<< END >> ♦ NOBI โนบิตะตัวร้าย vs ไจแอนท์จอมบื้อ ♦ (ขออนุญาตรีไรท์จ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << END >> ♦ NOBI โนบิตะตัวร้าย vs ไจแอนท์จอมบื้อ ♦ (ขออนุญาตรีไรท์จ้า)  (อ่าน 194748 ครั้ง)

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
สงสารพิกอ่ะทำไมเก้าใจร้ายแบบนี้อ่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เฮียยยยยยย เลวร้ายมาก!

เก้าปากร้ายที่สุด!

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ไอ้โนบิตะใจร้าย :m16:

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
19
SP : next station
NOBITA’s PART


พิกทำให้ผมโมโห...


อันที่จริงผมไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดใครขนาดนี้มาก่อน นอกจากเวลาที่ลูกน้องทำอะไรผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ผมไม่ใช่คนที่จะแสดงอารมณ์อย่างนี้กับใครหากเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ดังนั้นพิกจึงเป็นคนแรกที่ได้เห็นผมในสภาพทุเรศแบบนี้


“กูไม่ได้ง่าย! ตอนนั้นกูอาจได้ไม่รู้สึกอย่างนี้...แต่ตอนนี้ที่กูยอมก็แค่เพราะว่า...”


 “...”


“เพราะว่ากูชอบมึง” 


“ไม่ได้ชอบเพราะว่าผมเอาเก่งหรอกเหรอครับ?”



ผมสวนกลับไปทันทีโดยไม่คิด คำพูดของเขาทำให้ผมสับสนอย่างมาก แน่ล่ะ พิกทำให้ผมคิดว่าเขาคงจะชอบผมขึ้นมาจริง ๆ ถ้าหากภาพที่เชี่ยวชาญจูบพิกวันนี้ไม่ได้ผุดขึ้นมาก่อน


ผมไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจว่าทำไมพิกถึงได้น่าหมั่นไส้นัก เขาทำให้ผมเกือบจะเป็นบ้าไปแล้วตอนที่เขาละเมอชื่อเชี่ยวชาญออกมา นั่นแสดงให้เห็นว่าทุกขณะความคิดของเขาแม้แต่ตอนที่หลับก็ยังมีแต่เชี่ยวชาญ... แล้วมันน่าขำไหม? กับที่เขามาตะโกนใส่หน้าว่าชอบผมทั้งที่เขาไม่ได้นึกถึงผมเลยแม้แต่น้อย


ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้
ไม่ชอบอะไรที่ตัวเองควบคุมไม่ได้...


“มึง...คิดได้แค่นี้เหรอ...มึงคิดเหี้ย ๆ แบบนี้กับกูเองเหรอวะ ไอ้เก้า?” 


พิกพูดตัดพ้อ ยิ่งเห็นสีหน้าของเขาทำเหมือนกับว่าจะร้องไห้ ก็ยิ่งโมโห ทำไมกันนะ? ผมไม่เข้าใจอะไรเลย ทำไมเขาถึงได้มีอิทธิพลเหนือความคิดของผมขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เขากล่าวหาว่าผมคิดเหี้ย ๆ กับเขาแบบนั้น


วินาทีที่เขาพูดว่า ‘ชอบ’ ออกมาเพราะทนไม่ไหวมันทำให้ผมใจกระตุก ตอนที่เขาร้องไห้ออกมามันทำให้ผมอยากเข้าไปกอดเขา แต่พอนึกถึงหน้าเชี่ยวชาญ กับสิ่งที่เฮียพูดเอาไว้ผมก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา


หากลองย้อนมองมาที่พื้นฐานนิสัยจริง ๆ ของเราทั้งคู่ แน่นอนว่าเราไปกันไม่ได้เลย...มันดูไม่มีอนาคต อันที่จริงผมไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของเพศแม้แต่น้อย แต่เพราะนิสัยของเขาเป็นอย่างนี้ มึนงง ไม่รับรู้อะไรสักอย่างแม้กระทั่งมีเพื่อนมาหลงรักตัวเองก็ยังไม่รู้นี่มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าจะทนไม่ได้อยู่ตลอดเวลา ใช่ ผมยอมรับว่าคิดเหี้ย ๆ กับเขา...ตอนนี้ผมไม่มั่นใจอะไรเลยสักอย่าง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินออกไปทำไมในตอนนั้น? ไม่รู้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดจนต้องระบายอารมณ์กับอะไรสักอย่างทั้งที่ตัวเองไม่เคยเป็นแบบนี้   


ผมบอกแล้วว่าไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้


ดังนั้นผมจึงพยายามไล่เขาออกไปจากหัวสมอง ผมพยายามจะไม่สนใจ แม้ว่าเขากำลังร้องไห้ทั้งที่ปกติแสดงแต่ท่าทีแข็งกร้าว... วันนี้ผมไม่เห็นตัวไจแอนท์ในร่างของเขา ไม่เห็นอะไรเลยที่ทำให้ผมรู้สึกพอใจกับการแกล้งเขา ไม่เห็นอะไรเลยในหัวตัวเองนอกจากน้ำตาของเขา


ผมไม่อยากใจอ่อน... ไม่อยากเป็นคนใจดีแล้ววันหนึ่งต้องตื่นขึ้นมาพบว่าแท้จริงแล้วพิกไม่ได้ชอบผมจริง ๆ ผมอยู่กับครอบครัวจอมปลอมมานาน คำว่ารัก หรือ ชอบมันเป็นอะไรที่ผิวเผินมาก สำหรับพ่อของผม คำเหล่านี้ไว้ใช้เพียงให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ แล้วมันผิดหรือ ถ้าหากผมจะมองว่าพิกแค่กำลังอินที่เรามีสามารถเซ็กส์กันในเวลาที่ทั้งคู่ต่างก็มีอารมณ์...


“...ครับ ผมก็คิดได้แค่นี้แหละ” ผมมองเข้าไปในดวงตาของพิก เวลานี้มันรื้นไปด้วยน้ำตาจนทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับจะเสียสูญได้ตลอดเวลาหากสบตากับเขาเกินนาที “...แล้วถึงคุณจะชอบผมจริง ๆ เราก็ไปกันไม่รอดหรอก...ดูตัวเองหน่อยเถอะพิก อย่าคิดไปเองคนเดียวว่าแค่บอกชอบแล้วทุกอย่างก็จบ”

 
ผมสังเกตมานานแล้ว ไม่ใช่แค่ตอนที่เฮียพูด เพียงแต่ว่าคำพูดเหล่านั้นเข้ามากระตุ้นผมให้คิดลึกลงไปอีกนิด ในสายตาของผม เชี่ยวชาญช่างเป็นคนดี ถึงแม้เขาไม่มีใคร แต่คนสำคัญเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างเขามาตลอดคือพิก...ความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยมี และคิดว่าการผูกพันธ์แบบนี้สามารถพัฒนาไปเป็นความรักได้...


พิกควรจะรักกับเชี่ยวชาญมากกว่าผม...


มันไม่ใช่ความคิดแบบพระเอก เพียงแต่ว่าผมเห็นสัดส่วนที่ลงตัวสำหรับคนสองคน พิกไม่ได้ชอบผมจริง ๆ หรอก ที่เขาเป็นอย่างนี้ก็เพียงเพราะว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกของเขา ซึ่งถ้ามองกลับกัน หากเชี่ยวชาญได้เป็นคนแรกของพิก...เขาก็คงจะชอบเชี่ยวชาญนั่นแหละ 


แย่จริง ๆ ที่เอาแต่คิดแบบนี้
นั่นก็เพราะว่าผมไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลยสักอย่าง


“หนี้ทั้งหมดที่คุณเคยติดผม ผมยกให้ ต่อจากนี้ไป เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างต่อกันแล้ว...วางใจเถอะ ผมจะไม่เข้ามายุ่งกับคุณเกินความจำเป็นอีก...แล้วเรื่องที่จ้างคุณทำความสะอาด คุณก็สามารถทำต่อไปได้ เข้ามาทำเวลาที่ผมออกไปทำงานแล้วกัน ผมจะไม่เข้ามาวุ่นวายเวลาคุณทำงาน”


ผมรู้ว่าตัวเองกำลังพาล เหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ  ที่กำลังระบายอารมณ์ออกมาด้วยการตะโกนใส่หน้าใครก็ตามยามที่ไม่ได้ของเล่น ส่วนพิกได้แต่เงียบ เงียบทั้งที่เขาควรจะตะโกนใส่หน้าผมว่า ‘ไอ้เหี้ย’ ด้วยซ้ำ


“อยากจะพูดอะไรอีกไหม? ถ้าไม่...งั้นผมขอตัว” 


ยิ่งเขาไม่ตอบโต้อะไรผมยิ่งรู้สึกแย่...แน่นอนว่าเราทั้งคู่รู้สึกแย่ แต่ตอนนี้ผมคงแย่กว่าที่นึกอยากจะดึงเขาเข้ามากอดเอาไว้แล้วไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น แต่ผมทำไม่ได้ ผมยืนตรงนี้ไม่ได้ ทนมองเขาร้องไห้เพราะความสัมพันธ์บ้าบอแบบนี้ของเราไม่ได้... นานเกือบนาทีที่พิกเงียบไป และเวลาเหล่านั้นทำให้ผมตัดสินใจได้ว่าควรจบเรื่องนี้ด้วยตัวผมเอง


