“โดดสักวันก็ได้นะเมีย มาเรียนเลยแบบนี้…” ผมถอนหายใจว่าแล้วว่าเชียวต้องได้ยินแบบนี้ เพราะตื่นเช้าเลยมีเวลามากหลังจากที่ได้เดินเล่นอยู่ในห้องรอเสือคุยกับคุณย่ากว่าจะเสร็จผมก็ตัดสินใจได้ว่าวันนี้จะมาเรียนตามปรกติ
“ถ้าโดดมากกว่านี้ก็จะได้ดรอปแทนแล้วเสือ” ผมตอบเขาเพราะไม่อยากโดดขณะเอื้อมมือไปเก็บชีทที่อยู่ด้านหลังใส่กระเป๋า ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจแล้วคว้าเอวผมเข้ามาใกล้ๆก่อนแนบริมฝีปากลงมา ลิ้นร้อนแทรกซอนเข้ามาตามมือหนาจับศีรษะผมเอียงให้ได้มุมแล้วรุกรานแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจผลักเขาออก “พอแล้วครับ”
มือหนาตามมาลูบไล้ใบหน้าผมอีก
“ตี้”
เขาเรียกชื่อผมสีหน้าบ่งบอกว่าไม่อยากให้ลงจากรถ
“ไม่เป็นไรแล้ว” ว่าจบก็ยืดตัวหอมแก้มอีกฝ่าย “ไปแล้วนะครับ”
จบประโยคผมก็เปิดประตูลงมาทันที แวบแรกมีแต่คนมองมาทางนี้แต่แล้วก็หันไปกลับเหมือนเดิมคล้ายไม่อยากสนใจ ผมขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อยกับปฏิกิริยาตอบรับของทุกคนหลังจากที่ผมโดนแฉไปอย่างนั้น ผมมองรอบตัวอีกทีก็พบว่าไม่ค่อยมีใครสนใจผมสักเท่าไหร่แล้วเพื่อนคนอื่นก็ทักผมอย่างเป็นปรกติ แต่มันปรกติจนผิดปรกติ
“อีธาม!!!” เสียงของกิ้งดังมาแต่ไกลมันกระโดดกอดผมทันที “โอ๊ย!! กูห่วงมึงสุดๆ”
“เออกูรู้แล้ว” ผมว่า “มึงทำไมคนอื่นเขาไม่มองกูแล้วซุบซิบเหมือนที่ชอบทำวะ” ปกติเกิดเรื่องทีไรก็มีแต่มองแล้วซุบซิบกันทุกที อันนี้แหละที่ผมว่ามันปรกติจนผิดปรกติ เกิดเรื่องขนาดนี้แต่สายเม้าท์ในมหา’ลัยกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณย่าพี่เสือค่ะ อำนาจเลอเลิศมาก เมื่อคืนแกไปพูดอะไรบางอย่างกับอธิการบดีของมหา’ลัยแล้วก็มีประกาศทางเว็บบอร์ดมหา’ลัยว่าห้ามพูดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้เด็ดขาด คือเริ่ดมากอ่ะมึงไม่มีคนกล้าเห่าเรื่องของมึงเลยสักคนเดียว แล้วเมื่อคืนนะพวกกูตบอีมันตาโคตรมันจากเจ้าหญิงเป็นยาจกไปเลยค่ะ”
“โห เกินไปไหม”
“พูดความจริงค่ะ มึงอึ้งอยู่เลยอาจไม่รู้เรื่องแต่ตอนนั้นกูพึ่งเห็นพี่เสือโกรธได้ขนาดนั้นเป็นครั้งแรก พี่แกเอาคืนอีมันสำปะหลังได้โคตรตรงใจกูเลย เอาคืนเสร็จกลับไปซัดน้องชายที่บังอาจมาจูบมึงต่อคือโคตรแบดอ่ะ กรี๊ด อยากได้บ้าง”
“แล้วแฟนมึงอ่ะ”
“แฟนก็ส่วนของแฟนค่ะ แล้ววันนี้มึงได้เอาชีทที่อาจารย์ให้กำกับเอามาป่ะ” พอกิ้งมันทวงผมเลยพยักหน้าแต่เพื่อความแน่ใจเลยเปิดกระเป๋าหาชีทที่ว่าเพราะคิดว่าเอาใส่กระเป๋ามาเรียบร้อยแล้วแต่กลับ… ไม่เจอ
“อ้าว! หายไปไหนวะ”
“อะไร ทำหายหรือคะ”
