" เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 30(100%) l 09/06/16 : P.68 | THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 30(100%) l 09/06/16 : P.68 | THE END  (อ่าน 754718 ครั้ง)

ออฟไลน์ teex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1860 เมื่อ21-01-2016 09:11:51 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ lovelycompass

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1861 เมื่อ21-01-2016 09:52:32 »

ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกเรื่องมันบานปลายไปเรื่อยๆเลยอ่ะ เราอ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องมันก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดว่ากระทบจิตใจขนาดนั้นแบบว่าธามอ่อนแอเกินไปมั้ย แล้วคนเป็นพ่อนี่ไม่ได้รักเสือเลยเหรอสิงห์ขออะไรก็ให้เลยต่อให้บอกว่าธามเป็นของสิงห์มาก่อนแล้วไม่นึกถึงตอนที่สิงห์ทำกับเสือเรื่องคู่หมั้นบ้างเลยหรือไงแถมที่สำคัญคือเสือกับธามรักกันอยู่มันเหมือนสนับสนุนให้สิงห์แย่งเมียพี่ชายเลย แล้วตอนแรกอ่านแล้วเหมือนกับสิงห์จะรู้สึกผิดนะแต่ก็ไม่แถมยังสร้างเรื่องต่ออีก ก็ได้แต่คิดอยากให้เรื่องสิงห์มันจบเร็วๆเสียทีอยากฟินกับเสือธามมากกว่า  :hao4:

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1862 เมื่อ21-01-2016 09:57:15 »

แง

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1863 เมื่อ21-01-2016 10:11:21 »

เสือสู้ๆนะ~

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1864 เมื่อ21-01-2016 11:31:53 »

สิงห์จะทนเห็นธามอาการแย่ต่อหน้าต่อตาได้หรอ จะทนเห็นสภาพของธามแบบนั้นตลอดหนึ่งเดือนได้ใช่มั้ย อยากเห็นก็เอาสิ
สู้ๆ นะเสือ แหกกรงหนีออกมาเล้ยยย

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1865 เมื่อ21-01-2016 16:59:45 »

สงสารเสือ สงสารธาม
สิงห์ นายไม่มีวันได้ธามไปครอบครองหรอก นายไม่มีวันได้ความรักจากธาม ทำแบบนี้มีแต่ทำให้นายแย่ลง ถ้านายรักธาม นายจะเห็นคนที่รักอยู่ในสภาพนี้ได้หรอ?? ทนได้หรอ??

ส่วนพ่อ ทำแบบนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ คิดเยอะๆสิ สนับสนุนให้น้องแย่งเมียพี่มันดีแล้วหรอ?? ทำไมไม่คิดบ้างตั้งแต่คู่หมั้นคนเก่าของเสือแล้ว เข้าข้างแต่สิงห์ทั้งที่มันเลวขนาดนั้น

เอาใจช่วยเสือกับธาม ให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1866 เมื่อ21-01-2016 21:16:45 »

ธามน่าสงสารสุด และเจ็บที่สุดด้วย สุดท้ายถ้าธามไม่เลือกทั้งคู่

ปล่อยให้เจ็บแล้วมีปัญหากันทั้งครอบครัวสรุปกันได้ธามค่อยยอมคงดี :katai1:

ออฟไลน์ iknow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1867 เมื่อ22-01-2016 01:41:33 »

สนุกมากกก ชอบ อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ
แต่ครับคล้ายครับคราเหมือนเคยไปอ่านจากที่ไหนมาเนี่ยแหละ

ก็ลืมไปแล้ว แหะๆ :mew5:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1868 เมื่อ22-01-2016 09:55:14 »

โอ้ยยยย  รู้สึกอยากทืบสิงให้ตายไปซะจิง    :z6:
เข้มแข็งไว้นะตี้ อย่าไปใจอ่อนกับมันนนน   :m31:

ออฟไลน์ RAKDEK_KA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1798
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1869 เมื่อ22-01-2016 11:26:43 »

ก็ไม่รู้สินะ แต่เสือมันบ้าระห่ำจะตาย แค่นี้คงไม่นาน :z6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
« ตอบ #1869 เมื่อ: 22-01-2016 11:26:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Maylita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1870 เมื่อ23-01-2016 13:12:39 »

นี่อ่านแล้วสงสัยตั้งแต่ตอนคู่หมั้นสิงห์ละ แต่ไม่คิดว่าจะเดาตรงขนาดนี้
อ่านไปรู้ว่าตี้จะต้องเข้าใจเสือผิดคิดว่าเสือทำไปเพราะแก้แค้น แต่ก็อดเจ็บปวดแทนไม่ได้
สงสารทุกคนเลย แอบแปลกใจว่าต้องมีปมอะไรสักอย่างที่ทำให้พ่อกับแม่แบ่งข้างรักลุกชัดเจนขนาดนี้

เอาจริงๆไม่โทษใครเลยนะ รอปมคลี่คลายก่อน
จะรอดูว่าเด็กที่ธามเลือกเล่นด้วยตอนเด็กๆน่ะคือใครกันแน่
รอนะคะ 

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ SanadaTwinev

  • ไม่ได้บ่น แค่ทวงสิทธิ์...ที่เธอให้ :( เพศผู้แต่ตัวเมียSAY :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1871 เมื่อ23-01-2016 14:02:01 »

เจ็บแทนตี้จัง

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1872 เมื่อ23-01-2016 19:39:52 »

ตี้รอพี่เสืออยู่น้าาาาาาาาาาาาา  :katai4: :katai2-1: :hao5:

ออฟไลน์ Panehove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1873 เมื่อ23-01-2016 23:55:44 »

รู้สึกเรื่องจะบานปลายไปใหญ่ละนะ สงสารเสือจังเลย ไม่อยากให้พี่เสือเสียใจเลย (แลดูเข้าข้างพระเอก แต่ก็นะเข้าข้างจริงๆแหละ) น้ำตาจะไหล จะเปิดพรีแล้ว เย้ๆๆ  :hao6:

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1874 เมื่อ25-01-2016 00:45:53 »

เรื่องมันวุ่นเพราะคนอื่นนี่แหละ

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1875 เมื่อ26-01-2016 20:51:43 »

เฮ้อ! หวังว่าจะผ่านช่วงนี้กันไปได้นะ  :hao5:

ออฟไลน์ runtothemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1876 เมื่อ01-02-2016 14:36:30 »

ตี้จ๋า อดทนไว้นะ กินข้าวกินปลาเยอะๆลูก T______T

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1877 เมื่อ12-02-2016 09:42:42 »

 :sad4:

พี่เสือออ ไปตามหาตี้ถึงไหนแล้วค้าเนี่ยยยย

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1878 เมื่อ12-02-2016 11:27:38 »

ยังรออ่านอยู่นะ

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1879 เมื่อ12-02-2016 12:30:50 »

รอพี่เสือ  :ling1: :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
« ตอบ #1879 เมื่อ: 12-02-2016 12:30:50 »





ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1880 เมื่อ12-02-2016 15:24:44 »

เสือต้องสู้นะ

 :katai1:

ออฟไลน์ -Otto-

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1881 เมื่อ14-02-2016 19:27:53 »

คิดถึง  :hao4:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1882 เมื่อ15-02-2016 16:17:12 »

สงสารธาม สงสารพี่เสือ
สู้ๆนะ

รออยู่น้าา

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1883 เมื่อ15-02-2016 22:42:41 »

เมื่อไรจะกลับมาต่อน้อ  รออ่านจนจะลงแดงแล้ววววววววววว

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 22(100%) l 20/01/16 : P.62
«ตอบ #1884 เมื่อ03-03-2016 21:27:27 »

พี่เสือหายไปใหน !?  :call: ไปหาตี้ด่วนๆค่ะ อิสิงห์จะคาบไปแล้ว ม่าดิ้นรอ  :z2:

ออฟไลน์ :mdred

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-61
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 25(50%) l 03/03/16 : P.63
«ตอบ #1885 เมื่อ05-03-2016 15:30:48 »

ตอนที่ 23

น้ำตา

 

 

หลังจากทานข้าวทานยาและอาบน้ำเสร็จเสร็จ ช่วงเวลาต่อจากนี้สิงห์บอกว่าเขาอยากจะทำอะไรก็ได้

          ขาเรียวเดินย่ำไปตามชายหาด ผิวขาวส่องกระทบกับแสงแดดอบอุ่นที่ไม่ร้อนจนเกินไปแถมอุ่นกำลังดี สายลมพัดและกลิ่นของทะเลทำให้ธามหยุดชะงัก ใบหน้าหวานเงยขึ้น มองท้องทะเลสีสวยที่ไกลออกไปจนลับสายตา

ร่างเล็กค่อยๆนอนลงบนพื้นทรายคิดทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

มันกลับตาลปัตรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เหมือนกับว่าคนที่เคยดีกลับมาร้ายคนที่เคยร้ายกลับมาดี

คนที่บอกว่ารักหนักหนาไม่แม้แต่จะมาหา ส่วนคนที่เกลียดนักหนากลับมาหาอยู่แบบนี้

…เชื่อใจใครไม่ได้เลย

หยาดน้ำสีใสไหลผ่านขอบตาลงสู่แก้มขาวก่อนตกบนทรายสะอาดทีละหยด ทีละหยด

ร้องไห้เพราะเจ็บที่โดนหลอกจากคนที่รัก แต่นับจากนี้จะไม่แล้ว….

ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วจะเริ่มต้นใหม่

“ฮึก… ฮือ”

จากนี้ไปจะไม่ร้องไห้เพราะคนแบบนั้นอีกแล้ว

 

“มาหลับตรงนี้ได้ยังไงกันนะ”นัยน์ตาคมก้มลงมองคนตัวเล็กที่นอนอยู่ตรงพื้นทราย ตอนนี้เวลาสี่โมงกว่าๆแดดเริ่มแรงเพราะใกล้จะเที่ยง เขาที่ไม่เห็นวี่แววว่าธามจะกลับเข้ามาในบ้านทั้งๆที่ออกไปนานแล้วเลยตามออกมาดู ไม่ได้ตามทุกฝีก้าวเนื่องจากบอกเอาไว้แล้วว่าจะปล่อยให้เป็นอิสระ แต่พอออกมาก็พบว่าธามกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนทรายเสียแล้ว “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย”

ผิวสีขาวที่เริ่มเปลี่ยนเป็นคล้ำเล็กน้อยบ่งบอกว่าอีกฝ่ายนอนตรงนี้มานานพอสมควร อย่างน้อยก็สักชั่วโมงกว่าๆแล้วจะได้ เพราะธามอาบน้ำเสร็จประมาณแปดโมงครึ่ง สิงห์ส่ายหน้าเล็กน้อยถ้าเขาไม่ออกมาดูคนตรงหน้าอาจจะหลับเพลินจนเป็นมะเร็งผิวหนังแล้วก็ได้

“หลับเพลินเลยนะครับ” เสียงทุ้มว่าขณะก้มลงไปช้อนมือใต้เอวคอด พลันสายตาดันสะดุดกับบางจุดที่เปียกบนผืนทรายใกล้บริเวณใบหน้าหวาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เปียกก็จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจาก

…น้ำตา

ร้องไห้อีกแล้วสินะ

นัยน์ตาสีฟ้าเข้มมีแววหม่นลง มือหนาวางอีกฝ่ายเอาไว้บนตักก่อนจะประทับริมฝีปากที่หน้าผากกว้าง ก่อนจะลุกขึ้นอุ้มธามในท่าเจ้าหญิงแล้วเดินหมุนตัวกลับเข้าบ้านไป ธามทิ้งน้ำตาลงหาดทรายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เขาอยากให้ธามทิ้งไปคือความเศร้า …ทิ้งมันลงไปในทะเลเสียเถอะ

 

ใครนะ

ใครกำลังอุ้ม ?

เปิดตาสีไข่ค่อยๆเปิดขึ้น แสงแดดที่สะท้อนลงมาแม้จะไม่เห็นว่าเป็นใครกันแน่แต่ใบหน้าคมคายนั่นคล้ายกับ …เสือ

มือบางเผลอยกขึ้นไปสัมผัสใบหน้าหล่อเหลาอย่างลืมตัว ทันใดนั้นคนที่กำลังอุ้มเขาอยู่ก็ก้มหน้าลงมาทำให้เห็นว่าแท้จริงแล้วคนคนนี้คือ …สิงห์

“หือ” สิงห์ร้องอย่างแปลกใจ เมื่ออยู่ดีๆก็สัมผัสถึงฝ่ามือนุ่มบริเวณทางด้านขวา นัยน์ตาสีฟ้าเข้มหลุบลงมองพอเห็นว่าธามตื่นแล้วจึงเอ่ยถามทันที “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“นายเองหรือ” เป็นคำตอบที่ทำให้คิ้วเข้มต้องขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“ครับผมเอง” แม้จะสงสัยแต่ก็ตอบกลับไป ทันใดนั้นเองเขาก็เริ่มเข้าใจความหมายของคำตอบของอีกฝ่าย นายเองหรือ

นี่น่ะคงไม่ใช่ว่า… เห็นภาพเขาซ้อนทับภาพของอีกคนใช่ไหม?

