“มีอะไรก็ว่ามา”
ขึ้นมาถึงห้องผมก็เอ่ยปากถามมันเสียงแข็งเลยครับ ซึ่งไอ้คนโดนถามดูจะไม่ยี่หระเลยแม้แต่น้อย มันทำเพียงยักไหล่แล้วเดินไปนั่งที่เตียงของผมอย่างถือวิสาสะ ไอ้เก้าอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพาดขาวกับกางเกงแบรนด์เนม สไตล์ทีมันมักจะแต่งไปทำงานนั่นแหละ ผิดปกติแค่ว่านี่ควรจะเป็นเวลาที่มันนั่งทำบัญชีอยู่ร้าน ไม่ใช่มาเต๊ะท่าอยู่บนเตียงชาวบ้านเขาแบบนี้
“ที่ห้องไม่มีคนซักผ้าให้” “ห๊ะ”
ผมขมวดคิ้ว กอดอกมองหน้ามันเหวอๆ ประมาณว่าพูดจริงดิ?...นี่มึงคิดจะเปิดบทสนทนาแบบนี้จริงดิ
“ก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอไง...ที่บ้านผมผ้ากองเต็มไปหมด ห้องที่เพิ่งทำให้ก็รกหมดแล้ว” มันพูดหน้าตาเฉย ซ้ำยังกอดอกเอนตัวสบายใจเฉิบ ชักจะมากไปแล้วนะแบบนี้ คิดจะมากวนตีนกันถึงนี่ให้ได้อะไรวะ
“ที่กูเพิ่งไปทำมาเมื่อวานเนี่ยนะ! รกอีกแล้ว!?”
ฉิบหายหนัก ด้วยความโมโหโทโสสุดติ่งกระดิ่งแมวทำให้ผมเผลอตะโกนใส่หน้ามันไป ข้อมูลห่าอะไรก็บอกเขาไปหมดเลย... ด้านไอ้โนบิตะจอมเจ้าเล่ห์ พอได้ยินผมพูดอย่างนั้นมันก็ทำหน้าซื่อตาใส พยักหน้าตอบกลับยิ้ม ๆ คล้ายกับเดาไว้แล้วว่าผมจะต้องพูดอย่างนี้
ผมโคตรโกรธมันเลย รู้สึกตัวเลยว่ากำลังโดนป่นหัวจนความรู้สึกคลำหาทางไปไม่ถูก อยากตวาดด่ามันให้เสียงดังกว่าเมื่อกี้ ยิ่งเห็นมันลอยหน้าลอยตาฉีกยิ้ม อย่างคนเหนือกว่าแบบนั้น ผมแม่งก็อยากโมโหมันให้มากขึ้นอีก
แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น อาจเพราะไม่ได้เห็นมันใกล้ ๆ อย่างนี้มาตั้งหลาย วันแล้วก็ได้ คราวนี้บ่อน้ำตาถึงตื้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ อีกแล้วนะ กูร้องไห้ทำไมเนี่ย อย่าร้องต่อหน้ามันดิ คิดอย่างนี้ซํ้าไปซํ้ามาแตกห้ามตัวเองไม่ได้ แม่งเกลียดตัวเองนัก ต้องโกรธสิโว้ยที่มันเห็นตัวเองเป็นแค่คนใช้เท่านั้น
“มึงจะซักผ้าก็เรียกแม่บ้าน กูลาออกแล้ว กูจะไม่ไปทำอะไรให้มึงอีก"
ผมพูดเสียงสั่น อารมณ์ที่ทนอดกลั้นเอาไว้เพื่อท่าตัวให้เป็นปกติทำท่าจะระเบิดออกมาตลอดเวลา ไม่ชอบน้ำตาที่มันกำลังซึมล้นนี่เลย ถ้ารวมกันสองสามวัน ที่ผ่านมาคงเติมน้ำได้เต็มบ่อใหญ่ ๆ ไปแล้ว
ผมกลั้นสะอีก กลืนก้อนแข็งในลำคอแล้วถอยห่าง ออกจากเตียงตัวเองจนหลังติดโต๊ะคอม
ไอ้เก้านิ่งกว่าปกติ น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ได้ ผมไม่อนุญาต”
''เหี้ยเอ๊ย... กูต้องรอมึงอนุญาตด้วยเหรอวะ'' ผมสบถ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ กำลังไหลแบบลวก ๆ ''จะเอาไงกับกูกันแน่''