“เปล่าๆ คงจะอยู่บนรถตอนเก็บใส่กระเป๋ามันอาจตกไปด้านล่างเบาะก่อน เพราะกูมั่นใจว่าเอาขึ้นรถมาอยู่” ก่อนมามหา’ลัยเสือพาผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เพ้นเฮ้าส์ รวมถึงเก็บชีทด้วยผมเลยมั่นใจหน่อยว่าได้ถือมาด้วยแน่ๆ “แต่คงต้องไปเอาชีทว่ะ ใครมีรถให้กูยืมไหมวะ”
ครืน
ว่าถึงรถรถก็มาครับ เฟอร์รารี่สีแดงอันคุ้นตาขับมาถอดเทียบทันทีที่ผมพูดจบ กระจกรถค่อยๆลดลงจนเห็นคนขับที่อยู่ภายใน “เมฆ!!!!!”
“เฮ้ย! เป็นไงบ้าง”
“มึงมาพอดีเลยพากูไปคณะแพทยศาสตร์หน่อย” ผมเปิดประตูก้าวขึ้นรถมันทันทีโดยมีกิ้งขึ้นมาตามด้วย ไอ้เมฆทำหน้างงนิดๆแต่ก็ยอมออกรถแต่โดยดี
“แล้วมึงเป็นไงบ้าง” มันถามซ้ำ
“ก็ดี”
“ก็ดี ?”
“เออไม่มีอะไรมากหรอกมึงอ่ะขับไป”
“โห กูก็อุตส่าห์หวังดีจะมาถามไถ่ว่าเป็นอะไรไหมเพราะเมื่อคืนน่ะมึงช็อคจนสติหลุดไปเลยไม่รู้หรือไง”
“ตอนนี้กูโอเคขึ้นมากแล้วแต่ขอบใจที่เป็นห่วง” ผมว่าพร้อมยิ้มเล็กน้อยจากนั้นจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนขับรถ ส่วนผมนั่งเงียบๆฟังเพลงสากลบนรถมันไปเรื่อยๆจนกระทั่งเราผ่านมาถึงคณะบริหารเพราะต้องผ่านคณะนี้ประจำถึงจะไปถึงคณะคุณหมอทั้งหลายได้ แต่ว่ามันแปลกตรงที่…
“เมฆๆ เลี้ยวจอดตรงนี้ที”
“อะไรผัวมึงอยู่แพทยศาสตร์แต่นี้มันบริหาร”
“กูรู้อยู่แต่รถผัวกูมันจอดมาอยู่บริหารนี่หว่า!!”
นั่นแหละที่มันแปลกก็เพราะรถของเสือที่ขับมาส่งผมวันนี้มันมาจอดอยู่บริหารได้ยังไงก็ไม่รู้ เห็นอย่างนั้นเมฆจึงเลี้ยวจอดตามที่ผมบอกพอจอดเสร็จผมก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งไปใต้ตึกก่อนใครเพื่อนเพราะรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ พอมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นจะมีวี่แววของเสือ และนี่ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนของนักศึกษาแล้วด้วย ผมจึงวิ่งไปหากลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนแล้วถามคำถามใส่
“ขอโทษนะเห็นพี่เสือไหม” พอพวกเธอมองเห็นผมมีท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนจะยอมตอบ
“เหมือนจะขึ้นไปชั้นสองนะ เห็นขึ้นไปเมื่อกี้นี้เอง”
“อ๋อ งั้นขอบใจมากๆนะ”
“จ้ะ”
ผมบอกขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งแจ้นให้ไปตามที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้บอกทันที พอขึ้นบันไดมาก็เจอเหล่านักศึกษากำลังมุงอยู่หน้าประตูคล้ายกำลังดูอะไรบางอย่าง ผมขมวดคิ้วแต่พอได้ยินเสียงผัวะ! เหมือนคนลงหมัดกันก็รีบวิ่งเข้าไปชะเง้อตอดูด้วยทันที
อย่านะ! ขออย่าให้เป็นเหมือนที่ผมคิดนะ!
