คำสาปร้าย พ่ายรัก บทที่ 19เสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวดด้วยความกลัดกลุ้มสลับกับการอมยิ้มด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน ทำให้ภูหิรัณย์ต้องหันไปมองหน้าเพื่อนรักด้วยความสงสัยวันนี้สิงหาให้เขาและธราเทพมาทำงานในเต็นท์เก็บของเพราะเห็นว่าเพิ่งหายไข้ทั้งคู่ เขาก็เลยได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดเพื่อนสนิทอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคนเป็นเพื่อนจะไม่ใส่ใจเขาเท่าไหร่นัก ภูหิรัณย์หน้ามุ่ยเมื่อเพื่อนมัวแต่ตกอยู่ในโลกส่วนตัว“วินไอ้เชี่ยวิน”
เขาพยายามเรียกแต่ธราเทพก็ยังเฉย“เชี่ยวิน มึงเป็นไรเนี่ย”
ในที่สุดเขาก็สบถออกมาเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ จนธราเทพได้สติ“อะไรวะ มึงตะโกนเสียงดังทำไมเชี่ยเซน”
ธราเทพมองมาอย่างงงๆ เมื่อเห็นสายตาเพื่อนค้อนขวับ“ถ้ามึงมาแล้วจะอยู่แต่โลกส่วนตัวของมึง อันเชิญคุณมึงกลับไปนอนเล่นที่โรงแรมดีกว่าไหมวะ”
“เออ กูขอโทษ กูมีเรื่องคิดเยอะไปหน่อย”
ธราเทพส่งเสียงง้องอนสำนึกผิด ภูหิรัณย์เหล่ตามองอย่างสงสัย“เรื่องเยอะแยะอะไรของมึง จำเป็นต้องเล่าให้กูฟังไหม”
ดวงตายาวรีสะท้อนความยุ่งยากออกมาให้เห็น ธราเทพนิ่งไปครู่หนึ่งจึงได้ตัดสินใจ“มึงจำเรื่องที่ก่อนมาอียิปต์ กูฝันประหลาดติดต่อกันทุกคืนได้ไหม มึงรู้ป่ะเซนยิ่งมาที่นี่กูยิ่งฝันเป็นเรื่องเป็นราวยิ่งกว่าเดิมอีก”
แล้วธราเทพก็เล่าเรื่องราวในความฝันให้เพื่อนฟังจนถึงเหตุการณ์ล่าสุด ภูหิรัณย์ฟังเพื่อนเล่าไปดวงตาก็เบิกโพลงอย่างตื่นเต้น“นี่มึงกำลังจะบอกกูว่าฟาโรห์ราโมสเป็นเกย์ แถมยังเป็นแฟนกับองครักษ์มาอีเนี่ยนะ โอย คุณพระคุณเจ้า ไปบอกเซียนไอยคุปต์คนไหนเขาจะเชื่อมึงบ้างวะ แต่ว่า กูก็ไม่เห็นว่ามึงจะต้องกลุ้มตรงไหนนี่หว่า”
ภูหิรัณย์หันมามองเพื่อนอย่างสงสัยอีกครั้ง ธราเทพอึ้งแล้วจึงเฉลยให้เพื่อนฟัง“เซน มึงเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดใหม่จำอดีตได้อะไรแบบนี้หรือเปล่า คือกูคิดว่ากูเจอเรื่องแบบนั้น”
“ทำไม มึงเจอใครที่กลับชาติมาเกิดแล้วจำอดีตได้หรือไง”
ภูหิรัณย์พยายามปะติดปะต่อแต่ก็ไม่สำเร็จ ธราเทพพยักหน้ารับ“ใช่”
“เฮ้ย ใครวะ”
คนเป็นเพื่อนทำหน้าตาตื่น“พี่สิงห์”
ภูหิรัณย์อ้าปากค้าง ถ้าการที่สิงหากลับชาติมาเกิดแล้วมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ธราเทพฝันก็หมายความว่า…
“พี่สิงห์คือราชองครักษ์มาอี”
ธราเทพเฉลยให้“เฮ้ย จริงดิ”
ภูหิรัณย์อุทานอย่างตื่นเต้น สมองของเขาประมวลเรื่องอย่างรวดเร็วถ้าสิงหาคือมาอี แล้วการที่เพื่อนของเขาฝันถึงเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจัง ธราเทพก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในฝัน ภูหิรัณย์หรี่ตามองเพื่อนอย่างสงสัย“มึงอย่าบอกกูนะ ว่ามึงคือฟาโรห์ราโมส ไอ้เชี่ยวิน”