โนบิตะท่าหน้าเหมือนกับว่าเสียใจที่เห็นผมร้องไห้ มันถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นมาจากตรงนั้นแล้วสาวเท้าเช้ามาหาผมช้า ๆ ขนาดมองผ่านน้ำตาก็ยังเห็นว่า แววตามันเจือความอ่อนโยน คล้าย ๆ กับคืนที่บอกให้ผมลืมเรื่องพี่พลอยไม่มีผิด
''อย่าออกเลย กลับไป—'' ผมเม้มรีมฝีปากขณะฟังไอ้เก้า พยายามกลอกตา มองเพดานให้น้ำตาหยุดไหล ''กลับไปด้วยกันก่อน''
ผมอยากจะถามมันว่า จะให้กูไปไหนวะ นี่มึงต้องลงทุนขนาดนี้เพราะชีวิตขาดแม่บ้าน เหรอ จะเฮงซวยเกินไปหน่อยมั้งไอ้เหี้ย เล่นกับความรู้สึกกูเกินไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไร ผมก็ไม่อยากยอมมันง่าย ๆ ทั้งนั้น...
ง่าย เพื่อให้มันเอามาด่าผมอีกรอบ
''กูไม่อยากเกี่ยวข้องกับมึงแล้ว''
โคตรเจ็บเลยนะว่าไหม ผมอาจจะเคย ประเมินตัวเองผิดไปที่คิดว่าจากนี้คงกลับไปเป็นไจแอนท์กับโนบิตะได้เหมือนเมื่อก่อน ซึ่งอันที่จริงมันก็ผิดตั้งแต่ที่ยอมตกหลุมไปกับข้อเสนอบ้า ๆ นั่นแล้ว
''ไม่อยากแม้แต่ จะเจอ เหมือนวิ่งตามเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ กูเหนื่อย กูไม่ไหว''
ไอ้เก้าเงียบไปอึดใจ นานพอที่ผมจะเห็นลูกกระเดือกของมันขยับเพราะกลืนนํ้าลายลงลำคอ
''แต่คุณบอกว่าคุณชอบผม''
"ใช่ แต่กูพอแล้วไง!" ผมขึ้นเสียง หลุบตาหนีมันที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนสามารถเท้าแขนเข้ากับโต๊ะทำงานของผมได้ "มึงจะมาที่นี่อึกทำไมวะ กลับไปได้ แล้วไป ปล่อยกูเหอะ"
กลิ่นนํ้าหอมของมันยังเป็นกลิ่นเดิมเหมือนทุกทีที่ไอ้เก้าเข้ามาอยู่ใกล้ผม แล้วสร้างความทรงจำต่าง ๆ นานาจนเปลี่ยนผมไปโดยสิ้นเชิง ลมหายใจของมันรดเข้า มาใกล้ กระทั่งซบลงกับบ่าผมด้วยความเว้าวอน
"ขอร้อง... อย่าเพิ่งเลย" ไอ้เก้าเลื่อนมือที่เท้าโต๊ะทำงานมากุมมือผมเอาไว้ข้าง หนึ่ง "อย่าเพิ่งพูดว่าพอเลย วันนั้นผมอาจพูดอะไรที่มันไม่ดีเพราะไม่ทันได้คิด แต่ วันนี้ผมเก็บเอาไปคิดมาแล้ว ทบทวนดีแล้วถึงมาหา"
พล่ามอะไรอึกวะ ไม่อยากฟัง
"ตอนแรกผมยอมรับว่ากลัว เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก"
คำว่า 'เร็ว' ของมันบีบใจผมจนปวดหนีบ ใช่ ผมก็คิดว่ามันเร็วเพราะนี่มันแค่ ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง แต่มันจะรู้ไหมว่าไอ้เวลาที่เร็วเกินไปของมันทำเอาผมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
"แต่พอคุณหายไป ผมยอมรับก็ได้ว่าผมแย่มาก...ที่รู้สึกว่าไม่อยากเสียคุณ ไป" มันค่อย ๆ เลื่อนมือมาโอบเอวผมไว้ ทั้งยังผละใบหน้าขึ้นจากลาดไหล่แล้วมองผม ด้วยสายตาจริงจัง "แต่ก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าคุณรู้สึกยังไง คุณคงเห็นแล้วใช่ไหมว่าผมพา ใครมาที่ห้อง"
“...”
"อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละ... ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลย ผมคิดว่าทุกอย่างคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เหมือนเดิมก่อนที่เคยมีคุณเข้ามาเติมเต็มทุกอย่าง"
“...”
"แต่ผมรู้แล้ว ผมกอดใครก็ไม่เหมือนกอดคุณ ไม่มีใครเหมือนคุณ ถึงเราจะเริ่มกันแย่ๆ แบบที่ไม่ได้เรียนรู้กันให้ดีก่อน แต่ขอนะพิก กลับมาหาผมเถอะ ขอโทษที่สับสน ขอโทษที่ทิ้งให้ต้องรู้สึกแย่อยู่คนเดียว"
เอาจริง ๆ แค่มันเริ่มพูดตั้งแต่ประโยคแรกน้ำตาผมก็ไหลหลากเหมือนน้ำท่วมป่าแล้ว ในหูผมได้ยินแต่เสียงมันพูดวนไปวนมาแต่ฟังไม่ได้ศัพท์ว่าต้องการอะไรกันแน่ มาฟังออกเอาประโยคหลัง ๆ ก็ช่วงที่มันบอกว่าขอโทษที่ทิ้งให้ผมต้องอยู่คนเดียว...
ซึ่ง...แม่งโคตรทรงอานุภาพ
ทำเอาผมสะอึกสะอื้นหนักเข้าไปใหญ่
“ผมขอโทษนะ” มันกระซิบเบา ๆ แล้วกอดเอวผมแน่นขึ้น "ที่บอกว่าเข้ากัน ไม่ได้นั่นผมก็คิดจริง ๆ"
นํ้าลายเฝือนคอไปหมด แบบนี้ก็เทำกับมันยอมรับนั่นแหละว่าที่พูดเมื่อวันนั้น คือสิ่งที่คิดจริง ๆ ผมกับเก้าต่างกัน ทิ้งนิสัย ไลฟ์สไตล์ หรือแม้แต่ทัศนคติหลายต่อ หลายอย่าง เราทะเลาะกันก็บ่อย โมโหใส่กันนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่ตอนที่ผมสารภาพ ออกไปว่าชอบมันก็ยังไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซํ้า
"ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่มาลองกันดูสักครั้งนะ ให้โอกาสผมอึกครั้ง ได้ไหมครับ''
ผิดคาด มันกลับลำสิ่งที่ตัวเองเคยพูดแล้วซบหน้าลงกับบ่าผม กระชับวงแขน ก่อนจะกอดแน่นเหมือนจะไม่ให้หนีไปไหนได้อีก
เมื่อกี้ไอ้เก้ามันพูดจริง ๆใช่ไหม ไม่ใช่ว่าผมหูฝาด แล้วเข้าข้างตัวเองอะไรเทือกนั้นหรอกนะ
“แล้ว คนที่มึงพามานอนจะทำยังไง”
ยอมรับว่าตอนนี้ใจอ่อนเหี้ย ๆ ใครจะว่าผมโง่งี่เง่ายังไงก็เชิญเลย แต่ของแบบนี้ต้องมาเจอกับตัวจริง ๆ นาทีนี้ผมได้แต่ถามมันเสียงอ่อน พูดกับมันแต่ละคำยังสะอึกฮึก ๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ ตลกตัวเองที่เมื่อก่อนก็ยังซักชั้นในที่อยู่ในตะกร้าห้องมันโดยไม่คิด อะไร แต่ตอนนี้ดันมาคิดมากเสียฉิบ
ด้านโนบิตะ เมื่อได้ฟังผมถามอย่างนั้นมันก็ถอนหายใจแล้วผละผมออก มันส่งยิ้มมาให้ก่อนจะล้วงเอาอะไรในกระเป๋ากางเกงออกมาสองสามอย่าง
“นี่กระเป๋าตัง นี่โทรศัพท์ นี่กุญแจรถ” มันชูให้ดูในระดับสายตา ก่อนจะจับมือผมที่เท้าเอาไว้กับโต๊ะด้านหลังมาบังคับให้แบออก “ทุกอย่างที่มีอยู่ตอนนี้ ที่ติดตัวอยู่กับผม เอาไปให้หมดเลย ทุกอย่าง”
“...”