แต่ดูเหมือนว่าคำขอของผมจะไม่เป็นจริงเมื่อได้ยินเสียงร้องขึ้นมาว่า
‘เหี้ย! เสือใจเย็น กูคิดถูกจริงๆที่มาดักรอมึงก่อนที่บริหาร’
‘พวกน้องเวร มึงก็จับเพื่อนมึงเอาไว้สิ!!!!!! อยากให้พวกมันชกกันหรือไง’
เหมือนจะเป็นเสียงของพี่พังค์กับพี่บอลร้องห้ามให้เสือกับสิงห์ไม่ชกกัน ผมเม้มปากแน่นและในจังหวะนั้นเริ่มมีคนอื่นมองเห็นผม พวกเขาเลยหลีกทางให้ราวอยากจะให้เข้าไปขวาง ตอนแรกผมตั้งใจจะรีบวิ่งเข้าไปถ้าไม่ได้ติดว่าได้ยินบทสนทนาที่ทำให้ผมรู้สึกหน้าชาเสียก่อน
จดบันทึกพิเศษเสือ
ไม่อยากให้ตี้มา
“โดดสักวันก็ได้นะเมีย มาเรียนเลยแบบนี้…”
“ถ้าโดดมากกว่านี้ก็จะได้ดรอปแทนแล้วเสือ” ตั้งใจจะพูดขึ้นหากอีกคนก็สวนขึ้นมาแถมยังทำเมินไปเอี่ยวตัวไปเก็บชีทจากหลังรถอีก เลยได้แต่ถอนหายใจแล้วคว้าเอวบางก่อนกดจูบลงไป แต่ไม่นานนักก็โดนผลักออก “พอแล้วครับ”
“ตี้”
ได้แต่ส่งสายตาบอกว่าเป็นห่วง ไม่อยากให้มาในวันนี้เลยจริงๆ เพิ่งเกิดเรื่องไปแท้ๆเชียวได้แต่หวังว่าคุณย่าของเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดได้ แต่อยู่ๆก็โดนอีกฝ่ายกอด “ไม่เป็นไร” เลยยกมือขึ้นหัวส่วนธามยืดตัวขึ้นมาหอมแก้ม “ไปแล้วนะครับ”
ว่าจบคนตัวเล็กก็เปิดประตูลงจากรถทันที
ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจแล้วค่อยๆเคลื่อนรถหรูออกห่างจากคณะนิเทศศาสตร์ ใบหน้ากังวลจึงเปลี่ยนมาเป็นทะมึนอารมณ์ห่วงหากลับกลายมาเป็นโกรธ จริงๆแล้ววันนี้มันมีอยู่สองสาเหตุที่เขาไม่อยากให้เมียมา หนึ่งคือเป็นห่วง และสองคือ…
ตัวรถขับออกได้ไม่ถึงคณะก็เลี้ยวจอดเข้าที่ตึกบริหารพอลงจากรถก็เจอกับเพื่อนทั้งสองที่เหมือนมาดักรอเขาเอาไว้ก่อนแล้ว
“มาทำอะไรที่บริหารครับมึง” พอเขาไม่ตอบพังค์มันเลยเปลี่ยนคำพูดแทน “มึงอย่านะเสือ”
“มึงจะมาเอาคืนน้องชายมึงอีกใช่ไหม”
พวกมันรู้จริงๆด้วยว่าเขาจะมาทำอะไร
ใช่… นี้คือเหตุผลที่สองที่เขาไม่อยากให้ตี้มาเพราะไม่อยากให้รู้ว่าวันนี้ตัวเองมา ‘เอาคืน’ คนเป็นน้องชาย เรื่องจูบแม้จะ(ทำใจ)ยอมให้มันจบๆเพราะคุณย่าขอ แต่สำหรับเสือมันก็ยังเหลืออีกเรื่องอยู่เหมือนกัน
เมื่อวานมันต่อยท้องเมียเขาไป
ตัวเสือยังไม่เคยแม้กระทั่งด่าแล้วมันมีสิทธิอะไรมาต่อย