สิ่งที่ภูหิรัณย์พูดมาคือสิ่งที่ธราเทพสงสัยในวินาทีที่เขารับรู้ว่าสิงหาคือมาอีความคิดนึกย้อนไปถึงตอนที่ยังนอนอยู่ภายใต้อกอุ่นกลางราตรีที่ผ่านมา เมื่อสิงหาชี้ทางให้เขาได้คิด“มองตาพี่สิวิน มองให้ลึกเข้าไปให้ทะลุกายหยาบ แล้ววินจะรู้เอง”
ธราเทพจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น จ้องผ่านกาลเวลาเข้าไปจนปรากฏภาพของมาอีมาซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของสิงหา แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่เหมือนเดิมแต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยคือร่องรอยจากดวงตาคู่นั้น“ถ้าพี่เป็นมาอี แล้วผมล่ะ ผมเป็นใคร ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย”
เขาผุดลุกขึ้นมาอย่างตระหนกกับสิ่งที่เขารับรู้ สิงหาลุกตามขึ้นมาแล้วกอดเขาไว้จากด้านหลังอย่างอ่อนโยน“วินคือคนที่พี่รักไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน”
คำบอกรักที่ได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัวเรียกหยาดน้ำให้คลออยู่ในหน่วยตาคู่สวย ก่อนที่จะไหลรินผ่านร่องแก้มไปตกกระทบลงบนหลังมือของสิงหา ธราเทพรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วแผ่นอกจนต้องสะอื้นออกมา“ไม่ยุติธรรมเลยที่พี่จำความรักทั้งหมดได้ ในขณะที่ผมไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความทรงจำ”
ธราเทพหันกลับไปเผชิญหน้า เขาจึงได้เห็นร่องรอยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในดวงตาของสิงหาเช่นกัน ความสงสารแล่นวูบเข้ามา
จนธราเทพต้องยกมือขึ้นประคองใบหน้านั้นไว้
“พี่ต้องเจ็บปวดกับอยู่ความทรงจำที่ยาวนานเป็นพันปี พี่ต้องทรมานมากแน่ๆ”
ธราเทพคร่ำครวญก่อนที่จะเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงหนักแน่น“จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะรักกันโดยที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต ผมรักพี่แม้จะจำไม่ได้ว่าพี่คือใคร รักเพราะพี่คือสิงหา พี่คืออัสลานของผม”
คิดมาถึงตรงนี้หน้าเนียนก็ร้อนซู่เมื่อนึกถึงความหาญกล้าในการบอกรักตอบกลับอย่างไม่อาย และยิ่งเมื่อคิดถึงรางวัลที่สิงหามีให้หลังจากจบประโยคนี้ พวงแก้มของธราเทพก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ภูหิรัณย์ยิ่งจ้องมองด้วยความสงสัยหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นปฎิ
กิริยาตอบสนองของคนเป็นเพื่อน จนอดปากไม่อยู่
“ทำไมมึงต้องหน้าแดงพอกูพูดว่าพี่สิงห์เป็นมาอีแล้วมึงเป็นราโมส เฮ้ย หรือว่า เชี่ยแล้วไงมึง ไอ้วิน”
ภูหิรัณย์ขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วแล้วดึงตัวธราเทพให้หันมาเผชิญหน้า พลางกวาดสายตาพิจารณาโดยที่ธราเทพยั้งไม่ทัน จนสายตาไปหยุดอยู่ที่ซอกคอเมื่อเขาเห็นรอยแดงจางๆ ยังปรากฏให้เห็นภูหิรัณย์ตาเหลือก“อย่าบอกกูนะ ว่ามึงกับพี่สิงห์น่ะมี….”