ผมเดินออกมาจากตรงนั้น รีบสาวเท้าก้าวออกมาทั้งที่รู้ว่ายังเขายืนร้องไห้อยู่ข้างหลัง ผมผิดเองที่เป็นคนเริ่ม และมันควรจะจบลงตรงนี้ด้วยมือของผมเอง





“เฮ้ย โนบิตะ! เห็นไอ้พิกไหมวะ กูหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ”


ผมเดินมาถึงโซนบ้านพักก็เห็นเชี่ยวชาญนั่งเหม่อลอยคาบบุหรี่อยู่บนเชิงระเบียงหน้าห้องของเขา อันที่จริงตั้งใจจะเดินผ่านไปโดยไม่ทักทาย แต่เจ้าของเสียงทุ้มนั้นก็เรียกให้ผมต้องชะงักเท้าเสียก่อน


“...อยู่ที่หาดครับ”


ผมตอบออกไปตามสัตย์จริง มองเขาทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นทันทีที่รู้ว่าพิกอยู่ไหนด้วยความรู้สึกแปลกๆ เชี่ยวชาญกำลังลุกออกจากระเบียง แล้วตรงมาหาผม


“หาดแถวไหน ไปคนเดียวเนี่ยนะ?”


ผมพยักหน้าเป็นคำตอบขณะที่เชี่ยวชาญวิ่งเหยาะ ๆ มาถึงตัว สีหน้าของเขาดูตกใจไม่น้อยเมื่อทราบว่าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวกำลังอยู่ตามลำพัง


“ครับ อยู่ที่หน้า--”


“ขอบใจมึงมาก”


เชี่ยวชาญไม่รอให้ผมพูดจบด้วยซ้ำ เขายื่นมือมาแตะที่ไหล่ผมแล้ววิ่งสวนออกไปทันทีที่ตั้งสติได้ อันที่จริงควรจะบอกว่าเขาวิ่งไม่คิดชีวิตด้วยซ้ำเมื่อรู้ว่าพิกอยู่ที่ไหน ซึ่งสิ่งที่เขาทำให้พิก มันทำให้ผมคิดว่าตลกดีนะ... ตลกดีจริง ๆ ที่ตอนนี้หัวใจของผมมันเหมือนกับโดนบีบรัดจากมือที่มองไม่เห็น


มันดีแล้ว...เหรอ?
ดีแล้วใช่ไหม หากคนที่ดูแลพิกจะเป็นเชี่ยวชาญ...ไม่ใช่ผม


________________________________________


มาฝากถามในนี้ พอดีมีคนมาถามเรื่องหนังสือว่าจะทำเป็นเวอร์ชั่นวายไทยไหม
ไอ้ตัวเราก็ชั่งใจอยู่เหมือนกัน เพราะหนังสือเพิ่งทำเล่มเสร็จไป (เวอร์ชั่นฟิคที่ช้าโคตร ๆ แต่ตอนนี้กำลังส่งแล้วแฮ่ โล่งใจไป)

แต่ถ้าทำเล่มเดียวมันก็ไม่คุ้มอ่า เลยอยากถามคนในนี้ว่ามีใครอยากได้เล่ม NOBI เวอร์ชั่นเล้าไหมคะ
ถ้าเกิน 10 คนเราจะทำให้ ระยะเวลาที่จะได้ของ ภายใน 10 วันหลังโอนเงินค่ะ T_T
(ขอเวลาแปลงชื่อ กับสถานที่และบางวัฒธรรม ส่งโรงพิมพ์ 7 วัน)

เดี๋ยวพรุ่งนี้กิมได้ตัวเล่มมาแล้วจะถ่ายรูปให้ลองดูเพื่อประกอบการตัดสินใจเนอะ (พร้อมตอน 20)

อันนี้เป็นตัวอย่างรูปภาพในเล่ม
ถามก่อนเฉย ๆ เนอะยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2016 12:14:57 โดย กิมกวง »

ออฟไลน์ piglet205

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากได้เวอร์ชั่นเล้าค่ะ

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ติดตามนะค้าาา เป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เก้านายงี่เง่าง่ะ  :ling3:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ iammilk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยอมรับในการตัดสินใจของโนบิตะนะ
แต่จะบอกว่ามันไม่ดี
สุดท้ายคนที่จะเสียใจที่สุดอาจเป็นนายก็ได้
เราเข้าใจนะ น้ำตามาาาาาาาาาาา งื้อ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ enjoy0189

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 อยากได้เวอร์ชั่นเล้าค่ะ :mew3:

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ชอบอะ อ่านรวดเดียวเลย

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
คิดว่าที่เก้าพูดแบบนี้ทำแบบนี้อาจทำให้พิกเข้าใจอะไรมากขึ้น
เข้าใจความรู้สึกตัวเองก็ดีแล้วแต่อย่าประชดกันเลยนะ ไม่มีใครมีความสุขหรอก
ชานเป็นคนดีสมกับบทพระรอง แต่เป็นได้แค่พระรองนะ

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บีบหัวใจมากกก
จริงๆการเสียสละให้คนอื่นดูไม่ใช่โนบิตะเลยนะคะ 55
มันต้องแย่งมา อยากได้ก็อยากได้สิ แต่ก็นะ เพราะชอบมั้งก็เลยยอมเสียไป
รอโนบิตะมาทวงบัลลังก์คืนนนน

เรื่องของหนังสือ อยากเห็นรูปเล่มจังค่า

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โนบิตะใจร้ายยยย
ยังไม่รู้ใจตัวเองอีก

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
โนบิตะใจร้ายไปป่ะ ? ไจแอนซ์มาชอบซุเนโอะที่แสนดี ดีกว่านะ เชียร์พระรองคะ  :mew2:

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
20
NOBI NOBI | GIANT



GIANT’s PART



หลังจากเช้าวันนั้น... พวกเราทั้งสี่คนก็เตรียมตัวออกจากเกาะด้วยบรรยากาศอึมครึม


ผมสังเกตว่าตัวเองพูดน้อยลง ในขณะที่ไอ้เฮียพูดมากขึ้น(แต่ไม่มีใครฟัง) ไอ้เก้าไม่พูดอะไรกับใคร ในขณะที่ไอ้ชานก็เอาแต่จ้องหน้าผม  ทุกอย่างมันดูน่าอึดอัดไปหมดจนกระทั่งพวกเราตกลงแยกย้ายกันที่ท่าเรือ


เป็นความโล่งใจ ที่โคตรบีบหัวใจ...


สรุปวันนั้นไอ้เฮียก็กลับเองเพราะแม่มารับ ส่วนไอ้เก้าขอแยกตัวกลับก่อนทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำตามแพลนที่ว่าจะไปหาร้านอร่อยกินกันก่อนกลับ จึงเหลือแค่ผมกับไอ้ชานที่ต้องกลับด้วยกันสองคนโดยที่ไอ้ชานเอาแต่เล่ามุกตลกโง่ ๆ ไปตลอดทาง ซึ่งนั่นก็ดี มันทำให้ผมไม่ต้องรู้สึกอึดอัดมาก แต่ถามว่าใจหวิวไหม? ก็ใช่...เพราะผมรู้แล้วว่าเรื่องราวต่อจากนี้ไป มันคืออะไร


ผมไม่สามารถมองหน้าโนบิตะได้อีกแล้ว


เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวเองคงไม่รู้สึก เรื่องราวของคนที่โดนหักอกซึ่ง ๆ หน้า ทั้งที่มั่นใจเหลือเกินว่าเขาชอบตัวเองนี่เจ็บมาก เมื่อก่อนผมเอาแต่ถามตัวเองตอนดูซีรี่ส์ว่าทำไมนางเอกมันต้องร้องไห้แทบขาดใจตอนที่พระเอกบอกเลิก หรือขอห่าง แต่วันนี้พอได้มีประสบการณ์ถึงได้รู้... ว่าแม่งเจ็บจริง ๆ 


Rrrrr RRrrrr


เสียงริงโทนที่ดังขึ้นเรียกให้ผมตื่นจากความคิดแล้วย้อนกลับมาที่ห้องนอนของตัวเองอีกครั้ง เพราะวันนี้เป็นวันหยุดยาววันสุดท้ายก่อนเปิดเรียนจึงทำให้ผมขี้เกียจกว่าปกติ โชคดีที่แม่บอกว่าไม่ต้องไปช่วยเปิดร้านเพราะจะฝึกลูกจ้างคนใหม่ ผมถึงได้กิน ๆ นอน ๆ สบายใจเฉิบอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เช้าโดยไม่คิดจะลุกออกจากเตียงไปทำอะไร


Rrrrr RRrrrr


ผมยังคงนอนมองเจ้าเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะข้างเตียงกรีดร้องโดยไม่คิดจะยื่นมือออกไปรับ เห็นที่หางตาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไอ้ชาน สองสามวันที่หยุดยาวนี้ก็มีแต่มันนั่นแหละที่โทรหาผม ส่วนเฮียก็ไลน์มาขอโทษเรื่องที่ทำอะไรเกินเลยแล้วนัดคุยกันจริง ๆ จัง ๆ ในวันพรุ่งนี้...