“อยากจะลบชื่อใครในมือถือทิ้งก็เอาเลย ตามสบาย กระเป๋าเงินนั่นก็เอาไปเลย กุญแจรถด้วย...นะครับ”
“...” ผมขมวดคิ้วมองมัน...ไม่แน่ใจว่ากำลังโดนประชดอยู่หรือเปล่านะ
“ผมให้คุณหมดแล้ว แทนความจริงใจของผม จากนี้ไปคุณอยากจะให้ผมไปไหน อยากจะให้ทำอะไร ไม่อยากให้เจอใครคุณก็แค่พูด เท่านั้นเอง ผมให้คุณหมดแล้วจริง ๆ...มาเริ่มต้นกันใหม่นะพิก เริ่มต้นกันใหม่ ทิ้งอะไรร้ายๆไปให้หมด ผมขอโอกาสคุณแค่นี้ให้ผมได้ไหม?”
โอ้โห... ผมอยากจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา แต่น้ำเค็ม ๆ ในปากดูเหมือนจะไม่เป็นใจ เคยได้ยินไหมครับว่าถ้าเวลาผู้ชายขอความรักจากใครนี่แม่ง...เตรียมตัวไว้เลยว่าจะได้ฟังอะไรที่โคตรน้ำเน่า ซึ่งผมก็เคยทำอย่างมันนะ แต่สิ่งที่มันทำให้ผมเทียบไม่ได้เลยที่ผมเคยทำให้คนอื่น
นี่มันน้ำเน่า น้ำเน่ายุงบินชุมชัด ๆ
ไม่รู้แม่งไปเอามาจากไหน ไอ้บทพูดนี้... แต่ที่แน่ ๆ ผมใจอ่อนยวบไปแล้ว เรียกว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ปล่อยหมัดไม้ตายเลยก็ได้
“เออ”
สุดท้ายก็ปล่อยให้ตัวเองทำตามหัวใจจนได้ ก็ไม่รู้หรอกว่าแม่งจะพาไปในทิศทางไหน แต่โกรธกันไปก็ไม่เห็นประโยชน์อะไร... ที่จริงกะว่าจะใจแข็งสักหน่อย แต่พอเห็นสายตาที่มันส่งมาออดอ้อนขนาดนั้นก็เหมือนกับว่าจะเดินไม่เป็นไปชั่วขณะ อ่อนหัดจริง ไอ้พิกเอ้ย!
ด้านโนบิตะพอเห็นว่าตอบตกลงมันก็ยิ้มเลยครับ ยิ้มดีใจได้อย่างนั้นพักเดียวเท่านั้นแหละ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเหี้ยมเกรียมอย่างที่ผมไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน นี่มึงเป็นอะไรขึ้นมาอีก เป็นไบโพล่าหรือไงวะ เพิ่งจะง้อสำเร็จก็จะเล่นกูเลยใช่ไหม--
เดี๋ยวนะ...
ฉิบหายแล้ว มันกำลังจ้องมาที่คอ...
“แบบนี้ก็ถือว่าตกลงคบกันแล้วนะครับพิก...” มันหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ทำเอาขนหลังผมลุกวาบ
“...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยตอบผมด้วยครับ ว่ารอยที่คอน่ะ...