ยังไงซะก็คาดว่าจะโดนลงโทษอยู่แล้วแม้จะไม่รู้ว่าเป็นโทษอะไรแต่ก็ขออัดน้องชายให้หายแค้นก่อนโดนลงโทษไปเลยก็แล้วกัน
วันนี้เขามั่นใจว่าสิงห์ต้องมา แม้จะโดนหมัดไปขนาดนั้นแต่วันนี้มันมีสอบ
ขาเรียวผลักเพื่อนออกให้พ้นทางทันทีก่อนจะเดินเข้าไปใต้ตึกบริหารโดนมีพวกมันวิ่งมาตามหลัง พยายามจับเขาเอาไว้แต่ก็โดนสลัดทิ้งตลอด พวกมันไม่ค่อยกล้าขัดเวลาเขาโกรธหรอก ปกติเสือเป็นคนโกรธใครไม่บ่อยแต่ถ้าได้โกรธล่ะก็… จะเอาช้างมาฉุดก็ฉุดไม่อยู่ จริงๆแล้วเรื่องของมันตาที่จงใจทำให้เมียเขาเสียหายมันก็ยังไม่หายแค้นด้วยซ้ำ แต่เห็นว่าเป็นผู้หญิงและกิ้งก็คงจะจัดการให้แล้วเลยปล่อยไป
เขารู้ว่าธัญโดนวางยาเพราะตั้งแต่รู้ว่าธัญเป็นคู่ของธามก็ให้น้องมันมารายงานตลอด
แต่กลับท้องเสียวันงานหลังจากที่สิงห์ชวนไปดื่ม อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้นดูแค่นี้ก็รู้ว่าโดนวางยาและสองคนนี้สิงห์กับมันตาก็ตั้งใจวางแผนกันมาตั้งแต่แรก นี้แหละที่ทำให้เขาขึ้น แต่ขึ้นที่สุดคงจะเป็นคำว่าแพศยาที่อีกฝ่ายโดนด่าใส่
ปัง!!!
ประตูห้องเรียนถูกถีบรุนแรงจนทำให้นักศึกษาที่อยู่ในห้องหันมามองจนตาเป็นมัน เสือไล่ทุกคนออกไปจนเหลือแต่สิงห์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงมุมห้อง ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มเล็กน้อยเมื่อสภาพของน้องชายตัวเอง คิ้วและปากแตก แก้มช้ำจนขึ้นสีแต่โดนขนาดนั้นก็ถือว่าโชคดีที่ใบหน้าไม่เละไปมากกว่านี้ ส่วนเสือมีตรงโหนกแก้มที่ช้ำเล็กน้อยหากมันไม่ขึ้นสี ใบหน้าปรกติทุกอย่างเพียงแค่คนเป็นถึงจะรู้ว่าช้ำเพราะหากเอามือมากดบริเวณนั้นก็รู้สึกปวดเหมือนกัน
“Brother” เสียงทุ้มพูดขึ้นเป็นผลให้เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเข้มคล้ายคลึงกับเขาเงยขึ้นมาจากหนังสือ สบหน้ากันเล็กน้อยแต่ไม่แสดงอารมณ์อะไร
“อะไรกันจะมาเอาเรื่องอีกหรือไง ไม่หายแค้นหรือครับ” น้ำเสียงยียัวดังถามขึ้นแบบที่…
“เออ!!” อีกฝ่ายตอบกลับมาแบบสั้นๆทว่าพอจบคำก็ผลักโต๊ะเรียนจนล้มระเนระนาดไปทั่ว ขายาวเดินตรงดิ่งไปหาน้องชายที่ยังคงนั่งนิ่งทว่าพอเขามาถึงมันก็ลุกขึ้นแล้วยกหมัดเตรียมชกเหมือนกัน
ผัวะ!
แต่เขาเร็วกว่า จึงได้ลงหมัดไปยังใบหน้าของมันก่อนแต่พอจะใส่หมัดที่สองตัวเขาก็โดนใครบางคนลากแล้วดึงให้ออกห่างน้องชาย
‘เหี้ย! เสือใจเย็น กูคิดถูกจริงๆที่มาดักรอมึงก่อนที่บริหาร’
‘พวกน้องเวร มึงก็จับเพื่อนมึงเอาไว้สิ!!!!!! อยากให้พวกมันชกกันหรือไง’
ไอ้พังค์และไอ้บอลรีบแยกพวกเขาออกก่อนจากกัน พวกมันเรียกรุ่นน้องผู้ชายให้เขามาจับเพื่อนเอาไว้ด้วยจำนวนคนในห้องจึงเยอะขึ้นมาอีกพอสมควร
“มึงแย่งของกู” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่พึ่งโดนหมัดจากพี่ชายไปเมื่อสักครู่เป็นคนพูดขึ้นแต่ก็โดนสวนกลับขึ้นมาทันที
“ใครแย่งของมึง ธามของกู” เสือจงใจเน้นคำว่าธาม แทนคำว่าตี้มันจะได้รู้ว่าของที่มันอยากได้น่ะของเขา
“ธามของกู!!!”
“ของกู ธามเป็นเมียกู!!!”
“แต่เขาเป็นคู่หมั้นกู!!!!”
สิ้นประโยคของน้องชาย เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นมาทันที เสือเม้มปากแน่นพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนสวนกลับไป
“แต่มึงก็เอากับคู่หมั้นกู”
ฮือฮา
“มึงรู้ว่าลินินเป็นคู่หมั้นกู มึงก็ยังเอากับมันในวันเกิดกู” เสือย้ำทุกประโยค ภาพตอนที่เปิดประตูแล้วเจอคู่หมั้นนอนกับน้องชายมันยังติดตาเขาอยู่เลย
“แล้วมึงมาเอากับธามทำไม มึงคิดว่ากูไม่เจ็บหรือไง!!!”
“แล้วตอนมึงเอากับลินินมึงคิดว่ากูไม่เจ็บด้วยหรือไง!!!”
“แล้วยังไงมึงจะมาเอาธามไปจากกูเพราะอยากแก้แค้นกูที่เอากับลินินใช่ไหม!!!”
“…” เสือยังไม่ตอบไม่ใช่เขาไม่อยากตอบ แต่ตอนนี้กำลังสงบใจไม่ให้วิ่งเข้าไปอัดหน้าน้องชายอีกรอบเสียก่อน ใบหน้าหล่อเหลาสูดลมหายใจเข้าลึกๆกำลังจะเปล่งเสียงออกมาถ้าไม่ติดที่ว่า…
“มะ…”
‘อ้าว ธามมึงจะวิ่งไปไหน เฮ้ย! มึงร้องไห้หรือ’
เสียงของกิ้ง!!!!!!
นัยน์ตาสีครามเข้มเบิกตากว้าง ราวหัวใจโดนฉุดลงเหวเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของคนที่เขาไม่อยากให้มาเจอที่สุดในตอนนี้
ธาม
…ตี้
ผลัก!!!
เสือกับสิงห์รีบผลักเพื่อนออกก่อนวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ขายาวรีบลงบันได นัยน์ตาคมมองไปทั่วก่อนจะเจอกับร่างเล็กที่กำลังวิ่งออกไปทางถนน เสือจึงตัดสินใจตะโกนเรียกขณะกำลังวิ่งดักเอาไว้เสียก่อน
“ตี้อย่าไป!!!”
ทว่า!! ไม่ทัน เมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูขึ้นรถของใครบางคนที่บังเอิญขับผ่านมาพอดี เสือรีบวิ่งตามเพื่อที่จะหยุดรถแต่เขาช้าไปนิดเดียวเมื่อรถคันนั้นออกตัวแล่นไปอย่างรวดเร็ว
“แม่งเอ๊ย!!” เสือสบถลั่นรีบวิ่งไปขึ้นรถด้วยเอง ก่อนจะถอยจากที่จอดรถแล้วบึ่งตามแอสมาตินสีดำที่ตี้เป็นคนขึ้นไปเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!! ธามเป็นอะไรร้องไห้ทำไม แล้วจะให้กูไปที่ไหนล่ะเนี่ย”
“จะไปที่ไหนก็ได้แต่อย่าห้พวกเขาตามทัน!!!!!!!!!”
ผมตะโกนตอบกลับธัญในขณะที่น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
‘แต่เขาเป็นคู่หมั้นของกู!!!!!!!!!’
ประโยคนี้ลอยวนเวียนอยู่ในหัวของผม
หลังจากที่วิ่งหนีออกมาโชคดีที่ธัญขับรถผ่านมาพอดี ตอนแรกผมจะไม่หนีพยายามทนฟังความจริงทุกอย่างแม้จะแทบล้มพับไปกับพื้นยามที่รู้ว่าผมมีคู่หมั้น จนประโยคนี้ดังขึ้นมา
‘แล้วยังไงมึงจะมาเอาธามไปจากกูเพราะอยากแก้แค้นกูที่เอากับลินินใช่ไหม!!!!!!!!!!!’
ผมรอ รอ รอให้เสือตอบแม้ความจริงมันจะเป็นแค่ชั่ววินาทีสั้นๆ แต่สำหรับผมแล้วคล้ายยาวนานเป็นปี ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวเลยวิ่งหนีออกมา
ทำไมเสือไม่ตอบ
ผมถามคำถามนี้กับตัวเอง ทำไมเสือไม่ตอบ!!!!!! เกือบร้อยกว่ารอบ ถ้าความจริงมันเป็นอย่างที่สิงห์ว่า
รับไม่ได้หรอกนะถ้าที่ผ่านมาเสือไม่ได้รักผมเลย
ผมเม้มปากใช้มือที่สั่นไหวไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกดเบอร์โทรหาแม่
(ว่ายังไงธาม) เสียงของแม่ตอบกลับมา
“ม๊าฮือ” ผมเรียกแม่เสียงสั่นพยายามเก็บน้ำเสียงสะอื้นเอาไว้ในลำคอ “ม๊า… ม๊าตอบธามมาตามตรงนะ”
(เป็นอะไรธามใครทำอะไรหนู บอกม๊ามาสิ)
“ธามมีคู่หมั้นหรือเปล่า”
(…)
ทำไมม๊าไม่ตอบ ตอบสิครับ!! ตอบธาม!!!
(มี) คำตอบของแม่บีบรัดหัวใจของผมจนแทบแหกสลาย (คือธามฟังม๊านะ ม๊าขอโทษที่เอาหนูไปหมั้นกับคนอื่น ม๊ารู้ว่ามันเป็นการบีบบังคับจิตใจหนูแต่ตอนที่ครอบครัวเรากำลังจะล้มละลายครอบครัวของเสือเป็นคนช่วยไว้โดยแลกกับต้องเอาหนูมาหมั้นหมาย แต่คู่หมั้นธามก็เป็นเสือนะจ๊ะ)
“หรือครับ” ผมบอกเสียงสั่นน้ำตาไหลลงมามากกว่าเดิม “ฮึก! งั้นม๊ามีใบสัญญาที่ให้ธามหมั้นหรือเปล่า”
(ของแบบนั้นก็ต้องมีสิ)
“งั้นม๊าช่วยไปเอามาอ่านธามฟังที”
(รอแปปนึงนะจ๊ะ) เสียงหวานของแม่หายไปสักพัก แต่ไม่นานก็กลับมาพร้อมอ่านสัญญาให้ผมฟังจนกระทั่งถึงประโยคที่ว่า (… อัครมหาภูวสถิตหมั้นหมายกัน จบแล้วลูก ธามมีอะไรหรือเปล่า)
“…”
อย่างนี้สินะ
(ธามลูก)
ในวันนั้นแม่ถึงปล่อยให้ผมไปอยู่กับเสือได้แบบง่ายๆ ทำไมผมคิดตื้นจังว่าจะมีแม่คนไหนสนับสนุนให้ลูกไปอยู่กับผู้ชายขนาดนั้น
(ธามตอบแม่!!!)
ที่แท้ก็เป็นเพราะแม่เข้าใจผิดนี่เอง
“…”
(ธามตอบแม่!!! แม่เริ่มใจไม่ดีแล้วนะ!!!)
ติ๊ด!!!
มือบางกดตัดสายก่อนปล่อยโทรศัพท์ให้หล่นลงกับพื้น
“ธามเป็นอะไร อย่าเงียบสิกูใจไม่ดีวะ มึงจะร้องไห้ก็ได้แต่อย่าเงียบ”
“ฮ่าๆ”
“หัวเราะทำไมวะ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมหัวเราะลั่น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหัวเราะอาจจะเป็นเพราะรู้สึกว่าชีวิตตัวเอง
…บัดซบ
ทั้งเรื่องที่คนรักแท้จริงแล้วเขาอาจไม่ได้รักตัวเอง
ทั้งเรื่องที่แม่เขาใจผิดคิดว่าเสือเป็นสิงห์ เพราะในสัญญานั่นมันเขียนเอาไว้ว่า
‘บริษัท XXX ในเครืออภิวัฒน์ยินยอมให้นายศรัตชัย กรภัควัฒน์ ยืมเงินลงทุนเป็นจำนวน X,XXX,XXX,XXX บาทภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เด็กชายศรนารายณ์ กรภัควัฒน์กับเด็กชายราชสิงห์ อัครมหาภูวสถิตต้องหมั้นหมายกัน’
ราชสิงห์ไม่ใช่พยัคฆา
เป็นสิงห์ไม่ใช่เสือ
‘ธาม เฮ้ย!! ธามมึงเป็นไร อย่าเป็นอะไรนะเว้ย!!’
เสียงใคร ?
ทำไมรู้สึกเจ็บจัง
เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ
ไม่ไหว… มันทรมานเจ็บไปทั้งร่างกายและจิตใจเลย
“เจ็บๆ ฮือเจ็บ”
“เจ็บอะไรธามเป็นอะไร”
“เจ็บไม่ไหว จะตายอยู่แล้ว!!!”
“เฮ้ย!!! เป็นอะไรวะ”
“ฮือไม่ไหวเจ็บ!!!!!!!!”
“ธาม! ธาม!”
ไม่ไหวแล้ว
เจ็บเหลือเกิน
…พี่เสือได้โปรด
ช่วยธามด้วย
100%
ครั้งก่อนบอกอีกสองวันเจอกันแต่ดันเลทไปอีกหนึ่งเพราะเมื่อวานกลับบ้านตั้งใจว่าจะอัพแต่ดันหลับก่อน
เค้าขอโทษเลทนิดหน่อย (ไม่นิดละแก) ไม่ว่ากันเนาะ555555555