เมียงู #6 ความคิดของผัว(ความฝันของปัท)
“กูไปแล้วนะ อยู่ห้องดีๆล่ะ”
เสียงของไอภัทรดังขึ้นก่อนที่ประตูจะปิดลง
ปัทมราชยังคงมองประตูไม่ละสายตา เขาหลับตาลงช้าๆ เรียวแรงที่เพิ่มขึ้นมาไม่ได้ทำให้เขากระปรี้กระเปร่าเพิ่มมากซักเท่าไหร่
ยังไง วิธีเอาพลังจากภัทรวิธีนี้ก็คงสู้จากสัมพันธ์ทางกายโดยตรงไม่ได้
สมองของปัทมราชคิดไป ร่างกายก็เข้าสู่การพักผ่อน...
“พงศวดารทั้งห้าสิบสามฉบับ บันทึกอีกร้อยสิบสามเล่ม และคำบอกเล่าจากอดีต ได้บอกไว้ว่า ความจริงแล้วพวกเรานั่นไม่ได้ถือกำเนิดจากที่นี้ตั้งแต่แรก แต่หากกำเนิดจากอีกห้วงมิติหนึ่ง พวกเราได้พัฒนาการจากที่นั่น แต่แล้วทุกๆพงศวดาร บันทึกต่างๆ หรือแม้แต่คำบอกเล่าก็ไม่อาจอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อจู่ๆ พวกเราก็มาปรากฏที่นี่”เสียงของชายแก่ที่สวมชุดสีขาวท่าทางปราชญ์เปรื่องลอยวนเข้ามาในหัวของปัทมราชที่ฟุบหลับบนโต๊ะไม้แกะสลักอย่างดี
“บันทึกเล่มหนึ่งของขุนนางเก่าแก่กล่าวไว้ว่าท่านแม่ของข้าซึ่งเป็นบุคคลรุ่นที่หนึ่งได้กล่าวไว้ว่า จู่ๆ พวกเราหลายสิบคนก็ลืมตาขึ้นท่ามกลางทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ เบื้องหลังเป็นป่าใหญ่
พวกเรานั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้ขยับไปไหนเป็นเวลานาน แต่แล้วก็มีชายผมขาวยาวมีดวงตาสีแดงดุจเลือดทว่าทอประกายอ่อนโยนประดับหน้าตาคมคายลุกขึ้นมาพร้อมกับหยิบกองหนังสือที่วางอยู่ข้างพวกเราไปอ่าน ในตอนนั้นพวกเรายกเว้นเขากลับอ่านไม่ออก ในตอนนั้นพวกเราท้อแท้มาก เพราะสถานที่นั้น พวกเราไม่รู้จักเลย ความทรงจำเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในหัวบอกไว้เพียงภาษาที่พูดและที่ๆ พวกเราเคยอยู่เพียงเท่านั้น” แม้เขาที่นอนอยู่ไม่ได้สนใจชายแก่เลยก็ตาม นักปราชญ์ที่สวมชุดขาวก็บรรยายไม่หยุด
“ในขณะนั้นก็มีชายคนหนึ่งประกาศกร้าวว่าเขาจะกลับบ้านของเขา แล้วเขาก็วิ่งออกจากบริเวณนั่น เพียงไม่นาน เสียงโหยหวนของชายคนนั้นก็ตามมา ชายผมขาวคนเดิมวิ่งตามไปอย่างรวดเร็วแต่จู่ๆ ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นงูใหญ่สีขาวท่าทางน่าเกรงขามเลื้อยไปช่วยชายคนนั้น
แม้จะกลับมาได้โดยมีแผล แต่ก็ยังรอดชีวิต ชายตาสีแดงกล่าวกับพวกเราโดยคำที่ข้าจำได้แม่นอย่างอ่อนโยนว่า
‘ไม่เห็นจำเป็นต้องท้อแท้ ไม่เห็นจำเป็นต้องกลับที่เก่า พวกเราเริ่มชีวิตพวกเราจากที่นี้ก็ได้ หากพวกท่านกลัว เราจะเป็นคนนำ ส่วนพวกท่านก็ตามเรามา เราสัญญาว่าเราจะถี่ถ้วนเพื่อชีวิตที่ต้องอยู่รอดของพวกเรา’