แต่ไม่มีแม้เงาของคนที่ผมรอ...


ไอ้เก้าแม่งหายไปเลย หายไปจากสาระบบชีวิตผมเหมือนกับว่าเราทั้งคู่ไม่เคยมีอะไรเกี่ยวโยงกันมาก่อน


“อะไรของมึงเนี่ย โทรมาจิกกูทำไม เพิ่งวางไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้เองไม่ใช่รึไงวะ”


สุดท้ายผมก็รับสายไอ้ชาน ปลายสายหัวเราะคิดคักทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดจากผม


[“จะถามว่ากินอะไรไหม แม่กูเปลี่ยนใจไม่กินข้าวนอกบ้านแล้ว กูเลยจะเข้าไปกินกับมึง”]


สุดท้ายแล้วคนที่คอยมาเป็นห่วง คอยมาอยู่ข้าง ๆ ผมก็มีแต่เชี่ยชานนี่ล่ะ ที่มันโทรมาบ่อย ๆ ก็แค่จะถามว่ากับแม่เป็นยังไงบ้าง โอเคขึ้นหรือยัง เป็นห่วงแม้กระทั่งว่าจะมานอนค้างด้วยเพราะไม่อยากให้ผมรู้สึกอึดอัดที่ต้องทะเลาะกับแม่  แต่ผมก็ปฏิเสธความหวังดีจากมันไปหมด เพราะรู้ตัวว่าที่จริงแล้วทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากปัญหาของผมเองล้วน ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับแม่เลยแม้แต่น้อย


“เพิ่งกินไป กูก็บอกไปแล้วนี่ มึงความจำเสื่อมเรอะ”


[“เออ จำได้ กูหมายถึงจะเอาขนมอะไรไหม จะซื้อไปฝากไง”]


“ตอนนี้อยู่ไหนวะเนี่ย”  ผมผงกหัวขึ้นมองนาฬิกา ตอนนี้สี่โมงกว่าแล้ว... มาหาตอนนี้คงจะไม่แคล้วมาค้างด้วยแน่ ๆ


[“อยู่ห้างแถวบ้านมึงเนี่ย ว่าไง ตกลงเอาอะไร? บันปังมะ รสกาแฟที่มึงชอบอะ”]


ผมหัวเราะออกมาเมื่อคิดว่าไอ้ชานยังจำอะไรที่ผมชอบได้ แต่มันจะรู้ไหมนะว่ากูเปลี่ยนของที่ชอบไปนานแล้ว ไม่มีใครกินอะไรเดิม ๆ ได้ตลอดหรอก


ผมเป็นคนประเภทยัดง่าย มีอะไรก็กิน แต่ที่จริงก็เลือก...จะว่าไงดี อย่างบันปังรสกาแฟเนี่ย ผมก็เลือกกินแค่ของที่บ้านเท่านั้นเพราะรสชาติถูกใจที่สุด แต่ให้กินทุกวันก็คงไม่ไหวหรอก เบื่อตายห่า... แล้วอีกอย่างนะ ไอ้เพื่อนยากมันคงลืมไป ว่าบ้านผมประกอบสัมมาอาชีพเป็นร้านเบเกอรี่


เพราะงั้นไม่ต้องแคร์เลย ถ้าหากมันไม่ซื้อบันปังกลับมาให้น่ะ


[“ตกลงจะเอาไงวะ กูยืนถือถาดรอในร้านจนรากจะงอกติดพื้นอยู่แล้ว”]


“เว่อร์ตลอดมึงเนี่ย” ผมหัวเราะ “งั้นเอาทาร์ตมะนาว” 


[“โลกแตกแล้วมั้ง มึงกินอะไรแบบนี้”]


“ชีวิตนี้จะจมอยู่กับอะไรเดิม ๆ อย่างเดียวได้ไงวะ มีโอกาสมันก็ต้องลองของใหม่บ้างสิ”  มันไม่ตอบอะไรกลับมาแต่ได้ยินเสียงปลายสายกุก ๆ กัก ๆ ดังกลับมาแทน ถ้าให้เดาไอ้ชานคงกำลังเอาหูแนบมือถือแล้วมือหยิบขนมให้ผมแน่ 


[“เอาอะไรอีกไหม”]


“ไม่เอาแล้ว รีบมาเหอะ อย่าลืมซื้อข้าวตัวเองมาด้วยล่ะ ไม่ใช่นึกถึงแต่คนอื่น”


ต้องบ่นมันเพราะกลัวจะเอาแต่นึกถึงขนมผมแล้วลืมซื้อข้าวมากินเองครับ เป็นอย่างนี้ประจำเลยเวลาที่ผมฝากซื้ออะไร เพราะโดยปกติคนทั่วไปเขาจะลืมของของคนอื่นใช่ไหม? แต่ไอ้ห่านี่มันเสือกลืมของที่ตัวเองจะซื้อทุกครั้ง เพราะเอาแต่กังวลว่าจะไม่ได้ของที่ผมสั่งซื้อ


คือ...ถ้าใครเป็นแฟนมันเนี่ย โชคดี แต่ในความโชคดีนั้นก็ต้องโชคร้ายที่มีผมเป็นเพื่อนแฟนผู้แสนเอาแต่ใจ...


[“ไม่เอาอะไรงั้นกูกลับแล้วนะ แค่นี้แหละ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน”] 


ผมทำเพียงครางรับในลำคอ ไอ้ชานวางสายไปแล้วชีวิตผมก็ว่างเปล่าอีกครั้ง  นอนมองเพดานได้ไม่ถึงห้าวินาทีก็ตัดสินใจพลิกตัวไปกดเปิดไลน์... หรือที่จริงผมจะลองอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง? เหมือนขนมทาร์ตที่เพิ่งตัดสินใจจะกินตะกี้?


PM 4.15  เป็นยังไงบ้าง
PM 4.15  หายไปเลยนะมึง
PM 4.16  ไม่ต้องใส่ใจที่กูพูดไปวันนั้นแล้วก็ได้นะ กูโอเคแล้ว
PM 4.16 เดี๋ยวกูจะเข้าไปเอาของที่ห้องมึง ไปซักผ้าให้มึงด้วย
PM 4.17  พรุ่งนี้ตอนเย็นนะ


เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่าตัวเองโคตรน่าสมเพช นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่วะ? ทักไลน์หาโนบิตะทั้งที่ไม่กี่วันก่อนมันยังด่าผมว่าจะอ้าขาให้ใครก็ได้เนี่ยนะ แต่ก็อย่างว่า...กับคนที่รู้ตัวว่าชอบแล้ว อยู่ดี ๆ จะให้ตัดใจ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยมันก็ไม่ใช่ปะวะ...มานอนนึกย้อนดูแล้ว ที่ผ่านมาผมก็เอาแต่ใจกับมันเหมือนกัน ก็คงไม่แปลกที่คราวนี้ผมจะต้องเป็นฝ่ายง้อมันบ้าง


พิมพ์หามันเสร็จก็แสร้งทำเป็นเปิดเว็บดราม่าหาข่าวดาราอ่าน ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็เปิดไลน์เช็คทุก ๆ 30 วินาทีว่าเมื่อไหร่มันจะเปิดอ่าน...


พรุ่งนี้ค่ำ ๆ แล้วกันครับ ช่วงนั้นผมไปทำงานแล้ว  4.20  PM


แจ้งเตือนที่หน้าจอทำให้ผมผงกหัวขึ้นมาดูทันที แล้วก็ต้องใจแป้วเมื่อพบว่าสิ่งที่โนบิตะตอบกลับมานั้นแสนจะเย็นชา สรุปแล้วมันคงไม่อยากเห็นหน้าผมเลยสินะ ถึงได้จงใจเลี่ยงทั้ง ๆ ที่ผมเลิกคิดเรื่องมันไม่ได้เลยแม้แต่นาทีเดียว


แทนที่จะใจชื้นกลับใจแป้วยิ่งกว่าเดิม ผมสไลด์มือถือออกไปให้ห่างมือทันทีที่เกิดความรู้สึกสุดจะนอยด์ แม่ง...นี่มันไม่เหมือนเวลาจีบหญิงเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าโนบิตะดูใจแข็งกว่ามาก เพราะผมไม่รู้เลยว่าต้องเอาอะไรมาล่อมันที่ไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์ หรือ ตังจำนวนน้อยนิดในบัญชีอย่างที่เคยทำกับพี่พลอยมาก่อน


ผมนอนนิ่งไม่รู้เวลาอยู่อย่างนั้นจนเสียงแตรดังขึ้นที่หน้าบ้าน โผล่หน้าต่างออกไปดูก็เห็นรถไอ้ชานจอดรอเตรียมจะเข้ามา ไอ้น้องสาวผมวิ่งออกไปเปิดประตูรั้วอย่างรู้หน้าที่ และไม่กี่วินาทีต่อมารถของมันก็เข้ามาจอดอยู่ในบ้านผมเรียบร้อย


