ่านมาก่อนแถบสองด้วย กูไม่ใช่น้องพลับนะเว้ยจะได้ขอสอง (ใช้เวลาเล่นไหมอิธูป)


ถ้าใครจำเฮียตุลย์ไม่ได้ผมจะบอกให้คนที่ถือเค้กวันเกิดมาให้เจ๊แกนั่นแหละครับ น่าตาหล่อร้ายแบบแบดบอยอ่ะครับ โดยรวมหล่อโคตรพ่อโคตรแม่ขุดโคตรเหง้ากันขึ้นมาหล่อเลยครับ แต่ไม่น่าสเปกต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดเอาทอมทำเมียนะ


"มึงสัญญาแล้วนะว่าจะไม่บอกใคร" เจ๊ชีสพูดเสียงอ่อยๆ "แล้วที่นี้มึงจะยอมช่วยกูได้ยังอ่ะ"


"แล้วเจ๊จะให้ผมเป็นแฟนเจ๊เพื่อ?"


"ก็หลอกไอ้ตุลย์มันไงว่ากูมีแฟนแล้วมันจะได้เลิกยุ่งกับกู"


"แล้วเจ๊ว่าเฮียตุลย์มันจะเชื่อหรอวะ" ยิ่งหลอกคนใกล้ตัวยิ่งยากใหญ่ เป็นทอมมาทั้งชีวิตจะมาคบผู้ชายเอาง่ายๆเฮียตุลย์มันคงโง่หรอก


"เชื่อไม่เชื่อไม่รู้แต่กูอยากให้มันเลิกยุ่งกับกู อีกอย่างกูไม่รู้จะให้ใครช่วยแล้วมีแต่มึงคนเดียวอ่ะธูปนะช่วยกูเถอะนะ"


อ้อนวอนขนาดนี้กูจะใจแข็งก็ดูจะใจร้ายไปหน่อยไหม


"มันจะสมจริเหรอวะเจ๊" ดูยังไงมึงกับกูก็เคมีไม่ตรงกันเลยนะ "แล้วอีกอย่างพวกไอ้ชาอ่ะมันจะว่าไง ผมว่ามันถามแน่นอน"


"มึงเรียนนิเทศมึงก็ช่วยแสดงให้มันสมบทบาทหน่อยสิวะ"  กูไม่ได้เรียนการแสดงเถอะครับเจ๊ "ส่วนเรื่องนั้นกูจัดการเอง"


แอ๊ดดดดด


ไอ้พี่พายมันเปิดประตูเดินอาดๆเข้ามาในห้องก่อนจะจัดการยื้อยุดฉุดกระชากเจ๊ชีสออกจากห้อง พี่แกบอกว่าง่วงนอนแล้วอยากนอน (ไม่กลับไปนอนบ้านล่ะครับ) ไอ้พี่พายจัดการเหวี่ยงเจ๊ชีสที่กำลังแว๊ดๆเรื่องที่จะให้ผมช่วยเหลือเจ๊แกใส่หูมันอยู่ด้วยความทุลักทุเลจนสุดท้ายไอ้พี่พายก็ทนไม่ไหวเอ่ยปากพูดคำที่ทำให้ผมซวยเข้าจนได้


"มันยอมช่วยเธอทุกอย่างพอใจไหมกลับไปได้แล้ว" เฮ้ยมึงอย่าพูดเองเออเองกันอย่างนี้สิวะถามกูก่อน


"จะ เจ๊ชีสกูไม่ตกลงนะเว้ยเฮ้ยกลับมาก่อน!!" เจ๊ชีสมึงสะบัดบ๊อบหนีกูไปอย่างนี้ไม่ได้นะธูปไม่ยอม


"ไอ้พี่พายมึง" ผมอ้าปากพะงาบๆไม่รู้จะสรรค์หาคำไหนมาด่าไอ้คนตรงหน้าดี


แมร่งไม่สำนึกยังมีหน้ามายิ้มให้กูอีก


"ทำตามสัญญาด้วยนะมึง ยอมกูซะดีๆ"


อะไรกูไปสัญญากับมึงตอนไหน แล้วยอมอะไรมึงพูดให้หมดดิวะ ที่สำคัญมึงตกลงกับเจ๊ชีสเองมึงก็ไปพิสูจน์กับเจ๊ชีสสิวะเรื่องนี้กูไม่เกี่ยว เจ๊ชีสกำลังต้องการแฟนจ๋าอยู่พอดีมึงก็ไปเอากันเองสิวะ อย่ามายุ่งกับกู


กูว่าปีนี้ปีชงกูแน่นอน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๒ แฟนจ๋าชีทมาแล้วจ้ะ ๒๐/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-07-2015 21:45:09
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๒ แฟนจ๋าชีทมาแล้วจ้ะ ๒๐/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-07-2015 00:02:46
ไม่ใช่ชงธรรมดานะธูป ชงพิเศษเลยแหละ 5555
น่าสงสารนางนะ เกิดเป็นธูปนี่ต้องอดทน เครื่องบินชนต้องไม่ตาย 55555+
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๓ อะไรกันนักกันหนา ๒๑/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 21-07-2015 20:03:25
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๑๓ อะไรกันนักกันหนา


หลังจากที่ไอ้พี่พายมันประกาศจุดยืนของมันอย่างชัดเจนความซวยก็วิ่งพุ่งชนแสกหน้าไอ้ธูปเข้าอย่างจังโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะอะไรน่ะหรอครับก็เพราะไอ้พี่พายมันทำตัวเป็นชัตเตอร์ตามติดชีวิตของผมจนผมไม่เป็นอันทำอะไร ไล่มันก็แล้ว นิ่งใส่ไม่สนใจมันก็แล้ว มันก็ตีหน้ามึนๆใส่ พอผมด่ามันมันก็ว๊ากใส่ผมกลับมาทุกครั้ง บางครั้งมันก็ชอบทำอะไรแปลกๆกับผม(ไม่เหมือนโฆษณาของคิมเบอร์รี่นะ) โดยที่มันบอกว่านี่แหละวิธีการพิสูจน์ในแบบของมัน บางครั้งมันก็อารมณ์ดีเกินเหตุ บางครั้งมันก็อารมณ์เสียจนผมยังเข้าหน้าไม่ติด สาเหตุก็มาจากน้องเค้กน้องสาวสุดที่รักของมันเกิดโฮโมนพลุกพล่านเปลี่ยนแปลง จากที่ร่าเริงก็กลายเป็นนอย์ดร้องไห้ไม่หยุด ไอ้พี่พายก็สรุปเอาเองว่าเป็นเพราะไอ้เทียนหายตัวไปจึงทำให้น้องเค้กเป็นแบบนี้ สุดท้ายมันก็มาเหวี่ยงใส่ผม
แล้วกูเกี่ยวอะไรด้วยครับ

บางวันอยู่ดีๆมันก็มาใส่อารมณ์กับผมเหตุเพราะน้องเค้กอาเจียนทาน อะไรไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้นน้องเค้กร้องไห้ทำเอาแตกตื่นกันทั้งบ้านพอ มันเห็นอาการน้องเค้กเท่านั้นแหละครับ แทบจะงับหัวผมทันที
และนี่ก็คืออีกเรื่องที่ผมรับไม่ได้ตราบใดที่มันยังไม่ปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเอง ผมก็คงไม่มีทางมองมันดีขึ้นกว่าเป็นอยู่ได้หรอกครับ ขอบอกว่าคะแนนมันติดลบมากสำหรับผม และยิ่งผมไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยแล้วล่ะก็นิสัยแบบนี้ในสายตาผม คือ
ไม่ผ่าน!!


ถึงเราจะเคยจูบกันเคยนอน(หลับ)ด้วยกันมาแล้วก็ใช่ว่าผมจะรู้สึกดีๆกับมันนะครับเพราะจูบกันมันบังคับผม ผมไม่ได้สมยอมสักครั้ง อีกอย่างผมไม่ชอบที่มันใช้กำลังทำร้ายผมถึงแม้มันจะผ่านมานานแล้วก็เถอะ แต่ผมไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ไม่ใช่ถังขยะที่มันจะมาลงที่ผมทุกครั้งเวลาที่มันเครียดเรื่องอะไรมา นี่มันแค่พิสูจน์นะผมยังซวยขนาดนี้ถ้าสมมุติวันนึงข้างหน้าเราสองคนเป็นแฟนกันผมไม่กลายร่างเป็นกระสอบทรายเพื่อมันเลยหรอ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดเห็นนรกอยู่ตรงหน้าผมว่าผมไม่เอาชีวิตของผมไปเสี่ยงกับผู้ชายที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้อย่างไอ้พี่พายดีกว่า


และที่ทำให้ผมเหนื่อยจนอยากจะหนีๆไปเสียให้พ้นก็เรื่องเจ๊ชีสกับเฮียตุลย์ นี่ก็อีกเรื่องนึงที่สูบพลังชีวิตผมจนแทบกระอักเลือดตายวันล่ะหลายๆรอบ ก็นะเฮียตุลย์แกวันๆงานการไม่ทำมานั่งเฝ้าเจ๊ชีสตามประกบเป็นเงาตามตัว เจ๊ชีสกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย และที่สำคัญกว่านั้นเฮียแกไม่เชื่อว่าผมกับเจ๊ชีสเป็นแฟนกัน(ใครเขาดูเขาก็รู้)เฮียตุลย์พยายามแยกผมกับเจ๊ชีสเพื่อที่แกอยากจะเคลียร์อยากจะคุย แต่เจ๊ชีสแกก็ไม่ยอมห่างผมเลย ยังไม่นับรวมไอ้เซอร์มาวินกับไอ้แมนเมืองที่จ้องจะเข้ามาคุยกับผมอีกนะครับบอกได้เลยชีวิตผมช่วงนี้ดูมีสีสันคัลเลอร์ฟูลมากๆ
หลังจากหยุดไปหลายวันผมก็ได้ฤกษ์งามยามดีมาเรียนสักที กลัวหยุดนานกว่านี้จะเรียนตามคนอื่นๆไม่ทัน ผมเรียนไปด้วยความหวาดระแวงพยายามตีตัวออกห่างจากไอ้แมนเมืองอย่างเนียนๆเพื่อไม่ให้ใครสงสัย แต่ก็นะทั้งกลุ่มรู้หมดว่าผมและไอ้แมนเมืองกำลังมีปัญหากันเพราะปรกติจะนั่งคู่กันตลอดเพียงแต่พวกมันไม่ยุ่งเพราะผมและไอ้แมนเมืองยังไม่ถึงขั้นวิฤกตที่พวกมันจะยื่นมือเข้ามาเคลียร์
ผมนั่งอยู่โต๊ะไม้ยาวใต้ตึกหลังจากเรียนเสร็จแล้วส่วนไอ้แมนเมืองมันคงรู้ว่าผมลำบากใจที่จะเผชิญหน้ากับมันสองต่อสองดังนั่นมันจึงหายหัวและตัวไปหลังจากเรียนเสร็จไม่เข้าใกล้ไม่มาให้เห็นหน้า ผมแอบรู้สึกผิดแต่มันก็ดีกว่าให้ผมเจอหน้ามันตอนนี้ บอกตรงๆผมยังทำใจไม่ได้จริงๆ
ผมนั่งเล่นเกมส์ในมือถือก่อนที่ไอ้พี่พายมันจะไลน์มาบอกว่ามันใกล้จะถึงแล้วให้ผมมารออยู่ที่ประตูหน้ามหาลัยได้เลย นี่ก็อีกคนหลังมันไม่เคยเปลี่ยนนิสัยของมันเลยยังไงก็ยังงั้น อาจจะดีขึ้นนิดนึงแต่ก็ยังวีน เหวี่ยง ผมเหมือนเดิมแต่ผมก็ไม่ค่อยอะไรกับมันเท่าไหร่ มันอยากทำอะไรก็ปล่อยๆมันไป พูดมากไปมันก็ว๊ากใส่หน้าเอา เบื่อที่จะพูดแล้วครับ เพราะสุดท้ายผมก็ไม่สนใจมันเหมือนเดิม
ผมเก็บของลงกระเป๋าหลังจากอ่านไลน์ของไอ้พี่พายเรียบร้อยแล้วก่อนจะลุกจากโต๊ะไม้ใต้ตึกเพื่อมุ่งหน้าไปรอไอ้พี่พายที่หน้ามหาลัย แต่แล้วก็มีมือปริศนามือนึงมาคว้าข้อศอกของผมเอาไว้ให้หยุดเดิน ผมหันมองไปมือปริศนาที่จับอยู่ที่ข้อศอกของผมก่อนจะกวาดสายตาไล่จากมือขาวๆนั้นมาที่แผลงอกกว้างและกวาดสายตาขึ้นไปมองหน้าเจ้าของมือขาวๆนั้น

 
ไอ้เซอร์มาวิน

"ปล่อย" พอเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ ปากผมก็ทำงานทันที จะมาจับกูทำม้ายยยยยย


"กูอยากคุยกับมึงอ่ะ มึงฟังกูอธิบายก่อนดิวะ" ไอ้เซอร์มาวินใช้สายตาและน้ำเสียงอ้อนวอนขอร้องผม


"คืนนั้นกูขอโทษกู......" ไอ้มาวินกำลังจะอ้าปากอธิบายแต่ผมรีบพูดขัดขึ้นมาเสียก่อนก็นะมึงช่วยดูด้วยใต้ตึกคณะกูมึงจะพูดอะไรนึกถึงกูด้วยครับ


"ไม่ต้องพูดกูไม่อยากฟัง" ผมพูดบอกออกไปก่อนจะพยายามสะบัดปลิงควายให้หลุดจากแขนผม

"มึงช่วยฟังกูก่อนได้ไหมธูป กูขอร้อง" มันทำน้ำเสียงและสีหน้าอ้อนวอนผมจนน่าเห็นใจ แต่ผมจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด

หลังจากสะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมเรียบร้อยแล้วผมก็รีบหันหลังกลับเดินฉับๆออกจากบริเวณนั้นทันที ป่านนี้ไอ้พี่พายรอนานองค์ลงแล้วมั้ง ถ้ารายนั้นอาละวาดบอกเลยเละเป็นโจ๊กแน่นอนครับ


ผมเนี่ยแหละที่เละเป็นโจ๊ก

ผมเดินหนีไอ้มาวินออกมาจนถึงด้านนอกมหาลัยเห็นรถไอ้พี่พายจอดรออยู่ก่อนแล้วผมจึงไม่รอช้ารีบสาวเท้าเดินไปยังรถหรูที่จอดนิ่งอยู่ตรงริมถนนนั่นอย่างไม่รีรอ โดยมีไอ้เซอร์เดินตามมาอย่างห่างๆ ปากมันก็ร้องบอกให้ผมหยุดเดินเพื่อให้มันได้อธิบายเรื่องคืนนั้น แต่ผมไม่พร้อมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ตอนนี้บอกเลยอยากมุดหัวและตัวเข้าไปในรถไอ้พี่พายอย่างไวแล้วครับ



"ธูป" ไอ้มาวินเดินมาจับแขนผมเพื่อให้หยุด



"ปล่อยกู" ผมร้องบอกเมื่อพยายามสะบัดแต่ก็ไม่หลุด



เราสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ตรงนั้นโดยมีสายตานักศึกษานับสิบคอยดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆอย่างเผือกๆโดยไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยคนทุพพลภาพอย่างผมสักคน เออดีหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายวีดิโอกันอีกใจคอทำด้วยอะไรกันครับ



ละแล้วก็มีจอมมารขับรถสปอร์ต(?)เข้ามาช่วยผม (ช่างกล้าเปรียบเทียบ) ไอ้พี่พายคงรอนานเมื่อเห็นว่าผมยังไม่ยอมขึ้นรถมันเลยเปิดประตูลงมาด้วยใบหน้าที่ติดจะหงุดหงิดตามสไตล์ของมัน



"อีกนานไหม" นั่นไงมาแล้วบรรยากาศมาคุมาพร้อมคำถามสั้นๆของมัน



"ไอ้พี่พายช่วยกูด้วย" ไม่อยากร้องขอความช่วยเหลือแต่สภาพไม่เอื้อจึงต้องขอร้องมันด้วยความจำเป็น


ไอ้พี่พายมองหน้าผมก่อนจะมองมายังแขนผมที่ถูกไอ้เซอร์มันจับอยู่ไอ้พี่พายมันเดินอาดๆเข้ามาใกล้ผมกับไอ้เซอร์มากขึ้นๆก่อนจะจับมือไอ้เซอร์บิดออกจากแขนของผม ไอ้เซอร์เองก็ขืนเอาไว้ส่วนตัวผมเองก็ยืนง่อยอยู่ตรงนั้นเพราะแขนอีกข้างยังมีเฝือกอ่อนเกาะเป็นปลิงอยู่ จึงทำอะไรลำบาก



"ปล่อย" คำพูดสั้นๆที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของมัจุจราช (เวอร์ไปไอ้ธูป) ของพี่พายออกคำสั่งก่อนจะจ้องหน้าไอ้เซอร์เขม็ง



"ไม่" ไอ้นี่ก็ไม่ยอมแพ้



"กูบอกให้ปล่อย"



"กู ไม่ ปล่อย" ไอ้เซอร์เน้นคำพูดที่ละคำ "กูมีเรื่องจะพูดกับธูปไม่เกี่ยวกับมึง"



"ไม่เกี่ยวกับกูงั้นหรอ" ไอ้พี่พายสแยะยิ้มก่อนจะ



ผลั๊ก



หมัดหนักๆกระแทกเข้าหน้าไอ้มาวินโดยไม่ทันตั้งตัว ผมยืนอึ้งก่อนจะได้ยินเสียงนักศึกษาที่มุงดูเหตุการณ์อยู่กรีดร้องกันประหนึ่งมีคอนเสริ์ตพี่ตูนBodySlam



"ไอ้พี่พายมึงต่อยมันทำไมวะ" ผมถามด้วยความสงสัย



"ใครใช่ให้มันพูดไม่รู้เรื่องเองวะ" มันตอบผมก็จะหันไปพูดกับไอ้มาวิน "มึงลุกขึ้นมา กูบอกให้ลุกขึ้นมา"



สภาพไอ้เซอร์นี่ไม่น่าจะลุกได้นะครับหมัดเดียวทำไมเลือดมันออกเยอะขนาดนั้นวะครับ



เรียกได้ว่าเลือดสาด



แต่ไอ้เซอร์มันก็พยายามลุกขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าใส่ไอ้พี่พาย มันต่อยไอ้พี่พายแต่ไอ้พี่พายหลบได้อย่างง่ายดาย ผมเห็นท่าไม่ดีกลัวเรื่องจะไปเข้าหูอาจารย์และจะซวยกันทั้งหมดจึงลืมตัวเข้าไปขวางทั้งคู่ผลที่ได้ก็คือ



"โอ๊ย!!" ผมแหกปากร้องลั่นอย่างไม่อายใครเมื่อมือข้างที่ใส่เฝือกอ่อนของผมโดยเท้าใครสักคนที่เตะเข้ามาอย่างแรง



เจ็บแปลบขึ้นมาทันที แขนหักใช่ไหมแบบนี้~~~~~~~~
 
ทุกอย่างรอบตัวผมหยุดนิ่งทันทีเมื่อผมแหกปากร้องเสียงดังประหนึ่งจัดคอนเสริ์ตโอเปร่า (ที่อย่างนี้ไม่มีใครกรี๊ดกูสักคน) ไอ้พี่พายมันรีบหันกลับมาประคองมือผมด้วยความทะนุถนอมไม่เหลืออาการตกมันก่อนหน้านี้สักนิด


"เจ็บมากไหม" มันถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  ก่อนจะกวาดสายตาอาฆาตส่งผ่านมนุษย์เซอร์นามว่ามาวินที่ยืนสำนึกผิดอยู่ สรุปตีนมึงใช่ไหมไอ้มาวิน ไอ้ชั่ว ไอ้เลว "อย่าเข้ามานะมึงไม่งั้นกูเอาตายแน่" โถ่พ่อคุณโหดตั้งแต่ต้นเรื่องยันตอนนี้มึงก็มีทิ้งคอนเซปเลยนะครับ
 
 
ไอ้เซอร์ชะงักขาตัวเองทันทีเมื่อได้ยินเสียงอันทรงพลังของอดีตเฮดว๊ากแหกปากร้องบอกออกไป พร้อมสายตาอาฆาตเป็นของแถม


"ธูปกูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ" มันยังมีสำนึกที่ดี



"เก็บคำขอโทษมึงไปเลย ไม่ต้องพูดออกมา" ไม่ใช่เสียงผมนะ ไอ้คนข้างๆต่างหาก มึงถามกูก่อนไหม กูต้องการคำขอโทษนะเฮ้ย


ไอ้พี่พายมันไม่สนโลกแล้วครับมันประคองข้อมือผมอย่างทะนุถนอม (?) ก่อนจะพาเดินไปที่รถของมันผมเองก็ไม่ขัดขืนอะไรเพราะผมอยากหายไปจากสถานการณ์ตรงนี้เหลือเกิน อายสายตาคนอื่นที่มองมาที่ผม ทำตัวเหมือนหมาบ้ากัดกันแย่งกระดูก(?)ไร้สาระจริงๆ

 
ขึ้นนั่งมาบนรถปุ๊บไอ้พี่พายก็บึ่งรถออกจากไปอย่างไว มันพาทำมาที่โรงพยาบาลที่ผมมานอนรักษาตัวนั่นแหละครับ คือกูหิวข้าวอ่ะไม่ได้อยากมาหาหมอ แล้วข้อมือมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายด้วยขอเถอะพากูไปกินข้าวเหอะนะกูหิวT_T


"พี่พายกูไม่อยากหาหมอกูหิวข้าว" ไม่ได้อะไรนะแต่ท้องมันโครกครากแล้วอ่ะ อายพยาบาลอ่ะครับ


หลังจากให้หมอตรวจดูมือผมอย่างละเอียดและจัดยาพร้อมคำบ่นเสร็จเรียบร้อยแล้วไอ้พี่พายก็พาผมมายังร้านอาหารใกล้ๆเพราะตอนนี้อะไรไอ้ธูปก็กินหมดแล้วล่ะครับ ไม่เลือกร้านแล้วหิวมากมาถึงนั่งปุ๊บผมก็สั่งๆรอสักพักอาหารก็มาเสริ์ฟผมนั่งมองอาหารในจานอย่างท้อๆท้องหิวแต่แขนมันเป็นอุปสรรค จะกินยังลำบากเลยโถ่ชีวิตไอ้ธูป


"หิวไม่ใช่หรอกินสิ" ไอ้พี่พายตักเอ็นไก่ทอดมาวางในจานผมพร้อมกับเชิญชวนให้ผมรีบๆยัดอาหารที่มันตักให้เข้าปากเสียที


ผมจำใจตักอาหารในจานเข้าปากอย่างเลี่ยงไม่ได้นั่นไงผมเพิ่งจะกำจัดเอ็นไก่ไปมันตักไข่เจียวมาใส่จานผมอีกแล้วคือเข้าใจด้วยนะครับว่าแขนกูเจ็บอยุ่มันกินลำบากนะครับ แต่พูดไปก็เท่านั่นไอ้พี่พายมันไม่ฟังหรอกครับ ดีไม่ดีพูดมากไปมันว๊ากใส่หน้าผมจะซวยเอา ก็นะมีหน้าที่กินก็กินเข้าไปพูดมากพาลจะซวยเอาซะเปล่าๆ ผมเงียบไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว (ด้วยความยากลำบาก) โมโหมันตั้งแต่ลากผมไปโรงพยาบาลแล้ว แมร่งร้องหาหมอซะแตกตื่นกันทั้งโรงพยาบาลทำยังกับว่าผมนี่อาการสาหัสสากันใกล้ตายเต็มที หมอหน้าหล่อรีบวิ่งมาหาผมอย่างไวพอเจอหน้าเท่านั้นแหละครับแจกยิ้มหล่อๆมาให้ทันทีพร้อมกับคำพูดที่ผมอยากจะกัดลิ้นตายเสียตรงนั้น


"หมอบอกแล้วใช่ไหมครับว่าอย่ารุนแรง"

 
ต่อยปากหมอผิดไหมครับ


"คืนนี้กูนอนบ้านนะ" ผมบอกไอ้พี่พายออกไปเหตุผลน่ะหรอครับ ก็นะช่วงนี้น้องเค้กโฮโมนเปลี่ยนแปลงบ่อย ผมกลัวน้องเห็นหน้าผมแล้วพาลนึกถึงไอ้เทียนอีก แล้วสุดท้ายความซวยมันก็จะมาวิ่งชนผมอย่างจังเพราะพี่ชายสุดที่รักของน้องเค้กจะมาว๊ากใส่ผม ผมเลยคิดว่าชิ่งไปนอนบ้านตัวเองดีที่สุด


ไอ้พี่พายมันวางช้อนลงบนจานก่อนจะจ้องหน้าผมเขม็ง นั่นไงมึงจะโหดใส่กูอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย


"มึงพูดใหม่อีกทีสิ" เสียงแข็งไปนะครับพี่น้องครับ แหม่ๆทำเอาไอ้ธูปขนลุกซู่เลยนะครับเนี่ย


"กูบอกว่าคืนนี้กูกลับไปนอนบ้านนะ"


"กูไม่อนุญาต"  เข้าใจอะไรผิดป่ะวะกูไม่ได้ขออนุญาตมึงกูแค่บอกเฉยๆ บอกให้รับรู้เอาไว้น่ะ


"กูไม่ได้ขออนุญาตมึงกูแค่บอก" ผมชี้แจ้งให้มันเข้าใจตรงกัน


"กูบอกว่ากูไม่อนุญาต" คิดว่ามันฟังที่ผมพูดไหมครับ เผด็จการไปนะมึงอ่ะ


ผมกำลังจะอ้าปากพูดมันก็สวนกลับมาจนผมต้องยอมแพ้สงบปากสงบคำทันที



"สภาพมึงตอนนี้อยู่คนเดียวได้หรอห๊ะ" แหม่ๆๆโหดจริงๆนะกับกูเนี่ย
.
.
.
.
.
.
.
"เกิดอะไรขึ้นวะ" ผมหันไปถามไอ้พี่พายทันทีเมื่อขับรถเข้ามาในบ้าน (บ้านมันอ่ะครับ) มันทำหน้าประมาณว่ากูก็อยู่กับมึงถามอะไรหัดใช้สมองด้วย ประมาณนี้อ่ะครับ



พอจอดรถได้ไอ้พี่พายก็สวมวิญญาณนักวิ่งโอลิมปิคพุ่งเข้าบ้านทันที ผมเดินงงๆไปหาบอดี้การ์ดไอ้พี่พายที่ยืนทำหน้าสยองโลกอยู่ที่บันไดหน้าบ้าน คืออยากจะบอกว่าตอนนี้ผมซี้กับลูกน้องของไอ้พี่พายทุกคนแล้วครับ ก็นะเจ้าพวกมันประกาศออกสื่อขนาดนั้นว่าผมคือ (คนที่มันคิดเอาเองว่าเป็น) แฟนมันถ้าลูกน้องมันยังกวนทีนผมอยู่คิดว่าคงจะไม่เหมาะไม่ควร


"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ" ผมถามบอดี้การ์ดพี่พายที่ยืนอยู่ใกล้ผมที่สุด มันหันหน้ามามองผมด้วยใบหน้าซีดเผือดเหมือนเพิ่งเจอเรื่องระทึกขวัญมา


"คือคุณหนูเค้กแกแพ้ท้องอ่ะครับ" แพ้ท้องแล้วไงวะแปลกตรงไหน คนท้องก็ต้องแพ้ท้องเป็นธรรมดาป่ะวะ


ผมส่ายหัวด้วยความเซ็งเมื่อได้ยินคำตอบของลูกน้องไอ้พี่พายก่อนจะเดินเข้าบ้านไป


 
WTF คุณพระนี่มันอะไรกันครับนี่ O_O


"พี่ธูปปปปปปปปป" เสียงเรียกหวานหูที่ทำเอาผมสยองสัดๆเมื่อได้ยิน ผมก้าวเท้าถอยหลังโดยอัตโนมัติทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เริ่มรู้สึกว่าความซวยจะมาเยือนผมเข้าอย่างจัง


"พี่ธูปอย่าหนีเค้กนะคะ ไปจับตัวพี่ธูปไว้เร็วๆสิ" เฮ้ย!!อย่ามายุ่งกับกูปล่อยกู ไอ้พวกควายไบสันปล่อยกู


"น้องเค้กต้องการอะไรจ๊ะ" ผมเอ่ยปากถามทันทีเมื่อโดนควายไบสันล็อคตัวเอาไว้ ก็นะหมดทางหนีแล้วนิครับจะให้ทำไงได้นอกจากพุ่งชนกับความซวยแมร่งเลย


"พี่ธูปช่วยไปทำอะไรก็ได้ให้เหงื่อออกที่นะคะเค้กจะดมอ่ะนะๆๆ" อะไรครับคุณน้องไอ้ที่นอนตายเป็นศพอยู่ที่พื้นสิบกว่าคนเนี่ยเหงื่อมันก็จะท่วมกรุงเทพแล้วนะครับน้องจะมาพิศวาสอะไรกับเหงื่อพี่ครับ


"เอิ่ม คือพี่เพิ่งทานข้าวมาอ่ะจ๊ะทำเกรงว่ามันจะจุกอ่ะ" แล้วที่สำคัญแขนพี่เข้าเฝือกอยู่นะครับน้องครับ


ไอ้พี่พายไปไหนวะทำไมไม่มาช่วยกู
 
น้องเค้กทำหน้างอทันทีเมื่อไม่ได้ดั่งใจร่างโปร่งที่ท้องป่องเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม 


"พี่พายก็เพิ่งไปทานข้าวกับพี่ธูปมาพี่พายยังไปออกกำลังกายเพื่อเค้กได้เลย แล้วทำไมพี่ธูปถึงทำเพื่อเค้กไม่ได้ล่ะคะ" นั่นไงมึงหนีกูเอาตัวรอดไปเสียเหงื่อโดยไม่รอกูได้ไงเนี่ยไอ้พี่พาย

แล้วเรื่องนี้ผมเกี่ยวอะไรด้วยวะ ได้แต่คร่ำควรญอยู่ในใจก่อนจะเดินคอตกรับสภาพตัวเองไปที่ห้องฟิตเนสทันที ผมเดินหมดอาลัยตายอยากมาถึงหน้าประตูห้องพอเปิดออกก็พบกับชายฉกรรจ์นับสิบกำลังออกกำลังกายกันอย่างบ้าคลั่ง หนึ่งในนั้นมีไอ้พี่พายมนุษย์เหนือโลกรวมอยู่ด้วย


"หึหึ โดนเหมือนกันหรอมึง" ไอ้พี่พายที่กำลังยกดัมเบลหันมาถามผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่ที่เครื่องออกกำลังกายใกล้ๆมัน


"น้องเค้กอารมณ์ไหนวะ" ผมถามไอ้พี่พาย


"แพ้ท้องมั้ง มึงจะพูดมากทำไมวะรีบๆหาอะไรทำให้เหงื่อออกดิ น้องกูรออยู่" สั่งจังเลยนะพ่อคุณ แหม่ๆๆ น้องมึงรอดมเหงื่อแต่ถ้ากูวิ่งตอนนี้น้องมึงได้ดมอ้วกกูแน่ๆอ่ะ


"ไม่เอาอ่ะเพิ่งกินอิ่มๆเดี๋ยวจุก" ผมบอกก่อนจะนั่งมองไอ้พี่พายยกดัมเบลด้วยความตั้งอกตั้งใจ เพื่อน้องมึงยอมทุ่มสุดตัวขนาดนี้เลยหรอวะเนี่ย กูชักจะอิจฉาน้องเค้กแล้วสิ


อิจฉา


ผมเนี่ยนะอิจฉา



ไม่ใช่ล่ะ

ไอ้พี่พายมันเห็นผมนั่งเฉยๆไม่คิดจะหากิจกรรมทำเพื่อเรียกเหงื่อมันจึงวางดัมเบลลงก่อนจะขยับมานั่งลงใกล้ๆผม


ผมโน้มตัวมากระซิบข้างหูผมเบาๆ  "งั้นเราไปเรียกเหงื่อกันบนห้องกูดีไหม"


หื่นตลอดอ่ะมึง


"ฝันเหรอมึง" ผมตอบกลับก่อนจะลุกขึ้นหนีมันมาปั้นจักรยาน เอาว่ะยอมเหนื่อย ยอมอ้วกพุ่ง ดีกว่าผมต้องเสียเหงื่อเพราะไปฟิชเจอร์ริ่งกับไอ้พี่พาย ถ้าเป็นอย่างนั้นผมยอมตายดีกว่า


ผมก้มหน้าก้มตาปั่นจักรยานแบบลืมตายจนรู้สึกว่าสรรพสิ่งรอบตัวทำไมมันเงียบวังเวงยังกับป่าช้า จึงได้เงยหน้าขึ้นมองรอบๆตัวผมกับเจอแค่ความว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ในบริเวณนั้นนอกจากผมคนเดียว


แมร่งเลวทิ้งกูกันไปหมดปล่อยให้กูปั่นเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียวน่องกูใหญ่เท่าแขนนักมวยปล้ำแล้วมั้ง ผมโวยวายในใจจนสาแก่ใจตัวเองจึงลงจากจักรยานที่ปั่นอยู่ ขาแทบทรุดเหนื่อยโคตรๆ เหงื่อนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ


เป็นปี๊บ


ผมเดินหมดแรงไปที่ประตูกะว่าจะเอากลิ่นตัวไปให้น้องเค้ก ดอมดมให้สมใจถึงทีแต่ก็มีมารมาขวางทางผมเอาไว้ซะก่อน


"มีไร" มาขวางทางกูทำไมเนี่ยป่านนี้น้องเค้กรอดมเหงื่อผมอยู่ จนเหวี่ยงบ้านแตกไปแล้วมั้ง


ไอ้พี่พายยิ้มหื่นๆส่งมาให้ก่อนจะก้าวเท้ามาหาผมช้าๆ "หน้ามึงตอนนี้โคตรเอ๊กซ์เลยวะ" มันใช่เวลาหื่นไหมกูถามหน่อย


"ไร้สาระ หลบไป" ผมดันไหล่ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของมันให้ออกห่างจากตัวผม


แต่ไอ้พี่พายก็คือไอ้พี่พายอยู่วันจนค่ำมันเคยฟังเสียงนกเสียงกาอย่างผมซะที่ไหนกันล่ะครับ มันจับแขนผมไว้ก่อนจะผลิกตัวผมให้หันหน้ามาหามัน


ก่อนที่มันจะ


จะ


จูบโผ้มมมมมมมมมมมม


ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของมันแต่ตอนนี้เรี่ยวแรงผมหายไปพร้อมจูบอันร้องแรงของไอ้พี่พายที่ดูดพลังของผมไปจนหมด มึงไม่เหนี่ยวตัวบ้างหรือไงวะ เหงื่อกูเหงื่อมึงผสมกันนี้มันไม่น่าอภิรมย์สักนิดเลยนะ จะหื่นช่วยดูสถานะการณ์ด้วยครับ


"อืมมมม" ผมร้องขึ้นทันทีเมื่อลิ้นของอีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตต้องห้าม ไอ้พี่พายมันไม่ฟังเสียงร้องเสียงครางของผมสักนิดมันบดจูบผมอย่างหนักหน่วง มีมันลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังที่ชื่นไปด้วยเหงื่อของผมก่อนมันจะดันร่างผมไปติดกับผนังห้องและตัวมันก็ตามมาทาบทับร่างผมทันที


มันใช้ขาของมันแยกขาผมออกจากกันก่อนจะสอดขาของมันมากลางหว่างขาผม ตัวผมพยายามดิ้นหนีจากการถูกรุกล้ำแต่ไอ้พี่พายก็เข้ามาประชิดได้ทันท่วงที มันยอมให้ผมได้รับอิสระภาพทางปากเพียงไม่กี่นาทีเพื่อรับเอาอากาศเขาไปให้ชุ่มปอดก่อนมันจะเริ่มบดจูบผมอีกรอบ ขาของมันก็เสียดสีกับเป้ากางเกงของผม ตอนนี้ยอมรับอย่างไม่อายเลยล่ะครับ ว่าผมเริ่มมีอารมณ์จากการปลุกเร้าอย่างถึงใจของไอ้พี่พายแล้ว


ผมยกมือขึ้นโอบรอบคอไอ้พี่พายก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นต่อสู้ฟาดฟันกันลิ้นของมันอย่างไม่ยอมกัน มือไอ้พี่พายเริ่มซุกซนแล้วครับมือมันลูบวนอยู่ที่หน้าท้องของก่อนจะไล้ต่ำลงมายังเป้ากางเกง ไอ้พี่พายก็หยุดทุกการกระทำมันปล่อยจูบผมก่อนจะจ้องมองที่ดวงตาของผมด้วยสายตาหวานหยดมดตอม



"กูขอนะ"
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๓ อะไรกันนักกันหนา ๒๑/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-07-2015 22:31:31
หึๆๆๆ กดเลยพี่พาย จะช้าอยู่ใย กดเลยๆๆๆๆๆๆ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๓ อะไรกันนักกันหนา ๒๑/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-07-2015 09:24:58
ขอไรอิพี่พาย(ใสซื่อ)
ขอแล้วต้องแต่งด้วยนะ 5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๔ รักกันมั้ย หัวใจมันอยากเสนอฯลฯ ๒๒/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 22-07-2015 17:22:30
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๑๔ รักกันมั้ย หัวใจมันอยากเสนอ
ก็รอแต่เธอเมื่อไหร่ถึงจะสนอง



"กูขอนะ"



ขอ ขออะไรครับ ขอกอดมึงก็กำลังกอดกูอยู่นะ ขอจูบมึงก็งับปากกูจนเจ่อไปหมด แล้วมึงจะขออะไรจากกูอีกกูไม่มีอะไรจะให้มึงแล้วนะ


"เงียบแปลว่ามึงตกลงใช่ไหม" เฮ้ย!!กูยังไม่ได้ตกลงอะไรกับมึงเลยนะกูกำลังประมวลผลอยู่มึงอย่าคิดเองเออเองสิวะ แล้วสายตาหื่นๆกับเสียงกระเส่าเนี่ยอย่ามาใช้กับกูไม่ได้ผลหรอกเว้ย


"มึงคิดเองเออเองตลอดเหอะ" ผมว่ามันก่อนจะใช้มือที่ไม่มีเฝือกออกแรงดันอกแกร่งที่มีแต่มัดกล้ามให้ออกห่างจากตัว ไอ้พี่พายทำเสียงจิจ๊ะใส่ผมแต่ผมไม่สนใจหรอกครับเพราะตอนนี้ผมต้องเอาเหงื่อตัวเองไปให้น้องเค้กดอมดมเสียก่อนมันจะเหือดหายไปแล้วผมต้องไปออกกำลังกายเพื่อเรียกเหงื่ออีกรอบถ้าเป็นแบบนั้นผมขอลาตายดีกว่า


"มึงจะไปไหน" ไอ้พี่พายมันตามมาคว้าแขนผมเอาไว้ น้ำเสียง สีหน้าท่าทางแววตา บอกได้คำเดียวว่ามาเต็ม


อารมณ์ล้วนๆ


"อะไรอีกวะ" ผมหันไปถามมันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ถ้าเหงื่อกูแห้งเมื่อไหร่มึงรับผิดชอบชีวิตกูด้วยนะไอ้พี่พาย


"เพราะไอ้เวรนั่นใช่ไหมมึงถึงไม่ยอมกูอ่ะ" ไอ้เวรไหน อะไร ยังไง ธูปงงครับ


"มึงพูดเรื่องอะไรวะ กูงงไปหมดแล้วเนี่ย"


"ก็ไอ้เหี้ยที่มันอยากจะเคลียร์กับมึงหน้ามหาลัยไง" อือหือ เหี้ย เต็มๆหน้ากูเลย


"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงด้วยวะ" ผมถามเพราะไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับไอ้คนตรงหน้าผมสักนิด


ไอ้พี่พายมันถอนหายใจก่อนจะดึงแขนผมส่งผลให้ตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของมันในทันที มันวาดมืออีกข้างที่ว่างอยู่โอบรอบเอวผม และกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผมดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของมัน



ทำไมสภาพผมมันเหมือนเคะน้อยๆที่ไร้ทางต่อสู้จังวะ _ _!!



"ทำไมกับมันมึงถึงยอม แล้วกับกูมึงถึงไม่ยอม" สาสสส คิดได้แค่นี้ใช่ไหมในสมองมึงอ่ะ


ผมจ้องหน้ามันกลับไปให้รู้ว่าผมโมโห โกรธ ไม่พอใจ อะไรก็ตามแต่ที่บอกมันได้ว่าผมไม่ชอบใจในสิ่งที่มันคิดและสิ่งที่มันพูดออกมา


มันกำลังดูถูกผม


"มึงอยากได้กูนักใช่ไหม" ผมบอกมันก่อนจะถอดเสื้อนักศึกษาที่ใส่อยู่โยนใส่หน้ามัน  "มึงคิดว่ากูง่ายขนาดจะนอนกับใครก็ได้ใช่ไหม" ผมกำลังจะรูดซิบถอดกางเกงแต่ไอ้พี่พายกลับยึดตัวผมเอาไว้ในอ้อมกอดเสียก่อน


"มึงอย่าทำอย่างนี้ กูขอโทษ" ไอ้พี่พายมันขอโทษผม คำขอโทษที่ผมเฝ้ารอ คำขอโทษที่ผมอยากได้ยินจากปากของมัน แต่พอเอาเข้าจริงผมกลับไม่รู้สึกยินดี หรือดีใจเลยสักนิด


ก็คำพูดของมันเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยได้ มันดูถูกผม มันไม่รู้จักตัวตนจริงๆของผมก็ไม่น่าจะมาตัดสินกันแบบนี้


"ปล่อย" ผมร้องบอกพร้อมกับใช้ท่อนแขนออกแรงดันอกไอ้พี่พายให้ออกห่างจากตัว "มึงดูถูกกู มึงไม่รู้อะไรแล้วอย่ามาตัดสินกู"


ไอ้พี่พายกอดรัดร่างผมจนรู้สึกอึดอัดมันไม่คิดจะคลายอ้อมกอดไม่คิดจะพูดคำอื่นนอกจาก คำว่า "ขอโทษๆ" แต่ผมไม่อยากได้ยินตอนนี้ต่อให้มันคุกเข่าลงตรงหน้าผม ผมก็ไม่หายโกรธ ไม่ให้อภัยมันเด็ดขาด


"ธูป กูขอโทษ" ครั้งแรกที่ไอ้พี่พายมันเรียกชื่อผม ครั้งแรกที่ไอ้พี่พายมันขอโทษผม "ยกโทษให้กูนะธูปนะกูขอร้อง"


ครั้งแรกที่ไอ้พี่พายขอร้องผม


"มึงดูถูกกู" ผมพูดเสียงอู้อี้อยู่ตรงไหล่มัน ก็นะมันล็อคตัวผมไว้นี่ครับไม่ได้อยากจะซบไหล่มันเลยนะ จริงๆ



"มึงจะให้กูทำยังก็ได้ ถ้ามึงจะหายโกรธกูอ่ะ กูยอมทุกอย่างจริงๆ" ไอ้พี่พายรีบพูดจนดูร้อนรน น้ำเสียงมันดูตื่นๆยังไงชอบกล


"ปล่อยกูก่อนดิ"


มันยอมปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ สายตาที่จ้องมองมาเกือบทำให้ผมใจอ่อนแต่ก็แค่ชั่ววูบนึงเท่านั้น เพราะผมเลือกที่จะก้มหน้าไม่สบตากับดวงตาดุๆคู่นั้น


"มึงจะให้กูทำยังไงอ่ะธูปมึงถึงจะหายโกรธกู"


ผมรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นจ้องมองไอ้พี่พายก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมา  "อย่ามายุ่งกับกูอีก ต่างคนต่างอยู่"


"ไม่!!" สัดกูตกใจ ว๊ากใส่หน้ากูทำไมอ่ะ แล้วไม่คิดก่อนพูดเลยหรอ คิดสักนิดก็ได้นะ


"มึงจะไม่ทำตามที่กูพูดเหรอ" ผมย้อนมันกลับไป


"ถ้าต้องให้กูห่างกับมึงกูไม่ทำ" หน้าเหี้ย(ม)ใส่กูทำไมอ่ะ


"ก็มึงดูถูกกูอ่ะ"


"กูก็ขอโทษแล้วไง มึงจะเอาอะไรอีกธูป อย่างเรื่องมากได้ไหม" แน่ใจนะว่ามึงคือพระเอกของเรื่องนี้อ่ะ เปลี่ยนตัวตอนนี้ทันไหมวะ


"มึงว่ากูง่าย ทั้งๆที่กูโดนตอนไหนกูยังไม่รู้เรื่องเลย กูตื่นมาก็เสร็จมันไปแล้วมึงยังมาว่ากูว่าอีก เชรี้ยกูไม่ได้ง่ายนะเว้ย"


กูเมา เมาเละเทะเลยเมาแบบเมาไม่ได้สติอ่ะ เมาอย่างหมาอ่ะ ตื่นมาก็อย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ แมร่งคิดแล้วน้อยใจในโชคชะตา


ไอ้พี่พายมันกอดผมอีกครั้งตอนนี้เริ่มตาแดงๆแล้วจริงๆผมไม่ใช่คนขี้แงร้องไห้ง่ายๆเหมือนพวกนางเอกในทีวีหรอกนะครับแต่เรื่องนี้มันเกินที่จะควบคุม คิดขึ้นมาที่ไหร่แซดทุกที


"กูขอโทษ" มันโยกตัวผมไปมาในอ้อมกอดที่ผมคิดว่าอบอุ่นจนเริ่มร้อนระอุขึ้นมานิดๆเพราะไอ้พี่พายมันเริ่มไล้มือลูบวนไปทั่วแผ่นหลังของผม


"เดี๋ยวไอ้พี่พายหยุด อื้มมมมม"  มึงจูบกูทำไมกูยังไม่หายโกรธมึงเลยนะ


ผมเริ่มออกแรงดิ้นอีกครั้งเหมือนหนังม้วนเดิมที่กรอกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้งโดยไอ้พี่พายมันจูบผมพร้อมกับมือหนาที่ล็อคคอผมเอาไว้เพื่อป้องกันการหลบหนี มันดันตัวผมไปชิดติดกำแพงอีกครั้งแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือมันไม่ขอผมเหมือนคราวแรกมันรูดซิบกางเกงผมออกทันทีโดยไม่รอช้า ไม่รอขอคำตอบ ผมพยายามรั้งมือมันเอาไว้แต่ไอ้พี่พายมันกลับทาบทับตัวมันลงมาที่ตัวผมก่อนที่มือมันกำลังต่อสู้กับมือผมเพื่อจะปลดเปลื้องกางเกงที่ผมใส่อยู่ให้ออกจากตัว


"อย่าไล่ให้กูไปจากมึงอีก กูไม่ชอบ" ขนาดกูไล่มึงขนาดนี้มึงก็แทบจะสิงร่างกูอยู่แล้ว ถ้าไม่ไล่มีหวังมึงไม่ขี่คอกูเป็นชัคเตอร์เลยหรอวะเนี่ย


"กะ ก็มึงว่ากูอ่ะกูไม่ชอบ" เสียงกูทำไมมันหน่อมแน้มขนาดนี้วะเนี่ย


ไอ้พี่พายยกมือมันขึ้นมาวางทาบที่แก้มผม "กูก็แค่โมโหยิ่งวันนี้กูเห็นหน้ามันกูก็ยิ่งโมโห พอมึงปฎิเสธไม่ยอมกู หน้าไอ้เวรนั่นก็โผล่เข้ามาในหัวกูทันที กูไม่ได้ตั้งใจดูถูกมึงนะ" รัวเป็นกระสุนปืนอากร้าเลยครับแหม่ กลัวกูโกรธขนาดนั้น

"กูไม่ชอบ" ผมบอกก่อนจะก้มลงกัดที่ไหล่ไอ้พี่พาย แมร่งโมโหทำอะไรมันไม่ได้ กัดแมร่งเลย


"กูเจ็บนะธูปเป็นหมารึไงเนี่ย" ไอ้พี่พายดันหน้าผมออกจากไหล่มัน ก่อนมันจะหันหน้าไปดูรอยเขี้ยวที่ผมฝากเอาไว้


"กูเจ็บกว่ามึงอีก" ผมบอกออกไป


ไอ้พี่พายมันหันหน้ามามองผมด้วยรอยยิ้มหื่นๆตามแบบฉบับของมัน "ให้กูลบรอยไอ้เหี้ยนั่นให้เอาไหม"


สาสสสส ในหัวมึงมีแต่เรื่องพรรณ์นี้ใช่ไหมเนี่ย


"ฝันไปเถอะมึง" ผมพูดขึ้นก่อนจะดันมันออกห่างจากตัว ไม่ลืมหยิบเสื้อนักศึกษาที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาพาดไว้ที่บ่า และจัดการรูดซิบกางเกงติดกระดุมให้เรียบร้อย


"คืนนี้นอนห้องกูนะ"


"ไปคุยกับขี้ไป๊!!" ผมหันไปว่ามันก่อนจะเปิดประตูห้องออกมา อารมณ์เสียกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ อยู่ใกล้ๆแล้วพาลจะหงุดหงิด


"O_O" ตะลึง อึ้ง ทึ้ง เสียว ครบเครื่องเลยกู


"พี่ธูปกับพี่พาย" น้องเค้กชี้นิ้วมาที่ผมทีที่ไอ้พี่พายที ด้วยท่าทางตกตะลึง หน้าน้องเค้กซีดเผือดไม่มีสีเลือดบนใบหน้าเลย


ซวยแล้วไงกูเรื่องนี้ถึงหูพ่อแม่ไอ้พี่พายผมล่ะซวยแน่ๆ


"น้องเค้กฟังพี่อธิบายก่อนนะครับ" ผมเดินไปจับมือน้องเค้กมากุมไวทันที


"ปล่อยมือน้องกูเดี๋ยวนี้" มันใช่เวลาหวงน้องไหมครับ


"ไม่ค่ะเค้กไม่ฟัง เค้กเสียใจที่สุดอ่ะที่พี่สองคนทำแบบนี้" ผมหน้าเสียทันทีรีบหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้พี่พายที่ยืนหน้านิ่งกอดอกอยู่ข้างๆผม


แต่ไอ้พี่พายมันไม่สนใจสายตาอ้อนวอนที่ต้องการความช่วยเหลือของผมสักนิด เรื่องนี้มึงเริ่มนะเว้ยมึงไม่คิดจะช่วยพูดอะไรบ้างหรอวะ แมร่งลำบากกูอีกแล้วสิเนี่ย


"น้องเค้กใจเย็นๆนะคะอย่าโมโหเดี๋ยวมันจะมีผลกับลูกในท้องนะ" คิดอะไรไม่ออกอ้างหลานก่อนแล้วกันกู ผมพยายามปลอบพยายามโน้มน้าว คนท้องที่โฮโมน์พลุกพล่านอยู่ตรงหน้า แต่น้องเค้กนอกจากไม่ฟังผมสักนิดน้องแกยังฟาดงวงฟาดงาใส่ผมอีก


"ไม่ค่ะเค้กไม่ฟังพี่ธูปทำอย่างนี้ได้ยังไงคะ เค้กไม่อยากจะเชื่อเลย" กูไม่ได้ทำครับพี่ชายน้องเค้กต่างหากที่ทำพี่อ่ะ ฟังกูพูดบ้างสิเว้ย


"พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ" สรุปเรื่องนี้ผมผิดใช่ไหมเนี่ย


"ไม่ค่ะอย่ามาขอโทษเค้กไม่ยกโทษให้ เค้กเสียความรู้สึกกับพี่ธูปมากๆ" สะบัดบ๊อบใส่กูซะงั้น เออดีจริงพี่น้องคู่นี้แมร่งนิสัยเหมือนกันจริงๆ ถ้าไม่เห็นว่ากำลังท้องหลานผมอยู่นะพ่อจะไม่สนใจจริงๆ


"น้องเค้กอย่าโมโหพี่เลยนะ เรื่องนี้พี่ไม่ได้เริ่มนะคะพี่ชายน้องเค้กต่างหากที่เริ่มก่อนอ่ะ" เอาซี้ งานนี้มีโยนขี้ล่ะครับ กูขอเอาตัวรอดก่อนแล้วกัน


"พี่พาย" น้องเค้กถามผมด้วยความฉงน "พี่พายเริ่มก่อนยังไงหรอคะ" ผมหันมองหน้าไอ้พี่พายให้มันรู้ว่าความซวยกำลังจะมาเยือนมันแล้ว เพื่อให้มันเตรียมตัวรับเอาความซวยไปจากตัวผมบ้าง แบ่งๆกันไปนะ


ผมยืดอกด้วยความภาคภูมิในใจที่จะมีคนรับตำแหน่ง 'ซวย'  ต่อจากผม ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องในห้องฟิตเนสให้น้องเค้กฟังอย่างละเอียด (ยกเว้นเรื่องที่ผมมีผัวโดยไม่รู้ตัว) น้องเค้กทำหน้าประหลาดใจก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผมเห็นแล้วรู้สึกร้อนๆหนาวๆมันช่างเหมือนรอยยิ้มที่ไอ้พี่พายมันชอบยิ้มให้ผมเวลาที่มันจะทำเรื่องเลวๆกับผมเลยวะ


"พี่ธูปเข้าใจอะไรผิดไปเยอะเลยนะคะ คิกๆๆ" หัวเราะอะไรครับแล้วอะไร ใครเข้าใจอะไรผิด ก็พวกเรากำลังคุยกันเรื่องนี้ไม่ใช่หรอวะ


"พี่เนี่ยนะเข้าใจผิด พี่เข้าใจผิดเรื่องอะไร เราคุยกันเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอคะ"


น้องเค้กขำกร๊ากขึ้นมาทันทีก่อนจะยกมือขึ้นประคองท้องเพราะคงกลัวว่าหัวเราะมากไปลูกจะไหลออกมา


"พี่ธูปคะ เค้กงอลพี่สองคนเรื่องที่พี่หายกันมานานเค้กก็นึกว่าพี่จะออกกำลังกายจนเหงื่อออกเยอะ แต่ที่ไหนได้มาสานสัมพันธ์กันนี่เอง" น้องเค้กทำสายตากรุ้มกริ้มใส่ผมสลับกับมองหน้าไอ้พี่พายไปด้วยทำเอาผมรู้สึกว่ากูพลาดมหัตน์ที่ไปเล่าเรื่องบ้าๆ ไร้สาระ น่าอาย ให้น้องเค้กฟัง


ผมก้มหน้าพลางนึกถึงตัวซวยที่มันวิ่งย้อนกลับมากระแทกใส่หน้าผมอย่างจัง ส่วนพี่น้องสองคนนั้นน่ะหรอครับยืนขำผมหน้าดำหน้าแดงประหนึ่งเจอเรื่องตลกขบขันที่ฮาสุดในรอบปี แมร่งไอ้ธูปเมื่อไหร่มึงจะมีชีวิตปกติสุขเหมือนคนอื่นๆเขาสักที่วะ


"ว่าแต่พี่ธูปรับรักพี่พายรึยังอ่ะคะ" ถามทำไมครับน้อง


"พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายครับ" ตอบตอบเสียงดังฟังชัด เอาให้รู้กันไปเลยว่ากูเนี่ยแมน แมนมาก แมนโคตรๆๆ แมนๆแตะบอลเลยเถอะกูเนี่ย ถึงจะเคยโดนผู้ชายสอยตูดมาแล้วก็เหอะ แต่ก็ไม่สามารถทำลายความแมนของกูได้เด็ดขาด


"เค้กไม่ได้ถามว่าพี่ธูปชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย เค้กถามว่าพี่ธูปรับรักพี่พายรึยังต่างหาก พี่ธูปตอบไม่ตรงคำถามนะคะ"


นั่นไงคุณเธอเล่นกูซะแล้ว


"พี่ไม่มีทางรับรักพี่ชายน้องเค้กหรอกครับ" ผมเหลือบตามองหน้าไอ้พี่พายที่กำลังจ้องมองผมอยู่  "คือพี่ไม่ได้ชอบพี่ชายน้องเค้กน่ะครับ"


น้องเค้ก (แสร้ง) ทำหน้าเสียใจประดุจญาติเสีย ก่อนคุณเธอจะเอื้อนเอ่ยคำสั่งประหารออกมา


"เค้กว่าเรื่องนี้ผู้ใหญ่ควรรับรู้นะคะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว" น้องเค้กยิ้มหวานปานมีดโกนอาบน้ำผึ้งมาให้ผม  "ไปหาพ่อกับแม่กันเถอะคะพี่พายพี่ธูป"


เฮ้ย!!ไปทำไมครับไม่ไป รู้แค่บอดี้การ์ด น้องเค้ก ก็พอแล้วมั้ง พี่ไม่ต้องการพยานความรัก (ของไอ้พี่พาย) มากกว่านี้ครับ แค่นี้พี่ก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้วครับน้องครับ ไอ้ควายไบสันมึงอย่าลากกู ใครก็ได้ช่วยธูปด้วย
.
.
.
.
.
กดดันไหม ตอบเลยว่ามาก ก็นะน้องเค้กเล่นโทรตามคุณพ่อคุณแม่ของน้องมาพร้อมหน้าพร้อมตา โดยให้เหตุผลว่ามีเรื่องด่วนมากๆให้รีบกลับมาบ้าน เท่านั้นแหละครับไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ท่านทั้งสองก็กลับมาถึงบ้านด้วยหน้าตาตื่นประหนึ่งว่าน้องเค้กจะคลอดลูกก่อนกำหนด ส่วนผมนี่แถบจะหายไปจากบริเวณนั้นทันทีถ้าไม่ติดว่ามีมือของไอ้พี่พายที่มันล็อคมือผมเอาไว้ ไม่ใช่ว่ามันพิศวาสผมหรอกนะครับ มันกลัวผมหนีแล้วความซวยจะวิ่งชนหามัน มันเลยใช้ผมเป็นเกราะป้องกันความซวยไม่ให้วิ่งหลุดจากผมไปหามันเท่านั้นเอง


"ว่าไงเราสองคนรักชอบกันอยู่หรอ" ตรงไหนที่ดูเหมือนคนรักกันครับคุณพ่อ


"เปล่าครับ" ไอ้พี่พายตอบคำถามนั่นด้วยน้ำเสียงสบายๆชิวๆ มึงชิวเกินไปไหม กดดันเป็นเพื่อนกูนิดนึงเถอะนะ กูเกร็งจนฉี่จะราดแล้ว



"หมายความว่าไง" ประมุขของบ้านยังคงไล่บี้ไอ้พี่พายต่อไป


ไอ้พี่พายมันกำมือผมไว้แน่นก่อนที่มันจะหันมามองหน้าผม สายตามันสื่อความหมายมากมายแต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากจะมอง เชอะ พูดมาได้ไงว่าเปล่ามึงอ่ะจีบกูอยู่ (นางธูปมั่นใจแบบนั้นปล่อยนางไป) แล้วพอพ่อมึงถามมึงกลับผลิกลิ้นซะงั้น


"เปล่าเราไม่ได้รักกันอ่ะป๊า" โอ๊ย อารมณ์เสียอยากไปจากตรงนี้โคตรๆๆ  "ผมแค่ชอบมันฝ่ายเดียวแล้วกำลังจีบมันอยู่"


ห๊า!!เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ มึงพูดออกสื่อว่าชอบกูและตามจีบกูหรอ ตายๆไอ้ธูปโดนผู้ชายบอกชอบออกสื่อต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่คร้าบทุกคนนนนนนน  บอกตรงๆกูอายครับพี่น้องครับ>///<


"แล้วธูปล่ะคิดยังไงกับลูกชายแม่" ถามแบบนี้ผมจะตอบยังไงล่ะครับไม่ให้โดนถีบออกนอกบ้านอ่ะ ก็นะลูกชายคนแม่ทั้งโหด ทั้งเถื่อน บังคับผมก็ที่หนึ่ง เอาแต่ใจ ว๊ากใส่ผมตลอด หื่นระดับพระกาฬ จะให้ผมตอบไปยังไงดีล่ะครับ


"ผมคือผม" ตอบว่าไงดีวะ


"ตอบดีๆนะมึงไม่งั้นกูเล่นมึงแน่" ผมหันหน้าไปมองไอ้คนที่นั่งล็อคมือผมอยู่ แน่ใจนะว่ามึงชอบกูจริงๆอ่ะ มึงโหดไปนะกูว่า ขู่กูทำไมเนี่ย


"ว่าไงล่ะธูป" คุณแม่ก็เร่งจัง ขอเวลาให้รอยหยักในสมองผมได้ทำงานบ้างสิครับ


"คือคุณพ่อคุณแม่ไม่รู้สึกแปลกๆหรอครับที่ผู้ชายสองคนจะมาเป็นแฟนกันอ่ะครับ" นึกอะไรไม่ออกกูเกริ่นประโยคนี้ก่อนล่ะกัน


คุณแม่ของไอ้พี่พายยิ้มยิ้มมุมปากอย่างผู้ดีที่ถูกสอนเรื่องมารยาททางสังคมมาอย่างดี (กูเปรียบซะเวอร์เลย) ก่อนที่ท่านจะพูดออกมาด้วยสายตาเป็นประกายวาววับแลดูมีความสุขโคตรๆ


"คุณแม่ไม่ถือเรื่องนั้นหรอกคะ ความรักไม่ว่าเพศไหนมันก็คือความรักธูปว่าจริงไหมคะ"


ชีวิตกูจะหนีไม่พ้นความซวยใช่ไหมครับเนี่ย ธูปอยากจะบ้าตาย


"แต่ผมไม่ได้ชอบลูกชายคุณแม่ด้วยนะครับ" กูแมนครับแมน ไม่เมะไม่เคะ แมนอย่างเดียวเลยครับ


"อนาคตมันก็ไม่แน่หรอกนะคะธูป" แล้วทำไมต้องเป็นไอ้ธูปด้วยล่ะครับได้โปรดอย่าชี้ทางสีม่วงให้ไอ้ธูปเลยนะครับธูปไม่ว๊อนท์


"ผมไม่มีทางรักกับลูกชายคุณแม่แน่นอนครับ"


แรงบีบที่มือผมแรงขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าไอ้พี่พาย มันไม่ได้มองหน้าผมเพียงแต่มันบีบมือผมจนผมรู้สึกเจ็บก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไปไอ้พี่พายก็ปล่อยมือผมและลุกขึ้นยืน มันพูดก่อนจะเดินออกจากบ้านไป


"ถ้ามันไม่รักไม่ชอบผมก็อย่าบังคับมันเลยครับ พอเถอะ"



อะไรวะมันโกรธผมเรื่องอะไรอ่ะ ผมดิที่เป็นคนต้องโกรธมันไม่ใช่มันมาทำท่าทางไม่พอใจผมแบบนี้ แล้วอะไรสายตาพ่อแม่น้องเค้กที่มองมาที่ผมเหมือนกับว่าผมไปทำร้ายจิตใจดวงน้อยๆของไอ้พี่พายอย่างนั่นแหละ ผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ ผมไม่รู้เรื่องอย่ามองผมแบบนั้น


ตอนแรกกูโกรธมึงอยู่ไม่ใช่เหรอวะแล้วไงตอนนี้ทำไมรู้สึกเหมือนผมเป็นคนผิดไปได้วะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๕ นั่นแหละคือความกดดันที่ฉันต้องทนต้องเจอ ๒๓/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 23-07-2015 10:23:17
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก 
ตอนที่ ๑๕ นั่นแหละคือความกดดันที่ฉันต้องทนต้องเจอ



กดดันกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ ทุกสายตาจับจ้องเหมือนผมทำผิดประหนึ่งฆ่าคนตาย น้องเค้กน้ำตาคลอเบ้าเม้มปากจ้องหน้าผมเหมือนผมไปทำให้ลูกในท้องเธอไม่ดิ้นอย่างไงอย่างงั้น ส่วนคุณพ่อไอ้พี่พายท่านก็ส่ายหน้าระอากับเหตุการณ์ตรงหน้ามองหน้าผมเหมือนผมไปทำให้หุ้นบริษัทของท่านตก ยิ่งคุณแม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ท่านดมยาดม ยาหอมยาหม่องที่สารพัดสาวใช้นำมาประเคนให้  ไหนจะลูกน้องของไอ้พี่พายไม่ต้องพูดถึงแมร่งแทบจะกระโจนมางับหัวผมอยู่แล้วครับ แมร่งบ้านนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวันจริงๆ


ก็นะเรื่องนี้จะมาโทษผมก็ไม่ถูก ก็ผมไม่ได้รักไม่ได้ชอบไม่ได้คิดอะไรกับไอ้พี่พายนี่หว่าจะให้ผมตอบรับรักมันง่ายๆอ่ะเหรอ ไม่เอาด้วยหรอกครับ


"ธูป!!" แม่ไอ้พี่พายเรียกผมน้ำเสียงเย็นๆฟังดูขนพองสยองเกล้าเหมือนจะมีเรื่องให้ไอ้ธูปต้องเครียด


"คะ ครับ" ผมขานรับอย่างร้อนรน รู้สึกร้อนๆหนาวๆบรรยากาศเหมือนจะมีงานเข้า


"ไปง้อพี่เค้าเดี๋ยวนี้เลยนะคะ"


ทะ ทำม้ายยยยย  ใครก็ได้บอกไอ้ธูปหน่อยเถอะครับว่าทำไมผมต้องเป็นคนไปง้อไอ้พี่พายด้วยอ่ะ ใช่เรื่องไหมเนี่ย


ผมยกมือขึ้นใช้นิ้วชี้ ชี้หน้าตัวเองด้วยความงง "ผมเหรอครับ"


ทุกคนในบ้านพยักหน้ารับคำผมอย่างพร้อมเพรียงเหมือนนัดกันมา เฮ้อแล้วผมจะมีทางเลือกอื่นอีกไหมเนี่ย ขืนไม่ทำตามมีหวังโดนโทษประหารเจ็ดชั่วโคตรแน่ๆความผิดของผมก็ไม่ใช่


ทำไมบ้านนี้มีแต่คนประหลาดๆอาศัยอยู่วะ


"แล้วผมจะไปตามพี่พายได้ที่ไหนล่ะครับ" ถามไปอย่างนั้นแหละครับ เพราะผมคงไม่ลงทุนนั่งรถตามไปง้อมันหรอกนะ เปลืองอีกอย่างไม่ใช่เรื่องด้วย


ว่าแต่ทำไมทุกคนยิ้มอย่างมีเลศนัยอย่างนั้นล่ะครับ รอยยิ้มทำไมมันดูเจ้าเล่ห์จังวะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกแกะที่ถูกฝูงหมาป่าห้อมล้อมอยู่เลยอ่ะ


"พี่เขาอยู่บนห้องจ๊ะไปง้อเลยนะๆ เร็วๆสิจ๊ะนั่งอยู่ทำไมล่ะคะลุกสิธูป" ผมกำลังมึนๆอึนๆ แต่ก็ต้องลุกตามแรงดึง คือเรียกว่าฉุดกระชากจะดีกว่าครับ


พอได้สติก็ถามกลับไปในสิ่งที่สงสัย  "คือพี่พายเพิ่งเดินออกจากบ้านไปไม่ใช่เหรอครับ" ก็เห็นๆกันอยู่ว่ามันเดินออกไปกับตา แล้วมันจะไปอยู่บนห้องได้ไงวะ


คุณแม่ไอ้พี่พายคงอยากจะด่าผมว่าโง่เต็มทนแต่ท่านคงเกรงใจเพราะเห็นว่าผมเป็นคนที่ลูกชายท่านอยากจะมีซัมติงด้วยจึงไม่อยากพูดอะไรให้เสียน้ำใจ ท่านจึงเลือกที่จะจิกกัดผมนิดๆหน่อยๆพอให้รู้สึกเจ็บๆคันๆ


"พี่เขาเดินออกจากบ้านไปก็จริงแต่ธูปอย่าลืมว่าบ้านคุณแม่อ่ะ รวยเวอร์และใหญ่มาก ทางเข้าบ้านก็หลายทาง แล้วมันจะแปลกอะไรละคะถ้าพี่เขาจะงอนเดินออกไปแล้วกลับเข้ามาในบ้านอีกทางนึงหนะ"


สรุปกูโง่อยู่คนเดียวใช่ไหมเนี่ย ที่ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้ใหญ่มากและมีทางเข้าหลายทาง และที่สำคัญเจ้าของบ้านก็รวยเวอร์


"ครับ" ผมตอบรับพร้อมกับยิ้มแหย่ๆส่งกลับไปคุณแม่ของไอ้พี่พาย ก่อนจะเดินเนื่อยๆออกมา เพื่อเดินไปง้อไอ้พี่พายที่ห้องนอนของมันตามคำบัญชาของทุกคน


เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับไอ้ธูปด้วยวะเนี่ย ใครก็ได้บอกไอ้ธูปที่เถอะ


ผมยืนอยู่หน้าประตูห้องไอ้พี่พาย ใจหนึ่งก็อยากเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง อีกใจก็อยากเคลียร์กับไอ้พี่พายให้จบๆไปไม่อยากมีอะไรมาค้างคากันอีก


เอาไว้ดีวะ เคาะ ไม่เคาะ กลับห้อง หรือจะเคลียร์ เอาไงดีไอ้ธูป คิดสิวะคิด


ผมเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องไอ้พี่พายด้วยความที่คิดไม่ตกว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไงดี ระหว่างที่เดินไปเดินมาอยู่นั้น ฉับพลันประตูห้องไอ้พี่พายก็เปิดออกอย่างแรง เหมือนกับว่าคนเปิดนั้นกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดจากหน้าของมันที่จ้องมองผมเขม็ง มึงจะแดกหัวกูรึเปล่าว่ะเนี่ย น่ากลัวไปนะหน้ามึงอ่ะ


"มึงจะเดินอีกนานไหม!!" เจอหน้าก็ว๊ากใส่กูเลยนะมึง


"รู้ด้วยเหรอวะ" ไม่น่าถามออกไปเลยกู ไม่รู้มันจะพูดได้ไงวะ กูไม่น่าแสดงความโง่ออกมาเลย


"ไม่รู้แล้วกูจะพูดเพื่อ ถามโง่ๆนะมึง" นั่นไงโดน (ด่า) จนได้  "แล้วจะยืนอีกนานไหม เข้ามา!!"


สั่งจังเลยนะครับพี่ แหม่ๆเห็นกูยอมให้หน่อยล่ะข่มกูใหญ่เลยนะมึง


ผมเดินบ่นพึมพำๆอยู่คนเดียวระหว่างเดินตามตูดไอ้พี่พายเข้ามาในห้อง ดูเป็นคนใจง่ายยังไงไม่รู้ เดินตามผู้ชายเข้าห้องแบบไม่มีอิดออดเลย ใจง่ายไปไหมว่ะกู


ผมเดินมายืนอยู่กลางห้องส่วนเจ้าของห้องนั้นเดินไปนั่ง ชิวๆอยู่ที่โซฟา นั่งไขว้ห้างกอดอก เชิดหน้า เป๊ะมากมุมนี้อยากบอกว่าเหมือนโคตรๆเหมือนคุณแม่ไอ้พี่พายที่เชิดใส่ผมมากๆไอ้ธูปล่ะเพลียจิต


"มีอะไรก็พูดมา" มันรู้ได้ไงว่าผมมีอะไรจะพูดกับมันผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะพูดอะไรกับมัน เก่งเกินไปแล้วนะมึง


"มึงรู้ได้ไงว่ากูมีอะไรจะพูดกับมึง"


"ก็มึงมาเดินไปเดินมาหน้าห้องกูเนี่ยจะบอกว่ามาเดินออกกำลังกายรึไงวะ"


กูโดนบังคับมาหรอกเว้ย ไม่ได้เต็มใจจะมาเคลียร์เลย แล้วอีกอย่างกูยังนึกไม่ออกเลยว่าทำไมกูต้องมาเคีลยร์มาง้อมึงด้วยวะเนี่ย


"ก็แม่มึงเขาสั่งให้กูมาง้อมึงอ่ะ" คิดอะไรไม่ออกอ้างผู้ใหญ่ไปก่อนแล้วกัน


ไอ้พี่พายหันขวับมามองหน้าผม สายตานี่เชือดเฉือนสุดๆ โหดร้ายไปไหมครับพี่น้องครับ ไอ้ธูปผิดอะไร ทำไมต้องใช้สายตาแบบนั้นมองธูปด้วย


"ถ้าแม่กูไม่สั่งมึงก็ไม่คิดจะมาง้อกูใช่ไหม" ถามไม่คิด ก็กูยังไม่รู้เลยว่ากูผิดอะไรแล้วกูจะง้อมึงทำไมว่ะ เอาง่ายๆตอนนี้กูยังไม่รู้เลยว่ากูต้องมาง้อมึงเรื่องอะไร


"แล้วมึงโกรธกูเรื่องอะไรวะ เอาจริงๆกูยังไม่รู้เลยนะเนี่ย" ผมพูดอะไรผิดทำไมไอ้พี่พายต้องถลึงตาใส่ผมขนาดนั้นด้วยอ่ะ แค่นี้กูก็หลอนมากถึงมากที่สุดแล้วนะครับ


ไอ้พี่พายลุกจากโซฟาเดินฉับๆมาหาผม ผมเองเมื่อเห็นท่าทางของมันก็ผงะถอยหลังหนีไปสองสามก้าว ท่าทางเหมือนจะเดินมากระทืบผมเลยอ่ะ แขนกูยังไม่เข้าที่นะเว้ยกรุณาอย่าซ้ำรอยแผลเก่า


"มึงพูดได้ไงว่าไม่รู้ห๊ะ!!" ตะคอกทำไมครับ ก็กูไม่รู้จริงๆอ่ะ


"จะตะคอกทำไมอ่ะ" ผมถามมันกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆบ่งบอกว่าเริ่มไม่พอใจมันนิดๆแล้ว "ไหนๆก็ไหนๆแล้วกูขอเคลียร์กับมึงให้รู้เรื่องเลยนะไอ้พี่พาย จะได้ไม่ค้างคาอะไรกันอีก" ผมบอกออกไปเมื่อรู้สึกว่าเสียเวลาเพราะเรื่องไร้สาระมามากพอแล้ว ควรแก่เวลาเข้าเรื่องได้แล้ว


ไอ้พี่พายมันเลิกคิ้วมองหน้าผมด้วยความสงสัย คงสงสัยที่ผมเปลี่ยนเรื่องอย่างไวจนมันต้้งตัวไม่ทันมั้ง


"เคลียร์" มันทำหน้างงๆใส่ผม  "เคลียร์อะไร"


"กะ กูจะพูดไว้ตรงนี้เลยนะ คะ คือกูไม่ได้คิดอะไรกับมึง ดังนั้นมึงเลิกยุ่งกับกูเหอะนะ กลับไปเป็นคนทีไม่รู้จักกันเหมือนตอนแรกได้ไหม"


ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยกูรู้สึกผิดนะเว้ย ผมก้มหน้าลงแทบจะทันทีไม่อยากมองหน้าไอ้พี่พาย แค่เห็นมันทำสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้นผมก็รู้สึกแปลกๆแล้ว ใจมันหวิวๆยังไงชอบกล


"มึงคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ"


"ก็อย่าทำให้มันยากดิวะ"


"หึ กว่ากูจะยอมรับกับตัวเองได้ว่ากูชอบผู้ชาย มึงคิดว่ามันง่ายมากเลยรึไงธูป"


"....."


"มึงคิดว่ากูเก่งขนาดที่จะทำตามที่มึงขอได้ง่ายๆโดยไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอว่ะธูป"


"......"


"ถ้าทำได้ง่ายอย่างปากมึงพูด กูคงไม่ทำอะไรบ้าๆตั้งมากมายเพื่อให้มึงหันมามองกูหรอก มึงรู้ไหมกูเสียใจทุกครั้งที่คิดว่ากูเคยทำเรื่องแย่ๆอะไรไว้กับมึงบ้าง มึงรู้ไหมว่ากูต้องอดทนแค่ไหนเมื่ออยู่ใกล้ๆมึง มึงเคยรู้อะไรบ้างไหมธูป มึงมองกูแค่ด้านเดียว ด้านที่มึงคิดอยากจะเห็น แต่กู กูมีอีกหลายๆด้านที่ต้องการให้มึงมองให้มึงได้เห็นแต่มึงกลับไม่เคยมองเลย ไม่เลยสักครั้ง"


"....."


"มึงบอกว่าให้กูกลับไปคนไม่รู้จักกัน กูถามมึงหน่อยนะธูป" ไอ้พี่พายมันเดินเข้ามาประชิดตัวผม ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้แน่น  "คนไม่รู้จักกันกอดกันแบบนี้ได้ไหมวะ"


มันกอดผมจนหน้าผมแทบจะฝังไปกับอกของมัน ผมเงียบไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่มีคำตอบแต่ที่เงียบเพราะผมกำลังฟังเสียงก้อนเนื้อที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับไอ้พี่พายที่อกด้านซ้าย


ไอ้พี่พายมันผละออกก่อนจะใช้ปลายนิ้วเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้นสบตากับมัน ริมฝีปากมันจะทาบทับกับริมฝีปากผม มันสอดลิ้นเข้ามาในปากผมจูบครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่เราจูบกัน มันดูเว้าวอน ไม่รุนแรงไม่เร้าร้อน ไม่สมกับเป็นไอ้พี่พายเลยสักนิด


ไอ้พี่พายผละจูบออกจากผมมันจ้องมองมาในดวงตาของผมก่อนจะพูด 


"คนไม่รู้จักกัน จูบกันแบบนี้ได้ไหมธูป"


ผมยืนนิ่งไม่พูดไม่อะไรทั้งนั้นทำได้แค่ยืนเฉยๆเงียบๆ


"........"


"ถ้ามึงบอกว่าได้ กูก็จะเป็นแค่คนไม่รู้จักกูจะไม่เซ้าซี้มึงอีกเลย" นั่นไงว่าแล้วงานงอกไอ้ธูปแล้วไง


"ทำไมมึงต้องมาเปลี่ยนกูด้วย กูชอบผู้หญิงมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง" กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอทำเอาเสียเวลาไปเยอะพอสมควร"


"มึงต่างหากที่เปลี่ยนกู"


"กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ กูก็อยู่เฉยๆของกูมึงนั่นแหละมาวุ่นวายกับกูเอง"


ไอ้พี่พายมันยืนจ้องหน้าผมนิ่งๆไม่พูดไม่ยิ้มไม่แสดงอาการท่าทีใดๆออกมา ทำเอาผมใจแป่วไปเหมือนกัน


"ไอ้พี่พายมึงจะไม่พูดอะไรเลยรึไง เงียบทำไมวะ"


"กูพูดหมดแล้ว กูไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่มึง" อะไรวะอย่ามาดราม่าใส่กูนะเว้ย


"อะไรของมึงเนี่ย มึงเป็นอะไรอ่ะ"


"แล้วแต่มึงจะคิดเหอะธูป" แล้วกูจะต้องคิดอะไรวะ


"มึงอย่าทำหน้าอย่างนี้ดิวะพูดอะไรบ้างดิ แบบนี้เหมือนไม่ใช่มึงเลยนะ" ว๊ากใส่กูดิ ด่ากูก็ได้ มึงจะยืนเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้ทำไมว่ะเนี่ย กูกดดันนะเว้ย


"กูก็เป็นแบบนี้แหละเพียงแต่มึงไม่เคยสนใจ ไม่เคยสังเกตุ" ดราม่าขั้นวิกฤตเลยทีนี้


"มึงจะให้กูทำไงมึงถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม" หมดความอดทนแล้วนะเว้ย ท่าทางแบบนี้มันกดดันชะมัด


ไอ้พี่พายเดินหันหลังให้ผมไปที่เตียงมันล้มตัวลงนอนคลุมโปงไม่สนใจสิ่งที่ผมพูดสักนิด อะไรมันเป็นอะไร ใครก็ได้บอกธูปทีธูปงงครับ


"ไอ้พี่พาย" ผมเดินไปเขย่าร่างมันที่นอนอยู่บนเตียง ไม่มีเสียงต้อนรับจากไอ้พี่พาย เฮ้ย!!นี่มันโกรธมันนอย์ดอะไรผมว่ะเนี่ย งงนะเว้ย 
"ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย...ลุกดิวะ" แมร่งฉุดกระชากลากแขนขนาดนี้แล้วยังไม่กระดิก มึงมันยักษ์วัดแจ้งชัดๆ


ไอ้พี่พายมันไม่ลุกขึ้นมาตามแรงดึงของผมแต่มันกลับกระชากแขนผมกลับและส่งผลให้ ตัวผมล้มลงไปทับตัวมันเต็มๆ แหม่ๆพล็อตหนังไทยน้ำเน่าชัดๆเลยอ่ะ


"จะกอดอีกนานไหมไม่หนักไงวะ" ตัวผมไม่ได้บอบบางเหมือนนางเอกหนังไทยนะครับ


ไอ้พี่พายมันยิ้มหวานหยดมดตอมส่งกลับมาให้ ก่อนจะเปิดปากพูด "หนักแต่กูทนได้ ขอแค่ได้กอดมึง"


ขอไอ้ธูปไปอ้วกก่อนนะครับ


น้ำเน่ามากๆ


"เน่า" ผมพูดได้แค่นี้ล่ะครับไอ้พี่พายมันก็ผลิกตัวผมให้นอนราบกับเตียงก่อนจะทาบทับริมฝีปากลงมาจูบผมช้าๆทำเอาใจกระตุกวูบเลยทีเดียว


ผมพยายามดิ้นจนเลิกดิ้นเพราะดิ้นไปสุดท้ายก็โดนมันจูบอยู่ดี ผมเลยต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดโดยการจูบมันกลับไป(?) ผมตอบโต้มันโดยการส่งลิ้นเข้าไปในอณาเขตของมันไอ้พี่พายไม่ยอมแพ้มันใช้ปากงับลิ้นผมเอาไว้เป็นตัวประกันก่อนมันจะทำโทษโดยการดูดดึงลิ้นผมและมันยังลามปามมาที่ปากผมด้วย มันกัดเม้มเบาๆพอให้เสียวซ่านได้ในความรู้สึก ผมเองจากต่อแรกไม่รู้สึกอะไรแต่พอจูบกันไปจูบกันมา ฟาดฟันกันด้วยเรียวลิ้น ขอบอกเลยครับมาเต็ม อารมณ์ (หื่น) ล้วนๆก็นะผมเป็นผู้ชายนี่ครับโดนปลุกเร้าก็ไม่แปลกที่จะมีอารมณ์


แต่มันแปลกที่ผมดันมีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันนี่แหละ


ไอ้พี่พายมันผละจูบออกจากริมฝีปากผมช้าๆอย่างอ้อยอิงก่อนมันจะท้าวแขนลงบนเตียงจ้องมองหน้าผม มันจ้องเข้ามาในดวงตาของผม สายตามันสื่อความหมายมากมาย ความหมายที่ผมรู้ดีแต่พยายามปฏิเสธตลอดมา


ความหมายที่ว่ามันคิดยังไงกับผม


"ธูป" ไอ้พี่พายมันเรียกผมเสียงหวานจนผมขนลุก


"อะ อะไร" ทำไมเสียงกูมันสั่นแบบนี้วะ


"เป็นแฟนกันนะ"



แล้วผมจะตอบอะไรได้ล่ะครับ


นอกจาก............
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๕ นั่นแหละคือความกดดันที่ฉันต้องทนต้องเจอ ๒๓/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: lightindark ที่ 23-07-2015 13:28:18
อร๊ายยยยยย นอกจาก....... นอกจากอัลไล คร้าบบบบบ  :hao6:  มาต่อด่วนนนน ฟินมากกก :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๕ นั่นแหละคือความกดดันที่ฉันต้องทนต้องเจอ ๒๓/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-07-2015 14:03:22
รัก?กันรุนแรงมาก
ถ้าธูปท้องได้ ลูกคงเป็นโหล 5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๕ นั่นแหละคือความกดดันที่ฉันต้องทนต้องเจอ ๒๓/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-07-2015 22:30:36
ตัดจบได้ค้างคามากค่ะ!!!!!!!!!!!!!!! :katai4:

เมื่อไรธูปจะยอมรับเรื่องนี้สักที อ่านแล้วเหมือนธูปคิดวนอยู่ที่เดียว ไม่ไปไหนเลยอ่ะ :ruready
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๕ นั่นแหละคือความกดดันที่ฉันต้องทนต้องเจอ ๒๓/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-07-2015 13:13:11
:)
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๖ เธอเป็นแฟนฉันแล้ว รู้ตัวบ้างไหม ๒๕/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 25-07-2015 16:35:12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก 
ตอนที่ ๑๖  เธอเป็นแฟนฉันแล้ว รู้ตัวบ้างไหม




"เป็นแฟนกันนะ"


"มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ" ชั่วโมงนี้ไม่กล้าพลีพลามอะไรมากเพราะตำแหน่งที่ผมอยู่มันดูเสียเปรียบพูดอะไรไม่เข้าหูอาจจะเพลี้ยงพล้ำได้ ดังนั้นผมควรจะประนีประนอมเป็นดีที่สุด


"ไม่อ่ะกูไม่ชอบรออะไรนานๆ" แมร่งความอดทนไม่มีเอาซะเลย มึงจะรีบไปไหนครับ


"คะ คือกูว่านะเราสองคนควรจะทำความรู้จักให้ดีก่อนเปล่าวะ.......เผื่อเรารู้จักกันดีแล้ว.........แล้วเกิดเราสองคนมันแบบเคมีไม่ตรงกันไง" ถึงผมจะไม่ได้จบสายวิทย์มาแต่ผมก็ดูรู้นะว่าผมกับไอ้พี่พายเคมีเราทั้งคู่ไม่ตรงกันอย่างแรง เราเหมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกัน ใกล้กันมีแต่จะผลักดันกันออกห่าง ไม่มีทางบรรจบกันได้หรอก


ทำไมวันนี้ผมดูพูดจามีสาระจังวะ


ไอ้พี่พายยิ้มรับหน้าบานเป็นกระด้ง ส่งสายตาวิบวับแลดูเจ้าเล่ห์ชอบกล ผมเริ่มรู้สึกถึงลางร้ายเมื่อได้สัมผัสกับรอยยิ้ม เดวิล ของไอ้พี่พาย เหมือนจะมีงานเข้าไอ้ธูปยังไงไม่รู้แหะ


มันยิ้มหวาน (สยอง) ให้ผมก่อนจะพูดขึ้น  "งั้นมึงก็เป็นแฟนกูแล้วล่ะ" 


"OoO" ผมช็อคกับคำที่ได้ยิน มึงพูดเรื่องบ้าอะไร กูเพิ่งพูดอยู่ว่าให้ทำความรู้จักกันก่อน แล้วไอ้พี่พายมันเมาอะไรเนี่ย
"เฮ้ย!!มึงพูดอะไรเนี่ย กูบอกว่าให้เราทำความรู้จักกันก่อนไง"



"ก็กูรู้จักมึงดีแล้วไง" ไอ้พี่พายหยุดมองหน้าผมก่อนจะพูดต่อ  "กูรู้เฟสมึง IG ทวิเตอร์ เบอร์มือถือ บ้านเลขที่ รู้ชื่อพ่อแม่มึงรู้ว่าพ่อแม่มึงเปิดร้านอาหารอยู่ที่ไหน รู้แม้กระทั่งเลข 13 หลักบนบัตรประชาชนมึง บลาๆๆๆๆ ถ้าให้กูรู้มากกว่านี้กูว่ามึงกับกูคงต้องข้ามขั้นแต่งงานกันแล้วล่ะ"


ใครก็ได้บอกไอ้ธูปทีว่านี้มันเกิดอะไรขึ้นครับ ผมพูดไม่เคลียร์หรือไอ้พี่พายมันมึน OMG ความซวยจงสถิตอยู่กับกู กูอยากรู้จริงๆ ซวยได้ทุกเรื่อง ซวยมันทุกตอน ชีวิตไอ้ธูปทำไมมันรันทด หดหู่แบบนี้วะ


"เออ คะ คือ" ผมพยายามหาเสียงตัวที่หายไปโดยไร้สาเหตุเนื่องจากกำลังอึ้ง ทึ้ง (แต่ไม่เสียวนะ) กับคำพูดไอ้พี่พายอยู่ แต่ไอ้พี่พายมันก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้คัดค้านอะไร มันก้มหน้าลงมางับปากผมเบาๆก่อนจะผละออกไปพร้อมกับคำพูดที่มันเออออห่อหมกไปคนเดียวซึ่งผมไม่ได้ตกลงยอมรับกับมันเลยสักนิด


"นับตั้งแต่วันนี้ไปมึงกับกูเป็นแฟนกันแล้วนะ" พูดจบแมร่งก็ผละออกจากตัวผมลุกจากเตียงเดินลั้นลาอารมณ์ดีออกจากห้องไปทิ้งผมให้นอนน้ำตาตกในอยู่บนเตียงคนเดียว


งานงอกกูเต็มๆเลยทีนี่
.
.
.
.
"ออกไปนอนห้องมึงเลยนะ" ผมยืนท้าวเอวอยู่ตรงหน้าไอ้พี่พายที่ตีมึน เดินเนียนๆเข้ามานอนบนเตียงในห้องผม


"กูง่วง" มึงก็ไปนอนห้องมึงดิวะ โอ๊ย อะไรวะเนี่ย ผมทึ้งหัวตัวเองทันทีเมื่อทำอย่างไรไอ้พี่พายมันก็ไม่ออกไปจากห้องผมสักที จนปัญญากับมันจริงๆ


แมร่งมันไม่ออกผมออกไปเองก็ได้วะ ผมหันหลังไม่สนใจไอ้พี่พายมัน ผมก้าวเดินฉับๆไปที่ประตูกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่ก็ต้องชะงักมือคากลางอากาศ เพราะคำพูดของไอ้คนที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนที่นอนที่พูดเสียงดังไล่หลังผม


"แฟนกันต้องนอนด้วยกันดิวะ" ผมหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างอาฆาต กูอยากฆ่ามึงจริงๆมึงพูดอะไรปรึกษากูด้วย


"ใครแฟนมึง" สุดท้ายผมก็เดินกลับไปที่เตียงที่มีไอ้หน้ามึนนอนท้าวแขนจ้องผมอยู่


"มึงไงแฟนกู เอ๋หรือเราจะข้ามขั้นกันเลยดีมะๆๆ" ข้ามขั้นพ่องมึงดิ พูดอะไรปรึกษากูนิดนึงเหอะ


"มึงพูดอะไรเนี่ย ใครแฟนมึง"


ไอ้พี่พายลุกขึ้นนั่ง มันยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยวาจาน่าโดนถีบ  "โง่ป่ะเนี่ยก็มึงไง กูว่ากูบอกมึงไปแล้วนะ ว่าสถานะเราสองคนเป็นอะไรกัน"


สงบสติอารมณ์ไว้ไอ้ธูป อย่าใจร้อนอย่าไปดิ้นตามเกมส์มัน ใจเย็นๆ นะโมใจเย็น พุทโธใจเย็น สกัดกลั้นอารมณ์ไว้ไอ้ธูป ใจเย็นๆๆ ผมยืนท่องนะโมพุทโธอยู่ในใจพยายามไม่ดิ้นไปตามเกมส์ของไอ้พี่พายที่มันพูดแต่ดูเหมือนสิ่งที่ผมทำจะไม่เป็นผลเพราะอีกฝ่ายมันลุกจากเตียงเดินมาลากผมไปนอนลงบนเตียง ไม่ทันได้ตั้งตัวและหลีกหนีไอ้พี่พายมันก็นอนทับมาบนตัวผมเรียบร้อยแล้ว


บรรยากาศชวนเพลี้ยงพล้ำไปหรือเปล่าวะ


คือตอนนี้กูยังไม่พร้อมเหอะ เพิ่งจะมาขอกูเป็นแฟนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง นี่มึงจะเอากูแล้วเหรอวะ ใจเร็วไปไหมครับพี่น้องครับ


"หนาวรึไงสั่นเชียว" กูสั่นเพราะมึงนั่นแหละยังมีหน้ามาถามกูอีก


"ปะ เปล่า" ผมสะบัดหน้าหนีสายตาหื่นกามของไอ้พี่พายที่จ้องมองผมอยู่ แมรงทำไมกูดูมุ้งมิ้งเป็นสาวน้อยแรกแย้มอย่างนี้วะเนี่ย


"หึหึ" ไอ้พี่พายหัวเราะในลำคอก่อนมันจะก้มลงมาจูบเบาๆที่หน้าผากผม "ราตรีสวัสดิ์" และมันก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ มันไม่ลืมที่ยกแขนขึ้นมาพาดไว้ที่เอวผมอีกต่างหาก ขาหนักๆของมันก็พาดมาที่ลำตัวของผม เอิ่มกูไม่ใช่หมอนข้างนะเว้ย


แล้วทำไมสภาพผมมันช่างเหมือนเคะเข้าไปทุกทีๆว่ะเนี่ย ตายๆไอ้ธูปเอ๊ยมึงกำลังโดนไอ้พี่พายมันสูบความเป็นแมนของมึงไปทีละเล็กทีละน้อยจนสุดท้ายความเป็นแมนของมึงก็จะหายไปจนหมดสิ้น ไม่ๆผมไม่ยอมมันจะมาทำเหมือนผมเป็นสาวน้อยแรกแย้มแบบนี้ไม่ได้


"ไอ้พี่พายเอาขาเอาแขนมึงออกไปดิ" ดันก็แล้ว ดิ้นก็แล้วยังไม่ขยับ หลับลึกไปไหมครับ


"หยุดพูดสักทีได้ไหมกูจะนอน"


"ไม่" หนักแน่นเข้าไว้ไอ้ธูปมึงต้องสูบความแมนของมึงกลับคืนมา


"ถ้าไม่หยุดพูดกูปล้ำมึงจริงๆนะ แล้วที่นี่กูจะทำให้มึงครางทั้งคืนเลยเอาไหม" แมร่งทำไมต้องขู่กันด้วยวะ พูดจากันดีๆก็ได้กูก็คนฟังภาษาคนรู้เรื่องนะ


"......." เงียบสิครับหุบปากปิดสนิททันที ไม่กล้าหาวเลยอ่ะเพราะกลัวมีเสียงเล็ดลอดออกมา ไม่ได้กลัวนะแต่ตำแหน่งที่นอนอยู่เนี่ยมันเสียเปรียบเลยไม่อยากมีปัญหาภายหลัง


ชีวิตไอ้ธูปรัดทนอะไรอย่างนี้วะเนี่ย
.
.
.
.
.
เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้เล่นเอาผมนับแกะหมดไปเป็นหมื่นๆตัวไอ้คนข้างๆก็นอนสบายใจไม่ได้แคร์ไม่ได้สนใจผมสักนิดเลยว่าจะนอนหลับไหม มันทั้งกอดทั้งก่ายดึกๆนี่มีไซร์ซอกคอให้เสียวเล่นอีกต่างหาก ดีที่ตอนเช้ามันไม่จูบผมรับอรุณไม่งั้นผมคงลาตายกลายเป็นผีเฝ้าห้องอยู่นี่ล่ะครับ แค่นี้ชีวตไอ้ธูปก็อนาถพอล่ะอย่าถึงขั้นต้องจูบกันตลอดเลย


"เดี๋ยวกูไปส่งที่มอมึงเอง" ผมแทบสำลักไข่ดาวทันทีเมื่อไอ้พี่พายมันพูดออกมา อารมณ์ไหนของมันวะเนี่ย


"ไม่ต้อง กะ ผมไปเองได้" ขืนให้มันไปส่งมีหวังระเบิดลงก่อนพอดี


"กูไม่ได้ขอความเห็นมึง" เผด็จการที่สุด


"พายพูดกับน้องดีๆสิลูก" นี่คือดีที่สุดของมันแล้วครับคุณแม่ ไม่นับตอนมันง้อผมนะ


ผมทำหน้าเหลอหลามองทุกคนบนโต๊ะอาหารที่มีรอยยิ้มดุจปีศาจประดับอยู่บนใบหน้าด้วยความงง คืออารมณ์ดีอะไรกันแต่เช้าวะ หรือว่าหุ้นขึ้นกิจการไปได้สวยพ่อไอ้พี่พายเลยดูเบิกบานจัง แล้วคุณแม่ที่หน้าตาแจ่มใสนี่เพราะสมาคมคุณหญิงคุณนายเลือกท่านเป็นนายกหญิงของสมาคมรึเปล่าดูหน้าชื่นตาบานมาก ส่วนน้องเค้กนี่เป็นเพราะคุยสื่อสารกับลูกในท้องได้ใช่ไหมถึงได้อารมณ์ดีแปลกๆ


ไอ้ธูปล่ะงงคนบ้านนี้จริงๆ มีใครปรกติบ้างไหมครับเนี่ย
.
.
.
.
.
.
.
.
"ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยได้ไหม" กูไม่เตะเสยยอดหน้ามึงก็บุญแล้วมีอย่างที่ไหนไปประกาศออกสื่อว่ากูเป็นแฟนมึง กูก็ว่าแล้วทำไมคนในบ้านมึงทุกคนดูอารมณ์กันดีจัง แมร่ง หมดแล้วชีวิตไอ้ธูปไม่เหลืออะไรแล้ว


"ชิส์" ผมไม่ตอบมันแต่สะบัดบ๊อบ(?)เชิดใส่มันแทน ให้รู้กันไปเลยว่ากูโกรธมากถึงมากที่สุด น้องเค้กก็เป็นใจให้คนขับรถไปส่งที่มอ (ถึงน้องจะท้องแต่น้องก็ไม่ดร๊อปนะครับ น้องเค้กเธอมั่นมากๆ)


ฟอด


ผมหันขวับมองหน้าไอ้พี่พายทันที เชรี้ยหอมแก้มกูทำไมเนี่ย บรึ๊ยๆๆมากอ่ะขอบอก ขนลุกสัดๆ


"ดูมึงทำหน้าเข้า" กูหลอนเหอะมึงอารมณ์ไหนครับเนี่ย


ผมยกมือขึ้นถูแก้มตัวเองแรงๆออกอาการให้มันรู้ไปเลยว่าผมรังเกียจจูบของมัน


ไอ้พี่พายมันจ้องผมเขม็งสายตาดูเดือดดาดชอบกล "ถ้ามึงทำท่าทางแบบนั้นกูจะปล้ำมึงในรถเนี่ยแหละ" หยุดถูทันที รอก่อนรอแขนกูหายดีก่อนกูจะแข็งข้อกับมึงบ้างคอยดู


"ไม่ต้องเข้าไปส่งที่คณะนะ" กลัวเจอพวกเพื่อนผมแล้วไอ้พี่พายมันพูดจาบ้าๆออกมานี่งานงอกผมหลายต่อเลยนะ


แค่ที่บ้านมันผมก็อายจนอยากจะแทรกพื้นหินอ่อนหนีอยู่แล้ว ขอให้ผมได้ใช้ชีวิตสงบๆปรกติเหมือนคนอื่นๆบ้างเถอะ ทุกวันนี้ชีวิตผมครบรสหลากหลายจนเกินไปแล้ว ผมไม่ชินวะ


ไอ้พี่พายมันไม่ฟังเสียงผมสักนิดมันตีมึนขับรถเข้ามาจอดหน้าคณะผมแถมยังส่งยิ้มกวนๆกลับมาให้ผมอีก เลวมาก!!