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ”
ภูหิรัณย์กลืนคำพูดลงคอเมื่อได้ยินเสียงของวริษฐาดังแทรกเข้ามาจากทางเข้าเต็นท์ ก่อนจะหันไปยิ้มแหยเป็นการต้อนรับ“มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะก้อย”
“ก็มาทันคำถามว่าพี่สิงห์กับวินมีอะไรกันนั่นแหละ ทำไมหรือวินจนป่านนี้ยังทะเลาะกันไม่เลิกอีกหรือไง”
“เอ่อ ก็ดีขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ ไม่ค่อยได้เถียงกันแล้ว”
ธราเทพเอ่ยตอบอย่างลำบากใจ ภูหิรัณย์ได้แต่ผิวปากแล้วก็หัวเราะอยู่ในลำคอ กระซิบเบาๆที่ข้างหูของธราเทพ“เอาละเว้ย พอมือที่หนึ่งกับมือที่สองกำลังจะดีกันก็มีมือที่สามเข้ามาแทรก ไอ้วิน มึงแก้ปัญหาไปเองก่อนนะ มือที่ว่างเปล่าอย่างกูขอชิ่งก่อนละ”
พูดจบภูหิรัณย์ก็เดินมายิ้มให้วริษฐาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินลิ่วออกไปจากเต็นท์“ไอ้ก้อย แกก็อย่าแรงนักนะยังไงก็เพื่อนกันนะโว้ย”
“เฮ้ย ไอ้เซน เดี๋ยวก่อนดิ”
ธราเทพส่งเสียงห้ามพลางก้าวตามไป แต่ก็ติดอยู่ตรงที่วริษฐาเอื้อมมือมาคว้าท่อนแขนของเขาไว้“วิน แกจะเดินหนีฉันอีกนานไหม”
ธราเทพชะงัก และเมื่อหันกลับมามองหน้าเพื่อนก็ต้องถอนหายใจออกมา ดวงตาของวริษฐามีแต่ความน้อยใจ ปนเปกับความขมขื่นจนเขาอด
สงสารไม่ได้
“เราไม่ได้เดินหนีแกนะก้อย เราแค่…”
“แค่ลำบากใจที่จะคุยกับเราใช่ไหม”
วริษฐาสวนคำออกมา เมื่อเห็นท่าทีของคนเป็นเพื่อน หญิงสาวเสียใจจนน้ำตารื้นออกมา“ทำไมเหรอวิน การที่ฉันชอบแกมากกว่าความเป็นเพื่อนมันทำให้แกลำบากใจขนาดนั้นเลยหรือ”
เมื่อวริษฐาช้อนตาขึ้นมองธราเทพก็ยิ่งรู้สึกยุ่งยากใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นคนเป็นเพื่อนร้องไห้ เขาก้าวเข้าไปใกล้วางมือลงบนบ่า
ของหญิงสาวเป็นการปลอบโยน
“ไอ้ก้อย มันไม่ใช่เรื่องลำบากใจ เพียงแต่ฉันไม่คิดว่าแกจะคิดแบบนั้น เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“แต่ฉันไม่อยากได้แกเป็นเพื่อนนะวิน”
วริษฐาโผเข้ากอดธราเทพพลางซุกหน้าลงกับแผ่นอก ธราเทพได้แต่ยืนอึ้ง“ฉันชอบแกมานานแล้วนะวิน ทำไมแกถึงดูไม่ออกทำไมแกไม่เคยรู้ ขนาดเซนมันยังดูออกเลย”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่เจ็บปวดแกมขอร้อง มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าของธราเทพ แล้วอยู่ๆ มือข้างนั้นก็เหนี่ยวต้นคอของธราเทพให้ก้มต่ำลงมาอย่างรวดเร็ว“เฮ้ย ก้อย…”
ธราเทพห้ามเพื่อนไม่ทันเมื่อวริษฐายืดตัวขึ้นมาแล้วประกบริมฝีปากลงไปบนปากของเขา ธราเทพได้แต่เบี่ยงตัวหลีกหนีและยกมือขึ้นดันไหล่ของหญิงสาวอย่างยากลำบาก กว่าที่เขาจะหลุดออกมาจากการกระทำนั้นได้ในที่สุด ธราเทพยืนหอบแล้ว
จ้องมองวริษฐาอย่างไม่เชื่อสายตา
“แกบ้าไปแล้ว ไอ้ก้อย สงบสติอารมณ์หน่อย”
เขาหลุดปากต่อว่า วริษฐากัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือดเมื่อจ้องตอบธราเทพด้วยความเสียใจ“ฉันจะถือว่าแกควบคุมสติสัมปชัญญะไม่ได้ แต่คิดว่านี่คงเป็นครั้งเดียวที่แกจะทำแบบนี้ ถ้าแกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่”
เมื่อพูดจบธราเทพก็กลับหลังเดินออกไปที่ทางเข้าเต็นท์ โดยไม่สนใจวริษฐาที่ร้องไห้โฮออกมาแล้วจึงไปหยุดยืนนิ่งอยู่ทางเข้า ถอนหายใจยาวออกมาก่อนที่จะเลี้ยวออกไปทางปิรามิดธราเทพจึงไม่ได้เห็นร่างสูงของสิงหาที่ยืนอยู่ไกลออกไป ตรงกับตำแหน่งทางเข้าเต็นท์ที่แหวกออกเป็นช่องให้มองเห็นเหตุการณ์ภายในได้พอดีธราเทพคลี่ยิ้มเมื่อมองออกไปที่ระเบียงแล้วเห็นแผ่นหลังกว้างยืนทอดสายตาไปที่แม่น้ำไนล์อย่างชินตา แต่คืนนี้เป็นคืนแรกที่เขาก้าวออกไปยืนเคียงข้างแล้วมองไปยังแม่น้ำไนล์ที่คดเคี้ยวเบื้องหน้าอย่างชื่นชม“ผมเคยสงสัยทุกคืนว่าที่ระเบียงมันมีอะไรดีพี่สิงห์ถึงได้มายืนมองอยู่ได้ แต่วันนี้เข้าใจแล้วจะรังเกียจไหมครับที่ต่อไปนี้ผมจะมายืนตรงนี้ด้วย”
ยิ้มอบอุ่นปรากฎขึ้นบนใบหน้าของสิงหาเมื่อหันหน้ามาสบตากับธราเทพ พลางยกมือขึ้นโอบไหล่ให้ร่างบางเข้ามาชิดใกล้“การเคารพแม่น้ำไนล์แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมเรากับเทพเจ้า มันเป็นสิ่งที่ชาวไอยคุปต์ต้องทำอยู่แล้ว พี่จะรังเกียจวินได้ยังไง ดีเสียอีกจะได้มีคนมาช่วยส่งใจไปถึงเทพเจ้า แต่ว่าคืนนี้อย่าเพิ่งตากน้ำค้างเลย”
สิงหายกมือขึ้นประคองใบหน้าของธราเทพให้เอียงมาแล้วเขาก็โน้มใบหน้าไปจนหน้าผากทั้งคู่ชิดติดกัน“ตัวยังรุมๆอยู่เลยนะเรา วันนี้บอกให้อยู่แต่โรงแรมก็ไม่เชื่อยังจะรั้นตามไปอีก”
แล้วสิงหาก็เกี่ยวแขนให้ธราเทพเดินตามเข้ามาในห้องจนถึงเตียงนอน ผลักเบาๆ ให้หนุ่มน้อยลงไปนั่งที่ขอบเตียง“นอนพักผ่อนเยอะๆ เพิ่งหายไข้นะวิน”
ปลายเสียงที่เรียกชื่อเขามันช่างอ่อนหวานจนธราเทพคลี่ยิ้มรับ เขาเอนกายลงนอนอย่างว่าง่ายแต่ก็ต้องชะงักเมื่อสิงหาทำท่าจะล้มตัวลงนอนตาม“อ๊ะๆ พี่สิงห์ไปนอนที่เตียงตัวเองเลยนะ เตียงเล็กนิดเดียวมานอนเบียดกันอยู่ได้”
สิงหาเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน เขาทำท่าขยับตัวลุกขึ้นเมื่อเอ่ยปากตอบโต้“ก็ได้ เห็นว่าวินยังไม่หายดีกลัวว่าตกดึกมาจะหนาวจนไข้ขึ้นอีก แต่ถ้าวินอึดอัดพี่ไปนอนเตียงพี่…”
คำพูดชะงักลงพร้อมยิ้มกริ่มเมื่อธราเทพเอื้อมมือมารั้งที่แขนไว้แล้วเอ่ยปากด้วยเสียงรู้ทัน“จะนอนก็นอนไปสิ ท่ามากจริงๆเลย”
สิงหาเผลอหัวเราะออกมาเบาๆแล้วจึงซุกกายเข้าไปในผ้าห่มก่อนที่จะดึงธราเทพมากอดไว้ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะได้ยินเสียงธราเทพถอนหายใจยาวพรืดแล้วบ่นออกมา“พี่สิงห์ ผมนอนไม่หลับ หัวใจของพี่เต้นแรงจังเสียงดังมากเลย”
“แล้วจะให้พี่ทำไงล่ะครับ เจ้าชายของพี่ อยู่ใกล้วินขนาดนี้หัวใจพี่มันก็ตื่นเต้นน่ะสิ”
เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะพลางดึงให้หน้าเรียวมาซุกแนบอก“เอ่อ ก็ ไม่ทำอะไรให้หายตื่นเต้นหรือครับ”
ธราเทพอ้อมแอ้มถามเมื่อใบหน้าเกลือกกลิ้งอยู่กับอกกว้าง ทำให้สิงหาต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจยาวบ้าง“ก็อยากอยู่นะ แต่ร่างกายของวินยังระบมจากเมื่อคืนอยู่เลย พี่ไม่อยากทำให้วินเจ็บมากกว่านี้ เว้นไว้ก่อนนะ”
สิงหาประคองใบหน้าของธราเทพออกห่างจากแผ่นอกแล้วมองด้วยดวงตาพราวระยับจนธราเทพไม่กล้าสบตา“แต่ยังไงคืนนี้ก็ขอมัดจำไว้ก่อน แค่นี้…”
สิงหาจูบลงไปที่หน้าผากมน ก่อนลากมาที่เปลือกตาทั้งสองข้างลงมาที่จมูกโด่งได้รูป พอมาถึงที่ริมฝีปากอิ่มเขาก็ประกบมันแนบลงไป ใช้ปลายลิ้นดุนเบาๆให้ธราเทพเปิดรับก่อนที่ลิ้นนุ่มลื่นจะสอดเข้าไปอย่างนุ่มนวลแล้วตวัดเกี่ยวกับปลายลิ้นของธราเทพให้พอหวามไหวเขาถอนปลายลิ้นออกมาช้าๆ แวะเล็มไล้ที่กลีบปากอยู่อีกพักใหญ่กว่าจะคืนอิสระให้ธราเทพได้ในที่สุด สิงหาดึงร่างบางเข้ามาใน
อ้อมกอดแล้วลูบหลังเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“นอนเสียเจ้าชายของพี่ ตื่นขึ้นมาจะได้สดใส มีแรงมาต่อปากต่อคำกับพี่เหมือนเดิม”
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ธราเทพก็หลับลงในอ้อมกอดของเขา มีโพลด้านบนด้วยนะ