“ซื้ออะไรมาเต็มเลยไอ้ห่า” 


วิ่งลงบันไดมาขายังไม่ทันเหยียบพื้นก็เห็นร่างโย่ง ๆ ของเพื่อนสนิทเดินเข้ามาพร้อมกับถุงพะรุงพะรังเต็มสองมือ ไอ้ชานยิ้มแกน ๆ แล้วเดินไปวางของฝากลงที่โต๊ะกินข้าว 


“อันนี้ของพิมพ์นะ เอาไว้กินตอนอ่านหนังสือล่ะเข้าใจปะ”


มันไม่ตอบผม แต่หันไปยื่นถุงขนมสีขาวดำให้พิมพ์ น้องสาวผมได้ยินแค่นั้นก็รีบรับไปเปิดดู ตามันนี่วาววับจนเห็นแล้วอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้


“กรี๊ด เค้กมะม่วง ชีสเค้กมะม่วง น้ำมะม่วงด้วย”


“อืม...ซื้อมาให้ไง ชอบมะม่วงไม่ใช่หรอ รีบรับไปสิ แล้วก็ไปอ่านหนังสือได้แล้วเดี๋ยวก็สอบไม่ติดหรอก”


ผมแอบเห็นดวงตาของมันหลุกหลิกตอนที่เดินเข้าไปชะโงกหน้ามองในถุงที่ไอ้พิมพ์ถือ


 “...ผีเข้ารึเปล่าเนี่ยพี่ชาน ทำไมซื้ออะไรมาเอาใจพิมพ์ขนาดนี้”


เออ...ไม่ใช่แค่น้องผมหรอกที่งง ผมก็งงเหมือนกัน ไอ้ชานไม่ตอบอะไรแต่เสหน้าหันไปทางอื่นแล้วยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ ...นี่อย่าบอกนะว่ามึงเขิน? เขินไอ้พิมพ์เนี่ยนะ? แล้วมาทำดีด้วยทั้งที่ปกติกัดกันอย่างกับหมาหวงเขตคืออะไร? หรือเพิ่งจะรู้ตัวว่าชอบน้องสาวผมเข้าให้แล้ว?


ผมหรี่ตามองมันในขณะที่พิมพ์เลิกทำสายตาไม่ไว้ใจ เห็นไอ้ชานเงียบไปพักใหญ่ ไอ้พิมพ์ก็เลยทุบเข้าให้ที่อกหนา ๆ นั่น


“บ้า...รู้ด้วยอะว่าเค้าชอบมะม่วง แต่ก็ขอบคุณนะคะพี่ชาน มองดี ๆ  พี่นี่ก็หล่อไม่ใช่เล่นนะเนี่ย”


ผมถึงกับเงยหน้าขึ้นมากลอกตามองเพดานทั้งที่มือยังคุ้ยหาทาร์ตมะนาวของตัวเองอยู่ นานทีปีหนจะเห็นไอ้พิมพ์ชมใครออกนอกหน้า แต่ที่ไม่เคยชมไอ้ชานเลยเพราะมาทีไรแม่งก็กวนประสาทใส่กันตลอด


ได้ของฝากถูกใจแล้วไอ้พิมพ์ก็รีบติดปีกปลิวลมหายไปบนห้องมันทันที เหลือแค่ผมที่นั่งตัดทาร์ตรสเปรี้ยวขึ้นสมองกินอยู่กับไอ้ชานสองต่อสอง เพื่อนตัวสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ โดยที่ตัวเองก็ควานหาเบอร์เกอร์มากินดับหิว แต่ผมไม่สนใจกลิ่นคาวของเนื้อที่มันกำลังสวาปามหรอก ความหวานของเมอแรงค์ไข่ขาวนี่สิน่าสนกว่า ผมตักกินคำโต เพราะไม่ถูกกับรสเปรี้ยวของเลม่อนที่อยู่ด้านล่าง กินอย่างเอร็ดอร่อย รู้ตัวอีกทีนิ้วโป้งของเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ยื่นมาแตะที่มุมปากแล้ว


“แดกเหมือนเด็ก ๆ เลยนะมึงเนี่ย”


มันหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วใช้นิ้วเช็ดมุมปากผมอย่างกับที่พระเอกในซีรี่ส์ทำ เห็นมันจ้องมาด้วยสายตาจริงจังแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ...อย่างกับว่ามันกำลังทำสิ่งนี้ให้คนที่ชอบยังไงอย่างงั้น


นี่กูเป็นอะไรไปวะ กับอีแค่มันเช็ดปากให้ถึงกับต้องเข้าข้างตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ แล้วไอ้ที่ผ่านมา ที่มันดูแล บังคับให้แดกผักแดกปลามาตลอดนี่ทำไมไม่คิดบ้าง?  ตอนนี้มันก็ทำของมันปกติ ดูแลมึงเป็นปกติ แล้วจะมาตกใจอะไรนักหนา... ไม่ไหวแล้วนะไอ้พิก โดนผู้ชายเอาไม่กี่ทีนี่มึงจะเหมาว่าเพื่อนชอบตัวเองไม่ได้นะโว้ย!


“กู...เช็ดเองได้” 


ผมทนจ้องหน้าแม่งไม่ไหวแล้วเลยรีบคว้ากระดาษทิชชู่ใกล้มือมาแปะปิดไว้บนปากตัวเอง ขยุ้มถูปากตรงมุมที่เปื้อนสองสามทีแล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะขนาดเล็ก ใกล้ ๆ ตีน


“อ้อ...เออ นั่นสินะ มึงคงทำเองได้”


เชี่ยวชาญยกมือข้างที่เปื้อนซอสขึ้นเกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงซอสรสเปรี้ยวที่เหนียวเหนอะอยู่บนมือตัวเอง... ผมเห็นหมดทุกอย่างแต่ไม่ได้เตือนมันเพราะมัวแต่อึ้งอยู่... คือ มึงจะเก้อทำพระแสงหอกหักอะไร ยิ่งมึงหน้าแดง ยิ่งมึงดูเขิน กูยิ่งรู้สึกประดักประเดิดแปลก ๆ


ไอ้ชานขอตัวไปล้างซอสในห้องน้ำโดยที่ผมหมดอารมณ์จะแดกทาร์ตต่อ...  ในใจก็เอาแต่คิดว่าที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะตัวมันเองคงยังไม่ลืมเรื่องที่เราจูบกันวันนั้นรึเปล่า ถึงแม้มันจะพยายามทำตัวเป็นปกติ ทักไลน์มาคุย โทรมาหายังไง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน มองหน้ากันตรง ๆ หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่เราทั้งคู่จะตื่นมาแล้วลืมไปเลย...ว่าเคยได้สอดลิ้นใส่ปากเพื่อนสนิทมาแล้วอย่างร้อนแรง =_=


แล้วผมต้องทำตัวยังไงวะ ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ไอ้ชานมันเก้อไปกว่านี้...   


สงสารแม่งชิบหายเลย... ขอโทษนะมึงที่ต้องมารู้สึกแปลก ๆ แบบนี้เพราะกู แต่ถ้าจะโทษใคร ก็อย่าโทษกูแล้วกัน เพราะถึงกูจะเป็นคนที่รับจูบจากมึง แต่ต้นตอตัวการที่ทำให้เราแปลกไปแบบนี้ก็เป็นเพราะไอ้เตี้ยเฮียคนเดียว...


เออ ต้องโทษมันสิ ถึงจะถูก


“ขึ้นไปข้างบนเลยไหม กูง่วงมากอะ ขอซักงีบได้ป่าววะ”


ไม่กี่นาทีไอ้ชานก็โผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ มันเดินเสยผมเปียกลู่มาถึงตัวผมแล้วเอามือวางบนไหล่ ตอนนี้หน้าตามันไม่ดูเก้อเหมือนเมื่อครู่แล้ว คงจะหายไปทำใจมาสินะ


“เออ งั้นมึงขึ้นไปก่อน เดี๋ยวกูเอาของเก็บเข้าตู้เย็น” 


ผมบอกมันแล้วรวบถุงขนมที่แม่งซื้อมาเหมือนกับพรุ่งนี้จะไม่มีขนมอีกแล้วบนโลก แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนไกล มันก็สาวเท้าเข้ามาหาแล้วแย่งทั้งหมดเอาไปถือเอง


“เก็บตรงไหน กูช่วยเก็บ”


นี่อาจจะเกินคำว่าช่วยไปหน่อยตรงที่มึงเอาทุกอย่างไปจากมือกูนี่แหละ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอย่างที่ใจคิดเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจ (ไม่ได้ขี้เกียจหรอกบอกไว้เลย)


“เก็บในตู้เย็นนั่นแหละ ที่มันไม่เสียมึงก็วางไว้ตรงเคาน์เตอร์... เสร็จแล้วตามขึ้นมา เดี๋ยวกูไปรอบนห้อง” 