"เดี๋ยวก่อน" ผมที่กำลังเอื้อมมือจะไปเปิดประตูก็ต้องหยุดชะงักหันหลังกลับไปมองหน้าไอ้พี่พายว่ามันมีอะไร


"มีอะระ อื้มมมมม" จูบกูทำม้ายยยยยยยย


ผมพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากไอ้หื่นที่มันระดมจูบผมอย่างกับตายอดตายอยาก ปากกูเจ่อหมดแล้วมั้ง


ไอ้พี่พายมันผละจูบออกจากปากผมก่อนจะยกยิ้มปั้นหน้าระรื่นใส่  "ค่าน้ำมัน"


เดี๋ยวนี้เค้าจ่ายค่าน้ำมันเป็นจูบกันแล้วเหรอวะเนี่ย


"มึงนี่มัน" ผมอ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาขาดน้ำเนื่องจากหาคำด่าที่เหมาะกับไอ้พี่พายไม่ออก


ในเมื่อไม่รู้จะด่าอะไรมันดีผมก็เลยเลิกคิดเปิดประตูเพื่อจะลงจะรถ


"โอ๊ย" แมร่งเอ๊ยกูลืมปลดเบลล์ "ขำอะไร" ผมหันไปตวาดไอ้พี่พายที่นั่งหัวเราะผมจนตัวโยน


"เขิลเหรอคุณแฟน" พูดอะไรใครแฟนมึง


"โว๊ะ มึงนี่แมร่งกูไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามึงแล้ว" พูดจบก็รีบปลดเบลล์ลงจากรถทันทีไม่ลืมปิดประตูรถแรงๆด้วยความหมั่นไส้ แมร่งจะมีใครมองเห็นฉากเมื่อกี้รีเปล่าว่ะ


ผมเดินก้มหน้าก้มตาเข้าคณะไม่มองสิ่งมีชีวิตรอบข้างเพราะกลัวว่าจะได้เห็นสายตาที่มองมาด้วยคำถาม ก็นะผมกลัวนี่หว่ากลัวคนจะเห็นที่ผมต้องจ่ายค่าน้ำมันด้วยจูบอันดูดดื่ม


ผลั๊ก


ใครยืนขวางกูวะเนี่ย ผมเงยหน้าจากพื้นขึ้นมามองบุคคลปริศนาที่ยืนอยู่ตรงหน้า พอเห็นหน้าปุ๊บผมก็อยากจะหันหลังวิ่งหนีไปตั้งหลักไกลๆ


ทำไมความซวยวิ่งตรงมาหากูจังเลยวะ


เฮียตุลย์


ผมยิ้มแหย่ๆส่งกลับไปให้อีกฝ่ายพร้อมกับก้าวเท้าถอยหลังเพื่อเตรียมตัวใส่เกียร์หมาสุดตัว งานงอกกูเต็มๆ


"ถ้ามึงหนีมึงโดนจัดหนักแน่ๆ" ผมชะงักเท้าที่กำลังออกวิ่งทันที หันหน้าไปเผชิญกับเฮียตุลย์ที่ยืนหน้านิ่งอยู่ทางด้านหลัง


"เฮียยยยยยยยยยยย" 


"ลากเสียงยาวกว่านี้อีกนิดกูกลายพันธุ์เลยนะมึง" แหมช่างไร้อารมณ์ขันเสียจริงๆเลย   "เฮียมีไรจะพูดกับผมเหรอ เร็วๆนะเดี๋ยวผมขึ้นเรียนไม่ทัน" เกิดขยันขึ้นมาทันทีเลยกู


"หึหึ" เฮียตุลย์หัวเราะแล้วหันหลังเดินจากไป อะไรของเขาว่ะ ผมยืนงงได้ไม่นานเฮียแกก็หันกลับมากวักมือเรียกผมให้เดินตามเฮียแกไป ผมถอนหายใจด้งเฮือกก่อนจะเดินตามตูดแกไปต้อยๆ


จนมาถึงคณะวิศวะเฮียแกก็พาผมเข้าไปด้านหลังที่ไม่มีผู้คนผ่านสักเท่าไหร่ แมร่งจะฆ่าปิดปากกูรึเปล่าว่ะเนี่ย


เฮียตุลย์ยืนกอดอกพิงกำแพงมองหน้าผม คือเรียกว่าเฮียแกจ้องเลยดีกว่าครับจ้องแบบจะกินเลือดกินเนื้อกันเลย


"เฮียมีอะไรกับผมอ่ะ" สูดลมหายใจเข้าปอด เอาว่ะถ้าแมร่งหลอกล่อกูมากระทืบ ไอ้ธูปก็สู้ตายล่ะว่ะ


"มึงรู้ใช่ไหมว่ากูกับชีสเป็นอะไรกัน"


"รู้"


"แล้วชีสใช้ให้มึงเล่นละครปาหี่หลอกว่าเป็นแฟนใช่ไหม"


"ใช่" รู้ดีประหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ แล้วเฮียจะมาถามผมทำไมวะเนี่ย


เฮียตุลย์ถอนหายใจหนักๆหน้าตาเคร่งเครียดเหมือนกับตีโจทย์ แคลไม่แตก (เฮียแกจบวิด'วะครับ) สายตาเฮียแกดูหมองๆแปลกๆ


"กูรักชีส" เฮียแกเอ่ยเสียงเบาแต่ผมได้ยินมันชัดเต็มสองหู  "รักมาตั้งแต่อยู่มอปลายแล้ว" บ๊ะนี่มันเรื่องอะไรกันว่ะเนี่ยแล้วทำไมผมต้องมาเป็นพยานรักของเฮียกับเจ๊ชีสด้วยวะ


"แล้วไงอ่ะเฮีย" ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรแค่อยากรู้ว่ามันเกี่ยวอะไรกับกูครับ


"มึงต้องช่วยกูจีบชีส" งานงอกกูเต็มๆ (อีกครั้ง)


"เฮ้ย ไม่เอาหรอกเฮีย" เรื่องกูเองยังเอาตัวไม่รอด จะให้กูไปช่วยเปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ โอ๊ยใช้อะไรคิดครับ กูดูเป็นคนมีความสามารถขนาดนั้นเลย


"มึงต้องช่วย"


"ไม่อ่ะ"


เฮียตุลย์ล้วงมือเข้าไปในกางเกงก่อนจะหยิบมือถือออกมาแกว่งไปมาตรงหน้าผม


"ฉากดูดดื่มระหว่างมึงกับแฟนมึงได้ดังทั่วมอแน่ๆ"


สาสสส แมร่งแบล็คเมล์กู


"ผมไม่เชื่อเฮียหรอก" อย่ากูไม่โง่หรอกเว้ย กูจูบกันไวขนาดนั้นมึงถ่ายไม่ทันหรอก


หรือทันว่ะ


"หึหึ แล้วแต่มึงนะธูป ถ้าเกิดมีใครมาเห็นโทษกูไม่ได้นะ" ไอ้เฮียตุลย์มันกดอะไรยุกยิกๆในมือถือมันสักพักก่อนที่มันจะเอามาจ่ออยู่ตรงหน้าผม แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นแค่กระพริบตามันก็เอาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม


คือกูดูไม่ทันครับ


"จะให้ช่วยยังไงอ่ะ" สุดท้ายกูก็หลอน จำต้องรับปากไอ้เฮียตุลย์มันไป แมร่งความซวยจงสถิตอยู่กับไอ้ธูปเถอะครับอย่าไปไหนไกลเลย กูคงเป็นตัวดูดความซวยขนาดแท้เลยมั่งเนี่ย


"มึงก็แค่ทำตามที่กูบอกก็เท่านั้น"
.
.
.
.
"เป็นอะไรว่ะมึงยุกยิกๆอยู่ได้" ไอ้น้ำเหนือมันหันมากระซิบถามผม


"เปล่า" มึงก็เห็นว่ากูกำลังคุยไลน์อยู่จะถามทำไมว่ะ


Pie : 'คิดถึง' 


Tup : 'พ่องงงง'


Pie : 'พูดดีๆกับแฟนตัวเองเป็นไหมห๊า!!'


Tup : 'มึงไม่ใช่แฟนกู ไปทำงานเลยไป๊!'


Pie : 'กลับบ้านมึงโดนหนักแน่ไอ้ธูป'


เหอะขู่ได้ขู่ไปกูไม่กลัวมึงหรอกเว้ย


ผมกำลังด่ากลับไอ้พี่พายอย่างเมามันส์เฟสก็แจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าแหม่ช่วงนี้ไอ้ธูปมันฮอตจริงๆผมรีบกดดูว่าใครส่งข้อความมาทักทายสุดหล่ออย่างผมแต่เมื่อเห็นชื่อผมก็แทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งทันที


'มาหากูที่คณะวิด'วะด่วน'


กูจะไปยังไงว่ะอาจารย์สอนอยู่มึงรู้บ้างไหมเนี่ย ผมพิมพ์ตอบกลับเฮียตุลย์มันไป มันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมต้องไปหามันที่คณะเดี๋ยวนี้ ทำไมวะมันมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรต้องให้ผมรีบไปขนาดนั้นด้วยวะ ผมไม่รอช้าเก็บมือถือเข้ากระเป๋าก่อนจะขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาจากห้องได้ก็รีบตรงดิ่งไปคณะวิศวะทันที


กูเหนื่อยเพื่อใครวะเนี่ย


ผมวิ่งจนหอบแดกกว่าจะมาถึงคณะวิด'วะ ผมเห็นเฮียนั่งอยู่ใต้ตึก เฮียแกยังคงท่าทางนิ่ง สุขุม สมกับเป็นอดีตพี่ว๊ากที่น้องๆกลัว ผมเดินเอื่อยๆเข้าไปหาเฮียแกแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเจอกับ เจ๊ชีส นั่งหน้ายักษ์ใส่เฮียตุลย์อยู่


เรียกกูมาดูผัวเมียตีกันเนี่ยนะ


"มีไรเฮีย" ผมถามเมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะ


"มึงเป็นอะไรกับชีส" ถามอะไรวะ


"ไอ้ธูปพูดดีๆนะมึง" เจ๊ชีสตวัดสายตามามองผมพร้อมกับคำอาฆาต


ทำไมเรื่องของมึงสองคนแต่มันกลับมากดดันกูคนเดียววะ


"เออ คือ" ผมอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดีตอนนี้ เฮียตุลย์แกคงกลัวผมตัดสินใจลำบากเฮียแกเลยจัดการหยิบมือถือขึ้นมาทำทีกดโน้นนี่นั่นไปเรื่อย ใจผมหล่นวูบทันที


เพื่อความอยู่รอดของกูเจ๊ ธูปขอโทษนะ_/\_


"ผมกับเจ๊ชีสไม่ได้เป็นอะไรกันครับ" เอาว่ะชั่วโมงนี้กูขอเอาตัวรอดก่อนแล้วกัน ขืนคลิปหลุดไปผมไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ๆ


"ไอ้ธูป ไอ้เลว ไอ้เวร มึงพูดอะไร" เจ๊ชีสตกมันทันทีมันจะพุ่งมาหาผมแต่ยังดีที่เฮียตุลย์จับเอาไว้ได้ทัน


"ชีสหยุดสักที เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาว" เฮียตุลย์สวมบทโหดจำเลยรักกับเจ๊ชีส เฮียแกล็อคตัวเจ๊ชีสไปยัดใส่รถและมัดเจ๊แกติดกับเบาะรถก่อนจะพุ่งทะยานออกไปจากมหาลัยด้วยความเร็วปาน F1


"แมร่งจะตีกันตายก่อนเปล่าวะ" กูเป็นห่วงมึงนะเจ๊ชีสแต่กูห่วงเรื่องคลิปของกูมากกว่า


แรงสั่นจากโทรศัพท์บอกให้รู้ว่ามีคนโทรมาผมหยิบมันออกมาจากระเป๋ากางเกงด้วยอารมณ์เซ็งๆยิ่งเห็นชื่อคนโทรมากูยิ่งเซ็งจัดเข้าไปอีก


เฮียตุลย์


"ครับ"


"กูจะโทรมาขอบใจมึงที่ช่วยกู" น้ำเสียงเริงร่ามากๆผิดกับกูลิบลับเลยครับ


"ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะเฮีย" เฮียจัดการเองคนเดียวเลยนะครับ


"แค่มึงพูดความจริงกับกูนั่นก็คือมึงช่วยกูแล้ว ขอบใจจริงๆ///ไอ้ธูปไอ้เลวอย่าให้กูเจอมึงนะ ///ชีสอยู่เฉยๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว"


เสียงเจ๊ชีสแทรกเข้ามาสรรเสริญผมจนฟังแทบไม่ทัน เอาเถอะชีวิตไอ้ธูปคงไม่มีอะไรซวยไปมากกว่านี้แล้วมั้ง แค่นี้ชิวๆ


"เออธูปอีกเรื่องที่กูจะบอกมึง" เฮียตุลย์พูดเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก


"อะไรเหรอครับเฮีย"


เฮียแกเงียบไปนาน นานจนผมนึกว่าหลับถ้าไม่ได้ยินเสียงเจ๊ชีสสรรเสริญผมมาเป็นระรอกๆ


"เรื่องคลิปอะไรนั่นนะคือกูไม่มีหรอกนะ กูแค่อำมึง ก็นะกระจกติดฟิล์มดำขนาดนั้นกูจะไปมองเห็นอะไรวะ"


ไอ้เชรี้ยเฮียตุลย์มึงต้มกูจนเปื่อยเลยเหรอเนี่ย ไอ้เฮียเลว ไอ้เฮียชั่ว


"แต่ก็นะกูเพิ่งรู้ว่ามึงเปลี่ยนแนวแล้ว ฮ่าๆๆๆแค่นี้นะเว้ยไฟเขียวแล้ว ชีสตุลย์บอกให้อยู่เฉยๆไง"


นาทีนี้เสียงเฮียตุลย์ไม่ได้เข้าหูกูเลยบอกตรงๆ อะไรคือไม่มีคลิป ไม่มีอะไรเลย แล้วกูเสี่ยงตีนเจ๊ชีสเพื่ออะไรกันครับ แล้วที่เฮียตุลย์บอกกูเปลี่ยนแนวคือแนวไหน อะไร ยังไง ทำไมกูรู้สึกว่าชีวิตกูมันอยู่ยากขึ้นทุกวันเลยวะ


ทำไมใครๆก็จ้องจะรังแกธูปอ่าาาาาาาาา


ผมยืนไว้อาลัยให้กับชีวิตตัวเองจนหน่ำใจจึงเดินออกมาจากตรงนั้นเงียบๆเหมือนคนไร้ชีวิตและวิญญาณไม่มีอารมณ์เรียนแล้ว ผมเดินมาตากแอร์ที่ห้องสมุดดีกว่าเผื่ออะไรๆจะดีขึ้น อย่างน้อยก็เงียบดีจะได้ไม่มีใครรบกวน


ผมเลือกหามุมสงบๆให้ตัวเองทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาในมุมอับ กำลังจะเข้าสู่นิทราก็ต้องตกใจกับมือนิ่มๆที่ตรงเข้ามาปิดตาผมเอาไว้


"เฮ้ย!!" ผมร้องออกมาดีที่เสียงไม่ดังเท่าไหร่ ทำชีวิตกูช่วงนี้ดูไม่ค่อยรู้จักคำว่าสงบสุขเลยวะ


"ทายสิใครเอ่ย" ดูอารมณ์กูด้วยว่ามีอารมณ์ทายไหม


ผมไม่ตอบแต่จับมืออีกฝ่ายออกจากตาผมก่อนจะหันไปมองบุคคลปริศนา


น้องบี


วันนี้มันวันอะไรของกูว่ะเนี่ย


"พี่ธูปมาทำอะไรคะ" พี่มาแดกข้าวมั้งครับน้องถามไม่คิด


"มานอนครับ"


ผมตอบตัดบทไปคิดว่าน้องมันคงมีมารยาทพอที่จะไม่รบกวนเวลานอนของผม แต่ตรงกับข้ามครับน้องแกขยับเข้ามานั่งข้างๆผมพร้อมกับกระซิบที่หูผมอย่างแผ่วเบา


"ถ้าง่วงไปนอนที่ห้องบีก่อนไหมคะ" คือกูบอกว่าง่วงไม่ได้พูดว่าเงี่ยนเลยนะครับน้องครับ ตีความหมายกูไปถึงไหนเนี่ย


"ไม่ล่ะครับขอบคุณ" ผมตอบปฏิเสธไปพร้อมกับขยับตัวออกห่างน้องบีแต่หล่อนก็ยังขยับตามมาจนตัวผมแนบชิดสนิทกับที่ท้าวแขนของโซฟา ไร้ซึ่งทางหนี


"พี่ธูปรังเกียจบีเหรอคะ" น้องบีช้อนตามองผมพร้อมกับเอ่ยเสียงอ้อนๆถามผม


"เปล่าครับ" ผมปฏิเสธออกไปก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเพราะว่ามันสั่น หวังว่าเฮียตุลย์มันคงไม่โทรมาเยาะเย้ยผมอีกนะ


ผมกดรับก่อนจะกรอกเสียงลงไปเบาๆ  "ฮัลโหล"


[เรียนเสร็จยัง]


"ยัง"



[เออๆ เลิกเรียนแล้วรอกูที่ตึกนะเดี๋ยวไปรับ]


"เออ" ผมตอบไอัพี่พายพร้อมกับดันตัวน้องบีให้ออกห่างไปด้วย น้องบีทำท่าขัดใจนิดหน่อยก่อนจะหอบพายุลูกใหญมาใส่ตัวผม


"พี่ธูปคะเรามาต่อที่ค้างไว้เถอะค่ะ" พูดอะไรครับน้อง จะหางานให้พี่ทำไมครับ


[เสียงใคร] มาแค่เสียงก็ทำเอาสยองได้อ่ะ


"อะไร" ผมป้องปากตอบมันไปอย่างไว ไม่ลืมหันไปถลึงตาใส่ยัยน้องบีอีกด้วย มึงหางานให้กูแล้งยังมายิ้มขำอีกนะมึง


[แต่กูได้ยิน] ไอ้นี่ก็หูดีเกิน


"เพื่อนอ่ะพูดเรื่องรายงาน" ขำอะไรครับน้องมีอะไรน่าขำครับ จะขำก็ช่วยดูสถานการณ์ด้วยครับ


[มึงแน่ใจนะ] ไอ้นี่ก็โหดกับกูจัง


"เออดิวะ แค่นี้นะ" ผมรีบตัดบทวางสายทันทีไอ้พี่พายมันกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็ไม่ทันได้ฟังชิงวางสายไปซะก่อน


"ใครโทรมาหรอพี่ธูป" เกี่ยวอะไรกับน้องล่ะครับ


ผมชั่งใจว่าจะตอบไปดีรึเปล่าแต่ก็อยากให้น้องบีเลิกยุ่งกับผม สุดท้ายผมจึงเอ่ยปากบอกออกไป


"แฟนพี่เองแหละครับ^^"
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๗ ตะลึง ตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึ๊งตึงๆๆๆ ๒๖/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 26-07-2015 23:01:59
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก 
ตอนที่ ๑๗ ตะลึง ตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึ๊งตึงๆๆๆ



หลังจากที่ผมบอกน้องบีไปว่าผมมีแฟนแล้ว คุณอย่าคิดว่าน้องบีแกจะแซดเสียใจรับไม่ได้และวิ่งหนีผมไปอย่างในละครน้ำเน่าหลังข่าวนะครับเพราะน้องแกเด็ดดวงกว่านั้นเยอะ น้องบีขยับเข้ามานั่งใกล้ๆผมทันทีพร้อมกับฟาร์มโคนมที่บรรพบุรุษช่างสรรค์สร้างปั่นเสกอึ๋มมาให้ น้องแกเอานมโตๆนั่นมาถูๆไถๆแขนผม พลางจิกตาทำปากเผยอ (ที่น้องเขาคิดเอาเองว่าเซ็กซี่) ก่อนจะพูดกับผมว่า


"แฟนพี่ธูปสวยได้ครึ่งของบีรึเปล่าคะ" มั่นหน้ามากอ่ะน้อง ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนเนี่ย


ตรงข้ามกับคำว่าสวยมากๆเลยครับแต่ผมไม่อยากพูดอะไรออกไปด้วยเกรงว่าน้องแกจะช็อคหมดสติกลางห้องสมุดเสียก่อน ความซวยจะมาตกที่ผมโดยใช่เหตุนะสิครับ


"ไม่สวยหรอกครับ" (ผมตอบความจริง) คือถ้าน้องเขาถามว่าหล่อไหมผมก็พอจะตอบได้อ่ะนะ ก็ไอ้พี่พายมันหล่อจริงๆนี่ครับผมไม่ได้พูดอวยมันนะแต่หลักฐานมันฟ้องอยู่ที่เบ้าหน้ามันนั่นแหละ


น้องบีกระหยิ่มยิ้มย่องดูภูมิอกภูมิใจเสียยกใหญ่ที่ผมบอกว่าแฟน(?)ผมไม่สวย น้องแกทำสีหน้าตลกๆ (ในความคิดของไอ้ธูป:คนเขียน) ก่อนจะเริ่มเล่นยี่สิบคำถามกับผมต่อ


"แล้วแฟนพี่ธูปนิสัยดีรึเปล่าคะ"


ข้อนี้โคตรของโคตรห่างไกลเลยครับน้อง ไอ้พี่พายมันทั้งโหด เถื่อน หื่น เจ้าอารมณ์ ว๊ากใส่หน้าผมกันตลอดเวลา แถมเสียงดังอีก ยังไม่รวมที่มันชอบใช้แต่กำลัง


สรุปมันไม่มีดีสักข้อ=_=!!


"ไม่อ่ะครับ" ผมตอบโดยไม่คิดสักนิด


น้องบียิ้มแฉ่งหน้าบานเป็นกระด้งเลยทีนี้ ก่อนจะยิงคำถามใส่ผมอีกครั้งและอีกครั้งไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมก็บ้าจี้ตอบมันทุกคำถามที่น้องแกถามมาจริงๆสรุปไม่รู้ใครบ้ากว่ากัน เฮ้อออออ


กว่าจะหลุดพ้นจากน้องแกได้ก็เสียเวลาไปพอสมควรเกือบๆชั่วโมงกับคำถามตอบที่น้องแกสรรหาหยิบยกมาถามตั้งแต่นิสัยยันยี่ห้อเสื้อผ้าของแฟนผม ผมก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้างก็นะเป็นแฟนกันแบบมึนๆเรื่องของกันและกันก็ใช่ว่าจะรู้เสียหน่อย ตกลงเป็นแฟนกันแบบอึนๆ ไว้กลับไปผมต้องถามไอ้พี่พายมันแล้วกันว่ามันชอบไม่ชอบอะไรเผื่อทำอะไรขัดใจมันจะได้ไม่โดนว๊ากใส่หน้าให้ความซวยมาพุ่งชนใส่ผม


"ไปไหนมาวะ" ไอ้น้ำเหนือเดินหน้าหล่อมาพร้อมกับไอ้น้ำชา พวกมันตรงมาหาผมที่นั่งอยู่ใต้ตึกเพื่อรอไอ้พี่พายมารับ (ไอ้แมนเมืองมันปลีกวิเวกไปจากสาระบบนานแล้วครับ ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ลำบากใจ)


"ห้องสมุด" ผมตอบ


"สัสไม่ชวน" ไอ้น้ำเหนือยังบ่นไม่หยุด ส่วนไอ้ชามันก็เดินหน้านิ่งๆไม่พูดไม่จาตามสไตล์มันนั่นแหละครับ


"เจอชีสป่ะ" ไอ้ชามันถามผมพร้อมทำหน้าฉงนงงงวยใส่


"ไม่เจอว่ะ" ผมโกหกมันกลับไป ใครจะบอกล่ะครับว่าไปเคลียร์กับผัว มีหวังไอ้ชาช็อคตาตั้งแน่ๆ


"โทรไม่รับ" มันยังบ่นต่อ


"สอบอยู่ป่ะ" ผมแก้ต่างให้เจ๊ชีส


"ไม่เห็นบอก" ไอ้ชายังสงสัยไม่เลิก


"ปิดเสียงมั้ง" แล้วผมจะมาแก้ต่างให้เจ๊แกทำไมวะเนี่ย


"หยุดเลยหยุด นี่พวกมึงจะเล่นสามคำกันอยู่รึไงว่ะ" ไอ้น้ำเหนือยกมือขึ้นทำท่าปางห้ามญาติเมื่อมันรู้สึกว่าชักจะบานปลายไปกันใหญ่


ว่าแต่ใครเริ่มว่ะ


ผมกับไอ้ชาเลยหยุดเจรจากันแต่เพียงเท่านั้น ผมนั่งเล่นมือถือรอไอ้พี่พายสักพักก็รับรู้ถึงพลังงานบางอย่างที่ผมไม่ต้องเป็นคุณเจน ญาณทิพย์ผมก็สามารถรับรู้ได้เองว่ามีสิ่งผิดปรกติมาอยู่ใกล้ๆตัว


ผมเงยหน้าละความสนใจจากมือถือในมือเพื่อมองไปยังจุดที่รู้สึกผิดปรกติก็เจอเข้ากับเจ้ากรรมนายเวรที่ผมพยายามสลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดไปจากชีวิตผมเสียที


เธอคือน้องบีผู้นี่นี้เอง


"^^" น้องบียิ้มแป้น


"=_=" ผมล่ะอยากตายนึกว่าจะสลัดน้องแกหลุดไปแล้วนะเนี่ย มาไงอีกวะแล้วไอ้พี่พายก็ใกล้จะมารับผมแล้วถ้ามันมาเห็นมีหวังระเบิดลง คณะผมแตกแน่ๆ


"ว่าไงครับน้องบี" ผมกลั้นใจถามออกไป น้องบีทิ้งตัวลงนั่งลงข้างๆผมโดยไม่ลืมที่จะเกาะแขนผมและเอาฟาร์มโคนมนั่นมาถูๆไถๆที่ต้นแขนผมอีกครั้ง


"คือบีอยากเห็นหน้าแฟนพี่ธูปอ่ะคะ" ถูเข้าไปครับอารมณ์กูจะขึ้นเพราะนมที่ถูอยู่ที่แขนเนี่ยแหละ


"แฟน!!" สองเสียงประสานกันดังขึ้นด้วยความตกใจ


งานงอกกูแล้วไหมล่ะครับ


"มึงมีแฟน" ไอ้ชา


"สวยป่ะว่ะ" ไอ้น้ำเหนือ


"เดี๋ยวก็เห็น" ผมตอบกลับไปอย่างปลงๆ ก็นะจะให้ปิดเพื่อนๆผมคงทำไม่ได้อ่ะ (ถึงอยากจะทำมากขนาดไหน)


ผมไม่รู้ว่าพวกมันจะรับได้ไหมที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย (แฟนที่ได้มาแบบมึนๆ) เพราะเรื่องไอ้แมนเมืองกับไอ้มาวินผมยังไม่รับตัวเองไม่ได้เลยแล้วก็เป็นผมเองที่พยายามหลบหน้ามันทั้งคู่จนสุดท้ายพวกมันก็เลือกที่จะไม่มาให้ผมเห็นหน้าเสียเองเพราะมันคงไม่อยากทำให้ผมลำบากใจ


แต่กับไอ้พี่พายมันไม่เหมือนกันคือผมโดนบังคับให้เป็นแฟนแบบมึนๆไม่ทันตั้งตัวครั้นจะปฏิเสธออกไปไอ้พี่พายมันก็ไม่ยอมดีไม่ดีผมจะโดนมันกระทืบเอาง่ายๆผมเลยคิดว่าไม่เสี่ยงดีกว่า ยอมเป็นแฟนแบบมึนๆของไอ้พี่พายมันไปนั่นแหละดีแล้ว เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน


นั่งคุยนั่งเล่นกันสักพักไอ้พี่พายมันก็ขับรถเข้ามาจอดตรงหน้าตึก คือมึงไม่เกรงใจสถานที่เลยนะนั่น มันเปิดประตูรถลงมาก่อนสายตาดุดันจะส่งผ่านมาให้ผมเป็นคำทักทายเมื่อเจอหน้า ผมกลืนน้ำลายคงคออย่างยากลำบาก มือทั้งสองข้างก็พยายามแกะมือน้องบีที่เกาะผมยังกับปลิงให้ออกห่างก่อนที่ไอ้พี่พายมันจะเดินเข้ามาใกล้ ผมไม่รู้อารมณ์มันและไม่อยากเสี่ยงกับอารมณ์ของมันด้วย คือเอาจริงๆผมกลัวมันจะกระโดดถีบยอดหน้าน้องบีนะ ก็ดูหน้ามันสิครับ โหด นิสัยเลว ความดีไม่มีปรากฏให้เห็น ผมไม่อยากเสี่ยง


ไอ้พี่พายมันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมหน้าตามันดูขมึงทึงเอามากๆแมร่งแผ่รังสีอำมหิตออกมาจนบริเวณรอบๆบรรยากาศมาคุขึ้นมาทันที คือกูรู้ว่ามึงกำลังโกรธแต่มึงเห็นไหมว่ากูขัดขืนอยู่กูไม่ได้สมยอมให้น้องมันกอดเลยนะเว้ย ก่อนจะถลึงตาใส่กูช่วยแหกตาดูด้วยนะว่ากูกำลังเอามือดันนมน้องมันอยู่เนี่ย จะอะไรกับกูนักหน้าวะ


ไอ้ชามันหันหลังไปมองไอ้พี่พายก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม คือเพื่อนๆผมมันก็พอจะรู้นะครับว่าไอ้พี่พายมันเป็นใคร แต่คือมันไม่รู้ไงว่าไอ้พี่พายมันมีสถานะใหม่คือ เป็นแฟนผมแบบสดๆร้อนๆเมื่อคืนนี้เอง ถ้ามันรู้มันจะช็อคกันไหมอ่ะ ไอ้ธูปไม่อยากจะลุ้น


"จะกลับได้ยัง" นั่นไงเสียงโหดมาพร้อมกับท่าทีดุๆ คือกูตายแน่ๆกลับบ้านไปกูโดนมันกระทืบแน่ๆ


"ใครอ่ะคะพี่ธูป" น้ำเสียงน้องบีไม่ต้องกระเส่าขนาดนั้นก็ได้ครับ พี่ไม่มีอารณ์


"พี่ชายของแฟนไอ้เทียนมันอ่ะ" ไม่ใช่เสียงผมนะ คือเสียงไอ้น้ำเหนือที่เสนอหน้าตอบออกไปโดยไม่มีใครถามมันสักนิด


ไอ้พี่พายมันทำหน้าบึ้งมากกว่าเดิมคือมันคงโกรธที่ผมไม่ได้บอกสถานะที่มันแสนจะภาคภูมิใจให้เพื่อนๆฟัง ถึงไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นอะไรกับผมมากกว่าแค่พี่ชายของน้องเค้ก คือช่วยเข้าใจกูด้วยว่ากูไม่มีเวลาและกูไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงเว้ย


มันกอดอกมองหน้าผมใช้สายตากดดันให้ผมบอกสถานะที่มันภาคภูมิใจกับทุกคน กดดันสัดๆ


"เออพี่ชายของแฟนพี่เทียนนี่เอง" อย่าย้ำสถานะนั้นครับน้องบีเดี๋ยวองค์พี่ว๊ากสิงมันแล้วจะซวยกันไปใหญ่


"มึงจะพูดเองหรือจะให้กูพูด" นั่นไงไอ้ธูปว่าแล้วโยนขี้ให้กูเลยทีเดียว


"เอิ่ม....." ผมกำลังอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะเริ่มยังไงดี คือจะให้ผมบอกเพื่อนๆยังไงอ่ะ 'เฮ้ยพวกมึงนี่แฟนกูเอง' บ้าเถอะครับ


"มึงมีความลับอะไรกับพวกกูเปล่าวะ" ไอ้น้ำเหนือมันเริ่มแซะแล้วครับ รอก่อนดิวะให้กูนึกคำดีๆก่อน


"คือ..........."  มันติดอยู่ที่ปากเนี่ยแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงอ่ะ


"คือ/คือ" มึงจะพูดตามกูทำไมกับครับ


"กูเป็นแฟนมัน!!" เฮ้ย!!ทำไมไอ้พี่พายมันพูดออกมาได้ง่ายๆอย่างนี้อ่ะ แล้วมึงจะพูดเสียงดังทำไมวะ แหกปากขนาดนี้พูดประกาศออกไมค์เลยไหม ไอ้ธูปงานนี้มึงไม่ได้เกิดแล้วล่ะ เอ๋หรือว่ากูจะได้ไปเกิดที่ใหม่ในวงการเก้งกว้างวะ


ตายกูตายแค่คิดก็สยองแล้วกู ตูดกูจะอยู่รอดปลอดภัยจนจบปีสี่ไหมวะเนี่ย


"แฟน/แฟน/แฟน!!" มึงสามตัวจะตะโกนให้เขาได้ยินกันทั้งมหาลัยเลยรึไงว่ะ


"เอิ่มมมมมม" ผมเห็นอาการเพื่อนๆกับน้องบีที่นั่งนิ่งช็อคตาค้างกันแล้วผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปอีก ครั้นจะย้ำว่ามันเป็นแฟนผม ก็กลัวเพื่อนๆกับน้องบีจะช็อคน้ำลายฟูมปาก ที่นี่ล่ะเรื่องใหญ่งานงอกของแท้


"รู้แล้วก็เลิกเอานมมาถูกแขนแฟนกูได้ล่ะ มันไม่เคลิ้มกับซิลิโคนเน่าๆของเธอหรอก"


แรงส์!! คำพูดมึงแรงส์มากน้องเขาเป็นผู้หญิงนะเว้ยแล้วไอ้ที่ถูๆกูอยู่เนี่ยของจริงจากฟาร์มเลยเหอะกูสัมผัสแล้ว กูมั่นใจ


"กรี๊ดดดดดดด" เสียงหวีดร้องโหยหวนประหนึ่งเสียงเปรตดังขึ้นข้างหูผมทันทีเมื่อไอ้พี่พายมันพูดจบ มันดูพออกพอใจกับผลงานที่ทำสร้างเอาไว้นะ ก็แหมพ่อคุณยืนกอดอกทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องเสียขนาดนั้น


น้องบีลุกขึ้นยืนกระทืบเท้าอยู่กับที่ชี้นิ้วที่ทาเล็บสีแดงชาดใส่หน้าไอ้พี่พาย ส่วนไอ้เพื่อนสองคนของผมบัดนี้นั่งนิ่งจ้องผมตาค้างไม่พูดจาอะไรออกมาสักคำ ผมว่างานนี้มีเคลียร์กันยาวอ่ะ


"หึ ขอตัวธูปก่อนนะ" ไอ้พี่พายมันไม่สนใจน้องบีสักนิดมันเดินมาจับแขนผมแล้วลากไปขึ้นรถทันทีซึ่งผมก็ยอมเดินตามมันไปนะไม่กล้าขัดขืนเลยจริงๆชั่วโมงนี้ไอ้ธูปอยากหลบลี้หนีสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมามากๆรวมถึงคำถามที่จะออกมาจากปากของเพื่อนผมด้วย โอ๊ยไม่อยากจะคิดพรุ่งนี้จะเป็นยังไงล่ะเนี่ยชีวิตไอ้ธูปเนี่ย


"ทำไมมึงไม่บอกเพื่อนมึงเรื่องของเรา!!" ขึ้นมาบนรถได้แมร่งก็ตะคอกเสียงใส่หน้าผมทันที


แล้วอะไรของมึง 'เรื่องของเรา' คืออะไรกูไม่เก็ตเหอะ


"ก็มันไม่เห็นมีอะไรสำคัญเลยนิหว่า" ผมตอบกลับไปพร้อมกับคาดเบลล์ไปด้วย รังสีอำมหิตมันมาอีกแล้ว หันหน้าไปสบตาไอ้พี่พายนิดหนึ่งเมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุรอบๆตัว


จะแดกหัวกูเหรอครับทำหน้าแบบนั้นอ่ะ


"เป็นไรโกรธไรกูอีกอ่ะ" ผมถามเมื่อเห็นมันไม่คิดจะขับรถออกไปจากมหาลัยแต่มันเอาแต่จ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น


"มึงกล้าพูดว่าเรื่องของเรามันไม่สำคัญเหรอว่ะห๊า!!" สัดตะคอกกูทำไมเนี่ยกูตกใจเหอะ


"ก็...."


"ก็อะไรมึงจะแก้ตัวอะไรอีก กูผิดเองสินะที่บังคับรวบรัดมึงให้มึงมาคบกับกูโดยไม่ถามความสมัครใจมึงสักคำเลยทำให้มึงไม่พอใจ"


มึงพูดมาทั้งหมดอ่ะถูกต้องเลย


"..........." แต่ไม่กล้าพูดครับไม่อยากโดนถีบตกรถโดยไม่จำเป็น


"หึ ทีกู กูยังบอกกับทุกคนโดยไม่ต้องรอให้ใครร้องถามถึงความสัมพันธ์ของเรา แต่กับมึง" ไอ้พี่พายมันชี้หน้าผมมือไม้สั่นด้วยความโกรธ  "มึงแมร่ง เหี้ย"


อ้าวกูโดนด่าซะงั้น


"ก็กูยังไม่พร้อมอ่ะมึงเข้าใจกูหน่อยดิ" ผมก็โมโหเป็นเหมือนกันนะเว้ย เอะอะจะเอาตามใจตัวก็ไม่ถูกเหอะ


"ไม่พร้อมแล้วทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรกว่ะ"


สาดดดดแล้วมึงเคยฟังกูป่ะว่ะ


"ทำยังกับกูพูดแล้วมึงฟังกูอ่ะ" เถียงสิครับงานนี้มีเถียงอ่ะ


"ถ้ามึงพูดกูก็ฟังมึงตลอดเหอะ"


โอ๊ยพ่อคู๊ณกล้าพูดเนอะมึงย้อนกลับไปอ่านดิมีตอนไหนบ้างที่มึงฟังที่กูพูดอ่ะไม่มีเลยเหอะครับ


"มึงเนี่ยนะฟังกู"


"ไม่ฟังแฟนตัวเองแล้วมึงจะให้กูไปฟังหมาข้างถนนที่ไหนว่ะ" นี่กูโดนเอาไปเปรียบกับหมา ไม่ใช่หมาธรรมดาด้วย หมาข้างถนนครับท่านผู้ชม


และนี่ไงยังไม่เท่าไหร่แมร่งบอกว่าผมเป็นแฟนมันอีกแหละ สรุปวันนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมครับเนี่ย


"กูไม่ชอบผู้ชายมึงต้องเข้าใจกูด้วยนะ แล้วไหนจะเพื่อนๆกูอีกมันจะรับได้เปล่าเหอะกับเรื่องนี้อ่ะ"


"ช่างแมร่งดิมึงจะไปสนทำไมนักหนาวะ"


"นั่นเพื่อนกูนะเว้ย"


"แต่กูแฟนมึงนะ" มึงพูดอะไรเนี่ย


"มึงกำลังรวบรัดบังคับกูอยู่นะ" ผมพยายามพูดกับมันดีๆใช้สติเยอะๆพยายามไม่ใช่อารมณ์กับมันเพราะเรื่องมันจะไปกันใหญ่


ไอ้พี่พายมันเข้าเกียร์ขับรถออกจากมหาลัยโดยไม่พูดอะไรออกมาเล่นเอาผมเงิบกับท่าทางของมัน


"มึงโกรธกูเหรอวะ" แล้วทำไมกูต้องเป็นคนง้อมึงด้วยวะเนี่ย


"เปล่า" สั้นไปนะกับคำตอบอ่ะ


"กูรู้มึงโกรธกู"


"กูบอกว่าเปล่าก็เปล่าดิวะ" มาเต็มอารมณ์ล้วนๆๆ


"พูดกันดีๆดิวะอย่าทำแบบนี้"


ไอ้พี่พายมันหันมามองหน้าผมก่อนที่มันจะพูดออกมา "มึงไม่อยากคบกับกู" น้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจกระแทกเข้าหน้าผมเต็มๆ


"คือมึงให้เวลากูหน่อยดิ คือกูไม่ใช่เกย์อ่ะ"


"กูก็ไม่ใช่กูยังชอบมึงได้เลย" ดราม่าใส่กูอีก


"คือมึงรุกกูมากไปมึงบังคับกูพูดเองเออเองว่ากูเป็นแฟนมึง มึงให้เวลากูหน่อยดิ"


"กี่นาที"


พ่องมึงเหอะ น้อยไปไหม


"น้อยไปป่ะวะ" ผมถามมันกลับไป


"กูให้เวลามึงเต็มที่ได้แค่ระหว่างที่กูขับรถกลับบ้านถ้าถึงบ้านแล้วมึงยังไม่มีคำตอบให้กู กูจะถือว่ามึงตกลงคบกับกูโดยไม่มีข้อแม้"


ไอ้พี่พายมันพูดจบมันก็เอื้อมมือมาเปลี่ยนเกียร์ก่อนที่เท้ามันจะเหยียบคันเร่งจนมิดตีน แล้วรถราคาหลายสิบล้านของมันก็โชว์สมรรถนะสมราคาจริงๆเพราะมันพุ่งทะยานไปบนท้องถนนอย่างเร็วจนเรียกได้ว่ากำลังเหาะไป ส่วนผมไม่ต้องพูดถึงครับในหัวนี่มีแต่บทสวมมนต์ทั้งนั้น เท้านี่จิกเบาะยกมือขึ้นพนมไหว้สิ่งศํกดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในสากลโลกนี้และโลกหน้า ผมหลับตาปี๊ไม่มองวิวทิวทัศน์นอกตัวรถ รู้สึกม้วนท้องเมื่อไอ้พี่พายมันหักพวงมาลัยหลบรถซ้ายขาว ความรู้สึก ณ ตอนนี้เหมือนขึ้นรถไฟเหาะก็ไม่ปาน


ผมจะมีชีวิตรอดไปถึงบ้านมันไหมเนี่ย แล้วผมจะเอาสมองที่ไหนไปคิดหาคำตอบในเมื่อในหัวผมตอนนี้ตื่อไปหมดแล้ว


อ๊ากกกกกกกกกกกก  ทำไมชีวิตไอ้ธูปมันถึงได้เป็นเช่นนี้คร้าบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re:ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๘ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ๒๗/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 27-07-2015 11:01:23
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๑๘ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม



หลังจากที่เท้าแตะพื้นผมก็โก่งคออาเจียนเอาทุกสิ่งอย่างออกจากตัวโดยไม่ลืมหูลืมตา ไอ้พี่พายมันแสดงน้ำใจโดยการมายืนข้างๆยกมือชึ้นลูบหลังผมอย่างเห็นใจ แต่ปากมันกลับเอ่ยทวงคำสัญญาอยู่ตลอดเวลา และด้วยสภาพร่างกายของผมตอนนี้ที่สมองมันตื้อๆดันๆมึนๆเหมือโดนถีบหน้ากลางสี่แยกเข้าอย่างจัง ทำให้การประมวลผลและการรับรู้ช้ากว่าปกติหลายเท่าตัว  หูผมถึงมันจะได้ยินแต่ปากมันก็ไม่ว่างที่จะตอบคำถามของไอ้พี่พายที่ยืนเร่งรัดผมอย่างกดดันได้เลย


"ถึงบ้านแล้วว่าไงมึงจะตอบตกลงเป็นแฟนกับกูไหมธูป" ปากมันถามไปด้วยมือมันก็ลูบหลังผมไปด้วยเช่นกัน


ช่างมีน้ำใจจริงๆซึ้งจนน้ำตาไหล


"อ้วกกกกกกกกก" มึงไม่ต้องใช้สมองเลยนะ แต่มึงช่วยแลหางตาดุๆมามองดูกูหน่อยว่าสภาพกูตอนนี้มันพร้อมจะตอบคำถามมึงไหม


"ตอบดิอย่าลีลา" เร่งกูอีก


กูไม่ได้ลีลากูอ้วกอยู่ไอ้เวร =_=!!


"อ้วกกกกกกกกกก" เผื่อว่ามันจะไม่ได้สังเกตุอาการผมในตอนแรกผมเลยจัดการอาเจียนออกมาอีกครั้งเผื่อว่ามันจะสนใจ และสังเกตุเห็น


"มึงไม่ตอบถือว่ามึงตกลงยอมเป็นแฟนกูนะ" ผมแทบจะกลืนอ้วกตัวเองกลับเข้าไปในทันทีทันใดเมื่อได้ยินประโยคของไอ้พี่พายมัน คือดูกูนิดนึงมองกูสักหน่อยแล้วมึงจะรู้ว่ากูเป็นอะไรอยู่


"............" อยากพูดแต่ปากไม่ว่างจริงๆ


"คราวนี้กูไม่ได้บังคับมึงนะ มึงจะมาบอกว่ากูบังคับแล้วยกเลิกไม่ได้นะมึง โอเครไม่ตอบกูถือว่ามึงตกลง งั้นตามนี้นะ"


ฟอด



ไอ้พี่พายมันพูดจบปุ๊บมันก็โน้มตัวลงมาหอมแก้มผมทันทีพร้อมกับเดินลั้นล้าเข้าบ้านไป


โดยที่มันไม่สนใจผมเลยว่าสภาพผมตอนนี้จะเป็นยังไง


#ร้องไห้หนักมาก



"อ้วกกกกกกกกกกก"
.
.
.
.
.
.
ช่วงเวลาแห่งความกดดันที่สุดในชีวิตผมได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้วครับ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมเหมือนเห็นตัวประหลาด ริมฝีปากทุกคนยกยิ้มเหมือนได้ยินเรื่องที่น่ายินดี แววตาเป็นประกายดังเจอเรื่องที่ทำให้ชีวิตมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบเปอร์เซ็น และเสียงแห่งความยินดีก็ดังขึ้นเหมือนกับว่าที่ตรงนี้มีงานบวชงานบวช


"ฮิ้ววววววววววว"


"แม่ดีใจนะที่พายรู้จักรักคนอื่นเป็นสักที"  คุณแม่ไอ้พี่พายพูดพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาด้วยความปลื้มปริ่มในชีวิต


"เค้กดีใจที่สุดเลยค่ะ" น้องเค้กพูดไปพร้อมกับสูดดมเสื้อที่มีกลิ่นเหงื่อของบอดี้การ์ดไอ้พี่พายคนใดคนหนึ่งด้วยใบหน้าหื่นๆเหมือนพวกโรคจิตที่กำลังสูดดมกางเกงในของผู้หญิงก็ไม่ปาน


"ถือว่าเป็นข่าวดี" พ่อไอ้พี่พายพยักหน้ารับรู้ข่าวสารพร้อมรอยยิ้มพิฆาตที่ส่งมาสังหารไอ้ธูปเข้าอย่างจัง


"ยินด้วยนะครับนาย" เหล่าลูกน้องและบอดี้การ์ดของไอ้พี่พายพากันกรูเข้ามาแสดงความยินดีเหมือนลูกพี่มันได้รถจากคุณตัน(?)


ส่วนผมนั่งหน้าหงอยเป็นหมาเหงาอยู่ที่โซฟาแต่เพียงคนเดียวเปล่าเปลี่ยวเอกายิ่งนัก ทำไมทุกคนถึงดูมีความสุขจนมองไม่เห็นความทุกข์ของไอ้ธูปกันเลยเหรอครับ ไอ้ธูปนั่งหม่นหมองอยู่ตรงนี้พวกคุณๆสังเกตุเห็นกันบ้างไหมครับ


"อ้าวล่ะวันนี้ฉันจะพาทุกคนไปฉลองที่ลูกชายฉันมันเลิกทำตัวเสเพลและมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับชาวบ้านเขาสักที"


พอประมุขของบ้านพูดจบปุ๊บเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังสนั่นลั่นทุ่งตามมาทันที มีแต่ผมเนี่ยแหละที่นั่งน้ำตาตกในโดยที่ไม่มีใครสนใจจะมองเห็นผมเลยสักคน


เกิดเป็นไอ้ธูปชีวิตมันเศร้ายิ่งนักT_T
.
.
.
.
.
หลังกลับมาจากทานอาหารเหลารสเริศที่ภัตคารเริศหรูผมก็มีเวลาอยู่กับไอ้พี่พายสองต่อสอง ดังนั้นผมจึงต้องทำข้อตกลงการเป็นแฟนกับมันเสียก่อนไม่เช่นนั้นชีวิตผมอาจจะซวยจนหาความสุขเหมือนชาวบ้านเขาไม่ได้


"กูยอมเป็นแฟนมึงก็ได้นะ แต่กูมีข้อตกลงจะตกลงกับมึง" ผมยืนกอดอกพูดบอกไอ้พี่พายที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา


ไอ้พี่พายมันไม่แม้แต่จะแลหางตามามองผมเลยสักนิด เพียงแต่มันพยักหน้ารับรู้ว่ามันยังฟังผมพูดอยู่บ้าง


ผมถอนหายใจหน่ายๆให้กับคนตรงหน้าก่อนจะเริ่มพูดต่อ


"ข้อหนึ่ง มึงห้ามใช้กำลังกับกูไม่ว่าจะในกรณีใดๆทั้งสิ้น" ถ้าไอ้พี่พายมันตอบตกลงชีวิตไอ้ธูปจะอยู่ดีมีสุขมากกว่านี้ จะไม่เจ็บตัวอีกต่อไป


ไอ้พี่พายมันพยักหน้าหงึกๆผมไม่รู้ว่ามันฟังที่ผมพูดจริงไหม หรือว่าผมจะร่างสัญญามาให้มันเซ็นยืนยันดี เผื่อว่ามันเกิดกลับคำขึ้นมาตอนหลังผมจะซวยเอานะ


"ข้อสอง" ผมพูดพร้อมกับดูเชิงไอ้พี่พายไปด้วย  "มึงห้ามประกาศตัวต่อหน้าสาธารณะชนว่ามึงกับกูเป็นอะไรกัน"


มันพยักหน้าอีกแล้ว ตกลงมันฟังผมอยู่รึเปล่าเนี่ย แต่ช่างมันผมจะพูดต่อตราบใดที่มันยังไม่ขัด


"ข้อสามมึงห้ามบังคับกูมึงห้ามเอาแต่ใจตัวเองฟังเหตุผลกูบ้างเข้าใจไหม"


เหมือนเดิมพยักหน้าแต่สายตาจับจ้องอยู่กับไอ้ทีวีตรงหน้า สนใจกูบ้างเถอะครับ ผมกระหยิ่มยิ้มย่องปกปิดความดีใจไม่มิดสุดท้ายก็แสดงมันออกมาทางสีหน้า ด้วยความดีใจ


ไอ้พี่พายมันหันมามองหน้าผม แววตาที่มันมองมาดูเจ้าเล่ห์จนผมต้องถอยหลังออกห่างมันออกไปสองก้าว รู้สึกถึงลางร้ายกำลังจะมาเยือน


"พูดจบยัง" ผมพยักหน้าหงึกๆๆ  "งั้นกูขอมึงบ้างนะ" ผมลอบกลืนน้ำลายตัวเองดังเอือก


"ข้อหนึ่งมึงต้องแทนตัวเองว่าธูป แล้วเรียกกูว่าพี่" แค่นี้จิ๊บๆผมพยักหน้ารัวทันที


ไอ้พี่พายมันยิ้มหล่อๆส่งมาให้ที่เห็นว่าผมตกลงทำตามข้อเสนอของมัน


"ข้อสองมึงห้ามทิ้งกูไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น" อันนี้ขอแย้งนิดหนึ่ง


"แล้วถ้ามึงมีคนอื่นอ่ะคือกูหมายถึงถ้ามึงไปเอาคนอื่นอ่ะ"


"ถ้าเป็นอย่างนั้นกูยอมให้มึงกระทืบกูเลย" ผมยกยิ้มมุมปากเพราะคิดเอาไว้ว่าจะกระทืบมันด้วยเท้าข้างไหนก่อนดีถ้ามันมีคนอื่น


"ข้อสามมึงต้องเชื่อใจกู เวลามีปัญหาต้องถามกูก่อนเสมอ ห้ามคิดเองเออเอง ห้ามฟังคนอื่นนอกจากกู"


"ทำไมกูรู้สึกแปลกๆกับข้อสามวะ"


"ถ้าไม่ตกลง ไอ้ที่มึงพูดมาก็เป็นโมฆะ"


"โมฆะก็โมฆะดิวะเรื่องอะไรกูจะยอมอ่ะ บางเรื่องมันก็ต้องฟังคนอื่นด้วยไม่ใช่รึไง" ผมโวยวายทันทีพร้อมกับหันหลังจะเดินออกจากห้อง


"ถ้ามึงไม่ยอมกูก็จะทำให้มึงยอม คอยดู"


เหี้ย!!


ผมหันกลับไปมองหน้าไอ้พี่พายพร้อมกับชี้หน้าและด่ามันทางสายตาให้มันรู้สำนึก แต่ก็นะคนอย่างไอ้พี่พายมันไม่รู้สำนึกหรอกครับ


"ว่าไงครับน้องธูป" แมร่งไม่เหลือทางเลือกอื่นที่มันดีกว่านี้ให้กูบ้างเหรอว่ะ


"ชิส์"


เดินกระถืบเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ กระถืบไอ้คนตรงหน้าไม่ได้กระถืบพื้นห้องมันนี่แหละ เจ็บเท้าแต่เพื่อความสะใจธูปทนได้


หลังจากเข้าไปยืนทำใจในห้องน้ำนานพอสมควรผมก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ก็นะผมลืมไปได้ยังไงว่าผมเพิ่งมีแฟนหมาดๆที่หื่นสุดๆนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเหมือนหมาป่าที่กำลังรอลูกแกะตัวน้อยๆที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว


กูเปรียบตัวเองซะน่ารักเลย


ผมเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนและไม่ลืมที่จะขยับตัวออกห่างไอ้พี่พายให้มากที่สุด พยายามนับแกะและหลับตานอน แต่ไม่ก็นอนสงบๆได้ไม่นานเพราะมีไอ้คนที่สถาปนาตัวเองเป็นแฟนผมหมาดๆกำลังขยับเข้ามาก่อกวนผมจนไม่สามารถนอนได้


"ไอ้พี่พายจะเบียดกูจนจะตกเตียงแล้วเนี่ย" ผมว่ามันพร้อมกับพยายามดันมันออกห่าง แต่มันก็ทำตัวเป็นปลิงเกาะติดผมไม่ยอมห่างไปไหน


มึงจะรัดกูอีกนานไหมครับ กูอึดอัด


"ไอ้พี่พายกูรู้มึงยังไม่หลับ อย่ามาเนียน"


"พูดมากนอนได้แล้ว"


"ก็มึงกอดกูซะขนาดนี้กูจะหายใจออกไหม แล้วกูจะนอนได้ไหม"


"กูกอดดหลวมๆก็ได้ เลิกบ่นแล้วนอนซะ" กอดหลวมๆตรงไหนวะ แน่นจนกูนึกว่างูหลามรัด


"ไอ้พี่พายปล่อยกู"


"มึงพูดไม่เพราะอีกแล้วนะธูป" อ๊ากกกก รัดกูแน่นไปแล้ว


"โอ๊ย!!กัดคอกูทำไม เป็นหมารึไงว่ะ" ผมยกมือลูบคอตรงที่ไอ้พี่พายมันกัดคอผม


"หมาอะไรหล่อขนาดนี้" ถุยหลงตัวเอง


"ปล่อยเลยจะไปนอนอีกห้อง"


"นอนด้วยกันดิ"


"ไม่!!"  ผมปฏิเสธเสียงดังฟังชัดแต่มันไม่เข้าหูไอ้พี่พายเลยแม้แต่นิดเดียว


ไอ้พี่พายมันถลึงตาใส่ผมมันทำหน้าดุๆใส่ คิดว่าผมกลัวเหรอ



เออกูกลัวก็ได้ว่ะไม่ต้องทำหน้าเหี้ย(ม)ใส่กูขนาดนั้นก็ได้



"นอนเฉยๆนะ" ผมทำเสียงหงอยๆเหมือนหมาเหงาๆบอกไอ้พี่พายไปและไม่ลืมทำหน้าตาน่าสงสารใส่มันด้วย


"ทำหน้าแบบนี้มึงจะไม่ได้แค่นอนเฉยๆนะธูป" อ๊ากกกก ไอ้หื่น


"มึงมัน" ผมยกมือดันน่าอกไอ้พี่พายก่อนจะลุกขึ้นและรีบเดินหนีมัน แต่มันก็จับแขนผมและดึงให้ลงมานอนด้วยกันอีกครั้ง


"ธูป" เสียงมึงหวานไปนะ


"ไร"


"คืนนี้ประเดิมการเป็นแฟนกันวันแรก มึงทำให้กูหน่อยดินะๆ"


ฝันไปเถอะว่าไอ้ธูปจะยอม


"ง่วงแล้ว"


"ถ้าไม่ยอมกูจับมึงกดนะ" แมร่งอะไรวะข้อตกลงที่ผมพูดไปมันไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม


ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่พายก่อนจะพูดออกมาเสียงดังฟังชัด


ว่า







"แค่ใช้มือนะ!!"


ไอ้พี่พายมันยิ้มจนตาหยีส่วนผมก็ถอนหายใจด้วยความปลงให้กับชีวิตตัวเองอีกครั้งและอีกครั้ง ถ้าไม่ทำก็เสี่ยงต่อการที่ตูดจะโดนล่วงล้ำ เอาวะแค่มือพอเสร็จก็ไปล้างออกแค่นั้นไม่เสียหาย


ไม่เสียหายจริงเหรอวะ


เฮ้ออออออ  ชีวิตไอ้ธูปจะมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ให้เลือกไหมครับเนี่ย


แล้วธูปเลือกอะไรได้ไหม~~~~~~~~~~

หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๘ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ๒๗/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-07-2015 18:25:08
 :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๘ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ๒๗/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-07-2015 19:06:23
เลือกเป็นเมียพี่พายไงธูป 5555
หล่อ โฉด ว๊าก รวย หาไม่ได้แล้วนั
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๘ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ๒๗/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae_yusoo_mi ที่ 28-07-2015 10:34:29
โคตรรำคาญธูปเลย  :serius2:
ไม่เคยปฏิเสธเต็มปากเต็มคำ
พูดอ้อมไปอ้อมมา โดนเปลี่ยนเรื่องหน่อยสติก็หลุด
โตมาได้ไง แน่ใจว่าอยู่มหาลัยแล้วไม่ใช่เด็กประถม
น่าจะโดนเอาไปซะ จะได้เลิกสะดิ้งซักที  :katai3:

 ขอโทษที่ไม่ค่อยสุภาพนะ
แต่รำคาญจากใจเลย ยิ่งอ่านก็ยิ่งหงุดหงิด
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๘ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ๒๗/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-07-2015 20:35:05
ก็ไม่อยากว่านะ แต่ธูปทำตัวน่าเบื่ออ่ะ :hao4:
กับเพื่อนก็น่าจะพูดเคลียร์ให้รู้เรื่องก่อน เหมือนคิดเอง เออเอง แล้วหนีปัญหาอ่ะ
กับพี่พายก็น่าจะเปิดใจรับฟังบ้าง ธูปดื้อเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนน :ruready
หัวข้อ: Re:ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๙ บรรยากาศชวนเพลี่ยงพล้ำ ๒๙/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 29-07-2015 19:15:12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๑๙ บรรยากาศชวนเพลี่ยงพล้ำ



"แค่ใช้มือนะ!!"


ไอ้พี่พายมันยิ้มจนตาหยีส่วนผมก็ถอนหายใจด้วยความปลงให้กับชีวิตตัวเองอีกครั้งและอีกครั้ง


ผมนั่งหันหลังให้ไอ้พี่พายพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกาย ให้มันถ่ายทอดมาสู่อุ้งมือน้อยๆของผม คิดดูเถอะครับเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มือไอ้ธูปคนนี้ไม่เคยได้ใช้แตะต้องหนอนชาเขียวของใครเลยนอกจากของตัวเองแล้วนี่อะไรวะเป็นแฟนกันยังไม่ทันข้ามวัน มือผมก็ต้องเสียความบริสุทธิ์ให้ไอ้พี่พายมันแล้วเหรอ แล้วถ้านานกว่านั้นประตูหลังผมจะเหลือเหรอครับ ถ้าแค่คิดก็ขนลุกซู่ทั้งตัวแล้ว


"ช้า" โอ๊ย!!เร่งกูจังพ่อคู๊ณณณณณณณ ให้เวลากูทำใจแป๊ปนึงเถอะครับพี่น้องครับ


"แป๊ปนึงดิวะ เฮ้ย!! ทำอะไรอะ"  ผมถอนหายใจก่อนจะหันหลังกลับไปขอต่อรองกับไอ้พี่พายแต่แล้วก็ต้องตกใจกระโดดลงจากเตียงมายืนตั้งหลักแทบไม่ทัน


ก็เพราะว่า.......


"มึงแก้ผ้าทำไมว่ะเนี่ย"  ไอ้พี่พายมันนอนแก้ผ้าท้าลมหนาว (แอร์) อย่างไม่กลัวผีสางเทวดา ผีบ้านผีเรือน ผีเปรตผีห่าซาตาน มันไม่อายแม้กระทั่งผมที่ตัวสั่นงันงกแม้แต่น้อย


ยังมีหน้ามายิ้มให้กูอีก ไอ้เวร


ไอ้พี่พายมันนอนท้าวแขนตัวเองตะแคงข้างหันมาทางผมด้วยท่าทางชิวๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


"เวลามึงว่าว มึงใส่กางเกงเหรอวะ"


"กะ ก็ไม่นะ" เสียงกูสั่นได้อีก


"ก็นั่นไงกูก็ถอดเสื้อผ้าออกรอมึงเนี่ยไง เร็วๆดิวะรอนานแล้ว" พูดดีมีเหตุผล แต่มันจะไม่ให้ผมเตรียมใจก่อนเลยเหรอวะ


"ขอกูทำใจก่อนได้ไหมอ่ะ"


ไอ้ที่อยู่กลางลำตัวมึงอ่ะมันเกินคำว่าหนอนชาเขียวในความคิดกูไปเยอะเลยนะ แล้วมือกูก็แค่นี้จะสู้รบปรบมือกับมันได้ยังไงว่ะ มึงไม่สงสารกูเหรอ


"เร็วๆอย่าช้า"  ไอ้พี่พายมันใช้มือตบที่นอนข้างๆตัวมันดังปุๆเร่งเร้าผมทั้งสายตาและท่าทาง อีกทั้งคำพูดเชิญชวน (เสียตัว) นั่นอีก คิดว่าผมจะหลงกลมันเหรอ ไอ้ธูปไม่โง่นะครับพี่น้องครับ


ผมถอนหายใจอีกครั้ง เอาว่ะแค่ชักๆไปเดี๋ยวก็เสร็จ แล้วค่อยไปล้างมือฟอกสบู่เอาที่หลังก็ได้


ผมกลั้นหายใจเอื้อมมือไปแตะๆไอ้หนอนยักษ์ที่ผงกหัวทักทายผมอยู่ แมร่งน้ำลายยืดขู่ผมด้วยอ่ะ คิดว่ากูกลัวมึงเหรอนี่ใคร นี่ใคร กูไอ้ธูปนะเว้ย


"กูทำไมได้อ่ะ" เออยอมรับก็ได้วะว่าผมกลัวจริงๆ


ไอ้พี่พายมันลุกขึ้นนั่ง หน้ามันนี่พร้อมจะขย้ำหัวผมได้เลยอ่ะ ธูปผิดอารายยยยยยยยยยยยย


"มานี่" มันพยักหน้าเรียกผม


"ไม่เอาอ่ะ" ผมส่ายหน้าปฏิเสธคำเชิญชวนของมัน


"ธูปมานี่เดี๋ยวนี้" คำพูดเหมือนจะดูดีแมร่งก็คำสั่งดีๆนี่แหละวะ


ผมเขยิบเข้าไปหาไอ้พี่พายด้วยความกล้าๆกลัวๆ คือมึงช่วยใส่เสื้อผ้าก่อนได้ป่ะ กูไม่รู้จะเอาสายตากูไปมองอะไรดีแล้วตอนนี้ มองต่ำก็เจอหนอนยักษ์ผงกหัวขู่กูฟ่อๆๆ มองสูงขึ้นมาหน่อยก็เจอเข้ากับสายตาหื่นๆเยิ้มๆโลมเลียกูไม่หยุดหย่อน โอ๊ยทำไมบรยากาศมันช่างกดดันกูขนาดนี้ว่ะเนี่ย


หมับ


"เฮ้ย!!"


ร้องสิครับพี่น้องครับ ก็ไอ้พี่พายมันฉวยจังหวะที่ผมเหม่อกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย มันใช้จังหวะนั้นเข้าคลุกวงในผมทันที มือมันตะปบเข้าที่กลางลำตัวของผม เล่นเอาจุกมากกว่าจะเสียว ผมพยายามดันมือมันออกแต่เรี่ยวแรงกลับหายไปหมดเมื่อไอ้พี่พายมัน


ฟู่ววววววว


เป่าลมใส่หูกูทำม้ายยยยยยยย


หมดแล้วความแมนของไอ้ธูปโดนสูบไปหมดแล้ว ไม่เหลือเลย


"มะ มึงจะทำอะไรวะ" ผมใช้แรงฮึดเฮือกสุดท้ายที่มีดันมือมันออกไปจากตัวผม ก่อนจะหันไปถามไอ้พี่พายที่นั่งซ้อนอยู่ทางด้านหลัง


ไอ้นี่ก็เก่งจริงเรื่องเข้าด้านหลังกูเนี่ย


"ช่วยมึงไง" ตอบได้หน้ามึนมากๆครับพี่น้องครับ


"ช่วยอะไรไม่ต้องช่วย" กูดูเหมือนคนต้องการความช่วยเหลือเหรอ


"กูช่วยมึง มึงช่วยกู วิน-วินทั้งสองฝ่าย" กูช่วยตัวเองได้ ปกติกูก็ช่วยตัวเองมาตลอด พ่อแม่กูสอนให้รู้จักช่วยตัวเองเว้ย


"ไม่เอาไม่ต้องมาช่วยกู" ดิ้นสิครับงานนี้ใครจะยอมเป็นลูกเจี๊ยบในอุ้งมือมันอ่ะ


"ธูปอยู่เฉยๆ" ไอ้พี่พายเข้าล็อคตัวผมทันทีเหมือนมันเห็นว่าผมเริ่มจะหลุดจากสถานการณ์ (โดน) กดดันนี้


คืออะไรครับมึงกำลังจะกดกูแล้วบังคับให้กูอยู่เฉยๆอีกฝันไปเหอะ


"ปล่อยกูไอ้พี่พาย ไม่เอานะโว๊ยมึงอย่าถอดกางเกงกู๊" ไม่ทันแหละกางเกงผมลงไปกองอยู่ข้างเตียงเรียบร้อยโรงเรียนไอ้พี่พายแล้ว


"แค่ใช้มือมึงจะอะไรนักหนาธูป ร้องยังกับว่ากูจะเอามึง" อือหือ พูดนี่มึงไม่ดูท่ามึงเองเลยนะ คร่อมกูซะขนาดนี้เนี่ยนะ แล้วไหนจะไอ้หนอนยักษ์มึงอีกที่ถูๆอยู่ตรงสะโพกกูอ่ะมันคืออะไร


"ไม่เอาธูปไม่ทำแล้ว นะพี่พายนะธูปไม่ทำนะๆๆๆ" กระพริบตาปริบๆอ้อนแมร่งเข้าไว้เผื่อมันใจอ่อน


"มึงจะโดนมากกว่ามือก็เพราะมึงอ้อนกูเนี่ยแหละธูป"  ตอนนี้กูทำอะไรๆก็ผิดหมดเลยสินะ


ผมใช้มือผลักไอ้พี่พายไอ้มันออกห่างจากผม ไอ้พี่พายมันก็ยอมออกห่างจากร่างของผมง่ายๆไม่อิดออด มันทิ้งตัวลงนอนตะแคงอยู่ข้างๆกายผม มันท้าวแขนกับหัวมันสายตาที่จ้องมองผมทำเอาหวิวๆไม่น้อย ร่างกายผมเป็นอะไรเนี่ยหวั่นไหวกับสายตาไอ้พี่พายได้ยังไงวะไอ้ธูป เริ่มไม่ดีแล้วไง เสี่ยงต่อการเสียดินแดนมากๆ


"ตกลงจะช่วยพี่ไหมธูป" ไอ้พี่พายมันเอ่ยปากถามผมเหมือนจะเร่งรัดเอาคำตอบ ประเด็นคือมึงยังไม่ลืมอีกหรอวะ


แหมเรียกพงเรียกพี่ แหวะๆ


"กะ ก็ได้" เอาว่ะดีกว่าเสียมากกว่านี้ แค่มือฟอกสบู่เอาก็คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง


ไอ้พี่พายมันยิ้มแก้มปริมันทิ้งตัวลงนอนหงาย เอามือมารองหัวของมันเองพร้อมกับใช้สายตาเร่งเร้าผมให้รีบๆใช้มือช่วยมันให้ถึงฝั่งฝันมึงกำลังจะไปสวรรค์ แต่กูกำลังจะตกนรกมึงรู้ไหมเนี่ย


ผมเอื้อมมืออันสั่นเทาออกไปแตะๆหนอนยักษ์ที่นอนนิ่งอย่างสงบ คือมันหลับอยู่แล้วเราก็ไม่ควรจะไปยุ่งกับมันรึเปล่าวะ ไปปลุกมันให้ตื่นถ้ามันหงุดหงิดพ่นพิษใส่ผมจะทำยังไงล่ะครับ


"อื้มมมม" เสียงไอ้พี่พายมันครางเบาๆเมื่อผมเริ่มรูดรั้งตัวตนของมัน หนอนยักษ์ของมันเริ่มตื่นและค่อยๆพองตัวขู่ผมอีกครั้ง ประเด็นคือมือครับมือผมเพียวๆเลยครับ ไม่มีตัวช่วยเลยผิวเนื้อสัมผัสกับส่วนนั้นของมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเรียลแบบว่าผมรับรู้ถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบๆอยู่บนส่วนนั้นของมันเลยอ่ะครับ


ช่วยด้วย ไอ้ธูปกำลังจะเป็นลม


"ธูป" เรียกชื่อกูทำม้ายยยยยยย แล้วเสียงจะกระเส่าหาพระแสงอะไรครับ


"มึงนอนเงียบๆดิวะ" ผมรีบชักหนอนยักษ์ที่อยู่ในมืออย่างเร็วเพราะมันจะได้เสร็จๆไปตอนนี้ไอ้หนอนยักษ์มันเริ่มโกรธผมจัดแล้วครับ มันเหมือนหมาบ้าเข้าไปทุกที มันพองตัวขู่ผมแถมน้ำลายไหลเยิ้มออกมาอีก ยี้ๆๆๆ ไอ้ธูปกลัวแล้วจ้ะอย่าขู่กูเลย รีบๆพ่นน้ำออกมาแล้วหลับไปเลยนะ (หนอน) ครับ


"เฮ้ย!!" ผมร้องเสียงหลงเมื่อไอ้พี่พายมันผลิกตัวกลับมาคร่อมร่างผมอีกแล้วอ่ะ แล้วนี่มือของผมยังคาอยู่ที่หนอนยักษ์ของมันอยู่เลยนะ
"จะทำอะไร ลงไปดิวะ กูหนัก" ไม่เอาอย่ามองธูปด้วยสายตาแบบนี้ ธูปไม่ชอบ ธูปกลัว ธูปยังไม่อยากเสียเอกราช


"กูขอนะธูป" ขออะไรวะ กูไม่มีอะไรให้มึง


"ขะ ขออะไร"


"เป็นของพี่นะธูป" ถุย ทำมาพูดพงพูดพี่ คิดว่ากูจะเคลิ้มเหรอ


"ไม่ มี ทาง" สามคำชัดๆเลย


ไอ้พี่พายทำหน้าเจ้าเล่ห์แลดูน่ากลัวจนขนหัวลุกซู่ มันแสยะยิ้มให้ผมก่อนจะเริ่มพูดจาหว่านล้อมผมทันที


"งั้นเอาอย่างนี้" บอกกูอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องบดสะโพกลงมาได้ไหม  "ใครแตกก่อนคนนั้นต้องยอมให้อีกคนเสียบ"


ใครจะเสียบมึง แล้วกูก็ไม่ยอมให้มึงมาเสียบกูแน่ๆ


"ไม่" ปฏิเสธอย่างไว ไม่ต้องคิดเลยครับ แพ้ผมเสียตูด ชนะผมได้ตูดมัน คิดสาราตะอย่างถี่ถ้วนแล้ว ยังไงๆก็ไม่โอ ไม่โอทั้งสองอย่างมีแต่เสียกับเสีย


"ป๊อด" ขึ้นเลยๆขึ้นเลยจริงๆ


แมร่งว่ากูป๊อด


"มึงเตรียมตัวโดนเสียบได้เลยไอ้พี่พาย" ขอร้องอย่าท้าไอ้ธูปนะเว้ย ฆ่าได้แต่อย่าหยามกู


เมื่อสิ้นเสียงผมไอ้พี่พายก็ทิ้งตัวนอนลงข้างๆผม มันเอื้อมมือมาจับส่วนนั้นของผมเอาไว้ก่อนจะเริ่มขยับข้อมือรูดรั้งแก่นกายของผมอย่างเมามันในอารมณ์


มันขี้โกงอ่ะ


"เฮ้ย เดี๋ยวมึงรอกูก่อนดิ" ผมร้องบอกก่อนจะเริ่มคว้าเอาหนอนยักษ์ของมันมาไว้ในกำมือ นาทีนี้ต่างฝ่ายต่างชักกันอย่างเอาเป็นเอาตายไม่มีใครยอมใครล่ะครับงานนี้


"อื้มมมมมม" ผมครางออกมาเมื่อไอ้พี่พายมันขยับตัวเข้ามาใกล้พร้อมกับขบเม้มที่ซอกคอผมอย่างแรง


มันขี้โกงอีกแล้ว


"อะ อ๊ะ ไอ้พี่พายอย่า" มือข้างที่ว่างของมันบีบเค้นสะโพกของผมอย่างแรงและเน้นๆอย่างจงใจให้ผมรู้สึก และแน่นอนว่าผมเริ่มรู้สึกแปลกๆแล้ว


"อ๊าาาาาา ธูปแรงอีก" ในเมื่อมันเสนอผมก็สนองให้อย่างถึงใจเลยล่ะครับ ผมสาวมือรูดขึ้นลงอย่างเร็ว เมื่อยมือแต่ไอ้ธูปทนได้เพราะถ้าผมหยุดนั่นคือผมแพ้ ไม่มีทางที่ไอ้ธูปจะยอมแพ้แน่นอนครับ สังเวียนนี้ไอ้ธูปสู้ตายครับพี่น้องครับ


"อ๊ะ" ผมร้องออกมาเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเข้ามาในร่างกายผม  "พะ พี่พาย อุ๊บ" ยังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้พี่พายมันก็ปิดปากผมด้วยปากของมันทันที


มันสอดลิ้นที่คุ้นเคยแต่ผมไม่ค่อยอยากจะคุ้นชินสักเท่าไหร่เข้ามาในปากของผม มันดูดเม้มลิ้นผมเชิญชวนเย้ายวนผมทุกวิธีทางเพื่อให้ผมสู้กับมันในสังเวียนบนเตียงแห่งนี้ ไอ้พี่พายมันเพิ่มขนาดบางสิ่งเข้ามาในร่างกายผมจนผมเริ่มรู้สึกคับแน่น อึดอัด ผมพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากสถานการณ์เสี่ยงเสียตัว


แต่คุณคิดว่ามันง่ายอย่างใจคิดไหมครับ คำตอบคือไม่เลยครับ เพราะไอ้พี่พายมันใช้ท่อนขาของมันล็อคร่างผมเอาไว้ มันรัดผมเหมือนชาติก่อนมันเป็นงูเหลือมยักษ์ มันเซียนเกินไปนะ คุณลองคิดภาพตามผมนะ มือข้างนึงของมันรูดรั้งตัวตนของผมอยู่ มืออีกข้างก็กำลังใช้นิ้วสอดเข้ามาสำรวจภายในร่างกายของผม ขามันจับล็อคร่างผมเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนี คือสภาพตอนนี้ ผมสองคนเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่มันไม่น่าดูเลยสักนิด


ถ้ามันลำบากขนาดนั้นมึงปล่อยกูไปเหอะ


คุณคิดว่าผมเคลิ้มไหมให้ทาย


"อื้มมมมมม" สุดท้ายสติ ความยับยั้งชั่งใจ ผิดชอบชั่วดี ถูกบดบังด้วยจูบแสนเร่าร้อน และการปลุกเร้าอารมณ์อย่างถึงใจ ในหัวผมตอนนี้มันเบลอๆลอยๆไปหมดแล้ว รู้แค่ว่ามีความต้องการ เสียวซ่านไปทั้งตัว ต้องการมากกว่านี้ อยากได้มากกว่านี้ แค่มือของไอ้พี่พายมันไม่พอ


"อ๊ะ อ๊าาาาาาา" ผมร้องครางออกมาเมื่อแตะขอบสวรรค์ แต่ไม่นานผมก็ทิ้งดิ่งลงมาสู่นรกภูมิทันที เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆหู


"มึงเสร็จก่อน มึงโดนเสียบ^^"


ม่ายยยยยย เอกราชของไอ้ธูปกำลังจะถูกช่วงชิง



หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๙ บรรยากาศชวนเพลี่ยงพล้ำ ๒๙/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 29-07-2015 19:34:10
พายเจ้าเล่ห์จริงๆ รออ่านตอนต่อไป ดูซิว่าธูปจะเสียเอกราชจริงหรือเปล่า :z1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๑๙ บรรยากาศชวนเพลี่ยงพล้ำ ๒๙/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 29-07-2015 19:51:43
เสร็จๆอิพายจอมเจ้าเลห์แน่ๆธูปเอ๋ยยยย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๒๐ เคลียร์(ไม่)จบ ๓๐/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 30-07-2015 19:25:18
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๒๐ เคลียร์(ไม่)จบ


"มึงเสร็จก่อน มึงโดนเสียบ"


"เฮ้ย!!" ผมร้องลั่นห้องด้วยความตกใจพยายามขืนตัวให้หลุดรอดจากการเกาะกุมของไอ้พี่พาย


แต่ก็ไม่ทัน


ไอ้พี่พายมันขึ้นคร่อมนอนทับร่างผมทั้งตัว


จุกสัดๆ


"มึงลงไปให้ไวเลยนะ" ผมร้องบอก แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้ามึน มันแสยะยิ้มมองหน้าผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกจ้องจะตะครุบกระต่ายตัวน้อย(?)


"เพื่อให้มึงหนีอ่ะเหรอ ฝันไปเหอะธูป"


"มึงกำลังเร่งรัดกูเกินไปรึเล่าวะ คือกูยังไม่พร้อม" ผมร้องบอกไอ้พี่พายพร้อมกับพยายามดิ้นหนีมันไปด้วย


"มึงรังเกียจกูเหรอ" น้ำเสียงเศร้าๆ สายตาหมาหงอย หางลู่ หูตก ที่ไอ้พี่พายมันแสดงออกมาให้ผมเห็นทำให้ผมรู้สึกผิดนิดๆแค่นิดเดียวเท่านั้นนะ


ถ้าให้ตอบกันตรงๆว่าผมรังเกียจมันไหม ผมตอบเลยว่าก็ไม่ได้รังเกียจอะไรมันมากมายเท่าไหร่ ผมยอมให้มันจูบ ยอมให้มันยุ่งวุ่นวายกับร่างกายผม ยอมให้มันเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตผม ยอมมันมากกว่า (ผู้ชาย) คนอื่นๆแล้วด้วย อย่างนี้เรียกรังเกลียดไหม


แต่ถ้าจะให้ผมนอนอ้าขาเพื่อให้มันเอา อันนี้บอกเลยว่าไอ้ธูปรับไม่ได้อย่างแรง คือผมก็ผู้ชายไม่ใช่เกย์ป่ะวะ ผมยังไม่พร้อมที่จะเป็นเมียใคร เออ เรื่องไอ้วินไม่นับเพราะผมเมาผมไม่รู้ตัวไม่มีสติ แต่ครั้งนี้สติครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่าง แล้วคุณคิดดูเอาเถอะว่าผมจะทำใจรับได้แค่ไหน


แค่คิดก็ขนลุกแล้ว


"มึงคิดอะไรอยู่ธูป" เสียงทุ้มน่าฟังกระซิบถามผมอยู่ที่ข้างหู เรียกสติผมให้กลับเข้าร่างได้เป็นอย่างดี


"ปะ เปล่า" ผมหันหน้าหนีสายตาที่จ้องจับพิรุธผมอยู่ 


ไอ้พี่พายใช้มือจับปลายคางผมให้หันหน้าไปมองมัน ก่อนที่มันจะพูดกับผม "คิดเรื่องที่ไอ้เหี้ยนั่นมันทำมึงใช่ไหม"


"กะ ก็ไม่เชิง" ผมหลบสายตาของไอ้พี่พายอีกครั้ง "มึงรับได้เหรอว่ะที่กูเคย........"


"ร่างกายมึงจะผ่านใครมากูไม่สนใจหรอกนะธูป เพราะกูจะลบทุกสัมผัสจากไอ้เหี้ยนั่นให้มึงเอง"


พูดขนาดนี้มึงกะจะให้กูเคลิ้มแล้วยอมมึงง่ายๆใช่ไหม


ยอมรับว่าเกือบ.........


"แต่กูกลัว" ก็หาข้ออ้างกันต่อไป


"กูสัญญาว่ากูจะไม่ทำให้มึงเจ็บ" หน้าตามึงจริงจังไปรึเปล่าเนี่ย


"ไม่เอาอ่ะ คือธูปไม่พร้อม จริงๆนะพี่พายธูปยังไม่พร้อม" เพิ่งเป็นแฟนกันยังไม่ข้ามวันมึงจะซั่มกูแล้วไม่เร็วไปหน่อยเหรอ


"ใช่สิ มึงคงไม่อยากมีอะไรกับกู ถ้าเป็นผู้หญิงที่เกาะมึงเมื่อตอนเย็นมึงคงเต็มใจ"


"จะขุดเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพื่อ"


"ก็แล้วมันจริงไหมล่ะ"


"พี่พาย กูยอมมึงขนาดนี้มันก็มากสำหรับกูแล้วนะ" ผมผลักไอ้พี่พายออกห่างจากตัวและก้มลงคว้ากางเกงขึ้นมาใส่ "กับคนอื่นกูไม่ได้ให้สิทธิ์มันเท่ามึงเลยนะ"


ทำไมผมต้องมีแฟนนิสัยแย่แบบนี้ด้วยวะไม่เขาใจเลย


"ธูปจะไปไหน" มันรีบลงจากเตียงมาคว้าตัวผมไปกอดแทบไม่ทันเมื่อผมกำลังจะเดินออกจากห้องไป มันผลิกตัวผมให้หันไปหามันก่อนจะกดหัวผมให้ซบลงที่ไหล่มัน


"กูเกลียดมึง" ผมพยายามขืนตัวไม่ยอมให้มันกอดง่ายๆแต่ก็นะไอ้พี่พายมันก็ล็อคผมไว้ไม่ยอมปล่อย


"รู้ครับว่ามึงเกลียดกู"


"มึงบังคับกู ทั้งๆที่เราเพิ่งจะตกลงกัน"


"เพราะกูรักมึงไงธูปกูถึงอยากเป็นเจ้าของร่างกายมึง หัวใจของมึง ทุกอย่างทั้งหมดที่เป็นมึง"


ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้พี่พายหลังจากที่มันพูดจบ "มันใช่ความรักแน่หรอ มึงแน่ใจหรอพี่พายว่าระหว่างเรามันคือความรักจริงๆ"


ผมหยุดเว้นวรรคคำพูดเพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดตาม


"ไม่ใช่แค่อารมณ์อยากรู้อยากลองสิ่งแปลกใหม่หรอกหรอ"


ไอ้พี่พายทำหน้าดุผมทันทีเมื่อผมพูดจบ "กูคงเร่งรัดและบังคับมึงมากไป กูไม่เคยจีบใครทุกครั้งมีแต่คนเข้าหากูก่อนตลอด แต่กับมึง"


มันจุ๊บปากผมย้ำๆสองสามทีก่อนจะพูดต่อ "กูมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความอยากรู้อยากลอง ถ้ากูอยากลองกูลองกับใครก็ได้ แต่ทำไมกูต้องมาตื้อขอมึงซ้ำๆ เพราะอะไร เพราะว่าคือมึงไงธูป"


ไอ้พี่พายมีขี้แมลงวันที่หัวไหล่ด้วยเหรอวะไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย


"ธูปมองหน้ากู"


มันมีที่อื่นอีกไหม


"ธูป"


จริงๆมันก็ขาวเหมือนกันนะเนี่ย


"ธูป!!" เชรี้ยจะตะโกนทำไมครับ อยู่ใกล้กันแค่นี้ หูกูจะแตก


"อะ อะไร ตะโกนทำไมเนี่ย"


"แล้วเป็นอะไร เขินเหรอ"


"เปล๊า ใครเขิน ไม่มี๊"


ไอ้พี่พายมันหัวเราะเยาะผมก่อนจะจูงมือผมกลับมาที่เตียง  มันกดไหล่ผมในนั่งลงบนเตียงนุ่มก่อนที่มันจะตามลงมานั่งข้างๆ


"โอเคต่อไปกูจะไม่บังคับมึง ถ้ามึงไม่พร้อม และกูก็จะทำให้มึงมั่นใจว่าที่กูทำมันคือความรักจริงๆไม่ใช่แค่อยากลองของแปลก"


ประเด็นคือมึงจะบอกว่ากูเนี่ยของแปลกใช่ไหม


"มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ คือมึงกับกูเพิ่งเจอกันมึงจะมารักกูแล้วเนี่ยนะ"


"ความรักมันกำหนดได้เหรอธูปว่าต้องรักกันตอนไหน เมื่อไหร่ ระยะเวลาเท่าใดที่เรียกว่ารัก ไม่อย่างนั้นจะมีคำว่ารักแรกพบเหรอวะ"


พูดดีมีเหตุผล แต่กรณีมึงกับกูนี่ไม่ใช่แหละ เจอครั้งแรกกูนี่นั่งนับรอยรองเท้าเพลินเลยนะ กูจำได้


"พูดมาไม่อายปาก ตอนนั้นมึงกระทืบกูซะเกือบตาย"


"รื้อฟื้นทำไมวะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว" นานอะไรผ่านมาไม่กี่เดือนเองเถอะ 


"พี่พาย"


"ว่าไง" พี่พายมันขานรับพร้อมกับเล่นมือผมไปด้วย


"อย่ามีความลับกับกูนะ อย่าทำอะไรลับหลังกูอย่าหายไปโดยไม่บอกกูนะ"


ผมบอกออกไปอย่างนั้นเพราะผมกลัว กลัวว่ามันจะซ้ำรอยดังในอดีตที่น้ำฝนหายไปจากผมเพราะเธอทำเรื่องลับหลังผมเป็นเรื่องที่ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดจะทำกับผมได้ เธอเป็นคนดี น่ารัก เรียบร้อย แต่สิ่งที่ผมรู้มันทำให้ภาพของเธอที่ผมเห็นมันบิดเบี้ยวไปหมด จนสุดท้ายผมก็ไม่ได้ฟังความจริงจากปากเธอ เพราะเธอหายไปผมติดต่อเธอไม่ได้และไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน



"กูสัญญาว่าจะไม่มีความลับกับมึง แต่บางเรื่องกูก็ไม่สามารถบอกมึงตอนนี้ได้ รอก่อนได้ไหมธูป รอกูจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนแล้วกูจะเล่าให้มึงฟังทุกเรื่อง จะให้มึงรู้ทุกเรื่องของกู รอกูนะ"



ทำไมผมรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของไอ้พี่พายเหมือนว่ามันมีความลับกับผม ทำไมผมรู้สึกหวิวๆในใจ


ทำไม



"มึงไม่ได้มีแฟนอยู่แล้วอยู่ใช่ไหม"



"พูดไม่เพราะ"



แล้วเมื่อกี้ใครมันกูมึงกับกูวะ



"ถามก็ตอบอย่าเปลี่ยนเรื่องดิ"



"มีธูปคนเดียว" พูดเฉยๆก็ได้มั้งไม่ต้องไม่ไซร์คอกู



"ไอ้พี่พาย หยุด บอกให้หยุดไง แล้วไปใส่เสื้อผ้าด้วย" ผมขยับหนีมันก่อนจะเดินไปเก็บเสื้อผ้าที่พื้นมาให้มันใส่ ขืนมันอยู่ในสภาพนี้นานๆผมนี่แหละจะซวยเอา


"ยังไม่เสร็จเลย"



"นั่นห้องน้ำเชิญ" ผมชี้นิ้วไล่มันให้ไปเอาออกเอง



"ธูป" เสียงเรียกดุๆพร้อมกับสายตากดดันส่งมากระแทกใส่หน้าผมจังๆ


"ก็ได้วะ แต่ใช่มือนะ แล้วห้ามมายุ่งกูด้วย เสร็จแล้วต้องนอนเลยนะ"


ผมบอกมันก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงเพื่อจะส่งแฟนหมาดๆของผมขึ้นสวรรค์ แต่ตัวกูเนี่ยกำลังจะตกนรก โอ๊ยมือไอ้ธูปต้องแปดเปี้ยนจริงๆเหรอเนี่ย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"ตอนเย็นเดี๋ยวพี่มารับนะ จุ๊บ" แมร่งตลอดพูดเองเออเอง แถมยังมาลวนลามกูตลอด แต่จะให้พูดอะไรได้ล่ะครับเพราะพูดไปมันก็ทำเหมือนเดิม


"เออ .......คะ  ครับ" ผมบอกมันก่อนจะเปิดประตูลงจากรถหรูของมัน โดนจ่ายค่าน้ำมันด้วยจูบ หอมแก้ม บอกเลยไอ้ธูปไม่ชินครับ



ผมเดินไปมานั่งที่โต๊ะใต้ตึก โต๊ะประจำของกลุ่มผมทำไมพวกไอ้ชามันยังไม่มาไม่รู้พวกมันไปตกหลุมอากาศอยู่ส่วนไหนของโลก ผมนั่งๆกดโทรศัพท์ดูโน้นนี่นั่นไปเรื่อย จนไม่รู้จะดูอะไรในมือถือแล้วสุดท้ายก็เก็บเข้ากระเป๋าด้วยความเซ็ง



ผมนั่งสอดส่ายสายตามองดูอะไรไปทั่ว จนรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆเหมือนมีลมวูบนึงพัดผ่านร่างผมไป ผมหันไปมองด้านหลังก็ไม่เห็นอะไร ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะหันหน้ากลับมาแต่ก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะผมเจอกับมนุษย์สองตัวที่ยืนจ้องหน้าผมอยู่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ



"อธิบายมา" ไอ้น้ำชามันพูดพร้อมกับชี้หน้าผมไปด้วย ก่อนมันจะหย่อนตูดนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผมพร้อมๆกับไอ้น้ำเหนือ



ว่าแต่อธิบายอะไรวะ



"อธิบายอะไรกูไม่เข้าใจ"



"มึงมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่" ไอ้เหนือมึงพูดอะไรเนี่ย



ผัวพ่องมึงสิ ยังเว้ย ว่าแต่ทำไมมันมองว่าผมได้ผัวอ่ะ ทำไมไม่คิดว่าพี่พายเป็นเมียผมบ้างอ่ะ



"ไม่ใช่ผัว แค่ เอิ่ม แค่แฟน แต่เป็นแฟนแบบที่กูเองก็ไม่รู้ว่าคบกันตอนไหนอ่ะวะ มึงเข้าใจป่ะ" คือกูโดนบังคับให้คบอ่ะ มึงเข้าใจกูบ้างไหม



"ไม่เข้าใจ" ไอ้น้ำเหนือ



"มึงเป็นเกย์(?)"  ไอ้น้ำชา



"กูไม่ใช่เกย์" ผมรีบปฏิเสธ



"งั้นแฟนมึงก็เกย์"  มันยังไม่หยุด



"มันก็ไม่ใช่เกย์"  มั้งนะ หรือใช่วะ แต่มันเคยบอกผมว่ามันไม่ใช่นะ



"แล้วพวกมึงคบกันได้ไงวะ"   



"ก็ไม่รู้อ่ะวะ"  กูเองยังงงๆอยู่เลย ว่าได้แฟนคนนี้มาได้ยังไง



"มึงไม่ใช่เกย์ มึงไม่ชอบผู้ชายมึงปฏิเสธไอ้แมน แต่มึงกลับคบผู้ชาย มันใช่เหรอวะธูป"



"มึงรู้"




"เออ กูรู้ ก็นะกูสองคนไปแดกเหล้ากับไอ้แมนแทบทุกคืนเพราะมึง มันเมาหัวราน้ำ พูดเพ้อถึงมึงตลอด แล้วดูมึงดิ มีความสุขกับแฟนจนไม่เห็นความทุกข์ของเพื่อน"


มึงรู้ได้ไงว่ากุมีความสุข กูเนี่ยทุกข์กว่าที่พวกมึงรู้หลายเท่านัก



"มันโอเครไหมวะมึง" ผมถามเพราะเป็นห่วงมัน ถึงจะไม่พร้อมที่จะเจอหน้าแต่ผมก็ห่วงในฐานะเพื่อนคนนึง



"มันไม่โอเครมึงเองก็รู้" 



"......."



"ตอนแรกกูว่าจะไม่ยุ่งอะไรแล้วนะ แต่พอแฟนมึงมาประกาศตัวพวกกูเลยอยู่เฉยไม่ได้" ไอ้น้ำชามาเต็ม ส่วนผมก็นั่งเงียบฟังมันพูดไป



"......." 




"มันถามพวกกูว่ามันผิดอะไร ทำไมมึงต้องหลบหน้ามัน มันผิดอะไรแค่มันรักมึง มึงปฏิเสธมันแต่กับแฟนมึง ทำไมคบได้วะ"



ก็กูบอกแล้วไงว่ากูเองก็งงๆกับความสัมพันธ์นี้เหมือนกัน แล้วจะให้กูทำยังไงวะถึงจะถูกใจทุกคน



"เรื่องบางอย่างมันก็อธิบายลำบากนะเว้ย"



"แต่มึงควรจะเคลียร์กับไอ้แมนนะ"



"กูไม่พร้อม" ผมบอกออกไปด้วยความสัตย์จริง ผมไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับมันจริงๆ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำหน้ายังไง ผมไม่รู้ว่าในใจของผมให้อภัยมันรึยัง



ผมไม่รู้



"ยังไงกูก็อยากให้มึงไปคุยกับมันนะธูป มึงต้องเห็นสภาพมัน"



"คือกู....."



"ไปเถอะ" ไอ้น้ำชามันยื่นกุญแจบ้านไอ้แมนมาให้ ผมลังเลใจอยู่สักพักสุดท้ายก็ยื่นมืออกไปรับกุญแจนั้นมาไว้ในมือ



"เดี๋ยวเช็ดชื่อให้" ไอ้ชามันพูดบอกพร้อมกับส่งยิ้มมาเหมือนให้กำลังใจ ผมพยักหน้าบอกขอบคุณมัน ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากมหาลัยมาเรียกแท็คซี่เพื่อไปหาไอ้แมนที่บ้าน
.
.
.
.
.
.
.
.
ตลอดระยะทางที่นั่งรถมาจนถึงตอนนี้บอกเลยครับว่าผมไม่มีความกล้าเลยแม้แต่นิดเดียว ผมกลัว ยิ่งมาอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ ผมยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ ใจนึงก็ไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับมัน อีกใจกลับอยากเคลียร์ปัญหาคาราคาซังนี้ให้หมดไป เพราะผมอยากได้เพื่อนผมคืนกลับมา เพื่อนที่รักผมแบบบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่เพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อกับผมแบบนี้



พอลงจากรถแท็คซี่ผมก็มายืนตากแดดจดๆจ้องๆเพ่งสายตาไปที่ออดตรงหน้าคือใจอ่ะอยากกดออดนะเพราะอากาศตอนนี้มันสามารถแผดเผาร่างกายผมได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย แต่อีกใจคือผมกลัวถ้ากดออดแล้วไอ้แมนมาเปิดแล้วยังไงต่ออะ จะพูดจะคุยอะไรผมยังคิดไม่ออกเลย



"เฮ้ย!!!" ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่ออยู่ดีๆประตูรั้วตรงหน้าดันเปิดออกเองโดยที่ผมยังไม่ได้กดออดเลย



"อะ เอิ่มมมมมม"  ติดอ่างทันทีเมื่อผมเห็นสภาพคนที่มาเปิดประตู ซอมบี้หรือคนวะเนี่ย สภาพมึงไม่น่าจะเดินพ้นประตูบ้านได้เลยนะ



"ธูป" เสียงแหบได้อีก



"เออ ก็กูไง มึงเห็นเป็นณเดชหรือเหรอ(กล้าเปรียบเทียบมากอ่ะ)หลบ ดิวะจะเข้าบ้านร้อน" ผมบ่นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกกลัวที่อยู่ในใจลึกๆ บ่นไปด้วยและสองขาก็ก้าวยาวๆเพื่อจะเข้าไปในบ้าน ถ้าให้ยืนเคลียร์ข้างนอกไอ้ธูปขอลาตาย ร้อนฉิบ



ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาทันทีเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน อ่าาาาา แอร์โคตรเย็นเลยอ่ะ และผมก็ไม่ลืมที่จะสอดสายตามองดูว่าในบ้านมีใครอยู่บ้าง เพื่อเกิดอะไรขึ้นมาคนในบ้านจะได้มีคนช่วยเหลือผมได้ทัน(รึเปล่าวะ)


"มึงอยู่คนเดียวเหรอ" มองดูแล้วไม่เห็นใครสักคน ความกลัววิ่งเข้ากระแทกใจกูอย่างจังเลย หวังว่าไอ้แมนจะไม่หน้ามืดปล้ำผมนะ ผมกระถืบมันจริงๆกด้วยเพื่อนก็เพื่อนเถอะ



"อืม กูอยู่คนเดียว" ไอ้แมนมันตอบก่อนและเดินหายไปในครัว มันเดินกลับมาพร้อมกับน้ำหวานในมือ มันวางน้ำหวานลงตรงหน้าผมก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม



"เออ คือ......" กูจะพูดยังไงดีวะ "มึงจะไปไหนรึเปล่าวะ คือกูเห็นมึงเดินออกมาเปิดประตูอ่ะ กูมารบกวนรึเปล่าเดี๋ยวยังไงกูมาใหม่วันหลังดีกว่าเนอะ"



ผมกำลังจะลุกขึ้นแต่ไอ้แมนมันดันยกมือทำท่าปางห้ามญาติเสียก่อน



"กูแต่งตัวแบบนี้จะออกไปไหนได้วะ"  ผมหันกลับไปมองมันก่อนจะสังเกตุเห็นว่ามันใส่แค่บ็คเซอร์ตัวเดียว


"เออ เนอะ แหะๆๆ"



"ไอ้ชาโทรมาบอกว่าธูปจะมา มีอะไรรึเปล่า" ผมรีบยกน้ำหวานตรงหน้าขึ้นมาดื่มทันทีเมื่อไอ้แมนมันเปิดประเด็นโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งหลัก



"คือก็แบบ พวกไอ้ชามันเอิ่ม"  ผมยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีกรอบ ไม่ใช่ว่าหิวกระหายอะไรหรอกนะครับ คือมันไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงอ่ะ



"หิวน้ำเหรอ" 



"เปล่าๆ คือเข้าเรื่องเลยแล้วกันเนอะ"



"....."



"กูขอโทษ"



"ขอโทษเรื่องอะไร" 



"ก็เรื่องที่กูทำให้มึงเป็นแบบนี้ไง" สภาพมึงดูไม่เหมือนคนเลยนะตอนนี้อะ



"กูทำตัวเองไม่เกี่ยวกับมึงหรอก"



"แต่ต้นเหตุมันมาจากกู"  ผมบอกก่อนจะก้มหน้าสำนึกผิด



"กูรักมึงเอง กูผิดเอง ส่วนมึงไม่รักกูมึงไม่ผิด" 



ทำไมมึงยิ่งพูดกูยิ่งรู้สึกผิดวะ



"แต่....."  ผมกำลังจะพูดแต่ไอ้แมนมันดันพูดสวนขึ้นมาก่อน



"มึงอย่าคิดมากเลยธูปแค่กูรักมึง แล้วมึงไม่รักกู แค่นี้ กูก็แค่เสียใจมากพอแล้ว แต่ถ้าต้องให้กูอยู่ห่างจากมึงกูทนไม่ได้ อย่าไล่กูไปไหนอีกเลยได้ไหมธูป กูขอร้อง"



นิยายเรื่องนี้มันแนวฮาแต่ทำไมเหรอวะ แล้วไอ้แมนมันลากมาดราม่าได้ไงวะเนี่ย



"กะ ก็กูเห็นหน้ามึงแล้วกูนึกถึงเรื่องวันนั้นอ่ะ คือกูทำใจไม่ได้อ่ะ"



"เรื่องที่ไอ้วินทำมึงอะเหรอ"  ผมพยักหน้าหงึกๆทันที



"คือกูยอมรับว่ากูโกรธมึง" ผมพยายามไม่กล่าวโทษไอ้แมนเพราะกลัวมันจะเสียใจมากขึ้นไปอีก  "แต่มึงช่วยเข้าใจกูด้วยนะเว้ย กูถูกมันทำแบบนั้นเป็นใครก็รับไม่ได้จริงไหม"



ไอ้แมนพยักหน้าเห็นด้วยกับที่ผมพูด



"แต่มึงก็ทำตัวเองนะธูป" 



"กูทำอะไร" กูแค่หน้าตาดีแค่นี้กูต้องตกเป็นเหยื่อถูกกระทำด้วยเหรอวะ มันยุติธรรมตรงไหน



"ถ้ามึงไม่เริ่มไม่วินคงไม่ทำกับมึงแบบนั้น" ไอ้แมนไอ้เพื่อนเลวมึงโยนความผิดมาให้กูเหรอ ไหนว่ารักกูไงทำไมไม่เข้าข้างกูวะ



"ทำไมมึงพูดแบบนี้วะ" 



ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะตะคอกมันกลับไปเสียงดัง ตอนนี้ความกลัว ความเกรงใจไม่มีอีกต่อไปแล้วครับ ในเมื่อผมเป็นเพื่อนมันแต่มันกลับไปเข้าข้างคนอื่น คนที่ทำให้ผมมีตราบาป แล้วทำไมผมจะต้องพูดดีๆกับมันด้วย



"ธูปใจเย็นๆดิวะ มึงโกรธเรื่องอะไรเนี่ย"  ผมยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดปูน ถามมาได้ว่าผมโกรธอะไร ใครไม่มาเป็นผมไม่เข้าใจหรอก



"กูโดนไอ้เหี้ยวินเอาและเพื่อนที่กูไว้ใจกลับไม่ช่วยเหี้ยอะไรกูเลย แค่นี้พอไหมที่กูควรจะโกรธ"



ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกกมา ไม่อยากแสดงให้ใครเห็นว่าผมอ่อนแอ  ไอ้แมนลุกขึ้นจากโซฟาสีหน้าตกตะลึงก่อนมันจะเดินเข้ามาจับไหล่ผมทั้งสองข้างเอาไว้



"มึงพูดเรื่องอะไรเนี่ยธูป"



ผมพยายามขืนตัวออกจากการเกาะกุมของมัน สภาพมึงไม่น่าแรงเยอะเลยนะ



"ปล่อยกูจะกลับบ้านแล้ว" 



"มึงยังกลับไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นและธูป หยุดดิ้นสักทีแล้วฟังกูอธิบายก่อน"



ทำไมใครๆก็ชอบตะคอกกูกันจังเลยวะ



"กูไม่มีอะไรจะพูด มึงเข้าข้างคนอื่นอ่ะ"



"ฟังกูพูดดีๆนะธูป"  ไอ้แมนมันเลื่อนมือมันมาจับมือผมเอาไว้ก่อนจะดึงตัวผมให้นั่งลงบนโซฟาดั่งเดิม



"........"



"เรื่องแรก มึงไม่ได้โดนไอ้วินเอา" ผมเงยหน้ามองไอ้แมนตาแทบจะถลนออกมานอนเบ้า มันบอกว่าอะไรนะผมไม่ได้ถูกไอ้วินเอา แล้วอาการที่ผมเป็นอ่ะคืออะไร



"แต่ตื่นเช้ามากูนอนแก้ผ้ากับพวกมึงบนเตียง แล้วๆกูเจ็บตูดด้วย มึงอธิบายมาดิ"



ไอ้เวรมันใช่เวลามาหัวเราะไหมกูซีเรียส



"ก็มึงไปกวนตีนมัน มึงเมาที่ไรเปรี้ยวตีนทุกทีมึงไปแย่งเหล้าจากมือมันพอมันไม่ให้มึงก็ทั้งกัดทั้งทุบมัน ไอ้วินมันเลยมือลั่นตีนลั่นถีบมึงตกบันได ตูดมึงไปโดนกับขอบบันไดและมึงก็หลับไป ลำบากพวกกูต้องแบกมึงเข้าห้อง"



ทำไมกูดูทุเรศขนาดนั้นเลยวะ



"แล้วพวกมึงจับกูแก้ผ้าทำไม"



"พอมึงเข้ามาในห้องได้มึงก็ตื่นขึ้นมาอาละวาดอีกรอบ คลานไปที่ระเบียงปีนป่าย จะบินๆจนพวกกูต้องจับเอาไว้ สุดท้ายมึงล้มลงมาโดนกระถางต้นไม้ไอ้วินแตก เสื้อเปื้อนดิน พวกกูเลยจับมึงถอดเสื้อผ้าเพื่อเอาไปซัก"



บอกกูทีไอ้ที่เล่าๆมาเนี่ยไม่ใช่กูใช่ไหม ทำไมมันทุเรศป่านนั้นวะ
.
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากเคลียร์กับไอ้แมนเมืองถึงเรื่องที่ผมคิดไปเองคนเดียวจนเกือบจะเสียเพื่อน ไอ้เวรนี้ก็หัวเราะเยาะผมเหมือนผมเป็นตัวตลก ก็ใครจะไปรู้วะว่าตูดผมจะไปโดนบันไดไม่ใช่โดนซั่ม



"หยุดหัวเราะได้แล้ว" ผมปราบเมื่อเห็นว่ามันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขำผมสักที


"ฮ่าๆกูก็นึกว่าที่มึงหลบหน้ากูเพราะเรื่องที่กูชอบมึง ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้"



"เรื่องนั้นก็ด้วย" ถ้ามึงยังไม่เลิกขำกูจะโกรธมึงจริงๆแล้วนะ



"กับแฟนมึงโอเครไหม" ไอ้แมนเปลี่ยนเรื่องและยิงคำถามใส่ผมด้วยสีหน้าจริงจัง



"ก็โอเคร แต่คือมึงกูไม่ได้"



"ไม่เป็นไรแค่กูเห็นว่ามึงมีความสุขกูก็โอเครแล้ว" หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็นั่งเงียบๆคิดอะไรในใจกันไปโดยไม่พูดอะไรกันอีก


มีบ้างที่ไอ้แมนจะถามผมสักครั้งว่าพี่พายดีกับผมไหม พี่พายเอาใจใส่ผมไหม พี่พายเป็นคนดีไหม พอผมตอบกลับไปมันก็แค่พยักหน้าแล้วก็เงียบ สุดท้ายผมรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์นี้จึงขอตัวกลับ



โดยไม่ลืมที่จะทำตามที่ไอ้แมนมันขอ มันแค่ขอให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมให้มันได้ดูแลผมเหมือนเดิม ส่วนความรู้สึกที่มันมีต่อผม มันบอกว่ามันจะพยายามเปลี่ยนให้มันกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนวันเก่าๆ มันบอกว่าขอแค่ผมอย่าทำแบบนี้อีก มีอะไรให้คุยอย่าคิดไปเอง อย่าไล่มัน อย่าหนีหน้ามัน เพราะมันทนไม่ไหว



น้ำเน่าได้ใจเลยล่ะครับเพื่อนผมคนนี้



ผมนั่งยิ้มอยู่ในรถเมื่อนึกถึงเรื่องในวันนี้ โชคดีนะที่ผมทำตามที่ไอ้น้ำชาและไอ้น้ำเหนือบอกไม่อย่างนั้นผมคงเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปเพราะความคิดเองเออเองของผมแน่นอน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๒๐ เคลียร์(ไม่)จบ ๓๐/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-08-2015 23:32:19
เคลียร์แล้ววว
ทีนี้ก็จงมอบเวอร์จิ้นให้พี่พายเชยชมซะ 5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๒๐ เคลียร์(ไม่)จบ ๓๐/๗/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-08-2015 23:32:31
ธูปเมาได้สุดยอดมากกกกกกกกกกก 5555555+ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๑ คำถาม(ที่สงสัย) ๑๕/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 15-08-2015 11:17:17
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๑ คำถาม(ที่สงสัย)


หลังจากที่ผมเคลียร์กับไอ้แมนเมืองเรียบร้อยแล้ว ผมก็ต้องนั่งแท๊กซี่กลับมาที่มหาลัย ตอนแรกไอ้แมนจะมาส่งแต่สภาพมันที่ผมเห็นบอกได้เลยว่ามันควรนอนเน่าอยู่บ้านดีกว่า ถ้ามาส่งผมเกรงว่าจะตายกันตั้งแต่โค้งแรก

และเหตุที่ผมต้องย้อนกลับมาที่มหาลัยก็เพราะว่าถ้าไอ้พี่พายมันรู้ว่าผมไปหาไอ้แมนเมือง เรื่องมันจะยุ่งขึ้นไปอีก ผมจึงเลือกจะเก็บเงียบเอาไว้ไม่บอกให้มันรู้จะดีกว่า พอลงรถได้ผมก็รีบก้าวเท้าไปยังคณะที่ผมไม่คิดจะมาเหยียบเป็นครั้งที่สอง แต่ในวันนี้ที่ต้องมาเพราะว่าผมอยากรู้ความจริงทั้งหมดจากปากของไอ้วิน ความจริงที่ผมเข้าใจผิดมาตลอด

ผมเดินตรงไปยังคณะของไอ้เทียนอย่างไม่รีรอเมื่อเห็นคนกลุ่มนึงกำลังนั่งก้มๆเงยๆกันอยู่ใต้ตึก เสียงโหวกเหวกโวยวายเรียกให้ผมเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล ความหน้าด้านความกล้ามีมากกว่าตอนไปบ้านไอ้แมนเมืองมากโข อาจจะเพราะผมรู้ความจริงจากปากไอ้แมนมาแล้วก็เป็นได้จึงทำให้ผมกลับมานับถือตัวเอง และมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับตัวต้นเหตุของเรื่อง

"ไอ้วินอยู่ไหม" ปลุกความกล้าในตัวเองขึ้นมาได้ผมก็ร้องตะโกนถามกลุ่มคนตรงหน้าออกไปด้วยความมั่นใจ (คนหล่อทำอะไรไม่ผิดนะครับ)

ทุกคนละความสนใจตรงหน้าก่อนจะหันมาตามเสียงที่ได้ยิน ความมั่นใจที่ปลุกขึ้นมาเมื่อกี้แทบจะติดลบ แมร่งหันมามองกูกันหมดเลย สนใจงานพวกมึงไปเถอะอย่าจดจ่อกับคำถามกูกันขนาดนั้นเลยครับ

"ธูป" เสียงคุ้นๆร้องเรียกชื่อผมก่อนจะเผยร่างสูงๆที่คุ้นตา ไอ้เซอร์มาวินมันลุกขึ้นก่อนจะเดินหน้าตื่นตกใจมาหาผม

"กูมีเรื่องจะคุยกับมึง" ผมบอกทันทีเมื่อเห็นมันมายืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นเพื่อหาที่เงียบๆคุยกับมัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างตึกในมุมเล็กๆใต้ต้นไม้ที่เลือกตรงนี้ไม่ใช่ว่ามันเงียบอะไรหรอกนะครับ แต่ผมเมื่อยขี้เกียจเดินแล้วก็แค่นั้นผมเลยนั่งมันตรงนี้ล่ะ โชคดีที่นักศึกษาไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่คงขึ้นเรียนกันหมด ก็ดีเพราะเรื่องที่ผมจะเคลียร์กับไอ้เซอร์ผมไม่อยากให้ใครหน้าไหนได้ยินทั้งนั้น

"มึงจะยืนอีกนานไหม"  ผมบอกออกไปเมื่อเห็นว่าไอ้มาวินยังยืนอึนอยู่ตรงหน้า

มันกุลีกุจอรีบนั่งลงทันทีเมื่อผมพูดจบ มันทำหน้าหมาหงอยใส่ผมก่อนจะมองหน้าผมตาปริบๆ

สภาพไม่ต่างกับไอ้แมนเมืองสักเท่าไหร่เลย

ไอ้มาวินรีบนั่งลงอย่างไวแต่มันยังคงจ้องหน้าผมจนตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้าทำหน้ายังกับเห็นณเดช

"ธูปมาหากูมีอะไรรึเปล่า"

"มี" ผมเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับทำท่าทางข่มมันไปในตัวด้วย  "กูจะมาถามเรื่องคืนนั้น"

"เรื่องคืนนั้น?"

"เออ เรื่องคืนนั้นอ่ะ"

"ตอนกูจะอธิบายมึงไม่ยอมฟัง ทำไมอยู่ๆ......" 

"ก็ตอนนี้กูอยากรู้อ่ะ มึงไม่ต้องถามอะไรมากได้ป่ะรีบๆเล่ามาเลย"  ก็ตอนนั้นกูไม่รู้ความจริงไงกูเลยต้องหนีหน้ามึง

ไอ้มาวินเริ่มเล่าทุกอย่างให้ผมฟังตั้งแต่ที่ร้านเหล้าจนถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญที่หอของมัน และที่มันตามหาผมก็เพราะมันต้องการจะเคลียร์กับผมเรื่องที่มันถีบผมตกบันได มันเองก็คิดว่าที่ผมหนีหน้ามันเพราะผมโกรธเรื่องที่มันถีบผม มันเลยอยากจะเคลียร์ สุดท้ายผมก็เป็นคนเดินมาหามันเองในวันที่มันเกือบจะถอดใจในการที่จะอธิบายให้ผมฟัง

"มึงหายโกรธกูแล้วใช่ไหมธูป" มันขยับเข้าใกล้ผมอีกนิดอย่างกล้าๆกลัวๆ

"เออๆกูไม่โกรธแล้ว" ผมบอกปัดรำคาญไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจลิงโลดด้วยความโล่งอก เพราะเรื่องที่มันเล่ามาตรงกับเรื่องที่ไอ้แมนเมืองมันบอกผมทุกอย่าง

ตูดกูยังซิงโว้ยยยยยยยยย

ผมเก็บอาการดีใจไว้แทบไม่อยู่พยายามกลั้นยิ้มไม่แสดงอาการใดๆออกมามากนักเดี๋ยวไอ้มาวินมันจะสงสัยเอา

"มึงไม่ไปทำงานต่อเหรอวะ" ผมถามเมื่อเห็นมันยังนั่งจ้องหน้าผมอยู่

"เดี๋ยวก่อนก็ได้ กูอยากคุยกับมึง"  ตามึงไม่ต้องหวานขนาดนั้นก็ได้ กูกลัวเบาหวานขึ้นตา

"คุยไร"

"กูขอโทษที่ถีบมึง" ไม่ต้องย้ำก็ได้มั้งลืมๆไปเถอะ  "กูรักมึงนะแต่เรื่องถีบมึง กับความรู้สึกของกูมันคนละเรื่องกัน กูไม่อยากให้มึงเอามารวมกันแล้วไม่อยากให้มึงคิดมากด้วย"

กูไม่คิดอะไรเลยเถอะตอนนี้ในหัวกูคิดอย่างเดียว

กูต้องฉลองความซิงให้ตูดกู

"ถ้ามึงยังพูดเรื่องรักๆใคร่ๆกับกูอีก กูจะถีบมึงจริงๆ" ผมว่ามันไม่จริงจังมากนัก คือจะว่ายังไงดีอ่ะผมตอนนี้ก็คบผู้ชายที่ได้มาแบบมึนๆ จะแสดงท่าทีรังเกียจก็ใช่ที่ จะดีใจกระดี้กระด้าก็คงไม่ใช่ มันเลยเป็นความรู้สึกแบบครึ่งๆกลางๆไม่ยินดีแต่ก็ไม่ได้รังเกียจหรือตกใจเหมือนแต่ก่อน

"ธูปคืนนี้ไปดูกูร้องเพลงไหม"

"มึงร้องเพลง" ผมถามด้วยความสงสัย

"อืม กูร้องเพลงอยู่ร้านพี่หนุนอ่ะ มึงจะไปดูกูร้องเพลงไหม ฉลองที่เราเข้าใจกันแล้วไง" 

ใครเข้าใจมึง พูดซะกูขนลุก

"ไม่รู้ดูก่อน" ถ้าพี่พายมันให้ไปกูคงไปได้อ่ะนะ คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป

"มึงขอแฟนมึงก่อนก็ได้นะ" ผมนี่หันขวับเลยครับ

"มึงรู้ได้ไง" ผมถามด้วยความสงสัย

ไอ้มาวินทำหน้าหมาหงอยใส่ผมอีกครั้งก่อนมันจะพูดในสิ่งที่ผมสงสัยออกมา

"แฟนมึงมันมาหากู มาถามว่ากูคิดยังไงกับมึง แล้วถามว่าเรื่องคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น" มันยิ้มหยันเหมือนยิ้มปลอบใจตัวเอง

"......."

"มันมาบอกกู ย้ำกูว่ามึงเป็นแฟนมัน ไม่ว่ากูจะคิดอะไรกับมึงกูก็ไม่มีสิทธิ์ เพราะมันไม่มีทางปล่อยมึงไปให้ใครแน่นอน"

ผมอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน เมื่อไหร่ ตอนไหน ทำไมผมไม่รู้ ทำไมพี่พายมันไม่พูดถึง ทำไมมันไม่เล่าให้ผมฟัง

"ตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมถาม

"หลังจากวันที่มันต่อยกูหน้ามออ่ะ มันก็มาหากูถึงที่หอ"

"ที่หอ"



"อืม" ไอ้มาวินพยักหน้า  "ตอนแรกกูก็แปลกใจว่ามันรู้จักหอกูได้ไง แต่พอดูเห็นหน้ามันชัดๆกูก็ไม่สงสัยเลยสักนิดว่าทำไม"

"มึงหมายความว่ายังไง" ทำไมวันนี้กูมีแต่คำถามๆและเรื่องให้เงิบตลอดเลยวะ

ไอ้มาวินเลิกคิ้วมองผมเหมือนจะงงกับคำถาม ประมาณว่ามึงไม่รู้เหรอว่าแฟนมึงเป็นใคร

ผมเลยส่งสายตาเป็นคำตอบไปประมาณว่า ถ้ารู้กูจะถามไหมล่ะครับ

"มันเป็นนักธุรกิจสายเทา คือฉากหน้ามันก็เป็นนักธุรกิจไฟแรงที่ใครๆต่างก็ชื่นชม แต่ฉากหลังมันก็คือธุรกิจ กูจะอธิบายยังไงดีวะ ประมาณว่าไม่เชิงผิดกฏหมายซะทีเดียวแต่ก็ไม่ได้ใสสะอาดขนาดจะป่าวประกาศให้ใครรู้ได้ ประมาณนั้นล่ะ"

ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ ก็ไหนน้องเค้กว่าที่บ้านทำธุรกิจอสังหาไม่ใช่เหรอวะ หรือจะบอกมากกว่านั้นแต่ผมลืม

"แล้วมึงรู้ได้อย่างไง"

"พ่อกูก็อยู่ในวงการนั้น" ไอ้มาวินทอดสายตามองไปข้างหน้าโดยไม่ได้หันมาสบตากับผม บรรยากาศรอบตัวมันดูเศร้าขึ้นมาทันที เมื่อมันเอ่ยถึงผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าพ่อ

".........."

มันถอนหายใจก่อนจะหันมามองผม มันยิ้มให้ผมอีกครั้งยิ้มที่ดูจริงใจแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยสายตาที่เศร้าหมอง

"เอาเป็นว่ากูจะรอมึงนะ"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"เป็นอะไร"

ผมนั่งเงียบอยู่ในรถหลังจากที่เคลียร์กับไอ้มาวินเรียบร้อยเราสองคนก็พูดคุยกันนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันเพราะไอ้พี่พายมันไลน์มาบอกว่ามันมารออยู่ใต้ตึกแล้ว และตอนนี้ผมโคตรจะโกรธ นอย์ด ไม่พอใจในหลายๆเรื่องที่ไอ้คนข้างๆทำไว้โดยไม่บอกผมสักคำ

"ธูป พี่ถามว่าเป็นอะไร" มันจอดรถเข้าข้างทางก่อนจะหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"มึงนั่นแหละทำอะไร ทำไมไม่บอกกู" ผมหันกลับไปตะคอกมันด้วยความโมโห

ไอ้พี่พายมันดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วกูขอดราม่าก่อนแล้วกัน

"ข้อตกลงที่ทำกันไว้มึงลืมหมดแล้วใช่ไหม ที่กูบอกว่าห้ามป่าวประกาศว่าเราเป็นอะไรกัน แล้วมึงไปบอกไอ้วินทำไม"

"โกรธกูเรื่องนี้เหรอ"

"เรื่องนั้นกูก็โกรธอยู่หรอก แต่กูโกรธตัวเองมากกว่าที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมึงเลย"

ไอ้พี่พายมันทำหน้าหมางงใส่ผมอีกแล้ว

"ธูปไม่รู้อะไรไหนลองบอกพี่สิ" ทำมาพูดพ่งพูดพี่เลย กูไม่หลงกลมึงง่ายๆหรอก

ผมหันหน้าหนีไอ้พี่พายเลือกมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกรถดีกว่า คุยกันตอนนี้มีแต่จะทะเลาะกันเปล่าๆ

"ธูปเป็นอะไร บอกพี่สิ" 

ผมหันกลับไปมองมันด้วยหางตาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป จะให้บอกเหรอว่าผมอยากรู้เรื่องของมัน ขืนบอกไปแมร่งได้ใจหลงตัวเองหาว่าผมสนใจมันอีกจะเป็นประเด็นเสียเปล่าๆ

"ธูป!!" เหี้ยตะคอกหาพ่องมึงเหรอ พูดดีๆกับกูเป็นไหมเนี่ย

"อะไรเล๊า!!"

"เป็นอะไรพูดมา อย่าให้กูต้องง้างปากมึงนะ" แมร่งแทนตัวว่าพี่ไม่ถึงห้านาที มึงกูกับกูอีกแล้ว

"ก็มึงอ่ะ"

"ทำไม"

"ก็มึงอ่ะ แมร่ง" โอ๊ยจะพูดยังไงดีว่ะ ว่ากูอยากรู้แต่ไม่ให้มันดูน่าเผือกเกินไปอ่ะ คิดไม่ออกโว้ย

"พูด" เร่งกูจัง

ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้พี่พายมันแต่แมร่งไม่กลัวผมเลย มันจ้องหน้าผมกลับ แล้วตาดุๆของมันก็ทำให้ผมประหม่าได้เหมือนเดิม

"ก็มึงอ่ะกูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมึงเลยสักอย่าง" ผมก้มหน้ามองมือบนตักตัวเองพูดเสียงอ่อยๆ "ถ้าไอ้วินไม่เล่ากูก็ไม่รู้ ไหนว่ามีอะไรจะบอกกันทุกเรื่องไงเล่า"

ไอ้พี่พายเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้ก่อนจะพูดออกมา  "ธูปอยากรู้อะไรไหนบอกกพี่ว่าสิ"

เปลี่ยนอารมณ์ไวแท้พ่อคุณ

"ก็ไอ้วินบอกว่ามึง....."

"พี่ เรียกพี่ว่าพี่"  แมร่งขัดอารมณ์กูซะงั้น



ผมเหลือบตามองไอ้คนข้างๆที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้วก่อนจะถอนหายใจหน่ายๆ

"ก็ไอ้วินมันบอกว่าพี่พายอ่ะทำงานไม่สุจริตอ่ะ"

"กลับไปคุยกันที่บ้านนะ พี่จะตอบคำถามเราทุกเรื่องเลย" ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน

ไอ้พี่พายเข้าเกียร์และเร่งความเร็วเพื่อจะกลับบ้าน ว่าแต่ไม่ต้องเร็วขนาดนี้ก็ได้กูกลัวตาย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมนั่งอยู่กลางหว่างขาไอ้พี่พาย อย่านะครับ อย่าคิดว่าผมแรดกระโดดขึ้นมานั่งกลางหว่างขามันนะครับ ไอ้พี่พายนั่นแหละอ่ะจับผมล็อคติดกับตัวมันตั้งแต่ลงจากรถยันเข้าบ้าน พอลากผมขึ้นห้องมาได้มันก็โยนสัมภาระของผมกับของมัน แล้วลากผมไปที่เตียงก่อนจะจับผมนั่งลงกลางหว่างขามัน แล้วทำไมผมไม่ขัดขืนผมรู้ว่าต้องมีคนคิดแบบนี้ ก็ผมเหนื่อยอ่ะนั่งลุ้นไอ้พี่พายขับรถจนแทบลืมหายใจ และผมก็ขี้เกียจขัดขืนด้วยเพราะยังไงสุดท้ายแล้วมันก็จับผมนั่งลงอยู่ดี

"ไหนเล่ามาสิว่าไอ้หน้าวอกมันพูดอะไรเกี่ยวกับพี่บ้าง"

"มันบอกว่าพี่อ่ะทำงานไม่สุจริต พี่ทำงานอะไร" ผมเปิดคำถามข้อแรกที่สงสัยทันที ต้องพูดกับมันเพราะๆไม่งั้นมันจะไม่ตอบคำถามผม (ผมดาเอานะ)

ไอ้พี่พายมันวางคางลงบนไหล่ของผมก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่

"ค่าน้ำมันรถ"  มันใช่เวลาไหม

ผมกระทุ้งศอกใส่ท้องมันไม่แรงมากนัก

"มันใช่เวลาเล่นไหม ตอบมาดิ อย่าเปลี่ยนเรื่อง"  ผมเร่งเอาคำตอบ

"ไม่ได้เล่นหอมจริง โอเครๆเล่าแล้วๆก็ทำหลายอย่าง....."  ไอ้พี่พายเว้นวรรคทิ้งช่วงรอดูอากัปกิริยาของผม

"พี่พายอย่ามาเล่นลิ้นนะธูปไม่ชอบ"

"ฮ่าๆๆแต่พี่ชอบนะโอ๊ยๆอย่าตีเล่าแล้วครับเล่าแล้ว"ไอ้พี่พายมันปัดป้องมือผมที่ตีมันก่อนจะกระชับอ้อมกอดแล้วพูดต่อ  "บ้านพี่ก็ทำหลายอย่าง อสังหา ธุรกิจน้ำมัน โรงแรม รีสอร์ท ผับบาร์ ปล่อยเงินกู้"

เยอะไปไหมดูแลกันหมดเหรอวะ

"ที่ไอ้หน้าวอกมันบอกว่าไม่สุจริตคงเป็นธุรกิจบ่อนคาสิโนล่ะมั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก เป็นแค่หุ้นส่วนไม่ได้ลงไปดูเต็มตัวสักหน่อย"

"........."

"ธุรกิจที่พี่ทำบางอย่างมันอาจจะไม่ได้ใสสะอาดไม่ได้ขาวบริสุทธิ์อาจจะมีซอกแซกเพราะต้องใช้เงินใช้อำนาจบ้างในบางที แต่มันก็ไม่ถึงขนาดทุจริตจนต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางอะไรขนาดนั้น พี่ไม่ใช่มาเฟียนะ"

"ใครจะไปรู้"

"ห่วงพี่เหรอ"

"เปล่าเถอะ แค่ไม่ชอบเวลาคนอื่นรู้แต่กูไม่รู้อะไรเลย"

ไอ้พี่พายมันยิ้มหวานหยดมดตอมใส่ผมก่อนที่มันจะฟัดคอผมเล่นไปด้วยเมื่อผมพูดจบ

มึงเป็นผีดิบรึไงวะยุ่งกับซอกคอกูจังเลย

"ไอ้พี่พายปล่อยเลยกูจั๊กจี้" ผมร้องโวยวายออกมาเมื่อมันเริ่มไซร์ซอกคอผมอย่างเมามัน

"........."  คิดว่ามันฟังผมไหมล่ะ

"อื้อออออ"   ผมร้องอย่างรำคาญ แมร่งยังไม่หายสงสัยเลยนะ มึงอย่าเปลี่ยนประเด็นดิวะ

"พี่พาย หยุด" ผมกระทุ้งศอกใส่มันอีกหน แมร่งหื่นจนน่ากลัว

"จิ๊" 

"ไม่ต้องมาเปลี่ยนประเด็นเลยนะ แล้วไปหาไอ้วินทำไมไม่บอก"

"ก็ไม่ถาม"

คำตอบมึงง่ายมาก กูไม่ถามมึงไม่บอก แล้วกูถามหน่อยกูจะตรัสรู้ได้เองรึไงว่ามึงไปทำอะไรมาบ้างวันๆหนึ่งอ่ะ

"กูคงระลึกชาติได้เองมั้ง" ผมประชดมันไปดอกนึง

"ก็จะเล่าให้ฟังแต่มันลืม"

"โกหก"

"ยอมรับครับ"  แมร่งยอมรับหน้าชื่นตาบานเลยนะ

"อย่างนี้ก็รู้แล้วอ่ะดิว่ากูเอิ่มมมมม"   ว่าตูดกูยังซิงอ่ะ ประโยคหลังคิดในใจไม่ได้พูดไปกลัวไม่งาม 5555

"เรื่องที่เราไม่ได้ถูกใครทำอะไรอ่ะเหรอ รู้นานแล้ว"

"งั้นเมื่อคืนมึงแกล้งกูเหรอ" ไอ้เลวมึงกล้าหลอกกูเหรอ

"ตีบทแตกไหม"

สัสเอาตุ๊กตาทอง ออสการ์ไปเลยไป

"แล้วมีเรื่องอะไรที่ธูปสมควรจะรู้อีกไหม" ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้ตัวเองหน้าแตกไปมากกว่านี้

และที่ผมถามก็เพราะไอ้พี่พายมันเหมือนจะมีความลับที่ยังไม่ได้บอกผมอีกเยอะ

"บางเรื่องมันยังไม่ถึงเวลา แต่พี่สัญญาว่าพี่จะจัดการให้เรียบร้อย แล้วพี่จะเล่าให้ธูปฟังทุกอย่าง รอพี่นะคนดี"

โอ๊ย เลี่ยน

"เออๆ" ผมตัดบทก่อนจะจับมือมันที่เริ่มซุกไซร์ไล่ลงต่ำไปที่หว่างขาผมออกกว่าจะแกะออกได้ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ ผมลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้ตรงราวตากผ้าแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ ขืนนั่งอยู่ต่อมีหวังโดนมันยึดพื้นที่แน่นอน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"พี่พายช่วยทำหน้าให้มันดีๆหน่อยได้ไหมเพื่อนกูกลัวมึงกันหมดแล้ว"

ผมกระซิบไอ้คนข้างๆที่นั่งหน้าโหดเป็นหมาพิทบลูทำตาขวางใส่เพื่อนผมอยู่ แผ่รังสีอำมหิตจนคนรอบข้างขนพองสยองเกล้าไปตามๆกัน

"หึ" มันทำเสียงกวนส้นใส่ผมโดยไม่ลืมวาดแขนมาคล้องเอวแสดงความเป็นเจ้าของกับกูอีก สาวน้อยร้อยชั่งเลยไหมล่ะกู

พวกเพื่อนผมก็นะมันคงเกร็งจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งกระดกเหล้าเข้าปากไม่พูดไม่จา ตั้งแต่มานั่งในร้านเฮียหนุน(มาตามคำเชิญของไอ้เซอร์)ไอ้พี่พายก็แผ่รังสีอำมหิตออกมาไม่ได้ลดละ สงสัยใช่ไหมว่าผมว่านั่งอยู่ที่ร้านนี้ได้อย่างไง ก็ไม่มีอะไรหรอกครับหลังจากที่ผมเข้าไปอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยผมก็ดันนึกขึ้นได้ว่าไอ้มาวินมันชวนมาฟังมันร้องเพลง ผมก็บอกไอ้พี่พายว่าจะมากินเหล้านั่งชิวกับเพื่อนๆ แต่ที่มันไม่ชิวก็เพราะว่าไอ้พี่พายมันดันอยากตามมาชิวด้วย พอผมบอกว่าจะไปชิวกับเพื่อนแค่กับเพื่อนเท่านั้น ไอ้พี่พายมันก็ไม่ยอม แสดงตัวว่ามันเป็นมากกว่าเพื่อนมันต้องมีสิทธิ์มากกว่า

สุดท้ายแมร่งก็มานั่งชิวร่วมกับพวกผมจนได้ =_=!!

ดูท่ามันจะชิวอยู่คนเดียวด้วยนะครับเพราะตั้งแต่แนะนำตัวกันพวก เพื่อนๆผมก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองแต่แก้วเหล้าไม่โงหัวขึ้นมาสบตากันบ้างเลย โดยเฉพาะไอ้แมนที่นั่งเงียบกระดกเหล้าเข้าปากเป็นว่าเล่น

"ธูป กูอึดอัด" ไอ้เพื่อนผู้นานๆจะมีบทบาทในเรื่องนี้สักทีพูดขึ้น มันคงสุดๆแล้วจริงๆ

"กูยิ่งกว่ามึงอีกดูดิ" ผมส่งสายตาให้ไอ้เพื่อนมันมองมือไอ้พี่พายที่เกาะหนึบอยู่ที่เอวผมก่อนที่ไอ้เพื่อนจะทำหน้าตาเข้าอกเข้าใจ

มันพยักหน้าหงึกๆก่อนจะหันกลับไปชนแก้วกับไอ้ชาเหมือนเดิม คงเพราะมันรู้แล้วว่าผมไม่สามารถคลี่คลายบรรยกาศวังเวงนี้ได้

"พี่พายเพื่อนธูปมันวางตัวลำบากนะ" สุดท้ายผมก็อดรนทนไม่ไหวต้องหันไปหาไอ้ตัวตนเหตุ

"ยังไง" มีหน้ามาถามกูอีก มึงส่องกระจกก่อนไหม

"ก็พี่พายทำหน้าดุอ่ะ เพื่อนธูปก็กลัวดิ" นี่กูลงทุนแอ๊บแบ๊วอ้อนมึงแล้วนะ ช่วยผ่อนคลายแล้วทำหน้าดีๆหน่อยเถอะ

"ถ้าพี่ไม่ทำหน้าแบบนี้ก็จะมีคนมามองธูปพี่ไม่ชอบ" โอ๊ยให้คนเขามองกูเถอะครับ เขาแค่มองไม่ได้ขูดเลขขอหวยป่ะวะ

"พี่พายอ่ะ แบบนี้ธูปอึดอัดธูปไม่ชอบอ่ะ" ผมทำหน้าเง้างอดแบบสุดๆ ไอ้พี่พายขยับตัวสองสามทีก่อนมันจะเอ่ยปากทำลายบรรยากาศชวนพิศวงนี้

"อยากทานอะไรก็สั่งนะ เต็มที่"  มันพูดจบก็หันกลับมามองผม เหมือนกับว่ามันได้ทำลายบรรยากาศวังเวงนี้แล้วนะ อย่ามาด่ามาว่ามันอีกนะ

เพื่อนๆผมพยักหน้ารับคำพร้อมกับยกมือขึ้นไหวมันอย่างสวยงาม ไอ้แมนเมืองเองก็หันมายิ้มๆให้ผมเหมือนกัน มันคงรู้ว่าผมกำลังลำบากใจและมันเองก็กำลังวางตัวลำบากเช่นกัน

ครืน~~~~~~~~~


โทรศัพท์ในกระเป๋าผมสั่นเป็นเจ้าเข้าเป็นเหตุให้ไอ้พี่พายหันมาสนใจสิ่งที่ดิ้นๆอยู่ในกระเป๋าของผมแล้วในตอนนี้ ผมหยิบมือถือออกมาดูก็เห็นเป็นเบอร์ของพี่ไฟลูกบุญธรรมที่พ่อแม่ผมรับมาเลี้ยง ผมกระซิบบอกพี่พายมันก่อนจะเดินออกมาหน้าร้านโดยที่พี่พายมันก็เดินตามออกมาด้วย

"พี่ไฟ" ผมรับสายก็ทำเสียงอ้อนพี่พายตัวเองทันที ก็ผมคิดถึงพี่ผมอ่ะ

"ไงตัวแสบทำอะไรอยู่" ถ้าบอกว่ามาเที่ยวกับเพื่อนพี่ไฟจะงับหัวผมไหมเนี่ย

ผมนั่งลงบนเก้าอี้หน้าร้านไอ้พี่พายเองมันก็นั่งลงข้างๆกัน ผมขมวดคิ้วไม่รู้จะตอบคำถามของพี่ตัวเองยังไงไม่ให้โดนดุ

"พี่ได้ยินเสียงเพลง" นั่นไงหูดีอีกต่างหาก

"พี่ไฟอ่าาาาาา"  กูไม่รู้กูอ้อนไว้ก่อน

"เที่ยวก็อย่าให้เสียการเรียนละรู้ไหม"

"ครับไม่เสียแน่นอนธูปสัญญา เออแล้วพี่ไฟโทรมามีอะไรรึเปล่า ป๊าม๊าเป็นอะไรรึเปล่า"

"ไม่มีใครเป็นอะไร......." พี่ไฟเงียบไปจนผมใจหาย

"พี่ไฟมีใครเป็นอะไรบอกธูปมานะ พี่ไม่เคยโทรหาธูปตอนดึกๆเลย พี่ไฟใครเป็นอะไร"

"ป๊าม๊าสบายดีครับธูปไม่ต้องเป็นห่วง แต่พี่จะถามอะไรธูปหน่อย"


"ถามธูป? ถามอะไร?"

เสียงรอบตัวพี่ไฟดูเงียบลงกว่าเดิมเหมือนพี่ชายผมเดินหามุมที่เงียบๆเพื่อจะคุยกับผมหรืออาจไม่อยากให้ใครได้ยินเรื่องที่จะคุยกันก็อาจจะเป็นได้

"ธูปตอบพี่มาตามตรงนะ"  รู้สึกบรรยากาศกดดันจะวิ่งกลับมาหาผมอีกแล้ว 

"ถ้าธูปตอบได้อ่ะนะ" ผมตอบรับแบบกลางๆเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายผมจะถามอะไร










"เทียนทำผู้หญิงท้องเหรอ"




พี่ไฟคือใคร พี่ไฟคือคนที่ป๊าม๊าธูปรับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม พี่ไฟเนี่ยเราวางตัวเขาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เราไม่รู้จะให้เขาชื่ออะไรเพื่อให้มันเข้ากับคู่ของเขา สุดท้ายก็เลยให้ชื่อไฟ ตอนแรกจะให้ชื่อหมาก เพราะว่าบ้านธูปชื่อมันเป็นของที่ไว้ใช้ไหว้พระมากๆ ป๊าชื่อทอง ม๊าชื่อมาลัย ลูกแฝดชื่อธูป เทียน จะให้พี่ไฟชื่อทองก็กระไรอยู่เลยชื่อไฟไปแล้วกัน จุดธูปเทียนไหว้พระก็ต้องมีไฟอ่ะเนอะ (คิดได้) ส่วนพี่ไฟจะคู่ใครก็เดากันไปเนอะ

หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๑ คำถาม(ที่สงสัย) ๑๕/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-08-2015 11:42:07
พี่พายขี้หวงได้โล่มากค่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๑ คำถาม(ที่สงสัย) ๑๕/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 15-08-2015 13:13:33
ช่วยได้มากเลยคร้าาาาพี่พาย
ทำให้เพื่อนหายอึดอัดได้เลยจ้าาา
(แอบประชด)เหมือนจะยิ่งทำให้กลัว
เพิ่มมากขึ้นอีกนะเราว่า
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๒ เมารัก ๑๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 16-08-2015 13:15:59
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๒ เมารัก




"เทียนทำผู้หญิงท้องเหรอ"




ผมอ้าปากค้างตาแทบถลนออกมานอกเบ้า(เวอร์ไป)เมื่อคำถามนั้นดังลอดผ่านมาจากปลายสายที่อยู่แสนไกล



พี่ไฟรู้ได้ยังไง


ใครเล่าให้ฟัง


ล่าสุดที่เราคุยกันก็คุยกันเรื่องทั่วๆไป เรื่องเรียนของผม เรื่องป๊าม๊า เรื่องร้านอาหารที่ครอบครัวผมทำอยู่ และผมมั่นใจว่าไม่ได้หลุดพูดเรื่องไอ้เทียนแน่นอน



"พะพี่ไฟพูดเรื่องอะไรเนี่ย ธูปไม่เห็นรู้เรื่องเลย" นาทีนี้กูแหลเอาตัวรอดก่อนแล้วกัน



"เทียนเขาบินมาหาป๊ากับม๊าที่นี่แล้วเขาก็เล่าให้ป๊าม๊าฟังว่าทำผู้หญิงคนนึงท้อง......."



"ไอ้เทียนอยู่กับป๊าม๊าเหรอพี่ไฟ" ผมลุกขึ้นยืนตะโกนถามออกไปเสียงดัง นาทีนี้แหกปากร้องลั่นซอยไอ้ธูปก็ยอมล่ะครับ


ความรู้สึกหน่วงๆที่มีในใจหายไปเกือบหมด ไอ้เทียนมันไปหาป๊ากับม๊ามันไม่ได้หายไปไหน ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกโล่งใจนี้อย่างไรดี


"ครับ กำลังโดนป๊าเทศน์ไปหลายเรื่องเลย ว่าแต่ธูปรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"


คำถามเรียบๆที่ถามออกมาทำไมผมรู้สึกว่ามันแฝงไปด้วยความกดดันและบรรยากาศดูน่ากลัวแปลกๆวะ


"กะ ก็ไม่รู้อะไรมากหรอกครับ" ใครจะกล้าบอกวะว่าตอนนี้อ่ะเป็นแฟนกับพี่ชายเมียไอ้เทียนแล้ว บอกไปหัวหลุดแน่นอน


"อย่างงั้นเหรอ อืมธูปครับถ้าป๊าจัดการเรื่องทางนี้เรียบร้อยแล้ว พี่ว่าป๊าม๊าคงจะบินกลับไทยไปคุยกับบ้านผู้หญิงหน่ะ"


ซวยแล้วถ้าป๊าม๊ามาคุยเรื่องน้องเค้กก็ต้องรู้เรื่องผมกับพี่พายอ่ะดิ บรรลัยแน่ๆ


"ธูปอยากคุยกับเทียนก่อน"  เปลี่ยนเรื่องอย่างไวเลยกู


"เทียนคุยกับป๊าม๊าอยู่ครับ"


"ธูปโทรหาน้องไม่เคยติดเลยพี่ไฟรู้ไหมธูปห่วงมันจะบ้าตายอยู่แล้ว" ใส่ดราม่าเข้าไปอีกนิดหน่อย


"ทำใจให้สบาย เทียนเขาอยู่กับป๊าม๊าแล้ว อย่าเครียดนะครับ เดี๋ยวไม่หล่อนะ"


เป็นคำปลอบที่ได้ผลเสมอ ฮ่าๆๆๆ


"ครับ ยังไงพี่ไฟให้มันโทรหาธูปด้วยนะ บอกมันต้องโทรทันทีที่มันว่าง ไม่งั้นธูปจะโกรธมัน"


"ครับเดี๋ยวพี่จะบอกเทียนให้นะ"


"ขอบคุณครับ"


ผมพูดคุยกับพี่ไฟอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสายไป ผมถอนหายใจติดๆกันความเครียดเริ่มสะสมเข้ามาทีละเล็กละน้อย ผมจะทำยังไงดีถ้าป๊าม๊าบินกลับมาแล้วมาคุยกับที่บ้านน้องเค้กเรื่องของผมกับพี่พายป๊าม๊าจะว่ายังไง จะรับได้ไหม จะโกรธรึเปล่า


โอ๊ยเครียด


"เป็นอะไร" พี่พายลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบมือผมเอาไว้ ถามผมด้วยความห่วงใย


"พี่พาย ไอ้เทียนมัน..........."  เอาเข้าจริงก็ไม่กล้าพูดอ่ะ


"ไอ้เทียนมันทำไม"


"อย่าทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนแบบนั้นสิ นั่นน้องธูปนะ"


ถอนหายใจทำไมอ่ะ มึงยังไม่ลืมที่บอกจะเอาเลือดไอ้เทียนมาล้างตีนมึงอีกเหรอ ลืมๆไปเถอะนะ นั่นน้องกูนะ


"มันทำอะไร" เสียงโหดใส่กูอีก


"ก็มันไปหาป๊ากับม๊าอ่ะ พี่ไฟบอกมา"


"แล้ว" ถามสั้นๆแต่สีหน้าพี่อาฆาตไปนะครับ


"แล้วป๊ากับม๊าจะบินกลับมาแต่ไม่รู้เมื่อไหร่"


"ก็ดีแล้วนี่ แล้วธูปเครียดเรื่องอะไร" ถามแปลกๆก็เรื่องกูกับมึงไง


"เรื่องที่เราเอิ่ม คือ เรื่องที่เราคบกัน คือๆป๊ากับม๊า กับพี่ไฟไอ้เทียนเองก็ไม่มีใครรู้ แล้วๆ......."


"ใจเย็นๆธูป" ไอ้พี่พายมันออกแรงบีบมือผมพร้อมเขย่าเบาๆเพื่อให้ผมตั้งสติ ซึ่งตอนนี้สติผมมันหลุดลอยไปไกลแล้ว


"ธูปๆกลัวอ่ะธูปจะทำไงดี" ผมลนลานกลัวไปหมดทุกอย่างไม่ได้กลัวว่าป๊าม๊าจะแยกผมกับพี่พายนะคือแยกก็แยกผมไม่ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว แต่ผมกลัวว่าป๊าม๊าจะผิดหวังในตัวผมก็แค่นั้น


"เรื่องของเราเดี๋ยวพี่จะจัดการเอง ธูปอย่าคิดมากเลยนะ เข้าไปข้างในเถอะเพื่อนๆธูปคงรอนานแล้ว"  มึงกล้าใช้คำว่าเรื่องของเราเหรอ พูดว่าเรื่องของกูกับมึงจะฟังเข้าท่ากว่านะ


ไอ้พี่พายดึงมือผมให้ตามมันไป ผมก็เดินตามมันไปเหมือนคนไร้วิญญาณ


พอเดินเข้ามาในร้านพวกเพื่อนๆผมมันก็มองมาและยิ้มให้แต่ก็ไม่มีใครถามอะไรคงเพราะหน้าผมมันแบกคำว่า "นอยด์" เอาไว้ล่ะมั้ง ผมนั่งลงข้างๆไอ้เพื่อนส่วนพี่พายก็นั่งลงข้างๆผมเช่นกัน ไอ้เพื่อนมันยื่นแก้วเหล้ามาให้ผมพร้อมกับบอก "หมดแก้วๆ" เป็นเหตุให้ผมต้องกระดกแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าเข้าปากอย่างช่วยไม่ได้


"สัสเข้มขนาดนี้มึงให้กูกินเพียวเหอะ" ผมบ่นออกมาเมื่อเหล้าที่กินเข้าไปมันขมจนบาดคอ


"อ้าวแล้วก็ไม่บอก" ไอ้เพื่อนเทเหล้าเพียวๆใส่แก้วให้ผมทันที


คือกูประชดเว้ย


"หมดแก้วๆ" นั่นไงไม่ทันไร ได้รับความสนใจจากไอ้สามตัวล่ะ พวกมันหันมาเชียร์ผมกันอย่างได้ใจ แมร่งเพียวๆแก้วที่สองแล้วนะกูจะไม่ไหวแล้วนะ


เสียงนักร้องที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีไม่สามารถดึงความสนใจจากผมได้เลย ตอนนี้ผมจดจ่ออยู่กับการดวลเหล้ากับไอ้เพื่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย โลกเริ่มหมุนติ้วๆลิ้นเริ่มพันกัน เสียงรอบข้างพูดคุยอะไรกันผมฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ รู้อย่างเดียวอยากกินเหล้าต่อ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
(เนื่องจากว่าธูปมันเมาเละเลยจะให้พี่พายเล่าเรื่องแทนนะคะ)
-พาย-



ผมนั่งมองแฟนตัวเองซัดเหล้าเข้าปากอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยิ่งเพื่อนๆของมันส่งเสียงเชียร์ แฟนผมก็ยิ่งคะนองดื่มเหล้าไม่ยั่ง ผมนี่อยากจะตบกระบาลเพื่อนๆของมันเรียงตัวจริงๆ โดยเฉพาะไอ้คนที่ชื่อแมนเมืองแค่เห็นสายตามันผมก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไรกับแฟนผมแน่นอนแต่มันก็ได้แค่คิดละหว่าเพราะยังไงคนๆนี้ก็เป็นของผม และผมก็ไม่มีวันปล่อยให้ใครเด็ดขาด ในเมื่อผมเลือกแล้ว รักไปแล้วยังไงผมก็ไม่ให้ใครมายุ่งย่ามกับคนของผมแน่นอน


"ปวดฉี่อ่าาาาา" แฟนผมร้องบอกพร้อมกับเอาหน้ามาถูๆที่อกผม นี่ก็อีกคนเวลาปรกติล่ะไม่เคยจะคลอเคลีย พอเมาล่ะกลายร่างเป็นแมวขี้อ้อนทันที


"ปวดฉี่ก็ลุกเดี๋ยวพาไป" ผมบอกก่อนจะฉุดแขนธูปให้ลุกขึ้นตามมา แต่เหมือนจะมีตัวเสือกที่ไม่ได้รับเชิญตามมาด้วย


ผมมองหน้ามันพร้อมกับเลิกคิ้วคล้ายตั้งคำถามว่ามันจะเดินตามผมกับธูปมาทำไม


"ผมปวดฉี่เหมือนกัน" มันตอบพร้อมทำหน้าตากวนอวัยวะเบื้องล่างผมมากๆ ไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนธูปนะ กูกระทืบมึงไปนานล่ะ มองแฟนกูขนาดนี้จะแดกแฟนกูเข้าไปรึไง


ผมไม่ตอบอะไรกลับไป หันมาพยุงธูปที่ทำตัวอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงให้เดินไปถึงจุดหมายก่อนจะฉี่ราดกลางทาง


"อื้มมมม" ปัดมือกูออกอีก วันนี่จะเดินไปถึงห้องน้ำไหม เอ๊าดึงหัวกูอีกเจ็บน้ำตาแทบเล็ด


"ธูปเดินดีๆ" ผมว่าพร้อมกับโอบรอบเอวคอดนั่นด้วยความเป็นห่วง ก็นะแฟนผมนี่ไม่ห่วงแฟนจะให้ผมไปห่วงหมาที่ไหนล่ะ


"ผมช่วย" ไอ้ตัวเสือกมันปรี่เข้ามาช่วยประคองแฟนผมโดยที่ไม่มีใครขอร้องให้มันช่วย


"แฟนกู กูดูแลได้" ผมปัดมือมันออก


"มันก็เพื่อนผม" มันพูดลอยหน้าลอยตา น่าโดนส้นตีนลอยไปกระแทกหน้ามากๆ


"กูดูแลแฟนกูได้ ขอบใจในความหวังดี กูว่ามึงดูแลตัวมึงเองเถอะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรกับแฟนกู" ผมกอดธูปแน่นกว่าเดิมพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษไอ้ตัวเสือกตรงหน้า


"ปวดฉี่!!"  แฟนกูจะแหกปากบอกคนทั้งร้านรึไงเนี่ย


"รู้แล้วๆ" ผมเดินเรียกว่าแทบจะอุ้มกันเลยทีเดียว


ผมพาธูปเข้ามาในห้องน้ำได้ก็แทบลากเลือดมองไปยังโถฉี่ซึ่งตอนนี้ผู้คนพร้อมใจกันมาใช้สอยโดยมิได้นัดหมาย แฟนกูฉี่จะราดอยู่แล้วแต่ไม่มีที่ว่างเหลือเลยสักอัน ผมเลยตัดสินใจพาธูปเข้ามาในห้องน้ำไม่สนสายตาใครต่อใครที่มองมา หนึ่งในนั้นก็มีไอ้ตัวเสือกที่ยืนมองตาค้างอยู่นั่นแหละ ล็อคกลอนได้ผมก็จัดการยืนซ้อนหลังคนเมาที่ขาเกิดเป็นโปโลโอขึ้นมาชั่วขณะ ผมประคองตัวคนเมาที่ยืนโอนเอนให้ตรงๆ ปลดกางเกงยีนส์โคตรพ่อโคตรแม่รัดไม่รู้จะรัดไปไหนออก ใส่มาได้ยังไงวะ พร้อมกับกางเกงในสีขาวสะอาดตาเผยให้เห็นธูปน้อยที่ผงกหัวอยากจะปล่อยน้ำออกมาเต็มที (จินตนาการกูล้ำมาก)


ผมเอื้อมมือไปจับธูปน้อยของแฟนผม เคยเห็นกันมามากกว่านี้จับกันมามากกว่านี้แค่นี้จิ๊บๆสำหรับผมมากๆ ผมประคองตัวคนเมาที่จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ให้ยืนตรงๆ แมร่งลำบากขนาดนี้ไม่รักกูไม่ทำให้จริงๆนะเนี่ย


"ยืนดีๆสิธูปแล้วก็ฉี่ได้แล้ว" แฟนผมพยักหน้าหงึกๆและหลังจากนั้นก็ปล่อยออกมาโดยมีผมนี่แหละที่ยืนจับธูปน้อยเอาไว้ให้มันตรงโถ่


พอเสร็จคนเมาของผมก็ยืนพิงผมเหมือนไม่มีแรงผมเลยขอค่าพามาด้วยการลวนลามซอกคอแฟนผมนิดๆหน่อยๆ แต่ก็นะเหนื่อยตรงที่ต้องมาใส่กางเกงโคตรรัดให้มันนี่แหละ ใส่เสร็จก็พาออกมาล้างหน้าล้างตาด้านนอก


ผมเหลือบตามองไอ้ตัวเสือกที่ไม่ได้มีแค่หนึ่งแต่มาถึงสอง มันทั้งคู่ยืนมองผมสลับกับแฟนผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ซึ่งบอกตรงๆว่าผมไม่ชอบให้ใครมามองธูปมันแบบนี้เลย


"มองไรวะ" ผมเช็ดหน้าเช็ดตาให้ธูปที่ดูไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ มือไม้เริ่มปัดป่ายตรงหน้าผมล่ะ


"ผมมีเรื่องอยากถาม" ไอ้ตัวเสือกตัวแรกออกปากถามผม


"ว่า"


"คุณรักธูปจริงๆรึเปล่า" มันใช่เวลาจะมาถามเรื่องแบบนี้ในห้องน้ำป่ะวะ


"คำๆนั้นกูไม่พูดให้พวกมึงได้ยินหรอกนะ เพราะถ้ากูจะพูดกูคงพูดให้ธูปฟังคนเดียว หลีกกูจะพาแฟนกูกลับบ้าน"


"ถ้าคุณไม่รักธูปจริงก็ปล่อยธูปไปเถอะ มันไม่ใช่เกย์" ไอ้เสือกตัวที่หนึ่งมันพูด


"กูก็ไม่ใช่เกย์ และกูก็ไม่ทิ้งแฟนกูแน่นอน" ผมย้ำให้พวกมันได้คิด ผมไม่มีวันทิ้งคนๆนี้แน่นอน ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางทิ้งธูปแน่


"ถ้าคุณรักธูปจริง ผมขออย่างหนึ่ง อย่าทำให้ธูปเสียใจ" เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ไม่ต้องให้พวกมึงมาบอกกูหรอกเว้ย


"ถ้าคุณทำให้ธูปเสียใจเมื่อไหร่ผมบอกเลยว่าจะทำให้คุณจะเสียใจกว่าเป็นร้อยเท่า" ไอ้เสือกตัวที่หนึ่งมันขู่ผม นี่ผมกำลังโดนเด็กน้อยขู่เหรอเนี่ย


"มันจะไม่มีวันนั้น" แฟนกูก็ดิ้นไม่ดูเวลาเลย มือเนี่ยจะดึงหัวกูอีกนานไหม


"ธูปเมาแล้วมันจะเกรียน" ไอ้เสือกตัวที่สองมันพูดบอกผม กูโดนทั้งดึงทั้งตบ กูรู้แจ้งเลยล่ะไม่ต้องให้ใครมาบอกกูหรอก


ผมไม่ตอบอะไรแต่ก็พอจะรู้ว่าที่มันพูดมาหน่ะเรื่องจริง ก็นะแค่ระยะทางจากโต๊ะมาห้องน้ำก็ดึงทึ้ง ทั้งหัวทั้งหน้าผมจะแสบไปหมด ถ้าไม่รักมันผมคงกระทืบเละคาตีนไปแล้ว นี่รักหรอกนะถึงยอม


ผมเดินพาธูปไปที่โต๊ะจัดการเคลียร์ค่าเครื่องดื่ม อาหาร และบอกให้เพื่อนๆธูปดื่มกินกันตามสบายเพราะผมให้ลูกน้องผมดูแลไว้แล้ว ทุกคนยกมือไหว้ขอบคุณผมพร้อมกับบอกผมด้วยความห่วงใยว่า "ธูปเมาแล้วเกรียน" ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะพาคนเมาออกมาขึ้นรถ ด้วยความทุลักทุเล


กูเชื่อสนิทใจเลยล่ะว่ามันเมาแล้วเกรียนสัส


"เหล้ากูอ่ะ กินเหล้า" ดึงเข้าไปหัวกูจะหลุดติดมือมาหมดแล้วมั้ง


"ธูปปล่อยจะดึงทำไมเนี่ย"  ผมบ่นก่อนจะจัดการยัดร่างคนเมาเข้าไปในรถไม่ลืมคาดเบลล์ให้และปิดประตูเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ ลูบหน้าลูบตาด้วยความเหนื่อย โคตรเหนื่อยเลยครับบอกตรงๆ แมร่งเมาแล้วเรื้อนฉิบหาย ผมเปิดแอร์ปรับเบาะให้คนเมาได้นอนสบายๆ ก่อนจะต่อสายถึงลูกน้องคนสนิทให้จัดการบางเรื่องให้


"ครับนาย" ปลายสายพูดขึ้น


"เช็คเรื่องบ้านของธูปให้ฉันที ทุกรื่อง ทุกคน ขอด่วนที่สุด" ผมสั่ง


"ครับนาย"


ผมรู้ว่าธูปกลัว กลัวว่าพ่อแม่ธูปจะรับไม่ได้กลัวว่าพวกท่านจะผิดหวังและผมเองก็กลัว กลัวว่าธูปจะคิดและทำอะไรบ้าๆเพื่อตัดสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา ดังนั้นทางเดียวที่ผมจะยึดธูปเอาไว้นั่นคือต้องผูกมัดด้วยวิธีที่ธูปไม่มีทางดิ้นหลุดจากผมไปได้ แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่กล้ากักหาญน้ำใจธูปหรอกครับ กลัวมันโกรธ


ผมขับรถพาธูปออกต่างจังหวัดผมอยากใช้เวลาอยู่กับธูปมากกว่านี้ อยากพูดคุยให้ธูปคลายความกังวลที่มีอยู่ในใจ เอาเป็นว่าผมคิดเองเออเองไม่ได้ถ้าความสมัครใจแฟนผมก่อน เพราะถ้าสร่างเมาผมว่าไม่ได้ไปไหนกันแน่ๆ


"กินเหล้าอ่าาาาาาา" คนเมาข้างๆผมยังคงดิ้นเร้าๆเหมือนปลาขาดน้ำ ปัดป่ายมือไม้ไปมาหาหลักยึด ปากก็ร้องเรียกหาแต่น้ำสีอำพัน ผมส่ายหน้าหน่ายๆก่อนจะขับรถไปยังจุดหมายที่ตั้งใจ


ผมขับรถมาบ้านพักตากอากาศส่วนตัว ดีที่ก่อนออกเดินทางได้โทรแจ้งให้คนมาทำความสะอาดไว้ก่อนแล้ว ส่วนคนเมาข้างๆผมไม่ได้ให้ความร่วมมือสักนิด ยังคงโวยวายตลอดทางจากกรุงเทพจนถึงที่พัก


ผมพาธูปมานอนที่เตียงเปิดแอร์ปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับคนเมา และจัดการถอดเสื้อผ้าคนเมาออกทั้งหมดหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวเพื่อให้สบายตัว ถ้าไม่รักผมไม่ยอมเหนื่อยทำให้ขนาดนี้หรอกนะ เมาแล้วฤทธิ์เดชเยอะซะจนผมล่ะหน่าย


"อื้ม ไม่อาวววว" คนเมาถีบเข้าที่ท้องผมอย่างจังจนผมกลิ้งตกเตียงเพียงเพราะผมเอาผ้าไปเช็ดตัวให้เขา


 นี่มันเมาจริงหรือมันแก้แค้นที่ผมเคยกระทืบมันวะ



ผมปีนขึ้นเตียงอีกครั้งจัดการเช็ดหน้าเช็ดตัวคนเมาจนเสร็จเรียบร้อยด้วยความทุลักทุเล ทาแป้งหาบ็อคเซอร์ในตู้เสื้อผ้าที่เคยทิ้งเอาไว้เมื่อตอนมาดูงานครั้งล่าสุดหยิบเอามาใส่ให้ กว่าจะใส่เสร็จเรียกว่าเหงื่อไหลพรากๆยิ่งกว่าไปวิ่งออกกำลังกาย ผมจัดการถอดเสื้อผ้าของตนเองออกเอาไปวางใส่ไว้ในตระกร้าผ้ารวมกับเสื้อผ้าของธูปหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบเอวเดินเข้าไปอาบน้ำ


คนเมานอนหลับสงบนิ่งอยู่กลางเตียงภาพที่เห็นเรียกรอยยิ้มจากผมได้เป็นอย่างดี ผมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างๆแฟนผมก่อนจะวาดแขนโอบกอดเขาไว้เต็มรัก ตอนนี้ในหัวสมองผมตีกันให้วุ่นไปหมด ใจนึงบอกให้รวบรัดธูปเพื่อที่ธูปจะหนีผมไปไหนไม่ได้ แต่อีกใจผมก็อยากถนอมเขาเอาไว้รอวันที่เขาพร้อมและยอมผมเอง เกิดมาไม่เคยต้องอดทนอะไรขนาดนี้เลยนะเนี่ย มีแต่คนเข้าหาและเสนอไม่เคยต้องรออย่างอดทนขนาดนี้มาก่อน


Rrrrrrrrrrrr


ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงก่อนจะกดรับ


"ว่าไง"


"อยู่ไหนอ่ะ" ปลายสายถามผม


"หัวหิน" ผมตอบ


"ไปทำไรดูงานเหรอ"



"เปล่ามาพักผ่อน มีอะไรรึเปล่า"


"นึกว่าอยู่กรุงเทพ อยากให้มาหา แต่ไม่เป็นไร" ปลายสายตอบลับมาด้วยเสียงที่ไม่สู้ดีนัก


ผมลุกขึ้นจากเตียงมองดูคนเมาที่ขยับตัวหน่อยๆด้วยความรำคาญ ผมเดินไปเปิดระเบียงเพื่อคุยโทรศัพท์ต่อ


"กินยารึยัง" ผมถามด้วยความเป็นห่วง


"กินแล้วแต่เหมือนจะเอาไม่อยู่" ปลายสายตอบกลับมา


"อยากให้ไปหาไหม"


"ไม่เป็นไร เราทนได้ เดี๋ยวยาคงออกฤทธิ์ ขอโทษที่โทรมากวนตอนดึกๆ"


"ไม่เป็นไรมิลล์โทรมาหาพายได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว" ปลายสายหัวเราะขื่นๆ


"แค่นี้นะเริ่มง่วงล่ะ ยังไงเดี๋ยวโทรหาใหม่นะ ฝันดีจ้ะ"


"ฝันดีครับ"


ผมกดวางสายก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง วางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงทิ้งตัวลงนอนข้างๆคนที่ผมรัก นี่ก็อีกเรื่องที่ผมไม่รู้จะบอกธูปยังไง ไม่รู้จะเริ่มยังไงและไม่รู้ว่าธูปจะรับได้รึเปล่า


"เทียน" ธูปผลิกตัวกลับมากอดผมเบียดร่างเข้าหาผมก่อนจะกอดผมไว้ทั้งตัว


ผมนอนตัวแข็งทื่อพยายามสงบสติอารมณ์ที่พลุกพล่านในกายให้สงบ แต่ดูเหมือนอีกคนไม่ให้ความร่วมมือสักนิด


"ธูปปวดฉี่" ลำบากผมต้องแบกร่างไร้สตินั่นไปห้องน้ำและก็เหมือนเดิมจับธูปน้อยให้ตรงโถ่เพื่อให้คนเมาฉี่ได้สะดวก มีแฟนหรือมีลูกวะเนี่ย


"นอนได้แล้วธูป" ออกจากห้องน้ำได้ผมก็ต้องจัดการกับคนเมาที่ไม่ได้สติ ผมห่มผ้าให้คนเมาก่อนจะกอดเขาเอาไว้ ก็นะคนเมาเริ่มดึงทึ้งหัวผมแล้วสิครับ


"ปวดหัวอ่าาาาา" ใครใช้ให้แดกเข้าไปขนาดนั้นล่ะครับแฟน ไม่ปวดทนไหวเหรอ


"ธูปถ้ายังไม่นอนจะไม่แค่ปวดหัวนะ" ขู่ไปจะฟังรู้เรื่องไหมเนี่ย


"จาทำอาร้ายยยย" ยิ้มยั่วกูอีก


"อยากรู้เหรอ" ผมถามด้วยหวังผล


"คริๆ" แมร่งหัวเราะใส่กูซะงั้น 


"นอนๆ"


ผมกดหัวคนเมาให้มาซับอกผมอีกครั้งเพราะตอนนี้ร่างกายผมต้องการพักผ่อนไร้เรี่ยวแรงจะมาสู้รบปรบมือกับคนเมาแล้ว ส่วนเรื่องที่ทำให้แฟนผมเครียดนั้นเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดแล้วกัน คืนนี้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ
.
.
.
.
.
.
.
-ธูป-

ปวดหัวอ่าาาาา  จะอ้วกโอ๊ยทรมานฉิบ ผมนอนดิ้นไปดิ้นมาบนเตียงใหญ่ เสียงคลื่นเซาะทรายเรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี ผมพยายามลืมตาตื่นมันลำบากแต่ก็พยายามจะลืมตาอ่ะนะ ผมลุกขึ้นนั่งขยี้ตามองไปรอบๆห้องที่ไม่คุ้นตาเลยสักนิด


ที่ไหนวะ


ก้าวขาลงจากเตียงได้ก็แทบอยากจะพุ่งไปกอดชักโครกด้วยความรัก กูแฮ้งค์ กูอยากอ้วก กูทรมาน


"ตื่นแล้วเหรอ" ผมหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ไอ้พี่พายมันแต่งตัวได้เข้ากับบรรยากาศมากๆกางเกงสามส่วนเสื้อกล้ามสีขาวแล้วมีเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายเข้ากับการใส่มาทะเลมากๆสวมทับอีกที พอก้มดูตัวเอง อะไรวะเนี่ยบ็อคเซอร์ตัวเดียวปกปิดร่างกายอันเพอร์เฟคของผมเนี่ยนะ แมร่งโคตรไม่ยุติธรรมเลย


"อืม แล้วที่นี่ที่ไหนอ่ะ" แน่นอนไม่ใช่บ้านผมและไม่ใช่บ้านมันแน่นอน ก็นะเสียงคลื่นดังซะขนาดนี้


"หัวหินหน่ะ" มาทำอะไรที่หัวหินครับพี่จะมากินหอยเหรอ (มุขไม่ฮาข้ามมันไป)


"แล้วมาทำไม"


"พามาเที่ยว"  กูดูเหมือนคนอยากมาเที่ยวเหรอวะ


"ปวดหัวอ่ะ" พอได้ยินคำตอบมันทำเอาผมปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที ผมเดินเตาะแตะไปทางห้องน้ำ ที่รู้เพราะมันเปิดประตูอยู่ไม่ได้ฉลาดขนาดรู้ทางเองนะครับ


"กินนี่ก่อนจะได้ดีขึ้น" ผมหันไปมองแก้วที่ไอ้พี่พายมันถือมา


"กาแฟดำอ่ะนะ มีตัวเลือกอื่นให้ธูปไหมอ่ะ" ขอเป็นน้ำมาวได้ไหม กำแฟดำขมไปกูไม่กิน


"จะเอาอะไร" ทำไมต้องทำเสียงโหดใส่กูด้วยอ่ะ


"มีน้ำมะนาวให้ธูปไหมอ่ะ" นาทีนี้อ้อนได้กูอ้อนไว้ก่อน ปวดหัวทรมานไม่มีอารมณ์มาเถียงด้วย


"รอแป๊ป" ไอ้พี่พายมันเดินหันหลังออกจากห้องไปพร้อมแก้วกาแฟดำของมัน


ผมเดินอึนๆไปทางห้องน้ำ อยากอาบน้ำ เหนียวตัว พอถอดบ็อคเซอร์ได้ก็ทิ้งดิ่งลงอ่างอาบน้ำทันทีเปิดน้ำอุ่นเทสบู่เหลวตีฟองนอนแช่ด้วยความสบายใจ


ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็มีคนมาร่วมแชร์อ่างอาบน้ำกับผมล่ะ เซ็ง


"อะไรเนี่ย" ผมว่าพร้อมขยับตัวหนี


"อยู่เฉยๆได้ไหมธูป จะดิ้นทำไม" แล้วมึงจะลงมาทำไมล่ะครับ


"ธูปอาบน้ำอยู่พี่พายจะลงมาทำไมเล่ามันอึดอัด"


"ก็อยากอาบด้วยอ่ะ กินน้ำมะนาวก่อน" รอยยิ้มมึงมีเลศนัยมากๆ


ผมคว้าแก้วน้ำมะนาวที่วางอยู่ข้างๆมากระดกรวดเดียวหมดแก้ว เปรี้ยวมากอ่ะ ผมวางแก้วลงที่เดิมเพราะเริ่มรู้สึกถึงความไม่น่าในประตูหลังของผมที่มีคนต้องการจะรุกราน


"มืออ่ะไม่ต้องลูบตูดกูขนาดนั้นก็ได้มั้ง" ผมว่าก่อนจะตะปบมือปลากหมึกที่เริ่มเลื้อยๆตามตัวผม


"ธูป"


"หืม"


"ยังคิดมากเรื่องของเราอยู่รึเปล่า" ทำไมมันต้องใช้คำว่าเรื่องของเราด้วยวะ


"ก็ต้องคิดดิถ้าป๊าม๊ารับไม่ได้ผิดหวังในตัวธูปขึ้นมา แล้วธูปจะทำไง"


"ธูปกลัวแค่ป๊าม๊าผิดหวังเหรอ"


ผมหันกลับไปมองคนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง "แล้วจะให้ธูปกลัวอะไรล่ะ"


พี่พายไม่ตอบอะไรกลับมามันแค่ยกมือลูบหน้าผม แต่สายตามันดูเศร้าแปลกๆ


"เป็นอะไร ไม่พูดจะรู้ไหมเล่า" กูอึดอัดกับอ่างอาบน้ำไม่พอยังต้องให้กูมาอึดอัดกับท่าทางมึงอีกเหรอ


"ถ้าป๊าม๊าให้เลิกคบกันธูปจะยอมทำตามไหม"


ผมตอบออกไปทันทีโดยไม่ทันได้คิด


"ก็ต้องยอมดิถ้าไม่ยอมป๊าม๊าโกรธขึ้นมาจะทำไง"


"พี่เข้าใจล่ะ" พี่พายมันก็ลุกจากอ่างเดินออกไปโดยไม่หันมามองผมสักนิด กูพูดอะไรผิดไปรึเล่าวะ แล้วมันเป็นอะไรอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๒ เมารัก ๑๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-08-2015 18:16:11
มิลล์คือ??
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๒ เมารัก ๑๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: babyblue ที่ 16-08-2015 18:47:55
กรี๊ดดดดด คิดถึงพี่พาย

กลับมาคราวนี้จะไม่หายไปอีกใช้ไหมอ่า ฮือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๒ เมารัก ๑๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-08-2015 20:35:29
เรื่องช่างซับซ้อนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๒ เมารัก ๑๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: sundayskydee ที่ 16-08-2015 21:01:47
 :hao5:  :mew6: งือออ สงสารไอ้พี่พาย กอด+1
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๒ เมารัก ๑๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-08-2015 21:34:47
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๒ เมารัก ๑๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 16-08-2015 22:26:26
พี่พายอบอุ่นน่ะ เป็นผู้ชายที่ดูจิงใจดี แต่ความลับมันมีทุกคน ธูปยังเด็กบางเรื่องอาจไม่เข้าใจ พี่พายเป็นผู้ใหญ่ต้องค่อยๆๆอธิบายน่ะ มีเมียเด็กต้องใจเย็นเด็กชอบเอาแต่ใจ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม ๑๗/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 17-08-2015 22:57:09
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม



-มาวิน-


ผมมองดูธูปที่ถูกตระกองกอดอย่างรักใคร่โดยแฟนหนุ่มนักธุรกิจสายเทา(ผมขอเรียกแฟนธูปแบบนั้นแล้วกันเหมาะกับมันดี)ที่ประคองธูปไว้แนบอกเดินผ่านหน้าผมไป ผมคิดว่าถ้าเห็นภาพคนทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันจะเจ็บช้ำมากกว่านี้แต่พอเอาเข้าจริงมันกลับรู้สึกแค่หวิวๆในใจเท่านั้น ไม่ได้เจ็บช้ำจนแทบกระอักเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ ผมยิ้มให้กับความคิดของตัวเองเดินไปในห้องพักนักดนตรีหยิบกระเป๋าและกีตาร์ของตัวเองขึ้นมาสะพายไหล่ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อกลับบ้าน
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากอาบน้ำอาบท่าและหาอะไรกินให้ท้องอิ่มผมก็หยิบบุหรี่บนโต๊ะเดินออกมาที่ระเบียงนั่งรับลมบนเก้าอี้พาดขากับขอบระเบียงยกมือป้องลมเพื่อจุดเอาสารนิโคตินเข้าปอดหวังเพียงให้มันดับอารมณ์ขุ่นมัวที่มีอยู่ในใจ ผมเงยหน้าปล่อยควันสีเทาลอยออกจากปากล่องลอยสู่อากาศ ลอยไปโดยที่เราไม่สามารถเอื้อมมือคว้ามันไว้กับตัวได้ มันคงคล้ายๆกับความรักละมั้งเห็นอยู่ตรงหน้าเราแต่ไม่สามารถเอื้อมมือไปกักเก็บมันมาไว้กับตัวเราได้ ควันมันลอยไปตามลมและสุดท้ายก็สลายหายไปกับตา แต่รสชาดของมันยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน


คิดถึง.......


คำนี้ที่ติดอยู่ในใจผมตลอดมาเมื่อใครคนนึงได้จากไป คนที่สอนให้ผมรู้จักคำว่ารัก สอนให้ผมรู้จักอะไรหลายๆอย่าง ผู้หญิงคนนึงที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับผม "แม่" คำสั้นๆแต่ความหมายมันมากมายจนพูดกันทั้งชีวิตก็ไม่หมด ตั้งแต่ที่ผมสูญเสียผู้ให้กำเนิดไปอย่างไม่มีวันกลับเพียงเพราะความมักง่าย มักมากของคู่ชีวิตที่ท่านรักสุดหัวใจทรยศหักหลังท่านด้วยการพาผู้หญิงอีกคนเขามาเหยียบในบ้าน เข้ามาแทนที่แม่ของผม เข้ามาแทรกระหว่างคำว่าครอบครัว ตั้งแต่นั้นมารอยยิ้มของแม่ก็หายไปแทนทีด้วยหยาดน้ำตาและความซึมเศร้า แม่ย้ายตัวเองไปอยู่เรือนหลังเล็กพร้อมกับผมที่ไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ ผู้หญิงที่แย่งความสุขไปจากครอบครัวผม


ตั้งแต่วันนั้นแม่ยังคงเป็นแม่ที่รักผมเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั้นคือแม่ยิ้มน้อยลงร้องไห้มากขึ้นผมในวัยเด็กไม่รู้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นคือพ่อไม่รักแม่ พ่อพาใครอีกคนเข้ามาในบ้าน สั่งให้คนรับใช้ทุกคนเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า "คุณผู้หญิง" ตำแหน่งที่แม่ผมควรได้รับสิทธิ์นั้นแต่เพียงผู้เดียว พ่อพาผู้หญิงคนนั้นออกงานเปิดตัวกับสังคมว่าเป็นคนรัก เป็นภรรยา ทิ้งคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาให้ร้องไห้จมกองน้ำตาอยู่ที่เรือนหลังเล็ก พ่อไม่เคยมาหาแม่ ไม่เคยถามถึง นานวันก็ลืมเลือนผู้หญิงที่รักและเถิดทูลพ่อจนหมดหัวใจ


ผมในวัยเด็กเห็นและรับรู้ทุกอย่างผมสงสารแม่และคอยตั้งแง่กับพ่อไม่เคยพูดดีกันสักครั้งผมอาละวาดทุกครั้งที่พ่อมารับที่โรงเรียน จนเมื่อผมอายุได้สิบห้าชีวิตของผมก็พังทลายลงเมื่อแม่ที่ตรอมใจมานานหลายปีท่านป่วยและท่านก็ทรุดลงเรื่อยๆ ท่านบอกผมในวันนั้นว่า


ความรักจะไม่ทำให้เราเสียน้ำตา คนรักกันจะไม่ทำให้เราเสียใจ แต่ถ้าเรารักใครสักคนเราจะยอมอภัยให้เขาไม่ว่าเขาจะทำร้ายเราสักกี่ครั้ง เราก็พร้อมจะอภัยให้ เพราะเรารักเขา



ผมในวัยสิบห้ายังไม่เข้าใจในความหมายนั้นทั้งหมดรู้เพียงแต่ว่าผมเกลียดพ่อที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ เกลียดผู้หญิงคนนั้นที่ทำลายครอบครัวผมเกลียดโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตของผม


ผมเกลียดความรัก


เพราะมันพรากทุกอย่างไปจากผม พรากแม่ พรากพ่อ พรากครอบครัวที่อบอุ่นของผมไป


แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ผมกำลังมีความรัก เหมือนสุภาษิตที่เค้าบอกไว้ว่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง


เกลียดความรักแต่กลับต้องการมัน


หลังจากนั้นแม่ก็กินยานอนหลับและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เมื่อไม่มีแม่ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่บ้านหลังนั้น ผมได้มรดกจากแม่มาเยอะพอสมควร และผมก็โตพอที่จะออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เด็กอายุสิบห้าที่ออกมาอยู่คนเดียว เผชิญชีวิตคนเดียวบนโลกกว้าง ยังดีที่มีน้องชายของแม่คอยดูแลและช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ส่วนพ่อก็คงไม่รู้และไม่สนใจด้วยซ้ำว่าลูกคนนี้จะอยู่อย่างไรใช้ชีวิตที่เหลือไปในทิศทางใด


ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียด เกลียดตัวเองที่ช่วยแม่ไม่ได้ เกลียดพ่อที่มากรักไม่ซื่อสัตย์ เกลียดผู้หญิงคนนั้นที่มาแย่งความรักของพ่อที่มีต่อแม่ผม


"แม่รักวินมากนะลูก"


ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาตัวเองไม่รู้เมื่อไหร่จะเข้มแข็งไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกเสียใจให้กับสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ผมรู้ตัวว่าผมอ่อนแอยิ่งเกลียดความรักมากเท่าไหร่ในใจลึกๆกลับโหยหาและเรียกร้อง เพียงแค่มีคนมาทำดีด้วยใจผมก็โอนเอนไปหาเขาคนนั้นจนลืมนึกถึงความจริง ลืมนึกถึงความเจ็บปวด สุดท้ายความรักไม่เคยต้องการผมเลยสักครั้ง ไม่ว่าผมรักใครเขาก็ทิ้งผมไปทุกคน ผมรักแม่แม่ก็ฆ่าตัวตายทิ้งผมเอาไว้คนเดียว ผมรักพ่อแต่พ่อไม่เคยสนใจผมเลย ผมรักเทียนมันก็หนีหายไปจากผม ส่วนธูปผมบอกได้เลยว่าผมไม่ได้รักใช่ผมรู้ตัวเองดีว่าผมไม่ได้รักธูปแต่ที่ผมบอกมันไปอย่างนั้นเพราะผมมองธูปเป็นตัวแทนของเทียน แต่พอนานไปพอได้รู้จักได้รู้นิสัยใจคอ ใจที่โหยหาความรักของผมก็เริ่มโอนเอนไปหามัน


แต่ก็โดนหมาตัวผู้คาบไปกินเรียบร้อยแล้ว


ผมเคยคิดนะว่าผมคงเกิดมาพร้อมคำสาป เกิดมาเพื่อที่จะไร้รักและตายไปด้วยความเหงาตายไปโดยไม่มีคนรัก มีหัวใจแต่ไม่มีใครต้องการ ผมยิ้มให้กับชีวิตตัวเอง ยิ้มหยันความน่าสมเพชของตัวเอง


"แม่ครับทำไมไม่มีใครรักวินเลย" จะมีใครไหมที่มาเช็ดน้ำตาที่มันไหลลงบนแก้มให้กับผม จะมีใครไหมที่จะเอ่ยคำว่ารักให้ผมได้ชื่นใจ


จะมีใครไหมที่พร้อมจะเดินเคียงข้างกันไปในทุกๆวัน เดินจับมือกันไปไม่ปล่อยผมเอาไว้กลางทาง


จะมีไหมใครคนนั้น
.
.
.
.
.
.
.
ผมเดินเข้ามาในคณะด้วยสภาพที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่เมื่อคืนกว่าจะสลัดความคิดที่ทำร้ายตัวเองได้ก็เกือบเช้า แต่เพราะวันนี้มีงานต้องส่งผมจึงต้องลากสังขารมาที่มหาลัย พวกเพื่อนๆผมมองมาด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่มีใครพูดอะไรเพราะทุกครั้งที่พวกมันถามจะเป็นผมเองทุกครั้งที่พยายามปิดกลั้นความหวังดีนั้นไว้ ผมไม่อยากให้ใครมาสงสาร เห็นใจกับเรื่องที่มันผ่านไปนานแล้วผมไม่อยากใ้ใครเห็นน้ำตาเห็นความอ่อนแอของผม


"ไงมึงเผางานเสร็จแล้วดิ" ไอ้โตถามผมทั้งๆที่ตามันยังจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้ามันอยู่เลย


"เสร็จเมื่อวานวะเกือบตาย ลางานหลายวันเลยกู" ผมตอบออกไปพร้อมกับวางงานลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงข้างๆไอ้กานต์ ที่นั่งพัดให้ไอ้โอมที่ฟุบหลับอยู่ตรงโต๊ะ ไอ้นี่ก็หลับตลอดชาติ


นั่งคุยนั่งเช็คงานกันเสร็จก็ได้เวลาเข้าเรียน ส่งงาน พรีเซนต์งาน หลังจากเลิกเรียนพวกมันก็ชวนกันไปกินดื่มที่ร้านที่ผมทำงานอยู่เพื่อฉลองที่ส่งงานทันเส้นยาแดงผ่าแปดพอดี


Rrrrrrrrrrr


หลังจากนัดแนะเวลากันและต่างแยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเองผมที่เดินมาที่รถมอไซด์ของตัวเองก็ต้องหยุดเดินเพื่อรับโทรศัพท์


"ว่าไงครับน้าพี" ผมเอ่ยทักทายปลายสายด้วยความคิดถึง


"ว่าไงไอ้เสือ ทำไรอยู่"


"กำลังจะกลับหอหน่ะครับ แล้วน้าอยู่ไหนอ่ะให้วินไปหาไหม" น้าผมไม่ค่อยว่างเพราะต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ นานๆเราถึงจะเจอกันสักที


"น้าอยู่เชียงใหม่หน่ะแต่ก็ไม่ได้ลงไปกรุงเทพหรอกนะเพราะต้องไปภูเก็ตต่อ แล้วเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง"


"ก็ดีอ่ะครับเรื่อยๆ" ผมตอบน้าญาติเพียงคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ ส่วนพ่อผมไม่คิดนับญาติกับเขาตั้งแต่แม่จากผมไปแล้ว


"ตั้งใจเรียนล่ะเรา งานในผับเลิกได้ก็เลิกจะได้มีเวลาพักผ่อน"


"คร้าบบบบบบบ" ผมคร่อมรถมอไซค์เสียบกุญแจคาเอาไว้ ฟังที่น้าผมพูดเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง


"น้าอยากให้เราอภัยและกลับไปเยี่ยมพ่อเราบ้าง......"


"น้าพีแค่นี้ก่อนนะครับพอดีวินมีธุระ"


"วิน......"


ผมกดวางสายทันทีด้วยรู้ว่ามันเสียมารยาทแต่ผมไม่อยากได้ยินชื่อไม่อยากรับรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากที่คุยกับน้าเสร็จผมก็กลับหอหาข้าวหาปลากินนอนพักเอาแรงเพื่อจะมาร้องเพลงหาเงินเลี้ยงตัวเอง ถึงแม้ว่าน้าพีจะให้เงินผมใช้แต่ผมก็ไม่รับ เพราะเงินนั้นมันคือเงินจากผู้ชายที่เลือดเขาอยู่ในตัวผมเพียงครึ่ง น้าพีทำงานกับเขาและเงินที่น้าพีให้ผมก็คือเงินเขาดังนั้นผมจึงเลือกที่จะปฏิเสธเงินนั้น ผมมีเงินจากประกันชีวิตของแม่ที่ใช้กินใช้จ่าย มีเงินจากการร้องเพลง แค่นี้ก็พอแล้วเพราะวันๆผมก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากมายอยู่แล้ว


ผมเดินเข้ามาในร้านหลบไอ้เป๋อที่กำลังก้มหน้าถูพื้นเพื่อเดินเข้ามาในห้องพักนักดนตรี ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาวันนี้ผมมาเร็วเพราะในห้วมีแต่ความคิดฟุ้งซ่านหลังจากวางสายจากน้าพีเลยไม่อยากอยู่คนเดียวให้จิตตกมากไปกว่านี้


ไม่นานเพื่อนๆร่วมวงผมก็มาพอมาถึงเราทั้งหมดก็นัดแนะกันว่าจะร้องเพลงอะไร ตรงไหนต้องปรับตรงไหนต้องเพิ่ม เพื่อเวลาอยู่บนเวทีจะไม่ได้โป๊ะแตกเล่นกันไปคนละทาง พอคุยนัดแนะเรื่องเพลง จังหวะรับส่งมุขกันเรียบร้อยก็ได้เวลาที่ต้องขึ้นเวที วันๆชีวิตผมก็มีเท่านี้ล่ะครับ ไปเรียน กลับหอ นอนพักและตื่นมาร้องเพลงและกลับหอไปนอนพักและตื่นมาเรียน มีดื่มมีเที่ยวบ้างบางเวลาแต่ก็นานๆครั้ง เพราะเงินมันหายาก ลองหาเงินใช้เองคุณจะรู้


ระหว่างที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีพวกเพื่อนๆผมก็มาถึงพวกมันนั่งโต๊ะหน้าเวทีโบกไม้โบกมือทักทายกัน ผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปจนเมื่อร้องเพลงเสร็จก็เดินมาทักทายพวกมันที่ตอนนี้มีหญิงสาวเซ็กซี่ประกบซ้ายขวาจนแทบไม่มีที่ว่างให้ผมแทรกเข้าไป


"ไงพวกมึง" ผมทักทายก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆไอ้โต โดยมันให้ผู้หญิงลุกมานั่งตักมันและสละเก้าอี้ให้ผม เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจมากๆ


"คืนนี้ไปต่อกับพวกกูเปล่าวะ" มันถามส่อสันดาน และทุกครั้งคำตอบของผมก็เหมือนเดิม


"ไม่วะขอบใจ"


พวกมันโห่ร้องเหมือนทุกครั้งแต่ก็ไม่เซ้าซี้อะไร คงเพราะผมเคยบอกเหตุผลไปแล้วว่าเซ็กส์สำรับผมคือต้องทำกับคนรักกัน จะให้มาแลกคู่นอนมั่วเซ็กส์กันนั้นผมทำไม่ได้ ผมเกลียดคนแบบไหนผมก็ไม่ควรจะทำตัวแบบนั้น


มากรัก.......


มักมาในกาม.........


ผมนั่งดื่มนั่งคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มอยู่นานพอสมควรจนกระทั่งได้ยินเสียงขวดแตกจึงลุกขึ้นหันไปมองยังต้นเสียง


"สัสปากดีนักนะมึง" ผมมองวัยรุ่นตัวโตที่มือข้างขวากำขวดที่แตกเป็นปากฉลามไว้แน่น


อีกฝ่ายไม่พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มเยาะกลับไปมันจะรู้ไหมนั้นว่าเลือดกำลังไหลออกจากหัวของมัน


ผู้ชายที่ถือขวดพุ่งเข้าใส่ชายที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะโดนถีบกระเด็นหงายหลังกลับมา พี่หนุนเห็นท่าไม่ดีแกจึงแหกปากออกไมค์ว่าให้หยุดตีกัน แต่แล้วมันไม่เป็นดังที่เจ้าของร้านบอกเพราะฝ่ายที่โดนถีบหน้าหงายนั้นมันลุกขึ้นพร้อมกับเพื่อนๆของมันกรูกันเข้าไปใส่อีกฝ่ายที่พวกพ้องยืนตั้งรับอยู่ก่อนแล้ว สงครามย่อมๆเกิดขึ้นในร้านพี่หนุนทันที


พวกผมกระโดดหลบเก้าอี้ ขวดเหล้าขวดโซดากันวุ่นวายไปหมด เสียงกรีดร้องของผู้หญิงในร้านผสมปนเปมากับเสียงสบถด่าทอของคู่อริทั้งสองฝ่าย บางคนไม่มีส่วนร่วมยังผสมโรงขว้างปาขวดใส่กันจนวุ่นวาย


ผมคลานออกมาจากโต๊ะพวกเพื่อนๆไปยังพี่หนุ่นที่ถือโทรศัพท์อยู่ พี่แกดูอารมณ์เสียมากที่เกิดเรื่องทะเลาะกันในร้าน


"สัสเอ๊ย!! แมร่งโทรไม่ติดวะ" ผมหนุนอารมณ์เสียแกพยายามกดเบอร์ 191 อีกครั้ง  "วินไปเอาปืนในห้องกูมา" พี่แกสั่งพร้อมโยนกุญแจให้ผม


ผมรับกุญแจมาพร้อมกับย่อตัวหลบสารพัดขวดที่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุญที่พวกมันจะหามาขว้างใส่กัน พอเข้ามาในห้องพี่หนุนได้ผมก็ไปที่กระเป๋าแกทันที ที่รู้ว่าแกเอาปืนไว้ที่ไหนเพราะแกเคยใช้ให้มาหยิบครั้งนึงตอนที่มีคนตีกันที่ร้านนี่แหละ


พอได้ของที่พี่หนุนสั่งผมก็เดินออกมาโดยลืมไปว่าข้างนอกนั้นยังมีสงครามย่อมๆเกิดขึ้น รู้ตัวอีกทีก็เห็นผู้ชายคนนึงง่างขวดเหล้าเข้ามาใกล้ๆหน้าผมแล้ว และด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงเผลอหลับตาลงพร้อมๆกับยกแขนขึ้นป้องกันตัวเองแทนที ตอนนั้นมันทำอะไรไม่ถูกสมองประมวลความคิดช้าไปหมด


เพล้ง!!


ผมคิดว่าควรจะเจ็บเพราะขวดน่าจะกระแทกเข้าที่หัวผมหรือแขนของผม แต่มันกลับไม่รู้สึกอะไรนอกจากอ้อมกอดที่ใครคนนึงกอดผมเอาไว้ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นก็เห็นหน้าของคนที่ผมเกลียดเข้าเส้นมันมองผมนิ่งๆก่อนจะหันกลับไปชกหน้าคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง


"วินปืน" เสียงพี่หนุนเรียกสติผมให้กลับมา ผมส่งปืนให้พี่แกไปอย่างงงๆ


ปัง!!


เสียงปืนเพียงนัดเดียวทำให้ทุกอย่างหยุดอยู่กับที่ พี่หนุนสั่งลูกน้องปิดทางเข้าออก แกมองไปรอบๆก่อนจะหาตัวต้นเรื่องพอเจอแกก็กระทืบซ้ำปางตายไม่นานตำรวจก็เข้ามา พูดคุยสอบถามจนนำตัวผู้ก่อเหตุและผู้ที่สร้างความวุ่นวายไปโรงพัก ส่วนร้านพี่หนุนก็ต้องปิดปรับปรุงไปตามระเบียบ ผมเดินไปหาคนที่ช่วยเอาตัวมาบังผมจากขวดเหล้า มันยังยืนนิ่งๆเมื่อผมเดินไปถึง


"ขอบใจ" แม้ไม่อยากจะเอ่ยคำนี้สักเท่าไหร่แต่มันช่วยผมเอาไว้ ถึงไม่อยากพูดก็ต้องพูดอ่ะนะ


มันไม่พูดอะไรและผมก็ไม่มีอะไรจะพูดจึงเดินกลับไปที่ห้องพักเพื่อเอากีตาร์และบอกลาพวกเพื่อนๆนักดนตรีที่ทยอยกันกลับไปบ้างบางส่วนและเพื่อนๆผมที่ตอนนี้ปลอบขวัญเด็กมันจนแทบจะเอากันในร้านอยู่แล้ว ผมหันไปไหว้พี่หนุนและที่ทำหน้าเครียดมองสภาพร้านที่ไม่มีชิ้นดี แกบอกให้ผมรีบกลับไปเพราะทางนี้แกจะจัดการเอง ผมเดินมาถึงที่จอดรถมอไซค์ก็เจอไอ้คนที่ยืนนิ่งในร้านในตอนแรกมันก็มายืนอยู่ข้างๆรถผม ทำให้ผมต้องหันไปเลิกคิ้วมองมันด้วยความสงสัย


"มีไร" ผมถาม


มันไม่ตอบแต่โดดมานั่งซ้อนท้ายรถผมเรียบร้อยแล้ว


"เฮ้ย!อะไรวะเนี่ยลงไป" เกาะเอวกูทำไมวะ


"หุบปากสักทีได้ป่ะและช่วยพากูไปทำแผลด้วย" มันสั่งผมและผมคิดว่าไล่ยังไงมันก็ไม่ลงไปจากรถผมแน่นอน


สุดท้ายเลยต้องขี่รถพามันไปด้วย ด้วยความไม่เต็มใจ
.
.
.
.
.
.
"เข้ามาดิจะยืนในใครอุ้มมึงเข้ามารึไง" ผมบอกก่อนจะก้มเก็บรองเท้าเข้าตู้


มันเดินตามมาเงียบๆก่อนจะถอดรองเท้าและเดินไปนั่งลงที่พื้นตรงหน้าทีวี ผมก็เดินไปวางกีตาร์เข้าที่ก่อนจะหายาในตู้มาให้มัน


"เอาน้ำให้กูด้วย หิว" สัสสั่งกูอีก เดินย้อนกลับไปเอาน้ำในตู้เย้นมาขวดนึงเอามาให้มันตามที่สั่ง โยนกล่องยากับขวดน้ำลงบนตักมัน


"ทำแผลเองนะเสร็จแล้วก็ล็อคห้องให้กูด้วย" ผมบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ มันช่วยผม ผมช่วยมันถือว่าเจ๊ากันไป


อาบน้ำอาบท่าเสร็จเดินเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำผมก็เจอมันยังนั่งอยู่กับทีมันหันมองมาที่ผมเหมือนจะด่าผมทางสายตา แต่โทษทีกูไม่รู้สึกเจ็บปวดสักนิด


"ทำไมยังไม่ไปอีกวะ" ผมถาม


"ทำแผลให้กูที กูมองไม่เห็น"


"อะไรหนักหนาวะเนี่ย" ผมบ่นมันก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหาเสื้อผ้ามาใส่ นั่งทาครีมเสร็จแล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียง กลับเข้ามาในห้องมันก็ยังนั่งอยู่ทีเดิม จ้องหน้าผมเพื่อกดดัน


"เออๆแมร่ง" สุดท้ายผมก็ต้องทำแผลที่หัวให้มันอย่างเลี่ยงไม่ได้  "มึงชื่ออะไรนะกูลืม" ผมลืมจริงๆนะก็มันไม่สำคัญกับชีวิตผมนี่หว่า


"แมนเมือง" ผมพยักหน้ารับรู้


"แผลไม่ใหญ่มากดีที่ไม่ต้องเย็บ คิดยังไงเอาหัวเป็นโล่วะ"


"ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร" คำตอบแบบกำปั้นทุบดินมาก "คิดแค่ว่าต้องช่วยไอ้โง่ที่ยืนเฉยๆรอขวดมาตีหัวก็แค่นั้น"


ปากมึงเนี่ยนะ


"น่าจะโดนตีปากมากกว่าหัวนะมึงอ่ะ"  ผมพันผ้ารอบหัวมันก่อนจะเก็บขวดยาเข้ากล่องลุกขึ้นเอาไปเก็บที่


หันมาก็เห็นไอ้แมนเมือง หรือเมืองแมนวะ เออ นั้นแหละกำลังถอดเสื้อโยนใส่ตระกร้าผ้าผมพอดี


"เฮ้ยทำไรวะ" ผมถามพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อของมันในตระกร้าผ้าของผมมาโยนคืนให้


"กูจะนอนนี่" พูดได้หน้ามึนมากๆ


"ใครให้นอน"


"ไม่มีแต่กูจะนอน"


"......."


"กูช่วยมึงไว้นะ"


"แล้วยังไงมึงช่วยกูไม่ใช่ว่ามึงจะมานอนห้องกูได้ตามใจมึงนะ"


"ทำยังกับกูไม่เคยนอน" มันไม่เหมือนกันป่ะวะ


"จะออกไปดีๆหรือจะให้กูถีบส่ง" ผมบอกพร้อมง้างตีนรอ


"กูกลับบ้านไปสภาพนี้ไม่ได้ มึงเข้าใจไหม"


"ไม่เข้าใจแล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู"


"กูกลับบ้านไปสภาพนี้พ่อด่ากูแน่ๆ และที่สำคัญที่กูเป็นแบบนี้เพราะกูช่วยมึง" กูไม่ได้ขอร้อง อยากตอบแบบนี้แต่ก็นะถ้าไม่ได้มันผมอาจจะเจ็บกว่าที่มันโดนก็ได้


สุดท้ายผมก็ต้องยอมให้มันนอนด้วยแต่คงแค่คืนเดียวเท่านั้นล่ะครับเพราะผมไม่ชอบขี้หน้ามัน ขืนอยู่ด้วยกันเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง มีหวังฆ่ากันตายก่อนจะได้พูดจากันดีๆ




TALK : บอกก่อนนะคะว่ามาวินเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวกับเรื่องครอบครัว เขาเป็นคนประเภทโหยหาความรักมากๆใครทำดีกับเขา ให้ความสำคัญกับเขา มาวินเขาจะมองว่าคนนั้นพิเศษจนสุดท้ายเขาก็รักคนๆนั้น อย่างกรณีเทียนคือมาวินจะสนิทกับเทียน ทำงานทำโน้นนี่นั้นร่วมกันตลอด จนมาวินตกหลุมรักเพื่อนตัวเอง(แต่เทียนไม่เคยคิดอะไรด้วยเลย)แต่กับธูปมาวินแค่เห็นเป็นตัวแทนของเทียน ไม่ได้ลึกซึ้งขนาดที่เรียกว่าความรัก แค่คาดหวังและคิดไปเอง มาวินชีวิตเขาน่าสงสารนะ เหมือนจะหนีความรักแต่เขาก็วิ่งไล่ตาม ส่วนเรื่องพ่อแม่มาวินนั่นมีเงื่อนงำค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม ๑๗/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 17-08-2015 23:06:59
มาวินน่าสงสารจัง.....เศร้าแทน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม ๑๗/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-08-2015 23:13:42
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม ๑๗/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-08-2015 17:27:18
:)
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม ๑๗/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 19-08-2015 17:28:21
ชีวิตมาวินมันช่างดราม่าจริงๆ
รอๆคนเขียนมาเฉลยเงื่อนงำ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม ๑๗/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 19-08-2015 17:48:03
 :pig4: วินพูดถึงความรักอ่านแล้วหน่วง 
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๓ ความรักต้องการฉันไหม ๑๗/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 19-08-2015 22:25:51
ว้าย พึ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้ สนุกอะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๔ ไม่ต่างกัน ๒๐/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 20-08-2015 14:09:30
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๔ ไม่ต่างกัน



-มาวิน-


หลังจากวันที่ไอ้แมนเมืองมันบอกว่าจะนอนห้องผมเพราะมันไม่อยากกลับบ้านไปให้พ่อแม่มันด่านั้น ผมก็คิดเอาเองว่ามันคงจะอยู่แค่วันเดียวแล้วย้ายสาระร่างของมันไปบ้านเพื่อนมันหรือบ้านกิ๊กบ้านใครก็แล้วแต่เพื่อกลบดาน แต่ก็เปล่าหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็อาทิตย์นึงพอดีที่มันมาสิงอยู่ที่ห้องผม ด่าก็แล้วไล่ก็แล้วยังไงมันก็ไม่ไป มันบอกว่าเพราะผมมันจึงเป็นแบบนี้ เพราะมันช่วยผมที่ยืนโง่จะให้เขาเอาขวดมาตีหัวมันจึงเจ็บตัวแทน ฟังดูเหมือนจะดีแต่โทษทีทำไมรู้สึกเหมือนโดนด่าวะ

"หิว" นอกจากมาสิงอยู่ห้องผม แย่งเตียงของผม มันยังใช้ผมเยี่ยงทาสอีก

"หาแดกเองไม่ได้ก็ไม่ต้องแดก"

"กูเจ็บตัวเพราะมึงจะไม่ทำอะไรตอบแทนกูหน่อยรึไง" อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ยินคำนี้นับพันๆครั้ง อะไรๆก็กู ขี้ไม่ออกจะเรียกกูไปช่วยเบ่งไหมเนี่ย

"แล้วที่มึงมาสิงอยู่ห้องกูเนี่ยคือไม่ตอบแทนอย่างนั้นสิ" ด่าไปก็เท่านั้นมันไม่สะเทือนหรอกครับ

"หิว" แมร่งพูดเป็นคำเดียวรึไงวะ

"เออรู้แล้ว!!" สุดท้ายก็เหมือนเดิม ผมต้องลุกขึ้นมาหาให้มันแดก ไม่งั้นมันก็จะแหกปากพูดแต่คำว่า 'หิว' ไม่หยุด

ผมลุกขึ้นเดินไปเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเพื่อต้มมาม่าให้มัน โทษทีที่ห้องผมก็มีแค่นี้ล่ะ ผมไม่ค่อยซื้อของมาตุนไว้หรอกครับมีแค่มาม่าไข่ ไส้กรอก แค่นั้น เพราะผมทำอาหารไม่เป็นและที่สำคัญผมกลัวมันจะเสียก่อนกินหมด ถึงแม้อาทิตย์ที่ผ่านมาจะมีอาหารจากร้านหรูๆมาส่งถึงห้องเพราะใครอีกคนที่อยู่ร่วมกันเป็นคนสั่งมา แต่ผมก็ไม่แตะไม่กินอะไรของมันสักอย่าง ถึงมันจะบังคับและจับยัดใส่ปากผมในบางที่ผมก็กินแค่ที่มันยัดใส่ปากนั้นแหละครับ เพราะคนที่ไม่เคยหาเงินเองมักไม่เห็นค่าของเงิน แต่จะให้พูดให้สอนก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมอยู่ดี

ระหว่างรอน้ำเดือดในหัวผมก็มีเรื่องเข้ามาให้คิดได้สารพัด ถ้าแม่ไม่ทิ้งผมไปถ้าพ่อไม่พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ผมก็คงใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ คงจะใช้เงิบมือเติบไม่คิดหน้าคิดหลัง ชีวิตคงไม่รู้จักโตไม่รู้จักคำว่ารับผิดชอบ ไม่รู้ว่าผมจะขอบคุณพ่อที่พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านหรือจะโทษผู้หญิงคนนั้นที่ทำลายครอบครัวผมดี

ผมไม่รู้จริงๆ........


"มึงร้องไห้" ไอ้แมนเมืองเดินเข้ามาประชิดตัวผมพร้อมกับทำหน้าหมางงใส่ผมประกอบอาการสงสัยของมัน

ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆเอาจริงๆผมก็ไม่ได้อายอะไรหรอกนะครับ ร้องไห้ใครๆก็เคยทั้งนั้น หรือคุณไม่เคยดังนั้นผมจึงมองไม่เห็นว่ามันมีอะไรน่าอาย คนเราแสดงความรู้สึกกันได้ไม่ต้องปิดบังเอาไว้หรอก

"ร้องทำไมวะ" แต่บางครั้งผมก็ไม่อยากจะตอบคำถามเพื่อให้ใครสมเพชผมหรอกนะ

"เสือก" ผมพูดแค่นั้นก็กดน้ำร้อนที่เดือดพอดีใส่มาม่าคัพเทเครื่องปรุงปิดฝาแล้วยื่นให้มัน ไม่ลืมกดน้ำร้อนใส่ถ้วยของผมอีกถ้วย พอเสร็จผมก็เดินออกมานั่งตรงโซฟาเงียบๆไม่พูดไม่อะไรกับอีกคนที่อยู่ร่วมห้อง

ผิดเหรอที่ผมไม่อยากให้ใครมาสมเพชผม ผิดเหรอที่ผมเสียใจแล้วร้องไห้ ผิดเหรอที่ผมเป็นคนแบบนี้

ผมผิดมากเหรอ

แต่อย่างน้อยในความเสียใจมันก็ยังมีเรื่องราวดีๆให้ผมได้จดจำ ยังมีภาพวันเก่าๆให้ผมได้คิดถึง

หลังจากที่ผมซัดมาม่าในถ้วยจนหมดผมก็ลุกขึ้นเอาถ้วยมาม่าไปทิ้งเดินไปนั่งสูบบุหรี่ที่ระเบียงด้านนอก สักพักผมก็ได้ยินเสียงคนเกากีตาร์(ของผม)ขึ้นมาเบาๆ ตามมาด้วยเสียงร้องเพลงที่ฟังดูคร่ำครวญดั่งเหมือนกับว่าเพลงนี้ได้แต่งมาเพื่อมันโดยเฉพาะ

เพื่อนสนิท คิดไม่ซื่อ
http://www.youtube.com/v/Px-8NDdcGQo

"เวลาเธอกอดคอ เล่นหยอกล้อกันอยู่ทุกวัน หัวใจมันสั่น ฝันละเมอคิดไปไกล เธอไม่เคยจะรู้ เพื่อนที่ดูแลเธอทุกวันข้างกาย เค้ามีบางสิ่ง คิดไม่ซื่อกว่าเพื่อนกัน"

"กูจะอยู่ข้างๆมึงนะวิน"

"ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะดีใจที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ สุดท้ายต้องก็ยังทุกข์ใจเสมอ เพราะรักเธอข้างเดียว"


"มีอะไรมึงบอกกูได้ทุกเรื่องเลยนะ"


"มีเพียงความผูกพัน แค่เท่านั้นไม่เคยได้ใจ หวังไปเท่าไหร่ ก็เลือนลางทุกนาที ทำให้ความห่วงใย ไม่เคยทำให้เธอรักกันซักที ไม่มีทางเปลี่ยน ให้เราเปลี่ยนจากเพื่อนกัน"


"มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับกู"


"ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะดีใจที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ สุดท้ายต้องก็ยังทุกข์ใจเสมอ เพราะรักเธอข้างเดียว"

"แค่เพื่อนที่กูให้มึงได้"


"ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะดีใจที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ สุดท้ายต้องก็ยังทุกข์ใจเสมอ เพราะรักเธอข้างเดียว"

"แค่เพื่อนเท่านั้นวิน"

"ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะดีใจที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ สุดท้ายต้องก็ยังทุกข์ใจเสมอ เพราะรักเธอข้างเดียว"

"กูคิดกับมึงแค่เพื่อน เท่านี้ที่กูให้มึงได้"

ผมสูบบุหรี่ไปพร้อมกับฟังเสียงร้องของไอ้แมนเมืองไปด้วย เสียงมันอาจจะไม่ได้เพราะเหมือนนักร้องอาชีพ แต่ก็พอฟังได้ในระดับหนึ่ง  ยิ่งมันร้องเพลงนี้ออกมาจากความรู้สึกของมันแล้วนั้น ทำให้เสียงมันดูเศร้าสร้อยแปลกๆ

ผมหวนนึกถึงตอนที่มันเมาแล้วระบายเรื่องธูปให้ผมฟัง จริงๆมันก็ไม่ได้จะพูดให้ผมฟังหรอกนะครับ เพียงแต่ตอนนั้นมันเมามากแล้วมันก็คงอึดอัดใจ พอมีเรื่องอะไรไปกระทบใจมัน สุดท้ายมันจึงพูดความใจในของมันออกมา

"ไม้กันหมาอย่างกู ไม่มีสิทธิ์รักเลยเหรอว่ะ มีหน้าที่แค่กันคนอื่นออกห่างจากธูป รวมทั้งตัวกูด้วยใช่ไหมว่ะ"

ไอ้แมนเมืองกระดกเหล้าเข้าปากหลังจากพล่ามเรื่องความรักของมัน

"กูอยู่กับมันตลอดไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด สนิทกับมัน รู้ทุกเรื่องของมัน จนสุดท้ายกูก็รักมัน"

ผมนั่งหยิบถั่วลิสงโยนใส่ปากพร้อมกับรินเบียร์ใส่แก้วตัวเองไปด้วย ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงอะไรให้มันรับรู้

"เพราะไอ้เทียนมันบอกกูว่ามีคนมาชอบธูปแต่ไอ้เทียนไม่ต้องการให้ธูปไปยุ่ง มันเลยให้กูกันธูปไม่ให้มันเข้าใกล้ มึงคิดดูไอ้เหี้ยนั่นก็ฝากเหี้ยอะไรมาให้ธูปนักก็ไม่รู้ทุกวี่ทุกวัน กูเนี่ยแดกแทบจะอ้วก กลัวแมร่งใส่ยาเสน่ห์ฉิบหาย"

บางครั้งผมก็คิดนะว่าไอ้เทียนมันหวงพี่ชายมันเกิดเหตุไปรึเปล่าวะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจริงๆเวอร์มาก


"กูอยู่กับมันจนสุดท้ายกูก็รักมัน มึงคิดดูอยู่ใกล้กันทุกวันแต่กูทำอะไรไม่ได้ แสดงออกว่ารักมันเกินกว่าเพื่อนก็ไม่ได้ ทรมานโคตรๆ"

กูก็ไม่ต่างจากมึงเท่าไหร่หรอกอยู่ใกล้ชิดได้สนิทเพียงเพราะเป็นเพื่อนกันไม่มีวันได้ขยับเข้าไปใจมันสักที จนสุดท้ายชะนีคาบมันไปแดกตัดหน้ากูซะงั้น

"และสุดท้ายกูก็ทำมันพัง มันพังเพราะกูขี้ขลาด เพราะกูไม่กล้าพูดความจริง เพราะกูคนเดียว........"

ผมหันไปมองคนที่พูดพล่ามอยู่นานสองนาน จนเสียงมันเงียบหายไปแลดูผิดปกติ สุดท้ายผมก็เห็นซากมนุษย์ขี้เมาที่นอนฟุบลงกับพื้นหลับตาพริ้มอยู่อย่างนั้น

ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปนอนในห้องอย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้นอนบนเตียงแหละ ส่วนอีกคนช่างมันเถอะครับ มันจะนอนไหนก็เรื่องของมันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ

ผมปล่อยควันบุหรี่ให้ล่องลอยไปในอากาศ แล้วก็คิดเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ถ้าวันนั้นผมทำมันลงไปจริงๆวันนี้ธูปจะรักผมไหม จะมีคนรักผมเพิ่มขึ้นมาอีกคนไหม

ไม่มีใครรู้คำตอบนอกจากธูป แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้คำตอบ คำตอบมันมีอยู่แล้ว เพราะเป็นผมไง เพราะผมคือมาวินที่ไม่เคยมีใครรัก พอผมรักใครทุกคนก็หนีหายไปจากผมทุกครั้ง คนบนฟ้าคงไม่อยากให้ผมมีความรัก คนบนฟ้าคงเกลียดผม

ผมทิ้งบุหรี่ที่สูบจนหมดลงบนกระถางต้นไม้ หันหลังเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะพบกับ

ไอ้ขี้เมา(เมามันได้ทุกวัน)ที่นั่งกินเหล้าเพียวๆ(ที่มันซื้อมาเก็บไว้)อยู่ตรงโซฟา พร้อมกับขนมกรุบกรอบอีกสารพัด ผมหยุดยืนมองขวดเหล้าที่กลิ้งอยู่ที่พื้นด้วยความเหนื่อยใจ แดกมาม่าเสร็จแดกเหล้าต่อเลยนะมึง

เมาแมร่งทุกวัน เพ้อทุกวัน เหมือนหมาเข้าไปทุกวัน ไอ้แมนเมืองเงยหน้ามามองผม สายตามันดูเศร้า หม่นๆยังไงชอบกล มันคอแข็งนะเรียกว่าโคตรคอทองแดงเลย แต่คนเราอารมณ์หม่น กินเหล้าคนเดียว(หมดกลม)ร้อยทั้งร้อยไม่เมาก็ให้รู้ไป

"อ้ายยยวินนนนนน" เสียงเริ่มยานคาง สภาพเริ่มไม่ต่างจากหมา

ไอ้แมนเมืองดึงมือผมให้นั่งลงบนพื้นข้างๆมัน ไอ้ธูปเวลาเมาว่าเกรียนแล้วนะเจอไอ้เมืองแมนเข้าไปชิดซ้าย เพราะรายนี้ดราม่ามาเต็ม ชีวิตมันรันทดยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าหลังข่าวอีกครับ กูอยากรู้จริงๆกลุ่มมึงเวลาเมามีใครเต็มบ้างไหมว่ะเนี่ย

"แดกเหล้าเป็นเพื่อนกูหน่อยกูเหงา" มันยกแก้วเหล้าชูขึ้นตรงหน้าผม

"ไม่ว่ะ" ผมดันแก้วเหล้ากลับไป

"หยิ่งรึไงว่ะ"

"เปล่ากูมีงานต้องทำ" ผมบอกมันก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเอางานที่ทำค้างไว้มานั่งทำ พยายามไม่สนใจเสียงหมาเสียงเปรตที่ร้องโหยหวนอยู่ด้านนอก

งานของผมต้องใช้สมาธิอย่างสูงปีสามงานหนักมหาโหด เรียนห้าปีกว่าจะจบ เวลาใกล้จะส่งงานเรียกว่าเผางานกันตูดแทบไหม้ เมาบุหรี่เมากาแฟ กระทิงแดงกันไปกว่างานจะเสร็จ และที่ผมต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยบอกเลยหนักกว่าคนอื่นสองเท่าถ้าไม่ขยัน อนาคตไม่ต้องสงสัยได้หาคณะเรียนใหม่แน่ๆ ไอ้เทียนมันคงรู้ตัวมันเลยเลือกดร็อปก่อนจะไปทำเรื่องของมัน มันไม่บอกไอ้ธูปและห้ามพวกผมว่าห้ามปากมากไปบอกธูปไม่งั้นพวกผมจะซวย

แล้วใครจะกล้ากับมันล่ะครับ

จนป่านนี้ไอ้ธูปมันยังไม่รู้เลยว่าไอ้เทียนมันดร็อปเรียนไปแล้ว แต่ไอ้เทียนไปไหนอันนี้พวกผมก็ไม่รู้เหมือนกันมันบอกว่าจะไปทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่คืออะไร ยังไง พวกผมไม่รู้เพราะไอ้เทียนไม่เคยพูดไม่เคยบอกอะไรพวกผมอยู่แล้ว

มันเป็นคนไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวกับใคร แม้จะสนิทกันมาก มันก็จะไม่พูด นอกเสียจากว่ามันจะพูดจะบอกเอง คิดเอาเถอะครับว่าธูปเป็นพี่ชายมันแท้ๆยังไม่รู้เลยว่าไอ้เทียนมันไปไหน

"ทำม้ายไม่ร๊ากกับฉานนนนน" เสียงโหยหวนดังแว่วเข้ามา ผมหลับตาพยายามอย่างยิ่งที่จะสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้เดินออกไปกระถีบไอ้ขี้เมาด้านนอกเอาไว้ หยิบบุหรี่ที่วางไว้ตรงที่เขี่ยบุหรี่ หยิบขึ้นมาสูบเข้าปอดจนไฟสว่างวาบที่ปลายมวน ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมานอกห้อง

ซากอดีตมนุษย์ย้ำว่าอดีตมนุษย์ที่ตอนนี้เมาและกลายเป็นหมา และในเวลาไม่ช้ามันจะกลายเป็นหมาที่ดราม่าใส่ทุกสิ่งอย่างไม่เว้นแม้แต่ถุงขนมเลย์ มันก็สามารถดึงมาเศร้าได้

ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกระทิงแดงมาสองขวด กาแฟกระป๋องอีกสอง ไม่ลืมคว้าเอาขนมที่วางอยู่บนโต๊ะอีกสามสี่ถุง งานนี้ถ่างตาทำกันถึงเช้า

ผมเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งนั่งทำงานไปด้วยกระดกกระทิงแดงไปด้วยทำไปเพลินๆก็เริ่มรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างได้เดินเข้ามาภายในห้อง

ซากมนุษย์ขี้เมาเดินเข้ามาในห้องที่ผมทำงานอยู่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม คอพับคออ่อน นั่งเอนซ้ายทีขวาที ห้องก็ไม่ได้เอียงมึงจะเอนไปเอนมาทำไมว่ะกูปวดหัว

"อ้ายวินนนนนน"

ผมไม่ได้สนใจคนขี้เมาที่พยายามก่อกวนผมอยู่ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองไป มันก็เริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข หยิบโน้นจับนี่จนผมต้องตีมือมันแย่งเอาของในมือมันคืนมา

"วินนนนนนน" เสียงยานขนาดนี้ไปนอนเถอะกูเสียสละเตียงให้เลย

"เหี้ยวินนนนนนน" สรพพนามกูเปลี่ยนทันทีเมื่อไม่ได้ดั่งใจมึง

"ว่า" ผมถามมันออกไปเพราะถ้าขืนเงียบมีหวังมันป่วนจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ

"กูม้ายดีตรงหนายอ่า" ตรงที่มึงเมาเหมือนหมาไง

"กูจะรู้ไหม" ผมตอบมันกลับไปงั้นๆ ไม่ได้สนใจมันมากไปกว่างานตรงหน้าที่ต้องเร่งส่ง

"ทำม้ายธูปม้ายร๊ากกูว่ะ" คนไม่รักจะบังคับได้ยังไงว่ะ

"......"

"กูเจ็บตรงนี้อะ เวลาที่มันทำเมินไม่สนใจกูอ่ะ" มันยกมือทุบลงที่อกข้างซ้ายของมันดังอั๊กๆ ปากก็ร้องกระโกนว่าเจ็บอย่างนั้นเจ็บอย่างนี้ แต่มือก็ยังไม่หยุดทุบ

ช้ำในตายขึ้นมาซวยกูอีก

"มึงทุบขนาดนั้นก็ต้องเจ็บล่ะ" ผมเตือนสติมันเพื่อมันจะคิดได้ว่าทุบลงไปขนาดนั้นมันอาจจะช้ำในตาย

"กูอยากให้มันมองกูเหมือนที่กูมองมัน"

เทียนเองก็ไม่เคยมองกูแบบเดียวกับที่กูมองมันเหมือนกัน

"กูอยากให้มันยิ้มให้กูคนเดียว"

เทียนเป็นคนยิ้มยากแต่ถึงอย่างนั้นเทียนก็ยิ้มให้ทุกคนไม่เฉพาะแค่กู

"กูอยากให้ธูปรักกู ไม่ใช่รักแบบเพื่อน"

กูเองก็อยากให้เทียนรักกูบ้างมีกูอยู่ในหัวใจบ้าง

แค่นั้นเองที่กูต้องการ........

"เพราะมึงอ่ะทำให้ธูปเกลียดกู" ไอ้ขี้เมาชี้นิ้วสะเปะสะปะไปมาตรงหน้าผม

ถึงไม่มีกูเขาก็ไม่รักมึงอยู่ดีนั่นแหละ

"555 สุดท้ายมึงกับกูก็ไม่ต่างกัน แห้วแดกทั้งคู่"

ใช่เราสองคนไม่ต่างกันเลยสักนิด พี่น้องคู่นี้ใจร้าย ใจร้ายมากทำคนเกือบตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

แค่บอกไม่รักก็ทำเอาเจ็บเจียนตาย

ความคิดของผมหยุดลงทันทีเมื่อหัวทุยๆของไอ้ขี้เมาที่พูดมากอยู่เมื่อครู่หล่นตุบลงมาบนตักผม มันเอาหัวถูๆขาผมก่อนจะหันหน้าซบกับหน้าท้องผมก่อนจะนอนหลับไป ผมพยายามดันหัวมันแต่ไม่ออกเพราะมันยกมือขึ้นโอบรัดเอวผมเอาไว้จนแน่น

แน่นกว่าอนาคอนด้ารัดเหยื่อซะอีก

คืองานกูก็ต้องทำรึเปล่าวะแล้วมึงจะมานอนหนุนตักกูเพื่อ? ดันมากก็ไม่ได้ถ้ามันดิ้นไปโดนงานผมเข้าล่ะงานงอกของแท้เลยทีนี่ สุดท้ายในเมื่อดันมันไม่สำเร็จก็ปล่อยเลยตามเลย

แน่จริงมึงนอนหนุนตักกูให้ถึงเช้าเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๔ ไม่ต่างกัน ๒๐/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-08-2015 00:15:49
คู่นี้ใครรุกรับนะ....รึจะเป็นแค่เพื่อน หุหุ รอลุ้น
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๔ ไม่ต่างกัน ๒๐/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 24-08-2015 12:05:43
แลมีซัมติงรอดูยาวๆจร้าาา
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๕ เหนื่อยไหมหัวใจ ๒๔/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 24-08-2015 15:46:20
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๕ เหนื่อยไหมหัวใจ



-มาวิน-


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมต้องอยู่ร่วมห้องใช้ชีวิตใช้อากาศหายใจร่วมกับปรสิตที่เกาะติดไม่คิดจะย้ายสาระร่างไปไหนสักที ผมเลิกล้มความคิดที่จะไล่มันแล้วครับไม่ใช่ว่ามันจ่ายค่าเช่าห้อง หรือซื้อของกินของใช้ให้ผมหรอกนะครับ ของพวกนั้นผมมีปัญญาซื้อเองจ่ายเองได้ แต่ที่ผมไม่ไล่มันก็เพราะว่าผมไล่มันทีไรมันก็จะทำหน้ามึนๆใส่และวันรุ่งขึ้นมันก็จะหอบเอาเสื้อผ้าข้าวของของมันมาสุ่มที่ห้องผม(ยิ่งไล่มันยิ่งขนมา)และห้องผมก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายนักพอมีเสื้อผ้าข้าวของของมันมาเพิ่มมันก็ยิ่งเล็กและแคบเข้าไปอีก จะหาพื้นที่ว่างๆให้เดินแต่ละก้าวนี่แทบจะไม่มี ไม่ต้องพูดถึงตู้เสื้อผ้าของผมที่โดนมันยึดไปกว่าครึ่ง โต๊ะเครื่องแป้งที่มีแต่ครีมทาผิวและน้ำหอมของมันเยอะแยะจนผมยังงงว่ามันใช้หมดทุกอันรึเปล่า


"หิว" มาอีกแล้วคำนี้ มึงไม่คิดจะเดินไปหาอะไรใส่ปากใส่ท้องเองบ้างเลยรึไงวะ


ผมนั่งมึนทำงานของตัวเองไปโดยไม่สนใจเรียกหมาเห่าหมาหอน เพราะยังไงมันก็ตามมาหลอกหลอนผมอยู่ดี


"กูหิว" ไอ้แมนเมืองมันเดินมาสะกดผมพร้อมบอกความต้องการของมัน


เอาเวลาที่เดินมาบอกผมไปหาอะไรแดกเองง่ายกว่าไหม


ผมเงยหน้ามองมันก่อนจะหันกลับมาสนใจงานที่อยู่ตรงหน้าผมดั่งเดิม พอผมไม่สนใจมันไอ้แมนเมืองก็เริ่มหยิบยื่นความน่ารำคาญให้ผมทันที


"หิวๆๆๆๆๆๆๆ" มันย่อตัวนั่งยองๆลงข้างผมก่อนจะแหกปากใส่หูผมและพูดเสียงดัง


"เป็นเหี้ยไร" ผมหันไปแวดใส่มันทันทีด้วยความโมโห


"กูหิว" มันย้ำ


"แล้ว"


"ไปกินข้าวกัน" ไม่พูดเปล่ามันลุกขึ้นฉุดมือผมให้ลุกตามไปด้วย


ผมพยายามขืนตัวแต่ก็เท่านั้นแหละครับเพราะมันไม่สนใจหรอกว่าผมจะอยากไปหรือไม่เพราะถ้ามันต้องการให้ผมไปมันก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ความต้องการของมันเป็นผลโดยไม่ถามความสมัครใจของผมสักนิด


ถ้าเป็นธูปมันจะตามใจไม่กล้าขัดหรือถ้าขัด ธูปต้องได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นที่ผมรู้เพราะมันเมาแล้วเล่าให้ฟัง อธิบายง่ายๆคือถ้ามันอยากกินข้าวแต่ธูปอยากกินก๋วยเตี๋ยวมันก็จะจูงใจธูปด้วยการเอ่ยปากบอกว่ามันจะเลี้ยงและอาจจะแถมด้วยการพาไปดูหนังเรื่องที่ธูปกำลังอยากดู หรืออาจะเป็นอะไรอย่างอื่นก็แล้วแต่ว่ามันจะหามาเอาใจธูป ที่ผมพูดให้คุณฟังไม่ใช่ว่าผมอิจฉาหรืออะไรนะครับอย่างเข้าใจผิด แต่ผมจะบอกว่าผมเองก็เป็นเหมือนกันผมตามใจเทียนมันทุกอย่างตามใจมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ สำหรับผมเทียนคือที่หนึ่งไม่ว่ามันจะอยากได้อะไรอยากกินอะไรผมต้องพาไปต้องหามาให้มัน


ผมก็แค่จะบอกว่าเวลาคนเรารักใครสักคนนึงเราสามารถจะทำทุกอย่างได้เพื่อเขาคนนั้น แต่ในทางกลับกันถ้าเราไม่ได้รักไม่ได้รู้สึกพิเศษเราก็ไม่จำเป็นต้องทำตามใจผมพูดถูกไหม แต่ตอนนี้ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยวะ ชุดที่ผมใส่อยู่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนะ กางเกงบอลเสื้อยืดก็แค่ไปกินข้าวไม่ใช่หรอวะแล้วทำไมต้องเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องใหม่ด้วย ผมมองชุดที่อยู่ในมือไอ้แมนเมืองที่มันยื่นมาให้ผมตรงหน้าด้วยความสงสัย


"อะไร" ผมถาม


"สูทไง เปลี่ยนซะเดี๋ยวกูไปรอข้างนอก" มันพูดจบก็เอาสูทยัดใส่มือผมทันทีส่วนตัวมันก็หมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาเดินชิวๆออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมงงสงสัยว่าแค่ไปกินข้าวถึงกับต้องใส่สูทกันเลยหรอวะ
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมมองโรงแรมหรูตรงหน้าก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยความสงสัย คือวันนี้ผมสงสัยหลายๆอย่างและไม่มีทีท่าว่าจะได้รับคำตอบอะไรสักอย่างเพราะไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆกันนั้นมันทำเพียงแค่พยักหน้าและเตะข้อศอกผมเพื่อให้เดินตามมันเข้าไปในโรงแรมหรูนั้น


นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ก้าวเท้าเข้ามาในที่หรูหราแบบนี้ นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนชนชั้นสูงในสังคม นานแล้วนะที่ไม่มีใครให้เกียรติก้มหัวทำความเคารพเมื่อผมเดินผ่านและเปิดประตูให้เพื่อให้ผมก้าวเข้าสู่โลกแห่งการใส่หน้ากากเข้าหากัน


นานแล้วนะ........ตั้งแต่วันที่ครอบครัวของผมไม่ใช่ครอบครัว


"พามาที่นี่ทำไมวะ" ผมถามไอ้แมนเมืองแต่มันก็ทำแค่เพียงยกคิ้วทำหน้าส้นตีนใส่ผม


ไอ้แมนเมืองมันเดินนำหน้าผมเข้าไปในงานอะไรสักอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันไปมาให้วุ่นวาย แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปสาดใส่เซเลป ไฮโซ คนดังที่ยืนอวดเครื่องเพชร เครื่องประดับที่ขนกันมาเพื่อใส่อวดประชันกันว่าใครเหนือกว่ากัน เห็นแล้วน่าสมเพสสิ้นดี สุดท้ายก็แค่เปลือกนอกที่เราอยากให้คนอื่นเห็นว่าสวยหรู ภายในจิตใจเน่าเฟะขนาดไหนใครจะรู้


ผมถอนหายใจให้กับความน่าเบื่อหน่ายกับภาพที่เห็นก้าวเท้าเดินตามไอ้แมนเมืองไปอย่างเงียบๆพยายามไม่เงยหน้าสบตากับใครๆเพราะผมไม่ได้ตระเตรียมหน้ากากทางสัมคมมาด้วยเกรงว่าอาจจะทำเรื่องให้อีกฝ่ายขายหน้าได้ง่าย


"กว่าจะมานะลูกคนนี้" ผมเงยหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงตำหนิแบบไม่จริงจังนัก


คุณหญิงอุไรวรรณ พิสุทธิรักษณ์


ผมหันไปมองหน้าไอ้แมนเมืองด้วยความสงสัย มันยืนยิ้มตาหยีก่อนจะเดินเข้าไปโอบเอวคุณหญิงท่านและทำท่าทางออดอ้อน


"ก็มาแล้วไงครับแม่"


แม่เหรอ.....


"แม่ครับนี่มาวินเพื่อนผม"  ผมรีบยกมือไหว้คุณหญิงแม่ของไอ้แมนเมืองแทบไม่ทัน คุณหญิงท่านยิ้มหวานยกมือรับไหว้ผมก่อนจะที่ขมวดคิ้วเพ่งพินิจใบหน้าของผมอย่างไม่วางตา


"หนูวินลูกคุณอำภาใช่ไหมลูก" ผมแทบกลั้นหายใจที่คุณหญิงท่านพูดจบ จริงอยู่ที่สังคมชนชั้นสูงมันแคบใครต่อใครก็รู้จักกันหมด และอาจจะรู้ดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ


"ครับ" ผมตอบรับเพียงแค่นั้น


"น้าเสียใจด้วยนะคะเรื่องคุณแม่ของหนู" คุณหญิงแสดงท่าทีเศร้าเสียใจท่านลูบหลังผมอย่างต้องการปลอบประโลม


ผมยกมือไหว้ขอบคุณในความสงสารนั้น คุณหญิงกุมมือผมเอาไว้ท่านมองหน้าผมแววตาแสดงออกว่าท่านยินดีที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ ดีใจที่เจอผม


"น้าดีใจที่เจอหนู ดีใจจริงๆ" ท่านพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่เจ้าหน้าที่ในงานจะเชิญท่านไปถ่ายรูป ก่อนไปท่านยังยิ้มให้ผมและบอกผมว่าให้ทำตัวตามสบาย


มันไม่ใช่ที่ของผมจะให้ทำตัวตามสบายก็คงไม่ใช่


ผมตวัดสายตามองหน้าไอ้คนที่พาผมมา มันแค่เพียงยิ้มแหยะๆแล้วบอกกับผมว่ามันไม่มีเพื่อนมางานนี้ มันเองก็โดนแม่มันบังคับให้มาเหมือนกัน


แล้วทำไมต้องเป็นผมวะที่มากับมันอ่ะ


"เพื่อนกูไม่มีใครว่างถึงว่างมันก็ไม่มา ขนาดแม่ไอ้เหนือบังคับไอ้เหนือมันยังไม่มาเลย" มันพูดแค่นั้นแล้วเดินไปคว้าเอาแชมเปญมาสองแก้วก่อนจะส่งให้ผมแก้วนึง


"ธูปไงไม่ชวนมาอ่ะ" เพื่อนมันผมจำหน้าได้หมดแต่ลืมๆชื่อไปบ้างจำได้ก็แค่ธูปคนเดียว


"แฟนมันคงให้มากับกูอ่ะนะมึงก็พูดไป" เออจริง


"เลยซวยกู"


"หึ"


ผมกับไอ้แมนเมืองยืนเป็นหุ่นอยู่ในมุมอับเพราะไม่อยากแสดงตัวและไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายมากนักมันมางานนี้เพราะถูกบังคับและมันก็ลากผมมาด้วยเหตุเพราะมันไม่มีเพื่อน


"แล้วมึงรู้ไซส์เสื้อผ้ากูได้ไง" มันพอดีจนผมตกใจ


"ไม่ยากก็กูลองใส่เสื้อผ้ามึงแล้วกูก็เอาไปให้ร้านเค้าวัดตัวกะขนาดเอาแค่นั้น"


ผมสูงกว่ามันนิดหน่อยแต่ไหล่มันหนากว่าผม ตัวมันก็หนากว่าผม แล้วมันลองใส่เสื้อผ้าผมซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะวัดขนาดได้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถือว่าช่างเขาเก่งนะครับตัดออกมาพอดีเลย


"มึงเตรียมการมาอย่างดีเลยนะ" ผมกัดมันไปอีดอก


"ก็เป็นเดือนเพื่องานนี้"


ผมไม่พูดอะไรต่อเราสองคนยืนมึนๆอยู่ในงาน มีสาวๆแวะเวียนเข้ามาทำความรู้จักบ้างประปรายผมก็แค่ยิ้มไปตามมารยาท งานนี้เป็นงานเปิดตัวผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งกลับมาจากอังกฤษมารับตำแหน่งที่พ่อของเขาปูทางเอาไว้ให้ คนที่เกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่างมันก็ดีแบบนี้ล่ะครับแค่เดินตามเส้นทางที่พ่อแม่ขีดไว้ให้ คำว่าประสบความสำเร็จก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เปรียบกับคนที่พ่อแม่ไม่มีหลักฐานมั่นคงก็คงต้องดิ้นรนกันเอง


แล้วอย่างผมล่ะจัดอยู่ในประเภทไหน


ผมมองขึ้นไปบนเวทีเมื่อเสียงประกาศของพิธีกรบนเวทีพูดจบแสงไฟสาดส่องไปยังผู้ชายที่ใส่สูทสีดำราคาแพงยืนปรากฎกายเป็นจุดเด่นอยู่กลางเวที ผมละความสนใจเมื่อเจ้าของงานกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ผมตัดสินใจเดินออกมาจากงานตรงไปยังระเบียงด้านนอกยืนเงยหน้ามองฟ้าที่มีดาวประดับอยู่บนนั้น แม่คงจะอยู่บนดาวดวงไหนสักดวง แม่คงเฝ้ามองดูผมจากบนนั้น ผมได้แต่ยิ้มขื่นให้กับตัวเอง


"วิน" ผมตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงที่เรียกชื่อผม


"......"


"วินลูก" มือใหญ่ที่ไร้ความอบอุ่นสำหรับผมเอื้อมมาแตะที่ไหล่ผมด้วยอาการกล้าๆกลัวๆ


ผมเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือใหญ่นั้นก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายจ้องตาเขม็งให้รู้ไปเลยว่าผมไม่ยินดียินร้ายกับการที่ต้องมาเจอกับอีกฝ่าย


"พ่อคิดถึงลูกมากนะ" อีกฝ่ายพูดบอกพยายามจะเดินมาหาผม


"ผมไม่รู้จักคุณ" ผมพูดออกไปพร้อมกับเดินผ่านอีกฝ่ายเพื่อจะเดินกลับเข้าไปในงานไปบอกไอ้แมนเมืองว่าผมต้องการจะกลับหอแล้ว


"วิน" แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้ผมจากไปง่ายๆเขาเอื้อมมือมาจับข้อศอกผมเอาไว้


"......." 


"ฟังพ่อพูดก่อนได้ไหม"


"ฟังอะไร" ผมสะบัดแขนตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อยมือ "ฟังว่าคุณพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านทำให้แม่เสียใจ ตรอมใจและตายต่อหน้าผมอย่างนั้นหรอ"


"......"  อีกฝ่ายเงียบผมจึงพูดต่อ


"หรือจะให้ฟังว่าคุณเอาผู้หญิงคนนั้นออกงานเชิดหน้าชูตาในสังคมว่าเป็นเมียทั้งๆที่คนที่คุณควรจะให้เกียรติกลับนอนร้องไห้อยู่ที่บ้าน"



"......."


"จะให้ผมฟังคำโกหกอะไรของคุณอีก ผมฟัง ผมเห็นมาหมดแล้ว พอแล้วอย่ามายุ่งกับผมอีกเลย คุณมีครอบครัวของคุณ ผมมีชีวิตของผม อย่ายุ่งกับผมอีก!!"


ผมรู้ว่ามันบาปแต่ผมไม่อาจลืมเรื่องที่เขาทำกับแม่และผมได้ ผมเกลียดความไม่รู้จักพอผมเกลียดคนที่เห็นแก่ตัว


ผมเกลียด........


"วินกำลังเข้าใจพ่อผิดนะ" ผมเกลียดคำแก้ตัวของเขา


"เข้าใจผิด ตรงไหนที่ผมเข้าใจผิด"


"เรื่องพ่อกับแม่หน่ะมันไม่ใช่อย่างที่วินคิดนะ บางเรื่องมันก็ยากที่จะอธิบาย แต่ถ้าวินจะให้โอกาสพ่อได้พูด......."


"ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวของคุณ"


ผมหันหลังกลับเพื่อจะเดินเข้าไปในงานโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายพูดจบรึยัง แต่แล้วคำพูดของคนที่ผมทิ้งเอาไว้เบื้องหลังก็หยุดสองเท้าของผมเอาไว้ เพียงเพราะเขาพูดออกมาว่า


"พ่อกับแม่ เราไม่เคยรักกัน"


ผมหันควับกลับไปมองคนเห็นแก่ตัวที่ยืนอยู่ด้านหลัง อยากเดินเข้าไปทำให้อีกฝ่ายเจ็บเหมือนที่แม่ผมเจ็บ อยากทำให้อีกฝ่ายกระอักเลือด ทุกข์ใจ เหมือนที่แม่ผมต้องเคยเป็นเมื่อครั้งอดีต แต่เพราะคำว่าผู้ให้กำเนิดมันค้ำคอผม ทำให้ผมได้แต่คิดแต่ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย


"คุณมันเห็นแก่ตัว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง ถ้าคุณกับแม่ไม่ได้รักกันแล้วแต่งงานกันทำไม มีผมทำไม ให้ผมเกิดมาเพื่อรับรู้เรื่องแบบนี้ทำไม!!"


ผมเงยหน้ามองท้องฟ้ากระพริบตาเร็วๆเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา เพราะผมไม่อยากให้คนตรงหน้าเห็นว่าผมอ่อนแอ


"พ่อกับแม่แต่งกันเพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบมันเป็นเรื่องของธุรกิจ พ่อกับแม่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะตอนนั้นเรายังเด็กทั้งคู่"


"......."


"แม่ของลูกมีคนที่รักอยู่แล้ว พ่อเองก็มีเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าเราทั้งสองคนรักใคร"


"คุณหมายความว่ายังไง" ถ้าแม่ไม่ได้รักคนๆนี้แล้วแม่รักใคร แล้วทำไมแม่ต้องเสียใจที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน


"แม่ของลูกรักพี่ชายของพ่อ ก็ลุงของลูกนั้นแหละ แต่เพราะท่านเป็นคนเจ้าชู้ทำให้แม่ของลูกเสียใจหลายต่อหลายครั้ง"


"คุณโกหก" ผมเถียงออกไปเพราะรู้สึกค้านในคำพูดของอีกฝ่าย ลุงผมถึงท่านจะอายุสี่สิบปลายๆแต่ท่านเป็นผู้ชายที่ยังหล่อเหลา และมีเสน่ห์มาก ท่านยังครองตัวเป็นโสดแต่มีข่าวว่าเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อย ผมไม่เคยเห็นแม่และลุงจะมีความสัมพันธ์อย่างที่อีกฝ่ายว่ามาเลย


"พ่อจะโกหกให้ได้อะไรขึ้นมา พ่อยอมเสียทุกอย่างแต่พ่อจะไม่ยอมเสียลูกไปแน่นอน ลูกคือครอบครัวคือทุกอย่างของพ่อ"


"ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นครอบครัว เป็นทุกอย่างของคุณ"


"ถ้าพ่อบอกว่าเขาเป็นคนของลุง ลูกจะเชื่อพ่อไหม"  ผมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย


"หมายความยังไง"


"เขาเป็นคู่ควงของลุงแต่เพราะลุงของลูกกลัวว่าแม่ของลูกจะเสียใจจึงให้พ่อบอกใครต่อใครว่าเขาคือคนของพ่อ...."


"ลุงจะทำแบบนั้นทำไม"



"เพราะลุงของลูกรักแม่ของลูกแต่ก็รักชีวิตอิสระ"



ความรักจะไม่ทำให้เราเสียน้ำตา คนรักกันจะไม่ทำให้เราเสียใจ แต่ถ้าเรารักใครสักคนเราจะยอมอภัยให้เขาไม่ว่าเขาจะทำร้ายเราสักกี่ครั้ง เราก็พร้อมจะอภัยให้ เพราะเรารักเขา


คำพูดของแม่ลอยเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ถ้าทั้งหมดที่คนตรงหน้าผมพูดนั้นเป็นความจริง แม่ผมต้องทุกข์ทรมานเพราะคนรักมานานขนาดไหนต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักนานขนาดไหน ความรักที่ไม่อาจรักได้มันทรมานจนทำให้คนๆนึงต้องตรอมใจตาย แล้วถ้าเรื่องทั้งหมดที่ออกมาจากปากคนตรงหน้าผมนั้นเป็นความจริง ผมควรจะโกรธควรจะเกลียดใคร


ปู่ย่า ตายาย ลุง หรือคนตรงหน้าผม



"ถ้าเรื่องที่คุณพูดมาเป็นความจริง ผมถามสักคำได้ไหมว่าผมเป็นลูกใคร" ถ้าแม่รักลุง ถ้าคนตรงหน้าผมมีคนรักอยู่แล้ว แล้วใครเป็นพ่อของผมกันแน่


เมื่อคำถามออกจากปากของผมไปแล้วนั้นอีกฝ่ายก็ทำสีหน้าลำบากใจ เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยปากถามผม


"ลูกแน่ใจนะว่าอยากรู้" ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ มาถึงขั้นนี้แล้วอะไรมันจะเกิดผมคงต้องยอม


"ลูกเป็นลูกของพ่อ แต่พ่อกับแม่เราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน เราแค่ใช้วิทยาการทางการแพทย์ซึ่งลุงของลูกเป็นคนเสนอทางนี้"


"ทำไม"


"ลุงของลูกเป็นหมัน" คนตรงหน้าผมเว้นระยะลังเลว่าจะพูดต่อดีไหม  "และพ่อก็ไม่ได้ชอบผู้หญิง"


ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เรื่องบัดสีแบบนี้ทำไมต้องมาเกิดกับผมด้วย ผมไม่ได้เกิดมาจากความรัก แต่เกิดมาเพราะครอบครังต้องการทายาทอย่างนั้นหรอ


"แล้วคนรักของคุณเป็นใคร"


"น......."


"วิน" ผมหันไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย


"น้าพี" น้าพีหน้าตาตื่นเดินตรงมาหาผม


"ทำไมเรามางานนี้ได้ล่ะ"


"เพื่อนผมพามาอ่ะครับ แล้วน้ามากับเขาหรอ" น้าพีพยักหน้าตอบ


"แล้วทำไมมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะ" น้าพีถามพลางมองไปที่อีกคนที่ยืนอยู่เงียบๆมองเราสองคนอยู่


"ไม่มีอะไรหรอกครับ งั้นวินขอตัวก่อนนะน้าพี สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้น้าพีก่อนจะรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที


ผมก้มหน้าก้มตาเดินลงลิฟท์และรีบออกมาจากโรงแรมนั้นทันทีโดยไม่ได้บอกอะไรกับไอ้แมนเมือง ผมเดินไปเรื่อยเปื่อยเรื่องราวมากมายรุมเร้าอยู่ในหัวของผมแทบจะระเบิด ผมไม่รู้ว่าที่ได้ยินทั้งหมดนั้นมันคือเรื่องจริงหรือเปล่า และถ้ามันคือเรื่องจริงแล้วผมจะทำยังไงต่อไป ผมจะสามารถให้อภัยและกลับไปเป็นครอบครัวกับคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่ออีกครั้งได้ไหม และลุงของผมคนที่เป็นสาเหตุให้แม่ต้องตายผมจะมองหน้าเขาติดเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม ผมไม่รู้ ตอนนี้ผมเหนื่อยและไม่อยากรับรู้หรือคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว
.
.
.
.
.
.
"กูก็หามึงในงานจนทั่ว โดนแม่ด่าหาว่าทิ้งมึง แล้วนี้อะไรมานั่งแดกเหล้าสบายใจอยู่ในห้องเนี่ยนะ"


ผมไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาเสียงหมาเห่าหมาหอนของไอ้แมนเมืองที่มันบ่นตั้งแต่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้วเห็นผมนั่งซดเหล้าอยู่ ผมเครียดหาทางออกไม่ได้ผมก็กินเหล้าก็แค่นั้น ระหว่างทางกลับมาที่ห้องผมแวะเซเว่นซื้อเหล้า โซดา น้ำแข็ง ขนม มาด้วยเพราะคิดเอาไว้ว่าถ้าไม่เมาคงนอนไม่หลับดีนะที่วันนี้ไม่ได้ไปร้องเพลงที่ผับและพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียน ดังนั้นคืนนั้นผมจึงเมาได้เต็มที่


"เป็นอะไรวะ" ไอ้แมนเมืองถามผมหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มันนั่งลงข้างๆผมพร้อมกับเนียนๆรินเหล้า(ของผม)ใส่ในแก้วที่มันเตรียมมาเพื่อจะแดกเหล้าฟรี


"เปล่า"


"แดกเหล้ายังกะน้ำเสือกบอกเปล่ากูคงเชื่อ มึงเป็นอะไร แล้วหนีกลับมาก่อนทำไม"


"อย่าเซ้าซี้ได้ป่ะวะ น่ารำคาญ"


ไอ้แมนเมืองหุบปากลงทันทีที่ผมพูดจบ เราทั้งคู่นั่งกินเหล้ากันไปเงียบๆเมื่อเหล้าหมดก็ต่อด้วยเบียร์ที่ไอ้แมนเมืองมันซื้อมาตุนไว้ ตอนนี้สภาพของผมกับมันไม่ต่างกับหมา เมาจนคุมสติตัวเองไม่อยู่ ก็ดีครับจะได้ลืมเรื่องปวดหัวไปได้บ้าง


หลังจากเมากันได้ที่ผมก็เลื้อยขึ้นมาบนเตียงนาทีนี้น้ำท่าไม่อาบกันแล้วล่ะครับ แค่ลุกขึ้นยืนก็จะล้มแล้วให้ไปอาบน้ำคงตายคาห้องน้ำพอดี ผมคลานขึ้นเตียงได้ก็ขยับตัวไปนอนติดผนังห้องเว้นที่ไว้ให้อีกคนขึ้นมานอนข้างๆเหมือนทุกๆคืน


เรื่องราวในอดีตย้อนกลับมาในความทรงจำของผมทันที ไหนใครว่ากินเหล้าแล้วจะลืมไงวะทำไมมันยังจำได้อยู่อีก เรื่องที่พ่อพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน แม่เสียใจย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังเล็ก เรื่องที่คนๆนั้นเล่าให้ฟังทำไมผมยังจำได้ทำไมไม่ลืมสักที


"มึงร้องไห้" เสียงกระซิบถามดังข้างหูผมทำให้ผมต้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้ตัว


"เสือก"


"มึงทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าคนอื่นตั้งมากมายแล้วมึงต้องกลับมาร้องไห้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวมึงเหนื่อยไหมวิน"


เหนื่อยสิ เหนื่อยมากด้วยแต่จะให้ผมไปร้องตะโกนบอกใครต่อใครหรือไงว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง ต้องให้ผมทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นมาสมเพสเวทนาหรือไง ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย


ผมสะดุ้งตกใจเมื่อท่อนแขนของไอ้แมนเมืองพาดอยู่ที่เอวของผมมันขยับตัวมาใกล้จนหลังผมชิดกับอกของมัน ผมแทบกลั้นหายใจเมื่อลมหายใจของมันรินรดอยู่ใกล้ตัวผมมาก


"นอนเถอะมึงอย่าคิดมากเลย" มึงคิดว่ากูจะนอนหลับในอ้อมกอดของมึงรึไง


ผมพยายามดิ้นแต่มันกลับกระชัดอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมทำให้ผมไม่กล้าออกแรงดิ้น ผมนอนนิ่งอยู่แบบนั้นผมว่าผมคงเมาแล้วล่ะที่รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ความคิดผมผิดเพี้ยนไปแบบนี้


ผมหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งๆที่อยู่ในอ้อมกอดของคนที่ผมไม่คิดว่าจะมากอดกันและหลับไปพร้อมกันแบบนี้ มันเองอาจจะทำไปเพราะเมาเช่นกันกับผมหรือจะเพราะอะไรก็ช่างเถอะผมไม่อยากจะหาคำตอบให้มันวุ่นวาย


เอาเป็นว่าตอนนี้ผมขอพักเรื่องเครียดๆไว้ก่อนแล้วกัน


ฝันดีนะครับทุกคน





เรื่องของที่บ้านมาวินมันค่อนข้างจะซับซ้อน ที่พ่อมาวินยอมพูดออกมาทั้งหมดเพราะต้องการให้ลูกชายกลับบ้าน ไม่อยากให้ใช้ชีวิตข้างนอกคนเดียว
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๕ เหนื่อยไหมหัวใจ ๒๔/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 24-08-2015 20:34:17
ชีวิตมาวินเนี่ยมันช่างดราม่าซับซ้อนนะ
ชีวิตอาภัพเกิ๊นนน(แอบเช็ดน้ำตาแปป)
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๕ เหนื่อยไหมหัวใจ ๒๔/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 25-08-2015 10:46:20
วินน่าสงสารจัง
อยากจิเข้าไปกอดปลอบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๖ เปิดใจ ๒๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 26-08-2015 21:46:02
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๖ เปิดใจ


-มาวิน-

ผมนั่งเผชิญหน้ากับน้าพีและเจ้านายของน้าที่มีศักดิ์เป็นพ่อของผมแต่จะให้ผมเรียกเขาว่าพ่อตอนนี้ผมบอกเลยว่าผมยังไม่ชิน เพราะผมใช้ชีวิตที่ไร้คำว่าครอบครัวมานานจนผมลืมเลือนมันไปแล้ว และในวันนี้ที่ผมยอมมาเจอหน้าทั้งคู่เพราะหน้าพีบอกว่าเจ้านายของน้าอยากจะเคลียร์เรื่องทั้งหมดกับผม ไม่ว่าจะเรื่องของแม่ ผู้หญิงคนนั้น และเรื่องของลุง ซึ่งทุกเรื่องเจ้านายของน้าอยากจะให้มันจบในวันนี้ และผมเองก็อยากจะรู้ความจริง ความจริงที่ทำลายชีวิตผมมาเกือบทั้งชีวิต


"วินกินอะไรก่อนไหม" คำถามเป็นห่วงเป็นใยมาพร้อมกับสายตาที่ห่วงหาอาทร


"ไม่ครับ ผมไม่หิวพูดธุระของคุณมาเถอะ"


"วิน!!" น้าพีปรามผมเมื่อผมทำพฤติกรรมไม่ดีกับผู้ที่มีศักดิ์เป็นพ่อ


"ไม่เป็นไร"


เจ้านายน้าพียกมือขึ้นปราม ผมไม่สนใจกับภาพตรงหน้ามากนัก พูดให้ถูกคือผมยังไม่ชินกับอีกฝ่ายมากกว่าผมอยู่ด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กไม่มีคำว่าครอบครัวคอยโอบอุ้มเหมือนเด็กคนอื่นๆที่เวลาทำผิดหรือเสียใจก็จะมีพ่อแม่ ครอบครัวคอยกางปีกปกป้องและดูแล เมื่อทำดีทำชื่อเสียงให้ก็จะมีครอบครัวหรือพ่อแม่คอยยิ้มและมอบคำชมต่างๆนานา สิ่งเหล่านั้นผมไม่เคยได้รับเลยตั้งแต่แม่ของผมจากไป ผมจึงเป็นคนแบบนี้เป็นเหมือนคนที่เก็บงำทุกอย่างเอาไว้กับตัวเพราะผมไม่มีใครคอยให้คำปรึกษา นี่แหละชีวิตของผู้ชายที่ชื่อมาวิน


"ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมด" ผมเปิดประเด็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะพูดอะไรทำเพียงแค่นั่งจ้องหน้าผมเท่านั้น


เจ้านายน้าพีถอนหายใจ คงระอากับพฤติกรรมไร้การอบรมของผมล่ะมั้ง ช่างเถอะใครสน


"สั่งอาหารก่อนแล้วกัน" อีกฝ่ายไม่สนคำผม เขาทำเพียงเรียกบริกรมาสั่งอาหารราคาแพง เมื่อสั่งเสร็จทั้งคู่ก็นั่งเงียบทำเพียงจ้องหน้าผมเหมือนรอเวลา


เมื่อรู้ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถง้างปากคนทั้งคู่ได้ผมจึงได้แต่นั่งเงียบๆรอให้ทั้งคู่เปิดปากพูดออกมาเอง จนแล้วจนรอดเมื่ออาหารยกมาเสริ์ฟเต็มโต๊ะ ทั้งสองก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักที จนทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ในที


"ทานอาหารซะมาวิน" ไม่บ่อยนักที่น้าพีจะเรียกผมแบบนั้น คงเพราะผมแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปจนน้าพีต้องปราม


"ครับ" ผมจำต้องตอบรับคำและทานอาหารเริศรสตรงหน้า เพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็กดดันมากพอแล้ว


ผมชะงักมือที่กำลังจะตักเป็ดพะโล้ตรงหน้าเพราะว่าเจ้านายน้าพีเขาตักมันมาวางในจานผมก่อนแล้ว ผมเงยหน้ามองเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร ผมมันก็แค่เด็กไร้มารยาทที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน ก็นะแม่ที่เลี้ยงดูผมมาก็จากผมไปนาน ผมอยู่ตัวคนเดียวเลยไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี


"วิน" เสียงน้าพีเรียกผมอย่างอ่อนใจ


"ขอบคุณครับ" ผมจำต้องพพูดคำนั้นออกไปแม้ในใจยังค้านกันอยู่ก็เถอะ


"ทานเยอะๆนะ" เจ้านายน้าพีบอกกับผมพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่ผมไม่เคยชินสักที


"ครับ"


เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วผมจึงเริ่มเปิดประเด็นอีกครั้งคนทั้งคู่ทำได้เพียงนั่งเงียบสักพักก่อนที่เจ้านายน้าพีจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง


เจ้านายน้าพีเล่าว่ารู้จักกับแม่ตอนที่เรียนมหาลัยและสนิทกันเพราะต้องทำกิจกรรมร่วมกันไหนจะเรียนสาขาเดียวกันอีกจึงทำให้สนิทกันเร็ว เจ้านายน้าพีไปรับไปส่งแม่ผมสามารถเข้าออกบ้านของแม่ผมได้แทบจะตลอดเวลาเป็นคนโปรดของตากับยาย มีบางครั้งที่แม่ผมจะมาทานอาหารกับเจ้านายน้าพีที่บ้านและแน่นอนว่าปู่ย่าท่านชื่นชอบแม่ผมด้วยกิริยา วาจา ที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ยิ่งปู่ย่ารู้ว่าแม่เป็นลูกของใครท่านทั้งสองจึงจัดการทาบทามหมั้นหมายทั้งคู่ด้วยไม่รู้ว่าแม่ผมรักชอบอยู่กับลุงโดยที่เจ้านายน้าพีรู้เห็นเเป็นใจทุกอย่าง และเจ้านายน้าพีก็มีคนรักอยู่แล้ว


เมื่อทั้งคู่รู้ว่าจะต้องหมั้นหมายกันแม่ของผมก็ไม่ยอมท่านบอกความจริงว่าท่านมีคนรักอยู่แล้วและคนๆนั้นก็คือลุงของผมผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยเพียงเพราะลุงของผมท่านไม่เอาไหน เรียนไม่จบ บริหารงานในบริษัทก็ไม่รอด สุดท้ายผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เร่งรัดงานหมั้นให้เร็วขึ้น แม่ผมรับไม่ได้จึงจะหนีออกจากบ้านโดยมีเจ้านายน้าพีคอยช่วยเหลือทุกทาง ท่านหนีไปกับลุงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแบบที่ท่านเลือกเองแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดเมื่อตาให้ลูกน้องสืบหาจนรู้ที่อยู่ของท่านทั้งคู่


แม่ถูกจับหมั้นทันทีที่ถูกจับตัวกลับมาเจ้านายน้าพีไม่ยินยอมพยายามทุกอย่างเพื่อยกเลิกงานหมั้นถึงขนาดประกาศว่าตนที่คนรักอยู่แล้วและคนๆนั้นก็เป็นผู้ชาย แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายหาสนใจไม่พวกท่านแยกคนทั้งคู่ออกจากกันส่งตัวคนรักของเจ้านายน้าพีและลุงไปให้ไกลแสนไกลเจ้านายน้าพีและแม่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองตกลงจะแต่งงานกัน เพื่อข้อตกลงที่ผู้ใหญ่ยื่นให้ว่าจะส่งตัวคนรักของทั้งคู่กลับมา ทั้งคู่จึงคิดว่านี้คือทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้พบกับคนที่รักอีกครั้ง


เมื่อทั้งสองแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้วลุงและคนรักของเจ้านายน้าพีก็กลับมา ทั้งคู่ใช้ชีวิตตามปรกติพยายามเลี่ยงไม่เจอไม่พบหน้าและก็เป็นแม่ผมเองที่แอบหนีไปหาลุงอีกครั้งและใช้ชีวิตด้วยกันอย่างลับๆทั้งคู่พยายามทุกอย่างเพื่อมีลูกด้วยกันแต่แล้วหมอก็ตรวจพบว่าลุงผมเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้ลุงและแม่เสียใจมากเพราะลุงผมตอนที่ไปอยู่เมืองนอกลุงผมพยายามศึกษาธุรกิจทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อแม่ จนกลับมาเมืองไทยท่านก็กลับมาเรียนและศึกษาธุรกิจอย่างจริงจัง


และเนื่องด้วยแต่งงานกันมานานเจ้านายน้าพีและแม่ผมก็ไม่มีทายาทสืบสกุลสักที ปู่ย่า ตายาย ท่านจึงสงสัยว่าเจ้านายน้าพีและแม่นอนด้วยกันหรือไม่ ร้อนถึงทั้งสามคนจึงวางแผนทำทุกอย่างเพื่อให้มีลูกทั้งสามตกลงกันว่าจะทำเด็กหลอดแก้ว หรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อจะมีเด็กสักคน สุดท้ายก็สำเร็จแม่ท้องผมโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้านายน้าพีและแม่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันเลยแม้แต่ครั้งเดียว


ส่วนคนรักของเจ้านายน้าพีนั้นพอรู้ว่าแม่ผมท้องเขาก็หายไปไม่กลับมาอีกเลยจนกระทั่งผมอายุครบหนึ่งขวบเขาก็กลับมาแต่มาในฐานะน้าของผมไม่ใช่คนรักของใคร ฟังถึงตอนนี้ผมก็ต้องอึ้งกับเรื่องที่ได้รู้น้าพีกับเขารักกัน พวกเขารักกันและแม่ก็เป็นแม่สื่อแม่ชัก เจ้านายน้าพีชอบน้าพีตั้งแต่แรกเจอเมื่อครั้งมาบ้านของแม่ เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สนิทกับน้าพีโดยที่แม่รู้เห็นเป็นใจทุกอย่าง แต่เมื่อน้าพีรู้ว่าเขาจะแต่งงานกับแม่น้าพีเสียใจและต้องการจากไปเพราะตา ยาย บอกว่าน้าพีไม่คู่ควร สุดท้ายน้าพีก็กลับมาเมื่อผมอายุครบขวบปีเพราะแม่ของผมอยากให้น้าพีกลับมาไม่ใช่แค่ในฐานะน้าของผมแต่เป็นฐานะคนรักของเขา


น้าพีกลับมาโดยเข้าทำงานเป็นเลขาของเขา ปู่ย่า ตายาย ไม่มีใครกล้าคัดค้านด้วยเพราะแม่ผมเป็นคนร้องขอ ส่วนลุงหลังจากเรียนจบปริญญาตรีท่านก็ศึกษาต่อปริญญาโททางด้านบริหาร ท่านยังใช้ชีวิตกับแม่ผมอย่างลับๆในบ้านใหญ่คนที่รู้มีเพียงแม่นมของแม่ เจ้านายน้าพี น้าพี และเด็กรับใช้ในบ้านเท่านั้น และเมื่อเวลาผ่านไปลุงผมเป็นที่ยอมรับของปู่ย่า ท่านมอบหมายงานให้ลุงผมทำมากมายท่านต้องเดินทางไปในหลายๆที่นานวันกว่าจะกลับบ้านสักครั้งเริ่มเป็นที่สนใจในสังคมมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเสนอตัวและเข้าหามากมาย ลุงผมก็หลงระเริงกับสิ่งยั่วยวนตรงหน้าจนท่านลืมแม่ของผม


พวกท่านทะเลาะกันหนักเข้าลุงของผมก็ไม่กลับบ้าน กลับมาก็เริ่มทะเลาะกันรุนแรงเข้าลุงก็หายหน้าไปจนเจ้านายน้าพีต้องไปตามกลับบ้านบ่อยครั้งและจุดแตกหักก็เกิดขึ้นเมื่อลุงติดพันผู้หญิงคนนึงจนอยากจะแต่งงานกับเธอคนนั้นแต่เจ้านายน้าพีขอไว้โดยไม่อยากให้แม่ผมรู้เรื่อง เจ้านายน้าพีพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านตามความต้องการของลุงแต่ไม่ต้องการให้แม่ผมรู้ แม่ไม่พอใจด้วยคิดว่าเจ้านายน้าพีนอกใจน้าพีและหลอกลวงน้าพีจึงทะเลาะเยาะแว้งกันสุดท้ายหญิงสาวคนนั้นก็หลุดปากบอกออกไปว่าเป็นคนรักของลุง แม่ผมช็อคกับสิ่งที่ได้รู้จึงย้ายตัวเองไปอยู่เรือนหลังเล็กไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับใคร


และผมที่ยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไรที่ผู้ใหญ่ทำกันมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่า ตายาย ผมที่เป็นเด็กมองเห็นภาพตรงหน้าก็ตีความไปตามที่เห็น ไม่มีใครอยากให้เรื่องบัดสีนั้นมาแปดเปื้อนเด็กเล้กที่เป็นดั่งผ้าขาวในความคิดของผู้ใหญ่ ดังนั้นผมจึงมองเห็นและคิดไปเองสุดท้ายผมก็เกลียดคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของตนเอง เกลียดในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เกลียดสิ่งที่เห็นแต่ไม่ใช่สิ่งที่เป็น สุดท้ายคนที่โง่ที่สุดก็คือผม ผมที่ไม่รู้อะไรเลย


"วินพ่อขอโทษที่ไม่บอกความจริงกับลูก" ผมขยับหนีมือของอีกฝ่ายที่เอื้อมมาหมายจะจับตัวผม


"คุณพูดอยู่ฝ่ายเดียวจะพูดอะไรก็ได้" ผมยังหาเหตุผลมาค้านเพราะไม่อยากยอมรับว่าเรื่องนี้ผมผิดที่มองเขาผิดไป


คนทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจออกมา  "ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านกับพ่อนะแล้ววินจะเห็นความจริงทุกอย่างด้วยตาของวินเอง"


"ไม่!!" ผมปฏิเสธลั่นดีที่เราอยู่ในห้องอาหารส่วนตัวจึงไม่ตกเป็นเป้าสายตาใคร


"วินถ้าหลานไม่เปิดใจแล้วหลานจะรู้คำตอบที่หลานสงสัยไหม"


"น้าก็พูดได้นี่ ก็เขาเป็นคนรักของน้ายังไงน้าก็ต้องเข้าข้างเขาอยู่แล้ว"


"มาวิน!!"


"พี" น้าพีเงียบลงเมื่อถูกเจ้านายปราม รักกันยอมเชื่อฟังกันขนาดนี้ถ้าเขาขอให้โกหกเพื่อหลอกผมน้าพีคงยอมทำ


เจ้านายน้าพีหันหน้ามามองผมก่อนจะพูดออกมา "วินกลับไปถามลุงเองแล้วกันถ้าวินไม่เชื่อพ่อ"


เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเรียกบริกรมาเพื่อจ่ายเงินและทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องไปทิ้งผมให้จมอยู่กับความคิดของตนเอง
.
.
.
.
.
.
.
.
"ไปไหนมาวะ" ผมกลับมาถึงห้องก็เจอกับคำถามของผู้ที่(หน้าด้าน)อาศัยในห้องผม


"ไปธุระ" ผมตอบมันแค่นั้นก่อนจะถอดรองเท้าและเดินไปเข้าห้องน้ำล้างเท้าล้างหน้า


ผมกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงยกมือก่ายหน้าผากหลับตาลงคิดทบทวนเรื่องราวที่ได้ฟังมา ผมไม่รู้ว่าควรเชื่อตัวเองหรืออีกฝ่ายดี ผมไม่รู้ว่าทางออกของเรื่องนี้มันอยู่ที่ตรงไหน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อไป


ผมไม่รู้........


"มึงร้องไห้" ผมลืมตามองไอ้แมนเมืองก่อนที่มันจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ใบหน้าให้ผม


"......."



"มีอะไรรึเปล่าวะ มึงไปไหนมา"


"ไอ้แมนกูถามอะไรหน่อยได้ไหม" ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองหน้ามัน ส่วนมันก็คงงงๆกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของผม


"ถามอะไรวะ"


"ถ้าสิ่งที่มึงเห็นมันไม่ใช่อย่างที่มึงคิด และมึงเข้าใจผิดมานานจนมันฝังรากลึกในใจมึงไปแล้วมึงจะทำยังไงวะ"


ไอ้แมนเมืองทำหน้าหมางงใส่ผมทันทีมันยกมือขึ้นเกาหัวแบบมึนๆ  "มึงพูดเรื่องอะไรวะเนี่ยกูไม่เข้าใจ"


"กูว่าแล้วว่ากูปรึกษาอะไรมึงไม่ได้จริงๆ" ผมส่ายหน้าให้กับความโง่เง่าของไอ้แมนเมือง


มันทำหน้างงๆเหมือนไม่เข้าใจที่ผมพูดสักนิดผมว่าผมก็ไม่ได้ถามอะไรที่มันยากเลยนะแล้วทำไมมันไม่เข้าใจวะ


"มึงลองพูดที่มนุษย์ธรรมดาเขาพูดกันดิ" แล้วที่กูพูดไปเมื่อกี้ไม่ใช่แบบที่มนุษย์ธรรมดาเขาพูดกันรึไงวะ


ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามไม่โมโหอะไรกับควายตัวโตที่ไร้สมองตรงหน้า


"ตั้งใจฟังให้ดีๆกูจะไม่พูดซ้ำแล้วนะ" ไอ้แมนเมืองพยักหน้าตั้งอกตั้งใจรับฟังสิ่งที่ผมจะบอกอย่างตั้งใจ


"ถ้าสมมุติว่ามึงเห็นธูปอยู่กับแฟนมันที่เป็นผู้ชายแต่ความจริงแล้วไม่ใช่สิ่งที่มึงเห็นมึงจะทำยังไง"


"ก็ไม่ทำยังไงเพราะไม่ใช่เรื่องของกู" คำตอบแบบกำปั้นทุบดินมาก


"โว๊ะมึงแมร่ง" ผมทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ไอ้ควายตัวโตที่นั่งบื้ออยู๋ด้านหลัง กูไม่น่าถามความเห็นจากมึงเลย


ไอ้แมนเมืองขยับตัวบนเตียงสักพักก่อนมันจะพูดออกมา


"กูไม่รู้นะว่ามึงเจอเรื่องอะไรมาแต่กูอยากให้มึงใช้สติมากกว่าอารมณ์ และคำตอบที่มึงต้องการก็จะปรากฎออกมาเอง"


ผมหันหลังกลับไปมองไอ้แมนเมืองทันทีที่มันพูดจบ


"เปิดใจมองด้วยสติ" ผมย้ำคำมันอีกครั้ง


"ก็ประมาณนั้น" มันยักไหล่ทำท่าชิวๆใส่ผม


ผมหลุบตาลงต่ำก่อนจะคิดตามที่ไอ้แมนเมืองพูดถ้าผมยังอยากหาคำตอบให้กับตัวเองทำไมผมไม่ถามลุงล่ะ ถ้าคำตอบของลุงตรงตามที่คนๆนั้นพูดผมก็หมดข้อสงสัยในทุกเรื่อง


ผมหุนหันลุกขึ้นเดินไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู๋บนโต๊ะก่อนจะกดหาหมายเลขที่ผมไม่เคยคิดจะโทรจะติดต่อเลยตั้งแต่ออกจากบ้านหลังนั้นมา เพียงเพราะอคติที่คิดว่าเขาคือพี่ชายของคนที่ทำร้ายจิตใจแม่ผม


ผมรอสายอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงจากปลายสายกดรับก่อนที่ปลายสายจะพูดออกมาเสียงดุๆที่ผมไม่เคยชินสักที


"ฮัลโหล วิน"



"เอิ่ม สวัสดีครับลุงภัทร" ยังไงก็ไม่ชินกับเสียงนี้สักที


"ว่าไงตัวแสบไม่โทรหาลุงเลยนะหายหน้าหายตาไปเลย สบายดีไหม"


"สบายดีครับ แล้วลุงล่ะครับสบายดีไหม"


"ลุงสบายดีแล้ววินโทรหาลุงมีอะไรรึเปล่า" ลุงภัทรคงสงสัยที่อยู่ดีๆผมก็โทรหาหลังจากที่ไม่ติดต่อใครมานานหลายปี


ผมเริ่มถามในสิ่งที่สงสัยทันทีผมเล่าเรื่องที่ได้ยินมาวันนี้ให้ลุงฟังและปลายสายก็เงียบไปนานจนผมแปลกใจ ลุงไม่พูดและไม่ตอบอะไรออกมาจนผมคิดว่าสายอาจจะหลุดไปแต่แล้วเสียงถอนหายใจของลุงก็ทำให้ผมรู้ว่าลุงยังถือสายอยู่


"ลุงขอโทษ" คำพูดสั้นๆนั้นทำเอาสิ่งที่กดทับอยู่ในอกผมมันคลายออกไป น้ำตาผมรื้นขึ้นมาที่ขอบตาผมเงยหหน้ามองเพดานห้องมือไม้สั่นเหมือนทำอะไรไม่ถูก


"ลุงขอโทษที่ทำให้แม่เราเสียใจ ลุงขอโทษ"


"ทำไมลุงไม่บอกผม ทำไมฮึก ไม่มีใครบอกผม ทำไม!!" ผมตวาดลั่นห้องด้วยความสงสัย เสียใจ ทำไมทุกคนต้องทำร้ายผมด้วยการปิดบังวามจริงแล้วสุดท้ายก็มาบอกผมแค่ว่าขอโทษ ทำไมผมต้องเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องบ้าๆนี้ด้วย


"......."


"ลุงรู้ไหมว่าผมเสียใจแค่ไหน ฮึก ผมโทษเขาโทษคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ผมต้องเสียอะไรไปบ้างกับการกระทำของคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ใหญ่ ฮึก ผมร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ผมต้องอยู่กับมันมานานแค่ไหน"


"วินคิดว่าลุงไม่เสียใจหรอ คิดว่าพ่อ น้าเราเขาไม่เสียใจหรอ ทุกคนเสียใจกับเรื่องนี้ทั้งนั้น ถ้าจะมีคนผิดก็ผิดด้วยกันทั้งนั้น ลุงผิดที่ไม่รู้จักพอ พ่อเราก็ผิดที่ไม่อยากให้แม่เราเสียใจ ทุกคนผิดด้วยกันทั้งนั้นผิดที่รักโดยไม่สนใจผิดถูก ผิดที่รักโดยไม่มองความจริง"


"แล้วผมผิดอะไร" ผมผิดตรงไหนที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ผมผิดอะไรหรอ


ผมกำโทรศัพท์แน่นร้องไห้โดยไม่อายใครอีกคนที่อยู่ในห้องไอ้แมนเมืองมันลงมานั่งข้างๆผมก่อนจะจับเอาโทศัทพ์ในมือผมกดวางแล้วหลังจากนั้นมันก็โอบกอดผมเอาไว้ตัวผมสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ลุงยอมรับผิดยอมพูดเพราะลุงเองก็อยู่กับความรู้สึกผิดนั้นมานาน ลุงอยากไถ่โทษที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ น้าพีและคนรักอยากให้ผมกลับบ้านกลับไปใช้คำว่าครอบครัวที่ผมโหยหามานาน แต่ผมห่างหายจากคำนั้นมานานเกินกว่าจะกลับไปโดยไม่รู้สึกอะไร


"ไอ้แมน ฮืออออออ" ผมกอดตอบมันตอนนี้ผมต้องการหลักยึดผมไม่ไหวคิดอะไรไม่ออก


ไอ้แมนเมืองกอดปลอบผมอยู่นานจนผมเริ่มสงบลงสุดท้ายมันก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ผมไม่รู้จะเล่ายังไง มันเองก็ไม่เซ้าซี้ มันพูดแค่ว่าบางครั้งถ้าเราเปิดใจยอมรับอะไรสักอย่างด้วยหัวใจเราก็จะมีความสุขกับสิ่งนั้นๆ


แล้วถ้าผมเปิดใจรับพ่อเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้งผมจะมีความสุขอย่างที่ไอ้แมนเมืองพูดรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๖ เปิดใจ ๒๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 28-08-2015 00:56:26
ต้องลองนะวิน....เชื่อแมนสิ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๖ เปิดใจ ๒๖/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 28-08-2015 21:08:58
กว่าจะเข้าใจกันได้ปล่อยให้ยืดเยื้อกัน
มาตั้งนานเลยนะทุกคนต่างก็เห็นแก่ตัว
โดยที่ไม่สงสารเด็กเลย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๗ หวาน ๒๙/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 29-08-2015 19:19:39
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๗ หวาน


-พาย-


ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หาเรื่องมาทะเลาะกับธูปเพราะสาเหตุที่ผมพาธูปมาหัวหินก็เพราะผมอยากอยู่กันสองคนกับธูป ผมอยากให้ธูปคิดอยากให้ธูปมองผมต่างจากทุกๆครั้งที่ธูปเคยมอง


หว่านพืชเราก็หวังผลกันทั้งนั้นผมเองก็เช่นกัน


ผมหวังอยากให้บรรยากาศดีๆรอบๆตัวเราทำให้ธูปมองผมเปลี่ยนไปบ้าง ไม่ถึงกับต้องมองว่าผมเป็นคนรักเขาอย่างที่ผมมองเขาก็ได้แต่ผมก็อยากให้ธูปมองว่าผมมีความสำคัญกับธูปบ้าง ไม่ใช่คนที่ธูปวางไว้ในระดับความสัมพันธ์ที่ไม่สำคัญ พร้อมจะทิ้งเมื่อคิดว่าต้องทิ้งอยากจะสนใจก็แค่หันกลับมามอง ผมไม่ต้องการแบบนั้น


ที่ผมต้องการคือเป็นคนที่ธูปไม่มีวันทิ้งผมไปไหนได้และเห็นผมสำคัญที่สุดมองหาผมเป็นคนแรกเมื่อมีความสุขหรือทุกข์นึกถึงผมเป็นคนแรกเมือ่มีเรื่องดีๆอยากแบ่งปัน นั้นแหละสิ่งที่ผมหวัง แต่ผมจะทำได้ไหมก็อีกเรื่อง


คำว่ารักที่ผมมีให้ไปสิ่งที่ผมทำให้ธูปทุกอย่างมันอาจจะไม่มากพอในสายตาของใครแต่มันก็คือทั้งหมดที่ผมมี ผมไม่รู้ว่าผมรักคนๆนี้มากแค่ไหนแต่ผมรู้แค่ว่าผมจะรักเขาให้ดีที่สุด ไม่ใช่ชดเชยสิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีกับเขาแต่ที่ผมทำทั้งหมดนั้นผมทำเพราะผมรักเขา ความรักของคนเรามันต่างกันบางคนไม่แสดงออก บางคนป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าคิดอะไรกับอีกฝ่าย ส่วนตัวผมเองนั้นผมไม่รู้ว่าผมเป็นแบบไหนเพราะผมไม่เคยรักใครมาก่อน ผมอาจจะทำอะไรในบางคราวที่ไม่เหมือนคนรักกันทำแต่ผมก็พยายามเรียนรู้เพื่อให้ความรักครั้งนี้มันเป็นไปด้วยดี ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ครั้งนี้กับคนๆนี้ให้อยู่กับผมตราบนานเท่านาน


ผมนั่งอ่านประวัติครอบครัวธูปที่ลูกน้องส่งมาให้ หึหึแฟนผมถูกเลี้ยงดั่งไข่ในหินมีพี่ชายที่พ่อแม่รับมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กและไอ้เทียนน้องชายฝาแฝดคอยอารักขาดูแลไม่ห่างเมื่อขึ้นม.ปลายพี่ชายต่างสายเลือดก็ต้องไปช่วยกิจการร้านอาหารของที่บ้านที่เกาหลีใต้ธูปอยู่เมืองไทยกับน้องชายฝาแฝดแค่สองคน ไอ้เทียนไม่เคยให้ธูปทำอะไรสักอย่างคุณรู้ไหมว่าแฟนผมขับรถไม่เป็นขี่มอไซค์ยังไม่เคยเลย ครอบครัวธูปเป็นครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่ใจดีตามใจลูก แต่ถ้ารู้ว่าลูกมีแฟนเป็นผู้ชายจะยังตามใจและใจดีอยู่รึเปล่านะ


ผมอ่านประวัติครอบครัวธูปจนละเอียด อย่างน้อยรู้เขารู้เราจะได้ไม่พลาดคนที่ต้องห่วงไม่ใช่พ่อแม่ธูปแต่เป็นพี่ชายและน้องชายธูปตั้งหากที่ผมต้องผ่านด่านอรหันต์นั้นไปให้ได้แต่ละตัวโหดยิ่งกว่าหมาพิบลูเสียอีก


"ทำไรอ่ะ" เสียงหวานๆเอ่ยถามขึ้นข้างหูผม ตลอดวันมานี้ธูปพยายามชวนผมคุยพยายามง้อผม(ในแบบของเขาอะนะ)คงรู้ว่าผมโกรธแต่คงไม่รู้ว่าโกรธเรื่องอะไร


ธูปโน้มตัวลงมามองเอกสาวในมือผมทำให้ผมต้องรีบเก็บเอกสารลงในลิ้นชักก่อนจะผินหน้ากลับไปมองหน้าแฟนตัวเองที่ตอนนี้กำลังดูดไอศรีมอยู่ข้างๆผมเนี่ยแหละ


"ทำไรอ่ะ" ธูปถามอีกครั้งเมื่อไม่ได้คำตอบ


ผมไม่ตอบอะไรเอื้อมมือไปคว้าไอศรีมในมือธูปมากินต่อหน้าตาเฉย การกระทำของผมทำเอาธูปหน้าแดงลามไปถึงหู


"น ในตู้เย็นก็มีทำไมต้องมาแย่งด้วยอ่ะ กูเลียไปแล้วนะนั่น" ธูปยันตัวขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาหยิบรีโมทมาเปิดทีวีกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตนเอง


ผมลุกขึ้นเดินตามไปนั่งข้างๆก่อนจะยื่นไอศรีมในมือคืนให้แต่อีกคนทำหน้าเหยเกใส่ผม


"แหวะไม่เอาอ่ะมึงดูดไปแล้วมาให้กินต่ออ่ะนะ" ธูปใช้มือดันมือข้างที่ถือไอศรีมออกห่าง


"จูบกันยังจูบมาแล้วเลยทีไอติมทำเป็นรังเกียจ" ผมพูดจบอีกคนก็ถลึงตาใส่ผมทันที


"พูดอะไรวะ" บ่นอะไรงึมงำๆอยู่คนเดียวสักพัก  "แล้วเมื่อเช้าเป็นอะไรอ่ะ โกรธไรธูปหรอ"


"เปล่า" ผมเก๊กฟอร์มทำหน้าดุใส่เมื่อธูปพูดถึงเรื่องในห้องน้ำเมื่อเช้า


แฟนผมทำท่าคิดอยู่สักพักก่อนที่สมองจะประมวลผลออกมา ต้องเข้าใจนิดนึงว่าแฟนผมค่อนข้างจะแรมต่ำมาก


"เอออออออ" ลากเสียงยาวไปไหมครับแฟน  "พี่พายโกรธธูปหรอที่พูดว่าจะเลิกกันอ่ะ"


กว่าจะรู้ว่าผมโกรธเรื่องอะไรก็ปาเข้าไปครึ่งวัน =_=!!


ผมนั่งเงียบไม่พูดอะไรเพื่อจะดูปฎิกิริยาของแฟนผมว่าจะทำอย่างไรต่อไปถ้าผมไม่พูดกับเขา ธูปนั่งจ้องหน้าผมอยู่นานในหัวความคิดคงตีกันยุ่งไปหมดว่าจะทำยังไงให้ผมหายโกรธ ธูปค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ผมอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะยิ้มหวาน(ในสายตาของพี่พายอ่ะนะ)


"โกรธหรอ ธูปไม่ได้ตั้งใจอ่ะ อย่าโกรธธูปนะๆๆก็ธูปกลัวป๊าม๊าโกรธอ่ะเลยพูดไปแบบนั้น อย่าโกรธธูปน้าๆๆ"


จริงๆผมหายโกรธนานแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจธูปนะบ้านธูปไม่เหมือนบ้านผมที่ออกจะสมัยใหม่ลูกรักใครพ่อแม่ก็รักด้วยไม่ว่าคนรักของลูกจะเพศไหน แต่บ้านธูปอาจจะไม่เหมือนบ้านผมดังนั้นผมจึงมองว่าธูปอาจจะกลัวจนพูดอะไรออกกมาโดยไม่คิด


"งั้นพี่ขอถามอีกครั้ง ถ้าพ่อแม่ธูปให้เราเลิกกันจริงๆธูปจะเลิกกับพี่ไหม"


"ก ก็ไม่รู้ธูปไม่รู้อ่ะพี่พายจะถามทำไมเนี่ยเรื่องมันยังไม่เกิดเลยนะ พูดไปก็ทะเลาะกันอีกอ่ะ"


"แต่รู้ไว้นะว่าพี่ไม่เลิก" ผมพูดพร้อมกับดึงเด็กเอ๋อของผมขึ้นมานั่งบนตัก ธูปดิ้นไม่ยอมอยู่สักพักแต่เพราะสู้แรงผมไม่ได้สุดท้ายจึงนั่งก้มหน้าแดงๆนั่นเงียบๆ


"ถ้าป๊ากับม๊าไม่ยอมรับอ่ะจะทำไง" สีหน้าธูปดูวิตกกังวลมากกับเรื่องนี้ แต่ในเมื่อมันยังมาไม่ถึงจะเครียดไปก่อนทำไม


"เอาไว้ให้ถึงวันนั้นพี่จะจัดการเอง เชื่อใจพี่นะ" ผมยกมือลูบหน้าเด็กเอ๋อของผมเจ้าตัวกระพริบตาปริบๆทำหน้าเอ๋อใส่


ผมว่าถึงเวลาที่ผมควรจะเดินทางไปหาพ่อตาแม่ยายแล้วล่ะครับ
.
.
.
.
.
.
.
"อร่อย" ธูปตักไอศรีมกะทิในถ้วยกะลาให้ผมชิม คงลืมตัวไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่แฟนผมจะแสดงออกต่อหน้าผู้คนขนาดนี้หรอก


ผมก้มลงไปชิมไอศรีมในมือธูปก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยว่ามันอร่อยจริงๆ


"หวาน" ธูปทำหน้าฉงนก่อนจะตักไอศรีมชิมอีกครั้ง


"ไม่เห็นจะหวานเลย" 


ผมไม่ตอบอะไรแค่ยิ้มให้กับคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินไอศรีมผมกับธูปเรามาเดินเที่ยวกันที่ตลาดโต้รุ่งตลอดทางที่เดินแฟนผมก็ร้องหิวร้องกินโน่นนี่นั่นตลอด ธูปดูมีความสุขเขายิ้มหัวเราะและอาจจะลืมเลือนเรื่องที่คุยกับผมเมื่อเช้าไปแล้ว ก็ดีครับผมไม่อยากเห็นเขาเครียด


"พี่พาย" ธูปกวักมือเรียกผมเมื่อเห็นร้านขายรองเท้าเก่าๆร้านนึง


"ว่า"


"สวยอ่ะอยากได้" นี่ไม่ใช่คำร้องขอแต่คือคำสั่งว่า 'มึงต้องซื้อให้กูนะ' นั่นแหละครับความหมายขอคำว่า 'อยากได้'


ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับก็ได้แต่หยิบเงินในกระเป๋าแล้วควักมันออกมาจ่ายไว้กลับบ้านเมื่อไหร่จะเอาคืนให้คุ้มเลยคอยดู


"ขอบคุณนะ" แฟนผมยิ้มหวานให้ผมก่อนจะเดินนำผมเพื่อไปผลาญเงินในกระเป๋าผมยังร้านต่อไป แต่จะให้ผมพูดอะไรได้ล่ะครับก็ตั้งแต่เป็นแฟนกันผมก็เป็นสมาชิกเพจ #พ่อบ้านใจกล้า  นั้นแหละทำให้ผมเห็นสัจธรรมว่าไม่ควรมีปัญหากับมนุษย์เมีย(ตอนนี้ยังไม่ใช่แต่อนาคตมันเป็นแน่)


กว่าจะกลับมาถึงบ้านพักก็เล่นเอาขาผมแทบหมดแรงไหนใครว่าผู้หญิงช็อปเก่งไงวะทำไมมนุษย์แฟนของผมมันถึงได้ได้ช็อปล่ะกลับมาไร้อาการเหนื่อยล้า แถมมันยังกลับมานั่งชื่นชมของที่(ผมเสียเงิน)ซื้อมาอีก


"อันนี้น่ารักดี" ธูปบอกกอ่นจะชูพวงกุญแจทำมือให้ผมดูไม่แค่นั้นแฟนผมยังถือวิสาสะเดินมาหยิบกุญแจรถผมและจัดการเอาชาแนลผมออกและใส่ไอ้พวงกุญแจน่าตาปัญญาอ่อนอันเข้าไปแทนที


ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากยิ้มรับสภาพ (นี่กูเข้าชมรมกลัวเมียแล้วใช่ไหมเนี่ย)


"ไปอาบน้ำได้แล้ว"


"เดี๋ยวดูของก่อน" จะดูทำไมวะตอนซื้อมาไม่ได้ดูรึไง แค่คิดนะครับไม่กล้าพูดเดี๋ยวมันโกรธเอา


"ธูปไปอาบน้ำ" เงยหน้ามามองผมนิดนึงแล้วก็เดินกระถืบเท้าเข้าไปในห้องน้ำ มาแบบนี้งอนกูชัวร์


"เข้ามาทำไมออกไป"


"อาบด้วย" ผมเดินหน้ามึนๆเข้าไปหาธูปที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว


"พี่พายอย่าจับ"


"ทำไมไม่ล็อคประตูจะยั่วหรอ"


"เปล่าเถอะติดนิสัยจากที่บ้านอ่ะ พี่พายอย่างลูบดิวะ"


ผมไม่ฟังเสียงค้านลูบสะโพกมนนั่นอย่างได้ใจธูปบิดตัวหนีมือร้อนของผมอีกทั้งปากผมที่ระดมจูบไหล่จูบหลังของธูปอย่างย่ามใจ


"อืมมมม" เสียงครางหวานหูดังขึ้นเมื่อมือผมชักรูดแก่นกายของอีกฝ่าย ผมผลิกตัวธูปให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันก่อนจะบดจูบริมฝีปากแดงๆนั้น


ธูปยกมือขึ้นโอบกอดดรอบคอผมต่างฝ่ายต่างบดเบียดสะโพกเข้าหากันอย่างโหยหา อารมณ์เราทั้งคู่ดังพายุที่โหมกระหน่ำธูปเองก็คงมีความต้องการเมื่อผมเป็นคนชักนำ มือข้างนึงผมยังทำหน้าที่รูดรั้งแก่นกายคนรักส่วนอีกข้างลูบวนเนื้อนิ่มตรงสะโพก


ธูปผลักผมออกก่อนจะหอบหายใจอย่างหนักหน่วง "ไม่เอา" แฟนผมพูดแค่นั้นเมื่อผมสอดนิ้วเข้าไปในตัวูปแค่เพียงนิดเดียว


"ทำไมในเมื่อธูปก็ต้องการ" ผมถาม


"ก ก็ธูปยังไม่พร้อมอ่ะ" ไม่พร้อมตรงไหนครับแฟนตั้งเด่ชี้หน้าพี่อยู่เนี่ย


"แล้วไอ้ที่ตั้งๆอยู่เนี่ยแหละ" ผมชี้ธูปน้อยที่กำลังชี้หน้าผมอยู่


"เดี๋ยวธูปเอาลงเอา พี่พายออกไปเลยป่ะ"


"เดี๋ยวพี่ช่วย" ผมไม่ฟังเสียงร้องค้านของแฟนตัวเองจัดการล็อคตัวธูปไว้และช่วยส่งแฟนผมขึ้นสวรรค์ด้วยสองมือของผม เสียงธูปครางลั่นห้องน้ำทำเอาผมเสียวแทบตายจะอยากกระแทกตัวเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายแต่สุดท้ายก็ต้องห้ามใจเพราะกลัวจะผิดข้อตกลงที่เคยตกลงกันไว้


"อะ อ๊ะ อ่าาาาา"  ธูปเกรงหน้าท้องสองมือจิกบ่าผมแน่นก่อนจะปลดปล่อยออกมา ผมต้องโอบกอดร่างโปร่งนั้นไว้เพราะดูแฟนผมจะไร้เรี่ยวแรงเต็มที


"จุ๊บ ทำให้พี่บ้างนะครับ" ผมไม่พูดเปล่าจับมือธูปมาวางที่แก่นกานของตัวเอง


"ก ก็ทำเองดิ" แฟนผมชักมือหนีพร้อมหันหน้าหนีผมเข้ากำแพง


ผมเบียดร่างเข้าหาอีกฝ่ายคิดผิดแล้วครับแฟนที่หันหลังให้พี่สองมือของผมแหวกเนื้อเนียนแยกออกก่อนจะดันตัวผมบดเบียดปากทางเข้าสู่ทางสวรรค์นั้น ธูปดิ้นหนีอีกครั้งแต่เมื่อโดนผมจับล็อคไว้จึงส่งเสียงขอร้องหวานหูมายั่วกันอีกครั้ง


"พี่พายอ่ะไม่เอานะ ธูปกลัวนะๆๆ"


"แค่ข้างนอกนะครับพี่ขอนะ" ชั่วโมงนี้อะไรผมก็เอาล่ะครับ


ธูปเงียบไปพักนึงก่อนจะพยักหน้าตกลงผมก็ไม่รอเวลาจัดการปลุกอารมณ์แฟนผมขึ้นมาฟันดาบกันอีกรอบและเสร็จอีกรอบด้วยมือของกันและกัน อย่างน้อยผมกับธูปเราก็ก้าวข้ามกันมาอีกขั้นถึงจะไม่หวือหวาเหมือนคู่อื่นแต่คู่เราก็ค่อยเป็นค่อยไป ผมว่าแบบนี้มันก็ดีแล้วสำหรับผู้ชายสองคนที่ไม่เคยคบกับคนเพศด้วยกันมาก่อน
.
.
.
.
.
.
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมในห้องน้ำเมื่อคืนกว่าผมจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้าก็มีคนที่เราอยากจะกอดเขาแต่ทำไมได้นอนยั่วอยู่ข้างๆใครมันจะไปหลับลงวะ และตอนนี้แฟนผมก็วิ่งลั้นล้าไปเล่นน้ำทะเลแล้วล่ะครับธูปขาดเรียนสองวันแต่เราจะอยู่นี่กันสี่วันเดินทางกลับวันอาทิตย์ตอนเย็นๆผมแค่อยากสร้างความทรงจำที่ดีๆกับธูปเผื่อวันนึงที่เขาจะต้องเลือกเขาจะได้นึกถึงช่วงเวลาดีๆสำหรับเราสองคน


ผมยืนมองธูปที่กำลังถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆตัวก่อนจะหันกลับมาสนใจงานที่เลขาส่งมาให้ทางเมลล์หลังจากทำงานที่ค้างคาอยู่จนเสร็จก็เป็นเวลาเย็นย่ำผมไม่ได้ยินเสียงคนรัก จึงรู้ได้ทันทีว่าแฟนผมยังไม่เข้าบ้านผมจึงเดินออกไปหาเอง ถ่ายรูป เล่นน้ำนานสองนานป่วยไปจะฟาดให้คอยดู


ผมเดินไปในหัวก็คิดไปว่าจะจัดการกับแฟนตัวดื้อยังไงดีให้ผมได้เปรียบกับการลงโทษบทนี่ นึกถึงเรื่องในห้องน้ำเมือ่คืนแล้วอยากจะจับแฟนลากกลับบ้านและทุ่มลงเตียง พอเถอะพูดไปก็เหมอืนโรคจิตยังไงไม่รู้


ผมเดินมาถึงชายหาดสอดสายตามองหาก็ไม่เจอร่างโปร่งของคนรักจึงเดินออกจากบริเวณบ้านพักมุ่งหน้าไปทางชายหาดที่มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกัน แต่เดินไปไม่ถึงไหนผมก็เจอเข้ากับชายหญิงคู่นึงกำลังกอดกันผมจะไม่อะไรเลยถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนรักของผม



"ธูป!!"
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๗ หวาน ๒๙/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Thanthip ที่ 29-08-2015 21:44:07
เขาคือใครอะ ลุ้นมาก รอรอมีปริศนาที่ยังไม่คลี่คลายอีกเยอะเลย.  :ling1: :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๗ หวาน ๒๙/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2015 14:56:02
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๗ หวาน ๒๙/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 01-09-2015 15:33:00
เอ้าตอนจบนี่ขัดกับชื่อตอนเลย
พี่พายกำลังจะปรี้ดดดแตกกก
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๗ หวาน ๒๙/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: BoolinMini ที่ 01-09-2015 19:05:33
อย่าบอกนะว่าคนที่ธูปกอดคือแฟนเก่าที่หายไป

ส่วนมิลค์คือใคร??
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๗ หวาน ๒๙/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-09-2015 20:57:09
ธูปกอดใคร
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๗ หวาน ๒๙/๘/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 01-09-2015 23:46:24
Holy shit!!!!
เป็นเรื่องละไง....งานนี้พายระเบิดแน่
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๘ ถ่านไฟเก่า ๒/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 02-09-2015 15:01:43
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๘ ถ่านไฟเก่า


-ธูป-


ผมเบื่อที่ต้องนั่งๆนอนๆอยู่แต่ในบ้านเลยออกมาเดินเล่นริมชายหาดซึ่งไอ้พี่พายก็อนุญาตให้ออกมาได้แต่มันบอกให้อยู่ในบริเวณเขตรั้วบ้านเท่านั้นอย่าไปไหนไกลเพราะมันกลัวผมหลง ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลป่ะว่ะจะมาหลงแค่เดินออกจากบ้านพักอ่ะ


ผมเดินทอดน่องถ่ายรูปวิว ทะเล นักท่องเที่ยวไปเรื่อยจนเริ่มหิวน้ำจึงเดินเลาะชายหาดเพื่อไปหาซื้อน้ำดื่มดับกระหาย อย่าถามว่าทำไมไม่เข้าไปดื่มน้ำในบ้านก็เพราะผมกลัวว่าจะไม่ได้ออกมาอีกกลัวไอ้พี่พายมันไม่ยอมให้ออกมา


ผมซื้อน้ำมาขวดนึงและเดินหาของกินอื่นๆอีกตอนนี้อากาศไม่ร้อนมากและนักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะเท่าไหร่อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล ผมรูดลูกชิ้นที่เสียบไม้ลูกสุดท้ายเข้าปาก ตาก็มองดูอะไรไปเรื่อยผมว่าจะหาที่นั่งถ่ายรูปสวยๆไว้ลงIGอวดพวกเพื่อนๆหลังจากวางข้าวของข้างกายตอนที่หาที่นั่งเพื่อถ่ายรูปได้แล้วนั้นผมก็ยกกล้องขึ้นปรับเลนส์ให้เหมาะกับภาพที่จะถ่าย ลั่นชัตเตอร์รัวใส่ภาพทะเลท้องฟ้าร้านค้าและนักท่องเที่ยวตรงหน้า ผมก้มดูผลงานงานของตัวเองจากกล้องยกยิ้มพอใจกับฝีมือการถ่ายภาพ


"พี่ธูป"  ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่เรียกชื่อผม


"น้ำฝน!!" ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ น้ำฝนนั่งลงข้างๆผมเธอเธอส่งยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้งที่เราเจอกัน


"พี่ธูปมาทำอะไรที่นี่คะ" เธอถาม


"มาเที่ยวแล้วฝนล่ะมาทำอะไร" น้ำฝนหลบตาลงต่ำสีหน้าท่าทางของเธอไม่สู้ดีนัก


"หนูกลับมาอยู่บ้านค่ะ"


"ฝนไม่เรียนแล้วหรอ" ที่ผมถามเพราะน้ำฝนหายไปผมไม่สารถติดต่อเธอได้ถามเพื่อนถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน


"เรียนค่ะ รอเรียนใหม่ปีหน้าแต่หนูว่าจะไปเรียนที่เชียงใหม่"


"ทำไม" ผมถามเพราะสงสัยอยู่ดีๆฝนก็หายไปจากผมไปโดยไม่ลา ทิ้งให้ผมอยู่กับคำถามเดิมๆว่าทำไม ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นผมกับฝนก็เหมือนคนไม่รู้จักกัน และสุดท้ายเธอก็จากผมไป


น้ำฝนหันมองหน้าผมเธอเอื้อมมือมาบีบมือผมส่งรอยยิ้มบางๆกลับมาให้ ดวงตาคู่สวยระรื้นด้วยน้ำตาเธอเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะกลับมาสบตากับผมที่รอคำตอบจากเธอ


"เพราะเรื่องวันนั้นทำให้หนูไม่กล้าสู้หน้าพี่ พี่รู้ไหมว่าหนูกลัวหนูกลัวพี่จะมองหนูไม่เหมือนเดิม หนูกลัวพี่รังเกียจหนู ฮึก" ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาคู่สวยคู่นั้น


ผมไม่เคยรังเกียจ ไม่เคยโกรธเธอเลยเพียงแต่ผมแค่สงสัยว่าเธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร ทำกับผมได้อย่างไร


"พี่ไม่เคยโกรธฝนไม่เคยเกลียดฝน แต่พี่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมฝนถึงทิ้งพี่ไปมีคนอื่น"


"หนูไม่เคยมีคนอื่น" เธอสวนคำกลับมาโดยทันที


"แล้วทำไม......"


"เพราะหนูดันเป็นคนรักของพี่ไงหนูจึงโดนแบบนั้น"


น้ำฝนเล่าให้ผมฟังทั้งหมดทุกเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนที่ผมรักต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ภาพที่มีผู้หวังดีส่งมันมาให้ผมคือภาพน้ำฝนนอนเปลือยกกกอดอยู่กับผู้ชายสามคนผมเห็นครั้งแรกก็คิดว่าเป็นภาพตัดต่อแต่สุดท้ายมันก็มีคลิปส่งมาให้ผม มันไม่ใช่คลิปการร่วมเพศหรืออะไรเป็นแค่คลิปที่น้ำฝนนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วผู้ชายสามคนนั้นก็คุยโว้ว่ามีอะไรกับเธอ บอกว่าคนรักของผมลีลาเด็ดแค่ไหน


ผมไปหาน้ำฝนเพื่อจะขอคำอธิบายแต่น้ำฝนเอาแต่หลบหน้าผมและสุดท้ายเธอก็หายไป แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นเมื่อเธอบอกกับผมว่าคนที่ทำเรื่องทั้งหมดคือบี เพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจเพียงเพราะบีแอบชอบผมและอยากได้ผมมาเป็นคนรักของตัวเอง วิธีเดียวที่จะทำให้ผมกับน้ำฝนเลิกกันก็คือทำให้น้ำฝนดูแย่และทำให้ผมเข้าใจน้ำฝนผิดไป


น้ำฝนไปตรวจเลือดและตรวจภายในผลปรากฏว่าเธอไม่ได้ถูกล่วงละเมิด มันคือการจัดฉากที่ทำลายชีวิตเธอทั้งชีวิต น้ำฝนอับอายที่บีใช้คลิปนั้นมาต่อรองและขู่เธอทุกครั้งที่เธอยังไม่ยอมหายไปจากชีวิตผม สุดท้ายบีก็ขู่ว่าจะให้ผู้ชายสามคนนั้นข่มขื่นเธอจริงๆถ้าเธอยังอยู่กรุงเทพ น้ำฝนปรึกษาที่บ้านเธอรู้ตัวว่าไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เพราะมันเป็นลูกคนมีชื่อเสียง มีเงินที่สามารถเปลี่ยนผิดเป็นถูกได้


จนสุดท้ายเธอจึงลาออกจากมหาลัยเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ครั้นจะให้ไปแจ้งความน้ำฝนก็บอกเพียงแค่ว่าคนบางคนกฏหมายก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรได้ และเมื่อกฏหมายเอาผิดไม่ได้เธอเองนั่นแหละที่จะมีอันตรายถ้าพวกมันย้อนกลับมาเล่นงานเธอ ทุกวันนี้เธอต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเพราะกลัวว่าพวกมันจะตามหาเธอพบ เธอกลัวว่าจะตกเป็นเหยี่ออีกครั้ง


"ทำไมฝนไม่บอกพี่" ผมถามด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนั้นร้ายและน่ากลัวกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก เห็นหน้าสวยๆใสๆใครเลยจะรู้ว่าข้างในเน่าเฟะเหม็นหึ่งขนาดนี้


"หนูกลัว อีกอย่างหนูคิดว่าพี่คงรับไม่ได้"


"พี่ขอโทษ" ผมกอดปลอบเธอเอาไว้รู้สึกผิดในใจลึกๆที่เอาใจใส่เธอไม่มากพอ


"หนูก็ผิด ผิดที่หนีพี่มาผิดที่ไม่คุยกับพี่" น้ำฝนซบหน้าลงกับอกผมน้องตัวสั่น เสียงสะอื้นทำให้ผมยิ่งแค้นเป็นเท่าตัว


"แล้วตอนนี้ดีขึ้นรึยัง"


"ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ ฮึก พ่อกับแม่ก็คอยปลอบหนู ฮึกหนูคิดมาตลอดเลยนะคะว่าทำไมเราต้องเลิกกันทั้งๆที่เรารักกัน"


".........."


"หนูคิดว่าคงเพราะเราสองคนรักกันไม่มากพอ ฮึก หรืออาจจะไม่เคยรักกันเลยด้วยซ้ำ ตอนเกิดเรื่องหนูกลัวหนูเลยหนีพี่มา พี่เองก็ตามหาหนูแต่ก็พยายามไม่มากพอ เราไม่หันหน้าคุยกัน ฮึก ความหวาดกลัวทำให้สุดท้ายเราก็จากกันโดยที่หนูก็ไม่รู้ว่าจริงๆเรารักกันจริงรึเปล่า"


"พี่ขอโทษที่ทำให้ฝนเสียใจ แต่พี่บอกฝนได้เลยนะว่าที่ผ่านมาพี่รักฝนนะ"


"พี่ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดพี่ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผู้หญิงคนนั้น และหนูก็รักพี่นะ" น้ำฝนกำมือแน่นเมื่อพูดถึงใครอีกคน


"ช่างเขาเถอะยังไงพี่ก็ไม่รักไม่ชอบเขาอยู่ดี ต่อให้เขาทำอะไรมากมายขนาดไหนก็เถอะ"


"พี่ยังรู้จักผู้หญิงคนนี้น้อยไป ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะคะ"


เราพูดคุยกันไปเรื่อยส่วนมากจะเป็นฝนที่ถามโน้นถามนี้เธอถามผมว่ามีคนรักใหม่หรือยัง ผมก็ตอบไปไม่เต็มปากอาจเป็นเพราะว่าผมกับเธอเลิกกันโดยที่เราทั้งคู่ไม่เคยเอ่ยปากหยุดความสัมพันธ์แต่เราเลิกเพราะความเข้าใจผิดและห่างกันไป มันเลยทำให้ผมเกรงใจเธออยู่ลึกๆ


"แฟนพี่สวยไหมคะ" น้ำฝนถามด้วยความคาดหวัง


"ไม่อะ"


"งั้นคงน่ารัก"


"ก็ไม่อะ"


น้ำฝนทำหน้างงๆใส่ผมก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมา  "อย่าบอกนะว่าแฟนหล่ออ่ะ"


ผมพยักหน้าตอบรับส่วนน้ำฝนก็ตะลึงอ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว


"เปลี่ยนแนวก็ไม่บอก"


"ไม่รังกียจหรอ" ผมถาม


"ไม่รังเกียจแต่อิจฉามากกว่า" น้ำฝนยิ้มสดใสต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง


"ขอบใจนะที่ไม่โกรธพี่ และขอบคุณที่ครั้งนึงฝนเคยให้พี่ได้รัก"


"โอ๊ยอย่ามาดราม่าไม่เอาๆหนูจะร้องไห้" น้ำฝนเช็ดน้ำตาที่เปื้อนหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนและผมก็ลุกขึ้นยืนตาม


"กอดหน่อย" น้ำฝนกางแขนบอกผมด้วยรอยยิ้ม ผมเดินเข้าไปสวมกอดเธอช้าๆความรู้สึกที่ค้างคาใจมานานหลายปีวันนี้มันเหมือนยกภูเขาออกจากอกผมจนหมดสิ้น


เรากอดกันอยู่สักพักจนผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าใคร เสียงดุๆพร้อมแรงกระชากที่แขนทำให้ผมกับน้ำฝนผละออกจากกันทันที


"ธูป!!"



งานงอกไอ้ธูปอีกแล้วใช่ไหมครับ


"ทำอะไร" ไอ้พี่พายมันถามเสียงดุ ลมออกหู หน้าตามันตอนนี้สามารถฆ่าคนได้และคนที่จะโดนมันฆ่าก็กูนี่แหละ


"เอิ่ม นี่น้ำฝน น้ำฝนนี่พี่พาย" ผมทำอะไรไม่ถูกเลยแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน


น้ำฝนยกมือไหว้ไอ้พี่พายแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้ายักษ์ใส่น้องมัน น้ำฝนหันมายิ้มแหยๆให้ผม


"หึงรุนแรงจังอ่ะ หนูกลัว" ผมได้แต่ยิ้มรับโดยไม่พูดอะไรออกไปเพราะกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่


"กลับบ้าน" มันลากแขนผมให้เดินตามันไปโดยไม่สนใจน้ำฝนที่ยืนงงๆอยู่ด้านหลัง


"เดี๋ยวพี่พาย ธูปจะไปส่งน้อง" ผมบอกพร้อมกันพยายามขืนแรงไม่เดินตามมันที่ฉุดกระชากผม


ไอ้พี่พายมันหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม


"ทำไมต้องไปส่งมาเองได้ก็กลับเองได้ "  โอ๊ยพ่อคุณพ่อสุภาพบุรุษ พูดออกมาได้


"ธูปจะไปส่ง" ผมดื้อเพ่งไม่ยอมมันเหมือนกัน


ไอ้พี่พายถอนหายใจช้าๆมันเหลือบตามองน้ำฝนก่อนจะพูดขึ้นมา "ตามมาเดี๋ยวขับรถไปส่งให้"


ผมจึงพยักหน้าให้น้ำฝนเดินตามมาตอนแรกน้องมันไม่ยอมแต่เพราะไอ้พี่พายมันทำหน้ายักษ์ใส่ น้องมันกลัวจึงจำใจต้องเดินตามมาอย่างช่วยไม่ได้
.
.
.
.
.
.
"ขอบคุณค่ะพี่พาย ขอบคุณนะคะพี่ธูป ไว้หนูเอิ่ม โทรหานะ" น้องมันยกมือไหว้ผมสองคนก่อนจะกระซิบบอกผมเบาๆคงเพราะกลัวไอ้พี่พายมันว๊ากใส่ล่ะมั้งครับ


พี่พายออกรถเมื่อน้องมันเดินเข้าบ้านไปแล้ว ก่อนจะหันมาตีหน้ายักษ์ใส่ผมอีกครั้ง


"ใคร"


"แฟนเก่า"  ถามมาก็ตอบไปไม่มีอะไรต้องปิด  "เฮ้ย!!พี่พายขับช้าๆหน่อยได้ไหม"


รถมึงไม่มีเบรกรึไงวะ กูกลัวตายนะเว้ย


"หุบปากแล้วนั่งเงียบๆไปเลยนะถ้าไม่อยากเจ็บตัว" ทำตามสิครับใครจะกล้านาทีนี้ผมอยากหายไปจากตรงนี้ฉิบหายเลย กลัวแมร่งฆ่าผมแล้วเอาศพไปลอยทะเล


พอขับกลับมาถึงบ้านผมก็รีบลงจากรถด้วยขาสั่นๆเดินยังไม่ทันจะถึงตัวบ้านดีไอ้พี่พายมันก็มากระชากแขนผมให้ไปรับจูบอันดุเดือดของมัน มันจูบผมอยู่ตรงทางเข้าบ้านมือข้างนึงล็อคคอผมเอาไว้อีกข้างมันโอบกอดเอวผมไว้แน่น ผมเองก็ไม่กล้าดื้นเพราะรู้ตัวว่ามีความผิดอยู่จึงปล่อยให้มันจูบผมอยู่อย่างนั้น


มันผละจูบออกก่อนจะจ้องหน้าผมและเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตาดุๆคู่นั้น


"ยังรักมันอยู่รึเปล่า" ไอ้พี่พายถาม


ผมส่ายหน้าปฏิเสธทันที ผมดีใจที่เจอน้ำฝน ดีใจที่เราได้พูดคุยกันดีใจที่รู้ว่าน้องมันไม่ได้นอกใจผม แต่ผมเสียใจที่ปกป้องน้องมันไม่ได้ เสียใจที่เป็นต้นเหตุให้น้องมันเจอเรื่องแย่ๆ


"ธูปสงสารน้อง" ผมบอกอีกฝ่ายไปอย่างใจคิด


"สงสาร ความสงสารมันเป็นจุดเริ่มต้นของความรักนะธูป"


"ถ้าพี่พายรู้ว่าน้องมันเจออะไรมาพี่ก็จะสงสารน้องมันเหมือนธูปนั่นแหละ"


"แล้วน้องมันเจออะไรมา"


ผมเล่าทุกอย่างทุกเรื่องที่ผมรู้ให้พี่พายมันฟัง มันโกรธจัดเมื่อรู้ว่าน้ำฝนถูกกระทำอะไรมา มันบอกว่าถึงจะเป็นแฟนเก่าผมแต่เรื่องแบบนี้น้ำฝนไม่สมควรจะโดนกระทำไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ไอ้พี่พายมันบอกว่าตอนแรกมันก็หึง แต่พอมันสังเกตุผมกับน้ำฝนมันบอกว่าเราทั้งคู่ไม่หลงเหลือคำว่าคนรักกันเลย มันจึงวางใจไม่หึงไม่โวยวายอะไรมากนัก


มันโทรให้ลูกน้องหาสืบประวัติบีและหาตัวไอ้ผู้ชายสามคนนั้นมาให้มันเมื่อมันกลับไปถึงกรุงเทพ ส่วนน้องบีไอ้พี่พายบอกว่ามันจะจัดการด้วยวิธีของมันเอง แต่ผมขอไว้เพราะยังไงน้องมันก็เป็นผู้หญิง พี่พายมันยอมอ่อนลงให้แต่มันก็เตือนผมให้ระวังบีเอาไว้เพราะมันแน่ใจว่าบีต้องทำอะไรที่คาดไม่ถึงอีกแน่นอน


Rrrrrrrrrrrr



ผมมองโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้ามองพี่พายเหมือนขออนุญาต มันเองก็พยักหน้ายอมแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่


"ครับ"


"พี่พายทะเลาะกับแฟนรึเปล่าคะ"


"ไม่หรอก อย่าคิดมาก"


"แฟนพี่น่ากลัวอ่ะ หนูสยองเลยเขาเหมือนจะฆ่าหนูเลยอ่ะ"



ผมหัวเราะเมื่อน้องมันพูดถึงพี่พายว่าน่ากลัวอย่างนั้นอย่างนี้


"ฝนเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะพี่พายเขาจะจัดการให้" น้องมันเงียบไปเมื่อผมบอกเรื่องที่พี่พายมันจะจัดการไอ้สามตัวนั้นให้


"หนูกลัว"


"ไม่ต้องกลัว พี่พายเขาบอกว่าจะไม่ให้มันมายุ่งกับฝนได้อีก"


"ฝากขอบคุณพี่เขาด้วยนะคะ ขอบคุณจริงๆ"



ผมคุยกับน้องมันอีกนิดหน่อยไอ้พี่พายมันก็สั่งให้วาง มันเดินหน้านิ่งไปที่โต๊ะอาหารผมบอกลาน้ำฝนก่อนจะวางสายและเดินตามมันไป ผมนั่งลงตรงข้ามมัน บอกมันว่าน้องเขาฝากขอบคุณ


"กูไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น กูทำเพื่อมึง" โกรธแน่นอนกูมึงมาเต็มๆหน้าเลย


"ครับรู้ครับ"


"ซึ่งมึงควรจะตอบแทนกูด้วยที่ทำเพื่อมึงขนาดนี้"


นั่นไงกูว่าแล้วแมร่งมีข้อแลกเปลี่ยนตลอดอ่ะ ไม่เคยจะทำอะไรให้ฟรีๆหรอก
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๘ ถ่านไฟเก่า ๒/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-09-2015 09:58:37
โอ้ยยย ดีใจ อย่างน้อยอิพี่พายไม่หึงหน้ามืดเผลอทำร้ายคนอื่นไปด้วย 5555
ว่าแต่ ของตอบแทนคือไรเหรอ หุๆ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๘ ถ่านไฟเก่า ๒/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 03-09-2015 10:03:27
โอ้ยยยยยอิพี่พายนี่ในหัวคิดหื่นกะธูป
อยู่ใช่มั้ย555566คนอ่านก็คิดเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๘ ถ่านไฟเก่า ๒/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: BoolinMini ที่ 03-09-2015 15:34:13
ผู้หญิงร้ายๆ ต้องเจอผู้ชายโหดๆแบบพี่พายนี่แหละ มวยถูกคู่ หึหึ

ว่าแต่ มิลค์คือใคร ความรู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนี้แหละคือตัวปัญหา
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๙ อยู่ดีๆก็เกิดรู้สึกอิจฉา ๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 04-09-2015 22:05:10
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๒๙ อยู่ดีๆก็เกิดรู้สึกอิจฉา



-พาย-


มาทุกวันตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ยัยแฟนเก่าของธูปก็มานั่งแป้นแล้นอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของผมทุกวัน และที่กล้ามาเพราะแฟนผมนั่นแหละที่โทรไปเชิญชวนเขามาเอง ตอนแรกที่มาก็เกร็งทำท่าทางกลัวผมซะเหลือเกิน พอเริ่มคุ้นชินความกลัวหายไปความลั้นล้าเข้ามาแทนที่ ไม่ได้เกรงใจเจ้าของบ้านอย่างผมบ้างเลย


ไอ้ที่คุณๆคิดเอาไว้ว่าผมกับธูปจะมีซัมติงกันเมื่อตอนที่แล้วนั่นเลิกคิดไปได้เลยครับ เพราะนอกจากมันจะไม่ยอมผมแล้วยังขู่ผมอีกว่าห้ามทำถ้าผมทำมันจะงอน หมดกันแผนที่วางเอาไว้สุดท้ายผมก็อ้อนขอให้ธูปใช้มือช่วยผมแค่นั้นก็ฟินกันไปล่ะครับ แต่ตอนนี้เริ่มไม่ฟินเท่าไหร่ เพราะแฟนเก่าของธูปนี่แหละ จริงๆผมก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบอะไรหล่อนหรอกนะครับเพียงแต่ผมแค่คิดว่าคนๆนี้เคยเป็นคนที่ธูปรัก เคยได้กอดได้หอม ได้ทำอะไรๆที่ผมไม่เคยได้ทำผมก็รู้สึกว่าเหมือนจะอิจฉา ความรู้สึกมันเหมือนเด็กที่กำลังจะโดนแย่งของเล่น คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม


คงเพราะผมไม่เคยมีแฟนไม่เคยต้องวิ่งตามใครไม่เคยให้ความรักใครผมเลยไม่รู้ว่าความรักของคนเรามันสามารถเปลี่ยนจากคนรักเป็นพี่น้องได้หรือเปล่าเมื่อความสัมพันธ์แบบชู้สาวจบลง จะว่าผมไม่ไว้ใจธูปก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะอย่างน้อยทั้งคู่ก็อยู่ในสายตาของผมแต่ในใจผมมันยังรู้สึกไม่ดี ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร


"คริๆๆพี่ธูปก็พูดเกินไป" หัวเราะต่อกระซิกกันเข้าไป เอาให้ดังกว่านี้อีกสิ บ้านพักส่วนตัวไม่ต้องเกรงใจใครหรอก แหกปากไปเลยเต้มที่


"จริงๆนะฮ่าๆๆพี่นึกแล้วยังขำไม่หาย" หน้าระรื่นยิ้มปากกว้างขนาดนั้น มีความสุขมากไงวะ ทีกับกูแมร่งทำหน้าเหมือนจะตาย


"ฮ่าๆๆ/ฮ่าๆๆๆ" เต็มที่กันไปเลยไม่ต้องสนใจกูหรอกว่าจะมีใครคุยด้วยไหม แมร่งอารมณ์เสียทำไมแฟนกูเป็นคนแบบนี้วะ


บ่นไปก็เท่านั้นขนาดไปนั่งใกล้ๆยังเหมือนอากาศธาตุไม่มีคนสนใจสุดท้ายเลยระเห็จตัวเองมานั่งทำงานเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม แต่เอาจริงๆมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะหูยังได้ยินตายังมองเห็น ดีที่ยังมีสติไม่กระชากคนทั้งคู่ออกจากกันและเตะโด่งยัยแฟนเก่าของธูปกลับบ้านไป อยากทำอย่างนั้นใจจะขาดแต่ก็กลัวมนุษย์แฟนจะโกรธเอาได้ สุดท้ายก็ได้แต่นั่งง่อยๆเป็นหมาเหงาอยู่แบบนี้


"พี่พายเป็นอะไรอ่ะทำหน้าบูดเชียว" ธูปเดินมาหาผมพร้อมกับเอียงคอทำหน้าสงสัย เพิ่งนึกได้รึไงว่ามีตัวตน


"เปล่า" ผมว่าก่อนจะเช็คเมลล์ที่ลูกค้าส่งมาให้


"ธูปหิวข้าว ไปกินข้าวกัน" ผมควรจะดีใจไหมที่แฟนสนใจผมเพียงเพราะมันหิวข้าว


"อืม" ผมตอบไปแค่นั้นเพราะยังระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้เท่าที่ควร กลัวพูดมากไปจะกลายเป็นทะเลาะกันเปล่าๆ


"ง งั้นธูปไปรอหน้าบ้านนะ"


"รอนี่แหละจะเสร็จแล้ว" ผมจับมือธูปไว้เมื่อเพื่อให้เขาอยู่กับผม ธูปทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไร ยอมยืนรอผมเคลียร์งานซึ่งจริงๆผมอยากจะทำงานอีกสักสองสามชั่วโมงให้ยัยกุ้งแห้งแฟนเก่าธูปรอให้แดดเผาไหม้ไปเลยแต่ก็ห่วงกลัวธูปมันหิว สุดท้ายเลยจำใจต้องปิดคอมและพากันไปหาร้านนั่งทานอาหารกันสามคน


ว่าแต่ทำไมต้องสามคนด้วยวะ ผมไม่เข้าใจ


ผมขับรถจากกรุงเทพมาที่นี่เพื่อมาเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อทำให้ธูปกับผมรักกันมากขึ้นสนิทใจกันมากมากขึ้นแต่ทำไมต้องมียัยแฟนเก่าตามติดเป็นเงาตามตัวด้วยแบบนี้ด้วยวะ


"พี่พายโกรธอะไรหนูรึเปล่าคะ" ยังกล้าถาม


"เปล่า" ผมตอบก่อนจะตักกุ้งใส่ในจานให้ธูป ธูปหันมาขอบคุณผมและก็ตักปูใส่จานยัยกุ้งแห้ง เฮ้ย ทำไมไม่ตักใส่จานผมอ่ะ


"ขอบคุณค่ะ^^" ปูชิ้นนั้นมันต้องอยู่ในจานผมป่ะวะ ไม่ใช่ของยัยกุ้งแห้งแฟนเก่า


"อ่ะ" ธูปตักปูมาใส่ในจานผมพร้อมกันยิ้มกว้าง  "กินเยอะๆ" ผมตักปูในจานมากิน น้ำตาแทบไหลแฟนนึกถึงกู
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากมื้ออาหารเย็นอันน่าเบื่อจบลงผมก็ต้องขับรถไปส่งแฟนเก่าธูปที่บ้านเหมือนทุกครั้ง ตอนมาก็มาเองทำไมตอนกลับต้องให้ไปส่งด้วยวะ


"เป็นอะไรอ่ะ" ธูปเดินมาจับแขนผมไว้เมื่อผมเดินเข้าบ้านโดยไม่รอ


"เปล่า"


"พี่พายเป็นอะไรพูดดิวะ"


ผมหันกลับไปมองอีกฝ่าย อยากให้พูดได้ผมก็จะพูด


"พี่รู้สึกเหมือนอากาศเข้าใจไหม อากาศที่ไร้ตัวตนเวลาธูปอยู่กับแฟนเก่า คุยกันในเรื่องที่พี่ไม่รู้ เหมือนโลกนี้มีกันแค่สองคนพี่ไม่รู้จะแทรกตรงไหน ไม่รู้ว่าจะไปตรงไหน ธูปสนใจพี่บ้างไหม ไม่เลย แล้วทำไมตอนนี้เพิ่งสังเกตุเหรอว่าพี่มีตัวตน"


"ค คือ ธูปไม่ได้คิดแบบนั้นนะ"


"แล้วธูปคิดแบบไหน คิดว่าไม่ได้เจอกันเลยมีเรื่องคุยเยอะแยะอย่างนั้นเหรอ เหอะ"


"พี่พาย!! อย่ามาชวนทะเลาะได้ป่ะวะ ก็ธูปเห็นพี่ทำงานอยู่ธูปก็ไม่อยากกวนป่ะวะ แล้วอีกอย่างใช่ธูปไม่เจอน้องมันมานานแล้วน้องมันก็เจออะไรมาเยอะ ธูปก็แค่อยากคุยกับน้องมันธูปกับน้องมันไม่ได้มีอะไรมากกว่าคำว่าพี่น้อง พี่จะอะไรหนักหนาอ่ะ"


"เออ!!กูงี่เง่า กูหึงมึงกูผิดเอง สัสเอ๊ย" ผมเดินกระแทกไหล่ธูปเข้าบ้านอารมณ์ตอนนี้มันปะทุจนผมอยากจะระเบิดออกมา ไม่อย่างนั้นผมคงหงุดหงิดตาย


"พี่พายมึงมาคุยให้รู้เรื่องนะเว้ย" ธูปเดินมาดึงแขนผม


"ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมึงปล่อยกูเลยนะ"


"จะตีกูอีกเหรอ เอาสิตีเลยกูจะได้จำไว้ว่ามึงแมร่งไร้เหตุผล"


ผมไม่พูดอะไรมากจัดการอุ้มไอ้ตัวแสบพาดบ่าเดินขึ้นห้องทันทีธูปดิ้นทุบหลังผมดังอั๊กๆ แต่ผมไม่สนในเมื่อผมเตือนแล้วว่าให้ปล่อย มันดันไม่ปล่อยแล้วท้าทายผมดังนั้นผมก็ไม่มีทางปล่อยมันไปเหมือนกันถ้าเจ็บตัวขึ้นมาก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนแล้วกัน


ตุบ!!


"ไอ้พี่พายกูเจ็บนะ!!" ธูปขึ้นเสียงใส่ผมทันทีเมื่อผมทุ่มมันลงบนเตียง


"ถ้ายังไม่เลิกปากดีมึงเจ็บกว่านี้แน่" ผมพูดจบก็จัดการถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออก อยากเอาน้ำราดหัวให้มันเย็นดลงกว่านี้ ผมไม่อยากทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่เคยรับรู้เลย


"ม มึงจะทำอะไรอ่ะ ไหนมึงสัญญากกับกูแล้วนะว่าจะไม่ทำอะไรกูถ้า ก กูไม่ยอมอ่ะ"


"คิดอะไรอยู่ กูจะอาบน้ำ"


"ก ก็ไปอาบสิ ใครว่าอะไรล่ะ"


"ไปอาบด้วยกัน" ผมยื่นมืออกไปหาธูปรอดูท่าทางอีกฝ่ายว่าจะเอื้อมมือมาจับมือผมรึเปล่า


"เร็วๆ" ผมเร่งเหมือนธูปทำเหมือนลังเล "เห็นกันมาหมดแล้วจะอายอะไร" ธูปหน้าแดงไปถึงหูถลึงตาใส่ผมก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผม ปากนั่นก็บ่นขมุบขมิบไปเรื่อย



หล้งจากเข้ามาในห้องน้ำผมก็จัดการจับไอ้ตัวดีลอกคราบจนหมดแล้วก็มานั่งเบียดกันอยู่ในอ่างอาบน้ำ ธูปนั่งกอดเข่าหันหลังให้ผม


"ขอโทษ" เสียงอีกฝ่ายพูดขึ้นมาเบาๆ


"หืม"


ธูปหันหน้ามาหาผม "ขอโทษที่ไม่สนใจ อย่าทะเลาะกันได้ไหมธูปไม่ชอบเลย"


ผมยกมือลูบหน้าลูบตาธูปก่อนจะรั้้งอีกฝ่ายเข้าหามอบจูบที่อ่อนหวานให้ ผมสอดลิ้นเข้าไปในปากธูปกวาดชิมความหวานอย่างคนตะกละธูปเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี สอดลิ้นเกี่ยวพันกับลิ้นของผมเสียงจูบดังจ๊วบจ๊าบลั่งห้องน้ำ แต่ใครสนล่ะ


ผมจับธูปพลิกตัวมานั่งคร่อมบนตักผมโดยที่เราทั้งคู่ยังจูบกันอยู่ มือผมลูบวนไปทั่วร่างกายของอีกฝ่ายจับสำคัญชักนำพาอารมณ์ของธูปให้เตลิดไปไกลกว่าเดิม


"อื้ม" ธูปร้องครางเมื่อมือผมชักรูดแก่นกายของเขา "พี่พาย อ๊ะ อื้มมม"


เสียงครางฟังไม่ได้ศัพท์ร้องลั่นห้องน้ำ มือปัดป่ายไปมาเร้าอารมณ์ให้แตกกระเจิง


"ไปที่เตียงกันไหม" ผมถามเมื่อรู้สึกว่าต้องการมากกว่านี้


"อืม" ธูปพยักหน้าตอบรับ อารมณ์คงพุ่งสูงจนไม่รู้ว่าพูดอะไรออกมา แต่ก็ดีถือว่าผมไม่ได้บังคับแต่แฟนสมยอมเอง


หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จผมจัดการอุ้มธูปมายังเตียงนอนไม่รอช้าขึ้นคร่อมร่างธูปเอาไว้ทั้งตัวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ เราจูบกันเสียงดังจ๊วบจ๊าบน้ำลายไหลลงมุมปากแต่กลับไม่มีใครสนใจ ผมลูบมือวนอยู่แถวสะโพกมนของธูปผละจูบออกเพื่อให้อีกฝ่ายได้หายใจ เลื่อนตัวต่ำลงเพื่อดูดชิมยอดอกทั้งสองฝ่าย ธูปดิ้นพร้อมกับแอ่นตัวสู้ลิ้นของผมที่ชิมเนื้อผิวกายของธูปทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ซิดขาอ่อนด่านใน


ผมลุกขึ้นไปหยิบเจล่อนจะเดินกลับมาที่เตียงที่ธูปนอนหลับตาพริ้มเหมือนคนกำลังล่องลอยอยู๋ในฝัน ผมจับขาแฟนตัวเองอ้างออกป้ายเจลลงบนช่องทางคับแคบนั้นธูปสะดุ้งลืมตาโพล่งและถดตัวหนีผม


"พี่พายทำอะไรวะ" พอได้สติก็ตั้งคำถามกับผมทันที


"ทำรัก" ผมตอบก่อนจะจับขาธูปลากกลับมาใหล้ๆผมเช่นเดิม เจ้าตัวดีก็ร้องลั่นแต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมไม่ปล่อยธูปไปแล้วล่ะครับ


"ไม่เอากูกลัว"


"ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บหรอก" ปากพูดปลอบมือผมก็จัดการสอดใส่เข้าไปในช่องทางนั้นทีละนิ้วๆธูปดิ้นอยู่พักนึงก่อนจะร้องครางออกมา


"อ๊าาาาา" ธูปบิดตัวเกร็งหันหน้าซบกับหมอนร้องครางไม่หยุดเมื่อนิ้วที่สองและสามของผมสอดใส่เข้ามาในตัวของเขา


"อะ พี่พาย อ๊าาาาา ด เดี๋ยว" ผมเร่งจังหวะเมื่อรู้จุดว่าตรงไหนที่ทำให้ธูปครางเสียงหวานหูให้กับผมได้ก็ไม่รอช้าสอดนิ้วกระแทกไปตรงจุดนั้นถี่ๆ


ธูปกางขาออกแอ่นตัวบิดเร้าร้องครางฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อผมปรนเปรอเขาอย่างถึงใจ นิ้วมือสอดใส่ปากก็ทำหน้าที่ดูดเม้มสร้างรอยรักสีสวยไว้เพื่อให้ระลึกถึงว่าธูปเป็นของผม ของผมคนเดียว


"พ พี่พายธูปไม่ไหวแล้ว" เหมือนคำอนุญาตเมื่อได้ยินอย่างนั้น ผมถอนนิ้วออกจากช่องทางคับแน่นนั้นก่อนจะรูดรั้งแก่นกายของตัวเองช้าๆจับขาธูปวางพาดกับต้นขาผมค่อยๆสอดใส่ตัวตนของผมเข้าไปในตัวของธูป


"อืมมม" มันคับแน่นเกินกว่าจะบรรยาได้ ผมอยากรุนแรงเมื่อทุกครั้งที่มีเซ็กส์กับคนอื่นแต่เพราะธูปไม่ใช่คนอื่นและสิ่งที่เราทำมันไม่ใช่เซ็กส์มันคือการร่วมรัก ดังนั้นผมจึงต้องไม่เห็นแก่ตัวกับอีกฝ่าย


"เจ็บ" ธูปยกมือดันหน้าท้องผมทันทีเมือ่ผมสอดใส่เข้าไปได้ครึ่งลำ


ผมหยุดก่อนจะกอดจูบธูปเพื่อให้คงายความเจ็บและความกลัว


"ธูปอย่าเกร็ง พี่จะค่อยๆทำ" ธูปพยักหน้ารับผมจึงค่อยๆดันตัวเองเข้าไปในตัวธูปอีกครั้งจนสุด


"อ๊าาาา จ เจ็บ" ธูปรัวหมัดทั้งทุบทั้งตีผมเพื่อระบายความเจ็บที่มี ผมก็ไม่ว่าอะไรปล่อยเขาทุบไปเพราะอย่างน้อยธูปจะได้คลายความเจ็บลงได้บ้าง


"อย่าเพิ่งขยับนะ เจ็บ" ธูปร้องห้ามผมลั่นห้องเมื่อผมเริ่มขยับสะโพก ได้ยินดังนั้นผมจึงหยุดรอให้ธูปคุ้นชินเสียก่อน


"ไหวไหม" ผมถามด้วยความเป็นห่วง


"พี่คิดว่าขนาดมันต่างกันขนาดเนี่ยธูปจะไหวไหมล่ะ" กวนตีนขนาดนี้คงหายเจ็บแล้วล่ะมั้ง


ผมไม่ต่อความยาวสาวความยืดสองมือจับสะโพกธูปไว้มั่นก่อนจะค่อยๆขยับสะโพกตัวเองช้าๆธูปเองก็ยกมือดันหน้าท้องผมเอาไว้แต่ไม่นานก็ยกมือขึ้นคล้องคอผม ส่งเสีนงครางหวานหูให้ได้ยิน ผมค่อยๆเพิ่มแรงขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆเสียงเตียงกระทบผนังดังก้องในห้อง เหงื่อกาฬของเราทั้งคู่ไหลท่วมกายทั้งๆที่เปิดแอร์จนเย็นช่ำ เสียงจูบเสียงครางเสียงเนื้อกระทบกันดังสลับคละเคล้ากันไปทั้งคืน


"พอแล้ว" ธูปร้องบอกขยับตัวนอนหันหลังให้ผมเมื่อผมเริ่มกอดหอมอีกฝ่ายอย่างหลงใหล


"อีกครั้งนะธูปนะๆๆๆ"


"ไม่ เอ๊ะพี่พายบอกว่าไม่ก็ไม่ดิวะ จะนอนแล้วพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้วนะ นี่ก็จะเช้าแล้ว ทำไปหลายครั้งแล้วนะ พอนอน!!"


เมียถลึงตาใส่แทบทำหน้าโหดขนาดนั้นใครจะกล้าล่ะครับ สุดท้ายผมก็ได้แต่ใช้มือลูบๆคลำๆอีกฝ่ายจนหลับไปด้วยกัน


บางทีเมียก็ไม่เข้าใจนะว่าความต้องการของผมมันมากขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๙ อยู่ดีๆก็เกิดรู้สึกอิจฉา ๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-09-2015 15:29:47
เมีย....
แหมมมม เรียกเต็มปากเต็มคำเลยนะอิพี่พาย 5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๙ อยู่ดีๆก็เกิดรู้สึกอิจฉา ๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 05-09-2015 20:49:33
พี่พายต้องเข้าใจนะคำสั่งมนุษย์เมียคือที่สุด
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๙ อยู่ดีๆก็เกิดรู้สึกอิจฉา ๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-09-2015 22:34:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๒๙ อยู่ดีๆก็เกิดรู้สึกอิจฉา ๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 07-09-2015 00:14:39
 :pig4: พีพายเยอะไปป่ะ สงสารธูปมั่ง
หัวข้อ: Re:ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๓๐ การกลับมา ๗/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 07-09-2015 17:45:08
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่๓๐ การกลับมา


-ธูป-

ผมตื่นนอนตอนเกือบจะบ่ายๆแล้วความรู้สึกแรกที่ผมรู้สึกเมื่อตื่นนอนขึ้นมาคือปวดร้าวไปทั้งตัว เจ็บจนน้ำตาเล็ดอยากจะยกขาถีบไอ้ตัวต้นเรื่องแต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะมีแรงหายใจได้ก็ถือว่าผมเก่งมากแล้วนะ ผมนอนลืมตาอยู่อย่างนั้นคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมยอมให้มันกอดได้ยังไงยอมเพราะรักหรือเพราะอารมณ์มันพาไปตอนนี้เอาจริงๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกไหนกันแน่ แต่ที่รู้ๆมันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าที่คิดสักเท่าไหร่หรอกนะครับ


ตอนนี้ผมกับพี่พายเราก็ถือว่าเป็นคนๆเดียวกันแล้วถึงไม่อยากจะพูดมันออกมาสักเท่าไหร่แต่มันก็เรื่องจริงอ่ะนะก็เล่นรวมร่างกันไปขนาดนั้นทั้งคืน แต่ทำไมในใจผมมันกลับรู้สึกหวิวๆแปลกๆอาจเพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรของพี่พายมากนัก เพื่อน สังคมที่มันอยู่ ผู้คนรอบตัวมัน อีกใจนึงผมก็อยากรู้ทุกเรื่องราวอีกใจก็ไม่อยากรับรู้เพราะกลัวจะรับไม่ไหว มันบอกว่ารักผม(ตอนมีอะไรกันมันพูดบ่อยมาก)แต่ทำไมผมกลับกลัว


ผมกลัวอะไร


ผมนอนลืมตานิ่งๆอยู่บนเตียงนึกคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนคนที่นอนข้างกันขยับตัวพร้อมวาดแขนโอบกอดตัวผมไว้ทั้งตัว


"ตื่นแล้วเหรอ" พี่พายถามพร้อมกับหอมแก้มผมฟอดใหญ่ โอเครยอมรับว่าไม่ชินอย่างแรงแต่ไม่อย่างสะดิ้งมากเพราะผ่านเรื่องเมื่อคืนมาแล้วสะดิ้งไปก็เท่านั้น


"อืม"


"เป็นอะไร" ยังมีหน้ามาถามอีกนะ


"ปวดตูด" เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังขึ้นเมื่อผมพูดจบ  "ไม่ขำว่ะ" ผมมองค้อนมันด้วยความโมโห


มันจะรู้ไหมว่าฝ่ายรับต้องเจอกับอะไรบ้างต้องเสียสละมากแค่ไหน เจ็บแค่ไหนฝ่ายรุกแมร่งไม่รู้หรอก


หลังจากนอนทำใจอยู่นานสุดท้ายไอ้พี่พายจะต้องอุ้มผมไปอาบน้ำฟังไม่ผิดหรอกครับไอ้พี่พายมันอุ้มผมไปอาบน้ำจริงๆ มันจะขอค่าเหนื่อยแต่เพราะผมด่าไปสุดท้ายมันก็ต้องยอมอาบน้ำเฉยๆมีลูบไล้ตัวผมบ้างบางครั้งบางคราว


หลังจากอาบน้ำทานอาหารเสร็จแล้วเราทั้งสองก็เก็บของพร้อมเดินทางกลับกรุงเทพฯไม่ลืมที่จะแวะไปลาน้ำฝนที่บ้าน พี่พายทำหน้าตาไม่พอใจแต่ก็เท่านั้นเพราะมันไม่กล้าขัดใจผม ตั้งแต่รวมร่างกันผมรู้สึกว่าไอ้พี่พายมันจะเกรงใจและตามใจผมมากขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ ก็ดีเพราะผมเบื่อจะทะเลาะกับมันเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว


หลังจากที่กลับจากหัวหินผมและพี่พายเราสองคนก็ใช้ชีวิตเหมือนปรกติทุกอย่างเหมือนที่ผ่านๆมาบางคืนเราก็นอนด้วยกันมีความสัมพันธ์กันบางคืนพี่พายก็ต้องทำงานดึกดื่นๆกว่าจะเข้านอนก็เกือบเช้า พี่พายเริ่มพาผมไปแนะนำกับกลุ่มเพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกัน ในตอนแรกผมคิดเอาเองว่าเพื่อนพี่พายจะรับไม่ได้แต่ก็เปล่าเพราะพวกเขาเหมือนจะไม่สนใจเรื่องเพศของผม มากกว่าผมทำยังไงถึงทำให้พี่พายหลงได้ขนาดนี้


และมีบางครั้งที่พี่พายมันพาผมไปนั่งรอมันที่ทำงานด้วยถึงจะเบื่อแต่เหตุผลมันก็ฟังขึ้นล่ะนะว่ามีผมนั่งอยู่
ด้วยมันจะได้มีกำลังใจทำงานผมเลยไม่พูดอะไรนั่งรอมันทำงานไป หลับบ้างเล่นเกมส์บ้างฆ่าเวลาไป ทุกอย่างที่พี่พายมันทำมันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวมันเองไปทีละเล็กละน้อย มันบอกว่าผมเองยังเปิดโลกเปิดสังคมของผมให้มันเข้าไป มันเองก็อยากให้ผมอยู่ในโลกของมันเหมือนกัน แต่โลกที่มันเปิดให้ผมใช่ทั้งหมดเหมือนที่ผมเปิดรับมันเข้ามารึเปล่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สำหรับผมแค่นี้มันก็มากพอแล้ว มากพอที่จะทำให้ผมรู้จักอีกด้านนึงของมัน


ผมโทรหาโทรคุยกับที่บ้านในบางครั้งเทียนดูไม่สบอารมณ์เอามากๆที่รู้ว่าผมไปอยู่บ้านน้องเค้ก(ไม่มีใครรู้ว่าผมกับพี่พายคบกันผมไม่กล้าบอก)ป๊าบอกว่ากำลังเคลียร์เรื่องที่ร้านเพื่อหาคนมาทำต่อเพราะป๊าคุยกับม๊าแล้วว่าจะกลับมาตั้งหลักที่เมืองไทยตามความเห็นของพี่ไฟว่าควรจะกลับมาอยู่ใกล้ครอบครับดีที่สุด และครอบครัวผมก็จะกลับมาให้ทันก่อนน้องเค้กคลอด ซึ่งสองครอบครัวได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์แล้วผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันเรียบร้อยผมไม่ทราบว่าพวกท่านคุยอะไรกันแต่น่าจะเป็นเรื่องดีเพราะพ่อไอ้พี่พายดูจะพออกพอใจกับข้อเสนอของทางบ้านผม


และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมและพี่พายต้องมาทำหน้าที่แทนไอ้เทียนที่ต้องทำงานหาเงินมาสู่ขอน้องเค้กผมเพิ่งรู้ว่มันดร็อปเรียนก่อนไปเกาหลีผมด่ามันไปหลายต่อหลายคำแต่มันบอกว่ามันจะกลับมาเรียนแน่นอน และคงต้องทำงานที่ร้านไปด้วยเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกผมอยากบอกจริงๆว่าบ้านน้องเค้กให้ได้มากกว่าที่มันหาทั้งชีวิตอีก


น้องเค้กเองก็เลิกแพ้ท้องแล้วผมและเหล่าบอดี้การ์ดรวมถึงพี่พายก็สบายกันไปไม่ต้องวิ่งให้เหนื่อยเพื่อเอาเหงื่อมาประเคนน้องเค้ก และอีกไม่กี่เดือนผมก็จะได้เห็นหน้าหลานของผมแล้ว อ่อลืมบอกไปหลานผมเป็นผู้ชายนะครับ"แฝด"น้องผมเก่งป่ะละ


"เป็นอะไรนั่งยิ้มคนเดียว" ผมหลุดจากภวังค์หันไปมองหน้าพี่พายก่อนจะส่งยิ้มให้มัน


"ตื่นเต้นจะได้เจอหน้าหลาน"


พี่พายเอื้อมมือมาจับมือผมก่อนจะบีบมือผมเบาๆ  "กลัวพอเจอแล้วจะเลี้ยงไม่ไหวนะสิ"


"นั่นสิเนอะตั้งสองคนอ่ะ" ผมหัวเราะเมื่อนึกภาพหลานตัวน้อยสองคนที่คลานไปคลานมา


"ธูป" ผมหันไปมองไอ้พี่พายที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว  "อยากมีลูกไหม"


ผมส่ายหัวทันทีเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร  "ไม่อะธูปเลี้ยงหลานก็พอแล้ว พี่พายอย่าคิดมากดิ"


พี่พายยิ้มพร้อมบอกขอบคุณ........


ขอบคุณที่ผมเลือกเขาเลือกผู้ชายคนนี้มากกว่าการอยากสร้างครอบครัวแบบคนปรกติทั่วไป พี่พายพูดเสมอว่าตัวเขาเองเป็นลูกชายคนโตแต่กลับมีหลานให้พ่อแม่อุ้มไม่ได้ ส่วนผมเป็นพี่คนโตเช่นกันถ้าพ่อแม่ผมอยากให้ผมมีครอบครัววันนั้นผมยังจะอยู่ข้างๆยังจะจับมือของพี่พายอยู่อีกไหม ผมตอบกลับไปทุกครั้งว่าผมไม่สามารถรู้อนาคตได้แต่ที่ผมรู้คือในทุกๆวันผมจะรักและอยู่ข้างๆผู้ชายคนนี้จนวันที่เขาไม่ต้องการ


ใช่ครับผมยอมรับกับตัวเองแล้วว่าผมรักพี่พายรักผู้ชายที่โหดร้ายที่เคยทำร้ายผมอย่างโหดเหี้ยมในอดีต แต่ทั้งหมดก็เพราะความเข้าใจผิดที่ทางคนของผมเป็นคนก่อ ทุกครั้งที่ผมบอกว่ารักพี่พายจะยิ้มและดึงผมเข้าไปกอดดพร้อมบอกว่า ขอบคุณ ผมดีใจนะที่รักครั้งนี้ผมเลือกคนไม่ผิดถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นผู้ชายก็เถอะ


"เอาไว้ถ้าธูปอยากมีลูกธูปค่อยให้น้องเค้กอุ้มท้องลูกธูปแล้วกันเนอะ" ผมยิ้มให้พี่พาย มันยกมือขยี้หัวผม อย่างน้อยคำพูดผมก็ทำให้มันไม่คิดมากเหมือนที่ผ่านๆมา


หลังจากที่นั่งรอน้องเค้กตรวจครรภ์และรับยาพวกเราก็พาน้องไปทานอาหารเดินช็อปปิ้งและพากลับบ้าน น้องเค้กแกไม่ยอมดร็อปเรียนแต่โชคดีที่น้องจะคลอดตอนปิดเทอมพอดี น้องเค้กบอกว่าคงไม่ลงซัมเมอร์เพราะอยากอยู่ดูแลลูกก่อนค่อยตามเก็บรายวิชาอื่นๆที่หลัง น้องเค้กในสายตาผมเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นแม่สูงมากๆน้องยอมอุ้มท้องไปเรียนโดยไม่สนสายตาของใครๆที่มองมา น้องบอกว่าแคร์ทำไมในเมื่อเขาไม่ได้ให้เรากิน สุดยอดไหมล่ะน้องสะใภ้ผม ส่วนไอ้เทียนก็โดนป๊าลงโทษให้ทำงานหาเงินมาสู่ขอเมียกำหนดกลับไทยคงใกล้ๆแล้วล่ะครับ เพราะล่าสุดที่คุยกับมันบอกว่าป๊าขายร้านได้แล้วคงกลับมาลงหลักปักฐานอยู่ที่ไทยเลย ผมว่าที่กลับมาส่วนนึงเพราะเห่อหลาน


พวกเรากลับมาถึงบ้านก็ต้องแปลกใจเพราะเหมือนจะมีแขกเหล่าลูกน้องในบ้านพี่พายออกมายืนอยู่ด้านนอกกันเกือบหมด พี่พายมองหน้าผมก่อนจะขับรถเข้ามาในบ้าน พอจอดรถคนงานก็มาเอาถุงเสื้อผ้า ข้าวของที่น้องเค้กซื้อมาเข้าบ้านก่อนจะแจ้งให้พี่พายทราบว่าป๊าม๊าผมและไอ้เทียนมาพบพ่อแม่ไอ้พี่พาย ด้วยความดีใจผมจึงรีบเข้าบ้านทันทีเพราะอยากเจอหน้าครอบครัว


ป๊าม๊านั่งอยู่บนโซฟาข้างกันตรงข้ามกับพ่อแม่พี่พายที่มีสิหน้ายิ้มแย้มยินดีกับการมาเยือนของครอบครัวผมในครั้งนี้ ไอเทียนนั่งอยู่ข้างพี่ไฟด้วยใบหน้านิ่งๆตามแบบฉบับของมัน เมื่อทุกคนเห็นผมก็เอ่ยปากทักทายกันพอเป็นพิธีผมไหว้ป๊าม๊าและพ่อแม่พี่พายเหมือนทุกครั้งที่กลับมาบ้านหลังนี้ ก่อนจะหันไปไหว้พี่ไฟที่นั่งจ้องหน้าผู้มาใหม่อย่างพี่พายและน้องเค้กเขม็ง สายตาดุดันนั้นทำเอาผมแปลกใจเพราะปรกติพี่ไฟไม่เคยมองใครด้วยสายตาแบบนั้น ที่จำได้ก็คนที่มาหาเรื่องผมเมื่อนานมาแล้วและพี่ไฟก็กระทืบมันจนเข้าโรงพยาบาล


แล้วทำไมตอนนี้พี่ไฟต้องมองสองพี่น้องนี้ด้วยสายตาน่ากลัวแบบนั้นด้วย ผมไม่เข้าใจ


"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ" พี่พายและน้องเค้กยกมือไหว้ครอบครัวผม


"สวัสดีจ้ะ/ไหว้พระเถอะลูก" ป๊าม๊าผมรับไหว้


"พายพาคุณไฟออกไปดูรอบๆบ้านหน่อยสิ"


"ครับ" พี่พายรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะจูงมือผมเพื่อให้เดินมาด้วยกัน ผมรู้ว่าพ่อพี่พายต้องการจะคุยกันเป็นส่วนตัวแค่เทียนน้องเค้กและผู้ใหญ่เท่านั้น ดังนั้นเราสามคนจึงเดินออกมาด้านนอกด้วยกัน


"กรุณาปล่อยมือน้องชายผมด้วยครับ" คำพูดเรียบๆแต่แฝงไปด้วยคำสั่งเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเราทั้งสามเดินพ้นจากห้องรับแขก


พี่พายไม่ปล่อยมือจากผมแต่มันกลับกระชับมือผมแน่นและหันไปยิ้มท้าทายให้พี่ไฟอีกต่างหาก


"ทางนี้จะเป็นสระว่ายน้ำของทางบ้านเรา มีแยกสระเด็กและสระสำหรับผู้ใหญ่นะครับ"


พี่ไฟไม่ฟังคำบอกกล่าวนั้นกลับเดินมากระชากแขนผมให้หลุดจากการเกาะกุมของพี่พาย


"ผม บอก ให้ ปล่อย มือ น้อง ชาย ผม" คำพูดชัดถ้อยชัดคำเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าหล่อจัดอย่างคนตะวันตกที่ฉายแววไม่พอใจอยู่ในที


"เออ พี่ไฟอย่าโมโหนะ คือกลับมาเหนื่อยๆพี่กินไรมารึยัง หิวเปล่าเดี๋ยวธูปไปหาอะไรให้กินเอาไหม"


ผมพยายามพูดดีๆเอาน้ำเย็นเข้าลูบแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ พี่ไฟยกมือลูบหัวผมอย่างเอ็นดูเหมือนตอนเด็กแต่สายตากลับจับจ้องไปที่พี่พายเหมือนกำลังท้าทายกันอยู่


"ธูป!!" นั่นไงเขม่นกันแล้วทำไมกูต้องซวยทุกทีเลยวะ


"พี่พาย" ผมหันกลับไปมองที่พายที่อยู่ทำหน้ายักษ์ใส่เราสองคนพี่น้อง


"มาหาพี่"


"อยู่กับพี่"


ผมแทบจะทึ้งหัวตัวเองเพราะเอาใจใครไม่ถูก แต่แล้วเสียงสวรรค์(รึเปล่า)ก็ดังขึ้น


"ธูป" เราทั้งสามคนหันไปมองยังต้นเสียงแทบจะพร้อมกัน  "มาหาเทียน"


พี่ไฟจำต้องปล่อยมือจากผม ก่อนจะยิ้มมาให้อ่อนโยนมาให้ สุดท้ายผมก็ต้องเดินหงอยๆไปหาไอ้เทียนที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆน้องเค้ก ไอ้เทียนจับมือผมแน่นก่อนจะลากออกมาจากเหตุการณ์ชวนอึดอัดนั้น


"เราสองคนมีเรื่องต้องคุยกันยาว" ทำไมรู้สึกว่างานจะเข้าผมจังๆเลยวะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่๓๐ การกลับมา ๗/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 07-09-2015 20:49:25
งานเข้าทั้งธูปและก็พี่พายเลย
รอๆตอนใหม่จ้าา :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re:ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๑เหตุผลข้อเดียว ๙/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 09-09-2015 14:51:12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๑เหตุผลข้อเดียว

ผมโดนไอ้เทียนลากออกมาจากบริเวณนั้นก่อนที่เจ้าตัวจะดันผมเข้าไปในรถ และมันก็เดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ผมที่กำลังงงๆกับเหตุการณ์รอบตัวพอตั้งสติได้ก็ร้องถามมันไปทันที

"จะไปไหน"

"นั่งเฉยๆ" มันไม่ตอบแต่กลับออกคำสั่งกับผม

"มันเสียมารยาทนะเทียนป๊าม๊าก็ยังอยู่ในบ้านแล้วที่เขามามันก็เรื่องของมึงด้วยแล้วมึงจะหนีออกมาอย่างนี้อ่ะนะ"

ไอ้เทียนได้ยินที่ผมพูดมันก็นั่งพิงเบาะรถหลับตาข่มอารมณ์ตัวเอง มันนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นจนผมมองเห็นพี่พายมันกำลังเดินมาทางนี้แต่พี่ไฟก็ดักหน้าดักหลังเอาไว้ทั้งคู่พูดอะไรกันผมก็ไม่อาจจะรู้ได้แต่น้องเค้กก็ประคองท้องตัวเองเดินมาดักทางพี่พายไว้เช่นกัน สุดท้ายพี่พายก็ยอมยืนอยู่ตรงนั้นไม่เดินเข้ามาใกล้ตัวรถ

ไอ้เทียนลืมตาขึ้นก่อนจะหันมาหาผมสายตากลับมามองที่ผมสายตามันดูน่ากลัวจนผมต้องถอยจนหลังไปติดประตู แววตาผิดหวังฉายแววหม่นๆมองผมจนใจหาย

"เพื่อนเทียนบอกว่าธูปเป็นแฟนพี่ชายของเค้กมันคืออะไร" ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะถึงหูไอ้เทียนไวจนไม่ทันตั้งตัว

"แล้วมาอยู่ที่บ้านด้วยกันแบบนี้ที่ได้ยินมาคงจะจริงสินะ" ผมก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาไอ้เทียนที่มองมาด้วยความผิดหวัง

"ถามทำไมไม่ตอบ!!" สะดุ้งจนตัวโยนก่อนจะทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นสบตาน้องชายที่หน้าตาเหมือนผมจนใครต่อใครก็แยกไม่ออก

"ขอโทษ" พูดได้แค่นั้นก่อนที่มือของอีกฝ่ายจะเอื้อมมากระชากแขนผมให้เข้าไปหาอย่างแรง

"ทำไม"

"ก  ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงอ่ะ ค คือไม่รู้จะเริ่มตรงไหน"
"มีอะไรกันรึยัง" คำถามทะลุกลางปล้องถามออกมาทำเอาผมหน้าซีดกว่าเก่า

สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับความจริงไอเทียนทุบพวงมาลัยอย่างแรงมันสบถคำหยาบคายออกมาจนผมฟังไม่ทันก่อนจะเปิดประตูรถและพุ่งหาพี่พายทันที

เหตุการณ์ชุลมุ่นวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไอ้เทียนรัวหมัดใส่พี่พายที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่ยอมโดนกระทำฝ่ายเดียวเช่นกันสองคนซัดกันนัว จนไอ้เทียนตะโกนด่าพี่พายว่ามันหยามศักดิ์ศรีผมมันมีอะไรกับผมเหมือนหยามครอบครัวของเราเท่านั้นแหละครับพี่ไฟที่ยืนอยู่ข้างกันพอรู้เรื่องเข้าก็รุมต่อยเข้าที่หน้าพี่พายเน้นๆจนพี่พายล้มลงไปกองกับพื้น

เหล่าบอดี้การ์ดและผู้ใหญี่ที่อยู่ในบ้านต่างวิ่งกรูกันออกมารวมทั้งผมด้วยที่วิ่งไปประคองพี่พายให้ลุกขึ้น พ่อไอ้พี่พายว๊ากออกมาเสียงดังไถ่ถามถึงเรื่องทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายจากเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ต้องการปกปิดกลับมีคนรู้กันทั้งบ้านรวมทั้งป๊าม๊าผมด้วย

"ผมจะรับผิดชอบธูปทุกอย่าง ขออย่างเดียวอย่ากล่าวโทษธูปเรื่องนี้ผมผิดเองครับ" พี่พายพูดขึ้นขณะที่เราทั้งหมดกลับเข้ามานั่งคุยกันในห้องรับแขก มันยกมือไหว้ป๊าม๊าของผม

"เรื่องแบบนี้มันพูดยากนะคุณ" ป๊าผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

ผมเองที่เป็นตัวต้นเหตุจึงทำได้แต่นั่งเงียบๆอยู่อย่างนั้นไม่กล้าเงยหน้ามองใครๆเพราะไม่อยากเห็นสายตาผิดหวังของคนที่ได้ชื่อว่าพ่อกับแม่

"ยังไงผมขอให้ธูปกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที" จบคำป๊าผมพี่พายเตรียมจะร้องค้านแต่เพราะพ่อของมันห้ามขึ้นมาก่อน พี่พายมันจึงทำได้แค่นั่งนิ่งๆจ้องหน้าผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์เท่านั้น

ผมกลับมาถึงบ้านก็โดนพี่ไฟและไอ้เทียนลากขึ้นมาบนห้องโดยที่ป๊ากับม๊าบอกว่าคุยเสร็จแล้วให้ผมลงมาคุยกับท่านทั้งสองคนต่อ งานนี้ผมโดนเละไม่ได้เกิดแน่นอน

"ทำไมทำแบบนี้วะธูป" พอปิดประตูได้ไอ้เทียนก็เริ่มพิพากษาผมทันที

"ขอโทษ" ให้เลือกผมยอมโดนป๊าม๊าดุด่าดีกว่าต้องมาเจอสองพี่น้องคู่โหดตรงหน้านี้นะ

"ทำไมถึงยอมวะ ทำไมตอบเทียนมาสิธูปตอบมาดิวะ"พอผมไม่พูดมันจึงพูดต่อ

"เลิกกับมันซะ!!" ไอ้เทียนออกคำสั่งกับผมครั้งแรกในชีวิต

"ไม่!!" ผมร้องค้านทันทีที่มันพูดจบ

"ทำไมรักมันมากเหรอรักมากกว่าเทียนเหรอธูป" ไอ้เทียนเหมือนสติแตกมันเขย่าตัวผมจับหัวสั่นหัวคลอน ผมที่มีความผิดติดตัวไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากพูดอะไรออกไปเพราะกลัวจะทำให้คนตรงหน้าเสียใจมากกว่าเดิม

ผมแคร์ครอบครัวของผมมากนะแต่ผมก็รักพี่พายเหมือนกัน มันเลือกยากนะครับถ้าต้องตัดใครสักคนออกไปจากชีวิต

"เทียนใจเย็นๆปล่อยธูปก่อน" พี่ไฟเห็นท่าไม่ดีเดินมาจับแยกเราสองคนออกจากกัน ไอ้เทียนโวยวายด่าทอพี่ไฟเสียหยาบคายจนฝ่ายนั้นต้องจับมันไปขังในห้องน้ำ ไอ้เทียนต่อให้แรงเยอะแค่ไหนก็สู้พี่ไฟไม่ได้รายนั้นนะเขาฝรั่งตาน้ำข้าวตัวสูงยังกับยักษ์วัดแจ้ง

พี่ไฟเดินกลับมาหาผมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆกันยกมือขึ้นลูบหัวผมเหมือนทุกครั้งเวลาที่ผมมีปัญหา พี่ไฟก็ยังคงเป็นพี่ไฟพี่ชายที่ผมรักและเคารพเหมือนเดิม ถึงแม้จะโมโหจนต่อยหน้าพี่พายแหกอ่ะนะ

"รักเขามากเหรอ" พี่ไฟถามผม และผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับ ผมรักพี่พายผมยอมรับและไม่มีอะไรให้ต้องโกหกกัน

"รักมากกว่าครอบครัวไหม" ผมเงยหน้ามองพี่ไฟเพราะสงสัยในคำถาม

"ทำไมพี่ไฟถามธูปแบบนั้น"

พี่ไฟยิ้มบางๆก่อนจะตอบผม  "พี่ถามอะไรธูปสักอย่างได้ไหม" ผมพยักหน้า พี่ไฟจึงถามต่อ

"ถ้าเทียนกำลังจมน้ำพร้อมๆกับแฟนธูป ธูปจะโดดลงไปช่วยใคร" คำถามง่ายๆที่ผมก็หาคำตอบไม่ได้

"ธูปช่วยทั้งสองคนได้ไหม" ผมตอบออกไปตามที่ใจคิด เสียงไอ้เทียนเขย่าประตูห้องน้ำอย่างบ้าคลั่งทำเอาผมกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อเวลามันโมโหมันไม่ไหวหน้าใครทั้งนั้นถึงแม้ผมจะไม่เคยถูกมันโมโหใส่อ่ะนะ แต่ครั้งนี้มันเกี่ยวกับผมเต็มๆ

พี่ไฟหันไปมองประตูห้องน้ำก่อนจะหันกลับมาสบตากับผม "ถ้าต้องเลือกแค่คนเดียวล่ะ" ผมส่ายหน้าเพราะจนกับคำถามจะให้เลือกช่วยไอ้เทียนแล้วทิ้งพี่พายก็ไม่ได้ ช่วยพี่พายแล้วทิ้งไอ้เทียนผมก็ทำไม่ได้แน่นอน


พี่ไฟลูบหัวผมอีกครั้งก่อนจะพูดออกมา 


"ธูปก็รู้ว่าป๊ากับม๊าค่อยข้างจะรับไม่ได้กับเรื่องนี้ถึงป๊าม๊าจะหัวสมัยใหม่ก็เถอะแต่ถ้าลูกชายมีความรักแบบนี้ป๊าม๊าก็อาจจะไม่ทันตั้งตัวไหนจะเทียนที่ไม่ยอมรับแน่นอนแล้วธูปจะฝืนคบกันไปแล้วต้องมีปัญหากับครอบครัวอย่างนั้นเหรอ"

"แล้วพี่ไฟรับได้ไหม" ผมถามเหมือนจะหาตัวช่วย
"รับได้สิน้องพี่รักใครพี่ก็รักด้วย แต่"

"ทำไมต้องมีแต่"

พี่ไฟหัวเราะ "แต่พี่รู้สึกว่าบ้านของแฟนเราไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่"
"บ้านพี่พายทำธุระกิจหลายอย่างแต่ถูกกฏหมายนะ"

"ยังไม่ทันไรออกรับแทนกันล่ะ" ผมยู่หน้าให้พี่ไฟก่อนที่อีกฝ่ายบอกจะอยู่ข้างผมแต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับพี่พาย

หลังจากนั้นผมก็ลงมาคุยกับป๊าม๊าที่ห้องรับแขกด้านล่างพี่ไฟบอกจะกักตัวเทียนเอาไว้ให้ ผมจึงอุ่นใจไปเปราะหนึ่งลงมานั่งตูดยังไม่ทันจะแตะโซฟาเสียด้วยซ้ำก็โดนป๊าถามสารพัดคำถามตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง โดนบ่นโดนด่าจนหูชา หาว่าส่งให้มาเรียนดันมามีผัวส่วนน้องชายก็มีเมียมีลูกอยู่ห่างหูห่างตาแล้วก่อเรื่องจนอยากจะฟาดให้ตูดลาย

ป๊าบ่นปวดหัวกับแฝดอย่างพวกผมสองคนก่อเรื่องจนทำให้ต้องย้ายกลับมาทำมาหากินที่เมืองไทยมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งๆที่ตอนนี้อะไรๆก็ลงตัวหมดทุกอย่างแล้วผมล่ะอยากเถียงจริงๆที่กลับมาเพราะห่วงหลานเห่อหลานล่ะไม่ว่าแต่ไม่กล้าพูดไปครับกลัวโดนตื้บ ม๊าเองก็ถามว่าผมเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ คำถามที่ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงเจอคำถามนี้ไปผมล่ะอึ้งจนพูดไม่ออกตอบไม่ถูกจริงๆ

ครั้นจะบอกว่าไม่ได้เป็นก็นะหลักฐานก็ตำตาขนาดนั้น สุดท้ายเลยบอกไปว่าผมชอบผู้ชายก็แค่พี่พายคนเดียวถ้าให้ไปจูบกับผู้ชายคนอื่นผมคงอ้วกแตกตายก่อน โดนป๊าเขกหัวไปหลายต่อหลายทีโดนด่าโดนดุไปก็มากสุดท้ายป๊ากับม๊าก็ปลงตกเพราะทำอะไรไม่ได้ลูกเสียตัวให้เขาไปแล้วโวยวายไปก็อายชาวบ้านเขาเปล่าๆ(ป๊าพูดแบบนั้น)

สุดท้ายหลังจากเขกหัวผมจนโนป๊าก็ยอมให้คบกันได้แต่ผมต้องกลับมาอยู่บ้านช่วยป๊ากับม๊าทำร้านอาหารห้ามไปค้างอ้างแรมที่ไหนกับพี่พายทั้งนั้นง่ายๆเลยคือห้ามชิงสุกก่อนหามเด็ดขาด ผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับเพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องเลิกกัน เหลือก็แต่ไอ้ตัวที่อยู่บนห้องกับอีกคนที่รอผมอยู่ที่บ้านเขาที่ผมจะต้องอธิบายให้ฟัง

"พี่พาย" ผมกดโทรศัพท์โทรหามันทันทีที่ป๊าอนุญาต

/อยู่ไหนให้ไปรับไหม/

"ไม่ต้องหรอก"

/พ่อว่ายังไงบ้างโดนดุโดนตีรึเปล่า/

"ป๊าเขกหัวธูปด้วยเจ็บอ่ะ" อ้อนมันไว้ก่อนเพราะไม่รู้ว่าอีกนานไหมกว่าจะได้เจอกัน

/ขอโทษที่ปกป้องไม่ได้/

"ช่างเถอะ พี่พายป๊า......" เอาจริงๆก็ไม่กล้าพูดอ่ะ
/ว่าไงพ่อเราว่ายังไงบ้าง/

ผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะพูดออกไปในคราวเดียว  "ป๊าบอกให้กลับมาอยู่บ้านแล้วห้ามไปค้างกับพี่อ่ะ"

/เฮ้ยได้ไงวะ พรากผัวพรากเมียมันบาปนะพี่ไม่ยอม/

"กูไม่ใช่เมียมึงเว้ย"

/พี่จะไปพูดกับพ่อแม่ธูปเอง/

"อย่ามานะถ้าป๊าโกรธแล้วสั่งห้ามคบกันจะทำไง คิดดีๆดิ"

พี่พายเงียบไปนานกว่าผมจะหาคำมาปลอบมันได้ก็ใช้เวลานานพอสมควรสุดท้ายมันก็ยอม ผมเองก็ได้แต่ปลอบมันให้ใจเย็นๆเพราะทำอะไรวู่วามป๊าอาจจะไม่พอใจได้แล้วสุดท้ายอาจซวยกันทั้งคู่

วางสายจากพี่พายเสร็จก็ตรงขึ้นไปชั้นสองของบ้านทันทีป๊าม๊าไปพักผ่อนเพราะคงปรับเวลาไม่ทันและไหนจะต้องมาเจอเรื่องปวดหัวของผมอีก พอขึ้นมาบนห้องก็เจอพี่ไฟกำลังคร่อมตัวไอ้เทียนอยู่บนเตียง คงทะเลาะกันเหมือนเดิม

"ปล่อยกูไอ้เหี้ย" ไอ้เทียนปากบวมเจ่อนี่คงไม่ได้ต่อยกันอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย

พี่ไฟยอมปล่อยไอ้เทียนก่อนจะออกจากห้องไปตามคำสั่งของไอ้เทียนที่ต้องการจะคุยกับผมแค่สองคน พอพี่ไฟออกไปปุ๊บมันก็ฉุดผมลงนอนบนเตียงข้างๆมันทันที

"ทำไมทำแบบนี้" มันถาม  "รู้ไหมว่าเทียนเสียใจ"

"ขอโทษ" ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปให้สถานการณ์มันดีขึ้นกว่านี้นอกจากคำว่าขอโทษ

"เลิกกับมันไม่ได้เหรอ" ไอ้เทียนอ้อนผมเหมือนทุกครั้งเวลาที่มันอยากได้อะไรจากผมแล้วเป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจได้ยากมันก็จะอ้อนผมทุกครั้งไป

"เทียนอย่าบังคับกูเลยนะ" ไอ้เทียนไม่ฟังที่ผมพูดมันกอดผมไว้แน่นซุกหน้าเขาหาอกผม

"ไม่อยากฟัง"

"แต่มึงต้องฟังก็เหมือนที่มึงรักน้องเค้กนั่นแหละเทียน" ผมพยายามอธิบายให้ไอ้เทียนฟังแต่ดูเหมือนมันจะไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด

"ไม่เหมือน" มันเถียงก่อนจะเงยหน้ามองผม "ถ้าธูปให้เลิกเทียนก็เลิกกับเค้กได้"

"เทียนมึงพูดอะไรอ่ะ!!" ผมตวาดมันเสียงดัง ไอเทียนปล่อยตัวผมก่อนมันจะลุกขึ้นนั่งผมจึงลุกขึ้นนั่งข้างๆมัน

"เทียนกับเค้กเราสองคนไม่ได้เริ่มคบกันเพราะรัก เราต่างฝ่ายต่างเมา"

"......"

"เทียนไม่มีใครน้องเองก็ไม่มีใครเราเลยลองคบกัน จนสุดท้ายน้องก็ท้อง แต่ถ้าให้เลือกเทียนก็เลือกลูกนะ แต่กับเค้กมันไม่ผูกพันธ์อ่ะน้องเองก็เคยบอกเทียนเหมือนกัน"

ผมงงไปหมดแล้วน้องเค้กดูเหมือนรักไอ้เทียนนักหนาขาดไม่ได้ แล้วทำไมคำพูดที่ไอ้เทียนพูดถึงไม่เหมือนที่น้องเค้กแสดงออกมาให้ผมและใครๆเห็นเลยสักนิด

"ธูปอย่ารักมันมากกว่าเทียนได้ไหม" ไอ้เทียนกลับมาอ้อนผมอีกครั้งท่าทางแบบนี้ไม่มีใครเคยเห็นหรอกครับนอกจากผมคนเดียวเท่านั้น

"ทำไม" ผมถาม

"เทียนไม่อยากให้ธูปรักใครมากกว่าเทียน"

"เพราะอะไรล่ะ"

"เพราะเทียนรักธูป รักมาก"  ไอ้เทียนขยับมาซ้อนด้านหลังผมมันกอดผมไว้แน่นมันคงกลัวว่าพี่พายจะมาแย่งความรักของผมที่มีให้มันแล้วคงกลัวว่าผมจะรักคนอื่นมากกว่ามัน นิสัยเหมือนเด็กจริงๆน้องชายผม

"กูก็รักมึงรักมากด้วยไม่ต้องกลัวว่ากูจะรักใครมากกว่ามึงเพราะมึงคือที่หนึ่งของกูเสมอ"

"จริงนะ" ในที่สุดมันก็ยิ้มออกมาได้หลังจากทำหน้านิ่งใส่ผมอยู่นาน
ถ้าจะให้ผมเลือกว่าต้องเลือกใครและตัดใครออกไปจากชีวิตผมคงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกันเพราะทุกคนที่เข้ามาในชีวิตผมล้วนเป็นคนสำคัญของผมทั้งนั้น

ผมโลภมากไปรึเปล่าที่ไม่ต้องการเสียใครไปเลยสักคน เหตุผลที่ไม่อยากเสียใครไปเพราะผมรักและแคร์ทุกคนและทุกคนก็มีความหมายกับผมสำคัญกับผมมากเช่นกัน

เรื่องของผมกับพี่พายเอาไว้ค่อยคิดหาทางแก้กันในวันต่อไปจะดีกว่าแค่ให้ครอบครัวผมรับได้ว่าผมคบผู้ชายก็หืดขึ้นคอแล้วไม่อยากไปเดินหน้ารุกอะไรมากกว่านี้เกิดป๊าไม่พอใจ ไอ้เทียนโกรธ ม๊าไม่ชอบใจ พี่ไฟไม่เห็นด้วยผมอาจจะโดนสั่งห้ามคบห้ามเจอกันอีกเลยก็ได้ดังนั้นค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า วู่วามไปจะไม่ดี เฮ้อออออออ คืนนี้ผมจะนอนหลับไหมนะไม่ได้นอนข้างๆพี่พายเหมือนคืนก่อนๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งคิดถึง

พี่พายจะคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงเขาไหมนะ....................
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๑เหตุผลข้อเดียว ๙/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 09-09-2015 20:34:51
น่าสงสารพี่พายกับธูปอ่ะแต่ก็อย่างว่าละ
แค่ยอมให้คบกันได้ก็ดีขนาดไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๑เหตุผลข้อเดียว ๙/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-09-2015 23:21:07
พ่อแม่ของธูปยอมให้คบกันต่อก็โอเคแล้วในตอนนี้ อดทนกันหน่อย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๒ ใครเป็นคนกำหนดมาให้เราพบและพรากกันฯลฯ ๑๑/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 11-09-2015 19:40:29
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๒ ใครเป็นคนกำหนดมา
ให้เราพบและพรากกัน ทดสอบอะไรกับฉัน


https://www.youtube.com/v/X79jRP4B1VE


-พาย-


ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคนผมทำพลาดตรงไหนทำไมไม่บอก ทำไมไม่ใหโอกาสกันบ้าง ผมยอมทำตามข้อตกลงที่ธูปบอกทุกอย่างยอมทุกอย่างทั้งๆที่ชีวิตผมไม่เคยยอมใครแต่เพราะรักผมถึงยอม แล้วทำไมสิ่งที่ผมได้ตอบแทนกลับมาจึงเป็นคำล่ำลาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมันให้ผมโดยไม่ถามผมสักคำว่าผม้องการหรือเปล่า เดินเข้ามาบอกลากันง่ายๆเหมือนตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยรักกันไม่เคยรู้สึกดีต่อกัน หันหลังเดินจากไปโดยไม่มองผมไม่สนคำอ้อนวอนไม่สนเลยว่าผมจะเจ็บขนาดไหน


ความรักที่ใครคนนึงหยิบยื่นให้ผมมันคือคำลวงคือการแก้แค้นกับสิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีกับเขาเอาไว้ เขาไม่เคยรักผมไม่เคยเลยแม้สักนิดที่จะมีผมอยู่ในหัวใจ


เจ็บสัสๆแต่จะโทษใครนอกจากตัวเอง


ดันรักเขาไปทั้งตัวและหัวใจรักโดยไม่คิดว่าเขากำลังหลอกลวง รักโดยไม่คิดว่าเขากำลังทำให้ตายใจเพื่อจะเห็นเราตายช้าๆเพราะคำว่ารัก


อยากไปถามอยากพูดคุยแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เปิดโอกาสให้กันเลยบอกลากันไปง่ายๆอยากโทรไปเคลียร์ก็ไม่เคยรับโทรศัพท์ ไปหาก็ไม่เจอ เหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการจะเจอหน้ากัน


ทิ้งกันไว้แบบนี้แล้วคิดบ้างไหมว่าชีวิตที่ไม่มีกันและกันเขาจะอยู่ยังไง


หนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้..........


ผมเร่งเคลียร์งานอยู่ในห้องเพื่อให้เสร็จทันไปรับธูปที่มหาลัยวันนี้เราทั้งคู่นัดเจอกันว่าจะไปดูหนังหลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาอาทิตย์นึงเต็มๆโคตรคิดถึงเลยครับ กว่าจะได้คุยกันแต่ละทีฏ้ยากเสียยิ่งกว่าอะไร เหมือนเราสองคนลักลอบคบกันอย่างไงอย่างนั้นที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะไอ้แฝดน้องนรกของธูปนั่นแหละครับ มันขัดขวางทุกอย่างทำเหมือนหมาหวงก้าง ห้ามธูปสารพัดธูปเองก็กลัวน้องชายมันจะเสียใจเลยยอมตามใจ ผมเข้าใจนะพี่น้องรักกันแต่บางครั้งสายตาของไอ้เทียนที่มองเมียผมมันไม่เหมือนสายตาที่มันใช้มองน้องสาวผมเลย


เค้กเองก็เหมือนกันเวลาอยู่กับไอ้เทียนบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ดูกดดันแปลกๆไม่เหมือนคนรักกันแต่ก็เหมือนว่ามีเส้นใยแห่งความผูกพันธ์จางๆซ่อนอยู๋ในความสัมพันธ์


"นายครับคุณธูปมาขอพบครับ"


ลูกน้องคนสนิทของผมเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามารายงานว่าคนที่ผมกำลังคิดถึงตอนนี้เขาอยู่หน้าห้องทำงานของผมนี่เอง


ผมเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่จึงบอกให้เชิญธูปเข้ามา ปิดแฟ้มเอกสารที่อ่านค้างไว้ลุกขึ้นเดินไปหาคนที่เดินเข้ามา ธูปมองหน้าผมนิ่งจ้องหน้าผมไม่พูดอะไร ผมเดินไปกอดธูปทันทีที่ลูกน้องผมปิดประตูและเดินออกไป ธูปเพียงแค่ยืนนิ่งๆให้ผมกอด


"มายังไง" ผมถามก่อนจะจูงมือคนรักมานั่งที่โซฟา


"ขับรถมา" ธูปตอบนิ่งๆผิดกับนิสัยของมัน


"แล้วเลิกเร็วเหรอปกติต้องเลิกหกโมงนี่"


"อืม"


"งั้นรอแป๊ปนะเดี๋ยวพี่ทำงานก่อน" ผมลุกขึ้นเพื่อจะเดินกลับไปที่โต๊ะเร่งทำงานที่ค้างเอาไว้เพื่อออกไปดูหนังกับธูป


"มาวันนี้มีเรื่องจะคุยด้วย"


"เรื่องอะไร" ผมก้มหน้าอ่านเอกสารแต่ก็พูดตอบโต้อีกฝ่ายไปด้วยความสนใจไม่แพ้เอกสารตรงหน้า


"เลิกกันเถอะ"


คำสั้นๆสามคำที่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆออกมาจากปากคนรักทำเอาผมชะงักค้างด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของคนที่ผมพร่ำบอกรักอยู่ทุกคืน


"มึงพูดเหี้ยอะไร เล่นอะไรธูป!!" ผมเดินไปกระชากแขนคนรักที่นั่งอยู่ที่โซฟา ธูปไม่พูดอะไรเพียงแต่มองหน้าผมด้วยสายตาเหยียดๆ


"กูบอกว่า เลิก กัน เถอะ" เน้นย้ำทีละคำชัดๆเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้ฟังผิด และไม่มีคำว่าพูดเล่นในแววตาคู่สวยนั้น


"กูไม่เลิก" ไม่รู้ว่ามันกำลังเล่นอะไรอยู่แต่แบบนี้ผมไม่สนุกด้วย


"เรื่องของมึง" ธูปตอบแค่นั้นก่อนจะสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของผม แต่เป็นผมเองที่หน่วงรั้งมันเอาไว้ไม่ยอมให้มันจากไปได้อย่างใจคิด


"ปล่อยกู" ธูปโวยวายพร้อมกับเตะต่อยตัวผมอย่างแรง ผมจึงจัดการเหวี่ยงร่างมันลงบนโซฟาก่อนจะคร่อมร่างนั้นไว้


ธูปเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ผมเลยโวยวายและด่ากราดใส่ผมจนทำให้หงุดหงิด


"เงียบแล้วพูดกันดีๆได้ไหมธูป!!"


ธูปยอมสงบลงแต่ก็ยังดิ้นไม่ยอมให้ผมโอบกอดเหมือนเก่าก่อน ผมซบหน้าลงบนไหล่ลาดของคนรักกอ่นจะสอดแขนโอบกอดร่างนั้นเอาไว้เหมอืนกลัวว่ามันจะหายไปถ้าผมปล่อยมือ ตัวผมสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็น กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน ความรักมันน่ากลัวแบบนี้เองเหรอผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน


"เลิกกันเถอะนะ ถือว่ากูขอ" ธูปพูดนิ่งๆไม่แสดงท่าทีอื่นใด ไม่มีท่าทีเสียใจ ไม่อาลัยอาวรณ์กับความรักของเราสองคนเลย


"กูไม่เลิก กูทำผิดอะไรธูปบอกกูที" ผมพูดอู้อี้อยู่ตรงซอกคอของคนรัก


"มึงไม่ผิดหรอกแต่กูไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะคบกัน" ผมเงยหน้ามองคนรักให้ชัดๆ ว่าคำพูดที่ได้ยินมันใช่คำพูดที่หลุดออกมาจากปากคนรักผมหรือเปล่า


"ไอ้เทียน" ผมเด้งตัวออกจากอีกฝ่ายทันทีเมื่อจ้องมองในแววตาคู่นั้นที่ไม่มีอะไรเหมือนคนรักผมเลย ถึงแม้หน้าตามันทั้งคู่จะเหมือนกันแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันเลยนั้นคือ "แววตา"


คนที่นอนอยู่บนโซฟาเมื่อครู่ลุกขึ้นนั่งก่อนจะหัวเราะออกมา มันมองหน้าผมแล้วพูด "พิสูจน์สิว่ากูไม่ใช่"


"อย่าเล่นลิ้นกับกู" ต่อให้มันเป็นน้องชายคนรักหรือเป็นพ่อของหลานผมก็เถอะ ผมก็ต่อยมันได้เหมือนกันถ้ามันกวนตีนผม


กูไม่ได้เล่นลิ้นกูพูดจริง"


มันยืนขึ้นมาประชันหน้ากับผม เราทั้งคู่จ้องตากันอยู่นานอย่างไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้ายผมก็จำได้ว่าเค้กเคยบอกตอนที่ธูปนอนโรงบาลเพราะฝีมือผมว่าไอ้เทียนมีรอยสักที่อกด้านซ้ายของมัน  ผมไม่รอช้าเดินไปกระชากเสื้อนักศึกษาของคนตรงหน้าอย่างแรงจนกระดุมขาดมันเองก็คงตกใจทั้งดิ้นทั้งด่าผม สร้างความลำบากให้กับผมอย่างมากในการหาความจริง


แควก!!


ผมกระชากเสื้อนักศึกษามันออกมองหารอยสักที่ควรจะมีอยู่บนตัวมันแต่ไม่เจอ กลับเจอรอยจ้ำแดงๆทั่วทั้งร่างขาวตรงหน้า ผมยืนมองร่างกายคนรักก่อนที่ขาจะไร้เรี่ยวแรงทรุดตัวลงตรงหน้าคนๆนี้ เราสองคนไม่มีอไรกันตั้งแต่ที่ครอบครัวธูปมาที่บ้านแล้วรอยคิสมาร์คนั่นมาจากไหน ใครเป็นคนทำ


"เจอสิ่งที่หาไหม" ธูปถามผมเสียงเรียบๆไร้ความรู้สึก


"มึงนอนกับใครมา" ผมเงยหน้าถามมัน "ตอบกูมาใครทำรอยเหี้ยๆนี้บนตัวมึง บอกกูมากูจะไปฆ่ามัน!!"


"กูจะนอนกับใครไม่เกี่ยวกับมึง เราเลิกกันแล้วรู้ไว้แค่นี้" ธูปเดินผ่านผมไปโดนที่เจ้าตัวไม่ได้สวมเสื้อเพราะผมกระชากมันออก


"กูไม่เลิก" ผมลุกขึ้นกอดคนรัก ผมรักมันรักมากผมรู้แค่นี้แต่ทำไมมันไม่รักผมเลย


"ยอมรับความจริงแล้วปล่อยกูได้แล้ว" คำสั่งที่พูดออกมาด้วยเสียงเรียบเฉยมันทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าโดนต่อยหน้าเสียอีก


ธูปดึงมือผมออกจากเอวมันแล้วก้าวเท้าออกจากห้องไปด้วยสภาพแบบนั้น ส่วนผมก็แหกปากโวยวายทำร้ายข้าวของในห้องจนลุกน้องต้องเข้ามาล็อคตัวเอาไว้


ผมเจ็บจนไม่อยากทำอะไรได้แต่นอนอยู๋บนเตียงไม่ว่าใครต่อใครจะเข้ามาสอบถามอาการแต่ผมก็เลือกที่จะเงียบหลับตานอนนิ่งอยู่แบบนั้น จนสุดท้ายทุกคนก็อ่อนใจปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ผมรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงผมแต่ผมแค่อยากอยู่เงียบๆคนเดียวอยากคิดอะไรคนเดียวว่าผมทำพลาดตรงไหน ผมรักมันน้อยลงหรือเปล่า


ผมวางโทรศัพท์ลงบนเตียงหลังจากที่กดโทรหาธูปไปแล้วเจ้าของเบอร์ไม่เคยรับสุดท้ายธูปก็บล็อคเบอร์ผม ผมผิดอะไรวะทำตามข้อตกลงทุกอย่างยอมทุกอย่างเพื่อให้เราสองคนได้คบกันแล้วทำไมสุดท้ายแล้วผมจึงเป็นคนที่ถูกทิ้ง


ทำไมผมต้องเป็นคนที่เสียใจ


ผมสั่งให้ลุกน้องไปตามเฝ้าที่บ้านธูปตามติดธูปเพื่อดูว่าใครคือเจ้าของรอยจูบบนตัวเมียผม ถ้ารู้ว่ามันเป็นใครผมนี่แหละจะฆ่ามันด้วยตัวของผมเอง ทั้งอาทิตย์ผมไม่ได้ไปทำงานเอาแต่ตามสืบเสาะหาเจ้าของรอยจูบนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไร


Rrrrrrrrrrrr


ผมรีบคว้ามือถือขึ้นมากดรับโดยที่ไม่ได้ดูราชื่อคนที่โทรเข้ามาเพราะคิดไว้ว่าคงจะเป็นธูป


"ฮัลโหลธูป มันหายโกรธกูแล้วใช่ไหม"


"พาย เป็นอะไรอ่ะ" เสียงที่ตอบกลับมาทำเอามือผมไร้เรี่ยวแรง


ผมปรับเสียงให้เป็นปกติก่อนจะพูดกับปลายสาย  "มิลล์ว่าไง"


"พายเป็นอะไรรึเปล่าพวกบาสบอกว่าติดต่อพายไม่ได้เลย เพื่อนๆเป็นห่วงพายนะ"


คำถามห่วงใยถูกส่งมาให้จากปลายสาย ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นมาในใจทันที


"พายไม่เป็นไร ฝากบอกพวกมันด้วยพอดีงานพายมีปัญหาหน่ะ"


"มิลล์เป็นห่วงนะ"


"ขอบใจนะมิลล์"


"พาย"  ผมจับเสียงผิดปกติจากปลายสายได้ว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ


"มีอะไรรึเปล่ามิลล์"


เสียงจากปลายสายเงียบไปเสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นเบาๆใจผมยิ่งกระวนกระวายว่าคนที่อยู่ปลายสายจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ผมลุกขึ้นก่อนจะคว้ากุญแจกระเป๋าสตางค์เพื่อจะออกไปหาคนที่คุยด้วย


"รอก่อนนะเดี๋ยวพายไปหา"


"ไม่ต้องหรอกพาย มิลล์ไม่เป็นไร"



"มิลล์รอพายก่อนนะ รอพายอย่าไปไหน มีอะไรเราจะได้ช่วยกันแก้ไขนะมิลล์"


"ฮึก ไม่มีใครช่วยเราได้หรอกพาย ฮึก" เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นจนผมทำอะไรไม่ถูก นึกเป็นห่วงคนตรงหน้าจนลืมเรื่องธูปไปชั่วขณะ


แต่แล้วเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดก็หายไปเมื่อปลายสายบอกถึงสิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้เจียนตาย



"เราท้อง!!"







-ธูป-


ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นพี่พายเงียบหายไปไม่ติดต่อไม่โทรหา เหมือนกับว่าพี่พายไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ผมอยากไปหาที่พายแต่ก็ถูกป๊าม๊าห้ามไว้เพราะท่านกลัวว่าผมจะทำผิดกฏที่ท่านตั้งเอาไว้ สุดท้ายผมเลยต้องถามความเป็นไรของพี่พายจากไอ้เทียนที่ไปหาน้องเค้กซึ้งมันเองก็ไม่ค่อยจะบอกอะไรผมมากนักเซ้าซี้ถามมากมันก็เงียบและเดินหนี


"ไปไหนมา" ผมถามเมื่อเห็นไอ้เทียนเดินยิ้มเข้ามาในห้อง 


"พาเค้กไปหาหมอ" มันตอบแค่นั้นสั้นๆตามสไตล์ของมัน


อีกไม่นานน้องเค้กก็จะคลอดลูกออกมาแล้ว และก็เข้าช่วงปิดเทอมปีหน้าไอ้เทียนคงไปลงทะเบียนเรียนเหมือนเดิม เรื่องมันดร็อปทำเอาที่บ้านผมแทบระเบิด แต่อย่างน้อยก็ดีกว่ามันหายไปโดยไม่จัดการอะไรเลย แบบนี้ก็ดีที่สุดแล้ว


"หมอว่าไงบ้าง" ผมวางมือถือของผมลงบนเตียงฟังมันเล่าเรื่องลูกเหมือนทุกๆครั้ง


"ก็ดีนะหมอบอกดิ้นเก่ง" มันยิ้มให้ผมก่อนจะพูดต่อ "เทียนมีความสุขมากอ่ะธูป"


ผมยิ้มให้มันก่อนจะบอกมันกลับไป "กูก็มีความสุขเหมือนกัน"


จริงเหรอผมมีความสุขจริงๆหน่ะเหรอ หึ คนรักหายหน้าไปไม่ติดต่อไม่บอกกล่าวทิ้งผมเอาไว้คนเดียวแบบนี้มันเรียกว่าความสุขจริงๆนะเหรอ ผมไม่รู้หรอก ตอนนี้ในหัวผมรุ้แค่ว่าพี่พายหายไปไหนโกรธอะไรผมรึเปล่าเพราะหลังจากที่เรานัดกันว่าจะไปดูหนังผมก็ติดต่อพี่เขาไม่ได้อีกเลย ผมรออยู่มหาลัยนานจนสุดท้ายพี่พายก็ไม่มาและไม่เคยโผล่มาให้เห็นอีกเลย ผ่านเวลามาเป็นวัน เลื่อนเป็นเดือนผมก็ไม่เคยได้ข่าวคราวของพี่พายเลย


อาจจะเป็นเพราะผมมาอยู่ที่บ้านใหม่เนื่องจากร้านที่ป๊าเปิดมีพื้นมากพอจะสร้างบ้านเราจึงขายบ้านเก่าและย้ายมาทันทีที่ร้านและบ้านสร้างเสร็จและพี่พายอาจจะไม่รู้ หรือไม่พี่มันก็อาจจะเบื่อผม เบื่อกฏระเบียบที่ป๊าผมตั้งเอาไว้มันจึงหนีหายไป ไม่รอไม่บอกกล่าวอะไรปล่อยผมทิ้งไว้ให้อยู่กับคำว่าไม่รู้เพียงลำพัง


"เป็นอะไร" ไอเทียนนั่งลงบนเตียงข้างๆผม มันเอื้อมมือมาลุบหน้าผมเบาๆ


"เปล่า"


"อย่ามาโกหกเราเป็นแฝดกันนะธูป"



ผมถอนหายใจดังเฮือกเมื่อนึกถึงเรื่องพี่พายแต่อย่างน้อยเล่าให้ใครสักคนที่เราไว้ใจได้ฟังมันก็ยังดีกว่าเก็บเงียบเอาไว้คนเดียว สองหัวดีกว่าหัวเดียวล่ะวะ


"ก็พี่พายหายไปไม่โทรหากูเลย พอกูโทรไปก็ไม่ติด มึงไปบ้านน้องเค้กเจอมันางป่ะวะ"


ไอ้เทียนยักไหล่ให้ผมก่อนมันจะลุกจากเตียงถอนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ มันนุ่งผ้าเช็ดตัวเสร็จก็หันมาพูดกับผม


"ถ้ามันหายไปไม่ติดต่อมาก็แปลว่ามันไม่เลือกธูป คนแบบนี้ธูปจะฝากอนาคตไว้ด้วยเหรอ หนีปัญหาทิ้งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกัน"


ไอ้เทียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม มันยกมือลูบใบหน้าของผมสายตาที่มองมามันอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง ไอ้เทียนก้มลงมาหอมหน้าผากผมเบาๆก่อนจะผละออกไปและเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ


ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทิ้งอะไรไปเรื่อยเปื่อยสารพัดคิดถึงสาเหตุที่พี่พายหายไปคิดถึงวันเก่าๆของเราสองคน คิดจะน้ำตามันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำไมผมอ่อนแอขนาดนี้วะ เขาไม่เอาก็ไม่เห็นจะต้องเสียใจร้องไห้ทำไม มันไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อยก็แค่โดนฟันแล้วทิ้งแค่นั้นเอง


"ร้องไห้ทำไม" ไอ้เทียนถลาเข้ามาหาผมทันทีเมื่อมันเปิดประตูห้องน้ำออกมาเจอผมกำลังนอนขดตัวร้องไห้อยู่บนเตียง


"ฮึก เปล่าฝุ่นมันเข้าตาอ่ะ" ผมโกหก


ไอ้เทียนไม่พูดอะไรมาดึงตังผมให้เข้าไปในอ้อมแขนของมัน มันกอดผมเอาไว้แน่นไม่พูดอะไรปล่อยให้ผมร้องไห้เงียบๆ


"ลืมมันซะ" หลังจากที่ผมร้องไห้สะอื้นจนตัวโยนไอ้เทียนก็พูดในสิ่งที่ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม


"กู ฮึก กูไม่รู้" ไม่รุ้ว่าจะลืมได้ไหม ไม่รู้ว่าจะเลิกคิดถึงเมื่อไหร่


ผมไม่รู้อะไรสักอย่าง


ผมดันตัวออกจากอ้อนแขนของแฝดน้องก่อนจะยกมือเช็ดน้ำตาลวกๆไอ้เทียนเองก็ช่วยผมเช็น้ำตาเช่นกัน ผมมองร่างกายของมันที่ดูต่างจากผมไปมากพอสมควรอยู๋่โน่นป๊าคงใช้งานมันหนัก กล้ามมันเลยปรากฏให้เห็น ก้มมองดูตัวเองแล้วอนาถ ตรอมใจจนตัวจะเหลือแต่โครงกระดูอยู่แล้ว


"ไปแต่งตัวเหอะ" ผมบอกมัน


ไอ้เทียนลุกขึ้นยี้หัวผมก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้ามันหันมามองผมเป็นระยะๆดูมันห่วงผมมาก คงกลัวผมคิดสั้นมั้ง ผมมองมันแต่งตัวแล้วก็สงสัยอะไรบางอย่างที่ครั้งนึงสิ่งนั้นทำให้ผมรอดจากฝ่าตีนของพี่พายและลูกสมุนของมัน


"ไอ้เทียน" ผมเรียกคนที่กำลังยืนใส่กางเกงตรงหน้า


"ว่า"


"รอยสักที่หน้าอกมึงหายไปไหนวะ"


ไอ้เทียนก้มมองที่อกด้านซ้ายของมันก่อนจะหัวเราะออกมา "เทียนไม่เคยสัก"


"ก็น้องเค้กบอกกูว่ามึงมีรอยสักที่อกอ่ะ" ผมยังยืนยันว่าที่ผมรอดจากตีนพี่พายก็เพราะน้องเค้กบอกเองว่าไอ้เทียนมีรอยสักที่อกด้านซ้าย


"อ๋อ" ไอ้เทียนยิ้มก่อนจะเดินกลับมาหาผมที่เตียง  "เทียนไม่เคยสักก็ธูปไม่ชอบเทียนจะสักทำไมอ่ะ"


"แล้ว" ผมยังสงสัยอยู่


"แค่เพ้นท์นะ เค้กก็รู้เพราะไปด้วยกันมา"


"อ้าวแล้วทำไมน้องเค้กถึงบอกว่าสักแล้วยังทำท่าเหมือนดีใจเวอรืขนาดนั้นด้วยอ่ะ"


คือใครไม่งงกูงงครับ นี่มันเรื่องอะไรกันวะใครก็ได้บอกผมทีเถอะ คือเอาจริงๆกูตามไม่ทัน


ไอ้เทียนหัวเราะในลำคอเมื่อมันเห็นผมทำหน้าเอ๋อๆไม่เข้าใจที่มันกำลังสื่อสาร มันขยับเข้ามาใกล้ๆผมก่อนจะนั่งลงด้านหลังผมและยกแขนขึ้นโอบกอดผมเอาไว้ มันเอาคางวางลงบนไหล่ผมจับตัวผมเอียงไปเอียงมา ผมเองก็นั่งนิ่งๆให้มันจับเหวี่ยงนั่นแหละ ในหัวกำลังคิดเรื่องที่ผ่านมาด้วยความสับสน


"เรื่องบางเรื่องนะธูปมันมีเหตุผลในการกระทำ บางครั้งสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่มันเป็น"


"ยังไงวะ" ผมหันไปถามมัน เลยถูกมันหอมแก้มให้ฟอดใหญ่ เออคือไม่ต้องจิ้นนะครับผมกับน้องเราทำแบบนี้ด้วยกันตั้งต่เด็กๆแล้ว โตมาก็ยังทำแบบนี้กันอยู่ซึ้งผมมองว่ามันปกติ


"ก็อยากเรื่องรอยสักที่ธูปเข้าใจไง บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่ในสิ่งที่เค้กอยากจะบอกและสิ่งที่เค้กสื่อมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ธูปเข้าใจ"


โอเครกูงงหนักกว่าเดิมอีก


"ไม่เข้าใจ"


"อีกไม่นานธูปก็จะเข้าใจเอง แค่รู้ไว้ว่าเทียนทำทุกอย่างเพื่อธูปนะ"


"ยังไงวะกูงง"


"เอาไว้เมือ่ถึงเวลาธูปจะรู้เอง ตอนนี้แค่รู้เอาไว้ว่าเทียนรักธูปมากนะ"


"กูก็รักมึงมากเหมือนกัน"


ผมบอกมันเหมือนทุกครั้งที่เราสองคนพี่น้องบอกรักกัน ในเมื่อมันบอกผมว่าเรื่องบางเรื่องผมจะรู้เองเมื่อถึงเวลา ดังนั้นผมก็ควรรอเวลาเพื่อให้มันเฉลยความจริงทั้งหมด


ใครบางคนบนฟ้าอาจจะอยากทดสอบความรักของผมกับพี่พายก็ได้ว่าเราทั้งคู่รักกันมากไหม และผมจะทำให้คนที่เขียนบททดสอบนั้นรู้คำตอบเองว่าผมรักพี่พายมันมากขนาดไหน


ในเมื่อมันไม่ติดต่อมาผมนี่แหละจะไปหามันเอง จะไปเอาคำตอบจากมันเองว่ามันหายไปไหน



หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๒ ใครเป็นคนกำหนดมาให้เราพบและพรากกันฯลฯ ๑๑/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 11-09-2015 20:48:46
เทียนกับน้องเค้กต้องการจะสื่ออะไร
รอๆตอนต่อไปนะคะรอคนเขียนมาเฉลย
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๒ ใครเป็นคนกำหนดมาให้เราพบและพรากกันฯลฯ ๑๑/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-09-2015 21:09:50
เริ่มงงเป็นเพื่อนธูป 5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๓ ไหนว่าจะไม่หลอกกัน ๑๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 14-09-2015 18:24:08
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๓ ไหนว่าจะไม่หลอกกัน


-ธูป-


ผมใช้ชีวิตโดยไม่มีพี่พายมาได้เกือบเดือนเอาเข้าจริงที่ปากบอกว่าจะไปหามันไปคุยให้รู้เรื่องผมกลับไม่สามารถทำได้เพราะต้องช่วยที่บ้านทำงานไหนจะใกล้ช่วงสอบปลายภาค สารพัดสิ่งที่ประดังประเดเข้ามาทำให้ผมกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย ไอ้เทียนเองก็ไม่เคยพูดไม่เคยเล่าเรื่องพี่พายให้ผมฟังสักครั้ง พอถามอะไรมันก็แค่บอกว่าสักวันผมจะตาสว่างเอง


และวันนี้ผมก็ถูกมันลากมาโรงบาลพร้อมกับน้องเค้กเพื่อมาตรวจครรภ์ครั้งสุดท้ายเพราะสิ้นเดือนนี้น้องเค้กจะจะคลอดหลานของผมแล้ว ทุกอย่างจึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อวันนั้น ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้เทียนมันจะลากผมมาด้วยทำไม ถามอะไรก็ไม่ตอบสักอย่างดูมันมีความลับซะเหลือเกิน


"ธูปรออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวเทียนมา" ไอ้เทียนบอผมก่อนจะพยักหน้าให้น้องเค้กเดินตามมันเข้าไปในห้อง


ผมก็นั่งมองนั่นมองนี้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายก็วกกลับมาคิดถึงเรื่องของผมกับพี่พายเหมือนทุกครั้งเวลาที่อยู่คนเดียว เมื่อไหร่จะตัดมันออกไปจากใจได้สักทีวะ คิดไปแล้วเขาจะรู้ไหม เขาเคยคิดจะตามหามึงไหมไอ้ธูปเขาคงไม่คิดถึงมึงแล้ว สุดท้ายมึงก็โดนทิ้งอยู่ดี สมน้ำหน้ามึงแล้วล่ะ


ผมเงยหน้าทันทีเมื่อรู้ว่าน้ำตากำลังจะไหลออกมา สุดท้ายจำต้องรีบลุกไปเข้าห้องน้ำเพราะน้ำตาหยดแรกมันไหลออกมาจากหางตาของผมแล้ว ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำห้องในสุดปิดประตูลงกลอนได้ก็นั่งบนฝาชักโครกปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาให้พอ ร้องไห้มันให้พอแล้วพรุ่งนี้ผมจะลืมมัน ผมจะไม่นึกถึงมัน ในเมื่อมันหายไปผมก็จะตัดมันออกจากชีวิตผมเหมือนกัน


"กำลังจะออกไป มิลล์รอพายก่อนแล้วกัน" ผมยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นทันทีที่ได้ยินเสียงที่ผมเฝ้าคิดถึงจนแทบบ้ามานานนับเดือน


"ฝากครรภ์แล้วไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วมิลล์เชื่อพายเถอะ"


ฝากครรภ์.........



พี่พายพาใครมาฝากครรภ์วะ ผมค่อยๆเปิดประตูออกเมื่อเสียงภายนอกเงียบลงผมเดินออกจากห้องน้ำสอดส่ายสายตามองหาร่างสูงที่คุ้นเคยเมื่อเห็นหลังมันไกลๆผมก็ค่อยๆย่องตามมันไปโดยไม่ให้มันรู้ตัว


จนสุดท้ายผมก็เห็นความจริงทุกอย่างเห็นว่ามันกำลังประคองผู้หญิงน่าตาสะสวยคนนึงเดินเข้าไปในห้องตรวจ เห็นว่ามันเอาใจใส่ผู้หญิงคนนั้นจนลืมผม เห็นทุกๆอย่างรับรู้ด้วยสายตาของตัวเอง เข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมามันหายไปไหน ทำไมไม่มาหาผมบ้างเลย ขาผมอ่อนจนไร้เรี่ยวแรงจะยืนไหว แต่เพราะความอยากรู้ผมจึงเดินไปนั่งตรงหน้าห้องนั้นเพียงแค่คิดว่าถ้าเขาสองคนเปิดประตูออกมาทั้งคู่ก็จะเห็นผมที่นั่งเป็นไอ้โง่อยู่ตรงนี้


"ธูปมานั่งทำไรตรงนี้" ผมเงยหน้ามองคนที่หน้าเหมือนผมทุกระเบียบนิ้ว พลันในใจก็โหวงๆแปลกๆอยากร้องไห้อยากตะโกนถามคนในห้องว่ากูผิดอะไรทำไมต้องทิ้งกูไว้ตรงนี้ ทิ้งกูทำไม


เพราะกูให้ในสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นให้ไม่ได้เหรอ


เพราะกูท้องไม่ได้ใช่ไหม


"ธูปเป็นอะไร"  ไอ้เทียนย่อตัวนั่งลงตรงหน้าผมมันจับมือผมเอาไว้แน่น


"เปล่า แล้วน้องเค้กอ่ะ" ผมเลือกจะโกหกมันออกไปเพราะไม่อยากให้มันมาเครียดกับเรื่องของผม


"ไปซื้อเค้กอยู่หน่ะเทียนออกมาไม่เจอธูปเดินหาแทบแย่ ไปเถอะ" ไอ้เทียนลุกขึ้นจับมือผมให้เดินตามมันออกมา ผมหันไปมองประตูที่ปิดอยู่ตรงหน้าก็ได้แต่ทำใจ เพราะสุดท้ายผมก็ไม่รู้ความจริงสักที



................



หลังจากไปส่งน้องเค้กที่บ้านแล้ว กลับมาถึงบ้านผมก็ขึ้นห้องนอน นอนตายมันอย่างเดียวครั้นจะถามเรื่องราวจากน้องเค้กก็ไม่กล้า ไม่อยากเอาเรื่องปวดหัวไปให้น้องมัน ยิ่งท้องแก่อยู่ด้วยเกิดเครียดลูกหลุดขึ้นมาผมจะซวยเอา หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมากดโทรออกเบอร์เดิมที่ผมเพียรโทรหาทุกๆวันแต่ผลก็เหมือนเดิมคือโทรไม่ติด สุดท้ายผมก็ถอดใจลุกจากเตียงลงไปช่วยงานที่ร้านดีกว่านอนจมน้ำตาแบบนี้


ผมทำงานในร้านเป็นเด็กเสริ์ฟนั่นแหละครับเดินเสริ์ฟกันขาแทบลากลูกค้าเยอะทุกวัน ตอนเปิดร้านใหม่ๆพวกเพื่อนๆผมน้องรหัสพี่รหัสยันเพื่อนๆในคณะลามไปถึงเพื่อนๆไอ้เทียนก็มาแสดงความยินดีและแดกฟรีกันจนล้นร้าน บางคนอัพลงโซเชี่ยลจึงทำให้คนรู้จักเยอะ เป็นผลพลอยได้ให้ร้านผมไปโดยปริยาย


ผมเดินเสริ์หจนร้านปิดจึงช่วยเก็บร้านจนเสร็จจึงเข้านอนโชคดีที่พรุ่งนี้มีเรียนบ่ายเลยนอนดึกได้ ทุกวันนี้ต้องทำงานในร้านแลกเงินครับไม่งั้นป๊าไม่ให้ตังค์ค่าขนม ขี้เกียจอาจจะอดตายได้


"คิดอะไรอยู่" ไอ้เทียนตวัดแขนมากอดเอวผมแน่น มันซุกหน้าลงที่ซอกคอผมก่อนจะเอ่ยถาม


"คิดอะไรเรื่อยเปื่อย" ผมตอบมันกลับไป


"คิดเรื่องผู้ชายคนนั้นเหรอ"


"คงงั้น" ผมพลิกตัวกลับไปหาไอ้เทียนกอดมันแน่นเหมือนกับว่ามันคือหลักให้กับผม มันเองก็กอดตอบผมก่อนจะจูบลงบนศรีษะของผม


"นอนเถอะเทียนอยู่ตรงนี้" มันกระชับอ้อมกอดเพื่อให้ผมมั่นใจว่ามันอยู่ตรงนี้อยู่กับผมจริงๆ


"ฝันดีนะคนดีของเทียน"


"ฝันดีเทียน"



.........



"เดี๋ยวเลิกเรียนเทียนมารับนะ" ผมยกมือบ๊ายบายตอบไอ้เทียนเมื่อมันขับรถมาส่งผมที่หน้ามหาลัย ตอนแรกมันก็จะมาสั่งผมหน้าคณะแต่ผมห้ามมันไว้เพราะมันจะได้เลยไปส่งน้องเค้กต่อไม่ต้องวนเข้าวนออก(มหาลัยน้องเค้กสอบแล้วครับคงปิดเทอมพอดีน้องคลอดลูก)


ผมมองดูรถไอ้เทียนที่ขับออกไปก่อนจะเดินเข้ามหาลัยแต่ก็ไม่สามารถเดินไปไหนได้เพราะว่ามีบุคคลปริศนาที่คุ้นตามายืนล้อมผมเอาไว้ตั้งหกคน


"คุณธูปครับ เชิญไปกับพวกเราด้วยครับ" ผมมองตาพวกมันปริบๆไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนกัน


"ผมมีเรียน" ไม่กล้าขัดขืนพวกมันหรอกครับเพราะผมเคยลิ้มรสส้นตีนของพวกมันมาแล้ว เข็ดเจียนตายเลยล่ะ


"ผมทราบครับ" ทราบแล้วมึงจะมาพาตัวกูไปทำไมครับ


"ผมขอตัวนะครับ" ผมเดินเลี่ยงออกมาแต่แล้วก็รู้สึกว่ามีคีบเหล็กมาสัมผัสที่แขน เลือดกูไม่ไหลแล้วเกิดกูตายขึ้นมาพวกมึงจะทำยังไง


"เชิญครับ" โอ๊ย!!พ่อเจ้าประคุณมึงจับกูลากมาขนาดนี้ไม่ต้องพูดดีกับกูแล้วมั้งครับ


สุดท้ายผมก็เข้ามานั่งในรถตู้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงแต่มีใครสนไหม ตอบเลยว่าไม่มีพวกมันนั่งเป็นหุ่นไร้ชีวิตอยู่ข้างๆผม เมื่อไม่มีอะไรทำผมจึงต้องโทรไปบอกเพื่อนๆว่าวันนี้หยุดเรียนให้จดงานมาให้ด้วย เสียการเรียนเพราะพวกมันเนี่ยแหละ ถ้าเจอตัวหัวหน้ามันนะผมจะซัดให้หน้าหงายเลยคอยดู


ผมนั่งมองสองข้างทางที่เริ่มเปลี่ยนจากตึกสูงๆเป็นทุ่งนา ป่า คือพวกมึงจะเอากูมาฆ่าหมกทุ่งนาใช่ไหม มันเป็นแถวชานเมืองที่เริ่มจะออกต่างจังหวัดแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มนั่งตูดไม่ติดเบาะ ระส่ำระส่ายกลัวไปสารพัดถ้าเกิดไอ้พี่พายมันเลือกตัดปัญหาโดยการฆ่าผมทิ้งเพราะไม่อยากให้ผมวุ่นวายกับมันปล้วผมจะทำยังไง


ป๊าม๊าพี่ไฟไอ้เทียนธูปลาก่อน มาเก็บศพธูปด้วยนะอย่าปล่อยธูปตายอย่างเดียวดายนะ ฮืออออออ


"เป็นอะไรครับ"


"เฮ้ย" ผมร้องลั่นเมื่อไอ้ควายไบสันตัวนึงที่นั่งข้างผมอยู่ดีๆมันก็แตะแขนผมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เหี้ยใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลยกูนึกว่ามันจะเอามีดมาแทงผม


"เป็นอะไรรึเปล่าครับ พวกผมเป็นห่วง" สีหน้ากับคำพูดพวกมึงช่างห่างไกลกับคำว่าห่วงใยกูมากๆๆ


"ไม่เป็นไรครับ" ผมขยับตัวนิดหน่อยให้พวกมันรู้ว่ากูโคตรอึดอัดเลย นั่งประกบกูซ้ายขวาขนาดนี้ไม่ต้องกลัวกูหนีหรอก อย่าว่าแต่หนีเลยขนาดจะหายใจกูยังไม่กล้า


"ถึงแล้วครับ" ผมสะลึมสะลือขยี้ตาตื่นเมื่อเสียงที่ดังอยุ่ข้างหูมาพร้อมกับแรงสะกิดที่แขนเบาๆ


กลิ่นอายทะเลเสียงคลื่นดังให้ได้ยินแว่วๆ ผมรีบหันไปมองเหล่าควายไบสันที่ล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่


"ที่ไหนเนี่ย" มึงเอากูมาฆ่าไกลไปไหมวะ


"เชิญครับ" ไม่ตอบแถมมันดันหลังผมให้เดินไปข้างหน้าอีก ดีมากครับคุณมึงไม่คิดจะบอกอะไรกูเลย


ผมไม่พูดอะไรต่อได้แต่เดินตามพวกควายไบสันเข้าไปในบ้านติดริมทะเล พอเข้ามาในบ้านเหล่ามนุษย์ยักษ์ก็อันตธานหายไปทิ้งผมเอาไว้คนเดียวให้ยืนโง่ๆอยู่กลางบ้านของใครก็ไม่รู้ ถ้าเจ้าของเขาคิดว่ากูเป็นขโมยแล้วยิงกูตายนี่ไม่ต้องโทษใครเลยนะ


"ธูป" ผมหันขวับเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู


ไอ้พี่พายมันยืนยิ้มสยามอยู่ตรงหน้าเหมือนเห็นบรรพบุรุษมันขึ้นมาจากหลุม  "คิดถึงจัง"


เหอะ ผู้ชายแท้ๆก็ตอแหลไม่แพ้ผู้หญิงจริงๆกูล่ะเชื่อเลย เมื่อวันก่อนมึงเพิ่งจะประคองสาวสวยไปฝากครรภ์มาวันนี้มาบอกว่าคิดถึงกู ใครเชื่อก็ควายแล้วครับ


"ถอยออกไปห่างๆกูเลย" ผมเดินถอยหลังทันทีเมื่อมันเดินก้าวเข้ามาหา


"โกรธที่พี่หายไปเหรอ พี่ขอโทษพอดีมีเรื่องต้องจัดการหน่ะ"


"กูอยากฟังเหตุผลของมึงอยู่นะพี่พายแต่จากที่กูเห็นมึงดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับการที่ไม่มีกูเลย มันเลยทำให้กูคิดได้ว่ามึงแคร์กูบ้างไหมวะ"


พี่พายมันหน้าตึงทันทีสายตามันนี่ฆ่าผมได้เลยนะ แต่คิดว่าผมจะกลัวเหรอ ไม่เลยตอนนี้อะไรกูก็ไม่กลัวแล้ว


"พูดเรื่องอะไรทำไมพี่จะไม่เป็นเดือดเป็นร้อน มาดูบ้างไหมว่าใครเป็นยังไง รู้ไหมว่าต้องรับภาระโน้นนี่นั้นอยู๋คนเดียวมันเป็นยังไง"


"............"


"ไหนจะเรื่องงาน เรื่องเราสองคน เรื่องเพื่อน สารพัดที่จะเข้ามาจนพี่ไม่รู้จะแก้ตรงไหนก่อนดี"


"มึงเลยเลือกที่จะแก้เรื่องของเราสองคนที่หลังใช่ไหม มึงเลือกจะทิ้งกูใช่ไหม"


"พูดอะไรธูปใครจะทิ้งใคร" มันเดินเข้ามากอดผมเอาไว้แน่น ผมเองก็พยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ยากเกินกำลัง ไม่รู้แมร่งแดกคีบเหล็กเข้าไปรึไง


"ใครกันแน่ที่จะทิ้ง"


"......"


"มาบอกเลิกพี่ถึงที่ทำงานใจร้ายมากเลยนะ" ใครบอกเลิกมันวะ ผมเหรอ ตอนไหนอ่ะ ทำไมกูเพิ่งรู้


"กูเปล่า" พี่พายมันผละผมออกจากอ้อมกอดของมันก่อนจะมองหน้าผมนิ่ง คือมันจ้องหน้าผมนิ่งเลยจริงๆนะครับ


"ธูปแน่ใจนะ"  ผมพยักหน้าหงึกๆ


"แล้วจะเป็นใครก็เทียนมีรอยสัก......"


ผมพูดขัดมันขึ้นมากลางปล้องพอดี "เทียนไม่ได้สัก มันแค่เพ้นท์น้องเค้กก็รู้"


"ว่าไงนะ!!"

"ก็ตามนั้น" ผมตอบมันไปก่อนจะถามมันกลับ "ว่าแต่มันเรื่องอะไรทำไมไอ้เทียนถึงต้องมาบอกเลิกพี่พายด้วยอ่ะ"


"แน่ใจนะว่าไม่ใช่ธูป" โอ๊ยกูจะเป็นบ้าตายเพราะมึงแล้วกูจะมาบอกเลิกมึงให้กูเจ็บช้ำใจเล่นๆรึไงวะ


"พี่พาย" ผมท้าวเอวจ้องหน้ามัน "มึงคิดว่ากูจะบอกเลิกมึงเหรอ มึงบ้ารึไง"


มันยิ้ม


"รักพี่มากเลยละสิ" สัสมันใช่เวลามาบอกรักกันไหมเนี่ย


"ที่นี่บ้านใคร" กูไม่รู้กูเปลี่ยนเรื่องก่อนล่ะ


พี่พายมันคงรู้ว่าผมเขินมันเลยทำหน้าทำตาล้อเลียนแต่ก็ไม่พูดอะไรให้ผมเขินมากไปกว่านี้  "บ้านมิลล์"


ความเขินอายกูหายไปพร้อมกับคำว่า 'บ้านมิลล์'  คือถ้ามึงจะพาตัวกูมาชมบ้านเมียมึงก็ไม่น่าจะพากูมาไกลขนาดนี้ก็ได้นะ เปิดกล้องคุยกันกูยังไม่เจ็บจี๊ดๆอย่างนี้เลย


"ไปไหนธูป" ไอ้พี่พายมันเดินมาจับแขนผมเมื่อผมหันหลังเดินออกจากบ้าน


"กูจะกลับบ้าน" ผมสลัดมือมันออกเพื่อเดินต่อ กูไม่อยากเยียบบ้านหลังนี้เลย แมร่งหงุดหงิดวะ


"ธูปหยุดแล้วฟังก่อนได้ไหม"


"ไม่กูไม่ฟังมึงทำแบบนี้กับกูได้ไง จริงอย่างไอ้เทียนว่า สักวันกูก็จะตาสว่างกูแมร่งโง่ โง่ที่รักมึง ไอ้ควายไปตายซะ!!"


"เป็นอะไรพูดกันดีๆสิธูป"


อยากให้กูพูดดีๆทั้งที่มึงลากตัวกูมาบ้านเมียมึงเนี่ยนะ ไอ้เห้กูคงจะพูดดีๆกับมึงได้หรอกกูไม่ต่อยมึงหน้าแหกก็บุญเท่าไหร่แล้ว


"มึงแมร่งเหี้ยจะบอกเลิกกูทำไมต้องพากูมาบอกเลิกที่บ้านเมียมึงด้วย"


"เมีย" มันทำหน้าโง่ใส่ผม


"ใช่เมียมึงไง กูเห็นนะที่มึงพากันไปหาหมอประคองกันรักกันขนาดนั้นถ้าไม่ใช่เมียแล้วอะไร"


"เพื่อนไงคะ" ผมหันขวับไปมองเสียงหวานๆที่ดังมาจากด้านหลัง


"มิลล์" ไอ้พี่พายมันเดินผ่านผมไปประคองร่างเล็กให้มานั่งที่เก้าอี้  "ธูปมานี้สิจะยืนทำไม" ไม่ต้องมาเรียกยังไงกูก็ไม่ไปนั่งตรงนั้นเด็ดขาด


"ธูปมานั่งนี้สิคะ พี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง" พอเห็นว่าผมไม่มีทีท่าว่าจะเดินไปตามคำเชิญของพี่พาย หญิงสาวก็เรียกผมซ้ำอีกครั้ง ผมที่ยืนเก้งๆกังๆเพราะไม่รู้จะทำยังไงสุดท้ายก็จำต้องเดินไปนั่งที่โซฟาตามคำเชิญของหญิงสาวตรงหน้าอย่าเลี่ยงไม่ได้
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๓ ไหนว่าจะไม่หลอกกัน ๑๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 14-09-2015 19:54:08
ธูปใจร้อนไปม่ะหน้าแตกซะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๓ ไหนว่าจะไม่หลอกกัน ๑๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 14-09-2015 22:18:01
ฟังกันแล้วหันหน้าเข้าหากันนะ

รู้สึกอิพี่พายมันใจเย็นมากนะคราวนี้ อิน้องก็ฟังอิพี่มันก่อน :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๓ ไหนว่าจะไม่หลอกกัน ๑๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 15-09-2015 12:57:07
รู้สึกว่าพี่พายใจเย็นขึ้นมากเลยนะ
ปกติต้องโวยวายแล้วใช้กำลังแล้ว
แต่นี่พูดกับธูปแบบนิ่งๆดีๆด้วย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๓ ไหนว่าจะไม่หลอกกัน ๑๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 15-09-2015 14:34:12
จะด่าไอ่เทียนว่าไงดี ก่อเรื่องให้ธูปแต่ละอย่าง
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๓ ไหนว่าจะไม่หลอกกัน ๑๔/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 15-09-2015 22:56:04
เลิฟพี่พาย สุดยอดมาก
ใจเย็นขึ้นมาก ตอนนี้ธูปยึดตำแหน่งว๊ากเกอร์แทน 5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๔ คนน่าสงสาร ๑๗/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 17-09-2015 19:16:30
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๔ คนน่าสงสาร


-ธูป-

"ธูปมานั่งนี้สิคะ พี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง" ผมเดินไปนั่งข้างๆพี่พายตามคำเชิญของหญิงสาวถึงแม้ว่าไม่อยากจะอยู่บ้านหลังนี้นานๆก็เถอะ แต่จะให้ผมกลับยังไงล่ะครับ สุดท้ายก็ต้องทำตามเจ้าของบ้าน

"แนะนำตัวอีกทีนะคะ พี่ชื่อมิลล์" พี่มิลล์ยิ้มหวานส่งมาให้อย่างจริงใจก่อนจะหันไปสบตากับพี่พาย  "เป็นเพื่อนของพายค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักธูปนะคะ"

ผมนั่งมองหน้าทั้งคู่ตาปริบๆ "พี่รู้จักชื่อผมได้ยังไงอ่ะครับ" 
พี่มิลล์ยิ้ม "พายเล่าให้พี่ฟังจ้ะ พวกบาสเองก็มาเม้าส์ให้ฟังบ่อยๆ อยากเจอตัวจริงมานานแล้ว"

ระหว่างที่ผมนั่งเอ๋อๆอยู่นั้นพี่มิลล์ก็เรียกเด็กให้นำน้ำขนมมาเสริ์ฟผมเป็นการใหญ่ ผมเองที่รู้สึกเก้งๆกังๆมือไม้ไม่รู้จะเอาไว้ที่ไหนก็ยิ่งประหม่า คือพี่เขาออกตัวแรงมากว่าเป็นเพื่อนแล้วดูเหมือนจะไม่ได้โกหกผมด้วย แววตาจริงใจถูกส่งให้ทุกครั้งที่สบตากัน แล้วเป็นผมเสียอีกที่อคติกับพี่เขา

"พี่ท้อง" พี่มิลล์ยกมือลูบท้องตัวเองเบาๆ "ธูปคงรู้แล้ว แต่พี่อยากบอกว่าพี่ไม่ได้ท้องกับพายจริงๆนะ"

"แล้ว....." ผมอยากถามพี่มิลล์จังว่าพ่อเด็กไปไหนทำไมไม่มาดูแล เพราะตั้งแต่เดินเข้ามาผมก็เห็นแต่คนของพี่พายทั้งนั้น
พี่มิลล์ก้มหน้ามองท้องตัวเองก่อนจะพูดเสียงสั่นๆ "พี่ไม่รู้ว่าใครคือพ่อเด็ก"

ผมสบตากับพี่พายทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ  "พี่ไม่รู้ว่าท้องกับใคร"

"มิลล์พอเถอะไม่ต้องพูดแล้ว" พี่พายขยับมานั่งลงข้างๆพี่มิลล์พร้อมกับยกมือลูบหลังพี่มิลล์เบาๆ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยใจไร้อคติไม่มีคำว่าหึงหวง มีแต่คำว่าสงสาร

"ไม่เป็นไรเราไม่อยากให้พายกับน้องผิดใจกันเพราะเรา"
พี่มิลล์บอกอย่างนั้นก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่ทำเอาผมไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้จะมีใครที่น่าสงสารได้เท่าผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้าผม

พี่มิลล์เล่าว่าเธอรู้จักกับพี่พายครั้งแรกตอนไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวหลังจากที่พี่มิลล์เข้าหาพี่พายก่อนทั้งสองถูกใจในรูปร่างของกันและกัน คนทั้งคู่จึงไปต่อกันที่โรงแรมคงไม่ต้องบอกนะครับว่าไปทำไม ผมฟังถึงตรงนี้ก็อยากจะเดินออกมาให้รู้แล้วรู้รอดใจมันคันยิบๆแปลกๆ แต่ก็ยังทนฟังต่อไป

พี่มิลล์บอกว่ามันคือการสมัครใจไร้การบังคับใดๆทั้งสิ้นแต่เรื่องมันเกิดเมื่อพี่พายมันได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทรมานในห้องน้ำ พี่พายมันตะโกนเรียกอยู่นานก็ไม่มีการตอบรับ มันกลัวว่าพี่มิลล์จะคิดสิ้นจึงพังประตูเข้าไปก็เห็นพี่มิลล์กำลังเอาสบู่ถูร่างกายของตัวเองจนไปรอยแดงทั้งตัว

พี่พายจึงดึงพี่มิลล์ออกมาจัดการล้างตัวและพามาที่เตียงมันถามพี่มิลล์อยู่นานว่าเป็นอะไรทำร้ายตัวเองทำไมถ้าไม่เต็มใจทำไมไม่บอก พี่มิลล์ได้แต่ร้องไห้ส่ายหน้าไปมาแต่ไม่พูดอะไร พี่พายมันจึงรอจนพี่มิลล์สงบเพื่อให้พี่มิลล์พูดความจริง และความจริงที่พี่มิลล์บอกนั้นก็ทำให้พี่พายมันโทษตัวเองว่าฉวยโอกาสกับคนที่ป่วย

ใช่ครับพี่มิลล์ป่วยเธอเป็นโรคขาดผู้ชายไม่ได้เข้าขั้นรุนแรง โรคนี้ไม่ใช่ฮีสทีเรียนะครับคนส่วนมากมักเข้าใจผิด โรคที่พี่มิลล์เป็นนั้นคือโรคนิมโฟมาเนีย (Nymphomania)เมื่อพี่พายรู้เรื่องเข้าก็ช่วยเหลือพี่มิลล์ทุกทางแต่เพราะว่าทางบ้านที่พี่มิลล์อับอายที่มีลูกสาวเป็นคนส่ำส่อนจึงทำร้ายเธอทุกครั้งที่มีคนมารายงานว่าเธอไปนอนกับใคร เหตุเพราะแม่พี่มิลล์ก็เป็นโรคนี้และสุดท้ายแม่พี่มิลล์ก็นำความเสื่อมเสียมาให้วงศ์ตระกลู(พี่มิลล์เป็นเพราะกรรมพันธุ์)

พ่อพี่มิลล์รักษาพี่มิลล์แบบผิดๆและเมื่อพี่พายยื่นมือเข้ามาช่วยพ่อพี่มิลล์ก็ถูกชะตาจึงจะจับทั้งคู่คลุมถุงชนแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะพี่มิลล์และพี่พายไม่ได้รักกัน พี่มิลล์เคยถูกญาติๆลูกพี่ลูกน้องข่มขืนเพราะรู้ว่าเธอเป็นโรคนี้ ไม่มีใครพาเธอไปแจ้งความเพราะกลัวจะเสียชื่อเสียง ทุกคนรักชื่อเสียงตัวเองมากกว่าชีวิตจิตใจคนๆนึงที่ชึ้นชื่อว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข

พวกเพื่อนๆพี่พายรู้เรื่องเข้าก็ช่วยกันหาหมอที่ดีๆมารักษาจนอาการดีขึ้นแต่ทางบ้านพี่มิลล์กลับขังพี่มิลล์เอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์จากโรคที่พี่มิลล์เป็น พ่อพี่มิลล์บังคับให้พี่มิลล์นอนกับคนใหญ่คนโตเพื่อปูทางในธุรกิจของตนเองไม่ให้พี่มิลล์กินยาไม่ให้รักษา จนสุดท้ายไม่ให้เจอกับพี่พาย แต่พี่มิลล์ก็หนีออกมาได้และเมื่อเธอขาดยาอาการเธอก็กำเริบสุดท้ายกว่าจะตามตัวเธอกลับมาได้เธอก็มีเด็กติดท้องมาด้วยแล้ว โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง

พี่พายและเพื่อนๆจึงพาพี่มิลล์มาซ่อนที่นี่ ที่ที่คนรักที่มิลล์ซื้อเอาไว้ให้ก่อนจากไป(ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์)พ่อพี่มิลล์ต้องการตัวพี่มิลล์กลับไปเพื่อให้นอนกับคนที่มีอำนาจเพื่อตัวเอง โดยไม่สนว่าลูกสาวจะเป็นอย่างไร ร้อนถึงพี่พายต้องปิดข่าวว่าพี่มิลล์อยู่ไหน การมาตรวจที่โรงพยาบาลก็ต้องนัดหมอและทุกอย่างต้องเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีคนของพ่อพี่มิลล์ตามมา

ผมฟังถึงตรงนี้ก็ได้แต่สังเวชในใจชีวิตคนๆนึงที่เราไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขาว่ามันน่าสงสารขนาดไหนเราเห็นเขายืนอยู่ในสังคมที่สวยหรูใช้ชีวิตดีๆมีคนล้อมหน้าล้อมหลังแต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังมันช่างเน่าเฟะจนอยากจะอาเจียน

"แล้วถ้าคลอดน้องแล้วพี่มิลล์จะไปอยู่ไหนล่ะครับ"  ผมอดถามถึงอนาคตของผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้

"พี่จะไปอยู่อเมริกากับคุณหมอที่รักษาพี่นะจ๊ะ"

"ไปรักษาตัวต่อเหรอครับ"

"จ้ะ คุณหมออยากให้พี่ไปรักษาตัวที่โน้นแล้วก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่โน้นกับคุณหมอด้วย" รอยยิ้มที่สดใสปรากฏบนใบหน้าสวยอีกครั้ง

"การที่มีคนยอมรับในสิ่งที่เราเป็นได้มันไม่ง่ายเลยนะธูปและก็ไม่ใช่ว่าจะมีมากมายพี่เองอาจจะโชคร้ายที่เป็นแบบนี้ แต่ในความโชคร้ายพี่ก็ยังมีโชคดี"

พี่มิลล์ยิ้มให้พี่พายก่อนจะหันมาพูดกับผม "พี่มีเพื่อนที่ดี มีลูก และมีคนที่ยอมรับพี่ได้ไม่รังเกียจพี่ ธูปเองเมื่อเจอคนที่รักเราไม่ว่ายังไงก็รักษาเขาเอาไว้ดีๆนะคะ"

ผมพยักหน้าหงึกๆก่อนจะมองสบตากับพี่พาย มันยิ้มอบอุ่นส่งมาให้สัสกำลังซึ้งเล่นเอาผมเขินไปไม่เป็นเลย

พี่มิลล์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นและหันมาพูดกับผม  "อยู่ทานอาหารฝีมือพี่ก่อนนะ แล้วค่อยกลับนะคะ"

"ครับ" ผมตอบกลับไปพี่มิลล์ส่งยิ้มมาให้(พี่มิลล์ยิ้มเก่งนะครับแต่ตาเศร้ามาก)เดินเข้าไปในครัวเหลือผมกับพี่พายสองคน
เอาล่ะกูทำตัวไม่ถูกกันเลยที่เดียว

"คิดถึง" ไอ้พี่พายมันกระโดดตุบมานั่งลงข้างๆผมทันทีเมื่ออยู่กันสองคน

"เหมือนกัน" มันกอดผมแน่นเมื่อได้ยินคำพูดของผม ผมเองก็กอดตอบมันเหมือนกัน

"อยาก" สัสอันนี้กูว่าไม่ใช่ละ

"พอเลย ปล่อย" ผมดิ้นพอเป็นพิธี(?)แต่มันไม่ปล่อยแถมยังฟัดผมอีกยกใหญ่

"ห้องข้างบนว่างนะพายใช้ได้" เสียงพี่มิลล์ดังมาจากในครัว คือพี่ไม่ห้ามเลยเหรอครับมีคนมาทำบัดสีบัดเถลิงในบ้านพี่นะครับ ห้ามหน่อยเถอะ

"ขอบใจนะมิลล์" ไอ้นี้ก็ไม่ปฏิเลธลากกูไปไหน ปล่อยกู กูไม่พร้อมจริงๆ

"พี่พายปล่อยไม่เอา" ผมขืนตัวเอาไว้ไม่เดินตามมันแต่แรงแมร่งเยอะขนาดไหนคุณก็รู้สุดท้ายมันดึงมือผมนิดเดียวตัวผมก็ปลิวไปตามมันล่ะ

อะไรใครหาว่าผมสมยอม ไม่มีอ่ะ
มันลากผมเข้ามาในห้องปุ๊บมันก็พาผมมานั่งที่เตียงก่อนจะปิดล็อคห้องด้วยความเร็วสูงมันพุ่งตัวโดดมาทับผมบนเตียง สัสจุกมากบอกเลย

"กูจุก" ผมร้องพร้อมกับยกเท้าถีบมันไปไอ้พี่พายฟังไม่ ตอบเลยว่าไม่ มันฟัดผมพร้อมกับขบเม้มซอกคอจนเป็นรอย รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
มันไถลตัวลงมานอนข้างๆผมกอดผมเอาไว้แนบอก

"ไม่ทำหรอกสัญญากับพ่อตาเอาไว้ ใครจะกล้าแหกกฏเดี๋ยวเขาไม่ยกลูกชายให้จะซวยเอา"

"ทำเป็นพูดไป ไม่ทำแล้วกัดคอธูปทำไม"

"ฝากรอยไปให้ใครบางคน" พี่พายยิ้มเจ้าเล่ห์มันยักคิ้วให้ผม แต่คำพูดมันทำเอาผมอดสงสัยไม่ได้

"ใครเหรอ"

"ไม่บอก" มันหอมหน้าผากผมจูบปากผมจนเจ่อ "วันนี้เลิกเรียนกี่โมง"

"สองทุ่ม" ผมตอบพร้อมยกนาฬิกาขึ้นมาดู หกโมงกว่าแล้วอ่ะ  "ไปส่งธูปที่มหาลัยทันไหม" ผมถามเพราะถ้าไอ้เทียนไปรับแล้วไม่เจอมันอาละวาดแน่นอน

"ทันแน่นอน มากอดให้หายคิดถึงหน่อย" แล้วที่รัดกูอยู่เนี่ยไม่เรียกว่ากอดเหรอวะ

หลังจากที่เราทั้งคู่นอนกอดกันอยู่บนเตียง(ไม่มีอะไรเกินกว่านั้น)พี่พายมันก็บอกให้ผมดูท่าทีของไอ้เทียนว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อผมกลับไป ผมก็สงสัยนะแต่มันไม่บอกอะไรมากกว่านี้อีกอย่างไอ้เทียนเองก็พูดแปลกๆเกี่ยวพี่พาย พี่พายเองก็พูดจาน่าสงสัยเกี่ยวกับไอ้เทียนสรุปสองคนนี้มีอะไรที่ผมไม่รู้รึเปล่า

ผมรับคำพี่พายมันแบบงงๆเรานอนคุยกันจนพี่มิลล์มาตามไปทานข้าว ผมบอกเลยนะว่าฝีมือพี่มิลล์นั้นสุดยอดมาก รสมือเหมือนม๊าผมไม่มีผิด เสน่ห์ปลายจวักสุดยอด ผมนี่เพิ่มข้าวไปสองจาน เมื่อทานอาหารเสร็จผมก็ลากลับบอกพี่มิลล์ว่าถ้าว่างจะมาเยี่ยมพี่แกอีกครั้งแน่นอน พี่มิลล์ก็บอกว่าจะรอ เธอบอกอยู่ที่นี่เหงาอยากมีเพื่อนคุย เราล่ำลากันสักพักก่อนที่พี่แกจะเดินเข้าบ้านไป

เหลือทิ้งไว้ที่ควายไบสันและลูกพี่พวกมันนี่แหละ พี่พายสั่งลูกน้องตัวเองให้ขับรถดีๆดูแลผมดีๆสั่งผมว่าถึงแล้วให้โทรมาบอกด้วยมันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมันจะกลับเข้ากรุงเทพก็อีกสองสามวันเพราะต้องสลับกับพวกพี่บาสมาเฝ้าพี่มิลล์ ผมก็พยักหน้าเข้าใจหลังจากรู้เรื่องพี่มิลล์ผมไม่มีคำว่าหึงคนทั้งคู่เลยจริงๆ

พี่พายกอดผม(ต่อหน้าลูกน้องมันอ่ะครับ)ก่อนจะหอมผมอีกฟอดใหญ่จึงปล่อยให้ผมขึ้นรถ โชคดีที่ขากลับมีแค่ผมและลูกน้องมันอีกแค่สองคนไม่มากเท่าตอนมา คนขับรถก็ทำเวลาอย่างดีใช้เวลาน้อยกว่าตอนไปมากโข สุดท้ายผมก็มาถึงมหาลัยตอนเกือบๆสองทุ่มตอนไอ้เทียนโทรมาผมไม่ได้รับแต่ไลน์บอกมันไปว่าเรียนอยู่

ผมนั่งอยู่ใต้คณะเพื่อรอไอ้เทียนมารับ ไม่นานผมก็เห็นคนที่หน้าตาเหมือนผมทุกระเบียบนิ้วเดินหน้านิ่งเข้ามาหา มันไม่พูดอะไรกระชากแขนผมให้ลุกขึ้นทันทีเมื่อมันประชิดตัวผม

"ไปไหนมา!!" มันดูโมโหมาก และผมก็ไม่เคยถูกมันโหโมใส่ด้วย

"ก กูก็เรียนไง มึงเป็นอะไรอ่ะเทียน"

"เรียนเหรอธูป เรียนบ้าอะไรเทียนเห็นธูปลงมาจากรถตู้แล้วต้องให้พูดไหมว่ารถของบ้านใคร ทำไมทำตัวแบบนี้วะธูป"
 
มันตะคอกใส่หน้าผมทำเอาผมตะลึงไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้มันดูโกรธมาก โกรธจนสามารถฆ่าใครก็ได้ที่อยู่ตรงหน้ามัน และคนๆนั้นก็คือผมนี่แหละ

ไอ้เทียนใช้มือมันเกี่ยวปกคอเสื้อผมเมื่อมันเห็นรอยที่คอของผมน็อตตัวสุดท้ายก็หลุดมันกระชากผมให้ไปที่รถ มันสถบคำหยาบมากมายจนผมฟังไม่ทัน พอยัดผมเข้าไปในรถได้มันก็ปิดประตูเสียงดังจนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ

"คราวนี้อย่าหวังว่าจะได้เจอกับมันอีกเลย"

ผมกำลังจะอ้าปากด่ามันบอกว่ามันไม่มีสิทธิ์มาห้ามผม ไหนจะเรื่องที่มันปลอมเป็นผมไปหลอกพี่พายอีก แต่ไม่ทันได้พูดอะไรมันก็กระชากรถออกตัวไปด้วยความเร็วทำให้ผมต้องหาที่เกาะเป็นหลักยึด กลัวจนลืมว่าจะพูดอะไรกับมัน ไว้ถึงบ้านเมื่อไหร่ผมก็มีเรื่องจะเคลียร์กับมันเหมือนกัน

ให้กูมีชีวิตรอดปลอดภัยถึงบ้านโดยไม่เหลือแต่วิญญาณอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๕ ครึ่งนึงของชีวิต ๑๙/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 19-09-2015 22:06:45
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๕ ครึ่งนึงของชีวิต


-ธูป-


กลับมาถึงบ้านไอ้เทียนก็ลากผมขึ้นมาบนห้องนอนทันทีโดยไม่มันสนใจสักนิดว่าผมเต็มใจจะขึ้นมากับมันไหม อารมณ์ร้อนคุยยังไงก็ไม่มีทางรู้เรื่องแต่ครั้นจะให้ผมพูดมันก็คงไม่ฟังกันอยู่ดี


ปัง!!



เสียงปิดประตูดังลั่นบ้านทำเอาผมสะดุ้งด้วยความตกใจ ไอ้เทียนลากผมมานั่งลงบนเตียงส่วนตัวมันก็ยืนอยู่ตรงหน้าผม มันจ้องหน้าผมเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดปูนขึ้น มันกำลังโกรธและโกรธมากทำไมมันต้องโกรธก็ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรผิดผมมีแฟนมีคนรัก ผมผิดมากนักหรือไง แล้วที่มันทำผู้หญิงคนนึงท้องเกือบต้องเสียอนาคตมันไม่คิดว่ามันผิดมากกว่าผมเลยหรือ


"ไปไหนกันมา!!" เสียงตวาดลั่นที่มันเพิ่งเคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผมเป็นครั้งแรกทำให้ผมรู้สึกไม่ดีนัก เมื่อก่อนมันโกรธมันน้อยใจอะไรมันไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผมเลยสักครั้ง


"............"  ผมจ้องหน้ามันเงียบๆไม่พูดอะไรออกไป เพราะต่อให้พูดกันตอนนี้ยังไงก็ไม่พ้นทะเลาะกันอยู่ดี


"ธูป!! ถามทำไมไม่ตอบ" เสียงตวาดยังคงดังใส่ผมอย่างต่อเนื่องโดยที่ผมไม่รู้ว่าทำผิดอะไรมากมายนักหนา


"จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ" ผมถามมันกลับไป  " อยากได้คำตอบแบบไหน คำตอบที่ถูกใจมึงหน่ะ"


"ธูป" เสียงมันอ่อนลงคงเพราะรู้ว่าผมเองก็กำลังโกรธมันเหมือนกัน


"เทียนมึงเป็นอะไร มึงโกรธอะไรพี่พายเขานักหนาวะ กูถามหน่อยเถอะ"


ไอ้เทียนหันหน้าหนีผม มันกระฟัดกระเฟียดเหมือนหาทางลงกับอารมณ์ของมันไม่เจอ อยากอาละวาดแต่ก็ไม่กล้าคงเพราะกลัวผมโกรธมันขึ้นมาจริงๆ


"ธูปก็รู้ว่าป๋าสั่งห้ามไปไหนมาไหนกับมัน"


"กูก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฏที่ป๋าตั้งไว้นี้ มึงนั่นแหละเป็นอะไร" ไอ้เทียนหันน้าหนีผมมันดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ


"เทียนไม่อยากให้ธูปคบมัน"


"กูว่าเราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะเทียน แล้วกูก็ไม่เห็นว่าพี่พายมันจะเลวร้ายอะไรเลย มึงคิดมากไปเองรึเปล่า"


"ธูปรู้จักมันดีแค่ไหนกัน"


ถ้าจะตอบว่ารู้จักดีก็ตอบได้ไม่เต็มปาก เพราะความจริงผมก็ไม่ได้รู้เรื่องของพี่พายมากมายเท่าที่มันอยากให้รู้ ผมรู้แค่ว่าบ้านมันทำธุระกิจอะไร เพื่อนมันมีใครบ้างและความลับเรื่องพี่มิลล์ที่มันเปิดรับให้ผมเข้าไปในโลกของมันอีกก้าวนึง แต่ผมเองก็ตอบตัวเองแและไอ้เทียนไม่ได้เหมือนกันว่าผมรู้เรื่องพี่พายมากน้อยแค่ไหน


"ธูปเองก็ตอบไม่ได้" ไอ้เทียนพูดเหมือนรู้ใจผม ก็นะเราเป็นแฝดกันนิครับ


"กูรู้แต่ว่ากูรักพี่พาย และกูก็มั่นใจว่ามันเองก็รักกู" ผมรู้แค่นี้จริงๆ


"เทียนรักธูปรักมากกว่ามันอีก!!" ไอ้เทียนตวาดใส่หน้าผมอีกครั้ง


"กูรู้" บนโลกนี้ถ้าจะมีใครสักคนที่รักผมทำเพื่อผมได้มากมาย คงต้องมีชื่อไอ้เทียนอยู่ในลำดับต้นๆแน่นอน


"กูก็รักมึงนะเทียน"  ผมพูดความรู้สึกของตนเองออกไปทั้งหมด  "มึงเป็นเพื่อน เป็นน้อง เป็นทุกอย่างในชีวิตกู เราอยู่ด้วยกันก่อนจะเกิด ลืมตาดูโลกพร้อมๆกัน ทำทุกอย่างด้วยกัน มึงสอนให้กูรู้จักคำว่ารัก สอนให้กูรู้จักแบ่งปัน มึงเป็นคนสอนกูทุกอย่าง"


"......."


"กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงกู กลัวกูเสียใจแต่กูไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเทียนกูโตแล้ว สุขบ้างทุกข์บ้างมันก็คือชีวิตกู"


ไอ้เทียนก้มหน้าน้ำตามันไหลออกมาเงียบๆ


"ที่มีมึง"



ไอ้เทียนเงยหน้ามามองผมก่อนมันจะทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าผมมันโผเข้ากอดเอวผมแน่นซบหน้าร้องไห้กับตักผม


ผมรู้ว่ามันรักผมมากเราอยู่ด้วยกันตลอดทำทุกอย่างร่วมกันเป็นทุกอย่างของกันและกันมันเป็นมากกว่าน้องชายมากกว่าครอบครัวเพราะมันเป็นอีกครึ่งในชีวิตผม เราเกิดมาพร้อมกันเรียนรู้สิ่งต่างๆพร้อมๆกัน ร้องไห้ก็เช็ดน้ำตาให้กัน ยิ้มหัวเราะมีความสุขเราก็แบ่งปันกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตผมต้องมีไอ้เทียนร่วมอยู่ด้วยเสมอ


"เทียนรักธูปนะ" มันพร่ำบอกแต่คำเดิมๆ ร้องไห้และพูดแต่คำนี้ซ้ำๆ


ผมยกมือลูบหลังมันก่อนจะพูด  "กูก็รักมึง"


"น้องชาย"


มันเงียบเสียงเป็นความเงียบที่ชวนอึดอัดไม่น้อย มันพูดเสียงอู้อี้ตรงตักผม ฟังไม่ได้ศัพท์ว่ามันพูดว่าอะไร


"เทียนมึงเข้าใจที่กูพูดไหม" ผมถามย้ำกับมันอีกครั้ง


มันส่ายหัวอย่างเดียวไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลย


"เทียนกูรักมึงที่สุดนะ แต่กูเองก็ต้องมีชีวิตของกู เหมือนๆกับมึง"


"ชีวิตของเทียนมีแต่ธูป" มันกอดผมเอาไว้แน่น เสียงสั่นเครือทำให้ผมใจไม่ดี


"คุยกันดีๆเถอะเทียน มึงบอกกูสิว่าทำไมถึงเกลียดพี่พาย กับฝนมึงยังไม่เป็นแบบนี้เลย"


ถึงมันจะไม่ค่อยชอบหน้าน้ำฝนเท่าไหร่เอาจริงๆมันก็ไม่ชอบแฟนผมทุกคนนั้นแหละแต่ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะรุนแรงเท่าครั้งนี้เลย


ไอ้เทียนลุกขึ้นยืนก่อนที่มันจะพูดออกมา  "เทียนเกลียดทุกคนที่เข้าใกล้ธูป เกลียดที่ทุกคนมาแย่งความรักของธูปไปจากเทียน เกลียดที่พวกมันทำในสิ่งที่เทียนทำไม่ได้ เทียนเกลียด"


"มึงหมายความว่ายังไง"


ไอ้เทียนไม่ตอบแต่มันโถมตัวลงมาทับผมไว้ทั้งตัว  "เทียนไม่อยากเป็นแค่ครึ่งชีวิตของธูป เทียนอยากเป็นทั้งหมดของธูปเข้าใจไหม"


พูดจบมันก็จูบผมมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราจูบกัน เราเคยจูบกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ดังนั้นตอนที่จูบกับพี่พายผมถึงบอกว่านั่นคือจูบแรกที่ผมจูบกับผู้ชายเพราะผมมองไอ้เทียนเป็นน้องไม่ใช่ผู้ชายคนอื่นมันคือน้องคือครอบครัว แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่มันต่างออกไปเพราะมันกำลังใช้ลิ้นกับผม พอได้สติผมก็ขัดขืนทั้งดันทั้งถีบดิ้นรนเอาตัวรอด ทั้งๆที่เราตัวเท่ากันสูงเท่ากันแต่ทำไมผมถึงสู้แรงมันไม่ได้เลย


"แฮกๆ มึงทำแบบนี้ทำไม!!"  ผมตะคอกมันดังลั่นเมื่อมันปล่อยปากผมให้เป็นอิสระ ตกใจกับสิ่งที่เกิดไม่คิดว่ามันจะกล้าทำกับผมแบบนี้


ผมถดตัวหนีมันยอมรับว่าเริ่มกลัวคนที่ผมคิดว่าผมรู้จักมาทั้งชีวิตแต่เอาเข้าจริงผมไม่รู้จักมันเลย


"นี่แหละคำตอบ เทียนรักธูป รักแบบที่อยากได้อยากครอบครองไม่ได้อยากเป็นน้อง ไม่ได้อยากเป็นแค่น้อง โว้ย!!!" มันก้มหน้ากับที่นอนยกมมือทุบที่นอนเหมือนต้องการระบายความอัดอั้นในใจ


ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูกงงๆกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินได้รับรู้ เราต่างจมอยู่กับความคิดตัวเองนานพอสมควรจนเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาทำให้เราทั้งคู่ได้สติ


"ไอ้ไฟ" ไอ้เทียนลุกขึ้นนั่งทำพร้อมจะกระโจนใส่ทุกคนที่เข้ามาใกล้ เริ่มเหมือนหมาบ้าเข้าไปทุกที


"ครับพี่เอง" พี่ไฟเดินยิ้มเย็นๆสะท้านไปทั้งทรวง ขนลุกเลยกู


"มึงเข้ามาทำไม" ไอ้เทียนมันยืนจ้องหน้ากับพี่ไฟ


พี่ไฟเพียงแค่ยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ดูสยองมากสำหรับผม สองคนนี้มีเรื่องอะไรกันทำไมบรรยากาศรอบตัวทั้งคู่ดูกดดันแปลกๆ


"ธูปต้องไปทำงานนะครับ" ได้ยินดังนั้นผมก็ลนลานรีบลงจากเตียงเพื่อจะหนีไปจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้


"ขอบคุณครับพี่ไฟ"


"จะไปไหนครับเทียน" พี่ไฟจับแขนไอ้เทียนเอาไว้เมื่อมันเดินตามผมมา ผมหันกลับไปมองมันแต่จะให้ผมอยู่กับมันตอนนี้ผมไม่พร้อมจริงๆ


"ธูปอย่าทิ้งเทียนนะ กลับมา ธูปกลับมาหาเทียนนะ กลับมา ปล่อยกูไอ้สัสปล่อย"


"เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับเทียน"


ผมยอมรับเลยว่าวันนี้สมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากๆเสริ์ฟผิดเสริ์ฟถูกจนโดนดุไปหลายรอบสุดท้ายป๊าก็ให้ผมไปพักสลบสติอารมณ์ตัวเอง ผมเดินไปทางที่จอดรถลูกค้าก่อนจะล้วงเอาบุหรี่ที่นานๆครั้งจะสูบมันสักที ตอนนี้ผมต้องการสารนิโคตินที่ทำให้สมองปลอดโปร่ง เอาจริงๆมันก็ไม่ช่วยอะไรมากนักหรอกนะครับแต่เพราะไม่มีทางอื่นแล้วจะให้กินเหล้าเมาก็กลัวป๊ามาฟาดหัวผมแตกก่อนที่จะเมา


ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลังเลว่าจะโทรหาพี่พายดีไหมจะบอกมันดีไหมว่าผมเจออะไรมา ผมไม่อยากเอาเรื่องปวดหัวไปให้มันแต่ผมก็ไม่อยากเก็บมันเอาไว้มันจะระเบิดอยู่แล้ว


น้องชายที่ผมคิดมาเสมอว่าเราคือคนๆเดียวกันคนที่ผมให้ทั้งความรักความเชื่อใจ ให้ทุกอย่างกับมันสุดท้ายมันกลับไม่คิดแบบเดียวกันเมื่อไหร่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของมันสวนทางกับผม ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันคิดกับผมแบบนี้


ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันก้าวข้ามผ่านคำว่าสายเลือด


"พี่พาย" ผมกดโทรศัพท์โทรออกหาเบอร์ปลายทาง แค่ได้ยินเสียงมันใจผมก็อุ่นวาบขึ้นมาทันที


"ธูปเป็นอะไร ใครทำอะไรบอกพี่"
น้ำเสียงร้อนรนดังขึ้นที่ปลายสายทั้งๆที่ผมไม่ได้บอกอะไรมันเลย


"ไม่มีอะไรหรอกธูปแค่คิดถึงพี่อ่ะ" ผมโกหกออกไปคำโตเพราะไม่อยากให้มันคิดมาก ไม่อยากให้มันมองไอ้เทียนไม่ดีไม่อยากให้น้องเค้กรู้เรื่อง


สุดท้ายผมก็แคร์ทุกคนรอบตัวมากกว่าตัวผมเอง แต่มันก็คุ้มนะครับเพราะถ้าทุกคนรู้ไอ้เทียนอาจจะโดนมองไม่ดี น้องเค้กที่ท้องแก่ใกล้คลอดอาจจะเสียใจ ครอบครัวน้องเค้กอีกล่ะ พี่พายเองจะมองหน้ากันติดไหม สุดท้ายผมก็ต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้กับตัวเองให้ผมทุกข์คนเดียวดีกว่าทุกคนต้องมาเสียใจกับเรื่องนี้


ทุกคนกำลังมีความสุขกับการเกิดมาของเทวดตัวน้อยๆผมไม่อยากทำลายความรู้สึกนั้น


"กินข้าวรึยัง"
พี่พายถาม


"ยังอะ เดี๋ยวค่อยไปกินป๊าให้มาพัก"


"มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่นะธูป เราเป็นแฟนกันเป็นคนคนๆเดียวกันแล้ว"


ผมยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมาน้ำตาที่มันไหลออกมาอาจจะเพราะผมอ่อนแอเกินไปตัดสินใจทำอะไรไม่สุด ผมก็แบบนี้ไม่กล้า ใจไม่แข็งพอ


ผมสูดน้ำมูกเช็ดน้ำตาลวกๆก่อนจะพูด "ธูปสบายดี พี่พายแค่นี้ก่อนนะธูปต้องไปทำงานแล้วเดี๋ยวป๊าว่าเอา"


"ครับ คิดถึงนะ"


"คิดถึงเหมือนกัน วางนะ"


ผมเก็บมือถือลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในร้านแต่ก็เจอกับผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่มายืนขวางทางเอาไว้


"ขอโทษครับขอทางหน่อย" ทั้งๆที่รู้ว่ากำลังมีเรื่องผิดปกติแต่ผมก็ยังทำใจดีสู้เสือพูดออกไป


ผู้ชายสามคนมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา หนึ่งในสามคนนั้นพูดออกมาทำเอาผมต้องถอยหลังด้วยความกลัว


"น่าตาดีเหมือนกันนี่หว่า"


"คุณพูดเรื่องอะไร" ผมถามพร้อมสอดส่ายสายตามองหาทางหนีที่ไล่


"ถ้ามึงไปกับพวกกูดีรับรองว่าร้านมึงไม่พัง พ่อแม่มึงไม่เจ็บตัว แต่ถ้าไม่"


มันถกชายเสื้อขึ้นเพื่อให้ผมเห็นกับกระบอกปืนที่เหน้บเอาที่เอว


"กูยิงไม่เลี้ยง"


มันเดินมาประชิดตัวไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรใครอีกคนก็เอาผ้ามาอุดจมูกผม พยายามกลั้นหายใจให้ได้นานที่สุดแต่สุดท้ายก็ต้องสูดหายใจพร้อมกับกลิ่นฉุนๆที่อยู่ในผ้าเข้าไปเต็มปอด สติที่มีลางเลือนจนสุดท้ายก็ดับวูบ


ก่อนจะได้เห็นใครอีกคนที่เดินลงมาจากรถตู้


"อุ้มไปที่รถเร็ว!!"
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๕ ครึ่งนึงของชีวิต ๑๙/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 19-09-2015 23:42:32
เอร้ยยยย ไม่นะๆๆๆๆ
อิพี่พาย เมียแกโดนฉุดแล้ว
มาช่วยด่วน

ช็อคแปป เรื่องเทียน อ้ากกกกก
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๕ ครึ่งนึงของชีวิต ๑๙/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 20-09-2015 13:45:23
รู้สึกว่าธูปดอกนี้จะมีแต่เรื่อง แฮะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๕ ครึ่งนึงของชีวิต ๑๙/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-09-2015 15:45:29
มีแต่เรื่องเนอะธูป
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๕ ครึ่งนึงของชีวิต ๑๙/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 21-09-2015 13:56:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๖ หน้าสวยใจเสีย ๒๑/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 21-09-2015 16:32:36
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๖ หน้าสวยใจเสีย



ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาไม่รู้ตอนไหนเวลาเท่าใดเพราะห้องที่ผมอยู่ถูกปิดด้วยผ้าม่านมิดชิด ผมพยายามจะลุกขึ้นจากที่นอนก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากมือทั้งสองข้างถูกล็อคด้วยกุญแจมือติดกับหัวเตียง ผมจึงล้มเลิกความพยายามที่จะดันทุรังเพราะยังไงสุดท้ายผมก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากการเกาะกุมที่แน่นหนานี่ได้อยู่ดี สุดท้ายจึงเอาเวลามาคิดหาทางรอดวิธีอื่นสอดส่ายสายตามองดูภายในห้องที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมานักนอกจากโต๊ะเก้าอี้ โทรทัศน์ และที่ทำให้ผมลมหายใจสะดุดนั่นก็คือ กล้องวิดีโอสองตัวที่หันมาทางเตียง


ไม่ว่าใครก็ตามที่จับตัวผมมามันผู้นั้นต้องไม่หวังดีกับผมและมันก็คิดจะทำเรื่องระยำๆกับผมแน่นอน คราวนี้ผมไม่อยู่เฉยรอตกเป็นเหยื่อพยายามกระตุกแขนตัวเองมองหาทางรอดอันน้อยนิดและเมื่อดิ้นไปมาจนผ้าห่มคลุมกายร่นลงไปอยู่ที่เอว ผิวเนื้อสัมผัสกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกตัวว่าร่างกายผมไม่มีเสื้อผ้าปกปิดเลยแม้แต่ชิ้นเดียว


นี่มันเรื่องอะไรกันวะ



เสียงพูดคุยดังขึ้นใกล้ๆพร้อมกับเสียงเปิดประตูทำให้ผมละความพยายามที่จะหนี แสร้งทำเป็นหลับทันทีเพื่อต้องการจะรับรู้ว่าใครเป็นคนที่จับผมมา เพราะถ้าผมตื่นมันอาจจะเป็นอันตรายกับผมมากกว่านี้ก็เป็นได้


"ทำไมยังไม่ตื่นอีก" เสียงคุ้นหูที่ได้ยินทำเอาร่างกายผมเกร็งตัวขึ้นอย่างอัตโนมัติ


"กูจะรู้ไหม ก็โป๊ะไปเท่าๆกับตอนอีนั้นอ่ะ"


"ถ้าพี่ธูปของกูเป็นอะไรไปพวกมึงโดนแน่"


"อย่ามาขู่กูนะอีบีมันไม่ตายหรอกแค่ยานอนหลับมึงก็ทำเป็นตื่นเต้นไปได้อีห่า ทำไมกลัวไม่ได้มันทำผัวรึไง"


เสียงทะเลาะยังคงดังอย่างต่อเนื่องในห้องที่ผมถูกล็อคเอาไว้ เสียงน้องบีโหวกเหวกโวายวายตะคอกใส่ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในห้องเดียวกัน ผมเองก็ยังคงแกล้งทำเป็นหลับอยู่แบบนั้นเพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่าถ้าพวกมันรู้ว่าผมตื่นแล้วมันจะมีอันตรายอะไรกับผมรึเปล่า


"พวกมึงออกไปก่อนไปกูจะอยู่กับผัวกู"


เสียงปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความเงียบที่อัดแน่นไปด้วยความกดดันผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ผมยอมรับว่ากลัวไม่ใช่ว่ากลัวน้องบีจะทำร้ายอะไรหรอกนะครับแต่ที่ผมกลัว ผมกลัวว่าน้องบีจะทำกับผมเหมือนที่ทำกับน้ำฝนถ้าเป็นแบบนั้นอย่าว่าแต่พี่พายเลยครอบครัวผมจะรับได้ไหมถ้าลูกชายต้องเป็นดาราหน้ากล้อง


"ทำไมยังไม่ตื่นอีกคะคนดี" มือนุ่มที่ลูบไล้บนใบหน้าผมทำเอาแทบหยุดหายใจ ผมสยองขนลุกซู่เหมือนตัวเองกำลังจะถูกฆ่าตายในไม่ช้า


"........."


"พี่รู้ไหมว่าบีรอเวลานี้มานานขนาดไหน พี่ไม่เคยรู้หรอกว่าบีต้องเสียอะไรไปบ้างเพื่อให้ได้พี่มาอยู่ตรงนี้"


น้องบียังคงพร่ำเพ้อและลูบไล้ร่างกายของผมไปทั่ว มือนุ่มๆนั่นเริ่มจะลูบต่ำลงมาเรื่อยๆจนผมต้องเกร็งหน้าท้องตัวเองเมื่อมือนั้นลูบวนอยู่ตรงสะดือ


"พี่รู้ไหมว่าพี่เป็นรักแรกของบีเลยนะคะ บียอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่ ยอมเจ็บตัวนอนบนเตียงให้หมอผ่าเปลี่ยนบีเป็นอีกคนก็เพราะพี่"


"......."


"บีอยากสวยก็เพราะพี่ บียอมเจ็บก็เพราะพี่ แต่ทำไม!!"


น้องบีตะเบ็งเสียงขึ้นมาพร้อมกับสะอื้นไห้ เธอร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วยฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงร้องไห้ของเธอมันฟังแล้วทรมานแต่คำพูดอาฆาตร้ายที่เธอพูดออกมาทำเอาความน่าสงสารนั้นหายไปเยอะเหมือนกัน


"ทำไมอีผู้หญิงหน้าจืดนั้นถึงได้พี่ไปครอง ทำไมไม่ใช่บีทำไมๆ!!" เธอกรัดร้องคลุ้งคลั่งจนผมเริ่มกลัวว่าเธอจะอาละวาดทำร้ายตัวเองและก็ทำร้ายผมที่นอนอยู่ตรงหน้าเธอ


"........"



"แม้แต่ไอ้เกย์สกปรกนั้นก็ได้พี่ไป บีไม่ยอม พี่เป็นของบี ฮ่าๆ เป็นของบีคนเดียว "


เธอซบลงกับอกผมลูบมือปัดป่ายไปทั่วร่างอย่างย่ามใจเธอทั้งร้องทั้งสะอื้นและหัวเราะอย่างกับคนบ้าในเวลาเดียวกัน


"ไม่มีใครแยกเราสองคนได้หรอกค่ะพี่ธูป ไม่มี"


เธอผละออกจากร่างผมก่อนที่เสียงประตูจะดังขึ้นอีกครั้ง ความเงียบเข้ามาแทนทีผมลืมตาขึ้นช้าๆพยายามกระตุกข้อมือตัวเองอย่างกับคนบ้า รู้ว่ามันไม่มีทางหลุดแต่ผมก็ไม่อยากนอนอยู่เฉยๆให้อันตรายมาถึงตัว 


ผมดิ้นรนหาทางรอดอยู่นานแต่สุดท้ายมันก็เหมือนเดิมนั้นคือไร้ทางหนี ระหว่างที่ผมกำลังหาทางเอาตัวรอดอยู่นั้นประตูห้องก็เปิดออกอย่างแรง ร่างบางที่หน้าตางดงามที่ใครต่อใครเห็นพาลต้องมองเหลียวหลัง เดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้ม


"ตื่นแล้วเหรอคะ"


"บีจับพี่มาทำไม" ผมถามทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว


น้องบีแค่ยิ้มเย็นๆส่งมาให้เธอมองผู้ชายที่เดินตามเธอเข้ามาอีกสามคนก่อนจะบอกให้หนึ่งในนั้นนำของบ้างอย่างมากรอกปากผม พอได้ยินคำสั่งพวกมันก็กรูกันเข้ามาจับผมอ้าปากเอาน้ำอะไรสักอย่างที่ไม่เป็นผลดีกับผมแน่ๆกรอกเข้ามาในปากผม ผมกัดปากตัวเองแน่นแต่หนึ่งในสามคนนั้นก็บีบจมูกผมจนสุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ยอมอ้าปากเพื่อเอาอากาศเข้าปอดพวกมันจึงสบโอกาสนั้นกรอกน้ำใสๆเข้ามาในปากผมทันที


เมื่อเสร็จสิ้นที่น้องบีสั่งพวกมันก็พูดจาหยาบโลนกับน้องบีแต่ละคำไม่คิดว่าผู้ชายจะใช้พูดกับผู้หญิง น้องบีเองไม่มีท่าทีโกรธเคืองกับยิ้มชอบใจและหัวเราะร่าอย่างมีความสุข เธอสั่งให้พวกมันจับขาผมมัดกับขาเตียงเป็นอันเสร็จสิ้นงานของพวกมัน ก่อนที่เธอจะโยนห่ออะไรบ้างอย่างให้หนึ่งในสามคนนั้นและบอกให้พวกมันออกไปถ้าเธอไม่เรียกก็ห้ามเข้ามา


ผมเริ่มรู้ชะตากรรมของตนเองเมื่อร่างกายร้อนผ่าวแก่นกายปวดหนึบจนทนไม่ไหวผมเริ่มดิ้นเพื่อเอาตัวรอดอีกครั้ง น้องบีหัวเราะกับสิ่งที่ผมทำเธอเดินไปที่กล้องวิดีโอสองตัวเปิดทีวีที่อยู่ปลายเตียง ภาพของผมที่นอนอยู่ปลายเตียงปรากฏชัดในทีวีตรงหน้า ผมแหกปากลั่นห้องเมื่อรู้ชะตากรรมไม่ต่างจากน้ำฝน แต่ของผมอาจจะซวยกว่าตรงที่ดูเหมือนผู้กระทำจะทำจริง


น้องบีเดินมาใกล้เมื่อเธอจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เธอเปลื้องผ้าที่ตัวเธอออกจนหมด ผมเห็นดังนั้นก็ได้แต่หันหน้าหนีเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองเธอดึงผ้าห่มที่คลุมกายผมออกทิ้งมันอย่างไม่ใยดี เธอนั่งลงข้างๆผมใช้สองมือประคองแก่นกายที่แข็งชูชันจากยาที่โดนกรอกปากก่อนที่เธอจะขึ้นคร่อมร้างผมและเริ่มในสิ่งที่ผู้หญิงน้อยคนจะกล้าทำมัน


ผมดิ้นรนทั้งขอร้องเธอให้หยุดการกระทำนั้น แต่เธอไม่แม้แต่จะสนใจเสียงของผมเธอยังคงทำมันซ้ำๆทุกวันโดนไร้การป้องกัน ผมโดนกรอกยาทุกครั้งเมื่อเธออยากมีสัมพันธ์ด้วย น้ำตาผมตกในทันทีเมื่อคิดถึงหน้าพี่พายมันคงรับไม่ได้เมื่อรู้ว่าคนที่มันไว้ใจกำลังมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น ผมอยากร้องอยากแหกปากตะโกนใส่ใครสักคนที่ทำให้ชีวิตผมมันโคตรบัดซบถึงเพียงนี้ แต่จะโทษใครได้นอกจากความประมาทไม่ระวังตัวของตัวเอง


น้องบียังใจดีให้ผมได้พักกินข้าวอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวแต่ทุกครั้งที่มือถูกปล่อยให้เป็นอิสระขาผมกลับถึงตรึงด้วยโซ่เหมือนนักโทษ น่าสมเพชตัวเองจนอยากจะตายวันล่ะหลายๆครั้ง ชีวิตผมวนลูปเดิมซ้ำๆไร้จุดสิ้นสุดถูกกระทำซ้ำๆด้วยความไม่เต็มใจ ผมเหมือนคนไร้สติเข้าไปทุกทีไม่รู้วันรู้เวลา รู้แค่ว่าจวนเจียนจะบ้าเสียให้ได้


"ถ้าบีท้องลุกเราต้องน่ารักมากๆเลยพี่ธูปว่าไหมคะ" ผมเงียบฟังเธอพูดจ้อเพ้อเหมือนคนบ้าต่อไปโดยไม่คิดจะขัด


"บีรักพี่ธูปนะคะ" เธอนอนกอดผมร่างกายเปลือยเปล่าของเราสองคนเสียดสีกันใต้ผ้าห่มแต่ทำกลับไม่รู้สึกพิศวาสเธอเลยสักนิดกลับกันผมรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากจะอ้วก


"บี" เธอผงกหัวขึ้นมามองผมด้วยความดีใจที่ผมยอมเปิดปากพูดกับเธอ


"คะ"


"ทำแบบนี้ทำไม" ดวงตาผมเลื่อนลอยไร้ความรู้สึก ผมคงใกล้บ้าเข้าไปทุกวัน


"บีรักพี่" คำตอบของเธอเหมือนทุกครั้งเวลาที่เธอพูดกับผม สายตาเธอเลื่อนลอยหาจุดหมายปลายทางไม่เจอ เราสองคนคงจะใกล้บ้าพอกัน


"แต่พี่ไม่ได้รักบี"


"ฮ่าๆๆ" เธอหัวเราะออกมา  "พี่จะบอกว่าพี่รักไอ้ผู้ชายสกปรกนั้นเหรอคะ"


ผมหันสายตากลับไปมองเธอ "พี่พายไม่ใช่ผู้ชายสกปรก!!"  ผมตวาดลั่น


"มันทำให้พี่ผิดเพศไม่เรียกว่าสกปรกวิปริตจะเรียกว่าอะไรคะ!!" เธอเองก็โมโหไม่แพ้กัน


"........"



"แต่ช่างเถอะค่ะ เพราะหลังจากนี้มันจะไม่มายุ่งกับเราสองคนแน่นอน ฮ่าๆๆ"


ผมเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆว่าจะเกิดเรื่องขึ้นในไม่ช้า แต่แล้วสิ่งที่ผมคิดมันก็เป็นจริงเมื่อผู้หญิงข้างกายเอ่ยปากบอกในสิ่งที่ผมกลัว


"บีส่งคลิปรักของเราสองคนให้มันแล้วนะคะ ป่านนี้คงอกแตกตายไปแล้วล่ะมัง ฮ่าๆสะใจจริงๆ ต่อไปก็จะไม่มีหมาตัวไหนมาขวางทางเราได้แล้วนะคะที่รัก"


ผมตัวแข็งทื่อสมองไร้การรับรู้ทุกสิ่งรอบตัว พี่พายเห็นคลิปรึยังพี่พายจะรับได้ไหมพี่พายจะรังเกลียดผมไหม ในหัวผมมีแต่ความกังวลเกี่ยวพี่พายกลัวไปหมด กลัวพี่พายจะโกรธและหมดรักผมโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิด


แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหล


กลิ่นคาวจากน้ำกามส่งกลิ่นชวนสำรอกมันคละคลุ้งไปทั่วห้องแต่นั่นยังไม่น่าอาเจียนเท่าคำรักที่ผู้หญิงข้างกายผมพ่นมันออกมา ผมได้แต่นอนนิ่งๆให้เธอกอดลูบไล้เธอจะทำอะไรกับร่างกายของผม ผมเองก็ไม่อาจจะขัดขืนได้สุดท้ายจึงได้เพียงแต่นอนนิ่งๆเหมือนคนไร้หัวใจให้เธอทำตามอำเภอใจโดยไม่คัดค้าน


ผมเริ่มชินกับชะตากรรมของตัวเองหลังจากเธอเพ้อสนุกกับร่่งผมจนพอใจเธอก็จะลุกไปอาบน้ำหาอะไรใส่ปากใส่ท้องยังดีที่เหลือมาเผื่อแผ่ถึงผม เมื่อปากท้องอิ่มเธอก็เริ่มจะทำเรื่องบัดสีกับร่างกายผมเหมือนทุกๆวันวนซ้ำไปเรื่อยๆจนผมชินชา


แต่วันนี้เหมือนสรรค์จะได้ยินคำอ้อนวอนของผมขณะที่ผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่บนร่างผมเธอกำลังสนุกกับร่างกายของผมอยู่นั้นเสียงเอะอะก็ดังขึ้นจากหน้าห้องก่อนที่ประตูห้องจะโดนกระแทกอย่างแรงและปรากฏร่างของที่ผมคิดถึงสุดหัวใจ


"พี่พาย" ผมร้องออกมาด้วยความดีใจอย่างห้ามไม่อยู่


พี่พายตะลึงกับภาพที่เห็นก่อนจะตั้งสติได้พี่มันกระชากตัวน้องบีออกมาจากร่างผมก่อนฝามือจะตบเข้าที่ใบหน้าสวยนั้นอย่างแรงจนน้องบีสลบหลับไปกลางอากาศ


พี่ไฟและไอ้เทียนตามเข้ามาในห้องอย่างร้อนรนเมื่อทั้งคู่เห็นผมเป็นพี่ไฟที่ตั้งสติได้พี่ไฟนำผ้าห่มมาคลุมร่างผมก่อนจะตะโกนให้คนข้างนอกเอากุญแจมาปลดพันธนาการให้ผม ไอ้เทียนหน้าตาดุดันมันย่างสามขุมเข้าหาผู้หญิงคนนั้นก่อนจะลากเธอไปทางห้องน้ำ สักพักเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวก็ดังขึ้น


เมื่อผมเป็นอิสระจากพันธนาการก็รีบรุดไปดูไอ้เทียนด้วยกลัวว่ามันจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นตายคามือ ผมลงจากเตียงใช้ผ้าห่มคลุมกายก่อนจะวิ่งไปเพื่อห้ามน้องตัวเอง ภาพที่ทำให้ใจหายวาบไอ้เทียนกำลังจับผู้หญิงคนนั้นกดน้ำในโถส้วมก่อนที่มันจะกรนด่าเธอสารพัดสุดท้ายพี่ไฟก็จับทั้งสองคนแยกจากกัน พี่พายเดินมากอดผมเอาไว้


อ้อมกอดที่ผมคิดถึงและโหยหาผมพลิกตัวซบหน้าเข้าหาพี่หาย กลิ่นกายที่คิดถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นน้ำตาผมไหลจนกลายเป็นเสียงสะอื้นพี่พายพรมจูบไปทั่วหน้าผม ปากก็พร่ำบอกว่าปลอดภัยแล้วไม่เป็นไรแล้ว ก่อนที่เราทั้งคู่จะถูกกระชากออกจากกันด้วยฝีมือน้องชายของผม


"ธูปไม่เป็นไรใช่ไหม" ไอ้เทียนเอ่ยปากถามมือมันลูบหน้าลูบตาผมด้วยความวิตก


"ไม่เป็นไร" ผมรู้ว่ามันเป้นห่วงผมแต่เรื่องก่อนหน้าที่ผมจะถูกจับมามันยังอยู่ในหัว สุดท้ายผมก็ไม่กล้าสบตามันซึ่งๆหน้าเพราะผมยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่มันบอกกับผม


"ธูปกลับบ้านไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป" พี่พายบอกผมพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ


"พี่พายจะทำอะไร" ผมถามเพราะรู้สึกกลัวว่าพี่พายมันจะทำอะไรบ้าๆ


"เชื่อใจพี่นะครับคนดี" พี่พายพูดกับผมก่อนจะหันไปหาพี่ไฟ  "พาธูปกลับบ้านไปทีนะครับ"


พี่ไฟยิ้มเย็มก่อนจะตอบกลับไป  "ผมจะอยู่นี้เก็ดกวาบทุกอย่างเอง"


ผมมองคนทั้งคู่แล้วรู้สึกขนลุกซู่ ทำไมสองคนนี้ฉายแววอำมหิตออกมามากมายจนผมเองยังรู้สึกกลัว


"กูก็จะอยู่สั่งสอนมันเหมือนกัน" ไอ้เทียนที่ยืนกอดผมพูดขึ้นมาบ้าง


"ไม่ได้!!" พี่ไฟตวาดลั่น


"ทำไมอ่ะ"


"เทียนอยู่ใครจะดูแลธูป กลับไปพร้อมธูปนั้นแหละที่เหลือพี่จัดการเอง"


ไอ้เทียนคงเห็นด้วยมันกระฟัดกระเฟียดก่อนจะประคองผมพาไปที่รถตู้ที่มีคนของพี่พายรออยู่ ผมกังวลใจด้วยเพราะรู้นิสัยพี่ชายตัวเองและคนรักว่าเมื่ออารมณ์ดีก็ดีใจหายแต่ถ้าร้ายก็ดั่งพายุที่พร้อมจะทำร้ายทุกอย่างที่ขว้างหน้า


แต่สุด้ทายก็ได้แต่ปลง ใครทำอะไรไว้สุดท้ายก็ต้องรับผลกรรมที่ตนก่ออยู่ดี ไอ้เทียนกอดผมไว้แน่นมันตัวสั่นด้วยความโกรธผมรู้มันอยากแก้ให้ผมแต่มันคงคิดได้ว่าแค่สองคนในบ้านนั้นและลูกน้องอีกนับสิบก็คงพอไม่ต้องถึงมือมัน


ผมหลับตาลงช้าๆนึกรังเกียจตัวเองที่ร่างกายสกปรกถ้าจะมีใครที่สกปรกอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูดคนๆนั้นคงเป็นผมเองนี่แหละ


ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าพี่พายจะกอดผมโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยไหมจะกอดโดยสนิทใจรึเปล่า


"เทียนขอโทษ" เสียงสั่นๆดังขึ้นเหนือหัวผม


ผมเงยหน้ามองคนที่หน้าเหมือนผมทุกกระเบียดนิ้วที่กำลังกอดดผมอยู่


"ขอโทษเรื่องอะไร" ผมถาม


"ขอโทษที่บอกความรู้สึกของเทียนให้ธูปรู้ ขอโทษที่ทำให้ธูปไม่สบายใจ ขอโทษ....."


"พอเถอะไม่ต้องแล้ว กูไม่เคยโกรธมึงเลยนะเทียน"


"........."



"เพราะมึงคือน้องกู คืออีกครึ่งชีวิตของกู กูรักมึงมากอาจจะมากกว่าชีวิตกูเองด้วยซ้ำแต่กูขอร้องล่ะนะ" ผมจ้องตามันก่อนจะพูดต่อ  "อย่าบังคับให้กูเลิกกับพี่พายเลยนะ กูขอร้อง"


ไอ้เทียนกอดผมแน่นมันซบหน้าลงกับหัวผมตัวมันสั่นเทาพอๆกับผมมันกอดผมนิ่งโดยไม่พูดอะไร มันคงไม่ยอมรามือเรื่องนี้แน่นอน


แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรคนที่กอดผมก็พูดขึ้นมาเสียก่อน  "ธูปรู้อะไรไหม"


"......."


"ตอนธูปหายไปมันตามหาธูปจนไม่ได้หลับได้นอน ไปทุกที่ที่คิดว่าธูปจะไปพวกเพื่อนๆธูปเองก็ช่วยกันออกตามหา"


"......."


"พวกเราเป็นกังวลกันมากว่าจะเกิดอะไรกับธูป แต่มันกลับตามหาธูปไม่หยุด จนเมื่อมีคนส่งของมาให้มันสุดท้ายมันก็แกะรอยตามหาธูป มันทุ่มเทสุดอย่างเพื่อตามหาธูปยอมเสียการเสียงาน ยอมใช้อำนาจทั้งหมดที่มีเพื่อตามหาธูปให้เจอ มันใช้ทุกอย่างที่มันมีเทียนเห็นความพยายามของมันป๊าม๊าเองก็เห็นความตั้งใจของมัน"


ไอ้เทียนหยุดพูดมันมองหน้าผมที่เงยหน้ามองมันอยู่ก่อนแล้ว "ป๊าดีใจมากที่มันบอกว่าธูปอยู่ไหน ลำพังบ้านเราคงไม่มีทางหาธูปเจอเร็วขนาดนี้ เทียนรู้ว่ามันรักธูปเทียนรู้ว่าธูปเองก็รักมัน แต่ธูปสัญญากับเทียนได้ไหม"


"สัญญาอะไร" ผมดีใจจนเนื้อเต้น 


ไอ้เทียนมันยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ก่อนมันจะพูดต่อ  "สัญญาได้ไหมว่าจะไม่รักมันเท่าเทียน สัญญาได้ไหมว่าจะให้เทียนเป็นที่หนึ่งสำหรับธูป"


ถึงไม่ต้องสัญญาผมก็ทำแบบนั้นอยู่แล้วก็มันเป็นน้องชาย เป็นสายเลือดเดียวกันกับผมต่อให้ผมรักพี่พายมากมายขนาดไหนผมก็ไม่มีทางรักคนอื่นมากกว่าครอบครัวเด็ดขาด


"กูไม่สัญญา" ผมบอก ไอเทียนที่ได้ยินหน้าม่านไปทันที ผมจึงพูดต่อ


"เพราะไม่ว่ายังไงมึงก็คือน้องชายกู ยังไงกูก็ต้องรักมึงมากกว่าอยู่แล้ว"


ไอ้เทียนยิ้มจนตาหยีเมื่อได้ยินคำผม มันกอดผมหัวเราะในลำคออย่างมีความสุข


ผมเองก็ยิ้มออกมาเช่นกันเกิดเรื่องขึ้นมากมายภายในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้อย่างนึงว่า 'ครอบครัวไม่มีวันจะทิ้งกันไปไหน'


เหลือแต่ว่าผมจะกล้าสู้หน้าป๊าม๊าและพี่พายหลังจากนี้ได้สนิทใจหรือไม่แค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๖ หน้าสวยใจเสีย ๒๑/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-09-2015 18:57:20
เผลอๆ บีจะจิตยิ่งกว่ามิลล์ที่เป็นโรคเสียอีก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๖ หน้าสวยใจเสีย ๒๑/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 22-09-2015 02:00:01
สงสารธูป :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๖ หน้าสวยใจเสีย ๒๑/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 22-09-2015 10:10:50
ยัยบีนี่จิตเกินไปแล้วต่อจากนี้
พี่พายคงต้องทำงานหนักละทีนี้
เพราะธูปเป็นคนคิดมากนางต้อง
คิดเรื่องนี้มากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๖ หน้าสวยใจเสีย ๒๑/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-09-2015 14:26:49
แหวะ นางบี นางเป็นถึงขนาดนี้
ถ้านางเป็นปู้ชายนะ อยากให้พี่พายกระทืบให้ช้ำในตายไปรุย ชิ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๒๓/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 23-09-2015 11:35:57
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง


-พาย-



หลังจากส่งธูปขึ้นรถกลับไปก่อนแล้วผมและพี่ชายของธูปก็กลับเข้ามาจัดการไอ้ตัวปัญหาทั้งสี่คนที่คนสนิทของผมจับตัวมันแยกห้องเอาไว้ด้วยกัน ผมเดินกลับเข้ามาหาไอ้ผู้ชายสามตัวที่นอนจมกองเลือดของพวกมันด้วยฝีมือของลูกน้องคนสนิทของผม พวกมันไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะตอบโต้แต่กระนั่นมันก็ยังพยองพองขนขู่ผมด้วยคิดว่าผมจะกลัวกับคำพูดของมัน


"มึงรู้ไหมว่ากูลูกใคร" หนึ่งในสามคนนั้นพูดออกมาด้วยเสียงอันสั่นเทา


"รู้ครับ" ไม่ใช่เสียงผมที่พูดตอบแต่เป็นคนที่ยืนข้างตัวกลับเป็นคนตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับเจอเรื่องสนุกสนาน


"........" มันทั้งสามคนผงะก่อนจะถดตัวถอยหนีเมื่อสายตาคุกคามจ้องมองที่พวกมัน


"คุณ" พี่ชายธูปชี้นิ้วไปทางผู้ชายที่ใบหน้าปูดบวมคนนึง  "ชื่อเมฆเป็นลูกรัฐมนตรี องอาจ"


ฝ่ายนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะก้มหน้าลงเมื่อพี่ชายธูปย่อตัวลงไปนั่งยองๆตรงหน้า


"ส่วนคุณ" นิ้วชี้เรียวยาวชีไปทางผู้ชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่มก่อนจะเอ่ยเสียงเย็มๆชวนขนลุก "ชื่อชัยเป็นลูกชายนักธุรกิจชื่อดังพ่อคุณชื่อพิชัยเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากในทวีปเอเชีย แม่คุณคุณหญิงเพ็ญศรีเป็นผู้ดีเก่าและเป็นผู้หนุนหลังในมูลนิธิต่างๆ"


สายตาคมมองไปยังคนสุดท้าย "คุณ" มือหนาเชยคางคนตรงหน้าขึ้นมาจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำที่สั่นไหวด้วยความกลัว "ชื่อกิจเป็นลูกของนายตำรวจยศใหญ่โตพอจะกลับผิดเป็นถูกได้ด้วยปลายนิ้ว"


ร่างสูงยืนขึ้นก่อนจะใช้เท้ากดลงไปที่หัวของลูกนายตำรวจใหญ่จมกองเลือดและฝ่ายนั้นกำลังดิ้นอย่างทรมานแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะร่างกายถูกพันธนาการด้วยเชือกที่รัดเอาไว้อย่างแน่นหนา


"แต่ใครสนล่ะครับ" ร่างสูงยังคงยกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี  "เพราะผมจะทำให้พวกคุณรู้เองว่าบาปกรรมมีจริงและผมนี่แหละที่จะเป็นคนมอบบาปนั้นให้พวกคุณ"


เท้านั้นผละออกจากหัวของคนที่เหยียบก่อนจะกลับมายืนข้างผมดังเดิม พี่ชายธูปเห็นมามองผมครู่นึงก่อนจะพินหน้ากลับไปมองผู้เคราะห์ร้ายทั้งสามคนที่มองหน้ากันเลิกลั่ก


"พวกคุณทำให้น้องชายผมเสียขวัญนั่นยังไม่เท่ากับพวกคุณใช้ยากับน้องผม คุณคิดว่าผมจะปล่อยพวกคุณไปโดยไม่ทำอะไรเลยเหรอครับ"


คำพูดสุภาพตรงข้ามกับท่าทางคุกคามทั้งสามคนเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองจึงเอ่ยปากอ้อนวอน เสียงอ่อนระโหยโรยแรงดังแทรกกันจนฟังไม่ได้ศัพท์แต่ก็พอรู้ว่าพวกมันทำเพราะคำสั่งของผู้หญิงที่ถูกจับแยกออกมาอีกห้อง


พี่ชายธูปเดินไปหาลูกน้องผมก่อนจะกระซิบอะไรกันสักอย่าง ลูกน้องผมสบสายตาเข้ากับผมเพื่อขอความเห็นเมื่อเห็นว่าผมพยักหน้าให้ทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายจึงโค้งคำนับรับคำสั่งและออกไปทำตามคำสั่งนั้นโดยทันทีโดยที่ผมเองก็ไม่สามารถทราบได้ว่าอีกฝ่ายสั่งอะไรไป


"ผมขอจัดการเรื่องทั้งหมดเอง" พี่ชายธูปเดินกลับมายืนตรงหน้าผม


ผู้ชายที่ดูดีทุกระบียบนิ้วดูภายนอกอบอุ่น ใจดี แต่ทำไมสัญชาตญาณบอกผมว่าคนๆนี้คือคนที่ผมไม่ควรต่อกรด้วย คือคนที่ผมไม่ควรขัดใจ


"ธูปเป็นเมียกูกูควรจัดการเอง" ผมอยากแก้แค้นให้เมียผมคงไม่ผิดใช่ไหม


อีกฝ่ายยิ้มรับก่อนจะพูดออกมา  "แต่ธูปเป็นน้องชายที่ผมรักมาก หลัวว่าคุณคงไม่ขัดใจผมนะครับ"


รอยยิ้มยังปรากฏอยู่บนใบหน้าแต่แววตาคุกคามเริ่มฉายชัดจนสังเกตุเห็น


"อีกอย่าง" อีกฝ่ายหันไปมองผู้เคราะห์ร้ายทั้งสามคน  "ผมรับรองว่าวิธีของผมจะทำให้มันเข็ดจนไม่กล้ามายุ่งกับธูป"


อีกฝ่ายหันกลับมามองหน้าผมแลัวยิ้มให้  "หรือแม้แต่ธุรกิจของคุณ"


ทำไมผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา


"ทำยังไงก็ได้ให้มันสาสมกับที่มันทำกับเมียผมแล้วกัน"


"เรียกเต็มปากเต็มคำเลยนะครับ เกรงใจพี่ชายอย่างผมบ้างอะไรบ้าง"


ถ้ากระทืบมึงแล้วเมียไม่โกรธกูมึงโดนไปนานแล้วไอ้ฝรั่ง


ผมไม่พูดอะไรเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตามคำเชื้อเชิญของพี่ชายธูป มันเดินไปรับขวดยาจากลูกน้องผมก่อนจะจับกรอกปากไอ้สามตัวนั้นโดยไม่สนแรงดิ้นและสายตาหวาดกลัว พวกมันคงรู้ว่าหลังจากนี้อะไรจะเกิดกับพวกมัน


ท่าทางสนุกสนานเหมือนเจอของเล่นชิ้นโปรดของพี่ชายธูปทำเอาพวกเราต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จะว่ามันดูจิตๆก็ไม่เชิงจะว่ามันดูโหดร้ายก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะสิ่งที่มันทำผมก็คิดจะทำเช่นเดียวกัน


เว้นแต่ว่า.......


"โอ๊ะโอ" ท่าทางดีใจเกินเหตุนั้นดึงสายตาของผมและทุกคนในห้องให้มองตาม พี่ชายธูปมันเดินไปคว้าเข็มฉีดยาที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันเอาไว้ทำอะไร


"ไม่มีใครเคยบอกเหรอครับว่ายาเสพติดมันอันตราย" คำพูดเหมือนเตือนแต่สิ่งที่ทำตรงข้าม มันใช้เข็มเจาะเข้าไปที่ขวดยาที่วางอยู่บนโต๊ะดึงสลิงนำยาเข้าสุ่ปลายเข็ม ก่อนจะหันมามองไอ้สามตัวที่ถดตัวหนีอย่างหวาดกลัว


"ผมสัญญาว่าถ้าพวกคุณตาย" มันยิ้ม "ศพพวกคุณจะถูกส่งถึงบ้านอย่างสมบูรณ์" เป็นรอยยิ้มของมัจุราช


พี่ชายธูปฝังเข็มเข้าร่างผู้เคราะห์ร้ายรายแรก มันส่งเสียงร้องโหยหวนชวนสังเวชใจ ก่อนจะที่เหยื่อรายที่สองและสามจะเผชิญชะตากรรมเดียวกันอย่างช่วยไม่ได้


"รับรองว่าหนังของพวกคุณจะถูกอัพลงตามเว็บเกย์ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งใจเล่นให้สมกับที่ผมจะนำเสนอให้คนทั้งโลกดูนะครับ"


พี่ชายธูปลุกขึ้นก่อนะบอกให้ลุกน้องผมจับตัวไอ้สามคนนั้นมัดขามันไว้กับเตียงทำยังไงก็ได้ไม่ให้มันเข้าใกล้กล้องวีดีโอสามตัวที่กำลังจะถ่ายพวกมันอยู่ ลูกน้องผมรับคำสั่งก่อนที่พี่ชายธูปจะพยักหน้าให้ผมตามมันออกไปอีกห้องนึง


ในห้องนี้มีเพียงหญิงสาวที่นอนเปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างเธอเท่านั้น ร่างกายเธอถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา พี่ชายธูปเดินไปตบหน้าเธอเบาๆเพื่อให้ได้สติ แต่ก็ได้เลือดเช่นกัน ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้เพื่อรอดูว่ามันจะสำเร็จโทษคนที่บังอาจมาแตะต้องร่างกายเมียผมอย่างไร ถ้าไม่สาสมผมนี่แหละจะจัดการชำแหละยังซิลิโคลนนี่เองกับมือ


ต่อให้เป็นผู้หญิงผมก็ไม่ปราณีใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคนของผมโดยที่ผมไม่อนุญาต จุดจบมันก็มีให้เลือกไม่มากหรอกครับ


"แก" เมื่อได้สติยัยซิลิโคลนก็แหกปากร้องออกมาทันที ผมจ้องหน้าเธอนิ่งอยากเข้าไปกระชากร่างนั้นและจับฉีกเป็นชิ้นๆภาพที่มันคร่อมอยู่บนตัวธูปทำเอาสติผมแทบหลุดเกือบจะชักปืนขึ้นมาหน่วงไกฆ่ามันไปแล้วถ้าไม่ได้ลูกน้องผมจับมือรั้งเอาไว้ผมคงได้ไปนอนในซังเตแน่นอน


"ไงครับคนสวย" พี่ชายธูปไล้มือลูบหน้ายัยนั่นก่อนที่มือใหญ่จะบีบเข้าที่คอเล็กๆนั่นอย่างแรงจนอีกฝ่ายดิ้นเหมือนปลาที่ถูกจับขึ้นมาบนพื้น


"อั่ก" เสียงลมหายใจขาดช่วง แรงดิ้นที่เพิ่มมากขึ้น รอยยิ้มโรคจิตของผู้ชายที่กำลังออกแรงบีบคอหญิงสาว ผมเริ่มนั่งไม่ติดเมื่อคิดได้ว่าไม่กี่นาทีต่อจากนี้ร่างที่ตาเหลือกลิ้นจุกปากกำลังจะขาดอากาศหายใจ


ผมไม่อยากมีส่วนรู้เห็นในคดีฆาตกรรมจึงลุกจากเก้าอี้เพื่อจะไปรั้งชีวิตหญิงสาวผู้สมควรจะตายแต่ไม่ใช่ตอนนี้เอาไว้


พี่ชายธูปปล่อยมือจากคอระหงห่อนจะหันหน้ามายิ้มให้ผม และคำพูดเหมือนคำสั่งกลายๆก็ดังขึ้น "เชิญนั่งลงไปเถอะครับเรื่องนี้ผมจัดการเอง"


ความจริงถ้าผมจะขัดมันผมก็ทำได้ แต่ที่ไม่ทำเพราะผมอยากรู้ว่าภายใตใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ดูใจดีเวลาอยู่กับครอบครัว คนๆนี้มีด้านมืดอะไรให้ค้นหาอีกบ้าง ที่ผมไม่ขัดมันเพราะผมอยากรู้ว่าคนแบบไหนกันที่อยู่ข้างๆเมียผม และคนแบบไหนกันที่เลี้ยงดูเมียผม เป็นเพื่อนเล่นเป็นที่ปรึกษา เป็นพี่ชายที่เมียผมไว้ใจ


คนแบบไหนกัน.......


พี่ชายธูปยืนกอดอกมองยัยซิลิโคลนประหนึ่งกำลังชื่นชมภาพวาดของจิตรกรประดับโลก แววตาสนุกสนานที่ไม่คิดจะซ่อนมันฉายแววระริกกับเรื่องที่อยู่ในหัว ผมจ้องมองชายร่างสูงใหญ่ด้วยใจจดจ่อ เกิดมันบ้าฆ่ายัยซิลิโคลนขึ้นมาพาลจะซวยกันยกใหญ่ เพราะถ้าผมจะโดนหางเลขไปด้วยนั้น ผมขอฆ่ายัยนั่นเองจะดีกว่า


"ไอ้เลว ฉันจะฆ่าแก" เสียงอาฆาตดังขึ้นเมื่อร่างกายรับเอาอากาศเข้าไปจนเต็มที่


"คิดหาทางเอาตัวรอดดีกว่านะครับ" อีกฝ่ายยิ้มเยาะ


"แกรู้ไหมฉันลูกใคร"


"ทำไมใครๆก็ชอบถามคำถามนี้กับผมกันจังเลย" มันยังคงยิ้มเหมือนเดิม  "จะลูกใครหน้าไหนผมไม่สนใจหรอกครับ แต่ถ้ามายุ่งกับน้องชายผม........" พี่ชายธูปย่อตัวลงลากปลายนิ้วบนใบหน้ายัยนั่นช้าๆ 



".......ผมก็ไม่เอามันไว้เหมือนกัน"


หลังจากพูดจบลูกน้องคนสนิทของผมก็เขามาในห้องพร้อมของที่พี่ชายธูปสั่งให้หามา ผมมองของสิ่งนั่นด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่นานเพราะรู้แก่ใจว่ามันจะเอาไปใช้อะไร เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ามันจะใช้สิ่งนี้แก้แค้นให้ธูปก็เท่านั้น


"ผมรู้ว่าคุณคงอยากผสมพันธุ์ อย่างว่าละครับสัตว์ยังไงก็ต้องสมสู่ตามฤดูกาล" พี่ชายธูปรับของในมือลูกน้องผมก่อนจะเดินไปยังร่างบางที่นอนดิ้นรนเพื่อหาทางรอด


มันจัดการป้ายยาบางอย่างลงบนร่างกายและของสงวนของหญิงสาวก่อนจะเดินไปที่ประตูลากจูงสนัขตัวนึงที่ลูกน้องผมจับมาได้


"สุนัขตัวนี้เป็นสุนัขจรจัด มันคงไม่มีคู่คุณคงจะใจดีช่วยให้มันหายกำหนัดได้นะครับ" หญิงสาวดิ้นรนหนักขึ้นเมื่อเริ่มรับรู้ชะตากรรมของตนเอง


"และมันก็คงช่วยให้คุณหายคันได้บ้าง" รอยยิ้มใจดีปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาอย่างแสแสร้ง


"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต" ยัยนั่นเริ่มร้องไห้คลุ้มคลั่งเมื่อสุนัขเดินเข้ามาใกล้เตียง


"ผมจะตั้งกล้องไว้ตรงนี้นะครับ รับรองชัดทุกท่า"


"ไม่นะปล่อยฉัน ฉันกลัวแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่ทำแล้ว ฮือๆปล่อยฉันไปเถอะนะ"


เธอกรีดร้องพยายามกระตุกเชือดที่รัดข้อมือเธออยู่ สองขาที่ถูกมัดตรึงบนเตียงปัดป่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง เธอเริ่มคุ้มสติไม่อยู่เพ้อหาธูปไขว้คว้าหาคนที่ไม่สามารถเอื้อมถึง ผมเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้ามันหดหูเกินกว่าจะทนดูได้ เธอร้องไห้สาปแช่งทุกคนที่พรากธูปไปจากเธอ ความรักที่ฝังใจมันเป็นการยึดติดจนเราไม่สามารถสลัดมันหลุดไปได้ แล้วกับเธอคนที่ต้องการความรักโหยหามันทุกขณะจิต ต่อให้มีวิธีลืมเธอก็ไม่คิดจะทำ


เพราะเธอรักฝังใจไปแล้ว


เมื่อสุนัขตัวนั้นขึ้นมาบนเตียงดอมดมร่างเธออย่างใคร่รู้ เธอดิ้นออกแรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะหมดสติไป ผมจึงลุกจากเก้าอี้เดินไปคว้าตัวสุนัขตัวนั้นและให้ลูกน้องนำมันไปปล่อย


พี่ชายธูปหันมามองผมก่อนที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นจะยิ้มให้ผมอย่างคุกคาม


"คุณคิดว่าผมจะทำจริงๆหน่ะเหรอ"


"ไม่รู้สิ"


"ผมไม่เลวขนาดนั้นหรอกกครับ"


"ใครจะรู้"


แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่ามันทำแน่ แววตาของมันบอกผมว่ามันทำแน่ๆ ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินกว่าจะต่อกรด้วย ถ้าเอามาเป็นพวกคงไม่ง่ายแต่ถ้าเป็นศัตรูคงยากที่จะจัดการ


ผมหันหลังเดินออกจากห้องนั้นโดยสั่งงานให้ลูกน้องผมจัดฉากเหมือนเธอมีเซ็กส์กับสุนัขและเขียนคำขู่บอกเธอไว้ว่าเรามีคลิปลับของเธอ ให้เธอเลิกยุ่งกับธูป หายไปเลยยิ่งดี


ผมเดินมาอีกห้องนึงที่ไอ้สามตัวนั้นอยู่ เปิดประตูเข้ามากลิ่นคาวคละคลุ้งชวนอาเจียนลอยฟุ้งเข้าจมูก สายตาผมมองไปยังคนสองคนที่รุมทึ้งร่างเล็กที่สุดในนั้น สอดใส่อย่างไรความปราณี เสียงครวญครางดังสลับกับเสียงร่ำไห้ มันเป็นภาพที่น่าเวทนา ชวนอ้วก สุดท้ายผมก็ให้ลูกน้องจับมันที่สามคนแยกจากกัน ปิดวีดีโอเก็บมันไว้ในมิดชิด ก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน เมื่อสั่งงานและเก็บงานทั้งหมดให้เรียบร้อย


ผมเข้ามาในรถนั่งลงที่เบาะหลังก่อนที่ใครอีกคนจะเปิดประตูและเข้ามานั่งข้างๆกัน


"เรื่องวันนี้คุณคงไม่เล่าให้ธูปฟังนะครับว่าผมทำอะไรลงไปบ้าง" มันหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง


"ทำไมผมต้องทำอย่างนั้น"


"เพราะผมเป็นพี่ชายที่แสนดี" มันยิ้ม "ผมไม่อยากทำลายภาพนั้นของธูปด้วยคำพูดของคุณ"


"ถ้าผมไม่ทำตามล่ะ" ผมอยากรู้ว่ามันจะบังคับผมยังไง


"คุณก็คงไม่ได้ผมเป็นพวก"


มันยิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมรู้สึกเกลียดรอยยิ้มมันเข้าไส้ถ้าไม่ติดเป็นพี่เมียผมคงจับมันโยนลงทะเลไปแล้ว


"และถ้าผมปิดเรื่องนี้ให้คุณแล้วคุณจะช่วยผมยังไง"


มันหันมามองผมหรี่ตามองเหมือนจะมองให้ทะลุเข้าไปในหัวใจ มันยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ดูยังไงก็รู้ว่าไม่จริงใจ


"ผมจะทำให้คุณและธูปอยู่ด้วยกัน"



ผมหวังว่าความลับที่ผมช่วยปิดบังมันจะคุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้มานะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๒๓/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 23-09-2015 11:52:56
 :hao6:พี่ชายธูปสุดยอด เอาเรื่องนี้ต่อเลยเราเชียร์
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๒๓/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 23-09-2015 12:14:14
ลืมไป บีจะท้องไหม ลูกของธูป คิดว่าอย่างไงดี เครียดดๆๆๆท้องก่อดีไป เพราะพี่พายกับธูปจะได้เปงครอบครัวพ่อแม่ลูก
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๒๓/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 23-09-2015 12:35:09
พี่ชายธูปนี่แสบเข้าไส้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๒๓/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-09-2015 23:34:21
บอกเลยว่า....สาแก่ใจที่สุด555

คราวนี้คงเข็ดกันนะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๒๓/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 24-09-2015 10:47:53
พี่ไฟแกรรรรน่ากลัวเกินไปนะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๒๓/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 25-09-2015 12:58:44
มีขู่ซะด้วยนะพี่ไฟ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๒๓/๙/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-09-2015 00:03:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๗ กรรมตามสนอง ๑๘/๑/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 18-10-2015 13:06:06
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๘ ความพยายาม


-มาวิน-


ผมไม่รู้ว่า คำว่าเปิดใจที่ใครๆต่างพร่ำบอกผมนั้นแท้จริงมันทำได้ง่ายเหมือนผลิกฝ่ามือไหม ผมไม่รู้ว่าจะวางทิฐิที่สะสมมานานหลายสิบปีในใจลงได้อย่างไร เคยมีคนบอกไว้ว่ามันไม่ง่ายแต่ก็คงไม่ยากถ้าเราพยายาม


แล้วผมพยายามมากพอแล้วหรือยัง


หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผมก็พยายามปรับตัวเพื่อเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งกับคนที่ผมมีเลือดของเขาอยู่ในกายครึ่งหนึ่ง


'พ่อ'


ผมใช้เวลาเรียนรู้และศึกษาเขาใหม่ทั้งหมด พยายามลบภาพเลวร้ายและเรื่องราวในอดีตออกไปถึงมันจะไม่ง่ายดั่งใจคิดแต่ก็ไม่ยากเกินความพยายาม ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ


เขาเอาใจใส่ดูแลผมอย่างดี ถึงผมยังไม่พร้อมเรียกเขาว่าพ่อ เขาก็ยิ้มรับและบอกเพียงว่าเข้าใจ แค่ผมยอมพูดยอมพบหน้า เขาบอกว่ามันคือเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว


เราใช้เวลาด้วยกันในตอนแรกมันค่อนข้างกระอักกระอ่วมไม่ว่าจะนั่ง พูดคุย หรือแม้แต่ทานอาหารร่วมกัน มันดูเงอะงะไปหมดสำหรับเราทั้งคู่ แต่พอนานๆไปมันก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เราสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกันได้มากขึ้น มีเรื่องเล่าให้กันและกันฟังมากขึ้น


เขาขอร้องให้ผมกลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน บ้านที่มีแต่ความทรงจำแย่ๆ บ้านที่ไร้ซึ่งความสุข บ้านที่ไม่มีคำว่าครอบครัว บ้านที่แม่ผมนอนร้องไห้ทุกคืน ผมทำใจไม่ได้ เขาเองเมื่อฟังเหตุผลของผมก็เข้าใจและไม่เคยพูดเรื่องนี้กับผมอีกเลย


ผมยังอยู่ที่หอเดิม เพียงแต่ไม่ได้ไปเล่นดนตรีในผับแล้ว เพราะเขาขอร้องอยากให้ผมมีเวลาพักผ่อนและทุ่มเทกับการเรียน ผมขอเลี่ยงไม่รับเงินจากเขาฟรีๆแต่แลกจากการทำงานซึ่งน้าพีเสนอให้ผมเข้ามาเรียนรู้งานที่บริษัทซึ่งในอนาคตผมก็คงต้องมานั่งบริหารงานตรงนี้ ผมไม่ค้านเพราะไม่อยากทำให้การเริ่มต้นของผมกับเขาพังลงด้วยความคิดที่ว่าผมไม่อยากรับช่วงต่อในการบริหารงานของครอบครัวแต่สุดท้ายผมก็ยอมตกลง


เหตุผมเพราะผมอยากให้เขาและน้าพีสบายใจไม่ต้องคอยห่วงเวลาผมไปเล่นดนตรีดึกๆ และที่สำคัญงานในช่วงปีสามมันหนักจนผมเองก็แบ่งเวลาไม่ค่อยลงตัว และที่สำคัญผมอยากศึกษางานในบริษัททั้งๆที่ไม่อยากรับช่วงต่อ แต่ผมอยากแบ่งเบาภาระของเขา อยากให้เขาได้พักผ่อนบ้าง


ห้องผมก็ยังมีผู้อาศัยที่ไล่ยังไงก็ไม่ไปอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน มันมักมีข้ออ้างมากมายที่ไม่ย้ายออกไป ผมเองก็จนปัญญาที่จะไล่ มีมันอยู่ผมก็สบาย ประหยัดไปได้หลายต่อหลายอย่าง จะลำบากก็ตรงที่มันแยกเตียงนอนผมเท่านั้นเอง


"ไปกินข้าวกับพ่อมึงมาเป็นไงบ้าง" มันถามทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง


"ก็ดี" ผมตอบก่อนจะถอดรองเท้าวางในตู้


"ตอบเหมือนเดิม"


"แล้วจะให้ตอบยังไง" ผมถาม


"ก็....." มันทำท่านึก  "พูดคุยอย่างพ่อลูก" มันพูดพร้อมกับยักคิ้วให้ผม


"แล้วที่กูพูดกับเขาไม่ใช่อย่างพ่อกับลูกหรือไง" ผมพูดก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปในห้อง อยากอาบน้ำเต็มที่เหนียวตัวจะแย่


"มึงเรียกอาภาคว่าพ่อรึเปล่าล่ะ ถ้าไม่ นั่นก็ไม่ใช่การคุยกันอย่างพ่อกับลูก"

ผมหยุดเท้าตนเองเอาไว้เมื่อได้ยินประโยคนั้น พ่อ คำๆเดียวสั้นๆแต่ทำไมผมไม่สามารถพูดมันออกมาได้สักที
.
.
.
.
.
.
.
.
"พ่อจะขายบ้านหลังนั้น วินคิดว่ายังไง" เขาถามผมระหว่างที่ผมกำลังนั่งตรวจรายงานการประชุม ที่จะใช้ในการประชุมวันพรุ่งนี้


ผมเงยหน้ามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ก่อนจะตอบเขากลับไป  "ไม่ว่ายังไงครับ"


บ้านที่ไม่มีความทรงจำดีๆเหลืออยู่ จะมีอยู่หรือหายไปก็ไม่ต่างกัน


"พ่ออยากเริ่มต้นใหม่กับวิน" เขาลุกขึ้นเดินมาหาผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม  "ขอโอกาสให้พ่อคนนี้ได้ทำหน้าที่พ่อสักครั้งได้ไหม"


ผมก้มหน้าอ่านรายงานตรงหน้าต่อไปถึงแม้ตัวหนังสือพวกนั้นจะไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด แต่ผมก็สนใจมันมากกว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า


เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะผละออกกลับไปนั่งที่โต๊ะประจำตำแหน่งของตนเองดังเดิม ต่างคนต่างจมจ่ออยู่กับความคิดของตน โดยไม่รู้เลยว่าการเปิดใจพูดคุยกันนั้นมันทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นจริงหรือเปล่า
.
.
.
.
.
.
.
"วิน" ผมเงยหน้าจากจานข้าวเพื่อมองคนที่เรียก


"ครับ" เลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่ออีกฝ่ายยื่นหนังสือบ้านมาให้


"แบบบ้าน วินชอบแบบไหนก็บอกพ่อนะ หรือวินจะออกแบบเองก็ได้"


"ทำไมครับ"


"บ้านของเรา" เขาตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกๆครั้ง  "เริ่มต้นกันใหม่นะลูก"
.
.
.
.
.
.
.
"วินลูกชอบที่ตรงไหน ระหว่างสุขุมวิท สีลม ทองหล่อ"


"ทำไมครับ"


"พ่อจะสร้างบ้านของเราไงลูก พ่อเลยถามลูกก่อนว่าชอบที่ตรงไหน พ่อจะได้จัดการให้เขาเริ่มสร้างบ้านของเรา"


ถ้าผมตอบว่าผมไม่ชอบสักที่ ที่เขาเสนอมาจะผิดไหม มันคือย่านธุรกิจที่คนพลุกพล่าน แต่ผมไม่ชอบที่ที่พลุกพล่าน ผมชอบที่เงียบสงบ แต่ผมกับเขาก็ต่างกันเกินไป เขาชอบที่ที่ทำกำไร เกร็งกำไรในธุรกิจทุกอย่างในหัวเขามีแต่เรื่องธุรกิจ เนื้อที่ตารางวานึงแพงหูฉีกสร้างบ้านหลังใหญ่หรูหราบ่งบอกฐานะตนเอง ประกาศว่าร่ำรวยมีเงินเหลือเฟื้อ


แต่ผมอยากได้บ้านที่เป็นบ้านสำหรับครอบครัว บ้านที่เป็นบ้านจริงๆ


"ผมอยากได้ที่แถวชานเมือง" ผมตอบออกไปอย่างใจคิด ในเมื่อเราทั้งคู่ตกลงว่าจะปรับเข้าหากันมันก็ควรจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ถกปัญหากันตั้งแต่ยังไม่เริ่มดีกว่ามานั่งแก้เมื่อสร้างมันเสร็จแล้ว


"ชานเมือง" เขาทวนคำผมอย่างสงสัย


"ครับ" ผมตอบ "ผมจะออกแบบบ้านเอง แต่ถ้าคุณไม่เห็นด้วยผมก็ไม่ว่าอะไร เอาตามที่คุณเห็นสมควรก็ได้ครับ"


เขาระบายยิ้มอบอุ่นกลับมาให้ก่อนจะจับไหล่ผมบีบเบาๆ "ทำไมจะไม่ได้ วินเลือกที่มาเลยนะลูก และแบบบ้านวินจะออกแบบเองไหม"


ผมพยักหน้าตอบรับคำเขา "ครับ"


บ้านที่ผมคิดเอาไว้ไม่ต้องหลังใหญ่มากจนเดินหากันไม่เจอ ไม่ต้องประดับด้วยสิ่งของหายากราคาแพง ไม่ต้องใช้วัสดุที่บ่งบอกฐานะ ผมต้องการแค่บ้านที่ไว้สำหรับพักพิง เป็นบ้านที่ไม่ว่าเราเหนื่่อยจากเรื่องอะไรก็ตามเมื่อก้าวเท้ากลับเข้ามาในบ้านความสงบความสุขก็ปะทะเข้าหาตัวเรา ส่วนนึงคงต้องประกอบไปด้วยคนที่อยู่ในบ้าน ที่เราเรียกว่า 'ครอบครัว'
.
.
.
.
.
.
.
"นี่ครับแบบบ้าน" ผมยื่นแบบบ้านที่วาดจนเสร็จให้อีกคนดู เขารับไปดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม


"บ้านไม้สองชั้น" เขาทำหน้าสงสัย


"ครับ" ผมชี้แจ้งต่อ "ด้านข้างผมจะขุดบ่อทำน้ำพุ ฝั่งนี้ปลุกไม้หอม ส่วนตรงทางเดินวางหินสวยๆตามแนว ทำศาลายื่นออกไปตรงแม่น้ำ คุณว่ายังไงครับ"


เขายิ้มก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย


"แล้วกี่ห้องล่ะเนี่ย" เขาถาม


"สามครับ"


"หืม สามห้อง"


ผมพยักหน้าอีกครั้ง  "ห้องผม ห้องคุณ และห้องรับแขก"


"แล้ว........" ผมรู้ว่าเขาจะพูดว่าอะไร


น้าพีคนรักของเขาผมจะเอาไว้ไหน ถึงแม้ตลอดเวลาที่ผมจะเข้ามาในบริษัทคนทั้งคู่ไม่เคยแสดงกิริยาแสดงตัวเป็นคู่รักต่อหน้าผมเลยสักครั้ง อีกยังสวมหน้ากากเจ้านายลูกน้องเอาไว้ได้เป็นอย่างดี คงจะมีแต่สายตาของคนทั้งคู่ที่แอบมองกันและกัน มันสื่อออกมาว่ารักกันมากมาย แต่ต้องปิดซ่อนเอาไว้ เพราะกลัวว่าผมจะกระอักกระอ่วมใจเลยฝืนใจทำอะไรตรงข้ามความรู้สึกเพื่อรักษาความรู้สึกของผม


ซึ่งผมไม่ต้องการ


"น้าพีก็อยู่ห้องเดียวกับคุณไงครับ" นี่แหละคือสิ่งที่ผมต้องการ ผมไม่อยากทำผิดไม่อยากพรากความรักของใคร ไม่อยากเป็นเหมือนปู่ย่า ตายาย ที่เอาหัวใจของคนอื่นมาย่ำยีเพียงเพื่อสิ่งที่ตนต้องการ


"วิน" เขาลุกขึ้นก้าวเดินมาหาผม  "ขอบคุณนะลูก ขอบคุณ"


ใจผมมันเต้นแรงเมื่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อโอบกอดผมเอาไว้ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของพ่อมันเป็นแบบนี้เองเหรอ มันปลอดภัย อบอุ่น ผมยกสองมือที่สั่นเทาขึ้นแตะหลังของอีกฝ่ายเบาๆไม่กล้าออกแรงกอดรัดอีกฝ่ายเหมือนที่เขาทำกับผม เพราะผมกลัวเขารู้สึกตัวและผละออกจากผม แล้วความอบอุ่นนั้นจะจางหายไป


ผมต้องการความอบอุ่นจากคนๆนี้มาตลอดชีวิต


"โอ๊ะ ขอโทษครับ" น้าพีถือเอกสารปึกใหญ่เข้ามาในห้อง ก่อนตะลึงเมื่อเห็นเขาและผมกอดกันกลม


ความอบอุ่นผละออกจากผมไป เขาขยับเนคไทวางท่าเป็นเจ้านายเหมือนดั่งเดิมก่อนจะอนุญาตให้น้าพีเข้ามาวางรายงานบนโต๊ะ น้าพีก้มหน้าเดิมเข้ามาผ่านผมที่ยืนมองทั้งคู่เงียบๆเมื่อวางเอกสารบนโต๊ะเรียบร้อย บอกความจำนงในเนื้อความเอกสารอีกนิดหน่อยน้าพีก็สาวเท้าเพื่อจะออกจากห้องไป


แต่ผมกลับหยุดรั้งร่างบางนั้นเอาไว้เสียก่อน


"น้าพีครับ"


น้าพีหันหลับมาหาผมเลิกคิ้วสงสัยว่าผมมีเรื่องอะไรไม่พอใจหรือเปล่า น้าพีดูเกรงใจผมมากตั้งแต่ผมเข้ามาเรียนรู้งานที่นี่และพยายามหลบหน้าผมทุกครั้ง เมื่อผมรู้ความจริงว่าน้ามีความสัมพันธ์ยังไงกับเขา


"ว...ว่าไงเหรอวิน" น้ำเสียงประหม่าถูกส่งมาให้ผม


"ไปอยู่บ้านเราด้วยกันนะครับ" น้าพีหน้าซีด อ้าปากค้าง ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คงไม่เชื่อว่าผมทำใจรับเรื่องของน้ากับเขาได้แล้ว


จริงๆผมก็ไม่อะไรหรอกเรื่องความรักเราห้ามกันไม่ได้ แต่ที่ผมไม่พูดหรือแสดงอะไรออกไปเพราะผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มมันตรงไหน ยังไง มันตื้อๆสับสนไปหมด ผมเกิดจากวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ไม่ใช่ความรัก แม่รักลุงของผม พ่อรักน้าของผม มันสับสนงุนงงเมื่อรู้ความจริง ผมจึงไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกับพวกเขายังไง เลยทำเฉยๆเพราะคิดว่ามันคือทางออกที่ดีที่สุด


แต่มันกลับแย่ลง


สุดท้ายผมจึงต้องเป็นคนเริ่มทำอะไรๆให้มันเข้าที่เข้าทางมากกว่าเดิม ถ้าพวกท่านรักกันก็ควรอยู่ด้วยกัน ผมไม่ทำลายความรักของใครเด็ดขาด


"วิน คือ" น้าพีช็อคไปเรียบร้อย


"แล้วเวลาอยู่ต่อหน้าผมก็ช่วยทำตัวปกติเถอะครับอย่าฝืนเลย"


คนทั้งคู่หันหน้ามองกันก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาที่เปี่ยมสุข ไม่เศร้าหมองเหมือนเก่าก่อน ผมคิดว่าครั้งนี้ผมพยายามแล้ว ผมทำดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวเอง ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แต่ผมจะทำปัจจุบันให้ดีไม่ให้ผิดพลาดเหมือนที่ผู้ใหญ่ทำกัน เพื่ออนาคตจะได้ไม่มีใครเสียใจเหมือนที่ผ่านๆมา


"ขอบใจนะลูก" เขาตอบรับคำผมพร้อมขอบคุณผมที่ยอมรับความสัมพันธ์ของเขาและน้าพี


ผมไม่ตอบอะไรก้มเก็บของบนโต๊ะก่อนจะบอกลาทั้งสองคนที่เอ่ยปากชวนผมทานข้าวด้วยกันแต่ผมปฏิเสธ ทั้งคู่ไม่รั้งตัวผมไว้ผมเองเมื่อเก็บของเสร็จก็ตรงกลับหอทันที ผมพยายามแก้ปมเชือกที่พันธนาการจิตใจของทุกคนเอาไว้มานานหลายปีด้วยตนเอง ผมคิดว่าวันนี้ถึงเชือกมันจะไม่ได้หลุดจากตัวพวกเราไปจนหมดอาจจะยังมีมัดร่างกายอยู่บ้างแต่ก็คลายออกไปมากพอสมควรแล้ว มันไม่แน่นเหมือนเมื่อหลายๆปีที่ผ่าน ผมยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งที่วันนี้ผมเลือกเดินทางนี้


เลือกที่จะพยายามอีกครั้ง
.
.
.
.
.
ผมกลับมาถึงห้องก็เจอกับผู้อาศัยที่นับวันจะทำตัวไม่ต่างจากเจ้าของห้องเข้าไปทุกที มันนั่งดื่มอยู่คนเดียวเงียบๆในห้องมืดๆหลังจากที่เมาหัวราน้ำในวันนั้น ไอ้แมนก็ประกาศกร้าวว่ามันจะตัดใจจากธูปมันไม่อยากเสียเพื่อนรักไปเพียงเพราะรักที่มันใช้ผิดสถานะ


มันเคลียร์กับธูปจนเข้าใจ ยอมตัดใจถอยกลับมาเป็นเพียงเพื่อนสนิทที่ไม่คิดอะไรเกินกว่านั้น มีบ้างบางครั้งที่หลุดแววตาอาทรมองดูอีกฝ่าย แต่เมื่อได้สติก็เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้อย่างรวดเร็ว


ธูปเองก็กลับมาพูดคุยสนิทสนมเหมือนเก่า มันก็ดีแล้วที่เป็นแบบนี้พอผมรู้ข่าวว่าเทียนมันกลับมา ความรู้สึกแรกคือดีใจแต่เมื่อได้เจอหน้าพูดคุย ความรู้สึกที่เคยถูกปฏิเสธมันกลับล้นเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง พยายามจะทำให้ได้เหมือนไอ้แมน แต่ผมคงอ่อนแอเกินไป สุดท้ายไอ้เทียนก็รู้ตัว มันฉลาดมองออก เพียงแต่ไม่พูดและทำปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ผมเองคงต้องตัดใจจริงๆมองหาความรักที่เป็นของผมจริงๆถ้าหาไม่เจอผมก็ไม่ดิ้นรนไขว่ขว้า เพราะผมรู้ว่ามันเจ็บถ้าเราคาดหวัง ผมเจ็บถ้าสุดท้ายแล้วเรารู้ว่าไม่มีใครสักคนต้องการเรา ไม่มีใครรักเรา


ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว


ผมถอดรองท้าเก็บเข้าตู้ วางของที่หอบมาจากบริษัทลงบนโต๊ะหน้าทีวี เข้าห้องน้ำล้างเท้าล้างมือ ไม่ลืมหยิบแก้วติดมือมาด้วยเพื่อกินของฟรีเหมือนทุกๆวัน


ไอ้แมนมองหน้าผมมันไม่พูดอะไรออกมาแค่มองเหมือนทุกครั้ง ผมก็ไม่สนใจมันรินเหล้าใส่แก้วได้ก็กระดกเข้าปากทันที สมองว่างมากพลันจะคิดเรื่องเก่าๆให้มันกลับมาทำร้ายตัวเอง ทั้งๆที่บอกว่าจะลืม บอกจะพยายามแต่เอาเข้าจริงก็คิดว่าสิ่งที่ทำผมทำถูกไหม


"เป็นอะไร" อีกฝ่ายถามเมื่อเห็นผมกระดกเหล้าไม่พูดไม่จา


"เปล่า"


"เก็บไว้คนเดียวอกแตกตาย"


ผมเงยหน้ามองมันก่อนจะยิ้มเมื่อคิดว่าถ้าอกแตกตายไปจริงๆก็ดีสิ  "จำแบบบ้านที่กูวาดได้ไหม"


"อืม ทำไม"


"บ้านกู เขาบอกสร้างให้กู"



"ก็ดีนิ แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น"  มันถามด้วยความสงสัย


"มึงว่าที่กูทำอยู่มันดีแล้วจริงๆเหรอวะ"


"......"


"มึงคิดว่ากูกับเขาจะกลับมาเป็นครอบครัวกันได้จริงๆเหรอวะ" ผมไม่รู้ว่าทั้งหมดที่ทำลงไปสุดท้ายมันอาจจะเป็นแค่การแสดงว่าเราไม่โกรธ ไม่เกลียดกันแล้ว แต่ความจริงอดีตมันยังคั่งค้างอยู่ในใจของเราทั้งคู่ แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆที่เราทำมาทั้งหมดมันก็สูญเปล่า


อีกฝ่ายไม่เอ่ยอะไรออกมามันเพียงแค่มองหน้ามองแก้วเหล้าตรงหน้าของมันเท่านั้น


ผมถอนหายใจพลางคิดเรื่องราวในอดีตขึ้นมาเหมือนทุกครั้งที่สมองว่างเปล่า แม่ผมต้องเสียใจเพราะความรักที่มันไม่เป็นดั่งใจหวัง ปู่ย่า ตายาย กำหนดความรักของลูกหลานเพียงเพราะอยากจะรักษาผมประโยชน์ที่ตนสร้าง และผมก็เกิดดมาจากสิ่งผิดพลาดนั้น


ผมไม่รู้ว่าควรวางอคตินั้นไว้แล้วเดินหน้าต่อ หรือผมต้องแบกมันไว้กับตัวเพื่อจะเอามันมาตอกย้ำตนเองในเรื่องเก่าที่เคยเจอ หรือสุดท้ายฝังกลบมันเอาไว้ในความทรงใจ รู้ว่ามันมีอยู่แต่ไม่ไปแตะต้องมัน


ผมไม่รู้ว่าควรเลือกทางไหนดีสำหรับทุกคน


"มึงมีความสุขกับสิ่งที่ทำไหม" มันเอ่ยถามผมหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน


"กูกำลังพยายามมีความสุขอยู่" ผมตอบ


"ความพยายามของมึงจะไม่สูญเปล่า ถ้ามันมาจากใจจริงของมึง"


มันจะไม่สูญเปล่าจริงๆใช่ไหม ถ้าผมพยายามจะรักเขา พยายามจะสร้างครอบครัวที่พังลงไปให้กลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง


ถ้าเป็นเช่นนั้นผมจะพยายาม



TALK : ขอโทษที่หายไปนาน ตาเจ็บเนื่องจากใส่คอนแท็คเลนส์ แสบตาและปวดตามาก ลืมตาไม่ขึ้นเลย นิยายยังไม่ได้อ่านหลายเล่มมาก พอตาเริ่มหายดีก็มานั่งแต่งนิยายทันที ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๘ ความพยายาม ๑๘/๑๐/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 18-10-2015 14:21:03
มาแล้วววววดราม่ามาวินคงจะหมดแล้วน้าา
รอดูคู่นี้เค้ารักกันขอบคุณคร้าาา
ถ้าไม่ไหวก็พักก่อนนะค่ะเดี๋ยวจะป็นมากกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๘ ความพยายาม ๑๘/๑๐/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-10-2015 21:44:30
สู้ๆๆๆนะวิน เอาใจช่วย
เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องอ่อนไหวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๙ หวั่นไหว ๒๙/๑๐/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 29-10-2015 20:12:36
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๙ หวั่นไหว



-มาวิน-

บ้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นด้วยเม็ดเงินที่เขาลงทุนเพื่อผม ในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเขาหาที่ทางตามที่ผมต้องการได้ สร้างบ้านได้อย่างรวดเร็วราวกับเนรมิตมันขึ้นมาภายในเวลาไม่กี่เดือน เพราะมีเงินอะไรๆก็ง่ายขึ้น


ผมยังคงทำงานแลกเงินที่บริษัทของเขาและยังคงอยู่ที่หอพักเดิม แต่ถ้าบ้านเสร็จเมื่อไหร่ผมคงต้องย้ายไปอยู่ที่นั้น แม้ว่าจะไกลจากมหาลัยอยู่พอสมควรแต่ผมก็ยินดีที่จะใช้เวลาเดินทางมากขึ้น ถ้าผมจะได้ใกล้กับคำว่าครอบครัว


เหลือปัญหาอย่างเดียวที่ผมไม่รู้จะจัดการยังไง ก็ไอ้คนที่อยู่ร่วมหอพักเดียวกันกับผม ที่มันเกาะติดผมไม่ห่างเมื่อผมย้ายออกไปหวังว่ามันจะหายไปจากชีวิตผมเสียที เพราะยิ่งเราอยู่ใกล้กันมันจะยิ่งผูกพันธ์ และผมกลัวใจของผมเองที่ยังคงโหยหาความรักอย่างไม่ลืมหูลืมตา ใครทำดีด้วยหน่อยก็รักเขาไปเสียหมด สุดท้ายก็เสียใจกับความรักที่ไม่สมหวังทุกคราว


ผมกลัวว่าวันนึงผมจะหลงรักความใกล้ชิดและสุดท้ายก็เป็นผมเองที่เสียใจ



"กูจะคืนหอแล้วนะ" ผมบอกคนที่มาอาศัยอยู่ร่วมกับผมในหลายเดือนมานี่


"แล้ว" มันสวนกลับมาด้วยใบหน้ามึนๆไม่รู้ร้อนรู้หนาว


"ที่กูบอกก็เพราะจะให้มึงเตรียมตัวย้ายออก"


"บ้านมึงเสร็จแล้วเหรอ" มันถามผมหน้านิ่ง


"ยังอ่ะแต่กูบอกมึงไว้ก่อน"


"ไว้เสร็จค่อยไล่กูแล้วกัน" ความหน้าด้านมันยังคงที่ วันแรกยังไงวันนี้ก็เหมือนเดิม


เราไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก เพราะพูดไปคำตอบก็คงเดิมคือรอ


ผมไม่รู้ว่ามันจะรออะไร


ทุกวันผมก็ใช้ชีวิตตามปกติของผมไป แต่เรื่องมันไม่ค่อยปกติก็ตรงที่เทียนกลับมา และมันกลับเข้ามาในความรู้สึกของผมอีกครั้ง กลับเข้ามาทำให้ผมหวั่นไหว แต่มีแค่ผมที่หวั่นไหวเพราะมันไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมมากกว่าคำว่าเพื่อน


เรานัดเจอกันคุยกันไปดูหนัง ทานข้าวด้วยกัน เมาหัวราน้ำเหมือนเมื่อก่อน


ทุกอย่างเหมือนเดิม ทั้งความรู้สึกของผม


รักยังไงก็รักอยู่อย่างนั้น


และมันเองก็เหมือนเดิม........



ไม่รักยังไงก็ไม่รักอย่างนั้น


ต่างกันในความรู้สึก


แต่มันกลับมั่นคงเหมือนกัน





วันนี้ผมกลับห้องไวเพราะเขากับน้าพีต้องไปดูงานที่สิงคโปร์ เขาเร่งทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้มีเวลาอยู่กับผมมากขึ้น ผมเคยต้องการมันมาตลอดเมื่อในอดีต ตอนนี้ผมไม่รู้ว่ายังต้องการเวลาจากเขาไหม แต่ทุกครั้งที่ผมอยู่กับเขาผมรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น ผมคงเสพติดมันเข้าสักวันเมื่อถึงวันนั้นผมคงขาดใจเมื่อคความอบอุ่นนี้หายไป





ผมกลับมาถึงห้องก็เจอเข้ากับผู้อาศัยที่ทำตัวเหมือนเจ้าของห้องไปทุกที มันกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่กลางห้องเหมือนทุกๆวัน ตับมันไม่แข็งหมดแล้วรึไง


ผมเดินผ่านมันเข้าไปในห้องอาบน้ำล้างเหงื่อไคลที่สะสมมาทั้งวัน ก่อนจะออกมาหาอะไรกิน ผมจัดการเวฟข้างกล่องที่มันซื้อมาจากในซุปเปอร์เมื่อหลายวันก่อนโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของที่แท้จริง


"ถ้ามึงไม่อาบน้ำคืนนี้นอนที่โซฟานะ" ผมเดินถือจานข้าวที่เวฟเสร็จแล้วมายังโซฟา ก่อนจะเอ่ยปากร้องบอกคนขี้เมาที่นั่งดราม่าอยู่กับขวดเหล้า


"เออ" น้ำเสียงแบบนี้คาดว่าคงมีเรื่องในใจ


"เป็นไรวะ" ผมถาม


"เปล่า" มันตอบ


ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าไม่มีอะไรผมก็ไม่เซ้าซี้เพราะไม่ใช่นิสัยของผมอยู่แล้วที่จะไปถามโน้นนี่นั้นเรื่องของคนอื่น เราต่างฝ่ายต่างนั่งกันเงียบๆในมุมของแต่ละคนผมก็นั่งทานข้าว ส่วนมันก็นั่งดื่มเหล้าของมันไปมีเพียงเสียงเพลงที่มันเปิดจากคอมเท่านั้นที่ส่งเสียงขับกล่อมให้ภายในห้องยังพอมีเสียงอยู่บ้างไม่เหงียบเหงาเหมือนอยู่ในป่าช้า


"มึงคิดว่าคนเราจะผูกพันธ์กันจนกลายเป็นความรักได้ไหมวะ" เสียงคนใกล้เมาเอ่ยถามผม


"อาจจะ" ผมตอบก่อนจะลุกขึ้นเดินไปล้างจานที่เพิ่งกินหมด  "ถามทำไมวะ"


อีกฝ่ายทำสีหน้าลังเลเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ "ไม่มีอะไรว่ะ"


"ทำไมไปแอบรักใครเขาอีกรึไง" ผมเดินกลับมายังกลางห้อง ใช้เท้าเขี่ยๆอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ที่พื้นให้เขยิบพื้นที่ให้ผมได้นั่งบ้าง


มันขยับตัวเว้นพื้นที่ให้ผม ก่อนจะจ้องหน้าผมเขม็ง "ประมาณนั้น" ผมนั่งลงข้างมัน  "ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่"


"ใครวะ มึงลืมธูปหมดใจแล้วรึไง" วันก่อนเมาเหล้ายังพร่ำเพ้อหาอยู๋เลย


"ต่อให้ไม่ลืมยังไงก็ไม่มีทางรักกัน แล้วกูจะดันทุรังเพื่ออะไรวะ" มันพูดก็ถูกของมัน


"แล้วคนใหม่เนี่ยใครวะ"  อย่าหาว่าสอดรู้เลยครับ วันๆเห็นมันไปเรียนแล้วก็กลับมาขลุกอยู่ที่ห้อง ผมเลยสงสัยว่าใครที่เป็นคนใหม่ของมัน


"แถวๆนี้แหละ" แถวๆนี้ก็แถวๆหอผมล่ะมั้ง ถึงว่าวันๆขลุกอยู่แต่ที่หอ คงเพราะเหยื่อรายใหม่คงไม่แคล้วคนที่อาศัยร่วมตึกเดียวกัน


ผมนั่งร่วมวงกับมันดื่มกันไปเรื่อยๆจนเริ่มกรึ่มๆมันก็เงยหน้าขึ้นถามผม คำถามของมันทำเอาบรรยากาศดีๆหายวับไปกับตา


"แล้วมึงเลิกรักเทียนมันรึยัง" ผมนั่งนิ่งไม่ตอบอะไรออกไป เพราะผมรู้ตัวดีว่าผมยังรักเทียนอยู่


เลิกรักมันง่ายเหมือนกดปุ่ม Delete อย่างนั้นเหรอ


"เงียบแบบนี้แปลว่ายังรักอยู่" เสียงมันยังคงพูดอะไรของมันไปเรื่อย ผมเองก็ไม่ได้สนใจฟัง  "คนที่รักไม่ได้ยังไงก็รักไม่ได้มึงเข้าใจป่ะวะ ต่อให้มึงพยายามหลอกตัวเองยังไง ความจริงก็คือ รักไม่ได้"


มือผมกำแก้วเหล้าแน่นเมื่อใครอีกคนยังคงพูดต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คำพูดแต่ละคำกระแทกลงตรงกลางใจผมทุกถ้อยคำ ทุกประโยค มันตอกย้ำในเรื่องที่ผมพยายามหลอกตัวเองมาตลอดว่าสุดท้ายถ้าผมพยายาม เทียนจะกลับมามองเห็นผมบ้าง


แต่สุดท้าย.....ผมแค่หลอกตัวเอง


"กูจะรักหรือไม่รักใครมึงเกี่ยวอะไรด้วยวะ" สุดท้ายความอดทนผมก็หมด เมื่อผมทนฟังคำพูดของมันที่ตอกย้ำใจผมไม่ได้


มันเงยหน้ามายิ้มเยาะผม "มองคนอื่นบ้างก็ดีนะมึง คนที่เขาไม่มีพันธะ จะได้ไม่เจ็บ"


"ความรักมันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆรึไง และถึงจะเจ็บก็ตัวกู ใจกู"


"ถ้ามึงอยากเจ็บก็โง่ต่อไปเถอะ ลืมตาแล้วมองคนอื่นเขาบ้างไม่ใช่หลับตาอยู๋แต่ในฝันบ้าบอของมึงแบบนี้!!"


"แล้วจะให้กูมองใคร มึงรึไง ห๊า!!" ผมถามออกไปด้วยไม่คิดอะไร แต่อีกคนกับชะงัก แก้วเหล้าในมือค้างกลางอากาศ


มันหันกลับมาจ้องหน้าผมเขม็ง แววตามันเริ่มเปลี่ยนไปไม่เหลือเคล้าความล้อเล่นให้เห็น


"แล้วเป็นกูไม่ได้เหรอวะ"


"พูดเหี้ยไรวะ เฮ้ย ขยับมาใกล้กูทำไม" ผมร้องลั่นเมื่อมันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมจนแทบจะสิงร่างกันอยู่กลางห้อง


"เป็นกูไม่ดีตรงไหน" มันถาม


"ไม่ดีตรงที่เป็นมึงเนี่ยแหละ เขยิบออกไปดิอึดอัด เฮ้ย!!"


นอกจากจะไม่ขยับตัวออกห่างอย่างที่ผมสั่งมันกลับผลักร่างผมนอนราบลงบนพื้นโดยที่ตัวมันตามมาทาบทับไม่ให้ผมได้หนี


"เล่นเหี้ยไรเนี่ย" ถามออกไปแบบนั้นแต่ดูจากสีหน้ามันผมก็รู้ว่ามันไม่เล่น แต่มันกำลัง


เอาจริง......


"กูไม่ได้เล่น" มันตอบกลับมา


"ลุกไปเลยกูหนัก"


"ไม่.....จนกว่ามึงจะบอกว่ากูไม่ดีตรงไหน ทำไมเป็นกูไม่ได้"


"เพราะกูไม่ได้รักมึงไง" ให้มองมันในแบบที่มองเทียน บอกเลยว่าผมจะอ้วก ผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ผมรักได้คงมีเทียนคนเดียว ขนาดธูปที่หน้าตาเหมือนกันกับเทียนผมพยายามแล้วแต่ก็ไม่ได้รัก เพราะธูปไม่ใช่เทียน


"มึงดันทุรังไปก็มีแต่เสียใจ"


"เรื่องของกู"


"เราสองคนเข้ากันได้ดีเชื่อกูเถอะ มาวิน" ไม่บ่อยที่มันจะเรียกผมด้วยชื่อจริงแบบนี้ ฟังดูขนลุกแปลกๆ


"แล้วคนใหม่ที่มึงว่ามึงเอาเขาไปไว้ไหนแล้วล่ะ" เพิ่งพูดอยู่หยกๆว่ามีรักใหม่แล้ว ไม่ทันไรกลับมาถามอะไรบ้าๆแบบนี้กับผม


"ก็อยู่ตรงหน้านี่ไง"


ผมอ้าปากค้างกับคำพูดของมัน ผมเนี่ยนะคนที่มัน เอิ่ม......ช่างเถอะอย่าให้ต้องย้ำกันเลย ขนลุก


"เป็นกูไม่ได้เหรอวิน" อย่ามาทำเสียงอ้อนแบบนี้ไม่สมกับตัวมึงเลย


"ฟังกูนะแมนเมือง" ผมใช้น้ำเสียงจริงจังเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมเริ่ม ซีเรียสกับเรื่องนี้มากๆ  "กูรักมึงไม่ได้"


"รักไม่ได้" มันยิ้ม  "ไม่ได้แปลว่าไม่รัก"


"รักไม่ได้ หรือไม่ได้รัก สุดท้ายปลายทางมันก็คือ 'ไม่' เหมือนกันนั่นแหละ" ผมพยายามดันอกมันให้ลุกออกจากตัวผมแต่ไอ้เวรนี้กลับทิ้งตังลงมาทับร่างผมทั้งร่าง ตัวอย่างกับควายทิ้งตัวลงมาแบบนี้คิดว่าผมไม่หนักเหรอ


"กูเหนื่อยวะวิน"


"แต่กูหนัก ลุกไปได้แล้ว"


"มึงเองก็ไม่มีใคร กูเองก็เข้าใจมึงดีกว่าใคร ทำไมมึงไม่ลองเปิดใจวะ"


"กู ไม่ ใช่ เกย์" ผมเน้นย้ำทีละคำ


มันผงกหักขึ้นมามองหน้าผม สายตาแมร่งบ่งบอกว่ากวนตีนมาก  "ไม่ใช่เกย์แต่ชอบผู้ชาย นิยายมากเหอะมึง"


ผมหันหน้ามองฝ้ามองเพดานก่อนจะอ้อมแอ๋มตอบมันกลับไปไม่เต็มเสียงนัก


"ผู้ชายคนเดียวที่กูรักก็คือเทียน คนอื่นกูทำใจให้รักไม่ได้วะ"


มันทำหน้าสลดลงไปนิดก่อนจะพูดกับผมอย่างอ่อนใจ  "กูไม่รู้ว่าเริ่มรู้สึกกับมึงตอนไหน รู้ตัวอีกที่ในหัวกูก็มีแต่เรื่องของมึงเต็มไปหมด กูพยายามคิดว่ามันเป็นเพราะเราอยู่ใกล้กัน เป็นเพราะเจอกันทุกวัน แต่กูรู้ว่าจริงๆมันไม่ใช่........



.......ความใกล้ชิดมันทำให้กูแค่หวั่นไหว แต่เพราะเป็นมึงที่กูรู้สึกดี"



ผมรู้สึกงงๆในหัวตื้อๆคิดอะไรไม่ออกชั่วขณะ ในอกมันฟูฟ่องพองๆแปลกๆ ผมว่าผมเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะเนี่ย



"มึงก็รู้ว่ากู......วิ่งตามความรักมาตลอด ตอนนี้กูเหนื่อยแล้ว กูไม่อยากวิ่งตามมันอีกแล้ว"


ผมเหนื่อยที่ความรักไม่เคยหยุดรอผมสักครั้ง


ผมเหนื่อยจริงๆ


"กูอยู่ตรงนี้ มึงไม่ต้องวิ่งตามใครอีกแล้ววิน เราจะเดินไปด้วยกัน เหนื่อยก็นั่งพักมีแรงค่อยลุกเดินใหม่ ดีไหม"


ทำไมหน้ามันร้อนๆจังวะ


"ม ไม่รู้"


จุ๊บ


"เฮ้ย!! ทำไรวะ" ผมยกมือถูแก้มตัวเองทันทีที่มันเอาปากมาโดน


"หอมแก้มไง ไม่รู้จักเหรอ" ไม่ใช่ ไม่ใช่หอมแก้ม มันเป็น เอ่อ เป็นปากโดนแก้ม


ถ้าไม่อยากระเห็จออกจากห้องอย่าทำแบบนี้อีก" ผมผลักมันสุดแรงก่อนจะเดินปึงปังเข้าห้องนอน


เสียงมันตะโกนตามหลังมา "เฮ้ย เขินเหรอมึงหน้าแดงเชียว"


ผมเปิดประตูออกมาตะโกนกลับไป "นอนนอกห้องไปเลยไป๊!!"  พร้อมกับปิดประตูล็อคกลอนเพื่อกันไม่ให้มันเข้ามา


ผมยืนพิงประตูยกมือขึ้นกุมอกตัวเอง


ตึก ตึก ตึก


เสียงหัวใจเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกอก ผมใจเต้นกับคนอย่างมันเนี่ยนะ


ไม่มีทาง............
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๙ หวั่นไหว ๒๙/๑๐/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-10-2015 20:58:44
 :o8:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๙ หวั่นไหว ๒๙/๑๐/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-10-2015 19:52:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๙ หวั่นไหว ๒๙/๑๐/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 31-10-2015 01:58:25
ตามอ่านทันแล้วววววว

หวั่นไหวๆๆ ตอนล่าสุดนี่อ่านไปละเขิลแทนวิน
แมนหอมแก้มวินด้วยอะ แอบลุ้นคู่นี้อยู่นะครับ 555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๙ หวั่นไหว ๒๙/๑๐/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-10-2015 21:12:57
ยอมรับซะเถอะวิน
เดี๋ยวอดลงจากคานไม่รู้ด้วยนะ 5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๓๙ หวั่นไหว ๒๙/๑๐/๔๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 01-11-2015 09:27:20
อร้ายยยยยเขินแรงอ่ะดิตัวเธอววว
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๐ หลอกใช้ ๒/๑๑/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 02-11-2015 19:41:23
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก 
ตอนที่ ๔๐ หลอกใช้



-มาวิน-


หลังจากวันนั้นผมก็ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ งานอะไรที่บริษัทผมรับมาทำแทบทั้งหมด ไหนจะงานที่ต้องทำส่งอาจารย์อีก ผมแทบไม่มีเวลากินข้าวทำงานจนเพื่อนๆทักว่าผมจบไปคงนั่งแท่นผู้บริหารได้เลย ผมมีเหตุผลที่ต้องทำ เพราะผมไม่อยากปล่อยให้ตัวเองมีเวลาว่าง เหตุผลเพราะผมไม่อยากนึกถึงเรื่องวันนั้น


วันที่มันขอร้องให้ผมมองมันในฐานะผู้ชายคนนึง มองมันเหมือนที่มองเทียน พอคิดถึงตอนที่มันเอาปากมาโดนแก้มผมแล้ว รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆใจเต้นโครมครามจนกลัวว่าใครต่อใครจะได้ยิน ผมจึงต้องเลี่ยงไม่เจอหน้ามันและพยายามทำตัวให้ยุ่งเพื่อที่จะลืมขอเสนอของมัน


ข้อเสนอที่ผมไม่มีวันให้มันได้


ผมกับมันไม่มีทางเป็นได้มากกว่ารูมเมท สถานะของเราเป็นได้แค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว เพราะผมรู้ว่าถ้าวันใดวันนึงเราสองคนก้าวข้ามสิ่งที่ขีดไว้นี้เมื่อไหร่ ผมจะยึดมันไว้กับผมเพียงคนเดียว ผมจะเห็นแก่ตัว ผมรู้เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเมื่อผมรักใครเขาก็มีอันต้องจากผมไปทั้งนั้น และเมื่อมันเสนอตัวว่าผมรักมันได้จะแปลกอะไรถ้าผมจะยึดมันไว้คนเดียว แต่เพราะความกลัวที่มีมากกว่าสุดท้ายผมจึงต้องหันหลังให้กับสิ่งที่มันเสนอ


ตอนนี้เขากลับมาจากสิงคโปร์กับน้าพีแล้ว แต่เขาก็ทำงานหนักเสียจนเราไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกัน ผมโหยหาความรักมาตั้งแต่เด็กๆแต่ผมไม่รู้วิธีรักษามัน ถ้าวันนึงความรักที่ทุกคนพร้อมจะหยิบยื่นให้ผมทำหลุดมือไป ผมไม่รู้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหน จะทนอยู่คนเดียวได้เหมือนที่ผ่านมารึเปล่า


ดังนั้นอย่ารักกันเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า


เพราะผมคงรักษาความรักได้ไม่ดีพอ


"กลับมาดึกขนาดนี้ถ้าไม่บอกว่าทำงานที่บริษัทกูคงคิดว่ามึงหลบหน้ากู"


ผมสะดุ้งเมื่อไฟในห้องเปิดขึ้นทันทีเมื่อผมเปิดประตู พร้อมกับใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสองพอดี ปกติถ้ามันไม่เมาหลับคาโซฟามันก็ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนในกลุ่ม หรือไม่ก็เข้านอนแล้ว แต่ทำไมวันนี้มันจึงมายืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้ในตอนนี้


ตอนที่ผมไม่พร้อมจะเจอที่สุด


"งานเยอะหน่ะ" ผมตอบ


"เมื่อคืนทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง" เดินตามผมเข้ามาถึงหน้าห้องน้ำ


"เหนื่อยเลยหลับไป" ผมโกหกคำโตออกไป เหตุผลจริงๆคือผมอยากอยู่ห่างจากมัน กลัวความใกล้ชิดจะวกกลับมาทำร้ายตัวเอง


"โกหก!!" มันตะคอกกลับมาทันควัน


ผมหันกลับไปมองมันด้วยสายตาที่ว่างเปล่าพยายามทำตัวเย็นชาไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาให้มันเห็น


"กูเหนื่อย อยากพัก" ผมบอก และมันไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไปจากห้อง  "คนเดียว" ผมย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าเริ่มไม่พอใจ


เรายืนจ้องตากันอยู่นานผมเองก็ไม่ยอมส่วนมันก็ดื้อรั้น เกมส์จ้องตาไม่มีวี่แววว่าจะจบลงง่ายๆเมื่อเราทั้งคู่ยังคงยืนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร


สุดท้ายเป็นผมเองที่แพ้ ผมหลบตาเสมองไปทางอื่น "กูง่วงแล้ว และเหนื่อยด้วยกูอยากนอนบนเตียงสบายๆ"


"กูนอนพื้นข้างๆมึงก็ได้" มันไม่พูดเปล่าเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบที่นอนปิคนิคที่ผมไปเล่นปาโปงในงานวันดกับเทียนออกมาปูลงตรงข้างเตียง


"ทำอะไร" ผมถาม


"ก็กลางที่นอนไง" ผมตอบหน้าซื่อ


"กูหมายถึงมึงเอามันออกมาทำไม"


มันหันมองหน้าผมทำเหมือนผมโง่มากที่ถามอะไรแบบนี้  "มึงจะนอนก็นอนไปดิวะ กูไม่กวนมึงหรอก"


มันทิ้งตัวลงบนที่นอนปิคนิคข้างเตียงผมล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาเล่นโดยไม่สนใจผมที่ยืนหน้าหงิกอยู่ตรงปลายเท้ามัน


"ออกไปนอนข้างนอก!!" ผมตวาดมันลั่นอย่างลืมตัว เพราะผมกลัวใจตัวเองจะเจ็บอีกจึงต้องทำเสียงดังกลบเกลื่อน


มันลุกขึ้นมองหน้าผมเหมือนไม่พอใจแต่มันไม่พูดอะไรนอกจากเดินออกจากห้องไปเงียบๆ


ผมล้มตัวลงนอนที่นอนปิคนิคนั้น ความอบอุ่นยังคงมีอยู่ กลิ่นกายยังคงมีให้ได้กลิ่นจางๆ แต่ความกลัวของผมมันมีมากกว่า พอคิดได้ดั่งนั้นผมก็ลุกขึ้นไปนอนที่เตียง ยกแขนขึ้นโอบกอดตัวเองมันไม่อุ่นแต่ปลอดภัยเพราะผมไม่มีวันทำร้ายตัวผมเอง ยังไงก็ไม่มีทางเจ็บเพราะตัวเองแน่นอน


วันนี้หลังเลิกเรียกผมก็ต้องรีบมาทำงานที่บริษัท หลังจากโหมงานทำอาจารย์จนแทบไม่ได้นอน เกือบเดือนแล้วที่ผมหลบหน้ามันอยู่ทำงานที่มหาลัยกินนอนห้องเพื่อน ผมไม่ได้เข้าบริษัทเขาเองก็รู้เพราะผมต้องทำงานส่งอาจารย์ คณะผมตัวสอบไม่เยอะแต่คะแนนงานมันสามารถตัดสินได้เลยว่าห้าปีในรั้วมหาลัยผมจะอยู่หรือไป ดังนั้นผมจึงต้องทุ่มเทกับมันเต็มที่



"ถ้าพ่อเลิกงานเร็วเราไปทานข้าวกันนะลูก" เขาบอกผมหลังจากได้รับโทรศัพท์ให้ไปดูงานที่ชลบุรี


"ครับ" ผมตอบรับ


"รอพ่อนะวิน" เขาลูบหัวผม  "พ่อรักลูกมากนะ ลูกรู้ใช่ไหม" เขายิ้มให้ผม เขาดูอิดโรยและอ่อนล้ามาก คงเพราะทำงานหนักเพื่อผม


"ครับ ผมรู้" เขายิ้มอย่างดีใจ บอกลาผมและรีบออกไปดูบริษัทกับน้าพี


แม่ครับดีใจกับวินไหมที่วินกำลังจะได้ครอบครัวได้รับความสุขที่วินร้องหามาทั้งชีวิต วินคิดถึงแม่นะครับ วินอยากให้แม่อยู่ตรงนี้ตรงที่วินที่ความสุข อยากให้เราอยู่เป็นครอบครัวกันอีกครั้ง


มีคนเคยพูดไว้ว่าความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ


ผมได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลในคืนวันนั้นเขาและน้าพีประสบอุบัติเหตุคนเมาขับรถตัดหน้า เข้าขับรถไปดูบริษัทกับน้าพีสองคนขากลับเขาเป็นคนขับ และเพราะความรักที่เขามีต่อน้าพีมาก รักกว่าชีวิตตัวเองเขาจึงหักพวงมาลัยเอาฝั่งที่เขานั่งอยู่กระแทกกับต้นไม้อย่างแรง เขาหมดสติในที่เกิดเหตุจนตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัดยังไม่ออกมา


ผมมาถึงโรงพยาบาลได้อย่างไรไม่รู้เหมือนกัน ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือผมยืนถือโทรศัพท์ค้างอยู่กลางห้อง น้ำตามันไหลออกมาช้าๆอย่างไม่รู้ตัว พอได้สติผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ผมยืนนิ่งมองเข้าไปในห้องผ่าตัดภาพหมอและพยาบาลวิ่งวุ่นกันทำเอาใจผมเสีย ภาพตรงหน้าถูกบดบังไปด้วยน้ำตา น้าพีที่มีผ้าพันแผลอยู่ที่ศรีษะเดินเข้ามากอดผมร้องไห้สะอึกสะอื้นโทษตัวเองสารพัดแต่คำพูดเหล่านั้นไม่เข้าหูผมเลยแม้แต่นิดเดียว


ตำรวจบอกว่าเขาค่อนข้างอาการหนักสภาพรถพังยับเยินยังดีที่เขาคาดเบลล์แต่ก็ติดอยู่ในรถจนต้องรถเครื่องตัดถ่าง เขาหมดสติเพราะศรีษะกระแทกอย่างแรง เป็นตายเท่ากัน


คำนี้ทำเอาผมทรุดลงไปกองกับพื้น


ผมห่วงคนที่อยู่ในห้องนั้นทำไมเขาเข้าไปนานจัง ทำไมผมจึงมีความสุขอย่างใครเขาไม่ได้เลยหรือไง ทำต้องพรากความสุขไปจากผมด้วย แม่ครับแม่ช่วงเขาด้วยนะครับ อย่าให้ใครเอาตัวเขาไป อย่าให้วินต้องอยู่คนเดียวเลยนะครับ


วินเหงาเหลือเกิน



"วินลุกขึ้นมานั่งดีๆเถอะ" ความอบอุ่นที่โอบรอบตัวผมทำให้ได้สติ ผมหันไปมองเจ้าของมือก็เจอกับผู้อาศัยร่วมห้องกับผม


ตอนนี้ผมต้องการหลักยึด ผมยืนไม่ไหวผมไม่มีแม้แต่แรงหายใจสติที่มีก็ลางเลือนเต็มที จึงทำให้ผมผมไม่ได้ตรองว่าสิ่งที่กำลังทำต่อไปนี้มันไม่สมควร


"แมนเขาอยู่ในนั้น เขาจะเป็นอะไรไหม" ผมโผเข้ากอดมันแน่นร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน มันโอบกอดผมเอาไว้ลูบหลังปลอบผมว่าคนที่ผมห่วงจะไม่เป็นอะไร


"พ่อมึงเขาต้องปลอดภัย"


"แต่เขาเข้าไปนานแล้วนะ กูเป็นห่วงเขา" น้ำตาผมไหลออกมาไม่หยุด ผมซบหน้าลงบนบ่ามัน ถึงผมจะสูงกว่ามันแต่ตอนนี้ผมดูตัวเล็ก และอ่อนแอจนถึงขีดสุด


"น้าขอโทษ ถ้าคุณภาคไม่ขอขับรถเองเพราะนัดกับวินเอาไว้" น้าพีหยุดพูดเพราะปล่อยโหออกมาเมื่อคิดว่าทั้งหมดคือความผิดของตนเอง


ผมผละออกจากอกมันหันไปดึงตัวน้ามากอด น้าพีตัวสั่นคงกลัวไม่แพ้ผมเหมือนกัน  "น้าไม่ผิดหรอกครับ อย่างโทษตัวเองเลยนะ" น้าพีส่ายหัวอยู่ตรงอกผม พร่ำบอกว่าเขาไม่ค่อยได้นอนเพราะอยากเร่งทำงานเพื่อให้ได้อยู่กับผม


ทำไมต้องทำเพื่อผมขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องทำอะไรให้ผมมากมายขนาดนี้


ผมหันกลับไปหาความอบอุ่นอีกครั้งหลังจากที่น้าพีดูสงบลง มันอ้าแขนรับตัวผมทั้งตัว เรายืนกอดกันอยู่หน้าห้องนั้น เขาเข้าไปนานจนใจผมไม่ดี นึกกลัวไปทุกอย่าง กลัวว่าสุดท้ายแล้วผมจะอยู่คนเดียว


ผมผละออกจากความอบอุ่นนั้นเมื่อคิดว่าตัวเองเริ่มยืนไหว มันปล่อยให้ผมนั่งลงข้างๆน้าพี ผมโอบบ่าน้าและกดศรีษะน้าให้ซบที่ไหล่ผม น้าพีต้องการหลักยึดไม่แพ้ผมอาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำ น้ากำลังอ่อนแอไม่แพ้ผมหรืออาจจะมากกว่าผม แต่ผมก็เสียใจไม่แพ้น้าพีเหมือนกัน


"แกทำหน้าที่ของแกยังไงลุกชายฉันถึงเป็นแบบนี้" เสียงด่าทอดังลั่นทางเดินโดยไม่คิดจะเกรงใจใคร


เพลี้ย!!


เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของคนที่ผมโอบกอดอยู่บนเก้าอี้ น้าพีโดนย่ากระชากให้ลุกขึ้นก่อนจะตบเข้าที่หน้าของน้าอย่างแรง


"ย่า" ผมดึงตัวน้าพีมาหลบที่ด้านหลัง ใช้ร่างกายที่ใหญ่โตของตัวเองบังน้าเอาไว้ ปู่และย่ามองมาที่น้าพีเหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกลียด


หลังจากที่เรายืนเงียบกันอยู่นานตาและยาย ตามด้วยลุงภัทรที่มากับผู้ญิงคนใหม่ของลุง ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนตรงหน้า พวกท่านลูบหน้าลูบตาผมถามสารทุกข์สุขดีที่ไม่ได้เจอผมมานาน โดยที่ทุกคนลืมไปว่าคนที่เจ็บจากเหตุการณ์รถชนนั้นไม่ใช่ผม


แต่เป็นน้าพี


ตายายไม่มองหน้าน้าพี ไม่แม้จะแลสายตามามองลูกชายตัวเองที่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ส่วนปู่และย่านั้นไม่ต้องพูดถึงท่านทั้งสองคนโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของน้าพี กล่าวโทษตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งหลังกล่าวโทษว่าน้าพีคือตัวซวยที่ฉุดชีวิตลูกชายของพวกท่านให้ตกต่ำ น้าพีก้มหน้ารับทุกคำกล่าวหาไม่เคยโต้แย้ง และตายายเองก็ไม่เคยยื่นมือมาช่วยเหลือ เพราะท่านทั้งสองคนเห็นพันธมิตรทางธุรกิจสำคัญกว่าเลือดเนื้อของตนเอง



ผมเดินเข้าไปหาน้าพีกุมมือเล็กๆนั้นผมยิ้มให้น้า บอกน้าว่าผมอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างน้าตลอดมาและตลอดไป ผมจะไม่มีวันทิ้งให้น้าต้องแบกรับเรื่องบ้าๆนี้คนเดียวอีกแล้ว


"ตาวินมาหาย่า" ย่าเสียงแข็งเมื่อเห็นผมนั่งให้กำลังใจน้าพี


"ตาวินย่าสั่งให้มาหาย่าเดี๋ยวนี้!!" ย่าตะเบ็งเสียงออกคำสั่งเมื่อเห็นว่าผมยังนั่งอยู่ทีเดิม


"ไปหาย่าเถอะวิน น้าไม่เป็นไร" น้าพียิ้มและพยักหน้าให้ผมไปหาคนที่ยืนตัวสั่นเมื่อผมขัดคำสั่งท่าน


"ไม่อ่ะ ผมจะอยู่กับน้า"


"แกกล้าขัดคำสั่งย่ารึไงตาวิน!!" ปู่ตะคอกถามโดยไม่เกรงใจว่าสถานที่ที่เราอยู่นั้นต้องการความเงียบสงบ


"ผมไม่ได้ขัดคำสั่ง แต่ผมไม่เคยทำตามคำสั่งใครอยู่แล้ว" ผมหันกลับไปตอกใส่หน้าพวกเขา


ย่ากระฟัดกระเฟียดเดินเข้ามาทุบตีน้าพี ปากก็ด่าว่าน้าพีสารพัดหาว่าน้าพีเสี่ยมให้ผมแข็งข้อกับพวกท่าน ผมทนมองภาพนั้นไม่ไหวเดินไปแยกย่าและน้าออกจากกัน ย่าจะเข้ามาทำร้ายน้าพีแต่ก็กลัวจะทำให้ผมเจ็บไปด้วย สุดท้ายย่าจึงหยุดและเชิดหน้าคอตั้งเหมือนเดิม สลัดคราบแม่ค้าสวมวิญญาณผู้ดีคอตั้งเหมือนเดิม


"คุณดูลูกชายตัวดีของพวกคุณนะ ฉันเริ่มลังเลแล้วสิว่าจะร่วมหุ้นต่อไปหรือจะถอนหุ้นที่มีอยู่ออกไปดี" ย่าพูดกดดันฝั่งตายายของผม


"แกมันตัวซวยทำแต่เรื่อง!!" ตาชี้หน้าด่าน้าพีทันทีเมื่อได้ยินว่าย่าจะถอนหุ้นในบริษัท


"พอสักที!!" ผมตะเบ็งเสียงดังโดยไม่สนใจใครหน้าไหน น้าพีผิดอะไรทำไมต้องด่าและทำร้ายกันขนาดนี้ แค่น้ารักเขามันผิดมากมายเลยหรือไง


"ตาวิน!!" ย่าตกใจที่ผมแสดงกิริยาไร้ความเป็นผู้ดี ย่าคงรับไม่ได้ที่มีหลานสถุนอย่างผม แต่ใครสนพวกท่านสนแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ


"ถ้าจะมาชวนทะเลาะก็กลับไปเถอะครับ" ผมบอก


"วินพูดกับพวกท่านดีๆหน่อย ท่านเป็นปู่ยาวินนะ" ลุงภัทรที่เงียบอยู่นานปรามผมขึ้นมา


"ให้ผมพูดดีกับคนที่ไม่เคยมองว่าผมเป็นหลานหน่ะเหรอครับลุง ตั้งแต่แม่ตายกี่ปีมาแล้วที่ผมไม่เคยเจอหน้าคนที่ผมควรเรียกว่าปู่ย่า" ผมปลายตามองผู้ใหญ่สี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า "ตายาย กี่ปีแล้วครับลุงภัทรที่ผมเห็นหน้าะวกท่านผ่านหนังสือพิมพ์"


"........"


"คนเดียวที่ผมเห็นตอนลำบากก็คือน้าพี คนเดียวที่กอดผมตอนร้องไห้ก็คือน้าพี คนเดียวที่อยู่ข้างๆผมก็คือน้าพี แล้วปู่ย่าตายายของผมอยู่ที่ไหนครับ ไม่ในงานสังคมก็คงสนามกอล์ฟ หรือไม่ก็เมืองนอก"


ผมหัวเราะเหมือนคนบ้าเมื่อเห็นพวกท่านยืนนิ่ง คงเพราะไม่มีข้อแก้ตัวอะไร


เพลี้ย!!


หน้าผมสะบัดไปตามแรงตบที่ปะทะเข้ามามันไม่เจ็บคงเพราะผมด้านชากับเรื่องพวกนี้แล้ว ปู่ตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อเห็นผมแข็งข้อ สุดท้ายท่านก็ลงที่น้าพี กล่วหาว่าน้าพีทำให้ผมเป็นเด็กเหลือขอ


ไอ้แมนมันเดินเข้ามายืนข้างผมตั้งแต่ที่ผมโดนต่อยผมหันไปเห็นมันที่ทำสีหน้าเจ็บปวด ผมโดยต่อยยังไม่แสดงอาการเจ็บปวดเหมือนมันเลย แล้วทำไมมันต้องทำหน้าอย่างนั้น ทำไมต้องทำเหมือนเจ็บแทนผมด้วย


"ตั้งแต่พรุ่งนี้แกต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านฉัน" ปู่ร้องสั่ง


"ไม่" ผมปฏิเสธ


"ไอ้วิน!!" เมื่อไม่ได้อย่างใจปู่ก็ออกคำสั่ง  "ฉันขอสั่งแกถ้าไม่อยากให้น้าสุดที่รักของแกเป็นอะไรล่ะก็ พรุ่งนี้แกต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านฉัน และเตรียมตัวหมั้นกับหนูแก้ว"


"ผมไม่ทำตามคำสั่งคุณ"


การที่ท่านทั้งสี่เดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เป็นห่วงลูกหลานตัวเอง แต่พวกท่านรู้ว่าผมต้องมาและพวกท่านก็วางแผนไว้แล้ว ปูทางโดยจับผมใส่พานให้ลูกหลานนักธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ เหมือนครั้งที่แม่ผมถูกกระทำมากก่อน


"แกเป็นหลานฉัน ต้องตอบแทนบุญคุณฉัน" ในเมื่อบัคับไม่ได้ปู่ก็เรียกร้องบุญคุณที่ผมไม่เคยได้รับ


"พวกคุณทำอะไรให้ผมอย่างนั้นเหรอครับ" ผมย้อนถาม จะไม่มีการอ้อนข้อให้พวกท่านมาบงการชีวิตผมแน่นอน ชีวิตเป็นของผมไม่ใช่ของใคร


"ถ้าสั่งฉันให้หมั้นแกก็ต้องหมั้น" ตาเสริมทัพเข้ามาช่วย ผมว่าครอบครัวคู่หมั้นของผมคงร่ำรววยและมีอำนาจมาก ไม่อย่างนั้นท่านทั้งสี่คนคงไม่สละเวลาอันมีค่าเพื่อเดินทางมาที่นี่แน่นอน


"ผมคงทำอย่างที่พวกท่านต้องการไม่ได้"


"ทำไม" พวกท่านถามด้วยความสนใจ


"เพราะผมมีคนรักอยู่แล้ว" ผมโกหกเพราะไม่รู้ว่าจะเอาเหตุผลอะไรมาอ้าง ในหัวคิดได้แค่เรื่องนี้เท่านั้น


"มันเป็นใคร"


ผมไม่ตอบแต่หันไปมองมันที่ยืนอยู่ข้างผม ก่อนที่สมองจะคิดอารมณ์มันก็เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว ผมยกมือกุมใบหน้ามันก่อนจะกดริมฝีปากบดจูบมันโดยไม่สนเสียงกรีดร้องของใคร มันยืนอึ้งอยู่สักพักก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาในปากของผม มันยกมือกอดเอวผมเอาไว้ มันขบเม้นปากผมดูดลิ้นผมอย่างอารมณ์ดี


ผมผละจูบจากมันอย่างอ้อยอิ่งหันไปสบตากับผู้ใหญ่ที่ยืนอึ้งตาค้างกันตรงหน้า


"ผมเป็นเกย์ และเป็นเองไม่เกี่ยวกับน้าพี" ผมดักทางเมื่อเห็นว่าย่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายน้าพีที่ยืนอึ้งอยู่ด้านหลังผม


"เป็นได้ก็เลิกได้ ตอนพ่อแกฉันยังทำได้คราวแกฉันก็ทำได้เหมือนกัน" ปู่เบนสายตาหันไปมองมันที่ยืนข้างผม


"......."


"คราวพ่อแกฉันยังใจดีเพราะอย่างน้อย ก็เป็นน้องชายของแม่แก และเป็นลูกของคนที่ฉันจะทำธุรกิจด้วย แต่คราวนี้"


ปู่ยิ้มมุมปาก


"ฉันไม่เก็บไว้แน่นอน" ผมจบก็เดินกลับไป ตามด้วยย่าลุงภัทรและผู้หญิงของลุง


ตายายส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเดินตามหลังไป น้าพีนั่งจับแขนผมขอโทษที่ปกป้องผมไม่ได้ ผมนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมน้าพีและมันที่ยิ้มห่าอะไรก็ไม่รู้


"วินไม่ได้เป็นอะไรกับมัน" ผมบอกเมื่อน้าพีกำลังจะเอ่ยปากถาม


"อ้าว" น้าพีทำหน้างง


"วินคิดอะไรไม่ออกเลยโกหกไป ขอโทษ" ผมบอกน้าก่อนจะหันไปพูดกับมัน


มันไม่พูดอะไรกับผมหันหน้าหนีแต่ไม่ได้ลุกไปไหน น้าพีบอกกับผมว่าปู่ทำได้ทุกอย่างท่านมีอำนาจมืดอยู่ในมือ ที่น้าต้องไปเมืองนอกก็เพราะโดนคุกคาม ปู่ยังใจดีเพราะเห็นว่าเป็นน้องชายของแม่ แต่กับมันที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน น้าพีเป็นห่วงว่าผมจะดึงมันเข้ามาในเกมส์ธุรกิจ


"ผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ" มันบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินเลี่ยงไป


"ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับเขา วินควรบอกปู่นะไม่อย่างนั้นเพื่อนวินอาจจะตกอยู่ในอันตราย"


ผมหันมองตามร่างสูงใหญ่ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู๋ไม่ใกล้ไม่ไกล ถ้ามันเป็นอะไรไปผมคงรู้สึกบาปที่ดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเดือดร้อน ถึงเวลาที่ผมกับมันต้องจากกันจริงๆแล้วสินะ ทำไมแค่คิดผมถึงได้เจ็บในอกขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๐ หลอกใช้ ๒/๑๑/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 03-11-2015 16:41:07
ปู่ย่าตายายช่างร้ายนักทั้งๆที่เห็นตัวอย่าง
ของลูกแท้ๆของตัวเองแล้วว่ามันไม่ได้เป็น
ผลดีพอรุ่นหลานยังมาบังคับแบบเดิมอีก
ช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวจริงๆจะตายวันตาย
พรุ่งยังไม่รู้แกขนาดนั้นแทนที่จะคิดได้
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๐ หลอกใช้ ๒/๑๑/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-11-2015 07:58:39
ซวยละงานนี้
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๑ กอด ๒๐/๑๑/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 20-11-2015 20:23:12
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก 
ตอนที่ ๔๑ กอด


หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่โรงพยาบาลผมก็ไม่ได้เจอหน้ามันอีก มันหายไปเลยไม่กลับมานอนที่ห้องไม่เคยมาให้ผมเห็นหน้า และผมก็ไม่รู้จะไปตามมันที่ไหน เพราะผมไม่สามารถติดต่อมันได้เลย ไม่มีสักทาง สุดท้ายกว่าจะรู้ตัวว่าผมเคยชินกับการที่มีมันอยู่ข้างๆก็ตอนที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นมันแล้ว กลิ่นของมันที่อยู่รอบตัวจางและหายไปตามกาลเวลาแต่ภาพของมันกลับชัดเจนจนผมหวั่นใจ สุดท้ายหัวใจผมก็ทรยศตัวเองเสพติดความเคยชินจนขาดมันไม่ได้


เพิ่งรู้ตัวว่าขาดมันไม่ได้ก็ตอนที่เสียไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะไปตามหามันได้ที่ไหน ผมไปนั่งรอที่คณะก็ไม่เจอถามหากับเพื่อนๆของมันก็ปิดปากเงียบกันทุกคน ไม่มีใครบอกอะไรกับผมเลยสักอย่าง มันทรมานนะกับการที่เราโหยหาแต่ไขว่คว้าเอาไว้กับตัวไม่ได้


สุดท้ายก็ว่างเปล่า......


ความรักมันน่ากลัวอย่างนี้นี่เอง ใช่ความรัก ผมรู้ตัวว่ารักมันก็ตอนที่มันหายไปจากผมแล้ว จากไปโดยไม่ลาสักคำ ทำไมเวลาผมรักใครทุกคนต้องหายไปจากผมทุกครั้ง








ผมมาเยือนเขาที่โรงพยาบาลอาการเขาดีขึ้นมากแต่หมอยังไม่อนุญาตให้กลับบ้านได้ยังคงต้องตรวจอย่างละเอียด น้าพีดูแลเขาอย่างดีบริการทุกอย่างทั้งตัดเล็บ สระผม พาไปเดินเล่น อ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟังทุกเช้าจนผมที่มองดูภาพนั้นยังตื้นตัน เวลาเรารักใครสักคนเราก็อยากทำอะไรดีๆเพื่อเขา ดูแลกันไปยามเจ็บป่วย อิจฉานะที่เขามีคนรักอย่างน้าพี ผมนั่งมองภาพนั้นซึมซับมันเอาไว้เพราะในชีวิตผมคงไม่มีวันเจอความรักดีๆแบบเขาและน้าพีหรอก


"วินลูก" เขาผงกหัวขึ้นมาเรียกผม ระหว่างที่เราทั้งสามคนกำลังดูข่าวกันในช่วงเย็น


"ครับ" ผมลุกเดินไปหาเขาที่นอนอยู่บนเตียง


"เรื่องที่ปู่กับย่าพูดลูกอย่าไปคิดมากเลยนะเดี๋ยวพ่อจะจัดการทุกอย่างเอง"


เขาจับมือผมบีบมันเบาๆเหมือนต้องการจะบอกให้ผมเชื่อใจเขาว่าเรื่องทั้งหมดเขาสามารถจัดการมันได้


"คุณจะทำยังไง" ผมถามด้วยความข้องใจ นั่นคือพ่อแม่เขาคือคนที่เคยบังคับเขาทำลายชีวิตเขามาแล้ว และเขาจะทำยังไงจะงัดกับบุพการีตัวเองเพื่อผมเหรอ


"พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข" คำพูดของเขามันหนักแน่น และผมเองก็เชื่อว่าเขาทำได้อย่างที่พูด


"ครับ วินเชื่อใจพ่อ"


ผมเชื่อใจเขาผมเชื่อว่าเขาทำเพื่อผมได้ เชื่อว่าเขายอมทิ้งทุกอย่างและทุกคนได้เพื่อผม


ผมเชื่อ


และมันก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เริ่มจากการยอมรับเขา เรียกเขาว่า 'พ่อ' อย่างที่ควรจะเรียกมานาน


".........." เขาและน้าพีดูตกใจกับประโยคที่ผมเพิ่งเอ่ยออกมา น้าพีถึงกับทำช้อนหล่นลงพื้น ส่วนเขาก็ตาแดงๆปริ่มจะร้องไห้


ผมว่ามันถึงเวาลาแล้วที่ผมจะปล่อยวางและทิ้งทิฐิที่กัดกินใจผมมานานนับปี ถึงเวลาที่ผมต้องเริ่มใหม่กับคำว่าครอบครัวจริงๆเสียที


"วิน" เขาตาแดงๆ จับมือผมแน่น มือเขาสั่น "ขอบใจนะลูกที่ยอมรับพ่อขอบใจจริงๆที่เชื่อใจพ่อ  ขอบใจนะลูก"


"ครับ" เราสามคนยิ้มให้กัน มันเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มมาจากใจไม่ได้ฝืนหรือแสร้งทำ ถือว่าผมเริ่มต้นมันด้วยดีล่ะนะ






หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็ออกจากโรงพยาบาลถึงจะไม่ชินกับคำว่า 'พ่อ' แต่ผมก็พยายามพูดและปรับตัวเพื่อให้ทุกอย่างระหว่างเราดีขึ้น


พ่อเข้าไปพบปู่ที่บ้านใหญ่ทันทีเพื่อพูดเรื่องของผม ปู่โวยวายด่าทอสารพัด อ้างบุญคุณทุกอย่างที่สร้างมาเพื่อลูกหลาน สุดท้ายพ่อก็ทำตามที่สัญญากับผมเอาไว้จริงๆ พ่อยกหุ้นของพ่อคืนให้ปู่เมื่อปู่ไม่ยอมที่จะยกเลิกงานหมั้น พ่อประกาศกร้าวตัดขากเดินออกมาจากตระกูลนั่นมาแต่ตัว ปู่ไม่รั้งเพราะคิดทนงว่าอย่างไรพ่อก็ต้องซมซานกลับมา และสุดท้ายปู่ก็จะควบคุมพวกเราไม่ให้ดิ้นไปไหนได้


แต่ปู่ไม่รู้ว่าที่พ่อและน้าพีโหมงานหนักนั้น เพราะทั้งคู่ปูทางธุรกิจของตัวเองมาพักใหญ่แล้ว พ่อและน้าพีทำธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ชลบุรีและหัวหิน ปู่และย่ายังไม่รู้เรื่องนี้ คิดแค่ว่าพ่อเดินออกไปตัวเปล่าปู่คิดว่าพ่อไม่มีทางทำธุรกิจอะไรได้ถ้าปู่ปิดทางทำมาหากินทุกอย่างเส้นสายทุกทางของปู่ที่มีถูกนำมาใช้ตัดแขนตัดขาพ่อทั้งหมด เพื่อให้พ่อเริ่มทำธุรกิจไม่ได้ แต่ปู่คิดช้าไปเพราะพ่อใช้ชื่อปู่เพื่อปูทางธุรกิจของพ่อเรียบร้อยแล้ว จนตอนนี้ธุรกิจอยู่ตัวและไม่ต้องอาศัยบารมีของปู่มาหนุนหลังอีกต่อไป


ปู่กอบโกยจากลูกหลานมากพอแล้วถึงเวลาที่ต้องแบ่งปันบ้าง


พ่อและน้าพีอยู่ที่โรงแรมของตนเองที่ชลบุรีระหว่างรอบ้านสร้างเสร็จ ส่วนผมยังอยู่ที่หอเหมือนเดิม เพราะผมกลัวว่ามันจะกลับมาแล้วไม่เจอผม


ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะกลับมาที่นี่อีกรึเปล่าแต่ผมก็รอ


ผมนั่งลงบนเก้าที่วางไว้ตรงระเบียง อัดสารนิโคตินเข้าปอดก่อนจะพ่นควันบุหรี่ล่องลอยในอากาศ


ชัดเจนและจางไป.......


คิดถึง......คำนี้วนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดเวลาเมื่อกลับมาอยู่คนเดียวในที่ที่เคยมีมันอาศัยอยู่ร่วมกัน ทำไมถึงรู้ตัวช้า ทำไมถึงหายไปตอนที่ผมเพิ่งรู้ใจตัวเอง


ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาจากตาก่อนจะดับบุหรี่กับกระถางต้นไม้ลุกขึ้นเดินเข้าห้อง ทิ้งตัวนอนบนเตียงกอดตัวเองหลับตาลงพยายามหลับแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้ดั่งใจคิด


แกร๊ก


เสียงไขกุญแจห้องเรียกสติผมให้กลับมาผมลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกห้องทันทีเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู


"แมน" ผมโผเข้ากอดมันอย่างไม่ออมแรง มันเซไปด้านหลังเกือบจะล้มลงไปทั้งคู่ดีที่หลังของมันพิงกับประตูห้อง มันดูงงๆกับท่าทีของผมก่อนจะยกมือขึ้นกอดตอบผม


"ร้องไห้ทำไม หืม"


"ไอ้เหี้ย มึงหายไปไหนมาทิ้งกูไว้คนเดียวได้ไงวะ" ผมโวยวายกล่าวโทษมันสารพัด


มันลูบหลังผมเบาๆก่อนจะผละออกจากกันมันถอดรองเท้าวางไว้ในตู้ก่อนจะเดินจูงมือผมกลับเข้ามาในห้องนอน


"กูไปทำสัญญากับที่บ้าน" มันตอบผมและเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าปล่อยให้ผมนั่งเอ๋ออยู่บนเตียงคนเดียว "จริงๆตอนนี้กูต้องอยู่ที่งานเลี้ยงต้อนรับลูกค้ากับพ่อ แต่กูห่วงมึงเลยหนีมา"


"หนีมา" ผมถามด้วยความสงสัย หนีใคร หนีทำไม


"อืม" มันพยักหน้าตอบผมไปด้วยถอดเสื้อผ้าไปด้วย "กูอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทั้งหมด รอนะ" ขนาดนี้แล้วใครจะไม่รอวะ


ผมรอมันอาบน้ำไม่นานนักมันก็เดินออกมาในสภาพตัวเปียก หยดน้ำพราวตามร่างกายมันนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผื่นเดียวเท่านั้น


"ไปแต่งตัวดีๆก่อนดิวะ" ผมไล่เมื่อเห็นมันนั่งลงบนเตียง


"กูว่าคืนนี้กูไม่ต้องใส่เสื้อผ้านอนหรอกวะ" มันเขยิบมานั่งใกล้ๆผมที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางเตียง 


"ไม่ใส่ก็ไปนอนนอกห้อง" ผมทำท่างจริงจัง ส่วนมันก็ยกเจ้าเล่ห์กลับมา


"ไม่เอากูจะนอนกับมึง ว่าแต่มึงอยากถามอะไรกูไหม"


"ทะลึ่งนะมึง เล่ามาเลยว่ามึงหายไปไหนมา"  ผมเปิดประเด็นถามมันเมื่อเห็นว่ามันกำลังพาออกทะเล


มันยิ้มก่อนจะเริ่มเล่าว่าหายไปเพราะเข้าไปที่บ้านตกลงกับพ่อแม่มันว่าจะเริ่มเรียนรู้ธุรกิจของบ้านมันเพื่อแลกกับการที่พ่อแม่มันจะช่วยให้ผมไม่ต้องแต่งงาน ฟังถึงตอนนี้ผมก็งงว่าพ่อแม่มันจะช่วยอะไรผมได้


"พ่อกูกำลังจะร่วมลงทุนกับที่บ้านมึง บอกไว้เพื่อมึงไม่รู้ว่าปู่มึงมาหาพ่อกูเช้าเย็นเพื่อจะหลอกล่อให้พ่อกูเสียเงิน หึ ถ้าปู่มึงรู้ว่าบ้านกูจะร่วมหุ้นแต่แลกกับการที่กูจะขอมึง ปู่มึงจะว่าไง"


"อะไรนะ มึงบอกว่าขอกู ขอกูจากใคร ขอทำไม"


"ขอมึงจากปู่จอมบงการของมึงไง คล้ายๆว่าเอาเงินไปขอมึงอ่ะ"


งงหนักเลยทีนี้


มันเห็นผมทำหน้าสงสัยเลยไขข้อข้องใจให้ฟัง ได้ความว่ามันยอมทิ้งความฝันที่จะทำงานถ่ายภาพอะไรของมันนี่แหละเพื่อจะเป็นนักธุรกิจตามที่ครอบครัวต้องการแลกกับการที่ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ผมและมันได้คบกัน พอพ่อกับแม่มันฟังก็ตกใจแทบหงายหลังที่ตกใจไม่ใช่เรื่องลูกเป็นเกย์ เพราะบ้านมันเขารับรู้กันตั้งแต่มันเรียนมอต้น แต่ที่ตกใจเพราะแม่มันที่สนิทกับแม่ผม แน่นอนว่าท่านต้องรู้ว่าบ้านผมเป็นอย่างไร ท่านตกใจเพราะรู้ว่าปู่อยากผูกสัมพันธ์กับนักธุรกิจท่านนึงเพื่อผมของธุรกิจ


ดังนั้นแม่มันจึงคิดหาหนทางเพื่อให้ลูกชายคนเล็กสมหวังโดยการล่อปู่ผมโดยเอาเรื่องธุรกิจบังหน้าเพื่อให้ปู่ยอมทำสัญญา และเมื่อถึงตอนนั้นปู่ก็ไม่สามารถปฏิเสธเงินตรงหน้าได้ เพราะหุ้นที่บ้านผมลงทุนไปนั้นมันมากพอที่จะทำให้ปู่ลืมข้อเสนอของท่านคุณหญิงผมกระบังลมนั้น และมันก็ต้องแลกกับการเรียนรู้งานเพื่อเข้ารับตำแหน่งเมื่อเรียนจบ เหมือนๆกับผมที่ต้องกลับไปเรียนรู้งานโรงแรมของพ่อเหมือนกัน แต่ของผมจะดีกว่าตรงที่ยังไม่โอกาสได้ใช้สิ่งที่เรียนมาในการพัฒนากิจการของพ่อ


และเรื่องที่ผมเพิ่งรู้อีกเรื่องก็คือมันเข้าไปหาพ่อผมพูดคุยขอผมจากพ่อและน้าพีเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่จัดการทางปู่ให้สำเร็จทั้งสองบ้านจึงจะพูดคุยเรื่องของผมกับมันอย่างจริงจังอีกที


สรุปมันเอาผมจริงๆเหรอเนี่ย


"เหมือนพ่อกูกับบ้านมึงรวมหัวกันเล่นงานปู่กูเลย แล้วเรื่องที่มึงเล่าทำไมพ่อไม่บอกกูเลย เรื่องจริงป่ะเนี่ย"


ผมก็แค่สงสัยว่าพ่อปิดปากเงียบ แถมเนียนจนผมไม่รู้อะไรเลย


"กูขอไว้เองอยากบอกมึงเอง"


"จริงจัง"


"ขนาดนี้กูคงเล่นๆมั้ง แต่กูบอกไว้ก่อนนะว่ากูยังตัดธูปไม่หมด ในใจกูยังมีธูปอยู่แต่มันก็มีมึงอยู่เหมือนกัน และมึงเองก็กำลังเบียดธูปตกจากขอบแล้วเหมือนกัน อีกนิดกูคงลืมธูปหมดใจ รอกูหน่อยนะ"


มันเอื้อมมือมาลูบแก้มผม ระยะห่างของเราสองคนสั้นลงจนสุดท้ายปลายจมูกของเราก็แตะกัน ใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่ายมันมองหน้าผมเหมือนจะขออนุญาต ผมไม่ตอบแต่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน


ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้มันมากขึ้นจนปากเราสองคนแตะกันผมกลั้นใจเพราะไม่รู้ว่าจะเดินหน้าหรือหยุดแค่ปากแตะกันไว้เพียงแค่นั้น แต่อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ความคิดผม มันจับคอผมล็อคไว้ก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาในปากเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นผม


มันดันตัวผมนอนราบบนเตียงก่อนที่ตัวมันจะตามมาขึ้นคร่อมร่างผมเอาไว้ มันซุกไซร์ซอกคอผมดูดเม้มให้เกิดรอย มือมันลูบวนแถมหน้าท้องผมก่อนจะเลื่อนลงต่ำ แต่ผมหยุดมือปลาหมึกนั้นเอาไว้ก่อนมือนั้นจะซุกซนลงไปในจุดอันตราย


"ทำไม" เสียงมันสั่นพร่า


"กูไม่รับ" ผมบอก


"แต่กูรุก" มันตอกกลับมา


"งั้นเราคงต้องคุยกันเรื่องนี้อีกที" ผมดันตัวมันออกก่อนจะลุกขึ้นนั่ง


มันเองก็โวยวายใหญ่นอนดิ้นๆอยู่บนเตียงมันคงลืมไปว่าทั้งตัวมันมีแค่ผ้าเช็ดตัวปกปิดอยู่แค่ผืนเดียว และตอนนี้ผ้าเช็ดตัวนั้นก็เลิกขึ้นจนเห็นไปไหนต่อไหน


"วินอ่ะ กูทำเพื่อมึงขนาดนี้มึงไม่เห็นใจกูหน่อยเหรอ"


"ทวงบุญคุณใช่ไหม"


"เปล่าแต่กูอยากกอดมึงอ่ะ กูทำงานมาเหนื่อยอยากได้กำลังใจ"


"กอดของมึงนี่คือกอดแบบไหน"


"กอดอ่ะกอด มึงคิดอะไรเนี่ย กอดก็คือกอดดิวะ"


ผมหรี่ตามองมันเพราะไม่ค่อยเชื่อไอ้ท่าทางดีดดิ้นของมันเท่าไหร่ สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนของมัน ผมกางแขนออกก่อนจะเอ่ยปากเชิญชวนมัน


"กอดดิ" มันกระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งมองหน้าผมก่อนจะกระโจนเข้าคลุกวงใน


มือมันบีบสะโพกผมแรงๆจนรู้สึกเจ็บ และผมก็เข้าใจคำว่ากอดของมันกับผมนั้นความหมายมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ผลั๊ก


ไอ้แมนกลิ้งลงไปนอนก้นกระแทกพื้นด้วยฝ่าเท้าของผมเมื่อนิ้วมันล่วงล้ำเข้ามาในร่างกายผม


"ไปนอนนอกห้องเลยไป๊!!"


ผมตะโกนลั่นห้องก่อนจะโยนผ้าเช็ดตัวที่หลุดออกจากร่างกายมันใส่หน้าไอ้คนที่นั่งหน้ามึนอยู่ตรงหน้า


คิดจะรุกผมเหรอ ไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๑ กอด ๒๐/๑๑/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-11-2015 22:20:59
สงสารแมนเลยอ่ะ  5555
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๑ กอด ๒๐/๑๑/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-11-2015 23:10:17
55555 แมนเอ้ยแอน
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๒ ขอโทษ......หัวใจ ๔/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 04-12-2015 00:45:36
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก 
ตอนที่ ๔๒ ขอโทษ......หัวใจ



-ธูป-


ผมกลับมาถึงบ้านก็ตรงปรี่เข้าห้องล็อคห้องไม่ต้อนรับใครทั้งนั้นผมอยากอยู่คนเดียวไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับใคร เข้ามาในห้องได้ก็เดินเหมอลอยไปที่ห้องน้ำนั่งอยู่ใต้ฝักบัวปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านร่างกาย ขัดถูตัวเองจนแขนขาถลอก ผมไม่ได้รังเกลียดตัวเองที่ถูกผู้หญิงคนนั้นกระทำอย่างนี้ แต่ผมสมเพชตัวเองที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรเธอได้ ผมไม่รู้ว่าพี่พายจะยอมรับผมได้ไหม ร่างกายผมไม่ใช่ของพี่พายคนเดียวอีกแล้ว ตอนที่พี่มันเข้าช่วยเธอคนนั้นก็อยู่บนตัวผม พี่พายเห็นเต็มสองตา และผมก็รู้สึกผิดเกินกว่าจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร และยืนเคียงข้างพี่พายต่อไปโดยไม่รู้สึก


แต่ถ้าให้เลิกกันผมก็ทำไม่ได้ ตอนนี้มันสับสนไปหมด คิดอะไรไม่ออก อยากร้องไห้ อยากกอดพี่พายแต่ก็อยากหนีไปให้ห่างเช่นกัน



หลังจากนั่งแช่น้ำจนป่วยผมก็ถูกป๊าม๊าดุเสียยกใหญ่ ลากผมไปโรงพนาบาล นอนค้างอยู่หนึ่งคืนหมอจึงยอมให้กลับบ้านได้ ครอบครัวผมดูแลผมดีและทุกคนใส่ใจผมและไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา คล้ายว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น พี่พายมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลแต่เพราะยังไม่กล้าสู้หน้าผมจึงขอร้องพี่ไฟให้ช่วยบอกพี่พายทีว่าผมยังไม่พร้อม


พี่พายรับคำง่ายๆและหายไปไม่มาให้เห็นหน้ามีเพียงส่งข้อความมาว่าไปทำอะไรที่ไหน ซึ่งตอนนี้พี่พายกำลังลงใต้ดูแลงานที่เพิ่งได้สัมประทานมา พี่พายทำงานหนักแต่ไม่เคยลืมที่จะส่งข้อความมาหา บอกย้ำซ้ำๆว่ารักผม คิดถึง และไม่เคยรังเกลียด พี่พายบอกผมให้ทานข้าวทั้งๆที่ตัวเองทำงานจนลืมเวลากิน บอกให้ผมนอนหลับฝันดีแต่พี่พายกลับทำงานหามรุ่งหามค่ะ บอกให้ผมดูแลตัวเอง แต่พี่พายกลับโหมงานจนทรุด


ที่ผมรู้เพราะน้องเค้กบอกผมทุกอย่าง พี่พายทำงานจนลืมเวลาเพราะไม่อยากคิดถึงผม งานคือเรื่องเดียวที่พี่พายให้ความสนใจในตอนนี้ รองจากเรื่องของผม


'คิดถึง ทานข้าวเยอะๆนะ'


ผมกอดโทรศัพท์แนบอกน้ำตาคลออยู่ที่เบ้าตา ผมอ่านทุกข้อความของพี่พายอ่านซ้ำๆทุกตัวอักษร แต่ไม่สามารถกดพิมพ์ความรู้สึกส่งผ่านไปได้ เพราะกลัว


กลัวใจตัวเองจะทำร้ายพี่พายมากไปกว่านี้ กลัวใจจะเรียกหาพี่พายจนพี่เขาทิ้งงานและกลับมาหาผม ผมอยากเคลียร์ตัวเองก่อน เคลียร์ใจตัวเองก่อนจะกลับไปเจอพี่พาย


ผมอยากคบกันโดยแน่ใจว่าผมลืมฝันร้ายที่ผ่านมาจนหมดแล้วจริงๆ




"เป็นอะไรครับ" พี่ไฟผละออกจากงานในครัวเดินเข้ามาถามผมอย่างเป็นห่วง


"เปล่าครับ" ผมก้มหน้าหลบสายตาดุจเหยี่ยวที่กำลังจ้องมองอย่างจับผิด


"ธูปมองพี่" ทำไมต้องทำเสียงดุใส่ด้วยเล่า


ผมจำต้องเงยหน้ามองพี่ไฟ พยายามกระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาและความคิดโง่ๆของตัวเองให้ออกห่างจากตัว พี่ไฟถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลากผมให้เเดินตามออกมาหลังร้าน


"เป็นอะไรครับ บอกพี่ได้ไหม"



"........."



"รู้ไหมครับทุกคนเป็นห่วงธูปมาก ทุกคนรักธูปมากนะครับ" พี่ไฟลูบหัวผมเบาๆส่งสายตาเป็นห่วงมาให้อย่างจริงใจ



"........"



"ถ้าอยากเล่าอยากระบายอะไรพี่อยู่ข้างๆธูปเสมอนะครับ" น้ำเสียงอ่อนโยนขับกล่อมให้ผมโงนเงนได้ง่าย



น้ำตาที่กลั้นเอาไว้มันทลายในพริบตา ผมโผเข้ากอดพี่ไฟร้องไห้สะอึกสะอื้นปากก็พร่ำบอกในสิ่งที่เก็บเอาไว้ไม่เคยบอกใคร ผมไม่สามารถพูดกับใครได้ว่าผมรู้สึกอย่างไร ป๊าม๊าแม้แต่เทียนเองผมรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงผมแต่ผมละลายเกินไปที่จะเล่าให้ทุกคนฟัง


ผมกลัวว่าพวกเขาจะผิดหวัง


แต่ตอนนี้ผมอยากระบายทุกอย่างที่อัดอั้นอยู่ในใจ อยากพูดอยากบอกใครสักคนว่าผมรู็สึกอย่างไร และเมื่อพี่ไฟเดินเข้ามามันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผมต้องการใครสักคน


"เราละอายต่อเขาใช่ไหม" ผมพยักหน้าเมื่อพี่ไฟถามกลับมา เมื่อผมเล่าจบ


"ธูปไม่กล้ามองหน้าพี่พาย ธูปไม่รู้ว่าพี่พายจะรับธูปได้ไหมที่....."



".......ที่เรานอนกลับคนอื่น" พี่ไฟต่อประโยคให้ผม และมันก็ตรใจกับผมที่สุดแล้ว


ผมได้แต่พยักหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมา มันจุกจนพูดไม่ออก


"ธูปฟังพี่นะ" พี่ไฟเริ่มเข้าโหมดจริงจัง  "ธูปไม่ได้เต็มใจ ทุกอย่างที่เป็นไปมันเกิดขึ้นเพราะผูหญิงคนนั้นบังคับ แฟนเราเขารู้และเขาก็ไม่เคยโทษธูป ดังนั้นธูปอย่าโทษตัวเอง



ความรักหน่ะนะธูป ถ้าเรามัวคิดไปเอง ความคิดมันจะย้อนมาทำร้ายเรา คุยกันซะว่าเราคิดอะไร อยากพูดอยากบอก รู้สึกยังไงก็พูดออกไปให้หมด ปล่อยไว้นานพาลจะสายเกินแก้"


พี่ไฟจับไหล่ผมให้หันไปด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ปรากฏสู่สายตา ภาพของใครบางคนที่คุ้นตา


"พี่ไปทำงานก่อน ค่อยๆคุยกัน" พี่ไฟบอกผมพร้อมกับยิ้มมาให้ "ฝากน้องชายผมด้วย"


เสียงตบหลังพี่พายดังอั๊ก แต่พี่ไฟหาสนใจไม่ พูดจบก็เดินกลับเข้าร้านทิ้งผมไว้กับคนที่ผมหลบหน้านานหลายวัน


"เด็กขี้แง" พี่พายเดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่ไหลลงมาให้อย่างเบามือ


ผมผงะถอยหลังหนีสัมผัสนั้นเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่าน จริงอย่างพี่ไฟว่าความคิดในห้วทำให้เรากลัวเพราะคิดไปเอง


พี่พายดูตกใจชะงักมือค้างกลางอากาศ แต่สุดท้ายก็ยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ผมได้ใจชื่นว่าพี่แกไม่โกรธกับสิ่งที่ผมทำลงไปเมื่อครู่


"ขอโทษ" ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตาพี่พาย   "กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่"


"เมื่อวานน่ะ เค้กใกล้คลอดแล้วพี่เลยรีบเคลียร์งาน อีกอย่างพี่คิดถึงธูปด้วย"


"......." ผมเงียบพี่พายจึงเดินเข้ามาลังเลว่าจะแตะตัวผมดีหรือเปล่า สุดท้ายพี่พายก็จับมือผมเพื่อให้เดินตามเขาไปที่รถ


"พี่โทรขอพ่อแม่ธูปแล้วท่านอนุญาต" พี่พายบอกก่อนจะเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งด้านใน ผมไม่ได้พูดอะไรเข้าไปนั่งในรถเงียบๆไม่ถามว่าไปไหน ไม่ถามอะไรเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ผมเหนื่อยแล้วอยากทิ้งตัวลงในอ้อมกอดใครสักคน อยากนอนนิ่งๆไม่ต้องคิดอะไร



ผมมองออกไปนอกรถข้างทางเริ่มร้างไกลผู้คน มีป่าและนาข้าวเราคงกำลังออกต่างจังหวัด พี่พายขับรถไปเงียบๆระหว่างเรามีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเพลงที่ช่วยไม่ให้มันเงียบเกินไป






รถจอดหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งผมจำได้ดีว่าครั้งหนึ่งเคยเข้าใจเจ้าของบ้านผิดๆมาแล้ว


ผู้หญิงร่างอุ้ยอ้ายเดินออกมาพร้อมผู้ชายคนนึงที่ประคองอยู่ไม่ห่าง รอยยิ้มสดใสยังมีมาให้เสมอ


"พี่มิลล์ สวัสดีครับ พี่สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้พี่มิลล์และผู้ชายที่ยืนข้างๆเธอ


"สวัสดีค่ะ เข้าบ้านก่อนเร็ว" พี่ผู้ชายพยักหน้ารับ พี่มิลล์จึงชวนเราทั้งคู่เข้าบ้าน


"พี่ให้คนทำความสะอาดห้องให้แล้วนะ อ่อนี้คุณหมอที่รักษาพี่ที่พี่เล่าให้ฟังไงจ้ะ"


ผมยิ้มให้ผู้ชายที่นั่งข้างพี่มิลล์ เขายิ้มตอบกลับมาก่อนจะหันไปจัดยาให้พี่มิลล์กิน เขาดูแลพี่มิลล์ดีมากๆดูห่วงใยและใส่ใจ


"ทานข้าวมารึยังล่ะธูป"


"ยังครับ" จริงๆก็กินอะไรไม่ลงมาหลายวันแล้ว


"เดี๋ยวพี่ไปอุ่นกับข้าวแล้วทอดไข่ให้นะ" พี่มิลล์กำลังจะลุกขึ้นแต่ผมห้ามเอาไว้ก่อน ใช้คนท้องทำอาหารให้กินมันใช่ที่ไหนล่ะครับ


"ไม่เป็นครับเดี๋ยวธูปจัดการเองดีกว่า ลำบากพี่เปล่าๆ"


"ไม่ลำบากหรอก คุณหมอบอกว่าคนท้องต้องเดิน ต้องทำอะไรเยอะอยู่เฉยๆคลอดยาก"


"ถึงอย่างนั้นก็เถอะธูปเกรงใจ"


"เดี๋ยวเราไปทำให้ธูปเอง มิลล์นั่งคุยกับธูปไปเถอะ คุณหมอไปช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ"


"ครับ ด้วยความยินดี" พี่พายลุกขึ้นเดินเข้าครัวไปกับคุณหมอทิ้งผมไว้กับพี่มิลล์สองคนในห้องรับแขก


"ธูปมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ" พี่มิลล์ขยับเข้ามาใกล้ ถามผมด้วยความห่วงใย


"ผม......" 


มือเรียวสวยเอื้อมมาลูบหลังผม สัมผัสอ่อนโยนนั่นทำให้ใจผมสงบ


"พี่พอจะรู้มาบ้าง คนที่จับตัวธูปไปค่อนข้างมีอิทธิพล พายเขาเลยต้องใช้เส้นสายหลายทาง เพื่อนๆเลยช่วยกัน ธูปอย่ากังวลไปเลยนะ คนพวกนั้นจะไม่มายุ่งกับธูปอีก"


ผมมองหน้าพี่มิลล์อยากบอกเหลือกเกินว่าผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น แต่เรื่องที่ผมห่วงคือ ผมกลัวสัมผัสจากพี่พาย


"หรือธูปไม่สบายใจเรื่องอื่น"


"ผมไม่รู้เหมือนกัน มันตีรวนกันไปหมด ผมกลัวขยะแขยงตัวเอง พอพี่พายเอื้อมมือมาจับผมก็รู้สึกไม่ดี มันเหมือนตัวผม แบบ"


"สกปรก ใช่ไหม" พี่มิลล์พูดต่อประโยค และผมก็พยักหน้ารับ


"ธูปเคยฟังเรื่องพี่แล้วนี่คะ พี่เข้าใจความรู้สึกธูปดี แต่ถ้าเราคิดลบความคิดมันก็จะกลับมาทำร้ายเรา เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้นะคะธูปแต่ตอนนี้ นาทีนี้มีคนที่รักเรา รับเราได้ ทำไมเราจะต้องคิดมาก



ธูปไม่ได้สกปรกนะ มันก็แค่ฝันร้ายธูปตื่นขึ้นมาแล้ว ตื่นมาพบกับคนที่รักเรา เหมือนพี่ไงคะ" พี่มิลล์เหลือบมองเข้าไปในครัว ที่คุณหมอกำลังทำอาหารอยู่กับพี่พาย



พี่มิลล์ลูบท้องตัวเองยิ้มอบอุ่นเมื่อสิ่งมีชีวิตเล็กๆในท้องนั่นดิ้นตอบรับสัมผัสจากมารดา


"อดีตที่เป็นตราบาปของพี่ อย่างน้อยก็มีเรื่องดีๆ ธูปเองก็มองหาด้านดีของเรื่องนี้ว่ามันคืออะไร อะไรแย่ๆที่คิดแล้วทำร้ายเราก็ปล่อยมันทิ้งไว้กับวันวาน อย่าไปเก็บมันมาให้หลอกหลอนเราอีก เพราะสุดท้ายเราก็จะไม่มีวันตื่นจากฝันร้ายนั้นอีกเลย"


หลังจากพูดจบพี่มิลล์ก็เดินเข้าไปในครัว ก่อนจะบอกให้คุณหมอพาไปพักผ่อน บนโต๊ะอาหารจึงเหลือแค่ผมกับพี่พายที่นั่งทานข้าวกันเงียบๆสองคนโดยไม่มีใครพูดอะไร พอทานข้าวเสร็จพี่พายก็จัดการเก็บโต๊ะล้างจานและบอกให้ผมขึ้นนอน เสื้อผ้าของใช้พี่พายจัดไว้ให้แล้ว ผมไม่พูดอะไรเดินขึ้นมาบนห้องที่พี่พายบอกก่อนจะจัดการตัวเองตามที่พี่พายบอก


หลังจากนั้นไม่นานพี่พายก็เปิดประตูเข้ามา ผมนั่งอยู่บนเตียงมองพี่พายถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยที่สายตาผมยังจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงใหญ่นั้นไม่คลาดสายตา ในหัวเริ่มตีกันวุ่นไปหมด ใจนึงก็อยากคุยอยากถาม ใจนึงก็อยากหนีไม่กล้ามองหน้า มันรู้สึกเหมือนอยู่ตรงกลางแล้วไม่รู้จะเลือกเดินทางไหน


พี่พายออกมาจากห้องน้ำเปิดตู้เสื้อผ้าแต่งตัวโดยไม่ได้สนใจผมที่ยังนั่งอึนอยู่ที่เตียง พอใส่เสื้อผ้าเสร็จพี่พายก็เดินไปที่ประตู ผมตั้งสติได้ก็ร้องถามทันที


"พี่พายจะไปไหน"


พี่พายหันมายิ้มให้  "พี่จะไปนอนอีกห้องนึง"


แล้วพาผมมาที่นี่ทำไมอ่ะ นึกว่าเราจะคุยกัน


"ธูปนอนเถอะ ฝันดีนะ" พี่พายเอื้อมมือมาใกล้ก่อนจะชักมือกลับเพราะคิดว่าผมคงหลบสัมผัสจากมือนั้น แต่ผมเลือกจะคว้ามือนั้นเอาไว้ได้ทัน


พี่พายดูแปลกใจแต่ก็ยอมให้ผมจับมือโดยไม่พูดอะไร


"ธูปขอโทษ" พี่พายคว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่น ปากพร่ำบอกแต่คำว่าไม่เป็นไรๆซ้ำๆ


คืนนั้นเรานอนคุยกันทั้งคืน แม้ยังเกร็งเวลาที่พี่พายกอดแต่ผมก็คิดถึงคำของพี่มิลล์หรือแม้แต่พี่ไฟ ถ้าผมไม่คิดความคิดก็จะไม่สามารถทำร้ายผมได้ พี่พายแค่กอดและรับฟังผมตลอดทั้งคืนระหว่างเราไม่มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยว ถามว่าโหยหาไหมตอบได้เลยว่าถ้าเป็นพี่พายผมโหยหาแต่อีกใจก็กลัวพี่พายจะรังเกียจ สุดท้ายความลังเลทำให้ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปนอกจากเรื่องที่อยู่ในใจ


พี่พายเองก็เหมือนจะรู้ว่าผมรู้ยังไงเขาก็ไม่ได้ขอ เราทั้งสองคนแค่นอนกอดกันส่งความอบอุ่นผ่านอ้อมกอดของกันและกันเพียงเท่านั้น แต่ผมกลับรู้สึกดี อาจเพราะได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปให้พี่พายได้รับรู้ และพี่พายก็ไม่ได้คิดรังเกียจ พี่พายไม่โทษผม บอกเพียงให้ลืมแล้วเริ่มต้นกันใหม่


ผมไม่รู้เหมือนกันว่าวันข้างหน้าชีวิตผมจะเป็นอย่างไร ขอแค่มีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆ ผมก็สามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง



ขอบคุณที่รักกัน


และขอโทษที่ทำให้เสียใจ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๒ ขอโทษ......หัวใจ ๔/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 04-12-2015 06:11:24
โถ น้องธูป ตอนนี้เลยสงสารพี่พายมาก
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๒ ขอโทษ......หัวใจ ๔/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-12-2015 01:18:21
สงสารทั้ง2คนเลย.....ฝันร้ายมันจบลงแล้วนะธูป เริ่มใหม่เนอะ
พี่พายใจเย็นมวก ดูแบบสุขุมไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๓ ฉันดีใจที่มีเธอ ๒๖/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 26-12-2015 17:52:03
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก 
ตอนที่ ๔๓ ฉันดีใจที่มีเธอ



-ธูป-


 หลังจากวันนั้นพี่พายก็ทุ่มเวลาเกือบทั้งหมดที่มีให้กับผมทั้งๆที่เขาต้องลงไปดูงานที่ภาคใต้ที่เขาประมูลสัมปทานรังนกได้ แต่พี่พายก็ไม่ห่างผมถึงตัวจะไกลกันแต่เราคุยกันมากขึ้น และผมก็เลิกฝันร้ายและนอนผวาตอนดึกๆแล้วเพราะกำลังใจดีๆจากคนที่อยู่รอบตัวทำให้ผมเลิกคิดมากและเลิกโทษตัวเอง


ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสอบผมจึงทุ่มให้กับการอ่านหนังสือจนลืมเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา น้องเค้กเองก็ท้องแก่ใกล้กำหนดคลอดเข้าไปทุกที มหาลัยของน้องสอบใกล้เสร็จแล้วและน้องคงต้องไปนอนที่โรงพยาบาลหลังจากนั้น ระหว่างนี้ไอ้เทียนก็ไปๆมาๆระหว่างบ้านน้องเค้กกับที่ร้าน


ส่วนผมก็หมกตัวอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านและมีเพื่อนๆมาสุมหัวกันเพราะบ้านผมเป็นร้านอาหาร ของกินไม่ต้อห่วงมีตลอดทั้งวันพวกมันเลยเลือกบ้านผมเพราะเหตุนี้ แต่น่าแปลกที่มีคนนึงที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคณะพวกผมแต่มันก็มา


ไอ้มาวิน


ตอนแรกพวกผมก็งงว่ามันมาทำไมแต่มีคนภูมิใจนำเสนอจนน่าหมั่นไส้ ไอ้แมนเมืองมันประกาศว่ามันกับไอ้มาวินคบกัน เล่นเอาพวกผมงงเป็นไก่ตาแตก แต่ก็ยินดีกับมันสองคนที่ในที่สุดก็เจอความรักของตัวเองเสียที


อ่านหนังสือกันไปได้ไม่เท่าไหร่ร่างสูงสะดุดตาที่การแต่งตัวกระชากอารมณ์ก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า


"มาทำไม" ไอ้ชาลุกขึ้นตั้งการ์ดทันทีเมื่อเด็กเนิร์ดร่างสูงเดินหอบหิ้วขนมเข้ามาใกล้


อีกฝ่ายไม่พูดอะไรทำเพียงแค่วางของลงบนโต๊ะและขอตัวลากลับไปเงียบๆ ไอ้ชาหงุดหงิดที่ฝ่ายนั้นไม่สนใจมันแม้แต่นิดเดียว มันบ่นงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์ก่อนจะลุกเดินตามเด็กเนิร์ดนั้นออกไป ถึงจะงงๆกับการกระทำของทั้งคู่แต่ก็ไม่มีใครถามอะไรเพราะรู้ว่าถามไปก็ไม่มีใครสามารถง้างปากไอ้ชาได้


สุดท้ายเลยเลิกสนใจกลับมาเวียนหัวกับตัวหนังสือในมือกันต่อ ผมอ่านหนังสือไปด้วยคว้าขนมที่ม๊าเอามาให้ใส่ปากไปด้วยโดยตัดขาดจากสิ่งรอบตัว วิชานี้ค่อนข้างยากถ้าพลาดคือผมอาจจะจบช้ากว่าเพื่อนๆเพราะวิชานี้เปิดแค่ปีละครั้งเท่านั้น ดั้งนั้นสู้ตายล่ะครับ


จึ๊กๆ


รู้สึกเหมือนกำลังโดนรบกวนผมละสายตาจากตัวหนังสือมากมายตรงหน้าหันมองทางด้านขวาของตัวเองก็เจอกับมนุษย์ไม่เข้าพวกกำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ข้างๆ


"มีไร" ผมถามพร้อมกับปิดหนังสือวางมันลงข้างตัว


"เอ่อ......" มันเงียบพลางมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวใครจะได้ยินเรื่องที่มันกำลังจะพูด


"มีไรวะ" ถามย้ำไปอีกครั้ง


"ออกมาคุยกับกูหน่อย" มันพูดพร้อมกับลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่เสียงเพื่อนสนิทผมก็ร้องทักขึ้นมาเสียก่อน


"ไอ้วินมึงจะไปไหน"


เจ้าของเรื่องที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผมหันไปหาแฟนมันก่อนจะทำหน้ายักษ์ใส่


"กูมีเรื่องจะคุยกับธูป ถามมากน่ารำคาญอ่านหนังสือไป"


ไอ้แมนเมืองกำลังจะถามต่อเป็นอันต้องหุบปากเพราะไอ้มาวินชี้หน้าพร้อมกับทำหน้ายักษ์แถมมาด้วย


กลัวแฟนนิหว่า


"ตกลงมีเรื่องอะไร" เราหยุดยืนอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างบ้านและร้านอาหาร


"คือ......." และมันก็เงียบไม่พูดอะไรต่อ


"มึงเรียกกูออกมาดูมึงอั้มอึ้งเนี่ยนะ"


"ไม่ใช่แต่แบบมันพูดยาก คือกูไม่คิดว่าวันนึงต้องมาปรึกษามึงเรื่องนี้นี้หว่า" มันเกาหัวแกรกๆไม่ยอมสบตากับผม ทำตัวน่าสงสัย


"เรื่องอะไรวะ"


"คือ" มันเขยิบเข้ามาใกล้ป้องปากกระซิบที่ข้างหู  "ตอนมึงโดนเอาครั้งแรกเจ็บไหมวะ"


ไอ้เวรมึงถามอะไร


กลายเป็นผมที่เงียบและยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น


"ตอบดิวะ" เร่งทำไมมันใช่เรื่องที่คนเขาเอามาพูดคุยกันเหรอวะ


"ยะ อยากรู้ไปทำไม"


"คือ......"


"หรือมึงจะ อื้อออออ" ผมชี้หน้าไอ้มาวินแต่มันกลับกระโดดเอามือมาปิดปากผม


"จะตะโกนให้พ่อมึงได้ยินหรือไง"


"อ่อย อู"


มันลดมือลงปล่อยปากผมให้เป็นอิสระก่อนจะพูดความในใจออกมา "คือกูกับไอ้แมนมีปัญหาเรื่องตำแหน่งกันนิดหน่อย"


"แล้ว"


"ก็อย่างที่บอกไม่มีใครยอมรับ"


"เรื่องแบบนี้ถึงเวลาก็รู้เองล่ะว่าใครตำแหน่งไหนอ่ะ" กูจะตอบยังไงว่าตอนกูน่ะกูก็อยากรุกแต่ก็นะ แต่ไปๆมาๆลุกไม่ขึ้นซะงั้น


"ความสัมพันธ์ของกูสองคนเหมือนย้ำอยู่กับที่วะมันแบบไม่ไปไหนสักที"


"มึงเลยจะเอาเซ็กส์มาทำให้มันเดินหน้าว่างั้น"


"ไม่เชิง คือกูกลัวมันทิ้งกูถ้ามันไปเจอคนที่เขายอมนอนกับมันง่ายๆ"


"ทำไมคิดแบบนั้น"


"มึงดูกู" มันชี้หน้าตัวมันเอง  "ตรงไหนที่ดูว่าจะเป็นเมียใครเขาได้ แล้วมึงดูเพื่อนมึงตรงไหนที่ดูเป็นรับ คือกูสองคนดูยังไงก็รุกทั้งคู่ป่ะวะไม่เหมือนมึง"


คือกูเกี่ยวอะไรด้วยวะ


"แล้ว เอาเนื้อๆเลยว่ามึงลากกูออกมาเพื่ออะไร"


มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ผมและกระซิบที่ข้างหูอีกครั้ง


"กูอยากรู้ว่ารับมันเจ็บไหม เลือดออกรึเปล่า แล้วต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง"


"ถามเหมือนมึงจะรับ เฮ้ย อย่าบอกนะว่า"


มันพยักหน้า


"ก็ถ้าไม่มีใครรับกูคิดว่ามันคงไม่เสียหายอะไร" อือหือ สุดยอดมนุษย์แฟนจริงๆ


"ก็......" จะบอกมันยังไงดีว่ะ ว่าเรื่องแบบนี้มันเกี่ยวกับขนาดและการร่วมมือกันของคนสองคน


"........"


"........."


ผมเงียบไอ้มาวินก็เงียบบรรยากาศกระอักกระอ่วมแปลกๆ
.
.
.
.
.
.
.
สอบเสร็จแล้วเว้ย!!!!!


อยากจะแหกปากร้องด้วยความดีใจหลังจากก้มหน้าอ่านหนังสือจนแทบอ้วกวันนี้ไอ้ธูปเป็นไทแล้วครับ ผมนั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวมีครอบครัวพี่พายมาร่วมด้วย บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่นพรุ่งนี้น้องเค้กต้องเข้าพักที่โรงพยาบาลเพราะพ่อของน้องไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด กว่าน้องจะคลอดก็นับจากนี้ไปอีกประมาณสองถึงสามวัน


หลังจากทานอาหารกันเสร็จพี่พายก็ขออนุญาตพาผมแยกออกมา เรานังข้างกันเงียบๆทอดสายตามองสายน้ำที่อยู่ตรงหน้า พี่พายกุมมือผมมือเขาสั่นนิดๆแต่เมื่อผมไม่ได้ขัดขืนมือใหญ่นั่นก็กระชับแน่นขึ้น


มันยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม


ผมเอนตัวซบไหล่ของพี่พายหลับตานึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา จากความเข้าใจผิดก่อเกิดเป็นความรักระหว่างเรา เรื่องมันไม่ง่ายเลยที่คนสองคนจะรักกันเริ่มความสัมพันธ์กันในรูปแบบของคำว่า 'คนรัก'



"เรื่องแบบนี้มันอยู่กับความเอาใจใส่ในคู่ของมึง กูตอบไม่ได้หรอกว่ามึงจะเจ็บไหม หรือรู้สึกดีรึเปล่า ทุกอย่างมันอยู่ที่คนสองคนที่จะตอบคำถามของมึงได้ มึงต้องลองเองแล้วจะเจอคำตอบ"



ผมยิ้มเหมือนนึกถึงคำตอบที่ตอบไอ้มาวินไปผมก็ไม่รู้ว่ามันใช่คำตอบที่ดีไหม ผมรู้เพียงแค่ว่านั้นคือคำตอบที่ตรงใจผมที่สุดแล้ว


"คิดอะไรอยู่" เสียงทุ้มติดดุดังขึ้นข้างตัว


"คิดว่าธูปโชคดีที่เจอพี่"


เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำตอบจากผม พี่พายก้มลงจูบหน้าผากผมเบาๆ


"พี่สิต้องเป็นคนที่โชคดี"


"ตอนแรกที่เจอพี่โหดมากเลยนะ น่ากลัวว่าจะฆ่าธูปก่อนจะรู้ความจริง"


"ตอนนั้นมันโมโหนิหว่า"


"แล้วตอนนี้ล่ะ" ผมเงยหน้าสบตาคมดุคู่นั้นอย่างไม่นึกกลัวเหมือนคราวแรกที่เจอกัน


"รัก รักมาก" คำบอกรักง่ายๆที่ได้ยินมันกลับรู้สึกพิเศษอย่างบอกไม่ถูก


"เหมือนกัน" พี่พายลูบหัวผมเรานั่งมองดูบรรยากาศเบื้องหน้าโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาหลังจากนั้น แต่มันดูผ่อนคลายและเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"ผมยืนเกาะกระจกมองดูหลานชายตัวน้อยทั้งสองคนที่หลับอยู่บนเตียงอันเล็กๆ หลานชายตัวน้อยหลับตาพริ้มคงกำลังฝันดี


พี่พายกุมมือผมเอาไว้เขาถามผมเสมอว่าอยากมีลูกบ้างไหม อยากสร้างครอบครัวบ้างรึเปล่า ผมก็ตอบกลับไปทุกครั้งว่าแค่มีเขาสำหรับผมก็เพียงพอกับคำว่าครอบครัวแล้ว ไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีทายาทเราก็รักกันได้ คำว่าครอบครัวไม่จำเป็นต้องประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูก ถึงจะสมบูรณ์


แค่มีกันและกันมีความรักให้กันมันก็เป็นครอบครัวแล้วในความคิดของผม


คืนนั้นเราสองคนร่วมรักกันถึงแม้ในตอนแรกพี่พายจะไม่ยอมเพราะถึงปากผมจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เอาจริงๆผมสั่นและพลันจะนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่เสียงพี่พายเรียกสติผม และเขาบอกให้ผมมองหน้าเขาคิดถึงแต่เขา ความรู้สึกขยะแขยงตัวเองจึงค่อยๆหายไป ความเสียวซ่านเข้ามาแทนที


เรากอดกันหลังจากกิจกรรมนั้นจบลงพี่พายโอบกอดผมเอาไว้คำรักที่ฟังไม่รู้เบื่อกระซิบอยู่ที่ข้างหูจนผมหลับไปเพราะความเหนื่อยเพลีย


ผมไม่รู้นะว่าคู่อื่นๆเริ่มต้นความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่สำหรับผมเพราะความเข้าใจผิดในวันนั้นทำให้ผมได้เจอกับเขา ผมดีใจที่วันนั้นยอมตกลงรับข้อเสนอของพี่พาย เพราะในวันนี้ทำให้ผมมีเขา ผู้ชายที่ไม่ได้ดีเลิศแต่ดีที่สุดสำหรับผม ผู้ชายที่ทำให้ผมยิ้ม ร้องไห้ หัวเราะ คิดถึง ผู้ชายที่ไม่หวานแต่ก็รักผมอย่างจริงจัง


ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเจอกับอะไรแต่ในวันนี้ผมดีใจที่มีเขาอยู่ข้างกาย


พี่พายเข้ามาคุยกับที่บ้านผมโดยมีพี่ไฟคอยหนุนหลังให้ตามสัญญาผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปสัญญาอะไรกันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่เพราะพี่ไฟจึงทำให้ป๊าม๊าใจอ่อนยอมให้ผมย้ายไปอยู่กับพี่พายที่บ้านได้ แต่ต้องกลับมาบ้านในช่วงวันหยุและยังต้องทำงานแลกค่าเทอม ทั้งๆที่พี่พายบอกจะส่งเสียแต่เป็นผมเองไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น


ไอ้เทียนและน้องเค้กต่างก็เห่อลูกกกไว้ข้างตัวไม่ห่าง มองเผินๆดูเป็นครอบครัวที่น่ารัก แต่เมื่อมองดูดีๆแล้วจึงรู้ว่าไม่ใช่ทั้งสองคนดูเหมือนคนรัก


แค่เหมือน


สายตาน้องเค้กไม่ได้มองที่ไอ้เทียน เช่นเดียวกับน้องชายฝาแฝดของผมที่มันไม่เคยหยุดสายตาที่น้องเค้กเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ทำหน้าที่พ่อและแม่ได้ดี ดีจนคนรอบข้างไม่ทันได้สังเกตุถึงสิ่งผิดปกติของทั้งสองคน


ทั้งคู่ปฎิเสธที่จะจัดงานแต่งงานโดยต่างก็หยิบยกเหตุผลของแต่ละคน ฝ่ายผู้ใหญ่จึงไม่ค้านและยอมตามใจ แต่มีคนนึงที่ผมไม่คิดเลยว่าจะร่อนการ์ดแต่งงานสีชมพูหวานแหววก่อนใครเพื่อน


เจ้ชีส


ผู้หญิงซึ่งห่างไกลกับคำว่าเจ้าสาว และการแต่งงานมากๆ แต่เจ้แกก็ได้แต่งเป็นคนแรก งานแต่งเจ้ชีสจัดขึ้นที่ชายหาดแห่งนึง กลิ่นอายความรักอบอวลอยู่ทุกที เจ้าสาวถูกจับแต่งตัวในชัดเดรสสีขาวยาวคลุมเข่า ผมถูกดัดลอนแต่งหน้าอ่อนๆ รอยยิ้มสดใสส่งมอบให้ทุกคนในงานได้ยิ้มตาม


เจ้าบ่าวคนโหดแม้จะเฮฮากับเพื่อนฝูงแต่สายตาก็คอยจับจ้องที่เจ้าสาวอยู่ตลอดเวลา หลังจากเอาชนะใจเจ้ชีสได้เฮียตุลย์ก็พาผู้หญ่ไปสู่ขอเจ้ชีสกับพ่อแม่ทันที กว่าเจ้แกจะใจอ่อนเฮียตุลย์ก็น่วมไปเยอะเหมือนกัน


ผมยิ้มทักทายพูดคุยกับเพื่อนๆเกาะกลุ่มกันไม่ห่าง พี่พายเองก็อยู่ข้างๆเช่นกัน พ่อลูกอ่อนกว่าจะยอมห่างลูกตัวน้อยก็นานจนผมนึกว่าวันนี้จะไม่ได้มาเสียแล้ว


ไอ้มาวินและไอ้แมนเมืองกำลังหัวเราะกับมุกตลกกากๆของไอ้น้ำเหนือ มันสองคนดูเข้าใจกันมากกว่าเก่า ผมไม่รู้นะว่ามันมีอะไรกันรึยังแต่จากที่เห็นในวันนี้มันก็ดูจะใส่ใจกันมากกว่าเดิม คงเพราะคุยกันมากขึ้น รุ้ว่าต่างฝ่ายต่างต้องการอะไร การจะเดินไปด้วยกันแค่เซ็กส์อย่างเดียวคงไม่ใช่ มันมีอะไรมากกว่านั้น


ช่วงสวมแหวนและปฎิญาณตนว่าจะรักและดูแลกัน ทำเอาผมขนลุกนึกถึงภาพตวเองกับพี่พาย แม้ไม่เคยต้องประกาศต่อหน้าใครๆแต่เราทั้งคู่ก็รู้ว่ายังไงเราสองคนก็จะซื่อสัตย์และรักกันจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้อนาคตไม่มีใครตอบได้ว่าเราจะทำได้ตามนั้นไหม แต่อย่างน้อยเราก็ทำมันให้ดีที่สุด ก็เพียงพอแล้ว


เรื่องราวของผมคงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่ความรักของผมกับพี่พายยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าจะถึงทางตัน ผมก็หวังว่าเส้นทางความรักของเราสองคนจะไม่มีทางแยก หรือทางตัน อาจจะคดเคี้ยว ลำบากไปบ้างแต่อย่างน้อยเราจะจับมือกันเพื่อเดินไปด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป


ขอให้คุณเจอความรักที่ดีที่สุดสำหรับคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๓ ฉันดีใจที่มีเธอ ๒๖/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 26-12-2015 20:28:11
ดีใจกับธูปด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๓ ฉันดีใจที่มีเธอ ๒๖/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 26-12-2015 21:17:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๓ ฉันดีใจที่มีเธอ ๒๖/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 26-12-2015 22:23:13
ดีใจจังที่ทุกคนสมหวัง  :กอด1:
ผ่านเรื่องร้ายๆทุกอย่างไปได้ซะทีเนาะ
แต่อยากรู้จัง แมนกะวิน นี่ใครรุกรับ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๓ ฉันดีใจที่มีเธอ ๒๖/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 28-12-2015 00:17:20
ปริ่มมากกกกก คือในที่สุดทุกคนก็มีความสุข
โดยเฉพาะธูป ที่สามารถลืมอดีตได้ และสนใจแต่พี่พาย
คือดีอ่ะ อยากได้พี่พายยยยย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๓ ฉันดีใจที่มีเธอ ๒๖/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-12-2015 12:32:13
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๓ ฉันดีใจที่มีเธอ ๒๖/๑๒/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-12-2015 15:42:12
 :pig4 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 28-12-2015 23:26:09
ผมไม่ใช่พ่อเด็ก 
ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน



-มาวิน-




ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันคืบหน้าหรือว่าย่ำอยู่กับที่ เพราะทุกครั้งที่เราสองคนจะเริ่ม มันกลับจบลงกลางทางทุกที แม้ในบางครั้งอีกฝ่ายจะโอนอ่อนผ่อนปรนให้ก็ตาม แต่ก็เป็นผมเองที่ไม่กล้าจะรับข้อเสนอนั้นสุดท้ายก็ไปไม่ถึงปลายทางที่เราฝันเอาไว้


เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเมื่อรู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะพังลงเหมือนทุกครั้ง เราคบกันเหมือนเพื่อนผู้ชายทั่วๆไป อาจจะต่างตรงที่เรานอนกอดกัน จูบกันในบางครั้งแต่ก็จบลงที่เราทั้งคู่จะผละออกจากกันและต่างฝ่ายต่างก็นอน เพราะเราทำมากกว่านั้นไม่ได้


"ตอนมึงโดนเอาครั้งแรกเจ็บไหมวะ" ทั้งๆที่ไม่อยากถามธูป ทั้งๆที่ผมกับมันสองคนคบกันโดยที่ไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงกลัว


ผมกลัวว่าวันนึงเมื่อมันเจอใครสักคนที่ให้มันได้ทุกอย่าง ให้ในสิ่งที่ผมให้ไม่ได้แล้วมันจะเกิดการเปรียบเทียบและสุดท้ายมันก็จะทิ้งผมไป ผมไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้วไม่อยากอยู่กับฝันร้ายอีกแล้ว และเมื่อไม่อยากโดนทิ้งผมก็ควรทิ้งศักดิ์ศรีเอาไว้ข้างหลัง เป็นฝ่ายลงให้กับอีกคน


แค่โดนกอดมันไม่น่าอายอะไรเลย เมื่อคนที่กอดดเราคือคนที่เรารักและเขาก็รักเรา



"เรื่องแบบนี้มันอยู่กับความเอาใจใส่ในคู่ของมึง กูตอบไม่ได้หรอกว่ามึงจะเจ็บไหม หรือรู้สึกดีรึเปล่า ทุกอย่างมันอยู่ที่คนสองคนที่จะตอบคำถามของมึงได้ มึงต้องลองเองแล้วจะเจอคำตอบ"


ถึงแม้จะไม่ได้คำตอบอย่างที่ใจต้องการแต่ผมก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่ธูปบอก อย่างน้อยมันคงไม่ถึงกับตายหรอกมั้งก็แค่เซ็กส์


หลังจากสอบเสร็จมันต้องเข้าไปเรียนรู้งานทุกอย่างของที่บ้านมัน เราจะไม่ค่อยได้เจอกันและไม่มีเวลาให้กันเหมือนแต่ก่อน ซึ่งทำให้ผมกลัวและระแวงว่ามันจะเจอใครใหม่ในสถานที่ใหม่ๆ ผมโหยหาความรักและเมื่อมีคนมารักผมก็เกาะติดและยึดเขาเอาไว้กับตัว แม้รู้ว่ามันไม่ดีแต่ผมก็ทำ เพราะผมอยากเป็นที่รักของใครสักคน


ผมตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าวันนี้ผมจะทำในสิ่งที่คิด หลังจากมันกลับมาจากบริษัทดูท่ามันจะเพลียเอาการงานคงเยอะและมันก็คงโหมทำงานตามสัญญาที่ให้ไว้กับครอบครัวเพราะเรื่องของผม ในเมื่อมันทำเพื่อผมขนาดนี้แล้วทำไมผมจะทำเพื่อมันไม่ได้


ผมเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายเอื้อมมือปลดเนคไทให้ มันมองหน้าผมงงๆเพราะสิ่งที่ผมทำต่อจากนี้ผมไม่เคยทำให้มันเลยสักครั้ง


ผมก้มหน้าก้มตาปลดกระดุมเสื้อให้อีกฝ่าย มันยืนนิ่งให้ผมปรนนิบัติโดยไม่ขัดขืน ร่างสูงเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าผมแม้จะเคยเห็นกันมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แต่เอาจริงๆมันก็ไม่ชินป่ะวะที่ผู้ชายจะมาแก้ผ้าต่อหน้าต่อตาแบบนี้


"ไปอาบน้ำ" ผมบอกมันพร้อมกับลากร่างสูงที่ยังยืนนิ่งให้เดินตามเข้ามาในห้องน้ำด้วยกัน 


"......"


"ลงไปแช่ในอ่างดิ"  ทำไมผมเหมือนตาแก่หื่นๆที่กำลังจะล่อลวงเด็กสาวเลยวะ


"มึงไม่สบายรึเปล่าวะ" มันก้าวขานั่งลงในอ่าง เอ่ยปากถามเมื่อผมบริการเปิดน้ำอุ่นให้มัน


อ่างอาบน้ำในห้องผมค่อนข้างใหญ่ลงอาบสองคนได้สบายดังนั้นจึงไร้ปัญหาเรื่องขนาดตัวของเราสองคน


ผมถอดเสื้อผ้าก่อนจะก้าวลงไปในอ่างขจัดความอายที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆให้หายไป นั่งลงคร่อมร่างสูงใหญ่เอาไว้ อีกฝ่ายยกมือขึ้นเกาะเอวผมเพื่อให้ก้นผมถูไถกับอะไรๆที่ใหญ่โตของมัน


"เป็นอะไรหืม" มันกระซิบถามพร้อมกับพรมจูบไปทั่วทั้งตัวของผม


"เปล่า" จะบอกยังไงว่าอยากผูกมัดมันให้อยู่กับผม พูดไปมันคงหัวเราะกับความคิดเด็กๆของผมเป็นแน่


เราเริ่มจูบกันจากอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรง ร่างกายขยับเสียดสีไปมาจนน้ำในอ่างกระจายวงกว้าง เสียงจ๊วบจ๊าบดังขึ้นอย่างหยาบโลน แต่ไม่มีใครสนใจเพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจมันอยู่ใต้น้ำและมันกำลังตื่นเต็มตาเต็มมือ


ผมล้วงมือลงไปชักรูดมันเบาๆไม่เร่งเร้าเพราะต้องการให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างช้าๆ


เสียงครางดังขึ้นข้างหูก่อนมือใหญ่จะหยุดสิ่งที่ผมทำ มันมองหน้าผมก่อนจะจูบย้ำๆลงมาที่ปาก มันยิ้มแต่แววตาเศร้า คงคิดว่าสุดท้ายเราก็หยุดเพียงแค่นั้นเหมือนทุกครั้งที่เราทำกัน


"พอเถอะ เดี๋ยวกูทำต่อเอง"


ผมโน้มตัวกระซิบหูอีกฝ่ายเบาๆ  "เดี๋ยวกูทำให้"  ก่อนจะแหย่ลิ้นเข้าไปในหูของมัน เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง มือซุกซนเริ่มสำรวจร่างกายผมอีกครั้ง


"ถ้ามึงไม่หยุดกูเองก็หยุดไม่ได้แล้วนะ"


"ก็ไม่ต้องหยุดสิ"


เมื่อได้ยินคำตอบของผมมันดันตัวผมออกจ้องมองผมอย่างหาคำตอบใหคำพูดนั้น


"มึงเป็นอะไรวิน บอกกู"


"เปล่า"


"อย่าโกหก"


"ก็........" สุดท้ายผมก็จำต้องเล่าเรื่องที่อยู่ในหัวให้มันรับรู้ ไอ้แมนเมืองตบหัวผมดังป๊าดเมื่อผมเล่าจบมันบอกว่าผมคิดมาก มันไม่มีทางเลิกกับผมเพียงเพราะเรื่องเซ็กส์


ผมกลัว ผมผิดมากหรือไง


สุดท้ายแผนผมก็เหลวไม่เป็นท่า ผมลุกจากอ่างอาบน้ำล้างตัวก่อนจะออกจากห้องน้ำ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตวัดผ้าห่มคลุมตัวปิดกั้นทุกอย่างเมื่ออีกฝ่ายปฎิเสธที่จะสนองต่อข้อเสนอของผม โคตรน่าอายเลยเสนอแต่เขาไม่สนองแทบยังโดนด่าโดนตบหัวอีก


เซ็ง


เตียงนอนยวบลงบ่งบอกว่าอีกฝ่ายนั่งลงบนเตียง มันดึงทึ้งผ้าห่มที่คลุมร่างผมอยู่ เมื่อผมจับเอาไว้และมันดึงออกไม่ได้มันเลยมุดผ้าห่มเข้ามาทำร้ายกัน


"เฮ้ย อะ ไอ้แมน อ๊า ดะ เดี๋ยว" มึงเลียมันทำไมมันหลับอยู่ดีๆไปปลุกมันทำไมวะ


ผมบิดเร้าร้องครางอย่างทรมานเมื่อความรู้สึกอุ่นๆกำลังกลืนกินตัวตนของผม


ไอ้แมนตวัดผ้าห่มออกมันจ้องหน้าผมก่อนจะยิ้มให้  "ในห้องน้ำมันแคบ บนเตียงดีกว่า"


"อะ ไอ้เลว"


ไอ้แมนแยกขาผมออกจากกันมันก้มหน้าจัดตำแหน่งให้ใบหน้าของมันตรงกลางลำตัวผมก่อนจะก้มลงมาดูดชิมอย่างเมามัน ผมครางลั่นห้องซี๊ดปากเหมือนกันของเผ็ด บิดตัวไปมาอย่างไม่อาจห้ามได้ มันเคลื่อนตัวขึ้นมาปิดปากผมด้วยจูบอันเร้าร้อนกดสะโพกให้สัมผัสของกันและกันเสียดสีจนเกิดอารมณ์


"กูอยาก" เสียงแหบพร่าบอกสิ่งที่ต้องการ


"ทำสิวะ"


"เอาจริง" มันเงยหน้ามามองเหมือนไม่แน่ใจ


"อืม" ผมรับคำอีกฝ่ายจึงผละออกไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเจลที่มันซุกเอาไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง


"ไม่ใส่ถุงนะ" มันเดินกลับมาออดอ้อน ผมพยักหน้าอนุญาต ผมไว้ใจมันเพราะเราสองคนเพิ่งไปตรวจเลือดกันมา ถึงไม่มีอะไรกันแต่เราก็ตรวจเป็นประจำ มันบอกว่าตรวจไว้ไม่เสียหาย


ไอ้แมนเมืองจับขาผมแยกออกจากกันก่อนจะก้มลงเลียช่องทางด้านหลังให้ ผมถดตัวหนีหุบขาลงทันที


"ไม่เอาสกปรก"


มันจับขาผมลากกลับไปท่าเดิม  "กูเต็มใจ และตัวมึงก็ไม่สกปรก"


"อ๊า อ๊ะ โอ้ว" ไม่เป็นภาษาล่ะครับ ครางอย่างเดียว ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในร่างกายก้นผมกระดกลอยจากพื้น มือจิกผ้าปูที่นอนกำเอาไว้แน่นจนกลัวว่าจะขาดติดมือ


เจลเย็นๆชะโลมลงบนช่องทางด้านหลังก่อนที่อีกฝ่ายจะเอามาป้ายที่อาวุธของมัน ไอ้แมนเมืองตีอาวุธของมันกับก้นผมสองสามครั้ง ปากมันร้องบอกว่าอย่าเกร็งๆ ส่วนพยายามผ่อนลมหายใจทำตามที่มันบอก


"โอ๊ย!!เดี๋ยวๆเจ็บ" ใครบอกกูว่าไม่เจ็บ ไหนบอกว่าอยู่ที่ความเอาใจใส่อยุ่ที่คู่ของเราไงวะ ผมว่าจริงๆมันอยู่ที่อาวุธที่ใช้เผด็จศึกมากกว่านะ


เจ็บสัดๆ


"อย่าเกร็ง" มึงก็พูดได้ ลองผลิกบทบาทกันไหมล่ะ


"กูไม่ได้เกร็ง แต่มันเจ็บอ่ะ" น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาจากหางตาเลยอ่ะ


ไอ้แมนเมืองกดแช่อาวุธของมันไว้อย่างนั้น มันพยายามหลอกล่อผมให้สนใจจูบของมัน และก็ได้ผลเมื่อผมยกมือสอดนิ้วเข้ากับกลุ่มผมของมัน ส่วนตัวมันก็ค่อยๆแทรกตัวเข้ามาในร่างผมจนประสบความสำเร็จ


เราสบตากันก่อนมันจะขอขยับสะโพกเมื่อผมอนุญาต บทรักอันร้อนแรงก็เริ่มต้นขึ้น เสียงครางเสียงเตียงกระทบผนังดำเนินไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแรกเริ่มอาจะเจ็บจนทรมาน แต่เมื่อผ่านพ้นไปได้ความหฤหรรษ์ก็เข้ามาแทนที่ เราก่ายกอดกัน จูบกัน บอกรักกันโดยใช้ภาษากาย มันเป็นของผม ผมเป็นของมัน

เราเป็นของกันและกัน


หลังจากบทรักอันร้อนแรงจบลงมันกอดผมแนบกายพรมจูบไปทั่วใบหน้า เรามองตากันก่อนจะหัวเราะออกมา ความรู้สึกมันเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ทิฐิที่เคยมีผมปล่อยวาง ความกลัวที่เคยสัมผัสมีคนมาขจัดมันออกไป ความรักที่โหยหามีคนหยิบยื่นมาให้


แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับผม



"พ่อนึกว่าต้องทำบ้านใหม่"


ผมแทบสำลักข้าวต้มเมื่อพ่อพูดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาเฉยๆไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย


"พ่อ" ผมท้วง


"ป้าก็ได้ยินนะคะ คิกๆ" เอาเข้าไป ป้าแย้มก็เป็นไปกับเขาด้วย


"ยกขันหมากมาขอลูกชายลุงด้วยนะ อย่าทำอะไรไม่รับผิดชอบ"


"พ่ออ่ะ"


"ครับลุงภาค"


"เรียกพ่อเถอะเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว"


"ครับพ่อ"


"น้าพียิ้มอะไร" หาเรื่องใครไม่ได้ผมก็ลงกับน้าพีนี่แหละ เพราะน้าพีเป็นคนเดียวที่ยอมผมตลอด


"เปล่าครับ"








หลังจากวันนั้นครอบครัวไอ้แมนเมืองก็ยกขโยงกันมาที่บ้านผม มากันทั้งครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ขนมากันหมด ผู้ใหญ่พูดคุยกันส่วนเด็กๆก็แยกออกมาอีกวง ผมโชคดีที่เข้ากับครอบครัวของมันได้ไม่มีใครรังเกียจสิ่งที่เราเป็น ข่าวของผมเป็นที่จับตามองหนังสือพิมพ์สายธุรกิจพาดหัวข่าวเสียใหญ่โต มีการจัดงานเลี้ยงเล็กกันภายในครอบครัว ลุงภัทรมาร่วมแสดงความยินดีพร้อมภรรยาคนใหม่


ลุงบอกว่าหลังจากที่พ่อออกไปทำธุรกิจของตัวเองกับน้าพี ลุงคือคนที่แบกรับปัญหาทุกอย่าง ปู่หวังพึ่งทางบ้านไอ้แมนเมืองให้ช่วยพยุงธุรกิจเพื่อแลกกับการที่ผมไม่ต้องหมั้น พ่อมันก็ยอมซื้อหุ้นในราคาที่โหดมาก ผมพยายามห้ามแล้วแต่มันบอกผมว่าบ้านมันไม่ยอมถูกเอาเปรียบ


ลุงภัทรเองก็สุดทนกับการจับคู่ของปู่เมื่อแม่ม่ายทรงเครื่องสามีตายทิ้งมรดกไว้ให้มากมายมาหลงชอบลุงและปู่ก็เห็นหนทางทำเงิน ปู่ให้ลุงภัทรคบหาแม่ม่ายคนนั้นเพื่อผลประโยชน์ที่ปู่ไม่เคยคิดจะวางมันลงเลยสักครั้ง


ปู่ทำเพื่อตัวเองไม่ใช่ลูกหลาน ลุงภัทรบอกว่าคนแบบนี้สุดท้ายจะไม่เหลือใคร เพราะลุงเองก็จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับภรรยาทางภาคใต้ลุงคิดเอาไว้ว่าจะจับธุรกิจเกี่ยวกับรีสอร์ต อาจจะไม่ทำใหญ่โตเพราะลุงเองก็ไม่มีเงินทุนมากมายขนาดนั้น เมื่อได้ฟังไอ้แมนเมืองจึงเสนอขอซื้อหุ้นของลุงภัทรทันที


ทุกคนรู้ว่ามันจะทำอะไรแต่กลับไม่มีใครห้าม เพราะถือว่านี่คือใบเบิกทาง ทางด้านธุรกิจของมัน ไอ้แมนเมืองเป็นคนเด็ดเดี่ยวมันไม่ใจอ่อน และผมก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนทำร้ายญาติตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่เคยมองว่าผมเป็นหลานและหาประโยชน์จากผมทุกอย่างก็เถอะ


"กูไม่ทำให้ปู่มึงหมดตัวหรอก แค่ทำให้เขาได้คิด" มันบอกผมหลังจากที่งานเลี้ยงเลิกรา


"แต่"


"ไม่มีแต่ เขาทำให้พ่อมึงกลายเป็นคนเลวในสายตามึง ทำให้แม่มึงตรอมใจตายเพราะไม่ได้อยู่กับคนรัก คนแบบนี้ต้องโดนเวรกรรมตามทัน และกูจะจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรเอง"


แววตามันดุดัน เอาจริง ผมจึงไม่คัดค้านอะไร เพราะมันบอกว่าเรื่องนี้มันทำเอง ถ้าจะบาปก็มันคนเดียว


และก็เป็นดั่งคาดปู่บุกมาหาพวกเราที่บ้านเมื่อรู้ข่าวระหว่างผมกับมัน ปู่ ย่า ด่าทอพ่อและน้าพี ลามไปถึงครอบครัวไอ้แมนเมืองที่มาทานข้าวที่บ้านของเราในทุกๆวันหยุด


ตายายเองก็ไม่สบอารมณ์เพราะข่าวที่ออกไปทำให้ชื่อเสียงของบริษัทท่านได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย


ไอ้แมนเมืองจึงเปิดฉากทวงสัญญาซึ่งปู่ก็ทำหูทวนลม บอกเพียงแต่ว่าในเมื่อไม่มีลายลักษ์อักษรปู่ก็ไม่คิดว่ามันคือข้อตกลง ผมรู้อยู่แล้วว่าผู้ชายวัยเจ็ดสิบตรงหน้าผมเจ้าเล่ห์ขนาดไหน


"ก็ดีครับที่ท่านพูดแบบนี้" ไอ้แมนเมืองยื่นสัญญาซื้อขายหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ลงบนโต๊ะ


ปู่ตะครุบใบสัญญานั้นขึ้นดูด้วยมือที่สั่นเทา ท่านคำรามชื่อลุงภัทรด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว


"สัญญานี้เป็นโมฆะ" ท่านโยนสัญญาลงบนโต๊ะไม่ยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง


"มันมีผลทางกฎหมายครับ" ไอ้แมนเมืองพูดเสียงเรียบๆ  "ตอนนี้ผมมีหุ้นในมือสี่สิบเปอร์เซ็นต์ และเผื่อท่านจะไม่ทราบผมได้ซื้อหุ้นจากคุณพิภพห้าเปอร์เซ็นต์ คุณดารัณอีกห้าเปอร์เซ็นต์ และผู้ถือหุ้นคนอื่นๆอีกคนละหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ทำให้ตอนนี้ในมือผมมีหุ้นทั้งหมดหกสิบเปอร์เซ็นต์ ผมคือเจ้าของคนใหม่ของ เวโทรกรุ๊ป"


ปู่ลุกขึ้นหันไปกระชากคอเสื้อตา ตะคอกถามว่าเรื่องจริงหรือไม่ และเมื่อตาอึกอักปู่จึงหาดหมัดหนักไปที่ใบหน้านั้นอย่างจัง


"มันหลอกผม แกหลอกฉัน" ตาลุกขึ้นชี้หน้าไอ้แมนเมือง เมื่อรู้ว่าทั้งหมดคือแผน แผนที่จะโค่นอำนาจของปู่ลงจากวงการธุรกิจ


"ท่านควรพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆได้แล้วนะครับ ส่วนเรื่องบริษัทผมจะดูแลต่อเอง เอ่อ ผมจะประชุมบอร์ดบริหารในวันพรุ่งนี้ และเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ด้วย ผมไม่ชอบชื่อเก่าเท่าไหร่ คุณเห็นด้วยไหมครับ"


ปู่อาละวาดจนต้องให้ลูกน้องของพ่อไอ้แมนเมืองลากตัวออกไป ตายายมองพวกเราอย่างเครียดแค้นแต่ท่านทำอะไรไม่ได้ เพราะท่านก็โลภเห็นแกเงินที่ไอ้แมนเมืองหยิบยื่นให้โดยไม่รู้ว่ากำลังตกลงไปในกลลวง สุดท้ายท่านได้เงินแต่เสียเกาอี้ผู้บริหารไปเพราะความโลภ


จนิงอยุ่ที่ท่านสมควรจะพักได้แล้ว แต่การลงการตำแหน่งที่สูงสุดด้วยวิธีนี้ผมว่าคนที่พยองและหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างท่านคงรับไม่ได้ และอับอายเกินกว่าจะสู้หน้าใครๆ


ถึงจะสงสารแต่ผมไม่สามารถหยิบยื่นความเห็นใจให้ได้ เพราะท่านแม่จึงตรอมใจตาย และผมต้องดิ้นรนมากแค่ไหนกว่าจะผ่านมันไปได้ ส่วนพ่อก็จมอยู่กับความทุกข์ใจ ทุกคนล้วนได้รับผลพวงจากการกระทำของผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว


ผมว่าท่านคงรู้ซึ้งแล้ว่าบั้นปลายชีวิตที่ไม่มีลูกหลานมันทรมานแค่ไหน มีเงินทองชื่อเสียงมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้เรามีความสุขได้มากเท่ากับคนในครอบครัว







"โกรธกูไหม" มันถามหลังจากที่ผมอ่านข่าวในหนังสือพิมพิ์


"ไม่อ่ะ" ผมพับหนังสือพิมพิ์วางลงบนโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจเพราะเนื้อข่าวที่อ่านไม่ค่อยดีเท่าไหร่


ปู่ย่าเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่เคยแวดล้อมไปด้วยบริวาร แต่บัดนี้กลับไม่เหลือใครนอกจากท่านสองคน คนแก่สองคนที่ยังถือทิฐิและอับอายเกินกว่าจะให้ใครรับรู้ว่าไม่เหลืออะไร ทั้งๆที่ท่านยังเหลือหุ้นในบริษัท แม้ไม่มากพอแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี


เพียงแต่ท่านยังยิดติด ไม่ปล่อยวาง


ตายายขายบริษัทและออกนอกประเทศเพราะไม่อาจทำใจเรื่องที่เกิดขึ้นได้สื่อโจมตีเรื่องที่ท่านผิดใจกับปู่ ขุดข่าวสาวไส้กันจนเน่าเฟะ สุดท้ายผู้ดีหน้าบางก็รับความจริงไม่ได้ ใช้ชีวิตบั้นปลายในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก


"พรุ่งนี้ไปงานแต่งเจ้ชีส มึงเลือกชุดหล่อๆนะ" มันเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นผมทำหน้าเครียด


"จัดชายหาดมึงจะให้กูใส่สูทรึไง"


ไอ้แมนเมืองไม่ตอบแต่กลับจับมือผมขึ้นมาก่อนจะสวมแหวนในนิ้วนางข้างซ้ายให้ และมันก็ส่งแหวนแบบเดียวกันมาให้ผม เพื่อให้สวมให้มัน ผมบรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายเช่นเดียวกับที่มันสวมให้ ตอนที่ทานข้าวกับครอบครัว เราแลกแหวนกัน แต่มันเป็นแหวนแบบผู้หญิงที่พ่อผมบอกว่าแม่มอบไว้ให้สำหรับสวมให้ลูกสะใภ้ เช่นเดียวกับบ้านมัน


ซึ้งแน่นอนว่าเราทั้งคู่ใส่ไม่ได้ แต่เราก็เก็บเอาไว้เผื่อว่าวันข้างหน้าเราตกลงจะสร้างครอบครัว ผมหมายถึงเรื่องลูกแน่นอนว่าผมท้องไม่ได้เราจึงคิดกันไว้เล่นๆว่าจะรับเด็กมาเลี้ยงไม่ก็อุ้มบุญ มันยังไม่แน่นอนนะครับ


"ให้แฟนธูปทำให้แมร่งไม่ลดให้สักบาท แถมโก่งราคาอีก" มันบ่นเมื่อผมสวมแหวนให้มันเสร็จแล้ว


"ทำไมไม่บ่นต่อหน้าเขาล่ะ"


มันส่ายหน้า  "โหดขนาดนั้นขืนบ่นไปมันยิงกูขึ้นมามึงม่ายเลยนะเมีย"


เพลี้ย


"สัสตบปากกูทำไมเนี่ย"


"ใครใช้ให้มึงเรียกกูแบบนั้น" ผมลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบนเพราะอดหงุดหงิดไม่ได้ ยอมให้กอดไม่ใช่จะมาเรียกเมียๆได้ตามใจชอบนะเวัย


"มึงเมียกูอ่ะจะให้กุเรียกว่าอะไร งั้นคืนนี้กูจะเตือนความจำมึงเอง" มันว่าก่อนจะวิ่งตามขึ้นมา


"นอนนอกห้องไปเลยมึง"


คู่ผมอาจจะไม่หวาน อาจจะไม่เหมือนคู่รักทั่วไปแต่เราก็มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น เรารักกัน แม้ไม่เอ่ยออกมาพร่ำเพื่อแต่เราก็รู้ว่าเรารักกัน ผมไม่รู้ว่าจะต้องขอบคุณอะไรดีที่ทำให้ผมได้เจอมัน แต่อย่างน้อยผมอย่างขอบคุณที่มันอยู่กับผม รักผมและไม่ทิ้งให้ผมต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง


แม่ครับวินมีความรักของวินแล้วนะครับแม่ แม่ดีใจกับวินไหม ต่อไปนี้วินจะไม่ร้องไห้คนเดียวอีกแล้ว

END............................

TALK: จบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายของเรานะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านนะคะ จะเม้นต์ไม่เม้นต์ก็ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 29-12-2015 04:11:28
เย้ๆๆๆ แฮปปี้กันทุกคู่
 :o8:
สมน้ำหน้าปู่และแหละ โดนแบบนี้ก็ดีเเละ
เห็นแต่ผลประโยชน์ดีนัก
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 29-12-2015 07:46:12
ดีใจที่เรื่องราวของวินเดินไปในทางที่ดี
ได้พบและได้รักที่ตามหา แม้จะต้องยอม"รับ"
และธูปกับพายที่ยังรักและดูแลกัน

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ

หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-12-2015 08:07:56
ดีใจกับมาวินด้วยจ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-12-2015 18:16:51
ดีใจด้วยนะมาวิน อิอิ
มีปั๋วแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-12-2015 18:39:11
 :pig4: :pig4: :3123: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-12-2015 20:33:32
คู่แมนกับวิน น่ารักดี   o13
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 30-12-2015 23:21:25
สนุกจังค่ะ คู่แมนกับวินน่ารักดี
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 03-01-2016 02:56:35
เฉยๆกับคู่หลัก เพราะช่วงแรกๆคุณพี่ใช้กล้ามเนื้อมากกว่าสมอง กว่าจะคิดได้ ปาไปครึ่งเรื่อง ชอบคู่มาวินแมนเมืองมากกว่า ชอบพี่ไฟด้วย หล่อโหดมาดนิ่งรักน้อง เป็นพระเอกในอุดมคติ อร๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-01-2016 19:07:01
 :mew1: แมนกับวินสมหวังกันสักที
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-01-2016 20:35:03

จบได้กินใจขอรับ

ยินดีกับทุกคนเลย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 04-01-2016 16:37:19
เรื่องนี้น่ารักจัก ธูปออกแนวเอ๋อนิดหน่อย พี่พายน่ารักจังเลย ถึงตอนแรกจะโคตรโหดเลย :hao7: :hao7: :hao7:

คู่สิน แมน ก็น่ารักดี ดีนะตกลงกันได้ ไม่งั้นฟันดาบจนเลิกกันแน่เลย หึหึหึ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: เล็กต้มยำพิเศษไม่ไส่ผัก ที่ 04-01-2016 18:44:42
มาวินจริงๆคะ o13
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 05-01-2016 12:01:55
ในเรื่องนี้ พี่ดีใจกับวินมากที่สุดละลูกกกก
ถึงจะยังค้างคาใจกับเรื่องของเทียนกับเค้กว่าจะเอาไงต่อไป
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: volvox_nostoc ที่ 06-01-2016 21:07:44
 :กอด1: ชอบนิยายเรื่องนี้มากเลย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 26-01-2016 11:39:16
ตอนแรกๆฮาดี กลางๆค่อนมาทางแรกๆเรื่อยๆมาเรียงๆไปหน่อย ส่วนกลางค่อนมาหลังๆจนถึงหลังๆสนุกมาก อาจเพราะเมื่อเรื่องมันเริ่มเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นก็เลยสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ ชอบ

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 27-01-2016 20:29:49
กรี๊๊ดดดดดดด ชูป้ายไฟให้พี่ไฟค่าา
เอฟซีพี่ไฟนะค่าาาา อยากอ่านคู่ที่สมน้ำสมเนื้อของพี่ไฟค่า กรี๊ดดดดดดดดดด   :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 13-02-2016 15:02:10
พี่ไฟโหดกว่าพี่พายอีกนะเนี่ย

พี่พายยังดูไม่กล้าาาเท่าพี่ไฟเลยตอนที่ลงโทษพวกที่ทำธูป

นึกว่าพี่พายจะโหดกว่าพี่ไฟซะอีก สลับกันซะงั้น
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 13-02-2016 23:44:16
สนุกมากค่ะ ลงเอยได้ดีทุกคู่จริงๆ แต่ว่า...ทำไมรู้สึกว้าพี่ไฟกับเทียน มีซัมติงรอง อ่ะ ได้กลิ่นแหม่งๆ อิอิ ใช่ไม่ใช่ เราขอจิ้น อร๊ายยยย!!!
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 27-11-2017 19:17:08
เหมือนคุ้นๆว่าจะเคยอ่านแล้วรอบนึง
อยากอ่านเรื่องเทียนกับพี่ไฟเลย
น่าจะร้อนแรงน่าดู
มีเรื่องของชากับโซ่อีก
เรื่องนี้เหมือนเคยอ่านแล้ว
ธูปกลายเป็นเด็กน้อยในเรื่องไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 03-12-2017 01:14:32
มีความสุขดี แต่แอบน้ำตาซึมเหมือนกัน

สนุกมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 06-12-2017 10:36:02
อ่านเพลินๆ จบแล้ว สนุกดีค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 02-03-2018 23:53:34
 :katai1:โหดไปใหมอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 03-03-2018 13:35:03
 :z13:
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-03-2018 16:38:48
 o13
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ornonon ที่ 07-04-2018 17:12:10
ชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ผมไม่ใช่พ่อเด็ก ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน ๒๘/๑๒/๕๘ (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 18-04-2018 09:55:43
สนุกมากเลยค่าาา ชอบๆพี่พายมากอ่ะ  :hao7:
หมั่นไส้ไอ้เทียนจิงๆ เพราะตัวเองอะล่ะ ธูปเลยต้องเจอเรื่องแย่ๆ แต่ก็ดีที่ได้รักกับพี่พายจิง เชียร์สุดใจอะคู่ธูปพาย 555555
พี่ไฟจะโหดไปไหน มีความจิตมาก จิงๆแล้วพี่ไฟมีอะไรกับเทียนปิดบังอยู่ใช่มั้ย ไหนจะเรื่องน้องเค้กกับเทียนอีก  :serius2: :serius2: อยากให้มีภาคต่อมาเฉลยด้วยเน้ออออ