--- ครึ่งหลัง ---

พอกำลังจะแยกกันไปทำงานก็เกิดเรื่องขึ้นมาซะก่อน
ทุกคนที่อยู่ในร้านชะงักค้างตาเบิกกว้างยกเว้นเพียงแต่พี่ออยที่ยังคงหลับอย่างสบายใจอยู่
ต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนตกใจงั้นเหรอ ?
“ หยุด !! นี่คือการปล้น ฮะ ฮ่า ฮ่า !! ” ผู้ชายร่างเล็กสวมเสื้อสงกรานต์ทับเป็นเสื้อนอกในมืออัดลมใส่ปืนฉีดน้ำรัวๆ บนใบหน้ามีแว่นกันแดดสีดำสนิทที่ดูเหมือนว่าจะใช้ปกปิดใบหน้าเพื่อการหลบหนี
ร่างหนาสูงกว่าขมวดคิ้วเตะขาร่างที่ประกาศว่าปล้นหมาดๆ จนเซ “ ปล้นบ้านมึงสิ ! บทน่ะ มึงลืมไปแล้วเหรอวะ ตามบทๆ ” ร่างที่พูดแต่งกายด้วยชุดทำงานที่ดูเป็นทางการแต่ในมือกลับมีปืนฉีดน้ำร่มลายมินนี่เมาท์สีชมพูหวานเหวว
“ เออๆ ก็มันลืมนี่หว่า นานๆ ทีกูจะได้ออกปล้น ” ร่างเล็กกว่าเตะขาคืนรอบนึงแล้วเล็งปืนไปที่เจ้าของร้านหรือก็คือพี่เต้นั่นเองพร้อมพูดด้วยเสียงชั่วร้าย “ อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นยิงแน่ ! ”
พี่เต้ขมวดคิ้วงงงๆ
อะไรของพวกมันวะ
บ้าหรือเปล่า ?
“ แล้วมาทำอะไรที่นี่กันครับ ? ” พี่เต้ถามอย่างสุภาพทั้งๆ ที่ใจจริงอยากจะว้ากออกไปเต็มทน
คนแปลกหน้าทั้งสองสบตากันสักพัก ก่อนที่ร่างสูงกว่าจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วปริปากพูด “ นี่คือการลักพาตัว !! ส่งคนมา ไม่งั้นพวกผมจะถล่มร้านคุณให้เละแน่ ”
“ ใช่ๆ เละแน่ๆ ฉะนั้นส่งตัวคนมาซะ ”
ร่างที่ถือปืนฉีดน้ำร่มหันไปเตะขาเพื่อนร่วมทีมด้วยความหมั่นไส้และยิงน้ำไปที่หัวของอีกฝ่ายจนผมที่เซ็ตมาถึงกับเสียทรง
“ โอ้ย ! มึงจะมายิงกูทำไมวะ ไอ้เอก นู่นนน เรามาปล้นเขา ยิงกันเองก็ตายคู่ดิวะ ”
“ เอ้า ก็มึงกวนตีนกูนี่ กล้า แล้วเมื่อไหร่จะมาวะ กูอายคนอื่นเขา ” เอกพูดพลางดึงผ้าปิดปากขึ้นอีกสักนิดหวังจะบดบังใบหน้าของตัวเองให้มากขึ้น
“ ก็รอหน่อยดิวะ อุตส่าห์ได้มาเล่นอะไรสนุกๆ ทั้งที ” กล้าทำหน้าเซ็งใส่เอกก่อนที่จะหันไปมองเจ้าของร้านอีกครั้งเชิงว่ามีอะไรอยากถามก็ถามซะ