“เดี๋ยว” เป็นครั้งที่สองของวันที่มันรั้งผมเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ แต่คราวนี้ต่างออกไปตรงที่มันเอื้อมมือมาคว้าเอวผมเอาไว้ “อย่าเพิ่งขึ้น...รอกูก่อนสิ ขึ้นไปด้วยกันจะตายเหรอ”


ผมก้มลงมองมือของมันที่แปะอยู่บนเอวของตัวเอง แล้วหันไปมองหน้ามัน สบตาที่จ้องกลับมาเจือด้วยแววจริงจัง เรานิ่งกันอย่างนั้นไปพักใหญ่ ก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายคลายมือไปเอง


“รอก่อน...แค่แป๊บเดียว” 


มันหันไปหยิบของออกจากถุงแล้วจับใส่ตู้เย็นอย่างรู้งาน ส่วนผมน่ะเหรอ ได้แต่ยืนเฉย ๆ มองมันที่ทำอะไรอย่างคล่องแคล่วในบ้านตัวเอง เพิ่งจะได้มีโอกาสสังเกตมันจริง ๆ จัง ๆ ก็วันนี้... ที่จริงแล้วไอ้ชานแม่งหล่อมากนะ ตามันกลมโต จมูกโด่งเป็นสันสวย แถมยังสูงชะลูดตูดปอด...พอมองมันมาก ๆ เข้าก็เกิดความคิดว่าทำไมคนหล่อขนาดมันถึงได้โสดมาจนถึงทุกวันนี้


ประเด็นคือไม่ใช่ไม่มีคนเข้าหามันนะ เด็กมนุษย์ฯ เด็กวิทยาฯ ก็มีเข้ามา แต่ดูมันจะไม่สนใจอะไรเลยนอกจากเกม เกม เกม แล้วก็เกม... ผมว่าถ้าใครได้มันเป็นแฟนคงปวดหัวไม่น้อยหรอก น้ำหน้าอย่างมันอะ ต้องมีแฟนที่เล่นเกมด้วยกันได้ ไม่อย่างนั้นทะเลาะกันตายห่าพอดี


“ปะ ขึ้นกัน กูเก็บของเสร็จแล้ว”


เอากับกูสิ ยืนมองมันก้ม ๆ เงย ๆ เพลินจนลืมว่าจะขึ้นห้องไปเลย พอมันหันมาหาก็สะดุ้งสุดตัวแต่ไม่หลบตา ผมจ้องหน้ามันจนอีกฝ่ายถึงกับต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก่อนที่มันจะได้เอ่ยปากถามอะไรผมก็หมุนตัวเบี่ยงหน้าหันไปเสียก่อน


ขึ้นมาถึงบนห้องเพื่อนยากก็ทิ้งตัวลงบนเตียงของผมอย่างกับเป็นเจ้าของเสียเอง มันเลิกผ้าห่มที่ขยุกขยุยอยู่บนเตียงมาห่อตัวเองคล้ายหนอนชาเขียว ก่อนจะกลิ้งไปมาหน้าตาสบายอกสบายใจ


“โคตรชอบเตียงห้องมึงเลย เดี๋ยวกูจะงีบหน่อยนะ ถ้าแม่มึงมาแล้วก็ปลุกกูด้วยล่ะ กูซื้อของมาฝากแม่ตั้งเยอะ”


ผมเอื้อมไปหยิบมือถือแล้วทิ้งตัวลงกับพื้น ครางรับเบา ๆ ในขณะที่ไอ้ชานกลิ้งเข้ามาหา หน้าของมันเกยกับขอบเตียงจนจมูกแทบจะโดนไหล่ผมอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเข้ามาใกล้ ถึงห้องของผมจะไม่ใหญ่มาก แต่เตียงมันก็ตั้ง 5 ฟุตนะเว้ย


“อะไรมึง”


ผมเงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม กะจะเปิดไลน์เช็คข้อความจากโนบิตะสักหน่อยก็มีไอ้คนไร้มารยาทเสนอหน้ามาแอบมอง ไอ้ชานทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตั้งท่าจะส่ายหัว แล้วสักพักก็เปลี่ยนเป็นตบเบาะแทน


“มานอนคุยกันดีกว่า”


ไม่พูดเปล่าแต่โน้มตัวลงมาจับแขนผมแล้วออกแรงดึงให้ลุกขึ้นด้วย สุดท้ายผมเลยต้องทิ้งมือถือที่เปิดหน้าไลน์ค้างไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วเดินอ้อมไปทิ้งตัวลงข้างมันแทน


“อะไรของมึง จะนอนคุยอะไร นั่งคุยไม่ได้ไง๊”


ไม่ได้กวนตีนครับแต่คิดอย่างนั้นจริง ๆ ไอ้ชานไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหลับตาใส่ผม มันทำท่าขยับตัวยุกยิกเหมือนกับนอนไม่สะดวก เห็นอย่างนั้นผมเลยได้แต่เงียบ แล้วฝากสายตาไว้กับฝ้าด้านบนแทน


“มึง...ไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอวะ มาติดอยู่กับกูอย่างนี้ไม่เหงาบ้างเหรอวะ” 


ผมตัดสินใจถามมันขึ้นมาหลังจากเราเงียบไปสักพัก ไอ้ชานลืมตาขึ้นมาแล้ว และกำลังเท้าแขนกับเตียงมองผมอยู่ข้าง ๆ   


“ก็มีมึงเป็นเพื่อนคนเดียว...ไม่ให้ติดมึง แล้วจะให้ไปติดใคร” 


เสียงทุ้มของมันตอบออกมาเนิบนาบเหมือนกับว่ากำลังเล่าเรื่องชีวิตประจำวัน นั่นทำให้ผมตะแคงตัวหันไปมองหน้ามัน แต่สายตาที่มองกลับมานั้นไม่ได้ดูนิ่งเหมือนกับน้ำเสียง


“เฮียไง นั่นก็เพื่อนมึง” 


ผมแซวมันติดตลกเพราะรู้ว่ามันหมายความอย่างนั้นจริง ๆ  ส่วนไอ้ชานน่ะหรอ กลอกตามองเพดานแล้วล้มตัวลงนอนอีกรอบทันทีที่ได้ยินชื่อไอ้เตี้ยนั่น


“เหอะ...กูโกรธแม่งอยู่”  มันระบายลมหายใจออกมาเสียงดัง “เหี้ยแม่ง ทำไรไม่เคยคิด” 


 “เรื่องนั้นอะเหรอ...” 


“อืม” มันตอบกลับมาทันที ท่าทางดูหัวเสียจริง ๆ  แต่ก็อย่างว่าแหละ เป็นใครก็ต้องโกรธ เล่นไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนั้น


“อืม กูก็โกรธเหมือนกัน แต่มันไลน์มาขอโทษกูแล้ว กูเลยว่าจะลืม ๆ ไปซะ” 


ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ มองมัน แล้วยกแขนขึ้นหนุนหัว เห็นไอ้ชานมันยังอารมณ์คุกรุ่น เลยอยากบอกให้รับรู้เอาไว้ว่าผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันคนนี้ปล่อยวางได้แล้ว


 “ลืม?...” มันทวนคำออกมาคล้ายกับว่าจะจริงจัง ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นปิดหน้าแล้วเอามือก่ายหน้าผากพูดเสียงอู้อี้  “อ้อ...เออ จริงสิ ลืมไปเหอะ เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ทำกูกับมึงมองหน้ากันไม่ติดเลย ฮ่าฮ่าฮ่า” ไอ้ชานหัวเราะฝืด


“นั่นดิ...แต่มึงไม่คิดอะไรก็ดีแล้ว ขืนมึงชอบกูขึ้นมาคงขนลุกฉิบหาย”


“...”


“ใช่ปะ” 


 “อืม” มันครางเบา ๆ ในลำคอ เราเงียบจากกันไปอีกพักจนผมเริ่มคิดว่านี่อาจจะสิ้นสุดเรื่องคุยบนเตียงสำหรับผมกับไอ้ชานแล้วก็ได้ แต่ในระหว่างที่เงียบไปนั้น จังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดคอมเล่น อยู่ ๆ มันก็โพล่งขึ้นมาเสียงหนักแน่น


“กูว่ากูจะหาแฟนว่ะ”


คำพูดนั้นทำให้ผมชะงักค้างกลางอากาศ ท่าทางตอนนี้เหมือนกับคนเป็นอัมพาตครึ่งตัวไปแล้ว ขาข้างหนึ่งของผมยังค้างอยู่บนพื้น แต่อีกข้างกลับลอยอยู่เพราะตกใจจนเกร็งตูดที่ชานมันพูดแบบนั้นออกมา 


“เหรอ เล็งไว้แล้วเหรอว่าคนไหน” 


“อ่าหะ” 


ตั้งสติได้ก็พลิกตัวกลับไปนอนใหม่ สรุปกูจะไม่ได้เล่นคอมใช่ไหม จะได้เตรียมใจว่าอีกไม่นานคงหลับไปพร้อมกับมัน


 “เป็นไงล่ะ น่ารักไหม” บอกตรง ๆ ว่านึกเสป็คมันไม่ออกเพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นมันสนใจใคร


“เป็นคนดี รักครอบครัว รักเพื่อนฝูง...คือ...กูเพิ่งจะรู้อะว่าชอบเขา”  ไอ้ชานพูดแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าอีกหน แต่คราวนี้มันแตกต่างจากครั้งแรกก็ตรงที่หูกาง ๆ ของมันขึ้นสีชมพูเรื่อ ๆ


“แม่ง กูถามว่าน่ารักไหม เสือกบอกว่าเป็นคนดี...”