นัยน์ตาคมฉายแววหม่นลงเล็กน้อย พยายามทำใจให้กลับมาเป็นปกติแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ

ทว่า… มือบางที่ยกขึ้นมาคล้องคอกับใบหน้าหวานที่เอียงซบลงที่บ่าทำให้สิงห์ต้องเบิกตากว้าง ความหม่นหมองเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งเหลือเอาไว้เพียงความรู้สึกดีใจแทน

ดีใจเหมือนเด็กเจอของเล่นที่ถูกใจ

รู้ว่าตอนนี้ของเล่นมันยังไม่ได้เป็นของตัวเองแต่ก็ดีใจเพราะรู้สึกว่ากำลังจะได้มันมา

 

ธามถูกวางลงบนโซฟา

พอมาคิดดูดีๆแล้ว เขาที่ว่าน่าสงสารยังเทียบไม่ได้กับความน่าสงสารของสิงห์

เขาอาจจะโดนหลอกก็จริง แต่ถ้ามาเทียบกับสิงห์รักก่อน เป็นคู่หมั้นแล้ว แต่โดนพี่ชายแย่งคู่หมั้น ถึงจะบอกว่าเคยมีอะไรกับคู่หมั้นของพี่ชาย แต่ถ้านับจำนวนครั้งที่เขาได้กับเสือแล้วล่ะก็ ความรู้สึกที่เจ็บปวดมันห่างกันลิบลับ

แววตาคู่นั้นไม่ได้ปิดบังความรู้สึกจึงดูออกง่าย แท้ที่จริงคนที่ว่าร้ายกลับกลายเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร

สิงห์น่ะน่าสงสารจริงๆนะ

“สี่โมงแล้วจะทานข้าวเที่ยงเป็นอะไรดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามทันที ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากเขาและธามอย่างที่บอก ดังนั้นเรื่องทำอาหารทั้งหมดแน่นอนว่ามันต้องตกเป็นหน้าที่ของเขาแทน

ธามเลิกคิ้วขึ้นที่ได้ยินดังนั้นแล้วส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่รู้จะทานอะไร ขณะจ้องสายตามองไปยังโทรศัพท์จอแบนขนาดใหญ่แทน “อยากดูหนัง”

สิงห์พยักหน้าแล้วเดินไปหยิบกล่องสีแดงที่วางอยู่ไม่ไกลนักมายื่นให้ “กล่องใส่แผ่นหนังน่ะครับ เลือกเอาก็แล้วกันนะครับว่าอยากดูเรื่องอะไร ธามเปิดวิดิโอเป็นไหม ผมมีเรื่องต้องไปทำน่ะ”

“…” เขาไม่ตอบแต่พยักหน้ารับเล็กน้อย ร่างสูงเดินออกไปทันทีที่เห็นดังนั้น ส่วนธามก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะมัวแต่วนหาแผ่นหนังที่ชอบอยู่ ในจังหวะนั้นมือก็ดันไปหยิบแผ่นหนังขึ้นมารูปที่ติดมากับแผ่นหนังทำริมฝีปากต้องเม้มปาก เปลือกตาสีไข่ปิดลงแน่นกันไม่ให้น้ำตามันไหลออกมาเพราะสัญญากับตัวเองแล้วว่าต่อจากนี้จะไม่ร้องไห้อีก

อเวนเจอส์

หนังเรื่องแรกที่ไปดูด้วยกัน

มือบางกำหมัดแน่นก่อนตัดสินใจเก็บแผ่นนี้เอาไว้แล้วเลือกแผ่นใหม่ขึ้นมาแทน

อดาไลน์

เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่โดนฟ้าฝ่าทำให้ร่างกายไม่แก่ลง เหมือนกิ้งจะเคยเล่าให้ฟังแต่ยังไม่เคยดูเองสักครั้งเพราะไม่มีเวลา ธามตัดสินใจเลือกแผ่นนี้ไม่ใช่เพราะกิ้งเล่าแต่เป็นเพราะรูปนางเอกที่แผ่นหนัง แววตาของเธอน่ะเหมือนกับเขาตอนนี้เลย

เขาลุกจากโซฟาเพื่อไปเปิดแผ่นหนัง เลือกดูเป็นพากย์อังกฤษแทนเพราะมันได้ฟิลด์กว่า…

นางเอกของเรื่องมีคนคนรัก แต่คนรักนั้นเสียชีวิตไป พอคิดว่าจะถึงคราวของตัวเองบ้างกลับไม่ตายแถมยังมีท่าทีว่าจะไม่แก่ตายอีกด้วย แววตาของเธอจึงเป็นแววตาที่โดดเดี่ยว ใบหน้ายิ้มที่ปนไปด้วยความทุกข์ความรู้สึกบางอย่างมันชวนให้รู้สึกสุขปนเศร้าตามไปด้วย

แต่ทว่าดูได้ไม่ถึงยี่สิบนาทีเขาก็ต้องหยุดแผ่นเอาไว้ก่อนเนื่องจากมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังมาคลอเคลียที่ขาและดูท่าว่าจะเป็นแมว…

เหมี้ยว~

และก็ใช่แมวจริงๆด้วย

แมวตัวเล็กที่ดูจากรูปร่างของมันคงจะเป็นพันธุ์ The Sand (แมวทราย) ตัวเล็กๆและหน้าหยิ่งๆแถมเหมือนจะขี้อ้อนไม่เข้ากับหน้าตา ธามหยิบเจ้าลูกแมวตัวนั้นขึ้นมาแล้วสังเกต น่าแปลกที่มันไม่ดิ้นหนีแถมยังร้องเหมียวๆใส่อีกต่างหาก

ถึงจะหน้าตาหยิ่งๆแต่ดูๆไปแล้วก็น่ารักจังเลย

“อะ…”

เสียงร้องทำให้ใบหน้าหวานต้องละสายตาจากแมวไปทางต้นเสียงที่มีสิงห์ยืนอยู่ ร่างสูงกำลังเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อมองมาทางเขา ธามเลิกคิ้วขึ้นคล้ายจะถามว่ามีอะไรแต่พอได้ยินถ้อยคำที่ออกมาจากปากของอีกฝ่ายก็ทำให้คำพูดของตัวเองต้องสะดุด

“ยิ้มแล้ว”

“?”

เขาสงสัยแต่ไม่ได้ถามออกไป สิงห์เองหลังจากพูดประโยคนั้นเสร็จก็รีบมาอุ้มลูกแมวตัวนี้ออกไปจากมือเขาทันที มือหนาชูลูกแมวขึ้นสูงๆ พูดกับมันเล็กน้อย “มาอยู่นี่เองเราน่ะ ที่ให้ไปเมื่อกี้ไม่อิ่มหรือ”

“ให้ไปเมื่อกี้ ?”

“เมื่อกี้ผมไปให้อาหารมันมา มันเป็นแมวที่ผมเลี้ยงเอง ถูกฝึกให้อยู่กับที่จะเดินออกมาเพ่นพ่านตอนที่หิวเท่านั้นแหละครับ”พอว่าจบสิงห์ก็วางเจ้าแมวเหมียวลงกับพื้นแล้วเดินไปหยิบชามอาหารแมวใส่อาหารเม็ดมาวางตรงหน้าเจ้าเหมียวอีกครั้ง ทว่ามันกลับ… ไม่กิน “ผมว่ามันคงอยากมาหาธามมากกว่าล่ะมั้ง”

 

 

“มันชื่ออะไร”

“เธียร์ครับ มันชื่อว่าเธียร์”

“เธียร์ ?”

“อือหึเธียร์” ร่างสูงจับลูกแมวมาวางบนตักของอีกฝ่ายแล้วนั่งลงข้างกาย ขณะลูบหัวเจ้าแมวเหมียวมันเบาๆแต่นั่งได้ไม่นานก็ลุกขึ้นยืน “เล่นกับมันไปก่อนนะครับ ผมต้องไปทำอาหารเที่ยงแล้ว”

“ต้องทำเร็วขนาดนี้ ?” ธามถามก่อนจะชะเง้อคอไปมองนาฬิกานี่มันพึ่งจะสี่โมงเช้า ทำเร็วขนาดนี้อาหารมันไม่เย็นก่อนหรือ

“ก็ผมทำเก่งสักทีไหนละ ข้าวต้มเมื่อเช้าน่ะใช้เวลาทำเกือบสองชั่วโมงเลยนะครับ ธามอาบน้ำให้มันรอผมก็ได้นะ ผมไม่ได้อาบให้มันนานแล้ว” ร่างสูงบอกขณะยกมือขึ้นมากุมที่คอแก้เก้อ นัยน์ตากลโตมองเล็กน้อยก่อนจะลุกยืนขึ้นตามแล้วอาสาตัว

“งั้นเดี๋ยวช่วย แต่ต้องพามันอาบน้ำก่อน” ธามว่าพร้อมยกเจ้าแมวเหมียวขึ้นมาอุ้มเล่นไปด้วย

“…”

“โอเคไหม”

สิงห์พยักหน้าทันที “โอเค”

 

“จับมันไว้แน่นๆสิครับ”

“ก็มันดิ้น”

“แมวมันกลัวน้ำนี่ครับ ไม่ดิ้นได้ไง”

การอาบน้ำให้แมวเต็มไปด้วยความอลม่าน ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านได้กลิ่นของเค็มของน้ำทะเลที่ทำให้รู้สึกเหนียวตัวเล็กน้อยลอยมาแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่ากับว่าแมวตัวนี้มันไม่ยอมอยู่นิ่งสักที ธามเริ่มจะโดนข่วนไปหลายรอบโชคดีที่เล็บมันไม่ยาวตรงจุดที่โดนข่วนเลยกลายเป็นเพียงรอยแดงเล็กน้อยเท่านั้น ใบหน้าหวานถอนหายใจถามคนที่อยู่ตรงหน้าทันที

“ปกติเอามันอาบน้ำยังไง”

สิงห์เลิกคิ้วตอบ “อาบในห้องน้ำที่มีพื้นที่น้อยๆน่ะครับ ปิดประตูล็อคไม่ให้มันออกแล้วฉีดน้ำใส่ ธาบเอาเธียร์มาให้ผมมาเดี๋ยวผมจับมันเอง นายมาคอยฉีดน้ำดีกว่า” สิงห์เสนอตัว คนที่ได้ยินพยักหน้าเห็นด้วยทันที มือบางรับสายยางฉีดน้ำมาจากอีกฝ่าย แต่พอรับมาก็พบว่าสายยางอันนี้น้ำมันแรงจนควบคุมยากพอๆกับแมวเลย…

ฉ่า!!!!!!

แต่พอมาดูอีกทีแล้วดูท่าว่ามันจะควบคุมยากมากกว่าด้วยซ้ำ

“ธาม” เสียงทุ้มกล่าวต่ำในลำคอ เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ธามยิ้มแหย่เป็นอีกฝ่ายในตอนนี้นั้นบอกได้เลยว่า… เปียกทั้งคนเปียกทั้งแมว มือหนายกขึ้นลูบหยดน้ำที่เกาะตรงใบหน้าขณะเอามือสะบัดผมที่เปียกชื้นให้ไปทางด้านหลังด้วย ใบหน้าหล่อเหลาที่น่าจะดูเซ็กซี่เพราะน้ำแต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขาเพราะรู้สึกพิศวาสนอกจากความรู้สึกที่ว่ามัน… ตลก

ตลกจนทำให้ต่อมหัวเราะที่เคยถูกกลับด้วยต่อมร้องไห้ได้กลับมาอีกครั้ง สิ้นความคิดเขาแผดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังจนคนที่เป็นผู้รับเคราะห์กรรมต้องเอ่ยถาม “หัวเราะอะไรครับธามตลกหรือ”

          ธามตอบไม่ได้เพราะกำลังเอามือกุมที่ท้องเนื่องจากหัวเราะมากจนจุก ที่มันไม่ได้ดูเซ็กซี่ก็เพราะมันเปียกเกินคำว่าเซ็กซี่ไปแล้ว มันเหมือนลูกหมาตกน้ำมากกว่า ดังนั้นคนที่เริ่มตั้งสติจนหายหัวเราะได้จึงหยิบสายตาขึ้นมาอีกครั้ง พยายามบังคับมันแล้วฉีดเข้าไปตรงๆ

          “ไหนๆก็เปียกไปแล้ว อาบน้ำกับแมวไปเลยเนาะ” เขาตัดปัญหาที่จะให้แมวอยู่นิ่งๆโดยให้สิงห์เป็นเป้าแล้วให้ทั้งสองชีวิตเปียกไปพร้อมๆกัน สิงห์ไม่ได้ว่าอะไรแถมใช้จังหวะนั้นในการเทสบู่เหลวลงฝ่ามือแล้วถูเข้าที่ตัวของเจ้าเธียร์ “อยากทำบ้าง”

          “นั่งลงสิครับ” เขาทำตามที่โดนบอกแต่โดยดี สิงห์ค่อยๆปล่อยมือให้เขาจับ ปรากฏว่ามันเลื่อนจนเผลอปล่อยให้ลูกแมวหนีไปอีกครั้ง คนตัวสูงเลยตัดสินใจจับไว้แล้วให้อีกฝ่ายทำหน้าที่ถูสบู่แทน แถมคนที่ได้รับหน้าที่ยังทำงานอย่างจริงจังชนิดว่าพอเงยหน้าขึ้นมาถึงรู้ตัวว่านัยน์ตาคมกำลังมองเขาอยู่

          “มองอะไร”

          “นายยิ้มขึ้น นายหัวเราะ”

          “หา ?”

          “ก็แต่ก่อนน่ะ…”

          “ไม่ต้องพูดดีกว่า” เขาตัดบท พยักหน้าอย่างเข้าใจก็จริงอย่างที่สิงห์ว่ามาอยู่ที่นี่อารมณ์ดีขึ้นจริงๆ อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่การเอาแต่นอนร้องไห้ที่โรงพยาบาลเหมือนเก่า อีกอย่างเขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก

คนที่ไม่คิดแม้แต่จะมาหาน่ะ อยากจะลืมๆเขาไปเถอะ

มันเป็นความคิดที่ดีที่ลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ความรู้สึกของตัวเองมันยังเปราะบาง แค่โดนสะกิดนิดเดียวก็กลับมาเศร้าใหม่ได้ตลอด

คนที่คอยมองตลอดเลยได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ นัยน์ตาคมหลุบลงมองมือบางนี่หยุดถูเจ้าแมวไปตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้แล้ว แต่เจ้าตัวน่ะจะรู้ตัวหรือเปล่า ใบหน้าหวานที่กลับมาเหม่อลอยอีกครั้ง แค่นิดเดียวจริงๆนิดเดียวก็สามารถทำให้กลับมาเศร้าได้เหมือนเดิม

“ธาม”

“…”

“ธาม”

“…”

“ธามครับ!”