ตราบแต่นั้นพวกเราก็ได้แต่งตั้งชายผมขาวเป็นมหากษัตริย์รุ่นที่หนึ่ง เขาได้สอนวิธีการอ่านหนังสือที่มาพร้อมกับพวกเรา จนได้รู้พวกเรานั้นคือไพทอน กึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกึ่งสัตว์เลื้อยคลาน มีเวทย์คาถาที่ไม่ได้ใช้ได้ทุกคน บางคนเท่านั้นที่ใช่ได้ เหล่าคนที่ใช้ได้ คนที่แข็งแกร่งมากก็มียศตำแหน่งสูงส่งตาม
แต่เรื่องจริงที่บันทึกได้ว่าพวกที่มีสัญชาตญาณสัตว์เลื้อยคลานมากจะเลี้ยงไม่เชื่องก็เกิดขึ้น บุคคลที่ได้รับตำแหน่งเป็นอนุชาขององค์เศวตเกิดก่อกบฏ ท้ากษัตริย์ผมขาวประลอง
แต่ผลก็เป็นเอกฉัน อดีตพระอนุชาแพ้ราบคาบและถูกเนรเทศออกนอกเมืองที่บัดนั้นเรียกได้ว่าเจริญรุ่งเรืองแล้วและองค์เศวตปกครองพวกเราอย่างผาสุขตลอดสมัยกษัตริย์รุ่นที่หนึ่ง”
ปัทมราชเอียงหัวขึ้นมองอาจารย์ของตนเองอย่างเบื่อหน่าย รอฟังประโยคสุดท้ายที่จะกล่าวก่อนจะโดนบ่นอย่างทุกที
“และหนึ่งในความลับที่คนในยุคนั้นไม่รู้นอกจากผู้ที่อยู่ในราชวงค์คือ เมื่อมีไพทอนใหญ่นัยน์ตาสีแดงดุจทับทิมและผมขาวราวหิมะกำเนิดเมื่อนั้นจะเกิดกบฏแต่เพียงไม่นานหรอก ชายผมขาวผู้นั้นก็จะกำจัดกบฏออกโดยง่าย แม้ไพทอนผมขาวตาแดงคนคนที่สามของที่นี้จะเกิดเหตุการณ์เกินที่ยากไหว แต่จะมีผู้ค้ำภัยที่เกิดเป็นคู่แท้ของไพทอนคนนั้น”
“...”
“เจ้าได้ฟังข้าบ้างรึเปล่า องค์ปัท”
เขาพยักหน้าหงึกๆ แบบขอไปที บันทึกที่นักปราชญ์อ่านให้ฟังนั้นเขาทั้งฟังทั้งอ่านจนจำได้ยิ่งกว่าการใช้ชีวิตประจำวันอีก
“แล้วเจ้ารู้ใช่มั้ย ว่าเจ้าคือชายผมขาวตาสีแดงคนที่สาม”
เขาถอนหายใจ แล้วก้มหน้าฟุบหลับตามเดิม
“ข้าเป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน”ชายแก่มองผมขาวที่ขึ้นเต็มศีรษะสวยอย่างห่วงใย “ว่าแต่เจ้าอ่านหนังสือที่ข้าฝากไปจบหรือยัง”
คราวนี้ปัทมราชผงกหัวขึ้นมามอง พลางคิดในหัวว่าอาจารย์ของเขาให้หนังสืออะไรนั่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่แล้วเขาก็นึกออก หนังสือที่ว่านั้นคือ...วิธีกลับและชีวิตเมื่ออยู่ที่มิติถือกำเนิด
“ข้าอยากถามท่านคำถามหนึ่ง ทำไมข้าต้องอ่านหนังสือเล่มนั้น ทั้งๆ ที่บรรพบุรุษข้าที่ท่านอ่านให้ข้าฟังเมื่อกี้บอกว่าให้พวกเราอยู่ที่นี่”
นักปราชญ์มองเขา “ข้าก็ไม่รู้สิ ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าเจ้าต้องอ่านเพียงเท่านั้น ”
“ปัท ปัท”