ผมแซวแล้วกระทุ้งแขนใส่มัน ซึ่งไม่ต้องรอให้ฟังจนจบประโยคไอ้ชานก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วพูดสวน ปกป้องคนที่มันชอบทันที


“ก็กูไม่ได้ดูที่หน้าตา! ไม่ได้ดูที่อะไรเลย... รู้แค่ว่าอยากอยู่กับเขา อยากกอดเขาเวลาเขาเศร้าอะ”  ประโยคสารภาพรักของมันฟังดูแผ่วเบาที่ตอนปลาย ไอ้ชานหน้าแดงขึ้นมาอีกแล้ว แถมยังจ้องผมจริงจังซะจนต้องนึกมุกควายออกมาแก้แล้วหัวเราะโง่ ๆ ใส่...


นี่ถ้าไม่บอกว่าชอบคนอื่น ก็จะคิดว่ากำลังบอกรักกูนะเนี่ย


“ห...เหรอคะ มึงดูดี ๆ นะเว้ย...สำหรับมึงอะ แค่คนดี ๆ ไม่พอหรอก แม่งต้องเล่นเกมเป็นด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า”


“นั่นเขาก็เล่นเกมเป็น” มันสวน “แข่งกับกูก็บ่อย” 


 “หวายยยย อะไร มึงชอบสาวในเกมเหรอวะ...จะดีเหรอ ชอบเขาทั้งที่ไม่รู้จักกันเนี่ย” 


“เปล่า” มันก็ยังคงปกป้องคนของมันเสมอต้นเสมอปลาย “คือ หมายถึงว่า ก็รู้จักกันในชีวิตจริงด้วย...แต่กูคิดว่าจะทำดี ๆ กับเขาไปก่อน ตอนที่กูไปบอกรักเขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดกับกู” 


ผมชะงักไปอึดใจ... อะไรวะ มันรู้จักชอบ รู้จักสนใจคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเพื่อนอย่างผมไม่เห็นเคยรู้...


“เหรอ...เพื่อนกูรอบคอบจัง” 


“อืม” 


“เออ มีแฟนแล้ว...ก็อย่าทิ้งกูไปติดอยู่กับแฟนอย่างเดียวนะ” นึกไปถึงเรื่องตัวเองแล้วก็หงอย มองดูไอ้ชานมันก็หล่อดี เกิดเขาตกลงกับมันขึ้นมาแล้วทิ้งผมไว้ล่ะ


“...”


“มึงก็รู้ว่ากูไม่มีใครแล้ว...นอกจากมึงอะ” 


“ฮ่าฮ่าฮ่า มึงนี่เอาแต่ใจจัง” 


มันหัวเราะเสียงดัง ตาหยี ให้ตายเหอะเพื่อน มึงขำแต่กูไม่ขำเลยแม้แต่นิดเดียว อยู่ดี ๆ ความรู้สึกน้อยใจที่สะสมมาตั้งแต่เรื่องโนบิตะก็ก่อตัวขึ้น ไอ้ชานหยุดหัวเราะแล้วตอนนี้ มันเอื้อมมือมาแตะเบา ๆ ที่ไหล่ผมแทน


“กูไม่ได้เอาแต่ใจ แต่กูมีมึงเป็นเพื่อนสนิทคนเดียว ถ้ามึงทิ้งกูแล้วกูจะทำไง”  ผมบ่นกระปอดกระแปด


“...ก็ไม่ต้องทำไง” มันเงียบไปอึดใจ ก่อนจะค่อย ๆ คลายยิ้มออกมา “เพราะกูไม่มีวันทิ้งมึงแน่ ๆ”


“เออ จำที่พูดไว้ด้วยนะมึง ไม่ใช่ถึงเวลามาหากูแค่จะหาคนให้ปลอบใจ” 


“ไม่มีวันอะ...เชื่อกูดิ”


“...”


เหมือนกับว่ามันจะรอให้ผมพูดอะไรต่อ แต่ผมไม่... เราเล่นเกมจ้องตากันจนไอ้ชานหัวเราะในลำคอออกมา มันใช้ความยาวแขนที่ได้เปรียบเพราะสูงกว่าเอื้อมมาวางมือไว้บนหัวผม ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มที่...ถ้าผู้หญิงคนที่มันชอบได้ฟัง พนันได้เลยว่าเธอต้องรู้สึกเหมือนจะละลาย


“กูจะไม่มีวันทิ้งมึงไปไหนแน่ ๆ ถ้ามึงไม่ได้ไล่กูไปเอง”


“....”


“กูสัญญา”


_____________________________________________________

คุยไรมากไม่ได้ฝากชาวบ้านลง
ขอบคุณนะคะที่ติดตาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2016 18:21:56 โดย กิมกวง »

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ชานพิกดีกว่าไหม

ออฟไลน์ iammilk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขัดใจโนบิตะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
ไจแอนนสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เมื่อไหร่จะผ่านวิกฤตมาม่าไปน้ออออ ?
สงสารชานที่ความรักของนายคงเป็นไปไม่ได้
สงสารพิกที่เก้าเย็นชา
และเข้าใจเก้าที่นางเองก็คงหึงคงนอยเป็นธรรมดา
ส่วนตอนนี้เกรียดไอ่เฮียที่จุดชะนวนมาม่า ขอให้นางตกเป็นเมียชานเร็วๆเทอน 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ยังคงต้มน้ำรอมาม่าชามต่อไป
คาดว่าคงอืดไปอีกหลายชามมมมม
เห้ออออ
ชานเอ๊ยยยยยยยย

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
พิก...รักชาน ดีกว่าอะ นะ...ขนาดชานยังไม่รู้ตัวเองว่ารัก ยังคอยดูแลตลอด
ถ้าเป็นแฟนกันแล้ว จะไม่ดูแลยิ่งกว่านี้หรอ ? โนบิตะ...ใจร้ายเกิน อย่าไปรักเลย

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
รักชานนั่นแหละดีแล้ว

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ยังเป็นทีมชานอยู่.. หวังว่าเรื่องนี้จะมีบทพลิกกับเขาบ้าง.. พลิกบทพระเอกไปเลยยยยยยย เย้
ปล.จองตอนนี้ทันมั้ยคะ ฉบับนิยายเล้าน่ะค่ะ

ออฟไลน์ janeyuya

  • ชี่น้อยวิ่งหัวซุกหัวซุน... (*¯︶¯*)
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
    • สมาคมศรีพันยาแห่งบ้านทาคาคิ
 :-[ ถ้าเราเป็นพิกเราคงชอบเชี่ยวชาญอ่ะ พ่ายแพ้ต่อผู้ชายอบอุ่น
มีแบบมัวแต่กลัวซื้อของให้พิกไม่ครบจนลืมของตัวเองด้วย เอร๊ยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
เก้าคิดมากเกิน สงสารพิก
ส่วนซานแสนดีจริงๆน้อง (พระรองชัดๆ)

ปล เกือบลืมเม้นว่าสนใจหนังสือเวอร์ชั่นเล้านะ

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ princeofdark

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากได้หนังสือทำเถอะค่ะ ชอบเรื่องนี้มาก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ถ้าพิกกับชาญ.......

อ่านแล้วจะร้องไห้ รู้สึกได้ว่า คนดี ๆ จะต้องเสียใจ

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1

21
NOBITA’s PART


“เก้าคะ...”


เสียงหวาน กับแรงขยับจากคนข้างตัวเรียกให้ผมตื่นจากความฝัน แรงกอดกับคางที่เกยบนบ่าและโทรศัพท์มือถือของผมที่ลอยมาอยู่ตรงหน้าทำให้ต้องลืมตาขึ้นทั้งที่ยังงุนง่วงอยู่


“ไลน์คุณดังไม่หยุดเลยค่ะ เห็นว่ามีใครจะมาซักผ้าให้ด้วย”


ผมพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจเพราะทีแรกคิดว่าอาจเป็นเด็กในร้านส่งไลน์มาขออนุญาตลางาน เพราะถ้าหากผมไม่โทรกลับ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่สามารถลากะทันหันได้ แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงเรื่องซักผ้า จากที่มึนงงไม่อยากตื่นก็ตื่นขึ้นมาเต็มตาทันที


“ขอให้ผม”


ยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์มาไว้กับตัว แจ้งเตือนที่ขึ้นอยู่หน้าจอบ่งบอกว่าเจ้าของข้อความนั้นเพิ่งจะหยุดส่งเมื่อครู่นี้เอง ผมลุกขึ้นนั่งทั้งยังเปลือยกาย ก่อนจะรีบกดเข้าไปดูข้อความข้างในทั้งใจเต้นถี่


เป็นยังไงบ้าง PM 4.15 
หายไปเลยนะมึง PM 4.15 
ไม่ต้องใส่ใจที่กูพูดไปวันนั้นแล้วก็ได้นะ กูโอเคแล้ว PM 4.16 
เดี๋ยวกูจะเข้าไปเอาของที่ห้องมึง ไปซักผ้าให้มึงด้วย PM 4.16
พรุ่งนี้ตอนเย็นนะ  PM 4.17 



กวาดสายตาอ่านจนครบแล้วจึงปิดแอพนั้นก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือไว้ข้าง ๆ ดูเหมือนพิกจะไม่เข้าใจอะไรเลย เขาควรจะโกรธไม่ใช่เหรอที่ถูกผมทำท่าทีอย่างนั้นใส่ หรือว่าเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับสิ่งที่ผมพูดถึงได้ส่งข้อความแบบนี้กลับมาหา?