“หา หะ ? มีไร”

“ผมเรียกนายนานแล้วไม่ได้ยินหรือครับ” คนที่ฟังได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อย สิงห์เม้มปากแน่นอุ้มลูกแมวที่เริ่มอยู่นิ่งเหมือนยอมรับชะตากรรมว่าต้องเปียกมาล้างตัวแล้วห่อด้วยผ้าผืนหนา เดินไปปิดก๊อกน้ำก่อนจะหันไปบอกอีกฝ่าย “เสร็จแล้วเขาบ้านกันเถอะครับ”

“…”

“ธาม”

“…”

“ธาม!!”

“อ๋อ! อื้ม!” คำตอบรับที่เหมือนไม่ได้ฟังกันอยู่เลยทำให้คนตัวสูงต้องถอนหายใจ สิงห์เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้ววางลูกแมวเอาไว้ให้ที่มือจนธามสะดุ้งขึ้นมา “มีอะไรหรือ”

“เอาเธียร์ไปเช็ดให้หน่อยนะครับ ผมต้องเข้าหลังบ้านไปอาบน้ำเพราะเปียก”

“อ๋อ”

“…”

“…”

“ธาม” เสียงทุ้มว่ามือหนาแตะที่ใบหน้าขาวเล็กน้อย “เลิกเหม่อได้แล้วนะครับ”

เขาเม้มปาก หลับตาแน่นแล้วสั่นหัวแรงๆ “จะพยายาม”

สิงห์ยื่นมือมาขยี้ผมจนมันเริ่มจะฟูขึ้นเล็กน้อย ก่อนเจ้าตัวจะเดินเอื้อมไปทางด้านหลัง ธามมองเจ้าลูกแมวที่ยังเปียกโชกอยู่ใต้ผ้าขนหนูก่อนจะเดินไปขยี้ขนมันให้แห้งไป ขาเรียวเดินมาถึงห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลงตรงโซฟาตัวเดิม เพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไปจึงกดเล่นแผ่นหนังที่เคยกดหยุดเอาไว้ นัยน์ตากลมโตมองที่หน้าจอขณะเดียวกันก็เช็ดตัวให้เจ้าแมวเหมียวที่เริ่มจะสัปปะงกใกล้หลับเต็มที ธามก้มลงมองก่อนหัวเราะเล็กน้อยแล้วเกาคางมันเล่นพอเห็นว่ามันหาววอดๆแถมเปลือกตาปิดเรียบร้อยแล้วจึงหันมาลูบหัวเจ้าแมวเหมียวที่กำลังนอนอยู่บนตักแทน

หนังเล่นต่อไปได้เกือบสามสิบนาทีสิงห์ก็เดินออกเข้ามา มือหนากำลังใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมของตัวเองอยู่

“เที่ยงแล้ว หิวหรือยังครับ”

“หิวแล้ว” ธามว่าขณะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงดิ่งไปยังห้องครัวเพราะเขาบอกกับอีกฝ่ายเอาไว้แล้วว่าจะช่วยทำอาหาร ร่างสูงเดินเข้ามาตาม ธามมองไปยังรอบๆพอเห็นวัสถุดิบแล้วจึงเอาผักไปล้างโดยมีคนที่เข้ามาทีหลังคอยยืนมองอยู่ห่างๆ

“นายจะทำอะไรนะ”สิงห์ถามขึ้นในขณะที่เขากำลังผูกผ้ากันเปื้อนเข้ากับเอว มือบางสะบัดผมที่เริ่มจะยาวและใกล้จะปรกตาแล้วไปทางด้านหลัง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ข้าวผัด”

“เบสิกเนาะ”

“ไปตั้งกระทะรอหน่อย”

ธามยักไหล่ขณะหยิบมีดขึ้นมาเพื่อลงมีดหั่นผักที่ล้างเสร็จเรียบร้อยไปตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้แล้ว สิงห์ตั้งกระทะรอส่วนเขาก็หั่นผักไปใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ

“เก่งจัง” เขารับคำชม “ไปฝึกกับใครมาครับเนี่ย”

กึก!

ปลายมีดที่กำลังจะลงหั่นผักล็อตที่สองชะงักทันที สิงห์นิ่งไปเขารู้ตัวแล้วว่าตอนนี้ตัวเองถามเรื่องที่ไม่ควรถามสุดๆออกไปเสียแล้ว เป็นคำถามธรรมดาที่ทำให้ความทรงจำในครั้งก่อนไหลเข้ามาอีกรอบ

 

‘จับมีดแน่นๆสิหั่นชิ้นเล็กด้วยตี้’

‘ก็กลัวมันบาดมือ’

‘มานี่มาเดี๋ยวสอน’

 

“ธามนายนิ่งไปเป็นอะไรหรือเปล่า”

“…”

“ธาม…”

“เปล่าหรอก เปล่าไม่มีอะไร”

“แต่ว่านาย…”

“ทำต่อเถอะ”  เขาตัดบทสนทนาขณะพยายามก้มหน้าก้มตาหั่นผักอีกรอบ แม้จะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจิตใจเหม่อลอยอีกครั้ง

ฉึก!

“โอ๊ย!” เพราะไม่ระวังปลายมีดแหลมก็เลือนเฉือนเข้าที่ปลายนิ้ว เลือดสีแดงสดไหลหยดออกมาตางทาง คนที่กำลังผัดกระเทียมอยู่ในกระทะจึงรีบปิดเตาแก๊สแล้ววิ่งมาจับมือของเขาไปดูแทน นัยน์ตาคมเบิกกว้างเพราะแผลมันลึกอยู่พอสมควร สิงห์มองคนที่กำลังเม้มปากเพราะความเจ็บก่อนถอนหายใจแล้วมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

“ทำไมเหม่ออีกแล้ว”

“…”

“ไปนั่งรอผมที่โซฟานะครับ เดี๋ยวผมไปเอาอุปกรณ์ทำแผลแล้วเดี๋ยวตามไป” เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟาตามที่สิงห์บอก ขณะเอามืออีกข้างลูบหน้าตัวเองไปมา เอนตัวพิงโซฟาปิดเปลือกตาแน่นในใจพึมพำว่า

ความรู้สึกนี่มันช่างอ่อนไหวจังเลย ถูกสะกิดนิดเดียวก็เป็นแบบนี้เสียแล้ว

สักพักสิงห์ก็เดินตามมานั่ง เขาเอียงคอมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังขะมักเขม้นเพื่อปฐมพยาบาลชั้นต้นให้อยู่ ตั้งแต่เช็ดเลือดออกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือติดพลาสเตอร์ ธามกำลังจะชักมือออกทว่าอีกฝ่ายกลับยังจับมือของเขาเอาไว้เหมือนเดิม ยกขึ้นแล้วเหมือนจะร่ายอะไรบางอย่าใส่ที่จบด้วยคำว่า

“หายไวไวนะครับ เพี้ยง! เพี้ยง!”

ธามยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยถามทันที “ที่เมืองนอกเขามีเป่าคาถาให้แผลหายด้วยงั้นหรือ”

“ที่เมืองนอกน่ะไม่มีหรอกครับ อันนี้ผมจำจากที่ไทยนี่แหละ”

“หรือ” เสียงเล็กว่าแผ่วเบาในขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้าบอกว่าใช่อยู่ตลอด มือบางที่วางบนโซฟายกขึ้นแล้วแตะเบาๆที่โครงหน้าคมคายให้คนที่กำลังมัวแต่อุปกณ์ทำแผลอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าดีใจแทน มือบางลากลงตรงปลายคางเลื่อนต่ำไปตามลำคอ ไหล่ ไหปราร้าลงมาจนถึง…หัวใจ แล้ววางทาบค้างเอาไว้ตรงนั้น

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

เสียงหัวใจที่เต้นแรงราวกำลังตีกลอง เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย สิงห์เก็บความรู้สึกไม่เก่งตั้งแต่ที่ทำหน้าเศร้าตอนอุ้มเขาแล้ว ทำไมแต่ก่อนที่เจอกันไม่เป็นแบบนี้บ้าง

หมับ!

แต่แล้วคนที่กำลังคิดกับตัวเองก็ได้หยุดชะงัก เมื่อมีมือหนามาจับมือของเขาออกแล้วสอดนิ้วทั้งสิบเข้ามาแทน ธามเงยหน้าเห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าจริงจังขึ้น ตั้งใจว่าจะปล่อยมือที่ประสานกันอยู่ออกแต่สิงห์ไม่ยอม นัยน์ตาสีฟ้าเข้มที่มองมาอย่างแน่วแน่คู่นั้นทำให้เขาต้องเม้มปาก

“นี่ธาม…” สิงห์ใช้อีกมือหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลออกไปไกลๆแล้วเลื่อนเข้ามาประชิดตัว

“อะไร” เขาเลิกคิ้วขึ้นยามเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆและเรื่อยๆ จนปลายจมูกชนกันใบหน้าห่างกันแค่คืบและสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อน พอมือหนาโอบรอบเอวทันใดนั้นริมฝีปากนุ่มก็แนบลงมา ตามด้วยลิ้นชื้นที่แทรกเข้ามาในปาก แขนที่โอบอยู่กอดแน่นขึ้นพอๆกับที่ร่างสูงรุกหนักกว่าเดิม ธามอยู่ผลักให้นอนราบลงไปกับโซฟาโดยที่มีอีกฝ่ายขึ้นคร่อม จากนั้นจึงถอนจูบออก

“…”

“…”

“ไปทำอาหารต่อกันดีกว่าครับ”

ใบหน้าหวานไม่ตอบแต่พยักหน้าราวเห็นด้วย

 

ตึก! ตึก!

เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นทางเดิน ร่างสูงรีบวิ่งด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อหนีจากการตัวตามของพวกชายชุดดำ หลังจากที่งัดช่องระบายอากาศเล็กๆและใช้สิ่งของที่หาได้จากภายในห้องนั้นมาทุบให้มันใหญ่ขึ้น โชคดีที่เสือทำลายสิ่งของจนเกิดเสียงดังอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ตอนทุบพวกที่เฝ้าอยู่เลยไม่สงสัย ตอนแรกเสือไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนเพราะได้แต่อยู่ในห้องที่ไม่มีหน้าต่าง แต่พอออกมาได้เขาก็รู้ทันทีว่าพ่อคิดผิดมหันต์ที่เอาเขามาขังไว้ที่คฤหาสน์ให้แฟรงเฟิร์ต ที่นี่เขามาบ่อยๆช่วงซัมเมอร์โชคดีชั้นที่สองเพราะว่าเส้นทางในคฤหาสน์หลังนี้เขารู้ดีมากกว่าใคร ถึงแม้การหลบหนีมันจะไม่ง่ายแต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังหลบได้แล้วกัน แต่ภายหลังจากที่เขาเงียบไปเพราะหนีออกมาได้ไม่ถึงห้านาทีเท่านั้นแหละ รถมาเซราติหลายคันก็เคลื่อนขบวนกันออกจากคฤหาสน์สุดหรูทันที

ร่างสูงวิ่งเข้าตรอกซอยเล็กๆเพื่อพักหายใจ ตอนนี้เขาเริ่มนึกชอบรถติดของกรุงเทพฯขึ้นมาเพราะอยากจะให้รถในแฟรงเฟิร์ตติดเหมือนในกรุงเทพมหานครบ้าง แต่น่าจะเป็นได้แค่ความฝันเพราะสถานการณ์รถติดที่กรุงเทพฯน่ะมันติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกเลยทีเดียว เสือเริ่มวิ่งต่อหลังจากที่พักได้ไม่นานแต่การที่พักอยู่ไม่นานนั้นมันก็ทำให้เขาคิดเรื่องหนึ่งได้บ้างอย่างเหมือนกัน

“แย่ชะมัด” น้ำเสียงสบถดังขึ้น เสือต้องวิ่งกลับที่เดิมเมื่อเห็นรถหรูที่กำลังจะแล่นเข้ามา ร่างสูงลัดเลาะไปตามเส้นทางต่างๆเหนื่อยจนแทบจะขาดใจหากต้องวิ่งต่อถ้ายังอยากหนีให้พ้น แม้เป้าหมายที่แท้จริงของเขาตอนนี้มันจะอยู่ที่พวกร้านจิวเวอร์รี่ก็ตาม ตอนที่ได้พักอยู่นั้นเสือก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าพาสปอร์ตเพื่อเข้าเมืองหรือเอกสารที่จำเป็นน่ะเขาไม่มีอยู่เลย อีกทั้งถ้าจะกลับประเทศไทยแน่นอนว่าต้องไปทางเรือหรือไม่ก็เครื่องบิน ไปเรืออาจปลอดภัยกว่าแต่ในสถานการณ์ตอนนี้เขาจำเป็นต้องไปเครื่องบินเท่านั้น

ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าจะไปเครื่องบินก็ต้องผ่านจุดตรวจ

ถ้าเขาจะขึ้นเครื่องอย่างไม่บริสุทธิ์ล่ะก็คงต้องใช้เงินอยู่มากโข นัยน์ตาสีครามเข้มมองแหวนหมั้นราคาแพงในมือตนเอง นึกขอโทษบรรพบุรุษของตระกูลเป็นอันดับแรก แล้วนึกไปถึงใบหน้าของอีกคน

“ตี้”

เสียงทุ้มพูดอย่างแผ่วเบาก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง

ดังนั้นเขาต้องกลับประเทศไทยให้ได้แม้ว่าต้องใช้วิธีอะไรก็ตาม

 

“นายทำอาหารอร่อยจัง” คำชมถูกยอใส่ภายหลังที่อาหารมือค่ำจบลง ต่อจากมื้อเที่ยงที่ธามเป็นคนทำปรากฏว่ามันอร่อยพอถึงมื้อค่ำเลยได้มีโอกาสเป็นเซฟอีก ธามพยักหน้ารับคำชมเล็กน้อยขณะกำลังเก็บจานไปล้างแต่มือหนาดันมาฉวยเอาไปเสียก่อน “ไปนอนเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมล้างเอง”

“อืม” ธามตอบรับตั้งใจว่าจะหมุนตัวกลับแต่โดนมือหนารั้งเอวเอาไว้แล้วดึงเบาๆให้เข้าใกล้กว่าเดิม ริมฝีปากร้อนของอีกคนประทับลงที่หน้าผากในขณะที่เลื่อนมือจากเอวบางมาศีรษะของอีกคน ถอนจูบออกแล้วขยี้หัวอย่างแผ่วเบา

“ฝันดีนะครับ”

“อืม นายก็ด้วย” สิงห์ยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินไปอีกทาง นัยน์ตากลมมองแผ่นหลังกว้างจนลับสายตาถึงเดินไปยังห้องตัวเองบ้าง พอลูกกลอนประตูถูกปิดออกแอร์เย็นเฉียบที่มีคนมาเปิดมันเอาไว้รออยู่แล้วจึงประดังเข้าใส่ ธามแทรกตัวเข้ามาในห้องปิดประตูแล้วล็อคกลอนก่อนไถลตัวลงไปทรุดกับพื้น ฝ่ามือแตะที่ริมฝีปากแล้วนั่งกอดเข่าตัวเองเอาไว้แน่น

หลังจากจูบนั่นความสัมพันธ์แบบชู้สาวมันก็เริ่มเข้ามาแทนที่เพื่อน ตอนนั้นเขาไม่ได้ปฏิเสธเพราะถ้าจะพูดกันตามตรงแล้วล่ะก็สิงห์มีสิทธิที่จะทำมากกว่าจูบด้วยซ้ำ

ใบหน้าหวานก้มลงที่เข่าแล้วหลับตาลง พลันได้ยินเสียงหนึ่งลอยมากับสายลม

‘ตี้’

น้ำเสียงแบบนี้…

“เสือหรือ!!” น้ำเสียงใสตะโกนถามหากแต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือเสียงสะท้อนของตัวเองและความเงียบ ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น ขาเรียวเดินไปที่กระจกที่ตอนนี้ปิดสนิททาบมือกับมันแล้วมองออกไปยังทะเลด้านนอก เห็นแต่ความมืดมีแสงจันทร์เล็กน้อยทำให้พอได้เห็นว่าตอนนี้น้ำทะเลขึ้นสูงเพราะเป็นช่วงกลางคืน

เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป…

          ได้ยินเสียงอย่างนั้นหรือ

          “คงจะหูฝาด”

          ใช่หูฝาด… ต้องหูฝาดไปแน่ๆ

          คนที่แม้แต่ตอนที่เขาป่วยยังไม่มาหา แล้วจะมาบนเกาะที่ไกลขนาดนี้ได้ยังไง

          “ฮึก…ฮือ” เสียงสะอื้นดังขึ้นทันทีที่คิดขึ้นมาได้ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้

 

          เสียใจ… ที่มันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ

 

 

 

100%

ทำไมมันเศร้าช่วงหลังจะมีแต่พาร์ทเศร้าๆ

รออีกหน่อยมันจะมีหวาน หวานชนิดที่ว่ามดขึ้นเลย

รอเสือค่ะ ช่วงนี้พี่เสือค่าตัวแพง แกแทบไม่ออกมาให้ธามเห็นเลย 55555


ออฟไลน์ :mdred

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-61
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 25(50%) l 03/03/16 : P.63
«ตอบ #1886 เมื่อ05-03-2016 15:31:41 »

 

ตอนที่ 24

 

การเปลี่ยนแปลง

 

ผมอยู่บนเกาะนี้มาได้สองอาทิตย์กว่าๆแล้ว

          การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดคือผมได้เศร้าซึมเหมือนเดิมอีกต่อไป อาจจะมีแอบร้องไห้บ้างแต่โดยรวมแล้วดีกว่าเก่าอยู่มากโข

          อยู่ที่นี่เราต้องปรับตัวหลายด้าน หนึ่งคือเรื่องอาหารการกินผมพึ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันนี้เองว่าจะมีคนเอาวัตถุดิบทำอาหารมาให้ทุกๆตีสาม (บังเอิญตื่นขึ้นมาแล้วเจอ) หลังจากที่แปลกใจอยู่นานว่าทำไมวัตถุดิบทำอาหารมันถึงไม่หมดสักที และสองสำหรับอาหารคือผมน่ะทำอาหารอร่อยกว่าสิงห์ แต่สิงห์ทำอาหารได้หลากหลายกว่า วันไหนที่เราสองคนขี้เกียจมักมีเมนูยอดฮิตคือข้าวไข่เจียว

          ที่นี่ไม่มีอินเตอร์เน็ต เวลาว่างของผมจึงมีมาก นี่ดูหนังมาเกือบทุกแผ่นแล้ว เล่นทะเลก็เล่นจนผิวเปลี่ยนเป็นสีแทนแล้วด้วย สิงห์บอกผมว่าเขาขอดรอปการเรียนมหา’ลัยของผม เสียใจนิดๆเพราะเกือบจะจบอยู่แล้วแต่เอาเถอะ ถ้ามาคิดดูแล้วก็พบว่าในเทอมนี้ผมน่ะแทบไม่มีความรู้เข้าสมองเลย ไอ้ที่เข้าสมองน่ะคือเรื่องวุ่นๆทั้งนั้น แต่นั้นหมายความว่าผมต้องซิ่วเข้าไปเรียนกับน้องปีหนึ่งอีกครั้ง กำลังคิดๆอยู่ว่าถือโอกาสนี้เปลี่ยนคณะเลยจะดีไหม

          “ธามเล่นน้ำมาสามชั่วโมงแล้วพอได้แล้วครับ” เสียงดุเล็กน้อยดังขึ้นเหนือหัว ผมที่กำลังก่อกองทรายเล่นเงยหน้าขึ้นเห็นนัยน์ตาสีฟ้าเข้มที่กำลังจ้องลงมา ในมือหนามีผ้าขนหนูผืนหนึ่งถืออยู่ ผมพยักหน้าเพราะไม่อยากขัดใจเขาอีกอย่างคือเริ่มแสบผิว เลยเดินไปล้างมือกับน้ำทะเลก่อนแล้วจึงยื่นมือไปรับผ้าขนหนูผืนนั้นมาเช็ดตัว

          ผมเดินตามร่างสูงพอถึงหน้าบ้าน สิงห์ก็เดินเข้าไปก่อนแล้วกลับออกมาพร้อมชุดคลุมสีขาว ผมยื่นมือรับแล้วเดินไปถอดชุดก่อนจะเข้าทางด้านหลัง (เข้าทางหน้าบ้านมันเปียก) แล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำเลย พอออกมาจากห้องน้ำผมจะเห็นชุดใหม่ที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้ทุกครั้ง เลยสะดวกตรงที่ว่าไม่ต้องไปเลือกชุดใส่เอง

          เสียงของทีวีดังมาทำให้ผมรู้ว่าสิงห์กำลังเปิดหนังเรื่องใหม่รออยู่ เพราะหลังจากเล่นน้ำเสร็จผมจะมาดูหนังต่อ จากนั้นจึงไปทำอาหาร กินข้าวแล้วก็เข้านอน เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน

          ผมสวมเสื้อซึ่งเป็นชิ้นสุดท้ายที่ต้องใส่ติดกระดุมแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเดิมสำหรับเช็ดผมไปด้วย สิงห์นั่งรออยู่ที่โซฟาผมจึงเดินลงไปนั่งข้างๆ เพราะเขาคุยโทรศัพท์เป็นภาษาอะไรสักอย่างอยู่จึงหันมายิ้มให้เล็กน้อยแล้วเอื้อมมือมาซับผมให้พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย

        “#$^%&&(*(@#%&^&*”

        “#%$^(*)$#$@&*$&(^”

        ผมเหล่ตามองเขาเล็กน้อย ช่วงนี้เหมือนจะคุยโทรศัพท์บ่อยขึ้น จนกระทั่งสิงห์วางสายโทรศัพท์แล้วทำสีหน้าเหมือนหนักใจแต่มือที่กำลังขยี้เพื่อซับผมให้ใหม่ก็ไม่ยอมลดละไปไหน

          “มีอะไรหรือเปล่า”

          “เปล่าครับ” เขาส่ายหน้าแล้วก้มลงมาจูบที่หน้าผาก “เบื่อหรือเปล่าธาม”

          “หือ”

          “ผมหมายถึงอยู่ที่นี่น่ะเบื่อหรือเปล่า”

          “ก็… นิดหน่อย” ผมตอบไปตามความจริงแต่เบื่อที่ว่าน่ะมันก็ไม่ได้มากมายอะไร สิงห์พยักหน้ารับรู้

          “คุณย่าบอกว่าคุณแม่ของธามคิดถึงลูกชาย อยากให้กลับกรุงเทพฯสักที นายอยากกลับหรือเปล่า”

          “เอาสิอยากเจอแม่เหมือนกัน”

          “แต่ผมไม่อยากให้นายไปจากที่นี้เลย”

          “…”

          “ผมล้อเล่นนะครับ ไปเก็บของรอก่อนได้ไหมเดี๋ยวผมตามไป ตอนค่ำๆจะมีเรือมารับ” มือหนาปัดเส้นผมที่กำลังปรกใบหน้าผมอยู่ออก ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรีบเดินไปยังห้องของตนเอง

 

          นัยน์ตาคมมองแผ่นหลังเล็กที่หายเข้าไปในห้องนอน จากนั้นสิงห์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกอีกครั้ง เสียงโทรออกดังประมาณสามครั้งปลายสายก็กดรับ

          (ครับนายท่าน)

          “หาเจอหรือยัง”

          (ยังครับ ไม่มีใครหาตัวคุณเสือเจอเลยครับ)

          สิงห์จิปากอย่างขัดใจ ภายหลังจากที่พ่อโทรมาบอกว่าพี่ชายตัวดีนั้นหนีออกไปได้แล้ว แม้จะดักทั้งสนามบิน ท่าเรือ ทุกๆทางที่จะไม่ให้อีกฝ่ายออกจากแฟรงเฟิร์ตแต่กลับหาไม่เจอ แม้เขาจะไม่รู้ว่าพี่เสืออยู่ที่ไหนแต่ความรู้สึกตอนนี้น่ะมันบอกว่าเจ้าตัวมาอยู่ที่ไทยแล้วแน่ๆ ซ้ำแล้วยังเหมาะเจาะกับช่วงที่คุณย่าโทรมาเรียกตัวให้กลับบ้านจะปฏิเสธก็ยังไงๆอยู่ “รอยด์ว่ายังไง”

          (เหมือนรอยด์ก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณเสือเลยครับ เอาตรงๆก็ไม่เห็นว่าจะมีใครที่สามารถติดต่อกับคุณเสือได้เลย)

          “หาตัวให้เจอแล้วกัน ธามจะออกจากเกาะแล้ว” สิงห์ว่าก่อนจะตัดสาย เขามั่นใจเรื่องที่ธามเริ่มรู้ดีกับตัวเองมากขึ้นแต่มันยังไม่มากพอ ระยะเวลามันยังเร็วเกินไป ที่กะเอาไว้คือหนึ่งเดือนแต่นี่มันพึ่งจะได้แค่เกือบสองอาทิตย์เท่านั้นเอง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน มือหนายัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วเดินไปยังห้องที่ธามพึ่งเข้าไปเมื่อสักครู่เพื่อช่วยเก็บของ

 

          เรือยอร์ชสุดหรูแล่นมารับผมตอนค่ำอย่างที่สิงห์บอก ใช้เวลานานพอสมควรในการขับเข้าฝั่ง แถมพอมาถึงฝั่งเราก็ต้องนั่งรถเพื่อไปสนามบินต่ออีกเพื่อที่จะประหยัดเวลาลงให้มากกว่าเดิมเนื่องจากที่ๆเราอยู่ตอนนี้มันห่างไกลจากกรุงเทพฯอยู่พอสมควร

          ผมหันหลังมองท้องทะเลที่ยังคงมีกลิ่นเค็มและลมเย็นที่ทำให้รู้สึกเหนียวตัว ถึงแม้ว่าจะเริ่มรู้สึกชินกับสิ่งเหล่านี้แล้วก็ตาม

          “ไปได้แล้วครับธาม” เสียงทุ้มตะโกนเรียกมาแต่ไกล ผมรีบหันหน้าไปมองปรากฏว่าทุกคนนั้นเดินห่างออกไปถึงคันหรูที่มาจอดรอแล้ว เห็นดังนั้นผมเลยรีบวิ่งไปยังรถที่มีคนยืนรออยู่ มือหนาบีบจมูกผมเล็กน้อยเมื่อผมวิ่งไปถึง “ทำอะไรอยู่น่ะครับ”

          “มองทะเล”

          “หรือครับงั้นขึ้นรถดีกว่า ช้ากว่านี้เราจะสาย” ผมหมุนตัวเพื่อมองท้องทะเลเป็นครั้งสุดท้าย สูดกลิ่นเค็มของน้ำแล้วก้าวขึ้นรถตามที่อีกฝ่ายบอก สิงห์ขึ้นมานั่งข้างผมมือหนาตบศีรษะของผมให้นอนลงที่ตักแล้วลูบเส้นผมไปมา “พึ่งกินยาไปเดี๋ยวนายจะง่วง นอนรอเลยก็ได้นะ”

          “อืม” ผมพึมพำตาใกล้หลับเพราะฤทธิ์ยาที่กินไปเมื่อตอนยังอยู่บนเรืออย่างที่สิงห์ว่า ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไป

 

        กรุงเทพมหานคร

        ผมตื่นมาอีกครั้งตอนตีสี่ พึ่งรู้ว่าถูกอุ้มขึ้นเครื่องบินเพราะโดนปลุกแล้วไม่ตื่น ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านจัดสรรไม่ใช่คอนโดเป็นบ้านขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ใหญ่แบบโอเวอร์อลังการแต่เป็นใหญ่ในระดับที่สามัญชนคนมีอันจะกินแต่ไม่ถึงขนาดร่ำรวยเป็นพันล้านพอที่จะซื้อได้ มันเป็นบ้านจัดสรรสองชั้น มีสวนหน้าบ้านดูร่มรื่น ผมอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จตั้งแต่ตีห้า อาศัยชุดที่เก็บมาจากบ้านติดชายหาดมาใส่ก่อน แล้วเดินลงมาเล่นที่สวนหน้าบ้าน อ้อ! ผมลืมบอกไปเจ้าเธียร์ก็มาด้วยนะครับ

          สิงห์เดินมานั่งที่ม้าหินอ่อนข้างๆผมที่กำลังเล่นกับเจ้าแมวอยู่ เปาหอมอยู่วางบนโต๊ะพร้อมกับแก้วโอวัลติน

          “ยังไงก็จะไปบ้านใหญ่อยู่แล้ว ไปทานข้าวที่นั่นเลยดีกว่า ยังไงตอนนี้ถ้าหิวก็ทานเปาไปก่อนนะครับ”

          “ไปซื้อมาตอนไหน” ผมถามขณะหยิบเปาลูกหนึ่งยัดเข้าปาก

          “ตอนที่นายอาบน้ำ น้ำเต้าหู้ก็มีนะครับ ถ้าอยากทาน”

          “เอาโอวัลตินดีกว่า” ผมตอบแล้วค่อยๆจิบโอวัลตินเข้าปากตาม

          ผมเล่นกับแมวเกือบหนึ่งชั่วโมงจากนั้นจึงไปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่น เปิดทีวีนอนเล่นโทรศัพท์รอ กระทั่งเกือบหนึ่งโมง ร่างสูงจึงเรียกผมให้ไปเก็บเสื้อผ้าบนห้องอีกครั้ง เพราะต่อจากนี้เราจะเข้าไปอยู่ที่บ้านใหญ่เลย ผมใช้เวลาไม่นานเพราะตอนหยิบเสื้อผ้าออกมาใส่ไม่ได้ค้นมันมาก จากนั้นจึงเดินลงมาจากชั้นสองโดยมีสิงห์ยื่นหมุนกุญแจรถรออยู่ด้านล่างแล้ว มือหนาหยิบกระเป๋าของผมไปถือ ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถ พอถึงรถโทรศัพท์เครื่องหนึ่งก็ถูกยื่นมาให้ผม

          “ผมคืนให้” มันเป็นโทรศัพท์มือถือของผมเอง เกือบจะลืมไปแล้วเชียวเพราะตอนที่อยู่บนเกาะผมก็ไม่ได้ถามหาโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย ผมรับมาเลื่อนหน้าจอแล้วใส่รหัสผ่านก่อนจิ้มนิ้วเข้าไปดูยังคลังรูปภาพ

          รูปภาพเกือบทุกรูปของผมถูกลบออกจนหมด แอพต่างๆด้วยก็เช่นกัน เหมือนโดนล้างเครื่องใหม่ทั้งหมดเพราะเบอร์โทรศัพท์ก็ถูกเปลี่ยนด้วยยกเว้นเบอร์โทรติดต่อของเพื่อนๆที่ยังไม่หายไปไหน ผมกดปิดโทรศัพท์แล้วยัดมันเข้ากระเป๋ากางเกง นั่งเงียบๆฟังเพลงในรถแทน ตัวรถหรูที่เคลื่อนที่ตัวความเร็วสูงไม่นานนักมันก็เลี้ยวเข้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ที่คุ้นเคย ผมรอให้รถจอดสนิทจากนั้นจึงเดินลงจากรถก่อนจะถูกใครบางคนโผล่เข้ากอดทันที

          “ธาม!! ธาม!!” เสียงของแม่ผมกอดแม่เอาไว้แน่น อีกฝ่ายก็กอดผมเอาไว้แน่นเช่นกัน เสียงสะอื้นดังมาที่ข้างหู พอผละออกใบหน้าที่อ่อนวัยกว่าอายุก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา มือบางแตะที่ใบหน้าของผมแล้วหอมที่แก้ม หลังจากนั้นแม่ก็กอดผมเอาไว้อีกครั้ง เนิ่นนานไม่ยอมปล่อยเสียทีจนคุณหญิงเจ้าของคฤหาสน์มาเรียกให้ไปทานข้าวเช้าแม่จึงยอมปล่อย

          ผมเม้มปากนึกเสียใจที่คราวก่อนมัวแต่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง ไม่ได้คิดถึงคนเป็นแม่ว่าท่านจะเศร้าแทนแค่ไหน

          “เลิกร้องไห้เหมือนเดิมแล้วใช่ไหมธาม” น้ำเสียงอบอุ่นถามขึ้นในขณะที่เราสองคนกำลังเดินไปยังห้องอาหาร ผมพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นสีหน้าของมารดาก็เริ่มดีขึ้นเป็นเท่าตัว “ดีแล้วลูก”

          “ครับ” ผมยิ้มตอบขณะที่เลี้ยวตัวเข้ามาในห้องขนาดใหญ่ ใจกลางห้องมีโต๊ะยาวตัวหนึ่งวางอยู่พร้อมด้วยเก้าอี้หรูวางเรียงราย บนโต๊ะล้วนมีแต่อาหารชั้นเลิศที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนให้ท้องผมเริ่มร้องขึ้นมา

          “หนูธามมานั่งข้างย่ามา” เสียงทุ้มของคุณหญิงศิริวรรณเรียกผมพลางขวักมือ ผมมองหน้าคุณแม่เล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆท่านตามที่ท่านบอก ข้าวสวยสีสะอาดถูกตักให้ทันทีที่ผมนั่งลงตามมาด้วยมือเหี่ยวย่นตามอายุของคุณหญิงที่ค่อยๆตักอาหารมาวางใส่จาน ผมพยักหน้าบอกขอบคุณแล้วเริ่มลงมือทานทันที

          การทานอาหารเช้านี้เงียบกริบเหมือนไม่มีใครอยู่ในห้อง เพราะคุณหญิงเป็นผู้ดีด้วยเลยเหมือนจะเคร่งมากกว่าปกติ สิงห์ตามมานั่งที่นั่งตรงข้ามผมทีหลัง เขายิ้มให้เล็กน้อยก่อนหันไปไหว้คุณแม่ของผมแล้วลงมือทานเหมือนกัน

          “หนูธามรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม”

          ผมรีบวางช้อนที่กำลังจะตักเข้าปากลงทันทีที่ได้ยินคำถาม “ดีขึ้นแล้วครับ”

          “ดีแล้วล่ะ คุณแม่ของเราจะได้สบายใจลง”

          “ครับ”

          “แล้วเมื่อกี้เราไปไหนมา ทำไมมาทานอาหารช้าล่ะ”คุณหญิงหันไปถามสิงห์บ้าง ซึ่งคนที่ได้รับคำถามก็วางช้อนลงแล้วตอบตามปกติ

          “ไปคุยโทรศัพท์น่ะครับ”

          “บริษัทก็ยังไม่ได้รับช่วงต่อจริงๆก็งานยุ่งเสียแล้วหรือ อย่าเป็นเหมือนพ่อเราล่ะ พอรับช่วงต่อก็เริ่มบ้างานขึ้นเรื่อยๆ”

          “ก็พอเขาเป็นลูกคนเดียวนี่ครับ ธุรกิจของคุณปู่ก็เยอะขนาดนี้ไม่ให้บ้างานได้ยังไง”

          “เพราะแบบนี้พ่อเราเลยประชดด้วยการผลิตลูกออกมาสี่คนในเวลาใกล้เคียงกันจนเลี้ยงไม่ทันไง คนที่ตั้งท้องน่ะสิมันเหนื่อย ว่าแล้วก็รู้สึกสงสารแม่ของเราจริงๆสิงห์”

          “แต่คราวนี้ทิพย์ว่าคุณหญิงคงไม่ต้องเหนื่อยเลี้ยงหลานอีกแล้วมั้งคะ” คุณป้าที่ยืนอยู่ข้างคุณหญิงพูดขึ้นมา พลางยิ้มกรุ่มกริ่มสายตามองมาทางผม “ก็ดูเหมือนว่าสะใภ้คราวนี้จะเป็นผู้ชาย”

          “นั่นสินะ ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่เหนื่อย” ผมหัวเราะเล็กน้อยเมื่อคุณหญิงพูดประโยคนี้ขึ้นมา แต่ประโยคถัดมาผมกลับขำไม่ออก

          “จริงสิคะ แล้วคุณเสือไปไหนทิพย์ไม่ได้เห็นหลายวันแล้ว เห็นคนอื่นไม่ได้พูดกันเลยยังไม่ได้ถาม--”

          “ไม่ถามน่ะดีแล้ว” น้ำเสียงปนตำหนิจากแม่นมของเสือที่ยืนอยู่ไม่ไกลดังขึ้นขัด เจ้าของประโยคก่อนหน้านี้ทำหน้างงเหมือนไม่เข้าใจ แต่พอคุณป้าคนนั้นหันมามองทางผมก็เหมือนนึกอะไรได้เพราะแกเบิกตากว้างแล้วรีบก้มหน้าลงทันที

          “ขอโทษค่ะ”

          “ผมอิ่มแล้วครับ” ผมบอกแล้วลุกขึ้น “ขอตัวออกไปเดินเล่นด้านนอกนะครับ”

          “ผมไปด้วย” ร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้ามลุกขึ้นตาม “ผมก็รู้สึกเบื่อๆแล้วน่ะครับ”

          “ไปพร้อมกันทั้งสองคนเลยหรือ ก็ได้จ้ะระวังตัวดีๆนะ”

          “ครับ” เสียงทุ้มตอบแทน สิงห์เดินอ้อมมาหาก่อนจะจูงมือพาผมเดินออกไปด้านนอก เขาพาเดินออกมาทางด้านหลังคฤหาสน์ สวนดอกไม้ขนาดใหญ่หลากหลายนานาชนิดเป็นสิ่งแรกที่เห็น ผมอึ้งไปสักนิดมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้แสนสวย แต่สิงห์ยังไม่หยุดเดินเขาจูงมือผมมาเรื่อยๆจนกระทั่งพ้นเขตดอกไม้กลายเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีแทน ร่างสูงนั่งลงบนหญ้าก่อนจะฉุดให้ผมนั่งลงตามหลังจากนั้นพวกเราทั้งสองคนก็เปลี่ยนจากนั่งมาเป็นนอนแทน

          “ที่นี่ที่ไหน” ผมถามแม้จะเห็นอยู่เต็มตาว่ามันเป็นสวนดอกไม้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบคำถามผิดจากที่ผมคาดการณ์เอาไว้นัก

          “สวนดอกไม้ไงตอนเด็กๆนายชวนผมมาเล่นที่นี่บ่อยๆ จำไม่ได้หรือ”

ผมส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมถึงไม่ค่อยจำช่วงเวลาวัยเด็กของตัวเองได้

          “จริงสิลืมถาม นายรู้จักเราได้ยังไง”

“ตอนเด็กที่งานเลี้ยง พ่อกับแม่ของธามชอบพาธามมาด้วย เราเจอกันที่งานเลี้ยงบ่อยๆเลยรู้จักกัน จากนั้นนายก็มาเล่นที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ แต่พอผมอายุประมาณเจ็ดแปดขวบเราก็ไม่ได้เล่นกันอีก”

“หรือ” ผมลากเสียง “งั้นทำไมเราจำอะไรไม่ค่อยได้เลยล่ะ”

“นั้นสินะ แต่ตอนเด็กน่ะนายน่ารักมากเลยนะ”

“เพราะอย่างนั้นถึงชอบหรือ”

“เปล่าหรอก”

“เพราะนายเคยช่วยผมเอาไว้ต่างหาก”ผมทำหน้าแปลกใจ

“…” พอสิงห์เห็นดังนั้นเขาเลยพลิกตัวผมให้เอนข้างแล้วชี้ไปยังแอ่งน้ำขนาดกลางที่อยู่ไม่ไกลนัก

“วันนี้เราเล่นซ่อนหาแล้วผมวิ่งไปซ่อนไม่ดูตาม้าตาเรือ แล้วดันเผลอตกน้ำ แต่นายเป็นคนช่วยผมเอาไว้ ตอนนั้นนายเกือบตายเพราะช่วยผม แถมหยุดหายใจไปรอบหนึ่งบางทีที่จำอะไรไม่ค่อยได้อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นก็ได้”

“แบบนั้นไม่ใช่ทฤษฎีสะพานแขวนหรือไง” ผมว่า “การตกหลุมรักระหว่างประสบอุบัติเหตุน่ะ”

“ไม่ใช่หรอก”

“มั่นใจ”

“ธามถ้าไม่ใช่รักจริงๆผมไม่ยอมทนรอเกือบสิบๆหรอก สำหรับครอบครัวที่เป็นนักธุรกิจที่อยู่ก่ำกึ่งระหว่างโลกมืดและโลกภายนอก ความรักคือเรื่องไร้สาระนะครับ ที่หมั้นกันส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อธุรกิจทั้งนั้น”

“…”

“…”

“หรือ”

ผมไม่ได้หันไปมองหน้าเขา เลยไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายทำหน้ายังไง แต่สัมผัสได้ว่าสิงห์เอามือยันตัวขึ้นเสียงทุ้มต่ำดังตามมาทันที

“ไม่มั่นใจในตัวผมหรือธาม”

“ไม่ใช่แค่นายแต่เป็นทุกๆคนในอัครมหาภูวสถิต”ผมพยายามย้ำนามสกุลด้านหลังแต่อีกฝ่ายกลับตอบด้วยน้ำเสียงราวกับไม่ระยี่

“ผมใช้นามสกุลของพ่อครับ”

“โกหก”

“เรื่องจริงครับ พึ่งเปลี่ยนเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง”

“งั้นนามสกุลพ่อนายด้วย”

“โถ” น้ำเสียงหนักใจดังขึ้นทันที “แบบนี้ก็ตั้งใจกันแต่แรกแล้วสิ”

“…” ผมไม่ตอบขณะหลับตาลงแน่น ก่อนจะรู้สึกถึงมือหนาที่เลื่อนมาจับศีรษะของผมไปวางบนตักแกร่ง ผมลืมตาขึ้นเลยเห็นนัยน์ตาสีฟ้าเข้มที่จ้องลงมาก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาที่เริ่มก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ

เรื่อยๆ…

 

เรื่อยๆ…

 

“แม่อยากให้ธามกลับบ้านเราจังเลย แต่กลัวเราจะเหงาเพราะที่บ้านไม่มีใครอยู่ อยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะลูก”

“ไม่ใช่เด็กแล้ว”

มือบางยกขึ้นบีบจมูกผมทันที “ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่กี่สัปดาห์ก่อนน่ะเรายังร้องไห้เหมือนเด็กอยู่เลย”

“แม่ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ผมย้อนบ้างเมื่อมีคนเล่าให้ฟังว่าตอนที่ผมไปอยู่เกาะ แม่ผมเอาแต่นอนซมร้องไห้เหมือนกัน “แม่ก็ไม่ร้องแล้วนะ”

ใบหน้าหวานถอนหายใจ ฝ่ามือที่เลี้ยงผมมาจนโตยกขึ้นลูบใบหน้า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ร้องอีกแล้วนะ”

“ครับ”

“อยู่ได้ใช่ไหม”

“ได้ครับ”

“แม่จะมาเยี่ยมบ่อยๆ ไปแล้วจ้ะดูแลตัวเองดีๆนะ” คุณแม่ย้ำอีกครั้งผมก็ได้แต่ตอบแบบเดิมคือครับๆๆ เมื่อรถเบนซ์คันหรูแล่นออกไปจากคฤหาสน์พอผมหมุนตัวก็เห็นแม่นมที่คุ้นหน้ายืนอยู่

“นมจะพาหนูธามไปดูห้องน่ะค่ะ”

“อ๋อครับ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามแม่นมไป ห้องของผมอยู่ทางด้านทิศตะวันตกถ้าจำไม่ผิดมันคนละฝากกับห้องของผู้ชายคนนั้นเลย ตอนนั้นผมเริ่มมีภูมิคุ้มกันการร้องไห้มากขึ้นแล้ว เรื่องนิดๆหน่อยอาจจะมีสะกิดใจอยู่บ้างแต่ไม่ได้ทำให้ร้องไห้เร็วเหมือนแต่ก่อนแล้ว

“ห้องนี้แหละค่ะ” ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูสีขาวขนาดใหญ่ พอเปิดเข้าไปก็เจอกับห้องนอนขนาดใหญ่ส่วนแรกที่เจอคือที่นั่งโซฟามีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ติดบนกำแพงที่เป็นแผงกั้นระหว่างที่นั่งดูโทรทัศน์กับเตียงนอน เป็นห้องทรงโมเดิร์นโทนดำน้ำตาลเรียบๆแต่ดูหรูหรามีระดับ ผมสังเกตเห็นตู้เสื้อผ้าพอเดินเข้าไปเปิดดูก็พบว่าเสื้อผ้าถูกนำมาแขวนและจัดเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว “ห้องน้ำมันจะเป็นสระ ถ้าอยากอาบในสระเรียกพวกสาวใช้ก็ได้นะคะ แต่ถ้าไม่ ใช้ฝักบัวแทนก็ได้ค่ะ”

“ครับ ไม่มีปัญหาครับ”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ”

“ครับ” ผมตอบแล้วเดินไปส่งแม่นมที่หน้าห้อง จากนั้นจึงเดินกลับเข้ามาใหม่ล้มตัวนอนลงบนเตียงนุ่ม แอร์เย็นๆกับความเงียบมันชวนให้หลับ ดูเหมือนจะเปิดกันแบบไม่แคร์สภาวะโลกร้อนกันจริงๆครับ ตอนเช้าขนาดนี้ยังเปิด

ผมนอนนิ่งมองเพดานแต่สุดท้ายเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรทำจริงๆจึงหยิบโทรศัพท์ที่พึ่งได้คืนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ขึ้นมาดู เพราะแอพโดนลบหมด ผมเลยโหลดแอพใหม่เป็นไลน์กับแอพดูหนังเอามาเปิดดูหนังไทยย้อนหลังดูเล่น ตั้งใจว่าจะเลือกหนังฮาๆแต่หาไม่เจอเลยเข้า Safari แล้วค้นหาพี่โน้ต อุดมดูแทนแล้วก็ได้สมหวังฮาแตกจริงๆด้วย

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“ไม่ได้ล็อคครับ”

“ทำอะไรอยู่น่ะครับ”

ผมไม่ได้ตอบคำถามแต่ถามกลับ “ทำไมกลับมาเร็วจังไหนบอกว่าไปทำงานที่มหา’ลัย”

“ก็ทำงานเสร็จแล้ว” ร่างสูงเดินเข้ามานั่งข้างพลางชะโงกหน้าดูคลิปในโทรศัพท์ผม “ดูอะไรอยู่น่ะครับ”

“พี่โน้ต อุดมเคยดูป่ะ”

“ไม่เคย”

“เด็กนอกก็อย่างนี้” ผมว่าแล้วกลิ้งสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มเพราะเริ่มหนาวก่อนจะตั้งใจดูอีกครั้ง แต่พอเห็นนัยน์ตาคมที่กำลังมองมาอย่างสงสัยเลยหยุดเอาไว้แล้วกวักมือเรียก “ดูปะ ?”

แทบไม่ต้องคิดเพราะทันทีที่ผมพูดจบสิงห์ก็แทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มด้วยทันที เพราะหน้าจอโทรศัพท์มันเล็ก พวกเราเลยย้ายถิ่นฐานจากบนเตียงไปเป็นโซฟาแล้วเชื่อมโทรศัพท์กับโทรทัศน์เอา เสียงหัวเราะดังเจื้อยแจ้วลั่นคฤหาสน์หลังจากนั้นก็มีผู้ร่วมสมทบเป็นเหล่าสาวใช้เริ่มต้นที่สองสามคนก่อนจะมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆจนเกือบจะเต็มห้อง

 


ออฟไลน์ :mdred

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-61
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 25(50%) l 03/03/16 : P.63
«ตอบ #1887 เมื่อ05-03-2016 15:33:15 »

4 วันต่อมา

“นิ่งๆสิเธียร์ นิ่งๆก่อน เหลือแค่ล้างน้ำก็จะเสร็จแล้ว” ผมว่าพลางจับแมวเอาไว้ให้แน่นๆแล้วฉีดน้ำเข้าใส่ พอเห็นว่าฟองสบู่หายไปหมดแล้วจึงรีบห่อมันด้วยผ้าขนหนูก่อนอุ้มขึ้นเอาเข้าบ้าน

“อาบน้ำให้แมวหรือคะคุณธาม”

“ครับ ผมขอผ้าขนหนูอีกผืนหน่อยสิ” ผมบอกกับพี่สาวใช้ที่เริ่มจะคุ้นหน้ากันบ้างแล้วแม้จะยังจำชื่อไม่ได้ก็ตาม (คนใช้บ้านนี้เกินสามสิบจะให้ไปจำหมดได้ยังไง) ทันทีที่ผมว่าจบผ้าขนหนูผืนใหม่สำหรับเช็ดแมวก็ถูกส่งให้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในวัยเกษียณคือวันๆนี้ไม่ต้องทำอะไรเลย หรือบางทีวัยเกษียณอย่างคุณย่า (คุณหญิงบังคับให้เรียกว่าคุณย่า) อาจมีงานให้ทำมากกว่าผมก็ได้ เห็นท่านออกงานเกือบทุกวันงานประมูลบ้าง งานสัมปทานบ้าง งานอะไรอีกก็ไม่รู้เยอะแยะ ส่วนเด็กซิ่วอย่างผมที่ไม่มีอารมณ์มานั่งอ่านหนังสือเลยได้แต่เล่นกับแมวไปวันๆเท่านั้น

“ข้าวเที่ยงเอาเป็นอะไรดีคะ” แม้ผมจะเริ่มสนิทกับพวกพี่ๆสาวใช้แล้ว แต่พวกพี่แกก็ยังคงเหลือนิสัยแบบเดิมเอาไว้อยู่นั่นคือ …สุภาพ

“เอาที่เหลือจากตอนเช้าก็ได้”

“ไม่ได้ค่ะ คุณหญิงสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้คุณธามทานอาหารเหลือจากตอนเช้า”

“แต่ผมไม่เป็นไรนะ บางทีทำมาแล้วทานไม่หมดมันเปลือง”

“ไม่ได้ค่ะ”

“โอเคยอมแพ้” ผมพยักหน้าแล้วบอก “งั้นเอาอะไรก็ได้ครับ แต่ขอจืดๆหน่อยแบบพวกแกงจืดน่ะครับ”

“ทราบแล้วค่ะ” เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป ต่อจากนี้มันจะเป็นช่วงเวลาอันแสนน่าเบื่อของผม ผมเดินเข้าห้องโรงหนังที่เรียกแบบนี้เพราะจอโทรทัศน์ห้องนี้ใหญ่มว๊ากกก (วิบัติเพื่อให้เห็นภาพ) มีเครื่องเสียงแถมยังดูสามดีได้ด้วยคือครบชุด ขาดแค่ป๊อปคอร์นกับโค้กเท่านั้น เพราะถ้าจะเข้าห้องตัวเองก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากนอน ผมเปิดโทรทัศน์นอนฟังโฆษณาเล่นไปส่วนสายตามองโทรศัพท์ แต่สักพักเสียงชวนเชิญบางอย่างก็ทำให้ผมรู้สึกสนใจจนต้องหันไปมอง

มันเป็นโฆษณาสวนสนุกซึ่งน่าจะสนุกดีถ้าเทียบกับคนที่ไม่มีอะไรทำแบบผม ผมมองนาฬิกานี่ใกล้จะเที่ยงแล้วนั่นแสดงว่า…

“กลับมาแล้วครับ”

…ตรงเวลาจริงๆด้วย

เสียงทุ้มดังขึ้นข้างๆหูก่อนคนตัวสูงจะเดินมานั่งลงข้างๆ สิงห์ในชุดบริหารติดกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงกับกลิ่นบุหรี่เล็กน้อย (ที่บอกว่าติดกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงเพราะจากที่ผมสังเกตดูแล้วพบว่าเขาไม่ใช้น้ำหอม) เขาจะไปมหา’ลัยตอนเช้าและตอนเที่ยงก็จะกลับมาที่คฤหาสน์หลังนี้ แถมยังตรงเวลาเสมอด้วยก่อนที่โฆษณามันจะจบลงเสียก่อนแล้วก็เลยรีบชี้ให้สิงห์ดูทันที

“อยากไป”

“ไปไหน”

“สวนสนุก” มันเป็นสวนสนุกเปิดใหม่น่าจะตั้งอยู่แถวๆชานเมือง สิงห์ไม่ได้ห้ามไม่ให้ผมออกไปไหน แค่บอกว่าถ้าจะออกไปคนเดียวโดยที่ไม่มีเขาไปด้วยต้องมีคนตาม คนตามที่ว่าคือพี่บอร์ดี้การ์ดล่ำบึก ผมเลยคิดว่าถ้าจะโดนตามแบบนี้ขอไม่ออกไปเลยซะดีกว่า สี่วันที่ผ่านมาเลยหมกอยู่แต่ในคฤหาสน์หลังนี้อย่างเดียว

สิงห์ยังไม่ตอบ เขามองที่หน้าจอโทรทัศน์เหมือนกำลังคิด สักพักก็หันมามองผมแล้วพยักหน้าเบาๆ

“ไปก็ไปครับ”

“เย้!” ผมกระโดดร้องทันที “งั้นไปเตรียมของก่อนนะ”

“โอเค” พอได้ยินแบบนั้นผมก็เลยวิ่งด้วยความเร็วขึ้นไปบนห้องตัวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าหยิบเป้สะพายอันเล็กที่มีคนซื้อมาให้ โทรศัพท์ พวกกระเป๋าสะตางค์ ตรวจทานอีกครั้งพอเห็นว่าครบเรียบร้อยแล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง ผมคิดว่าผมเร็วพอสมควร แต่กลับมีคนเร็วกว่าเพราะสิงห์ยื่นสูบบุหรี่รอในชุดไปรเวทธรรมดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปยืนขนาบข้างแล้วจ้องบุหรี่ที่อยู่ระหว่างนิ้วสองนิ้ว

“สูบบุหรี่ด้วย ?”

น่าแปลกก็ปกติเห็นเขาไม่ค่อยสูบแต่วันนี้พอกลับมาก็ได้กลิ่นแล้วแสดงว่าสูบจัดมาก่อน แล้วตอนนี้ก็ยังมาสูบอีก

มือหนาบดขยี้บุหรี่ม้วนนั้นทิ้งไปทันทีที่โดนผมท้วง เขาโอบเอวผมเดินไปยังรถคันหรูที่จอดรอ ผมก้าวขึ้นไปนั่งคาดเข็มขัด พอมองไปทางด้านหลังก็พบว่ารถอีกคันจอดอยู่ด้วยเลยอดถามไม่ได้

“ต้องมีคนตามด้วย ?”