ของใคร”
ถึงจะบอกให้ผมตอบก็เหอะ แต่พอเห็นว่าผมทำอึกๆอักๆ พูดอะไรไม่ออก มันก็ถอนหายใจทีนึง แล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบผมทันที ผมเบิกตาโพลงเมื่อริมฝีปากของเราสัมผัสกัน เป็นจูบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวครั้งแรกหลังจากที่ห่างกันมานาน
โนบิตะกดริมฝีปากเข้ามาแน่นมาก มันทั้งกัดทั้งงับจนเหมือนกับว่าจะรั้งปากผมออกไปจากหน้าเสียอย่างนั้น ความรุนแรงที่มันมอบให้ทำให้ผมถึงกับต้องทุบไหล่มัน เพื่อจะสามารถหายใจได้อีกครั้ง แน่นอนว่ามันยอมผละริมฝีปากออกให้ แต่พอเห็นว่าผมโกยลมหายใจเข้าปอดได้ถนัดก็ก้มลงมาจูบอีกครั้งแล้วสอดลิ้นเข้ามา
“ฮ่า...”
กว่าจะได้หายใจหายคออีกครั้งก็ตอนที่หลังผมเอนติดเตียงไปแล้ว ไม่รู้ว่าเราเคลื่อนตัวออกมาจากโต๊ะทำงานโดยไม่เตะถังขยะด้านล่างได้ไง แต่ที่แน่ ๆ คือมีเก้าประคองหลังผมเอาไว้ แถมปากยังไม่ยอมห่าง เราจูบกันจนลืมไปว่าก่อนหน้านี้คุยอะไรกันอยู่ มือเริ่มล้วงควักให้กันโดยที่ลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เคยหน่วงมาหนักขนาดไหน
“ไอ้ชานใช่ไหม...”
จู่ ๆ เก้าก็พูดขึ้นมาโดยที่หน้าของมันซุกไซร้อยู่บริเวณลำคอของผม เห็นสีหน้า สายตาของมันจ้องมองมาก็รู้แล้วว่ากำลังข่มความโมโหเอาไว้
“อืม”
ผมตอบทั้งที่เสหน้าไปอีกทาง ไม่ได้หวังจะให้มันมาเข้าใจเหตุผลที่ผมสมยอมลงไปหรอกนะ แต่แค่คิดว่าทำอะไรไว้ ก็ควรจะได้สารภาพ... ซึ่งสิ่งที่โนบิตะโน้มตัวลงมาทำกับผมนั่นยอมรับเลยว่าผิดคาด แทนที่มันจะก่นด่าว่าผมโง่ มันกลับถอนหายใจแล้วโน้มตัวลงมาจูบทับรอยตรงคอนั้นแผ่วเบา
มันกดจูบอ้อยอิ่ง นานจนผมต้องก้มลงไปมองมัน
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่า...คุณทำให้เขามีความหวังนะ แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อ”
มันถามเสียงอ่อน ขณะที่มือก็ไม่หยุดลูบไปทั่วตัวผม ตอนนี้ไม่ใช่แค่หัวใจที่ทำงานหนัก แต่สมองผมก็ทำงานหนักไปด้วยเมื่อต้องคิดหาคำตอบที่มันถามออกมาเมื่อครู่
“ไม่รู้” ใช่ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นผมก็แค่หวังว่าจะหาทางออกได้ แต่ไม่ว่าจะหาทางยังไงก็ยิ่งตัน โดยเฉพาะกับตอนที่มันจ้องหน้าผมอยู่อย่างนี้
“เฮ่อ...คุณนี่นะ” มันส่ายหัวแล้วยื่นหน้ามาหา เอาหน้าผากชนกับหน้าผากผม “ทีหลังอย่าไปยอมนะ รู้ไหม...ผมแม่ง---”
“...”
โนบิตะหลับตาลง กลืนน้ำลายลงคอราวกับจะข่มอารมณ์ เราเงียบใส่กันไปพักนึง ก่อนมันจะลืมตาขึ้น ทอดมองมาที่ผมอย่างเว้าวอน “อยากจะบ้า ผมโมโหว่ะ แต่ผมไม่อยากทำให้คุณเสียใจแล้วอ่ะ... ผมแม่งเพิ่งรู้ว่าพอคนที่ชอบไปทำอะไรกับคนอื่นมันเป็นอย่างนี้”
“...”