ความตั้งใจของเขาคืออะไรกันแน่?  สิ่งที่ผมต้องการคืออยากกันเขาออกไปให้ห่างจากตัว เพราะผมแทบจะเป็นบ้าทุกครั้งที่ต้องเห็นเขาอยู่ใกล้ไอ้ชาน ผมไม่ชอบที่ตัวเองเป็นอย่างนี้เท่าไหร่ ตลอดเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาแค่ไม่เจอกับเขาก็หงุดหงิดจะบ้าตาย แล้วนี่ยังส่งไลน์มาหา มาให้ผมเห็นหน้าแค่ดิสเท่านั้นอีกเหรอ


เหมือนทุกความพยายามสูญเปล่า ที่ผมต้องเอาคนอื่นมานอนด้วยก็เพราะหงุดหงิดที่ไม่มีเขา เสื้อผ้าพิกยังอยู่ที่เดิมอยู่เลย เมื่อคืนคนที่ผมพามานอนด้วยจะขอยืมใส่เสื้อยืดใหม่ในตู้ผมยังไม่ให้ เพราะนั่นเป็นของที่ผมตั้งใจจะให้พิก


“ดูท่าทางคุณอารมณ์ไม่ดีเลย ลูกน้องไม่ได้ดั่งใจเหรอคะ”


เสียงหวานใสยังคงพูดเอาอกเอาใจ แต่มันไม่ช่วยให้ผมดีขึ้นสักนิด เธอค่อย ๆ โน้มตัวลงมาหาแล้วกดจูบที่คอผม เมื่อคืนมันยังพอโอเค แต่ตอนนี้มันกลับน่ารำคาญไปหมดก็เพราะข้อความที่พิกส่งมา 


“ไปอาบน้ำเถอะ อีกพักผมต้องออกไปทำงานแล้ว”


ผมไล่เธอทั้งที่ตาก็ยังจับจ้องอยู่บนมือถือเครื่องกะทัดรัด ผู้หญิงที่ผมพามาได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหายเข้าห้องน้ำไปเพราะเธอรู้ว่าจะไม่ได้อะไรจากผมเนื่องจากเราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องปล่อยเวลาให้นานออกไปอีกนิดทั้งที่พิกอาจกำลังคอยคำตอบจากผม แต่หากตอบกลับไปทันที มันก็คงดูราวกับว่าผมจงใจเกินไป


4.20  PM  พรุ่งนี้ค่ำ ๆ แล้วกันครับ ช่วงนั้นผมไปทำงานแล้ว 


สุดท้ายก็หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความแล้วส่งกลับ ผมนั่งจ้องมือถืออย่างนั้นอยู่สักพักจนมันขึ้นอ่าน แต่ก็ไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมาหลังจากนั้น ผมนั่งกดหน้าจอย้ำ ๆ อยู่หลายหนเพราะมันมืดดับไปจากการเปิดค้างไว้นาน จนเธอคนนั้นออกมาจากห้องน้ำก็ยังไม่มีทีท่าว่าพิกจะส่งกลับมา


ใจหนึ่งก็คิดว่าดีแล้วที่เขาไม่ส่งกลับมา
แต่อีกใจมันเหมือนกับโดนทุบ..


ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาต้องมาทำดีกับผมอย่างนี้ เพราะชอบผมเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นพิกก็คงเป็นคนที่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองมาก น่าขำ...ทั้งที่โดนผมทำขนาดนั้นใส่แล้วยังเป็นห่วงว่าผมจะไม่มีเสื้อผ้าใส่อีก


คิดถึง...


ผ่านมาไม่กี่วันที่ไร้เงาของเขา แค่ไม่กี่วันชีวิตของผมก็เหี่ยวเฉาไปขนาดนี้ มันทำให้ผมไม่อยากนอนบนเตียงที่เคยมีเขา ถึงแม้จะไม่นานนักแต่ช่วงเวลาที่เขามาอยู่กับผมก็ทำให้ผมรู้สึกว่าห้องนี้เป็นบ้านขึ้นมาก 


แต่เราไปด้วยกันไม่ได้...ไม่มีทางไหนเลยที่ผมกับพิกจะเข้ากันได้ ไม่ต้องให้หมอดูสำนักไหนมาบอกก็พอจะเดาได้ว่าถึงได้คบกันมันก็ดีแค่ในระยะแรก... ผมไม่อยากถลำตัวลงไปหาพิกทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าในอีกไม่นานเราคงจะต้องเลิกกัน 


แล้วถ้าหากผมรักเขามากกว่าที่เขารักผมล่ะ?


ตอนนี้พิกเพิ่งรู้ตัว เขากำลังเต็มร้อย แต่เมื่อเขาต้องอยู่กับคนที่เอาแต่ทำงานอย่างผม คนที่หงุดหงิดเอาแต่ใจ นิสัยไม่ดีอย่างผม...เขาจะรับความงี่เง่านี้ได้อย่างเต็มใจไหม?


มันอาจดูทุเรศถ้าผมบอกว่าที่เราทำมันก็เล่นกัน แต่ในหลาย ๆ ความรู้สึกเหล่านั้นคำว่า ‘หวง’ จากผมไม่เคยมีครั้งไหนที่ไม่จริงเลย


ผมเกลียดตัวเอง...ที่เอาแต่นึกถึงเขา
เกลียดที่เอาแต่คิดถึงทั้งที่ทำลายเขาไปแล้วด้วยสองมือของตัวเอง




GIANT’s PART


วันนี้โนบิตะไม่ได้มาเรียน


น่าแปลกที่นักเรียนดีเด่นอย่างมันขาดทั้ง ๆ ที่นี่เป็นวันแรกของการเปิดเรียน ดังนั้นความตั้งใจของผมที่คิดจะลากมันไปปรับความเข้าใจกันสองต่อสองจึงต้องพับไปก่อนเมื่ออีกฝ่ายหนีหนาไม่ยอมมาอย่างนี้


“แล้วกลับบ้านเลยไหม มึงน่ะ”


เพราะวันนี้เรียนแค่ครึ่งวัน จึงทำให้มีเวลาว่างเหลือพอจะไปเล่นเกมที่บ้านไอ้ชาน อันที่จริงก็ตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ถ้าไม่ติดว่าไอ้เตี้ยไลน์มาขอนัดเจอเสียก่อนเพราะวันนี้มันไม่ได้เข้าเรียน


‘เจอกันที่ร้านกาแฟหน้าคณะ’


ผมเปิดไลน์อ่านทวนอีกครั้งเพื่อดูว่ามันไม่ได้เปลี่ยนสถานที่ แล้วจึงบอกไอ้ชานว่านัดพบกับไอ้เฮีย ทีแรกไอ้ซูเนโอะเพื่อนรักก็ไม่คิดจะตามมาหรอกเพราะมันยังโกรธไอ้เตี้ยนั่นอยู่ แต่พอจี้ถามผมได้ความว่าถ้าคุยจนเย็นแล้วอาจจะไม่ไปบ้านมัน แค่นั้นมันก็เปลี่ยนใจเลือกอยู่รอแทน


...แต่ขอรอแบบไม่เข้าไปเจอหน้าไอ้เฮียนะ


“ว่าไงมึง”


เข้ามาถึงในร้านก็เห็นไอ้เฮียอยู่ในชุดไปรเวทกำลังดูดอเมริกาโน่เข้าปาก ไอ้เตี้ยนั่นเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นผมก็โบกมือหย็อย ๆ ใต้ตาดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน


“สั่งอะไรก่อนไหม”


มันชี้ไปทางเมนู โดยที่มืออีกข้างยังถูอยู่ที่แก้ว ท่าทางของมันดูลังเลที่จะพูดอะไรออกมา ดวงตาของมันไม่ได้มองที่หน้าผม แต่กลับเสไปมองทางอื่นแทน


“ไม่ล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า” ผมเอนหลังพิงพนัก กอดอกมองหน้ามันอย่างจริงจัง “ไหนจะพูดอะไรกับกู” 


“กู...”  ไอ้เฮียกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มันละริมฝีปากออกจากหลอดดูด “อืม...กูขอโทษว่ะ”ในที่สุดมันก็กล้าพูดออกมาตรง ๆ อันที่จริงขอโทษในไลน์แล้วก็จบ แต่อย่างนี้ดูเป็นลูกผู้ชายกว่า ผมนับถือในความกล้าหาญของมันที่กล้าทำแล้วกล้ารับผิดอย่างแมน ๆ