เสียงหวานรื่นหูของสตรีที่แฝงด้วยความโศกเศร้าเรียกเขาเบาๆ ย้ำหลายครั้ง
ปัทมราชในตอนนี้กำลังลอกคราบ สภาพร่างกายกึ่งเลี้ยงลูกด้วยนมกำลังอ่อนแอ เขาลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้า
สตรีผมยาวสีดำสนิทกับใบหน้าขาวนวลละหม้ายคล้ายเขามีน้ำตานองหน้า ความโศกเศร้าทับถมจิตใจของนางจนเขาใจแทบสลาย
“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น ท่านร้องไห้ทำไม แล้วท่านพ่อล่ะ”
สตรีสูงศักดิ์ที่เคยมีแววอาดูรน้ำตาไหลรินมากกว่าเดิม ก่อนที่นางจะละล่ำละลักพูดออกมา
“ท่านพ่อของลูกสิ้นบุญแล้วกลางป่าใหญ่ ตอนนี้ขุนนางพิชญ์กำลังจัดการอยู่ แม่มาตามให้เจ้าไปเคารพท่านพ่อครั้งสุดท้าย”
ในตอนนั้น ราวกับเวลาหยุดนิ่ง ปัทมราชนิ่งค้างก่อนที่จะลุกขึ้นไม่สนสภาพร่างกายที่ป่วยหนักของตัวเอง
แต่ก่อนที่จะทำอะไร เสียงตึงตังดังจากข้างนอกก็ดังขึ้น จนทั้งคู่หันไปมอง ก่อนที่พระมารดาของแผ่นดินจะเดินไปเปิดประตูออก ทหารนับสิบเดินเข้ามาพร้อมอาวุธและคนที่สุดท้ายที่ก้าวเข้ามาคือขุนนางพิชญ์
“ท่านมาทำอะไรที่นี้ท่านขุนนาง ข้ากำลังจะตามองค์ปัทไปเคารพภูวไนยพอดี”
“หลังจากนั้นองค์ปัทก็จะแต่งตั้งตัวเองเป็นรัชทายาทใช่หรือไม่”
“ตามกฎแล้ว ก็สมควรจะเป็นแบบนั้น”ปัทมราชตอบเสียงเรียบ ความอ่อนแอโดนข่มไว้ใต้สุดของจิตใจ ต่อหน้าประชาชนของตนเอง ความอ่อนแอจะแสดงออกมาไม่ได้
“นั่น พวกท่านฟังที่องค์ปัทพูดมา เขากำลังจะแต่งตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ในอนาคตแถมทั้งเขายังไม่มีท่าทีของอาการเจ็บป่วยของการลอกคราบ เขาคือผู้สังหารภูวไนยตามที่ข้าพูดไว้ก่อนหน้า”
ปัทมราชเบิกตากว้างต่อคำว่าร้ายของขุนนางพิชญ์ ทหารนับสิบคนร่ายเวทย์มาที่เขา ปัทมราชกระโดดหลบอย่างยากลำบากเพราะความอ่อนแอจากการลอกคราบ
“พวกท่านไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีใครเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ความจริงที่ข้าปิดบังมานานข้าจะเปิดเผย”
“ขุนนางพิชญ์”เสียงปราบหวานของสตรีสูงศักดิ์ดังขึ้น
“อะไรรึ ชนนี ความจริงนั้นคือลูกของข้าคือลูกของชนนี เขามีสิทธ์ขึ้นครองราชย์เพราะคนที่มีเชื้อกษัตริย์คือชนนีมิใช่องค์ภูวไนย ฉะนั้น พวกท่านโปรดจับกบฏที่จะพยายามขึ้นครองราชย์เถิด”
ปัทมราชไม่ได้สนใจทหารที่จู่โจมแม้แต่น้อยเขาทำเพียงแค่หลบหลีไม่ให้อันตรายถึงชีวิต สายตาเขาจ้องไปที่แม่ของตนเอง ลูกของขุนนางพิชญ์อายุอ่อนกว่าเขานั่นมันหมายความว่า
แม่ของเขาคบชู้...