“ทีหลังผมก็จะไม่ทำแล้ว และคุณก็ห้ามทำนะ”
“...”
“ได้ยินไหมพิก”
“ได้ยินแล้ว”
ทีแรกสีหน้าของมันดูเครียดขึงแทบตาย แต่พอผมตอบเบา ๆ มันก็ยิ้มออกมาเหมือนกับว่าโลกนี้โคตรสดใส เห็นแล้วหมั่นไส้ฉิบหาย นี่กูยังไม่ชำระแค้นเรื่องที่มึงใจร้ายใส่กูเลยนะ
ผมมองหน้ามันแล้วเอื้อมมือไปยิกแก้มมันที ซึ่งโนบิตะร้องครางเบา ๆ ในลำคอแล้วแก้แค้นผมโดยการเอื้อมมือลงไปบีบหนอนน้อยที่ด้านล่างแทน แล้วแม่ง เชี่ยเอ้ย บีบแรงจนรู้สึกได้ว่ามันพองหนักกว่าเดิม นี่มันแกล้งกันอีท่าไหน ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับจะถึงอยู่ตลอดเวลาล่ะวะ !
“ไม่เอาไม่เล่นแบบนี้ พอเลยมึง ขอร้อง พอก่อน” ผมหอบหายใจทำท่าจะดันไหล่มันออก แต่พอเห็นอย่างนั้นโนบิตะก็รวบมือผมขึ้นเหนือหัว แล้วเลิกเสื้อก่อนจะลงลิ้นจากคอไล่ไปจนถึงบริเวณใกล้ขอบกางเกง
จุดยุทธศาสตร์กู!!!!
ผมกรีดร้องในใจเมื่อผงกหัวขึ้นมาแล้วพบว่ามันกำลังอ้าปากทำท่าจะอมน้องชายผมผ่านกางเกง แม่งเอ้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน แขนก็ยาวเกิน จับมือผมไว้ทั้ง ๆ ที่อ้าปากงับน้องผมได้เนี่ยนะ จะดิ้นไงก็ดิ้นไม่หลุดเลย ไม่รู้ว่าตกลงแล้วอ่อนแรงที่ตรงไหน? ด้านบนหรือด้านล่างกันแน่
“อือ...”
ผมครางประท้วงในลำคอเมื่อมันเริ่มปลอกเปลือกผมด้วยมือข้างเดียว ตอนนี้โนบิตะยังคงจับแขนผมเอาไว้อยู่เลย แต่เมื่อมันถอดเสื้อผ้าผมได้จนหมด เห็นผมนอนปรือตาหมดแรงจะต้านมันก็ยอมปล่อยให้แขนผมเป็นอิสระ แล้วเริ่มถอดของตัวเองออกบ้าง
ทุกอย่างในหูอื้ออึงเมื่อมันโน้มตัวลงมาคร่อมผมอีกครั้ง คราวนี้มันออกแรงใช้มือกระชากแขนผมจนแทบจะลุกขึ้นมานั่งได้ ก่อนจะจูบฟัดหูผม ทั้งกัด ทั้งทึ้ง แล้วเลื่อนมือลงไปขยี้ที่ส่วนปลาย ในท้องผมโหวงวูบ อย่างกับโดนควักไส้ออก ยิ่งเวลาที่มันขยับมือรูดทึ้งส่วนหัว ตัวผมยิ่งเหมือนกับว่าจะลอยละล่องออกไปจากเตียงให้ได้
“ตรงนี้ ไม่ได้ให้มันไปใช่ไหม” มันถามพลางลูบวนบริเวณหูรูดของผมอย่างเบามือ
“เปล่า...ยังไม่เคยมีอะไรกับมันเลย กูแค่จูบกันเฉยๆอ่ะ ” ผมผงกหัวขึ้นไปตอบ ตอนนี้โนบิตะเริ่มเรียกไอ้ชานว่ามันแล้วครับ ฟังดูก็น่ารักดีเพราะผมรู้แล้วว่ามันหึงผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ขมวดคิ้วใส่มันอยู่ดี “มึงนี่ อย่าเรียกไอ้ชานว่า มัน สิวะ มันก็ไม่ได้ทำอะไรให้มึงสักหน่อย”