“ไม่เป็นไร กูหายโกรธมึงแล้ว” ผมเหลือบตามองออกไปนอกหน้าต่าง พลางพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้ชานที่นั่งรออยู่ข้างนอก “...แต่ยังมีอีกคนที่โกรธมึงอยู่ นั่งอยู่ข้างนอกโน่น”


ไอ้เฮียมองตามออกไป มันระบายลมหายใจออกมาเมื่อเห็นท้ายทอยของอีกคนกำลังเงยขึ้นมองฟ้า “กูไม่กล้าขอโทษมันว่ะ” 


“ทำไมวะ” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ กับอีแค่ขอโทษไอ้ชานมันจะไปยากอะไร ในเมื่อก่อนหน้าทั้งคู่ก็ดูสนิทกันดี ถ้าเอ่ยปากพูดตรง ๆ แล้วก็คงจะเข้าใจกันมากขึ้นไม่ใช่เหรอวะ


“ก็...เพราะทั้งหมดแม่งจริงครึ่ง ไม่จริงครึ่งอะดิ” สายตาของไอ้เตี้ยดูเลิ่กลั่ก มันจับหลอดกาแฟดูดอีกหน แต่คราวนี้คงไม่สาแก่ใจ ดูดไปได้ไม่กี่อึกก็ดึงหลอดออกแล้วยกดื่มรวดเดียวหมดแก้วจนเหลือแต่น้ำแข็ง


“หมายความว่าไง” ผมหรี่ตามองมัน เริ่มจับสังเกตจังหวะแปลก ๆ ในน้ำเสียงนั่นได้


“...”ไอ้เฮียไม่พูดอะไร แต่เป่าลมหายใจจนผมกระจาย นั่นยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นให้ผมได้มากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า


“เชี่ย-เฮีย”

ผมกดดันมันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นยิ่งขึ้น ไอ้เฮียไม่พูด แต่คว่ำปากแล้วลอบมองไปทางไอ้ชานที่นั่งอยู่ด้านนอกด้วยแววตากังวล


“ขอเวลากูหน่อยสิ...กูกำลังคิดว่าจะพูดดีรึไม่พูดดี”


“จะพูดอะไรก็พูดมา อย่าลีลา ไม่งั้นจากไม่โกรธกูจะโกรธมึงให้” 


“แต่ถ้ากูพูดไป มึงก็อาจจะหาว่ากูโกหก” 


“ก็แล้วถ้ามึงไม่พูดกูจะรู้ไหมล่ะว่าโกหกไม่โกหก...โตแล้วนะเว้ย มีวิจารณญาณเป็นของตัวเอง... มีอะไรก็พูดสิวะ เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” 


ชักเริ่มจะหงุดหงิดแล้วครับ ทุกอารมณ์ในหัวตอนนี้เกิดขึ้นเพราะไม่เข้าใจว่ามันจะอิดออดไปทำไม ไอ้เฮียที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เอาแต่เม้มริมฝีปาก ในขณะที่ผมก็จ้องมันไม่วางตา


“โอเค ๆ บอกก็ได้” ไม่มีเล่ห์กลในดวงตาของมัน นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าคำพูดที่ไอ้เฮียจะพูดต่อไปนี่เป็นอะไรที่จริงจังที่สุดตั้งแต่เริ่มมาสนิทกัน “...อย่าเพิ่งตกใจนะ คือ...”


“...”


“ไอ้ชาน มันชอบมึงว่ะพิก”


“...”


“มันชอบมึงจริง ๆ แล้วไอ้ที่กูพยายามทำทุกอย่างก็แค่คิดว่าจะทำให้พวกมึงรู้ใจตัวเองได้เร็วขึ้น...เพราะกูคิดว่าพวกมึงน่าใจตรงกัน” สีหน้าของมันดูรู้สึกผิดจริง ๆ ในเวลานี้ “เอาจริง ๆ กูก็รู้เรื่องมึงกับเก้า แต่ก็คิดว่าแค่เล่น ๆ เพราะเก้ามันดูไม่อะไรเลย...กูรู้จักแม่งข้างนอก รู้อยู่แล้วว่ามันไม่เคยคิดคบใครจริงจัง” 


“...”



“แต่กับไอ้ชาน...กูก็ไม่คิดว่ามันจะมีปฏิกิริยาขนาดนั้น...ไม่คิดว่าจะทำให้เป็นเรื่องบานปลายขนาดนี้ ขอโทษว่ะ”   


ราวกับลมหายใจขาดห้วง นาทีที่ไอ้เฮียขยับปากนั้นหูผมได้ยินเป็นเสียงมันพูดยานคางคล้ายกับโดนกดปุ่มให้สโลว์โมชั่น ไม่รู้ว่าคำไหนกันแน่ที่กำลังกรีดใจผม ระหว่าง ‘เก้าแค่เล่น ๆ’ กับ ‘ไอ้ชานมันชอบมึง’  และมันจะไม่อะไรเลยถ้าไอ้คนที่อยู่ด้านนอกในตอนนี้ไม่ได้หันมาเคาะกระจกจนเกิดเสียงดัง ก๊อก ๆ


‘อีกนานไหม’


ผมกับไอ้เฮียหันไปมองคนที่อยู่นอกหน้าต่างโดยไม่ได้นัดหมาย อ่านปากก็จับใจความได้ว่าไอ้ชานกำลังเร่งให้ผมรีบกลับไปกับมัน ดวงตากลมโตคู่นั้นตวัดมองไอ้เฮียแค่แวบเดียวก่อนจะเสไปมองทางอื่น เชื่อว่าไอ้เฮียคงรู้สึกแย่แน่นอน แต่ผมสิ...แย่กว่า รู้สึกได้ถึงอาการชาที่วิ่งขึ้นมาจากปลายหัวแม่โป้งเท้าเลยทีเดียว


เกิดเดดแอร์กันไปพักใหญ่ระหว่างผมกับไอ้เฮีย เรานั่งมองหน้ากันไปมาอยู่อย่างนั้นจนเสียงโทรศัพท์ของมันดังขึ้น เชื่อไหมว่าทั้งที่มันกรอกเสียงคุยกับปลายสายอยู่ฝั่งตรงข้ามแท้ ๆ แต่หูผมกลับไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่เสียงเครื่องทำกาแฟที่ดังอยู่เนือง ๆ ตลอดบทสนทนา


“เดี๋ยวกูต้องไปแล้ว นัดกับแม่เอาไว้” วางสายเสร็จมันก็ก้มมองนาฬิกาแล้วส่งยิ้มเจื่อน ๆ มาให้ “...ยังไงก็เหอะ ถ้ามึงคิดว่ากูพูดมามันไม่จริง มึงก็ลองถามไอ้ชานดูเอาเองนะ”


“...”


“กูคิดว่าน่าจะได้คำตอบที่ดีกว่ามาฟังเอาจากปากคนอื่นอย่างกู” 


พูดจบมันก็ลุกออกจากที่นั่งไป โดยทิ้งผมเอาไว้กับคำพูด และความคิดแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้น แน่นอนว่าไอ้เฮียไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ มันทำตัวเหมือนกามเทพสื่อสารมาแล้วก็จากไป แต่คนที่มีผลกระทบกับเรื่องนี้จริง ๆ คือผม ไอ้ชาน แล้วก็ไอ้เก้า


จะทำยังไงดีวะ...ควรจะรู้สึกยังไงดีกับที่เรื่องราวมันกลายเป็นแบบนี้ ใจหนึ่งยอมรับเลยว่าอึ้ง แต่อีกใจผมกลับรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เชี่ยวชาญต้องแบกรับความรู้สึกใด ๆ ก็ตามที่มันเพิ่งรู้อยู่คนเดียว


ภาพที่มันตักผักให้ ภาพที่มันไปรับไปส่งผมไปไหนมาไหนแทบจะตลอด ภาพที่เราเล่นเกมด้วยกัน จนถึงภาพล่าสุดที่มันจูบผม และปลอบผมโดยไม่พูดอะไรมากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไหลย้อนกลับมาให้ผมได้ทบทวน อันที่จริงท่าทีของมันก็แสดงออกชัดเจนมาแต่แรกอยู่แล้ว ติดอย่างเดียวก็เพียงแค่ว่า มันไม่รู้จักตัวเองก็เท่านั้น


สำหรับผมไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด จะว่าไงดี ถ้าที่ผ่านมาผมไม่ได้ประสบพบเจอเรื่องเหี้ย ๆ เกี่ยวกับความรักมาเองก็คงนึกรังเกียจมันอยู่เหมือนกัน แต่เพราะเจอมาแล้วถึงคิดว่าควรทำตัวยังไงก็ได้ให้ไอ้ชานไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจ...เพราะยังไง มันก็คือเพื่อนของผม


เพื่อนสนิท...ที่ผมรักที่สุด


________________________________________________________



จริงๆ จะจบอีกสาม แต่แยกออกมาได้หลายตอนมา
มีฉากที่สามารถตัดได้ เลยตัดออกมาให้ระทึกใจกัน
  :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด