( 50%
) .
.
ตุบ!
“น้ำ?!”
หวงเจี่ยหลุนหัวเราะหึในลำคอแขนแกร่งเหนี่ยวรั้งเอวคอดเล็กของหลานชายเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ยิ่งเห็นความอ่อนแอที่ฝั่ง
เพื่อนชายคนสำคัญของหลานชายแสดงออกมาให้เห็น หนุ่มใหญ่ยิ่งนึกสมเพชเวทนา
อ่อนแอ
ปวกเปียก
แล้วยังอ่อนไหวง่ายอีก
คนแบบนี้เขาไม่เห็นว่าจะคู่ควรกับหวงยี่เลยสักนิด
ต่างระดับกันจนเกินไป
“สำออย”
“ลุงใหญ่ ปล่อย”ตาคมปราดมองหยามร่างบอบบางที่นั่งกองตัวสั่นระริกอยู่บนพื้นก่อนที่จะก้มลงมองร่างเล็กในอ้อมแขน หวงยี่ของเขาไม่ได้ดิ้นรนโวยวายให้เขาปล่อยหากแต่คนน้อยอายุกว่ากลับทำเพียงเอ่ยเสียงเรียบด้วยใบหน้าดุดันเท่านั้น
สำหรับเขาไม่ว่าหลานชายคนนี้จะแสดงออกในรูปแบบไหนยังไงเสียเด็กก็ยังคงเป็นแค่เด็กอยู่วันยันค่ำ
ไม่ต่างกับ.....
แขนแกร่งคลายออกจากเอวเล็กพร้อมกับที่ร่างเล็กๆของหลานชายจะผละออกจากกายสูงใหญ่ของผู้เป็นลุง ก้าวตรงไปหาร่างบางที่พยายามจะยันกายลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตาที่นองหน้า มือที่จับกุมข้อมือของตัวเองอยู่นั้นสั่นระริกชวนให้นึกสงสารไม่น้อย ....ใช่ หวงเจี่ยหลุนอาจจะนึกสมเพชมากกว่าเดิมหากไม่เพราะเขาได้เห็น
อะไรบางอย่างจากเด็กคนนั้นเข้าเสียก่อน
หนุ่มใหญ่มองร่างเล็กของหลานชายที่ประคับประคองคนที่สูงโปร่งกว่าหากแต่ตัวบางพอกันอย่างร้อนรนหากแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความทะนุถนอม ใบหน้าสวยจัดฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดเมื่อดวงตากลมเหลือบมองไปเห็นหยาดเลือดสีแดงข้นที่ข้อมือของอีกฝ่ายเข้า
เด็กคนนั้นคงจะถูกหินประดับที่เจ้าตัวบังเอิญปัดตกพื้นตอนล้มลงบาดเข้า
และดูเหมือนหวงยี่จะ
เชื่อไปในแบบนั้น
“อเล็กซ์!”
“ถ้าหมายถึงเด็กเนรคุณสกุลไป๋นั่น ตอนนี้ไม่อยู่ที่นี่หรอก”
หวงเจี่ยหลุนกระตุกยิ้มมุมปากบางเบาเมื่อตากลมสีเดียวกันกับผู้เป็นบิดาทั้งยังแกะแววตาแข็งกระด้างด้วยความไม่พอใจราวกับลอกออกมาจากพิมพ์เดียวกันยามจ้องมองมายังเขาก็ให้นึกอยากหัวเราะ
เชื้อไม่ทิ้งแถวเลยจริงๆ
กับคนพ่อเขาไม่ใคร่ชอบใจยามที่ได้เห็นนัก แต่หากเป็นคนลูกเขากลับนึกเอ็นดู
“เราไม่รู้เรื่องหมางใจกันของพวกผู้ใหญ่และก็ไม่คิดที่จะอยากรู้ด้วยเพราะถึงยังไงก็ไม่ใช่กงการอะไรของเด็กอย่างเราที่จะเข้าไปข้องเกี่ยว แต่....”
“...”
“อย่าพูดถึงคนในครอบครัวของเราแบบนั้นอีก” ร่างสูงใหญ่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าคมเข้มไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาหากแต่มีหรือที่คนอย่างหวงเจี่ยหลุนจะไม่เข้าใจและอ่านแววตาแน่วแน่เอาจริงเอาจังแบบนั้นของหลานชายจอมอวดดีไม่ออก
“น้ำกดแผลเอาไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเรามา”
เด็กช่างสำออยพยักหน้ารับทั้งใบหน้าซีดเซียว ดวงตากลมไหวระริกคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ได้แต่เอ่อคลอหากกลับไม่ไหลออกมาราวกับสั่งได้คล้ายเจ้าตัวพยายามที่จะสกัดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
ร่างเล็กเหลือบมองมาทางร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งเป็นเสาหินเล็กน้อยก่อนที่จะสาวเท้าเดินออกจากบริเวณห้องนั่งเล่นไป ตอนนี้ภายในบริเวณนี้จึงเหลือเพียงแค่ผู้สูงวัยกับผู้เยาว์วัยที่ต่างก็ไม่พูดไม่จากันเท่านั้น
บรรยากาศกดต่ำชวนให้รู้สึกอึดอัด
หากแต่ความกดดันกลับไม่ได้ออกมาจากคนสูงวัยกว่าเพียงคนเดียวดังเช่นก่อนหน้านี้…
“เพิ่งรู้ว่าผู้ชายไทยก็ถนัดเรื่องใช้มารยาไม่ต่างไปจากผู้หญิง”
เสียงเข้มจากผู้สูงวัยกว่าเอ่ยขึ้นมาก่อน เรียกให้คนอ่อนวัยกว่าที่กำลังกดผ้าเช็ดหน้าซับห้ามเลือดบนข้อมือของต้องเงยหน้าขึ้นมอง
แววตานิ่งสงบไม่สั่นไหวอย่างที่เห็นในตอนแรกไม่ได้ทำให้หวงเจี่ยหลุนนึกแปลกใจ
เห็นทีเขาคงประเมินเด็กคนนี้จากภายนอกที่เห็นมากไปหน่อย ...นับเป็นเรื่องผิดพลาดที่ไม่น่าจะผิดพลาดได้
“ซ้ำยัง ‘เลือก’ ใช้ได้ดีเสียด้วย ต้องขอชมเชย.....”
ใช่ว่าโตยธารจะดูไม่ออกว่านั่นไม่ใช่คำชมเชยอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวจริงๆ แม้คนมากวัยวุฒิกว่าจะมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ก็ตาม ...แต่คนร่างบางกลับเลือกที่จะเชื่อความรู้สึกของตัวเองมากกว่า
คนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
เขาทำเป็นเล่นด้วยไม่ได้ แต่ก็อ่อนข้อให้ด้วยไม่ใช่เช่นกัน
โตยธารไม่ใช่คนงี่เง่าที่จะคิดอะไรเองไม่เป็น
อันดับแรกเพราะเขาเชื่อใจในตัวคนรักและไม่คิดที่จะหักหลังคนรักด้วยการคิดเองเออเองไปคนเดียวกับภาพฉากบาดตาที่เห็นเมื่อครู่ เพราตาไม่ใช่คนแบบนั้นและไม่มีวันจะเป็นคนแบบนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งโตยธารเองก็ใจเย็นพอที่จะหยุดและคิดถึงความขัดแย้งกันจากสิ่งที่ได้เห็น และทุกอย่างก็ลงล็อคกันตรงคำสรรพนามที่เพราตาใช้เรียกอีกฝ่าย เป็นเครื่องยืนยันสถานะที่แท้จริงของคนทั้งสองได้อย่างชัดเจน
หากแต่ที่โตยธารไม่เข้าใจนั้นก็คือ.... ผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะทำอะไรกันแน่
จงใจให้เขาเข้าใจเพราตาผิดเพื่อทดสอบเขาอย่างนั้นหรือ?
ถ้าใช่
ผู้ชายคนนี้ก็เป็น
ผู้ใหญ่ที่นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ
“คุณเชื่อไหมครับ?”
น้ำเสียงหวานแหบเครือ ตากลมมองรอยบาดเล็กๆแต่เลือดกลับไหลไม่ยอมหยุดบนข้อมือเรียวของตัวเองก่อนที่จะเงยขึ้นสบเข้ากับตาคมกริบที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้วของอีกฝ่ายอย่างไม่คิดที่จะหลบสายตา แม้แต่ความสั่นไหวที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอปวกเปียกก็ไม่มีให้ได้เห็น
แตกต่างราวกับเป็นคนละคน
“ต่อให้ผมไม่ต้องใช้มัน สิ่งที่คุณเรียกว่ามารยา ....คนที่วิวเลือกที่จะอยู่เคียงข้างในตอนนั้น....... ก็ยังคง
เป็นผมอยู่ดี”
“หึ”
ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเข้าใกล้ร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่งหลังตรงอยู่บนโซฟาก่อนที่มือหนาจะเชยปลายคางเรียวขึ้น ดวงตาคมกวาดมองใบหน้าจืดชืดที่ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจเลยแม้แต่น้อยด้วยแววตาเรียบเฉย
แววตาว่างเปล่า
สัมผัสเยือกเย็น
และความกดดันอันหนักอึ้งที่ราวกับร่างกายถูกกดทับเอาไว้ด้วยคลื่นบางอย่างที่มองไม่เห็นซึ่งแผ่ออกมาจากผู้มากวัยกว่านั้นทำให้โตยธารเริ่มหายใจไม่ออกทั้งที่อีกฝ่ายทำเพียงแค่จับปลายคางและจ้องมองเท่านั้น....
น่ากลัว
ผู้ชายคนนี้ ......น่ากลัว
“เธอไม่เหมาะสมกับหลานชายของฉัน”
“....”
โตยธารขบเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อข้อมือที่มีบาดแผลอยู่โดนจับทับด้วยมือหนาราวคีมเหล็ก ถึงจะเจ็บแต่กลับไม่มีเสียงร้องโอดครวญดังลอดออกจากกลีบปากบางสักแอะ
“เธอแตกต่างกับหวงยี่มากเกินไป และอีกไม่นานความแตกต่างนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งเธอทั้งหวงยี่ต้องเจ็บปวด”
“แล้วอีกไม่นานของคุณมันเมื่อไหร่ล่ะครับ?”
คนที่เผลอนึกถึงเรื่องของตัวเองชะงักไป ตาคู่คมมองแววตามั่นคงไม่สั่นเกรงของร่างข้างใต้พลางเลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย....
“มีใครบ้างในโลกนี้ที่จะเหมือนกันจนมองไม่เห็นถึงความแตกต่างล่ะครับ ผมไม่สนหรอกความรู้สึกของหวงยี่อะไรนั่นของคุณน่ะ”
“....”
“เพราะคนที่ผมแคร์มีแค่เพราตาคนที่ผมรู้จักเท่านั้น” “หึ เด็กอวดดี”
“ครับ หากการที่ผมเลือกที่จะอยู่ข้างคนรักแล้วมันทำให้ผมกลายเป็นคนอวดดีผมก็ยอม แต่ผมจะไม่ยอมให้คุณหรือใครมาคิดแทนผมกับวิวในเรื่องที่เป็นเรื่องของเราแค่สองคนหรอกครับ ตราบใดที่เรายังรักกันและเขายังต้องการผมอยู่ ผมก็จะไม่ไปไหนจากเขาทั้งนั้น”
“ถึงแม้จะต้องเจ็บปวดน่ะหรือ?”
“แม้ว่าวันข้างหน้าจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดในรูปแบบไหนก็ตามครับ” .
.
“รู้ไหม เธอคือคนประเภทที่ฉันเกลียดที่สุด”
“...”
“แล้วเธอยังจะคิดว่าฉันจะปล่อยให้หลานของฉันต้องอยู่ร่วมกับคนประเภทที่ฉันเกลียดลงอย่างนั้นหรือ?...”- ต่อ -
( 100%
) “แล้วเธอยังจะคิดว่าฉันจะปล่อยให้หลานของฉันต้องอยู่ร่วมกับคนประเภทที่ฉันเกลียดลงอย่างนั้นหรือ?...”
“แต่คนที่ผมอยู่ร่วมด้วยคือวิว...ไม่ใช่คุณนี่ครับ” เด็กอวดดี!
หวงเจี่ยหลุนทอดถอนหายใจออกมาเล็กน้อย วงหน้าเข้มเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาคู่คมปลาบปรายมองคนตัวเล็กที่หลบได้ไม่เนียนเอาเสียเลยอยู่หลังเสาห่างออกไปไม่มาก ด้วยระยะเพียงเท่านั้นหนุ่มใหญ่มั่นใจว่าหลานชายตัวร้ายคงได้ยินทุกประโยคคำพูดระหว่างเขากับเด็กโตยอะไรสักอย่างนี้อย่างชัดเจนแน่นอน
คงวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วที่ให้เขาอยู่กับเด็กโตยจอมอวดดีนี่สองต่อสอง
แล้วนั่นก็คงไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบเพื่อไม่ให้เขาเห็น
เด็กอวดดี......
อวดดีพอกันทั้งคู่!
หวงเจี่ยหลุนละสายตาจากหลานชายจอมอวดดีหลุบลงมองเด็กหนุ่มชาวไทยอีกครั้ง เขาเห็นความหวั่นกลัวในดวงตาคู่กลมคู่นั้น
กลับมองไม่เห็นความอ่อนแอป้อแป้ไร้ความมั่นคงแทรกซ้อนอยู่เลยแม้แต่น้อย
หึ..
เข้มแข็งดี....... ถึงจะยังไม่เด็ดขาดพอก็จะลองหยวนให้สักหน่อย
อายุเพียงเท่านี้แต่กลับมีสายตาเอาเรื่องขนาดนี้นับว่าใช้ได้เหมือนกัน
ปากหยักขยับยกขึ้นน้อยๆก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
มือหนาคลายออกจากข้อมือเรียวพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ละกายออกห่างจากร่างบางของเด็กหนุ่มรุ่นหลาน ร่างภูมิฐานของหนุ่มใหญ่ยืนขึ้นเต็มความสูงตาคมจ้องมองใบหน้าขาวของเด็กอวดดีด้วยสายตาที่อ่อนแสงลงกว่าเดิม
หากไม่สังเกต .....ก็คงไม่ทันได้เห็น
“คิดดีแล้วหรือที่จะเข้ามาเป็นเขยตระกูลหวง?”
“แล้วใครบอกลุงใหญ่กันว่าเขาจะเข้ามาเป็นเขยตระกูลหวง”
หวงเจี่ยหลุนทอดถอนหายใจ มองหลานมังกรตัวน้อยที่โผล่ออกมาจากการเล่นซ่อนแอบเสียทีเดินตรงเข้าไปหาคนรักตัวบางที่ใบหน้าขาวซีดนั้นแสดงออกได้ชัดเจนถึงความไม่เข้าใจกับบทสนทนาข้างต้น คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่คนสูงอายุกว่าจะหยักยิ้มมุมปากจางๆ
ภาพความเอาใจใส่ยามที่มือเล็กของผู้เป็นหลานชายประคองซับเลือดที่ข้อมือทำแผลให้กับเด็กโตยทำให้เขาแน่ใจในอะไรหลายๆอย่าง ทั้งสายตาห่วงใยวาวไปด้วยความอ่อนโยนและแสนรักที่เด็กหนุ่มสองคนมอบให้แก่กันยิ่งให้ชัดเจนถึงความรู้สึกลึกซึ้งระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสอง
เห็นทีการทดสอบที่ไม่ได้มีความหมายอะไรตั้งแต่แรกนี่ควรจะต้องจบลงเพียงเท่านี้ล่ะกระมัง
แม้จะไม่สนุกเท่าที่คิดเอาไว้หากแต่ในความรู้สึกลึกๆหนุ่มใหญ่กลับคิดว่า.....
ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ หวงเจี่ยหลุนหลบฉากออกมาอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้หลานชายได้มีเวลาส่วนตัวที่เป็นของตัวเองจริงๆเสียที บรรยากาศเมืองไทยไม่ได้แตกต่างจากประเทศจีนแผ่นดินเกิดของเขาสักเท่าไหร่นัก
ท้องฟ้าปลอดโปร่งเมฆสีขาวลอยเอื่อยไปตามลม
อะไรบางอย่าง.... ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
“เรียบร้อยแล้วหรือครับคุณชาย”
“อืม..”
อันอวิ๋นยืนมองผู้เป็นนายด้วยสายตาสงสัย คราแรกเขานึกว่าจะนานกว่านี้เสียอีกด้วยเพราะรู้จักนิสัยคุณชายใหญ่หวงดี หากคุณชายได้ลอง
เล่นสนุกกับเรื่องไหนแล้วก็ยากนักที่จะปล่อยผ่านอย่างง่ายดายดังเช่นครั้งนี้หากไม่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามปวดประสาทจนแตกหักกันหรือเจ้าตัวเบื่อแล้วที่จะเล่น
หน่ำซ้ำยังไม่มีทีท่าของอาการเบื่อหน่ายให้ได้เห็น
นานเท่าไร่แล้วนะที่คนสนิทอย่างเขาไม่ได้เห็นคุณชายในอารมณ์ที่ดูเหมือนจะ ....ผ่อนคลายเช่นนี้
มันนานมากแล้วจริงๆนั่นล่ะ “จะเป็นไปได้ไหมที่ฉันจะยกเลิกกำหนดการทุกอย่างหลังจากนี้แล้วอยู่ที่นี่ต่อไปสักพัก”
คำถามเรียบเรื่อยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของผู้เป็นนายทำให้คนสนิทอย่างอันอวิ๋นชะงักไป ชายหนุ่มก้มหน้าซ่อนความลำบากใจที่เกลื่อนอยู่ทั่วใบหน้าคมเข้มเอาไว้พลางตอบกลับคำถามนั้นด้วยความนอบน้อมอย่างเช่นที่เคยเป็นมาตลอด
“ขออภัยแต่คงเป็นไปไม่ได้ครับ”
มุมปากหยักเผยรอยยิ้มหยันก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะละจากภาพก้อนเมฆที่ลอยเอื่อยเฉื่อยบนท้องฟ้า ความผ่อนคลายที่เคยมีเมื่อครู่พลันจางหายราวกับเป็นเพียงแค่สิ่งลวงตาเท่านั้น
เมื่อเลือกแล้วที่จะแบกรับอำนาจตระกูลหวงอันหนักอึ้งนี้เอาไว้บนบ่าอย่างเต็มตัวแทนทดในส่วนของมังกรน้อยหวงยี่ที่สมควรมีชีวิตอิสระเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นธรรมดามีชีวิตที่สามารถเลือกและกำหนดได้เองเหมือนเดิม .....ก็ยากยิ่งที่เขาจะถอนตัว
หนุ่มใหญ่หันมองไปยังประตูบ้านหลังน้อยอีกครั้งก่อนที่จะก้าวขึ้นรถและไม่หันกลับไปมองอีก ปล่อยให้บ้านหลังน้อยของหลานชายค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ
จนหายลับไปจากคลองจักษุในที่สุด
แม้คล้ายไม่ถูกกันหากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชิงชังอะไร
เพราตามองส่งผู้มีศักดิ์เป็นลุงทางฝั่งมารดาจนกระทั่งรถคันหรูหายลับไปถึงได้ละกายออกจากประตูและเดินกลับไปหาคนรักที่นั่งเหม่อมือลูบผ้าพันแผลที่คนตัวเล็กพันเอาไว้ให้เล่น
“ขี้เรียกร้องความสนใจมากกว่าที่คิดนะน้ำน่ะ”
คนเหม่อสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์เมื่อจู่ๆมือที่กำลังไล้ลูบผ้าพันแผลอยู่กลับถูกจับกุมหยุดเอาไว้ด้วยมือเล็กนุ่มของคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งลงเคียงข้างกันตั้งแต่ตอนไหน
“เมื่อกี้วิวว่าอะไรนะ?”
เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงมีสติครบถ้วนโตยธารถึงไม่สามารถจับใจความประโยคคำพูดของคนตัวเล็กได้จนต้องเอ่ยปากถามออกมาอีกครั้งพลางเอียงคอเล็กน้อย
ภาพที่เห็นน่ารักเสียจนคนตัวเล็กอดใจไม่ไหว ปากอิ่มนุ่มประทับลงบนแก้มนวลจมูกเล็กคลอเคลียพวงแก้มคนรักด้วยความหมั่นเขี้ยว คนที่ไม่ได้รับคำตอบใดกลับมาแม้จะงงแต่ก็ไม่ได้ขยับถอยหนีปล่อยให้อีกฝ่ายฟัดจนกว่าพอใจ แก้มขาวเจือสีชมพูจางๆจนน่าดูชมนั่นล่ะคนตัวเล็กถึงได้ยอมละปากละจมูกออก
“ขอบคุณที่มั่นคง”
จากแค่ซับสีชมพูจางๆบัดนี้กลับแดงปลั่งแข่งกับลูกตำลึงสุก ตากลมไม่ได้หลุบหนีหรือเหหันมองไปทางอื่น โตยธารมองสบแน่วแน่กับดวงตากลมหวานที่ถ่ายทอดทุกความรู้สึกผ่านแววตาออกมาให้ได้เห็นด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน
“คนที่ควรขอบคุณคือน้ำต่างหาก”
มือข้างที่ไม่มีผ้าพันแผลยกขึ้นเกลี่ยแก้มใสของคนรักแผ่วเบาในขณะที่เพราตาเองก็แนบแก้มเข้ากับฝ่ามือขาว รับความอบอุ่นจากอีกฝ่ายเข้ามาจนเต็มล้นใจ
“ขอบคุณนะครับที่เลือกน้ำ ขอบคุณ......ที่กลับมาหากัน”
คนตัวเล็กไม่ตอบอะไรกลับกลับเคลื่อนกายขึ้นนั่งคร่อมตักร่างบาง สองมือประคองแก้มคนรักเอาไว้ขณะที่ยังไม่ละจากการประสานสายตาหันไปมองทางไหน
ตาจ้องตา
ส่งทุกความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดใด ปากอิ่มแนบลงบนกลีบปากบางแผ่วเบา
ส่งมอบความอุ่นหวานให้แผ่ซ่านเกาะกุมไปทั่วร่างกายและหัวใจ ไม่ได้จาบจ้วงลึกล้ำทว่ากลับหวานซึ้งจนแทบจะหลอมละลาย
เพียงไม่นานปากอิ่มผละออกจากกลีบปากนุ่มหากยังคงคลอเคลียไม่ทิ้งห่างไปไหน
ชั่วอึดใจ
“ขอบคุณที่รักกัน.....” สองเสียงประสานกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ทั้งสองเงียบไปไม่กี่วิ.เสียงหัวเราะก็เล็ดลอดออกจากกลีบปากของคนทั้งคู่ เสียงหัวเราะใสดังแผ่วผสานกันภายในบ้านหลังน้อยที่ดูอบอวลไปด้วยความสุขมากกว่าวันไหนๆ
ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นมาจากความใคร่..... เพราตารู้พอๆกับที่โตยธารรู้ แม้จะตกลงเป็นคนรักกันมาได้สักพักแล้วหากแต่ตอนนี้เวลานี้ระหว่างเขาทั้งสองคนนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
ไม่ว่าบทสรุปของเรื่องราวระหว่างพวกเขาจะลงท้ายออกมาในรูปแบบไหน
ก็ให้มันเป็นเพียงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นของใน
อนาคตอันกันไกลโพ้นไปแล้วกัน
บนโซฟาตัวยาวไม่มีคำเสียงหัวเราะหรือคำพูดใดออกมาให้ได้ยินอีก
นอกเสียจาก.......
เสียงเสียดสีกันของเนื้อผ้า
เสียงครางหวามแผ่วเบาผสมไปกับเสียงหอบหายใจถี่กระชัน
........กับหนึ่งประโยคแว่วหวานที่แผ่วหวิวให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น “โตยธารรักเพราตานะครับ...” “เพราตาก็รักโตยธารเหมือนกัน ...อ๊า! ............”♥ E N D ♥