“อะไรเรียกมันไม่ได้หรือไง ก็มันมาชอบแฟนผมทำไม...ว่าแต่คุณน่ะ ออกตัวแทนมันเหรอ ได้เลย...ออกตัวแทนดีนัก”
ได้ยินมันบ่นงึมงำอยู่ไม่ถึงวินาที ก็ถึงกับต้องสะดุ้ง ไอ้เหี้ย! โนบิตะมันก้มลงไปงับเนื้อด้านในต้นขาผมอย่างแรงโดยไม่ให้สัญญาณได้ทันตั้งตัวเลยสักนิด กัดซะนึกว่าชาติก่อนเคยเกิดเป็นหมา ไอ้เหี้ยเอ้ย! เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด เจ็บจนต้องร้องโอ๊ยออกมาดัง ๆ
“โอ้ยยยย เชี่ยยยยทำเหี้ยอะไร”
“ทำอะไร ก็ทำโทษไง นิสัยไม่ดี ชอบให้หึงนักใช่ไหม” ไม่พูดเปล่าแต่นิ้วทีแรกวนอยู่รอบๆ ก็ยังกระแทกกระทั้นเข้ามาในตัวผมด้วย
“ไม่ได้ชอบ โอ้ย เบาๆสิวะ โอ้ย”
แทนที่จะเป็นบทรักแสนหวานแต่ทุกอย่างกลับตัลปัตรไปหมด ผมร้องไห้ออกมาทั้งที่ปากยังสบถด่ามัน มือก็ทึ้งหัวมันที่ก้มลงมาครอบครองแก่นกายของตัวเองพร้อมกับเบิกช่องทางไปด้วย
เชี่ยเอ้ย เสียวก็เสียว อายก็อาย...ทำไงดีวะแม่ง!
“โอเค ๆ เบาแล้ว อย่าร้อง”
มันพูดพร้อมกับถอนมือออกไปจากช่องทางด้านหลัง รู้สึกได้เลยว่าแม่งโบ๋เป็นโพรงจนส่วนที่เป็นหูรูดตอดตุบ ๆ เพราะต้องการดึงกลับเข้าหากัน แต่ไม่ทันจะให้ผมได้พักหายใจหายคอสักเท่าไหร่ อยู่ดี ๆ โนบิตะที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงปลายขาก็รั้งผมเข้าไปหา และ...
“พิก”
มันรั้งผมเข้าไปหาแล้วจับแก้มก้นผมแหวกออก ก่อนจับแท่งร้อนหมุนวนด้านนอก เคล้าคลึงไปมาจนรู้สึกหน้าร้อน (ที่ไม่ใช่ฤดู) มันค่อยๆแทรกตัวเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ และด้วยความที่ไม่ได้มีอะไรกันมาหลายวันทำให้ตรงนั้นของผมตอดมันอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งไม่ต้องก้มลงไปมองหน้าโนบิตะก็ฟ้องว่าแม่งฟินแค่ไหน
“ตอดจนเจ็บ” มันพูดแล้วล็อกขาผมเข้าไปหา ก่อนจะส่ายสะโพกควงเข้าควงออกอย่างชำนาญ ส่วนผมน่ะหรอ ได้แต่นอนเอาหัวห้อยลงกับปลายเตียง โรมรันฟัดกันอีท่าไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีตัวผมก็กระเด้งกระดอนจนแทบจะตกเตียงคอหักอยู่แล้ว
“อา...ซี้ด...คุณนี่แม่ง” มันพูดพลางเสียบเข้าเสียบออกอย่างบ้าคลั่ง ตาของมันหลับลงในขณะที่ผมลืมตามอง แก้มของมันตอนนี้กำลังเปล่งสีเหมือนผลไม้สุก แดงไปด้วยทั้งหน้าเลือดฟาด
“อือ...”
ผมเกร็งตัวร้องครางเมื่อมันกระแทกกระทั้นโดนจุดสำคัญ พอได้ยินอย่างนั้นเก้าก็ยิ่งกระแทกใส่รัว ๆ ทั้งควาน ทั้งกระแทกใส่จนหืดแทบจะขึ้นคอผม แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนมันจะยังไม่พอใจเท่าไหร่ ถึงได้รั้งแขนผมขึ้นมานั่งบนตักทั้งที่ปลายส่วนหัวของมันยังโดนของผมดูดอยู่เลย
“ท่านี้ดีกว่า”
พูดจบมันก็โน้มหน้าผมลงมาจูบ แล้วอีจูบนี้แม่งแย่ตรงไหนรู้ไหม แย่ตรงที่พอมันกดไหล่ผมลงมาปลายหัวของมันก็เหมือนกับว่าจะแทงลึกเข้าไปในจุดที่ผมรู้สึก พอเห็นว่าผมหายใจไม่สะดวกมันก็ยิ่งแกล้งผมหนัก ยิ่งจับเอวผมแล้วกดลงไปพร้อมกับขยี้ปลายของตัวเองก่อนจะสวนขึ้นโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว
“อ๊า!!”
“ซี๊ด”
เสียงร้องของผมกับมันดังประสานกันปนเสียงหอบ ด้วยความที่กลัวแม่รู้เราจึงไม่ได้ร้องดังมากไปกว่ากระซิบใส่กันให้ได้ยินแค่สองคน แต่ถึงอย่างนั้น จังหวะสอดใส่กับช่องทางของผมที่บีบรัดมันก็ทำให้รู้ว่าเราทั้งคู่กำลังจะถึงที่หมายในอีกไม่ช้า...
“พร้อมกันนะ”
นาทีนั้นผมได้แต่พยักหน้าตามมัน เราจูบกันอีกหนก่อนโนบิตะสะสวนเข้ามาอย่างเร็วและแรง จนในที่สุดของเหลวอุ่นร้อนก็จากแท่งในตัวผมก็ฉีดออกมา พร้อม ๆ กับของผมที่พุ่งปรี๊ดจนฉีดคางมัน...
และตอนนั้นเองที่เสียงหัวเราะเริ่มต้นอีกครั้ง
พร้อมกับสัมผัสของมัน ที่ปาดเบา ๆ บนแก้มผม
“ขอบคุณนะ” มันพูดเบา ๆ ก่อนจะดึงผมลงมานอนทับบนตัว มันจูบหัวผม จูบซ้ายจูบขวาแล้วย้ายกลับมาที่หน้าผากก่อนจะจ้องมองมาด้วยสายตาลึกซึ้ง “ขอบคุณที่ให้โอกาส”
“โอกาสเยกันอีกครั้งเหรอ แม่ง กูเจ็บไปหมดเลย”
ผมได้แต่บ่นกระปอดกระแปดแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนอนให้มันลูบหลังลูบไหล่โดยไม่ขัดขืนอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้โนบิตะไม่ตอบอะไรแล้ว มันเพียงแค่ส่งยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามากดจูบกับปากผมอีกรอบ เราจูบกันอีกครั้งอย่างอ่อนโยนใต้แสงไฟนีออน ปนกลิ่นเหงื่อและความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมในคืนนี้
ราวกับจะสัญญาว่า เราจะเรียนรู้กันให้ดีกว่านี้
จะเอาอะไรมากล่ะ สำหรับเรื่องความรัก ผมกับมันก็ยังเป็นมือใหม่อยู่นี่นะ?
_____________________________________________________
ขออนุญาตให้ชื่อแท็กว่า
#โนบิโนบิ แล้วกันค่าเอาไว้ติดตามเนอะ
ง้อแล้ว แต่ยังไม่จบ แฮ่ก โอ้ยเหนื่อยจัง 5555555555
ติดต่อได้ที่
Twitter