พี่เต้ยังคงงงเป็นไก่ตาแตกจนพี่จ๋าต้องออกโรงเอง “ เอ่อ มาลักพาตัวใครเหรอคะ ”
กล้าแสยะยิ้มแล้วเล็งปืนไปที่วุ้น “ มาลักพาตัวผู้ชายที่ไม่ใช่เจ้าของร้านไงล่ะ นายใหญ่เขาต้องการตัว ! ”
เอกกลอกตายิงน้ำใส่หน้าผากกล้า “ เพ้อเจ้อแล้วมึง ”
กล้าเอามืดปาดน้ำออกจากหน้าตัวเองลวกๆ แล้วหันไปว้ากใส่เอก “ กูไม่น่าชวนมึงมาเลยว่ะ ความร่วมมือมึงรู้จักไหม ทีมเดียวกัน อุตสาห์เสียสละปืนร่มให้ยังจะเอามายิงกูอีก ”
พี่มายด์ยิ้มแห้งๆ เหลือบมองคนที่ถูกต้องการตัวที่กลายเป็นไก่เช่นเดียวกับพี่เต้
เอาเหอะ
ตอนนี้ใครๆ ก็งง กันทั้งนั้นแหละ
“ ไอ้ร่มบ้าบอคอแตกนี่มึงเก็บไว้เล่นเองเหอะ ”
กล้าแค่นเสียงหึเมินคำตอบของเอกด้วยความไม่สบอารมณ์เมื่อลูกทีมตัวเองไม่ทำตามบท กล้าหันไปสนใจกับการสวมบทบาทเป็นโจรโฉดต่อไป “ ใครคือวุ้น ออกมาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่พี่จะยิงเอกทิ้ง ! ” ไม่พูดเปล่าเอาเล็งปืนใส่หน้าเอก
เอกขมวดคิ้ว “ ไหนบอกไม่ยิงกันเองไง ”
“ เออน่า ! ”
วุ้นเดินออกมาง่ายๆ ทั้งๆ ที่โครตงงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
จะมาลักพาตัวผมทำไม ?
ไม่สิ มันไม่สมควรเรียกว่าการลักพาตัวด้วยซ้ำ
เหมือนเด็กโข่งสองคนมาเล่นกันในร้านซะมากกว่า
กล้ายิ้มลดปืนที่เล็งหน้าเอกลง “ รอ แปปนึง เดี๋ยวนายใหญ่มารับ ”
วุ้นยืนนิ่งๆ สมองกำลังประมวลผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามคาดเดาไปต่างๆ นานาก็ยังคงนึกอะไรไม่ออกอยู่ดี ชื่อเล่นของโจรทั้งสองที่ได้มาแบบงงๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากมาย ยืนรอได้สักพักก็ต้องสะดุ้งอีกรอบ
เมื่อนายใหญ่ที่ใส่ชุดแบบจัดเต็มโผล่เข้ามาในร้านในมาดมาเฟีย
“ มาหาเสี่ยเร็ว ” พูดไม่พอกวักมือเรียกวุ้นอีก
“ พี่หนึ่ง ” วุ้นครางชื่อออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา
เล่นอะไรกันวะเนี่ย
โครตไร้สาระเลย
พี่หนึ่งยิ้มขำ “ เรียกเสี่ยหนึ่งสิ แล้วจะให้เครดิตวงเงินไม่จำกัดเลย ”
