26 ชีวิตที่มีเธอ
น้องแพอายุครบ 2 ขวบ 5 เดือนแล้ว...6 เดือนแล้วที่อยู่ด้วยกันมา เป็น 6 เดือนที่น้องเป็นหนึ่งในวรรณเสถบุตรอย่างเต็มตัว
อยู่กับพัชและเอ๋ย อยู่กับพ่อ อยู่กับแม่ใหญ่ และน้าสมร น้าของเอ๋ยที่พัชไปรับมาจากบ้านนอกให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่ คอยช่วยเลี้ยงน้องแพและอยู่ดูแลอาหารการกินที่บ้านใหญ่
พัชกับเอ๋ยก็คบกันแบบเรื่อยๆ ไป เพื่อนบางคนรู้บ้างไม่รู้บ้าง แซวบ้างขำบ้างตกใจบ้าง แต่มาวันนี้ก็ชินตาแล้วล่ะเพราะไอ้พัชเอารถหรูมันมารับเอ๋ยที่คอกวัวที่คณะประจำ
ไอ้เอ๋ยโดนแซวจนอายจนเลิกอายจนมาเป็นโกรธเคืองเพื่อนแล้วก็ปลงตามลำดับ แล้วไอ้พัชก็ดันบ้ายุเสียด้วย เห็นว่าเพื่อนชอบแซวก็ชอบตามมาหาถึงที่ แล้วเดี๋ยวนี้เข้าใกล้ใครคนอื่นที่เป็นเพื่อนที่มันไม่รู้จักไม่ได้เลยด้วยนะ ตามหึงดะ ก็บอกมันอยู่ว่าหน้าตาไอ้เอ๋ยก็เฉยๆ ตอนปีหนึ่งน่ะมันสดๆ ใหม่ๆ คนเลยตามกรี๊ดตามเป็นแฟนคลับ นี่ก็อยู่มาจนคนเหม็นเบื่อหน้าแล้ว จะมาหึงหวงอะไร
แต่ก็อย่าว่าแต่ไอ้พัชเลย ไอ้เอ๋ยก็ใช่ย่อย ตามไปจิกหัวไอ้คนบอกว่าจะไปลงสำรวจตลาดทำโปรเจ็คจบแต่หลบไปกินเหล้าจนตีสองตีสาม จิกหัวมันจากโต๊ะแล้วทุ่มลงใส่โต๊ะเหมือนเดิมจนได้เย็บไปสี่เข็มเหนาะๆ จากวันนั้นมาไอ้พัชเลยไม่กล้าโกหกเลย ยิ่งกว่ากลัวเมียขนานแท้
พูดถึงน้องแพเด็กน้อยตัวกลมหัวเห็ดฟันหลอสองซี่ แต่ก่อนพูดเก่งพุงกลมน่ารักน่าเอ็นดูน่าชังขนาดไหน ยิ่งพ่อใหญ่แม่ใหญ่กับคุณน้าเอาไปเลี้ยงด้วยที่บ้านก็ยิ่งน่ารักตัวกลมขึ้นกว่าเดิม พัชกับเอ๋ยไม่เจอน้องแค่ช่วงสองเดือนหลังที่ผละตัวจากการฝึกงานมาหาไม่ได้ก็ต้องตาโตตกใจ น้องกลมขึ้นจนจากจะวิ่งได้กลายเป็นกลิ้งไปแทน ใครเห็นก็อยากฟัด
“ป๊าพัชจ๋า ป๊ะเอ๋ยจ๋า” เสียงแหลมของเด็กน้อยดังขึ้นเมื่อเห็นสองร่างสูงโปร่งที่เดินเคียงกันเข้ามาในห้องนั่งเล่น น้องแพเรียกทั้งสองว่าอย่างนี้ตามที่แม่ใหญ่บอก แม่ใหญ่ยังบอกอีกว่าให้รักป๊าพัชจ๋ากับป๊ะเอ๋ยจ๋าเหมือนพ่อแท้ๆ ด้วย
“ตัวแสบบบบ” เอ๋ยกางแขนออกกว้างให้เจ้าตัวแสบกลิ้งเข้ามาในอ้อมกอด ฟัดกันจนลืมสารถีสุดหล่อมีศักดิ์เป็นพี่ชายของตัวเองอย่างพัชจ๋าไปเสียสนิท
“ฟัดกันอยู่แค่สองคนนะ” พัชเหล่ตามองอย่างเซ็งๆ ขนาดเลื่อนขั้นจากพี่ชายมาเป็นป๊าแล้วแถมยังเป็น ‘สามี’ ของคนข้างๆ นี่ด้วยนะ ความสำคัญดูจะน้อยกว่าชาวบ้านชาวช่องเขายังไงชอบกลนะเออ
“ป๊าพัชน้อยจายยยย” น้องแพหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ว่าล้อคนที่อุ้มเอาตัวเองไปฟัดพุงอย่างอารมณ์ดี วันนี้น้องแพจ๋ามีความสุข เพราะทุกคนมากินข้าวเย็นกันพร้อมหน้าพร้อมตา แถมป๊ากับป๊ะจะพาไปนอนด้วยตั้งสองคืน
“น้อยใจดิ เด็กไม่รัก เมียก็ไม่รัก”
พลั๊วะ!!
พูดคำไม่เหมาะสมต่อหน้าลูก ไอ้พัชก็โดนฝ่ามือไปหนึ่งดอกที่กลางหลัง เจ็บจี๊ดไปยันน้าสมรกับพวกแม่บ้านที่มองสามคนเขากอดกันอยู่ด้วยนั่นแหล่ะ
“เอ๋ย! ถ้าถูกเส้นประสาทนี่คุณเป็นหม้ายได้เลยนะครับ!” พัชห่อปากซี๊ดใหญ่ คนทำแค่ยักไหล่ไม่สนใจเดินหนีไปกอดหน้าตัวเอง
“เอ๋ยใจร้ายเนอะเด็ก” ไอ้พัชกระซิบกับเด็กน้อยที่มองตาแป๋วอยู่
“ไม่หรอก” เด็กน้อยก็ตอบกลับ ว่ากันตามความจริงน่ะนะ
“แต่เมื่อกี้เอ๋ยตีพัชนะ!” ปัญญาอ่อนแค่ไหนถึงจะกล้าฟ้องเรื่องอย่างนี้กับเด็กน้อยได้ก็คิดดูเอาแล้วกัน
“นั่นสิ...เอ...ป๊ะเอ๋ยจ๋าใจร้ายจังน้าาา” น้องแพเริ่มถูกโน้มน้าวได้ทีละนิด ไอ้พัชได้ทีทำหน้าเจ้าเล่ห์ใหญ่
“งั้นคืนนี้เด็กนอนห้องเล็กนะ ขอป๊าลงโทษป๊ะหน่อย”
“เอ๋?” เด็กน้อยเอียงคอทำท่าคิดหนัก เอ๋ยจ๋าไม่ได้ใจร้ายขนาดต้องถูกลงโทษเลยนี่นะ
“ไอ้ป๊าพัช! มึงนั่นแหล่ะที่ต้องไปนอนห้องเล็กน่ะ!!!”
จบ...ยังไม่ทันน้องแพจะได้ตกลงหรอก...ไอ้พัชน่ะ...จบแล้ว
********
“พ่อจะให้เอ๋ยไปดูไร่ที่ระยองสักสามสี่เดือนให้หน่อย” เสียงทุ้มใหญ่จากประมุขของบ้านดังขึ้นในยามที่ทุกคนกำลังรวบช้อนข้าวกันแล้ว ใบหน้าที่ยังคงคมคายน่ามองตามแบบฉบับคนต่างชาติที่แม้อายุจะล่วงเลยมา 50 กว่าปีแล้วก็ยังคงน่ามองอยู่
“ห๊ะ!” คนที่ร้องตกใจกับประโยคของผู้เป็นประมุขไม่ใช่คนที่ถูกเอ่ยชื่อถึง แต่เป็นลูกในไส้แท้ๆ ของคนที่พูดนั่นแหล่ะที่มือไม้อ่อนทำช้อนหล่นกลางโต๊ะกินข้าวไปแล้ว
“พ่อ! ทำไมถึงทำงี้อ่ะ นี่พ่อจะแยกพัชกับไอ้เอ๋ยหรอ” พัชก็สมเป็นพัช เป็นไอ้เด็กไม่รู้จักตัวไม่ฟังอะไรให้สิ้นเสร็จซะก่อนน่ะนะ
“พัชอย่าโวยวายต่อหน้าน้องดิ” เอ๋ยเอื้อมมือไปดึงคนรักให้นั่งลง ถึงจะแปลกใจไม่น้อยที่ได้รับคำสั่งปุบปับแต่ก็อยากจะฟังเหตุผลของท่านเสียก่อน
“โวยวายทำไมเจ้าพัช ก็เอ๋ยเขาเรียนด้านเกษตรมา นาทำได้ไร่ก็ต้องทำเป็น พอดีว่าเจ้าพลเขาตกบันไดต้องดามขาสามเดือนนู่น พ่อเลยจะให้หยุดพักให้หายดีก่อนกลับมาทำงาน ทีนี้ก็ไม่มีคนดูแลจัดการไร่ แล้วจะให้ใครทำ? หรือแกจะไปทำ?” คนออกคำสั่งมองลูกชายด้วยหางตาก่อนหันมาหาแฟนของลูกชายที่รวบช้อนข้าวไปแล้วเรียบร้อย
“เดินทางไปกลับที่นี่กับระยองไหวไหมล่ะเอ๋ย ใกล้จบแล้วด้วยนี่นะ หอบงานการไปทำที่นู่นก็ได้ เดี๋ยวพ่อให้รถคันหนึ่ง หันขับเอาแล้วกัน ช่วยดูให้หน่อยเผื่อว่าจบมาแล้วพอจับทางได้จะได้ให้ไปช่วยดูแลได้เลย”
“ได้ครับได้” เอ๋ยไม่ขัดอยู่แล้ว แค่ทุกวันนี้ทางบ้านนี้รับได้เรื่องการคบกันของตนกับลูกชายคนเล็กแถมทั้งยังให้ที่อยู่อาศัยกับน้าของตัวเองด้วยก็บุญคุณล้นหัวขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้
“เอ๋ย!” พัชหันมาเรียกคนรักตัวเองเสียงดัง แต่เพราะว่าทุกฝ่ายดูจะโอเคกับการตัดสินใจอย่างปุบปับนี้เหลือเกินเจ้าตัวเลยเดินออกไปอย่างฉุนเฉียวทันที
“เฮ้อ...เจ้าลูกคนนี้” แม่ใหญ่ถอนหายใจใหญ่ สบตากับเอ๋ยให้ไปง้อเจ้าคนที่งอนตุป่องไปแล้วด้วย เอ๋ยก็พลอยถอนหายใจไปด้วย มิวายอุ้มน้องแพที่หยุดกินของหวานมาดูผู้ใหญ่เขาคุยกันเสียงดังไปง้อด้วยอีกคน
“ไอ้พัช” เอ๋ยเปิดประตูห้องเจ้าตัวเข้ามาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่เห็นคนตัวโตนั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียง กระซิบบอกน้องแพในอ้อมกอดอยู่สองสามคำแล้วปล่อยให้น้องวิ่งปรื๋อไปหาป๊า
“ป๊าพัชจ๋า เป็นอะไรหรอ” น้องแพถามเสียงใส สองมือป้อมเขย่าแขนคนตัวโตเสียแรง
“ไม่อยากอยู่ด้วยกันขนาดนั้นเลยหรือไง” พัชถามเสียงขุ่น ก่อนอุ้มเอาเด็กตัวกลมมาวางไว้บนตัก มองตรงไปยังคนที่ยืนค้างอยู่หน้าประตู
“พัช...โตแล้วนะ”
“เออรู้!”