“มันจำเป็นน่ะ ขอโทษนะจริงๆแล้วช่วงนี้ผมไม่อยากให้นายออกจากบ้านด้วยซ้ำ”

“มันอันตรายหรือ”

“ก็เปล่าหรอก ไม่ถึงขนาดนั้น”

“ถ้าทำให้วุ่นวายไม่ไปก็ได้นะ”

“ไปนั่นแหละครับ ธามคงเบื่อถ้าจะอยู่ที่บ้านตลอด” ว่าจบตัวรถก็เคลื่อนที่ออกทันทีผมเอนตัวพิงประตู หลับตาลงพักสายตาเพราะกว่าจะถึงคงจะใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีได้ “เอนเบาะลงไหมครับถ้าจะนอน”

“พักสายตาเฉยๆ”

“ผมว่าอีกหน่อยคงหลับ”

“ไม่หลับหรอก”

 

30 นาทีต่อมา

“ธามครับตื่นได้แล้วถึงแล้ว” เสียงปลุกทำให้ผมลืมตาขึ้นในสภาพงัวเงียอยากจะเอนตัวนอนต่อเต็มทีถ้าไม่ติดที่ว่ามีมือของใครบางคนมาฉุดให้ลุกออกจากรถ “ถึงแล้วครับ ผมไปซื้อตั๋วเข้ามาแล้วเนี่ย”

ผมถอนหายใจอยากนอนต่อเต็มทนแต่อีกคนไม่ยอม ทว่าพอได้ลงมาจากรถแล้วเห็นสวนสนุกตรงหน้าผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาจริงๆ เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ เปิดมาไม่กี่วันแต่คนเยอะขนาดนี้แสดงว่าต้องดังแน่ๆ ผมหันไปมองตั๋วในมือสิงห์อีกครั้งฉกมาหนึ่งใบแล้วเดินนำเขาเข้าไปในตัวสวนสนุก

          ที่นี่ต้องแลกบัตรก่อนเข้าเล่น สิงห์บอกให้ผมไปนั่งรอไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมบัตรสองใบ จำนวนเงินในบัตรร่างสูงบอกว่ามันมากพอที่จะให้ผมเล่นเครื่องเล่นทุกชิ้นในสวนสนุกนี่ได้ ผมมองไปทางด้านหลังเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินตามคาดว่าจะเป็นพวกบอร์ดี้การ์ดแต่ก็ยังดีที่พวกเขาคอยตามอยู่ห่างๆ

          หลังจากที่ได้บัตรมาผมก็จัดการเล่นมันไปซะทุกเครื่องเล่นที่คิดว่าสนุกแม้จะไม่รู้ว่าคนที่เล่นด้วยมาตลอดเขาจะสนุกเหมือนผมหรือไม่ก็ตาม

 

          “ไปเล่นบ้านผีสิงห์กัน”

        “โอเคครับ”

        “ไปเล่นไวกิ้งกัน”

        “โอเคครับ”

        “ไปเล่นม้าหมุนกัน”

        “โอเคครับ”

บลาๆๆ

         

          หนึ่งชั่วโมงต่อมา

          “อยากเล่นอะไรอีกหรือเปล่าครับ”             

          ผมนั่งลงตรงม้าหินอ่อน ฟุบหน้าลงกับโต๊ะพลางหอบหายใจแล้วยกมือปฏิเสธเพราะยังไม่หายมึนจากการตีลังกากลับหัวของรถไฟเหาะความเร็วสูงไปเมื่อสักครู่ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งร่างสูงที่คิดว่าจะยืนอยู่ใกล้ๆกลับไม่เจอเสียแล้ว ผมนั่งรอเขาประมานสองนาทีได้ สิงห์เดินกลับมาพร้อมกับผ้าเย็นและขวดน้ำในมือ ขวดน้ำขวดหนึ่งถูกยืนมาให้ผมพร้อมๆกับผ้าเย็น ผมบอกขอบคุณรับเอาไว้ทั้งสองอย่าง ปากดื่มน้ำขณะเอาผ้าเย็นโปะหน้าผากตัวเองไปด้วย พอลดอาการเวียนหัวได้บ้าง แม้จะรู้สึกจี๊ดๆที่สมองก็ตาม

          “ไหวไหมธาม”

          “ใกล้จะไม่…”

          “งั้นกลับบ้านกันไหมครับ”

          “ยังไม่ได้เล่นชิงช้าสวรรค์เลยนะ” ผมยืนขึ้นท้วงเพราะมาทั้งทีต้องเล่นให้ครบแต่พอยืนเท่านั้นแหละโลกมันก็เอียงจนตัวเอนเกือบล้มหัวฟาดพื้นถ้าไม่ติดที่มีคนยื่นมือมารับผมเอาไว้เสียก่อน “โอเค… กลับบ้านเลยก็ได้”

          สิงห์หัวเราะในลำคอขณะเอาตัวผมขึ้น

          “เดินไหวหรือเปล่าครับ”

          “น่าจะ…” ผมบอกเพราะยังไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันไม่อยากทำเป็นว่าโอเคทั้งๆที่สภาพสังขารไม่โอเคตัวเองพอยืนขึ้นตัวเอียงนิดหน่อยแต่ก็ยังถือว่าไหว ผมพยักหน้าให้กับสิงห์ว่าตัวเองโอเคแต่เหมือนเขาจะเดาทางผมออกเพราะถึงผมจะพยักหน้าบอกไปแบบนั้นมือหนาก็ยังมาคอยพยุงไม่ให้ผมล้มไป

          เราเดินมาถึงรถ คราวนี้ร่างสูงเรียกบอร์ดี้การ์ดที่ตามมามาเป็นคนขับรถให้ ส่วนสิงห์นั่งเบาะหลังกับผมแล้วจับศีรษะผมนอนลงบนตักของเขา เสียงแผ่วเบาเอ่ย

          “นอนหลับไปเลยจะดีกว่าครับ”

          “อืม”

          ผมครางรับ พอหลับตาลงก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามือหนาที่กำลังลูบที่หัว

         

“สิงห์”

          “ครับ ?”

          “ขอบคุณนะ”

          “หือ”

          “ที่พามาวันนี้”

          “ครับ”

          “…”

          “ผมดีใจนะที่นายชอบ”

          “…”

          “ดีใจมากๆเลยล่ะ”

          “…”

          “อ้าว”

          “…”

          “หลับไปแล้วหรือครับ”

          “…”

          “ฝันดีนะครับJ”

 

 

 

 

 

100%

ออฟไลน์ :mdred

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-61
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 25(50%) l 03/03/16 : P.63
«ตอบ #1888 เมื่อ05-03-2016 15:33:52 »

ตอนที่ 25

ไม่เลือก

 

 

          “เฮ้อ”

          “…”

          “เฮ้อ”

          “…”

          “เฮ้อ”

          “เป็นอะไรคะคุณธามทำไมถอนหายใจบ่อยจังเลย” น้ำเสียงนุ่มจากแม่นมที่กำลังยืนอยู่ทางด้านหลังทำให้ผมต้องยู่ปากแล้วหันไปฟ้องทันที

          “สิงห์ไม่ให้ผมออกไปไหนมาไหนคนเดียว”

          “คุณสิงห์ทำเพราะเป็นห่วงหรือเปล่าคะ”

          “เกินไป” ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปไหนไม่ใช่ว่าออกไปได้แต่ไปไหนคนเดียวไม่ได้เท่านั้นต้องมีสิงห์ไปด้วย ซึ่งบางทีผมก็อยากจะไปทำอะไรคนเดียวบ้างแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีคนตามติดตลอด ผมส่ายหน้าแล้วตักอาหารเข้าปากไปอีกคำสองคำจากนั้นจึงวางช้อนลงกับจาน

          “อิ่มแล้วหรือคะ ทำไมวันนี้ทานน้อยจังเลย”

          “ไม่ค่อยอิ่มหรอกครับทานไม่ค่อยลงเสียมากกว่า”

          แม่นมเม้มปากเล็กน้อย นัยน์ตากลมมองผมแวบหนึ่งแต่พอผมมองกลับก็รีบหลบสายตาออกไปอย่างมีพิรุจ

          “แม่นมไม่มีวิธีที่ทำให้ผมสามารถออกไปได้เลยหรือครับ”

          “ไม่มีหรอกค่ะ”

          “ผมไม่เชื่อ”

          “ไม่มีจริงๆค่ะ”

          “ถ้ามีก็บอกธามหน่อยเถอะธามเบื่อไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว”

          “…”

          “…”

          “เฮ้อ” จนในที่สุดผู้ใหญ่ปากแข็งก็ถอนหายใจแล้วยอมรับแต่โดยดี “ก็ได้ค่ะบอกก็ได้” แม่นมเดินมาทางผมมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าบอร์ดี้การ์ดที่มักจะเดินป้วนเปี้ยนในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ออกมาปรากฏตัวก็รีบก้มลงกระซิบบอกที่ข้างหูของผมทันที “ตอนเช้านมจะไปจ่ายตลาดทุกวันถ้าอยากออกไปก็คงมีแต่วิธีนี้แหละค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ที่ประหลังเวลาหกโมงเช้านะคะ”

          ว่าจบก็ละออกไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่ได้แสดงอะไรตอบเพราะเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร

          สิงห์เดินเข้ามานั่งลงข้างๆด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความหงุดหงิด

          “วันนี้กลับมาเร็วจังนะคะ”

          “อาจารย์ไม่เข้าสอนน่ะครับ”

          “จะรับอะไรดีไหมคะ”

          นัยน์ตาคมมองมายังจานที่ผมกำลังกินอยู่แล้วพูดเสียงเรียบ “ผมขอแบบธาม”

          “สักครู่ค่ะ” ว่าจบแม่นมก็เดินออกจากห้องไปและสิงห์ก็ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหยิบชีทที่ถือมาด้วยขึ้นอ่านเงียบๆจนกระทั่งอาหารจานเดียวอย่างข้าวกับผัดกะเพราไข่ดาวถูกเสิร์ฟมือหนาจึงวางชีทในมือลง เดินไปล้างมือจากนั้นจึงมานั่งกินไปด้วยอ่านชีทไปด้วย ดูจากท่าทางแล้วคงจะไม่หงุดหงิดธรรมดามีอารมณ์เสียปนๆมาด้วย

          “คุณธามคะน้ำค่ะ”

          “ขอบคุณครับ”

ครืด~ ครืด~

          เสียงโทรศัพท์สั่นทำให้ผมหยุดชะงัก พอหันไปมองอีกคนก็พบว่าเขาหยิบขึ้นมารับคุยนิดหน่อยใบหน้าที่บ่งบอกว่าหงุดหงิดก็ดูเหมือนจะหงุดหงิดมากกว่าเดิม ผมฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไรกันเพราะภาษาที่พูดน่ะมันไม่ใช่ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ผมนั่งกินน้ำเงียบๆจนกระทั่งอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนตะคอกใส่ปลายสายแล้วเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหาร

          ผมขมวดคิ้วสงสัยว่ามีอะไรที่ทำให้คนใจเย็นอย่างสิงห์อารมณ์เสียขนาดนั้น แต่ไม่ได้ถามเพราะเขาไม่ได้กลับเข้ามาในห้องอีก

 

          “สบายตัวจังเลย” ผมบอกขณะกำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดผมพลางฮัมเพลงอย่างมีความสุข ตอนนี้เย็นแล้วครับวันนี้กะว่าจะรีบนอนเลยรีบอาบน้ำเร็วกว่าปกติ

          ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

          “ธามผมขอเข้าไปหน่อยสิ”

          “เข้ามาเลยไม่ได้ล็อค”

          ประตูเปิดออกทันทีที่ผมตะโกนบอก ร่างสูงเดินเข้ามาเขาเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมอาบน้ำเร็วทว่าไม่ได้ถามอะไร สิงห์นั่งลงที่โซฟาหน้าทีวีแล้วดึงมือผมให้มานั่งข้างๆ

          “…”

          “…”

          “มองไร” ผมได้แต่ยิ้มแหยะเมื่อไม่เห็นเขาพูด “มีอะไรหรือเปล่า”

          นัยน์ตาสีฟ้าเข้มสงบนิ่งมองผม จากนั้นมือหนาจึงจับมือผมไปแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากทางด้านหลังก่อนจะสวมเข้าที่นิ้วนางข้างขวาจากนั้นจึงกำมือผมเอาไว้แน่นไม่ให้ผมเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน

          “อะไรน่ะ”

          “…” ผมถามแต่เขาไม่ตอบ จากนั้นมือที่กำอยู่ก็ค่อยๆคลายออกเผยแหวนเพชรสีขาวที่กำลังส่องประกายวิบวับยามถูกกับแสงไฟ “ผมให้”

          “คือมัน…”ผมทำหน้าเครียดขณะมองแหวนเพชร มันจะไม่เครียดถ้าแหวนมันไม่ได้ถูกสวมที่นิ้วนางข้างขวาเพราะความหมายโดยนัยของมันนั้นหมายถึงการหมั่นหมายและผมยัง… ไม่พร้อม

          “ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากใส่ก็ถอดออกก็ได้” มือหนาเอื้อมมาม้วนเส้นผมของผมเล่นไปมา “ผมบอกแล้วไงว่าผมให้”

          “แค่ให้นี่ให้ของแพงเกินไปหรือเปล่า” ผมพูดติดตลกนั่นทำให้สิงห์ยิ้มเล็กน้อยแต่ประโยคถัดมาของเขากลับทำให้ผมยิ้มตามไม่ออก

          “ถ้าชอบคราวนี้ต่อไปจะซื้อให้แพงกว่านี้”