“ สรุปคือจะพาผมไปไหน ? ลักพาตัวผม ? ” วุ้นยังคงขมวดคิ้ว
หนึ่งหัวเราะเสียงเบา “ เออดิ ก็จะพาไปอู้แบบไม่ลางานล่วงหน้าไง คิดไปคิดมามันเหมือนลักพาตัว แล้วพี่กล้าดูเบื่อๆ พี่เลยชวนมารับด้วย ”
พี่เต้เบ้หน้า
โห ขนาดกูยังไม่เคยมีคนมารับอลังการขนาดนี้เลยครับ
วุ้นก้มมองนาฬิกาข้อมือพบว่ามันก็ใกล้ๆ เที่ยงแล้วงั้นก็ชิ่งไปกินข้าวแล้วกัน “ งั้นไปก็ไป พี่เต้ผมลางานนะวันนี้ พอดีโดนลักพาตัว ผมขัดขืนไม่ได้จริงๆ ”
พี่จ๋ามองวุ้นแรง “ โอ้ยยยยย วุ้นนน พี่อยากโดนลักพาตัวบ้างงง เอาพี่ไปด้วยคน พี่เบื่อชานมแล้ว ”
หนึ่งเป็นคนตอบแทนวุ้น “ เสี่ยเลี้ยงได้คนเดียวครับ เพราะแค่คนเดียวเงินก็ชักหน้าไม่ถึงหลังแล้วล่ะครับ แต่ถ้าสนใจจะโดนลักพาตัวจริงๆ แนะนำคนอื่นที่เดินตามท้องถนนดีกว่าครับ ”
อย่าว่าแต่พี่จ๋ารู้สึกอิจฉาเลย
พี่มายด์ก็เหมือนกัน “ โห วุ้น หาให้พี่มั้งดิแบบนี้ พี่อยากได้บ้าง ”
วุ้นยิ้มแห้งๆ ตอบพร้อมกับเดินไปหาพี่หนึ่งทันที
“ โอ้ยย วุ้น พี่ยังไม่ได้อนุมัติให้ลาเลยนะโว้ยย ” พี่เต้โวยวายหลังจากได้สติ “ แล้วใครจะทำขนมล่ะ !! ”
“ พี่ออยไง ”
คนที่หลับมาตลอดเมื่อถูกพาดพิงถึงถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมามองซ้ายมองขวาและงงงกับภาพแปลกๆ ตรงหน้า “ อะไร อะไร เรียกพี่ทำไมวุ้น พี่เต้อย่ามองออยด้วยสายตาเหนื่อยแบบนั้นดิ ออยไม่ได้หลับสักหน่อย ผมมันก็ฟูเหมือนกันทุกวันนั่นแหละ ”
“ ยังไม่ได้พูดอะไรเล้ยยย ” พี่เต้ยักไหล่โบกมือไล่วุ้น “ เออ จะไปก็ไปเหอะ หมูตื่นมาทำขนมแทนได้ละ ”
คนถูกพาดพิงถึงกับอยู่เฉยไม่ได้ “ ใครหมู หะ พี่เต้ ให้พูดใหม่อีกรอบ แถวนี้มีแต่หุ่นนางแบบค่ะ ”
“ จ้า จ้า ” พี่เต้ตอบอย่างขอไปที
กล้ากับเอกสบตาคุยกันสักพัก
เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน
ทำให้รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
โดยไม่ต้องใช้คำพูดมาสื่อสารร่วมด้วยให้ยุ่งยาก
มึงว่าเรากลับไปทำงานดีมะ ?
เเอกส่ายหน้า
พี่กล้าขมวดคิ้วและเหลือบมองวุ้นประกอบคำพูดในประโยคหลัง
แล้วเราจะไปไหนดี เพราะยังไงหนึ่งก็ต้องพาแฟนมันไปกินข้าวกันสองคนอยู่แล้ว
แดกข้าวแกงหลังโรงแรม # ไหม อร่อยดี
เออดีๆ
ที่สองคนนี้คุยกันโดยไร้เสียงก็มีเหตุผลอยู่ เพราะไม่อยากขัดจังหวะที่วุ้นกับหนึ่งที่กำลังตกลงกันในเรื่องเดียวกัน
“ กินที่ไหนดี ? ผมหิวข้าวแล้ว ”
“ ไม่รู้ดิ แต่พี่จองไว้แล้ว ”
“ แล้วจะเปิดโอกาสให้ผมถามทำไมครับ ” วุ้นถอนหายใจ “ งั้นก็ไปกันเหอะครับ ”
หนึ่งพยักหน้ายิ้มๆ พาร่างหนาๆ ของตัวเองออกไปพร้อมกับวุ้นโดยไม่ลืมทิ้งท้ายกับผู้ให้ความร่วมมือทั้งสอง “ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเลี้ยงข้าวเที่ยง อยากกินร้านไหนเลือกเอาแล้วกัน ”
กล้าหันไปสุมหัวกับเอกหารือกันทันทีว่าจะกินอะไรแพงๆ ดีๆ ให้หนึ่งกระเป๋าฉีกเล่นได้บ้าง
ส่วนพนักงานที่ยังคงหลงเหลือก็ค่อยๆ กลับไปประจำการหน้าที่ของตัวเอง ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจอยากโดดบ้างก็ตาม
วุ้นมองไปรอบๆ ห้องที่เคยมาแล้วรอบนึงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ “ พี่หนึ่งไหนบอกว่าจองร้านไว้แล้ว ทำไมมันมาจบที่คอนโดพี่อีกแล้ววะเนี่ย ”
หนึ่งยักไหล่ยิ้มจาง “ ก็กินที่อื่นพี่จะทำอะไรมันก็เด่นนี่หว่า กินห้องพี่เนี่ยแหละง่ายดี กะเพราะหมูกรอบไข่ดาวร้านนี้อร่อยนะ พี่ชอบกิน ” ไม่ว่าเปล่ายกกล่องโฟมพร้อมแนบช้อนพลาสติกให้
วุ้นรับมาถือและอดตั้งคำถามไม่ได้ “ แล้วทำไมต้องแต่งชุดนี้ด้วยล่ะ ? ตอนเช้าชุดซกมกกว่านี้เยอะเลยนะ เท่าที่ผมจำได้ ”
“ ก็อยากทำให้ประทับใจไง ” หนึ่งยิ้มเจ้าเล่ห์หยิบรีโมทมาเปิดทีวี
“ ครับ ประทับใจมาก ชุดดูดีแต่อาหารสวนทางมากครับ ”
เห็นแต่งชุดซะจัดเต็ม มาจบที่ห้องคอนโด
เจริญจริงๆ ครับ
นึกว่าจะพาไปร้านหรูๆ ที่ชาตินี้ผมคงไม่มีโอกาสได้กินอะไรทำนองนั้นซะอีก
แต่แบบไหนผมก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว แค่รู้สึกว่าเสื้อทำให้เรื่องในหัวของผมบิดเบือนไปจากความจริงมากถึงมากที่สุด
ผมตักข้าวกินงึมงำต่อไปเงียบๆ
รสชาติก็อร่อยตามที่พี่หนึ่งเขาว่าไว้นั่นแหละ
วุ้นเหลือบมองพี่หนึ่งพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ลงมือกินอะไรสักอย่างทั้งๆ ที่ข้างตัวก็มีกล่องโฟมแบบเดียวกันอยู่
“ ไม่หิวเหรอ พี่หนึ่ง ? ” วุ้นอดถามพี่หนึ่งไม่ได้
หนึ่งยิ้มตอบ “ หิวดิ แต่พี่อยากพูดอะไรก่อนแล้วค่อยกินข้าว ”
วุ้นเลิกคิ้วงงๆ
สวดมนต์รึไง ?
“ งั้นก็สวดเลย เดี๋ยวผมสวดเป็นเพื่อนแล้วกัน ” วุ้นทำท่าจะวางช้อนลงพนมมือ
หนึ่งขมวดคิ้วทำหน้าโหด “ อย่ากวนดิ วุ้น นี่พี่จริงจังนะ ”
วุ้นยิ้มแห้งๆ “ ก็ได้ๆ ”
หนึ่งสูดหายใจลึกตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองตั้งใจจะพูด “ รู้ไหมทำไมวันนี้ พี่ถึงไปลักพาตัววุ้นมาที่นี้ ”
“ ไม่รู้ ”
มือของหนึ่งที่วางอยู่บนต้นสั่นอย่างประหม่าในสิ่งที่จะพูด “ วันนี้ไม่ได้เป็นวันอะไรหรอก แค่พี่อยากกินข้าวเที่ยงกับวุ้นเฉยๆ ” หนึ่งเว้นจังหวะหายใจเพื่อลดความประหม่าในสิ่งที่พูด
ถึงใครจะมองว่าพี่หนี่งกะล่อน ปลิ้นปล้อน หน้าด้าน
แต่บางทีพี่หนึ่งก็ประหม่าเป็นเหมือนกัน
การหยอดกับการสารภาพในสิ่งที่ตัวเองคิด
ความรู้สึกมันต่างกันเยอะ
วุ้นพยายามควบคุมสีหน้าให้นิ่งๆ ไม่หลุดท่าทางอะไรออกมา
“ พี่แค่อยากเลี้ยงข้าวขอบคุณบ้าง.. ” หนึ่งไม่สบตาวุ้น “ ขอบคุณที่ให้โอกาสให้พี่เข้าไปยุ่งกับชีวิตประจำวันของวุ้นที่ดีอยู่แล้ว พี่รู้บางทีมันก็ดูน่ารำคาญ ที่พี่เข้าไปยุ่งมากไป ”
วุ้นนั่งฟังเงียบๆ ไม่ตอบรับอะไร
“ ขอบคุณที่ให้ทุกวันของพี่กลายเป็นวันพิเศษ ทำให้พี่รู้สึกสนุกกับหัวเราะเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้น ใครจะไปรู้ว่าพี่จะกะล่อน ลามกได้ขนาดนี้ พี่ก็เพิ่งรู้ตัวเองกับวุ้นเนี่ยแหละ ”
วุ้นหลุดขำออกมาเบาๆ ทำให้หนึ่งหูแดง
“ อย่าขำดิ ไม่งั้นพี่พูดไม่จบนะ ” หนึ่งเอ็ดวุ้นเสียงดุ
“ ครับๆ ”
“ ขอบคุณที่ทำให้รู้สึกว่าพี่คนพิเศษของใครสักคน ขอบคุณที่ยอมให้พี่จีบตอนนั้นนะ ”
“ ถ้าผมปฏิเสธมันก็ดูใจร้ายเกินไปนะ ”
“ เออน่า ” หนึ่งยิ้ม “ ต้องขอบคุณขนมที่ชอบแถมด้วย พี่ชอบกินมาก อร่อยมากก ”
“ อือ.. ”
หนึ่งขมวดคิ้ว “ สงสัยพี่ต้องขอบคุณพ่อมิตรด้วยมั้งเนี่ย ”
วุ้นเลิกคิ้วสงสัย “ ขอบคุณทำไม ”
หนึ่งหัวเราะออกมา “ ถ้าไม่มีพ่อมิตร พี่กับวุ้นคงไม่ได้กลายเป็นแบบนี้หรอก มีพ่อที่ไหนเชียร์ให้ลูกได้กับผู้ชายละฮะ แรกๆ พี่นึกว่าเล่นๆ ใครจะไปรู้ว่าเอาจริง ”
วุ้นหลุดยิ้มออกมา “ ก็จริง ”
“ โอ้ยๆ พอๆ พี่เขินว่ะ แค่นี้พอ ” หนึ่งโวยวายออกมาหยิบกล่องโฟมมาเปิดข้าวของตัวเองกินบ้าง
“ แค่นี้ก็เกินพอแล้วล่ะ ” วุ้นหัวเราะกับหน้าแดงๆ ของพี่หนึ่งที่ไม่คิดว่าพี่แกจะเขินเป็น
หนึ่งเหลือบมองวุ้นและเอ็ดเสียงดุ “ มัวแต่ขำ ดูใต้กล่องโฟมรึยังว่ามีอะไร ”
วุ้นยกกล่องกล่องข้าวขึ้นสูงเพราะยังกินไม่หมด
มีอะไรสักอย่างถูกแปะไว้ใต้กล่องโฟมด้วยพลาสติกใส
ทำไมมันดูไม่ลงทุนสักเท่าไหรล่ะ พี่หนึ่ง
วุ้นอมยิ้มขณะที่แงะของที่ว่าออกมาจากใต้กล่อง
เเมื่อแงะได้สำเร็จก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเป็นแหวนเหล็กเรียบๆ วงนึงสลักตัวอักษรสีดำตัดกันเป็นเลขหนึ่งเขียนด้วยเลขโรมันกับเขียนกำกับว่า ONE’s ส่วนอีกวงเขียนว่า WUN’s เฉยๆ
แหวน !?
พี่หนึ่งทำแหวนคู่มาใส่ครับ
เเอาจริงๆ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้ใส่แหวนคู่กับใครมาก่อน
วุ้นเผลอหน้าอย่างแดงไม่ได้
ไอ้ที่กำกับ ‘s นั่นหมายถึงของใคร
ถ้าทำแหวนหายเขาจะเอาไปคืนผิดคนไหม..
“ ไปทำมาตอนไหนครับเนี่ย ” วุ้นพูดพลางพิจารณาแหวนใกล้ๆ
สวยไม่ใช่เล่น
“ ไม่สำคัญหรอกน่า พี่ว่าใส่เลยดีกว่า ” หนึ่งคว้ามือข้างซ้ายของวุ้นมือจับไว้ “ เอาแหวนมาเดี๋ยวพี่ใส่ให้ ”
“ เอาอันที่เขียนว่าของหนึ่งใช่ไหม ” วุ้นถามกวนๆ
“ จะเป็นของตัวเองทำไม ในเมื่อพี่ให้ตัวเองกับใครบางคนไปแล้ว ” หนึ่งยิ้มพร้อมตอบกลับ
วุ้นยื่นที่เขียนว่าวุ้นให้ทันทีด้วยความเหนื่อยใจ
“ โครตเสี่ยวเลยว่ะ เอาจริงๆ ”
หนึ่งรับมาสวมให้วุ้นอย่างทะนุถนอมโดยไม่ลืมจูบเบาๆ บนมือเมื่อใส่เสร็จ
วุ้นสะดุ้งชักมือกลับทันที
หนึ่งยิ้มยื่นมือของตัวเองให้วุ้นบ้าง “ ใส่ให้พี่บ้างดิ จะได้กินข้าวกันต่อ ”
วุ้นพยักหน้าแกนๆ สวมแหวนที่แปลว่าของตัวเองให้กับพี่หนึ่ง แต่ไม่ได้จูบเบาๆ บนมือตอนใส่เสร็จแบบพี่หนึ่งหรอกนะ อะไรแบบนี้ยกให้พี่หนึ่งทำไปคนเดียวเถอะครับ
“ งี้ฝนตกฟ้าก็ผ่าผมดิ ”
“ ใส่ๆ ไปเหอะ ถ้าวันไหนพี่เห็นว่าหายจะเก็บค่าแหวนให้อ่วมไปเลย ”
วุ้นส่ายหน้ากับความขาดทุนของตัวเองตักข้าวที่ยังเหลืออีกเกินครึ่งกล่องใส่ปากกินต่อ
“ วันนี้ค้างไหม ? ”
“ ไม่เป็นไร พี่ ”
หนึ่งถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ
กินข้าวเงียบๆ ที่อร่อยลิ้นแต่ไม่ช่วยเยียวยาหัวใจ
เอาเหอะ
เดี๋ยวสักวันจะทำให้เรียกร้องขอมาอยู่ด้วยเลยล่ะ

------
ครึ่งหลังรอบนี้ยาวสะใจมาก 5555555555

ใครว่าพี่หนึ่งเป็นคนกะล่อน แถวนี้ไม่มีจริงๆ มีแต่พี่หนึ่งที่ไหนไม่รู้มาแทน

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