ปัทมราช หัวเราะกับตัวเองแผ่วๆ นอกจากพ่อจะตาย แม่มีชู้ ยังถูกตราหน้าว่าฆ่าพ่อตัวเองและโดนไล่ออกจากบ้านเมือง
เขาอยากจะหนีไปให้พ้นๆ จากที่นี่เสียจริง ไปให้พ้นจากคนพวกนี้
พลันสมองก็นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่ง...
วิธีกลับและชีวิตเมื่ออยู่ที่มิติถือกำเนิด
เขาท่องเวทตราตามที่จำได้จากหนังสือเล่มนั้น
ก่อนที่แสงสีขาวนวลจะโอบล้อมตัวเขา แววตาผิดหวังของเขามองไปยังแม่ตัวเอง ในขณะเดียวกับแม่ของเขาก็มองเขาด้วยแววตาเสียใจระคนตกตะลึง ส่วนขุนนางพิชญ์ เขาเห็นเพียงแววตาทะเยอทะยานเท่านั้นเอง
เขาปรากฏตัวอีกครั้งในสถานที่ๆ ไม่รู้จัก สถานที่นั้นเขากลายร่างเป็นงูตัวเล็กๆ ที่กำลังอ่อนแอจากการลอกคราบทั้งยังฝืนใช้เวทย์ข้ามมิติอีก
ในเวลานี้ มดคงยังแข็งแรงกว่าเขา
เขาแหงนหน้ามองเด็กตัวเล็กๆ รอบตัวที่กำลังเล่นเครื่องเล่นสีฉูดฉาด ก่อนที่เด็กชายคนหนึ่งจะมองเห็นเขาแล้วเอาไม้เขี่ย เด็กคนอื่นเอามือมาจับเขาแล้วโยนเล่น ก่อนจะปล่อยลงเมื่อเขาแยกเขี้ยวขู่ หินก้อนเล็กใหญ่ถูกปาใส่เขา
ปัทมราชได้แต่ฝืนทน ในเวลานี้ทั้งร่างกายทั้งจิตใจเขามันเจ็บปวดเกินไป
เขาอยากจะเข้มแข็งเพื่อให้สมกับเป็นลูกกษัตริย์ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกจริงๆ ว่าเวลาตายของเขากำลังมาเยือน
แต่แล้ว
.
.
.
.
.
“พวกนายทำอะไรกันอ่ะ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้ชายดังขึ้น
“นายมาพอดีเลย ดูนี้สิ มันคืออะไรอ่ะ”เสียงของเด็กผู้หญิงแทรกเข้ามาเด็กหลายคนแหวกทางให้เด็กคนนั้น ปัทมราชแหงนหน้ามอง
เด็กผู้ชายมีหน้าตาที่ทรงเสน่ห์ แววตาดูเจ้าเล่ห์นิดๆ ริมฝีปากยิ้มเก่งไม่เผยยิ้มออกมา แต่แววตาจ้องงูอย่างเขานิ่ง
“นี้มันงูนิ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ”
“งูเหรอ”เสียงหือฮาดังขึ้น ก่อนที่เด็กหญิงคนเดิมจะพูดขึ้น “กุนเขาเจอแล้วเอาไม้เขี่ย แมทเลยเอามันไปเล่น แต่เล่นไปเล่นมามันก็แยกเขี้ยวใส่ แมทเลยขว้างมันลง พวกเราเลยเอาก้อนหินปาใส่มัน”
“พวกนายแกล้งมันทำไม พอเลย นี้เย็นแล้วเป็นเด็กดีต้องกลับบ้าน งูตัวนี้เราดูเอง”
แล้วเด็กหลายคนก็แยกย้ายกับไป ปัทมราชแยกเขี้ยวขู่เด็กคนนั้น แต่เด็กคนนั้นก็นั่งนิ่ง ก่อนจะวิ่งหายไปสักพักแล้วกลับมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำ แล้วจับหัวของปัทขึ้นแล้วเช็ดลำตัวยาวที่เปื้อนหินเปื้อนทรายให้เขาเบาๆ
เขามองหน้านั้นนิ่งๆ แล้วสงบตัวลง ท่าทีของเด็กคนนี้ไม่มีอันตรายต่อเขา
เขาขอที่พักพิงในยามที่ไม่มีใครสักคนและเด็กคนนี้คือคนๆ นั้น
“ฉันชื่อไอภัทรนะ เรียกภัทรก็ได้”
เด็กคนนั้นชื่อภัทร... ร่างสูงตื่นขึ้น ปัทมราชสะบัดหัวเบาๆ
ทำไมจู่ๆ ถึงฝันถึงอดีตได้...
ถึงอดีตนั้นจะแฝงไปด้วยความเศร้าแต่ก็ยังมีส่วนดี คือเขาได้พบก็กับไอภัทร
ว่าแต่ ภัทรยังไมกลับอีกเหรอ...
เสียงฝีเท้าด้านนอกดังขึ้น ปัทมองประตูหวังให้คนที่เปิดออกมาคือไอภัทร
แล้วความหวังก็เป็นจริงคนที่เปิดออกมาคือไอภัทร เขากระโจนเข้าหา พร้อมกับออดอ้อนอย่างทุกที
“เจ้ามาช้า”เขาบ่นเสียงอุบอิบ
“ช้าดีกว่าไม่มาน่า ไปใส่เสื้อ แล้วไปเดินเล่นกัน”เขาเห็นภัทรไปเปลี่ยนเสื้อ ปัทมราชก็หันไปหาเสื้อใส่เช่นกัน
“ปัท สีตามึงเด่นไปหรือเปล่า”
ปัทมองภัทรแล้วพึมพำในใจเพื่อเปลี่ยนสีตา ภัทรเดินมาข้างหลังเขาแล้วรวบผมเขาให้เรียบร้อย
เขาลากภัทรออกนอกห้องด้วยอยากจะไปเที่ยวกับภัทรใจจะขาด เขาอยากเห็นภัทรเมื่ออยู่ข้างนอกกับเขา
สถานที่แรกที่ภัทรพาเขาไปคือสวนขนาดใหญ่ ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย แต่ยังดีที่มีบ่อน้ำเขามองหน้าภัทรก่อนจะลากไปด้วยกัน ไอน้ำที่สูดเข้าปอดทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจนรู้สึกอยากจะนอน
ปัทมราชนอนหนุนตักของภัทรและหลับลงจนกระทั่งภัทรปลุก
สถานที่ต่อไปที่ภัทรพาไป มันช่างน่าอึดอัด ผู้คนนับร้อยเข้าไปอยู่ในนั่น ความเย็นของแอร์กระทบผิวกายพร้อมกับกลิ่นต่างๆ นาๆ
เขาอยากให้ภัทรออกจากที่นั่นใจจะขาด สายตาคนอื่นที่มองมาทางภัทรนั้น เขาไม่ชอบเลย
ตอนนอนภัทรยังตัวอุ่น เขาเบียดตัวเข้ากอดเบาๆ จนรู้สึกว่าภัทรกอดเขากลับเหมือนกัน เขาลืมตาขึ้นมาแล้วลูบหัวเล็กของภัทร พรมจูบที่หน้าผากเบาๆ
“ฝันดีนะ เด็กน้อยของข้า”
Tbc.
มาแล้วๆๆ เอาลูกหมา เอ้ย งู มาฝากจ้าาา

เอามาฝากแล้วก็ชิ่งกลับเลยดีฟ่าาา

รักคนอ่าน จุ๊บคนเมนต์จ้าา