“อย่าทำให้อยากทะเลาะด้วยหน่อยได้ไหมไอ้พัช”
“กูมันงี่เง่า”
“เออ! รู้ตัวด้วยนะ”
“...”
เอ๋ยจ้องคนที่หลบสายตาเขม็ง เมื่อไม่ได้ยินคำต่อล้อต่อเถียงอีกก็เดินไปนั่งข้างๆ ไอ้คนที่จับมือน้องแพเหวี่ยงไปมาเบาๆ อยู่ให้หยุดลงแล้วโน้มหัวไปซบไหล่อุ่นๆ อย่างจะง้อเต็มที่
“พ่อแม่น่ะให้โอกาสเราคบกันนะเว้ย แถมให้น้าหมอนมาอยู่ที่นี่อีก ค่าเล่าเรียนปีสี่นี่ก็ส่งให้กูหมดทุกบาททุกสตางค์ แล้วตอนที่เขาต้องการความช่วยเหลือจะให้ปฏิเสธเขาหรอวะ? พวกเขาเป็นพ่อแม่คนรักมีเรื่องวานมาก็ต้องทำให้อยู่แล้วป้ะ? ทำไมไม่คิดบ้างวะพัช แล้วนี่ทำอย่างกับห่างกันเป็นพันๆ กิโล อยากเจอก็ขับรถไปหาดิ หรือจะให้กลับมาทุกอาทิตย์ก็ได้ จะงอนทำไมหนักหนาวะ” เอ๋ยร่ายเสียยาวเหยียด น้องแพที่นั่งฟังอยู่ด้วยไม่ค่อยเข้าใจหรอกแต่ก็พยักหน้าหงึกหงักๆ เห็นด้วย
“เราต้องนอนคนละเตียงนะเว้ย”
“...”
“เราต้องกินข้าวกันคนละโต๊ะ”
“...”
“ใช้สบู่อาบน้ำกันคนละขวด”
“...”
“ใช้ยาสีฟันกันคนละหลอด”
“...”
“ห่มผ้าห่มกันคนละผืน”
“ไอ้พัช...”
“กูไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้วนะ ตั้งแต่มีมึงเข้ามาในชีวิตน่ะ เวลาต้องทำอะไรคนเดียวแล้วมันโหวงๆ ชอบกล”
“ไม่ได้จะจากกันตลอดชีวิต”
“ก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี”
“จะได้รู้ไงว่าเราโตพอกันหรือยัง ถ้ามามัวห่างกันไม่ได้เป็นรักแรกวัยรุ่นจ๋าก็ไม่ไหวนะ เดี๋ยวต่างคนก็ต่างทำงาน” พัชเงยหน้ามองคนที่ทำตาละห้อย เอื้อมเอามือน้องแพไปแปะๆ อยู่ที่หน้าหล่อๆ ของมัน
“ไม่อยากให้ไปเลยว่ะ เฮ้อ...” พัชบ่นง้องแง้ง จูบหัวเด็กที จูบหัวคนรักที
“ใครมาจีบก็บอกไปนะว่ามีผัวแล้ว” ไอ้พัชทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากจำยอม
“เออ” เอ๋ยชักจะหงุดหงิด ไม่ค่อยชอบให้มันพูดคำอย่างนี้ต่อหน้าเด็กน้อยเท่าไหร่
“มีลูกแล้วด้วย”
“ห๊ะ?”
“ลูกไงลูกน่ะ!”
“ลูก...?”
“ใช่ไหมเด็ก...เด็กเป็นลูกใคร หืม? บอกหน่อยดิ” พัชหันไปกระเซ้าเด็กน้อย พยายามทำใจเรื่องห่างจากคนรักอยู่ คงต้องปรับอารมณ์กันอีกสักพัก
“เป็นลูกป๊าพัชจ๋ากับป๊ะเอ๋ยจ๋าครับ!”*************************
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จบ
(ดีไหมน้าาา)