          “…”

          “สวยกว่านี้”

          “…”

          “ดีกว่านี้”

          “…”

          พรึบ

          ผมสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายยืนขึ้นแล้วเดินออกไปทางประตู มือหนาเปิดประตูออกแต่มิวายหันหลังกลับมาบอก

          “ฝันดีนะครับธาม”

        …แล้วเดินออกไป

 

แม้จะยังกังวลกับเรื่องเมื่อวานอยู่แค่พอถึงเวลาตีสี่ของวันใหม่ผมก็รีบจัดการตัวเองให้เงียบที่สุดแม้กระทั่งไฟก็ยังไม่เปิด (กลัวคนจะเห็นว่าตื่นแล้ว) สุดธุระประมาณตีห้าจากนั้นจึงไปเอาหมอนข้างวางไว้ใต้ผ้าห่ม ช่วงนี้ผมมักตื่นสายอาจจะพอทำให้เพิ่มเวลาที่พวกเขาจะจับพิรุธไม่ได้ไปบ้าง

          พอเห็นว่าจะหกโมงแล้วผมจะหยิบกระเป๋าสตางค์พร้อมโทรศัพท์บล็อกเบอร์สิงห์เอาไว้ไม่ให้โทรเข้า แล้วค่อยๆเปิดประตูเดินลงบันไดให้เงียบที่สุดพอมาถึงห้องโถงด้านล่างก็รีบวิ่งไปยังประตูด้านหลังที่มีรถคันหนึ่งจอดรออยู่

          “มาเร็วค่ะคุณธาม”

          ผมวิ่งขึ้นรถทันทีก่อนจะย่อตัวนั่งหลบอยู่ด้านหลังเบาะพยายามทำตัวให้กลมกลืนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ชนิดที่ว่าถ้าเป็นกิ้งก่าได้คงจะทำไปแล้ว ตัวรถค่อยๆเคลื่อนออกคนขับเป็นคุณลุงท่าทางใจดีคนหนึ่งที่ผมคุ้นหน้าเสียวไส้สุดคือตอนที่รถขับออกจากคฤหาสตร์เพราะหน้าประตูมีบอร์ดี้การ์ดเข้าเวรเฝ้ากันอยู่

          กระทั่งผมเห็นว่าออกมาได้ประมาณหนึ่งกิโลแล้วจึงลุกขึ้นมานั่งเบาะดีๆ ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้วด้วยการจราจรในกรุงเทพมหานครจึงเริ่มติดขัดขึ้นอีกครั้ง แต่เราไม่ได้ไปตลาดในเมืองครับเราไปตลาดนอกเมืองแทน

          “คุณธามจะให้ไปส่งที่ไหนครับ” คุณลุงคนขับรถถาม ผมเม้มปากที่จริงๆก็ยังไม่ได้คิดเหมือนกันว่าจะไปที่ไหนดี

          “อืม… ห้างก็คงยังไม่เปิดเดี๋ยวผมไปตลาดด้วยก่อนดีกว่า เดี๋ยวขากลับผมจะบอกเองว่าลงตรงไหน”

          “หนีออกมาแบบนี้ไม่กลัวโดนคุณสิงห์โกรธหรือค่ะ”

          “เขาโกรธผมไม่ลงหรอก” ผมคิดเข้าข้างตัวเองแม้จะยังไม่รู้ว่าความคิดตัวเองจะถูกต้องหรือเปล่า

          เรานั่งจากคฤหาสน์มาจนถึงตลาดใช้เวลาประมาณสามสิบนาที ผมลงจากรถมองตลาดตอนเช้าที่พลุกพล่านแล้วรีบไปอาสาถือตะกร้าให้แม่นมขณะเดินตามหลัง

          “จะซื้ออะไรหรือครับ”

          “พวกผักเนื้อที่จริงซื้อเอาไว้แล้ว วันนี้เลยจะซื้อพวกเครื่องปรุงหรือสิ่งที่ขาดแทนน่ะค่ะ จริงสิยังไม่ได้ทานอาหารเช้าใช่ไหม ข้างตลาดมีร้านโจ๊กนะคะไปทานก่อนดีไหม”

          ผมพยักหน้าเออออทันที เพราะท้องตอนนี้มันเริ่มจะเรียกร้องหาอาหารแล้ว

          “งั้นไปเถอะค่ะเดี๋ยวนมไปจ่ายตลาดเองดีกว่า คุณธามทานเสร็จนมก็น่าจะซื้อของเสร็จเหมือนกัน” มือบางยื่นมาหยิบตะกร้าในมือของผมไปถือเองก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ผมบอกขอบคุณแล้วเดินเลี่ยงออกมายังด้านข้างของตลาดตามที่นมบอกพอมองซ้ายขวาก็เห็นร้านโจ๊กที่ตั้งอยู่จริงๆแล้ว เป็นร้านเล็กๆมีคุณลุงเชื้อสายจีนคนหนึ่งเป็นเจ้าร้านกำลังยืนเท้าสะเอวเรียกลูกค้าด้วยรอยยิ้มสดใสอยู่

          “ขอโจ๊กหมูที่หนึ่งครับ” ผมสั่งแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งเล่นรอ ท่าทางโจ๊กร้านนี้จะอร่อย เพราะพอผมมานั่งเจิมเป็นรายแรกของร้านไม่นานนักผู้คนก็เริ่มมาทยอยนั่งตามจนเต็มหมดเกือบทุกโต๊ะแล้ว

        “ตี๋มาเอาโจ๊กไปเสิร์ฟหน่อย” เสียงตะโกนเรียกทำให้ผมเงยหน้าขึ้น พอเงยปุ๊บก็เจอกับเด็กน้อยคนหนึ่งตัวจ้ำม่ำผิวขาวตาตี่ๆหน่อยยืนโจ๊กมาให้ ผมยิ้มเล็กน้อยรับมาแล้วจ่ายเงินไปเลยแถมทริปไปเป็นค่าขนมให้ด้วย อาตี๋น้อยจึงเผยรอยยิ้มร่าเนื่องจากทริปที่ผมให้ไปน่ะแม้มันจะไม่มากแต่ก็ถือว่าสามารถนำมาซื้อโจ๊กได้อีกเกือบสามสี่ถุงเลยทีเดียว

          ผมมองความน่ารักของเด็กที่กำลังช่วยคนเป็นพ่อขายของแล้วนึกหวั่นใจใส่ตัวเองเพราะไม่เคยทำแบบนี้เลย ขณะหยิบช้อนตักโจ๊กเข้าปากแล้วก็…

          “อื้ม!!” รสชาติอร่อยกระจายไปทั่วลิ้นผมเบิกตากว้างก้มลงมองโจ๊กหน้าตาธรรมดาแต่รสชาติระดับห้าดาวเลยทีเดียว ยิ่งตักกินยิ่งอร่อยจนในที่สุดอาหารเช้าของวันนี้ก็อิ่มท้องด้วยโจ๊กที่ผมจัดการฟาดไปสองถ้วยเต็มๆ

          “อร่อยไหมคะคุณธาม” แม่นมที่เดินมาจากไหนไม่รู้ถามแล้วสั่งโจ๊กกลับบ้านอีกประมาณสี่ถุงก่อนจะหันมาบอกกับผม “สาวใช้ที่คฤหาสน์ติดใจโจ๊กร้านนี้กันเกือบหมดเลยค่ะ”

          “อร่อยจริงๆนั่นแหละครับ”

          ผมได้คุยกับเถ้าแก่เจ้าของร้าน ลุงแกบอกว่าอาหารจะทำให้มันอร่อยมันต้องทำด้วยใจ ได้ข้อคิดมาเยอะแล้วยังได้รู้จักชื่อจริงๆของอาตี๋ด้วยจริงๆแล้วน้องเขาไม่ได้ชื่อตี๋ ที่เรียกตี๋เพราะผิวขาวกับตาตี่แต่ชื่อจริงๆคือเฮง ตั้งเพราะอยากให้ชีวิตมีแต่ความเฮงๆๆ

          ผมอยู่นานไม่ได้เพราะแม่นมต้องรีบกลับคฤหาสน์ไปเตรียมอาหารเช้า ผมขอลงตรงปั๊มที่คิดว่าน่าจะมีแท็กซี่ขับผ่านจะได้ไปไหนถูก จากนั้นจึงนั่งเล่นอยู่ที่นั่นประมาณสองชั่วโมงได้ (ชีวิตเรื่อยเปื่อยมาก) พอแปดโมงผมจึงนั่งแท็กซี่บอกคนขับว่าเหมาสามพันขับไปทั่วเมืองเพราะยังไงห้างมันก็ยังไม่เปิด โชคดีที่รถติดผมจึงได้หมกอยู่ในรถประมาณสองชั่วโมงได้

          ในที่สุดพอสิบโมงผมก็ได้มายืนอยู่ที่ห้างที่ต้องการจะมา…

          Central world

          พอมาถึงอันดับแรกขึ้นไปยังชั้นด้านบนเลยครับ หาของกินเพราะท้องเริ่มร้องอีกแล้ว แต่ยังขึ้นบันไดไปไม่ถึงด้วยซ้ำโทรศัพท์ก็สั่น ผมหยิบขึ้นมาดูพอเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกหน้า สงสัยว่าสิงห์คงจะรู้แล้วเพราะตอนนี้ก็สิบโมงแล้วด้วยจึงกดตัดสายแล้วปิดโทรศัพท์ เดินแวะที่พวกร้านเสื้อผ้าก่อนเพราะอีกหน่อยพวกเขาก็คงจะหาผมเจอ เดี๋ยวหมดเวลาชอปไปกับการกินก่อนพอดี

          กึก!

          “หือ” ความรู้สึกเหมือนมีคนจ้องจากทางด้านหลังทำให้ต้องหันไปมองแต่ไม่เห็นว่ามีใครมองอยู่ ผมเลยเดินต่อไปแทน เดินลงชั้นหนึ่ง ขึ้นชั้นสามลงชั้นสองไปชั้นห้าสลับวนเวียนไปมา พอของเต็มมือจึงมาหยุดที่ Starbucks

          “วานิลลาครีมแก้วใหญ่ครับ”ผมสั่งพนักงานแล้วรีบวิ่งหอบของไปวางที่โต๊ะก่อนจากนั้นจึงวิ่งมาจ่ายเงินอีกที ผมสั่งขนมอีกนิดหน่อยพอได้ของกินแล้วจึงมานั่งอ่านหนังสือที่ซื้อมาที่โต๊ะก่อนจะตัดสินใจเปิดโทรศัพท์

        ไม่ได้รับ 77 สาย

        ผมส่ายหน้ามองนาฬิกาพบว่าเที่ยงแล้ว ของที่อยากได้ก็ครบแล้ว คงถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว…

          ผมยืนขึ้นเดินไปบอกพนักงานว่าช่วยดูของให้หน่อยจะไปเข้าห้องน้ำ เมื่อได้รับการพยักหน้าตอบกลับผมจึงเดินออกมาแล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำทันที ระหว่างทางผมก้มลงมองโทรศัพท์ในมือที่กำลังสั่นอีกรอบก่อนจะตัดสินใจกดรับทันใดนั้นน้ำเสียงร้อนรนก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที

          (ธาม!!!)

          “หือ”

          (อยู่ไหน!!!)

          “Central world”

          (จะออกไปทำไมไม่บอก!! ผมเป็นห่วงนะ)หลังๆเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

          “ก็อยากออกมาคนเดียว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”

          (รออยู่ที่นั่นนะครับ เดี๋ยวไปรับ อย่าเพิ่งไปไหนนะ ห้ามไปไหนเด็ดขาดเข้าใจไหมครับ!!)

          “โอเค” ผมบอกตกลงเพราะยังไงซะก็ต้องกลับอยู่แล้ว พอปลายสายกดตัดสายผมจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง

          กึก!

          “หือ”

          …อีกแล้ว

        ความรู้สึกเหมือนโดนคนมองมันมาอีกแล้ว แต่พอหันกลับไปก็ไม่เห็นใคร ผมขมวดคิ้วแน่นแล้วเขย่งปลายเท้ามองซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจริงๆจึงส่ายหน้าให้กับความคิดของตัวเองแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำที่มาถึงพอดี

          ห้องน้ำคนไม่เยอะ ผมเลือกห้องด้านในสุด กดล็อคประตู จริงๆไม่ได้อยากมาทำธุระส่วนตัวแต่เพราะมีเรื่องที่ต้องคิด

          ผมนั่งลงตรงโถส้วมแล้วถอนหายใจ

          ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วมันถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว อีกทั้งยัง…

          นัยน์ตากลมหลุบลงมองแหวนเพชรสีขาวในมือที่สวมมาด้วย จากนั้นก็ยกมือขึ้นแล้วดึงสร้อยที่ยังสวมติดคออยู่ตลอดเวลาออกมาถือเอาไว้ในมืออีกข้างแหวนเพชรสีน้ำเงินที่ติดอยู่กับสร้อยส่องประกายกระทบกับแหวนสีอันจนเกิดแสงแวววาว

          ผมหลับตาลงแน่น

          สิงห์เขาจะรู้หรือเปล่าว่าตอนที่เขาให้แหวนของผม แหวนที่ได้จากใครบางคนผมก็ยังเก็บมันเอาไว้อยู่เหมือนกัน

          ตอนนี้ผมต้องเลือกแล้ว

 

        ว่าจะตัดสินใจ ‘ทิ้ง’ แหวนวงไหนกันแน่

 

 

50%

 


 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: " เมียหมอ " Up! .ตอนที่ 25(50%) l 03/03/16 : P.63
«ตอบ #1889 เมื่อ05-03-2016 15:56:54 »

 :ling1:

พี่เสือ มารับน้องตี้ไวๆก่อนที่สิงห์จะรุกมากกว่านี้แล้วนะ  :ling2: :ling2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด