พิมพ์หน้านี้ - << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 16-03-2015 20:20:38

หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-03-2015 20:20:38
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)2160.0 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด   
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ 
เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม 
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
  16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)   
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


นิยายเรื่องนี้ ดัดแปลงมาจากแฟนฟิค ชื่อเรื่องเดียวกัน คนแต่งคนเดียวกันใช้นามปากกาเดียวกันนะจ๊ะ

หากอ่านแล้วมีติดขัด แจ้งคนแต่งได้เลยจ้า

หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทนำ#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-03-2015 20:23:26

                                                      คำสาปร้าย...พ่ายรัก

                                                               บทนำ


          พยับเมฆดำทมึนลอยต่ำยิ่งทำให้ท้องฟ้ายามราตรีกาลมืดมิดลงอีก นกกลางคืนรู้แกวบินผวาหนีจากการเกาะเกี่ยว

อยู่บนยอดของวิหารเล็กที่ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลทรายเมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความอำมหิตที่แผ่กระจายออกมาจากภายใน

          เสียงอัสนีบาตฟาดเปรี้ยงอยู่ภายนอก มิได้ทำให้ร่างที่ยืนตัวตรงห่อหุ้มไปด้วยผ้าทอย้อมสีเข้มจนมองเห็นเพียง

ดวงตาที่ดำขลับขยับเขยื้อน ซ้ำร้ายดวงตาคู่นั้นยังลุกโชนราวกับแสงไฟจากแท่งไต้ที่ตั้งอยู่ด้านข้างของแท่นหินก้อน

ใหญ่ตรงหน้าจะสะท้อนออกมา ร่างที่ยืนนิ่งเงยหน้าขึ้นช้าๆทอดสายตามองเทวรูปองค์ประธานในวิหาร

          น่าแปลก เทวรูปนั้นกลับไม่ใช่ก้อนหินแกะสลักที่ทำเป็นตัวแทนของเทพองค์ใด แต่กลับกลายเป็นรูปงูตัวใหญ่

คด
เคี้ยวแผ่แม่เบี้ยชูคอหรา อัญมณีที่ประดับเป็นดวงตาของงูยักษ์เป็นสีแดงฉานกว่าแสงเพลิงยิ่งทำให้หินสลักยิ่งดู

เหมือนงูที่มีวิญญาณเร้นลับ

          หินก้อนใหญ่หน้าตัดเรียบถูกนำมาวางอยู่ระหว่างงูยักษ์และมนุษย์เพียงคนเดียวเพื่อใช้เป็นที่จัดวางสิ่งบูชา ซึ่ง

ตอนนี้ปรากฎแค่ดินเผาที่ทำขึ้นมาลักษณะคล้ายภาชนะที่นำมาใส่น้ำ ภายในภาชนะดินเผามีอักษรรูปร่างแปลกประหลาด

บันทึกอยู่ในเนื้อดิน มนุษย์ที่มีลมหายใจก้มหน้ามองอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย

          เมื่อเงยหน้าขึ้นจ้องมองดวงตาของงูยักษ์อีกครั้ง ร่างที่ห่อหุ้มจนมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงชูแขนสองข้า

ขึ้นเหนือศีรษะเพื่อสักการะแด่หินงูยักษ์ตรงหน้า




ขอคำรามคำรพนบไหว้

แด่งูใหญ่ในพื้นปฐพี

แผ่อำนาจทั่วหล้าจวบถึงสุริย์ศรี

ข้านี้ขอรองบาททุกชาติไป

ขออำนาจที่แก่กล้า

ปกปักรักษาทุกสมัย

แลโปรดดลบันดาลขจัดศัตรูพ่าย

นาม.. มาอี..ชาติชายให้ย่อยยับ

อย่าได้พบพักตร์...ราโมส

ทุกภพทุกชาติจงแคล้วคลาด

ความรักจงกลับกลายพยาบาท

ตราบจนกว่าจะได้รับคำอนุญาต

จากข้า ผู้บูชา





          สิ้นเสียงคำสาปแช่งดวงตาดำสนิทวาวโรจน์ขึ้น มือล้วงเข้าไปในเครื่องแต่งกายด้านในแล้วดึงก้อนหินที่ถูกทำให้

แหลมและคมขึ้นมาจ่ออยู่ที่ข้อมืออีกด้านก่อนกรีดกับเนื้อจนโลหิตสีแดงฉานไหลเป็นทาง

         ร่างนั้นปล่อยให้โลหิตหลั่งรินลงไปสู่ก้นของภาชนะดินเผาจนเป็นแอ่งคาวคลุ้งไปด้วยเลือด ก่อนที่จะชะงักเมื่อ

ได้ยินเสียงลมพัดอื้ออึงอยู่ภายนอกวิหาร เปลวไฟที่ถูกลมพัดโบกไหว ก่อให้เกิดเงาดำทมึนเบื้องหลังงูยักษ์ มองไปก็

เหมือนเป็นงูจริงที่แผ่แม่เบี้ยเพื่อรับการบูชา                 

          อัสนีบาตฟาดครืนครั้งใหญ่ ดวงตาสีนิลไหววับอย่างพึงพอใจมือข้างที่ไม่บาดเจ็บยกหินก้อนขนาดเท่า

กำปั้นขึ้นมา แล้วทุบลงไปบนภาชนะดินเหนียวจนมันแตกเป็นเสี่ยง โลหิตภายในกระเด็นเซ็นซ่านก่อนที่มนุษย์ผู้นั้นจะ

กระตุกยิ้มอย่างสาสมใจ


                              -----------------------------------------



นิยายเรื่องนี้ ดัดแปลงมาจากแฟนฟิค ชื่อเรื่องเดียวกัน คนแต่งนามปากกาเดียวกัน

อาจมีติดขัดประการใด ติชมกันได้นะคะ


 :mew1: :mew1:



หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทนำ#
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 16-03-2015 20:40:51
มาแบบอาฆาตแค้น อะไรจะแค้นกันได้ขนาดนั้น หึหึ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1# [16/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-03-2015 22:19:49

                             คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                บทที่ 1


       “เฮ้ย!”


       คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนยางพาราสะดุ้งสุดตัวลุกพรวดขึ้นมานั่งก่อนที่จะกระพริบตาขับไล่ความมึนงง

แล้วจึงยกฝ่ามือขึ้นมาปาดเหงื่อชื้นจากต้นคอทิ้ง หันไปหยิบนาฬิกาปลุกที่หัวนอนมาดูในความมืดแล้วก็ต้องถอนหายใจ

เมื่อมันยังเช้าเกินไปที่จะตื่น

       ฝันประหลาดบ้าบอที่ฝันซ้ำติดกันหลายวันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมารบกวนการพักผ่อนในห้วงนิทราส่งผลให้

ร่างกายอ่อนเพลียอันเนื่องมาจากการนอนน้อย ดวงตาอันงดงามราวกับเนื้อทรายจึงดูอิดโรยกว่าเคย มันเป็นฝันที่แปลก

และที่สำคัญเขากลัวสิ่งที่ปรากฏในฝันเป็นอย่างยิ่ง

        ร่างสูงลุกจากที่นอนดึงผ้าห่มผืนบางมาพับเก็บอย่างมีระเบียบ เดินไปปิดพัดลมแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวก้าวออก

ไปจากห้อง ลงบันไดไปสู่ห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก เหลือบตามองไปที่กุฎิของเจ้าอาวาสเห็นแสงสว่างลอดออกมาจาก

หน้าต่าง แสดงให้รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของตื่นแล้ว

       กุฎิ ใช่แล้ว เขาอาศัยอยู่ในวัด เป็นเด็กวัดหรือจะให้เรียกดีหน่อยก็ต้องเรียกว่าลูกศิษย์พระมาตั้งแต่เกิด พ่อ

แม่เป็นใครเขาไม่รู้เพราะตั้งแต่จำความได้เขาก็เห็นแต่หลวงพ่อสมานผู้เป็นเจ้าอาวาสของวัดเล็กๆแถบชานเมืองหลวง

แห่งนี้เป็นผู้ปกครองคอยสั่งสอนและส่งเรียน โชคดีที่เขาเรียนดีจึงได้ทุนการศึกษามาตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อเขา

เรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 หลวงพ่อจึงไม่ต้องเป็นกังวลในรื่องค่าใช้จ่าย

        เดินไปส่องกระจกที่หน้าห้องน้ำดวงตาปรือพยายามเบิกกว้างขับไล่ความง่วงงุน จ้องตัวเองในกระจกที่ฝ้ามัว

แต่เขาก็ยังพอมองเห็นใบหน้าของตัวเอง หน้าเรียวยาวดวงตายาวรีผสานกับนัยน์ตาที่ดำขลับราวกับนิลรับกับจมูกโด่งรั้น

บ่งบอกอุปนิสัยไม่ยอมคนริมฝีปากอิ่มได้รูปเมื่อรวมกันทั้งหมดทำให้เขาถูกล้อตั้งแต่เด็กว่าหน้าหวานราวกับผู้หญิงซึ่งเขา

ก็ไม่ได้ชื่นชอบนัก

        ธราเทพคือชื่อจริงของเขาแปลว่าเทพของแผ่นดินเป็นชื่อที่หลวงพ่อสมานตั้งให้ มันดูยิ่งใหญ่มากสำหรับ

เด็กวัดอันต้อยต่ำเมื่อเขารู้ความหมายของมัน

       
       “เหมาะสมกับเจ้าดีแล้ว อย่ากังวลไปเลย”


        หลวงพ่อบอกกับเขาพร้อมกับสายตาปรานีแต่จนทุกวันนี้ธราเทพก็ยังไม่เข้าใจว่ามันจะเหมาะตรงไหน ส่วน

ชื่อเล่นของเขาคือวินที่แปลว่าชัยชนะในภาษาอังกฤษ


       “ที่หลวงพ่อให้เจ้าชื่อวินก็เพื่อเตือนใจ ไม่ใช่ให้เจ้าไปเอาชนะผู้อื่นแต่หลวงพ่ออยากให้เจ้าชนะใจตนเอง จำ

ไว้นะ”


       ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวแม้จะเป็นเวลาใกล้รุ่งสางทำให้ธราเทพรีบก้าวเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้

สะอาดอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะเตรียมตัวไปเดินรับอาหารพร้อมพระในวัดที่ออกบิณฑบาตรในตอนเช้าอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน

ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำ ธราเทพก็ต้องยืนขาแข็งขนลุกชันไปทั้งตัวเมื่อเห็นสิ่งที่ผงาดอยู่เบื้องหน้า


        งู !!


        ไม่ ต้องไม่ใช่งู นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ธราเทพหวาดกลัวตั้งแต่จำความได้  ยิ่งงูที่เห็นในตอนนี้แผ่แม่เบี้ย

หราส่งเสียงขู่ฟอดพร้อมที่จะฉกกัดได้ทุกเสี้ยววินาทียิ่งทำให้เขาแทบสิ้นสติ

        กลั้นหายใจปิดประตูอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหันรีหันขวางคว้าไม้กวาดทางมะพร้าวที่อยู่มุมห้องน้ำกำแน่นอยู่ใน

มือธราเทพค่อยๆเปิดประตู มือที่กำไม้กวาดไว้เตรียมจะหวดลงเพียงเพื่อจะหาทางหนีไปให้พ้นบริเวณนี้แต่พอประตูเปิด

กว้างเขาก็ต้องงงงัน

       งูใหญ่ตัวนั้นหายไปแล้ว









       ธราเทพก้าวเข้ามาแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะหินอ่อนที่ประจำในมหาวิทยาลัยอย่างอ่อนระโหย คนที่นั่งสนทนา


กันอยู่ก่อนแล้วสบตากันด้วยความสงสัยในท่าทางของผู้เป็นเพื่อน


      “เป็นไรวะ หน้าซีดเชียวมึง


       ภูหิรัณย์หรือเซนเพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมแล้วลากกันมาเรียนต่อถึงมหาวิทยาลัยเอ่ยถาม


      “นอนน้อย” ธราเทพตอบพลางเอนตัวพิงหลังกับขอบโต๊ะแล้วหลับตาลงด้วยท่าทีเพลียจัด


       “แล้วทำไมแกนอนน้อย ปกติแกมันเด็กอนามัยนี่หว่า


       เสียงของผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ก้อย วริษฐา เพื่อนที่เพิ่งมารู้จักตอนเข้ามหาวิทยาลัยถามเสริมขึ้นยิ่งทำให้

ธราเทพต้องถอนหายใจยาวออกมา


       “ก็ไอ้ฝันบ้าบออะไรก็ไม่รู้ฝันติดกันเป็นอาทิตย์แล้วเนี่ย เลยตื่นกลางดึกมันทุกคืน นี่ถ้าคืนนี่ฝันอีกกูเป็น

ซอมบี้แน่ รู้ป่ะ กูฝันจนเห็นภาพหลอน


       ธราเทพตอบเพื่อนเสียงเครียดจนเพื่อนทั้งสองต้องมองหน้ากันแล้วหันมาถามพร้อมๆกัน


      “ฝันว่าอะไรวะ


       ธราเทพขมวดคิ้วพลางยกปลายนิ้วขึ้นกดที่ขมับ


      “ฝันว่าเจองูตัวใหญ่จะเข้ามากัดมันเตรียมพุ่งมารัด ตาของมันแดงอย่างกับเลือดเลย นี่ฝันจนเมื่อเช้ามองเห็นงู

อยู่หน้าห้องน้ำ กูกลัวแทบแย่รีบปิดประตูหนีมันพอเปิดประตูมางูหายไปซะงั้น ถึงได้บอกไงว่าถ้าคืนนี้กูฝันอีกประสาท

กินแน่


       “อ้าว ฝันเห็นงูไม่ได้แปลว่าจะเจอคู่เหรอแก


      วริษฐาถามยิ้มๆแต่ธราเทพไม่ขำด้วย เขาตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความหวาดกลัว


      “ไม่ละ ถ้าเนื้อคู่จะแปลงร่างเป็นงูมาซะตัวใหญ่บิ๊กเบิ้ม เป็นโสดเป็นเพื่อนแกดีกว่าก้อย


       ธราเทพตัดใจจากความกลัว แล้วดันตัวลุกขึ้นพลางชวนเพื่อน


      “ใกล้ถึงเวลาเรียนของอาจารย์วาโยแล้ว ไปกันดีกว่า พี่แกชอบมาเร็วกว่านักศีกษาซะด้วย


       แต่ทันทีที่ร่างกายเหยียดตัวเต็มความสูงธราเทพก็ต้องชะงักกับความรู้สึกอะไรบางอย่างเหมือนดวงตาของใคร

บางคนที่เฝ้ามองจับจ้องตรงมาที่ร่างจนขนที่คอลุกชัน ธราเทพรีบกวาดสายตาไปมองโดยรอบ แต่ก็ไม่พบกับสายตาคู่

นั้น นอกจาก


       “ว่าไง ไอ้เด็กวัด

     
      เสียงเขื่องวางอำนาจที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องถอนหายใจก่อนหันไปมองคนที่เข้ามาก่อกวน ร่างที่สูงพอกันแต่

หนากว่าเดินตรงเข้ามาพร้อมเพื่อนที่เป็นเหมือนลูกสมุนอีกสองคนยักคิ้วให้แต่แววตาที่ไม่เป็นมิตรทำให้ธราเทพต้องระวัง

ตัว
      ตรีภพ เพื่อนที่เรียนขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่เด็กและมักจะเข้ามาหาเรื่องก่อกวนอยู่เสมอ เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้

มาอยู่ที่เดียวแต่ต่างคณะเดินตรงเข้ามาใกล้ ธราเทพไม่รู้ว่าเขาไปกวนบาทาเจ้าหมอนี่ตอนกี่ขวบมันถึงได้ตามจองล้าง

จองผลาญกันนัก  ดวงตาเรียวจ้องตอบด้วยความเบื่อหน่าย


     “แล้วจะทำไม ไอ้ตรี

     
      “เปล๊า…ก็แค่สงสัยว่าเมื่อเช้ามึงต้องเดินสักกี่กิโลวะกว่าจะช่วยหลวงพ่อของมึงบิณฑบาตรเสร็จ”


      เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นจากกลุ่มของตรีภพทำให้ภูหิรัณย์ต้องเดินมาห้ามทัพ


      “ไอ้ตรี เมื่อไหร่มึงจะเลิกหาเรื่องไอ้วิน โตกันขนาดนี้แล้วมึงก็ยังหาเรื่องไอ้วินมันอยู่ได้


       ตรีภพชี้หน้า


      “มึงอย่าเสือกไอ้เซน กูไม่ได้พูดกับมึงกูพูดกับไอ้เด็กวัดนี่


      ธราเทพกัดฟันข่มอารมณ์ เขาไม่ชอบระรานใครก่อนแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยาม


      “ทำไมวะไอ้ตรี ที่กูไปเดินพร้อมหลวงพ่อเนี่ย กูไปเดินย่ำบนหัวของมึงหรือไงถึงต้องเดือดร้อน


      “ไอ้เชี่ยวิน มึง!”


      ตรีภพถลาเข้ามาพร้อมกำปั้นลุ่นๆแต่ธราเทพที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วฉากตัวหลบเพียงนิดเดียวหมัดของตรีภพก็

พลาดเป้า ธราเทพไม่รอช้าเขายกมือขึ้นจับที่ท่อนแขนของตรีภพแน่นแล้วตีเข่าเข้าที่ท้องของตรีภพจนร้องลั่นแล้วเขาก็

เหวี่ยงแขนจนคนที่เข้ามาหาเรื่องกลิ้งหลุนๆ ไปนอนกองกับพื้น

      ภูหิรัณย์รีบดึงตัวธราเทพไว้ไม่ให้ตามเข้าไปซ้ำตรีภพ พลางลากแขนให้คนเป็นเพื่อนทั้งหญิงและชายเดินหนี

ไปทางอาคารเรียนอย่างรวดเร็ว


      พอแล้วไอ้วิน มึงก็ช่างทะเลาะกับไอ้ตรีอยู่ได้ก็รู้ว่ามันปากหมายังจะไปกัดกับมันอีก”


     ภูหิรัณย์บ่นพึมพำจนกระทั่งก้าวขึ้นบันได้อาคารเรียน แต่แล้วธราเทพก็สะบัดแขนออกจากการเกาะเกี่ยวของ

เพื่อนสนิท เขายืนนิ่งอยู่หน้าอาคารนั่นเอง เอาอีกแล้วกับความรู้สึกที่เหมือนมีสายตาจับจ้อง

ซ้ำคราวนี้ยิ่งแรงกล้าเหมือนเจ้าของสายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น หนาวยะเยือกไปทั่วรูขุมขนเมื่อกวาดสายตา

ไปแล้วก็ยังไม่พบกับเจ้าของสายตาคู่นั้น







       เมื่อเสียงกริ่งหมดเวลาดังขึ้นธราเทพก็ยกศีรษะขึ้นมาจากการฟุบหลับก่อนจะยิ้มเจื่อนให้กับอาจารย์ที่มองตา

เขียวกลับมา

       คณะโบราณคดีของเขามีนักศึกษาอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับคณะอื่น ยิ่งวิชาที่เกี่ยวกับอารยธรรมสมัยอียิปต์

โบราณอย่างที่เขาเลือกเรียนก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่ อาจารย์ที่สอนจึงได้มีความสนิทสนมกับลูกศิษย์มากกว่าคณะอื่น

ยิ่งว่าที่ดอกเตอร์วาโยที่เพิ่งสอนจบไปเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาด้วย ความสนิทสนมก็ยิ่งมีมาก

       ภูหิรัณย์เรียนคณะเดียวกันกับเขาแต่เลือกเรียนทางด้านอารยธรรมลุ่มน้ำเจ้าพระยาแต่ก็มาลงวิชาที่เขาเรียน

อยู่เป็นวิชาเลือกเพราะติดใจการสอนของวาโย ส่วนวริษฐาเลือกเรียนอารยธรรมอียิปต์เช่นเดียวกับธราเทพ

      วาโยเดินตรงเข้ามาแล้วขมวดคิ้วต่อหน้าลูกศิษย์ทั้งสามพลางเอ่ยต่อว่าธราเทพ             


         “เฮ้ย ไอ้วิน อาจารย์สอนไม่ดีหรือไงถึงหลับซะเกือบครึ่งชั่วโมง


         ธราเทพส่งยิ้มเจื่อนเป็นการขอโทษวาโยอีกครั้ง               


        “โธ่ อาจารย์อย่าโทษตัวเองเลยครับ ผมนอนน้อยมาหลายคืนเลยง่วงนิดหน่อย


          วาโยหัวเราะหึหึ ก่อนพูดเสียงปรานี                       


          “ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เธอเองก็เรียนเก่งอยู่แล้วอยู่แค่ปีสองแต่อ่านภาษาเฮโรกริฟฟิค(ภาษาอียิปต์

โบราณ)อย่างกับเป็นเจ้าของภาษา หลับนิดหน่อยอาจารย์ไม่ว่าหรอก แต่เซนกับก้อยน่ะต้องตั้งใจกว่านี้” 


            วาโยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงโอดโอยจากลูกศิษย์                     

 
       “แล้วพรุ่งนี้ วิชานี้ของอาจารย์จะขาดหรือหลับกันไม่ได้นะ จะมีอาจารย์พิเศษมาบรรยาย คนนี้น่ะเขาเก่งมาก


   
           ธราเทพมองวาโยอย่างสงสัย                    


           “ใครกันครับอาจารย์ เก่งแค่ไหนกัน


            “ก็เก่งขนาดจบดอกเตอร์ก่อนอาจารย์แล้วแถมยังเขียนตำราวิชาการตั้งหลายเล่ม อย่างเช่นเล่มนี้ไง


       
     วาโยส่งหนังสือปกแข็งเล่มหนาให้ธราเทพ เขารับมาแล้วอ่านชื่อผู้เขียน                 

       
           “อัสลาน


       
  ธราเทพรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาอีกครั้งเมื่ออ่านชื่อนั้น      


--------------- โปรดติดตามตอนต่อไป------------------                   


คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้คนแต่งบ้างนะคะ

:pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:

                     








หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1# [16/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 17-03-2015 02:14:10

มารอเรื่องใหม่จร้าาา  :o8:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1# [16/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 17-03-2015 06:46:03
เรื่องน่าสนใจดีค่ะะะ
รออ่านตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1# [16/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-03-2015 12:49:38
ว้าว   :m15: 
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1# [16/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 18-03-2015 07:18:59
โอ๊ะ! น่าลุ้นมากเลยค่ะ :katai1:
รอจ้า/หนูจะเอาอีกๆๆ :hao7:ฮ่าๆ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 2# [18/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-03-2015 20:16:30

                                                    คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                     บทที่ 2



         ธราเทพเดินลงจากอาคารเรียนด้วยความมึนงง


        มือที่ถือหนังสือปกแข็งเล่มหนาเพิ่งจะเลิกสั่นได้เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้หลังจากที่ควบคุมไม่ได้ตั้งแต่รับหนังสือมา

จากวาโย ธราเทพยกความผิดไปให้ร่างกายอ่อนเพลียที่เกิดจากการพักผ่อนน้อยของเขา

        แต่กับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะตั้งแต่ได้ยินชื่อที่หลุดออกมาจากปากอาจารย์วาโย จนถึงตอนนี้มันก็

ยังสั่นไหว เหมือนได้ยินชื่อที่คุ้นเคยติดอยู่ในจิตใต้สำนึก เขาเองไม่รู้จะโยนความผิดไปให้กับอะไรดี



        “อัสลานหรือครับ”



        จำได้ว่าตัวเองทวนคำพูดของวาโยราวกับกำลังละเมอเมื่อรับหนังสือเล่มหนามาถือไว้พลางเพ่งสายตาไปที่ชื่อบน

ปกก่อนที่จะพึมพำเบาๆ ซ้ำไปมาอย่างคนไร้สติ



        “อัสลานเป็นภาษาตุรกี แปลว่าสิงโต” เสียงอาจารย์วาโยลอยมาเข้าหู



          ใช่.. ธราเทพรู้


            สิงโตเจ้าป่าที่แผดเสียงคำรามก้องยามโกรธา ดวงตาวาววับเมื่อมองเห็นเหยื่อที่ต้องการและพร้อมที่จะกระโจน

ตะปบให้เหยื่อยอมจำนนอยู่ในอุ้งเล็บแหลมคมแข็งแกร่งธราเทพรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องจนยอมเสียมารยาท เขาเอ่ยลา

ผู้เป็นอาจารย์และเพื่อนสนิทแล้วลุกออกมาจากวงสนทนาเพื่อที่จะมาเดินอย่างไร้สติอยู่ที่ริมถนนของมหาวิทยาลัย





            รถยนต์สีดำติดฟิล์มกรองแสงมืดจนมองไม่เห็นภายในผ่านการทำความสะอาดจนมันปลาบแล่นตรงอย่าง

รวดเร็วเข้ามาในถนนเล็กๆ ที่ธราเทพเดินเหม่ออยู่ รถคันนั้นขับตรงเข้ามาหาร่างของเขาแล้วเบรคจนตัวรถสั่นเมื่อหยุด

จอดเทียบด้านข้างห่างจากร่างของธราเทพไปเพียงแค่เศษนิ้ว ธราเทพตกใจจนต้องเบี่ยงตัวหนี เขายื่นนิ่งเรียกสติอยู่

หลายวินาทีมันจึงได้กลับคืนมาหาเขาอีกครั้ง เขาเตรียมจะเอ่ยปากต่อว่าคนขับที่ทำตัวไม่มีมารยาท แต่คำพูดที่ใกล้จะ

หลุดออกมาจากปากถูกกลืนกลับเข้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าของรถสีดำเปิดกระจกลงมาเผยให้เห็นตาคมที่จ้องมองจาก

ภายในรถ แต่เพียงแค่นี้ธราเทพก็สะดุ้งวาบจนหนังสือเรียนหอบใหญ่ที่ถืออยู่ในมือร่วงกระจายอยู่กับพื้น รวมทั้งหนังสือ

ปกหนาที่ปรากฏชื่อคนเขียน “อัสลาน”สายตาคมกริบจ้องเขาเหมือนราชสีห์จ้องเหยื่อ ก่อนจะตวัดกลับไปเมื่อกระจกรถ

ปิดลง

รถยนต์คันหรูเคลื่อนที่จากไปทิ้งไว้แต่ธราเทพที่มองตามท้ายรถคันนั้นอย่างมึนงงหนักยิ่งกว่าเดิม



    รถแล่นอย่างรวดเร็วมาจอดหน้าคณะโบราณคดี เจ้าของรถก้าวออกมายืนนิ่งเอนกายพิงไปกับรถแล้วจ้องมองไปที่

ร่างของคนที่เพิ่งจากมาซึ่งตอนนี้อยู่ไกลลิบจนลับตา แต่ร่างสูงเจ้าของรถก็ยังคงมองไปเหมือนคนๆ นั้นยังคงยืนอยู่ต่อ

หน้ามุมปากกระตุกยิ้ม ดวงตาคมวาววับทอแสงราวกับสิงโตที่เตรียมจะขย้ำลูกกวางตัวน้อย








          ธราเทพกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องเรียน เขาก้าวมาจากประตูด้านบนของห้องสโลปสูงที่มีนักศึกษาและ

อาจารย์นั่งอยู่เกือบเต็มเพื่อเข้ามาฟังการบรรยายครั้งสำคัญ ภูหิรัณย์กวักมือเรียกเพื่อนเมื่อเห็นเวลาจวนแจเต็มที



        “เกือบสายแล้วมึง ดีนะยังไม่เริ่ม”



         ธราเทพทรุดตัวลงนั่งพลางยกหลังมือป้ายเหงื่อบนใบหน้า



         “เออ ตื่นสายว่ะ”



          วริษฐาโน้มตัวมามองจากด้านข้างอีกฝั่งของภูหิรัณย์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง



          “ฝันร้ายอีกหรือแก”



           ธราเทพถอนหายใจ ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนทั้งสองฟังถึงความฝันที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์เขาฝันเห็นงูยักษ์แต่

เมื่อคืนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ความฝันในห้วงนิทรากลับกลายเป็นราชสีห์ตัวโตเคลื่อนไหวอย่างสง่าเดินผ่านมาหยุดยืนจ้อง

หน้าแล้วระโจนอย่างรวดเร็วหมายที่จะขย้ำ และทันทีที่เจ้าป่าเกือบถึงตัวดวงตาเงาวับก็เปลี่ยนไป กลายเป็นดวงตาของ

เจ้าของรถยนต์สีดำที่เขาสบตาเมื่อวานนี้ จนธราเทพสะดุ้งตื่นกลางดึก กว่าที่จะหลับต่อได้อีกก็ใช้เวลาอีกนานโขและ

รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เกือบสาย แม้แต่กิจวัตรที่ไปช่วยหลวงพ่อก็ยังไม่ได้ทำ

         เสียงจ้อกแจ้กจอแจทั่วห้องค่อยๆ เงียบลง เมื่อวาโยก้าวออกมาสู่เวทีเล็กหน้าห้องบรรยายเพื่อแนะนำผู้บรรยาย

พิเศษในวันนี้ เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อวาโยผายมือไปทางด้านข้าง ธราเทพแทบหงายหลังร่วงเก้าอี้เมื่อผู้บรรยายก้าวมา

ยืนอยู่กลางเวทีพลางค้อมศีรษะเป็นการแนะนำตัว ในเมื่อชื่อ “อัสลาน” เป็นภาษาตุรกี ภาพที่เขาจินตนาการไว้ก็คือ

แขกขาวที่คุ้นตาของชาวตะวันออกกลางที่ดูยังไงคนที่ใช้ชื่ออัสลาน ในการเขียนตำราอียิปต์โบราณก็ดูไม่ได้ใกล้เคียง

แม้แต่น้อย

          บุรุษที่ยืนอย่างสง่างามอยู่กลางเวทีมีเรือนร่างสูงและกำยำไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ใบหน้าคมอย่างคนไทยแท้ๆ

ธราเทพอมรับว่าจมูกโด่งที่ประดับบนใบหน้าเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เจ้าของเปี่ยมด้วยเสน่ห์ ถ้าไม่นับดวงตาคมปลาบ

เหมือนมีดปลายแหลมที่ทิ่มแทงลึกเข้าไปในใจของเขาเมื่อเจ้าของดวงตาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับธราเทพในระยะไกล

หนุ่มน้อย

          ลูกศิษย์พระนั่งกระสับกระส่ายหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรู้สึกได้ว่าตลอดการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษนั้น ดวงตาคู่

คมคอยแต่จะจับจ้องวนเวียนทางเขาอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าทั้งห้องมีเพียงเขากับผู้บรรยายอยู่กันเพียงลำพัง




         “ในช่วงที่เทพรา กลับไปสวรรค์ โลกมนุษย์ถูกกั้นอาณาเขตโดยภูเขาซึ่งช่วยพยุงท้องฟ้าไว้ ทุกวันดวง

อาทิตย์หรือเทพราจะขึ้นภูเขามานูทางทิศตะวันออก จากนั้นก็จะเริ่มเดินทางข้ามผ่านท้องฟ้าเรียกว่า การเดินทางของ

เรือมันเจต โดยมีเหล่าเทพเจ้าเป็นเสมือนลูกเรือติดตามมาด้วย รวมถึงเทพเกบ เทพธอธ และบุคลาธิฐานจากพลังสุริยะ

มากมายบางครั้งเทพฮอรัส จะร่วมในการเดินทางด้วย โดยจะยืนอยู่หัวเรือเพื่อทำลายศัตรูของเทพราขณะที่แล่นเรือผ่าน

ฟากฟ้าเทพราจะสวมมงกุฎ 2 ชั้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การรวมไอยคุปต์ตอนบนและล่างเข้าด้วยกัน มงกุฎสีแดงคือไอย

คุปต์ตอนล่าง สีขาวคือไอยคุปต์ตอนบน ส่วนฟาโรห์จะมีมงกุฎที่มีรูปงู อูรายอุส อยู่ข้างหน้าและพ่นไฟออกมาเพื่อไล่

ศัตรูหัวหน้างูใหญ่ศัตรูของเทพราคือ “อาโพฟิส” ซึ่งอาศัยอยู่ในแม่น้ำแห่งเทพนุน ทุกวันมันจะคอยขัดขวางเรือสุริยะไม่

ให้แล่นไป


          มีเรื่องเล่าว่าอาโพฟิสเป็นสุริยะเทพแรกเริ่ม แต่ถูกละทิ้งก่อนที่เทพราจะสร้างโลก ซึ่งทำให้มันไม่พอใจในการ

เดินทางของเทพรา มันมักจะพ่ายแพ้ต่อเทพราเสมอเวลาที่รบพุ่งกัน  ในครั้งที่รบกันรุนแรงเทพเซตจะมายืนอยู่หัวเรือ

เพื่อสู้กับอาโพฟิส ถ้าครั้งใดที่ อาโพฟิส มีชัยชนะจะเกิดพายุหรือเชื่อว่าการเกิดคราสต่างๆนั้นหมายถึงว่า อาโพฟิส ได้

กลืนเรือสุริยะเข้าไปเทพรา จะแล่นเรือไป มตภพดูอัต 12 ชั่วโมง เริ่มการเดินทางจากทิศตะวันตก”




        ทันทีที่การบรรยายจบลงด้วยเรื่องของงูใหญ่ ดวงตาคมตวัดกลับมาสบตาธราเทพด้วยนัยน์ตาที่บอกถึงความแค้น

ก่อนฉาบเคลือบไว้ด้วยความเฉยชา ธราเทพถึงกับหนาวเยือกทุกอณูเส้นขนโดยไม่รู้สาเหตุ แม้ศีรษะผู้ชายคนนั้นจะน้อม

รับการปรบมือชื่นชมอย่างอื้ออึง แต่สายตาที่ส่งมากลับไม่คลาดเคลื่อนไปจากธราเทพแม้แต่น้อย จนธราเทพทนไม่ไหว

ถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วฝืนก้าวเดินด้วยขาที่แทบทรงตัวไม่อยู่ออกไปจากห้องบรรยาย โดยไม่รู้ว่าสายตาที่มองตามหลังมา

นั้นยังคงจ้องมาจนร่างของธราเทพลับสายตาไปจากประตูห้อง









            “ไหนอาจารย์บอกว่าเขาเป็นคนตุรกีไงครับ แล้วทำไมเป็นแบบนี้ไปได้”



             ธราเทพโวยวายกับอาจารย์ที่ปรึกษาเมื่อยามบ่าย หลังจากที่เขาควบคุมอาการของตัวเองได้แล้วจึงได้มาพบ

วาโยที่ห้องพักอาจารย์ วาโยที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าเงยหน้ามามองลูกศิษย์คนสนิทอย่างงงๆ เมื่อ

เห็นอาการหงุดหงิดของธราเทพ



           “อะไรของแก ไอ้วิน” วาโยถามอย่างสงสัย

         
          “อาจารย์บอกว่าอัสลานเป็นภาษาตุรกี แต่ไม่ได้บอกว่าเพื่อนของอาจารย์เป็นคนตุรกีนี่”



            “เพื่อน” 


            ธราเทพงงงันไปกับความรู้ใหม่เมื่อวาโยเปิดเผยมาอีกหนึ่งอย่าง


            “เขาเป็นเพื่อนกับอาจารย์เหรอครับ”



          “ใช่ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กแล้ว แม่ของเพื่อนอาจารย์แต่งงานใหม่ไปกับเศรษฐีชาวตุรกี แล้วเขาก็รับ

เพื่อนคนนี้ไปเป็นลูกบุญธรรมเลยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นภาษาตุรกี แต่ความจริงเพื่อนอาจารย์น่ะชื่อว่า...”



             “สิงหา”


            เสียงทุ้มแทรกคำพูดของวาโยเข้ามา ธราเทพชะงักก่อนจะเหลียวกลับไปมองต้นเสียงที่หยุดยืนอยู่ที่ประตูหน้า

ห้อง ร่างสูงสง่าเดินสบายๆ เข้ามาหยุดยืนต่อหน้าในระยะประชิดโดยที่ธราเทพยังไม่ทันตั้งตัว  เขาถึงกับสะดุดลมหายใจ

ตนเองเมื่อได้สบตาในระยะใกล้เป็นครั้งแรก



         “นายควรจะสอนลูกศิษย์ของนายนะวาโย ว่าถ้าคนอื่นยังบรรยายไม่จบก็ไม่ควรลุกหนีจากห้อง มันเสียมารยาท”



         แม้คำพูดจะเอ่ยชื่อวาโย แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องตรงมาที่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

          อา...ธราเทพอยากจะมีความสามารถเสกให้ตัวเองกลายเป็นนกหรืออะไรก็ได้แล้วบินหนีไปจากสถานการณ์นี้

เมื่อดวงตาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง ตัดพ้อแอบซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่ฉาบด้วยรอยยิ้ม มาถึงตอนนี้ธรา

เทพไม่เข้าใจว่าเขาไปทำอะไรให้คนตรงหน้ารู้สึกรุนแรงได้ถึงขนาดนี้!!                                       




             ----------------------โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------------



 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 2# [18/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-03-2015 20:26:12
อัสลานคือคนที่แค้นใช่ไหม  แต่ทำไมรังสีพระเอกมันรุนแรงยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 2# [18/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 18-03-2015 22:30:18
อ๊ายยยยยพี่สิงออกมาแว้ววว fcแป๊บค่ะ! :impress2:/ผิด

งืออออถึงมาโกรธน้องเทพตอนนี้มันก็ไม่ได้อะไรหร๊อกก สู้ทำให้ตายใจแล้วจับกินดีกว่านะพี่สิง อุ๊ฟ! :z10:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 2# [18/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 19-03-2015 05:27:30

แอร๊ยยย...เข้มข้นๆ รอตอนต่อไป  :impress2:
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 3# [19/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-03-2015 19:59:43

                                                             คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                                     บทที่ 3


        “มาพอดีเลยกำลังจะโทรตาม นี่ไง เด็กที่จะแนะนำให้รู้จัก”


        ดูเหมือนวาโยจะไม่สนใจคำพูดค่อนแคะของคนเป็นเพื่อน เขาลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินมากั้นกลางระหว่างผู้ชายสอง

คนที่ยืนต่อสู้กันด้วยสายตาอย่างคนไม่รู้เรื่องราว


        “ไอ้วินคงจะรู้จักแล้วสินะ นี่ด็อกเตอร์สิงหาหรือจะเรียกว่าพี่สิงห์ก็ได้ ส่วนแกไอ้สิงห์ คนนี้ศิษย์คนโปรดของข้าเลย

นะโว้ย ชื่อธราเทพ ชื่อเล่นว่าวิน”


        สิ้นสุดคำพูดแนะนำง่ายๆของวาโยดวงตาที่ขังลึกไว้ด้วยตะกอนขุ่นมัวก็เปลี่ยนไปกลายเป็นนัยน์ตาพราวระยิบระยับ

เหมือนเด็กชายที่เจอของเล่นถูกใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเพียงเล็กน้อยประกอบกับมุมปากคลี่ยิ้มอีกนิด เท่านี้สิงหาก็เพียบพร้อม

ไปด้วยเสน่ห์ที่บาดลึก


       “ยินดีที่ได้รู้จักนะหนุ่มน้อย ชื่อวิน อืม เป็นชื่อที่ดีสมกับตัวดีนะ”


        ปลายเสียงที่กดต่ำจนจมหายไปในลำคอ ประกอบกับสายตาที่มองมาทำให้เลือดในกายธราเทพเดือดปุดๆ ถึงแม้

จะอยู่อาศัยกินข้าวก้นบาตรในวัด แต่ธราเทพก็ไม่ได้ใจเย็นและอดทนได้เหมือนผู้ทรงศีล ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่หลวง

พ่อสอนสั่งไม่ได้รวมไปถึงให้ใครมาล้อเล่นเหยียดหยามเหมือนเขาเป็นคนที่ด้อยค่า ธราเทพถือคตินี้เสมอมาเขาจึง

เหยียดไหล่ให้กว้าง เชิดคอขึ้น หน้าหวานบึ้งตึ้งเมื่อสบตากับสิงหาอีกครั้ง


        “ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับด็อกเตอร์ การบรรยายเมื่อตอนเช้าคุณทำได้ดีมากต้องขออภัยที่ลุกจากห้อง

ไปก่อน แต่เป็นเพราะผมเห็นว่าคุณบรรยายสาระสำคัญจนมาถึงตอนจบแล้ว และผมก็มีธุระจำเป็นที่ต้องลุกออกไปข้าง

นอกก่อนเวลาเลิก”


          ธราเทพเป็นฝ่ายคลี่ยิ้มพร้อมดวงตาถือดีบ้าง เมื่อเขากล่าวประโยคต่อไป


         “แต่คิดว่าคงไม่เสียมารยาทเท่ากับการที่ใครบางคนจะขับรถอย่างขาดความระมัดระวังจนแทบจะชนคนเดินถนน

แล้วไม่มีคำขอโทษแม้แต่คำเดียว”


           สิงหาได้ฟังแล้วก็ต้องกดความขำขันไว้อย่างยากเย็นจนเหลือเพียงดวงตาคู่คมที่พราวระยับเท่านั้นที่ยังแสดงร่อง

รอยทิ้งไว้

         ไม่เลวเลยกับการตอบโต้ด้วยความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนผ่านไปนานเพียงไหน คนที่เขาดั้นด้น

ตามหาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือตัวเขาเองต่างหาก และคนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปก็คือ

ผู้ชายที่งดงามราวอิสตรีที่ยืนต่อหน้า เขาสัญญากับตัวเองไว้เมื่อพันธะที่เกี่ยวข้องสิ้นสุดลงเขานี่แหละจะทำลายคนที่เคย

ทำร้ายเขาให้ตกนรกทั้งเป็น


            “เฮ้ย แล้วจะมาต่อปากต่อคำกันเพื่ออะไรมิทราบ เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องที่ต้องการเสียที”


          วาโยพักยกสงครามทางสายตาไว้ได้อีกครั้งพลางมองหน้าทั้งสองสลับกัน ธราเทพจึงได้มีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย


           “อาจารย์มีอะไรให้ผมทำหรือครับ”


           วาโยส่ายหน้า เมื่อคนเป็นลูกศิษย์ถาม


           “ไม่ใช่อาจารย์แต่เป็นไอ้เพื่อนของอาจารย์เอง คือสิงห์เขามีโครงการที่จะไปขุดปิรามิดที่เพิ่งค้นพบใหม่เมื่อเร็วๆ

นี้ แล้วต้องการนักศึกษาไปช่วยตอนช่วงปิดภาคเรียน อาจารย์ก็เลยเสนอชื่อเธอไป สนใจไหมล่ะ”


           ธราเทพตาลุกวาวเมื่อได้ยิน การเดินทางไปทำงานจริง ณ แหล่งอารยธรรมโบราณเป็นความฝันของนัก

โบราณคดีทุกคนอยู่แล้ว และนี่ยิ่งเป็นปิรามิดที่เขาเองก็เพิ่งอ่านข่าวด้วยความตื่นเต้นเมื่อไม่นานมานี้  ธราเทพอยากไป

จนเนื้อเต้นถ้าไม่ติดว่าเจ้าของโครงการจะเป็นสิงหา




           “แต่ผมไม่เห็นด้วย”


           เสียงคัดค้านดังขึ้นจากบุคคลที่ก้าวเข้ามาใหม่ในห้อง ก่อนที่ร่างสูงและท้วมเล็กน้อยจะก้าวเข้ามาในวงสนทนา

ด็อกเตอร์อัคนี รองคณบดีวัยเกือบสี่สิบออกความเห็นด้วยใบหน้าบึ้งตึง


        “ธราเทพไม่เหมาะสมถ้าจะวัดกันเรื่องผลการเรียน ผมคิดว่าวริษฐาจะเหมาะกว่า รวมถึงฐานะทางสังคมด้วย”


          วาโยยกแขนขึ้นกอดอกด้วยแววตาขุ่นเคือง เมื่อเจอรุ่นพี่เบรคกลางอากาศ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอัคนีถึงได้มอง

ธราเทพไม่เคยดีเอาเสียเลยตั้งแต่ธราเทพเข้าเรียนที่นี่ ทั้งที่ผลการเรียนของธราเทพก็เป็นที่ยอมรับตั้งแต่ยังอยู่ปีสอง

เท่านั้น


      “วริษฐาได้เกรดน้อยกว่าธราเทพในวิชาเฮโรกริฟฟิคซึ่งเป็นส่วนที่จำเป็นกับโครงการนี้ ผมจึงได้เสนอชื่อธราเทพ”


        วาโยกล่าวแก้ให้ลูกศิษย์


         "และเมื่อสิงห์มันเห็นผลงานมันก็เลือกธราเทพ ในเมื่อเจ้าของเงินมันเลือกแล้วพี่อัคนีจะเอาอะไรอีก หรือว่าจะเอา

ฐานะมาวัดว่าแอดไวซีของพี่มีฐานะร่ำรวย”


          “ขอบคุณนะครับพี่อัคนีที่ให้คำแนะนำ”


          กลับกลายเป็นสิงหาที่ต้องห้ามทัพบ้าง เมื่อเห็นหน้าตาของอัคนีเริ่มบึ้งกว่าเดิม


         “จริงอย่างที่ไอ้โยมันบอกครับ ตอนนี้เราต้องการคนที่อ่านภาษาเฮโรกลิฟฟิคได้ดีไปช่วยงาน เพราะลำพังแค่ผมก็

ไม่ไหว”


          สิงหากล่าวเสียงนุ่มกับอัคนีที่ชักสีหน้าเมื่อได้ยิน


          “แล้วผมเองก็อยากช่วยเหลือเด็กด้วย เงินค่าจ้างที่ได้เมื่อกลับมาก็จะได้เป็นทุนให้ธราเทพใช้จ่ายต่อไป”


           “ผมไม่ไปก็ได้ครับ”


           เสียงดังฟังชัดดังขึ้นจากธราเทพจนทุกคนหันไปมองกันเป็นตาเดียว


          “ผมไม่อยากให้คนอื่นมองว่าผมอยากไปเพราะเงิน ขอโทษนะครับผมขออนุญาตออกไปข้างนอก”


           ยังไม่ทันที่อาจารย์คนใดจะเอ่ยปากอนุญาตธราเทพก็ก้าวยาวๆผลักประตูออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

         จริงอย่างที่อาจารย์อัคนีบอก วริษฐาเหมาะสมกว่าเขาถึงแม้การเรียนจะโดดเด่นพอกัน แต่วริษฐาก็มีฐานะทางบ้าน

ร่ำรวยพอที่จะไปใช้ชีวิตต่างประเทศได้ แต่ธราเทพรู้ว่า นี่ไม่ใช่เหตุผลจริงๆหรอก เหตุผลที่เขาต้องหักห้ามความอยากไป

อียิปต์คือเขาไม่อยากไปอยู่ใกล้สิงหาเจ้าของโครงการต่างหาก







           ธราเทพก้าวยาวๆไปตามทางเดินของตึกเก่าที่ตั้งของคณะ แปลกที่วันนี้มันช่างเงียบสงบเงียบเกินไป ไม่มีใคร

เดินผ่านสักคน จนเขาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงห้ามที่ตามหลังมา


         “เดี๋ยว หยุดก่อน”


         ธราเทพหันไปมองเจ้าของเสียง ที่เดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็ไม่รู้


          “ทำไมถึงปฎิเสธ”


           เสียงแข็งประกอบกับสายตาขุ่นเคือง ทำให้ธราเทพต้องลอบกลืนน้ำลาย


          “ก็ไม่อยากไป”


         เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงถือดี


        “งานนี้มีนายคนเดียวที่เหมาะสม”


           สิงหาก้าวเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจที่อกกว้าง ธราเทพจำเป็นต้องก้าวถอยหลังให้

ระยะห่างกว้างขึ้น


           “ไม่อยากไป ก็คือไม่ไป เซ้าซี้อยู่ได้”


         ธราเทพกัดฟันเถียง ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของสิงหากลับบูดบึ้งยิ่งขึ้น สิงหาคว้าแขนธราเทพไว้แล้วกระชาก

อย่างแรงจนธราเทพเซตามแรงมาปะทะกับแผ่นอก หนุ่มน้อยได้แต่มองตาดุคู่นั้นอย่างตกใจ


           “อย่าพูดว่าไม่ ถ้าฉันบอกว่าได้”


            สิงหาดึงมือธราเทพให้มาอยู่ตรงหน้าแล้วง้างออก


           “ถ้านายเห็นสิ่งนี้ แล้วนายจะรู้ว่าทำไมต้องเป็นนาย”


            ทันทีที่สิงหายัดสิ่งของบางอย่างใส่อุ้งมือของธราเทพ หนุ่มน้อยก็สะดุ้งวาบ

            เพียงแค่เศษเสี้ยวของภาชนะดินเผาชิ้นเล็กถูกห่อหุ้มด้วยซองพลาสติกใส สัมผัสลงบนอุ้งมือ กลับเหมือนฟ้าที่

ผ่าเปรี้ยงลงมากลางศีรษะของธราเทพจนความเจ็บปวดบาดลึกไปทั้งร่าง เนื้อตัวสั่นสะท้าน ดวงตาคู่หวานลอยคว้าง

ก่อนที่มันจะปิดลงพร้อมกับสติที่หลุดลอยไป









               “ราโมส ราโมส”


             ธราเทพปรือตาขึ้นก่อนที่จะกระพริบตาถี่ๆเพื่อขับไล่ความมึนงง เมื่อรู้สึกถึงการเขย่าที่ต้นแขน


             “ตื่นได้แล้วราโมส ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”


              ใครคือราโมส ธราเทพดันตัวลุกขึ้นนั่งพลางสะบัดหัวจนสติกลับคืนมาจึงได้มองไปตรงหน้าอย่างแปลกใจ

นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคย เขาหันมองไปโดยรอบไกลสุดสายตามีแต่ทะเลทราย ถึงแม้ว่าตรงที่เขานอนหลับอยู่จะมีต้นไม้

ใหญ่แผ่กิ่งก้านบดบังความร้อนจากแสงอาทิตย์ยามบ่ายจัด


             “ข้ามาเล่นไกลไปหน่อย มาอีอย่าบอกพ่อนะ”


            นึกแปลกใจว่าตนเองตอบกลับคนที่นั่งคุกเข่าจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันอย่างสนิทสนม

ทั้งที่เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักแน่ๆ

         ธราเทพจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าจึงได้เห็นชายหนุ่มวัยแตกพานในชุดแต่งกายที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่เขา

ใส่อยู่ ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เพิ่งจะเริ่มมีเป็นมัด ส่วนท่อนล่างเป็นผ้าทอเนื้อหยาบรั้งขึ้นมาจนถึงต้น

ขา ร่างผิวดำแดงตามสภาพภูมิประเทศหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะยืนขึ้นส่งมือให้ธราเทพจับแล้วฉุดให้ลุกยืนตาม


           “เมื่อไหร่จะโตเสียทีนะราโมส เจ้าน่ะอายุสิบห้าแล้วนะ อีกไม่นานก็ต้องแต่งงานแล้ว”


           “เฮอะ ไม่แต่งหรอก มาอีล่ะ อายุยี่สิบแล้วก็ยังไม่เห็นแต่งงานเลย”


          “เจ้ากับข้าน่ะ มันไม่เหมือนกันนะราโมส ข้าน่ะไม่แต่งก็ได้แต่เจ้ายังไงก็ต้องแต่งอยู่ดี”


           ชายที่เขาเอ่ยชื่อว่า มาอี จูงมือให้ธราเทพเดินตามมาที่แอ่งน้ำใสแอ่งเล็กที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน


           “ล้างหน้าล้างตาเสียก่อน มอมเป็นแมวแล้ว”


            ธราเทพได้ยินเสียงตัวเองสบถ ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงไปวักน้ำใสมาล้างหน้า เมื่อน้ำในแอ่งหยุดนิ่งธราเทพจึง

ได้มองเห็นเงาตัวเองในนั้น แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อใบหน้าและร่างกายนั้น ไม่ใช่เขา!แต่มันกลับกลายเป็นวัยรุ่นที่กำลัง

เริ่มจะโตเป็นหนุ่มกับหุ่นที่ยาวเก้งก้าง ผิวสีดำแดงเปลือยกายท่อนบนเช่นเดียวกับมาอีแต่ผ้าที่นุ่งอยู่เนื้อละเอียดกว่า จะมี

ส่วนที่เขาจดจำตัวเองได้นั่นก็คือแววตาคู่หวานของเขานั่นเอง


           “เสร็จหรือยัง โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นล่ะก็กว่าจะถึงก็ค่ำกันพอดี”


            เสียงนุ่มดุเบาๆ ธราเทพเห็นตัวเขาชักสีหน้าไม่พอใจในแอ่งน้ำ


           “ไม่ได้บอกให้มาอีรอเลยนะ อยากกลับก็กลับไปเลย”


             ธราเทพได้ยินเสียงทอดถอนใจด้วยความระอาจากเบื้องหลัง


             “ตามใจ อยากช้าก็ตามสบาย ข้าได้ยินมาว่าโอเอซิสที่นี่มีผีพรายน้ำอยู่ในแอ่งน้ำใหญ่ด้วย เจ้าอยากอยู่ก็อยู่คน

เดียวเถอะ ข้าไปก่อนละ”


            เมื่อสิ้นสุดประโยคธราเทพได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเดินห่างออกไป ธราเทพรีบเด้งตัวขึ้นหันหลังกลับวิ่งตามร่างสูง

นั้นไปอย่างรวดเร็ว


                “มาอี หยุดนะ รอข้าด้วย”










               “มาอี มาอี”


              ธราเทพค่อยๆลืมตาเมื่อสติกลับคืน ก่อนที่จะต้องตกใจเมื่อร่างของเขาอยู่ภายใต้อ้อมแขนอันแน่นหนาที่กอด

เขาไว้แนบกับอกกว้างของสิงหา





                      --------------------โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------




อัพได้เร็วเพราะเป็นฟิคที่แต่งจบนานแล้ว ขอเอามาปรับปรุงใหม่นะคะ





หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 3# [19/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: sodawan1 ที่ 19-03-2015 20:06:23
ตัวหนังสือเล็กจังอ่านยาก น่าจะปรับตัวหนังสืออีกหน่อยนะค่ะ
จะได้อ่านลลื่นไหลกว่านี้ เป็นกำลังใจให้น๊าา
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 3# [19/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-03-2015 21:22:21
เอิ้กๆ    มีหึงโหดแน่  :hao6:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 3# [19/03/58]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 19-03-2015 22:10:22
กรี๊ดดดดดอ้ายยยยยเริ่มย้อนอดีตเเล้ว

แหมตอนย้อนก็เจอหนุ่มล่ำ ตื่นมาก็นอนอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มล่ำอีก หุหุหุ :hao6:
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 4# [20/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 20-03-2015 14:24:27

                                                คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                      บทที่ 4


          ธราเทพเหลียวมองไปรอบๆตัวก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นสภาพทางเดินของตึกที่กลับมามีผู้คนเดินกันหนาตา

แถมเกือบทุกคนยังหันมามองเขาที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของสิงหาอย่างแปลกใจ

          ธราเทพรีบผลักร่างของสิงหาออกห่างอย่างร้อนรนพลางทำหน้าพิพักพิพ่วน ต่างจากสิงหาที่ยืนยักไหล่และ

กอดอกอย่างไม่แคร์สายตาใคร


         “จะบ้าเหรอ คะ คุณ มากอดผมทำไม”


          ธราเทพเอ็ดเสียงเข้มแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดังนัก หน้าขาวกลับกลายเป็นสีแดงเรื่อเมื่อเห็นสิงหาคลี่ยิ้ม


          “อ้าวทำดีด้วยก็ผิดซะงั้น”     คนที่ใช้อีกชื่อว่า อัสลาน ส่งเสียงหยอกเย้า


         “ถ้าฉันไม่ช่วยไว้นายคงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น นี่ไม่รู้ตัวเลยหรือว่าอยู่ๆ ก็หมดสติไปน่ะ หืม หนุ่มน้อย”


          เมื่อจบประโยคนี้ ธราเทพก็อึ้งไปเมื่อฉุกคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

          เขาแบมือแล้วจ้องมองวัตถุโบราณที่ยังอยู่ในมือเหมือนมองสิ่งประหลาดที่สุดในชีวิต แล้วถามตัวเองถึงภาพที่เกิด

ขึ้นชัดเจนราวกับเขาหลุดไปเล่นเป็นตัวละครตัวหนึ่งในนั้นก่อนที่จะสะบัดหัวอย่างมึนงง

          มันเป็นแค่ภาพที่เกิดขึ้นจากความอ่อนเพลียเท่านั้น ธราเทพพูดกับตัวเองเมื่อพยายามหาเหตุผล อาจเป็นเพราะ

ช่วงนี้เขาอ่านหนังสือแต่วิชาที่เกี่ยวข้องกับอียิปต์เพราะใกล้จะสอบปลายภาครวมถึงเพราะนอนพักผ่อนน้อยจึงทำให้เกิด

อาการที่เรียกว่า วูบ


          “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณก็แล้วกัน แล้วก็ลาก่อนผมจะกลับแล้ว”


          พูดจบธราเทพก็เดินผ่านร่างสูงใหญ่นั้นไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสิงหาคว้าท่อนแขนไว้อีกครั้ง


          “โว้ย อะไรอีกเล่า”


          คนอ่อนอาวุโสโวยวายอย่างหัวเสียเมื่อหันมาพยายามสะบัดแขนออกจากการจับยึดแต่ไม่สำเร็จ มือที่แข็งแกร่ง

บีบรัดแขนเขาไว้ราวกับคีมเหล็ก


          “สอบเสร็จวันไหน จะได้จัดการเรื่องเดินทางไปอียิปต์”

   
          ธราเทพตาเหลือกเมื่อได้ยิน นี่มันบ้าชัดๆที่คนตรงหน้ายืนยันมัดมือชกหน้าตาเฉย ทั้งที่เขายังไม่ได้ตอบตกลง

แม้แต่คำเดียว


           “ก็บอกว่าไม่ไปไงเล่า จะมาตื๊ออะไรนักนะ โอ๊ย!”


           ธราเทพอุทานหน้านิ่วเมื่อมือที่บีบท่อนแขนเพิ่มความแรงพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงของสิงหา


           “เมื่อกี้ฉันบอกว่าไงจำไม่ได้ใช่ไหม อย่าบอกว่าไม่ถ้าฉันบอกว่าได้ หมายความว่าถ้าฉันต้องการให้นายไป ต่อให้

นายฆ่าตัวตายหนีฉันก็ต้องขุดศพนายไปจนได้ เพราะฉะนั้นนายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”


           จบสิ้นประโยคห้วนจัด สิงหาก็ดันร่างที่บางกว่าของธราเทพจนเซไปด้านหนึ่งแล้วเดินจากไปทิ้งไว้ให้ธราเทพยืน

งงกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของเขา

           ธราเทพก้มลงมองวัตถุโบราณในมืออีกครั้ง ก่อนที่ลูกศิษย์พระจะเดินกลับวัดอย่างครุ่นคิด







           ร่างท้วมที่ห่มจีวรสงฆ์อันคุ้นตากำลังยืนให้อาหารสุนัขอยู่ที่ลานกว้าง ธราเทพยืนนิ่งมองภาพนั้นด้วยความรัก ถ้า

ไม่มีหลวงพ่อสมานชีวิตเขาคงจบสิ้นลงที่ถังขยะข้างถนน ไม่ได้เติบใหญ่มีวิชาความรู้จนเรียนถึงขั้นมหาวิทยาลัยได้ขนาด

นี้ ธราเทพคิดถึงอดีตของตนเองเมื่อก้าวเข้าไปทำความเคารพหลวงพ่อ ร่างท้วมวางถังใส่อาหารลงแล้วหันมามองเด็กที่

เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่แรกคลอดด้วยความเมตตา


          “ว่าไงเจ้าวินเมื่อเช้าตื่นสายนี่เรา”


          ธราเทพยิ้มเจื่อนเขาก้มลงคว้าถังอาหารมาเป็นคนให้อาหารสุนัขแทนหลวงพ่อพลางตอบอย่างเคารพ


         “ครับ ตื่นสายไปหน่อย ก็เลยไม่ได้ไปช่วยหลวงพ่อ”


       “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องช่วยทุกวันก็ได้ เด็กๆมันก็มีตั้งเยอะเก็บแรงไว้อ่านหนังสือเถอะใกล้จะสอบปลายภาคแล้วนี่”


        ธราเทพยิ้มรับคำ หลวงพ่อเอาใจใส่เขาเสมอไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม


         “แล้วเรื่องเงินมีปัญหาอะไรหรือเปล่า มีพอใช้จ่ายไหม”


         “ไม่ต้องเป็นห่วงครับหลวงพ่อ ทุนที่ได้คราวนี้เขาสัญญาว่าจะให้จนกว่าจะเรียนจบ หลวงพ่อสบายใจได้”


         พระภิกษุอาวุโสพยักหน้ารับเมื่อได้ยิน


        “ดีแล้ว ตั้งใจเรียนให้สมกับที่คนให้ทุนเขาปรารถนาดี ไปเถอะไปพักผ่อน เดี๋ยวหลวงพ่อให้อาหารเจ้าพวกนี้ต่อเอง”


         หนุ่มน้อยรับคำ แล้ววางถังอาหารลงก่อนที่จะหมุนตัวเพื่อเดินจากไป


        “เดี๋ยวก่อน เจ้าวิน”   หลวงพ่อเอ่ยเรียก ทำให้เขาต้องหันกลับมาอีกครั้ง


          “เอ็งอายุเท่าไหร่แล้วนะ หลวงพ่อก็ธุระเยอะจนลืมไปแล้ว”


         “เพิ่งจะครบยี่สิบเอ็ดไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองครับ”


           เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นหลวงพ่ออึ้งไปชั่วขณะ


          “มีอะไรหรือเปล่าครับ หลวงพ่อ”


          หลวงพ่อสมานลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา พลางมองหน้าธราเทพอย่างหนักใจ


            “ไม่มีอะไรหรอก หลวงพ่อมัวแต่สนใจกิจนิมนต์จนลืมใส่ใจเจ้าไปเลย เจ้าวิน”


            หลวงพ่อวางมือบนบ่าของธราเทพ


             “ชีวิตข้างหน้าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องหนักแน่น ใช้สติช่วยควบคุมอย่าหุนหันพลันแล่น อดทนอะไร

ได้ก็ต้องอดทน จำคำสอนของหลวงพ่อไว้นะ”


             ธราเทพได้แต่เลิกคิ้วอย่างสงสัย


           “มีอะไรหรือเปล่าครับ”


          หลวงพ่อสมานส่ายหน้า


           “ไม่มีอะไรหรอก หลวงพ่อเห็นเจ้าโตเป็นหนุ่มแล้วก็เลยเตือนไว้ ไปเถอะไปอาบน้ำอ่านหนังสือ

เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”


            ธราเทพมองหลวงพ่ออย่างไม่เข้าใจ แต่ก็กลับหลังหันเดินตรงเข้าสู่ห้องพัก เหลือทิ้งไว้แต่พระภิกษุที่มองตาม

หลังด้วยความเป็นห่วง








          ลาขนาดย่อมสองตัวเดินตามหลังกันมาตามถนนที่ผู้คนใช้สัญจรกันขวักไขว่ ตัวหลังทิ้งระยะจากตัวหน้า

พอสมควรเนื่องจากคนบังคับมัวแต่ทอดสายตาชมผู้คนข้างทางอย่างเพลิดเพลิน

          คนบังคับลาตัวหน้าทนต่อไปไม่ไหว เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเต็มทีแต่คนที่ตนไปตามมาก็ยังไม่มีทีท่า

อยากจะกลับไป ร่างสูงผิวดำแดงตาคมจึงได้บังคับลาของตนให้หมุนกลับไปหาลาตัวหลังแล้วบ่นอย่างระอา


         “ราโมส เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเสียที นี่มันจวนจะได้เพลาที่เทพราจะแล่นเรือมันเจตลับขอบฟ้าแล้ว


เรายังกลับไปไม่ถึงที่เลยนะ”


          ร่างเก้งก้างยกมือขึ้นประสานที่หลังคอตอบคนที่อาวุโสกว่าอย่างอารมณ์ดี


        “มาอีจะบ่นอะไรนักหนา มองเห็นกำแพงอยู่ตรงหน้านี่แล้ว ขอเวลาให้เราอีกนิดมิได้รึ”


        ตาคมขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ทำให้คนที่ยอกย้อนได้แต่ยิ้มแหยเมื่อสบตาด้วย


         “เที่ยวเล่นมาทั้งวันจนบิดาเจ้าต้องให้ข้าไปตามยังไม่หนำใจเจ้ารึราโมส จงรีบบังคับลาของเจ้าตามข้ามาโดยเร็ว

เลยนะ”


            ราโมสย่นจมูกใส่คนบังคับ แต่ก็เกรงจนต้องบังคับลาให้เร่งฝีเท้าตามไปจนกระทั่งถึงกำแพงหินสูงใหญ่ ทันทีที่

ร่างกำยำของคนเฝ้าประตูเห็นคนทั้งคู่เขาก็รีบผลักประตูด้านหนึ่งออกอย่างรวดเร็วแล้วก้มศีรษะโค้งคำนับ พลางตะโกน

ก้อง


               “เจ้าชายราโมส เสด็จแล้ว”








            ธราเทพสะดุ้ง เด้งกายจากที่นอนยางพารา เหงื่อไหลท่วมตัว

            อะไรคือการที่เขาฝันเป็นเรื่องเป็นราวติดต่อกับภาพที่เขาเห็นเมื่อตอนกลางวันเป็นตุเป็นตะ

ลุกเดินไปเปิดไฟแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่ใช้เป็นที่วางหนังสือใกล้ตัว หยิบเศษกระเบื้อง

ชิ้นเล็กออกจากถุงที่บรรจุไว้ขึ้นมาพิจารณารอยจารึกที่เห็นเพียงเล็กน้อย เขาหยิบแว่นขยายที่วางไว้ใกล้ๆ

ขึ้นมาส่องไปที่รอยอักษรนั้น ก่อนที่จะเพ่งสายตาเพื่อพยายามอ่านภาษาเฮโรกริฟฟิค  เมื่อแปลได้

ธราเทพก็สะดุ้งอีกครั้ง


           “อย่าได้พบพักตร์ ราโมส”


            ชื่อของบุคคลที่เขาฝันถึง มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์งั้นหรือ









         “ทำข้อสอบได้ไหมวะ”


         ภูหิรัณย์ตบไหล่ผู้เป็นเพื่อนหลังจากที่การสอบปลายภาควันแรกผ่านไป ธราเทพหันไปยิ้มให้เพื่อน


          “เออ กูไม่น่าถามเลย ก็รู้อยู่ว่ามึงกับไอ้ก้อยแม่งเรียนเก่งสัส”


           “แต่วิชานี้เราก็คงสู้แกไม่ได้อยู่ดีนะวิน แกทำได้ไงวะ แค่มองผ่านๆก็อ่านออกแล้วไอ้ภาษาอียิปต์เนี่ย สงสัยชาติ

ก่อนแกจะเกิดเป็นคนอียิปต์ป่ะ”


            ธราเทพชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของวริษฐา

            นั่นสินะ เขาก็แปลกใจตัวเองไม่น้อยที่แค่มองก็สามารถรู้ความหมาย ราวกับเคยใช้ภาษานี้มาอย่างแตกฉาน ทั้ง

ที่เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักมาก่อนแน่ๆ

          เสียงโทรศัพท์รุ่นเก่าแก่ดังขึ้นจากเป้ใบเก่า ธราเทพควานมันขึ้นมาแล้วรับสาย


          “ครับ สวัสดีครับ ใช่ครับผมเองธราเทพ ฮะ ว่าอะไรนะครับ!”


           ภูหิรัณย์และวริษฐามองหน้ากันอย่างงงงันเมื่อได้ยินเสียงอุทานอย่างตกใจของผู้เป็นเพื่อน ซ้ำใบหน้าเนียนนั้นยิ่ง

เผือดลงจนแทบจะกลายเป็นกระดาษเมื่อยังฟังคำสนทนาจากโทรศัพท์ และทันทีที่มือของธราเทพที่ถือโทรศัพท์ลด

ระดับลงเพื่อนทั้งสองก็ชิงกันส่งเสียงถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ แถมยังต้องตกใจเมื่อเห็นธราเทพกัดริมฝีปากด้วยความ

โมโห


            “ไอ้วิน เฮ้ย จะไปไหน”


            วริษฐาตะโกนถามเมื่อเห็นคนเป็นเพื่อนเดินลิ่วไปทางอาคารเรียนที่มีห้องพักอาจารย์อยู่ที่นั่น







            ธราเทพพุ่งพรวดเข้าไปในห้องพักอาจารย์ แล้วก้าวยาวๆ ไปที่โต๊ะของวาโย ทันทีที่เห็นแค่พนักสูงของเก้าอี้ที่

หันด้านหลังให้ ธราเทพก็ส่งเสียงดังด้วยความโมโห


            “อาจารย์ เพื่อนของอาจารย์ทำเกินไปแล้วนะครับ เขาไปสั่งให้เจ้าของทุนที่ผมได้รับยกเลิกสัญญากับผม เขา

ทำอย่างนี้ได้ยังไงแล้วปีหน้าผมจะเอาเงินที่ไหนมาเรียน”


          “ก็เพราะอย่างนี้ไง ตอนนี้นายถึงมีความจำเป็นที่ต้องไปอียิปต์กับฉัน”


           พนักพิงเก้าอี้หันกลับมาเผยให้เห็นร่างสูงผิวคล้ำแดดที่คลี่ยิ้มอย่างถือดีของสิงหา ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วเดิน

เข้ามาหาธราเทพที่ยังยืนนิ่งสีหน้ายังไม่คลายความตกใจ


           “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง”


           ธราเทพชี้นิ้วมือสั่นระริกด้วยความโกรธไปที่สิงหา แต่กลับเรียกรอยยิ้มจากดวงตาดุคู่นั้นได้


            “ฉันก็บอกนายไปแล้วนี่ ว่าถ้าฉันบอกว่าได้นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ข้อเสนอของฉันกับทุนเรียนฟรีจนกว่าจะจบ

ปริญญาโท พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีกส่วนหนึ่งไม่ดีพอที่จะแลกเปลี่ยนกับทุนแค่นิดเดียวที่นายได้อยู่นี่หรอกหรือ”


   
             สิงหาเดินตรงมาใกล้ ห่างจากธราเทพเพียงแค่เอื้อมมือ แล้วเขาก็เอื้อมมาจริงๆ เขาส่งหลังมือมาแตะต้องที่

แก้มใสของธราเทพ หนุ่มน้อยปัดมือของสิงหาออกอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นพลางสบถใส่หน้า


             
           “อย่ามาแตะต้องตัวผม ไอ้คนเผด็จการ”



           ใบหน้าที่เจือด้วยรอยยิ้มของสิงหาหุบลง คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อเขาเอื้อมมือมาจับที่คางเรียวของธราเทพแล้วบีบ

จนหน้าเหยเก


            “ขอบคุณสำหรับคำชม น้อมรับได้เสมอ”


            สิงหาดึงใบหน้านุ่มนั้นเข้ามาใกล้ จนรู้สึกถึงลมหายใจที่ร้อนระอุของกันและกัน


           “ว่าแต่สอบวันสุดท้ายเสร็จวันไหน จะได้ไปจัดการเรื่องเดินทางไปอียิปต์”




                  ------------------------ โปรดติดตามตอนต่อไป-------------------------



                 ช่วยเขียนคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้บ้างนะคะ ขอบพระคุณหลายๆ :pig4: :pig4:








หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 5# [22/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-03-2015 11:49:00

                                              คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                      บทที่ 5


          ท่ามกลางตึกระฟ้าใจกลางเมืองหลวง หนึ่งในนั้นคือคอนโดหรูที่ตั้งอยู่เคียงข้างลำน้ำเจ้าพระยาที่หล่อเลี้ยงผู้คน

ในลุ่มน้ำนี้ สิงหายืนอยู่ริมระเบียงจากห้องชุดชั้นบนสุด แพงที่สุด ทอดสายตาคมมองตามความคดเคี้ยวของสายน้ำ

ดูดซับความงดงามที่คล้ายคลึงกับแม่น้ำอีกสายที่ประทับอยู่ในส่วนลึก


          อา…แม่น้ำไนล์


          เขาหลับตาลงเพื่อปลดปล่อยจินตนาการไปถึงสายน้ำหลักของอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  หลาย

พันปีก่อนเมื่อความเจริญถึงขีดสุดความสวยงามจะเรืองรองเพียงไหนไม่มีใครรู้ได้

           ยกเว้นเขา..

          เพียงแค่หลับตาลง ทุกอย่างในความทรงจำระดับจิตใต้สำนึกที่ติดตัวมาจะปลดปล่อยภาพเหล่านั้นออกมาอย่าง

ชัดเจน แจ่มแจ้ง ตั้งแต่ถนนหนทาง ไปจนถึงพระราชวังที่ประดับประดาไปด้วย   อัญมณีล้ำค่าส่องแสงสะท้อนประกาย

แดดระยิบระยับ

          รวมไปถึงใครบางคนที่เกาะกุมติดตามความทรงจำมา ใครคนนั้นที่สิงหาจำได้แม่นยำ

          จำได้แม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ
 
          จำได้แม่นยำแม้กระทั่งเมื่อได้วนเวียนมาพบกันครั้งแรกตามกรรมสัมพันธ์

          จำได้แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของกายหยาบจะไม่เหมือนเดิม เพราะเปลี่ยนแปลงไปตามเชื้อชาติและพันธุกรรมแต่เมื่อ

จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง สิงหาก็รู้ได้ในทันที

           เสียงกรามที่บดแน่นของตัวเองดังเข้าไปกระทบกับโสตประสาทเมื่อเขานึกไปถึงแวบแรกที่เห็นร่างที่อยู่ในชุด

นักศึกษาเดินใจลอยอยู่ริมถนนในมหาวิทยาลัย หัวใจของเขาเต้นเร็วแรง จนเขาแทบจะควบคุมไม่อยู่ ขับรถส่ายจนเกือบ

พุ่งเข้าชนร่างนั้น วินาทีนั้นสิงหาต้องสูดลมเข้าปอดลึกๆเพื่อขับไล่ความตื่นเต้นก่อนที่จะกดปุ่มเปิดกระจกรถ ส่งสายตา

ไปมองเพื่อความชัดเจน

          ชัดเจนกระจ่างแจ้งแน่นอนเมื่อสบตา หัวใจของเขากระตุกวาบ รับรู้ได้ว่าเวลาของเขามาถึงแล้ว

           ร่างสูงเปิดเปลือกตามองลำน้ำที่คดเคี้ยวอีกครั้งแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องชุดที่ตกแต่งอย่างสวยงามลงตัว

ก้าวตรงไปที่ห้องเล็กห้องหนึ่งที่จัดไว้โดยเฉพาะ ด้านหนึ่งของห้องจัดวางแท่นสูงระดับหน้าอก บนสุดของแท่นมีเทวรูป

ทองเหลืองตั้งเด่นเป็นสง่า เทวรูปขนาดสูงหนึ่งฟุตเป็นร่างชายนั่งบนเก้าอี้แต่ปรากฎศีรษะเป็นเหยี่ยวที่สวมมงกุฎสีแดง

ราวกับดวงอาทิตย์ เมื่อสิงหาจ้องมองเทวรูปดวงตาคู่คมก็ลุกโชนเมื่อนึกถึงสัญญาณสุดท้ายก่อนสิ้นสุดภพภูมิเดิม






“ข้าแต่เทพราที่ข้าสักการะด้วยความเคารพ

แม้ข้าจะไม่มีเทพอิมเซติปกป้องตับของข้า

แม้ข้าจะไม่มีเทพฮาปิปกป้องปอดของข้า

แม้ข้าจะไม่มีเทพดูอามูเตฟปกป้องกระเพาะอาหารของข้า

แม้ข้าจะไม่มีเทพกีเบห์เซนูฟปกป้องลำไส้ของข้า

เพื่อไปสักการะท่านที่มตภพดูอัต

แต่ได้โปรด…

ได้โปรดเห็นใจแก่ดวงวิญญาณที่โง่เขลา

ดวงวิญญาณที่ถูกหลอกลวงจากคนที่รักที่สุด

ชักพาสู่ความตายอันน่าอดสู



ข้าแต่เทพราอันศักดิ์สิทธิ์…

ได้โปรดให้โอกาสข้าเพื่อไปตามหา

ตามหาคนที่ข้าเคยรักสุดชีวิต

และบัดนี้ได้กลายเป็นคนที่ข้าชังที่สุด

เพื่อมาปลดปล่อยสัญญาจากคำสาปร้าย

ได้โปรด ได้โปรด”



        คำขอสุดท้ายก่อนที่ลมหายใจบางเบาจะจบสิ้นลง หากแต่เขารู้ว่ามันจะยังไม่สิ้นสุด ดวงตาดุคุโชนด้วยไฟแค้นสุม

เมื่อจองไปที่เทวรูป

         สิงหาโค้งกายคำนับสักการะด้วยความเคารพ


         อา…เทพราโปรดอำนวยพร

          เวลาแห่งการเดินทางเพื่อชำระคำสาป พร้อมกับแก้แค้นคนที่เป็นต้นเหตุได้มาถึงแล้ว








          “เฮ้ย ไอ้เซนเร็วดิมึง เพราะมึงเลยนะ ถึงได้มาเกือบจะช้าแล้วเนี่ย”


           ธราเทพโวยวายพลางลากกระเป๋าเดินแกมวิ่งนำหน้าภูหิรัณย์เข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ


          “ก็กูตื่นเต้นนี่หว่า เมื่อคืนเลยนอนไม่หลับ มึงหยุดบ่นกูเสียทีเหอะ”


            คนเป็นเพื่อนแก้ตัวเมื่อลากกระเป๋าตามหลังมาติดๆ ธราเทพได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา
 
           เมื่อรู้ตัวว่าจำเป็นต้องเดินทางมาอียิปต์แน่ๆ จากวิธีการเจ้าเล่ห์ของคนเผด็จการ ธราเทพจึงเสนอเงื่อนไข


           “ผมขอให้เซนไปเป็นเพื่อน ถ้าคุณไม่ให้ไป ผมก็จะให้มันไปเองด้วยเงินของมัน”


            เพราะธราเทพรู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนมีฐานะไม่ลำบากที่จะไป แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อคนเผด็จการกลับยอมง่ายๆ


            “ตามใจ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายให้เพื่อนนายเก็บเงินไว้เถอะ ถือว่าเพื่อนนายไปทำงานพิเศษกับนายด้วย ฉันจะจ่าย

ค่าจ้างให้เท่ากับนาย”


            ด้วยเหตุนี้ภูหิรัณย์จึงได้ลากกระเป๋าตามเขามาที่สนามบินแห่งนี้

           ดวงตาคู่หวานมองหาหมายเลขของทางเข้าที่ได้รับการนัดหมาย เมื่อเห็นแล้วก็ลากกระเป๋าไปตามทางนั้น ก่อน

จะชะงักกะทันหันเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตายืนหันหลังให้อยู่ด้านหนึ่ง จนภูหิรัณย์ที่ลากกระเป๋าตามมาเกือบจะหยุดไม่ทัน


          “เชี่ยวิน อะไรของมึงเนี่ย เบรคก็บอกกันบ้างแล้วนี่มึงหยุดเดินทำไม”


            ธราเทพทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จากที่รีบร้อนเปลี่ยนเป็นลากกระเป๋าทอดน่องผิวปากอย่างสบายใจเรื่องอะไรจะ

แสดงออกให้รู้ว่าตัวเขาเองก็ตื่นเต้นมากมายที่จะได้เป็นเยือนประเทศที่อยู่ในความฝัน เขายังไม่อยากให้คนเผด็จการ

ได้ใจ

            ความคิดสะดุดลงเมื่ออยู่ๆ สิงหาก็หันขวับมามองด้วยตาดุราวกับมีตาหลังจนเขาอดสะดุ้งไม่ได้เมื่อดวงตาที่มอง

มาอย่างรู้ทันส่งตรงมาที่เขา


           “เฮ้ย ทำไมช้ากันจังวะ เดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดี มาเร็วตามอาจารย์ไปเช็คอิน”


           เสียงวาโยที่เดินทางไปทำวิทยานิพนธ์ในครั้งนี้ด้วยส่งเสียงโวยวายก่อนเดินนำลูกศิษย์เข้าไปต่อแถว ธราเทพ

เดินคอแข็งผ่านหน้าคนที่ยืนขมวดคิ้วอย่างเสียวสันหลัง พยายามที่จะไม่ล่อกแล่กสายตาไปมอง แต่เขากลับรู้สึกขนที่คอ

ลุกชันเมื่อสิงหาเดินตามหลังมาติดๆ ไม่ยอมห่าง จนสุดท้ายก็เป็นเขาที่ทนไม่ไหวต้องหันกลับไปมองคนที่เดินอยู่ด้าน

หลังด้วยสายตาขุ่นมัว


         “เดินห่างๆ หน่อยก็ได้ ไม่ต้องชิดขนาดนี้”


          คนที่ใช้อีกชื่อว่าอัสลานเลิกคิ้ว ดวงตาพราวอย่างนึกขันเมื่อเห็นท่าทีของธราเทพ


           “คนเบียดเสียดเข้าแถวเช็คอินกันเยอะขนาดนี้ จะให้เว้นระยะห่างแค่ไหนล่ะ”


            โอย ธราเทพอยากจะควักไอ้ลูกนัยตาคู่นี้ออกแล้วโยนทิ้งจริงๆ มันช่างขัดแย้งกับใบหน้าเฉยเมยจนสุดขั้ว


             “แต่ก็ไม่ต้องยืนติดกันขนาดนี้ก็ได้ คนมันอึดอัดเข้าใจไหม”


             เขาเริ่มส่งเสียงดังด้วยความหงุดหงิดจนวาโยและภูหิรัณย์ที่อยู่ด้านหน้าต้องหันมามองอย่างสงสัย


              “เจ้าวิน โวยวายทำไม มีอะไรหรือเปล่า”


                ธราเทพยิ้มแหยให้กับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วจึงหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่สิงหา ทำให้สิงหาถึงกับหัวเราะเบาๆ

ในลำคอ


              “เอ้า เดินไปได้แล้ว เขาทิ้งห่างแล้วเห็นไหม มัวแต่ช้าระวังจะโดนแซง”


            ไม่พูดเปล่าสิงหาขยับตัวก้าวเดินล้ำหน้าแซงราเทพไปค่อนลำตัว หน้าคมมองตรงไปข้างหน้าเหมือนไม่มีเขาอยู่

ในสายตา ก่อนที่ธราเทพจะรู้สึกอุ่นวาบที่แผ่นหลังเมื่อสิงหาใช้ฝ่ามือวางแนบลงไปแล้วดันให้เขาเดินให้เร็วขึ้น

          ความรู้สึกอบอุ่นจู่โจมลุกล้ำเข้ามาเหมือนเป็นความรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่ธราเทพไม่เคยรู้สึก มันช่างโหยหาและ

อาดูรเหลือที่จะคณา  มันพุ่งปราดเข้ามาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีจนสมองมึนงง น้ำตาซึมที่หางตาอย่างหาสาเหตุไม่ได้


           “มาอี”


         สิงหาชะงักงัน ใบหน้าเคร่งขรึมบดกรามจนเห็นเป็นสันเหลือบมามองธราเทพด้วยแววตาที่เดาไม่ออก  เมื่อได้ยิน

เสียงพึมพำแผ่วเบาอยู่ในลำคอของคนข้างๆ


           “พูดว่าอะไรนะ”


           เสียงแข็งที่ถามขึ้นเรียกสติกลับคืนมาสู่ธราเทพ เขากระพริบตาถี่ๆแล้วหันมาสบตาสิงหาอย่างสงสัย


           “อะไร ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”


             สิงหาสบตาคู่นั้นนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะสะบัดหน้าขรึมกลับไปตั้งตรงตามเดิม

 
             “ช่างเถอะ เร็วเข้าถึงคิวแล้ว”





            คณะของสิงหาก้าวเข้าไปหาที่นั่งในเครื่องบินลำใหญ่ วาโยจัดแจงดูแลที่นั่งจนเสร็จสรรพ และเมื่อตนเองเตรียม

จะนั่งก็ต้องชะงักเมื่อเห็นผู้โดยสารที่เดินเข้ามาในเครื่องลำดับท้ายๆ อาจารย์หนุ่มสะกิดสิงหาให้หันไปมอง จนเมื่อคนนั้น

ก้าวเข้ามาใกล้วาโยก็ทักขึ้น


              “ทำไมมาลงเรือลำเดียวกัน เอ๊ย เครื่องบินลำเดียวกันได้ล่ะ พี่อัคนี”


              รองคณบดีชะงักแล้วหันมาสบตาวาโยกับสิงหา เขายักไหล่และชักสีหน้าใส่วาโย


              “นายคิดว่ามีการขุดค้นปิรามิดแห่งใหม่แล้วคณะจะไม่ส่งใครไปดูสักคนเลยหรือ”


               วาโยหันไปสบตากับคนเป็นเพื่อน แล้วเป็นฝ่ายยักไหล่บ้าง


               “ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่นึกว่าจะเป็นพี่ แล้วมาคนเดียวหรือไม่มีลูกมือมาด้วยหรือไง”


              ก่อนที่อัคนีจะตอบคำถาม เสียงใสก็ดังมาจากด้านหลังจากร่างสูงใหญ่ของอัคนี


               “หนูเองค่ะอาจารย์ ลูกมือ”


                ธราเทพและภูหิรัณย์หันไปมองตามเสียงแล้วก็ส่งเสียงทักอย่างตื่นเต้น
 

                “ไอ้ก้อย ทำไมมาได้วะ”


                 “ฉันขอตามอาจารย์มาเอง เพราะนอกจากจะใช้สิทธิความเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์แล้ว ฉันยังใช้สิทธิอื่นอีก”


                 วริษฐายิ้มพรายเมื่อเพื่อนชายทั้งสองแย่งกันส่งคำถาม


                “ก็อาจารย์อัคนีน่ะ เป็นน้าของฉันเอง”


                ธราเทพมองหน้ากับภูหิรัณย์ ส่วนสิงหากับวาโยก็ได้แต่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกับข่าวใหม่


                 “ไม่เห็นแกเคยบอกเลยก้อย” ภูหิรัณย์เป็นคนถามขึ้น วริษฐาได้แต่ยิ้มแหย


               “ฉันกลัวพวกแกจะหาว่าฉันเป็นเด็กเส้นน่ะ ก็เลยไม่ได้บอก”


                 หน้านิ่งๆ ของอัคนีกวาดสายตาผ่านใบหน้าของสิงหาไปอย่างรวดเร็วจนสิงหายังไม่ทันสังเกตแววตาวูบไหว

ของอัคนี เขาหันไปบอกวริษฐาแล้วเดินนำไปที่นั่ง


              “ไปนั่งที่ได้แล้วก้อย เครื่องใกล้ออกแล้ว อ้อ งานนี้ถือว่าไปคนละกลุ่มกันนะวาโย คงจะไม่ว่าอะไร

หากไม่ได้ช่วยเหลือ”

 
               วาโยสบถ เมื่อวริษฐาเดินตามอัคนีไปแล้ว


             “ถือว่าเป็นรองคณบดีอยากทำอะไรก็ทำได้ หมั่นไส้ว่ะ ที่ข้าขอทุนมาตั้งนานไม่อนุมัติ”


               “เออน่า อย่าบ่น ข้าก็พามาแทนแล้วนี่ไงนั่งกันได้แล้ว”


             เขาดันตัวให้วาโยนั่งลง แล้วเขาก็นั่งด้านข้าง


               สิงหาหลับตาลง เมื่อรู้สึกถึงการขับเคลื่อนของนกยักษ์ลำใหญ่


               อา…เทพรา


               ข้าจะกลับคืนสู่การพิทักษ์ของท่าน ณ บัดนี้







            ธราเทพและภูหิรัณย์มองรอบๆ ตัวอย่างตื่นเต้นกับการเยือนอียิปต์ ตั้งแต่สนามบินจนเดินทางด้วยรถยนต์มาถึง

โรงแรมที่พัก สำหรับภูหิรัณย์แม้จะเคยตามครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ก็ต่างกันเมื่อครั้งนี้ถือว่าเขามาทำงานครั้ง

แรกตามที่เรียนมา ไม่ต้องพูดถึงธราเทพที่เขาต้องเก็บอาการไว้มากกว่า นอกจากจะเป็นการเดินทางครั้งแรกแล้ว อียิปต์

ก็เป็นประเทศที่เขาใฝ่ฝันอีกด้วยทันทีที่ก้าวลงจากเครื่องบินแล้วเหยียบแผ่นดินอียิปต์ ความรู้สึกท่วมท้นลึกซึ้งก็เอ่อขึ้น

มาจนแทบจะเหยียดกายทาบไปกับปฐพี

           สิงหาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์โรงแรมครู่หนึ่งแล้วกลับมายื่นคีย์การ์ดให้ธราเทพและส่งอีกชุดให้วาโย ธราเทพรับ

มาพลางเดินตามบริกรที่เดินนำไปขึ้นลิฟท์ เขาเดินเข้าไปในห้องพักสุดหรูเมื่อบริกรเปิดประตูให้ พลางเบิกตากว้างเมื่อ

พึงพอใจกับความงดงามก่อนที่จะหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง แล้วหนุ่มน้อยก็สะดุ้งเมื่อเห็นสิงหายืนอยู่แทนที่

จะเป็นภูหิรัณย์


           “คุณเข้ามาห้องนี้ได้ไง ผิดห้องหรือเปล่า คุณต้องไปอยู่กับอาจารย์สิ”


           สิงหายิ้มด้วยดวงตาเมื่อสืบเท้ามาใกล้ธราเทพเรื่อยๆ


           “ไอ้โยมันต้องติวให้เซนเรื่องอียิปต์เพราะเซนไม่ได้เรียนวิชาเอกด้านนี้ ฉันเลยเปลี่ยนให้เซนไปอยู่ห้องเดียวกับ

ไอ้โย ทำไมเหรอ มีปัญหาอะไรถึงจะอยู่ห้องเดียวกับฉันไม่ได้ หืม วิน”


           เมื่อประโยคนั้นจบลงสิงหาก็ก้าวมายืนชิดติดกับธราเทพพอดี















หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 5# [22/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-03-2015 12:25:03
 :L2:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สิงหามีบรรยากาศน่ากลัวตลอดเวลาเลย  กลัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 5# [22/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 22-03-2015 14:21:01
อะโยะโหยววว ลึกลับซับซ้อนแต่พอเดาออก(?)มากมาย :katai5:แหมะอยู่ห้องเดียวกันอีกตะหาก หึหึ :z2:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 5# [22/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: pattapong200320 ที่ 24-03-2015 22:08:11
สนุกมากค่ะ. การดำเนินเรื่องค่อนข้างกระชับดีค่ะ. ^^
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 5# [22/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-03-2015 00:32:33
เพิ่งเห็นเรื่องนี้
น่าติดตามอีกแล้ววว
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 6# [26/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-03-2015 11:47:38

                                          คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                  บทที่ 6


          ธราเทพสะดุ้งวาบเมื่อสิงหาก้าวมายืนชิดติดตัว

          เมื่อแรกเป็นความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านจับจิตแต่เมื่อผ่านไปเพียงชั่ววินาที เศษเสี้ยวชิ้นส่วนดินเผาห่อหุ้มด้วย

พลาสติกที่เขาเก็บอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตก็ร้อนวูบราวกับน้ำเดือด


          “โอ๊ย!”


          เขาร้องดังลั่นเมื่อทนทานไม่ไหวจนถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนอนกองกับพื้น

          งูใหญ่แผ่แม่เบี้ยส่งสายตาแดงฉานราวกับเปลวไฟมองเขาราวกับเป็นเหยื่อตัวน้อย ฉกปลายเขี้ยวพุ่งวาบมาอย่าง

รวดเร็ว


          “ไม่…”


         ธราเทพส่งเสียงร้องลั่นกับภาพที่เห็น หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดราวกับถูกกรีดแทงด้วยของมีคม ก่อนที่สติจะดับวูบ

ลง











          “ท่านพี่ ท่านพี่ราโมส


          เสียงลูกปัดกระทบกันดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งถลาเข้ามากอดคนเป็นพี่ชายร่วมพระบิดา

เมื่อราโมสก้าวเข้าสู่เขตพระราชวังอันยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่าจำลองมาจากอาณาจักรแห่งเทพราพระบิดาแห่ง

แสงอาทิตย์

          เด็กหญิงตัวผอมสวมใส่ผ้าทอผืนเดียวทรงแคบยาวตั้งแต่ใต้อกไปจนถึงข้อเท้ามีสายสะพายดึงไว้ที่ไหล่ทั้งสอง

ข้าง ผ้าทอผืนนั้นโดดเด่นด้วยเส้นใยที่ทอจากแร่ทองบริสุทธิ์ จับจีบไว้ด้านหน้า แสดงถึงฐานะอันสูงส่ง ราโมสก้มหน้าลง

มองใบหน้าที่สวยงามตั้งแต่วัยเด็กแล้วอมยิ้มอย่างเอ็นดู พลางเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมหยอกเย้าให้เด็กหญิงหน้ามุ่ย

     
          “ว่าไง เจ้าหญิงราบีอาน้องข้า วันนี้เล่นซุกซนเรื่องอันใด


          เจ้าหญิงน้อยหน้างอเมื่อพระเชษฐาทักทายราวกับเธอเป็นเด็กน้อย


          “ข้าเลิกเล่นซุกซนนานแล้ว ท่านพี่คงมัวแต่ไปเที่ยวเล่นกับมาอีจนลืมไปว่าข้าอายุ 14 ปี ต้องเก็บตัวฝึกความเป็น

กุลสตรี เพื่อเตรียมเข้าพิธีอภิเษกกับท่านพี่ในอีกไม่กี่ปีนี้”


          รอยยิ้มของราโมสจางลงเมื่อฟังคำของเจ้าหญิงราบีอาความจริงที่เขาไม่อยากยอมรับ อาณาจักรยิ่งใหญ่ภายใต้

การปกครองของกษัตริย์เพตเทเมน ซึ่งมีเขา เจ้าชายราโมส เป็นรัชทายาทเพียงพระองค์เดียว โดยที่พระมารดาซึ่งเป็น

พระมเหสีเอกจากไปตั้งแต่เจ้าชายราโมสยังเป็นเพียงเจ้าชายน้อย  แต่กษัตริย์เพตเทเมนก็ไม่ได้แต่งตั้งใครขึ้นครอง

ตำแหน่งมเหสี จะมีก็แต่เพียงพระสนมเอกซึ่งก็มีพระธิดาให้กับกษัตริย์เพตเทเมนอีกเพียงพระองค์เดียวก็คือ เจ้าหญิง

ราบีอา นั่นเอง

          สำหรับการสืบต่อราชบัลลังก์ นิยมให้ผู้ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปอภิเษกกับผู้ที่เป็นพระเชษฐภคินีหรือพระ

ขนิษฐา เพื่อความเป็นสายเลือดแท้ของความเป็นกษัตริย์ ราโมสและราบีอารับรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก สำหรับราบีอาผู้ได้รับ

การสั่งสอนจากพระสนมเซพเทตผู้ทะเยอทะยาน เรื่องนี้คือเรื่องที่เจ้าหญิงและผู้เป็นพระมารดารอคอยมาตลอดต่างจาก

เจ้าชายราโมส ผู้ซึ่งนิยมความเรียบง่าย และรักที่จะเที่ยวเล่นไปตามใจปรารถนา

          เรื่องนี้กลับกลายเป็นความหนักใจอย่างที่สุด เมื่อเขานึกไม่ออกว่าจะอภิเษกกับผู้เป็นพระขนิษฐาที่เห็นกันมาแต่

เยาว์ได้อย่างไร         

          “นี่คงเป็นเพราะมาอีมัวแต่พาท่านพี่ไปเที่ยวเล่นตามโอเอซิส และไปอยู่พวกเบดูอินชนเผ่าเร่ร่อนกลางทะเล

ทรายนั่นแหละ ท่านพี่จึงได้ไม่สนใจข้าและไม่สนใจศึกษาเล่าเรียน


          น้ำเสียงเหยียดหยามต่อว่าไปถึงคนที่ยืนเหยียดกายยึดบังเหียนลาเอาไว้อยู่ไม่ไกลจากการสนทนามากนัก คิ้ว

เข้มจากร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อในวัยหนุ่มจึงขมวดลงเมื่อได้ยิน


          “ราบีอา หยุดกล่าวร้ายมาอีได้แล้ว


          กลับกลายเป็นเจ้าชายที่ร่างสูงเก้งก้างส่งเสียงเข้มแทนคนที่ถูกต่อว่า ราโมสเชิดหน้าด้วยความไม่พอใจผู้เป็น

พระขนิษฐา จนเจ้าหญิงราบีอาต้องก้มหน้าลงด้วยความตกใจ


          “ทุกครั้งที่ออกนอกวัง เป็นเราที่เป็นฝ่ายชักชวนมาอีออกไป เป็นเพราะเราพอใจจะไปเอง จนมาอีต้องเป็นฝ่าย

ออกติดตาม หาใช่เป็นอย่างที่เจ้าพูดไม่


          สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไปเมื่อความคุกรุ่นบังเกิด เจ้าหญิงตัวน้อยตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดหวั่นไม่ใช่ความเท็จ

เลยที่ราบีอากล่าวไป เจ้าหญิงเข้าข้างตัวเองก็ในเมื่อทุกครั้งที่เธอปรารถนาและเพียรพยายามที่จะใกล้ชิดสร้างความ

สนิทสนมกับพระเชษฐา ดั่งคำที่มารดาสั่งสอนตั้งแต่ยังจำความได้ แต่ทุกครั้งราโมสก็จะมีมาอีอยู่เคียงข้างจนยากที่เธอ

จะได้อยู่ตามลำพังกับว่าที่ผู้ครองนครคนต่อไป


          “ราบีอาเกลียดมาอี


          เจ้าหญิงราบีอากระทืบเท้าระบายโทสะ พลางมองมาอีด้วยแววตาเกลียดชัง จนมาอีที่ยืนนิ่งได้แต่มองด้วยความ

หนักใจ


          “เจ้าหญิงราบีอา ใยแสดงกิริยาหยาบคายราวกับหญิงไม่มีสกุลเยี่ยงนั้น


          เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อบุรุษร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเต็มที่ในวัยฉกรรจ์เดินเข้ามาแล้วส่งเสียงดุ

พระคู่หมั้นของกษัตริย์ในอนาคตมาอีเหลือบตามองตามเสียงนั้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฮาอัส นักบวชหนุ่มที่มี

อิทธิพลอย่างสูงในพระราชวังด้วยวัยเพียงไม่ถึงสามสิบ ด้วยความเก่งกล้าในวิชาอาคมที่มากเกินวัย จนแม้แต่พระราชาก็

ให้ความไว้วางพระราชหฤทัย แต่งตั้งตำแหน่งใหญ่โตให้ครอบครอง รวมทั้งตำแหน่งผู้ประสาทวิชาแก่รัชทายาทและ

พระคู่หมั้นด้วย


          “ความเป็นราชนิกูลสูงศักดิ์ ต้องดำรงอยู่ภายใต้ความนุ่มนวลอ่อนหวาน ดังเช่นที่ข้าพระองค์เคยสอน ไม่ทราบ

ว่าเจ้าหญิงใส่ใจจำหรือไม่ ถ้าจำได้ จงกล่าวขออภัยผู้เป็นพระเชษฐาและ มาอีผู้เป็นองครักษ์บัดเดี๋ยวนี้


          สิ้นคำพูดที่เต็มไปด้วยอำนาจในน้ำเสียง เจ้าหญิงน้อยรีบก้มหน้าลงแล้วกล่าวคำขอโทษด้วยสุรเสียงเบา

หวิว


          “ไม่เป็นไรหรอก ท่านฮาอัส เจ้าหญิงราบีอายังทรงพระเยาว์ ข้ามิได้ถือสาหาความ


          ราชองครักษ์ของเจ้าชายราโมสรีบกล่าวออกไป เมื่อเห็นเจ้าหญิงราบีอาหน้าเสียด้วยความขัดเคือง ก่อนที่จะหัน

วรกายแล้วดำเนินจากไปด้วยความขุ่นเคือง ฮาอัสเหลือบมองมาอีด้วยหางตา ก่อนที่จะหันไปน้อมกายและกล่าวกับเจ้า

ชายราโมส


          “ฝ่าบาทหนีหายไปจากการเรียนอีกแล้ว มิเป็นการบังควรที่กษัตริย์ในอนาคตจะเหลวไหลซ้ำแล้วซ้ำเล่า คืนนี้ฝ่า

บาทคงต้องอยู่เรียนกับหม่อมฉันทดแทนเวลาที่หายไป


         จบประโยคฮาอัสจึงได้เหยียดตัวเต็มความสูงแล้วเดินจากไป มาอีสบตากับฮาอัสที่มีแต่ความเฉยชาอย่างหนักใจ

          ให้ตายสิ….

          เขาไม่เคยนึกไว้วางใจแววตาหลุกหลิกคู่นั้นของฮาอัสเลย









          เปลือกตาที่ปิดบังดวงตาคู่หวานค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะกระพริบตาปริบๆ แล้วเหลือบสายตา

มองเพดานอย่างมึนงงเมื่อนึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่สติทั้งมวลจะดับวูบได้ทั้งหมด ธราเทพก็เบิกตากว้างและผวา

ลุกขึ้นมานั่งแล้วกรอกตาไปรอบๆ อย่างรวดเร็วนี่เขามานอนแผ่อยู่บนเตียงได้อย่างไร ในเมื่อความทรงจำครั้งสุดท้ายเขา

ยังยืนคุยกับสิงหาอยู่ที่กลางห้อง และเขาเห็นงูยักษ์แผ่แม่เบี้ยหราเตรียมฉกเขา


          สิงหา

          ใช่สิ เขากำลังยืนคุยอยู่กับคนเผด็จการอย่างสิงหาด้วยเรื่องสำคัญ ธราเทพกวาดสายตามองหาจึงได้เห็นแผ่น

หลังกว้างยืนสงบนิ่งอยู่ที่ระเบียงภายนอกห้อง ธราเทพดันตัวลุกจากที่เตียงแล้วเดินค่อยๆ เดินมาที่ระเบียงจึงได้เห็นว่า

ด้านที่ระเบียงกว้างยื่นออกมานี้มีแม่น้ำสายกว้างทอดยาวคดเคี้ยวอยู่เบื้องหน้า


          อา…แม่น้ำไนล์


          สายน้ำที่หล่อเลี้ยงผู้คนมานับพันปี ปรากฎอยู่ตรงหน้า หัวใจของธราเทพเต้นรัวเร็วบังเกิดความอิ่มเอมใจอย่างที่

ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หยดน้ำซึมจากดวงตาด้วยความตื้นตันราวกับคนที่พลัดถิ่นมานานแล้วได้กลับคืนสู่ที่ที่เคยจากมา เขา

ไม่เข้าใจตัวเองเลยสะดุ้งเฮือก เมื่ออยู่ๆสิงหาก็หันขวับมามองด้วยแววตาดุ ก่อนที่จะสืบเท้ากลับเข้ามาในห้อง เพียงเพื่อ

มายืนกอดอกแล้วจ้องด้วยดวงตาเหมือนสิงโตที่รอขย้ำเหยื่อ


          “นายหมดสติต่อหน้าฉันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง


          สิงหา ชูนิ้วขึ้นทำท่านับ

   
           “ทั้งที่ไม่ได้มีเหตุนำอะไรเลย นายคิดว่านายหมดสติไปจริงๆ หรือแค่เรียกร้องความสนใจ


          คิ้วเข้มเลิกขึ้นพร้อมรอยยิ้มหยันที่มุมปาก จุดประกายความระคายเคืองให้ธราเทพได้อย่างไม่ยากเย็นนัก


          “คุณไม่ได้มีค่าเพียงพอที่ผมต้องไปเรียกร้องความสนใจธราเทพตอบโต้อย่างหงุดหงิด  “ที่คุณต่อว่าเพราะ

คุณกลัวผมจะทำงานให้คุณไม่ได้งั้นสิ ช่วยไม่ได้นะในเมื่อคุณเองนั่นแหละที่บังคับให้ผมต้องมา ถ้าคุณไม่พอใจก็ส่งผม

กลับสิ


          ธราเทพยักไหล่เบ้ปากอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะต้องตกใจเมื่อสิงหาพุ่งตรงเข้ามาแล้วดึงต้นแขนของเขาเหวี่ยง

จนธราเทพถลาตามแรงไปนอนกองอยู่ตรงขอบเตียง เขาจุกจนร้องไม่ออก ธราเทพลอยตามแรงกระชากให้ลุกขึ้นจาก

พื้นแล้วผลักจนร่างที่บางกว่าหมุนไปนอนงอตัวอยู่ที่กลางเตียงเล็ก เขาพยายามที่จะตะกายลุกจากเตียงแต่ก็ไม่สำเร็จ

เมื่อสิงหาตามมาคุกเข่าคร่อมร่างของเขาไว้ที่กลางเตียง มือแกร่งบีบคางของธราเทพแล้วดึงขึ้นมาจนหน้าหงายสิงหา

โน้มตัวลงมาจนใบหน้าห่างจากธราเทพไม่ถึงนิ้ว ส่งเสียงที่เค้นมาจากลำคอตะคอกใส่หน้าที่ซีดเผือดด้วยความตกใจ


          “คิดว่านายมีสิทธิ์ต่อรองงั้นหรือ คิดผิดแล้ว นายคิดว่าตัวเองมีค่าแค่ไหนกันเชียว หืม วิน


         ธราเทพพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากร่างที่กดดันบีบบังคับ เขายกมือขึ้นแล้วทุบไปที่แผ่นหลังของสิงหาเต็ม

แรง แต่นอกจากจะไม่สะดุ้งสะเทือนแล้วสิงหายังใช้มือข้างที่ว่างอยู่ยืดมือของธราเทพไว้ได้ข้างหนึ่ง ก่อนที่จะดึงไป

ล็อคติดกับที่นอนเหนือศีรษะของธราเทพ เท่ากับตอนนี้ธราเทพเหลือแขนที่เป็นอิสระอยู่อีกเพียงข้างเดียว         


          “ถ้าไม่มีค่านายก็อย่ามายุ่งด้วยสิวะ ไอ้คนเผด็จการ


         ธราเทพตะโกนใส่หน้าสิงหาอย่างเหลืออด ดวงตาคู่หวานแดงก่ำด้วยความโมโห แต่คนที่โมโหมากกว่าคือ

สิงหา เขาก้มหน้าลงไปแล้วประกบปากที่ด่าทอเขาอย่างรวดเร็ว  มือข้างที่บีบปลายคางเรียวปล่อยออกเพื่อคว้าแขนที่ยัง

คงเป็นอิสระอีกข้างไปยึดไว้คู่กับข้างที่เขาล็อคไว้


         สิงหาพิ่มแรงกดศีรษะของเขาเพื่อดันใบหน้าของธราเทพให้นิ่งอยู่กับที่เขาบดริมฝีปากลงไป หนักหน่วง รุนแรง

ไม่สนใจว่าธราเทพจะดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่าง         

          ยิ่งรักมาก ก็ยิ่งแค้นมากหลายพันเท่า สิงหาขบเม้ม กดดันด้วยไฟแห่งโทสะ จนหนุ่มน้อยที่อยู่เบื้องล่างถึงกับ

หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บใจ


หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 6# [26/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dradareal ที่ 26-03-2015 12:20:24
ทำไมถึงเพิ่งเข้ามาเห็นเรื่องนี้นะ ชอบมากๆ
มาขอสมัครเป็นนักอ่านหน้าใหม่ของเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ
ชอบทั้งเนื้อหา การดำเนินเรื่อง น่าติดตามมากๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 6# [26/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-03-2015 17:36:01
โถถถ   อยากรู้สาเหตุจริงๆ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 7# [30/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-03-2015 14:38:04

                                                คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                    บทที่ 7


          เมื่อหยดน้ำจากดวงตาของผู้ถูกกระทำไหลรินลงผ่านหางตามาเปียกชื้นที่ไรผม ใบหน้าที่กด

เบียดใกล้ชิดแนบแน่นของสิงหาจึงได้รู้สึกรู้สาไปด้วย เมื่อนั้นเขาจึงชะงักริมฝีปากที่ขบเม้มลงไปบน

ปากเรียวนุ่มของธราเทพแล้วจึงปล่อยให้เป็นอิสระในเวลาต่อมา คนที่กำลังบังคับขู่เข็ญผงกหัวส่ง

สายตาแห่งความร้อนแรงเผาไหม้มองไปยังใบหน้าหวานที่สะท้อนย้อนกลับมาด้วยความแค้นใจ

          ปากแดงเรื่อก่อนที่จะถูกข่มเหงตอนนี้กลายเป็นเห่อจัดบอบช้ำราวกลับกลีบกุหลาบที่ถูก

ปลิดมาขยี้คามือ ดวงตาของเจ้าป่าที่มองมาจึงได้ไหววูบอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ทันสังเกตแล้วจึง

ยอมลุกออกจากความแนบชิดไปยืนหันหลังให้อย่างไม่ใยดีกับธราเทพยังนอนแน่นิ่งด้วยความเจ็บช้ำ

น้ำเสียงเฉยชา ดังขึ้นหลังจากนั้นในอีกชั่วอึดใจจากแผ่นหลังกว้างของสิงหา


          “ไปจัดการกับหน้าตาตัวเองซะ ฉันให้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง แล้วพวกเราจะเริ่มงานกันตั้งแต่วันนี้”


          สิ้นสุดประโยค สิงหาก็ก้าวเดินออกจากห้องปิดประตูตามหลังเสียงดังสนั่นจนธราเทพสะดุ้งสุด

ตัว หนุ่มน้อยค่อยๆดันตัวลุกจากที่นอนด้วยอาการที่อ่อนล้าไปทั้งกายและใจนับตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงที่

เหยียบย่างลงบนแผ่นดินไอยคุปต์

          เขาลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำก้มลงเปิดก๊อกน้ำล้างหน้า พยายามล้างและถูอย่างแรงจนแสบผิว

เพียงเพราะอยากจะล้างคราบน้ำตาและร่องรอยจุมพิตนั่นออกให้หมด ทั้งๆ ที่รู้ว่า ทั้งหมดมันได้ทิ้ง

คราบไว้ในหัวใจของเขา หาใช่รอยคราบบนใบหน้า

          ธราเทพยืดตัวขึ้นมาสบตาตัวเองในกระจกใส ดวงตาที่ใครๆชมว่าหวานซึ้งและมีเสน่ห์ บัดนี้

แดงเรื่อรวมไปถึงริมฝีปากที่เห่อบวมจนช้ำ แสดงให้ธราเทพได้รู้ว่าชีวิตของเขาในอีก 3 เดือนต่อจาก

นี้เขาต้องเตรียมตัวพบเจออะไรบ้าง

          สิ่งหนึ่งที่ธราเทพไม่เข้าใจตัวเองก็คือดูเหมือนว่าเขาจะทำอะไรสิงหากลับคืนไม่ได้เลยทั้งที่

ตลอดมาตั้งแต่เด็กธราเทพไม่เคยยอมให้ใครมารังแก เขาสู้สุดตัวจนแม้แต่ตรีภพที่เขม่นหน้ากันมา

ตั้งแต่เด็ก เขาก็ยังเอาชนะมาได้บ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่กับสิงหา…

          ตั้งแต่วันแรกเจอจนมาถึงวันนี้ วันที่เขาต้องมาเผชิญชีวิตอยู่ในดินแดนต่างถิ่น ธราเทพ

ยอมรับกับตัวเองว่าเขาสู้สิงหาไม่ได้ แม้ว่าจะลองทำใจดีสู้เสือมาหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรง

กายภายนอกที่เข้มแข็ง หรือแม้แต่แรงขับเคลื่อนจากภายในที่รุนแรงราวกับไฟป่า

หรือแม้แต่…

          หนุ่มน้อยกำพร้ายกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตนเองอย่างเลื่อนลอย เมื่อยังรู้สึกถึงจุมพิต

ที่ป่าเถื่อน มันเป็นครั้งแรกที่ถูกกระทำแต่ทำไมเขากลับรู้สึกคุ้นเคยและถ้ายอมรับอย่างไม่โกหก

ตัวเอง เขาเกือบจะคล้อยตามและหวั่นไหวไปกับมันด้วยซ้ำ

          มือที่ปล่อยลงมาปัดไปถูกขวดแชมพูร่วงลงพื้น เรียกสติกลับคืนมาได้ หนุ่มน้อยสะบัดศีรษะ

แรงๆ เรียกความเป็นตัวของตัวเองกลับคืนมา ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่


อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเมื่อเขาก้าวมาถึงขั้นนี้แล้ว ธราเทพบอกกับตัวเองแล้วจึงได้เดินไปเปลี่ยน

เสื้อผ้า










          สิงหาก้าวยาวๆ มาที่เทอเรซกว้างของโรงแรมแล้วมาหยุดยืนหน้าระเบียงที่ยื่นออกไปเหนือ

สระว่ายน้ำ มือที่กำหมัดแน่นทุบลงไปที่ปูนของระเบียงเพื่อระบายอารมณ์

          ให้ตายสิ อัสลาน นายต้องไม่ใจอ่อน

          เขาก่นด่าตัวเองในใจ เมื่อรู้สึกถึงความอ่อนไหวที่แล่นวูบขึ้นมาเมื่อเห็นหยาดน้ำตาของธราเทพ

          อย่าลืมว่านอกจากจะต้องลากเจ้าเด็กหน้าอ่อนนั่นมาทำภาระกิจสำคัญแล้ว เขายังคิดที่จะสร้าง

ความเจ็บปวดให้จิตใจในร่างนั้นด้วยไม่ใช่หรือแล้วทำไม ทำไมหัวใจมันถึงได้กระตุกเวลาเห็นดวงตาที่

ฉายแววเจ็บช้ำคู่นั้น เขาควรจะยินดีกับมันจึงจะถูกต้อง

          อย่าลืมสิว่าจิตเก่าในอดีตของใบหน้าเรียวและริมฝีปากหวานฉ่ำนั่น เคยทำร้ายเขาจนบอบช้ำ

แค่ไหน

          สะดุ้งเฮือกจากภวังค์เมื่อรู้สึกถึงแรงตบเบาๆ ที่ไหล่ สิงหาดึงสติกลับคืนมาแล้วหันไปมอง

จึงได้เห็นว่าเจ้าของฝ่ามือนั่นคือวาโยเพื่อนสนิทนั่นเอง ถัดออกไปจากเบื้องหลังของวาโยก็คือ

ภูหิรัณย์เพื่อนสนิทของคนที่เขากำลังคิดถึง


          “เหม่ออะไรวะ เดินมายืนอยู่ข้างหลังเรียกเอ็งตั้งนานยังไม่ได้ขยับ”

     
          สิงหาหันกลับมาฝืนยิ้มให้เพื่อน


          “คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ เป็นไงเซน พร้อมหรือยังสำหรับงานนี้”

 
          สิงหาเบนความสนใจไปให้หนุ่มหน้าขาวที่ยืนอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี


          “ยังไม่พร้อมก็ต้องพร้อมครับด็อกเตอร์ มาถึงที่นี่แล้วแถมยังได้คนติวอย่างอาจารย์วาโย

ผมคงไม่ทำให้ด็อกเตอร์หนักใจ”

 
          ภูหิรัณย์ตอบคำถามแต่สายตากลับเหลือบมองไปที่วาโยพร้อมกับรอยยิ้ม สิงหาจึงเผย

รอยยิ้มครั้งแรกของวันนี้



          “ไม่ต้องเรียกด็อกเตอร์หรอกเซนมันเป็นทางการไป เรียกว่าพี่สิงห์ก็ได้ ดีแล้วที่ปรับตัว

ได้เพราะเราจะเริ่มงานกันวันนี้เลย ทุกอย่างช้าไม่ได้ ว่าแต่ เพื่อนนายยังไม่ลงมาเลยนะ”


          ปลายเสียงที่กล่าวถึงธราเทพเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างที่วาโยและภูหิรัณย์ยังไม่ทันสังเกต

แต่ก่อนที่สิงหาจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เสียงของธราเทพก็ดังขึ้น


          “ผมมาแล้ว”


          ร่างสูงผอมเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับร่องรอยบนใบหน้าทำให้คนเป็น

อาจารย์และเพื่อนสนิทต้องขมวดคิ้วมองพร้อมกัน ภูหิรัณย์รีบสืบเท้ามาใกล้แล้วถามเบาๆ


           “ไอ้วิน ปากมึงไปโดนอะไรมาวะ บวมเห่อเลย”


           “โดนยุงอียิปต์กัด” ธราเทพตอบหน้าตาย


           “ยุงหน้าด้าน นิสัยเสีย” เขายิ่งกระแทกเสียงเมื่อตอบคำถามเพื่อน แต่สายตาของเขากลับ

จ้องไปที่สิงหา


          “แล้วแกตบมันตายหรือเปล่าล่ะไอ้ยุงตัวนี้ ถ้าแกไม่จัดการมันให้สิ้นซาก มันก็จะกลับมา

ตอแยแกอีกนั่นแหละ” ภูหิรัณย์พาซื่อรับลูกคนเป็นเพื่อนโดยไม่รู้ตัว ธราเทพจึงได้กระตุกยิ้มที่มุมปาก


          “ก็ไล่ตบอยู่ คิดว่าอีกไม่นานคงตายคามือ”


           ดวงตาที่จ้องกันไปมาคุกรุ่นไปด้วยบรรยากาศที่ขุ่นมัว จนวาโยต้องขัดตาทัพ

 

          “เราไปกันได้แล้วเดี๋ยวจะช้า”


          พูดจบเขาก็เป็นผู้เดินนำออกไป ตามด้วยสิงหาที่ถอนสายตาขวางจัดไปจากธราเทพ

ภูหิรัณย์เข้าประกบเพื่อน แล้วเดินไปพร้อมกัน พลางถามเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน


          “เป็นไงไอ้วินอยู่กับพี่สิงห์น่ะ”


           ธราเทพอึ้งเมื่อหาคำตอบให้เพื่อนๆ


           “ก็ไม่รู้สิ วันนี้เพิ่งวันแรก แล้วมึงล่ะทำไมถึงไปอยู่กับอาจารย์ได้”


          ธราเทพเบนความสนใจไปทางภูหิรัณย์แทน เจ้าตัวได้แต่หัวเราะ พร้อมเลือดฝาดที่ฉีด

ขึ้นมาบนพวงแก้ม


          “แหม ก็กูไม่ค่อยเก่งเรื่องอียิปต์นี่หว่า ให้อาจารย์ติวเข้มให้ก็ถูกต้องแล้ว อีกอย่างอาจารย์

วาโยชอบทำตัวเปิ่นแล้วก็ไม่ค่อยดูแลตัวเองด้วย กูจะได้คอยช่วยอาจารย์ยังไงล่ะ”


          “เอ้า จะคุยกันอีกนานไหม รีบเดินเร็วเข้า”


          เสียงดุของวาโยลอยตามลมมา ทำให้ลูกศิษย์ทั้งสองหยุดการสนทนาแล้วเดินตาม

อย่างรวดเร็ว
 





          รถจี๊ปคันใหญ่แล่นตรงผ่านทะเลทรายทิ้งไว้แต่ละอองเม็ดทรายที่คละคลุ้งไว้

เบื้องหลังก่อนที่จะไปจอดนิ่งสนิทหน้าเต็นท์ ที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่รวมทั้งเครื่องมือมากมาย

สิงหาที่เป็นคนขับรถเปิดประตูแล้วกระโดดลงมายืนอยู่บนพื้นทรายอย่างคุ้นเคย ตามมาด้วย

สมาชิกในรถที่ลงมายืนอย่างตื่นตาตื่นใจ

          ธราเทพหัวใจเต้นรัวตั้งแต่สิงหาขับรถเข้ามาในเขตทะเลทราย และมันยิ่งเต้นจนอก

แทบระเบิดในตอนนี้ ตอนที่เขาแหงนหน้าขึ้นมองปิรามิดขนาดใหญ่ สูงจนต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่า

ธราเทพไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกต่างๆ ที่ท่วมท้นมาได้อย่างไร

          มันมีทั้งโศกเศร้า โหยหาอาดูรและความรัก เมื่อทั้งมวลรวมกันร่างกายของเขาจึงทำได้

เพียงหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่มีสาเหตุ สิงหามองภาพที่เห็นด้วยใบหน้าเครียดกรามบดจนเห็น

เป็นสันนูน


          มารยา


          เขาค่อนในใจเมื่อเห็นน้ำตาที่หยาดหยดลงมาจนเจ้าตัวต้องรีบใช้หลังมือป้ายมันออก

แล้วสิงหาก็เป็นฝ่ายก้าวนำทุกคนเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบ


          “พอจะสืบได้หรือยังว่าปิรามิดนี้เป็นที่ฝังพระศพกษัตริย์พระองค์ไหน”


          วาโยที่เดินตามมาตั้งคำถามกับเจ้าของโครงการขุดสำรวจ สิงหาแหงนหน้าขึ้นมองที่

ยอดปิรามิดแล้วพยักหน้าช้าๆ


          “ที่เจอข้อความโดยรอบที่ผนังชั้นบนของปิรามิด กล่าวว่าปิรามิดนี้เป็นที่ฝังพระศพของ

กษัตริย์ที่อายุน้อยที่สุดในยุคไอยคุปต์กลาง และครองราชย์ด้วยเวลาที่น้อยที่สุด พระนามว่า ราโมส”


          ธราเทพหยุดยืนตัวแข็งเหงื่อออกท่วมตัวเมื่อสิงหากล่าวพระนาม ทำไมมันช่างคุ้นหู

เสียเหลือเกิน


          “พระองค์มีพระมเหสีที่เป็นพระขนิษฐาร่วมพระบิดาเดียวกันพระนามว่า ราบีอา

ในข้อความที่ผนังปิรามิดยังบอกไว้ว่าการครองราชย์ของพระองค์ได้มาจากการสังหารราชองครักษ์

เพื่อนำไปสู่การปิตุฆาตกษัตริย์เพตเทเมนผู้เป็นพระบิดาเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจ”


          “ไม่จริง”


          ธราเทพตะโกนลั่นดวงตาเบิกโพลงเมื่อจบประโยคบอกเล่าเหตุการณ์ด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง

จากสิงหา


          “ราโมสไม่ได้ทำ”


          แล้วร่างของธราเทพก็ทรุดฮวบลงไปนอนกองกับพื้นทราย
 







          เสียงลูกปัดจากกำไลข้อเท้ากระทบกันดังขึ้นเมื่อร่างสูงที่สวมผ้าทอสอดดิ้นทอง

ยกรั้งแค่ต้นขาเดินออกมาที่ลานกว้างดวงตาหวานสดใสของราชนิกุลในวัยต้นยี่สิบปีเป็นหนุ่ม

เต็มวัยบอกแววซุกซนไม่ต่างจากวัยเด็ก เมื่อก้าวไปคว้าอาวุธที่อยู่ในที่เก็บก่อนที่จะสืบเท้าเข้าไป

แล้วแทงสามง่ามหนักคมเข้าใส่ร่างสูงกำยำของคนที่กำลังฝึกอยู่ก่อนแล้ว

          เจ้าของร่างสูงผิวดำแดง แผ่นอกกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อลอบยิ้มเมื่อถูกโจมตี

เขาใช้อาวุธที่ผลิตจากทองเหลืองหล่อเป็นรูปโค้งเหมือนพระจันทร์ที่เรียกว่า “เคเพช”

คู่ใจขึ้นรับสามง่ามแล้วกลับเป็นฝ่ายบุกบ้าง

          สู้กันอยู่พักใหญ่ก่อนที่เคเพชจะตวัดกลับมาหยุดนิ่งจ่ออยู่ที่คอของคนที่บุกเข้ามา

ดวงตาทั้งคู่สบกันนิ่ง ก่อนที่จะหัวเราะพร้อมกัน


          “สู้กันเมื่อไหร่ เราก็แพ้ทุกที”


          สุรเสียงกังวานดังขึ้นจากร่างที่อ้อนแอ้นราวกับอิสตรี ตัดพ้อทีเล่นทีจริง


          “ตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าก็ไม่เคยออมมือให้เราเลยนะ มาอี ท่านราชองครักษ์แห่ง

กษัตริย์เพตเทเมน”


          ร่างกำยำเผยยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็น เมื่อค้อมศีรษะให้ผู้มาเยือน


          “ก็ถ้าหากท่านไม่มัวแต่หนีไปเที่ยวเล่นแล้วตั้งใจซ้อม ท่านคงจะสู้ข้าได้โดยที่ข้า

ไม่ต้องออมมือ จริงหรือไม่ เจ้าชายราโมสบุตรแห่งกษัตริย์เพตเทเมนผู้ยิ่งใหญ่”
 
 
                                     
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 7# [30/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 30-03-2015 14:59:06
มันอะไร? ยังไง? กันแน่ในอดีตอะ   :katai1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 7# [30/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 30-03-2015 21:05:58
อยากรู้จัง  ว่าจะเป็นอย่างไร    รักผู้เขียนนะครับ   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 7# [30/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-03-2015 21:16:20
สิงห์ดูเหมือนจำทุกอย่างได้ ว่าแต่สิงห์นี่ไม่ใช่มาอีหรอ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 7# [30/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-03-2015 21:58:10
อย่ายึดติดกับอดีตเลย
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 8# [01/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-04-2015 19:29:39

                                            คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                 บทที่ 8



          โอรสของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก้าวพระบาทเข้ามาใกล้ร่างกำยำ แล้วทอดพระเนตรพร้อมแย้ม         

พระโอษฐ์เบาบางเมื่อหยุดต่อหน้าบุคคลที่เห็นกันมาแต่เยาว์

           มาอีที่รู้จักก็ยังคงเป็นมาอีตั้งแต่เด็กจนโต พูดน้อย ยิ้มยาก บ่ากว้างเชิดสูงอย่างคนที่ไม่ยอมใคร

ยกเว้นเพียงแค่เจ้าเหนือหัวกษัตริย์เพตเทเมน และพระราชโอรสเพียงสองพระองค์เท่านั้นที่เขาจะยอม

ค้อมศีรษะศิโรราบ

          มาอีบุตรชายเพียงคนเดียวของเมเลสราชองครักษ์และพระสหายคู่พระทัยของกษัตริย์เพตเทเมน ที่มีอายุมากกว่า

เขาเพียง 5 ขวบปี แต่กลับทำตัวสูงวัยกว่าเขาราวกับเป็นบิดาอีกคน ด้วยคำสั่งของกษัตริย์และด้วยความเป็นพระสหาย

คนสนิทของฝ่ายบิดา ผู้เป็นบุตรอย่างมาอีและเขาจึงได้รับการเลี้ยงดูมาคู่กันตั้งแต่ยังเยาว์วัย เขาจึงมีเพียงมาอีที่เป็นทั้ง

เพื่อนและพี่ที่คอยปกป้องดูแล เจ้าชายราโมสนึกไม่ออกเลยว่า ชีวิตที่ขาดมาอีจะเป็นอย่างไร


         “ท่านพี่อยู่ที่นี่เอง ข้าเที่ยวตามหาเสียแทบแย่


          น้ำเสียงหวานแหลมเชิงไว้ตัวดังขึ้น ก่อนที่พระวรกายสันทัดของพระขนิษฐาจะปรากฎพระองค์ตามมาหยุดยืน

เคียงข้าง เจ้าหญิงราบีอาพระขนิษฐาร่วมพระบิดาเดียวกันแล้วยังครองตำแหน่งพระคู่หมั้นเพื่อสืบทอดสายเลือดบริสุทธิ์

แห่งราชวงค์เหลือบพระเนตรมองผู้เป็นพระเชษฐาอย่างเอือมระอา

          เจ้าชายราโมสผู้รักสันติ รักอิสระ  แสวงหาแต่การท่องเที่ยว แต่ในสายตาของเจ้าหญิงราบีอากลับมองเป็นความ

น่าเบื่อหน่าย พระคู่หมั้นที่มัวแต่เที่ยวเล่นไม่ปรารถนาความรุนแรง ถ้าไม่ติดว่าเป็นคำสั่งสอนตั้งแต่ยังเยาว์จากพระมารดา

ว่าต้องเข้าพิธีอภิเษกซึ่งกัน ไม่มีวันที่เจ้าหญิงราบีอาจะสนพระทัย

ต่างจากอีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่เคียงข้าง

          แม้จะเชิดพระศอขึ้นด้วยความทะนงในขัตติยะนารี แต่เจ้าหญิงราบีอาก็ต้องยอมรับกับองค์เองว่า

ร่างกายกำยำที่เปลือยส่วนบนให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ เผยให้เห็นรอยแผลเป็นจากการต่อสู้ในบางส่วน ช่าง

เรียกร้องให้พระองค์ต้องลอบทอดพระเนตรอยู่หลายคราว

          ยิ่งเห็นหน้าขรึมที่ก้มลงเล็กน้อยในทุกคราที่พบเจอ มันยิ่งทำให้โลหิตในพระวรกายที่สาวสะพรั่งสูบฉีดวิ่งพล่าน

แต่ก็ต้องทรงเก็บกักมันไว้อย่างอัดอั้น จนเกิดความหงุดหงิดแล้วจะไประบายโทสะออกกับใครถ้ามิใช่เจ้าชายราโมสผู้

เป็นพระเชษฐา ถ้าแม้นแข็งแกร่งน่าหลงใหลได้เพียงครึ่งของมาอี เจ้าหญิงราบีอาคงไม่ทุกข์ทรมานขนาดนี้


          “มีอะไรกับพี่หรือเปล่าราบีอา


          เจ้าชายราโมสทอดสุรเสียงถามอย่างเอ็นดู แม้จะเป็นเพียงพระขนิษฐาร่วมพระบิดา แต่พระองค์ก็ทรงเอ็นดูไม่

น้อย แม้จะรู้ดีกว่าเจ้าหญิงราบีอาทรงเย่อหยิ่งไม่แพ้พระสนมเซพเทตผู้เป็นมารดา


          “มีสิท่านพี่ ถ้าไม่เป็นเพราะพระบิดามีกระแสรับสั่งหา ข้าไม่เสียเวลามาตามท่านในที่ที่แสงแดดแผดเผาเยี่ยงนี้

ดอก


          พระขนงโก่งงามที่แต่งแต้มอยู่บนพระพักตร์ที่งามราวกับอิสตรีเลิกขึ้น พลางลอบถอนพระปัสสาสะอย่างเหนื่อย

หน่าย พระบิดาเรียกหาจะมีเหตุอันใดหากมิใช่เร่งรัดเรื่องงานอภิเษกที่เจ้าชายทรงผัดผ่อนมานาน จนพระชนม์พรรษาได้

ล่วงเข้ายี่สิบ


         “งั้นพี่จะรีบไป พระบิดาจะได้ไม่ทรงกริ้วที่เรียกแล้วไม่พบ มาอี…”


          พระพักตร์เรียวงามหันไปทอดพระเนตรผู้เป็นสหายสนิท


          “ฝึกซ้อมเสร็จแล้วก็ตามเราไปนะ


          พระวรกายบอบบางหันกลับแล้วดำเนินไปทางพระราชวังอย่างรวดเร็ว มาอีทอดสายตาตามได้ชั่วครู่แล้วเตรียมที่

จะคว้าเคเพชคู่ใจขึ้นมาฝึกซ้อมต่อ หากไม่ติดด้วยสุรเสียงของเจ้าหญิงราบีอา


          “เดี๋ยวสิ มาอี จะรีบไปไหน


           หน้าขรึมหันไปมองพระวรกายอวบอัดด้วยวัยสาวอย่างเฉยชา แม้ว่าเจ้าหญิงราบีอาจะเลื่องชื่อเรื่องพระสิริโฉม

งดงามไม่แพ้พระสนมเซพเทต


          “ข้าจะไปฝึกต่อ เจ้าหญิงมีธุระอันใดอีก


          น้ำเสียงเฉยชาไม่แพ้ใบหน้าเอ่ยขึ้น ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้แก่เจ้าหญิง


          “มีสิ เจ้าไม่เห็นรึว่า ลูกปัดทองที่ผูกอยู่ที่ข้อเท้าข้ามันหลุดอยู่ จงก้มลงไปยึดติดมันให้ข้าเดี๋ยวนี้


           สิ้นเสียงเจ้าหญิงราบีอาก็เหยียดข้อพระบาทออกมาตรึงอยู่กับพื้นเบื้องหน้า จนเผยให้เห็นเนื้อในขาวผ่องของต้น

ขาที่โผล่พ้นรอยแยกของผ้าทอดิ้นทอง มาอีนิ่งงันเมื่อสบตากับสายพระเนตรท้าทายคู่นั้น ก่อนที่จะกัดฟันคุกเข่าลงไป

ใกล้แล้วเอื้อมมือไปที่พระบาทเพื่อซ่อมสร้อยลูกปัดทอง เมื่อเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงรีบเหยียดตัวตรงพลางเตรียมหันหลัง

ให้ผู้เป็นพระคู่หมั้น


          “หยุดนะเจ้าหญิงราบีอาแผดพระสุรเสียงด้วยโทสะ


          ถ้าเพียงจะตามหาเจ้าชายราโมส พระองค์ไม่ทรงลงทุนยอมทอดพระบาทฝ่าเปลวแดดมาด้วยองค์เองหรอก

เพียงแค่รับสั่งให้ทหารคนใดมาก็ได้ แต่นี่เป็นเพราะต้องการใกล้ชิดร่างที่คล้ำไปด้วยไอแดดนี่

ต่างหาก

          เจ้าหญิงราบีอายื่นพระหัตถ์อันสั่นเทาออกไปวางแนบบนแผ่นอกหนา ร่างที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อยิ่งทำให้

ความอัดอั้นทวีขึ้นจนเผลอกลืนพระเขฬะลงคอ

          หน้าขรึมขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นการกระทำเช่นนั้น มาอียกมือขึ้นมาแล้วจับพระหัตถ์นั้นออกไปจนพ้นตัว ก่อนกล่าว

ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


          “ทรงเป็นพระคู่หมั้น อย่ากระทำตัวเยี่ยงหญิงงามเมืองเช่นนี้


          เจ้าหญิงราบีอาแผดสุรเสียงอย่างโหยหวลด้วยไฟแห่งโทสะ ยกพระหัตถ์ขึ้นชี้หน้ามาอี ก่อนที่จะกระทืบพระบาท

จากไป


          “มาอี เจ้าโง่ ข้าเกลียดเจ้า

















          “ไอ้วิน เฮ้ย ตื่นสิวะ


          เสียงภูหิรัณย์ดังขึ้นพร้อมกับแรงตบเบาๆกระตุ้นที่ใบหน้า ทำให้สติกลับคืนมาอีกครั้ง ก่อนที่ขนตายาวจะกระ

พริบถี่ๆ ธราเทพค่อยๆ ยันตัวขึ้นจากจุดที่นอนอยู่เปลี่ยนเป็นท่านั่ง เขาหันไปมองรอบตัวจึงได้รู้ว่า ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่

บนแผ่นผ้าใบที่ปูให้เขานอนพักอยู่กลางเต็นท์งานชะงักเมื่อสบตากับคนที่ยืนมองอยู่ด้านหนึ่ง มือสองข้างกอดอกไว้

อย่างถือตัว ช่างน่าคุ้นเคยอย่างประหลาด


          “เป็นไรเนี่ยมึง ลมแดดหรือไง อยู่ๆ ก็ตะโกนอะไรแปลกๆแล้วล้มตึงไปเลย ตกใจกันแทบแย่


          คนเป็นเพื่อนเล่าให้ฟังพร้อมกับมองอย่างสงสัย ธราเทพได้แต่ส่ายหน้า


          “คงพักผ่อนน้อย แล้วมันผิดเวลาน่ะ เดี๋ยวสักพักคงดีขึ้น


          “เซน มาทางนี้ มาฝึกอ่านภาษาทางนี้


           เสียงวาโยตะโกนมาจากทางเข้าปิรามิด ภูหิรัณย์จึงได้ละล้าละลังด้วยความเป็นห่วงเพื่อน


          “ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ดูวินเอง


           เสียงขรึมดังขึ้นใกล้ตัว ธราเทพเหลือบไปมองอย่างตกใจเพราะไม่รู้ว่าสิงหาเดินมาตอนไหนภูหิรัณย์ได้ยินก็ยิ้ม

รับแล้วลุกขึ้นเดินไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ธราเทพอยู่กับสิงหาเพียงลำพัง ท่ามกลางคนงานต่างชาติที่ความสนใจแต่

งานของตัว สิงหาย่อตัวลงแล้วยื่นผ้าเย็นมาให้


          “เช็ดหน้าซะ


          ธราเทพขมวดคิ้วพลางสะบัดหน้าหนี สิงหาจุ๊ปากอย่างขัดใจ


          “จะเช็ดเองดีๆ ไหม


           ดวงหน้าหวานยังคงเชิดขึ้น พร้อมกัดริมฝีปากอย่างดื้อรั้นจนสิงหาทนไม่ไหว เขายกมือขึ้นคว้าคางเรียวแล้วบีบ

ไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งที่มีผ้าเย็นสิงหาใช้มันเช็ดไปจนทั่วหน้าเนียน แม้เจ้าของจะพยายามสะบัดหน้าหนี แต่เขาก็บังคับให้

อยู่นิ่งจนได้


          “เลิกมายุ่งกับผมเสียทีจะได้ไหม


          ธราเทพเอ็ดเสียงดังพลางปัดมือของสิงหาที่บีบคางออกแต่ก็ไม่สำเร็จ ซ้ำร้ายคนเผด็จการยังใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดไล่

ลงไปที่คอเรียวจนหมดคราบเหงื่อ ก่อนที่จะบังคับให้เงยหน้ามาสบตากับตาดุ


          “แล้วเมื่อไหร่นายจะเลิกทำตัวอ่อนแอเรียกร้องความสนใจล่ะ


          สิงหาลุกขึ้นยืนแล้วกระชากต้นแขนให้ธราเทพลุกติดมือตามมา ธราเทพรีบสะบัดตัวออกเมื่อยืนมั่นคงแล้ว


          “ใครไปเรียกร้องความสนใจจากคุณ ผมเป็นอะไรคุณก็ไม่ต้องมายุ่ง ให้ผมนอนตายกลางทะเลทรายเลยก็ได้


          สิงหาตาลุกวาบ คราวนี้เขาก้าวพรวดเข้าไปใช้สองมือกระชากต้นแขนของธราเทพแล้วบีบแน่น จนธราเทพต้อง

นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ


          “อย่าหยิ่งผยองนักเลยวิน ตอนนี้นายมันก็แค่คนพลัดถิ่น ถ้าฉันไม่คิดจะใช้งานนาย คิดหรือว่านายจะอยู่ใน

สายตา



          “เฮ้ย ไอ้สิงห์ มาดูอะไรนี่เร็ว


          เสียงตื่นเต้นของวาโยที่วิ่งเข้ามาในเต็นท์ห้ามทัพไว้ สิงหาผลักร่างบางของธราเทพจนเซ ก่อนที่จะก้าวหนีไป

ยืนอีกมุมหนึ่ง วาโยค่อยๆ วางถาดที่บรรจุบางสิ่งเอาไว้มาวางบนโต๊ะกลางเต็นท์ตามมาด้วยภูหิรัณย์ที่ตามมาติดๆ อย่าง

ตื่นเต้น


          “คนงานเพิ่งจะขุดออกมาจากช่องที่ใช้เก็บตำราในปิรามิดได้เมื่อครู่นี้เอง สดๆร้อนๆ ข้าเลยรีบเอามานี่แหละ

อยากจะรู้ว่าข้างในเขียนว่าอะไร


          วาโยคว้าถุงมือขึ้นมาสวมพลางคว้าแปรงขนอ่อนขึ้นมาแล้วบรรจงปัดคราบดินทรายออกจากแผ่นปาปิรัสเก่าแก่

อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ คลี่ออก แล้วเขาก็ก้มหน้าไปอ่าน


          “ศัพท์ยากจังโว้ย บางตัวก็เลือนๆไปแล้ว จับใจความได้กระท่อนกระแท่น ไม่ชัดเลย


         เสียงวาโยบ่นอย่างหงุดหงิด ธราเทพจึงได้เดินเข้ามาใกล้แล้วอาสา


           “อาจารย์ ขอผมลองหน่อย


          วาโยก้าวหลีกไปให้ธราเทพเดินเข้ามาแทนที่ ธราเทพเพ่งตามองไปที่แผ่นปาปิรัสนั้นธราเทพมองแผ่นปาปิรัส

ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดสิ่งที่เขาเห็นเหมือนตัวหนังสือลอยขึ้นมาให้เห็นเป็นภาพสามมิติ ธราเทพ

มองเห็นมัน  เขาอ่านและแปลราวกับเป็นเจ้าของภาษา



          “เหตุที่เจ้าชายราโมสได้ขึ้นครองราชย์เนื่องด้วยกษัตริย์เพตเทเมนถูกลอบปลงพระชนม์ จากองครักษ์คนสนิท

นามผู้นั้นว่า มาอี เขาได้เป็นชู้กับพระสนมของกษัตริย์และคิดจะแย่งอำนาจด้วยการปลงพระชนม์ แล้วเข้าพิธีอภิเษกกับ

พระสนมเพื่อจะได้เป็นกษัตริย์คนต่อไปเจ้าชายราโมสจึงได้สังหารมาอี…”



   
          “ไม่จริง…”


          สิงหาตะโกนเสียงดังขัดจังหวะด้วยแววตาตระหนก เมื่อตัวอักษรที่บันทึกไว้ขัดจากสิ่งที่รู้มาแต่แรกอย่างสิ้นเชิง

ใบหน้าคมเผือดสีลงจนสังเกตเห็นชัด


          “ไม่มีทางที่มาอีจะทำอย่างนั้น ไม่มีทาง





หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 8# [01/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 01-04-2015 20:18:52
กำลังมันเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 8# [01/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 01-04-2015 21:32:51
โหววว สนุกโคดอะ
มาต่อเลย
ปล. ความเห็นส่วนตัว ยัยน้องของราโมสนี่แหละตัวปัญหาปะ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 8# [01/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 02-04-2015 00:55:21
มาไวๆ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 9# [03/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 03-04-2015 13:29:39

                                                        คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                                 บทที่ 9

       
          สิงหายืนอยู่ที่ระเบียงห้องในโรงแรมแล้วทอดสายตาไปที่แสงระยิบระยับจากแม่น้ำไนล์และจาก

บ้านเรือนรอบๆ ในยามค่ำคืนอย่างสับสน

          มันต้องมีอะไรบางอย่างคลาดเคลื่อน

          สิ่งที่เขา “รับรู้” มาจากสัญญาณในอดีตและความรู้จากการค้นคว้าว่าราโมสปลิดชีพมาอี เพื่อก้าวไปสู่การปลง

พระชนม์พระบิดามันกลับขัดแย้งกับสิ่งที่เพิ่งรู้มาสดๆ ร้อนๆ ว่าคนที่คิดทรยศกลับกลายเป็นมาอี ร่างสูงเงยหน้าขึ้นและ

หลับตาลง



            อา…    เทพรา เจ้าแห่งแสงอาทิตย์ที่เคารพ


          ได้โปรดช่วยชี้ทางสว่าง ดุจแสงแห่งชีวิตของท่าน ให้ข้าได้หลุดพ้นจากปัญหา และเคราะห์กรรมทั้งปวงด้วยเถิด

          ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับทอดถอนลมหายใจอันหนักหน่วง ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับแล้วเลื่อนประตูก้าวเข้าสู่ภายใน

ห้อง เพื่อที่จะพบกับคนที่เขาบังคับหอบหิ้วมาจากเมืองไทยกำลังหิ้วกระเป๋าเตรียมเดินออกจากห้อง คิ้วเข้มของสิงหา

ขมวดเป็นปม เขาก้าวยาวๆ ไปคว้ากระเป๋าออกจากมือของธราเทพทันที


          “จะไปไหน


          ด็อกเตอร์หนุ่มถามเสียงแข็ง หน้าเรียวชักสีหน้าตอบโต้เมื่อตอบด้วยเสียงที่แข็งไม่แพ้กัน


          “ผมจะไปนอนห้องอาจารย์วาโยกับไอ้เซน


          คิ้วที่ขมวดอยู่ยิ่งผูกกันแน่นเมื่อได้ยิน สิงหากระชากเสียงเมื่อพูดประโยคถัดไป


              “ห้องนึงเขามีแค่สองเตียง นายไปนอนห้องไอ้โยแล้วจะไปนอนตรงไหน


          “ผมไม่ใช่คนเรื่องมากนอนพื้นก็ได้ ขออย่างเดียว ผมไม่อยากทนอยู่ห้องเดียวกับคุณ ส่งกระเป๋ามาให้ผม


          นอกจากจะไม่ส่งคืนแล้วสิงหายังเหวี่ยงมันไปอยู่กองอยู่บนเตียงด้วยความโกรธจนหัวฟัดหัว

เหวี่ยง ก่อนที่จะพุ่งตัวมายึดต้นแขนทั้งสองข้างของธราเทพไว้แล้วบีบแน่นจนธราเทพต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ         


          “ไอ้ที่โดนเมื่อตอนบ่ายมันยังไม่เพียงพอใช่ไหม ถึงได้มายั่วให้ฉันโกรธ หรืออยากจะลองดีกันอีก


          น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะเค้นออกมาจนธราเทพสะดุ้ง ร่างบางตัวสั่นเทาอยู่ภายใต้การยึดจับของมือแกร่ง สิง

หาเอี้ยวตัวไปคว้าผ้าเช็ดตัวของโรงแรมที่วางไว้ปลายเตียงมายัดใส่มือของธราเทพ ก่อนจะลากแขนจนธราเทพตัวปลิว

ตามแรง แล้วสิงหาก็ผลักให้ธราเทพเข้าไปในห้องน้ำ


          “อาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วออกมาพักผ่อน ตั้งแต่พรุ่งนี้ นายต้องเริ่มทำงานอย่างจริงจัง ของจริงกำลังรอนายอยู่

ข้างหน้า จำไว้ ว่าอย่าให้ความอ่อนแอของนายมาทำให้ฉันเสียงาน


          สิงหามองคนที่ยังยืนถือผ้าเช็ดตัวนิ่งเป็นหุ่นยนต์อย่างขัดใจ เขาก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้วยืนชิดกับธราเทพ       

 
       “จะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานไหม ถ้าไม่ยอมอาบเอง ฉันจะจับนายแก้ผ้าแล้วอาบน้ำถูสบู่เดี๋ยวนี้แหละ


          จบประโยคสติของธราเทพจึงได้กลับคืนมา เขารีบผลักให้ร่างแกร่งเดินถอยหลังออกไปจากห้องน้ำ แล้วปิด

ประตูใส่หน้า ธราเทพหันหลังพิงประตูไว้เมื่อรู้สึกเหมือนว่าจะทรงตัวไม่อยู่


         “โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เขาสบถกับตัวเอง


             “นอกจากจะเผด็จการ ป่าเถื่อนแล้ว ยังหื่นอีก จะทำยังไงดีโว้ย ไอ้วิน







          สิงหาเหลือบตามองนาฬิกาสลับกับมองประตูห้องน้ำ

          ใช้เวลานานเกินไปแล้วสำหรับการอาบน้ำ ต่อให้ทำความสะอาดทุกซอกมุมก็ไม่ควรจะนานไปกว่านี้ เขาก้าวตรง

เข้าไปแล้วใช้ฝ่ามือทุบประตูรัวๆ แล้วสิงหาก็ตะโกนส่งเสียงไปหาคนที่อยู่ในห้องน้ำ


            “ทำอะไรอยู่วิน ออกมาได้แล้ว


            ไร้เสียงตอบหรือปฏิกิริยาจากบุคคลภายในห้องน้ำ สิงหาจึงได้ตะโกนต่ออีกครั้ง


            “ถ้านายยังไม่เปิดประตู ฉันจะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ


          สิ้นเสียงดุดัน บานประตูก็ค่อยๆ แง้มออกช้าๆ พร้อมกับศีรษะที่ผลุบโผล่อยู่ด้านหลัง ธราเทพทำหน้า

อิหลักอิเหลื่อเมื่อส่งเสียงตอบโต้


          “คุณ เอ่อ ไปยืนหันหลังอยู่ตรงมุมห้องฝั่งโน้นก่อนได้ไหม


         สิงหาเลิกคิ้วมองตอบอย่างสงสัย ธราเทพเห็นแล้วก็ได้แต่ยืนกัดริมฝีปากตัวเองอยู่หลังประตู

เขาก้มหน้ามองสภาพตัวเองที่นุ่งแต่ผ้าขนหนูของโรงแรมอยู่เพียงผืนเดียว เบื้องบนเปลือยเปล่ายังมีหยดน้ำชื้นเกาะอยู่

บางส่วน เสื้อผ้าที่ใช้แล้วหอบอยู่ในอ้อมแขน อยากจะเขกศีรษะตัวเองที่ไม่ได้คว้าเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาเปลี่ยนเสียให้

เรียบร้อยในห้องน้ำ จะได้ไม่ต้องมายืนหนาวอยู่อย่างนี้

          คิดๆ แล้วก็แปลกใจตัวเองที่รู้สึกกระดากอายไปกับสายตาดุคู่นี้ ทั้งๆ ที่เขาก็แก้ผ้าอาบน้ำในวัดกับเด็กวัดด้วยกัน

จนชินชา แต่เมื่อคิดว่าถ้าเดินออกไปในสภาพนี้แล้วสิงหาจะมองมาด้วยสายตาแบบไหนเขาก็รู้สึกร้อนวูบตั้งแต่หัวจรด

เท้า


          “ทำไมต้องไปยืนหันหลังที่มุมห้องฝั่งโน้น


          น้ำเสียงยียวนถามกลับแถมยังยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมคลี่ยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

หนุ่มน้อยที่หลบอยู่หลังบานประตูจะรู้บ้างไหมว่าเขาต้องฝืนกลั้นหัวเราะขนาดไหน


          “เออน่า บอกให้ไปก็ไปสิ ไม่งั้นก็จะนอนมันในห้องน้ำนี่แหละ


          ธราเทพหลับหูหลับตาตวาดเสียงดัง พวงแก้มสีชมพูบัดนี้แดงจัดไปถึงใบหู จนสิงหาต้องยกมือทำท่ายอมแพ้


          “โอเค โอเค ฉันจะไปยืนหันหลังที่มุมห้อง นายจะทำอะไรก็รีบทำ


          แล้วสิงหาก็หันหลังกลับก้าวไปที่มุมห้องที่ไกลที่สุด ธราเทพเห็นดังนั้นเขาก็รีบก้าวออกจากห้องน้ำมาที่กระเป๋าที่

วางเค้เก้อยู่บนเตียงแล้วรื้อค้นเสี้อผ้าในนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเพื่อพบว่าสิงหากำลัง

มองมาทางเขาด้วยดวงตาที่วาววับเหมือนแสงไฟที่สะท้อนจากแม่น้ำไนล์

           ธราเทพตัวแข็งทื่อเมื่อสิงหาเดินตรงมาคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ยังคงวางอยู่อย่างสวยงามตรงปลายเตียงยกขึ้นมา

เช็ดผมที่เปียกชื้นของเขาอย่างเบามือ ธราเทพแทบจะหยุดหายใจเมื่อสบตากับดวงตาคู่นั้น


          “ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้ง


           เสียงที่เคยแต่ตวาดตอนนี้กลับดุเบาๆ อย่างอ่อนโยน ธราเทพได้แต่อึ้งด้วยความคาดไม่ถึง

มือที่ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมให้คนตรงข้ามหยุดชะงักเมื่อเห็นแววตาคู่หวานที่มองมา สิงหาจ้องลึกเข้าไปใน

ดวงตาดำขลับอย่างค้นคว้า แล้วเขาก็เอียงหน้าเข้าไปใกล้เหมือนมีแรงดึงดูด

          ธราเทพหยุดการหายใจเมื่อริมฝีปากของสิงหาห่างจากใบหน้าของเขาวัดได้แค่หน่วยมิลลิเมตรจนเขารู้สึกได้ถึง

ลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดมาก่อนที่สิงหาจะชะงักงัน ด็อกเตอร์หนุ่มเป็นฝ่ายกระพริบตาเรียกสติพลางก้าวถอยให้พ้นจาก

ภาวะใกล้ชิด เขาปล่อยมือจากผ้าเช็ดตัวที่ยังวางอยู่บนศีรษะของธราเทพแล้วหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่ปลายเตียง

ของเขามาถืออยู่ในมือ


          “รีบใส่เสื้อผ้าซะ แอร์มันเย็น เดี๋ยวจะเป็นหวัด สิงหาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วเดินเฉียดร่างของธราเทพ

เข้าไปในห้องน้ำ


          ทันทีที่ประตูห้องน้ำถูกปิดลง ธราเทพก็หายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วจึงรีบคว้าเสื้อผ้าในกระเป๋าขึ้นมาสวมอย่าง

รวดเร็วก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปนอนคลุมโปงหลับตาปี๋อยู่บนเตียง

          เลิกใจสั่นสักทีสิวะไอ้วิน แกจะบ้าหรือไงที่ไปหวั่นไหวกับไอ้คนเผด็จการ

         เขาดุตัวเองในใจเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนภายใจหน้าอกข้างซ้าย

          นี่แค่คืนแรกของการใช้ชีวิตอยู่ในอียิปต์ ยังเป็นขนาดนี้ เขาจะต้องระมัดระวังให้หนัก ธราเทพเตือนตัวเองอยู่ภาย

ใต้ผ้าห่มผืนหนา








          ทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำสิงหาก็ใช้แผ่นหลังพิงบานประตูไว้อย่างหมดแรงแพ้อีกแล้ว

           แพ้มาโดยตลอด ทุกครั้งที่ได้สบตาแล้วมองลึกไปถึงภายใน ตั้งแต่อดีตกาลผ่านพ้นมาจนถึงปัจจุบัน เขาก็ยัง

พ่ายแพ้ แม้รูปลักษณ์ของกายหยาบจะเปลี่ยนไปตามเชื้อชาติแต่ที่ยังคงเหมือนเดิมก็คือดวงตาคู่นี้ที่ไม่ว่าเห็นเมื่อใด เขา

ต้องยอมศิโรราบไปทุกครั้งใจเย็นไว้

          อัสลาน เข้มแข็งไว้ แกคือสิงโตเจ้าป่า อย่าได้ยอมอ่อนข้อให้สมันน้อยที่กำลังตกเป็นเหยื่อเขาเตือนตัวเอง

ก่อนที่จะพุ่งตัวไปอยู่ภายใต้ฝักบัวแล้วเปิดน้ำเย็นรินรดอารมณ์ร้อนรุ่มจนเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้า





          ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ถูกห่อหุ้มท่อนล่างด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว

ก้าวเดินออกมา สิงหาเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงของธราเทพที่บัดนี้หลับสนิทจนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เขาคุกเข่า

อยู่ข้างเตียง มองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มอย่างค้นคว้า

          ความรักที่มีให้กันในอดีตมันมากล้น จนเขายังจำความรู้สึกนั้นได้

          สิงหาโน้มตัวลง บรรจงใช้ริมฝีปากวางแนบไปกับหน้าผากมนของคนที่ตกอยู่ในห้วงนิทราอย่างแผ่วเบา
















          สุรเสียงแผดดังด้วยความเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากภายในที่ประทับของกษัตริย์เพตเทเมนจนมาอีที่ยืนอยู่ตรงทาง

เข้าสะดุ้ง ก่อนที่รัชทายาทเพียงผู้เดียวจะก้าวพระบาทออกมาพร้อมกับพักตร์ที่เต็มไปด้วยอัสสุชลเจ้าชายราโมสชะงักไป

ชั่วครู่เมื่อเห็นมาอีผู้เป็นทั้งองครักษ์และเพื่อนสนิทยืนอยู่ แต่แค่ไม่กี่วินาที ก็ทรงก้าวพระบาทยาวๆ ออกไปจากที่

ประทับ


          “ราโมส หยุดก่อน


          มิทันที่มาอีจะได้ห้ามปราม ร่างบางอ้อนแอ้นก็วิ่งหนีหายลับทิ้งให้เขายืนละล้าละลัง เมเลสผู้เป็นองครักษ์ของ

กษัตริย์เพตเทเมนและยังเป็นบิดาของมาอี ก้าวตามออกมาแล้วสั่งเขาเสียงดัง


          “มาอี ตามเจ้าชายกลับมา


        เขาขานรับคำสั่งแล้วรีบวิ่งตามออกไป แม้ผู้เป็นบิดาไม่สั่งก็เป็นสิ่งที่เขาต้องทำอยู่แล้วมองเห็นร่างบางผิวดำแดง

วิ่งตรงไปที่คอกลา กระโดดขึ้นบนหลังลาคู่พระทัยแล้วบังคับให้มันออกวิ่งไปจากเขตพระราชวัง มาอีรีบวิ่งมาที่ลาตัวหนึ่ง

แล้วควบตามอย่างรวดเร็ว การจะติดตามเจ้าชายราโมสผู้รักการท่องเที่ยวเมื่อทรงตัวอยู่บนหลังลาไม่ใช่เรื่อง

ง่าย เมื่อพระองค์ขึ้นชื่อเรื่องการบังคับและควบลาเป็นที่หนึ่ง แต่มาอีก็ไม่ย่อท้อ

          เจ้าชายราโมสควบลาด้วยความโกรธและน้อยพระทัยจากพระบิดาจนเข้าเขตทะเลทรายท่ามกลางแสงแดดที่

แผดเผาโดยไม่สนใจเสียงเรียกตะโกนจากมาอี


          “ราโมส ข้าบอกให้เจ้าหยุด ไม่ได้ยินหรือ


          มาอีเริ่มจะโมโหเมื่อเจ้าชายราโมสยังคงดื้อดึง เขาตัดสินใจบังคับให้ลาห้อเหยียดมาที่ด้านข้างของเจ้าชาย

ราโมสแล้วกระโจนจากหลังลาเข้าใส่ร่างบางของเจ้าชายจนร่วงจากหลังลาไปพร้อมกับร่างของเขา

         มาอีและราโมสกลิ้งไถลไปด้วยกันบนทะเลทรายตามแรงเหวี่ยงจากหลังลา จนช้าลงและหยุดนิ่งในที่สุด

มาอีหยุดอยู่เบื้องบนนอนคร่อมทาบทับร่างของเจ้าชายที่นอนหงายอยู่ แต่ที่ทั้งสองต้องตกใจคือริมฝีปากของมาอีกลับ

มาทาบทับอยู่บนพระโอษฐ์อิ่มแดงเรื่อของเจ้าชายราโมส







หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 9# [03/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-04-2015 19:07:13
จะปล่อยวางได้อย่างไร ในเมื่อฝันทุกคืน   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 9# [03/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-04-2015 19:18:47
ในอดีตใครจะเป็นคนทรยศหว่า จริงๆ อาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็ได้
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 9# [03/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 03-04-2015 19:21:39
ตกลงในอดีตมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 9# [03/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 03-04-2015 20:43:33
 :serius2:
สู้ๆนะทุกคน เข้าใจผิดเพราะคนอื่นป่าวอ่าา
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 9# [03/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 03-04-2015 21:28:14
 :katai1:

อารายก๊านนนน มีเรื่องใหม่มาลงหลอเนี่ย เราพลาดได้ไง  :mew1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 9# [03/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-04-2015 22:34:17
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 10# [06/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-04-2015 00:46:20

                                         คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                             บทที่ 10


          เวลาเพียงชั่วกระพริบตา แต่เจ้าของเรือนร่างกำยำสะดุ้งราวกับเปลวไฟแผดเผาเมื่อได้สัมผัสพระโอษฐ์เรียวนุ่ม

เหมือนถูกกระชากคา(KA:วิญญาณ) ออกจากร่างจนทำให้สติเลอะเลือน

          ความรู้สึกแปลกและแตกต่างพุ่งพ้นขึ้นมาจากบ่อน้ำที่มีตะกอนในหัวใจ มันทำให้เขารับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เมื่อ

สติกลับคืนมาได้ในอีกชั่วกระพริบตาที่สบตากับผู้เป็นนายเหนือหัว ซึ่งก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กันองครักษ์หนุ่มรีบยันกายขึ้นจาก

ทีท่านั้นแล้วเหยียดตัวหน้าซีดเผือด ต่างจากเจ้าชายราโมสที่พระปรางสุกปลั่งสีแดงเรื่อ ที่มาอีไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะเปลว

แดดหรือความอายกันแน่

         มาอีดึงพระกรเจ้าชายให้ทรงยืนตาม แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออกเมื่อลอบมองพระพักตร์สุกปลั่ง

ดูราวกับว่าเขาจะเป็นคนบื้อใบ้ไปโดยสิ้นเชิง กลับกลายเป็นเจ้าชายราโมสที่ตรัสโดยไม่ทรงสบพระเนตรกับผู้ที่เป็นเพื่อน

เล่นมาแต่เยาว์วัย


“ลาสองตัววิ่งหายไปในทะเลทรายเสียแล้ว เป็นเพราะเจ้าที่กระทำการบ้าบิ่นอย่างนี้


“หากว่าข้าไม่กระทำอย่างนี้ คงไม่สามารถหยุดเจ้าได้หรอก ราโมส


         มาอีฝืนตอบกลับไปอย่างเป็นปกติ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจตนว่า สิ่งที่เรียกว่าปกติมันได้หายไปแล้วจาก

เหตุการณ์เมื่อครู่


“แล้วทีนี้จะทำอย่างไรเล่า เจ้าคนบ้าบิ่น


เจ้าชายราโมสตรัสถามด้วยสุรเสียงหงุดหงิด มาอีได้แต่ถอนใจเมื่อจำเป็นต้องตอบ


“เดิน


สั้นๆ ง่ายๆ แต่ก็ทำให้เจ้าชายราโมสเบิกพระเนตรกว้าง


“เดิน จากที่นี่กลับคืนวัง เจ้าจะพูดอย่างนั้นใช่ไหม


มาอียักไหล่เมื่อได้ยิน


“ข้าพูดคำว่า เดิน คำเดียว ที่เหลือเจ้าเป็นคนพูด แต่เพราะเจ้าคือเจ้าชายราโมส โอรสของกษัตริย์เพตเทเมน ข้าจะ

ถือว่าคำพูดที่เหลือคือกระแสรับสั่ง ดังนั้นออกเดินได้แล้วราโมส


เจ้าชายราโมสตวัดสายพระเนตรคมไปที่ใบหน้าเฉยชาของมาอีอย่างหงุดหงิด

นอกจากผู้เป็นพระบิดาแล้ว คนที่จะสามารถทำให้เจ้าชายยอมได้ ทั่วหล้าคงจะมีแต่เทพรา

และมาอีเท่านั้น

           เจ้าชายราโมสหันพระวรกายเตรียมทรงพระดำเนินกลับพระราชวัง แล้วก็ต้องชะงักงันเมื่อเห็นละอองทรายที่

หมุนวนจนเห็นเป็นเปลวสูงใหญ่ ออกไปอยู่ไม่ไกล เจ้าชายราโมสเบิกพระเนตรกว้าง พร้อมตรัสอย่างตกพระทัย


“ไม่ทันแล้วมาอี พายุทรายมารอเจ้าอยู่ตรงโน้นแล้ว








          ร่างที่คล้ำไปด้วยเปลวแดดวิ่งนำผู้เป็นเจ้าชายเข้ามาในวิหารเก่าแก่ พลางหันไปมองอย่างเป็นห่วง

เมื่อเห็นว่าเจ้าชายราโมสตามมาติดๆ จึงได้คลายกังวล

         จะเอาอะไรแน่นอนกับทะเลทราย ที่จู่ๆ ก็เกิดลมกรรโชกที่หอบเอาเม็ดทรายจำนวนมหาศาลลอยละลิ่วขึ้นไปหมุน

วนอยู่กลางอากาศ หากใครหนีไม่พ้น หลุดอยู่ในวังวนแห่งทราย สิ่งที่เหลืออยู่คงมีเพียงร่างกายที่ไร้คา(วิญญาณ) รวม

ทั้งปอดที่อัดแน่นไปด้วยละอองทราย

          เมื่อรู้ว่าปลอดภัยเนื่องจากมีแหล่งหลบภัยแล้ว มาอีจึงมองไปโดยรอบวิหาร แม้ภายนอกจะยังเป็นเวลาบ่ายจัด

แต่ภายในวิหารเก่าแก่กลับมืดครื้มเนื่องจากไม่มีช่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้ เจ้าชายราโมสดำเนินตามรอยเท้าของ

มาอีเข้ามาด้านใน และมาหยุดยืนเคียงข้างกันเมื่อถึงโถงกว้างที่มีรูปสลักจากหินตั้งอยู่เด่นชัด

เจ้าชายราโมสทอดพระเนตรไปที่รูปสลักนั้น พลางตรัสขึ้นด้วยสุรเสียงเคารพ


         “รูปสลักเทพีไอซิส เทพีแห่งความรัก


          มาอีมองอย่างสนใจ เมื่อตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ข้องแวะกับการบูชาเทพีแห่งความรัก

จะมีก็แต่เทพราเท่านั้นที่เขาให้ความเคารพ

          ดวงตาจากรูปสลักที่มีรูปร่างเป็นอิสตรีงดงาม มงกุฎที่สวมเหนือศีรษะเป็นทรงตั้งคล้ายขั้นบันได

เหมือนจะทอดสายตามองมาทางเขาอย่างปราณี

         “ไม่นึกว่าเจ้าจะรู้จักเทพีไอซิส

         “ข้าไม่ใช่คนไร้หัวใจอย่างเจ้านี่ มาอี

     
          สุรเสียงสำเนียงแปลกหูตอบโต้เพื่อนตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ไม่รู้ทำไมมาอีจึงได้รู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าชายตรัสออกมา มี

น้ำเสียงคล้ายตัดพ้อ ค่อนขอด

          “ข้าเป็นนักรบ ข้าจึงได้บูชาเทพเจ้าที่จะทรงประทานพรให้ข้าประกอบกิจสำเร็จ หาใช่นักรักที่ต้องบูชาในเรื่อง

แห่งรัก

         “คนที่มีความรัก ไม่จำเป็นต้องเป็นนักรัก คนเราทุกคนต้องมีความรักด้วยกันทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่ข้ากับเจ้า


         เมื่อได้ฟังสุรเสียงขมขื่นจบลง หัวใจของมาอีก็กระตุกวาบ

         อะไรคือความรัก มาอีถามตัวเอง เมื่อตลอดเวลายี่สิบห้าปีที่ผ่านมาเขายังไม่เคยใช้คำว่ารักกับใคร

แม้หญิงสาวทั่วแดนไอยคุปต์พร้อมที่จะพลีกายให้เขา ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหญิงราบีอาที่ทรงปรารถนามาอี

เองก็ดูออก และแม้เขาจะปลดปล่อยอารมณ์รุ่มร้อนไปกับหญิงงามอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครที่มาอีจะใช้คำว่า

รัก และต้องการเป็นคู่ชีวิต

          และถ้าแม้นจะมีสตรีใดที่อยากจะใช้ชีวิตเคียงคู่กับเขา จะทนได้หรือไม่ในเมื่อเขามีชีวิตผูกพันอยู่กับร่างบางที่ยืน

อยู่เคียงข้างในตอนนี้


         “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าทะเลาะอะไรกับท่านพ่อ


         เจ้าชายราโมสทรงหันมาถาม มาอีได้แค่ส่ายหน้า

         “ท่านพ่อทรงบังคับให้ข้าแต่งงานกับราบีอาเสียที หลังจากที่ข้าผลัดผ่อนมานานแล้ว


         มาอีใจหายเมื่อเห็นดวงเนตรงามคลอไปด้วยอัสสุชล พร้อมกับพระดำรัสที่เต็มไปด้วยความอัดอั้น

เมื่อทรงหันไปทอดพระเนตรรูปสลักของเทพีไอซิสอย่างน้อยพระทัย

          “ทำไม ท่านไม่อำนวยพรให้ข้าบ้างเทพีไอซิส เสียแรงที่ข้าเฝ้าบูชา เสียแรงที่ข้า…”

           มาอีไม่รั้งรอที่จะดึงไหล่บางให้หันกลับมา แล้วเขาก็ประทับริมฝีปากลงกับโอษฐ์อิ่ม

เจ้าชายราโมสพระวรกายนิ่งแข็งราวกับรูปสลักเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง และครั้งนี้มัน

แตกต่างจากเมื่อครู่กลางทะเลทราย

          สัมผัสแรกเมื่อครู่ใหญ่แม้จะเพียงบางเบาแต่ก็ทำให้วรกายสั่นสะท้านเมื่อริมฝีปากแห้งกร้านอย่างคนที่ไม่รู้จัก

ดูแลตนเองของมาอีประกบแนบลงมา แต่ครั้งนี้มันยิ่งกว่านั้นหลายเท่าพันทวี เมื่อมันเป็นความจงใจที่มาอีตั้งใจกระทำ

ริมฝีปากร้อนกดเบียดลงไป มันช่างอ่อนโยนราวกับจะปลอบโยนเหมือนสมัยที่ยังทรงพระเยาว์แล้วกรรแสงเรียกหาพี่

ชาย แต่มันก็ปนเปไปด้วยความเร่าร้อน จนทำให้เลือดในพระวรกายเดือดพล่านพระหทัยเต้นรัวจนแทบจะขาดใจ ยิ่งเมื่อ

ปลายลิ้นร้อนแตะรุกดึงดันให้เรียวโอษฐ์เผยอกว้าง ก่อนที่มาอีจะสอดเข้ามาวางลงเหนือพระชิวหาแล้วเกี่ยวกระหวัดคลุก

เคล้า

         มาอีใช้มือสองข้างประคองพักตร์เรียวให้กระชับ ยิ่งทำให้จุมพิตหวานล้ำจนแทบสิ้นสติค่อยๆถอดถอนริมฝีปาก

ออกมา แต่มาอีก็ยังคลอเคลียอยู่ใกล้พระนาสิกเมื่อเขาพูดด้วยเสียงสั่นไหว


         “อย่าได้ต่อว่าองค์เทพีเช่นนั้น องค์เทพีทรงอำนวยพรให้เจ้าแล้ว ข้ารู้ตัวแล้วว่าข้ารักเจ้า ราโมสของข้า


         มาอีวางมือหนาลงแนบพระปฤษฎางค์แล้วรั้งวรกายเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนที่จะกระซิบแผ่วเบาที่ข้างพระกรรณ


         “ตอบข้าต่อหน้าองค์เทพี ว่าคนที่เจ้ารักใช่ข้าหรือไม่ ราโมสของข้า


          พระเนตรงามราวกับดวงตาของสมันน้อย เต็มไปด้วยอัสสุชล แต่ครานี้เป็นอัสสุชลจากความตื้นตัน เมื่อทอด

พระเนตรใบหน้าของคนที่อยู่ในหัวใจตลอดมา เจ้าชายราโมสพยักพระพักตร์ตอบรับ แต่มาอีกลับส่ายหน้าพร้อมกับ

ดวงตาพราวระยับ


         “ไม่ได้ อย่าได้แต่พยักหน้า จงตอบรับข้าด้วยคำพูดของเจ้า ราโมสที่รัก

          พระปรางสุกปลั่งสีแดงเรื่อ เมื่อเจ้าชายตรัสออกมา


          “ข้า ข้ารักเจ้ามาตลอด มาอี รักโดยที่เจ้าไม่เคยรู้ไม่ใส่ใจ เจ้าคือสาเหตุที่ทำให้ข้าแต่งงานกับราบีอาไม่ได้


          สิ้นกระแสดำรัส มาอีก็จุมพิตอีกครั้ง พร้อมกับดันพระวรกายบอบบางให้ล้มตัวลงไปกับพื้นแล้วจึงเอนตัวเองลง

ทาบทับไว้

          อา เทพีไอซิส เทพีแห่งความรักเป็นพยานข้าจะมอบความสุขให้แก่คนที่ข้ารักภายใต้คำอำนวยพรจากท่าน

          ปลายนิ้วแม้จะหยาบกร้านจากการกุมอาวุธแต่เมื่อแตะต้องลงมากลับทำให้วรกายร้อนผ่าวไปทุกจุดเมื่อมาอี

ค่อยๆ เกี่ยวพระภูษาให้หลุดออกทีละชิ้นติดตามด้วยเรียวปากที่แต้มไล้ตามมาในทุกส่วน พระปัสสาสะแทบสะดุดเมื่อมา

อีเลื่อนตัวสูงขึ้นมาสบตาอีกครั้งในคราวที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าแนบชิด ปรางนวลแดงก่ำเมื่อดวงตาคู่คมมองมาด้วยอาการ

วอนขอ ก่อนที่ริมฝีปากของมาอีจะก้มลงมาดูดเม้มที่พระศอไล่ลงมาจนถึงยอดพระถันโดยที่พระองค์เอ่ยคำทัดทานไม่

ออก ซ้ำยังโอนอ่อนตามด้วยความรักที่เปี่ยมล้น แผ่นปฤษฎางค์ที่ทอดตัวไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยเม็ดทรายกลับไม่เจ็บ

แม้แต่น้อยเมื่อรู้สึกราวกับพระกายเบาหวิวคล้ายขนนกที่ลอยละล่องไปตามสายลม

           มาอีแตะเนื้อต้องตัวอย่างถนอมเป็นกำลัง ด้วยตลอดมาเข้าใจเพียงว่าร่างแบบบางที่อยู่ข้างใต้เป็นเจ้าชีวิตแต่

เมื่อได้รู้อย่างถ่องแท้ว่าเจ้าชีวิตผู้นี้รวบตำแหน่งเจ้าหัวใจไว้ด้วย มาอียิ่งเทิดทูนเหนือสิ่งใด สิ่งที่เขากระทำลงไปด้วย

ความรัก
และใจภักดิ์ที่เขามีแด่เจ้าชายราโมสมาตลอดชีวิต

          ชิวหาอุ่นของมาอีลากไล้แตะต้องไปทั่วพระนาภี จนเจ้าชายราโมสสั่นไปทั้งพระกายด้วยความอ่อนเยาว์เดียงสา

พระอุรุเนียนนุ่มถูกแยกให้กว้างด้วยต้นขาแข็งแกร่งของราชองครักษ์ ฝ่าพระหัตถ์อันสั่นไหวจึงได้ยื้อยุดแผ่นอกหนาให้

อยู่นิ่ง ด้วยพักตร์ที่แดงเรื่อ


        “ข้ากลัว

          รับสั่งเบาๆ พลางหลบสายตาวาววับที่จ้องมอง มาอียึดข้อพระกรนั้นไว้แล้วดึงให้เอื้อมมาโอบรอบเอวของเขา

แทน เขาฝังจมูกลงที่ซอกพระศอระหงพลางพึมพำแผ่วเบา


          “กลัวอะไรเล่าราโมสของข้า ทุกอย่างคือพรขององค์เทพีไอซิสที่อำนวยพร ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขอย่าง

ที่สุด
          พระโอษฐ์ที่เตรียมจะส่งเสียงถูกปิดลงจนเงียบงันด้วยริมฝีปากของมาอี เหลือเพียงลมหายใจที่สอดประสาน

ก่อนที่สะโพกหนาจะแทรกกายเข้าไปในช่องทางอันแสนสวยทีละน้อย เนตรงามเบิกกว้าง ความเจ็บปวดที่ช่องทางถูกรุก

รานแม้จะนิ่มนวลเพียงใดก็ยังรู้สึกได้จนต้องร่นพระกายหนี แต่ก็ทรงขยับไปทางใดมิได้เพราะมาอีกดน้ำหนักตัวลงมาให้

ทรงอยู่นิ่ง และยิ่งบดเบียดปลายลิ้นอุ่นชื้นคลอเคล้าเรียกร้องความสนใจจนทรงลืมความเจ็บปวดเมื่อมาอีค่อยๆ ขยับตัว

เบียดแทรกเข้ามาเรื่อยๆ จนสำเร็จ

          “โอ มาอี ขะ ข้า…”


            ทรงปล่อยสุรเสียงสั่นพร่าเมื่อมาอียอมให้อิสระกับโอษฐ์อิ่มแล้วเลื่อนปลายลิ้นมากลืนกินที่ยอดพระถัน

พระสณีถูกมือแกร่งช้อนจนยกลอยเพื่อผสานร่างกายให้ยิ่งลีกล้ำแทบจะกลายเป็นหนึ่งเดียวเมื่อมาอีบรรจงขยับตัวเชื่อง

ช้าปลุกเร้าไฟแห่งรักให้ยิ่งกระพือโหมเนื้อตัวแนบชิดแม้เปรอะเปื้อนไปด้วยเม็ดทรายแต่ไม่ได้ทำให้ยอมห่างออกจากกัน

แม้แต่ปลายเล็บ มาอีเคลื่อนตัวดึงเจ้าชายน้อยล่องลอยขึ้นไปบนสวรรค์พร้อมพร่ำรำพันคำรักไม่มีหยุด


          “ราโมสของข้า ความรักของข้ามีให้แด่เจ้าคนเดียวเท่านั้น






            ธราเทพสะดุ้งเฮือก ผวาลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับยกมือขึ้นกุมหัวใจเมื่อรู้สึกว่ามันเต้นเร็วและแรงทำไมเขาจึงได้

รู้สึกร่วมไปกับความฝันราวกับตัวเขาเป็นส่วนหนึ่งของมัน เขาไม่เข้าใจเลย

         เมื่อหายงัวเงียแล้ว ธราเทพหันไปมองเตียงข้างๆ ก็เห็นว่ามีแต่ความว่างเปล่า เขาจึงมองไปที่ห้องน้ำจึงเห็นว่า

ปิดอยู่ เหลือบตามองนาฬิกาจึงได้รู้ว่ายังเช้ามืดอยู่มาก แต่สิงหากลับตื่นนอนก่อนทั้งที่เขาเป็นฝ่ายหลับไปก่อนแท้ๆธรา

เทพคว้าคอมพิวเตอร์ของเขาขึ้นมาเปิดแล้วต่อเข้ากับไว-ไฟของโรงแรมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพุ่งสมาธิคลิกหาข้อมูลที่

สงสัย


          “ตื่นเช้าดีนี่

          เสียงดังจากเบื้องหลัง ธราเทพหันขวับไปมอง เมื่อเห็นสภาพของคนที่ยืนพิงกรอบประตูห้องน้ำมองมาแล้ว

ธราเทพก็รีบหันกลับมาแทบไม่ทันจะมองได้อย่างไรในเมื่อสิงหานุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวพันไว้รอบเอวอย่างหมิ่นเหม่

หยดน้ำยังเกาะพราวอยู่ที่เนื้อตัว มันทำให้ธราเทพหัวใจเต้นรัวอย่างหาสาเหตุไม่ได้


        “ก็ตื่นเป็นปกติแหละ อยู่วัดก็ตื่นประมาณนี้

        เขาหลับหูหลับตาตอบ ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ ตามหลังมา

        “ก็ดีแล้ว งานนี้ต้องเริ่มแต่เช้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาปลุก

          เมื่อธราเทพลืมตามองอีกทีก็ต้องสะดุ้ง เมื่อร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเดินมานั่งอยู่ใกล้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็

ไม่รู้

          “ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว จะได้ลงไปกินอาหารเช้า ถ้านายช้าฉันจะจับนายอาบน้ำเอง

         “เออ ไม่ต้องขู่ ไปอาบเดี๋ยวนี้แหละ

          ธราเทพทำใจดีสู้เสือตอบกลับเสียงแข็ง ก่อนที่จะลุกขึ้นไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำก่อนที่จะก้าวยาวๆ ออก

มาอีกครั้ง เพื่อคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย สิงหามองตามการกระทำของธราเทพ อดไม่ได้ที่จะ

หัวเราะออกมาเบาๆแล้วเดินไปแต่งตัวเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว ยังไม่เห็นว่าธราเทพจะออกจากห้องน้ำ ด็อกเตอร์หนุ่มจึงถือ

วิสาสะมองเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ที่ยังเปิดหน้าจอค้างไว้ ใบหน้าที่สดใสก็เริ่มเปลี่ยนกลับเป็นบึ้งตึงอีกครั้งธราเทพเดิน

อกจากห้องน้ำเมื่อเห็นใบหน้าของสิงหา เขาจึงมองอย่างไม่เข้าใจว่ามีอะไรที่ไปสะกิดโหมดโกรธเกรี้ยวเข้าอีก         

          “นายกำลังหาข้อมูลอะไรอยู่วิน
 
        “ผมก็กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับนายมาอีอะไรนี่อยู่น่ะสิ ผมคิดว่าน่าจะเป็นคีย์สำคัญในเหตุการณ์เลยแหละ นี่ก็เริ่ม

จากหาความหมายของชื่อก่อน มันคุ้นๆ แต่ยังหาไม่เจอ…”

          “ไม่ต้องหาหรอก เสียเวลา ฉันบอกให้ก็ได้

         สิงหาหรืออัสลานที่แปลว่าสิงโตในภาษาตุรกี เหยียดกายตรงเมื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น


        “มาอี แปลว่า สิงโต


หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 10# [06/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 06-04-2015 09:47:06
ค่อยๆเผยออกมาที่ละน้อยๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 10# [06/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-04-2015 12:10:41
คนที่สาปนี่คือราบีอาหรือเปล่า  แล้วจะแก้ยังไงละนี่
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 11# [07/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-04-2015 10:23:04

                                                        คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                          บทที่ 11



        “มาอีแปลว่าสิงโต”

        ธราเทพหน้าเผือดสี นี่เป็นสิ่งที่คนอื่นเขาเรียกกันว่าบังเอิญหรือเปล่าที่ความหมายของชื่อคนที่อยู่ในหน้า

ประวัติศาสตร์กับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาดันมีความหมายเดียวกัน

         ธราเทพมองสบดวงตาคมกริบนั่นอย่างสงสัยจนผู้เป็นเจ้าของดวงตาก้าวเดินมาใกล้


        “ทำไม นายมีปัญหาอะไรกับมาอีหรือ”

          ธราเทพงงกับคำถาม เขาหรือจะมีปัญหากับมาอี ก็คนตายไปตั้งหลายพันปี จะไปมีปัญหาตรงไหน  แต่เมื่อเห็น

แววตาจริงจังคู่นั้นธราเทพก็ได้แต่ยักไหล่เป็นการปฎิเสธ

สิงหาขบกรามจนเป็นสันเมื่อเอ่ยถามคำถามต่อไป


          “นายคิดยังไงกับมาอี”

          ถามแปลกอีกแล้ว ธราเทพไม่เข้าใจว่าทำไมสิงหาต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมาอีนักหนา คิ้วสวยเลิกขึ้นเมื่อเขา

ตอบคำถามของสิงหา


          “ก็จะให้รู้สึกอะไร รู้จักกันหรือก็เปล่า ผมเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้ไม่กี่ครั้งเองนะ”

          ถ้าไม่นับเรื่องราวในฝัน ธราเทพแอบต่อประโยคนี้ในใจ แต่เขาไม่รู้เลยว่าคำตอบเหล่านั้นยิ่งทำให้เชือกเกลียวใน

ใจของสิงหายิ่งขมวดเกลียวซ้ำซ้อนมากขึ้นไปอีก

          ความรู้สึกทั้งหมดมันปนเปไปด้วยความผิดหวังขมขื่นและคับแค้น ที่เขาเฝ้าอุตส่าห์ตามหามาเนิ่นนาน ไม่ว่า

เหตุผลที่เขาติดตามด้วยอะไรก็ตาม แต่สิงหาก็ยังจำความรักที่มีซึ่งกันนั้นได้ แต่ธราเทพกลับจำความรู้สึกนั้นไม่ได้ ไม่มี

อะไรที่ติดอยู่ในความทรงจำของคนที่เขาเฝ้าตามหาเลยแม้แต่อย่างเดียว

          ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

          สิงหาเตือนตัวเอง มันยิ่งย้ำชัดกับเขาว่าจิตใจของราโมสไม่ได้มีอะไรที่ผูกพันกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะ

ในอดีตหรือปัจจุบัน มิเช่นนั้นราโมสคงไม่หลอกให้เขาตายใจจนพบจุดจบ คงมีแต่เขาฝ่ายเดียวที่เฝ้าถวิลหาอยู่ลึกๆ ใน

รอยแค้น

          พอเถอะ…

         นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเจ็บปวด สิงหาย้ำกับตนเอง

          ความรักคือสิ่งที่หลอกลวง แค่ทำภาระกิจให้สำเร็จทุกอย่างที่ผูกพันกับคนตรงหน้าจะจบสิ้นลง


          “เตรียมตัวลงไปกินอาหารเช้าแล้วออกไปทำงานให้คุ้มค่าจ้าง แล้ววันนี้อย่าให้ความอ่อนแอของนายมาทำให้งาน

เสียหายอีกล่ะ”

          กระชากเสียงแข็งใส่ธราเทพแล้วสิงหาก็เดินไปกระชากประตูก่อนที่จะก้าวออกไป เขาปิดประตูตามอย่างแรงจน

เสียงดังสนั่น ธราเทพได้แต่สะดุ้งตามเสียง


         “นอกจากเผด็จการ บ้าอำนาจหื่นกามแล้วยังเจ้าอารมณ์อีก โอย ไอ้วิน แกจะรับมือไหวไหมเนี่ย”

          ธราเทพบ่นกับตัวเอง แล้วจึงเดินตามสิงหาออกไป







          “วันนี้จะขุดเจออะไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตื่นเต้นดีแฮะ”

          ภูหิรัณย์ที่เดินคู่มากับธราเทพเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงปิรามิด

          “แค่เมื่อวานที่ขุดเจอตำราปาปิรัสใกล้ที่ฝังพระศพกษัตริย์ราโมส อาจารย์วาโยก็ตื่นเต้นอย่างกับถูกหวย”


          “มึงอยู่กับอาจารย์แล้วเป็นไงมั่ง”

          ธราเทพหันมาถามเพื่อนเลยได้เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดของภูหิรัณย์ เขาได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่าง

แปลกใจกับท่าทางแปลกๆของเพื่อน


          “อาจารย์เค้าก็สอนกูดี แต่บางทีเค้าก็หมกมุ่นอยู่กับปิรามิดนี่จนไม่ได้ดูแลตัวเอง”

          “งั้นมึงก็เป็นฝ่ายไปดูแลอาจารย์สิ”

          ธราเทพแกล้งแหย่เล่นแต่มันกลับได้ผลเกินคาด เมื่อคนเป็นเพื่อนหน้าขรึมลง

         “กูก็อยากทำอย่างที่มึงว่า แต่มึงคิดว่ามันจะเหมาะเหรอที่กูจะทำอย่างนั้น”

          ภูหิรัณย์เอ่ยเสียงเครียด เมื่อเดินมาถึงเต็นท์ที่พักคนงานแล้วทั้งคู่ก็คว้าเครื่องมือมาถือไว้

         “เฮ้ย นี่มึงซีเรียสป่ะ เซน”

          ธราเทพหันมามองเพื่อนอย่างจริงจัง

          “มึงคิดไรกับอาจารย์วาโยหรือเปล่าเนี่ย”

         ภูหิรัณย์อึ้ง ก่อนที่ถอนหายใจออกมา

          “แล้วถ้ากูคิดจริง มึงว่าไงล่ะ ไอ้วิน”

          ธราเทพเป็นฝ่ายอึ้งไปบ้างเมื่อได้ยินคำยอมรับจากปากของคนเป็นเพื่อน เขานิ่งคิดไปชั่วครู่แล้วตอบเพื่อนในสิ่งที่

คิด

          “กูจะว่าอะไรมึง เรื่องอย่างนี้ใครจะไปห้ามได้ กูแค่เป็นเพื่อนก็ได้แต่คอยเตือนแล้วก็อยู่ข้างๆ มึง

แต่ที่กูทึ่งคือ ทำไมมึงถึงได้ยอมรับได้ง่ายๆ”

          ภูหิรัณย์หันมามองหน้าธราเทพเมื่อก้าวเข้าไปในเขตทางเข้าปิรามิด

           “เรื่องของความรู้สึก ยิ่งรู้และยอมรับได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะมึง ถ้ายิ่งปฏิเสธคนที่เจ็บปวดก็มีแต่ตัวเราเท่านั้น

แหละ”

          ธราเทพได้แต่นิ่งเมื่อคิดตามคำพูดของเพื่อน ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปมองตามเสียงเรียกคุ้นหู


          “อ้าว ไอ้ก้อย”

          ธราเทพทักทายอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างผอมของวริษฐาก้าวตรงเข้ามาหา

          “แกสองคนเป็นไงบ้าง” หญิงสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มเอ่ยถามอย่างยินดีเมื่อได้เจอหน้าเพื่อน

          “ก็ตามอัตภาพว่ะ แล้วแกล่ะ อยู่กับน้าของแกเป็นไง”

           วริษฐายักไหล่ เบ้ปากเมื่อธนทัตถามจบ

           “เถียงกันเรื่อยแหละ ความจริงคือฉันกับน้าอัคนีน่ะไม่ค่อยจะลงรอยกันมาตั้งแต่ฉันเกิดได้มั้ง นี่คิดยังไงไม่รู้ ถึงให้

มาเป็นลูกมือ”

          “เอาเหอะน่า ดีแล้วที่แกมา พวกเราจะได้เจอกันบ่อยๆ ไงล่ะ”

          วริษฐายิ้มออกมาได้ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หญิงสาวถามละล่ำละลัก

“จริงนะวินเจอเราบ่อยๆ ไม่เบื่อแน่นะ”

          “จะเบื่อได้ไงล่ะ แกเป็นเพื่อนเรานะโว้ยก้อย”


          “คุยกันเสร็จหรือยังก้อย น้าบอกว่าอย่าโอ้เอ้ไง”

           เสียงเข้มงวดของด็อกเตอร์อัคนีดังขึ้น เมื่อเจ้าตัวเดินมาทำหน้าบึ้งต่อหน้าลูกศิษย์

          “หนูมาทักทายเพื่อนแป๊บเดียวเองนะ น้าอัค” วริษฐาประท้วงเสียงดัง จนผู้เป็นน้าส่งเสียงเอ็ด

          “แป๊บเดียวมันก็เสียเวลาอยู่ดี พวกเธอก็เหมือนกัน อย่ามาชวนก้อยคุยมากนัก”

          “เด็กคุยกันนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกมั้งครับพี่อัคนี”

           เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ ก่อนที่ร่างสูงเจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาในวงสนทนา ธราเทพแปลกใจที่ตนเองรู้สึกใจชื้น

และอบอุ่นที่สิงหาเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์



          “ไม่ทันไรก็เข้าข้างเด็กของคุณแล้วนะอัสลาน” อัคนีพุ่งความสนใจไปทางสิงหาแทน

          “เอาเถอะ แค่บอกเด็กของคุณอย่ามาพูดคุยกับหลานของผมมากนักก็แล้วกัน ผมไม่ชอบให้ใครมาแอบสืบข้อมูล

ที่ผมได้ ไปยัยก้อยไปทำงานได้แล้ว”

          อัคนีลากแขนวริษฐาออกไปจากวงสนทนาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน สิงหาได้แต่ส่ายหน้า

อย่างระอา


           “เซน ไอ้โยเรียกให้ไปช่วยด้านโน่นแน่ะ”

             ภูหิรัณย์กระตือรือล้นขึ้นมาทันทีพลางขอตัวเดินตรงไปทางวาโยอย่างรวดเร็วปล่อยให้ธราเทพเผชิญหน้ากับ

สิงหาอีกครั้ง

            หนุ่มน้อยพลัดถิ่นมองตามหลังเพื่อนแล้วสืบเท้าก้าวตาม ก่อนที่จะชะงักเมื่อแขนเรียวถูกยึดไว้ด้วยมือของสิงหา

           “จะไปไหน”

           หน้าดุถามเสียงเข้มจนธราเทพหายใจไม่ทั่วท้อง

           “จะไปช่วยอาจารย์กับไอ้เซนไง”

          “ไม่ต้อง หน้าที่ของนายคือผู้ช่วยของฉัน”

          สิงหากระแทกเสียงพลางออกแรงบีบที่ยึดแขนของธราเทพไว้จนเจ้าตัวนิ่วหน้า ก่อนที่เขาจะลากแขนนั้นให้เดิน

ตาม โดยไม่สนใจการขัดขืนของธราเทพ

           "เจ็บนะ บอกกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องบังคับกันด้วย”

          หนุ่มน้อยกระชากเสียงพลางยกมือขึ้นคลำที่แขนทันทีที่สิงหายอมปล่อยมือ เมื่อมาถึงเต็นท์ที่แยก

ออกมาไกลจากเต็นท์อื่น เต็นท์นี้เป็นทรงปิดโดยรอบ ทำให้มิดชิดจากสายตาผู้คนและยังนำเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่

มาติดตั้ง จนอากาศภายในเย็นสบายกว่าด้านนอก

          สิงหาไม่สนใจคำต่อว่า เขาออกคำสั่งชัดเจนกับธราเทพ


          “หน้าที่ของนายคือที่นี่ นายต้องมาเป็นผู้ช่วยของฉันในการดูแลสิ่งที่ทีมเราขุดค้นขึ้นมาให้เป็นความลับ และ

ค้นคว้าข้อมูลของสิ่งที่ขุดมาได้”

           ธราเทพเพิ่งได้มีโอกาสกวาดสายตาไปรอบๆ จึงได้เห็นว่าในเต็นท์มีแต่สิ่งที่ได้รับการค้นพบจาก

ปิรามิดวางอยู่บนโต๊ะกว้างกลางเต็นท์ ทุกอย่างบรรจุอยู่ในซองพลาสติกรอการหาคำตอบ

            ร่างสูงของสิงหาก้าวเข้ามาใกล้


           “มันเป็นหน้าที่ของนาย ที่จะหาคำตอบและทำให้ความจริงที่ไม่มีใครเคยรู้ให้กระจ่างแจ้ง”

            หน้าที่ที่นายจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไว้ในอดีต

             สิงหาต่อประโยคนั้นจนจบอยู่ในใจ






          ทันทีที่กลับมาถึงเขตรโหฐานในเขตพื้นที่ส่วนพระองค์ของเจ้าชายราโมสเมื่อเวลาอาทิตย์อัสดง ร่างกำยำคล้ำ

ด้วยไอแดดก็คว้าพระกรนุ่มมาเกาะกุมประสานไว้ แล้วจับจูงให้เดินไปในเขตสวนที่มีต้นไม้ทะเลทรายนานาพรรณจนมา

ถึงสระน้ำที่ขุดไว้กลางสวนประดับประดาไว้อย่างสวยงาม

          มือแกร่งดึงข้อพระกรจนพระวรกายเอนเข้ามาสู่อ้อมอก แล้วมาอีจึงได้สวมกอดแนบชิดพลางคลอเคลียริมฝีปาก

ไปที่พระปรางเนียนนุ่ม


          “บอกข้าอีกสักครั้งว่าข้าไม่ได้ทำให้เจ้าเจ็บปวด”

          พักตร์หวานตวัดสายพระเนตรผ่านใบหน้าคมพร้อมตรัสด้วยสุรเสียงแง่งอน

          “เจ้าทำเราเจ็บ”

          ดำรัสยอกย้อนเรียกรอยยิ้มขึ้นได้บนหน้าขรึม และผู้เป็นเจ้าของยิ่งกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแทบไม่เหลือช่องว่าง


          “งั้นบอกข้ามาอีกทีว่าข้าไม่ได้ทำให้เจ้ามีความสุขประหนึ่งขึ้นไปอยู่บนสวรรค์”

          พระพักตร์ของเจ้าชายราโมสเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเมื่อได้ยินคำถาม พลางหันไปทางอื่นอย่างขัดเขิน

          “ทำไมไม่เอื้อนเอ่ยคำตอบ” มาอีทวง พลางฝังจมูกโด่งไปที่พระปราง

         “ก็ได้ มาอี เจ้าทำให้ข้ามีความสุข พอใจหรือยัง”

           สุรเสียงยิ่งตรัสยิ่งขัดเขินเบาหวิว มาอีได้แต่หัวเราะออกมาแล้ววางมือแนบพักตร์เรียว


            “ยัง ข้าจะพอใจก็ต่อเมื่อข้าทำให้เจ้าได้มีความสุขอยู่เรื่อยไป ราโมสที่รักของข้า”

           มาอีก้มลงไปจุมพิตที่โอษฐ์งามอย่างเร่าร้อน โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของใครบางคน


             สายตาที่ริษยา เคียดแค้น จนแทบระเบิด







หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 11# [07/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-04-2015 10:52:08
ขื่นขม   :ling3:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 11# [07/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 07-04-2015 14:06:39
 :katai1: ยัยเจ้าหญิงอารบีแน่ๆเลย ว่าแต่ชาตินี้มันเป็นใครหว่า  :serius2:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 11# [07/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-04-2015 19:24:44
ใครคือตัวแปรทำให้สองคนนี้เข้าใจผิดกันนะ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 11# [07/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 07-04-2015 23:56:47
นังน้องราโมสแน่ ที่เป็นตัวการให้ผิดใจกับมาอี
 :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 11# [07/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 08-04-2015 06:26:40
 o13
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 11# [07/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-04-2015 00:49:22
ต้องเป็นยัยเจ้าหญิงขี้อิจฉาแน่ๆ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 12# [11/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-04-2015 19:06:20

                                                    คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                           บทที่ 12


พระวรกายอวบอัดทรงก้าวพระบาทตรงมาทางที่ประทับของพระสนมเซฟเทตผู้เป็นมารดาอย่าง

รวดเร็วพระพักตร์งามบึ้งตึ้งด้วยทรงกริ้วจากภาพที่เห็น มันช่างทำร้ายจนพระหทัยแทบระเบิดด้วยความริษยา

นี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ราโมสไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษก เป็นเพราะราโมสไม่มีจิตใจรักใคร่ในสตรีเพศ


แต่ที่ทำให้เจ้าหญิงราบีอาเจ็บในพระหทัยมากกว่า คือ บุรุษเพศที่ราโมสยืนกอดแนบสนิทแถมยังจุมพิตกันอย่างเร่าร้อน

นั่นคือ มาอี ร่างกำยำที่เจ้าหญิงราบีอาเองฝักใฝ่ไหวหวั่นมาโดยตลอด


ยิ่งคิดไปถึงว่า ความแนบชิดที่ทรงได้เห็นมานั้น ในความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ความสัมพันธ์ของมาอี

และราโมสจะลึกล้ำไปขนาดไหน เพียงเท่านี้เจ้าหญิงราบีอาก็แทบจะทรงส่งเสียงกรีดร้องระบายให้หาย

อัดอั้น


ก้าวตรงมาถึงประตูทางเข้าห้องส่วนพระองค์ของพระมารดา พระบาทที่เตรียมจะตรงเข้าสู่ประตูที่ปิดอยู่ก็ต้องชะงักเมื่อ

นางกำนัลแล่นปราดเข้ามาขวางไว้


“มันเรื่องอะไรกันอีกเนี่ย มาขวางข้าไว้ทำไม ข้าจะเข้าไปพบท่านแม่


ทรงตวาดอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างนางกำนัลนั่งหมอบขวางอยู่หน้าประตู


“ขอประทานอภัยเพคะเจ้าหญิง พระสนมมีกิจธุระสำคัญ มีรับสั่งมิให้ผู้ใดเข้าไปเพคะ


“แม้แต่เราที่เป็นลูกก็เข้าไปไม่ได้งั้นหรือ


นางกำนัลได้ยินสุรเสียงสูงลิ่วด้วยโทสะ ยิ่งตัวสั่นหมอบเทาอยู่แทบพระบาท


“ไม่ได้จริงๆ เพคะเจ้าหญิง เห็นใจหม่อมฉันเถิดหากหม่อมฉันให้เจ้าหญิงเข้าไป หม่อมฉันต้องโดนลงทัณฑ์เป็นแน่


เจ้าหญิงราบีอาทรงใช้พระหัตถ์ผลักร่างของนางกำนัลจนกระเด็นไปพ้นทาง


“จะโดนอะไรมันก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่สน ข้าจะเข้าไปพบท่านแม่ หลีกไปให้พ้น


เมื่อตรัสจบเจ้าหญิงราบีอาทรงกระแทกพระบาทแรงๆ ตรงไปทางประตู แล้วทรงผลักให้เปิดกว้าง

ออก ก่อนที่จะทรงก้าวตรงไปสู่ภายในที่กว้างขวางเต็มไปด้วยห้องหับและซอกหลืบที่ตกแต่งไว้ปิดบัง

สายตาจากคนภายนอกอย่างคุ้นเคย แต่เมื่อถึงส่วนพระแท่นบรรทมที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในด้านใน เจ้าหญิง

ราบีอาก็ทรงหยุดนิ่งพระเนตรเบิกโพลงกับภาพที่พระองค์ไม่คาดคิด


เบื้องหลังผ้าม่านเนื้อบางที่ปิดคลุมแท่นบรรทมอยู่ ไม่สามารถปิดบังร่างบุรุษและสตรีที่กอดก่ายแนบเกี่ยวเนื้อตัว

บุรุษผู้นั้นขับเคลื่อนอยู่เบื้องบนร่างอวบอัดที่ส่งเสียงครางกระเส่าตอบรับการขยับสะโพกรัวเร็ว และพร้อมกันกับที่เจ้า

หญิงราบีอาตั้งสติได้ หญิงที่อยู่บนแท่นบรรทมก็บิดกายเกร็งพร้อมส่งเสียงครางดังลั่นอย่างสุขสม ก่อนที่จะผงะเมื่อ

ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังยิ่งกว่าของผู้บุกรุก ทั้งบุรุษและสตรีที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งกามารมย์หันขวับมามองต้นเสียงพร้อม

กัน ดวงตาของสตรีที่ยังคงแนบเกี่ยวร่างอยู่กับบุรุษส่งเสียงด้วยความตกใจ


“ราบีอา เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร


เมื่อทรงเห็นใบหน้าของผู้ที่ร่วมรักกันอยู่บนแท่นบรรทมชัดๆ ครานี้ เจ้าหญิงราบีอาแทบสิ้นสติ


“ท่านแม่ ท่านอาจารย์ฮาอัส พะ พวกท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไร





สตรีร่างอวบอัดในวัยต้นสี่สิบยังคงความงดงามอันเลื่องชื่อ อยู่ในชุดผ้าลินินทอเล่นลายทองคำยาว

กรอมเท้าเข้ารูปพร้อมด้วยแผงประดับคอ กระแทกตัวลงนั่งบนตั่งอย่างหงุดหงิด ตามมาด้วยร่างสูงใบหน้าคมคาย

แม้อายุจะล่วงสามสิบไปหลายปี แต่ร่างนั้นยังคงดูแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยอำนาจก้าวเข้ามายืนสงบนิ่งอยู่ไม่ไกล

เซพเทตเหลือบมองฮาอัสอย่างหลงใหลกับพลกำลังที่แข็งแรงและท่วงท่าชำนาญไปด้วยไฟเสน่หา


ใครเล่าจะอดใจอยู่กับมหาอำมาตย์ที่อายุน้อยที่สุด เก่งกล้าที่สุดทั้งด้านการต่อสู้และวิชาอาคม จนสามารถคุมอำนาจ

มากมายไว้ในมือในยุคที่กษัติย์เพตเทเมนล่วงเข้าสู่วัยชรา  ก่อนที่เซพเทตจะหันขวับมาจ้องพระพักตร์เจ้าหญิงราบีอา

ด้วยความหงุดหงิด


“เจ้าเข้ามาได้ยังไง ราบีอา อ้ายอีคนไหนมันปล่อยเจ้ามา


เจ้าหญิงราบีอาตวัดพระเนตรใส่ผู้เป็นมารดาด้วยความหงุดหงิดไม่แพ้กัน


“จะอ้ายอีคนไหนก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ข้าเพิ่งเห็นหรอก ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไรท่านแม่ ท่านนอกใจท่านพ่อ

แถมชายชู้ก็คือฮาอัสผู้เป็นอาจารย์ของข้า ข้าผิดหวังในต่อท่านทั้งสองจริงๆ


เซฟเทตแค่นหัวเราะเมื่อได้ยินผู้เป็นบุตรต่อว่า นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน


“เป็นเพราะบิดาเจ้าที่ไม่เอาไหน มัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลามอบความสุขให้ข้า ข้าเป็นปุถุชนที่ยังมี

ความรู้สึกนะราบีอาหาใช่ท่อนไม้ที่ตายซาก เจ้าจะไปเข้าใจได้อย่างไร รอให้เจ้าได้อภิเษกกับราโมสและ

ได้รู้จักรสแห่งสิเน่หาก่อนเถิด เจ้าถึงจะเข้าใจแม่เจ้า


เมื่อทรงฟังมาถึงตอนนี้เจ้าหญิงราบีอาก็แทบจะทรงกรีดร้อง


“ก็เพราะข้าต้องอภิเษกกับราโมสน่ะสิ ข้าถึงจะไม่มีวันเข้าใจ


เจ้าหญิงราบีอาทรงตวาดด้วยความคับแค้นพระหทัย และประโยคนั้นเองที่ทำให้ฮาอัสและเซพเทตต้องหันมา

มองหน้ากัน


“พวกท่านรู้หรือเปล่า ว่าท่านพี่ราโมสไม่ชอบสตรี










รอยแยกของเต็นท์ที่เป็นทางเข้าสู่ภายในเปิดกว้างออก สิงหาแทรกตัวเข้ามาแล้วเดินตรงไปยังร่างที่ฟุบหลับ

คาอยู่บนโต๊ะตัวเล็ก แม้ภายในจะมีเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่แต่เมื่อเผชิญกับอากาศที่ร้อนระอุในยามบ่าย

ภายในเต็นท์ก็ยังอบอ้าวไม่น้อย


เขาทรุดตัวลงนั่งใกล้กับธราเทพพลางจ้องไปที่ใบหน้าที่มีหยดเหงื่อเม็ดเล็กเกาะอยู่ แล้วถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

สิงหาไม่เข้าใจว่าทำไมธราเทพถึงจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้แม้แต่น้อย ผิดกับเขาที่รู้จักตัวตนและรับรู้ถึงหน้าที่ความรับ

ผิดชอบที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด


ปัญหาอยู่ตรงที่ตัวเขาเองก็รับรู้เหตุการณ์ถึงเพียงแค่ชีวิตที่ถูกปลิดลง หลังจากนั้นสิงหาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ซ้ำร้ายธราเทพก็ไม่ได้มีสัญญาณเก่าติดตัวมาในชาติกำเนิดนี้ แล้วเขาจะเริ่มต้นสืบค้นเรื่องราวที่แท้จริงจากตรงไหน



ร่างบางขยับตัวช้าๆ สิงหารีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อธราเทพลืมตาตื่นและยกศีรษะขึ้นมาจากการนอนฟุบไปกับท่อน

แขน จึงได้เห็นหน้าตาบึ้งตึงของสิงหาที่นั่งกอดอกอยู่ใกล้ๆ



“ตอนนายหลับอยู่ช่วยขนเอางานไปทำในฝันด้วยได้ไหม จะได้ไม่เสียเวลา


เสียงแข็งพูดจาประชดประชัน ทำให้ธราเทพชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ


อุตส่าห์รู้สึกผิดที่เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากเปลวแดด แต่เมื่อมาเจอกับคำพูดแบบนี้

ธราเทพคิดว่าคราวหน้าเขาควรจะปูเสื่อนอนเลยจะดีกว่า


“ถึงผมจะหลับแต่ก็ไม่ได้อู้หรอกนะ รับรองว่าคุณไม่เสียงานแน่ นี่ไง คำแปลจากปาปิรัสฉบับที่คิดว่าเป็นกลาง

ไม่เข้าข้างฝ่ายใดเป็นพิเศษเสร็จแล้ว ลองอ่านดูว่าคุ้มค่าจ้างหรือเปล่า


ธราเทพยัดสมุดเล่มเล็กของเขาใส่มือสิงหา นายจ้างเปิดอ่านคร่าวๆแล้วก็ต้องลอบคลี่ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะวางมันลง

บนโต๊ะ



“ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ


ธราเทพทำตาโตกับคำสั่งนั้น แล้วโต้กลับไปเสียงดัง


“แล้วทำไมไม่อ่านเอง แปลให้แล้ว จดให้แล้ว ทำไมต้องให้เล่าด้วย


“ขี้เกียจอ่าน เล่ามาเหอะน่า


สิงหาลากเสียงอย่างรำคาญจนธราเทพต้องถอนหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด




“ฟาโรห์เพตเทเมนมีโอรสเพียงคนเดียวที่เกิดจากราชินีชื่อเจ้าชายราโมส และมีธิดาที่เกิดจากพระสนมอีกคนชื่อราบีอา

ซึ่งก็เป็นคู่หมั้นที่ต้องแต่งงานกันเพื่อสืบสันตติวงค์ตามหลักไอยคุปต์ แล้วทีนี้ก็มีมหาอำมาตย์ที่ยังอายุน้อยอยู่คนหนึ่งชื่อ

ฮาอัส คนนี้เก่งมากมีคนไปขึ้นด้วยเยอะ จนแทบจะบริหารงานแทนฟาโรห์ได้อยู่แล้ว



ธราเทพหลับตาลงและเล่าเหตุการณ์ราวกับมันมาจากความทรงจำ



“ต่อมาเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้นในราชวังเมื่อฟาโรห์เพตเทเมนหายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

มีข่าวลืออยู่หลายระแส ข่าวนึงก็บอกว่าพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์จากมาอี องครักษ์หนุ่มบุตรของเพื่อนสนิท

ที่ลอบเป็นชู้กับพระสนมเพื่อหวังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฟาโรห์ อีกข่าวนึงก็บอกว่าทรงหายไปเพราะเจ้าชายราโมสผู้เป็น

โอรสทะเลาะกับผู้เป็นพ่อแล้วพลั้งเผลอทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต




สิงหาขบกรามแน่นเมื่อฟังอยู่ ก่อนที่จะถามอย่างเคร่งเครียด


“แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นล่ะ



“เจ้าชายราโมสอภิเษกกับเจ้าหญิงราบีอาแล้วขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์ แต่ครองราชย์อยู่ไม่นานพระองค์ก็เสียชีวิตลงทั้ง

ที่ยังอายุน้อย เจ้าหญิงราบีอาทรงขึ้นครองราชย์แทนแต่ก็ถูกยึดอำนาจโดยขุนนางที่ไม่พอใจ ราชวงค์นี้ก็สิ้นสุดลงเพียง

เท่านี้



เมื่อเล่าจบลงด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยธราเทพก็ตกใจที่น้ำตาของเขาไหลรินลงมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว

สิงหามองลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับอย่างค้นคว้าเมื่อเอ่ยถามประโยคถัดไป


“แล้วนายเชื่อข้อความไหน


ธราเทพนิ่งอึ้ง ทอดสายตาไปยังปาปิรัสที่วางอยู่ตรงหน้า



“ไม่น่าเชื่อสักอันเลย ไม่รู้สินะ ผมคิดว่ามาอีคงไม่มีทางเป็นชู้กับพระสนมแน่ๆ ส่วนอีกข่าวเจ้าชายราโมสไม่น่าจะโหด

เหี้ยมขนาดลงมือกับผู้เป็นพ่อ แม้ว่าจะโกรธแค่ไหน มันจะมีอะไรที่ลึกเกินกว่าจะมีคนบันทึกไว้เป็นหลักฐาน คงต้อง

ค้นหาคำตอบต่อไป


สิงหาเงียบลงเมื่อธราเทพพูดจบ นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปรับรู้ แต่มันยังมีอะไรอีกมากที่ยังไม่มีใครรับรู้

วันนี้ธราเทพได้รู้ในเหตุการณ์เริ่มต้นก็เพียงพอแล้วสำหรับวันแรก แล้วเขาจะเปิดเผยให้ธราเทพได้รู้ถึงสิ่งเลวร้ายที่ได้ทำ

ลงไปในเร็วๆนี้


แต่ตอนนี้ ปัจจุบันนี้ เมื่อสิงหามองเห็นน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วแต่ยังคงทิ้งคราบไว้บนใบหน้าเรียวได้รูปนั้น เขาก็

อดใจอ่อนไม่ได้เขาเอื้อมมือไปใช้ปลายนิ้วเช็ดไปที่คราบน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนนั้นจนหมด แล้วมองอย่างอ่อนโยน

จนธราเทพได้แต่นิ่งงัน เขารู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสนั้นอย่างบอกไม่ถูก และรู้สึกใจหายแปลกๆ เมื่อหน้าขรึมเศร้าลงอย่าง

เห็นได้ชัด


สิงหาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ร่างสูงเหยียดกายยืนสง่าแล้วหันหลังให้กับธราเทพ



“ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เก็บของแล้วไปรอที่รถจะได้กลับโรงแรม


ธราเทพมองตามหลังสิงหาที่ก้าวห่างออกไปอย่างสับสน ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งไปคว้าแขนให้สิงหาหันกลับมาหา



“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป ผมรู้ว่าคุณรู้อะไรมากไปกว่าไอ้บันทึกไม่ได้เรื่องที่คุณลองเชิงให้ผมอ่าน


ธราเทพจ้องกลับดวงตาคมคู่นั้น


“บอกผมหน่อยเถอะ คุณรู้ไหมว่าเจ้าชายราโมสกับองครักษ์มาอีแท้ที่จริงแล้วทั้งคู่เป็นอะไรกัน


ดวงตาของสิงหาแดงเรื่อเมื่อมองไปที่ธราเทพ กรามบดกันจนเป็นสัน เมื่อเขาเค้นคำตอบออกมาก่อนที่จะหันหลัง

เดินอกไปจากเต็นท์



“ในสายตาของราโมส ไม่รู้ว่ามาอีคือตัวอะไร แต่สำหรับมาอี ราโมสคือคนที่มาอีรักจนหมดหัวใจ


หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 12# [11/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-04-2015 21:43:51
ทิ้งท้ายไว้แบบนี้ คืนนี้วินจะนอนหลับมั้ยยน
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 12# [11/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 11-04-2015 22:03:01
พระสนมเป็นชู้กับอำมาตย์แบบนั้นอาจจะลอบปลงพระชนม์ก็ได้
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 12# [11/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-04-2015 22:14:05
เข้าใจกันิถอะน้าาา
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 12# [11/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 11-04-2015 22:47:39
 :mew4: มาอี น่าสงสารอะ เหมือนจะเข้าใจอะไรผิดด้วยป่าวอะ เลยมาแก้แค้นเจ้าชายเนี่ย
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 12# [11/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 11-04-2015 22:54:59
ค้นหาความจริงกันต่อไป แล้วช่วยพยายามเปิดใตด้วยนะอัสลาน อดีตชาติอาจไม่สมหวังในรัก แต่ถ้ายังรักอยู่ ทำชาตินี้ให้สมหวังสิ #รู้ป่ะ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 13# [15/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-04-2015 19:37:37


                                               คำสาปร้าย พ่ายรัก


                                                    บทที่ 13




ธราเทพเดินตามหลังสิงหามาจนพบกับวาโยและภูหิรัณย์ที่เสื้อผ้าขมุกขมอมไปด้วยเศษดินทรายเมื่อเดินออกมาถึงปาก

ทางปิรามิด ผู้เป็นเจ้าของทุนจึงได้เอ่ยถามอย่างใส่ใจ



“เป็นไงบ้างลำบากหรือเปล่าวันนี้ เจออะไรที่น่าสนใจไหม”



วาโยถอนหายใจแล้วทำสีหน้ายุ่งยากเมื่อเอ่ยตอบคนเป็นเพื่อน



“วันนี้แห้วว่ะ ยังไม่เจออะไรที่คิดว่าน่าสนใจ แถมยังต้องกัดกับท่านด็อกอัคนีไปเสียหลายรอบข้อหาเดินย่ำรอยเท้าแก”



สิงหาหัวเราะอยู่ในลำคอเมื่อได้ยินพลางตบบ่าวาโยเบาๆ



“ช่างเขาเถอะ ต่างคนต่างขุดถือเสียว่ามาคนละทีม งั้นเรากลับกันดีกว่าเหนื่อยมามากแล้ว”



ร่างสูงเดินนำไปที่รถจี๊ปคันใหญ่ ธราเทพที่เดินตามหลังมาจึงได้เดินไปเข้าคู่กับภูหิรัณย์



“เป็นไง เหนื่อยไหมวะ กูไม่ได้ออกไปช่วยขุดเลย”



ธราเทพเอ่ยถามเพื่อนอย่างห่วงใย แต่คนเป็นเพื่อนได้แต่อมยิ้มส่ายศีรษะเบาๆ



“ไม่หรอก อาจารย์วาโยช่วยเกือบทุกอย่างวันนี้ กูแทบจะไม่ได้ทำเองเลย อาจารย์บอกให้ดูวิธีการก่อนพรุ่งนี้ถึงจะให้

ลงมือทำ”



ธราเทพได้แต่ทำหน้ามุ่ยเมื่อได้ยิน เขาพูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคนพร้อมเร่งฝีเท้าเดินตามไม่ให้ทิ้งช่วงห่างเกินไปนัก



“อีตาอัสลานนี่ ทำไมไม่ยอมให้กูออกไปขุดบ้างก็ไม่รู้ ปล่อยให้นั่งแปลภาษาอยู่ได้น่าเบื่อชะมัด”



ภูหิรัณย์ยิ้มมีเลศนัยก่อนที่จะกระซิบตอบเพื่อน



“เฮ้ย ไอ้วิน กูว่านะ พี่สิงห์เขาคิดอะไรกับมึงหรือเปล่าวะ กูสังเกตนะเวลาที่เขามองมึงโดยที่มึงไม่



รู้ตัวเนี่ย มันแปลกๆ นะโว้ย”



ธราเทพแอบสะดุ้งในใจ เขารีบยิ้มกลบเกลื่อนเมื่อใจย้อนคิดไปถึงจุมพิตรุนแรงตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เขาจะให้ภูหิรัณย์รู้

ไม่ได้เป็นอันขาด


“มึงนี่ก็บ้า เขาเกลียดขี้หน้ากูจะตาย กูเองด่าเขาไว้เยอะด้วยไม่มีทางเป็นอย่างที่มึงคิดหรอก อีกอย่างกูเป็นผู้ชายนะ

โว้ย”



ภูหิรัณย์หัวเราะหึหึเมื่อได้ยินคำตอบ พลางสะกิดให้ธราเทพหันไปโบกมือตอบวริษฐาที่ยืนอยู่คู่กับด็อกเตอร์อัคนีที่อยู่

ไกลออกไป



“เออ เหรอ แล้วผู้ชายอย่างมึงดูไม่ออกเลยหรือว่า ผู้หญิงอย่างไอ้ก้อยน่ะมันแอบชอบมึงอยู่”



“เฮ้ย เชี่ยเซน มึงเอาอะไรมาพูด”



ธราเทพอุทานอย่างตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน



“ไอ้ก้อยมันจะชอบกูได้ไง เพื่อนกันนะโว้ย”



“เพื่อนกันนี่แหละตัวดี ไม่เชื่อมึงลองสังเกตดิ กูน่ะมองออกมาสักพักแล้ว”



“เฮ้ย ไอ้สองคนนั้น จะเดินไปคุยไปกันอีกนานไหม หิวแล้วโว้ย”



แล้วบทสนทนาก็ต้องหยุดลงเมื่อวาโยที่เดินไปถึงรถพร้อมสิงหาตะโกนเร่ง ลูกศิษย์ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันแล้วโกย

อ้าวไปที่รถ







ธราเทพเดินออกจากห้องน้ำเมื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้ว เมื่อมาถึงเตียงนอนเขาก็กระโดดไปนั่งขัด

สมาธิเปิดโทรทัศน์ที่ดูและฟังไม่รู้เรื่องเป็นเพื่อน ก่อนที่จะสอดส่ายสายตามองหาคนร่วมห้อง สายตาสะดุดเมื่อมองเห็น

แผ่นหลังกว้างยืนสงบนิ่งอยู่ที่ระเบียงด้านนอกผ่านผนังกระจก


ธราเทพได้แต่มองอย่างพิจารณา



เขาไม่เข้าใจสิงหา ธราเทพบอกตัวเอง ผู้ชายคนนั้นช่างมีหลายมิติจนเขาสับสน ในบางครั้งก็ดูถือตัว เย่อหยิ่งจองหอง

เอาแต่ใจตน แต่ในบางครั้งก็มีมุมที่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนอย่างที่แอบขโมยจูบ


หน้าผากเมื่อเขาแสร้งหลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมา จนทำให้หนุ่มน้อยที่ไร้ซึ่งประสบการณ์อย่างเขาหัวใจเต้นแรงไปกับการก

ระทำนั้น


นอกจากจะไม่เข้าใจสิงหาแล้ว เขายังไม่เข้าใจตัวเองด้วย ธราเทพต่อว่าตัวเอง



ใช่ เขาไม่ชอบให้ใครมาดูถูก ขู่บังคับ และพร้อมที่จะชนกับทุกคนที่มาหาเรื่อง แต่ทำไมเมื่อเป็นคนที่ยืนทอดสายตาไป

ที่แม่น้ำไนล์อยู่เบื้องนอก เมื่อคิดถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เขากลับโกรธอย่างจริงจังไม่ลงสักที ซ้ำเมื่อ

สายตาเคียดแค้นนั้นผันแปรไปเป็นแววตาตัดพ้อ น้อยใจ เขาแทบจะน้ำตาไหลไปกับแววตานั้น



สะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆ คนที่หันหลังให้อยู่ที่ระเบียงก็หันขวับมาอย่างรวดเร็ว เหมือนจะรู้ว่าถูกมองอยู่ ธราเทพรีบลดตัวลง

ซุกกายลงใต้ผ้าห่มแล้วปิดเปลือกตาลง หัวใจสั่นไหวเมื่อรู้สึกว่าริมเตียงอ่อนยวบลงเหมือนมีคนที่ทิ้งน้ำหนักลงมา

เปลือกตาคู่หวานเต้นถี่ยิบ



“จะไม่รายงานผลการทำงานวันนี้ก่อนนอนหน่อยหรือวิน”



น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นใกล้ตัว ธราเทพค่อยๆลืมตาขึ้นจึงได้เห็นเสี้ยวด้านข้างใบหน้าที่นั่งอยู่ที่ริมเตียงของเขา จมูกโด่ง

เป็นสันคมจุดเด่นของใบหน้า ทำให้พวงแก้มเนียนแดงเรื่อ



“จะรายงานอะไร คุณไม่ได้ให้ผมทำอะไรสักอย่างนอกจากแปลปาริรัสไม่ได้เรื่องของคุณ”



ถ้าสายตาไม่ฝาด ธราเทพคิดว่าเขาเห็นมุมปากด้านข้างนั้นคลี่ยิ้มอยู่เล็กน้อย



“ฉันจ้างนายมาเพราะนายอ่านภาษาเฮโรกริฟฟิคได้ดีเลิศ ไม่ได้จ้างมาให้ไปขุดปิรามิด”



“แต่ผมเรียนโบราณคดี ผมก็อยากที่จะไปทำงานส่วนนั้นเหมือนอาจารย์วาโยกับไอ้เซน”



เขาค้านด้วยเสียงหงุดหงิดทั้งที่นอนตัวแข็งอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา



“คุณก็ทำงานด้านนี้ก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกสิ”



ธราเทพเห็นคิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าก้มต่ำลง



“เอาเถอะ แล้วฉันจะคิดดูอีกทีเรื่องนั้น ว่าแต่ ตอนนี้นอนเถอะเพลียแดดมาทั้งวันแล้ว”



พูดจบร่างหนาก็ล้มตัวลงเหยียดกายอยู่บนเตียงเล็กเบียดอยู่บนผ้าห่มของเขา ธราเทพได้แต่ร้องเอะอะพลางใช้มือผลัก

ให้สิงหาออกไปให้พ้นเตียงแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อสิงหายังคงหลับตานิ่ง



“เฮ้ย จะบ้าเหรอ ไปนอนเตียงตัวเองสิ มานอนอะไรตรงนี้ เตียงยิ่งแคบๆ อยู่นะ”



ธราเทพพยายามจนอ่อนใจเมื่อทั้งดันทั้งผลักแล้วสิงหาก็ยังไม่ขยับ ซ้ำยังดูว่าหลับไปแล้วเมื่อลมหายใจเข้าออกอย่าง

สม่ำเสมอ จนตัวเขาเองต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจ



“ตัวหนาอย่างกับยักษ์ยังมานอนเบียดอีก เอาวะ ไอ้วิน ถ้ามัวแต่ไล่ก็ไม่ได้นอนกันแน่คืนนี้


แล้วดู นอนทั้งอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดกันพอดี”


ธราเทพส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนที่จะขยับตัว ดึงผ้าห่มที่สิงหานอนทับอยู่มาห่มให้ร่างหนานั้น


ลมหายใจแทบจะสะดุดเมื่อต้องนอนอยู่บนเตียงเล็กภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ธราเทพเขยิบตัวไปจนแทบ


จะตกเตียงเพื่อเว้นระยะห่างให้มากที่สุดแล้วหลับตาปี๋



ลมหายใจค่อยๆ เบาลงจนกระทั่งสม่ำเสมอเมื่อเขาหลับไปทั้งที่คิดว่าจะนอนไม่หลับด้วยความ


อ่อนเพลีย ธราเทพจึงไม่ได้เห็นเปลือกตาของคนที่นอนด้านข้างเปิดออก ก่อนที่จะตะแคงตัวมามองดวงหน้าหวานใน

ห้วงนิทราอยู่ครู่ใหญ่



วงแขนแกร่งวางพาดไปที่ลำตัวบางเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน










“ไม่ว่าจะยังไง เจ้าก็ต้องอภิเษกกับราโมส”



พระสนมเซฟเทตยื่นคำขาดเมื่ออยู่กันตามลำพัง



“แม่พยายามปูทางให้เจ้ามาโดยตลอดเพื่อให้เจ้าได้เป็นราชินีแห่งแคว้นไอยคุปต์ เจ้าจะมาทำลายความหวังของแม่ไม่

ได้”



ใบหน้าที่ยังคงสวยงามด้วยผ่านการดูแลตลอดเวลาจนแทบดูไม่ออกว่าวัยก้าวสู่สี่สิบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด



“พ่อของเจ้าไม่ยอมแต่งตั้งแม่ให้เป็นราชินีก็เพราะมัวแต่ยังอาลัยอาวรณ์เมียเก่าที่ตายไปแล้ว มันทำให้แม่ผิดหวังขนาด

ไหนเจ้ารู้ไหม ราบีอา แม่ไม่ยอมให้เจ้าทำให้แม่ผิดหวังอีกคนหรอกนะ อย่างไรเจ้าก็


ต้องอภิเษกกับราโมส”



“แม้ว่าข้าจะต้องแห้งแล้งในชีวิต ท่านแม่ก็ไม่สนใจใช่ไหม”



เจ้าหญิงราบีอากระแทกพระบาทลงบนพื้นอย่างขัดใจ



“ท่านแม่บอกข้าเองว่าท่านเป็นปุถุชนมิใช่ต้นไม้ที่ตายซาก แล้วข้าล่ะกับชีวิตของข้า ท่านไม่ใยดีบ้างเลยหรือไร”



“ใจเย็น ลูกข้า”



พระสนมเซฟเทตเดินไปลูบพระเศียรพระธิดาเบาๆ



“ราโมสน่ะ มันเป็นคนโง่และใจอ่อน ส่วนลูกน่ะเฉลียวฉลาดกว่ามาก เมื่อได้ครองแผ่นดินเป็นราชินีแห่งลุ่มน้ำไนล์แล้ว

แม่เชื่อว่าลูกจะได้เป็นผู้ครองอำนาจอยู่ในมือแทนฟาโรห์ที่อ่อนแอ”



พระสนมกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อคิดถึงแผนการที่วางไว้



“แล้วเมื่อนั้น ทุกอย่างก็จะอยู่ในกำมือของลูก คราวนี้ชีวิตของเจ้าก็จะไม่แห้งแล้งแค่เพียงชี้นิ้วสั่ง


ใครจะกล้าขัดใจ”








ร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ก้าวเข้าสู่ห้องพักที่อยู่ภายในเขตราชวังที่มีสำหรับองครักษ์


เท้าที่ก้าวไปในห้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในห้องที่มืดมิด เขากระชับเคเพชที่เหน็บอยู่ที่เอว

พลางสืบเท้าเข้าไปช้าๆ



“ใคร”



เสียงหนักแน่นเอ่ยถาม ก่อนที่จะชะงักเมื่อถูกถาโถมมาด้วยร่างอวบอัดรัดรึง ใบหน้าคมเข้มถูกโน้มลงมาแล้วปิดด้วยริม

ฝีปากอย่างกระหาย มาอีใจหายวาบเมื่อแผ่นอกของเขาถูกเบียดแนบไปด้วยทรวงอกของหญิงสาว



มาอีออกแรงผลักร่างที่เต็มไปด้วยไฟเสน่หาออกจนพ้นตัวสำเร็จ เขายืนหอบอยู่ในความมืด เมื่อสายตาคุ้นกับความมืด

เขาจึงมองเห็นคนที่บุกรุกเข้ามา



“เจ้าหญิงราบีอา”



มาอีอุทานอย่างตกใจในครั้งแรก ก่อนที่จะสบถออกมาแล้วตะคอกถามด้วยความไม่พอใจ



“ทรงทำอะไรเยี่ยงนี้ เจ้าหญิง มิบังควรที่ทรงกระทำราวกับมิใช่กุลสตรี”



“ถ้าข้ามัวแต่ทำตัวเยี่ยงกุลสตรี แล้วเจ้าจะมองข้าบ้างไหม มาอี”



น้ำเสียงกระเส่าไปด้วยเพลิงราคะดังขึ้น พลางก้าวพระบาทมาใกล้ เอื้อมพระกรมาวางแนบอก


มาอี


“เจ้าก็รู้ ว่าข้าปรารถนาในตัวเจ้ามาตลอด”



มาอีสบถอีกครั้งพลางปัดพระกรออกไปจนพ้นตัว



“แต่ข้าเห็นท่านเป็นแค่น้องสาวที่โตร่วมกันมาเท่านั้น ราบีอา”



“ใช่สิ เห็นเป็นแค่น้องเพราะท่านไม่พึงใจในสตรีเพศใช่ไหม มาอี”



สุรเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นพร้อมกับถลาพระวรกายมาทุบตีที่แผ่นอกกำยำ



“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ว่าเจ้ากับราโมสมีความลับอะไร”



มาอีใจหายเมื่อได้ยิน



“ท่านรู้อะไร”



“ข้าเห็นเจ้ายืนจูบอยู่กับราโมส อย่าให้ข้าสืบได้นะ ว่าเจ้าทั้งสองเกินเลยไปแค่ไหน ข้าจะนำความไปบอกท่านพ่อ ถ้า

เจ้าไม่อยากให้ข้าทำ จงทำให้ข้ามีความสุขสมใจเถิด มาอี”



สุรเสียงอ้อนวอนเต็มไปด้วยไฟราคะ จนมาอีก้มมองด้วยความสมเพช



“ต่อให้ข้าไม่มีใครเลย ก็ไม่มีทำอย่างที่เจ้าต้องการหรอก ราบีอา”



ร่างกำยำผลักเจ้าหญิงจนเซไปอีกทางก่อนเดินหนีออกไปนอกห้อง ปล่อยให้เจ้าหญิงยืนกระทืบพระบาทด้วยความโกรธ

กริ้ว



“เจ้าโง่ มาอี คอยดูนะ ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีความสุขตลอดชีวิต”
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 13# [15/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 15-04-2015 20:12:48
โธ่เอ้ย เจ้าหญิงราบีอา
ไม่ใช่แค่ตลอดชีวิตหรอก
มาอีไม่มีความสุขมาจนถึงชาติปัจจุบันเลย
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 13# [15/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 15-04-2015 21:47:03
ความใคร่นี่มันทำลายคนอื่นจริงๆ นะ คุณราบีอา
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 13# [15/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-04-2015 21:58:10
ทำบุญเยอะๆนะ  :ling2:
กลัวนางกลับมาฉายแสง
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 14# [17/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-04-2015 21:53:11


                                         คำสาปร้าย พ่ายรัก                                                                                             
                                            บทที่ 14



                               เสียงกำไลข้อพระบาทดังแว่วอยู่ในอุทยานกลางราชวังเมื่อเจ้าหญิงราบีอาก้าวพระบาทมาประทับ

อยู่กลางสวน พระพักตร์งามยามนี้กลับบูดบึ้ง พระหัตถ์กำแน่นไปด้วยไฟแค้นเมื่อถูกหยามศักดิ์ศรีจากบุรุษที่เฝ้าใฝ่ปอง

                               ด้วยความเป็นราชกุมารี สู้อุตส่าห์ลดศักดิ์ศรีลงไปด้วยใจที่โหยหาแต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือดวงตา

สมเพช เหยียดหยาม มันยิ่งทำให้ขัตติยะมานะด้อยลงจนไม่มีค่า ไฟรักไฟเสน่หาจึงได้กลับกลายเป็นไฟแค้นไปชั่วพริบ

ตา

                           เสียงย่ำเท้าแผ่วเบาดังขึ้นที่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลนักทำให้เจ้าหญิงทรงชะงักและหันพระพักตร์           

ไปมองด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด


                       “ผู้ใดยืนอยู่ตรงนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้”


        ร่างสูงใหญ่ที่แฝงเงาตะคุ่มเผยกายออกมาช้าๆ ท่ามกลางความมืดในคืนเดือนแรม ฝีเท้ามั่นคงเดินตรงเข้ามา หยุด

ยืนเบื้องหน้าพระพักตร์ เจ้าหญิงทอดพระเนตร พระขนงขมวดแน่นเมื่อแลเห็น


        “ฮาอัส ท่านเข้ามาในเขตนี้ได้อย่างไร”


                       หลังจากที่ทรงรู้ว่าผู้ที่เป็นอาจารย์ได้ลักลอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับพระสนมเซฟเทตผู้เป็นพระมารดา

ความนับถือในวิชาความรู้ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทจึงเลือนหาย นามที่เจ้าหญิงราบีอาทรงตรัสเรียกจึงแทบไม่เหลือความ

เคารพ


        “ไม่ใช่เรื่องยากเลยเจ้าหญิงที่หม่อมฉันจะเหยียบย่างเข้ามา”


       เสียงหยิ่งทะนงตอบโต้กับความจริงที่เป็น สำหรับเสนาบดีคนสำคัญที่เก่งกล้าไปด้วยวิชาความรู้ จนแม้แต่องค์

ฟาโรห์ยังต้องยำเกรงจะมีใครหน้าไหนกล้าขัดหากฮาอัสคิดจะเยื้องกราย


                   “และถ้าหากข้ามิได้มาเวลานี้ ใครเล่าจะเป็นคนถวายการรับใช้ยามที่เจ้าหญิงกำลังโกรธกริ้ว”


                  “ข้าไม่อยากเห็นหน้าผู้ใดทั้งนั้น ไปให้พ้น”

               “แม้ว่าข้าพระองค์จะช่วยให้เจ้าหญิงทรงได้ในทุกสิ่งที่ประสงค์หรือพะยะค่ะ”


                 เจ้าหญิงราบีอาทรงสบพระเนตรกับดวงตายาวรี เมื่อได้รับฟังถ้อยคำ ยิ่งเมื่อฮาอัสมองอย่างท้าทาย พระศอ

จึงยิ่งเชิดสูง


                   “ท่านรู้หรือ ว่าข้าต้องการสิ่งใด”


               มุมปากบางเฉียบของฮาอัสแสยะยิ้ม เมื่อได้ฟังคำถามของเจ้าหญิง ฮาอัสเดินตรงเข้าไปและก้มลงไปพูด

เบาๆที่ข้างพระกรรณ


               “ข้ารู้แจ่มแจ้งในสิ่งที่เจ้าหญิงทรงมีพระประสงค์ หากเจ้าหญิงทรงปฏิบัติตามที่หม่อมฉันแนะนำ ก็ไม่มีอะไรใน

โลกนี้ที่เจ้าหญิงทรงมีพระประสงค์แล้วไม่ได้ ถ้าเจ้าหญิงไม่ทรงเชื่อถือ ก็ทรงกลับไปถามพระมารดาเถิด ว่าตำแหน่งพระ

สนมได้มาอย่างไร และพระมเหสีทรงสิ้นพระชนม์ด้วยเหตุใด”


                  เจ้าหญิงราบีอาเบิกพระเนตรอย่างตกพระทัยเมื่อทรงได้ฟังในสิ่งที่ไม่เคยคาดคิด ก่อนที่จะทรงตัดสินใจลง

ไป


               “เราต้องทำอย่างไร”


                “อีกสองคืนในคืนเดือนดับ ไปรอข้าพระองค์ที่โอเอซิสร้างทางทิศตะวันตก ข้าพระองค์จะไปพบเจ้าหญิงที่

นั่น”


                 พระเนตรลุกวาบอีกครั้งด้วยไฟแห่งโทสะและความมืดมนในพระหทัย เมื่อทรงสดับรับฟัง

                 ยิ่งรักและต้องการมากขนาดไหน เมื่อชังแล้วเพลิงแห่งความแค้นก็ยิ่งกระพือโหมเป็นร้อยเท่า


                  ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าได้มีความสุข ข้าสาบาน









                    ดวงเนตรหวานกระพริบถี่ๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงการถูกรบกวนจากนิทรา ครั้นเมื่อพระเนตรเบิกกว้างด้วยความตก

พระทัยที่มีผู้บุกรุกมาถึงพระแท่นบรรทมในยามราตรี โอษฐ์งามที่เตรียมกู่ตะโกนก็ถูกปิดลงทันที


                      เจ้าชายราโมสที่ทรงดิ้นรนขัดขืนในช่วงแรก เมื่อทรงถูกจู่โจมด้วยปลายลิ้นที่คุ้นเคยอยู่เพียงชั่วครู่

เรี่ยวแรงที่มีพลันหมดสิ้นลงจนต้องปล่อยให้ผู้บุกรุกตักตวงความหวานจากเรียวโอษฐ์จนพอใจ ก่อนที่ผู้บุกรุกจะค่อยๆ

มอบอิสรภาพคืนให้อย่างเสียดาย จนกระทั่งผู้บุกรุกพลิกตัวนอนหงายอยู่บนแท่นบรรทมและดึงพระวรกายบางเข้าสู่อ้อม

กอด พระองค์จึงได้สอดพระพาหา ตอบรับพลางซุกพระพักตร์ซบกับอกกว้าง
 

                    “มาอี เจ้ามาแบบนี้ข้าตกใจรู้ไหม”


                    มาอียิ้มรับ ใช้มือหนาลูบพระเกศาเบาๆพลางกระชับอ้อมกอดแน่นหนา ราชองครักษ์ลอบถอนหายใจยาว

อย่างกลัดกลุ้มเมื่อหลบจากเจ้าหญิงราบีอามาได้


                       ด้วยความที่เติบโตมาด้วยกันกับทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงของไอยคุปต์ทิ่ยิ่งใหญ่ มาอีจึงกระจ่างแจ้งใน

อุปนิสัยของเจ้าหญิงราบีอา มาอีจึงหนักใจเมื่อรู้ว่าเจ้าหญิงราบีอาจะไม่ทรงอยู่เฉยเป็นแน่

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไร เขาจะไม่มีวันยอมให้เจ้าชายราโมสเป็นอันตรายแม้แต่ปลายเล็บข่วน


                     “คิดอะไรอยู่หรือ มาอี”


                     ทรงรับสั่งอย่างห่วงใย จนมาอีต้องระงับความวิตกกังวลลงและหันมาให้ความสนใจกับผู้ที่นอนกอดกันอยู่

บนแท่นบรรทม


                   “คิดถึงเจ้าน่ะสิ ราโมสของข้า”


                   มาอีมองอย่างเอ็นดูเมื่อเจ้าชายทรงหลบพระเนตรอย่างขัดเขิน


                 “ข้ารู้สึกได้ถึงการอำนวยพรจากเทพีไอซิสมาสู่เจ้าในคืนนี้”


                 “อำนวยพรด้วยเรื่องใด”


                 พระเนตรหวานเป็นประกายระยิบระยับอยู่ในความมืดเมื่อทรงตรัสถาม จนมาอีอดไม่ได้ที่จะกดริมฝีปากลงไป

เบาๆ


                   “เทพีแห่งความรักทรงอำนวยพรให้เจ้าได้พบกับคนที่เจ้ารักและคิดถึงดุจเดียวกับในคืนนั้นที่เราสองได้รับ

พรร่วมกัน”


                     ร่างกำยำส่งเสียงออดอ้อนจนอีกฝ่ายร้อนวูบอย่างขัดเขิน แล้วทรงตวัดพักตร์ค้อน


                  “ใครรึคนที่ข้ารักและคิดถึง หาได้มีไม่ ถ้ามีคงไม่ทิ้งให้ข้าต้องทนเหงาอยู่หลายเพลานับแต่วันนั้น”


                    “โธ่ ราโมสแห่งข้า อย่าได้โกรธเคืองเลย เจ้าก็รู้ว่าโอกาสสำหรับเราสองมันช่างมีเพียงน้อยนิด เจ้าอย่ามัว

ต่อว่าข้าอยู่เลย”


                 มาอีพลิกกายขึ้นไปอยู่เบื้องบนพระวรกายบางแล้วพรมจูบไปทั่วพระพักตร์อย่างโหยหา


                “ใช้เวลาให้คุ้มกับที่ได้รับพรจากองค์เทพีเถิดราโมส”


                 แล้วมาอีก็กอดรัดจับต้องไปทั่ววรกายจนเจ้าชายทรงถอนพระอัสสาสะสะท้านไปทุกจุดที่มือร้อนสัมผัส ยิ่ง

เมื่อมาอีแทรกกายเติมเต็มเข้าไป พระองค์ก็ยิ่งแทบขาดใจในสิ่งที่มาอีมอบให้ พระหัตถ์นุ่มจิกลงบนแผ่นหลังเมื่อทรง

กลั้นเสียงครางลึกที่เกิดขึ้นเมื่อความสุขแล่นวาบ


                      “มาอี ยอดรักของข้า ข้ารักท่าน”


                      ทรงตรัสเป็นคำสุดท้ายเมื่อทุกอย่างระเบิดขึ้นภายในกาย ก่อนที่จะหลับใหลไปอย่างหมดแรงเมื่อมาอี

สอนให้รู้จักสรวงสวรรค์อีกครั้ง









                     “มาอี มาอีของข้า”


                   เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นใกล้ๆ จนสิงหาต้องเปิดเปลือกตาตะแคงตัวไปมองคนที่นอนอยู่ด้านข้าง ใบหน้า

หวานยังคงหลับตาแต่ริมฝีปากกลับพึมพำไม่เป็นภาษา ท่อนแขนที่ป่ายเปะปะ ยังมาคว้าเอาตัวเขาเข้าไปกอด สิงหาได้

แต่คลี่ยิ้มเมื่อเจออาการแบบนี้ เขาเล่นตามน้ำโดยขยับตัวเข้าใกล้อีกนิด อยู่ๆ คนที่หลับอยู่ก็เบียดตัวพร้อมริมฝีปากลง

มา คนตื่นก่อนชะงักไปเล็กน้อย แล้วกลับเป็นฝ่ายออกแรงตอบรับจูบที่ไม่ได้ตั้งตัว


                     “มาอี ข้ารักเจ้า”


                    เมื่อริมฝีปากเปิดกว้างเขาจึงถือโอกาสดันปลายลิ้นเข้าไปม้วนวนตวัดแนบอยู่ในช่องปาก พลางดึงตัวธรา

เทพเข้ามากอด

                     เมื่อริมฝีปากที่แนบสนิทเริ่มเรียกร้องมากขึ้น ธราเทพจึงค่อยมีสติตื่นจากนิทรา ตาหวานกระพริบปริบๆ

เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองถูกกอดก่ายซ้ำร้ายยังถูกจูบโดยสิงหา ธราเทพออกแรงผลักสิงหาออก ก่อนจะกระโจนหนีไป

ยืนตั้งหลักไกลออกไป พร้อมกับมองสิงหาอย่างตกใจและโมโห


              “เฮ้ย อะไรวะ ทำงี้ได้ไง”


               สิงหายักไหล่ พลางใช้มือดันศีรษะ ตะแคงมองธราเทพอย่างขำขัน


               “ถามตัวเองดีกว่าว่าคิดอะไร อยู่ๆ ก็ดึงเข้าคนอื่นไปกอดจูบ”


              “ไม่จริง ใครจะไปทำอย่างนั้น”


              “จะใคร ถ้าไม่ใช่นาย หืม วิน”


                  เขาลุกจากที่นอนพลางก้าวเดินเข้าไปหา ธราเทพถอยกรูดจนหลังติดผนังเมื่อสิงหาเดินมาถึงและใช้มือบีบ

เบาๆ ที่ปลายคาง


                  “ปากก็บอกว่าเกลียด แต่นายกลับเป็นฝ่ายมายั่วกันก่อน ถ้า “อยาก” มากนักก็บอกกันดีๆ ก็ได้ จะสนองให้”


                 “ไอ้บ้า”


                   ธราเทพมองอย่างแค้นเคืองเมื่อได้ฟังคำพูดเหยียดหยาม ฝ่ามือตวัดอย่างรวดเร็วไปกระทบบนใบหน้าคม

ของสิงหาเสียงดังสนั่น รอยมือเห่อขึ้นทันที

                  ดวงตายั่วเย้าเมื่อครู่กลายเป็นปะทุเป็นไฟเมื่อหันกลับมา มือที่จับคางอยู่บีบแน่นราวกับเหล็ก เมื่อสิงหาโน้ม

ตัวไปจูบอีกครั้งแต่คราวนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าวันแรกที่เหยียบแผ่นดินอียิปต์เสียอีก ธราเทพได้แต่พยายามไม่ให้น้ำตาไหล

ออกมาจนกระทั่งสาแก่ใจสิงหาก็เหวี่ยงจนธราเทพถลาไปที่เตียงแล้วก้าวไปนอนทับ


                    “ตบทีนึงก็จะเจอจูบอีกสองเท่า ถ้าอยากยั่วก็ตบบ่อยๆ”


                    เขากระชากเสียงแข็งใส่ ก่อนจะลุกออกเดินตรงไปที่ห้องน้ำ ปล่อยให้ธราเทพนอนน้ำตาไหลด้วยความ

เจ็บใจ









             “เฮ้ย ดูนี่”


              เสียงวาโยดังขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อขุดดินลงไปแล้วเจออะไรบางอย่าง สิงหาที่ยืนสำรวจอยู่ไม่ห่างจึงก้าวเดินมา

หาเพื่อน แล้วช่วยขุดดินลึกลงไป ใช้เวลาอยู่พักใหญ่จนได้วัตถุทองเหลืองมีด้ามจับด้านบนโค้งเว้า นักโบราณคดีหลาย

คนมาออกันอย่างตื่นเต้น


            “นี่มันเป็นอาวุธนี่หว่า”


            วาโยอุทานเมื่อพลิกไปมาอยู่พักหนึ่ง สิงหาพยักหน้ารับ


             “ใช่ มันเรียกว่าเคเพซ เป็นอาวุธอย่างหนึ่ง”


              เขาพลิกที่ด้ามเมื่อเห็นรอยสลักจางๆ


             “เคเพชเล่มนี้ เจ้าของมันชื่อว่า มาอี”





















หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 14# [17/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-04-2015 22:41:50
ต้องรอให้ราโมสเฉลยเรื่องราวอย่างเดียวเลย   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 14# [17/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-04-2015 01:26:53
ทำร้ายจิตใจน้องวินของป้าตลอดเลย
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 14# [17/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Respire ที่ 18-04-2015 15:25:30
ตกลงหญิงร้ายชายเลวคู่นั้นเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดสินะ แต่อะไรที่เป็นสาเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดระกว่างองค์ชายราโมสกับมาอีกันนะ ทำไมถึงแค้นได้ขนาดนั้น ทั้งๆที่รักกันแท้ๆ :mew2: :mew4: :mew6:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 14# [17/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 18-04-2015 19:53:39
รอค่ะรอ  :z2:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 14# [17/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lovemongjang ที่ 19-04-2015 21:50:20
รีบ มาต่อน่ะคะกำลังสนุกเชียว :z1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 14# [17/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 21-04-2015 05:33:26
สงสารมาอีมากกกกกกกก
มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 15# [21/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-04-2015 19:59:08


                                    คำสาปร้าย พ่ายรัก                                             

                                          บทที่ 15



ธราเทพก้าวเข้ามาในห้องพักของโรงแรมแล้วบิดตัวอย่างเมื่อยขบโดยไม่สนใจร่างสูงที่ก้าวตามเข้ามา เรียกได้ว่าตลอด

ทั้งวันที่สิงหายอมให้เขาไปทำงานในปิรามิดธราเทพไม่ได้เอ่ยปากพูดกับสิงหาแม้แต่คำเดียว ซ้ำยังไม่ชายตามองแม้แต่

น้อยเพราะยังขัดเคืองกับการลงมือที่ป่าเถื่อนในช่วงเช้า ใครกันจะทนไหวกับการกระทำที่รุนแรงไม่มีเหตุผล ธราเทพ

ตั้งใจว่าเขาจะไม่ยุ่งไม่ข้องเกี่ยวกับคนที่ต้องอยู่ร่วมห้องกันเด็ดขาด


  หนุ่มน้อยจากเมืองไทยเดินตรงไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำมาเทใส่แก้ว ก่อนที่จะยกขึ้นดื่มอย่างกระหาย สิงหาลอบมอง

อย่างเป็นห่วงเพราะเขาสังเกตธราเทพทำงานมาตลอดวัน  คนที่เขาบังคับให้เดินทางมาทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย

แทบไม่สนใจที่จะพัก สิงหารู้โดประสบการณ์ว่ากล้ามเนื้อในร่างกายของธราเทพคงจะประท้วงกันแน่ในคืนนี้


  “เหนื่อยมากไหมวันนี้”


  เขาเป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อน แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หันมามองหน้า แถมยังยืนหันหลังให้


“ผมจะขอย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับไอ้เซน แล้วคุณก็อยู่กับอาจารย์วาโย”


น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับทั้งที่ยังไม่มองหน้ากันทำให้สิงหาต้องขบกรามแน่นเดินไปกระชากต้นแขนให้หันหน้ามาแล้ว

ส่งเสียงห้วนถามกลับ


“มีเหตุผลอะไรต้องทำแบบนั้น”


ธราเทพนิ่วหน้ากับแรงบีบที่ต้นแขน แต่ก็ต้องอดทนไว้เพราะเขาไม่อยากจะอ่อนแอต่อหน้าสิงหาอีกแล้ว


“ผมไม่ชอบหน้าคุณ ส่วนคุณก็ไม่ชอบหน้าผม ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้เราจะทนอยู่ห้องเดียวกันไปทำไมมิทราบครับคุณอัส

ลาน”


อีกครั้งที่สิงหาต้องกัดฟันฟังน้ำเสียงยียวนของเจ้าเด็กที่ชอบยั่วโมโหจนจบประโยค มือสองข้างเลื่อนมาจับยึดที่ข้อมือ

แล้วยึดไว้แน่น แม้ว่ามือข้างหนึ่งของธราเทพจะกำแก้วน้ำไว้เขาก็ไม่ได้สนใจ


“ฉันไม่ได้จ้างนายให้มาออกคำสั่งกับฉัน นายมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่ง เข้าใจไหมวิน”


“ไม่เข้าใจโว้ย”


ธราเทพตะโกนใส่หน้าพลางบิดข้อมือให้พ้นพันธนาการแต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อมือแกร่งนั้นยังออกแรงบีบเพิ่มขึ้นตามอารมณ์

ที่คุกรุ่น


“ผมไม่เข้าใจ ว่าคุณจะมาทนอยู่กับผมทำไมถ้าคุณไม่ชอบหน้าผม คุณก็ปล่อยให้ผมไปตามทางของผมสิวะ เฮ้ย!”



เพล้ง!!!


ธราเทพอุทานอย่างตกใจเมื่อแรงบีบที่ข้อมือนั้นมากมายจนกระทั่งแก้วที่เขาถืออยู่ในมือแตกออกเป็นเสี่ยง เดชะบุญว่า

มันหลุดออกไปจากมือของเขาแล้ว จึงไม่เกิดอันตราย


แต่อันตรายกลับไปเกิดที่ท่อนแขนของสิงหาเมื่อเศษแก้วชิ้นหนึ่งกระเด็นไปบาดเป็นทางยาวจนโลหิตแดงฉานไหลออก

จากบาดแผล สีหน้าตระหนกเกิดขึ้นทันทีบนใบหน้าหวานเมื่อก้มลงไปมองแต่สิงหากลับไม่สนใจรอยแผลเมื่อมัวแต่จ้อง

หน้าของธราเทพ


ธราเทพสะบัดข้อมือออกจากการจับยึดแล้วเป็นฝ่ายดึงท่อนแขนที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมามองอย่างเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว


“ทำอะไรบ้าพลังไม่เข้าเรื่อง ดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น”


เขาเผลอดุออกไปแล้วลากแขนให้สิงหาเดินตามไปในห้องน้ำเพื่อที่จะเปิดน้ำจากก๊อกให้ไหลรินชะล้างรอยเลือด ก่อนที่

จะคว้าผ้าขนหนูผืนใหม่มากดลงไปที่บาดแผลเพื่อห้ามเลือด เมื่อรอจนคิดว่าเลือดหยุดไหล ธราเทพก็ค่อยๆ ดึงผ้าขนหนู

ออกแล้วมองอย่างตรวจตราไปที่แผลเพื่อหาเศษแก้วที่อาจจะคงค้างอยู่ตามผิวหนัง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วธราเทพก็

ลากแขนของสิงหาออกมานอกห้องน้ำและเดินไปค้นที่กระเป๋าเพื่อหยิบพลาสเตอร์ยามาปิดที่ปากแผล ตลอดทุกการกระ

ทำสิงหาได้แต่เงียบมองและปล่อยให้ธราเทพจัดการ


“สักวันหนึ่งนายก็จะรู้เองว่าทำไมฉันถึงต้องทนอยู่กับนาย และบังคับให้นายทนอยู่กับฉัน”


“ว่าไงนะ”


ธราเทพที่มัวแต่สนใจกับบาดแผลเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของสิงหาไม่ถนัด สิงหาได้แต่ลอบถอน

หายใจพลางดึงแขนให้พ้นจากมือของธราเทพ


“ช่างเถอะ นายควรไปอาบน้ำแล้วนอนซะ พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นเช้าอีก”


สิงหาหันหลังให้แล้วเดินตรงไปที่ระเบียง


“อ้อ วิน”


ธราเทพที่เตรียมจะตรงเข้าห้องน้ำหันขวับมามองคนที่เรียกไว้


“เอ่อ ขอบใจนะที่ช่วยทำแผล”


แล้วธราเทพก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงเบาหวิวอยู่ในคอก่อนที่เจ้าของเสียงจะหันกลับแล้วก้าวออกไป

ที่ระเบียงทันที หนุ่มน้อยจากเมืองไทยได้แต่คลี่ยิ้มตามหลัง


“อืม พูดจาดีๆ ก็เป็นนะคุณอัสลาน”








เมื่อสิงหากลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เขาก็เห็นธราเทพนอนดิ้นขยุกขยิกอยู่ในผ้าห่ม โผล่พ้นมาแต่ใบหน้าเหยเก


“เป็นอะไร ทำไมไม่นอน”


“นอนไม่หลับ ปวดไปหมดทั้งตัวเลย”


คนที่นอนไม่หลับตอบอย่างหงุดหงิด เมื่อรู้สึกเมื่อยขบจนปวดไปทั้งตัวจากการทุ่มเทแรงกายไปกับการทำงาน


“สมน้ำหน้า บอกให้ทำงานในเต็นท์เก็บของก็ไม่เชื่อ”


ถึงปากจะยอกย้อนแต่สิงหากลับเดินไปค้นอะไรบางอย่างที่กระเป๋าแล้วตรงมาที่เตียงของธราเทพ


“ถอดเสื้อออก”


เขาออกคำสั่ง หนุ่มน้อยได้แต่ตาเหลือกเมื่อได้ยิน


“ฮะ อะไรนะ จะบ้าเรอะ”


ธราเทพโวยวายก่อนที่สิงหาจะปรามด้วยสายตา


“บอกให้ถอดก็ถอดเถิดน่า จะทายาคลายกล้ามเนื้อให้”


“ตะ แต่ว่า…”


“หรือจะทนนอนปวดอย่างนี้ไปทั้งคืนก็ตามใจ ถ้าพรุ่งนี้ไปขุดไม่ไหวฉันจะให้นายไปนั่งทำงานคนเดียวในเต็นท์”


เพราะความที่อยากทำงานสนามมากกว่าไปนั่งแกร่วอยู่ในเต็นท์ ทำให้ธราเทพต้องยอมถอดเสื้อยืด

ตัวบางออกพร้อมกับใบหน้าที่มีเลือดไปเลี้ยงจนร้อนซู่ แต่เมื่อสบตากับสิงหา ธราเทพก็ต้องแปลกใจเมื่อมันมีแต่ความ

ห่วงใยฉายอยู่บนดวงตาคมคู่นั้น


“นอนตะแคงไปด้านโน้นสิ จะได้นวดกล้ามเนื้อที่ต้นคอด้านหลังให้ จุดนี้แหละปวดที่สุดแล้ว”


ธราเทพตะแคงหันหลังให้สิงหา รู้สึกได้ถึงความเย็นจากตัวยาและการนวดที่นุ่มนวลจากฝ่ามือของสิงหา


“ทำไมถึงไปอาศัยที่วัด”


คนนวดตั้งคำถาม


“ก็พ่อแม่ทิ้ง หลวงพ่อเก็บได้ ท่านก็เลยเลี้ยงไว้ในวัด”


ธราเทพตอบเสียงอู้อี้ซุกใบหน้าลงบนหมอน รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูกเมื่อตัวยาเริ่มซึมลงเข้าผิวหนัง


“อยู่วัดลำบากหรือเปล่า”


“นิดหน่อย ต้องตื่นเช้า ไปช่วยหลวงพ่อตอนบิณฑบาตร ต้องทำความสะอาดวัดด้วย”


สิงหาถอนหายใจและเงียบไปเมื่อได้ยิน นึกสงสารกับชะตาชีวิตของอดีตเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ในชาติภพนี้


“แล้วเงินล่ะ มีพอใช้ไหม วิน วิน”


สิงหาเหนี่ยวเบาๆ ธราเทพก็พลิกตัวมาพร้อมหลับตาพริ้ม ลมหายใจที่สม่ำเสมอบอกให้เขารู้ว่าหนุ่มน้อยนั้นหลับไปเสีย

แล้ว ทั้งๆที่เขายังนวดที่แผ่นหลังให้อยู่


“เด็กบ้า บทจะหลับก็หลับง่ายซะจริง เสื้อยังไม่ได้ใส่เลยเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”


รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อสิงหาจ้องมองไปที่หน้าหวานในห้วงนิทรา เขาดึงผ้าห่มขึ้นจนถึงลำคอ

ก่อนที่จะก้มลงไปจูบที่หน้าผากแผ่วเบา


“นอนหลับเสียเถิด เจ้าชายของข้า เพื่อที่เทพราจะได้อวยพรเมื่อแล่นเรือมาถึงขอบฟ้าในยามเช้า”









ท้องฟ้าในคืนเดือนดับยิ่งมืดกว่าทุกคืน เมื่อไม่มีแสงจันทร์คอยส่อง ฝีเท้าที่ก้าวเข้าไปในโอเอซิสร้างว่างเปล่าจึงเต็มไป

ด้วยความพรั่นพรึง เสียงนกกลางคืนที่บินออกหากินส่งเสียงโหยหวนจนร่างที่ซ่อนอยู่ในผ้าดิบทอผืนหนาต้องโผล่

สายตาออกมามองโดยรอบอย่างระแวดระวัง ก่อนที่จะสะดุ้งกับเสียงเยือกเย็นที่ดังขึ้นเบื้องหน้า


“ตรงเวลาดี ลูกศิษย์แห่งข้า”


ร่างสูงใหญ่ปรากฏกายขึ้นจากใต้ต้นไม้ใหญ่แล้วจึงเดินตรงเข้ามาหา ภายใต้เสื้อผ้าสีเข้มดูแปลกตาจากที่เคยทำให้คน

ที่มาเยือนขมวดคิ้วมอง


“ถ้าไม่เป็นเพราะคำโอ้อวดของท่าน ข้าคงไม่ต้องเสียเวลามา”


ฮาอัสคลี่ยิ้ม ไม่ใช่สิ ต้องใช้คำว่าแสยะยิ้มจะเหมาะกว่าเมื่อได้ยินคำพูดในเชิงดูหมิ่น เขาก้าวเข้าหาร่างในผ้าทอผืนใหญ่


“แล้วหม่อมฉันจะทำให้พระองค์รู้ว่า คำพูดของหม่อมฉันไม่ใช่คำโอ้อวดอย่างที่เจ้าหญิงทรงเข้าใจ

เจ้าหญิงราบีอา”


เจ้าหญิงราบีอาทรงเหยียดวรกายขึ้นดึงผ้าคลุมออกจากพระเศียร ทอดพระเนตรฮาอัสด้วยหางตา


“ไว้เห็นผลงาน ข้าจะเป็นผู้บอกเองว่าท่านโอ้อวดหรือไม่ ฮาอัส เอาเถอะ ท่านมีวิธีการใดก็รีบลงมือ

กระทำเสีย ข้าไม่อยากอยู่แถวนี้นานนัก”


ฮาอัสค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเมื่อฟังดำรัส


“ทรงตามกระหม่อมมาเถิด”


แล้วร่างสูงใหญ่ก็กลับหลัง เดินนำลับไปในความมืด เจ้าหญิงราบีอาทรงยกผ้าขึ้นคลุมพระเศียรอีกครั้งแล้วก้าวตามไป

ติดๆ เพียงเสี้ยวอึดใจเจ้าหญิงราบีอาก็ทรงตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น เมื่อมีวิหารเล็กๆ ปรากฏขึ้น มันเป็นวิหารเก่าแก่ แต่ไม่

ทรงคุ้นตากับรูปทรงของวิหารว่าเป็นที่บูชาของเทพเจ้าองค์ใด


ฮาอัสหันกลับมามองเมื่อเห็นเจ้าหญิงหยุดชะงัก เขาเตือนด้วยสายตาให้เจ้าหญิงทรงก้าวพระบาทตามเข้าไป เมื่อก้าว

ล่วงเข้ามาถึงด้านในห้องโถงเล็ก เจ้าหญิงทรงปลดผ้าคลุมออกจากพระเศียรพลาง

ทอดพระเนตรไปที่รูปสลักหินเบื้องหน้าด้วยความตกพระท้ยถึงขีดสุด


พระองค์ไม่เคยทอดพระเนตรรูปสลักเจ้าของวิหารที่ไหนแน่ๆ เมื่อรูปสลักนั้นไม่มีความคล้ายคลึงกับเทพเจ้าองค์ใดที่

มีชื่อเป็นที่สักการะในดินแดนไอยคุปต์ ในเมื่อรูปสลักหินนั้นเป็นรูปงูตัวใหญ่ที่กำลังแผ่แม่เบี้ยหรา ซ้ำดวงตาที่เป็นสีเพลิง

ตรงหน้าก็ดูราวกับว่ามันจ้องมาที่ร่างของเจ้าหญิงอย่างประสงค์ร้าย


เจ้าหญิงราบีอาทรงกลืนพระเขฬะลงคออย่างยากเย็น พระโลมะทั่ววรกายลุกชันเมื่อหันกลับไปทอดพระเนตรฮาอัส ผู้เป็น

อดีตอาจารย์อีกครั้ง


“ฮาอัส ท่านอย่าบอกข้านะ ว่าท่านบูชางูร้ายอาโปฟิส”


ทันทีที่เอ่ยนาม อสุนีบาตก็ฟาดเปรี้ยงลงมาทั้งที่ไม่มีเค้ามาก่อน






















หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 15# [21/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 21-04-2015 20:22:36
 :z3:  :really2:  ยิ่งอ่านยิ่งไม่แน่ใจว่า ใครคือคนที่สาปแช่ง กัน แล้วตกลง ??? .... @%=#$%  :katai1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 15# [21/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-04-2015 20:27:39
ปริศนาเยอะจริงๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 15# [21/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-04-2015 20:59:00
ความจริงค่อยๆ เผยสินะ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 15# [21/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-04-2015 01:13:55
สุดท้ายคนที่สาปแช่งคือใครกัน
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ6# [23/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-04-2015 22:35:40

                                      คำสาปร้าย พ่ายรัก                                           

                                            บทที่ 16




แสงสว่างชั่วเสี้ยววินาทีที่สายฟ้าฟาดลงมาจากนภาอันมืดมิด แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าหญิงราบีอาทรงมองเห็นไป

ทั่วห้องโถงในวิหารร้าง


ดวงตาสีแดงฉานของอสรพิษที่สลักนูนจากผนังสูงเบื้องหน้าลุกวาวแดงก่ำสะท้อนแสงจับจ้อง ยิ่งทำให้เจ้าหญิงแทบผวา

ดีที่พระองค์จิตใจแข็งกล้าเกินหญิงแต่วัยเยาว์จึงทำให้ระงับอาการตื่นตระหนกนั้นไว้ได้


“เจ้าคิดว่าเทพเจ้าทั้งหลายที่ปกครองอยู่เหนือไอยคุปต์ให้อะไรเจ้าได้บ้าง ราบีอา


ฮาอัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา และยังงดเว้นคำราชาศัพท์กับผู้เป็นพระธิดาแห่งฟาโรห์ เมื่ออยู่ในเขตแดนแห่งนี้ ดู

เหมือนฮาอัสจะยิ่งมั่นใจในตนเองจนแทบจะกลายเป็นยะโส


“แต่กับพญางูใหญ่ที่เป็นศัตรูกับเทพราเจ้าแห่งเทพ เมื่อข้าหันมาบูชาและยกย่องข้ากลับได้ในสิ่งที่ข้าต้องการทุกอย่าง

ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาใกล้พลางใช้ปลายนิ้วมือแตะต้องไปที่พระหนุ เจ้าหญิงราบีอาทรงปัดออกไปอย่างรังเกียจ


“อย่ามาบังอาจเหิมเกริมกับเรานะ ฮาอัส


ดวงตาหลุกหลิกราวกับงูเลื้อยมองตรงมาอย่างคุกรุ่น เมื่อเห็นการกระทำของเจ้าหญิง เขากระชากพระหัตถ์เข้ามาแล้ว

ตะคอกด้วยโทสะ


“คิดว่าที่ข้ายิ่งใหญ่อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าผู้ใดในแคว้นนี้มาจากเหตุใด ราบีอา หากไม่ใช่เพราะข้าบูชาเทพแห่งงูอาโปฟิส

อย่าโง่ที่จะปฏิเสธในเมื่อสิ่งที่เจ้ากระสันอยากจะได้มันยากเย็นเกินไปสำหรับเจ้า


พระเนตรกลมโตของเจ้าหญิงราบีอาเบิกกว้างอย่างตกพระทัย เมื่อฮาอัสล้วงเข้าไปหยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม

แล้วยัดใส่พระหัตถ์


หนูตัวเล็กวิ่งวนอยู่ในกรงไม้อันจ้อยส่งเสียงร้องราวกับจะรู้ชะตากรรม และเมื่อเจ้าหญิงทอดพระเนตรเบื้องหน้าจึงทรง

เห็นงูตัวใหญ่ที่มาแผ่แม่เบี้ยอยู่ตั้งแต่เมื่อใดพระองค์ก็หาคำตอบไม่ได้


“บทเรียนแรกที่เจ้าต้องทำคือบูชาพญางูด้วยสัตว์เป็นๆ และขอพร สำหรับพรข้อแรกที่ข้าแนะนำคือ จงขอให้พ่อเจ้าออก

คำสั่งให้เจ้าแต่งงานกับราโมสจริงจังเสียที








“ลูกสาวของเจ้าช่างหัวแข็งกว่าที่คิด กว่าจะยอมบูชาพญางูข้าต้องเสียเวลาไปมาก


น้ำเสียงถือตัวกล่าวด้วยความไม่พอใจ เมื่อฮาอัสกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้าง โดยมีพระสนม

เซฟเทตนอนคลอเคลียกอดรัดอยู่ด้านข้างอย่างหลงใหล


“ท่านจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า ฮาอัส ท่านก็รู้ว่าราบีอานิสัยเยี่ยงนี้มาแต่เกิด


“มันเป็นหน้าที่ของแม่อย่างเจ้าที่ต้องเกลี้ยกล่อมให้ลูกสาวทำเพื่อแม่มิใช่รึ เซฟเทต หรือว่าเจ้ามันไร้ซึ่งความสามารถไป

แล้ว


ฮาอัสปัดฝ่ามือที่ลูบไล้อยู่บนแผ่นอกอย่างเบื่อหน่าย พระสนมเซฟเทตรีบผวากอดก่ายร่างกำยำนั้นไว้


“ข้าจะพยายาม ฮาอัส ท่านอย่าเพิ่งวิตกไปเลย


ฮาอัสดันร่างอวบอัดของเซฟเทตจนผงะหงายก่อนที่จะพลิกตัวไปอยู่เบื้องบน มือหนาบีบปลายคางจนเซฟเทตนิ่วหน้า


“แค่พยายามมันไม่พอหรอก เจ้าต้องทำให้ได้ จำได้หรือเปล่าเซฟเทตว่าแผนของข้าคืออะไร


“จำได้ ข้าจำได้ขึ้นใจ ราบีอาต้องแต่งงานกับราโมสแล้วข้าจะได้เป็นใหญ่


“แต่ข้าว่า เจ้าควรมีแผนสำรองนะเซฟเทต


ฮาอัสแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์


“ถ้ารอราบีอากับราโมสแต่งงานกันมันช้านัก เจ้าก็ควรกำจัดเจ้าแก่เพตเทเมนนั้นให้หายไปจากโลกนี้ โดยที่ข้าจะเป็นผู้

ช่วยเหลือเหมือนเมื่อครั้งที่ข้าช่วยกำจัดราชินีคนเก่า เมื่อไม่มีฟาโรห์ เจ้าก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็นราชินีถ้าราชโอรสไม่คู่ควร


มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กบีบคางจนเซฟเทตเผลอร้องอย่างเจ็บปวด


“เมื่อถึงตอนนั้นราชินีผู้แสนโดดเดี่ยวก็ต้องหาใครสักคนที่เหมาะสมมาช่วยเหลืองาน ไหนลองบอกให้ข้ารู้ทีสิ เซฟเทต

ว่าใครคือคนที่เจ้าคิดว่าเหมาะสมกับตำแหน่งฟาโรห์เคียงคู่เจ้า


“เป็นท่าน…”


เซฟเทตร้องออกมา


“ท่านคือคนที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งฟาโรห์เคียงคู่ข้า


ฮาอัสหัวเราะลั่น ก่อนที่จะก้มลงไปซุกหน้าลงกับอกอวบอัดด้วยแรงแห่งไฟปรารถนา












สิงหายกท่อนแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ใบหน้าท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว ดวงตาคมมีแววครุ่นคิดกังวลเมื่อยังไม่พบ

เบาะแสที่ตามหา เขาเร่งให้คนงานขุดสำรวจรวมทั้งตัวเองก็ลงมาเป็นผู้นำด้วยในวันนี้

สมาธิจึงมุ่งไปที่งานจนลืมแม้แต่อาหารกลางวันเมื่อเวลาผ่านมื้อเที่ยงไปเกือบชั่วโมง


ชะงักเมื่ออยู่ๆ กล่องอาหารก็ยื่นมาตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองตามมือและแขนก็เห็นธราเทพผู้เป็นเจ้าของกำลังยืนทำ

หน้าไม่รู้ไม่ชี้


“ขอบใจ”


คนที่นั่งทำงานอยู่บนพื้นดินเอื้อมมือไปรับกล่องอาหาร แต่มือกลับเลยขึ้นไปกุมมือเรียวที่ยื่นมาพร้อมกล่องอาหารด้วย

คนที่หวังดีนำมาให้หน้าร้อนวูบจนชักมือกลับแทบไม่ทัน


“ไม่ได้เป็นห่วงนะ แค่กลัวว่าจะอดตายแล้วไม่มีใครจ่ายเงินค่าจ้าง”


“ยังไม่ได้ถามเลยนะว่าเป็นห่วงหรือเปล่า รีบชิงตอบอย่างนี้ร้อนตัวหรือไง”


สิงหากลั้นยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเห็นธราเทพแสร้งทำหน้าบึ้งปิดบังความขัดเขิน ทั้งที่พวงแก้มแดงเรื่อแสดงออกมาอย่าง

ชัดเจน


“ปากอย่างนี้ คงไม่ต้องกินแล้วมั้ง เอาคืนมาเลย”


ธราเทพยื่นแขนลงมาจะแย่งกล่องอาหาร สิงหารีบกางแขนหนีแถมยังใช้มืออีกข้างจับและดึงธราเทพจนเซลงมาปะทะ

กับแผ่นอกของเขา สิงหาต้องรั้งเอวบางไว้ด้วยท่อนแขนเพื่อไม่ให้ล้มทับลงมา


ลมหายใจของธราเทพสะดุดเมื่ออยู่ในภาวะใกล้ชิดเกินกว่าเหตุ ใบหน้าที่แนบชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจของ

อีกฝ่ายทำให้เนื้อตัวร้อนผ่าวไปหมด


“ขอบใจอีกทีที่เอาอาหารมาให้นะวิน”


ปลายเสียงทอดยาวและอ่อนหวานอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้หนุ่มน้อยที่ไร้ประสบการณ์ทำอะไร

ไม่ถูก ยิ่งเมื่อสบตาก็ยิ่งขัดเขินจนต้องเอียงหน้าหนี


“ตอบแทนที่นวดให้เมื่อคืนหรอกน่า รีบๆ กินเหอะ”


เมื่อควบคุมสติได้แล้ว ธราเทพก็พูดเสียงเข้มพลางพยายามแกะมือที่เกาะเกี่ยวอยู่ตรงเอวออก แต่ก็ไม่

สำเร็จเมื่อวงแขนนั้นยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก


“ปล่อยเสียทีสิ จะได้ไปทำงานต่อ”


นอกจากจะยังไม่ปล่อย สิงหายังยิ้มพร้อมดวงตาแพรวพราว ธราเทพยิ่งทำอะไรไม่ถูก มือเรียวจึงกำ

แน่นไปที่ท่อนแขนแล้วดึงออกจากตัว


“โอ๊ย!”


   สิงหาสะดุ้งอุทานเสียงดังเมื่อตำแหน่งที่ธราเทพจับอยู่นั้นคือแผลที่ยังปิดพลาสเตอร์ไว้ เพราะรู้สึกเจ็บ

ทำให้ต้องปล่อยแขนออกจากเอวของธราเทพ หนุ่มน้อยมองอย่างตกใจ เขาเปลี่ยนท่ามานั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกายสิงหา

แล้วคว้าท่อนแขนมาดูอย่างรวดเร็ว


“เป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บไหม”


สิงหาลอบคลี่ยิ้มเมื่อเห็นอาการที่ธราเทพแสดงออกมา เมื่อมันเต็มไปด้วยความห่วงใยจนเขาอยากจะดึง

เอาร่างบางมาสวมกอด


“คุณนี่นะ เรื่องยั่วโมโหนี่เก่งจริงๆ แล้วนี่อะไร พลาสเตอร์อันเดิมของเมื่อคืนนี่ ทำไมไม่รู้จักเปลี่ยน”


ธราเทพบ่นอุบ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์จากกางเกงแล้วเปิดหาพลาสเตอร์ที่เก็บไว้ในนั้นมาสาละวน

เปลี่ยนให้


“ทำอะไรกันอยู่หรือคะ”


เสียงของวริษฐาดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้สิงหาและธราเทพต้องผละออกจากกัน ก่อนที่สิงหาจะหันไปยิ้มให้

แล้วกล่าวทัก


“อ้าว ก้อยนั่นเอง เป็นไงบ้างสบายดีหรือเปล่า พี่อัคนีล่ะมาด้วยไหม”


“สบายดีค่ะพี่สิงห์ คุณอาไปติดต่องานในเมืองค่ะ เลยให้ก้อยมาคุมงานคนเดียว”


วริษฐาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย สิงหาลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวตอบ


“อืม ก้อยอยากคุยกับเพื่อนใช่ไหม ตามสบายนะพี่ไปทานอาหารก่อน”


แล้วสิงหาก็ก้าวเดินจากไป ธราเทพจึงได้ลุกขึ้นยืนยิ้มให้เพื่อน


“ดูสนิทกันจังเลยนะ ตอนแรกเห็นเกลียดกันแทบตาย”


ธราเทพสะดุดหูกับน้ำเสียงที่วริษฐาใช้เมื่อฟังดูแล้วมันคล้ายการประชดประชัน


“ก็ไม่ถึงกับสนิทนะ แค่พอคุยกัน เขาทำดีมาก็ดีตอบแค่นั้นเอง”


วริษฐาขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน เมื่อคิดถึงภาพที่เธอเห็นเมื่อสักครู่ มันช่างขัดกับคำพูดของธราเทพที่ใช้คำว่า

พอคุยได้ เมื่อสิ่งที่เธอเห็นคือผู้ชายสองคนกำลังกอดกันมันบาดตาจนทนไม่ไหว ต้องออกมาทำลายภาพนั้น


“ก็ดีแล้ว เราก็แค่เป็นห่วงว่าแกจะอยู่กับเขาไม่ได้”


ธราเทพได้แต่ยิ้มรับ มื่อวริษฐาเดินตรงมาใกล้ ช้อนตามองด้วยแววตาที่เขาอ่านไม่ออก


“อีกอย่างฉันคิดถึงแกด้วยนะวิน”


ธราเทพทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นกิริยาของเพื่อน เขาได้แต่ยิ้มเจื่อนเมื่อนึกไปถึงภูหิรัณย์ที่เคยบอกว่าวริษฐา

แอบชอบเขา


เขาก้าวถอยหลังออกเพื่อรักษาระยะห่าง แล้วโบกมือไปทางตำแหน่งของภูหิรัณย์


“ไอ้เซนอยู่ตรงโน้น เราไปคุยกันตรงนั้นดีกว่า เซนมันคงมีเรื่องคุยกับแกเยอะ”


แล้วเขาก็จัดแจงลากแขนเพื่อนให้เดินตามไป ธราเทพจึงไม่ได้เห็นแววตาของวริษฐาที่ไม่เหมือนเดิม














เจ้าหญิงราบีอาทรงมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงได้ก้าวพระบาทตรงเข้าไปใน

เขตหวงห้าม แล้วทรงมองหาอะไรบางอย่างก่อนที่จะเริ่มค้นหาอย่างเบามือ


เขตหวงห้ามในห้องตำราปาปิรัสไม่มีใครสามารถเข้ามาได้โดยง่าย เมื่อเป็นที่เก็บตำราปาปิรัสส่วน

สำคัญที่นายอาลักษณ์บันทึกไว้ รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้าทุกองค์ แม้แต่เจ้าหญิงเองก็ไม่เคยเข้ามา

ในส่วนนี้


สะดุดตากับปาปิรัสเก่าแก่ที่วางอยู่เบื้องบน เจ้าหญิงทรงปัดฝุ่นออกช้าๆ เมื่ออ่านชื่อเรื่องของหนังสือ

พระเนตรก็สว่างวาบ ก่อนที่จะทรงซ่อนปาปิรัสนั้นไว้ในเสื้อคลุม แล้วทรงก้าวพระบาทอย่างรวดเร็ว

กลับไปที่ห้องของพระองค์


เมื่อนั่งลงบนแท่นบรรทม เจ้าหญิงก็ทรงหยิบตำราปาปิรัสออกมาอ่านอย่างตื่นเต้น


“เทพเจ้างูยักษ์อาโปฟิส ศัตรูแห่งเทพรา”






“ถึงเวลาที่เจ้ากับราบีอาต้องอภิเษกกันได้แล้ว”


เจ้าชายราโมสทรงนิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังกระแสรับสั่งของฟาโรห์เพตเทเมนที่เริ่มชรา


“ข้าไม่แต่ง ข้าไม่ได้รักราบีอา”


และเมื่อทรงกล่าวปฏิเสธ ฟาโรห์ก็ทรงตรัสเสียงดังจนเจ้าชายตกพระทัย


“ข้าไม่ได้ถามความเห็นของเจ้านะ ราโมส แต่นี่คือสิ่งที่ข้าบอกให้เจ้าทำตาม จะมัวรออะไรอยู่อีก”


ฟาโรห์เพตเทเมนก้าวเข้าไปใกล้โอรส


“คราวนี้ข้าจะไม่เปิดโอกาสให้เจ้าหนีไปจากงานอภิเษกได้ ต่อให้เจ้าบินได้ดังนก หรือว่ายน้ำได้ดังมัจฉา

ข้าก็จะไปลากเจ้ามา ราโมส เจ้าต้องแต่งงาน และเตรียมขึ้นครองราชเป็นฟาโรห์แทนข้า”


เจ้าชายทรงหันวรกายไปอีกทางแล้วทรงลอบถอนพระอัสสาสะอย่างกลัดกลุ้ม

























หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ6# [23/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 23-04-2015 22:56:30
 :ling1: :ling1: :ling1:
ติดตาม ลุ้นสุดๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ6# [23/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-04-2015 23:23:13
ใกล้แล้วสินะ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ7# [26/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-04-2015 22:16:21


                                                           คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                                 บทที่ 17


ธราเทพก้าวเข้ามาในโรงแรมตอนค่ำพร้อมใบหน้าที่ไม่เป็นสุข เขายกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ เพื่อผ่อนคลายอาการปวด

ศีรษะ แรงบีบที่เต้นตุบๆ ตามจังหวะชีพจรมันสร้างความทรมานให้เขาไม่น้อยจนต้องหยุดยืนแล้วสะบัดหน้าเบาๆ เมื่อรู้สึก

ถึงสติที่ใกล้จะหลุดลอยไป ณ วินาทีนี้ เขาคิดถึงที่นอนนุ่มเป็นที่สุด


การที่ต้องทำงานกรำแดดร้อนอบอ้าวอยู่เป็นสัปดาห์ ทำให้ร่างกายของเขาและภูหิรัณย์ที่เพิ่งออกภาคสนามเป็นครั้งแรก

ปรับตัวไม่ถูก เพื่อนของเขาก็ไม่สบายเป็นไข้ไปเมื่อสองวันก่อน  แม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแรงแต่ก็เกินกว่าจะทนได้

ธราเทพรู้ตัวว่าตอนนี้อุณหภูมิในร่างกายมันสูงเกินกว่าปกติไปมากโข แต่เขาก็พยายามฝืนออกไปทำงานในวันนี้อีกทั้งวัน

พิษไข้ทำให้เขาปวดตึงที่หน้าผาก ปวดเมื่อยไปตามเนื้อตัว ร่างกายต้องปรับตัวมันทำให้เขารู้สึกหนาวจนต้องกัดฟันไว้


เมื่อแรงบีบที่ขมับเพิ่มความรุนแรงจนระดับความรู้สึกตัวลดลง เขาถึงกับเซไปด้านหน้าอย่างไม่มีทิศทาง เกือบจะล้ม

ศีรษะฟาดฟื้นถ้าไม่มีมือแกร่งมายึดที่ต้นแขนทั้งสองข้างไว้จากด้านหลัง


สิงหานั่นเองที่คว้าธราเทพไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลง เขาดึงรั้งร่างที่อ่อนเพลียเข้ามาจนแผ่นหลังของธราเทพพิงอยู่กับอก

ของเขา ด็อกเตอร์หนุ่มสังเกตมาตลอดวันถึงความผิดปกติ สิงหาได้แต่ลอบมองใจหนึ่งก็นึกอยากจะปล่อยให้คนที่มัวแต่

หยิ่งในศักดิ์ศรีดูแลตัวเองไปตามสภาพ แต่กับอีกใจหนึ่งกลับนึกเป็นห่วงจนแทบจะเข้าไปลากตัวมานอนพักเสียตั้งแต่

เมื่อตอนบ่าย


“เป็นอะไรมากไหม


เป็นเพราะสำนึกฝ่ายดีต่างหากที่ทำให้เขาถามออกไป ไม่ใช่เพราะเขาแคร์คนที่เงยหน้าพิงศีรษะมาที่บ่าของเขาหรอกนะ


สิงหาหาข้ออ้างให้การกระทำของตัวเอง


“เฮ้ย ไอ้วิน เป็นอะไรวะ


วาโยเดินลิ่วมาถามด้วยความเป็นห่วงลูกศิษย์


“เป็นไข้แดดน่ะ ตัวร้อนเชียว


สิงหาเป็นผู้เอ่ยตอบ วาโยโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ


“เออ ไอ้เด็กพวกนี้หัวอ่อนกันจริง โดนแดดแค่นี้ก็ไม่สบาย เจ้าเซนที่ล้มหมอนนอนเสื่อก็เพิ่งจะฟื้นมาได้ วันนี้ถึงคิวเจ้าวิน

อีกคน เฮ้อ…”


คนเป็นอาจารย์ได้แต่ถอนใจ มองธราเทพอย่างเป็นห่วงเอื้อมหลังมือไปแตะที่หน้าผากของลูกศิษย์แล้วก็สะดุ้ง


“แล้วนี่ เอาไงดี ตัวร้อนจี๋ขนาดนี้


“ผมไปนอนสักหน่อยก็คงดีขึ้นครับ อาจารย์


น้ำเสียงอ่อนระโหยดังขึ้นจากร่างที่ไร้เรี่ยวแรง จนคนที่ยังยึดพยุงตัวไว้มองเสี้ยวหน้าด้านข้างอย่างหมั่นไส้

เก่งจริงๆ เลยนะ นี่ขนาดไม่มีแม้แต่แรงยืน แค่เขาปล่อยมือร่างบางๆ ก็คงทรุดไปนอนกับพื้น แต่ก็ยังปากเก่งไม่เลิก


“เดี๋ยวกูจะพาลูกศิษย์คนโปรดของมึงไปนอนเอง ฝากสั่งอาหารเย็นให้ขึ้นไปส่งบนห้องด้วยแล้วกัน


ไม่ต้องรอคำตอบ สิงหารีบดึงตัวให้ธราเทพเดินตามผลุบหายเข้าไปในลิฟท์





สิงหาค่อยๆ ประคองให้ธราเทพล้มตัวลงบนที่นอนช้าๆ เมื่ออยู่ตามลำพังในห้อง เขาก้มลงไปถอดรองเท้าให้แล้วยกขา

ของธราเทพตามไป ดึงผ้าห่มผืนหนามาห่มจนถึงลำคอ


แค่มองเห็นใบหน้าหวานผ่านกระจกในลิฟท์ ก็ยิ่งทำให้ความเป็นห่วงท้วมท้นเมื่อใบหน้าของธราเทพแดงก่ำจากไข้ จน

เขาต้องดึงร่างบางให้เอนกายพิงมาที่ตัวเขา แล้วสอดแขนเข้ามาโอบรอบไปที่เอวเพื่อจะยึดไม่ให้ธราเทพล้มลง ใบหน้า

ที่เอนซบพร้อมลมหายใจที่ร้อนผ่าว ดวงตาหวานหรุบปิดลงทำให้สิงหาตัดสินใจสอดแขนอีกข้างเข้าที่ใต้เข่าแล้วอุ้มธรา

เทพออกมาจากลิฟท์จนมาถึงหน้าห้องถ้าไม่ติดว่าต้องควานหาคีย์การ์ดมาเปิดประตู เขาก็คงจะอุ้มคนที่สลบไสลมา

จนถึงเตียงนอน


สิงหาถอนหายใจเมื่อเห็นสภาพของธราเทพ เขาเพิ่มความอุ่นของเครื่องปรับอากาศไม่ให้อุณหภูมิภายในห้องหนาวเย็น

จนเกินไปนัก แล้วลุกไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กไปผ่านน้ำอุ่นจากก๊อกน้ำบิดจนหมาดก่อนจะเดินกลับตรงมาหาคนที่นอน

คุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง สิงหาพยายามดึงผ้าห่มออกจากธราเทพที่ยึดไว้ แล้วจัดการใช้ผ้าขนหนูเช็ด

ไปที่ใบหน้าเนียน ธราเทพส่ายหน้าหนีด้วยอาการกระสับกระส่าย สิงหาต้องยึดใบหน้านั้นให้อยู่นิ่ง ก่อนที่จะเลื่อนมือที่

จับผ้าลงมาจนถึงลำคอขาว



สิงหาดึงผ้าห่มลงมาถึงเอวแล้วดึงเสื้อยืดออกจากตัวของธราเทพ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปที่เนื้อตัวของธราเทพอย่างรวดเร็ว

ธราเทพตัวสั่นเป็นลูกนกเมื่อสิงหาเช็ดตัวให้ จนสิงหาต้องวางผ้าขนหนูลงแล้วเอนตัวลงไปนอนดึงให้ธราเทพเข้ามาอยู่


ในอ้อมกอดของเขา


เสียงครางจากพิษไข้ทำให้สิงหาลูบผมของธราเทพแผ่วเบา กระชับวงแขนจนเนื้อตัวนุ่มลื่นแนบชิดกับอกกว้าง



“ไม่เป็นไรแล้วเจ้าชายของข้า เทพราจะอวยพรให้ท่านปลอดภัย"






“วิน วิน


สิงหาปล่อยให้ธราเทพนอนหลับอยู่พักใหญ่ จนโจ๊กที่วาโยสั่งมาให้คลายความร้อนจัดจนเหลือแค่พออุ่นเขาจึงเขย่าตัว

ปลุกธราเทพให้ตื่นขึ้นมา


“ตื่นมากินอาหารนะ จะได้กินยา


ตาคู่หวานปรือขึ้นมาพร้อมส่งเสียงแหบโหย


“ยังอยากนอนต่ออยู่เลย มาอี


สิงหาชะงักเมื่อได้ยินชื่อที่ธราเทพเรียกขาน เขาจ้องใบหน้าเนียนที่ปิดตาลงไปอีกครั้งแล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่

ได้ยินเกิดจากร่างที่ไร้สติ การรอคอยยังไม่สิ้นสุด


ร่างสูงของสิงหาก้มลงประคองให้ธราเทพขยับลุกขึ้นมานั่งพิงตัวไปกับหัวเตียง มือแกร่งประคองใบหน้าของธราเทพให้

ตั้งตรงอย่างอ่อนโยน


“ตื่นก่อนนะ กินโจ๊กก่อนจะได้มีแรง


สิงหาพยายามป้อนโจ๊กให้คนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นช้าๆอย่างอดทน จนหยุดเมื่ออาหารเกือบหมดชาม เขาจึงหยิบยาลดไข้

มาวางไว้ที่ปลายนิ้วแล้วจ่อไปที่ริมฝีปากแห้งผาก


“กินยาลดไข้นะวิน


ดันยาเข้าไปในช่องปาก ธราเทพปรือตามองเผยอปากรับยาไว้แล้วกลืนมันลงไป


“แค่กๆๆ


ธราเทพไออย่างแรงเมื่อกลืนยาลงไปแล้วไปติดอยู่ที่คอ สิงหาหน้าเสียเขาใช้มือบีบคางธราเทพแล้วพยายามใช้นิ้วล้วง

เม็ดยาออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเม็ดยาลงไปติดในลำคอที่ลึกเกินกว่าจะล้วงออก


“ยาอยู่ไหน วิน คายมันออกมาสิ


“แค่กๆ


ธราเทพไอจนหน้าแดงก่ำ สิงหาละล้าละลังมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะตัดสินใจยกแก้วน้ำขึ้นมาแล้วกระดกอมน้ำไว้ใน

ช่องปาก เขาใช้มือกดกระชับที่ปลายคางของธราเทพบีบเบาๆให้ริมฝีปากเปิดกว้าง แล้วเขาก็ประกบริมฝีปากลงไปจน

แน่นสนิทปล่อยให้น้ำไหลลงเข้าไปในลำคอของธราเทพ


เมื่อของเหลวพาเม็ดยาให้เดินทางเข้าสู่หลอดอาหารธราเทพก็หยุดไอ แต่สิงหากลับไม่ยอมหยุด ลิ้นร้อนสอดลึกลงไป

ตามน้ำ เข้าไปควานลึกอยู่ในช่องปากเกี่ยวกระหวัดอยู่กับลิ้นนุ่มของธราเทพที่ตอนนี้เนื้อตัวกำลังสั่นเทา


เปล่าหรอก มันไม่ได้สั่นเพราะพิษไข้ ธราเทพรู้ แต่มันสั่นตามทุกครั้งที่สิงหาบดเบียดริมฝีปากลงมา และยิ่งเมื่อปลายลิ้น

ซอกซอนไปจนลึกสุดขอบลำคอ ธราเทพก็แทบผวาร่างแกร่งดึงตัวธราเทพเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน มือที่วางแนบกับแผ่น

หลังเปลือยเปล่าร้อนผ่าวเสียยิ่งกว่าคนเป็นไข้จนธราเทพสะบัดร้อนสะบัดหนาวไปทั้งตัว


ปลายลิ้นนุ่มค่อยๆ ถอนออกมาอย่างอ้อยอิ่งทั้งที่ริมฝีปากยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว สิงหาเม้มที่ริมฝีปากล่างของธราเทพ

เบาๆ หนุ่มน้อยก็เป็นฝ่ายผวา ใช้มือดึงลำคอของสิงหาเข้าหาแล้วฉกลิ้นเข้าไปในปากของสิงหาอย่างลืมตัวสิงหาส่ง

เสียงครางลึกในลำคออย่างพึงใจเมื่อตวัดลิ้นกลับมาคลุกเคล้าซึ่งกันอีกครั้ง คราวนี้ยิ่งรุนแรงเร่าร้อนจนเขาอยากจะกดให้

ร่างนี้นอนแนบไปกับเตียงนุ่ม แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อสติสัมปชัญญะที่รางเลือนเตือนว่าธราเทพในตอนนี้ไม่ใช่ช่วงที่ร่างกาย


และจิตใจเป็นปกติ


สิงหาตัดใจถอนปลายลิ้นออกจนสำเร็จ มองตาปรือของธราเทพอย่างข่มใจ ก่อนที่จะคว้าชุดนอนมาสวมใส่ให้ธราเทพ

ย่างรวดเร็วแล้วผลักเบาๆให้ธราเทพล้มตัวลงนอน


“นอนเสีย เจ้าชาย


สิงหาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงคอ ก้มลงไปจูบที่หน้าผากแผ่วเบาแล้วจึงเดินลิ่วเข้าห้องน้ำเปิดน้ำเย็นรดตั้งแต่หัวจรดเท้า

เพื่อลดความร้อนระอุในร่างกาย เมื่อกัดฟันข่มทุกอย่างลงจนร่างกายเกือบเป็นปกติ เขาจึงถอนหายใจแรงๆ


“เกือบไปแล้ว ไอ้สิงห์เอ้ย










เจ้าหญิงราบีอาทรงก้าวพระบาทยาวๆ เข้าไปสู่ห้องลึกภายในเขตหวงห้ามของพระมารดาอย่างที่ไม่มีผู้ใดสามารถหยุด

ยั้งได้ จนมาหยุดอยู่เบื้องหน้าแท่นบรรทมที่มีการเคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้ผ้าบางที่คลุมปิดกั้นสายตาไว้


“พวกท่านจะเสพสังวาสกันอีกนานแค่ไหน


ทรงตรัสด้วยสุรเสียงโกรธกริ้ว จนพระสนมส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ ส่วนฮาอัสได้แต่
หลียว

มอง ก่อนจะหันกลับไปกระแทกกายเข้าหาร่างพระสนมอย่างไม่แยแส


“อะ อ๊า เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร ราบีอา”


น้ำเสียงหอบกระเส่าปนคำถามของพระมารดาทำให้เจ้าหญิงต้องกำพระหัตถ์แน่น



“บ้า บ้า พวกท่านมันบ้ากันทั้งสองคน จะทำอะไรก็รีบทำ ข้าจะไปรออยู่ด้านนอก


แล้วเจ้าหญิงก็ได้ทรงนั่งรอด้วยพระพักตร์บึ้งตึง จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง พระสนมเซฟเทตก็ลนลานออกมาทั้งที่ยังแต่งตัว

ไม่เรียบร้อยดี รวมทั้งฮาอัสที่เดินตามออกมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก


“มีอะไรรีบร้อนนัก ราบีอา บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนล่ะก็แม่จะตีเจ้า

พระสนมเอ่ยอย่างขัดเคือง


“เรื่องอภิเษกของข้ากับราโมสมันด่วนพอไหม ท่านแม่


สุรเสียงดุดันของเจ้าหญิงกลับเป็นฝ่ายข่มจนพระมารดาต้องเกรง


“ท่านพ่อทรงรับสั่งให้ราโมสอภิเษกกับข้าแล้ว มันเป็นหน้าที่ของเมียอย่างท่านที่จะไปพูดจาส่งเสริมให้จัดงานขึ้นโดยเร็ว

หาใช่เวลาที่จะมาหลงระเริงไปกับชายชู้


“ได้ๆ ลูกแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปหาท่านพ่อ


“เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้


เจ้าหญิงราบีอากระแทกเสียงช้าชัดจนพระมารดาตัวสั่น“จ้ะ ราบีอา แม่จะไปเดี๋ยวนี้


พระสนมตาลีตาเหลือกก้าวออกจากห้อง พร้อมกับที่ฮาอัสจะก้าวตาม


“เดี๋ยว


ทรงส่งสุรเสียงห้าม ฮาอัสหันมามองด้วยหางตา


“ข้าอ่านจากปาปิรัสเก่าแก่ว่า พญางูอะโพรฟิสสามารถบันดาลเรื่องการสาปแช่งให้แก่สาวกผู้บูชาได้ จริงหรือไม่”


ทรงตรัสถามด้วยความไว้พระองค์ ฮาอัสเลิกคิ้วเมื่อฟังคำถามจบ


“ข้าเคยบอกท่านแล้วเจ้าหญิง ว่าพญางูจะให้ท่านได้ทุกอย่างขอเพียงท่านยอมเป็นสาวก


“ทำได้ทุกอย่าง?”


ทรงตรัสถามอีกครั้ง ฮาอัสได้แต่แสยะยิ้มแทนคำตอบ“ได้ทุกอย่าง แม้แต่สาปแช่งมิให้คนที่ท่านชังได้ไปสู่มตภูมิ


ฮาอัสก้าวตรงเข้ามาหาเจ้าหญิงราบีอา ก้มลงไปพูดเสียงเบาๆ ที่ข้างหู


“หากเจ้าหญิงต้องการ เพียงแค่บอกข้า ข้าจะทำพิธีปวารณาตนเป็นสาวกแด่พญางู และเมื่อนั้นเจ้าหญิงจะได้ทุกสิ่งที่

ต้องการ




















หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ7# [26/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 26-04-2015 22:41:12
 :katai1:  ร้ายและเลวพอทั้งแม่และลูกเลย อ้อ ท่านอาจารย์ชู้อีก  :z6:

สรุปยัยเจ้าหญิงนี่สินะที่แช่ง แล้วทำให้ ราโมสกับมาอีเข้าใจผิดกันก่อนตาย  :m16:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ7# [26/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 26-04-2015 22:50:41
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ7# [26/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 26-04-2015 22:52:53
 :m31: :fire: :z6:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ7# [26/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-04-2015 23:25:56
ลูกสาวแทบจะกินหัวแม่อยู่แล้ว


ส่วนวินตอนป่วยนี่ไม่ดื้อเลยอ่ะ ดีจัง ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ7# [26/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-04-2015 23:32:46
แล้วจะแก้คำสาปยังไง
ต้องให้ราบีอาอโหสิให้เหรอ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ7# [26/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 27-04-2015 01:00:11
ราบีอาจะทำอะไร
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ7# [26/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-04-2015 02:38:15
เป็นไข้แล้วว่าง่ายเชียวน้าาา
ตกลงนี่คือราบีอาเป็นคนสาปแช่งใช่ไหม
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ8# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-04-2015 19:31:22


                                           คำสาปร้าย พ่ายรัก                                             
                                                 บทที่ 18



ดวงตาคู่หวานกระพริบถี่แล้วเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆในความมืดมิดกลางดึก ลำคอแห้งผากจากไข้ที่เพิ่งคลายลงทำให้

ธราเทพดันตัวขึ้นนั่งเพื่อจะลุกไปหาน้ำดื่ม แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเงาตะคุ่มนั่งฟุบอยู่ที่ขอบเตียง

สำนึกที่กลับคืนมาพยายามนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงหัวค่ำ เมื่อทบทวนได้แก้มเนียนก็ร้อนผ่าว เขาก้มลงไปมองสิง

หาที่ซบหน้าฟุบหลับอยู่ใกล้ๆ


ผู้ชายคนนี้เป็นคนอย่างไรกันแน่นะ บางครั้งก็ดุดันเหมือนโกรธแค้นกันมาแรมปี แต่บางครั้งกลับอ่อนโยนต่อเขาเหมือน

เป็นคนพิเศษ นายอัสลานคนนี้ช่างทำให้เขาสับสันเหลือเกิน คนที่ฟุบหลับอยู่จะรู้ไหมว่าทุกครั้งที่ใกล้ชิด ทุกครั้งที่ริม

ฝีปากบดเบียดลงมามันทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว


หัวใจของเขาหวั่นไหวและเพริดไปกับมัน ยิ่งเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นร่างกายของเขาแทบจะหลอมละลายและเผลอไผล

สนองตอบทุกครั้งจนเขาอดโกรธตัวเองไม่ได้เมื่อกำแพงที่ตั้งไว้ถูกทำลายลงอย่างช้าๆแถมในบางครั้งเขากลับรู้สึกเป็น

ห่วงอีกฝ่ายเวลาที่ทุ่มแรงกายไปกับงานเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย


ถ้าจะบอกทั้งหมดในใจก็ต้องบอกว่าเขาแอบทึ่งกับการทำงานอย่างตั้งใจของสิงหา จนต้องลอบมองบ่อยครั้งเมื่อออก

ภาคสนาม หรือเวลาที่เขาแอบมองแผ่นหลังกว้างที่ชอบยืนตรงริมระเบียงเพื่อทอดสายตามองแม่น้ำไนล์เบื้องหน้า มัน

ดึงดูดสายตาของเขาจนไม่อาจละได้


ธราเทพสะดุ้งในใจ นี่เขากำลังจะบอกตัวเองว่า เขาชอบผู้ชายคนนี้ใช่หรือเปล่า


ความคิดสะดุดลงเมื่อสิงหาขยับตัวจากท่าฟุบหลับ เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นธราเทพลุกขึ้นมาจึงได้ขยับตัวลุกมานั่งบนขอบ

เตียง มันใกล้จนธราเทพแทบหยุดหายใจ


“ตื่นมาทำไม ยังไม่สว่างเลย


เสียงท้วงอ่อนหวานจนธราเทพร้อนวูบที่แก้มลามไปถึงใบหู


“ผมหิวน้ำ


           ตอบอย่างตะกุกตะกักพร้อมกับการหลบตาด้วยการก้มหน้าลงต่ำสร้างรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าที่เคร่งขรึมเป็น

ประจำ สิงหาลุกขึ้นเดินไปเทน้ำใส่แก้วแล้วมายื่นให้ ธราเทพช้อนสายตามองแล้วรับแก้วน้ำมาดื่มทีเดียวหมดแก้ว สิง

หามองท่าทีนั้นก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วเช็ดรอยน้ำเบาๆที่รอบริมฝีปากแดงเรื่อ ดวงตาที่มองมามันบอกถึงความสับสนจนเขา

ทนไม่ไหว


เขาตวัดอุ้งมือไปประคองที่หน้าเรียวนั้นอย่างรวดเร็วแล้วประกบริมฝีปากลงไปอย่างนุ่มนวลกว่าทุก

ครั้งที่เขาเคยสัมผัส ปากอิ่มของอีกฝ่ายชะงักอยู่ชั่วครู่จึงยอมเปิดรับลิ้นร้อนให้สอดลึกเข้าไปในโพรงปาก

ในที่สุด


ธราเทพรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นขนนกที่กำลังลอยละล่องไปตามสายลม ตามแต่ลมอย่างสิงหาจะพัดพาไป ยิ่งปลายลิ้น

อุ่นแวะเวียนซอกซอนไปทั่วแม้แต่ใต้ลิ้นมันยิ่งทำให้ขนนกอย่างเขาสะท้านวูบไปทั่วทั้งร่าง

สิงหาเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างแล้วผละออกแค่เพียงเล็กน้อย เพียงเท่านั้นธราเทพก็หมดความอดทน เขาผวาเข้ากอดร่าง

ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเบียดตัวเข้ากับอกอุ่น สองมือโอบรอบที่ลำคอแล้วรั้งเข้ามาอย่างลืมตัวพลางเป็นฝ่ายถอยปลาย

ลิ้นหนีออกมาจนสิงหาต้องขยับลุกไล่ และเมื่อได้โอกาสธราเทพก็เป็นฝ่ายส่งปลายลิ้นเข้าไปในช่องปากของสิงหาบ้าง


“อืม วิน เจ้าชาย อย่ายั่วกันนักได้ไหม”


สิงหาครางอยู่ในลำคอ เสียงนั่นเบาจนธราเทพจับใจความได้ไม่ถนัดแต่วินาทีนี้ร่างกายที่กลับร้อนผ่าวมาอีกครั้งทำให้เขา

ไม่อยากที่จะให้ความสนใจกับสิ่งใดทั้งสิ้น


ไม่ใช่แต่ธราเทพคนเดียวที่ลืมตัว สิงหาเองก็แทบทนไม่ได้เขาเอนตัวทิ้งน้ำหนักลงไปเพียงนิดเดียวก็ทำให้ธราเทพหงาย

หลังกลับลงไปนอนราบอยู่บนที่นอนโดยที่มีเขานอนทับอยู่เบื้องบน สิงหากดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้จุดหมาย

อยู่ที่ซอกคอเนียนละเอียด จมูกโด่งฝังลึกตามด้วยริมฝีปากที่ขบเม้มลงไปยิ่งทำให้ร่างบางที่อยู่ข้างใต้ผวาได้ทุกครั้ง แต่

สิงหากลับยิ่งได้ใจเขาเลื่อนตัวลงต่ำแล้วขบเม้มไปที่ยอดนูนเม็ดเล็กที่ดึงดันผ่านชุดนอนนั้นออกมา


“โอ๊ะ”


ธราเทพสะท้านตามแรงกระตุ้นจนเผลอแอ่นกายตอบรับ ความอดทนของสิงหาหมดลงในที่สุด เขากระชากทีเดียวเสื้อยืด

ตัวบางของธรเทพก็ขาดติดมือมา เผยให้เห็นเนื้อเนียนที่สว่างโพลนอยู่ในความมืด แม้จะเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหัวค่ำที่

ผ่านมา แต่ครั้งนี้มันกลับทำให้อารมณ์ปะทุยิ่งกว่า สิงหากัดฟันอีกครั้งเมื่อต้องพูดเตือนสติทั้งตนและธราเทพ


“ถ้านายห้าม ฉันจะหยุดแค่นี้


ไม่มีคำพูดจากธราเทพ มีแต่ดวงตากึ่งสับสนกึ่งเว้าวอนที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดลงทำให้สิงหาไม่ลังเลอีกต่อ

ไปที่จะก้มหน้าดูดซับความหวานจากร่างที่เขาเฝ้ารอคอย จมูกโด่งฝังลงพร้อมกับขบเม้มไปที่ติ่งหูลากลึกลงไปตรงซอก

คอเนียน สิงหาเม้มลงไปดูดดุนอยู่พักใหญ่จนกลายเป็นรอยแดงฝากไว้เมื่อเขาย้ายที่ลงมาฝังหน้าลงที่หน้าอกขาว มือ

แกร่งวางทาบลงอีกฝั่งแล้วบีบเค้นอย่างห้ามใจไม่อยู่ ก่อนเขาจะขยับตัวถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ทุกชิ้นออกจากตัวอย่าง

รวดเร็วแล้วทาบต้นขาแข็งแกร่งลงกับสะโพกกลมกลึงที่ทอดกายรองรับ


มองเม็ดเล็กยอดอกสีสวยอย่างตะลึงลาน เขาใช้ปลายนิ้วแตะลงไปคีบมันขึ้นมาจนแข็งเป็นไต ปากเม้มตามลงไปปลาย

ฟันเสียดสีจนเนื้อตัวของธราเทพสั่นระริกไปด้วยไฟสวาสที่ปะทุขึ้นมาไม่แพ้กัน หนุ่มน้อยเผลอตัวส่งเสียงครางพลาง

ทอดแขนไปรอบลำคอแล้วกอดรัดให้เนื้อตัวยิ่งกระชับมากขึ้นไปอีก


ทุกครั้งที่มือร้อนผ่าวของสิงหาวางทาบไปตามเนื้อตัวธราเทพถึงกับผวาราวกับมือนั้นเป็นแม่เหล็กคนละขั้วกับเขา ยิ่งมือ

นั้นวางนาบอยู่ตรงจุดสำคัญกึ่งกลางตัวก็ยิ่งปลุกเร้าให้อารมณ์แห่งสัมผัสหวามไหวจนลมหายใจแทบสะดุด สิงหากด

สะโพกให้ต้นขาเรียวเปิดกว้าง แท่งเนื้อหนั่นแน่นที่ไม่เคยผ่านมือใครถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเมื่อสิงหาแตะปลายลิ้นไปลาก

ไล้แผ่วเบา


“อา พี่สิงห์


ธราเทพเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงแหบพร่า เอวบางแอ่นรับช่องปากที่ดูดกลืนส่วนสำคัญเข้าไปจนหมด หนุ่มน้อยใช้มือ

เสยเข้าไปในกลุ่มผมดำนุ่มที่ยังคลอเคลียอยู่ตรงช่วงล่าง ท้องน้อยบีบแน่นเขม็งเกลียวหน่วงหนัก


“พะ พี่สิงห์ อ๊ะ


กลั้นหายใจเมื่อความอัดแน่นบีบตัวพุ่งทะลักอยู่ในช่องปากร้อนของอีกฝ่าย ธราเทพหอบหายใจถี่ใบหน้าแดงก่ำเมื่อสิง

หาที่ถอนใบหน้าออกจากการครอบครองยืดตัวขึ้นมามองด้วยดวงตาพราวระยับ


“อย่ากลืนเข้าไปสิครับ


ธราเทพบอกอย่างตกใจพลางเอื้อมปลายนิ้วมาเช็ดมุมปากที่ยังเปรอะเปื้อนน้ำรัก สิงหากุมมือนั้นไว้แล้วก้มลงไปกระซิบที่

ข้างหู


“ฉันขอนะ ขอเป็นเจ้าของตัวนาย


พูดจบสิงหาก็ใช้ปลายนิ้วแตะวนทักทายรอบช่องทางสีสวยจนธราเทพผวาเมื่อของจริงกำลังจะเริ่มต้น คนเชี่ยวชาญกว่า

จับขาคนด้อยประสบการณ์ให้ยกสูงแล้ววางพาดมาที่บ่ากว้างของเขา พลางมองช่องทางของอีกฝ่าย ดวงตาที่เคยดุกล้า

บัดนี้วาววับไปด้วยความต้องการเป็นเจ้าของพร้อมกับที่ปลายนิ้วเริ่มเปิดทางทักทายเข้าไปจนธราเทพต้องกลั้นหายใจอีก

รอบ


“จูบพี่สิครับวิน


เสียงกระเส่ากับสรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ธราเทพคล้องแขนไปรอบคอของสิงหาแล้วโน้มลงมาอย่างกลัวๆ กล้าๆ เรียว

ปากอิ่มประทับไปกับริมฝีปากอุ่นที่รอรับอยู่แล้ว หนุ่มน้อยค่อยๆ เป็นฝ่ายสอดลิ้น

ไปแตะในโพรงปากอย่างคนไม่เคย สิงหาต้องเป็นฝ่ายช่วยตวัดลิ้นสอนเชิงจนธราเทพเคลิบเคลิ้มลืมตัว เมื่ออิสริยะสอด

แทรกความแข็งแกร่งของท่อนเนื้อร้อนเข้าไปในช่องทางคับแน่นทีละนิด


“อื้มมม


ธราเทพนิ่วหน้าเมื่อความรู้สึกเจ็บเริ่มมาเยือนแม้ว่าจะยังคงเตลิดไปกับรสจูบ มือแกร่งของสิงหาคว้าหมับไปที่แก่นกาย

ของหนุ่มน้อยช่วยกระตุ้นให้ยิ่งเพลิดเพลินไปกับรสสวาสจนกระทั่งเขาดันตัวเข้าไปได้จนหมด สิงหาเองก็ต้องกลั้นใจกับ

ความคับแน่นตอดรัดภายในของช่องทางแสนหวานที่เขากำลังครอบครอง


“เก่งมากครับวิน


เขาเช็ดเหงื่อที่ไรผมของธราเทพพลางก้มจูบตามเมื่อหนุ่มน้อยผ่านขั้นตอนแห่งความเจ็บปวดไปได้


“เราจะมีความสุขด้วยกันต่อจากนี้เป็นต้นไป


สิงหาเริ่มต้นขยับตัวพลางใช้มือดึงเอวและสะโพกแน่นเนื้อของธราเทพให้เคลื่อนไหวตามจนความเสียวซ่านแล่นไปทั่ว

ร่าง เขาค่อยๆ สอนจนธราเทพให้รู้จักความหวานและทะยานไปสู่สวรรค์

ยิ่งรอมานานเพียงใด เขาก็มอบความหวานให้มากเท่านั้นจนลมหายใจที่สั่นสะท้านของเขาและธราเทพต้องปลดปล่อย

ออกมาพร้อมกันอย่างเป็นสุข









กว่าค่อนคืนผ่านไป จนเขานอนกอดร่างเปล่าเปลือยที่หลับใหลอยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่นอยู่บนเตียงเล็กอย่างสุขสม สิงหาก้ม

หน้าไปมองธราเทพที่เป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ด้วยความอิ่มเอม


ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่ากายหยาบภายนอกจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร เจ้าชายของเขาก็ยังคงเป็นเจ้า

ชายอยู่ในจิตวิญญาณ


เขาก้มลงไปจูบที่ขมับแผ่วเบา ธราเทพที่นอนหลับตาขยุกขยิกและคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อกระชับอ้อมแขนที่กอดรอบร่างแกร่ง

ของสิงหาเป็นการตอบรับ


“ยังไม่ยอมนอนอีกนะ


เสียงหวานพูดเบาๆ ทั้งที่ดวงตายังปิดสนิท


“ถ้ายังไม่นอน ตอนทำงานมีหวังผมได้เห็นช้างล้มแน่


สิงหาหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยิน เขาจับคางเรียวให้เงยขึ้นจนธราเทพต้องยอมลืมตาขึ้นมา


“อย่ามาว่าแต่พี่ เราเองก็ยังไม่ยอมนอน


สรรพนามที่เรียกขานปรับเปลี่ยนตามความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง สิงหากดริมฝีปากไปที่ปากอิ่ม

เร็วๆ อย่างมันเขี้ยวก่อนที่จะเอียงหน้ามองหน้าหวานๆ


“เพิ่งหายไข้ด้วย จะทำงานไหวหรือเปล่า


แก้มเนียนแดงเรื่อ ยกกำปั้นขึ้นทุบที่อกกว้างจนสิงหาร้องอุบ


“ถ้าจะทำงานไม่ไหว ไม่ใช่เพราะเพิ่งหายไข้หรอก แต่เพราะนายนั่นแหละ


“ไม่เอาวิน เลิกเรียกพี่ว่านายนั่นนายนี่ได้แล้ว พี่มีชื่อนะ เรียกว่าพี่สิงห์สิ


“ก็มันไม่ชินปากนี่


ธราเทพเอียงหน้าหนีดวงตาคู่ที่เคยดุแต่บัดนี้กลับมีแต่ความแพรวพราวจนเขาไม่กล้าสบตา


“ไม่ลองเรียกแล้วเมื่อไหร่จะชิน


สิงหาเลิกคิ้วเข้มขึ้นยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูดีขึ้นไปอีก


“พี่สิงห์


ธราเทพหลับหูหลับตาเรียก สิงหาขำจนเผลอหัวเราะเบาๆ


“ครับ เรียกพี่ทำไมครับวิน อยากให้พี่จูบอีกใช่ไหมครับ


ว่าแล้วสิงหาก็ทำท่าจะทำอย่างที่พูดจนธราเทพต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากนั้นไว้


“พอแล้ว ผมจะแย่แล้วครับพี่สิงห์


คำพูดนั้นจุดรอยห่วงใยขึ้นในดวงตาของสิงหา มือเรียวแกร่งลูบไล้ที่พวงแก้มเนียนอย่างเบามือ


“พี่ทำให้วินเจ็บมากไหม


คราวนี้ธราเทพหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุกเมื่อได้ยินคำถาม แต่เขาก็กลั้นใจมองสบตาสิงหา


“มันก็เจ็บนะ แต่ เอ่อ มันก็ทำให้ผมมีความสุข


คำตอบนั้นทำให้สิงหายิ้มได้ เขาโน้มตัวไปหอมที่หน้าผากมนแผ่วเบาเป็นการขอบคุณ ธราเทพได้แต่มองใบหน้าที่เป็น

เจ้าของตัวและใจของเขาอย่างสมบูรณ์ พลางตัดสินใจเอ่ยถามข้อข้องใจ


“พี่เป็นใครกันแน่


สิงหาชะงักเมื่อในที่สุดคำถามนี้ก็เกิดขึ้น เขาสบตาที่เต็มไปด้วยคำถามคู่นั้น


“มองตาพี่สิ วิน มองให้ลึกเข้าไปให้ทะลุกายหยาบ แล้ววินจะรู้เอง


ธราเทพสบตาคู่นั้นนิ่งนาน ความคุ้นเคยค่อยๆแล่นวาบเข้ามาในจิตใจจนความเย็นยะเยือกวิ่งวนไปทั่วร่าง


“มาอี”











“มาอี”


สุรเสียงแผ่วเบาดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อความสุขสมระเบิดขึ้นในและนอกร่าง ก่อนที่ร่างกำยำจะซบตัวลงอย่างหมดแรง

ลงบนวรกายบอบบาง ผลผลิตแห่งความรักยังคงหยาดหยดเปรอะเปื้อนวรกาย  มาอีค่อยๆใช้ปลายลิ้นร้อนลากชิมจนไม่มี

เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว เจ้าชายราโมสประคองใบหน้านั้นขึ้นมาแล้วทรงพรมจูบไปทั่ว


“ข้ารักเจ้า รักจนไม่เหลือจิตใจไว้เพื่อตัวเองอีกแล้ว มาอี เจ้าต้องรับผิดชอบ


มาอีจูบตอบอย่างหลงใหล พลางกระชับอ้อมกอดเข้ามาแนบแน่น


“ข้ารับผิดชอบด้วยการมอบดวงใจของข้าไว้ให้เจ้าเป็นการทดแทนไปแล้ว มันยังไม่เพียงพออีกรึ เจ้าชายของข้า


“ข้ากลัว มาอี


พระเนตรคู่หวานเบือนหน้าหนี


“เจ้าชายของข้า หวาดกลัวด้วยเรื่องใด


คำถามเชิงปลอบโยนทำให้พระพักตร์คมหันกลับมาสบตาอีกครั้ง


“ท่านพ่อเร่งรัดงานอภิเษกจนข้าหาสาเหตุผ่อนผันอีกไม่ได้ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่สามารถแต่งงานกับราบีอาได้จริงๆและข้าก็ไม่

สามารถแต่งงานกับหญิงใดได้อีก


มาอีก้มตัวลงไปปิดพระโอษฐ์ที่ตรัสด้วยสุรเสียงเศร้าสร้อยนั้นไว้ด้วยปากของเขา เขาไม่ชอบเห็นพระพักตร์ที่เต็มไปด้วย

ความเศร้าหมองนี้เลย หากเป็นไปได้ เจ้าชายราโมสของเขาต้องเต็มไปด้วยความ

สดใสมีชีวิตชีวา อย่างที่เขามองจนเจนตามาตลอดชีวิตแม้จะรู้ว่าที่ทรงตรัสมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ไหนจะยังเรื่องที่เจ้า

หญิงราบีอาทรงลอบมาหาเขานั่นอีกเล่า ยิ่งเป็นเรื่องที่จะให้เจ้าชายราโมสทรงรับรู้ไม่ได้เป็นอันขาด เพราะจะยิ่งสร้าง

ความขุ่นเคืองและกังวลใจไม่เลิกรา


ช่างมันก่อนเถอะ


จิตใจของมาอีประท้วง


จะมัวคิดเรื่องที่ทำให้ความสุขตรงหน้าหมดสิ้นลงไปเพื่อเหตุใด


ในเมื่อตอนนี้ ร่างกายของเขาที่ยังคงฝังลึกอยู่ในวรกายบอบบางเริ่มตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเจ้าชายทรงตอบรับจุมพิต

ด้วยการสั่นสะท้านไปทั้งร่างพระโสณีแน่นกลมกลึงเบียดรับ ยิ่งทำให้เขาต้องขยับตัวอีกครั้ง


“มะ มาอี


สุรเสียงสุดท้ายสั่นพริ้วขาดหายไปในลำคอ เมื่อมาอีดึงให้พระองค์เดินทางไปสู่สรวงสวรรค์อีกครา

























หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ8# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-04-2015 20:17:26
 :-[   รู้ใจแล้ว ฟันฝ่าอุปสรรคให้ไดันะ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ8# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 30-04-2015 20:48:03
พี่สิง เป็นสิงโตหรือ งูเขียวกันแน่ แอบกินตับกันเฉ๊ยยย  :z1:

แต่ตอนนี้อีกอย่างที่ปริ่มคือ ยัยราฟ่อน ไม่โผล่หัวมาให้ลำคาญใจ   :hao6:

ทางที่ดีหายๆไปเลยจะแหล่มมาก
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ8# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-04-2015 22:31:42
เข้าใจกันแล้วว
แบบนี้ค่อยๆ ช่วยกันหาความจริงให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ8# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-05-2015 00:38:40
เขาเริ่มชอบกันแล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ8# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-05-2015 00:54:31
ใครทำอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ8# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 01-05-2015 08:31:14
สิงห์ควรเลิกแค้นแล้วช่วยกันหาความจริงนะ

ไหนๆก็ยินยอมกันทั้งคู่แล้ว  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 1ุ8# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: Respire ที่ 01-05-2015 10:51:44
 :o8: :-[ :impress2: เขาได้กันแล้ววววววว อ่านแล้วเขิน มันนุ่มนวลมาก แต่เราว่ามันคงจะสุขไม่นานหรอก เพราะปมต่างๆของเรื่องยังไม่เปิดเผยเลย แต่เราอยากให้ทั้งคู่ช่วยกันคลายปม มากกว่าจะมาไม่เข้าใจกันอีก มันปวดร้าววววว  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 18# [30/04/58) คริคริ บทนี้หวานแหววมาก^^
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 02-05-2015 20:04:43
รออดีตเปิดเผย
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 19# [03/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 03-05-2015 20:55:27


                                                         คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                                บทที่ 19


เสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวดด้วยความกลัดกลุ้มสลับกับการอมยิ้มด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน ทำให้ภูหิรัณย์

ต้องหันไปมองหน้าเพื่อนรักด้วยความสงสัย


วันนี้สิงหาให้เขาและธราเทพมาทำงานในเต็นท์เก็บของเพราะเห็นว่าเพิ่งหายไข้ทั้งคู่ เขาก็เลยได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิด

เพื่อนสนิทอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคนเป็นเพื่อนจะไม่ใส่ใจเขาเท่าไหร่นัก ภูหิรัณย์หน้ามุ่ยเมื่อเพื่อนมัวแต่ตกอยู่ในโลกส่วน

ตัว


“วินไอ้เชี่ยวิน


เขาพยายามเรียกแต่ธราเทพก็ยังเฉย


“เชี่ยวิน มึงเป็นไรเนี่ย


ในที่สุดเขาก็สบถออกมาเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ จนธราเทพได้สติ


“อะไรวะ มึงตะโกนเสียงดังทำไมเชี่ยเซน


ธราเทพมองมาอย่างงงๆ เมื่อเห็นสายตาเพื่อนค้อนขวับ


“ถ้ามึงมาแล้วจะอยู่แต่โลกส่วนตัวของมึง อันเชิญคุณมึงกลับไปนอนเล่นที่โรงแรมดีกว่าไหมวะ


“เออ กูขอโทษ กูมีเรื่องคิดเยอะไปหน่อย


ธราเทพส่งเสียงง้องอนสำนึกผิด ภูหิรัณย์เหล่ตามองอย่างสงสัย


“เรื่องเยอะแยะอะไรของมึง จำเป็นต้องเล่าให้กูฟังไหม


ดวงตายาวรีสะท้อนความยุ่งยากออกมาให้เห็น ธราเทพนิ่งไปครู่หนึ่งจึงได้ตัดสินใจ


“มึงจำเรื่องที่ก่อนมาอียิปต์ กูฝันประหลาดติดต่อกันทุกคืนได้ไหม มึงรู้ป่ะเซนยิ่งมาที่นี่กูยิ่งฝันเป็นเรื่องเป็นราวยิ่งกว่าเดิม

อีก


แล้วธราเทพก็เล่าเรื่องราวในความฝันให้เพื่อนฟังจนถึงเหตุการณ์ล่าสุด ภูหิรัณย์ฟังเพื่อนเล่าไปดวงตาก็เบิกโพลงอย่าง

ตื่นเต้น


“นี่มึงกำลังจะบอกกูว่าฟาโรห์ราโมสเป็นเกย์ แถมยังเป็นแฟนกับองครักษ์มาอีเนี่ยนะ โอย คุณพระคุณเจ้า ไปบอกเซียน

ไอยคุปต์คนไหนเขาจะเชื่อมึงบ้างวะ แต่ว่า กูก็ไม่เห็นว่ามึงจะต้องกลุ้มตรงไหนนี่หว่า


ภูหิรัณย์หันมามองเพื่อนอย่างสงสัยอีกครั้ง ธราเทพอึ้งแล้วจึงเฉลยให้เพื่อนฟัง


“เซน มึงเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดใหม่จำอดีตได้อะไรแบบนี้หรือเปล่า คือกูคิดว่ากูเจอเรื่องแบบนั้น


“ทำไม มึงเจอใครที่กลับชาติมาเกิดแล้วจำอดีตได้หรือไง


ภูหิรัณย์พยายามปะติดปะต่อแต่ก็ไม่สำเร็จ ธราเทพพยักหน้ารับ


“ใช่


“เฮ้ย ใครวะ


คนเป็นเพื่อนทำหน้าตาตื่น


“พี่สิงห์


ภูหิรัณย์อ้าปากค้าง ถ้าการที่สิงหากลับชาติมาเกิดแล้วมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ธราเทพฝันก็หมายความว่า


“พี่สิงห์คือราชองครักษ์มาอี


ธราเทพเฉลยให้


“เฮ้ย จริงดิ


ภูหิรัณย์อุทานอย่างตื่นเต้น สมองของเขาประมวลเรื่องอย่างรวดเร็ว

ถ้าสิงหาคือมาอี แล้วการที่เพื่อนของเขาฝันถึงเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจัง ธราเทพก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในฝัน ภู

หิรัณย์หรี่ตามองเพื่อนอย่างสงสัย


“มึงอย่าบอกกูนะ ว่ามึงคือฟาโรห์ราโมส ไอ้เชี่ยวิน


สิ่งที่ภูหิรัณย์พูดมาคือสิ่งที่ธราเทพสงสัยในวินาทีที่เขารับรู้ว่าสิงหาคือมาอี


ความคิดนึกย้อนไปถึงตอนที่ยังนอนอยู่ภายใต้อกอุ่นกลางราตรีที่ผ่านมา เมื่อสิงหาชี้ทางให้เขาได้คิด


“มองตาพี่สิวิน มองให้ลึกเข้าไปให้ทะลุกายหยาบ แล้ววินจะรู้เอง


ธราเทพจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น จ้องผ่านกาลเวลาเข้าไปจนปรากฏภาพของมาอีมาซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของสิงหา แม้

รูปร่างหน้าตาจะไม่เหมือนเดิมแต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยคือร่องรอยจากดวงตาคู่นั้น


“ถ้าพี่เป็นมาอี แล้วผมล่ะ ผมเป็นใคร ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย


เขาผุดลุกขึ้นมาอย่างตระหนกกับสิ่งที่เขารับรู้ สิงหาลุกตามขึ้นมาแล้วกอดเขาไว้จากด้านหลังอย่างอ่อนโยน


“วินคือคนที่พี่รักไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน


คำบอกรักที่ได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัวเรียกหยาดน้ำให้คลออยู่ในหน่วยตาคู่สวย ก่อนที่จะไหลรินผ่านร่องแก้มไปตกกระทบ

ลงบนหลังมือของสิงหา ธราเทพรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วแผ่นอกจนต้องสะอื้นออกมา


“ไม่ยุติธรรมเลยที่พี่จำความรักทั้งหมดได้ ในขณะที่ผมไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความทรงจำ


ธราเทพหันกลับไปเผชิญหน้า เขาจึงได้เห็นร่องรอยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในดวงตาของสิงหาเช่นกัน ความสงสารแล่นวูบเข้ามา


จนธราเทพต้องยกมือขึ้นประคองใบหน้านั้นไว้


“พี่ต้องเจ็บปวดกับอยู่ความทรงจำที่ยาวนานเป็นพันปี พี่ต้องทรมานมากแน่ๆ


ธราเทพคร่ำครวญก่อนที่จะเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงหนักแน่น


“จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะรักกันโดยที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต ผมรักพี่แม้จะจำไม่ได้ว่าพี่คือใคร รักเพราะพี่

คือสิงหา พี่คืออัสลานของผม



คิดมาถึงตรงนี้หน้าเนียนก็ร้อนซู่เมื่อนึกถึงความหาญกล้าในการบอกรักตอบกลับอย่างไม่อาย และยิ่งเมื่อคิดถึงรางวัลที่

สิงหามีให้หลังจากจบประโยคนี้ พวงแก้มของธราเทพก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ภูหิรัณย์ยิ่งจ้องมองด้วยความสงสัยหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นปฎิ


กิริยาตอบสนองของคนเป็นเพื่อน จนอดปากไม่อยู่


“ทำไมมึงต้องหน้าแดงพอกูพูดว่าพี่สิงห์เป็นมาอีแล้วมึงเป็นราโมส เฮ้ย หรือว่า เชี่ยแล้วไงมึง ไอ้วิน


ภูหิรัณย์ขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วแล้วดึงตัวธราเทพให้หันมาเผชิญหน้า พลางกวาดสายตาพิจารณาโดยที่ธราเทพยั้ง

ไม่ทัน จนสายตาไปหยุดอยู่ที่ซอกคอเมื่อเขาเห็นรอยแดงจางๆ ยังปรากฏให้เห็นภูหิรัณย์ตาเหลือก


“อย่าบอกกูนะ ว่ามึงกับพี่สิงห์น่ะมี….”


“คุยอะไรกันอยู่เหรอ


ภูหิรัณย์กลืนคำพูดลงคอเมื่อได้ยินเสียงของวริษฐาดังแทรกเข้ามาจากทางเข้าเต็นท์ ก่อนจะหันไปยิ้มแหยเป็นการ

ต้อนรับ


“มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะก้อย


“ก็มาทันคำถามว่าพี่สิงห์กับวินมีอะไรกันนั่นแหละ ทำไมหรือวินจนป่านนี้ยังทะเลาะกันไม่เลิกอีกหรือไง


“เอ่อ ก็ดีขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ ไม่ค่อยได้เถียงกันแล้ว”


ธราเทพเอ่ยตอบอย่างลำบากใจ ภูหิรัณย์ได้แต่ผิวปากแล้วก็หัวเราะอยู่ในลำคอ กระซิบเบาๆที่ข้างหูของธราเทพ


“เอาละเว้ย พอมือที่หนึ่งกับมือที่สองกำลังจะดีกันก็มีมือที่สามเข้ามาแทรก ไอ้วิน มึงแก้ปัญหาไปเองก่อนนะ มือที่ว่าง

เปล่าอย่างกูขอชิ่งก่อนละ


พูดจบภูหิรัณย์ก็เดินมายิ้มให้วริษฐาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินลิ่วออกไปจากเต็นท์


“ไอ้ก้อย แกก็อย่าแรงนักนะยังไงก็เพื่อนกันนะโว้ย


“เฮ้ย ไอ้เซน เดี๋ยวก่อนดิ


ธราเทพส่งเสียงห้ามพลางก้าวตามไป แต่ก็ติดอยู่ตรงที่วริษฐาเอื้อมมือมาคว้าท่อนแขนของเขาไว้


“วิน แกจะเดินหนีฉันอีกนานไหม


ธราเทพชะงัก และเมื่อหันกลับมามองหน้าเพื่อนก็ต้องถอนหายใจออกมา ดวงตาของวริษฐามีแต่ความน้อยใจ ปนเปกับความขมขื่นจนเขาอด


สงสารไม่ได้


“เราไม่ได้เดินหนีแกนะก้อย เราแค่…”


“แค่ลำบากใจที่จะคุยกับเราใช่ไหม


วริษฐาสวนคำออกมา เมื่อเห็นท่าทีของคนเป็นเพื่อน หญิงสาวเสียใจจนน้ำตารื้นออกมา


“ทำไมเหรอวิน การที่ฉันชอบแกมากกว่าความเป็นเพื่อนมันทำให้แกลำบากใจขนาดนั้นเลยหรือ


เมื่อวริษฐาช้อนตาขึ้นมองธราเทพก็ยิ่งรู้สึกยุ่งยากใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นคนเป็นเพื่อนร้องไห้ เขาก้าวเข้าไปใกล้วางมือลงบนบ่า


ของหญิงสาวเป็นการปลอบโยน


“ไอ้ก้อย มันไม่ใช่เรื่องลำบากใจ เพียงแต่ฉันไม่คิดว่าแกจะคิดแบบนั้น เราเป็นเพื่อนกันนะ


“แต่ฉันไม่อยากได้แกเป็นเพื่อนนะวิน


วริษฐาโผเข้ากอดธราเทพพลางซุกหน้าลงกับแผ่นอก ธราเทพได้แต่ยืนอึ้ง


“ฉันชอบแกมานานแล้วนะวิน ทำไมแกถึงดูไม่ออกทำไมแกไม่เคยรู้ ขนาดเซนมันยังดูออกเลย


หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่เจ็บปวดแกมขอร้อง มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าของธราเทพ แล้วอยู่ๆ มือ

ข้างนั้นก็เหนี่ยวต้นคอของธราเทพให้ก้มต่ำลงมาอย่างรวดเร็ว


“เฮ้ย ก้อย…”


ธราเทพห้ามเพื่อนไม่ทันเมื่อวริษฐายืดตัวขึ้นมาแล้วประกบริมฝีปากลงไปบนปากของเขา ธราเทพได้แต่เบี่ยงตัวหลีกหนี

และยกมือขึ้นดันไหล่ของหญิงสาวอย่างยากลำบาก กว่าที่เขาจะหลุดออกมาจากการกระทำนั้นได้ในที่สุด ธราเทพยืนหอบแล้ว


จ้องมองวริษฐาอย่างไม่เชื่อสายตา


“แกบ้าไปแล้ว ไอ้ก้อย สงบสติอารมณ์หน่อย


เขาหลุดปากต่อว่า วริษฐากัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือดเมื่อจ้องตอบธราเทพด้วยความเสียใจ


“ฉันจะถือว่าแกควบคุมสติสัมปชัญญะไม่ได้ แต่คิดว่านี่คงเป็นครั้งเดียวที่แกจะทำแบบนี้ ถ้าแกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่


เมื่อพูดจบธราเทพก็กลับหลังเดินออกไปที่ทางเข้าเต็นท์ โดยไม่สนใจวริษฐาที่ร้องไห้โฮออกมาแล้วจึงไปหยุดยืนนิ่งอยู่

ทางเข้า ถอนหายใจยาวออกมาก่อนที่จะเลี้ยวออกไปทางปิรามิด


ธราเทพจึงไม่ได้เห็นร่างสูงของสิงหาที่ยืนอยู่ไกลออกไป ตรงกับตำแหน่งทางเข้าเต็นท์ที่แหวกออกเป็นช่องให้มองเห็น

เหตุการณ์ภายในได้พอดี











ธราเทพคลี่ยิ้มเมื่อมองออกไปที่ระเบียงแล้วเห็นแผ่นหลังกว้างยืนทอดสายตาไปที่แม่น้ำไนล์อย่างชินตา แต่คืนนี้เป็นคืน

แรกที่เขาก้าวออกไปยืนเคียงข้างแล้วมองไปยังแม่น้ำไนล์ที่คดเคี้ยวเบื้องหน้าอย่างชื่นชม


“ผมเคยสงสัยทุกคืนว่าที่ระเบียงมันมีอะไรดีพี่สิงห์ถึงได้มายืนมองอยู่ได้ แต่วันนี้เข้าใจแล้วจะรังเกียจไหมครับที่ต่อไปนี้

ผมจะมายืนตรงนี้ด้วย


ยิ้มอบอุ่นปรากฎขึ้นบนใบหน้าของสิงหาเมื่อหันหน้ามาสบตากับธราเทพ พลางยกมือขึ้นโอบไหล่ให้ร่างบางเข้ามาชิด

ใกล้


“การเคารพแม่น้ำไนล์แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมเรากับเทพเจ้า มันเป็นสิ่งที่ชาวไอยคุปต์ต้องทำอยู่แล้ว พี่จะรังเกียจวินได้ยัง

ไง ดีเสียอีกจะได้มีคนมาช่วยส่งใจไปถึงเทพเจ้า แต่ว่าคืนนี้อย่าเพิ่งตากน้ำค้างเลย


สิงหายกมือขึ้นประคองใบหน้าของธราเทพให้เอียงมาแล้วเขาก็โน้มใบหน้าไปจนหน้าผากทั้งคู่ชิดติดกัน


“ตัวยังรุมๆอยู่เลยนะเรา วันนี้บอกให้อยู่แต่โรงแรมก็ไม่เชื่อยังจะรั้นตามไปอีก


แล้วสิงหาก็เกี่ยวแขนให้ธราเทพเดินตามเข้ามาในห้องจนถึงเตียงนอน ผลักเบาๆ ให้หนุ่มน้อยลงไปนั่งที่ขอบเตียง


“นอนพักผ่อนเยอะๆ เพิ่งหายไข้นะวิน


ปลายเสียงที่เรียกชื่อเขามันช่างอ่อนหวานจนธราเทพคลี่ยิ้มรับ เขาเอนกายลงนอนอย่างว่าง่ายแต่ก็ต้องชะงักเมื่อสิงหา

ทำท่าจะล้มตัวลงนอนตาม


“อ๊ะๆ พี่สิงห์ไปนอนที่เตียงตัวเองเลยนะ เตียงเล็กนิดเดียวมานอนเบียดกันอยู่ได้


สิงหาเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน เขาทำท่าขยับตัวลุกขึ้นเมื่อเอ่ยปากตอบโต้


“ก็ได้ เห็นว่าวินยังไม่หายดีกลัวว่าตกดึกมาจะหนาวจนไข้ขึ้นอีก แต่ถ้าวินอึดอัดพี่ไปนอนเตียงพี่…”


คำพูดชะงักลงพร้อมยิ้มกริ่มเมื่อธราเทพเอื้อมมือมารั้งที่แขนไว้แล้วเอ่ยปากด้วยเสียงรู้ทัน


“จะนอนก็นอนไปสิ ท่ามากจริงๆเลย


สิงหาเผลอหัวเราะออกมาเบาๆแล้วจึงซุกกายเข้าไปในผ้าห่มก่อนที่จะดึงธราเทพมากอดไว้ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะได้ยินเสียงธราเทพถอนหายใจยาวพรืดแล้วบ่นออกมา


“พี่สิงห์ ผมนอนไม่หลับ หัวใจของพี่เต้นแรงจังเสียงดังมากเลย


“แล้วจะให้พี่ทำไงล่ะครับ เจ้าชายของพี่ อยู่ใกล้วินขนาดนี้หัวใจพี่มันก็ตื่นเต้นน่ะสิ


เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะพลางดึงให้หน้าเรียวมาซุกแนบอก


“เอ่อ ก็ ไม่ทำอะไรให้หายตื่นเต้นหรือครับ


ธราเทพอ้อมแอ้มถามเมื่อใบหน้าเกลือกกลิ้งอยู่กับอกกว้าง ทำให้สิงหาต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจยาวบ้าง


“ก็อยากอยู่นะ แต่ร่างกายของวินยังระบมจากเมื่อคืนอยู่เลย พี่ไม่อยากทำให้วินเจ็บมากกว่านี้ เว้นไว้ก่อนนะ


สิงหาประคองใบหน้าของธราเทพออกห่างจากแผ่นอกแล้วมองด้วยดวงตาพราวระยับจนธราเทพไม่กล้าสบตา


“แต่ยังไงคืนนี้ก็ขอมัดจำไว้ก่อน แค่นี้…”


สิงหาจูบลงไปที่หน้าผากมน ก่อนลากมาที่เปลือกตาทั้งสองข้างลงมาที่จมูกโด่งได้รูป พอมาถึงที่ริมฝีปากอิ่มเขาก็

ประกบมันแนบลงไป ใช้ปลายลิ้นดุนเบาๆให้ธราเทพเปิดรับก่อนที่ลิ้นนุ่มลื่นจะสอดเข้าไปอย่างนุ่มนวลแล้วตวัดเกี่ยวกับ

ปลายลิ้นของธราเทพให้พอหวามไหว


เขาถอนปลายลิ้นออกมาช้าๆ แวะเล็มไล้ที่กลีบปากอยู่อีกพักใหญ่กว่าจะคืนอิสระให้ธราเทพได้ในที่สุด สิงหาดึงร่างบางเข้ามาใน


อ้อมกอดแล้วลูบหลังเบาๆ อย่างอ่อนโยน


“นอนเสียเจ้าชายของพี่ ตื่นขึ้นมาจะได้สดใส มีแรงมาต่อปากต่อคำกับพี่เหมือนเดิม


เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ธราเทพก็หลับลงในอ้อมกอดของเขา







                                                      :L1: :L1: :L1: :L1:




                                                      มีโพลด้านบนด้วยนะ


หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 19# [03/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-05-2015 22:37:15
ก้อยต้องน่ากลัวแน่เลย
ดูนางเอาแต่ใจจัง  รายีอากลับชาติมาเกิด
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 19# [03/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dekvet ที่ 04-05-2015 16:28:18
 o13 o13
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 19# [03/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 04-05-2015 21:16:27
1อียิบป์เป็นแนวที่ชอบมาก
2นายเอกไม่ว่าจะยุกต์อดีตหรืออนาคตไม่มีอะไรดีเลย ถึงจะเป็นองค์ชายก็เป็นองค์ชายที่ฮ่วยมากปัจจุบันก็เหมือนกันมีดีแค่เรียนเก่งรู้จักภาษาอียิบป์เฉยๆนอกนั้นก็ไม่มีอะไรดีแถมถูกทิ้งตั้งแต่เด็ก
3เป็นถึงองค์รัชทายาทแทนที่จะมีเทพคอยปกป้อง แต่เทพเข้าข้างคนชั่วอีกตังหากแต่รัชทายาทไม่มีเทพค่อยป้องกันสิ่งไม่ดีเลย ทั้งอดีตและปัจจุบัน
4พระเอกโง่มากไม่ว่าอดีตและปัจจุบัน
5พอจะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร จากตอนล้าสุดก็พอจะเดาเรื่องได้ว่าอะไรเป็นอะไร
6ไม่ใช่เรื่องนี้ไม่ดีนะ มันดีทุกอย่างอ่านเข้าใจง่ายภาษาดี แต่มันไม่ใช่แนวผม จากที่อ่านนิยายแนวนี้มาถ้านายเอกเป็นแบบนี้ผมจะไม่อ่านเพราะไม่ชอบนายเอกที่อ่อนแอ่และไม่มีอะไรดี ไม่ปลื้มสุดๆ แถมพระเอกโง่ๆด้วยแล้วยิ่งคัดใจ ผมก็รู้ว่าเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้ คือเข้าใจเรื่องกดขี่ทางเพศไหม ผมไม่ชอบเรื่องคนอ่อนแอ่แล้วชอบทำตัวอ่อนแอ่อ่ะ ถึงจะสู้ไม่ได้ก็ขอแรกมันด้วยชีวิตไปเลย จะปล่อยให้ตัวเองเจ็บซ้ำไปถึงเมื่อไหร่ ไม่ใช่มห้ไปฆ่าเขาแค่เอาตัวเองให้ออกมาจากวงจรต้องนั้นซัะ อโหสิกรรมให้มัน คือดูแล้วมันมีแค่แก้แค้นกันแทบตาย สุดท้ายก็ให้อภัยง่ายๆ ตามหลักพระธรรมมันก็ใช้ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี แต่คนที่จะทำดีทำให้ถึงต้องถูกคนไม่ดีทำร้ายอยู่ร่ำไป ไม่เข้าใจก็ต้องนี้ เพราะแบบนี้เขาจึงไม่ค่อยทำดีกันเพราะกว่าจะได้ดีมันต้องแลกกับความเจ็บซ้ำมากมายกว่าจะได้มันมา แต่ถึงทำชั่วมันได้สิ่งที่ต้องการเร็วกว่าถึงจุดจบมันจะไม่สวยก็เถอะ  เพ้อเจ้ออะไรเนี้ย ไปแหละ อ่านแล้วมันอัดอั่นตันใจมาก พอได้ละบายมันก็ดีขึ้น ถึงจะทำให้คนเขียนเสียความรู้สึกก็เถอะ ใครอ่านแล้วจะด่าจะว่าจะลบเป็ดเราไม่ว่านะ ไปก่อนล่ะ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 20# [05/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-05-2015 12:29:20



                                                            คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                                   บทที่ 20



          “เราหนีไปด้วยกันได้ไหม”


          สุรเสียงนุ่มดังขี้นมาพร้อมเสียงถอนพระปัสสาสะด้วยทรงกลัดกลุ้ม แม้จะทอดวรกายกอดก่ายอยู่กับ

มาอีบุรุษที่ทรงรักที่สุดก็ยังไม่สามารถบรรเทาความปริวิตกลงได้


          “ข้าไม่สนอะไรอีกแล้ว ข้าอยากใช้ชีวิตอยู่อย่างคนธรรมดากับเจ้าแม้จะให้ข้าไปเป็นเบดูอินเร่ร่อน

ข้าก็ทำได้”


          มาอีได้แต่กระชับอ้อมแขนให้วรกายนุ่มเบียดชิดเข้ามาเป็นการปลอบประโลมให้คลายกังวล


          “ใจเย็นก่อนเถิดเจ้าชายของข้ามันอาจจะไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่เจ้าคิด”


          “ข้าใจเย็นลงไม่ไหวหรอกนะมาอี เจ้าไม่เห็นรึว่าท่านพ่อและพระสนมเซฟเทตเร่งรัดงานอภิเษก

จนข้าหาวิธีผัดผ่อนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากหนี”

          หากแต่ยังไม่ทันที่จะรับสั่งมากไปกว่านั้นเสียงฝีเท้าที่เดินย่ำอยู่ภายนอกห้องบรรทมดังอื้ออึงเข้ามา

ถึงภายในก็ทำให้มาอีสะดุ้งและเตรียมที่จะลุกออกจากแท่นพระบรรทมแต่ก็ไม่ทันการ


          บานประตูกว้างใหญ่ถูกผลักเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยผู้ที่เจ้าชายราโมสไม่ต้องการพบก้าวนำ

เข้ามาเป็นคนแรกทำให้ร่างที่กอดก่ายกันบนแท่นบรรทมกว้างต้องผละห่างออกจากกันด้วยความตกใจสุดขีด


          ฟาโรห์เพตเทเมนทรงยืนจังก้าอยู่ที่ปลายพระแท่นบรรทมด้วยพระพักตร์ถมึงทึงตามด้วยเมเลส

นายทหารระดับสูงผู้ซึ่งเป็นพระสหายสนิทและยังเป็นบิดาของมาอี รวมทั้งพระสนมเซฟเทตและเจ้าหญิง

ราบีอาทรงยืนอยู่ถัดไป โดยมีมหาอำมาตย์ฮาอัสยืนพิงกรอบประตูอยู่เบื้องหลัง


        “ท่านพ่อ”


          เจ้าชายทรงค้นพบสุรเสียงขององค์เองเป็นคนแรกแม้จะเบาหวิวอยู่ในพระศอเมื่อทุกคนที่อยู่ภายใน

ห้องต่างตกอยู่ในความเงียบด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน


          ทั้งฟาโรห์เพตเทเมนและเมเลสผู้เป็นบิดาต่างมองบุตรด้วยความเจ็บปวด เสียใจในการกระทำเยี่ยงนี้

โดยเฉพาะเมเลสถึงกับขอบตาร้อนผ่าวเมื่อทราบว่ามาอีได้กระทำการหยามหมิ่นเบื้องพระยุคลบาทของฟาโรห์

แค่ไหนพระสนมเซฟเทตยกมือขึ้นปิดปากทำตาโตเมื่อรู้ว่าเรื่องที่เจ้าหญิงราบีอาตัดสินใจนำมากราบทูล


ฟาโรห์นั้นเป็นเรื่องจริง ส่วนมหาอำมาตย์ฮาอัสยืนมองภาพเบื้องหน้านิ่งดวงตาที่เคยหลุกหลิกลุกวาบ

ขึ้นมาคราหนึ่งก่อนที่จะจางหายไป


          ส่วนเจ้าหญิงราบีอาทรงทอดพระเนตรมองร่างกำยำที่รีบคว้าผ้ามาพันกายท่อนล่าง แล้วลงมาคุกเข่า

ค้อมศีรษะลง ณ เบื้องหน้าฟาโรห์ ทรงกำพระหัตถ์และกัดพระโอษฐ์องค์เองจนห้อเลือดพลางเงยพระพักตร์

ขึ้นเพื่อสกัดกั้นพระอัสสุชลไว้


          ฟาโรห์ทรงก้าวเข้ามาหาพระวรกายบางที่ทรงถลามานั่งคุกพระชานุเคียงคู่อยู่กับมาอี ทรง


ทอดพระเนตรราชโอรสนิ่งก่อนที่ทุกคนในห้องจะตกใจเมื่อทรงสะบัดพระหัตถ์ไปตบพระพักตร์

ของเจ้าชายเสียงดังสนั่น


           ไม่มีสุรเสียงจากเจ้าชายราโมสที่ค่อยๆ หันพระพักตร์กลับมาพร้อมโลหิตที่ไหลซึมจากมุมพระโอษฐ์

และพระอัสสุชลที่หยาดหยดผ่านร่องแก้มร่วงหล่นต้องพื้น หัวใจของมาอีหล่นวูบเมื่อเห็นภาพนั้นและเมื่อ


ฟาโรห์เพตเทเมนทรงยกไม้เท้าทองคำที่ใช้พยุงวรกายขึ้นเงื้อสูง มาอีจึงรีบโผไปบังวรกายบางจนไม้เท้า

ที่ตวัดลงมาอย่างรวดเร็วฟาดลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขา


         รอยแดงเป็นแนวยาวเห่อขึ้นมาทันทีบนแผ่นหลัง มาอีกัดฟันที่จะไม่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

ออกไปก่อนจะกลับไปนั่งคุกเข่าในสภาพเดิม ฟาโรห์ทรงลดระดับไม้เท้าลงนำกลับมายันที่พื้นพระหัตถ์สั่นเทา


ทั้งสองวางซ้อนกันกุมแน่นอยู่บนยอดไม้เท้า พระอังสาลู่ลงอย่างอ่อนแรง พระเนตรที่ทรงมองผู้เป็นบุตร

บอกถึงความเสียพระทัยทำให้ดูเหมือนทรงชราลงไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่ไม่กี่วินาที


          “ที่เจ้าอ้างกับพ่อว่าไม่อยากแต่งงานกับราบีอามาตลอด แท้จริงเป็นเพราะเหตุนี้ใช่ไหม ราโมส”


          สุรเสียงอ่อนระโหยดังขึ้นในความเงียบ กลับทำให้ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นในพระหทัยของเจ้าชาย


มากขึ้นกว่าตอนที่ฟาโรห์ทรงตบพระพักตร์ด้วยซ้ำ เจ้าชายราโมสผวาไปค้อมวรกายจนพระนลาฎของ

พระองค์ประทับอยู่บนหลังพระบาทของฟาโรห์ พลางกันแสงออกมา


         “พ่อ ลูกขอโทษ”


          พระสนมเซฟเทตถลันเข้ามายืนอยู่ที่เบื้องปฤษฎางค์ของฟาโรห์ พลางส่งเสียงเจื้อยแจ้ว


          “ต๊าย เป็นเรื่องจริงหรือนี่ ตอนที่ราบีอามาบอกหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่เชื่อนะเพคะยังดุลูกกลับ


ไปว่าเป็นเรื่องบัดสีเหลวไหล ไม่นึกว่าที่ลูกบอกจะเป็นเรื่องจริง”


            พระสนมมองวรกายที่ยังคุดคู้แนบพื้นร่ำไห้อยู่นั้น ด้วยแววตาสาแก่ใจผิดกับน้ำเสียง


          “โถๆ ทรงรักใคร่อยู่กับมาอีก็ไม่บอกนะเพคะ หม่อมฉันจะได้ให้น้องหญิงตัดใจจากงานอภิเษกที่


ทรงไม่ยินดี”


          “พอเถอะ เซฟเทต”


         สุรเสียงแข็งกร้าวดังปรามไว้ พระสนมจึงต้องยั้งปากพลางค้อนปะหลับปะเหลือก องค์ฟาโรห์ทรง

ทอดพระเนตรร่างที่ยังหมอบกรานเบื้องหน้ารวมทั้งมาอีที่ยังคงคุกเข่าก้มหน้าสลับกันอยู่พักใหญ่แล้วจึง


เหยียดวรกายยืดตรงอีกครั้ง


            “เมเลส สั่งกักบริเวณเจ้าชายราโมสให้อยู่แต่ห้องนี้ห้ามผู้ใดเข้ามาและห้ามเจ้าชายราโมส


ออกไป ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้นอกจากข้า”


           “ท่านพ่อ”


           เจ้าชายทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมาด้วยความตกพระทัย แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนพระทัยองค์ฟาโรห์


ได้ซ้ำร้ายฟาโรห์เพตเทเมนยังทรงดึงข้อพระบาทออกจากการเกาะกุม แล้วทรงหันกลับก้าวพระบาท

ออกไปทรงยั้งวรกายไว้แล้วทรงตรัสโดยไม่หันกลับมามอง


        “ส่วนมาอี เจ้าจะทำเยี่ยงไรเป็นสิทธิ์ของเจ้า”


        ฟาโรห์ทรงก้าวจากไป นำหน้าพระสนมและเจ้าหญิงราบีอา รวมทั้งฮาอัสที่กระตุกยิ้มเพียง


เล็กน้อยจนเกือบไม่เห็นก่อนที่จะก้าวตาม ทิ้งไว้เพียงเมเลสที่จ้องมองลูกชายด้วยความปวดร้าว

เมเลสทรุดตัวคุกเข่าลงไปจนตัวเสมอกับบุตรชายที่มองมาอย่างขอลุแก่โทษ


          “เจ้าทำอย่างนี้ได้อย่างไร มาอี ไม่รู้รึว่าผลจะออกมาเยี่ยงไร”


           “ข้ารักราโมส รักเท่าชีวิตของข้า ท่านพ่อโปรดเข้าใจ”


            “ข้าเข้าใจแล้วจะทำอย่างไรได้ เจ้าชายราโมสต้องขึ้นครองแผ่นดินเป็นฟาโรห์คนต่อไป


เจ้าทำเยี่ยงนี้เป็นการหยามเกียรติองค์ฟาโรห์เจ้ารู้ตัวหรือเปล่า”


           ผู้เป็นบิดากล่าวด้วยเสียงแหบโหย เจ้าชายราโมสทรงถลามาใกล้แล้วทรงตรัสทั้งน้ำตา


           “ท่านลุง อย่าลงโทษมาอีเลย มันเกิดขึ้นเพราะความรัก เราสองคนรักกัน”


            “ความรักที่ไม่มีวันเป็นไปได้หรือกระหม่อม โทษพระองค์ไม่ได้เพราะพระองค์ยังทรง


พระเยาว์นักแต่เจ้า มาอี เป็นผู้ใหญ่แล้วกลับไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ”


             เมเลสลุกขึ้นยืน แล้วส่งเสียงดัง


               “ทหาร”


             ร่างกำยำของทหารที่ยืนรออยู่ภายนอกวิ่งกรูเข้ามาหลายนาย แล้วมายืนตรงรอรับคำสั่ง


             “โบยราชองครักษ์มาอีห้าสิบครั้ง แล้วนำตัวไปขังไว้ในคุกหลวง”


               จบคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ทหารนายหนึ่งจึงหยิบแส้ที่ทำจากเส้นใยผ้าทอที่เหนียว


และหนักขึ้นมา เจ้าชายราโมสทรงเบิกพระเนตรกว้าง


             “ไม่นะ ท่านลุง อย่าทำอย่างนี้”


             ทหารนายนั้นก้าวตรงมาคุกเข่าต่อหน้ามาอี แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียใจ


             “ท่านมาอี ข้าขอโทษ ข้าต้องทำตามคำสั่ง”


            มาอียิ้มเศร้าตอบกลับ นายทหารจึงได้ลุกขึ้นยืน เงื้อมือที่จับแส้ขึ้นสูงแล้วโบยลงมา


            “โอ๊ย!”


              กลับกลายเป็นเจ้าชายราโมสที่ผวามากอดร่างมาอีไว้ จนเป็นผู้รับโบยแรกพาดผ่านแผ่นหลัง


นายทหารรีบลดแส้ลงยืนตัวสั่นงันงกที่ทำร้ายราชโอรส


           “ราโมสเป็นอย่างไร”


            มาอีถามด้วยความตกใจที่คนรักยอมมารับแส้แทน และมองรอยแส้ที่ปรากฎอยู่อย่างเสียใจ

ยังไม่ทันที่มือแกร่งจะเอื้อมไปแตะต้องรอยแดงนั่น เมเลสผู้เป็นบิดาก็ออกคำสั่งอีกครั้ง


            “จับตัวเจ้าชายไว้ อย่าให้เข้ามาข้องเกี่ยว แล้วลงทัณฑ์ต่อ”


             ทหารสองนายตรงเข้ามาคว้าแขนของเจ้าชายไว้แล้วลากวรกายไปอยู่ที่มุมห้องโดย


ไม่สนใจว่าพระองค์จะทรงดิ้นรนขัดขืน นายทหารที่ถือแส้อยู่มองราชองครักษ์อย่างขอลุแก่โทษ

อีกครั้งก่อนเงื้อมือโบยแส้ลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ยังนั่งคุกเข่านิ่ง




            …ควับ!!!...



              ทันทีที่แส้เหนียวชำแรกผ่านเนื้อเปล่าเปลือยลงมา มาอีก็สะดุ้งเมื่อความรู้สึกเจ็บแปลบ


แผ่ซ่านไปทั่วและยังไม่ทันที่ความเจ็บปวดจะคลายลงเขาก็ต้องกัดฟันแน่นเมื่อแส้ที่โบยเป็นครั้ง

ที่สองลอยละลิ่วลงมาซ้ำที่เดิม


            ชายหนุ่มสะดุ้งซ้ำๆ จนนับไม่ได้ว่าเขาถูกโบยไปกี่ครั้ง ความเจ็บปวดทวีทับถมจนหูอื้อตาพร่า


เสียงของเจ้าชายราโมสที่ร้องตะโกนลั่นคร่ำครวญทุกครั้งที่แส้ตกกระทบกับเนื้อตัวจนโลหิตหลั่งริน

ออกมาเปรอะเปื้อนไปกับแส้แล้วกระเด็นไปทั่วห้องเมื่อนายทหารออกแรงโบยลงมาเริ่มจางหายไป

จากการรับรู้ของเขา เสียงสุดท้ายคือเสียงแส้ที่แหวกอากาศลงมาอีกครั้งก่อนที่สติของมาอีจะดับ

วูบลง


             นายทหารถือแส้ค้างอยู่ในมือเมื่อเห็นราชองครักษ์ล้มลงไปนอนกองกับพื้น เนื้อตัวเต็มไป


ด้วยรอยเลือดจากแส้ที่โบยลงมานับไม่ถ้วนจนรอยเป็นทางพันกันยุ่งเหยิง เขาหันไปสบตากับเมเลส

ด้วยความเกรงใจ


               “ท่านเมเลสครับ ท่านมาอีสลบไปแล้ว พอเถอะครับ”


                 เมเลสที่ยืนกัดฟันมองร่างที่ไม่ได้สติของบุตรพลางกลั้นน้ำตาไว้


                “โบยไปกี่ครั้งแล้ว”


               “สี่สิบครั้งแล้วครับท่าน”


              นายทหารค้อมศีรษะลงตอบ


                 “ท่านลุง พอเถอะ นั่นลูกชายของท่านเองนะ อย่าโหดร้ายนักเลย”


                  เจ้าชายราโมสที่กันแสงจนพระพักตร์เต็มไปด้วยคราบน้ำตาทรงตะโกนลั่นพลาง


พยายามดิ้นรนให้พ้นการจับกุมแต่ก็ไม่สำเร็จ เมเลสกัดฟันจนเห็นสันกราม


              ยิ่งเป็นลูก ยิ่งเป็นราชองครักษ์ เมื่อกระทำผิดโทษจึงต้องยิ่งหนักกว่าเป็นเท่าตัว


             เมเลสกลั้นน้ำตาไม่สำเร็จเมื่อมันไหลลงมา ตอนที่เขาออกคำสั่งอีกครั้ง


             “โบยต่อให้ครบตามคำสั่ง แล้วพาตัวไปคุกหลวง”


            เขาหันหลังให้เมื่อนายทหารลงมือโบยร่างที่ไม่ได้สตินั้นอีกครั้ง จนมาอีนอนจมกองเลือด


ที่หลั่งรินออกมาจากแผลที่แผ่นหลัง และแผลใหม่จากด้านหน้าเมื่อถูกโบยขณะไม่ได้สติ

เจ้าชายราโมสทรงดิ้นจนหมดแรง พระชานุทั้งสองข้างสั่นเทาจนประทับไม่อยู่ต้องทรุดวรกาย

ลงกันแสงอยู่กับพื้นแม้จะมีนายทหารยึดพระอังสาและพระหัตถ์ไว้เมื่อเสียงแส้ที่แหวกอากาศ

สิ้นสุดลง พระองค์จึงได้เงยพระพักตร์ขึ้นมอง ก็ได้เห็นเมเลสเดินนำนายทหารที่หิ้วปีกร่างที่

หมดสติของมาอีออกไป


           “ไม่นะ มาอี เจ้าต้องไม่เป็นอะไร”


            นายทหารที่ยึดวรกายไว้ยอมปล่อยพระองค์ให้เป็นอิสระจากการจับกุมแล้วก้าว


ตามออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าชายราโมสทรงผวาตามไปแต่ประตูบานใหญ่กลับปิดใส่แล้วลั่นดาน

ทันที ทรงอ้าพระโอษฐ์ค้างก่อนที่จะได้สติ เจ้าชายราโมสทรงทุบประตูติดต่อกันจนอุ้งพระหัตถ์

ห้อเลือดพลางส่งสุรเสียงดังลั่น แต่ประตูหนาหนักที่กั้นพระองค์ไว้กับภายนอกก็ไม่ขยับ


            “เปิดประตู เปิดเดี๋ยวนี้ เราจะไปหามาอี เราจะไปหามาอี ได้โปรดเถอะ ได้โปรด…”


         ปลายสุรเสียงขาดหายเมื่อวรกายบางแนบไปกับประตูแล้วเลื่อนไถลไปกองอยู่กับพื้นอย่างหมดแรง




                                TBC



ขอบคุณคอมเมนท์ของคุณชัดเจนกาบนะคะ
คนแต่งจะเก็บไปปรับปรุงในเรื่องต่อไปค่ะ
แต่ว่าเรื่องนี้แต่งจบไว้นานแล้ว ต้องขออภัยที่คงเปลี่ยนบททั้งหมดไม่ได้ค่ะ
แต่ถึงยังไงก็ขอบคุณที่อ่านนะคะ











หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 20# [05/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-05-2015 13:26:08
 :hao5:   
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 20# [05/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-05-2015 13:55:33
โอ้ยย สงสารง่ะ
ชาติก่อนเจ็บปวด แต่ชาติปัจจุบันขอให้สมหวังเนอะ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 20# [05/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-05-2015 15:44:16
พอจะเดาเรื่องในอดีตได้ แต่อยากรู้ว่าคนเขียนจะให้ตอนต่อๆไปเป็นไปในแนวทางไหน
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 20# [05/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 05-05-2015 17:01:42
คือก็ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกครับคุณคนแต่ง มันก็แค่อารมณ์เพ้อเจ้อของผมเท่านั้น ผมว่ามันกะเป็นสิ่งที่บ่งบอกนิสัยคนเราได้ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะ เพราะส่วนใหญ่จะเอาอารมณ์โกรธจนไม่ทีสติก่อนเสมอแหละ ทุกวันนี้ก็มีข่าวให้เห็นบ่อยๆ คือมันเป็นนิยายเลยแค่อยากขอกำลังใจจากสิ่งที่ไม่มีจริงๆเพื่อเป็นกำลังใจในการทำสิ่งดีๆเฉยๆ ปัจจุบันนี้ไม่ว่าเพศไหนก็เป็นแบบในเรื่องเปียบเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 20# [05/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 05-05-2015 19:08:20
 :hao5: :hao5: :z3:  ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 20# [05/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-05-2015 19:48:05
 :pig4 :pig4:
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 21# [08/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-05-2015 21:06:38

                                                          คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                              บทที่ 21


วรกายสะพรั่งด้วยวัยดรุณีย่างพระบาทลงมาสู่ดินแดนจองจำทั้งที่ไม่เคยเหยียบย่างมาก่อนพระพักตร์เชิดสูงใช้หาง

พระเนตรทอดมองทหารเฝ้าเวรยามทั้งสองนายเบื้องหน้าทางเข้า


“นำเราไปพบราชองครักษ์มาอี”


“ตะ แต่ว่า”


ทหารชั้นผู้น้อยมีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินสุรเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ


“หรือว่าอยากถูกแยกร่างเป็นห้าส่วน”


นายทหารลนลานนำผู้เป็นราชธิดาของฟาโรห์ก้าวพระบาทตามเข้ามาในเขตคุมขังที่อับทึบ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ ณ ห้อง

ขังที่มีเหล็กกล้ากั้นขวางอิสรภาพของผู้อยู่ภายใน


“เปิดทางให้เราได้เข้าไปพูดคุยกับท่านมาอี แล้วพวกเจ้าก็ไสหัวไปซะ”


ทรงก้าวเข้าไปในเขตห้องขังที่มีร่างกำยำนั่งพิงผนังด้านหนึ่งอย่างอ่อนแรง ทรงรอจนทหารย่ำเท้าออกไปจนพ้นสายตา

แล้วเจ้าหญิงราบีอาจึงคุกพระชานุลงเบื้องหน้าคนที่ทำให้พระองค์รุ่มร้อน


ทอดพระเนตรร่างที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งบาดแผล บางรอยยังมีเลือดซิบ บางแห่งกลายเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง ใบหน้า

ที่หลอกหลอนอยู่ในพระสุบินดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด พระหัตถ์สั่นเทาเอื้อมไปแตะที่แผ่นอกกว้างจนเจ้าตัวสะดุ้ง ปรือตา

ขึ้นมาช้าๆ


“ถ้าเพียงแต่ท่านทำตามที่เราปรารถนา ท่านก็จะไม่มีสภาพเยี่ยงนี้”


เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ทรุดนั่งไปกับพื้น เอนวรกายลงไปซบพระพักตร์ลงบนอกที่เต็มไปด้วยบาดแผล พลางใช้พระหัตถ์ลูบไล้

ที่บ่ากว้าง


“ข้าจะให้ในทุกสิ่งที่ท่านต้องการแม้แต่ดาวกับเดือนบนฟ้า ท่านก็รู้ว่าข้าทำได้”


ทรงดึงอาภรณ์ออกจากวรกายเบื้องบนจนเหลือแต่ปทุมถัน แล้วทรงดึงมือหนาของมาอีมาวางแนบกอบกุมพระถันจนอยู่

ในอุ้งมือ ก่อนที่จะยื่นพระพักตร์ไปบดแนบฝีพระโอษฐ์ลงกับปากแห้งผากที่ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ


“กอดเราสิ จูบเราสิ มาอี”


สุรเสียงแหบพร่าพร้อมลมหายใจที่ผ่าวร้อนรินรดอยู่ใกล้ใบหน้า เจ้าหญิงราบีอาทรงบังคับให้มือหนาที่กอบกุมพระถันบีบ

เค้นหนักหน่วง


“ทำทุกอย่างให้เราเหมือนที่ท่านทำให้ราโมส ข้าปรารถนาในตัวท่านเหลือเกินมาอี ปรารถนาจนแทบจะขาดใจ”


แม้จะทรงเบียดวรกายแนบแน่นแต่ร่างที่ยังเอนกายพิงผนังก็ยังคงนิ่ง  มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้นที่ยังแสดงถึง

ความมีชีวิต ยิ่งสร้างความขัดเคืองให้แก่เจ้าหญิงสูงศักดิ์ ที่เพียรพยายามเท่าใด คนที่ปรารถนาก็ยังไม่ตอบสนอง


“เจ้าตายด้านไปแล้วหรืออย่างไร มาอี เราลดตัวลงมาให้เจ้าถึงขนาดนี้เจ้ายังโง่อยู่ได้”


ความอดทนขาดสะบั้น ทรงตวาดรุนแรงเมื่อผละห่างออกมาจากร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผล พลางจ้อง

ตามาอีด้วยไฟแห่งโทสะ มาอีกระตุกยิ้มช้าๆ เป็นสิ่งแรกที่เขาทำตั้งแต่เจ้าหญิงราบีอาย่างพระบาทเข้ามา ใบหน้า

เคร่งขรึมเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์อย่างหยามหยัน พลางสะบัดมือออกจากการเกาะกุม


“หญิงแพศยา”


นี่คือคำพูดแรกที่มาอีมีต่อเจ้าหญิง ทำให้พระองค์ต้องกำพระหัตถ์แน่นพร้อมเค้นสุรเสียงถาม


“เจ้าพูดว่ากระไรนะ”


“ต่อให้ไอยคุปต์ไม่มีราโมส ข้าก็ไม่มีวันทำให้เจ้าสมปรารถนา”


พระเนตรลุกวาบ ทรงตวัดพระหัตถ์ลงไปบนซีกหน้าด้านหนึ่งของมาอีอย่างรวดเร็ว และรุนแรง ก่อนที่จะตวัดผ้าทอขึ้น

สวมใส่กลับคืนแล้วทรงลุกขึ้นยืนจ้องร่างกำยำอย่างเคืองแค้น


“เจ้ามันโง่ ข้าให้โอกาสเจ้าถึงขนาดนี้ยังไม่ยอมน้อมรับ เจ้าเป็นคนบังคับข้าเองนะ มาอี”


น้ำพระเนตรคลอไปด้วยความผิดหวัง โกรธกริ้ว ทรงชี้หน้ามาอีด้วยปลายนิ้วที่สั่นเทา


“ข้ารักมากแค่ไหน ข้าก็ยิ่งทำลายเจ้าได้รุนแรงแค่นั้น จำใส่หัวเอาไว้”


ทรงก้าวพระบาทออกจากที่จองจำด้วยพระพักตร์ขึ้งเครียด จนผ่านต้นไม้ใหญ่หน้าทางเข้าเขตพระราชฐานจึงทรงหยุดนิ่ง

เมื่อเห็นมหาอำมาตย์ฮาอัสยืนพิงลำต้นหนาของต้นไม้พร้อมด้วยยิ้มพรายในสีหน้า


“ฮาอัส เราพร้อมที่จะเป็นสาวกของพญางูอะโพรฟิสแล้ว”


สุรเสียงเยียบเย็นดังขึ้น

ฮาอัสค้อมศีรษะลงริมฝีปากข้างหนึ่งกระตุกยิ้มช้าๆ ดวงตาราวกับงูพิษจ้องมองเหยื่อส่งตรงมาให้เจ้าหญิงราบีอา


“น้อมรับคำสั่งกระหม่อม”









วรกายบอบบางนั่งอยู่เพียงลำพังบนแท่นพระบรรทมกว้างอย่างเลื่อนลอย พระเนตรงามช้ำจากการกันแสงอย่างหนัก จน

บัดนี้อัสสุชลเหือดแห้งแต่ก็ยังไม่คลายความเสียพระทัย


แท่นบรรทมที่เคยนอนเคียงข้างและพร่ำบอกรักกันยิ่งทำให้ทั้งคิดถึงและเป็นห่วง กลิ่นกายที่คุ้นชินยังทิ้งไว้อยู่บนผ้าทอ

ยิ่งทำให้ทุกข์ทรมาน เจ้าชายราโมสทรงกลืนความเจ็บปวดลงไปอย่างยากเย็น


บานประตูหนาหนักเปิดออก นายทหารที่ทำหน้าที่ดูแลก้าวเข้ามาภายในพร้อมถาดที่บรรจุอาหารชั้นเลิศ แต่เมื่อมาถึงที่

วางอาหารเมื่อได้เห็นอาหารมื้อเก่ายังไม่พร่องแม้แต่ส่วนเดียว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ


“พระองค์ควรจะเสวยบ้างนะกระหม่อม หากเป็นเช่นนี้ท่านมาอีคงไม่สบายใจเป็นแน่”


ซาจี นายทหารลูกน้องคนสนิทของมาอีก้าวเข้ามา เอ่ยกับเจ้าชายราโมสด้วยความเป็นห่วง เจ้าชายทรงหันพระพักตร์มา

มองด้วยแววตาเศร้าสร้อย


“กินไม่ลง ขอบใจนะซาจีที่เป็นห่วง”


ซาจีมองราชโอรสอย่างเห็นใจ แม้จะไม่เข้าใจความรักระหว่างชายด้วยกันแต่เขาก็รู้ว่าทั้งมาอีเจ้านายของเขากับเจ้าชาย

ราโมสผูกพันกันมาก


“หม่อมฉันเห็นใจพระองค์กับท่านมาอีเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร”


เมื่อได้ยินคำรำพึงของซาจี พระเนตรที่ยังเหม่อลอยกลับเบิกกว้างเมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา


“เจ้าจะช่วยเราจริงหรือเปล่า ซาจี”

ตรัสถามพลางหันพระพักตร์มาสบตา ซาจีรีบพยักหน้า


“ด้วยความสัตย์จริงกระหม่อม”


พระโอษฐ์เริ่มมีรอยยิ้มสรวล พระเนตรงามเริ่มมีประกาย


“เจ้าช่วยเราได้แน่ ซาจี เจ้าต้องช่วยไปพามาอีหนีออกจากคุกหลวง แล้วเราจะไปจากวังนี้ไปกับมาอี จะไม่กลับมาอีก

เลย”


ซาจีเบิกตากว้างกับพระดำรัส


“พระองค์ทำอย่างนั้นไม่ได้ โทษถึงกับใช้ม้าแยกร่างเลยนะกระหม่อม”


“แล้วทุกวันนี้ เราเหมือนมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซาจี”


ทรงย้อนคำพูดนายทหารคนสนิทของคนรักด้วยสุรเสียงขื่นขม


“การอยู่โดยไม่สามารถเคียงคู่กับมาอีได้ก็เหมือนตายทั้งเป็น สู้ลองเสี่ยงหนีไปดีกว่าอาจจะมีทางรอด”

ซาจีนิ่งอึ้งเมื่อไม่สามารถยับยั้งเจ้านายเหนือหัว เมื่อเห็นว่าเป็นจริงดังพระดำรัส


“แล้วพระองค์จะให้หม่อมฉันทำอย่างไร”


“ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไร แค่ไปส่งข่าวให้มาอีรู้และเตรียมตัวไว้ เมื่อไหร่ที่เราพร้อมเราจะหาทางไปช่วยมาอี และหนีไป

ด้วยกัน”







มืดสนิทในราตรีกาล


ยิ่งเป็นราตรีที่ไม่มีแสงจันทรา ยิ่งมืดจนไม่เห็นแม้มือของตนเองเมื่ออยู่ในวิหารร้างเก่าแก่ร่างสูงของฮาอัสซ่อนอยู่ภายใต้

ผ้าทอสีเข้มเนื้อหยาบ ดวงตาที่เฉียงขึ้นราวกับดวงตางูพิษเบิกกว้างจ้องตรงไปที่รูปปั้นอสรพิษเบื้องหน้า เสียงฝีเท้าดัง

ขึ้นจากเบื้องหลัง แม้จะไม่หันไปมองฮาอัสก็รู้ได้ในทันที


ราชธิดาในฟาโรห์คนปัจจุบันเดินทางมาถึงแล้ว


วรกายอวบอัดซ่อนร่างอยู่ในผ้าทอสีเข้มไม่แพ้กัน ซ้ำยังดึงส่วนหนึ่งคลุมไปถึงพระเกศาปิดบังพระพักตร์เสียเกินครึ่ง

ปรากฏแต่พระเนตรดุโผล่พ้นออกมา ฮาอัสค่อยๆหันไป เจ้าหญิงราบีอาถึงกับสะท้านเมื่อดวงตาคู่นั้นส่องแสงฉายฉาน

เป็นสีแดงก่ำ เหมือนกับรูปปั้นงูยักษ์ที่อยู่เบื้องหลังของเขา


“ข้าต้องทำอย่างไร”


แม้จะทรงหวาดกลัว แต่เจ้าหญิงราบีอาทรงกัดพระทนต์ตรัสด้วยสุรเสียงที่บังคับไม่ให้สั่นไหว รวมทั้งบังคับไม่ให้วรกาย

สั่นสะท้านเมื่อร่างสูงก้าวเดินมาตรงหน้าช้าๆ


ฮาอัสราวกับไม่ใช่ฮาอัส ดวงตาแดงก่ำที่จ้องตรงมาร้อนระอุเหมือนไฟที่แผดเผาแต่เจ้าหญิงกลับรู้สึกหนาวยะเยือกไปถึง

กระดูกเมื่อฮาอัสมาหยุดนิ่งต่อหน้าและเอื้อมมือมาดึงผ้าทอคลุมกายออกช้าๆจนมันหลุดไปกองอยู่กับพื้น ก่อนที่เขาจะ

ใช้มือหนาลูบไล้ที่พระหนุของพระองค์แล้วบีบแน่น


“ทำบ้าอะไรของเจ้า ฮาอัส”


ทรงปัดมือหยาบอย่างแรงและก้าวพระบาทหนีด้วยความรังเกียจ ดวงตาของฮาอัสลุกวาบขึ้นมาวูบหนึ่งอย่างที่เจ้าหญิง

ราบีอาทรงเดาไม่ถูกว่าฮาอัสคิดอะไรอยู่


“งู เป็นสัญลักษณ์ของตัณหา ราคะ กามารมณ์”


ฮาอัสราวกับไม่ใช่ฮาอัส เสียงที่เปล่งจากคอนั้นเยียบเย็นชวนขนหัวลุก มาถึงตอนนี้ทรงบังคับองค์ไม่ให้สั่นสะท้านไม่ได้

อีกแล้ว


“เจ้าคิดว่า การที่มนุษย์ผู้หญิงอย่างเจ้าจะปาวารณาตนเป็นสาวกของพญางูอะโพรฟิส เพื่อแลกกับทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ

เจ้าต้องเสียสละอะไรมาแลกกับมันล่ะ”


“ไม่”


เจ้าหญิงราบีอาทรงตะโกนลั่น จนเสียงสะท้อนดังก้องอยู่ในวิหารร้าง


“เจ้ามันบ้าไปแล้ว ฮาอัส ข้าไม่มีทางที่จะทำบ้าๆ อย่างที่เจ้าว่ามา”


ตรัสจบทรงหันวรกายอย่างรวดเร็วเตรียมก้าวพระบาทกลับ แต่ก็ทรงชะงักเมื่อน้ำเสียงเย็นยะเยือกนั้นดังเข้ามาเสียดแทง

ความรู้สึก


“คิดดูสิ ว่าเจ้าเพียรพยายามมากี่ครั้ง เพื่อที่จะให้บุรุษคนนั้นหันสนใจและทำให้เจ้าสมปรารถนา นอกจากจะไม่สำเร็จเขา

ยิ่งกระทำหยามเหยียดให้เจ้าอับอายด้วยการดูหมิ่นเป็นเช่นนี้แล้วหากเจ้ายอมแพ้ ข้าก็คงไม่ขัดความประสงค์”


เจ้าหญิงราบีอายกพระหัตถ์ขึ้นกดไปที่พระหทัยเมื่อความเจ็บปวดทวีล้นขึ้นมา มันมีทั้งความเสียใจ อับอายที่ถูกหยาม

พระเกียรติ และความรู้สึกทั้งหมดทำให้ความแค้นยิ่งพลุ่งพล่าน


“ข้ารักมากแค่ไหน ข้าก็ยิ่งทำลายเจ้าได้รุนแรงแค่นั้น จำใส่หัวเอาไว้”


ประโยคสุดท้ายที่ฝากไว้กับมาอีดังก้องในพระเศียร จนทำให้ทรงตัดสินใจหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับสาวกของพญางู

อีกครั้ง พระพักตร์เชิดสูงเมื่อทรงตรัสด้วยความมั่นพระทัยอย่างที่สุด


“เราพร้อมที่จะพลีกายเราเพื่อท่าน พญางูที่ยิ่งใหญ่ โปรดรับข้าเป็นสาวกและบันดาลทุกสิ่งที่ข้าปรารถนาด้วยเถิด”


ดวงตาแดงก่ำยิ่งเรืองแสง ฮาอัสดึงผ้าทอสีเข้มออกโยนทิ้งเผยให้เห็นร่างกายที่ราวกับมีไฟมาเผาผลาญเดินย่ำก้าวมาที่


เจ้าหญิงราบีอา เอื้อมมือมากระชากจนอาภรณ์เนื้อดีขาดวิ่น สร้อยพระศอขาดสะบั้นหลุดร่วงกระจัดกระจาย เหลือแต่

วรกายเปล่าเปลือยในความมืด


ฮาอัสที่ไม่ใช่ฮาอัสผลักจนเจ้าหญิงราบีอาหงายหลังไปนอนอยู่กับพื้นดินหยาบกระด้าง ก่อนที่จะถาโถมตามมาทับลงไป

น้ำพระเนตรหลั่งรินลงมาจากหางตา พระหัตถ์กำเศษดินเศษทรายจากพื้นจนแน่น


“เป็นเพราะพวกเจ้า มาอี ราโมส พวกเจ้าทำให้ข้าต้องทำอย่างนี้ ข้าจะไม่มีวันอภัยให้พวกเจ้า”


ทรงตะโกนด้วยความแค้น ก่อนที่จะทรงกรีดร้องจนเสียงก้องสะท้อนกลับไปมาอยู่ในวิหารจากความเจ็บปวดที่ถูกคร่า

พรหมจรรย์จนย่อยยับ







หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 22# [08/05/58) วันนี้ลง 2 บทเบิ้ลนะขอรับ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-05-2015 21:50:01



                                                    คำสาปร้าย พ่ายรัก


                                                           บทที่ 22



ธราเทพส่ายหน้าไปมาเมื่อรู้สึกถึงการถูกรบกวนนิทราของเขา

เปลือกตาที่ปิดคลุมดวงตาคู่หวานขยุกขยิกเมื่อเจ้าของพยายามปรือตาขึ้นมอง แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมันถูกปิดทับไว้ด้วยจูบ

บางเบา จนเมื่อคนที่รบกวนย้ายริมฝีปากไปที่จมูกโด่งได้รูป เขาถึงมีโอกาสเปิดตามองได้สำเร็จ จึงได้เห็นสิงหาที่ยัง

คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ


จนเมื่อคนที่ตื่นก่อนเตรียมประทับริมฝีปากลงมาบนปากของเขา ธราเทพจึงรีบปิดปากตัวเองไว้พลางยกมือขึ้นผลัก

ใบหน้าสิงหาให้ห่างออกอย่างรวดเร็ว


“อย่านะ พี่สิงห์ ผมยังไม่ได้แปรงฟัน”


ดวงตาของสิงหาพราวไปด้วยความขบขันเมื่อมือเรียวของธราเทพดันมาที่คางของเขาไม่ให้เข้าใกล้ ซ้ำอีกมือหนึ่งยังยก

ขึ้นปิดปากตัวเองไว้แน่นแถมยังเบือนหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับสีหน้าเหยเก


“ก็ไม่เหม็นเท่าไหร่นะ เท่าที่พี่ลองดมๆดูทั้งคืนอยู่ในระดับที่พี่รับได้”


สิงหาเลิกคิ้วพูดล้อเลียนยิ่งทำให้ธราเทพเบิกตากว้างขึ้นหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขิน


“พี่จะบ้าเหรอ โรคจิตหรือเปล่าครับ ชอบดมของเหม็นๆ”


คราวนี้สิงหากลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขาใช้มือข้างหนึ่งจับข้อมือของธราเทพที่ดันอยู่ที่คางของเขาออกแล้วผลักวางราบไป

เหนือศีรษะของธราเทพพร้อมกับล็อคนิ่ง ส่วนมืออีกข้างเขายื้อยุดอยู่กับมือที่ธราเทพปิดปากตัวเองจนกระทั่งดึงมันออก

ได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะดันจนมันขนานคู่ไปกับแขนอีกข้าง สิงหาใช้มือแค่ข้างเดียวรวบข้อมือทั้งสองของธราเทพจนขยับ

ไม่ได้ แล้วจึงก้มหน้าไปใกล้


“ใช่ครับ พี่มันโรคจิตชอบดมของเหม็นๆไหนลองให้พี่พิสูจน์หน่อยนะ ว่าเหม็นขนาดไหน”


ว่าแล้วสิงหาก็ก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากลงบนปากนุ่มจนได้ แม้ว่าธราเทพจะพยายามหลบเลี่ยงแต่ก็ไม่สำเร็จ ต้อง

ปล่อยให้คนที่ชอบขู่บังคับหาเศษหาเลยได้ตามอำเภอใจ


จนกระทั่งสิงหาพอใจเองนั่นแหละเขาจึงยอมปล่อยให้ธราเทพเป็นอิสระ  แต่ก็ยังไม่วายดึงตัวนุ่มให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด


“มอนิ่งคิสของพี่เป็นยังไงบ้าง พอจะปลุกให้เจ้าชายของพี่ตื่นจากฝันได้ไหม”


ธราเทพซุกหน้าเข้ากับอกกว้างเพื่อซ่อนรอยยิ้มไว้ บทจะหวานขึ้นมา “อัสลาน” เจ้าป่าก็หวานจนเขาแทบหลอมละลาย


“งั้นๆแหละ ไม่เห็นจะตื่นเต้นเลย”


ธราเทพส่งเสียงอู้อี้อยู่ตรงอก เรียกรอยยิ้มจากสิงหาได้ไม่ยาก เขาลูบผมธราเทพเบาๆ อย่างอ่อนโยน


“ถ้ามอนิ่งคิสยังไม่ตื่นเต้น งั้นเราไปหาเรื่องตื่นเต้นกว่านี้กันไหม อาทิเช่น...”


สิงหาดันตัวธราเทพออกห่างเล็กน้อย พลางค่อยๆปลดกระดุมชุดนอนของธราเทพออกทีละเม็ดจนหมด แล้วจึงดึงเสื้อ

ออกจากลำตัว


“ไปแช่น้ำอุ่นด้วยกัน”


ธราเทพเป็นฝ่ายเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มรู้ทันใส่บ้าง


“แช่น้ำอุ่นแล้วมันตื่นเต้นตรงไหนหรือครับ คุณอัสลาน โอ๊ะ พี่สิงห์จะทำอะไรครับ”


ธราเทพอุทานเมื่ออยู่ๆสิงหาก็ยักไหล่พลางดันตัวขึ้นนั่งสอดแขนไปรอบลำตัวของเขา แล้วยกตัวขึ้นพาดบ่าอย่างรวดเร็ว

สิงหาลุกขึ้นยืนทั้งที่มีธราเทพพาดอยู่บนบ่ากว้าง เขาแบกน้ำหนักตัวที่ไม่ได้น้อยเลยไว้อย่างสบายพลางเดินตรงเข้าไป

ในห้องน้ำที่เขาเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำตีฟองสบู่ไว้จนฟูฟ่อง


“พี่ก็จะพาเด็กขี้เซามาอาบน้ำน่ะสิ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ยอมตื่น”


สิงหาดึงกางกางชุดนอนออกจากสะโพกของธราเทพจนเหลือแต่ตัวเปล่าแล้ววางลงในอ่างอาบน้ำอย่างนุ่มนวล ก่อนที่

เขาจะถอดเสื้อผ้าตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วก้าวตามลงไปในอ่างอาบน้ำ  ธราเทพนั้นหน้าแดงซ่านเบนสายตาหรุบต่ำตั้งแต่

สิงหาเริ่มถอดเสื้อ จนเมื่อร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อปราศจากอาภรณ์ใดห่อหุ้มเขาก็ยิ่งเขิน


ไม่รู้ว่าทำไมสิงหาช่างมีอิทธิพลต่อหัวใจของเขานักทั้งร่างกายและจิตใจ ยิ่งอยู่ใกล้ธราเทพก็ยิ่งรู้สึกโหยหาราวกับสิงหา

เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ธราเทพถอนหายใจเฮือกใหญ่ซุกกายเข้ากอดร่างแข็งแกร่งนั้นไว้เมื่อสิงหาพิงหลังไว้กับด้านหนึ่ง

ของอ่างอาบน้ำ


“อย่าดีกับผมมากนัก เพราะผมยังไม่รู้เลยว่าทำไมพี่สิงห์ถึงได้โกรธและเกลียดผมเมื่อตอนแรกที่เรารู้จักกัน ผมกลัวว่าถ้า

ผมรู้ผมจะยิ่งเสียใจ”


สิงหาโอบร่างของธราเทพเข้ามาอยู่ในวงแขน ดวงตาหม่นเศร้าเมื่อมองกลับ เขาดึงหน้าเนียนมาจูบที่หน้าผากแผ่วเบา


“พี่อาจจะโกรธแต่พี่ไม่เคยเกลียด วินพูดถูก อดีตก็คืออดีตแต่ปัจจุบันถ้าเราจะรักกันอย่างที่เป็นทุกวันนี้ เพราะพี่คือสิงหา

เพราะวินคือธราเทพ เราจะรักกันโดยไม่สนใจว่าเราเป็นใครในอดีต ได้ไหมวิน”


สิงหาดันตัวออกจากขอบอ่างอาบน้ำแล้วดันให้ธราเทพเข้าไปแทนที่ เพื่อที่เขาจะได้หันหน้ามามองใบหน้าที่ทำให้เขา

หลงใหลได้เต็มตา ธราเทพที่มองสบตากลับมาคลี่ยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นประคองใบหน้าของเขาแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือ


“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว มันเป็นอย่างนั้นตั้งแต่วันที่ผมรู้ใจตัวเองว่าผมรักพี่”


สิงหาอดใจไว้ไม่อยู่เขาเอียงหน้าลงไปแนบริมฝีปากลงกับปากนุ่ม สอดลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปแตะลงทักทายก่อนจะตวัดเกี่ยว

เข้ากับลิ้นของธราเทพ


แม้จะอยู่ภายใต้น้ำในอ่างอาบน้ำ แต่ธราเทพกลับรู้สึกร้อนวูบวาบไปทุกจุดที่มือแกร่งคู่นั้นลากไล้ผ่าน ยิ่งเมื่อมือนั้นวางลง

ที่จุดอ่อนไหว ลมหายใจของเขาก็แทบสะดุด สิงหาเบียดตัวเข้าไประหว่างต้นขาที่ยกตั้งขึ้นของธราเทพแล้วดันสะโพก

แทรกกายเข้าไปช้าๆ


“เจ้าชายของพี่ช่างน่ารักเหลือเกิน”


เขากระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงสั่นไหว ก่อนที่จะตอกย้ำความรักเมื่อพระอาทิตย์เริ่มฉายแสงสาดส่องที่ริมขอบฟ้าเบื้องนอก








สิงหาพาลูกทีมเข้ามาในเต็นท์งาน พลางกวาดสายตาไปทั่วเมื่อได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโรอยู่ไม่ไกลนัก  เมื่อเห็นว่าต้น

เหตุคือเสียงถกเถียงกันระหว่างด็อกเตอร์อัคนีกับชายชาวยุโรปที่มีท่าทีหัวเสีย เขาเลยก้าวเขาไปหา


“แดม ผิดแล้วอาร์ตี้ ก็เมื่อวานผมเป็นคนพบชิ้นส่วนนี้เอง คุณจะมาเหมารวมว่ามันเป็นชิ้นที่คุณวิจัยอยู่ได้ยังไง”


“หรือคุณอยากจะดูใบอนุญาตจากทางการถึงจะยอมรับความจริง อลัน คุณเองขอวิจัยเรื่องอื่นแล้วคุณจะมาเก็บส่วนที่ไม่

เกี่ยวของกับคุณไว้ทำไม”


อัคนีตอบโต้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยในขณะที่ชายเชื้อชายยุโรปที่ถูกระบุชื่อว่าอลันยังคงมีสีหน้าไม่พอใจนักเมื่อสิงหาก้าว

ขึ้นไปถึง


“เฮลโล อลัน สวัสดีครับพี่อัคนี นี่มีอะไรไม่เข้าใจกันหรือเปล่าครับ”


อิสริยะเอ่ยทักเมื่อรู้จักอลันที่อยู่ในแวดวงโบราณคดีด้วยกัน


“ไฮ อัสลาน ดูสิ เมื่อวานผมกับทีมขุดเจอชิ้นส่วนกระเบื้องดินเผา แต่พอมาวันนี้อาร์ตี้เอาใบอนุญาตจากทางการมาขู่ จะ

ยึดเอาของที่ผมได้มาเพราะว่าเป็นสิ่งที่ทางการอนุญาตให้เขาวิจัย มันถูกต้องหรือ ถึงแม้ผมจะไม่ได้ขอทำเรื่องนี้ แต่ใน

เมื่อผมเป็นคนพบผมก็ต้องได้มัน”


สิงหาหันไปมองอัคนีก็เห็นแต่สีหน้าเรียบเฉบ ซ้ำยังยกไหล่ขึ้นอย่างไม่แยแสเป็นการยอมรับในสิ่งที่อลันพูด


“ใจเย็นอลัน ผมคิดว่า ถ้าจะให้เป็นประโยชน์แก่การศึกษา คุณควรจะให้สิทธิกับผู้ที่ขอวิจัยนะ พวกเราค้นคว้ากันคนละ

เรื่องความรู้จะได้กระจายไปอย่างทั่วถึง


อลันมีสีหน้าเดือดดาลเมื่อได้ฟังความเห็นของสิงหา เขาหันมาจ้องมองด้วยความขัดเคือง


“นี่คุณเข้าข้างอาร์ตี้งั้นหรือ”


“ผมเข้าข้างความถูกต้อง ถ้าผมเป็นพี่อัคนี ผมก็ต้องทำแบบนี้”


เสียงพึมพำดังขึ้นในแวดวงนักวิจัยที่รายล้อม ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับสิงหาจนอลันได้แต่ฮึดฮัดแล้วเดินไปยกถาดใบหนึ่งมา

กระแทกใส่มือของอัคนี


“ผมยอมให้ครั้งเดียว ครั้งหน้าผมจะไม่ยอมให้คุณอีกแล้ว อาร์ตี้”


สิงหาโคลงศีรษะเมื่ออลันเดินฮึดฮัดจากไป ก่อนที่จะหันมามองสิ่งของที่วางอยู่ในถาดนั้น

ธราเทพที่เดินตามหลังมาชาวาบไปทั่วร่างเมื่อเห็น เขาหันไปสบตากับสิงหาที่เบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึงเช่นกัน

ด็อกเตอร์อัคนีได้ชิ้นส่วนกระเบื้องดินเผาที่เหมือนเป็นจิ๊กซอร์กับที่สิงหาให้กับธราเทพไม่มีผิด






หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายจบลงและนักโบราณคดีแยกย้ายกันไป ธราเทพก็เดินเข้ามาหาสิงหาที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าขรึมอยู่

ด้านนอกของปิรามิด


“คิดอะไรอยู่ครับ”


หนุ่มน้อยถามขึ้นอย่างเอาใจใส่ สิงหาหันมายิ้มให้แม้ว่าจะยังไม่วายมีสีหน้าครุ่นคิด


“ไม่นึกมาก่อนว่าพี่อัคนีจะวิจัยเรื่องนี้”


เมื่อธราเทพได้ฟังก็ฉุกคิดถึงสิ่งที่ตนสงสัยแต่ไม่เคยได้ถาม


“แล้วพี่สิงห์ขออนุญาตในหัวข้ออะไรครับ ขุดกันมาเป็นเดือนแล้วผมเองก็ยังไม่รู้เลย”


“คัมภีร์ปาปิรัส”


ธราเทพขมวดคิ้วด้วยความสงสัยหนักขึ้น


“ทำไมต้องเป็นคัมภีร์”


“พี่ต้องการคัมภีร์ที่ไขปริศนาว่าด้วยเรื่องคำสาปแช่งและการถอนคำสาป”


“เพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่พี่ต้องการให้ผมมาที่นี่ แต่คำสาปอะไรและสาปใครครับ”


สิงหาสบตาธราเทพด้วยใบหน้าเคร่งเครียด


นี่แหละที่เขาต้องการรู้ คำสาปที่เขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวต้นเหตุที่แท้จริงเป็นใครกันแน่ อาจจะเป็นคนที่ยืนตรงหน้าซึ่ง

ในอดีตเคยทำให้เขาเจ็บช้ำ นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นสาเหตุหลักที่เขาต้องพาธราเทพมาที่นี่


ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรได้มาก เสียงตึง เหมือนเสียงของหนักเลื่อนหลุดก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียง

เอะอะเอ็ดตะโรจะตามมาในทันที สิงหาหันไปมองก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นนั่งร้านที่ตั้งอยู่ด้านข้างปิรามิดล้มลงและเอน

มาทางที่เขาและธราเทพยืนอยู่


“วิน ระวัง!”


สิงหาผลักร่างของธราเทพจนกระเด็นไปพ้นทางก่อนที่ตัวเขาจะเบี่ยงตัวหลบ แต่แม้จะเคลื่อนที่หลบด้วยความเร็วแต่

เพราะนั่งร้านที่ใหญ่โตและมีน้ำหนักมากเอนล้มมาด้วยความเร็วที่ไม่ยิ่งหย่อน ส่วนหนึ่งของไม้หนาหนักที่ยื่นออกมาจึง

ฟาดที่ไหล่ข้างหนึ่งของสิงหาเข้าอย่างจัง


สิงหาร้องอุบเมื่อเซล้มไปทางด้านหน้า เศษไม้ครูดจนเสื้อเชิ้ตเนื้อหนาขาดเป็นแนวยาวผิวหนังด้านในเกิดแผลเลือดซิบ

เสียงนั่งร้านกระแทกพื้นบาดลึกเข้าไปในหูยิ่งเห็นสิงหาได้รับบาดเจ็บ ธราเทพใจหายวาบผวาเข้าไปรับร่างทาล้มลงมา

อย่างรวดเร็ว


“พี่สิงห์ เป็นไงบ้าง”


สิงหายึดแขนของธราเทพไว้เป็นหลัก กัดฟันส่ายหน้าว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก


ชั่วเสี้ยววินาทีที่สิงหาเงยหน้าขึ้นมา เขาเห็นวริษฐายืนอยู่ที่มุมหนึ่งของลานสายตา จนเมื่อสติกลับคืนมา เขาหันไปมอง

มุมนั้นอีกครั้งกลับเหลือเพียงความว่างเปล่า นอกเหนือจากที่คนงานต่างชาติวิ่งเข้ามาที่นั่งร้านพลางถามไถ่เขาอย่าง

ตกใจและเป็นห่วง สิงหามองไม่เห็นวริษฐา

เขาอาจตาฝาดและคิดมากไปเองก็ได้ สิงหาบอกตัวเอง







“ซวยแท้ๆไอ้สิงห์ อยู่ๆไอ้นั่งร้านเส็งเคร็งนั่นมันร่วงมาได้ไงวะ ดีนะหลบทันไม่ฟาดหัวเอ็งเข้า”


วาโยที่ช่วยขับรถพาสิงหาไปทำแผลที่โรงพยาบาลแล้วมาส่งที่โรงแรมบ่นอุบเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนที่ ไหล่เริ่มเขียวช้ำ

รอบๆ รอยแผลที่เป็นทางยาวเกือบครึ่งฟุต สิงหายิ้มเซียวตอบเพื่อนเพื่อไม่ให้วาโยเป็นห่วงมากนัก


“เออน่า ไกลหัวใจ อย่าบ่นมากนักเลย”


วาโยส่ายศีรษะแล้วโบกมือไล่เพื่อน


“ไปเลยเอ็ง ขึ้นห้องไปพักได้ยินหมอเขาบอกว่าวันนี้เอ็งจะปวดแผลกับกล้ามเนื้อแถวไหล่เพราะมันฟกช้ำนี่หว่า อย่าลืม

กินยาแก้ปวดล่ะ อ้อคงไม่ต้องเป็นห่วงล่ะมั้ง ได้พยาบาลดีนี่หว่า ไอ้วิน..”   


วาโยหลิ่วตาล้อเลียนลูกศิษย์ที่กำลังช่วยประคองคนเป็นเพื่อนอย่างใกล้ชิดผิดสังเกต


“ดูแลเพื่อนอาจารย์ดีๆ หน่อยนะ เพื่อนอาจารย์คนนี้เป็นคนดีมาก”


ธราเทพหัวเราะหึหึเมื่อได้ยิน ก่อนที่จะขยิบตาตอบ


“คร้าบอาจารย์ ยังไงอาจารย์ก็อย่าลืมดูแลเพื่อนผมด้วยนะครับ”


ธราเทพบุ้ยใบ้ไปทางภูหิรัณย์ที่นั่งรออยู่บนรถ


“เพื่อนผมก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน”


ผิวหน้าขาวของวาโยแดงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำแซว เขายกมือชี้หน้าลูกศิษย์พลางทำปากขมุบขมิบ แล้วหันหลังกลับ

ไปทางรถยนต์เพื่อขับกลับไปทำงานต่อ ธราเทพหัวเราะไล่หลังก่อนที่จะประคองสิงหาขึ้นลิฟต์มาที่ห้องพัก


“ปวดมากไหมครับ”


เขาถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของสิงหา ธราเทพประคองร่างสูงนั่งลงที่ขอบเตียง


“พอทนนะ แต่มึนๆจากยาแก้ปวดมากกว่า”


“งั้นพี่สิงห์นอนพักดีกว่า”


ธราเทพจัดแจงให้สิงหาล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วนั่งมองอยู่ใกล้ๆ


“วิน”


สิงหาที่หลับตาไปแล้วครู่หนึ่งปรือตาขึ้นมามอง ธราเทพถลาเข้ามาใกล้


“ว่าไงครับพี่สิงห์”


“ถ้าวินจะนั่งมองแบบนี้ พี่นอนไม่หลับหรอก”


ธราเทพทำหน้าเหรอหรา


“แล้วพี่สิงห์จะให้ผมทำไงล่ะ”


“มานอนให้พี่กอดแทนหมอนข้างหน่อยสิ”


หนุ่มน้อยหน้าร้อนวูบเมื่อได้ยิน หมั่นไส้คนเจ็บจนเผลอทุบไปที่ต้นแขนเสียทีหนึ่ง สิงหาอุทานเสียงดังจนธราเทพหน้า

เสีย


“พี่สิงห์ผมขอโทษ เจ็บไหม”


“เจ็บมาก มากกว่าเจ็บแผลอีก วินลืมไปแล้วหรือว่าพี่เจ็บอยู่ มาให้พี่ลงโทษซะดีๆ”


สิงหาถือโอกาสรวบร่างบางให้เอนตัวมานอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอด ธราเทพนอนทำตาปริบๆจนรู้สึกได้ว่าลมหายใจของอีก

ฝ่ายผ่อนลงจนสม่ำเสมอ เขาจึงได้โอบกอดร่างของสิงหาแล้วหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราตามไป






หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 22# [08/05/58) วันนี้ลง 2 บทเบิ้ลนะขอรับ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-05-2015 13:03:54
ราบีอานี่มันบื้อจริงๆ  :beat:
เขาเจ็บตัวอยู่ ช้ำเลือดช้ำหนอง  มันยังจะยั่วเค้า   ต่อให้คนที่ชอบมันก็คงไม่มีอารมณ์หรอกยัยนี่
หมั่นไส้นาง  :z6:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 22# [08/05/58) วันนี้ลง 2 บทเบิ้ลนะขอรับ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-05-2015 20:49:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 23# [10/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-05-2015 18:47:26

                                                    คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                            บทที่ 23


“เจ้าชายราโมสรับสั่งให้ข้ามาแจ้งแก่ท่านว่าในคืนเดือนดับวันพรุ่งนี้ พระองค์จะลอบออกจากวังแล้วให้ข้าช่วยเหลือท่าน

ให้หนีออกจากที่คุมขังไปพบกันที่โอเอซิสร้างที่ท่านกับเจ้าชายเคยไปด้วยกันเมื่อเวลาที่ดาวเหนืออยู่กลางท้องฟ้า”



ซาจีกระซิบเบาๆผ่านโลหะเนื้อหนาที่กั้นเป็นตารางขวางอิสรภาพของมาอี เจ้านายของเขากับภายนอก มาอีก้มหน้าแล้ว

นิ่งคิดจนซาจีต้องเตือนสติ



“ข้าทราบว่าท่านยึดมั่นกับกฎระเบียบถ้าหนีไปเท่ากับความผิดยิ่งทวีคูณ แต่นายข้า ถ้าท่านได้เห็นสภาพของเจ้าชาย

ท่านจะไม่คิดแบบนั้น”



“ราโมสเป็นเช่นไร”



มาอีถามด้วยเสียงแหบโหย บาดแผลตามร่างกายเริ่มทุเลาที่เป็นแผลลึกเนื้อก็เริ่มสมานจนตกสะเก็ดเมื่อเวลาผ่านไป

เกือบสัปดาห์ที่เขาไม่รู้เหตุการณ์เบื้องนอกว่าเป็นเช่นไร



“ทรงผ่ายผอมอย่างเห็นได้ชัด”



ซาจีเล่าให้มาอีฟังพร้อมทอดถอนใจ



“มักจะทรงประทับอยู่ริมหน้าต่างแล้วทอดพระเนตรอย่างไม่มีจุดหมาย ไม่ยอมเสวยพระกระยาหารจนพระวรกายยิ่ง

บอบบางลงไปอีก”


มาอีแทบหยุดหายใจเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ซาจีพูด ความสงสารแล่นจู่โจมท่วมท้นอยู่ในอกจนแทบกระอักเป็นเลือด  เขาเงย

หน้าขึ้นมองสบตากับซาจีแล้วกระซิบตอบแผ่วเบา



“ตกลง วันพรุ่งนี้ข้าจะลอบออกจากที่คุมขัง ส่วนเจ้าไม่ต้องช่วยเหลือข้า จงไปช่วยเจ้าชายราโมสให้หนีออกจากวังให้

ได้”



ค่อนคืนกว่าที่เขาจะฝ่าฟันจนพ้นออกจากที่คุมขัง แล้วโซซัดโซเซมาจนถึงโอเอซิสที่เขาและเจ้าชายราโมสเคยมาเที่ยว

เล่นแต่เยาว์ แม้ว่าด้วยฝีมือของราชองครักษ์อันดับหนึ่งจะเชี่ยวชาญเพียงใดแต่ด้วยสภาพที่ไร้ซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์และ

ร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์เขาจึงต้องใช้เวลามากโขกว่าที่ลอบออกมาจากวังหลวง แต่มาอีก็ยังใจชื้นที่เขาสามารถช่วงชิงเค

เพชอาวุธคู่ใจมาจากทหารที่เฝ้ายามได้



มาอีก้าวย่ำอย่างอ่อนระโหยจนมาถึงแอ่งน้ำจืดกลางโอเอซิส เขาทรุดตัวลงก้มหน้าไปวักน้ำขึ้นมากลืนลงคออย่าง

กระหาย แล้วจึงรออย่างกระวนกระวาย ดาวเหนือขึ้นกลางฟ้าแล้วแต่ยังไร้วี่แววของคนที่เขาเฝ้ารอ จนมาอีต้องเดินกลับ

ไปกลับมาเหมือนหนูติดจั่น เขายังคงเฝ้ารอจวบจนดาวเหนือเคลื่อนตัวไปเกือบค่อนฟ้าซึ่งแสดงว่าใกล้ถึงย่ำรุ่งเต็มที่ จึง

ได้ปรากฎเงาตะคุ่มขึ้น



มาอีหลบวูบไปอยู่หลังเงาไม้สูงหัวใจเต้นเร็วด้วยความหวังว่าเจ้าของเงานั้นจะเป็นเจ้าชายราโมส จนกระทั่งร่างนั้นก้าวมา

ให้เห็นเด่นชัดอยู่ใกล้ตา เขาจึงได้ก้าวออกมาจากมุมมืด



“ซาจี ข้าอยู่นี่ แล้วราโมสล่ะอยู่ที่ไหน”



มาอีพยายามมองหาวรกายบางที่คุ้นตาเผื่อว่าจะทรงก้าวตามหลังซาจี แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่ากับใบหน้าซีดเผือดของ

ทหารคนสนิท ซาจีอ้ำอึ้งก่อนที่จะคุกเข่าลงเบื้องหน้ามาอีแล้วกล่าวคำที่มาอีไม่ต้องการฟัง



“นายข้า ขออภัยด้วย ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าชายราโมสออกมาได้”



ผิวหน้าคล้ำแดดกลับซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่ในความมืด มาอีกระชากต้นแขนของทหารคนสนิทจนตัวลอยติด

อุ้งมือมายืนต่อหน้าเขา ก่อนที่จะตวาดจนดังก้องไปทั่วโอเอซิส



“บอกข้ามา ว่าตอนนี้ราโมสเป็นเช่นไร”



ซาจีตัวสั่นเมื่อเห็นอาการเกรี้ยวกราดของผู้เป็นนาย เขาก้มหน้าต่ำเมื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น



“ข้ากำลังจะลอบพาเจ้าชายออกมาจากเขตพระราชฐานได้สำเร็จแล้ว แต่จู่ๆ ทหารของฟาโรห์ก็มาล้อมไว้และจับกุมเจ้า

ชายราโมสคืนสู่ราชวังแถมตอนนี้พระองค์ยังถูกจับใส่ตรวนเพื่อไม่ให้ทรงหนีได้อีก”



โอ…ไม่ ราโมสยอดดวงใจ



จิตใจของมาอีแทบไม่อยู่กับร่างกายเมื่อได้ยิน


เขาปล่อยซาจีแล้วรีบวิ่งกลับไปทางเดิมที่จากมา ชีวิตของเขาไม่มีคุณค่าถ้าสุดท้ายต้องลงเอยโดยปราศจากราโมสที่

เป็นทุกอย่างของชีวิต



กว่าจะถึงพระราชวังที่เขาอาศัยอยู่ตั้งแต่เกิดก็ใกล้ย่ำรุ่งเต็มที มาอีมีเวลาไม่มากที่จะอาศัยความมืดมิดลอบกลับเข้าไป

จนถึงเขตตำหนักของเจ้าชายรัชทายาท พอเท้าเหยียบเข้าไปในตัวตำหนัก แสงแรกแห่งอรุโณทัยก็จับอยู่ที่ขอบฟ้าพอดี



ราชองครักษ์หนุ่มย่างก้าวอย่างเงียบเชียบจนถึงหน้าบานประตูใหญ่หน้าห้องพระบรรทมที่เขาคุ้นเคย หัวใจของเขาเต้น

เร็วแรงด้วยความหวาดวิตกจนมาอีต้องสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้ความสงบกลับคืนมาแล้วเอื้อมมือไปผลักบานประตูหนา

หนักนั้นอย่างระมัดระวัง



ทันทีที่ประตูบานใหญ่เปิดกว้างให้เห็นภาพภายใน มาอีก็ต้องเบิกตากว้าง ตัวแข็งราวกับก้อนหินหัวใจของเขาหล่นร่วง

ราวกับใบไม้ที่ปลิดปลิวออกจากขั้ว
 


ไหนล่ะ ราโมสที่ถูกล่ามตรวน



ไหนล่ะ ราโมสที่คร่ำครวญราวกับจะขาดใจเมื่อมองเห็นเขาถูกลงทัณฑ์ด้วยแส้อยู่ที่พื้นห้อง



จะมีก็แต่วรกายบางที่อยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน ซ้ำร้ายโอษฐ์อิ่มที่เขาเคยประทับริมฝีปากลงไปอย่างดูดดื่มบัดนี้กลับ

ถูกครอบครองด้วยปากของคนที่เขาคาดไม่ถึง  ดวงตาของมาอีคุโชน สองมือกำแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ



โกรธ เขาโกรธจนแทบระเบิดเมื่อเห็นเจ้าชายราโมสทรงยินยอมให้คนๆ นั้นจูบแต่โดยดี



วรกายที่เคยเป็นของเขาบัดนี้ยืนนิ่งคล้ายยอมรับจุมพิตจากคนตรงหน้า มาอีกัดริมฝีปากจนห้อเลือด เขาเค้นเสียงรอด

ไรฟันออกมาอย่างดุดัน



“ราโมส เหตุใดเจ้าทำเยี่ยงนี้”



ร่างทั้งสองตรงหน้าชะงักจากการจุมพิต คนที่บังอาจเหยียบหัวใจของเขายอมถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งแล้วผินหน้า

มายิ้มเยาะหยันให้เขายิ่งเจ็บปวด



“ไอ้ฮาอัส”



มาอีคำรามลั่น ดึงเคเพชออกจากซองหนังเสือที่เอวแล้วพุ่งตรงเข้าหามหาอำมาตย์อย่างรวดเร็ว ฮาอัสผลักให้เจ้าชายรา

โมสพ้นทางแล้วเบี่ยงกายหลบก่อนที่การต่อสู้ระหว่างมาอีและฮาอัสจะเริ่มต้น



แม้ว่ามาอีจะขึ้นชื่อเรื่องการต่อสู้ แต่ฝีมือของมหาอำมาตย์ก็มิได้เป็นรอง ประกอบกับความอ่อนล้าของร่างกายและความ

วู่วามจากโทสะของมาอีทำให้ฮาอัสเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซ้ำร้าย เมื่อเสียงของการต่อสู้แว่วดังไปด้านนอก บรรดาทหาร

รักษาพระองค์ก็กรูกันเข้ามา มาอีอยู่ในวงล้อมและถูกจับกุมได้ในที่สุด มาอีฮึดฮัดเมื่อถูกล็อคแขนไว้และบังคับให้คุกเข่า

เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าชายราโมส



อนิจจา ดวงตาหวานเชื่อมที่เคยมองเขา ดวงตาที่เป็นห่วงยามเขาบาดเจ็บ ไม่มีอีกแล้ว



มีแต่ดวงตาที่ว่างเปล่าเลื่อนลอย ไม่มีเขาอยู่ในสายตาอีกต่อไป มาอีกัดฟันกลืนก้อนสะอื้นลงไป เขาจะทำให้ฮาอัสเห็น

ไม่ได้ว่าเขากำลังจะขาดใจ



“โอ…มาอีกลับมาจนได้”



ฮาอัสกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างสาแก่ใจแล้วจึงก้าวไปหาเจ้าชายราโมสที่ยืนนิ่งอยู่ที่กลางห้อง



“กลับมาทันเวลาเห็นข้ากับเจ้าชายตกลงกันอย่างสันติวิธีสินะ”



ฮาอัสก้าวเข้าไปหยุดยืนเบื้องหน้าเจ้าชายราโมสแล้วยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าเรียวอย่างหลงใหล



“เรามาทำให้มาอีเห็นกับตาอีกสักครั้งดีไหมกระหม่อม ว่าการตกลงกันด้วยไมตรีจิตเขาทำกันเยี่ยงไร”
 


“อ๊ากกก”



มาอีตะโกนอย่างคลุ้มคลั่งเมื่อเห็นฮาอัสบดริมฝีปากไปที่โอษฐ์ของราโมสอีกครั้งโดยไร้การขัดขืนซ้ำยังสอดปลายลิ้นลง

ไปอย่างย่ามใจ ดวงตาของเขาแดงก่ำไปหมดเมื่อฮาอัสยอมถอนริมฝีปากออกมาแล้วหันมามองเขาด้วยใบหน้าของผู้

ชนะ



“ตอนนี้ราชองครักษ์มาอีคือนักโทษที่หนีการลงทัณฑ์ มีความผิดอันใหญ่หลวง”



มหาอำมาตย์ฮาอัสประกาศก้อง



“จับกุมตัวไปคุมขังอย่างเข้มงวด รอการบัญชาจากข้า”



สิ้นสุดคำสั่งของฮาอัส ทหารที่ยึดตัวของมาอีไว้ก็ลากเขาให้พ้นจากห้องพระบรรทมจนออกจากตำหนักผ่านอุทยานออก

มา แต่เมื่อเกือบถึงที่คุมขังกลับปรากฏร่างของชายกลุ่มหนึ่งที่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าทอสีเข้มออกมาต่อสู้กับบรรดาทหาร

ของฮาอัส มาอีหลุดจากการยึดเหนี่ยวเขาจึงร่วมกับคนที่เขายังไม่รู้ว่าเป็นใครต่อสู้จนได้รับชัย



หนึ่งในบรรดาผู้ที่ไม่เปิดเผยโฉมหน้าคว้าแขนให้มาอีวิ่งตามไป จนออกนอกเขตพระราชวังไปสิ้นสุดที่บ้านหลังเล็กริมเขต

กำแพงเมือง คนที่มีท่าทางเป็นหัวหน้าเคาะประตูเป็นรหัส ไม่นานนักประตูบานเล็กก็เปิดออก มาอีถูกผลักให้ก้าวเข้าไป

ด้านใน ก่อนที่กลุ่มคนที่เขายังไม่เห็นหน้าจะกรูกันเข้ามาแล้วประตูก็ถูกปิดอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว คนที่

ปิดบังใบหน้าทั้งหมดจึงดึงผ้าสีเข้มออก มาอีจึงได้เบิกตากว้าง



“ท่านพ่อ”



คนที่เป็นหัวหน้าคือเมเลสบิดาของเขานั่นเอง ส่วนคนอื่นๆ ก็คือเหล่าทหารคนสนิทของฟาโรห์ที่มาอีก็รู้จักแทบทั้งหมด


ความแปลกใจยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากห้องที่อยู่ภายใน จนเมื่อเจ้าของฝีเท้าก้าวออกมาสู่ห้อง

โถงทุกคนที่ยืนอยู่จึงรีบค้อมศีรษะลง


“องค์ฟาโรห์”



มาอีรีบค้อมศีรษะลง เขาพึมพำกับตัวเองอย่างงงงัน



“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”



“ตามสบายทุกคน”



เมื่อได้รับดำรัสอนุญาต ทุกคนจึงปล่อยตัวตามสบาย เมเลสดึงตัวบุตรชายมากอดแน่น



“มาอี ลูกพ่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”



มาอีสบตาบิดาที่กลั้นน้ำตาจนดวงตาแดงก่ำเมื่อเห็นริ้วรอยบนร่างกายของเขา มาอียิ้มแล้วโผเข้ากอดตอบผู้เป็นบิดา



“ข้าไม่เป็นไร ท่านพ่อ”



เมื่อไต่ถามกันจนพอใจมาอีก็เอ่ยถามข้อข้องใจ



“เกิดอะไรขึ้นในช่วงที่ข้าถูกคุมขัง”



เมเลสมองไปยังฟาโรห์ เมื่อเห็นพระองค์พยักพระพักตร์ เมเลสจึงได้เริ่มเล่าเรื่อง             



“เมื่อลูกถูกคุมขัง ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันฮาอัสมันเริ่มคุกคามองค์ฟาโรห์ มันถือเอาอำนาจของมหาอำมาตย์ปลดกองกำลัง

ที่ขึ้นตรงต่อฟาโรห์แล้วเปลี่ยนเอาพวกที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อมันมาทำงานล้อมหน้าล้อมหลังองค์ฟาโรห์แทน พ่อเองก็เพิ่งรู้

ว่ามันซ่องสุมคนไว้เยอะขนาดนี้”



เมเลสกล่าวด้วยสีหน้ากลุ้มใจ



“ที่แย่ยิ่งกว่านั้น ทั้งพระสนมเซพเทตและเจ้าหญิงราบีอาก็ดูเหมือนจะให้การช่วยเหลือไอ้ฮาอัส ที่สำคัญ พ่อไม่รู้ว่าทำไม

เจ้าชายราโมสจึงไม่มีปฎิกิริยาอะไรเลยกับเรื่องนี้ ซ้ำยังดูโอนอ่อนผ่อนตามอย่างไม่น่าเชื่อ”



มาอีกัดริมฝีปากเมื่อผู้เป็นบิดากล่าวมาถึงตรงนี้ ดวงตากร้าวเมื่อคิดถึงภาพที่ได้เห็น


เสียงถอนพระอัสสาสะดังขึ้นจากฟาโรห์เพตเทเมน ก่อนที่พระองค์จะตรัสด้วยสุรเสียงเครียด


“ข้าไม่รู้ว่าทำไมทั้งลูกชายและลูกสาวถึงได้เห็นดีเห็นงามไปกับฮาอัสหมด เป็นความผิดข้าเองที่มองแต่ความฉลาดของ

ฮาอัสจนมองข้ามความเจ้าเล่ห์ของมัน มอบตำแหน่งสำคัญให้จนอำนาจเหนือผู้อื่น จริงๆ แล้วข้าก็คิดยกบัลลังค์ให้ราโม

สกับราบีอาอยู่แล้ว กลัวแต่ว่าเจ้าฮาอัสจะคิดไม่ซื่อจึงได้หาทาง


รวมพลอยู่นอกวังอย่างนี้”



ทรงหันพระพักตร์มาทางมาอี แล้วตรัสด้วยสุรเสียงจริงจัง



“มาอี เจ้าเป็นคนหนุ่มที่มีฝีมือและไว้ใจได้ เจ้าจะรับปากกับข้าได้หรือไม่ ว่าจะดูแลคุ้มครองราชบัลลังค์ของไอยคุปย์รวม

ถึงรัชทายาทให้ปลอดภัยจากมือผู้ไม่ประสงค์ดี”



มาอีได้ยินดังนั้น เขาจึงรีบคุกเข่าก้มหน้าจนหน้าผากแนบพื้น



“หม่อมฉันรับปากพะยะค่ะ ข้าจะปกป้องดูแลไอยคุปต์ตราบลมหายใจสุดท้ายของหม่อมฉัน”



 
 
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 23# [10/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-05-2015 19:17:55
มาม่าชามโตกำลังจะมาแล้วสินะ
สงสารแต่เจ้าชาย เห้ออออ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 23# [10/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 10-05-2015 19:27:10
เจ้าชายโดนทำไรแน่เลยยย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 23# [10/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-05-2015 21:36:24
จากกันด้วยความแคลงใจ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 23# [10/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 10-05-2015 21:43:04
อืมแล้วอะไรล่ะที่ทำให้แค้น ดูจะไม่สมเหตุสมผลเลยนะ หรือพวกพระเอกจะไม่รู้ว่ายังมีพิธีที่ไม่ดีแบบนี้อยู่ถึงปักใจเชื่อ นี้หรอเรียกว่ารักกันนะมาอี รักแต่ตัวเองนะสิไม่ว่า ผิดหวังในตัวมาอีสุดๆเลยไม่ว่าปัจจุบันหรืออดีตยังโง่ไม่เลิก กว่าความจริงจะเปิดเผยคงปางตายกันไปบ้างแหละ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 24# [13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-05-2015 09:22:55


                                                คำสาปร้าย พ่ายรัก


                                                      บทที่ 24

             มาอีหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังเล็กติดกำแพงเมืองได้ไม่กี่วัน เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็อุบัติขึ้นนายทหารที่ได้

รับบาดเจ็บนายหนึ่งซมซานกลับมาเพื่อแจ้งข่าวที่ทำให้นายทหารอีกหลายคนที่หลบซ่อนตัวพร้อมกับเขาตกใจจนแทบ

สิ้นสติ ว่ามหาอำมาตย์ฮาอัสได้มุ่งเข้าตีฝ่ากองกำลังรักษาความปลอดภัยขององค์ฟาโรห์เพื่อหมายที่จะควบคุมพระองค์


            องค์ฟาโรห์เพตเทเมนพร้อมทั้งทหารคนสนิทต่างลุกขึ้นต่อสู้เพื่อป้องกันมิให้ถูกจับใครที่ต่อสู้ขัดขวาง เหล่า

ทหารขององค์ฟาโรห์ล้วนบาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง บางส่วนต้องยอมจำนนให้ทหารของฮาอัสจับกุมไปอย่าง

ง่ายดาย



          มาอีกุมเคเพชอาวุธคู่ใจด้วยความโกรธแค้นเหลือที่จะกล่าว เขาและนายทหารที่เหลืออยู่พร้อมใจกันเร่งเดินทาง


กลับเข้าไปในพระราชวัง เพื่อช่วยเหลือองค์ฟาโรห์เป็นการด่วน จนเมื่อเดินทางไปถึงมาอีก็เห็นว่าทหารที่จงรักภักดีต่อ

ฟาโรห์เพตเทเมนเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่ทุกคนก็พยายามยืนหยัดต่อสู้จนถึงที่สุด รวมถึงตัวเขาที่เพียรฟาดฟันอาวุธ


คู่ใจปลิดชีพพวกที่คิดทรยศ


         มาอีและพรรคพวกอีกหลายคนพยายามฝ่าไปจนเกือบถึงเขตราชฐานชั้นใน แต่กำลังก็เริ่มถดถอยและต่างก็ได้รับ

บาดเจ็บจนกระทั่งพวกของเขาไปบรรจบกับทหารรักษาพระองค์กลุ่มหนึ่งที่กำลังต่อสู้จนสุดแรงอยู่หน้าทางเข้าสุดท้าย



“ท่านพ่อ”



              มาอีตะโกนก้องที่เห็นบิดาของตนล้มลงนอนขวางทางเข้าด่านสุดท้ายไว้ โลหิตไหลเป็นทางดวงตาเบิกโพลง

ด้วยความเจ็บปวด ราชองค์รักษ์มาอีโผเข้าหาผู้เป็นบิดาประคองร่างนั้นไว้อย่างรักใคร่เทิดทูนน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินอาบ

แก้ม มือของผู้เป็นบิดาพยายามเอื้อมมาแตะผู้เป็นบุตร



“ปกป้องฟาโรห์ ปกป้องเจ้าชาย ลูกรักของพ่อ”



มาอีกอดร่างของบิดาไว้แน่น เขาพยายามกลั้นสะอื้นแต่ก็ทำไม่ได้



“ข้าสัญญาท่านพ่อ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ข้าจะไม่ลืม”



              ใบหน้าอ่อนแรงของเมเลสค่อยๆ ยิ้มออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนมือที่เอื้อมมาแตะใบหน้าของมาอีจะตกลงไป

ตามแรงโน้มถ่วงพร้อมกับวิญญาณที่ปลิดปลิว



“อ๊ากสสสส”



มาอีกอดบิดาไว้แน่น เขาตะโกนก้องระบายความเจ็บปวดดวงตาคมคุโชนด้วยไฟแค้น เขาวางร่างที่ไร้วิญญาณของบิดา

อย่างเบามือ แล้วเขาก็พุ่งตัวไปฟาดฟันเหล่าทหารของฮาอัสด้วยโทสะ



           แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ในที่สุดพวกเขาที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็ถูกจับกุมแล้วมัดตัวผูกติดอยู่กับเสาไม้กลางลานกว้าง

ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ จนกระทั่งแสงอาทิตย์ที่โรยราพร้อมร่างไร้วิญญาณที่กองเกลื่อนอยู่ทั่วราชวัง จนบัดนี้ มา

อียังไม่รู้ชะตากรรมของฟาโรห์เจ้าชีวิตและเจ้าชายราโมสเจ้าหัวใจของเขาแม้แต่น้อย



เมื่อความมืดแห่งรัตติกาลมาเยือน มาอีที่ร่างกายอ่อนระโหยจากการต่อสู้และขาดน้ำขาดอาหาร ค่อยๆ ลืมตามองร่างที่

ซ่อนตัวอยู่ในผ้าทอสีเข้มที่มายืนอยู่เบื้องหน้า ช่วงผ้าที่บดบังใบหน้าถูกเปิดออก ใบหน้าของมาอีกร้าวด้วยความแค้นเมื่อ

เห็นใบหน้าชัดเจน



“ไปให้พ้นหน้าข้า นังหญิงแพศยา”



มาอีถ่มน้ำลายใส่วรกายของเจ้าหญิงราบีอาจนกระเด็นเปรอะผ้าคลุมอยู่เป็นวงกว้าง เจ้าหญิงทรงกัดพระทนต์ด้วยความ

แค้น



“เป็นเพราะเจ้าต่างหากมาอี ที่ไม่สนองตอบความรักของข้า ทั้งที่ข้าให้โอกาสเจ้าไม่รู้ต่อกี่ครั้ง เป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้า

ต้องพลีกายเป็นสาวกแด่พญางูอะโพรฟิส ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเจ้า”



“ฮะ ฮะ ฮ่า”



มาอีเงยหน้าหัวเราะหยามเหยียด



“มันเป็นเพราะความไม่รู้จักพอ และความร่านราคะของเจ้าต่างหากราบีอา เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น เจ้าพาตัวเองไปสู่ทางอ

โคจรไม่พอ เจ้ายังพาบุคคลที่เลวร้ายมาทำลายพระราชบิดาและเมืองของเจ้าเองอีก หญิงชั่ว”



“ไม่…ไม่ใช่เพราะข้า”



วรกายของเจ้าหญิงราบีอาสั่นสะท้านด้วยทรงกริ้วจนพระเนตรแดงก่ำ ปลายพระหัตถ์ชี้หน้ามาอีสั่นสะท้านยิ่งกว่าวรกาย

เมื่อฟังคำบริพาษจบลง



“เป็นเพราะพวกเจ้านั่นแหละ มาอี ข้าจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะยอมสนองตอบข้าหรือไม่”



ดวงตาคมของมาอีบอกถึงความหยามเหยียดอย่างที่สุด



“ฝันไปเถอะ นังหญิงแพศยา”



เจ้าหญิงราบีอาถลาเข้ามาฟาดพระหัตถ์ลงกับใบหน้าของมาอีจนชาดิก ก่อนที่พระองค์จะจิกเส้นผมแล้วดึงขึ้นจนมาอี

หน้าแหงนตามแรงนั้น ดวงตาแดงก่ำจ้องมาอีราวกับไฟร้อนที่มาจากนรก



“เจ้ากับราโมสจะไม่มีวันสมหวัง ข้าสาบาน”






             พยับเมฆดำทมึนลอยต่ำ ยิ่งทำให้ท้องฟ้ายามราตรีกาลมืดมิดลงอีก นกกลางคืนรู้แกวบินผวาหนีจากการเกาะ

เกี่ยวอยู่บนยอดของวิหารเล็กที่ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลทราย เมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความอำมหิตที่แผ่กระจายออกมาจาก

ภายใน


                     เสียงอัสนีบาตฟาดเปรี้ยงอยู่ภายนอก มิได้ทำให้ร่างที่ยืนตัวตรงห่อหุ้มไปด้วยผ้าทอย้อมสีเข้มจน


มองเห็นเพียงดวงตาที่ดำขลับขยับเขยื้อน ซ้ำร้ายดวงตาคู่นั้นยังลุกโชนราวกับแสงไฟจากแท่งใต้ที่ตั้งอยู่



           ด้านข้างของแท่นหินก้อนใหญ่ตรงหน้าจะสะท้อนออกมา ร่างที่ยืนนิ่งเงยหน้าขึ้นช้าๆ ทอดสายตามองเทวรูปองค์

ประธานในวิหาร



น่าแปลก...เทวรูปนั้นกลับไม่ใช่ก้อนหินแกะสลักที่ทำเป็นตัวแทนของเทพองค์ใด แต่หากกลับกลายเป็นรูปงูตัวใหญ่คด

เคี้ยว แผ่แม่เบี้ยชูคอหรา อัญมณีที่ประดับเป็นดวงตาของงูยักษ์เป็นสีแดงฉานยิ่งกว่าแสงเพลิงยิ่งทำใหญ่หินสลักยิ่งดู

เหมือนงูที่มีวิญญาณ



หินก้อนใหญ่หน้าตัดเรียบ ถูกนำมาวางอยู่ระหว่างงูยักษ์และมนุษย์เพียงคนเดียวเพื่อใช้เป็นที่จัดวางสิ่งบูชา ซึ่งตอนนี้

ปรากฎแค่ดินเผาที่ทำขึ้นมาลักษณะคล้ายภาชนะที่นำมาใส่น้ำภายในภาชนะดินเผามีอักษรรูปร่างแปลกประหลาดบันทึก

อยู่ในเนื้อดิน มนุษย์ที่มีลมหายใจก้มหน้ามองอีกครั้งเป็นครั้ง


สุดท้ายเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองดวงตาของงูยักษ์อีกครั้ง ร่างที่ห่อหุ้มจนมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริง ชูแขนสองข้าง

ขึ้นเหนือศีรษะ แสดงการสักการะสูงสุด
 

ขอคำรามคำรพนบไหว้

แด่งูใหญ่ในพื้นปฐพี

แผ่อำนาจทั่วหล้าจวบถึงสุริย์ศรี

ข้านี้ขอรองบาททุกชาติไป

ขออำนาจที่แก่กล้า

ปกปักรักษาทุกสมัย

แลโปรดดลบันดาลขจัดศัตรูพ่าย

นาม.. มาอี..ชาติชายให้ย่อยยับ

อย่าได้พบพักตร์...ราโมส

ทุกภพทุกชาติจงแคล้วคลาด

ความรักจงกลับกลายพยาบาท

ตราบจนกว่าจะได้รับคำอนุญาต

จากข้า ผู้บูชา
 


สิ้นเสียงคำสาปแช่ง ดวงตาดำสนิทวาวโรจน์ขึ้น มือล้วงเข้าไปในเครื่องแต่งกายด้านใน แล้วดึงก้อนหินที่ถูกทำให้แหลม

และคม ขึ้นมาจ่ออยู่ที่ข้อมืออีกด้าน แล้วกรีดกับเนื้อจนโลหิตสีแดงฉานไหลเป็นทาง


ร่างนั้นปล่อยให้โลหิตหลั่งรินลงไปสู่ก้นของภาชนะดินเผา จนเป็นแอ่งคาวคลุ้งไปด้วยเลือด ก่อนที่จะ

ชะงักเมื่อได้ยินเสียงลมพัดอื้ออึงอยู่ภายนอกวิหาร


เปลวไฟที่ถูกลมพัดโบกไหว ก่อให้เกิดเงาดำทมึนเบื้องหลังงูยักษ์ มองไปก็เหมือนเป็นงูจริงที่ออกมารับการบูชา อัสนี

บาตฟาดครืนครั้งใหญ่ ดวงตาสีนิลไหววับอย่างพึงพอใจ มือข้างที่ไม่บาดเจ็บยกหินก้อนขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมา แล้วทุบ

ลงไปบนภาชนะดินเหนียว จนมันแตกเป็นเสี่ยง โลหิตภายในกระเด็นเซ็นซ่าน


มนุษย์ผู้นั้นดึงผ้าที่คลุมใบหน้าออก เผยให้เห็นเป็นพระพักตร์งดงามของราชธิดาแห่งฟาโรห์เพตเทเมนที่บัดนี้ดวงตาสี

นิลกลับคุโชนเป็นไฟราวกับดวงตาของรูปปั้นงูยักษ์กำลังกระตุกยิ้มอย่างสาสมใจ






          แสงแดดส่องสะท้อนจนลานกว้างที่มัดเหล่านักโทษไว้กับเสาไม้ต้นใหญ่ร้อนระอุ กลิ่นศพที่ถูกนำมารวมกันกอง

ไว้จนสูงท่วมหัวส่งกลิ่นคละคลุ้ง ทำให้เหล่านกแร้งกินซากพากันมาบินวนอยู่กลางอากาศยิ่งทำให้ชวนสังเวช



มาอีทอดสายตามองกองศพเหล่านั้นด้วยความเศร้าจนน้ำตาไหลออกมา หนึ่งในกองศพเหล่านั้นต้องมีร่างไร้วิญญาณ

ของเมเลสผู้เป็นบิดา แต่เขากลับเข้าไปทำความเคารพและทำศพให้บิดาของเขาเดินทางไปเข้าเฝ้าเทพอะนูบิสตาม

ธรรมเนียมไม่ได้


เสียงเป่าแตรให้สัญญาณดังขึ้น ก่อนที่ขบวนแห่บางอย่างที่มาอีไม่รู้ว่าเป็นอะไร จะมุ่งหน้าเข้าสู่ลานกว้าง แล้วเขาก็ต้อง

เบิกตากว้างเมื่อชายฉกรรจ์หลายคนหามกรงขนาดใหญ่เท่าตัวคนเข้ามา ภายในกรงขังกลับมีวรกายขององค์ฟาโรห์เพต

เทเมนประทับนั่งอยู่



มาอีมองวรกายที่พระอังสายังคงเหยียดกว้างด้วยขัตติยะกษัตริย์ทั้งน้ำตา เขาพยายามกระชากเชือกที่มัดรอบตัวไว้แต่ก็

ไม่สำเร็จ เสียงทุกอย่างเงียบลงเมื่อปรากฎร่างบุคคลบนกำแพงสูงเบื้องหน้าลานกว้าง


ราโมส!!


มาอีเห็นเจ้าของหัวใจของเขายืนประทับด้วยพระพักตร์เรียบเฉยอยู่บนกำแพง เบื้องพระปฤษฏางค์ กลับมีร่างของคน

ที่มาอีอยากจะพุ่งตัวไปบั่นคอที่สุด มหาอำมาตย์ฮาอัสก้าวมาด้านหน้า แล้วเอ่ยเสียงดังก้อง


“ฟาโรห์เพตเทเมนปกครองไอยคุปต์อย่างไร้ความสามารถ การเกษตรตกต่ำ การค้าขายก็ฝืดเคืองทำให้ผู้คนอดอยาก

ยากไร้ พระองค์จะยอมรับความผิดเหล่านี้หรือไม่”



“ทุด”



องค์ฟาโรห์ทรงถ่มพระเขฬะ ทรงทอดพระเนตรฮาอัสด้วยความแค้น


“หาใช่เป็นเพราะเหตุดังกล่าว แต่เป็นเพราะเจ้าที่มักใหญ่ใฝ่สูงต่างหาก ฮาอัส เจ้าชั่ว”


ดวงตาหลุกหลิกลุกวาบเมื่อได้ยิน ฮาอัส ยกมือสั่งอย่างเหิมเกริม


“องค์ฟาโรห์มีความผิดจริงดังกล่าวจึงถูกถอดยศจากตำแหน่ง และถูกลงทัณฑ์ด้วยการฝังทั้งเป็น”


เสียงอื้ออึงดังขึ้นทันทีจากเหล่านักโทษ ทุกคนร่ำไห้ไม่เว้นแต่มาอี เหล่าชายฉกรรจ์ที่หามกรงขังมาพากันลุกขึ้นแล้ว

แบกหามกรงขังผ่านพวกเขาทีละคน เมื่อกรงขังเดินผ่านมาอี วรกายที่ยังเหยียดกว้าง พระพักตร์ที่ยังเชิดสูงหันมาสบตา

กับเขา


“มาอี ช่วยปลดปล่อยข้า ช่วยปลดปล่อยราโมส ไม่ว่านานแค่ไหน”


ทรงตรัสทิ้งท้าย ก่อนที่กรงขังจะผ่านไปจนลับตา


“ไอยคุปต์จะขาดผู้นำไม่ได้ เจ้าชายราโมสจะขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์องค์ต่อไป”


เสียงประกาศของฮาอัสดังขึ้นต่อเนื่อง นายทหารของฮาอัสล้วนคุกเข่าและแซ่ซ้องพระนาม


“ฟาโรห์ราโมส ทรงพระเจริญ”


“และข้า ในฐานะมหาอำมาตย์เอกเป็นที่ปรึกษาแก่ฟาโรห์องค์ใหม่ ขอลงทัณฑ์พวกเจ้าที่ขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของ

องค์ฟาโรห์ราโมสด้วยยาพิษที่ประทานจากพระองค์”


“ราโมส เจ้าจะบ้าไปแล้วรึ อย่าทำอย่างนี้”


มาอีตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาที่จ้องวรกายบอบบางที่อยู่เบื้องสูงเต็มไปด้วยความผิดหวังและคาดไม่ถึง พระเนตรที่

เฉยเมยเมื่อหันมาสบตากับมาอีค่อยๆ เบิกกว้าง ฮาอัสตะโกนเสียงดัง


“ราชองครักษ์มาอีคลุ้มคลั่งด้วยความโกรธแค้นไปแล้ว นำยาพิษจากฟาโรห์ประทานสู่ราชองครักษ์เป็นคนแรก”


นายทหารด้านข้างที่เตรียมการไว้อยู่แล้ว ตรงเข้ามาหามาอี คนหนึ่งแก้เชือกที่มัดออกแล้วบังคับให้มาอีคุกเข่า ส่วนอีก

คนส่งถ้วยที่บรรจุน้ำยาสีเข้มกลิ่นฉุนมาให้ตรงหน้า


มาอียกมือขึ้นกุมที่หน้าอกด้านซ้าย เขาเจ็บยิ่งกว่าถูกของแหลมทิ่มแทงเป็นร้อยพันเท่า น้ำตาไหลรินลงมาเมื่อเขาเงย

หน้ามองบนกำแพงสูงด้วยสายตาที่ทั้งรักและแค้น


“เสียแรงที่ข้ารักเจ้าสุดชีวิต แต่เจ้าก็ทำให้ข้าเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่ในเมื่อเจ้า…ที่เป็นเจ้าชีวิตและเจ้าหัวใจต้องการวิญ

ญาณของข้า ข้าจะมอบให้เจ้า ราโมส”


มาอีคว้าถ้วยยาพิษมาจากมือทหารและจ้องมองมันก่อนที่จะเทพรวดเข้าปากแล้วกลืนมันลงไป


พระเนตรขององค์ฟาโรห์องค์ใหม่เบิกกว้างจากท่าทีเฉยชา หยาดอัสสุชลรื้นไปทั้งหน่วยแล้วไหลรินลงมา วรกายบาง

ถลาไปเกาะขอบกำแพงแล้วทรงกรีดร้องโหยหวนเมื่อเห็นร่างกำยำทรุดลงแล้วดิ้นพราดอยู่กับผืนดินก่อนที่จะหยุดลง

พร้อมลมหายใจที่ขาดห้วง


“มาอี ไม่…อย่าทิ้งข้าไป”
 





        ดวงตายาวรีลืมตาโพลงในความมืด สิงหาจ้องมองร่างที่นอนคุดคู้หลับใหลอยู่ข้างกายด้วยไฟแห่ง


ความแค้นที่มากับอดีตในความฝัน เขาเกือบลืมเลือนไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงเพราะมารยาที่คนๆ นี้หลอกเขามาแล้ว

ในชาติที่แล้ว รวมถึงชาตินี้ด้วย แต่เขาจะไม่โง่อีกครั้ง


เขาดันตัวบางๆ นั่นอย่างแรงจนหงายกลับไป คนหลอกลวงผวาตื่นอย่างตกใจ สิงหาไม่รอช้า เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมไว้บน

ร่างนั้น ดันไหล่บางจนติดที่นอน


“พี่สิงห์ เป็นอะไร อ๊ะ อย่า…”


คนหลอกลวงร้องลั่นเมื่อเขากดริมฝีปากลงไปอย่างดุดัน
 
 
 
 
 
 
อัปเดตผลงานกันหน่อย


เพลิงพ่าย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43444.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43444.0)


X-theme the series season2
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45021.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45021.0)


เกมพิสวาสซาตานร้าย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46102.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46102.0)










หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 24# [13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 13-05-2015 09:57:48
หวังว่าน้องจะจำเรื่องในอดีตทั้งหมดแล้วก็แก้ต่างให้ตัวเองได้นะคะ... :mew2:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 24# [13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 13-05-2015 11:37:10
 :z3: :z3: :z3:  พี่สิงห์เป็นบ้าอาร๊ายยยยย แกไม่รู้ความจริงอย่ามาพาลสิวุ้ยย  :katai1: :katai1:

นังหญิงชั่ว ร่านบีอา ชาตินี้แกก็คงเป็นก้อยสินะ  แต่ไหงมาชอบ น้องวินได้หว่า น้องวินเป็นราโมสนิ  :hao4:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 24# [13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-05-2015 11:51:55
ง่าาาา สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 24# [13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-05-2015 14:22:42
 :heaven
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 24# [13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 13-05-2015 16:21:10
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 24# [13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 13-05-2015 19:25:46
สิงหา อย่าเข้าใจน้องผิด โถ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 24# [13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 13-05-2015 19:45:53
มาอีทำไมไมม่เข้าใจซักทีนะ ว่าเค้าถูกครอบงำอยู่ คนที่แกรักโดนครอบงำโคนที่แกรักโดนครอบงำโว้ยยยย นี่นี่ถ้าไม่รีบหายโง่ ระวังจะเสียใจนะ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 25# [15/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-05-2015 20:39:07


                                                   คำสาปร้าย พ่ายรัก
                                                         
                                                        บทที่ 25



ธราเทพผวาจากหลับใหลในทันทีที่ถูกผลักแล้วก็มีน้ำหนักตัวมิใช่น้อยถาโถมเข้ามาทาบทับเขาลืมตา


อย่างตกใจก็พบกับดวงตาแดงก่ำที่เบิกโพลงรอเขาอยู่แล้ว

สิงหาที่ไม่เหมือนสิงหา

แววตาที่มองมายังเขามันเหมือนมองใครอีกคนที่มีเงาซ้อนทับกันอยู่ แววตาคู่นั้นเกรี้ยวกราด

แค้นเคือง ราวกับเปลวไฟที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุล


“พี่สิงห์เป็นอะไร อ๊ะ …อย่า…”


ธราเทพเบิกตากว้างเมื่อร่างที่ร้อนระอุไปทั่วอณูขุมขนทิ้งน้ำหนักตัวลงมาบดริมฝีปากไปบนเรียวปากของเขา


ริมฝีปากที่ร้อนรุ่มกดลงไปอย่างดุดัน ทั้งขบทั้งเม้มด้วยแรงกายที่ธราเทพสู้ไม่ไหวแม้ว่าเขาเพียรพยายาม

ที่จะออกแรงผลักดันร่างแกร่งของสิงหา  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลอะไรเลย


สิงหาเลื่อนตัวลงไปเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ซอกคอ ธราเทพถึงกับสะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่ปลายฟันคม


ถูไถไปกับเนื้ออ่อน


“พี่สิงห์ปล่อย ปล่อยนะ ผมเจ็บ”


ธราเทพส่งเสียงประท้วง ริมฝีปากที่เป็นอิสระแดงเห่อไปกับการกระทำของสิงหาแข่งกับรอยแดงตามเนื้อตัว


ที่ถูกย่ำยี เสื้อยืดตัวบางถูกกระชากจนติดมือขาดวิ่น รวมทั้งกางเกงนอนที่ธราเทพสวมใส่ก็หลุดออกจากร่าง

อย่างไม่มีชิ้นดี ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นจ้องมองเรือนร่างขาวโพลนที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัวใต้ร่าง

แล้วกระตุกยิ้มออกมา


“คนหลอกลวง ข้าจะแก้แค้นอย่างสาสมกับทุกสิ่งที่เจ้ากระทำให้ข้าเสียใจ”


“พี่สิงหา ผมขอร้อง ได้โปรด อย่า…”


สิงหาไม่สนใจธราเทพที่วอนขอจนแทบจะยกมือไหว้ เขากดไหล่คู่นั้นแล้วดึงเสื้อผ้าของตัวเองออก


จนเปลือยเปล่า มือแกร่งบีบคางธราเทพจนหน้าบูดเบี้ยว


“บังอาจมาขอร้อง แล้วตอนที่ทำร้ายข้าและพ่อตัวเอง เจ้าเคยฟังคำร้องขอจากใครหรือไม่ ราโมส


วันนี้แหละที่ข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่ข้าเคยมี”


“มะ ไม่ พี่สิงห์ ผมคือวิน ไม่ใช่ราโมส พี่สิงห์ตั้งสติหน่อย อ๊ะ…”


แม้จะเพียรเตือนสติแต่ก็ไม่ได้ผล ธราเทพอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลงเมื่อร่างกายของเขาถูกสิงหา

แทรกกายเข้ามาอย่างรวดเร็วและดุดัน ความเจ็บแปลบแล่นวาบตลอดร่าง น้ำตาหยาดหยดจากหางตา


ไหลลงมาเปียกอยู่ที่ไรผมไม่ขาดสาย


ธราเทพหมดแรงที่จะต้านทาน ได้แต่สะอื้นสลับกับส่งเสียงร้องครางออกมาปล่อยให้สิงหาชำเราจนสาแก่ใจ


แล้วจึงปล่อยให้เขานอนร้องไห้อย่างเจ็บปวดทั้งกายและใจ







“เจ้าวินเป็นอย่างไรบ้าง”



ธราเทพลืมตาขึ้นมาด้วยเสียงเรียกปรานีที่คุ้นหูมาตลอดชีวิต เมื่อลุกขึ้นมองก็เห็นร่างสูงอายุ

ที่ห่มจีวรสีเหลืองเย็นตายืนอยู่ไม่ไกลนัก



“หลวงพ่อ”



หนุ่มน้อยร้องเรียกอย่างยินดี พลางลุกขึ้นวิ่งไปหาแล้วก้มกราบแทบเท้าก่อนที่จะกอดขาของ



ผู้ที่เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ด้วยความคิดถึง น้ำตาของธราเทพไหลลงมาอย่างปลาบปลื้ม



เมื่อหลวงพ่อลูบผมเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้ง


“ผมสบายดีครับ แต่บางครั้งก็ไม่สบายใจ เหมือนผมจะมีอดีตที่เลวร้ายอยู่ที่นี่”



หลวงพ่อทอดสายตามองอย่างอ่อนโยน



“จำคำที่หลวงพ่อเคยสอนได้ไหม ทำอะไรต้องอดทนและมีสติพิจารณาไตร่ตรอง”



ธราเทพถอนใจ



“แล้วสาเหตุของเรื่องล่ะครับ หลวงพ่อเคยสอนเสมอว่าถ้ามีปัญหาให้แก้ที่สาเหตุ


แต่นี่ผมยังหาสาเหตุไม่ได้เลย”



“บางครั้งสาเหตุมันก็ลึกเกินกว่าที่จะค้นหากันได้ง่ายๆ แต่เจ้าก็จะหามันจนพบ


ถ้าตั้งใจมั่นจำที่หลวงพ่อสอนให้นั่งสมาธิได้ไหม”



ธราเทพพยักหน้ารับ



“ตั้งจิตให้มั่น ทำใจให้มีสมาธิ ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายได้ รวมทั้งเรื่องของคนรักเจ้าด้วย”



หนุ่มน้อยเบิกตากว้าง ผิวหน้าแดงเรื่อ



“หลวงพ่อทราบเรื่องนี้ด้วยหรือครับ”



“จิตของเจ้าสองคนผูกพันกันมานาน แต่ก็เป็นเพราะเรื่องในอดีตที่ยังแก้ไม่ได้นั่นแหละ


อดทนกับเขาให้มากๆ ตอนนี้เขายังไม่ปกตินักหรอกมีบางอย่างที่ยังคงครอบงำจิตของเขาไว้อยู่


ลองชวนเขานั่งสมาธิดูนะอาจจะช่วยได้หลวงพ่อต้องไปละ อย่าลืมนะ อดทนและมีสติ”




ธราเทพก้มลงกราบแทบเท้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมาชุดจีวรก็หายลับไป






“หลวงพ่อครับ หลวงพ่อ”


ธราเทพลืมตาตื่นพลางมองหาพระภิกษุอันเป็นที่รัก ก่อนที่จะทอดถอนใจเมื่อรู้ว่านั่นคือความฝัน


ตอนนี้เขาอยู่กับปัจจุบันที่เจ็บปวด เมื่อมองเห็นคนที่นอนเคียงข้างยังคงหลับใหล


ธราเทพขยับตัวอย่างร้าวระบม แล้วย่องลงจากเตียงเดินตรงเข้าห้องน้ำ



ร่างบางมองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เนื้อตัวเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยร่องรอยที่สิงหาทิ้งไว้ 


ทั้งริมฝีปากที่บวมเห่อ ทั้งรอยฟันที่ซอกคอและตามเนื้อตัวเนียน ธราเทพได้แต่มองตัวเองอย่างอเน็จอนาถ



อดทนและมีสติ



หลวงพ่อเตือนเขาไว้ ธราเทพยังนึกแปลกใจที่อยู่ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างสิงหากับเขาที่ดีขึ้น


มันกลับแย่ลงไปเพียงชั่วข้ามคืน มันอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ในความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ได้


เขาใช้น้ำอุ่นชะล้างไปทั่วตัวเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด จนเมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงได้เดินออกไป


จากห้องน้ำ แล้วก็เห็นว่าสิงหาตื่นนอนแล้ว ร่างสูงอยู่ในเสื้อคลุมตัวบางยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก


ทอดสายตามองพระอาทิตย์ยามเช้าที่ฉายฉานแสงสีส้มทองอยู่ที่ริมขอบฟ้า


จนเมื่อดวงไฟลูกโตสาดแสงเต็มดวง เขาจึงได้ก้าวกลับเข้ามาในห้องเพื่อที่จะมายืน


ทอดสายตามองธราเทพแทน



หนุ่มน้อยถอยหลังกรูดเมื่อสิงหาย่างก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาหวานดั่งเนื้อทรายเหลือบมอง


อย่างไม่ไว้วางใจ ความตระหนกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมายามราตรียังไม่คลายไปจากหัวใจ


แต่ก็หนีไม่พ้นเมื่อสิงหาก้าวมาแค่ก้าวเดียวก็คว้าเอวคอดไว้ได้ เขาตรึงธราเทพจนลำตัวแนบชิดกัน


แล้วใช้อีกมือเชยคางให้ธราเทพหันมาสบตากับเขา



ดวงตาคู่นั้นเรียบเฉยแต่คล้ายมีแววเยาะหยันลึกๆ เมื่อมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจตัดพ้อ


จากธราเทพ เขาใช้สายตากวาดละไปตามเนื้อตัวที่มีผลงานของเขาประจักษ์ชัดเป็นหลักฐาน   



“ปล่อยผม”



ธราเทพเปล่งเสียงคำแรกออกมา


“ถ้าเกลียดกันนักก็ปล่อยผม จะทนเหม็นขี้หน้าอยู่ด้วยกันทำไม”


ดวงตากร้าวของสิงหามองตรงมาที่เขาจนธราเทพใจหาย มือที่เชยคางไว้บีบแน่นจนหนุ่มน้อยหน้าเสีย



“นี่ยังคิดว่าตัวเองมีสิทธ์เรียกร้องงั้นหรือ”


คิ้วเข้มที่พาดเฉียงเหนือดวงตาเลิกขึ้นอย่างเย้ยหยัน


“นายเป็นของฉัน สิทธิในการเรียกร้องเท่ากับศูนย์”


สิงหาดึงใบหน้าเรียวเข้ามาจนใกล้ เขาเห็นเรียวปากที่บวมเห่อแล้วแต่เขาก็ยังกดริมฝีปากของเขา


ซ้ำลงไปตรงนั้นอย่างหนักหน่วงตอกย้ำกับคำพูดประโยคเมื่อครู่ ธราเทพเจ็บแปลบจนสะดุ้ง


แต่นั่นก็ยังไม่เท่าเจ็บที่ใจ ความร้อนชื้นแล่นเข้าสู่โพรงจมูกเมื่อธราเทพพยายามกลั้นน้ำตา


ธราเทพสะบัดตัวเต็มแรงจนหลุดออกมาจากการยึดเหนี่ยวของสิงหาจนได้เขาผวาไปที่ประตูห้อง


เตรียมที่จะพุ่งตัวออกไปเมื่อมือจับลูกบิดประตู แต่แล้วเขาก็แทบหงายหลังเมื่อสิงหาตามมา


คว้าท่อนแขนของเขาไว้ได้อย่างรวดเร็ว



สิงหาดันร่างที่บางกว่าให้ถอยหลังจนไปชนกับผนังห้องเสียงดังพลัก ก่อนที่เขาจะตามเข้ามา


ใช้มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กบีบคางเรียวไว้ โดยไม่สนใจว่าคนถูกกระทำจะเจ็บปวดแค่ไหน


เมื่อบังคับให้ใบหน้านั้นเงยขึ้นมาสบตากับดวงตาที่คุโชนราวกับพายุลูกโตเขาก็ยื่นหน้าไปใกล้


แล้วตะคอกใส่หน้า



“นายไม่มีสิทธ์ที่จะหนี ถ้าฉันสั่งว่าไม่ ต่อให้นายมีปีกก็บินหนีไม่ได้”


ธราเทพสบตาคู่นั้นด้วยความแค้นเคือง อยากที่จะสะบัดหน้า ดันร่างที่หนากว่าให้พ้นแล้วหนีหาย


ไปจากการบังคับขู่เข็ญ แต่เขาก็รู้ว่ามันทำไม่ได้


เพราะสิงหาจะตามหาเขาจนพบ และเขาอาจจะถูกลงทัณฑ์ทั้งกายและใจ


คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด เขาอยากจะรู้นักว่าชาติที่แล้วเขาไปทำอะไรให้สิงหาแค้นเคืองมาถืงชาตินี้






แม้ร่างกายจะยังไม่พร้อมแต่สิงหาก็ลากธราเทพมาที่ปิรามิดจนได้



ความเปลี่ยนแปลงของสิงหาชัดเจนจนแม้แต่วาโยผู้เป็นเพื่อนสนิทก็มองออก


เขามองมาที่ลูกศิษย์สลับกับสิงหาอย่างเป็นห่วงแต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรมากตลอดทาง


ที่ขับรถมาด้วยกันจนกระทั่งถึงปิรามิดแล้วสิงหาลากธราเทพให้เข้าไปในเต็นท์เก็บของนั่นแหละ


วาโยกับภูหิรัณย์จึงได้ถือโอกาสเข้าไปหาเมื่อสิงหาเข้าไปในปิรามิดแล้ว



“ไอ้วิน แกกับไอ้สิงห์เป็นอะไรกันวะ”


อาจารย์ถามลูกศิษย์ด้วยความเป็นห่วง เมื่อธราเทพได้ยินน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง

เขาตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้วาโยและภูหิรัณย์ฟังไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เขาถูกสิงหาทำร้าย


ทั้งร่างกายและจิตใจเมื่อคืนที่ผ่านมา อาจารย์หนุ่มและเพื่อนสนิทได้แต่มองเขาอย่างเห็นใจ



“น่าแปลกที่ผมรับรู้เรื่องราวในอดีตมาจนถึงแค่มาอีถูกจับและถูกโบย หลังจากนั้นก็เหมือนมันจะช็อต


เอาดื้อๆ ผมจึงยังไม่รู้ว่าเรื่องราวต่อจากนั้นมันเป็นอย่างไร ทำไมพี่สิงห์ถึงได้แค้นผมนักหนา”



ธราเทพกล่าวเสียงขื่น



วาโยขมวดคิ้วเมื่อรับรู้เรื่องราวที่เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว เรื่องราวข้ามชาติข้ามภพ


ที่เขานึกว่ามีแต่นิยาย แต่มันกลับเกิดขึ้นจริงกับเพื่อนและลูกศิษย์



“เราต้องช่วยกันสืบหาที่มาให้ได้ ว่าเกิดอะไรขึ้น”


วาโยตัดสินใจ ธราเทพใจชื้นขึ้นเมื่อเขามีคนช่วยคิด



“ส่วนแก ไอ้วิน อย่าเพิ่งโกรธเกลียดอะไรไอ้สิงห์มันเลย อาจารย์ว่าเพื่อนของอาจารย์มันเปลี่ยนไป


มันดูไม่เป็นตัวของตัวเอง พวกเราต้องช่วยกันสืบแล้วทำให้ไอ้สิงห์กลับมาเป็นเหมือนเดิม”



วาโยปลอบโยนก่อนที่จะขอตัวออกไปทำงานกับภูหิรัณย์ต่อ




สิงหายังคงพาธราเทพมาที่ปิรามิดทุกวันแต่กลับไม่ยอมให้ออกไปทำงาน ได้แต่ให้ธราเทพเฝ้าอยู่ใน


เต็นท์เก็บของที่ติดเครื่องปรับอากาศไว้เพียงแค่นั้น  เมื่อเวลาผ่านไปหลายวันเข้า


อารมณ์ปะทุของสิงหาก็ดูจะเบาบางลงแต่ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเสียทั้งหมด ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่


จึงยังดูเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย



หนุ่มน้อยนึกถึงคำที่หลวงพ่อมาบอกกล่าวในฝัน “สมาธิ”  หลวงพ่อบอกอย่างนั้น


ในเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไรที่นอกเหนือไปจากบันทึกชิ้นงานที่แผนกขุดหาสมบัติหามาได้


เขาจึงใช้เวลานั้นฝึกนั่งสมาธิแต่ทุกอย่างยังดูมืดมน


แต่วันนี้เขาไม่ได้นั่งสมาธิ เพราะอยู่ๆ วริษฐาก็เดินเข้ามาในเต็นท์หลังจากที่หายหน้าไปหลายวัน


“อ้าว ไอ้ก้อย”


ธราเทพยิ้มเฝื่อนให้เพื่อนสาว หลังจากวันนั้นที่วริษฐามาบอกความในใจ เขาก็ยังไม่ได้พบหน้าเพื่อนอีก


“เป็นไงบ้าง ไม่เห็นหน้าหลายวันเลย”


“ฉันสิ ต้องถามแกว่าเป็นไงบ้างวิน”


วริษฐาตรงเข้ามายืนต่อหน้าเขา ดวงตาคู่นั้นอ่อนเชื่อมเมื่อสบตา


“ฉันคิดถึงแกนะวิน คิดถึงตลอดเวลา แกล่ะคิดถึงฉันบ้างไหม”



ธราเทพรู้สึกลำบากใจเมื่อมองหน้าเพื่อน ยิ่งเมื่อรู้ว่าวริษฐาคิดกับเขาเกินกว่าความเป็นเพื่อน


ธราเทพไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี


“เอ่อ …ก็คิดสิ ฉันก็ต้องคิดถึงเพื่อนเป็นธรรมดา”


“แกผอมลงนะวิน”


วริษฐาก้าวเข้ามาใกล้จนตัวห่างจากธราเทพเพียงไม่กี่คืบ หญิงสาวเอื้อมมือมาลูบไล้ที่ใบหน้า


ของธราเทพจนเขาตกใจที่วริษฐากล้าทำแบบนี้



“ฉันเป็นห่วงแกนะ แกก็รู้แล้วนี่ว่าฉันคิดยังไงกับแก”



“ก้อย แต่ฉันเห็นแกเป็นแค่เพื่อนว่ะ”



ธราเทพตัดสินใจโพล่งออกไป วริษฐาชะงัก ใบหน้าเผือดลงเมื่อได้ยิน



“ฉันขอโทษนะก้อย แต่ฉันคงรับน้ำใจแกไว้ไม่ได้จริงๆ เราเป็นเพื่อนกันจะดีกว่านะ”



“เป็นเพราะแกชอบผู้ชายด้วยกันใช่ไหมวิน”


วริษฐาเป็นฝ่ายโพล่งออกมาบ้าง น้ำตาที่รื้นในหน่วยตาไหลลงมาจนธราเทพหน้าเสีย


“แกรู้เหรอก้อย”


“ตาฉันไม่ได้บอด ถึงดูไม่ออกว่าแกกับพี่สิงห์น่ะ มันมีอะไรผิดปกติ หึหึ… เขาทำให้แกติดใจสินะ”


วริษฐาทำสิ่งที่ธราเทพนึกไม่ถึง หล่อนคว้าท้ายทอยของธราเทพไว้เบียดตัวจนแนบชิดแล้วมองอย่างท้าทาย


“แกลองกลับมาหาผู้หญิงอย่างฉันสิ ฉันจะทำให้แกลืมพี่สิงห์ให้ได้”


วริษฐาโน้มคอธราเทพลงมาแล้วเบียดริมฝีปากเข้าไป พลางดันอกนุ่มเข้าไปชิดจนธราเทพตกใจ


เขาพยายามจะผลักตัววริษฐาออก แต่หล่อนก็ยึดตัวเขาไว้เหนียวหนึบ


แล้วจู่ๆ ก็มีใครบางคนกระชากตัวเขากับวริษฐาออกจากกัน เมื่อเขาหันไปมองหัวใจของเขา


ก็หล่นวูบเมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะคู่นั้น







หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 25# [15/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-05-2015 20:54:09
มาม่าอืดเต็มเล้าแล้วววววววว
สงสารวิน แต่ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้นะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 25# [15/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-05-2015 21:37:18
คำสาปของคนชั่วไม่ควรขลังเล้ยย  โลกนี้ไม่ยุติธรรม!!
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 25# [15/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 17-05-2015 20:02:01
 :katai1: :katai1: นี้มันอารายยยย คนชั่วมีวิชา แต่คนดีไม่มีไรเลย องครักษ์น่าจะมีวิชาบางเนาะ ถึงอย่างไงก็จะติดตามจ้าาา
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 26# [19/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-05-2015 23:37:02

                                             คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                  บทที่ 26



นัยน์ตาขุ่นเขียวจ้องมองทั้งคู่สลับกัน ก่อนที่สิงหาจะยึดแขนธราเทพไว้แล้วจ้องมองวริษฐาอย่างไม่พอใจ


“ดูเหมือนก้อยจะเข้าใจความสัมพันธ์ของพี่กับวินดีแล้ว แต่ก็ยังทำเหมือนไม่เข้าใจนะ”


วริษฐาหน้าตึงเมื่อถูกต่อว่าตรงๆ หญิงสาวเชิดหน้าตอบโต้


“เข้าใจแต่ไม่เห็นด้วยค่ะ ความรักของผู้ชายกับผู้ชายไม่มีทางยั่งยืน ความสัมพันธ์ของพี่กับวินควรจะจบลง

ตั้งแต่ยังไม่ถลำลึก หนูไม่อยากให้วินต้องเสียใจเพราะพี่”


“ไอ้ก้อยพอเถอะ พี่สิงห์ก็ด้วยอย่าเถียงกันเลย”


ธราเทพพยายามห้ามทั้งคู่แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ทั้งวริษฐาและสิงหาต่างจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้

จนกระทั่งสิงหากระทำในสิ่งที่ธราเทพเองก็คาดไม่ถึง


สิงหาดึงท่อนแขนธราเทพเข้ามาหาตัวแล้วโอบเข้ามาจนชิด มือข้างหนึ่งยึดท้ายทอยไว้แล้วประกบ

ริมฝีปากลงไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าวริษฐาที่ยืนตะลึง มิหนำซ้ำเขายังสอดปลายลิ้นลงไปในช่องปาก

ให้เห็นเต็มสองตา วริษฐาได้แต่กำมือแน่นก่อนกัดริมฝีปากจนห้อเลือดที่จะสะบัดหน้าวิ่งออกไปภายนอกเต็นท์


วริษฐาวิ่งออกไปแล้วแต่สิงหาก็ยังไม่หยุดซ้ำยังเพิ่มแรงกดลงไปราวกับจะเป็นการลงโทษ ธราเทพ

พยายามออกแรงผลักอกแกร่งแต่ก็ไม่สำเร็จ จวบจนกระทั่งสิงหาพอใจที่จะปล่อยเองนั่นแหละ

ธราเทพถึงจะได้มีโอกาสอ้าปากหายใจหอบ


“บ้าที่สุด พี่ทำอย่างนี้ต่อหน้าเพื่อนของผมได้ไง”


เมื่อตั้งสติได้ ธราเทพจึงได้มีโอกาสต่อว่าเสียงดัง


“ฉันจะทำยิ่งกว่านี้อีก ถ้านายยังไม่เลิกใช้มารยาหลอกล่อให้คนอื่นมาตกหลุม”


“พี่สิงห์!”


ธราเทพอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดเหยียดหยาม ขอบตาคู่หวานร้าวผ่าวด้วยความน้อยใจ


“หรือไม่จริง”


สิงหาเลิกคิ้วเหยียดยิ้ม มือแกร่งเอื้อมมาบีบคางเรียวแล้วพูดเสียงเข้ม


“อย่าลืมว่านายเป็นสมบัติของฉัน นายไม่มีสิทธ์มองคนอื่นนอกจากฉันจะปล่อยนาย”


คนชอบขู่บังคับพูดจบก็เดินจากไปทิ้งไว้แต่หนุ่มน้อยให้ยืนน้ำตาตก ธราเทพยกหลังมือป้ายน้ำตาทิ้ง

พลางบอกตัวเองให้เข้มแข็ง เขาต้องอดทนเพื่อความรักที่เขามีต่อสิงหา


แต่…เขากำลังอดทนกับสิ่งที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นเหตุคืออะไร





ธราเทพทรุดตัวคุกเข่าลงหันหน้าไปทางทิศตะวันออกอย่างอ่อนล้า


โอ…เทพรา เจ้าแห่งเทพ เจ้าแห่งสุริยะ


หากภพที่แล้ว ข้าคือราโมสจริง ด้วยนามแห่งข้า อันแปลได้ว่า ผู้เป็นบุตรแห่งเทพรา

ได้โปรดจงนำแสงสว่างส่องทางอันมืดมนให้แก่ชีวิตของข้า เปิดทางสู่หนทางแก้ไขปัญหา

ทั้งมวลด้วยเทอญ



เสียงคำรามกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ธราเทพต้องใช้ฝ่ามือยึดร่างไว้

กับผืนดินไม่ให้เซล้ม จนเมื่อแผ่นดินหยุดสั่นไหวเขาจึงได้ผุดลุกอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่คลายตกใจ

เพื่อวิ่งไปตามเสียงเอะอะโวยวายที่ดังอึงมี่อยู่ภายนอก


ความโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อผนังส่วนหนึ่งของปิรามิดถล่มลงมาด้วยแรงของแผ่นดินไหว

เหล่าคนงานวิ่งพล่านเสาะหาคนบาดเจ็บ จนไม่มีใครสังเกตเห็นโพรงเล็กขนาดพอดีกับตัวคน

ที่เกิดขึ้นด้านหลังส่วนที่พังลงมา ยกเว้นธราเทพที่เบิ่งตามองอย่างตกตะลึง เขาก้าวเข้าไปในนั้นช้าๆ



เขาก้าวมาแล้ว แปลกที่ไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด เมื่อก้าวเข้ามาจึงได้รู้ว่าภายในขยายกว้าง

เป็นห้องโถงขนาดย่อม และตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเพชรพลอยทองคำนานาชนิด

เบื้องหน้าของธราเทพปรากฏเป็นหีบทองคำขนาดเท่าตัวคน แกะสลักตกแต่งอย่างปราณีต


ธราเทพรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือหีบพระศพของฟาโรห์


เขาก้าวเข้าไปยืนอยู่หน้าตัวเมียบพระศพอย่างเงียบงันผิดกับความวุ่นวายภายนอก

ธราเทพทรุดตัวลงคุกเข่า เขารู้สึกเย็นเยียบไปทั่วสรรพางค์กาย


มันเป็นความเย็นซ่านอย่างตื้นตันที่ไม่ใช่ความหวาดกลัว เมื่อเขาจ้องไปที่หีบพระศพ

น้ำตาแห่งความยินดีปนกับความอาดูรไหลผ่านร่องแก้ม เมื่อเขา “รู้” อยู่ในมโนสำนึกว่า

หีบพระศพนี้ บรรจุมัมมี่พระวรกายของฟาโรห์ราโมส  ฟาโรห์ที่ใช้เวลาครองราชย์น้อยที่สุดในยุคนั้น


ธราเทพเอื้อมแขนออกไปใช้ปลายนิ้วแตะลงที่ข้างหีบพระศพอย่างแผ่วเบา


“เรากลับมาแล้ว ร่างกายของเรา”


เปลือกตาคู่งามหรุบลงช้าๆ เขาปล่อยวางทุกสิ่ง กำหนดจิตให้เป็นสมาธิ สมองของธราเทพ

ว่างโล่งเปิดรัสัญญาณเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายวนซ้ำกลับมาอีกครั้ง








พระวรกายบางแต่งฉลองพระองค์อย่างรัดกุม พระหทัยเต้นถี่เร็วกระวนกระวายเมื่อยิ่งใกล้เวลา

นัดหมาย ลาภยศสมบัติหาได้มีความหมายสำหรับเจ้าชายราโมส ขอเพียงได้ร่วมชีวิตกับมาอี

อันเป็นที่รัก พระองค์ยอมสละได้ทุกสิ่ง



“ท่านมาอีให้กระหม่อมมาช่วยพระองค์หนีออกจากราชวังในคืนเดือนดับ แล้วนัดหมายให้พระองค์

ไปพบที่โอเอซิสร้าง”


สารจากคนรักนัดหมายพร้อมสรรพ เจ้าชายราโมสได้แต่ทรงรอเวลาที่จะได้พบหน้ามาอีอีกครั้งทรงร้อนรน

เมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้วยังไม่มีวี่แววซาจี นายทหารคนสนิทของมาอี พระบาททั้งสองก้าววนอยู่ในห้อง

พระบรรทม จนทรงตัดสินพระทัยที่จะไม่รอ เจ้าชายราโมสทรงถอดสลักพระบัญชรแล้วทรงปีนออกไป

อย่างรวดเร็ว


น่าแปลก ที่วันนี้เหล่าทหารยามกลับหละหลวม ช่างเป็นโอกาสอันดีให้พระองค์กระทำการอันอาจหาญ

ได้อย่างไม่ยากเย็น เจ้าชายทรงแย้มสรวลเมื่อเตรียมก้าวผ่านอุทยานออกไป


แต่แล้ว…ราวกับแผ่นดินถล่มต่อหน้า เมื่ออยู่ๆ พระองค์กลับถูกล้อมไว้ด้วยเหล่าทหารหลายนาย

พระพักตร์งามเผือดซีดราวกับไร้โลหิตเมื่อข้อพระหัตถ์ถูกยึดตรึงไว้ด้วยเชือกทอเส้นหนาแล้วพากลับ

เข้าไปในห้องพระบรรทม เสียงฝีเท้าก้าวตามเข้ามา ทรงหันขวับไปทอดพระเนตรด้วยความโกรธกริ้ว


“ซาจี เจ้าชั่ว เจ้าหักหลังเรา”ทรงบริภาษดังลั่นเมื่อเห็นนายทหารคนสนิทของมาอีกลับเดินตามหลัง

มหาอำมาตย์ฮาอัสและเจ้าหญิงราบีอา ซาจีตัวสั่น สีหน้าสลดเมื่อคุกเข่าต่อหน้าเจ้าชาย

เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อกล่าวอย่างอับจน


“ทรงอภัยเถิด ลูกเมียของหม่อมฉันถูกจับเป็นตัวประกัน ถ้าหม่อมฉันมิยินยอม ท่านฮาอัสจะประหารสิ้น”



“ปากมากไปแล้ว ซาจี ตอนนี้มาอีออกไปนอกเขตวังแล้ว จงรีบดำเนินการตามแผน มิเช่นนั้นข้าจะฆ่า

ลูกเมียเจ้าดั่งเช่นที่เจ้าพูด”


ฮาอัสกล่าวอย่างเหี้ยมโหดจนซาจีรีบลนลานออกไป เจ้าชายราโมสทรงเบิกพระเนตรกว้าง

ถึงแม้จะยังไม่ทรงทราบว่าแผนของฮาอัสเป็นเช่นใด ทรงรู้แต่ว่ามันต้องเลวร้ายอย่างที่สุด


“ไม่นะ ซาจี อย่าไป”


ทรงผวาตามแต่พระอังสากลับถูกยึดไว้ด้วยมือหนาของฮาอัส เจ้าชายราโมสพยายามสะบัด

ด้วยความรังเกียจแต่ฮาอัสกลับยึดไว้แน่นและมองพระพักตร์ด้วยแววตาประหลาด


ทรงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เจ้าหญิงราบีอาพระขนิษฐาร่วมพระบิดา เจ้าชายทรงวิงวอนด้วยพระเนตร

ที่คลอไปด้วยอัสสุชล


“ราบีอา ทำไมเจ้าถึงไปอยู่ข้างฮาอัสได้ สงสารพี่ชายของเจ้าเถิด ข้าขอโทษที่แต่งงานกับเจ้าไม่ได้จริงๆ

แต่ข้าจะไม่ขัดขวางการขึ้นสู่ตำแหน่งราชินีของเจ้าแม้แต่น้อย”


พระเนตรของเจ้าหญิงราบีอาที่มีต่อพระเชษฐาและพระคู่หมั้นเต็มไปด้วยความชิงชัง ทรงก้าวเข้ามาใกล้

แล้วจิกพระเกศานุ่มของเจ้าชายราโมสจนพระพักตร์หงาย


“ทรงหวังจะให้หม่อมฉันช่วยท่านพี่หรือเพคะ ทุด หวังไปเถอะราโมส มารหัวใจของข้า”


เจ้าหญิงราบีอาถ่มพระเขฬะใส่ด้วยความเดียดฉันท์ เจ้าชายราโมสได้แต่ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

พระองค์เพิ่งจะทรงทราบว่าพระขนิษฐาทรงมีใจให้ชายคนเดียวกัน เจ้าหญิงราบีอาทรงหันไปตรัส

กับฮาอัส


“เจ้ามั่นใจนะว่า สมุนไพรที่เจ้านำมามันจะได้ผล”


มหาอำมาตย์แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์


“สมุนไพรจากถิ่นบ้านเกิดของข้าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งและผลของมันจะทำให้ผู้ที่กลืนมันเข้าไป

เลื่อนลอยไปชั่วขณะ ท่านอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าหญิง เพียงแต่ว่าที่ข้ามีอยู่จำนวนเพียงแค่พอใช้

ได้สองครั้งเท่านั้น เราต้องเลือกเวลาใช้ให้เหมาะสม”


เป็นคราวที่เจ้าหญิงทรงสรวลอย่างเหี้ยมโหดบ้าง


“ก็ถ้าเจ้าทำตามแผนของเรา เพียงแค่สองครั้งที่ใช้สมุนไพร รับรองว่าได้ผล”


ฮาอัสก้าวไปใช้ปลายนิ้วไล้ที่พระพักตร์ของเจ้าหญิง


“ช่างฉลาดสมกับเป็นศิษย์ของเรานะ เจ้าหญิง”


เจ้าหญิงราบีอาทรงขมวดพระขนงและทรงปัดมือหยาบของฮาอัสออกไปพ้นพระพักตร์


“อย่ามาเหิมเกริมแตะต้องเราโดยไม่จำเป็น ฮาอัส เจ้ามีหน้าที่อะไรก็จงทำไปอย่าได้ช้า”


พระเนตรชิงชังหันขวับมาหาพระเชษฐาอีกครั้ง


“หากจะโทษใครที่ทำให้เป็นเช่นนี้ จงโทษตัวเองนะราโมส ที่ทำตัววิปริตผิดธรรมชาติ

สำหรับข้าหากต้องการสิ่งใดข้าต้องได้มา หากว่าข้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็อย่าหวังเลย

ว่าใครจะได้ไป”


ทรงหันพระวรกายกลับแล้วกระแทกพระบาทจากไป ทิ้งไว้ให้พระเชษฐายืนวรกายสั่นด้วยความหวาดหวั่น

อยู่เพียงลำพังกับฮาอัส ทรงก้าวถอยกรูดหนีฮาอัสที่ย่างสามขุมเข้ามาจนพระอูรุชนกับแท่นพระบรรทม

แล้วทรงล้มหงายไปบนนั้น จะต่อสู้ขัดขืนก็ยากลำบากด้วยทรงถูกมัดพระหัตถ์ติดกันแน่น

ฮาอัสนั่งลงที่ขอบพระแท่นบรรทมก่อนที่จะเอนตัวเข้าไปหาวรกายบาง พลางใช้มือลากไล้ไ

ปกับพักตร์งามอย่างสิเน่หา เจ้าชายราโมสได้แต่ผินพระพักตร์หนีแต่ก็ไม่พ้น


“ไปให้พ้น อย่ามาแตะต้องเรา ฮาอัส”

ดวงตาหลุกหลิกคู่นั้นมองกลับมาด้วยแววตากระหาย


“ทรงทราบหรือเปล่าว่าหม่อมฉันเฝ้ามองพระองค์ด้วยความเสน่หาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์”


คำพูดจากปากของฮาอัสสร้างความหวาดกลัวให้เจ้าชายจนขนพระศอลุก พระวรกายสั่นสะท้าน

เมื่อดวงตาเจ้าเล่ห์มองด้วยสายตาโลมเลีย


“หากจะถามถึงคำว่ารัก สำหรับหม่อมฉันมีให้แด่พระองค์เพียงผู้เดียว แต่พระองค์ไม่เคยมีหม่อมฉัน

อยู่ในสายตา กลับไปมีใจให้ไอ้มาอีซ้ำยังทอดวรกายให้มันอีก ทรงรู้บ้างไหมว่าหม่อมฉันเจ็บช้ำเพียงใด”



เจ้าชายราโมสทรงผินพระพักตร์หนีอย่างขยะแขยงเมื่อฮาอัสใช้จมูกซุกไซ้ไปที่พระศอพร้อมไปกับที่

รำพันความในใจ


“หม่อมฉันเฝ้าเก็บความในใจไว้ มิให้ผู้ใดล่วงรู้ คอยเฝ้ามองพระองค์เจริญชันษาจนงดงามไปทั้ง

กายและใจ หม่อมฉันหวังจะส่งเสริมให้พระองค์ได้ครองราชย์เป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ แล้วเราจะได้ครองคู่

ด้วยกันในฐานะที่ปรึกษาร่วมคิดตลอดอายุขัย แต่พระองค์กลับทำให้หม่อมฉันผิดหวัง”


ปลายเสียงเต็มไปด้วยความเคืองแค้น ก่อนที่มุมปากจะกระตุกยิ้มน่ากลัว


“แต่ยังไม่สายดอกเจ้าชายของฮาอัส หม่อมฉันจะกำจัดมารแห่งความรักจนสิ้นซากเสียทุกคน

เหลือไว้เพียงเจ้าชายและหม่อมฉันที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป”


“ฮาอัส เจ้าบ้าไปแล้ว”

ทรงตวาดลั่น พระเนตรงามเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวในความผิดปกติแห่งจิตใจ

ฮาอัสเงยหน้าหัวเราะลั่น เขาดึงตลับเล็กออกมาจากสายคาดเอวแล้วหยิบเม็ดยาสีดำ

ที่ปั้นเป็นก้อนกลมออกมา


“ทรงกลืนเม็ดยานี้เพียงไม่นาน สติของพระองค์ก็จะเลื่อนลอยไปชั่วครู่ แต่เท่านั้นก็เพียงพอ

ที่จะทำให้ไอ้มาอีมันคลุ้มคลั่งเมื่อเห็นเราสองคนพรอดรักกัน”


“ชั่วที่สุด”


เจ้าชายราโมสดิ้นพล่านเพื่อหลีกหนีฮาอัสที่ใช้มือแข็งราวกับโลหะบีบต้นพระหนุจนอ้ากว้างแล้ว

ยัดเม็ดยาลงไป ก่อนจะบังคับจนเจ้าชายกลืนเม็ดยารสขมลงพระศอ


“ฮาอัส ข้าจะฆ่าเจ้า”


เจ้าชายทรงกรรแสงด้วยความแค้น ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะค่อยๆ เลือนไปจนเลื่อนลอย

ฮาอัสมองพระพักตร์งามที่นอนนิ่งอย่างหลงใหล เขาปลดเชือกทอที่พันธนาการข้อพระหัตถ์ออก

แล้วจับวรกายที่นิ่งงันราวกับหุ่นให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆเจ้าชายราโมสกลายเป็นตุ๊กตามีชีวิตเมื่อประทับยืนนิ่ง

ฮาอัสใช้มือหยาบดึงพักตร์งามแล้วประกบปากลงไปอย่างจาบจ้วง หื่นกระหายจนกระทั่งบานประตูหนา

ถูกเปิดออก เสียงตะโกนอย่างเจ็บปวดของมาอีทำให้เขายินดีเป็นที่สุด


“ราโมส เหตุใดเจ้าทำเยี่ยงนี้”TBC


TBC







ตอบโพลให้บ้างน้า...


หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 26# [19/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-05-2015 00:36:53
:o12:
เรื่องนี้มีแต่ตัวโกง
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 26# [19/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 20-05-2015 01:44:11
ย๊ากกกก วิน ปลุกมัมมี่มาบีบคออิพี่สิงเลย

ตัดภพที่แล้วไม่ขาดดีนัก  :katai1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 26# [19/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 20-05-2015 09:00:17
 :ling1: :katai1: มีแต่คนมักมามาก เห็นแก่ตัว อ๊ากกก
สงสารราโมส มาอี
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 26# [19/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-05-2015 09:28:38
ความจริงที่อยากให้ราโมสรับรู้ด้วยจริงๆ
สงสารมาอี เห้ออออ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 26# [19/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 21-05-2015 13:52:39
เรื่องมันน่าสนใจนะ แต่มันน่าเบื่อตรงที่ กว่าตัวร้ายจะได้รับกรรมก็คงตอนจบ เหมือนนายเอกก็แค่นางเอกดีๆนี้เอง ที่ไม่มีทางสู้ เพราะต้องรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อแค่เป็นหมากให้เขาใช้ทำชั่วเฉยๆ แถมเทพไม่เข้าข้างคนดีอีกตั้งหาก ว่าจะไม่เม้น แต่เห็นแบบนี้แล้วทำใจยอมรับไม่ได้ แล้วแบบนี้ใครอยากจะทำดีกันล่ะ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 27# [23/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 12:11:48

คำสาปร้าย พ่ายรัก
บทที่ 27



สิงหากำลังหัวปั่น


หัวใจของเขากำลังว้าวุ่นท่ามกลางความโกลาหลของผู้คนเมื่อเกิดเหตุผนังด้านหนึ่งของปิรามิดถล่มลงมา เขาวิ่งกลับไปที่เต็นท์

เก็บของซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ แต่กลับไม่มีธราเทพอยู่ภายในนั้น มันทำให้หัวใจของสิงหาหล่นวูบด้วยความเป็นห่วง


แม้ว่าช่วงนี้มีเรื่องขัดใจกันเนื่องจากความหงุดหงิดไม่ทราบสาเหตุที่ปะทุขึ้นมาในอารมณ์บ่อยครั้ง แต่ความรักและความห่วงใยที่

เขามีให้หนุ่มน้อยก็ยังไม่เคยลดน้อยถอยลง จนต้องวิ่งวุ่นตามหาธราเทพไปทั่ววาโยวิ่งสวนมาด้วยสภาพขมุกขมอมหน้าตาเลิ่

กลัก สิงหารีบคว้าแขนเพื่อนสนิทไว้


“เห็นวินไหม”


เขาถามอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนใจ วาโยหน้าตื่นเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเพื่อน


“ไม่เห็น อ้าว มันไม่ได้อยู่กับมึงเหรอ”


สิงหาส่ายหน้า หัวใจของเขาร้อนรุ่มหนักขึ้น


“แยกกันเมื่อสักพัก สั่งแล้วว่าให้อยู่แต่ในเต็นท์ แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”


เสียงไซเรนรถพยาบาลดังขึ้น ยิ่งบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของชายหนุ่ม เปลสนามถูกแบกหามเข้าไปในเขตอันตรายอย่าง

รวดเร็วและเจ้าหน้าที่ก็ทยอยแบกร่างผู้ได้รับบาดเจ็บออกมา


สิงหาถอนหายใจโล่งทุกครั้งที่ผู้บาดเจ็บไม่ใช่ธราเทพ เขาวิ่งสวนกลับเข้าไปตรงจุดเกิดเหตุโดยไม่สนใจคำห้ามอย่างห่วงใยของ

วาโยจนเข้าไปใกล้บริเวณที่ถล่มลงมา เขาสังหรณ์ใจว่าธราเทพจะอยู่ในนั้น


“วิน วิน อยู่ในนั้นหรือเปล่า”


บ้าเอ๊ย!!


สิงหาตะโกนราวกับจะคลุ้มคลั่งเมื่อยังไม่เจอธราเทพ เขาพยายามจะฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ที่มากั้นบริเวณเป็นจุดอันตราย แต่ก็ถูก

ขวางไว้


เสียงครืนดังขึ้นอีกครั้งจนสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับผู้คน เมื่อฝุ่นควันคละคุ้งเลือนหายจึงได้เห็นกันว่ากองเศษหินสูงที่

ถล่มลงมาในครั้งแรก เกิดถล่มซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมองไปทางกองเศษหินที่แตกละเอียด คราวนี้ทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง

เมื่อการถล่มครั้งที่สองเผยให้เห็นช่องว่างพาไปสู่ห้องโถงด้านใน


แต่ที่ตื่นเต้นกว่านั้นคือปรากฏร่างที่เดินออกมาจากช่องว่าง ทุกคนหันมามองกันเป็นตาเดียว

ร่างผอมเพรียวของหนุ่มน้อยชาวเอเชียสร้างความตื่นตะลึงโดยเฉพาะกับสิงหา เมื่อร่างนั้นคือธราเทพที่เขาเฝ้าตามหา แต่ธรา

เทพในตอนนี้กลับมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม


เหมือนมีรัศมีบางอย่างฉาบไล้อยู่ทั่วร่างจนเปล่งประกายงดงาม ท่าทางห่อไหล่จนเป็นบุคลิกนั้นหายไปกลายเป็นธราเทพที่

เหยียดไหล่กว้าง หน้าเรียวเชิดขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นความมั่นใจในตนเอง และท่าทีทั้งหมดส่งผลให้ธราเทพกลายเป็นชายหนุ่ม

ที่แสนสง่าราวกับมิใช่สามัญชน แม้ว่าเสื้อผ้าร่างกายจะเต็มไปด้วยเศษละอองของฝุ่นดิน


จนเมื่อเขาก้าวออกมาช้าๆ ทว่ามั่นคง ทุกคนที่รายล้อมถึงกับต้องหลบทางด้วยความยำเกรง บางคนถึงกับเผลอก้มศ๊รษะอย่าง

ไม่รู้ตัว


สิงหาแทบลืมหายใจเมื่อเห็นภาพนั้น เขาตะลึงมองทุกฝีก้าวที่ธราเทพก้าวตรงมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าห่างกันแค่ไม่ถึงฟุต ดวงตาคู่

หวานที่จ้องตอบกลับรื้นไปด้วยหยาดน้ำกลิ้งอยู่ในนั้น แต่สิงหาก็รู้ได้ว่าธราเทพเปลี่ยนไปแล้วผ่านม่านน้ำตา


“พี่สิงห์ ผมกลับมาแล้ว”   


ทั้งคู่ยืนสบตาเนิ่นนาน โดยไม่สนใจกับเสียงเอะอะโวยวายอย่างตื่นเต้นเมื่อทุกคนกรูกันเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ที่ธราเทพเพิ่ง

ก้าวออกมา





“ผมบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เชื่อ”


ธราเทพถอนหายใจเมื่อมาให้แพทย์ตรวจที่โรงพยาบาลจนเสร็จสิ้น แต่ยังคงนอนสังเกตอาการอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน มีแค่รอยถลอก

และฟกช้ำเพียงเล็กน้อยตามร่างกาย เขาปกติทุกอย่างจนวาโยถอนหายใจ   โล่งอก


เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการลากธราเทพมาโรงพยาบาลเมื่อวิ่งเข้าไปตามเพื่อนและลูกศิษย์ จนเจอทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันเหมือนไม่ได้

เจอกันมาแรมปี และแม้ว่าธราเทพจะปฏิเสธวาโยก็ไม่ยอม สิงหาที่ได้สติแล้วเห็นด้วยกับวาโยจึงรีบพาสมาชิกกลุ่มขึ้นรถยนต์แล้ว

บึ่งมาที่โรงพยาบาล


“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อาจารย์เป็นห่วงเฟ้ย นี่ถ้าแกเป็นอะไรไปหลวงพ่อสึกจากพระมาฆ่าอาจารย์แน่ๆ”


“แล้วนี่มึงเข้าไปอยู่ในนั้นได้ไงวะ ไอ้วิน”


ภูหิรัณย์เยี่ยมหน้าเข้ามาถามคนเป็นเพื่อนบ้าง ธราเทพยักไหล่เมื่อเอ่ยตอบ


“ก็ได้ยินเสียงดังเหมือนอะไรพังลงมา กูก็เลยวิ่งออกไปดู เห็นมันมีช่องว่างเล็กๆ เลยลองเดินเข้าไป ไม่นึกว่าจะเป็นห้องเก็บพระ

ศพฟาโรห์ซ่อนอยู่หลังผนังนั่น”


“บทจะเจอง่ายก็ง่ายเนอะ ใครจะไปนึกว่าห้องเก็บพระศพจะมีผนังกั้นไว้ โอ้โฮ ทั้งเพชรทั้งทองอื้อเลยในนั้น”


ภูหิรัณย์ส่ายหน้าเมื่อคิดถึงสภาพผู้คนที่กรูเข้าไปช่วงชิงสมบัติอย่างหื่นกระหาย


“แล้วไม่อยากได้กับเขาบ้างหรือ เซน”


วาโยเอ่ยถามด้วยแววตาอ่อนโยนจนเลือดฝาดแล่นขึ้นหน้าของภูหิรัณย์เป็นริ้ว


“ไม่หรอกครับอาจารย์ ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีหรอกนะครับ แต่เขาบอกว่าของพวกนี้มักมีอาถรรพ์ผมกลัวน่ะ”


วาโยหัวเราะเบาๆ ก่อนหันมาให้ความสนใจกับธราเทพอีกครั้ง แล้วถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสิงหาที่ไปรับยายังไม่กลับมา


“เออวิน แล้วเรื่องแกกับไอ้สิงห์น่ะ เป็นไงบ้าง แล้วจะเอาไงต่อ”


ธราเทพนิ่งคิดด้วยแววตาสุขุมกว่าที่เคย


“ผมคิดว่าพี่สิงห์เปลี่ยนไปจากอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ ผมจะค่อยๆ หาทางสืบว่ามันมาจากอะไรและจะแก้ไขให้ได้”


ยังไม่ทันที่วาโยจะกล่าวตอบการสนทนาก็ต้องหยุดลง เมื่อร่างสูงของสิงหาที่ถือถุงยามาด้วยเดินตรงเข้ามาและมองธราเทพด้วย

ความเป็นห่วง


“เป็นไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่า ให้หมอเช็คอีกทีดีไหม”


“พี่สิงห์ พี่สิงห์ครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆ”


ธราเทพรีบเอ่ยเพื่อสร้างความสบายใจให้แก่เจ้าของใบหน้าที่ยังดูเป็นกังวล สิงหายังไม่วายกำชับ


“แน่นะ”


“คร้าบ ไม่เป็นไรจริงๆ”


เมื่อรอยยิ้มถูกจุดบนใบหน้าหวานนั้น สิงหาก็ได้แต่ถอนหายใจ


“งั้นพวกเรากลับกันเถอะ ปิรามิดก็คงยังเข้าไปสำรวจอะไรไม่ได้เพราะถูกกั้นเป็นเขตอันตรายอยู่ เสียดายที่ทางการไม่ให้เข้าไป”


ว่าแล้วเขาก็เดินนำทุกคนกลับไปขึ้นรถยนต์แล้วขับกลับโรงแรม


“เฮ้ย ไอ้สิงห์”


วาโยเรียกเพื่อนเมื่อเดินเข้าไปในล็อบบี้ สิงหาเลิกคิ้วเมื่อหันไปมองเป็นเชิงถาม


“มึงอย่ารุนแรงกับลูกศิษย์กูให้มาก สติสำคัญนะมึง รักษามันไว้อย่าให้หลุด”


ดวงตาของสิงหาหม่นแสงวูบเมื่อได้ยินคำตักเตือนจากวาโย ก่อนที่เขาจะเดินแยกไปพร้อมภูหิรัณย์





ธราเทพซ่อนยิ้มไว้เมื่อสิงหาแทบจะประคองเข้าไปในห้องแม้เขาจะเพียรพยายามบอกมาตลอดทางว่าเขาแข็งแรงดี


“มานั่งตรงนี้ก่อน”


สิงหาดันไหล่ให้ธราเทพทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียงแล้วเขาก็ทรุดตัวนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น พลางดึงแขนเรียวทั้งสองข้าง

ของธราเทพมาสำรวจด้วยสายตาอีกรอบ จนหนุ่มน้อยต้องถอนหายใจ


“ถึงพี่จะสำรวจทั้งตัว ก็ไม่เจอรอยบุบสลายหรอกครับ ผมบอกพี่แล้วไงว่านอกจากรอยถลอกเล็กๆ ไม่กี่ที่ผมก็ไม่ได้เจ็บตรงไหน

อีก”


“ไม่เชื่อ จนกว่าพี่จะได้สำรวจทั้งตัวอย่างที่วินบอก”


ธราเทพร้อนวูบไปทั่วหน้าเมื่อสิงหาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยดวงตาวาววับ ธราเทพได้แต่ข่มความอายผลักอกแกร่งเบาๆ


“อย่ามาทำตัวดี กลบเกลื่อนความผิดหน่อยเลย เรื่องเมื่อกลางวันผมยังไม่ได้เคลียร์นะ”


สิงหาขมวดคิ้วนิ่งคิด จนเมื่อนีกได้สีหน้าสำนึกผิดจึงได้เกิดขึ้น


“พี่ขอโทษ พี่ใจร้อนไปหน่อย เห็นภาพบาดตาอย่างนั้นเป็นใครก็อดหึงไม่ได้หรอก”


เขากล่าวขอโทษเรื่องที่เขาจูบธราเทพต่อหน้าวริษฐา


“ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะ พี่เห็นก้อยทำอย่างนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ครั้งแรกพี่ก็ทนเก็บไว้ส่วนครั้งนี้พี่ทนไม่ไหวจริงๆ”


ธราเทพเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าสิงหาเคยเห็นวริษฐาจู่โจมเขามาแล้ว


“พี่สิงห์ต้องเชื่อใจผม ผมไม่มีวันที่จะเปลี่ยนใจไปหาคนอื่นหรอกนะ”


เสียงนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่นพลางดึงมือของสิงหามาวางไว้ที่หน้าอกข้างซ้าย


“ใช้ใจของพี่ฟังเสียงหัวใจของผม พี่จะรู้ว่าผมรักพี่ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าเวลาจะหมุนผ่านไปนานแค่ไหน ผมเป็นของพี่ทั้งกายและ

ใจ”


ดวงตาของสิงหาไหววูบเมื่อได้ยินคำบอกรักชัดเจนจากธราเทพ แต่เมื่อเขาจะเอ่ยปากตอบโต้ มือเรียวของธราเทพอีกข้างก็รีบ

ยกมาปิดปากนั้นไว้


“อย่าเพิ่งพูดเรื่องการหักหลังในอดีต เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง ไอ้ฮาอัสกับราบีอาร่วมมือกันวางยาผมจนพี่เข้าใจผิด”


สิงหาเบิกตากว้าง เขาใช้มือจับต้นแขนของธราเทพทั้งสองข้างบีบแน่นแล้วเหนี่ยวตัวเข้ามาจนชิดร่างของเขา


“หมายความว่าไง ทำไมวินพูดเหมือนจำเหตุการณ์ได้”


ดวงตาคู่หวานทอประกายอ่อนโยนปนเศร้าพร้อมกับที่ใช้มือลูบไล้ไปตามเหลี่ยมคางที่เริ่มมีไรหนวดสีเขียวอย่างแสนรัก


“ตอนที่ผมเดินเข้าไปในห้องเก็บศพของผม เอ่อ ห้องเก็บศพของราโมส อยู่ๆ ความทรงจำมันก็ไหลกลับมาเหมือนผมดูหนัง

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่สิงห์ถึงเกลียดขี้หน้าผมนักหนา แต่ผมอยากบอกให้พี่รู้ว่าผมไม่ได้ทรยศ ทุกอย่างเป็นแผนการของ

ราบีอากับฮาอัสที่สมรู้ร่วมคิดกัน ให้ซาจีหักหลังเรา

สองคน ผมจึงไม่ได้ไปตามนัด”


สีหน้าของธราเทพหม่นเศร้าเมื่อเล่าให้ฟังถึงช่วงนี้


“มันบังคับให้ผมกินยาอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองจนเรื่องเกิดขึ้น”


ริมฝีปากของสิงหาสั่นระริก รวมทั้งมือที่ยึดต้นแขนของธราเทพไว้ด้วยเมื่อรับรู้เรื่องทั้งหมด เขาพูดอะไรไม่ออกนอกจากรำพึง

เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา


“โอ ราโมส”


น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งตกผ่านร่องแก้มลงมา เมื่อธราเทพห้ามมันไว้ไม่ได้


“พี่สิงห์จะยังไม่เชื่อผมก็ได้ ผมรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อแค่ลมปากของผมเทียบกับสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่ แต่ผมจะหาทางพิสูจน์ให้

พี่เห็นว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง”


ธราเทพดึงให้สิงหาลุกขึ้นยืนพร้อมกัน หนุ่มน้อยใช้มือสองข้างประคองที่ใบหน้าของสิงหาไว้


“เหนื่อยไหมครับกับการรอคอย แล้วต้องอดทนมากขนาดไหนที่ต้องมีความทรงจำกับเรื่องเลวร้าย ในขณะที่ผมไม่เคยรับรู้อะไร

เลย”


น้ำตาไหลไม่ขาดสายเมื่อธราเทพกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป


“ผมจะทดแทนให้พี่ในชาตินี้ ผมจะอยู่กับพี่ไม่ไปไหน หัวใจและร่างกายของผมเป็นของพี่แต่เพียงผู้เดียว”


ธราเทพดึงใบหน้าของสิงหาเข้ามาใกล้พร้อมกับที่เขาเองก็โน้มหน้าเข้าไปหาจนปลายจมูกโด่งชนกัน เขารู้สึกถึงลมหายใจร้อน

ผ่าวของสิงหาที่แทบจะสอดประสานกับลมหายใจของเขา


แล้วธราเทพก็ประกบปากอุ่นลงไปบนริมฝีปากที่ยังสั่นสะท้านราวกับจะช่วยปลอบโยนให้สิงหาหลุดพ้นจากความรู้สึกที่อัดแน่น

ทั้งมวล แขนเรียวของธราเทพดึงลำตัวแกร่งเข้ามาแนบชิดก่อนที่จะโอบกอดร่างที่สั่นสะท้านนั้นไว้ สิงหาทอดถอนใจอยู่ในจุมพิต

เมื่อปลายลิ้นของทั้งสองเกี่ยวตวัดเข้าด้วยกัน มันช่างเต็มไปด้วยไอแห่งสิเน่หาที่ธราเทพบรรจงมอบให้ ก่อนที่หนุ่มน้อยจะดันให้

สิงหาหงายหลังไปบนที่นอนนุ่มโดยที่มีเขาเป็นฝ่ายทาบทับ





หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 27# [23/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-05-2015 12:57:09
พี่สิงห์อ่อนซะเหมือนเคะ   :z13:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 27# [23/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 23-05-2015 13:51:07
อิย๊าาาา น้องวินอลังการม่ก เดินมากจากกองฝุ่นแบบนางเอก  :laugh:

รอดูอยู่ว่าทำไมชาตินี้ ราบีอา ( ก้อย ) ถึงมารัก ราโมส ( วิน ) ได้

เอ๊ะ หรือว่าก้อยไม่ใช่ใครเลย ส่วนอิพสกนั้นยังไม่ผุดไม่เกิด   :katai1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 28# [23/05/58) 14.00 น
เริ่มหัวข้อโดย: NaEZ ที่ 23-05-2015 14:00:54
จะจบแล้วหรือนี่ มีสติให้มากๆ  :m15:
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 28# [23/05/58) 14.06 น
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 14:02:30



                          คำสาปร้าย พ่ายรัก

                             บทที่ 28


สิงหามองดวงตาหวานที่ส่องประกายซุกซนคู่นั้น


มันไม่ใช่ดวงตาที่ฉายแววเศร้าเป็นนิจอย่างเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว แต่มันเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความร่าเริง

ร้อนแรง ปลุกเร้าพลังชีวิตดังเช่นแววตาของผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเขามาตลอดตั้งแต่อดีตพันธะหัวใจ

กลับคืนมาสู่เขาในที่สุด


สิงหายิ้มกริ่มเมื่อเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าเนียนแล้วเอ่ยถามในกิริยาที่ธราเทพกระทำอยู่


“คิดจะทำอะไรน่ะวิน”


คนที่นอนทาบทับอยู่เบื้องบนไม่ตอบ แต่กลับคลี่ยิ้มหวานให้แล้วโน้มตัวมาประทับริมฝีปากอยู่บนปากของเขา

สิงหาเผยอปากให้ลิ้นนุ่มของธราเทพส่งผ่านเข้ามา มือที่วางแนบไปกับแก้มใสยึดประคองไว้ ราวกับกลัว

ธราเทพจะหนีหาย


มือบางของธราเทพเกาะเกี่ยวอยู่ที่สาบเสื้อ ปลายนิ้วหยอกล้ออยู่บนแผงอกแกร่งเมื่อเริ่มต้นปลดกระดุม

เม็ดแรกแล้วลากไล้ไปที่เม็ดต่อไปจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้าย หนุ่มน้อยแสนซนก็แยกเสื้อออกจากกัน

แล้วมือที่อุ่นจนร้อนก็วางแนบไปบนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ธราเทพถอนลิ้นออกจากโพรงปากของ

สิงหาแล้วก้มลงไปเม้มเบาๆ ที่อกกว้าง


เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นให้ได้ยินจากสิงหา เมื่อธราเทพลากมือไปวางที่หน้าท้องเหนือเข็มขัดก่อน

ที่จะลากพรมไปตามขอบกางเกงให้สิงหาอึดอัดแทบขาดใจ จนต้องเป็นฝ่ายกระชากเข็มขัดหนังเนื้อดี

ออกจากขอบกางเกงอย่างรวดเร็ว


“วินรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่”


เสียงแตกพร่าเอ่ยถามเมื่อเขาผงกหัวขึ้นมามองธราเทพที่เงยหน้าช้อนสายตาขึ้นมายิ้มให้

ดวงตาหวานหยดไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมาไม่แพ้กัน


“ผมรู้ตัวเสมอแหละครับพี่สิงห์และจะทำยิ่งกว่านี้อีก”


ไม่พูดเปล่า มือเรียวยกไปวางอยู่ตรงซิปจนสิงหาสะดุ้งปั่นป่วนไปทั้งช่องท้อง

เขากลืนน้ำลายเมื่อเห็นหน้าของธราเทพในตอนนี้


อา…มันช่างเร่าร้อน เย้ายวนเหมือนราโมสในอดีต สัมผัสทั้งหมดทำให้สติของชายหนุ่ม

แตกซ่าน ยิ่งเมื่อมือซนรูดซิปกางเกงลงช้าๆ


ก่อนที่จะก้มหน้าไปล้อเล่นจนร่างกายของเขาแทบปริแยก ปลายลิ้นเล็กหยุ่นชื้น

แตะไว้อยู่ตรงปลายแฉกแล้วลาวยาวลงมาจนถึงโคน ธราเทพเผยอปากออกค่อยๆดูดกลืน

จุดอ่อนไหวลงไปทีละนิดก่อนจะเร่งเร้าโยกรั้งจนสิงหาปั่นป่วน


โอ…สิงหาเผลอตัวสบถในคอเมื่อธราเทพทำให้เขาระเบิดออกมาจนได้ เขาเกร็งตัวจนสุดแรง

เมื่อเป็นฝ่ายพลิกตัวกลับให้ธราเทพไปเป็นฝ่ายอยู่เบื้องล่างบ้าง


“ไม่ใช่เล่นเลยนะเรา แกล้งพี่จนหมดสภาพ”



น้ำเสียงที่ยังสั่นไหวเอื้อนเอ่ยพลางมองธราเทพตาเป็นประกาย ปลายนิ้วเช็ดไปที่มุมปาก

ของธราเทพที่ยังมีคราบรักของเขาติดอยู่แผ่วเบา


“ผมอยากให้พี่สิงห์มีความสุข”


เสียงนุ่มทอดหวานตอบกลับ สิงหาเต็มตื้นอยู่ในหัวใจ เขาก้มหน้าไปให้รางวัลด้วยจูบร้อนแรง


“แค่ได้คนที่รักคนเดิมกลับคืนมา พี่ก็มีความสุขมากพอแล้ว”


เขากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูพลางงับติ่งหูเล่น มือของเขาสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดแล้วดึงมันผ่านหัว

ของธราเทพอย่างรวดเร็ว


“แต่เรื่องที่วินแกล้งพี่เมื่อครู่ พี่ไม่ยอมหรอกนะ พี่จะแก้แค้นคืนให้สาสมยิ่งกว่าที่วินทำกับพี่”


สิงหาเป็นฝ่ายยิ้มกริ่มพลางมองเนื้อตัวเนียนอย่างหลงใหล เขาก้มหน้าไปฟอนเฟ้น

พร้อมเบียดแนบเนื้อตัวจนไม่เหลือช่องว่าง นุ่มนวลแต่เร้าร้อนอยู่ในทีจนหนุ่มน้อยแทบขาดใจ


ธราเทพปล่อยใจไปกับการบอกรักที่สิงหากระซิบไม่ขาดระยะ เนื้อตัวของเขาเบาหวิวราวกับขนนก

ที่ล่องลอยไปตามสายใยรักที่ถักทอตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนที่เขาไม่รักผู้ชายที่กำลัง

ปรนเปรอความสุขให้เขาไม่มีหยุดหย่อนจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน


“ผมรักพี่ มาอีของผม”


ธราเทพพึมพำเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนจะผล็อยหลับไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น





เปลือกตาหวานกระพริบถี่แล้วปรือตาสู้กับแสงที่ส่องผ่านเข้ามาในห้อง ธราเทพหลับตาลง

อีกครู่ใหญ่ก่อนที่จะลืมตากว้างขึ้น แล้วเหลือบมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง


อุทานเบาๆ เมื่อเห็นว่าตนเองตื่นจนสายโด่ง ธราเทพดันตัวให้ลุกนั่งแล้วก็ต้องนิ่วหน้า



“โอ๊ย”


เสียงร้องดังขึ้นเมื่อความเจ็บปวดมาเยือนตัวเนื้อตัวแทบจะทุกส่วนโดยเฉพาะตรงสะโพก

กลมกลึง ธราเทพร้อนซู่ไปทั่วหน้าเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตลอดวันและคืนที่ผ่านมาเขาผ่านสมรภูมิ

แห่งความรักจนหมดเรี่ยวแรง แม้แต่ตอนนี้ร่างกายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาก็ยังไม่มี

อาภรณ์ใดๆ ติดตัวอยู่ด้วยซ้ำ แถมยังมีร่อยรอยที่สิงหาฝากรักเต็มไปหมด


ธราเทพซ่อนหน้าที่แดงก่ำซุกลงกับหมอนทำทีเป็นหลับ เมื่อเห็นสิงหาเดินออกมาจากห้องน้ำ

ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อพราวไปด้วยหยดน้ำจนเขาใจสั่น

ยิ่งหลับตาปี๋เมื่อที่นอนยวบลงตามน้ำหนักที่สิงหาทิ้งตัวลงมานั่งแล้วโน้มตัวมาจูบที่ขมับของเขา


“ตื่นแล้วจะแกล้งหลับต่อทำไม ขี้เซานะเราน่ะ”


สิงหาพูดทั้งที่จมูกยังคลอเคลียอยู่แถวแก้มแดง ธราเทพตอบโต้ทั้งที่ยังหลับตาแน่น


“พี่สิงห์ก็ไปใส่เสื้อผ้าก่อนสิ”


ธราเทพรู้สึกหมั่นไส้เสียงหัวเราะในลำคอนั่นเต็มกำลัง เขาอยากจะยกมือไปทุบร่างหนา

ให้หนำใจ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้แม้แต่ลืมตาไปมองหน้าเขาก็ยังไม่กล้า


“ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้ พี่เห็นวินทั้งมองทั้งขยำทั้งคืน”


“พี่สิงห์บ้า ลามก”


ธราเทพลืมตามาต่อว่าได้ในที่สุด เขามองสิงหาตาคว่ำยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากสิงหา

ให้ดังขึ้นไปอีก


“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่พาไป”


สิงหาบอกเสียงนุ่ม ธราเทพยังเม้มปากอย่างแง่งอน


“ไม่ต้อง ผมไปเองได้”


“แน่ใจนะ”


สิงหาเลิกคิ้วอย่างท้าทาย ธราเทพฮึดฮัดแล้วจึงสะบัดผ้าห่มออกจากตัวก่อนฝืนเด้งตัว

ขึ้นมายืนข้างเตียงอย่างรวดเร็วทันทีที่ปลายเท้าแตะพื้นธราเทพก็ต้องตกใจเมื่อร่างกายของเขา

แทบจะทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ยังดีที่สิงหาคว้าร่างไปกอดไว้แนบตัวธราเทพจึงไม่ได้ล้มลงไป

ธราเทพเพิ่งรู้ว่าขาทั้งสองข้างของเขาแทบไม่มีแรงเหลืออยู่ มันสั่นระริกไปทั้งท่อนรวมทั้ง

ความร้าวระบมแล่นไปทั่วตัวจนเขาต้องนิ่วหน้า


"ไงล่ะคนเก่ง พี่บอกแล้วก็ไม่เชื่อ รั้นดีนัก”


สิงหาพูดทับถมให้ธราเทพยิ่งอายหนักขึ้น หน้าเนียนฝังลงกับบ่ากว้างพลางเอื้อมมือ

ไปทุบหลังสิงหาดังตุ้บ


“ก็ใครใช้ให้บ้าพลัง เอ่อ…ทั้งวันทั้งคืนเล่า ไอ้คนหื่นกาม”


สิงหาใช้ไหล่ดันให้ใบหน้าเรียวห่างออกจาการซุกไซ้ เขาบีบปลายคางของธราเทพเบาๆ

พลางมองหน้าหวานไล่ลงไปที่เนื้อตัวเปล่าเปลือยตาเชื่อม


“ก็ใครใช้ให้วินเซ็กซี่จนพี่อดใจไว้ไม่ได้ล่ะ”


สิงหาประกบปากลงกับปากนุ่ม เขาเม้มปากงับไล่ไปตามเรียวปากแดงก่อนสอดปลายลิ้น


เข้าไปทักทายอยู่พักใหญ่


“มอนิ่งคิสนะครับคนเก่ง แม้ว่ามันจะไม่เช้าแล้ว”


เรือนร่างกำยำใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งช้อนไปที่ใต้เข่าของธราเทพ ขณะที่แขนอีกข้างโอบ

ไปที่แผ่นหลังแล้วยกร่างบางลอยขึ้นมาอย่างง่ายดาย


“ให้พี่พาวินไปอาบน้ำนะ”


สิงหาอุ้มธราเทพเดินเข้าห้องน้ำอย่างง่ายดาย ธราเทพได้แต่โอบไปรอบคอของสิงหา

เพราะกลัวตก จนสิงหาวางร่างเนียนลงในอ่างน้ำที่เปิดน้ำอุ่นและใส่เกร็ดสบู่หอมตี

จนฟองฟูรอไว้อยู่แล้ว


“ผมอาบน้ำเองได้ พี่สิงห์ออกไปเหอะ”


ธราเทพเอ่ยปากไล่


“ไม่ครับ พี่จะอาบด้วย”


“พี่อาบน้ำแล้วนี่ครับ พี่จะอาบซ้ำทำไมอีก”


สิงหายิ้มเจ้าเล่ห์


“มันไม่เหมือนกัน เมื่อกี้พี่อาบคนเดียว แต่รอบนี้พี่จะอาบให้วินไง”


จบคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน สิงหาดึงผ้าเช็ดตัวออกจากการห่อหุ้มแล้วก้าวลงอ่างอาบน้ำ

เลื่อนตัวเข้าไปใกล้แล้วดึงตัวธราเทพให้หันหลังให้เขา เอื้อมมือคว้าฟองน้ำนุ่มมาถูไปตาม

เนื้อตัวพร้อมกับนวดเฟ้นไปด้วยธราเทพปล่อยให้สิงหาจัดการอย่างสบายตัว ก่อนที่จะชะงัก


“เอ่อ พี่สิงห์ ผมว่าพอแค่นี้เถอะ”


“ทำไมล่ะวิน”


เสียงสั่นพร่ากระซิบอยู่ที่หลังหู ธราเทพกลืนน้ำลายลงคอ จะบอกได้อย่างไรว่า

เขารู้สึกถึงการ “ตื่น” ของสิงหา เอวคอดถูกโอบรัดจนแผ่นหลังไปแนบชิดกับอกกว้าง

สิงหาฝังจมูกลงบนไหล่เนียน ธราเทพสะดุ้งเมื่อมือใหญ่ของสิงหากอบกุมไปที่จุดอ่อนไหว

ด้านหน้า หนุ่มน้อยยิ่งรู้สึกถึงการเบียดแน่นจากด้านหลังธราเทพทอดถอนลมหายใจที่ผ่าวร้อน


“แล้วเมื่อไหร่ผมจะอาบน้ำเสร็จเนี่ย”


สิงหาไม่ตอบ เขาจูบที่หลังคอเนียนแรงๆ ก่อนที่จะดันตัวของธราเทพให้หันหน้ามาหา

สะโพกแน่นถูกยกขึ้นให้นั่งคร่อมทับอยู่บนต้นขาแกร่งของเขาที่ทอดยาวไปกับพื้นอ่าง 

มือโอบไปรอบเอวจนร่างทั้งสองไม่เหลือช่องว่าง ธราเทพโอบกอดไปรอบศีรษะเมื่อสิงหา

ซุกไซ้ไปตามเนื้อตัวธราเทพยิ้มเมื่อสิงหากระซิบบอกรักอีกครั้ง


                  --------------------------------------------------------------------


วันนี้จะลงจนจบเลย แต่จะทยอยลงชั่วโมงละบท
ใครอ่านอยู่ช่วยคอมเมนท์กันเป็นกำลังใจบ้างนะ
จะจบแล้ว



หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 28# [23/05/58) 14.00 น
เริ่มหัวข้อโดย: baslowbatt ที่ 23-05-2015 14:41:23
ขอให้ทุกอย่างคลี่คลาย เร็วๆเถอะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 28# [23/05/58) 14.00 น
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-05-2015 14:42:07
ร่างน้องพังแล้ว :jul1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 28# [23/05/58) 14.00 น
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 23-05-2015 14:57:50
 :haun4: :oo1: :hao6:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 29# [23/05/58) 15.45 น
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 23-05-2015 15:42:30
ต๊ายตายๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่น้องวินตายนะ คนอ่านเนี่ยแหละตาย

 :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 29# [23/05/58) 15.45 น
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 15:43:41

คำสาปร้าย พ่ายรัก
บทที่ 29

วรกายบอบบางประทับนั่งพิงกับฝาผนังทอดสายพระเนตรผ่านกุญชรออก

ไปสู่ความอ้างวางของท้องฟ้าสีดำอย่างอาดูร


“ราโมสเหตุใดเจ้าทำเยี่ยงนั้น”
เสียงแผดกล้าที่เต็มไปด้วยโทสะยังคงก้องอยู่ในพระกรรณ ทรงได้ยินและได้เห็น

แต่มิสามารถขัดขืนโต้แย้งสิ่งใดได้ ในเมื่อวรกายทุกส่วนแข็งชาราวกับมิใช่วรกาย

ขององค์เอง ทรงกันแสงจนไร้เรี่ยวแรง พระเนตรงามช้ำหนักเมื่อยาที่แสนเลวสิ้นฤทธิ์

หลังจากนั้นเจ้าชายราโมสก็ทรงนิ่งเหม่อราวกับตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต วรกายแบบบางยิ่งซูบผอม

ด้วยทรงเป็นกังวลและเฝ้าคิดถึงแต่มาอีผู้เป็นที่รัก


อยากที่จะลอบไปตามหาแต่มหาอำมาตย์ฮาอัสใช้ตรวนสวมเข้าที่ข้อพระบาทข้างหนึ่ง

ผูกติดเข้ากับเสาโลหะแม้พระองค์จะลองขยับแต่ก็ทำลายตรวนนี้ไม่ได้

จนโลหะถูรัดเข้ากับข้อพระบาทจนเกิดเป็นรอยแผล เจ้าชายน้อยทรงเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งนัก

เมื่อรู้สึกองค์ว่าไม่ต่างอะไรกับนักโทษชั้นเลว


ทิวาและราตรีเคลื่อนผ่านไปเท่าใดเจ้าชายนับจนลืมนับ และในที่สุดบานประตูหนาหนัก

ของห้องพระบรรทมก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคนที่เจ้าชายทรงชังที่สุดก้าวเข้ามา

พระพักตร์เรียวสะบัดหนี แต่ฮาอัสก้าวเข้ามาใช้มือหยาบหนาบีบพระหนุแน่น


“อย่าหันหน้าหนีข้าเจ้าชาย”


เสียงแข็งดังขึ้นแต่มีหรือที่เจ้าชายราโมสจะทรงเกรงกลัว พักตร์งามหันไปถ่มน้ำลายใส่

จนฮาอัสผงะ ดวงตาเจ้าเล่ห์เบิกโพลง


“ท่านกล้าทำเยี่ยงนี้หรือ ราโมส ท่านรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ท่านอยู่ในกำมือของข้า

ที่ข้าจะกระทำเช่นไรกับท่านก็ได้”


“ถ้าเช่นนั้นก็ปลิดชีวิตข้าเสียฮาอัส”


ทรงเชิดพระพักตร์ท้าทาย


“ข้าพร้อมที่จะไปสู่ดินแดนมตภูมิดีกว่าทนอยู่ให้เจ้าเหยียดหยามศักดิ์ศรี”


เสียงหัวร่อเยาะหยันดังขึ้นอย่างกักขฬะ


“คงยังไม่ได้หรอกเจ้าชายราโมส ท่านยังไม่สู่มตภูมิไม่ได้หากข้ายังไม่ได้เชยชม

ร่างของท่านให้สาแก่ใจข้าเสียก่อน”


มือหยาบลูบไล้ไปตามเนื้อตัวจนเจ้าชายราโมสสะดุ้งด้วยความเดียดฉันท์

ทรงกัดพระโอษฐ์แน่นพลางออกแรงผลักไสเมื่อฮาอัสดึงวรกายเข้าไปใกล้


“อย่ามาแตะต้อง ร่างกายของข้ามีไว้เพื่อมาอีเท่านั้น”


ตาหลุกหลิกลุกวาวราวอสรพิษเมื่อได้ฟังคำที่กล่าว ฮาอัสยิ่งกระชากวรกายบางเข้ามาใกล้


“แล้วข้ากับมาอีมันจะต่างกันตรงไหน รับรองว่าข้าจะปรนเปรอท่านให้หนำใจ

ยิ่งกว่าที่มาอีทำได้”


“อย่านะ”


ทรงร้องห้ามพลางดิ้นรนขัดขืนเมื่อฮาอัสดันร่างของพระองค์ให้นอนราบไปกับพื้นห้อง

อัสสุชลไหลหลั่งอย่างรังเกียจเมื่อฮาอัสซุกหน้าลงมาเชยชมตามเนื้อตัวเนียน


“มาอี มาอี ช่วยข้าด้วย”


“จะร้องหามันทำไม ไอ้มาอีมันไม่มาหรอกในเมื่อมันถูกมัดตรวนอยู่ที่ลานนักโทษ”


เสียงเย้ยหยันของฮาอัสดังขึ้นทั้งที่ยังไม่เลิกซุกไซ้ไปตามร่างงดงามทำให้พระเนตร

ของเจ้าชายยิ่งเบิกกว้าง ตกใจทั้งเรื่องที่องค์เองกำลังจะถูกย่ำยีและเรื่องที่คนรักถูกจับกุม


“ฮาอัส ไอ้เลว เจ้าจะทำอะไรกันแน่”


“หึหึ ทำอะไรงั้นหรือ ท่านจะรู้ในไม่ช้านี่แหละที่รักของข้า แต่ตอนนี้ขอให้ข้าได้ชื่นชม

ในร่างที่ข้าเฝ้ารอมานานเถิดนะ”


ฮาอัสตะโบมปากและจมูกลงไปอย่างรุนแรงจนเนื้อเนียนชอกช้ำ เจ้าชายราโมสทรงยัง

ไม่หยุดดิ้นรน แม้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


“เจ้าบ้าฮาอัส ทำอะไรเยี่ยงนี้”


เสียงแหลมบาดหูดังขึ้นที่หน้าห้องขัดจังหวะจนฮาอัสต้องสบถอย่างรุนแรง

ก่อนที่ร่างอวบของพระสนมเซพเทตจะปรากฎกายแล้ววิ่งถลันเข้ามาดึงร่างของฮาอัส

ออกจากวรกายงามของเจ้าชายราโมสแล้วใช้ฝ่ามือฟาดเข้าไปที่ใบหน้าสากของมหาอำมาตย์


เจ้าชายราโมสอาจจะไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีนักพระสนม แต่ในวันนี้ทรงนึกขอบคุณพระสนม

เป็นที่สุดที่มาช่วยยับยั้งการล่วงเกินจากฮาอัสไม่ได้พระองค์มีราคีแปดเปื้อนได้


“นังบ้าเซพเทตโผล่มาทำไมตอนนี้”


ฮาอัสถลึงตาอย่างกราดเกรี้ยวพลางยกมือฟาดไปที่ใบหน้าอวบอิ่มอย่างรุนแรง

จนพระสนมร่วงลงไปกองกับพื้น เจ้าชายทอดพระเนตรอย่างตกใจพลางขยับวรกายหนี

ไปซุกอยู่ที่ผนังห้องอย่างรวดเร็ว ร่างอวบที่ทรุดตัวอยู่กับพื้นห้องสะบัดขึ้นไปมองฮาอัส

พลางยกมือกุมหน้าพร้อมทั้งน้ำตาอย่างเจ็บใจ


“เจ้าน่ะสิบ้า ไอ้ฮาอัสสารเลว ทุกสิ่งที่ข้าปรนเปรอให้เจ้ามันยังไม่สาแก่ใจของเจ้าอีกรึ

ทั้งตัวของข้า ทรัพย์สมบัติที่ข้ามี แถมข้ายังช่วยให้เจ้าลอบจับตัวไอ้แก่เพตเทเมน

ได้อีกต่างหาก เจ้ามันมักมากถึงขนาดคิดจะกระทำกับผู้ชายด้วยกันอย่างราโมสนี่อีก”


เจ้าชายที่ทรงนั่งเฝ้ามองเหตุการณ์เบิกพระเนตรอย่างตกพระทัยเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด

นี่หมายความว่า พระสนมของพระบิดาลอบเป็นชู้กับมหาอำมาตย์


“เซพเทต นี่มันอะไรกัน เจ้าลอบมีชู้หรือ”


พระสนมหันขวับมามองเจ้าชายราโมสด้วยความริษยา แล้วลุกขึ้นถลาเข้ามาจิกพระเกศา

จนพระพักตร์หงาย


“เป็นเพราะพ่อเจ้ามันไม่เอาไหน หาทำให้ข้าสุขสมไม่ ฮาอัสต่างหากที่เป็นยอดดวงใจ

ของข้าแต่เจ้ากลับมาแย่งชิง เจ้าช่างเป็นหอกข้างแคร่ของข้าไปเสียทุกเรื่องนะ ราโมส”


ฮาอัสก้าวเข้ามากระชากแขนของเซพเทตออกไปจากการกระทำคุกคามเจ้าชายราโมส

แล้วผลักร่างอวบให้ไกลจากวรกายสั่นเทา


“อย่าแตะต้องเจ้าชาย ร่างกายนี้จะต้องเป็นของข้าคนเดียว”


“เพราะเหตุนี้เจ้าจึงวางแผนทั้งหมดสินะ เจ้าชั่วฮาอัส”


สุรเสียงดุของเจ้าหญิงราบีอาดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะถลันมาประคองพระสนมเซพเทต

ผู้เป็นมารดาไว้ อย่างน้อยก็ทรงรักพระบิดามารดายิ่ง


“เจ้าหลอกใช้ข้าและท่านแม่ทุกเรื่อง รวมทั้งที่เจ้าจับท่านพ่อของข้าไว้เพื่อกบฎสินะ”


ความเจ็บแค้นเด่นชัดอยู่ในสุรเสียง เมื่อเจ้าหญิงราบีอายืดวรกายตรงบดบังมารดาที่เอาแต่ร้องไห้


“ก็พวกเจ้าสองแม่ลูกโง่ให้ข้าหลอก”


ดวงตาหลุกหลิกส่อแววเยาะหยัน


“แผนข้ายังดำเนินไปไม่ถึงครึ่งทาง นี่ข้าคิดไว้ว่าเมื่อกำจัดไอ้แก่เพตเทเมนได้แล้ว

ข้าจะให้เจ้ากับราโมสแต่งงานกันและขึ้นครองราชย์โดยที่มีข้าเป็นที่ปรึกษาให้

เจ้าก็เป็นราชินีไปส่วนข้านอกจากจะเป็นที่ปรึกษาแล้ว ข้าก็จะทำให้ทุกคนมีความสุข

ด้วยร่างกายของข้า เจ้าด้วยนะราบีอา หรือว่า เจ้าลืมรสสวาส ของเราที่มีต่อหน้าพญางู

อะโพรฟิสไปเสียแล้ว”


ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน เจ้าชายราโมสตกใจ

เมื่อทรงได้รับฟังเรื่องทั้งหมด เจ้าหญิงราบีอาทรงยืนกัดฟันด้วยความแค้นที่ความจริง

ที่พระองค์ปิดบังถูกเปิดเผยด้วยวาจาจากฮาอัส ส่วนพระสนมเซพเทตเบิกตากว้าง

อย่างชอกช้ำที่ได้ยินเรื่อง นางยกมือเขย่าวรกายของเจ้าหญิง


“หมายความอย่างไรราบีอา สิ่งที่ฮาอัสพูดเป็นจริงหรือไม่เจ้าจงบอกแม่เดี๋ยวนี้

นี่เจ้าร่วมผัวคนเดียวกับแม่หรือ”


เจ้าชายราโมสทรงยืนอย่างไร้เรื่ยวแรง ยกพระกรสั่นเทาชี้หน้าฮาอัสอย่างเคืองแค้น


“นี่เจ้าจับท่านพ่อไว้หรือ เจ้ามันเป็นกบฏ”


ฮาอัสตาลุกวาบหันขวับไปทางเจ้าชายราโมส


“ใช่ ข้าจับฟาโรห์เพตเทเมนไว้ เจ้าจะเรียกข้าว่ากบฏก็ได้ และด้วยความกรุณาจากข้า

ฟาโรห์เพตเทเมนที่เป็นบุตรแห่งเทพราตามตำแหน่ง ก็จะถูกสังหารด้วยการฝังทั้งเป็น

ไว้ ณ วิหารแห่งพญางูอะโพรฟิสเพื่อเป็นการสังเวยแด่ศัตรูของเทพรา ในบ่ายวันนี้แหละ”


เจ้าหญิงราบีอาทรงกรีดร้องและวิ่งถลาเข้าไปทุบตีฮาอัสด้วยโทสะ แต่กลับถูกฮาอัส

ผลักจนกระเด็น


“ทหาร”


ฮาอัสร้องเรียกเพียงครั้งเดียว กลับปรากฏร่างกำยำของทหารรูปร่างประหลาดหลายคน

เหมือนเงาของอสุรกาย


“จับตัวเจ้าหญิงราบีอาและพระสนมเซพเทตไปควบคุมที่ตำหนัก ส่วนเจ้าชายราโมส

ยึดตัวไว้”


ฮาอัสก้าวเข้ามาใกล้ ยิ้มเจ้าเล่ห์เกิดขึ้นที่มุมปากเมื่อมือหยิบห่อยาที่เหลือจากที่คาดเอว


“เหลือละครฉากสุดท้ายที่เจ้าจะได้เห็นนะ ราโมส เจ้าจะได้เห็นคนที่เจ้ารักตายไป

ด้วยความแค้นที่มีต่อเจ้า มันจะได้เกลียดเจ้าไปทุกชาติ เพื่อที่เจ้าจะได้เป็นของข้าไป

ทุกชาติเช่นกัน”


“ไม่ ฮาอัส ไอ้ชั่ว”


วรกายบางดิ้นรนทั้งน้ำตาเมื่อฮาอัสบังคับให้กลืนยาเม็ดสุดท้ายลงคอ



น้ำตาหลั่งไหลราวกับสายน้ำตกต้องไปที่อันไร้อัต(วิญญาณ)ของชายอันเป็นที่รักยิ่ง

เมื่อสติกลับคืนสู่เจ้าชายราโมส ทรงโอบกอดและกรรแสงแทบขาดพระทัย

พระเนตรงามแดงและบวมเป่ง แม้จะไม่มีวาจาคร่ำครวญจากเจ้าชาย

พระหัตถ์กอดไปรอบร่างที่นอนกลางดิน สะดุดเมื่อพบอาวุธชิ้นเล็กเหน็บอยู่ที่

เอวของมาอี เจ้าชายทรงดึงเคเพชคู่ใจของคนรักมาเก็บซ่อนไว้ที่บั้นพระองค์ได้ทัน

ก่อนที่จะถูกกระชากให้ลุกขึ้นจากฮาอัส


“ฟาโรห์องค์ไหม่มิบังควรลงไปนั่งเกลือกกลิ้งกับร่างอันสกปรกของคนที่ทรยศนะกระหม่อม”


พระเนตรงามจ้องกลับอย่างเคียดแค้น ก่อนที่จะผลักไสร่างที่ทรงรังเกียจ

แล้วดึงเคเพชมาพาดที่พระศอองค์เอง

“ถ้าก้าวเข้ามาอีก ข้าจะปลิดชีพตัวเอง อย่าคิดว่าข้าไม่กล้า ชีวิตของข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”


ฮาอัสมองเจ้าชายอย่างนึกไม่ถึงที่ใช้วิธีนี้มาขู่แต่มันก็ได้ผล


“เอาเถอะ ข้ายังมีเวลากับท่านอีกเยอะ ฟาโรห์ราโมส แต่ตอนนี้ท่านต้องกลับเข้า

ไปในราชวังและเตรียมตัวอภิเษกกับเจ้าหญิงราบีอาเพื่อครองราชย์อย่างสมบูรณ์ภาย

ในสามวันนี้”


เป็นสามวันที่ทรมานพระหท้ยของฟาโรห์องค์ใหม่ ที่ไม่มีแม้แต่กำลังใจจนวรกายยิ่งซูบผอม

แล้วในที่สุดพระองค์ก็เข้าพิธีอภิเษกกับพระขนิษฐาตามการบังคับขู่เข็ญของฮาอัส

พระเนตรดุของราชินีราบีอาลุกวาบเมื่อถึงเวลาส่งตัว ไม่มีแม้แต่จะสนใจฟาโรห์ราโมส

ผู้เป็นสวามีในตำแหน่ง พระองค์กลับไปคล้องคอของฮาอัส แล้วส่งสายตายั่วยวน


“คืนส่งตัวแต่ฟาโรห์ทำอะไรข้าให้หายเหงาไม่ได้ ท่านมหาอำมาตย์จะช่วยข้า

เสียหน่อยเป็นไร”


ฮาอัสยิ้มอย่างถูกใจพลางผลักวรกายอวบอิ่มลงบนเตียงกว้างพลางไซ้จมูกกับเนินอกอิ่ม

อย่างเมามันแม้ว่าฟาโรห์ราโมสจะนั่งมองอยู่ที่เก้าอี้อย่างดูแคลนอยู่มุมหนึ่งของห้อง

หนึ่งหญิงหนึ่งชายก็ยังร่วมเสพสังวาสต่อหน้าพระพักตร์อย่างไม่สนใจบุคคลที่ยังนั่งด้วย

จนกระทั่งร่างของฮาอัสเกร็งกระตุกอย่างสุขสม กลับเกิดเหตุไม่คาดคิด


ใบหน้านั้นแดงก่ำราวกับถูกยาพิษ ร่างเปลือยเปล่าดิ้นรนอย่างทรมานอยู่บนเตียงกว้าง

โดยมีราชินีราบีอาที่ลุกขึ้นมาทอดพระเนตรอย่างสาแก่ใจ


“เจ้าทำอะไรข้า ราบีอา”


“ก็แค่มนตร์บทหนึ่งในคัมภีร์บูชาพญางูอะโพรฟิสน่ะสิ เจ้าโง่”


ราบีอาเชิดพักตร์

“เจ้าคิดว่างูเป็นสัญลักษณ์ของอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ กาม ราคะ และความลุ่มหลง

แล้วเจ้าคิดว่าพญางูจะชื่นชมสาวกชายอย่างเจ้าหรือสาวกหญิงอย่างข้ามากกว่ากันล่ะ ฮาอัส”

ร่างที่ใกล้ขาดอากาศยกมือชี้พระพักตร์อย่างคาดไม่ถึง


“เจ้าหลอกให้ข้าหลงเชื่อ กำจัดคนที่ข้ารัก เพียงเพราะเจ้าอย่างจะครอบครองราโมส

เจ้าฆ่าพ่อข้าเพราะหวังเป็นใหญ่ ไม่จำเป็นที่ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”


สุรเสียงเฉียบขาดดังขึ้นจากราชินีราบีอา ฮาอัสที่ใกล้สิ้นลมมองอย่างเจ็บใจ


“จะ เจ้า นังหญิงหยาบช้า หึหึ ถ้าข้าตายแล้วใครจะเป็นคนปลดปล่อยอัตของพ่อเจ้า

ที่ถูกข้าปิดผนึกฝังทั้งเป็นเล่า สมแล้ว อัตของพ่อเจ้าต้องวนเวียนอยู่ในใต้ดินแห่งวิหารหญางูไปตลอดกาล”


ฟาโรห์ราโมสเบิกพระเนตรกว้างเมื่อเห็นฮาอัสสิ้นใจไปต่อหน้า

แต่สิ่งที่ตกพระทัยกว่าคือสิ่งที่ได้ฟังจาปากของฮาอัสก่อนตายต่างหาก




“นี่ใช่ไหมครับคือสิ่งที่พี่สิงห์ต้องทำ คือปลดปล่อยวิญญาณของฟาโรห์เพตเทเมน”


ธราเทพเอ่ยถามเมื่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้สมาชิกในกลุ่มได้ฟังทั้งหมด

สิงหาพยักหน้ายอมรับอย่างกลัดกลุ้ม


“ใช่ อย่างที่พ่อของพี่ในอดีตฝากไว้ก่อนตาย พี่ต้องหาทางช่วยเหลือวิญญาณของ

ฟาโรห์เพตเทเมนที่ยังอยู่ใต้วิหารงูยักษ์ แต่ติดที่ว่า เราไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

และวิธีการต้องทำอย่างไร”


“ไม่ยากหรอกครับ ถ้าพวกเราช่วยกัน”

วาโยหันมามองลูกศิษย์อย่างสงสัย

“จะช่วยกันทำอะไรวะ”

ธราเทพยิ้มเมื่อคว้าสิ่งที่แอบซ่อนไว้จากหลุมพระศพฟาโรห์ราโมส


“ช่วยกันหาคำตอบจากคัมภีร์บูชาพญางูนี่ไงครับ”












หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 29# [23/05/58) 15.45 น
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-05-2015 16:47:07
สนุกมากนี่อ่านรวดเดียวเลย
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 30# [23/05/58) 17.05 น
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 17:02:19




                                          คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                              บทที่ 30


สิงหาไม่นึกว่าบทจะง่ายก็ง่ายขนาดนี้เมื่อคัมภีร์ที่เขาเฝ้าเพียรหา

กลับมาอยู่ในมือของธราเทพ

ฟาโรห์ราโมสได้คัมภีร์มาอย่างไรเขาก็ไม่รู้ แต่ราโมสที่ไม่มีทางต่อสู้

กลับเก็บไว้กับตัวแม้แต่วันตาย

อาจจะเพื่อวันนี้ วันที่ราโมสรู้ว่าอย่างไรก็ต้องมี วันที่วิญญาณของทั้งคู่กลับมาเกิดใหม่

เพื่อยุติคำสาปแช่งทั้งปวง

คัมภีร์ปาปิรัสเก่าแก่ถูกกางอย่างทะนุถนอม ตัวอักษรเฮโลกริฟฟิคปรากฎ

อย่างเลือนราง นักโบราณคดีและว่าที่นักโบราณคดีทั้งสี่ต่างมองหน้ากันอย่างหนักใจ

แม้แต่ธราเทพเองที่อ่านอักษรเฮโลกลิฟฟิคได้ดียังต้องปาดเหงื่อ เพราะเนื้อหาในคัมภีร์

นั้นมีทั้งบทสวดบูชา คาถาอาคมจำนวนมาก

แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าความสามารถ เมื่อในที่สุดทุกคนก็หาบทที่ต้องการจนได้

แม้เวลาจะล่วงเลยมาเป็นวัน


“อะไรกัน ต้องใช้สาวกคนที่ทำพิธีปิดผนึกวิญญาณเป็นคนท่องมนต์บทนี้

ที่หน้าห้องขังวิญญาณ”


วาโยอุทานอย่างตกใจ


“แล้วเราจะรู้ได้ไงวะ ว่าไอ้วิหารงูยักษ์มันอยู่ที่ไหน แล้วไอ้ฮาอัสมัน

ไปเกิดเป็นใคร”


สิงหาและธราเทพมองตากันอย่างกลัดกลุ้มกับภาระกิจที่ได้รับ


“ลำพังแค่วิหารงูอะโพรฟิสน่ะ ไม่ยากเท่าไหร่หรอกครับ เหมือนผมจะเคย

ไปในอดีตสมัยที่เป็นราโมส แล้วท่องเที่ยวไปตามทะเลทราย ขอเวลารื้อฟื้นไม่นาน

ก็น่าจะจำได้ แต่เราจะไปหาฮาอัสที่ไหน”


หนุ่มน้อยคิ้วขมวดถอนหายใจยาวยืด


“เขามาเกิดใหม่เป็นใครก็ไม่รู้ หรืออาจจะไม่มาเกิดเลยก็ได้”


“แล้วถ้าหาเจอจริง เขาจะยอมมาช่วยเราไหม เขาจะเป็นคนยังไงเราก็ไม่รู้เลย”


ภูหิรัณย์กล่าวต่อจากเพื่อนด้วยประโยคที่ชวนกลุ้มมากเข้าไปอีก ก่อนที่ทั้งสี่คน

จะแยกย้ายไปพักผ่อน



ธราเทพชวนให้สิงหานั่งสมาธิพร้อมกับเขาตามที่หลวงพ่อเคยสั่งไว้ ใช้เวลาอยู่พักใหญ่

กว่าที่จิตใจจะเข้าสู่ความสงบ

หนุ่มน้อยเห็นจีวรสีเหลืองเย็นตาเดินเข้ามาใกล้ เขาก้มกราบอย่างปีติ

ก่อนที่จะคุกเข่าพูดคุยกับจิตของภิกษุชรา


“หลวงพ่อมักจะมาเป็นที่พึ่งให้กับผมในเวลาคับขันทุกครั้ง”


ธราเทพกล่าวกับหลวงพ่อด้วยความรักและเทิดทูน


“อย่างครั้งนี้ หลวงพ่อจะช่วยชี้ทางสว่างให้กับผมและพี่สิงห์ได้ไหมครับ

ว่าเราจะตามหาตัวฮาอัสมาปลดปล่อยวิญญาณของพ่อผมในอดีตยังไง”


ธราเทพไม่เสียเวลาอ้อมค้อม เพราะเขารู้ว่าหลวงพ่อต้องมาช่วยเรื่องนี้แน่

หลวงพ่อยิ้มปรานีก่อนที่จะตอบ


“มองลึกเข้าไปที่ดวงตา ที่โบราณเขาบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจน่ะ

เป็นเพราะเราปิดบังความคิดความทรงจำทางดวงตาไม่ได้ ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติก็ตาม”


เสียงหลวงพ่อจางหายไปแล้ว ธราเทพจึงได้ก้มกราบตามร่างที่เลือนหายไป

ก่อนที่จะค่อยๆ กระพริบตาออกจากสมาธิ

มองตางั้นหรือ แล้วเขาจะเที่ยวไปมองตาใครต่อใครเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นฮาอัสได้อย่างไร

ธราเทพไม่วายถอนหายใจหนักหน่วง เขาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกแม้จะยังเป็นยามราตรี


เทพราผู้เป็นบิดาของข้า และชาวไอยคุปต์ทั้งปวง

โปรดช่วยให้ข้า ราโมสบุตรแห่งท่านได้กระทำการทุกอย่างเป็นผลสำเร็จดังใจหมายด้วยเถิด



คณะของสิงหาเดินทางไปที่ปิรามิดในวันรุ่งขึ้นเพื่อเก็บงาน เมื่อเขาได้คัมภีร์ที่ต้องการ

แล้วจึงได้วางแผนที่จะตามหาวิหารงูอะโพรฟิสต่อไป

ธราเทพเหลือบเห็นวริษฐาและด็อกเตอร์อัคนียืนอยู่ไม่ไกลนักจึงได้ชักชวนให้ภูหิรัณย์

เดินไปทักทายหญิงสาว เพราะถึงอย่างไรเขาก็ตัดขาดความเป็นเพื่อนไม่ลง


“สวัสดีครับอาจารย์”


ธราเทพและภูหิรัณย์ยกมือไหว้อัคนีที่ได้แต่ปรายตามองและรับไหว้แกนๆ


“ไงล่ะพวกเธอ อยู่กับอัสลาน ได้อะไรมาบ้างหรือยัง”


อัคนีเรียกสิงหาว่าอัสลานตามความคุ้นชิน


“ก็ได้ตามที่กำหนดแล้วครับ พี่สิงห์บอกว่าวันนี้จะให้คนงานเก็บงานที่เหลืออยู่

แล้วจะจบโครงการ”


ธราเทพเห็นอัคนีสบตากับวริษฐาแวบหนึ่ง


“หมายความว่าไง อัสลานได้คัมภีร์ปาปิรัสไปแล้วหรือ”


อัคนีถามย้ำพยายามจะไม่แสดงความอยากรู้อยากเห็นระคนผิดหวัง


“ครับ นี่ก็ใกล้จะกลับไทยแล้ว เราจะอยู่เที่ยวกันอีกสักพัก แล้วนี่อาจารย์กับก้อย

ใกล้จะกลับไทยกันหรือยังครับ”


ภูหิรัณย์เป็นฝ่ายตอบพลางตั้งคำถามบ้าง


“ก็ใกล้แล้วล่ะ เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อยเหมือนกัน วิน แกยังโกรธฉันอยู่หรือเปล่า”


วริษฐาหันมาถามธราเทพ


“เฮ้ย เราไม่โกรธหรอก เราจะโกรธเพื่อนได้ไง”


วริษฐาส่งสายตาตัดพ้อจนธราเทพลำบากใจ


“ใช่สินะ เรามันเป็นได้แค่เพื่อน เราควรจะทำใจให้ได้ใช่ไหมวิน”


“ก้อย”


อัคนีขัดเสียงเขียว


“ถ้าเป็นอาน่ะ จะรู้ตัวเองตั้งแต่เขาปฏิเสธครั้งแรกแล้วนะ ไม่ใช่มาคร่ำครวญ

ให้คนอื่นเขาอึดอัดอย่างนี้”


“ก็หนูไม่ใช่อานี่คะ อาก็เป็นซะอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่อาจะได้ในสิ่งที่อาต้องการ”


วริษฐาเถียงไม่ไว้หน้าจนอัคนีนึกโมโห เขาหันมาทางสองหนุ่มที่ยืนมองตาปริบๆ


“เธอสองคนจะไปทำงานก็ไปเถอะ ขอฉันจัดการกับแม่หลานสาวหัวดื้อนี่ก่อน”


ธราเทพกับภูหิรัณย์ได้ยินดังนั้นก็รีบยกมือไหว้แล้วเผ่นแนบกลับไป เมื่ออัคนีเห็น

ทั้งสองคนลับสายตาไปแล้ว เขาก็คว้าแขนวริษฐาขึ้นมาบีบไว้


“จะโวยวายให้มันได้อะไรขึ้นมา น่าเกลียดที่สุด แล้วไอ้ท่าทางที่ไปง้อขอความรัก

เจ้าธราเทพเนี่ย ขอเถอะ อย่าทำให้เห็นอีกได้ไหม”


วริษฐาสะบัดแขนออกอย่างไม่เกรงกลัว


“ก็หนูรักวิน หนูทำใจไม่ได้หรอก อาเองก็เถอะอย่านึกว่าหนูไม่รู้นะว่าคิดอะไรอยู่

อาหลงรักพี่สิงห์ใช่ไหมล่ะ แล้วเป็นไง เฝ้ามองเขาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วได้กินสมใจ

อยากสักครั้งหรือยัง”


“ก้อย”


อัคนีตวาดลั่นก่อนที่จะฟาดฝ่ามือไปที่แก้มของวริษฐาจนหน้าหัน หญิงสาวยกมือกุมแก้ม

หันมามองด้วยดวงตาวาวโรจน์   


“หนูจะยอมให้อาทำอย่างนี้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้ามีครั้งหน้าอีกหนูไม่ยอมอีกแล้ว

อ้อ!ถ้าอาฉลาดก็เชิญมาร่วมมือกับหนู หนูจะทำทุกทางให้วินหันมารักหนูให้ได้

ส่วนพี่สิงห์อาจะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ”



สิงหาเคลียร์พื้นที่ในส่วนที่ได้รับอนุญาตจากทางการและจ่ายเงินให้คนงานเรียบร้อย

เมื่อบ่ายจัด จึงได้เดินเคียงคู่กับธราเทพไปที่โลงศพของฟาโรห์ราโมสที่ถูกกันเป็นพื้นที่หวงห้าม

หนุ่มน้อยยืนมองโลงศพสีทองบรรจุมัมมี่ร่างของตนในอดีตอย่างเจ็บปวด ความรู้สึกอัน

เลวร้ายแล่นเป็นริ้วเข้ามาในใจจนปวดหนึบ สิงหาหันไปมองอย่างเห็นใจ

เขาเอื้อมมือไปวางที่ไหล่แล้วบีบกระชับเพื่อให้กำลังใจ


“เราจะผ่านมันไปให้ได้นะวิน ไม่ว่าอดีตจะเลวร้ายเพียงใด เราจะลืมมันแล้วตั้งต้นใหม่

ด้วยความรักของเรา”


ดวงตาเศร้าสร้อยฉายแววซาบซึ้งเมื่อหันมาสบตา ธราเทพยิ้มให้สิงหา เขาวางมือทับ

ไปบนมือที่วางอยู่บนไหล่แล้วบีบเบาๆ เป็นการขอบคุณ

ดีแค่ไหนแล้วที่ความรักของเขากับสิงหาเข้าใจกันได้ ดีแค่ไหนที่เขาทั้งสองจะร่วมมือต่อสู้

ไปด้วยกัน

สิงหาคือสิ่งเติมเต็มให้ชีวิตของเขาสมบูรณ์


ขอแค่มีสิงหาอยู่เคียงข้างในทุกเช้าที่เขาลืมตาและยังมีชีวิตอยู่ ธราเทพก็ไม่ต้องการอะไร

มากกว่านี้อีกแล้ว

ลาก่อนนะ ร่างของฉัน

ธราเทพหันกลับไปมองโลงศพอีกครั้ง

ฉันจะทำในสิ่งที่นายต้องการแต่ทำไม่ได้ ฉันจะแก้ไขทั้งหมดแทนนาย ราโมส





สิงหาและคณะวางแผนตั้งต้นค้นหาวิหารงูอะโพรฟิสโดยการเริ่มจากการค้นหาบริเวณ

เขตเมืองเก่าก่อน แล้วจึงจะหาพิกัดของวิหารงูยักษ์ได้ เขาจึงเริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่ของ

วันรุ่งขึ้น เขาขับรถจี๊ปคันเก่งที่มีสมาชิกครบทีมออกไปจากโรงแรม โดยที่ไม่ทันมองว่า

ไกลออกไป มีรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ออกตัวขับตามไป ทิ้งระยะห่างให้ไม่เป็นที่สังเกต

ตลอดเส้นทาง

สิงหาขับรถอย่างชินทางมาจอดนิ่งอยู่จุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปในทะเล

ทรายไม่ลึกนัก นักท่องเที่ยวเดินกางร่มให้เห็นประปราย บางคนก็นั่งอูฐให้คนในพื้นที่

จูงนำเที่ยวอย่างสนุกสนาน


“ที่นี่คือที่ไหนครับ”


ภูหิรัณย์เอ่ยถามอย่างแปลกใจในขณะที่ธราเทพก้าวไปตรงหน้า เบิ่งตามองอย่างตื่นตะลึง

เมื่อเป็นฝ่ายเอ่ยตอบแทนสิงหา


“นี่คือเขตเมืองเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยของฟาโรห์เพตเทเมน”


หนุ่มน้อยทรุดตัวลงใช้เข่ายันพื้น ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปจนหน้าผากแตะพื้นเป็นการเคารพ

และเมื่อธราเทพเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง น้ำตาก็ไหลริน เมืองที่เคยเจริญด้วยอารยธรรม

ที่อยู่ในความทรงจำ เมื่อกาลเวลาผันผ่านในตอนนี้เหลือแค่เพียงเสาต้นใหญ่กับอาคาร

ไม่กี่หลังที่ยังไม่ได้สูญสลาย เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ว่าไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน

สิงหาดึงต้นแขนของธราเทพให้ลุกขึ้นยืน เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้จนหมด เขารอจน

ธราเทพทำใจได้กับภาพที่เห็น ระหว่างนั้นสิงหาจึงไปจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้


“เราจะตั้งต้นกันที่นี่ เพื่อตามหาจุดที่คาดว่าจะเป็นไปได้ของวิหารงูยักษ์ ขอให้เทพรา

ช่วยอำนวยพรให้เราพบด้วยเถอะ”


สิงหากล่าวก่อนที่จะเป็นผู้เดินนำตรงเข้าสู่ซากเมืองเก่า แล้วเริ่มต้นด้วยการวัดทิศทาง

ของซากที่เหลือด้วยเข็มทิศและไม้วัดมุม


“เอาล่ะ จากที่หาข้อมูลมาและจากการคำนวนทิศทางมาจนค่อนวันแล้ววินพอจะรื้อฟื้น

ความทรงจำได้ไหมว่าวิหารงูยักษ์น่ะ ไปทางไหน”


สิงหาเอ่ยถาม ถึงแม้ว่าเขาจะจำเรื่องราวในอดีตได้แม่นยำ แต่เรื่องอาณาเขตเขากลับ

จำเรื่องนี้ได้น้อยมาก จะเหลือก็แต่ธราเทพที่ต้องทำหน้าที่นี้

ธราเทพหลับตาลงช้าๆ ซากปรักหักพังค่อยๆ กลับกลายเป็นเมืองที่รุ่งเรืองอีกครั้งในสมอง

เสียงอึกทึกของผู้คนดังแว่ว เขาพยายามมองหาหนทางในทะเลทรายที่จะไปสู่วิหารงูอะโพรฟิสได้

นั่นไง ทางนั้น ธราเทพยิ้มอย่างยินดี เฉียงออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เขาเห็นทางที่

เขาเคยหนีไปท่องเที่ยวกลางทะเลทรายจนไปเจอวิหารเก่าแก่ ดวงตาคู่หวานลืมขึ้นช้าๆ

ธราเทพกระพริบตาแล้วชี้เส้นทางที่จำได้ขึ้นใจ


“ทางนั้นครับ”


สิงหาดึงโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปเส้นทางที่ธราเทพชี้ไว้จนพอใจ ก่อนกล่าวชักชวนสมาชิก


“กลับกันก่อนเถอะ นี่ก็เกือบเย็นแล้ว พรุ่งนี้เราจะมาใหม่แล้วเราจะไปตามทางที่วินบอกไว้”


วาโยเห็นดีตามนั้นจึงพากันเดินกลับไปที่รถยนต์ แต่เมื่อใกล้จะถึงทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อ

มีรถยนต์อีกคันหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์หุ่นยักษ์หน้าแขกกรูกันลงจากรถ

พุ่งความสนใจไปที่ธราเทพ คนหนึ่งปรี่เข้าไปคว้าตัวหนุ่มน้อยล็อคคอแล้วใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก

สิงหามองอย่างตกใจแม้จะยังงงอยู่ แต่เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหวังที่จะช่วยธราเทพแต่ก็ต้องสู้กับคนที่เหลือ

วาโยกับภูหิรัณย์โดนซัดจนหมอบไปกับพื้น เหลือแค่สิงหาเพียงคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่

ธราเทพที่พยายามดิ้นรนเมื่อเจอสารอะไรบางอย่างที่ใส่มาในผ้า ร่างบางก็อ่อนแรงลงจนสิ้นสติ

คอพับไปกับร่างกำยำที่ลากเขาเข้าไปในรถ


“วิน พวกมึงจะทำอะไร ปล่อยวินนะโว้ย”


สิงหาใจหาย เขาพยายามต่อสู้แต่ด้วยพวกที่มีมากกว่า สิงหาก็ถูกอัดเข้าที่ลิ้นปี่

จนล้มลงกองกับพื้น

เขาได้แต่มองตามรถยนต์คันนั้นที่ขับตรงเข้าไปกลางทะเลทรายอย่างเจ็บใจ









หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 30# [23/05/58) 17.05 น
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 23-05-2015 17:03:50
 :serius2: เหมือนโดนสิบล้อชนดังตูม แล้วก็เคว้งกลางอากาศ

แบบว่า หักเหลี่ยมกันหลายมุมมากอ่ะ แล้วตกลง ราโมสตายเพราะใครอ่ะ ?
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 30# [23/05/58) 17.05 น
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 23-05-2015 17:08:13
ใครจับตัววินไปหนิ :katai1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 30# [23/05/58) 17.05 น
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-05-2015 17:25:22
ก้อยกะอานั่น ต้องเป็นสักคนในอดีต

มีอีกกี่ตอน อีกชมต่อตอน รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 30# [23/05/58) 17.05 น
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-05-2015 17:53:36
ก้อยเป็นฮาอัส  อาเป็นราบีอา   :serius2:
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 31# [23/05/58) 18.10 น
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 18:12:15




คำสาปร้าย พ่ายรัก

บทที่ 31


ธราเทพปรือตาช้าๆ แล้วจึงกระพริบถี่จนปรับตัวให้คุ้นกับแสงสลัวเลือนราง

ก่อนที่จะเบิกกว้างพร้อมผวาลุกนั่งอย่างตกใจเมื่อจำเหตุการณ์ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น


ดวงตาเรียวมองโดยรอบก็ไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากตนเองอยู่ในกระโจมเล็ก

ที่ตั้งอยู่บนพื้นทรายละเอียด ตัวของเขานอนอยู่บนผืนผ้าทอหนาที่ช่วยปกป้องมิให้ฝุ่นทราย

เข้ามาระคายเคืองเนื้อตัว คบไฟด้านนอกทำให้ภายในกระโจมมีเพียงแสงสลัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ธราเทพพยายามที่จะดันตัวลุกนั่งแต่เขาก็ทำไม่ได้ เมื่อมองสำรวจตัวเองจึงได้รู้ว่ามือของเขา

ถูกผูกมัดติดกันแน่น หนุ่มน้อยสบถลั่น พยายามเอียงตัวแล้วลุกนั่งอย่างยากลำบาก

ก่อนที่จะสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อรอยแยกของกระโจมถูกแหวกออก พร้อมด้วยชายหน้าแขก

สูงใหญ่จะก้าวเข้ามาจ้องหน้าเขาด้วยดวงตาถมึงทึง


ยังไม่ทันหายตกใจธราเทพก็ต้องรู้สึกแปลกใจเพิ่มมาอีกอย่าง เมื่อคนที่ก้าวตามหลัง

ผู้ชายคนนี้เข้ามากลับกลายเป็น วริษฐา ที่เป็นเพื่อนของเขา


“ไอ้ก้อย”


เสียงอุทานหลุดออกมา ทำให้วริษฐาที่ยืนมองด้วยใบหน้าเรียบเฉยเชิดหน้าขึ้น

เมื่อจ้องมองธราเทพ


ทำไมจะต้องหลงรักผู้ชายคนนี้ด้วย วริษฐาก็ไม่เข้าใจตัวเอง หล่อนแอบหลงรักธราเทพ

ตั้งแต่วันแรกที่เจอ ความรักนั้นรุนแรงเหมือนไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่เพิ่งพบเจอกัน

แต่มันเหมือนหญิงสาวเคยพบเคยรู้จักธราเทพมาแสนนาน  วริษฐาดีใจที่ธราเทพไม่ได้มี

ทีท่าจะรักชอบใครเป็นพิเศษ ในฐานะเพื่อนหญิงสาวยังเป็นอันดับหนึ่งที่ธราเทพ

ให้ความสนิทสนม ทั้งที่มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาอยากได้โอกาสนั้น แต่ธราเทพก็ยังไม่มีสายตา

มองใคร จนกระทั่งสิงหาก้าวเข้ามา


หญิงสาวไม่ชอบสายตาของสิงหาตั้งแต่แวบแรก สายตาที่ทำให้ธราเทพตกหลุมเสน่ห์

ในตอนแรกวริษฐาก็ไม่มั่นใจแต่เมื่อลอบสังเกตบ่อยครั้งเข้าหญิงสาวก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น


น่าแปลกทั้งที่รู้ว่าธราเทพรักอยู่กับสิงหาแต่วริษฐากลับไม่นึกรังเกียจ มีแต่ความรู้สึก

ที่ต้องการช่วงชิงธราเทพให้หันความสนใจมาทางหล่อนบ้าง ที่นึกเกลียดเข้าไส้ก็คงจะเป็น

สิงหามากกว่าที่มาแย่งชิงสิ่งที่หล่อนรัก เกลียดจนถึงกับวางแผนให้นั่งร้านที่ปิรามิดล้มทับนั่นแหละ

หรือแม้แต่ที่พาตัวเองเข้าไปใกล้ชิด ยอมเสียศักดิ์ศรีถึงขั้นดึงมาบดเบียดริมฝีปาก

แต่ถึงกระนั้นธราเทพเองก็ยังไม่สนใจจนหล่อนเริ่มน้อยใจ   


“ฉันเอง แปลกใจมากเหรอ”


หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้แล้วทรุดตัวลงนั่งประจัญหน้า สายตาเต็มไปด้วยความรักที่คับแน่น

อยู่ในอกเนิ่นนาน


“แกทำแบบนี้ทำไมก้อย”


ธราเทพเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจที่เพื่อนทำสิ่งที่รุนแรงลงไป


“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้แกจะมีสายตามองฉันบ้างไหม”


น้ำเสียงตัดพ้อทำให้ธราเทพอึ้ง ความรักทำให้วริษฐาทำได้ถึงขนาดนี้ เขาสงสารเพื่อนจับใจ

แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเพราะหัวใจของเขามีแต่สิงหา


“ถึงแกทำแบบนี้ฉันก็รักแกเกินคำว่าเพื่อนไม่ได้หรอกนะ”


“แต่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนแก ฉันอยากเป็นมากกว่านั้น”


วริษฐาเอื้อมมือไปลูบไล้ที่ท่อนแขนของธราเทพอย่างหลงใหล ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าธราเทพ

ไม่เคยคิดอะไรกับหล่อนเกินเพื่อน แต่วริษฐาทำใจไม่ได้ หล่อนพร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้

ครอบครองธราเทพ จนโอกาสเหมาะที่อัคนีผู้เป็นอาต้องการเดินทางมาที่อียิปต์เพื่อเฝ้ามองสิงหา

หล่อนจึงรบเร้าให้อัคนีพามาด้วย และที่นี่เหมือนเป็นบ้านอีกหลังที่วริษฐาคุ้นเคย

แถมเมื่อว่างจากการทำงานที่ปิรามิด หญิงสาวเดินทางท่องเที่ยวจนพบกับชาวเบดูอินเร่ร่อน

กลุ่มหนึ่งกลางทะเลทราย หญิงสาวจึงผูกมิตรไว้ ด้วยอะไรไม่รู้แต่ชาวเบดูอินเหล่านั้น

ให้ความเคารพนับถือราวกับหญิงสาวเป็นเจ้านายคนหนึ่งจนวริษฐาเองยังแปลกใจ


“ออกไปก่อน”


วริษฐาส่งเสียงเป็นภาษาอียิปต์ให้ชายหน้าแขกออกไปจากกระโจม เหลือแค่หญิงสาว

กับธราเทพเพียงลำพัง


“วิน เรารักวินจริงๆนะ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน มันเหมือนวินเกิดมาเพื่อเรา

วินสนใจเราบ้างจะได้ไหม เราเคยคิดอยากจะตัดใจคิดว่าวินเป็นเพื่อนจริงๆ แต่เราทำไม่ได้”


วริษฐาช้อนตาขึ้นมองสบตา เมื่อธราเทพจ้องตาตอบก็เหมือนถูกดึงให้มองลึกเข้าไปจนถึง

รากลึกในจิตวิญญาณผ่านดวงตาคู่นั้น   


ธราเทพหนาวยะเยือกจนขนที่คอลุกชัน กับภาพที่มีเข้ามาในความรับรู้

แม้ร่างกายเบื้องหน้าจะเป็นหญิงสาวอย่างวริษฐาแต่จิตวิญญาณที่ปรากฎให้เขารู้ได้นั้น

กลับเป็นคนที่เขาคุ้นเคยยิ่งนัก


“ฮาอัส”


ธราเทพมีความรู้สึกเหมือนตัวเองตะโกนก้องด้วยความตกใจ แต่จริงๆแล้วมันเป็น

แค่คำรำพึงที่หลุดมาอยู่แค่ริมฝีปากพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้าง นี่เองหรือที่หลวงพ่อ

เคยบอกให้มองที่ตาแล้วจะรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใจ วันนี้เขาเข้าใจแล้ว

และยิ่งกังวลขึ้นมาจับใจ คนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดกลับอยู่ใกล้เขามาตลอดถึงสองปี


วริษฐาคือฮาอัส!


แต่อย่างน้อยก็ไม่มีวี่แววว่าวริษฐาจะระลึกชาติได้เหมือนเขาและสิงหา นี่คือสิ่งที่ทำให้

ธราเทพยังใจชื้น

ขึ้นมาได้บ้าง เขาไม่คิดว่าวริษฐาจะเลวจนแก้ไขไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้ว


“จะพร่ำรำพันกันอีกนานไหม แกคิดจะทำอะไรต่อ ฮึ ก้อย”


เสียงด็อกเตอร์อัคนีดังขึ้นที่หน้ากระโจมแล้วจึงก้าวเข้ามายืนมองธราเทพด้วยหางตา


“จับตัวมันมาแล้ว แล้วจะเอายังไงต่อ ทำเหมือนกับว่าไอ้หมอนี่มันจะยอมนอนกับแกง่ายๆ”


“อาอัคนี”


วริษฐาตวาดจนคนเป็นอาต้องมองอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน


“หนูบอกแล้วว่าอย่ามายุ่งถ้าไม่คิดจะช่วย เชิญอางมโข่งอยู่กับการหลงรักพี่สิงห์ต่อไปเถอะ”


ธราเทพเบิกตากว้าง นี่เป็นสิ่งใหม่ที่เขาเพิ่งรับรู้ อัคนีหลงรักสิงหา ข้อสงสัยที่อัคนีขัดขวาง

การเดินทางมาอียิปต์ของเขาก็เป็นสิ่งที่ธราเทพเข้าใจได้ทันที

อัคนีก้าวยาวๆ มาคว้าแขนวริษฐาแล้วกระชากขึ้นมา ส่งเสียงดังใส่ตอบโต้


“อย่างไรฉันก็เป็นอาของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบหน้า ให้ความเคารพกันหน่อยนะวริษฐา”


วริษฐาสะบัดแขนหนีเชิดหน้าใส่ แต่ยังไม่ทันจะก้าวอะไรมากไปกว่านั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะ

อยู่ด้านนอกก่อนที่ทางเข้ากระโจมจะถูกเปิดให้กว้างแล้วชายร่างสูงในชุดคลุมแบบชาวทะเลทราย

จะก้าวตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ทั้งวริษฐาและอัคนีเบิกตากว้างอย่างตกใจกับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของชนเผ่าเร่ร่อน

ชายผู้ปิดบังใบหน้าเหลือแต่ตาดุมองกราด แล้วหันไปออกคำสั่งบางอย่างให้ลูกน้อง

ที่อยู่ด้านนอก กรูเข้ามายึดตัววริษฐาและอัคนีไว้และลากตัวไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ธราเทพก็ต้องยิ้มอย่างดีใจเมื่อคนที่ก้าวตามเข้ามาแล้วโผกอดเขาไว้

คือสิงหานั่นเอง


“พี่สิงห์”


“เป็นอะไรมากหรือเปล่า”


สิงหาดึงเชือกที่มัดข้อมือของธราเทพออก แล้วช่วยพยุงให้ลุกขึ้นจูงมือมาหาชายที่สวมชุดคลุม

ตรงหน้า


“นี่คือ ชีคฮัสเซน จ้าวแห่งทะเลทรายในแถบนี้ เขาเป็นเพื่อนพี่เองเรารู้จักกันตอนเรียน

มหาวิทยาลัย”


ธราเทพค้อมศีรษะแล้วกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ชีคฮัสเซนดึงผ้าที่ปิดใบหน้าออกแล้ว

คลี่ยิ้มคืนมา

แปลกที่ชีคฮัสเซนรู้สึกว่าหนุ่มน้อยหน้าหวานตรงหน้ามีสง่าราศีเกินกว่าคนธรรมดา

กลายเป็นเขาที่ต้องค้อมศีรษะกลับอย่างเคารพ


“ดีที่เป็นเบดูอินกลุ่มนี้ มันอยู่ในการดูแลของเรา มิเช่นนั้นเพื่อนอาจจะเสียเวลาตามหาอีกนาน”


ชีคฮัสเซนหันไปกล่าวกับสิงหาเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ธราเทพเข้าใจด้วย


“แล้วจะทำอย่างไรกับคนที่จับคนรักของเพื่อนมา”


“เราควรจะส่งตำรวจเพื่อแจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกายและเรียกค่าไถ่”


ชีคฮัสเซนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับประโยคที่สิงหากล่าว แต่ธราเทพกลับคว้าแขนของสิงหาไว้

พร้อมกับมองอย่างขอร้อง


“อย่าเลยครับพี่สิงห์ ถึงอย่างไรไอ้ก้อยก็เป็นเพื่อนผม แล้วผมก็รู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว”


สิงหามองธราเทพอย่างไม่เข้าใจ วริษฐาและอัคนีก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ธนทัตยังยอมปล่อยไว้


“สาเหตุอะไรวิน ถ้าไม่มีเหตุผลพอพี่ไม่ยอมหรอกนะ”


ดวงตาคู่สวยของธราเทพยืนยันเมื่อเขากล่าวอย่างมั่นใจ


“ก้อยคือฮาอัสครับ แล้วที่เราไม่ควรแจ้งตำรวจเพราะเราต้องใช้ก้อยท่องมนต์ปลดปล่อยท่านพ่อ”



ธราเทพเชื่อว่าเขาจะกล่อมวริษฐาได้ เขายังเชื่ออีกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องอุปนิสัยเหมือน

ชาติที่แล้วเสมอไป ขึ้นอยู่กับบุญกรรมและการสั่งสอนต่างหาก

เขาขอพูดคุยกับวริษฐาตามลำพัง ชีคฮัสเซนจึงจัดให้เข้าไปในกระโจมที่วริษฐาถูกมัดติดกับเก้าอี้

ดวงตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาหลายรอบ

ธราเทพยกเก้าอี้มาวางประจันหน้า เขามองเพื่อนด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็นและกุมมือ

วริษฐาไว้แต่หญิงสาวยังมีทิฐิมานะเกาะกุมในใจจึงได้แต่เบือนหน้าหนี


“หัวใจมันบังคับกันไม่ได้ ถ้าไม่งั้นฉันคงตอบรับรักแกไปนานแล้วไอ้ก้อย”


ธราเทพถอนหายใจ


“หัวใจบังคับไม่ได้ แต่สมองเราแยกแยะได้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ

ฉันรู้ว่าแกรู้นะว่าไอ้สิ่งที่ทำลงไปมันไม่สามารถเปลี่ยนใจฉันได้หรอก”


วริษฐาน้ำตาไหล


“ฉันแค่อยากให้แกมองฉันบ้าง เท่านั้นเองวิน”


“ฉันก็มองแกอยู่ทุกวันนะ เพียงแต่มันไม่ใช่ในฐานะแฟน ฉันเห็นแกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด

ถ้าแกกับฉันเป็นแฟนกัน เราอาจจะมีแง่งอนโกรธเคืองและอาจจะเลิกรากันในสักวัน

แต่ความเป็นเพื่อน อีกสิบปียี่สิบปีแกก็จะยังเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากมันไม่ดีกว่ากันหรือก้อย”


หญิงสาวสะอื้นจนธราเทพต้องเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้วริษฐาได้แต่เอียงศีรษะมาซบลงที่บ่า

ของธราเทพ


“ยังไงก็ไม่มีทางใช่ไหมวิน ไม่มีทางที่แกจะรักฉันเลยไม่ว่าจะชาติไหนๆ ฉันยอมยอมแล้วก็ได้”


ธราเทพยิ้มได้เมื่อวริษฐาเข้าใจ เขาดึงเชือกที่พันธนาการร่างของหญิงสาวออก

แล้วจูงมือวริษฐาออกไปนอกกระโจมที่มีสิงหารออยู่

หญิงสาวหยุดยืนคอตกต่อหน้าสิงหา วริษฐายกมือป้ายน้ำตาก่อนตัดสินใจพูดออกไป


“พี่สิงห์ ก้อยขอโทษ”


สิงหาอึ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะยกมือวางบนศีรษะวริษฐาเพื่อบอกให้รู้ว่าเขาให้อภัย

อัคนีที่นั่งมองอยู่ถึงกับเบ้ปากอย่างหมั่นไส้


“เข้าใจกันหมดแล้วก็กลับกันได้แล้วมั้ง แฮปปี้เอนดิ้งซะขนาดนี้”


อัคนีประชด ธราเทพหันไปยิ้มอ่อนโยนให้


“ยังกลับไม่ได้หรอกครับ ผมต้องให้ก้อยช่วยอะไรบางอย่างก่อน”


วริษฐาหันไปมองหน้าธราเทพงงๆ


“แกจะให้ฉันช่วยอะไร”


สิงหาเป็นฝ่ายตอบแทนธราเทพ


“ช่วยท่องมนต์ปลดปล่อยวิญญาณกษัตริย์เพทเตเมน”




หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 32# [23/05/58) 19.00 น
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 19:02:20

คำสาปร้าย พ่ายรัก

บทที่32


รถจี๊ปสมบุกสมบันสภาพเหมาะกับการขับเคลื่อนบนพื้นทรายของชีคฮัสเซน

ขับตามกันมาสองคันเพื่อพาสมาชิกที่ประกอบด้วย สิงหา ธราเทพ และวริษฐา

เดินทางไปสู่วิหารร้างตามที่ธราเทพได้บอกทางให้ชีคฮัสเซนทราบ

วาโยและภูหิรัณย์ไม่ได้มาด้วยเพราะสิงหาให้ทั้งสองคนไปติดต่อเรื่องการเดินทาง

กลับประเทศไทย


เมื่อธราเทพเล่าถึงเส้นทางที่อยู่ในความทรงจำให้ชีคฮัสเซนฟัง ผู้เป็นเจ้าของถิ่น

ยังไม่แน่ใจว่าจะมีวิหารร้างที่กล่าวมาหรือเปล่า เพราะกาลเวลาที่ผ่านไปเป็นพันๆ ปี

ทำให้อะไรก็เกิดขึ้นได้


“หยุดก่อนครับ”


ธราเทพส่งเสียงเมื่อเดินทางมาจนเกือบค่ำ ชึคฮัสเซนสั่งให้คนขับรถหยุดรถ

แล้วทั้งหมดก็ก้าวลงมายืนบิดกายอย่างเมื่อยขบด้านล่าง


“แน่ใจหรือเปล่าว่าเป็นบริเวณนี้”


สิงหาหันมาถามธราเทพเพื่อความแน่ใจ หนุ่มน้อยหันไปมองรอบๆ

แล้วหลับตาลงเพื่อให้สัญญาณในอดีตทำงาน ก่อนที่จะลืมตามาพยักหน้าอย่างมั่นใจ

สิงหาหันไปปรึกษากับชีคฮัสเซนแล้วจึงตกลงกันว่าควรจะตั้งกระโจมไว้ก่อน

เพื่อรอให้ราตรีมาเยือนจึงจะค้นหาวิหารร้างตามคัมภีร์เก่าแก่ที่ธราเทพได้มา

เมื่อตกลงกันได้ดังนั้นชีคฮัสเซนจึงสั่งให้ลูกน้องตั้งกระโจมเล็กๆ และจุดคบไฟพักผ่อนเก็บแรง


สิงหาเดินมาทรุดนั่งใกล้กับธราเทพแล้วยื่นห่ออาหารให้ สายตาที่มองมาทางหนุ่มน้อย

มีแต่ความห่วงใยอาทร


“มีแต่อาหารแห้งของพวกเบดูอินที่ชีคฮัสเซนเตรียมมา กินได้ไหมวิน”


ธราเทพยิ้มกระจ่างพลางเอื้อมมือไปรับห่ออาหารจากมือสิงหา


“ได้สิครับ ผมน่ะเด็กวัดนะพี่สิงห์ ถ้าไม่กินง่ายอยู่ง่ายก็ตายไปนานแล้ว”


สิงหายิ้มรับ เขาเอื้อมมือไปวางที่ศีรษะของคนรักอย่างเห็นใจในชะตากรรมของธราเทพ

เมื่อได้พบกันแล้วเขาสัญญากับตัวเองว่า เขาจะดูแลและมอบความสุขทดแทนให้

ธราเทพเท่าที่เขาจะทำได้


วริษฐาเห็นความใกล้ชิดของสิงหาและธราเทพแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่ก้มหน้าทอดถอนใจ

จนกระทั่งรู้สึกถึงใครบางคนที่ทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ แล้วยื่นกระติกน้ำมาให้

วริษฐาหันไปมองจึงได้สบตากับชีคฮัสเซนที่มองมาอยู่แล้ว


“กินแต่อาหารไม่กินน้ำ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก หรือว่าจะกินน้ำตาแทนน้ำ”


ชายหนุ่มร่างสูงที่วันนี้สวมชุดธรรมดาแทนที่จะเป็นผ้าคลุมอย่างอิสลาม

ทำให้ดูแปลกตาบ่นเป็นภาษาอียิปต์ เมื่อเห็นหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มนั่งอยู่คนเดียว

ด้วยท่าทางซึมเศร้า


“เราจะกินอะไรก็เรื่องของเรา”


วริษฐาชักสีหน้าตอบโต้ด้วยภาษาเดียวกัน ทำให้ชีคฮัสเซนถึงกับเลิกคิ้วมอง

ด้วยความแปลกใจ


“คุณพูดภาษาของเราได้ดีพอใช้เลยนะ มันทำให้ผมประหลาดใจมาก”


หญิงสาวไม่ตอบ แต่ก็ยอมรับกระติกน้ำจากชีคฮัสเซนมาวางไว้ข้างตัว


“ขอบคุณสำหรับน้ำดื่มและน้ำใจของคุณ”


วริษฐากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นเมื่อชีคฮัสเซนมาอย่างเป็นมิตร เจ้าถิ่นเหลือบมอง

อย่างนึกทึ่ง ทั้งที่ต้องเดินทางอย่างสมบุกสมบันแต่หญิงไทยคนนี้ก็ไม่ได้บ่นอะไรให้ฟัง

แม้แต่คำเดียวแถมยังต้องมาทนมองคนที่หลงรักอย่างหมดหวัง มันทำให้ชีคหนุ่ม

เห็นใจไม่น้อย


“รักเขามากเลยหรือ พ่อหนุ่มน้อยคนนั้น”


ชีคฮัสเซนพยักเพยิดไปทางธราเทพคนรักของเพื่อนของเขา ถึงแม้จะเป็นอิสลาม

แต่เพราะการที่ได้ไปเรียนจากต่างประเทศทำให้ชีคฮัสเซนทันสมัยพอที่จะยอมรับ

ความรักระหว่างเพศเดียวกันได้


“ใช่ รักมากแล้วก็กำลังเจ็บมากด้วย แล้วนี่คุณจะมาตอกย้ำกันทำไม”


หญิงสาวเสียงขุ่น ส่งค้อนให้ชีคหนุ่มอย่างหมั่นไส้ ชีคฮัสเซนคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็น

กิริยานั้น


“ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะตอกย้ำคุณนะ แค่ผมไม่เคยมีความรักเลยไม่รู้ว่าความเจ็บปวด

จากความรักมันเป็นไง”

วริษฐาหันหน้าไปมองชีคฮัสเซนเต็มตา ชีคหนุ่มเชื้อชาติแขกขาวคิ้วเข้มมีไรหนวดสีเขียว

ครึ้มใต้คาง ดูดีจนเกินกว่าคำว่าไม่เคยมีความรัก วริษฐาฝืนยิ้มให้เขา


“ถ้าคุณคิดว่าฉันจะบอกให้คุณมีความรักล่ะก็ คุณคิดผิด ฉันแค่จะบอกคุณว่าไม่มีความรักน่ะ

ดีแล้วจะได้ไม่ต้องพบเจอคำว่าผิดหวัง”




ผืนฟ้ากลายเป็นสีดำเมื่อดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเหลือไว้เพียงดวงดาวที่ยังทอแสงริบหรี่

กับความเงียบในยามรัตติกาล

ธราเทพที่มีสิงหายืนเคียงข้างมองวริษฐาอย่างให้กำลังใจแล้วเขาก็ส่งคัมภีร์โบราณ

ให้คนเป็นเพื่อน วริษฐาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อรับมา หญิงสาวมองคัมภีร์เก่าแก่

อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพลิกเปิดอย่างคุ้นเคยทั้งที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก


เมื่อเพ่งมองตัวอักษรเฮโลกริฟฟิคแบบโบราณอยู่ครู่หนึ่ง วริษฐาจึงได้หลับตาลง

แล้วท่องมนต์แผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงัด บังเกิดเสียงลมพัดอื้ออึงหอบเอาเม็ดทราย

พัดกระจายอยู่ในอากาศ ชีคฮัสเซนและลูกน้องเบิกตากว้างเมื่อภาพดังกล่าว

ยิ่งวริษฐายืนหลับตานิ่งทั้งที่ริมฝีปากขยับท่องมนต์รัว พายุทรายยิ่งพัดโหมอยู่ตรงหน้า

จนคล้ายพายุเฮอริเคนที่ดูดทุกอย่างขึ้นไปสู่ความว่างเปล่า


ธราเทพมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ เมื่อพายุดูดทรายขึ้นไปเบื้องลึกที่อยู่ภายใต้

การปกคลุมจากทะเลทรายมากว่าพันปีก็พลันปรากฎขึ้นลึกลงใต้ผืนดิน

วิหารหินเก่าแก่อยู่ลึกลงไปกว่าระดับสายตา ไม่มีรูปปั้นหินที่สลักเป็นรูปปั้นงูยักษ์อีกแล้ว

อาจจะเกิดจากการพังทลายหรือการโจรกรรม เนื้อหินของผนังวิหารถูกกัดเซาะจนมองแทบ

ไม่ออกถึงรูปทรงดั้งเดิม สิงหาและธราเทพมองไปทางวริษฐา เมื่อหญิงสาวลืมตาขึ้นมา

แล้วจ้องไปที่วิหารร้างผุพัง แล้วจึงก้มไปมองที่คัมภีร์ในมือเพื่อพลิกไปที่แผ่นที่ต้องการ

วริษฐามองไปทางธราเทพอีกครั้ง


“ฉันจะทำเพื่อแกนะวิน”


หญิงสาวก้มหน้าไปมองที่คัมภีร์อีกครั้งแล้วจึงท่องบริกรรมบทสวด

วริษฐาอ่านมันได้คล่องแคล่วราวกับเป็นภาษาของตัวเอง ก่อนที่ทุกคนจะมองหน้ากัน

ด้วยความอัศจรรย์เมื่อท้องฟ้ามืดมิดเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานราวกับโลหิตมาทาทาบ

ลมพายุที่เงียบลงเริ่มก่อตัวพัดหมุนวนโดยรอบวิหารจนเม็ดทรายลอยละล่องเป็นม่าน

ปกคลุมเกือบมองไม่เห็น


อยู่ๆ ทุกคนก็สะดุ้งเมื่อเกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาจากวิหารร้าง ก่อเกิดเป็นควันสีขาวจางๆ

ลอยขึ้นมาเกาะกันเป็นกลุ่มควันหนาอยู่เหนือวิหาร ธราเทพเบิกตากว้างจ้องกลุ่มควันนั้น

พลางหยาดน้ำเอ่อท้นดวงตา


“ท่านพ่อ”


ราวกับกลุ่มควันนั้นจะมองเห็น เมื่อปรากฎเป็นรูปร่างคล้ายกับใบหน้าของมนุษย์ที่ยิ้มแย้ม

สิงหามองกลุ่มควันนั้นอย่างภักดีเมื่อเขายอบตัวลงคำนับแด่ฟาโรห์เพทเตเมน

วริษฐาเองก็น้ำตาคลอ หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งจ้องมองกลุ่มควันตรงหน้า


“อโหสิกรรมให้หนูด้วยนะคะ”


กลุ่มควันหนาเริ่มจางหายตามแรงลมกลายเป็นแค่ไอบางที่ล่องลอยมาทางธราเทพ

เพื่อมาแตะไล้อยู่ตามเนื้อตัวของเขาก่อนที่จะกระจายตัวไปจนหมดสิ้น

สิงหาลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือไปโอบบ่าที่ไหวลู่เข้ามาใกล้เป็นการปลอบโยน


เหตุการณ์ยังไม่จบสิ้นเมื่อเกิดประกายไฟขึ้นมาในวิหารเก่าแก่ มันปะทุขึ้นมา

อย่างรวดเร็วแล้วพุ่งวาบออกมา ระเบิดจนวิหารร้างแตกกระจาย ชึคฮัสเซนที่ยืนอยู่ใกล้

วริษฐาถึงกับต้องกระโจนใช้ร่างเข้าบดบังเศษหินมิให้เป็นอันตรายต่อหญิงสาว

สิงหาเองก็ต้องดึงตัวธราเทพให้พ้นออกมาเช่นกัน


ทุกอย่างหยุดนิ่งเพื่อรอความสงบกลับมาอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงได้กลับ

เข้าสู่ภาวะปกติ


วริษฐาผลักชีคฮัสเซนออกไปอย่างขัดเขิน พลางเดินไปมองเศษหินที่พังทลาย

จากแรงระเบิดของวิหารร้าง


สิงหาดึงธราเทพเข้ามากอด

จบสิ้นกันเสียที วิหารพญางู





รถแท็กซี่วิ่งรับผู้โดยสารจากสนามบินสุวรรณภูมิแล่นมาจอดที่ริมถนน

ในยามบ่ายอันร้อนระอุ


“ทำไมไม่ให้แท็กซี่ขับเข้าไปในวัดเลยล่ะวิน”

วินถามพลางจ่ายเงินให้คนขับ


“อย่าเลยครับพี่สิงห์ ซอยเข้าวัดมันเล็ก พี่คนขับจะกลับรถลำบากเปล่าๆ”


ธราเทพยิ้มอย่างแจ่มใสเมื่อได้กลับมาที่วัดหลังจากที่จากไปนานเกือบสามเดือน

ก่อนที่จะก้าวลงจากรถเดินไปที่ด้านหลังเพื่อขนกระเป๋าเดินทางลง


เขาคิดถึงหลวงพ่อ อยากที่จะเข้าไปกราบแทบเท้าด้วยความเคารพ

สิงหามองใบหน้าอันสดใสนั้นอย่างเอ็นดูเมื่อก้าวไปช่วยยกกระเป๋าลงมา


อุปสรรคความรักของเขากับธราเทพหมดสิ้นลงแล้ว หลังจากที่ต้องฝ่าฟันทั้งความโกรธแค้น

ชิงชัง ความเข้าใจผิดต่างๆ ต่อจากนี้เขาคงจะมีความสุขกับหนุ่มน้อยตรงหน้าเสียที


ธราเทพเองก็มองสิงหาด้วยดวงตาสว่างใส เขาเองก็ไม่นึกว่าจะมีวันนี้

แต่ทุกอย่างก็ลงเอยได้เสียที หนุ่มน้อยยิ้มแย้มเมื่อดึงที่ลากกระเป๋าตามเมื่อกลับหลัง

เพื่อเดินข้ามถนน



โครม !!


สิงหาสะดุ้งสุดตัวกับเสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นใกล้ตัว เขารีบหันขวับไปมองด้วยความสังหรณ์ใจ

ก่อนที่หัวใจของเขาจะหล่นวูบไปกองแทบเท้า


“วิน!”


สิงหาแทบช็อคกับภาพตรงหน้า หนุ่มน้อยเจ้าของหัวใจของเขานอนนิ่งอยู่บนพื้นถนน

ในขณะที่รถยนต์คันหนึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ใกล้กัน  โลหิตแดงฉานไหลรินลงเปื้อนพื้นคอนกรีตร้อน


“ผมไม่รู้เรื่องนะ อยู่ๆ เบรคมันก็ไม่ทำงาน”


คนขับรถที่รีบลงมาดูเหตุการณ์ร้องลั่น สิงหาผวาเข้ากอดร่างที่ไม่ได้สติแล้ว

ตะโกนลั่นแทบขาดใจ





สิงหานั่งเหม่ออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือด

ดวงตาของเขาแห้งผากเมื่อวาโยและภูหิรัณย์ที่เพิ่งแยกกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ

วิ่งเข้ามาหา ติดตามมาด้วยวริษฐา


“เกิดอะไรขี้นกับวินคะ พี่สิงห์”


หญิงสาวถามด้วยความตระหนก สิงหาจึงได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ทุกคนตกใจ

กับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างพากันนิ่งเงียบจนกระทั่งร่างท้วมในจีวรสีเหลืองเดินเข้ามา

ภูหิรัณย์เป็นคนแรกที่เห็น เขายกมือไหว้แล้วจึงกล่าวกับทุกคน


“หลวงพ่อสมานครับ หลวงพ่อที่เลี้ยงไอ้วินมาตั้งแต่เกิด”


สิงหาเงยหน้าขึ้น เขาลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้ จนเมื่อสบตากับแววตาที่เปี่ยม

ไปด้วยความปรานีสิงหาก็ชะงัก ดวงตาของผู้ทรงศีลนั้นช่างคุ้นเคยอย่างประหลาด

เขาจ้องลึกลงไป จนกระทั่ง...


“พ่อ”


สิงหาขนลุกไปทั่วร่างเมื่อจำสัญญาณในอดีตได้ ภาพชายกลางคนที่ตายในอ้อมแขน

ของเขาซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของพระภิกษุชรา ชายหนุ่มมองร่างในจีวรอย่างตื้นตัน

เมื่อทรุดตัวก้มลงไปกราบแทบเท้า  หลวงพ่อสมานจึงเอื้อมมือมาลูบที่ศีรษะของเขา


“พบเจอกันเสียทีนะ”


“ผมทำสำเร็จแล้วนะครับ ผมได้ปลดปล่อยวิญญาณของฟาโรห์ตามที่ได้สัญญาไว้”


สิงหาพึมพำก่อนที่จะลุกขึ้นมาสบตากับหลวงพ่อสมานอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะพูดคุยกัน

มากไปกว่านั้น แพทย์เวรที่ประจำการอยู่ห้องฉุกเฉินก็เปิดประตูออกมา

แล้วมาหยุดยืนต่อหน้าสิงหา


“เท่าที่ตรวจร่างกาย ผู้ป่วยบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นครับ ไม่มีกระดูกส่วนไหนหัก

หรืออวัยวะภายในฉีกขาด สมองก็ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมีแค่ศีรษะแตก

ซึ่งผมก็เย็บแผลให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมผู้ป่วยจึงไม่ฟื้นจากการสลบ”


หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 33# [23/05/58) 19.16 น
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 19:15:00


คำสาปร้าย พ่ายรัก

บทที่ 33


ร่างที่บอบบางอยู่แล้วยิ่งผ่ายผอมลงไปอีกเมื่อได้แต่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง

ในห้องพักของโรงพยาบาลเอกชน ร่างกายของธราเทพดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยสายอาหาร

ที่สอดไว้ทางจมูกเพื่อที่จะให้พยาบาลได้เข้ามาให้อาหารเหลวตามเวลา

สิงหาที่ไม่เป็นอันทำงานเมื่อคอยแต่กังวลเรื่องของหนุ่มน้อยก็พลอยซูบซีดไปด้วยเมื่อเขาเองก็ไม่มีกำลังใจ


“ร่างกายเป็นปกติทุกอย่างครับ แต่ทำไมคนไข้ไม่ฟื้นขึ้นมาผมก็ไม่แน่ใจ

ทั้งที่ผมก็ตรวจอย่างละเอียดด้วยทุกระบบที่โรงพยาบาลเรามี แต่ทำอย่างไรคุณธราเทพ

ก็ไม่ตื่นขึ้นมา สภาพเขาเหมือนคนที่กำลังหลับสนิทตลอดเวลา”


แพทย์เจ้าของไข้เองก็หนักใจเมื่อเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์คนไข้ก็ยังอยู่ในสภาพเดิม

เขากล่าวขอตัวก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้แต่สิงหาที่ได้แต่ยืนคอตกอยู่ที่เตียง


ร่างสูงเอื้อมมือไปลูบไล้ที่หน้าเรียวทีละส่วน ตาคมกระพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำ

แห่งความอาดูรที่เอ่อท้นอยู่ในหัวใจ


กว่าที่จะเข้าใจและสมหวังในความรัก ทั้งคู่ต้องผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงมามาก

แต่เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ใยเรื่องถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้

หยดน้ำที่กลั้นไม่อยู่ร่วงจากตาไหลผ่านร่องแก้มไปตกที่แก้มซีดของคนที่ยังหลับฝันหวาน

โดยไม่รับรู้ถึงความทรมานของอีกฝ่าย สิงหาไล่ปลายนิ้วไปเช็ดก่อนที่จะโน้มตัวลงไป

จูบที่หน้าผากละไล่มาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง


“ตื่นเสียทีเถอะวิน ไม่รู้หรือไงว่าพี่รออยู่ รีบตื่นขึ้นมาให้พี่ได้บอกรักและทำทุกอย่าง

ให้วินรู้ว่าพี่รักวินแค่ไหน”


สิงหาคร่ำครวญทั้งที่ไม่รู้ว่าธราเทพจะได้ยินหรือเปล่า





“ทำไมไอ้วินไม่ตื่นสักที มันเกิดอะไรขึ้นอีก”


วาโยตั้งคำถามขึ้นมาเมื่อทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่วัด โดยมีหลวงพ่อสมานนั่งเป็นประธาน

ในการปรึกษาหารือ


“หรือว่ามันมีอะไรที่พวกเราทำพลาดไปเมื่อตอนที่อยู่ที่อียิปต์

ไอ้วินไปโดนมนต์ดำอะไรเข้าอีกหรือเปล่า”


สิ่งที่วาโยสงสัยและพูดออกมากระตุ้นให้สิงหาเอะใจ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อกำลัง

ไล่คิดตามที่วาโยสะกิด


“เดี๋ยวนะ”


ความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้ามาในหัว สิงหาถึงกับขนที่คอลุกชันเมื่ออะไรบางอย่างนั้น

พุ่งขึ้นมาในสมอง แล้วก็ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นพุ่งปราดไปที่รถยนต์คันหรู

เปิดประตูไปค้นหาอะไรบางอย่างก่อนที่จะก้าวเร็วๆ กลับมานั่งที่เดิมและส่งสิ่งที่ถือ

อยู่ในมือให้หลวงพ่อสมาน   


“สิ่งนี้คืออะไร”


หลวงพ่อเอ่ยถามพลางพลิกมันไปมาในฝ่ามือเพื่อพิจารณา วาโยและภูหิรัณย์ก็พลอย

ชะเง้อดูไปด้วย


เศษกระเบื้องดินเผาเก่าแก่ชิ้นเล็กวางอยู่บนฝ่ามือ หลวงพ่อหยิบมันเข้าใกล้สายตา

เพื่อเพ่งมองตัวอักษรที่ปรากฎอยู่บนพื้นผิว


“มันเขียนว่า อย่าพบพักตร์ราโมส ครับหลวงพ่อ”


สิงหารีบกล่าวเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ


“ผมได้มันมาอย่างบังเอิญนานแล้ว ตั้งแต่สมัยเพิ่งจะเริ่มเรียนด้านโบราณคดี

มันเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ช่วยให้ผมจำเรื่องราวในอดีตได้ทั้งหมด หลังจากที่สัญญาณ

แห่งชาติภพมันมีอย่างเลือนรางมาตั้งแต่เกิด”


“แล้วมันคืออะไรล่ะ”


หลวงพ่อสมานถามอย่างงงงัน


“ผมก็ยังงงๆ อยู่ว่าคืออะไร”


สิงหากล่าวอย่างจนแต้ม แต่วาโยกลับตาลุกวาวเมื่อนึกขึ้นได้


“พี่อัคนีเขาไปหาไอ้นี่แหละข้าจำได้ แล้วที่เขาทะเลาะกับอลันก็แย่งไอ้นี่กัน

เซน…รีบโทรไปหาก้อยที แล้วบอกให้หยิบเจ้าสิ่งนี้ที่พี่อัคนีเขามีอยู่มาให้หมด”


ภูหิรัณย์ก็เร็วพอกัน เขารีบกดโทรศัพท์ไปหาวริษฐาเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ

แล้วย้ำให้หญิงสาวพยายามนำสิ่งที่อัคนีครอบครองอยู่มาให้ได้


คำว่าเร็วที่สุดแต่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งวันกว่าที่วริษฐาจะกระหืดกระหอบมาถึง

พร้อมด้วยกล่องเนื้อหนาที่บรรจุวัตถุโบราณอยู่ภายใน


“กว่าจะไปจิ๊กมาได้แทบแย่”


หญิงสาวกล่าวเมื่อทำความเคารพพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว สิงหาไม่รอช้าเขารีบเปิด

ฝากล่องแล้วบรรจงหยิบสิ่งที่อัคนีเรียงไว้เป็นรูปทรงขึ้นมาวางบนพื้นอย่างเบามือ

ก่อนที่จะหยิบส่วนที่ตนมีเข้าไปประกอบเหมือนภาพจิ๊กซอว์

ทันทีที่ส่วนประกอบครบถ้วนกลายเป็นภาชนะดินเผาใบเล็กที่มีรูปทรงคล้ายถ้วย

ทุกคนจึงเพ่งมองไปที่ตัวอักษรโบราณที่สลักไว้ในเนื้อภาชนะด้านใน

แต่ด้วยความเก่าแก่ตัวอักษรจึงเลือนไปบ้างตามกาลเวลา   



ขอคำรามคำรพนบไหว้

แด่งูใหญ่ในพื้นปฐพี

แผ่อำนาจทั่วหล้าจวบถึงสุริย์ศรี

ข้านี้ขอรองบาททุกชาติไป

ขออำนาจที่แก่กล้า

ปกปักรักษาทุกสมัย

แลโปรดดลบันดาลขจัดศัตรูพ่าย

นาม.. มาอี..ชาติชายให้ย่อยยับ

อย่าได้พบพักตร์...ราโมส

ทุกภพทุกชาติจงแคล้วคลาด

ความรักจงกลับกลายพยาบาท

ตราบจนกว่าจะได้รับคำอนุญาต

จากข้า ผู้บูชา



เมื่อวริษฐาที่เป็นคนอ่านออกเสียงอ่านตัวอักษรจบลง ทุกคนก็ยิ่งเงียบงันแล้ว

มองหน้ากันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ โดยเฉพาะสิงหากับวริษฐา


“เป็นเพราะคำสาปนี้หรือเปล่า วินถึงกลายเป็นเจ้าชายนิทรา”


วริษฐารำพึงแผ่วเบา ภูหิรัณย์รีบเขยิบเข้ามาใกล้คว้าต้นแขนเพื่อนสาวให้หันมามอง


“หมายความว่าไงไอ้ก้อย”


หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ในอดีตเป็นถึงอำมาตย์เอกนิ่งงัน แล้วจึงค่อยกล่าวออกมา


“นี่มันเป็นการสาปแช่ง ไม่ให้มาอีกับราโมสได้เจอกันและไม่ให้สมหวังในความรัก

ทุกชาติไปวินจึงต้องกลายเป็นอย่างนี้ เพราะที่ผ่านมาพี่สิงห์กับวินก็แทบจะมองหน้ากัน

ไม่ติดก็เป็นตามคำนายคือ ความรักจงกลับกลายพยาบาท แต่พอทุกอย่างใกล้จะลงเอย

พี่สิงห์กับวินเข้าใจกันได้ คำสาปก็ทำให้วินต้องหลับใหลเพื่อให้แคล้วคลาดกับพี่สิงห์

ตามคำที่บอกว่าทุกภพทุกชาติจงแคล้วคลาดไงล่ะ”


“เลวมาก ใครวะสาปไว้ แล้วนี่ไม่มีวิธีแก้คำสาปหรือ อย่างนี้ไอ้สิงห์กับไอ้วิน

ก็ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอยู่คู่กันสักชาติเลยงั้นสิ”


วาโยสบถออกมาพลางมองหน้าเพื่อนที่นิ่งเงียบไปอย่างเห็นใจ วริษฐากรอกตาไปมา


พยายามทวนความจำ หญิงสาวขอคัมภีร์เก่าแก่ที่สิงหามีครอบครองไว้ไปพลิกหาอยู่ชั่วครู่

แล้วจึงดีดนิ้วเปาะเมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ   


“ต้องเอาเลือดของคนสาปมาหยดลงไปที่ถ้วยนี้ แล้วคำสาปจะหาย”


สิ่งที่วริษฐาเอ่ยออกมาเรียกความตื่นเต้นจากสมาชิกในกลุ่มได้ โดยเฉพาะสิงหา


“แล้วใครเป็นคนสาป”


เขาตั้งคำถาม หลวงพ่อสมานจึงเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ


“คนที่เกลียดมาอีกับราโมสและพยายามทำทุกอย่างให้แยกจากกันได้นอกจากฮาอัสแล้ว

ก็คงจะมีแต่เจ้าหญิงราบีอา”


“ปัญหาต่อไป เราจะตามหาราบีอาได้ที่ไหน เพราะเราไม่รู้นี่ครับว่าราบีอามาเกิดเป็นใคร”


สิงหาตั้งคำถามต่ออย่างหนักใจ


“ก็ถ้าไอ้ก้อยคือฮาอัสมาเกิดแล้วหลงรักไอ้วิน ราบีอาที่มาเกิดใหม่ก็ต้องแอบรักพี่สิงห์

แหละครับ ผมว่างั้นนะ”


ภูหิรัณย์ออกความเห็นให้ทุกคนมองหน้ากันอีกครั้ง


“คนที่หลงรักพี่สิงห์ ตอนนี้ที่นึกออกก็มีอยู่คนเดียว”


วริษฐาหรุบตามองพื้น


“น้าอัคนี”







“ทำไมผมจะต้องช่วยพวกคุณด้วย อัสลาน”


อัคนีเงยหน้ามองสิงหาด้วยสายตาที่นิ่งเฉย พลางเชิดคอตั้งตรงอย่างไว้ตัว

แล้วจึงกวาดสายตามองอาคันตุกะที่มาเยือนถึงบ้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า


“แล้วพวกคุณรู้ได้ยังไงว่าผมคือเจ้าหญิงราบีอาอะไรนั่น”


“ตอนนี้ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้นแหละครับพี่อัคนี นอกจากคาดเดาจากความเป็นไปได้

และไม่เสียหายไม่ใช่หรือครับที่พี่จะลอง อย่างน้อยก็เพื่อมนุษยธรรมที่อาจจะช่วยวินได้”


แวบหนึ่งที่อัคนีมองสิงหาอย่างตัดพ้อที่เห็นสิงหาทำทุกทางที่จะให้ธราเทพฟื้นขึ้นมา

ก่อนที่สายตานั้นจะเลือนหายกลายเป็นความเฉยชาที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา


“ผมไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ผมต้องเจ็บตัวหลั่งเลือดแม้จะแค่ซีซีเดียวเพื่อทำอะไรบ้าๆ

ที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ มนต์ดำของงูอะโพรฟิสมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”


สิงหากัดฟันจนสันกรามนูนเมื่อเห็นท่าทีไว้ตัวของอัคนี แม้จะพอเดาได้มานานแล้วว่า

คนที่กอดอกปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นอย่างอัคนีจะคิดอย่างไรกับเขา

แต่ก็ไม่นึกว่าอัคนีจะแล้งน้ำใจขนาดนี้


“แต่วินกำลังจะตาย ร่างกายที่ไม่ตื่นขึ้นมาก็เหมือนกับตายไปแล้ว

พี่อัคนีจะไม่เห็นแก่เพื่อนร่วมโลก หรืออย่างน้อยก็เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งหรือครับ”


สิงหาขอร้องด้วยความเป็นห่วงในตัวคนรัก เขายอมก้มหัวให้กับคนที่มองเขาอย่าง

เหยียดหยามได้เพื่อให้ธราเทพฟื้นขึ้นมาแต่สิ่งที่ได้รับคือแววตาแห่งความหมางเมิน


“เฮอะ ผมอยากจะรู้นัก ไอ้เด็กธราเทพนั่นมันมีดีอะไร คนอย่างคุณถึงได้หลงมันหัวปักหัวปำ

ทั้งที่มันเป็นแค่เด็กวัดคนหนึ่ง แต่กับผมที่คุณรู้จักมานานคุณกลับไม่เคยเห็นหัว

นอกจากเวลาที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างนี้”


น้ำเสียงแข็งๆ เริ่มสั่นเครือเมื่ออัคนีพูดออกมาด้วยความน้อยใจทิ่สิงหาไม่เคยเห็นค่า

เขาเชิดหน้าขึ้นแล้วชายตามองสิงหาอย่างคับแค้น


“กลับไปเถอะอัสลาน ผมจะไม่ทำในสิ่งที่คุณต้องการหรอก”


อัคนีหันหลังให้สิงหาเตรียมตัวที่จะก้าวจากไป แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อสิงหาพุ่งมาหยุดต่อหน้า

แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา

สิงหาขอบตาร้อนผ่าวเมื่อเงยหน้ามองอัคนีอย่างขอร้อง เขายอมก้มหัวเพื่อให้ธราเทพ

ได้กลับมามีชีวิตที่เป็นปกติอีกครั้ง


“พี่อัคนี ผมขอโทษที่ผมรับน้ำใจจากความรู้สึกของพี่ไม่ได้ แต่ผมกับวินรักกันมานานมากแล้ว

นานจนไม่มีอะไรมาพรากเราได้แม้แต่กาลเวลา ถ้าพี่จะไม่เห็นแก่วินก็ช่วยเห็นแก่ผม

ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีวิน ได้โปรดเถอะครับ”   





ร่างสูงก้าวยาวจนเกือบจะเป็นวิ่งตรงไปที่ห้องพักของผู้ป่วย เมื่อถึงหน้าห้องสิงหารีบผลักประตู

เข้าไปเพื่อที่จะไปรวมกลุ่มอยู่กับสมาชิกที่ยืนล้อมเตียงของธราเทพที่ยังหลับใหล


“ได้มาหรือเปล่า”


วาโยรีบถาม สิงหาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะคลี่ยิ้มตามเมื่อล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

เพื่อหยิบขวดแก้วใบเล็กที่บรรจุโลหิตสีแดงเข้มอยู่ที่ก้นขวด สิงหายังนึกถึงใบหน้าของเจ้าของ

หยดเลือดนี้ เมื่ออัคนีมองเขาอย่างนึกไม่ถึงที่เห็นเขายอมคุกเข่าขอร้อง


“โอ พี่สิงหาเจ๋งสุดๆ ทำได้ไงเนี่ย”


ทั้งวริษฐาและภูหิรัณย์ต่างยกนิ้วให้ด้วยความทึ่ง อิสริยะนึกย้อนไปถึงอัคนี

ที่กัดฟันข่มใจแล้วตวาดใส่เขา


“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ อัสลาน เดี๋ยวนี้คุณยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพียงเพราะไอ้เด็กกำพร้านั่นงั้นหรือ”


“ถ้าการที่ผมยอมลดศักดิ์ศรีลงแล้วทำให้วินลืมตาขึ้นมาได้ ผมยอมครับ”


เขาเงยหน้าสบตากับอัคนีเพื่อให้รู้ว่าเขาพูดจริงทำจริง อัคนีเม้มปากแน่น

ดวงตาจ้องมองมาที่เขาบอกถึงความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งชัง ก่อนที่จะคว้าขวดแก้วใ

บจิ๋วจากสิงหาไปที่โต๊ะทำงานแล้วยกมีดคัดเตอร์ กรีดที่ปลายนิ้วจนเลือดไหลซิบ

อัคนีกลั้นเสียงร้องปนสะอื้นไว้เมื่อใช้ขวดแก้วมารองรับเลือด

อัคนีไม่รู้ว่าเขาควรจะร้องไห้ให้กับบาดแผลที่ปลายนิ้วหรือบาดแผลที่ใจกันแน่

เมื่อปิดฝาขวดเขาก็ส่งให้สิงหาอย่างแรงพอกับอารมณ์อันเดือดพล่าน


“ไปให้พ้นจากชีวิตของผม”


อัคนีกัดฟันพูดเสียงต่ำ สิงหาที่คว้ารับขวดแก้วที่บรรจุเลือดมองอย่างขอบคุณ

อย่างจริงใจ


“ขอบคุณครับพี่อัคนี บุญคุณครั้งนี้ผมจะไม่ลืมเลย”


แล้วสิงหาก็นำมันมาที่นี่จนได้


“อย่ามัวแต่ถามเลย รีบหยดเลือดลงในถ้วยดีกว่า”


สิงหารีบพาการสนทนาเข้าสู่ประเด็นสำคัญ วริษฐาไม่รอช้าเมื่อรับขวดเลือด

ตรงไปที่โต๊ะตัวเลยมุมห้องที่ตั้งวัตถุโบราณไว้ ตามมาด้วยทุกคนที่ก้าวมายืนล้อมเป็น

วงกลมอยู่รอบโต๊ะ


วริษฐามองหน้าทุกคนเพื่อให้กำลังใจก่อนที่จะเปิดฝาขวด เทหยดโลหิตลงไปที่

ใจกลางถ้วยใบน้อย


หยดเลือดกลิ่นคาวกลิ้งวนอยู่ที่ก้นถ้วยแล้วนิ่งสนิท ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หลังจากนั้น

ธราเทพยังนอนหลับอย่างสงบอยู่บนเตียง ปล่อยให้สิงหาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้

พลางยกมือกุมขมับอย่างหมดแรง


อัคนีไม่ใช่เจ้าหญิงราบีอา!!!






:katai5: :katai5: :katai5:  ตอนหน้าจบแล้ววว

หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 33# [23/05/58) 19.16 น
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-05-2015 19:21:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

เปิดเล้ามา  เห็นเรื่องนี้อัพเดท  เลยหันไปคว้าโพย (สำหรับจดตอนนิยาย)  มาดู  อ้าวเพิ่งอ่านถึงตอน ๒๔ เองแฮะเรา
พอเลื่อนลงมาดู  อ้อ  จะอัพจนจบเลย  ดังนั้น  ขอมาปูเสื่อรอ  :ruready  พรุ้งนี้วันหยุด  อ่านกันยาว ๆ ไปโลด   :mew1:
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 33# [23/05/58) 19.16 น
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-05-2015 19:45:17
 :call:    กรรมเยอะจริงๆ
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 33# [23/05/58) 19.16 น
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-05-2015 19:54:16
เพิ่งเข้ามาเห็นจ้า
อุปสรรค์เยอะจริงๆเลย ว่าแต่ใครคือราบีอาล่ะเนี่ย นึกว่าจะมาเกิดใกล้ๆสิงห์ซะอีก เห็นชาติก่อนอยากได้ขนาดนั้น
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทที่ 34# [23/05/58) ตอนจบแล้วจ้า 21.00 น
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 21:00:15



คำสาปร้าย พ่ายรัก

บทที่ 34


สิงหาทอดสายตามองออกไปยังสายน้ำคดเคี้ยวสะท้อนแสงสุดท้ายแห่งวันด้วยจิตใจที่อ่อนล้า

แม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องหน้าประกอบด้วยผู้คนที่ยังใช้ประโยชน์จากผืนน้ำ ทั้งเดินทางและดื่มกิน

ทำให้สายน้ำแห่งนี้เป็นที่หล่อเลี้ยงชีวิตให้ผู้คนดำรงอยู่ได้


สิงหาอยากให้ธราเทพเป็นเหมือนสายน้ำที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเขาให้มีชีวิตอยู่

เขายอมทำทุกทางที่จะให้เจ้าแห่งหัวใจกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่ปัญหาก็คือเขาหาหนทาง

คืนชีวิตให้ธราเทพไม่เจอ


ร่างสูงที่เคยผึ่งผาย บัดนี้เดินไหล่ลู่กลับเข้าไปในคอนโดมิเนียมของตนเองที่ตั้งอยู่บนตึกสูง

ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาก้าวตรงเข้าไปในห้องเล็กที่รูปหล่อทองเหลืองของชายที่มีศีรษะ

เป็นเหยี่ยวที่ยังคงสถิตอยู่ที่เดิม ดวงตาของรูปหล่อทองเหลืองที่หรุบลงมองสิงหา

ราวกับมีชีวิตเมื่อชายหนุ่มยอบตัวลงคุกเข่าต่อหน้าพลางมองตอบรูปหล่อด้วยแววตาวอนขอ


“เทพรา บิดาแห่งข้า หลังจากที่ท่านช่วยให้ภารกิจผ่านพ้นแล้ว

โปรดจงช่วยบุตรแห่งท่านอีกสักเรื่องเถิด โปรดจงช่วยให้ข้าถอนคำสาปและคืนชีวิต

ให้แก่หัวใจของข้า ได้โปรดเถิดเทพแห่งแสงสว่างทั้งปวง”





“เฮ้ย เร็วดิ เดี๋ยวอาจารย์อัคนีก็รู้เรื่องที่แกแอบลักเอาไอ้ถ้วยต้องคำสาปนี่มาหรอก ไอ้ก้อย”


ภูหิรัณย์หยุดเดินแล้วหันไปมองวริษฐาที่จ้ำอ้าวตามหลังมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

เมื่อทั้งคู่ต้องนำมาคืนไว้ที่เดิม คือที่โต๊ะทำงานของด็อกเตอร์อัคนีในมหาวิทยาลัย


“รู้แล้ว ก็เร่งจนขาจะฉีกแล้วเนี่ย ไม่เห็นหรือไง”


วริษฐาที่เร่งฝืเท้าจนทันหายใจหอบน้อยๆ ในมือถือกล่องใส่วัตถุโบราณอย่างระมัดระวัง

เมื่อมาเกือบถึงหน้าคณะโบราณคดี


“พี่สิงห์เขาหยิบเอาส่วนที่เป็นของเขาออกไปแล้วใช่ไหมวะ ไม่งั้นนี่ถ้าตามหาเจ้าหญิงราบีอา

เจอก็ไม่มีประโยชน์เพราะไม่มีส่วนของถ้วยไปแก้คำสาป”


ภูหิรัณย์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาเองก็กังวลเรื่องธราเทพเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กของเขา

ไม่น้อยกว่าคนอื่น วริษฐาพยักหน้ารับให้คนเป็นเพื่อนคลายกังวล


“เรียบร้อย ในกล่องนี้มีแต่ส่วนของที่น้าอัคนีได้มาจากอียิปต์”


ภูหิรัณย์รับรู้พลางหันกลับไปเพื่อที่จะเดินตรงไปที่อาคารเรียน แต่ก็ต้องผงะและเซ

จนเกือบล้มเมื่อหันไปชนเข้ากับคนที่เดินตัดหน้าเข้าพอดี


“โอ๊ะ เดินยังไงวะ ไม่เห็นคนยืนอยู่หรือไง อ้าว…”


ภูหิรัณย์ที่เพิ่งเงยหน้ามองขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นคนที่เดินตัดหน้าจนเขาเกือบล้ม


“ไอ้ตรี”


ชายหนุ่มขานชื่อคนที่ยืนกอดอกมองมาอย่างหาเรื่อง โดยที่มีลูกสมุนอีกสองคนยืนอยู่เบื้องหลัง


“ก็มึงเสือกยืนขวางทางกูเองนี่ไอ้เซน แล้วคู่หูของมึงไม่มาด้วยหรือไง”


ตรีภพพูดอย่างชวนทะเลาะพลางสอดส่ายสายตามองหาธราเทพ วริษฐาได้แต่รั้งแขนของเพื่อน

ไว้เพื่อปรามอารมณ์เดือด


“มึงจะมาหาเรื่องอะไรไอ้วินมันอีก กูถามจริงเหอะมึงนี่แค้นอะไรมันนักหนาถึงคอยหาเรื่อง

ไอ้วินตั้งแต่เด็ก จนโตเป็นควายแล้วก็ยังไม่เลิก”


“อ้าว ไอ้เซน มึงพูดงี้หาเรื่องกูนี่หว่า กูน่ะเป็นห่วงกลัวไม่มีใครไปช่วยหลวงพ่อของมัน

หิ้วปิ่นโตตอนเช้าต่างหากล่ะ”


เสียงหัวเราะดังขึ้นจากตรีภพและลูกน้องยิ่งทำให้ภูหิรัณย์ที่เครียดเรื่องธราเทพอยู่แล้ว

ยิ่งทวีโทสะ เขายกมือชี้หน้าตรีภพพลางต่อว่าเสียงดัง


“มึงน่ะ ก็ได้แต่อิจฉาไอ้วินเท่านั้นแหละที่มันหล่อกว่า เรียนเก่งกว่า ส่วนมึงน่ะนอกจาก

มีเงินแล้วไม่มีอะไรดีสักอย่าง กูจะบอกมึงให้ว่าคนอย่างมึง ไม่มีอะไรจะไปเทียบกับคนดี

อย่างไอ้วินหรอก”


“ไอ้เซน”


ตรีภพปรี่เข้าหาพลางยกหมัดขึ้นชกหน้าภูหิรัณย์ด้วยความโมโห วริษฐาหวีดร้องด้วยความ

เป็นห่วงเมื่อเห็นคนเป็นเพื่อนเซตามแรงหมัดจนแทบจะไปกองกับพื้น มิหนำซ้ำตรีภพ

ยังตะโกนบอกให้ลูกน้องวิ่งตรงเข้ามาจัดการกับภูหิรัณย์


ภูหิรัณย์ก็สู้ไม่ถอยแม้จะเป็นสามรุมหนึ่ง จนตรีภพเองยิ่งบันดาลโทสะที่ล้มภูหิรัณย์ไม่ลง 

เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าหนังที่สะพายอยู่แล้วหยิบมีดพกอันเล็กขึ้นมาสะบัดคมออกจาก

ปลอกเก็บ พลางยกขึ้นชี้ใส่ภูหิรัณย์


“เซน ระวัง”


วริษฐาตะโกนลั่น ภูหิรัณย์ยืดตัวขึ้นพลางเขยิบมายืนอยู่เบื้องหน้าเพื่อนสาว

ตรีภพไม่สนใจก้าวตรงรี่เข้ามาแล้วป่ายมือไปมาเป็นที่หวาดเสียวแก่ผู้ที่มายืนมุง

ภูหิรัณย์คว้าหมับที่ข้อมือของตรีภพพลางหักลง ตรีภพใช้แรงผลักจนภูหิรัณย์เซไปข้างหลัง

แล้วหงายหลังไปชนวริษฐาจนหงายหลังไปพร้อมกัน กล่องใส่วัตถุโบราณหลุดจากมือหญิงสาว

จนร่วงกระแทกพื้น ฝากล่องหลุดจนเผยให้เห็นถ้วยดินเผาเก่าแก่


ขัอมือของตรีภพที่ถือมีดพกถูกปัดจนหลุดมือ มีดเล็กลอยขึ้นไปในอากาศแล้วร่วง

ลงมาตามแรงโน้มถ่วงแหวกอากาศมากรีดเข้าที่ต้นแขนของตรีภพจนเสื้อนักศึกษา

ขาดเป็นทาง เลือดไหลซึมออกจากบาดแผล แล้วหยดลงมาเปรอะเปื้อนเศษดินเผา

ในกล่องเก็บที่ตกอยู่บนพื้นดินอย่างพอดิบพอดี


ภูหิรัณย์รวบรวมแรงผลักตรีภพออกไปจนพ้นตัว แล้วรีบลุกขึ้นยืนจังก้าเตรียมรับมือ

แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจกับเสียงอุทานของวริษฐา


“เซน เซน ดูนี่เร็วๆ”


เมื่อชายหนุ่มหันไปมองตามที่วริษฐาเรียก ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้น

ควันสีดำลอยคลุ้งออกจากเศษดินเผาก่อนที่เปลวไฟจะค่อยๆ ลุกวาบแล้วเผาผลาญ

ถ้วยดินเผาต้องคำสาปจนไม่มีเหลือแม้แต่เถ้าถ่าน






สิงหากุมมือนุ่มที่ตอนนี้ซีดจนแทบจะกลายเป็นกระดาษพลางยกมือนั้นขึ้นมาแนบแก้ม

อย่างรักใคร่ เสียงถอนหายใจดังขึ้นจนตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะถอนหายใจไปเพื่ออะไร

เมื่อทำไปแล้วธราเทพก็ยังไม่ตื่นจากนิทราเสียที


“วินฝันดีหรือเปล่า มีพี่อยู่ในความฝันของวินไหม”


สิงหารำพึงอยู่กับหนุ่มน้อยที่ยังหลับใหล


“แต่พี่อยากให้วินตื่นมาอยู่ในโลกของความเป็นจริงมากกว่า พี่อยากกอดวิน

อยากบอกรักวินทุกวัน”


โน้มตัวไปจุมพิตที่หน้าผากมนก่อนที่จะสะดุ้งกับเสียงโทรศัพท์มือถือที่แผดดัง

สิงหาหยิบมันขึ้นมารับแล้วกรอกเสียงลงไป


“ว่าไงเซน”


“มะ มันไหมไฟ พี่สิงห์ เลือดไอ้ตรีมันหยดลงไป ละแล้วมันก็มีควันดำ”


“เดี๋ยวๆ เซน ใจเย็น ค่อยๆ พูด พี่ไม่เข้าใจ”


เขาได้ยินเสียงภูหิรัณย์สูดหายใจเข้าออกอยู่หลายที ก่อนที่จะพูดออกมาได้อีกครั้ง


“เลือดไอ้ตรีภพ โจทย์เก่าไอ้วินมันหยดลงไปในถ้วย แล้วอยู่ๆ ก็มีควันดำลอยขึ้นมา

จากนั้นไฟก็ลุกเผาถ้วยจนไม่มีเหลือเลยพี่ ฮัลโหล พี่สิงห์ พี่สิงห์”


โทรศัพท์มือถือเลื่อนหลุดจากมือ เสียงของภูหิรัณย์จางหายไปแต่สิงหาก็ไม่ได้สนใจ

เมื่อมัวแต่ตะลึงมองร่างที่หลับใหลค่อยๆ ขยับตัว ขนตาหนากะพริบเบาๆเป็นสัญญาณ

แห่งการรับรู้


สิงหาตะโกนลั่นด้วยความดีใจ เมื่อดวงตาคู่หวานเปิดขึ้นมาช้าๆ






“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้ตรีจะเป็นราบีอา”


ธราเทพที่ยืนเกาะราวระเบียงคอนโดหรูมองต่ำไปยังสายน้ำคดเคี้ยวที่หล่อเลี้ยง

ชีวิตผู้คนเบื้องล่าง


หลังที่ตื่นจากการหลับ ธราเทพแทบจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลยนอกจากความรู้สึกหิวโหย

และเขาก็จัดการอาหารมื้อใหญ่จนเรียบ จากนั้นร่างกายก็ฟื้นตัวจนเป็นปกติ

แม้แต่แพทย์เจ้าของไข้ยังแปลกใจ แต่ก็ยอมให้เขาออกจากโรงพยาบาลหลังจากนั้นอีกหนึ่งวัน

เมื่อตรวจร่างกายโดยละเอียดอีกรอบก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ


เหตุการณ์ต่างๆ ถูกเล่าให้เขาได้รู้ ธราเทพเองก็แปลกใจไม่แพ้คนอื่นที่รู้ว่าหยดเลือด

ที่แก้คำสาปได้เป็นเลือดของตรีภพ


“ตอนนี้ผมไม่แปลกใจแล้วที่ไอ้ตรีมันเกลียดขี้หน้าผมตั้งแต่เด็กๆ เป็นเพราะเรื่องในอดีต

ตั้งแต่ชาติที่แล้วนี่เอง”


“ใช่ เป็นเพราะราบีอาที่ไม่สมหวังในรักโยนความผิดให้ราโมส จึงได้จงเกลียดจงชัง

พี่ชายและความรู้สึกนั้นก็ฝังแน่นอยู่ในจิตมาจนถึงชาตินี้”


สิงหาที่เดินมายืนเคียงข้างถอนหายใจ


“มัวแต่ตามหาคนผิด หาคนที่หลงรักพี่สิงหาแต่ลืมมองคนที่เกลียดผมใช่ไหมครับ”


ธราเทพคลี่ยิ้ม


“เป็นเพราะไอ้ตรีมันยังไม่เคยเจอพี่ ความรักมันเลยยังไม่เกิด สงสัยผมต้องระวังไม่ให้มัน

ได้เจอพี่สิงห์เดี๋ยวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย”


“หึงล่ะสิ”


สิงหายิ้มยั่วเย้าจนธราเทพต้องย่นจมูกใส่ สิงหามองอย่างเอ็นดูพลางใช้มือบีบจมูกอย่างมันเขี้ยว


“พี่เกือบเสียวินไปอีกแล้ว”


ร่างสูงก้าวไปซ้อนหลังแล้วสวมกอดธราเทพไว้  เกยคางที่ไหล่มนแล้วมองไปยังลำน้ำเบื้องหน้า

เช่นเดียวกัน


“ต่อไปนี้คงจะไม่มีอุปสรรคอะไรอีก วินย้ายมาอยู่กับพี่นะ”


“เหลือเวลาอีกเกือบเดือนกว่าจะเปิดเทอม ผมคิดว่าจะบวช”


“อะไรนะ”


สิงหาร้องเสียงหลงแล้วปล่อยร่างนุ่มออกจากอ้อมกอด เขาบีบที่ไหล่ทั้งสองข้างพลางดึง

ให้ธราเทพหันหน้ามาสบตา


“ทำไมต้องบวช”


“ก็บวชให้ท่านพ่อ ฟาโรห์เพตเทเมน แล้วก็เจ้ากรรมนายเวรในครั้งนั้นไงครับพี่สิงห์”


สิงหาหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ


“บวชแล้วจะสึกหรือเปล่า ไม่ใช่ติดใจจนบวชตลอดชีวิตหรอกนะ”


“โธ่ พี่สิงห์”


หนุ่มน้อยหัวเราะเสียงหวาน


“สึกสิครับพี่ อย่ากลัวไปเลย ผมยังตัดกิเลสไม่หมดหรอก ต้องอยู่กันพี่ออกจากพวกที่มาวอแว”


“จริงนะ งั้นพี่ขอค่ามัดจำไว้ก่อน”


ดวงตาพราวระยิบระยับที่มองมาพราวแสงเหมือนแสงดาวที่เริ่มปรากฎตัวที่ริมขอบฟ้า

เมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงสู่ผืนดินจนเหลือแค่แสงสีส้มนวลตาทาบทอไปกับสายน้ำเจ้าพระยา


ในที่สุดองค์เทพราก็ขับเคลื่อนเรือลำใหญ่จากท้องฟ้าด้านหนึ่งสู่อีกด้านเสร็จสิ้นลง

รอเวลาเดินทางในวันรุ่งเพื่อนำแสงสว่างสู่ผู้คนอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ทุกวันตั้งแต่อดีตกาล

สิงหานึกบูชาเทพราอยู่ในใจเมื่อเขาได้ธราเทพซึ่งเป็นทั้งเจ้าชีวิตและเจ้าหัวใจกลับคืนมาอีกครั้ง

และครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยให้ความรักของเขาต้องมีอุปสรรคใดๆอีก

ต่อให้มีเขาก็พร้อมที่จะต่อสู้ฟันฝ่ามันไปเพื่อคนตรงหน้า


แสงสีส้มของอาทิตย์อัสดงอาบไล้ใบหน้าเรียวให้ยิ่งหวาน ดวงตาราวกับสมันน้อยเรียกร้อง

ให้สิงหาเอียงหน้าไปแล้วประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มที่เผยอรับ

ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามกรอบหน้าอย่างทะนุถนอม


ไม่มีคำสาปใดจะทำร้ายความรักของทั้งคู่ได้อีกแล้ว เมื่อต้องพ่ายให้กับความรักอันมั่นคง


ร่างทั้งสองตระกองกอดกันเป็นการสัญญา ว่าจะไม่มีอะไรมาพรากจากกันได้

ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลาหรือคำสาปร้ายทั้งปวง


----------------  The End --------------------

หัวข้อ: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-05-2015 21:08:23

                                  คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                     บทส่งท้าย


เสียงอึกทึกเฮฮาแสดงความยินดี สลับกับเสียงบูมที่รุ่นน้องจัดให้รุ่นพี่ดังอยู่ตลอดเวลา

ในวันนี้ที่เป็นวันรับปริญญา รวมทั้งการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตามซุ้มดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงาม

ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่บัณฑิตทุกคนต่างผลัดกันถ่ายรูปเป็นที่สนุกสนาน

รวมทั้งธราเทพภูหิรัณย์ และวริษฐา


สิงหายิ้มอย่างเอ็นดูเมื่ออาสามาเป็นตากล้องจำเป็นให้กับธราเทพที่ตอนนี้แก้มใสแดงก่ำ

จากอากาศที่ร้อนอบอ้าวแต่ธราเทพก็ยังสนุกสนานอยู่กับเพื่อนบัณฑิตจนกระทั่งบ่ายคล้อย

งานจึงเลิกรา ทั้งสองจึงได้เดินเคียงคู่กันไปตามถนนเส้นเล็กในมหาวิทยาลัย


“เหนื่อยล่ะสิ เหงื่อเต็มตัวขนาดนี้”


สิงหาใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้คนรัก ธราเทพมองกลับพร้อมรอยยิ้มหวาน


“เหนื่อยแต่สนุกนะครับ คิดๆไปแล้วก็ใจหาย เรียนจบแล้วก็คงไม่ค่อยได้เจอเพื่อนๆอีก”


ธราเทพถอนหายใจเมื่อคิดถึงทางเดินของเพื่อนแต่ละคน


ภูหิรัณย์หาญกล้าสารภาพรักกับวาโยในวันที่คนเป็นอาจารย์รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต

เขาเตรียมใจไว้กับความผิดหวังหากวาโยปฏิเสธ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มเขินของวาโย

พร้อมคำตอบที่ว่ารอให้ภูหิรัณย์เรียนจบและพ้นสถานะความเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์กันก่อน

ค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ ดังนั้นวันนี้ภูหิรัณย์จึงดีใจหน้าบานเป็นกระด้งเมื่อวาโยหอบช่อดอกไม้

ช่อใหญ่มามอบให้ตั้งแต่เช้า


ส่วนวริษฐาก็มีชีคฮัสเซนเพื่อนของสิงหาขึ้นเครื่องบินมาเทียวไล้เทียวขื่อ

ตั้งแต่กลับมาจากอียิปต์เมื่อสองปีก่อน แรกๆ วริษฐาก็ปฏิเสธแต่เมื่อเจอลูกตื้อ

และเห็นความดีของชีคหนุ่ม หญิงสาวจึงเริ่มเปิดใจให้ในระยะหลัง


ส่วนตัวเขาเองก็มีความสุขอยู่กับสิงหาอาจจะมีแง่งอนกันบ้างแต่ทั้งสองคน

ก็จะง้อและคืนดีกันอย่างรวดเร็ว


“เรียนจบแล้วก็ย้ายไปอยู่กับพี่ได้แล้วนะ”


สิงหากล่าวยิ้มๆ เมื่อตลอดสองปีที่ผ่านมาธราเทพยืนยันว่าจะอาศัยอยู่ที่วัด

ไม่ยอมไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมของเขาจนกว่าจะเรียนจบ


“ไปขอกับหลวงพ่อสิครับว่าท่านยอมหรือเปล่า”


ธราเทพตอบด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม สิงหาวางมือบนศีรษะแล้วโยกเบาๆ


“หลวงพ่อของวินก็คือพ่อของพี่เหมือนกัน ท่านคงไม่ใจไม้ไส้ระกำหรอกอ้อ!เกือบลืม”


สิงหาล้วงซองจดหมายออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมส่งให้ ธราเทพรับมาถืออย่างงงๆ


“รางวัลสำหรับคนเก่ง ที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง”


ธราเทพเลิกคิ้วแล้วเปิดซองจดหมายขึ้นมาด้วยความอยากรู้ ก่อนที่จะยิ้มกว้างเมื่อเห็น

ตั๋วเครื่องบินมุ่งตรงสู่อียิปต์บรรจุอยู่ในนั้นหนุ่มน้อยกุมมือแกร่งกระชับแน่นพลางช้อนตา

มองด้วยความตื้นตัน


“ขอบคุณนะครับพี่สิงห์ที่ทำทุกอย่างเพื่อผม”


“ก็เพราะพี่รักวิน ถ้าไม่ให้ทำเพื่อวินจะไปทำเพื่อใคร”


สิงหายกหลังมือนุ่มขึ้นมาแล้วจุมพิตลงไปก่อนที่จะจูงมือธราเทพเดินไปพร้อมกัน

ตามเส้นทางที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า






------------------------------ จบบริบูรณ์------------------------------



คำกล่าวจากคนแต่ง

ในที่สุดก็จบลงแล้วสำหรับนิยายเรื่องยาวอีกเรื่องหนึ่งที่คนแต่งตั้งใจมาก
นิยายเรื่องนี้มีที่มาจากแฟนฟิค มันเลยอาจจะมีบางประโยคที่ไม่โดนใจ
แต่คนแต่งก็ตั้งใจจริงๆ ตอนแต่งก็หาข้อมูลทั้งชื่อ และข้อมูลต่างๆของชาวไอยคุปต์
อย่างเช่นเทพเจ้าและอาวุธต่างๆ


เมื่อเอามาดัดแปลงเป็นนิยาย ก็แน่นอนว่าต้องขยายกลุ่มคนอ่านออกไปอีก
ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงมีทั้งติและชมซึ่งคนแต่งก็น้อมรับด้วยความยินดี
บางคนอ่านแล้วอาจจะขัดใจ แต่งนิยายเหนือจริงแต่พระเอกกับนายเอก
กลับไม่มีความสามารถพิเศษอันใดนอกจากระลึกชาติ


ซึ่งมันเป็นความตั้งใจของคนแต่งเองที่อยากจะอิงกับความเป็นจริงด้วย
ว่าคนเรามันก็ไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง บางทีก็งี่เง่าเอาแต่ใจเหมือนพี่สิงห์
ของเรานี่แหละ เลยทำให้บางคนอาจไม่ชอบ ขออภัยด้วยขอรับ



ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์จากทุกคนที่เข้ามาอ่านแม้ว่าเรื่องนี้
จะไม่ค่อยmassเท่าไหร่
แต่ตัวเลขยอดวิวที่ยังไม่หยุดนิ่งทำให้คนแต่งรู้ว่ายังมีคนอ่าน
แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วและขอบคุณคอมเมนท์ด้วย
ขอบอก คนแต่งชอบอ่านคอมเมนท์มากและถือว่ามันเป็นของขวัญ
ที่คนอ่านให้มาเลย



จบเรื่องนี้แล้วฝากเรื่องอื่นไว้ในอ้อมใจด้วยนะจ๊ะ
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ให้ติดตาม หากมีโอกาสได้รวมเล่มก็หวังว่า
จะช่วยอุดหนุนกันด้วยน้า




ขอบคุณมากๆค่ะ
Belove

                                   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 23-05-2015 21:20:59
 o13    จบแล้ว  ดีใจกับทั้งคู่จริงๆ ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ผ่านอุปสรรค์มาตั้งมากมาย หวังว่ารักภพนี้ จงอยู่ชั่วนิรันทร์
หัวข้อ: Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-05-2015 21:42:00
ขอบคุณค่ะที่แต่งเรื่องนี้  นานๆทีจะมีอียิปต์มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-05-2015 22:06:10
จบแล้ว ในที่สุดก็คลีคลายด้วยดี
ขอบคุณคนแต่งมากน๊า ที่เขียนเรื่องสนุกๆ แบบนี้ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 23-05-2015 22:29:32
 :L1: :L2: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-05-2015 22:44:00
สนุกมาก เขียนดีๆ
ดีใจที่ได้อ่านนะ อิอิ
กว่าจะฝ่าอุปสรรคทั้งหลายมาได้ ดีที่จบลงด้วยดี
มันแอบยากนะ เขียนแบบ2ฉาก สลับไปมาแล้วไม่งง สุดยอดมาก

เขียนนิยายดีๆมาอีกนะ
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 23-05-2015 22:50:33
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kor.korn ที่ 24-05-2015 00:05:33
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีเรื่องหนึ่งครับ

แอบมาเทลงวันเดียวหมด ตามอ่านแทบกระอักเลือดเลยทีเดียวครับ :)
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 24-05-2015 07:10:23
เพิ่งมาอ่าน ตามมาทีหลังจากที่คุณบีเลิฟลงจบแล้ว

พออ่านเจอทอล์กที่ว่าแปลงมาจากแฟนฟิคก็โอเคคือมีสะดุดเป็นจุดๆในลักษณะที่ว่าเหมือนอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง อ่านทีเดียวจบจะรู้สึกชัดกว่าตอนตามเป็นตอนๆ

ช่วงต้นและกลางๆจะรู้สึกอืดนิดๆเหมือนเครื่องใช้เวลานานนิดกว่าจะติดแล้วมาออกตัวพรวดเดียวตอนครึ่งหลัง  ไม่ใช่ว่าเขียนไม่ดีแต่เป็นที่อารมณ์ตอนอ่านค่ะ

หักมุมดีค่ะ  ตอนแรกก็นึดว่าอิตรีโผล่มาทำไมนิดเดียวค่าตัวแพงหรือแต่ปรากฏว่านางขโมยซีนหมดเลยเป็นตัวปิดเรื่อง   ฮาอัสปิดความต้องการได้ดีมากชายแท้อยากเป็นไบแต่อดฉิบ ตัวละครคุณแพลนได้ดีค่ะ  นึกไม่ถึงหลายคน คนที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่  ตอนแรกคิดว่าก้อยกับอัคนีจะตามล้างตามผลาญจนกว่าจะไปเกิดใหม่แต่กลับไม่ พันกว่าปีก็นานพอที่จะเหลือแค่เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ บทบาทมันกระจายออกไปค่ะ  เราโอเคนะ แต่หลายๆคนอาจจะขัด

การขุดเจาะโบราณวัตถุทางอารยะธรรมส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้การควบคุมที่หนาแน่นของทางการค่ะ   ส่วนใหญ่จะมาเป็นองค์การไม่ค่อยแยกกลุ่มกันขุดหรือแย่งเพราะว่าส่วนใหญ่จะขออนุญาติได้เป็นที่ๆไป เมื่อก่อนๆจะได้ขุดนี่ต้องมีการวางเงินทุน(ประกัน) + ใต้โต๊ะ ให้กับคนที่ต้องติดต่อ  บางที่นี่ต้องใช้รัฐบาลในการรับรอง  รัฐบาลเจ้าของสถานที่จะ แนะ (ยัดเยียด)ให้จนททางโบราณคดีในประเทศเข้ามาร่วมกลุ่มด้วย  ข้อมูลที่คุณนำมาประกอปดีค่ะ น่าสนใจ

- พระสนมตกใจที่ลูกสาวใช้สามีร่วมกับแม่  อิยิปต์โบราณไม่ถือค่ะ เพราะว่าการร่วมประเวณีในหมู่ญาตินั้นเป็นเรื่องธรรมดาพ่อแม่-ลูก พี่-น้องไม่เป็นไร ถ้าจะเป็นประเด็นก็น่าจะหึงมากกว่าค่ะ
-ธราเทพไม่สบายอยุ่โรงแรมที่อียิปต์แล้วสั่งโจ๊ก   ถ้าต้องเป็นโจ๊กก้น่าจะเป็นแบบต้มเองจากเสบียงที่เอามาจากเมืองไทยดีกว่าค่ะ   หาโจ๊กยากมาก  ร้านจีนก็ใช่ว่าจะมีขาย แนะให้เป็นซุปดีกว่าค่ะ แบบซุปครีมตามโรงแรมจะมีค่ะ  ถ้าเราอ่านผิดก็ขอโทษด้วยค่ะ

ชื่อนายเอก ธราเทพนี่จงใจหรือเปล่าคะ?    ธ - ราเทพ (เทพแห่งรา)

ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆอีกเรื่องหนึ่ง
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Respire ที่ 24-05-2015 11:18:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เป็นเรื่องแรกที่ได้ตามอ่าน ปกติจะชอบอ่านแนวฟาโรห์แบบนี้ด้วย เรื่องนี้ตอบโจทย์ได้ดี ถึงแม้คนที่เป็นฟาโรห์จะเป็นนายเอกก็เถอะ เป็นเรื่องราวความรักที่น่าประทับใจ ถึงจะผ่านความแค้น ชิงชังจากความเข้าใจผิด แต่สุดท้ายรักก็คือรัก คนที่เกิดมาคู่กันต่อให้ต้องผ่านความยากลำบากมากขนาดไหน สุดท้ายก็กลับมาครองคู่กัน
ชอบค่ะ ไรท์แต่งดีแล้ว แต่เรื่องหน้าขอพระเอกเราเป็นฟาโรห์ได้มะ 5555555555
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 24-05-2015 14:50:29
จบแล้ว  ชอบแยวฟาโรมากๆเลย ขอบคุณที่แต่งให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทส่งท้าย# นิยายอียิปต์ [23/05/58) รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 24-05-2015 15:00:56
เขียนได้ดีค่ะ ไม่ค่อยได้อ่านนิยายแนวนี้เท่าไหร่ แต่เรื่องนี้สนุกมากกกก น่าติดตาม ที่คิดไว้ไม่ใช่ หักมุมตลอด ขอบคุณสำหรบายายดีๆค่ะ
ป.ล.ว่างๆมาร่อตอนพิเศษนะคะ ^^ :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 25-05-2015 01:20:08
อ่านจบแล้ว เขียนได้ดีเลยนะคะ :D
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 25-05-2015 12:56:21
สนุกมากครับ  ผมชอบนะ ปมเยอะดีอ่านแล้วลุ้น  ชอบสุดคงมีการหักมุม ซึ่งโอเคเลย

แต่กลางเรื่องแอบน่าเบื่อไปนิด  ทั้งคู่ในอดีตดูอ่อนปวกเปียกไป

เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 25-05-2015 18:09:31
 :L2: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 25-05-2015 21:28:55
สนุกมากเลยครับ เราชอบนิยายแนวนี้มาก แต่ไม่ค่อยมีใครเขียนเลย
แล้วจะติดตามผลงานในเรื่องต่อๆไปนะครับ ขอบคุณครับ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: thelittlemaster ที่ 25-05-2015 22:30:58
สนุกมากเลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 25-05-2015 23:26:01
มีความสุขจัง ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 25-05-2015 23:34:12
เป็นเรื่องที่สนุก ซึ้ง ผจญภัย ได้ทุกรสเลยค่ะ ความแค้นและการยึดติดทำให้เกิดผลของการกระทำที่เลวร้าย
คุณตรีออกมาหักมุมเหมือนกันนะคะนี่ แต่ก็โออยู่ค่ะ มันจะแปลกกว่านี้ถ้าตรีไปชอบสิงห์อ่า
คงจะพิลึกดี
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 26-05-2015 00:39:57
สนุกค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย
แต่มันขัดๆตอนที่รู้ว่าตรีเป็นคนแช่งเนี่ยแหละ
คือไม่ได้อยู่ในความคิดเลย เป็นตัวละครที่โผล่มาตอนเปิดและตอนปิด
คาดไม่ถึงเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 26-05-2015 01:22:36
สนุกมากกกกกก
ตอนแรกนึกว่าจะน้อย
อ่านจริงแล้วเยอะมาก
มีประเด็นให้ติดตามตลอดทั้งเรื่องเลย
มีการกระจายบทบาทดีมากๆ
นึกไม่ถึงว่าตรีจะเป็นคนจบเรื่องในอดีต
ลุ้นทุกตอนเลย ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 26-05-2015 07:31:27
อั๊ยยะ ตอนแรกนี่กะมาม่าแบบอืดๆๆๆ แต่ดีหน่อยไม่ต้องลุ้นมาก แค่เบาๆ ผูกเรื่องเก่งมากๆๆ ชอบๆๆ สนุกสุดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 26-05-2015 21:56:36
สนุกมากๆๆๆๆๆๆเลยเนื้อเรื่องไม่ยืดจนน่าเบื่อ ชอบอ่ะ แนวที่ใช่เลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 27-05-2015 06:18:27

กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน

ซับซ้อนมากมาย

แต่ความรักก็ช่วยได้

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 28-05-2015 05:27:01
อ่านแล้วตกหลุมรักเรื่องนี้เลยยย    :กอด1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 28-05-2015 06:49:41
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ  เนื้อหาสนุก แปลกใหม่น่าสนใจดีค่ะ   แนวอียิปต์โบราณทำการบ้านมาดีมากค่ะ พวกเทพเจ้า วัฒนธรรม  อ่านแล้วอิน   แต่ขอนิดหนึ่งนะคะ  การดำเนินเรื่องช่วงกลางยังสะดุด และหักมุมแบบอ่านแล้วงงค่ะ   ส่วนไลน์อารมณ์ของตัวละครไม่ต่อเนื่องกันเท่าไร ไม่รู้สึกเป็นธรรมชาติค่ะ อาจจะเพราะปรับมาจากแฟนฟิค  นัทสึอ่านเจอหลุดชื่ออิสริยะกับธนทัต ไม่รู้ใช่แฟนฟิค ฮั่น แกงส้มหรือเปล่านะคะ  พอมาเป็นนิยายมันเลยแปลกๆ ค่ะ  ส่วนตัวประทับใจความรักของพี่สิงห์ น้องวินนะคะ อ่านแล้วอิ่ม โดยรวมถือว่าทำได้ดีค่ะ  เอาใจช่วยและให้กำลังใจคุณBelove นะคะ  จำนวนยอดวิวยอดโพสต์ไม่ต้องคิดมากค่ะ  นัทสึเดาว่า อาจจะเพราะคุณBeloveมาโพสต์ต่อกัน ทำให้คนเม้นต์ รอรวบยอดโพสต์ ส่วนคนอ่านก็เข้ามาอ่านรวดเดียว ไม่ได้คลิกมาดูเรื่อยๆ ยอดเลยไม่พุ่งเท่าไร  แต่จะให้อัฟเดือนละครั้ง แล้วยอดวิวเยอะ ยอดโพสต์ทวง หรือรอของคนอ่านเยอะ นัทสึว่ามันก็ไม่ดีเท่าไรค่ะ อัพถี่แบบคุณBelove ดีกว่า คนอ่านจะได้ไม่ต้องรอนาน อารมณ์ไม่ค้างนานด้วย อันนี้ขอชมเลย


สุดท้ายต้องขอปรบมือให้และขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 28-05-2015 07:54:37
สนุกมากเลยคะ ไม่ได้อ่านนิยายแนวนี้นานแล้ว
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ รอติดตามเรื่องต่อไปอยู่คะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 29-05-2015 22:44:33
อ่านรวดเดียวจบ ใช้เวลาไป1วันกว่าๆ อยากบอกว่าสนุกมากๆค่ะ

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆสนุกๆแบบนี้ให้ได้อ่านกันค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 30-05-2015 15:16:37
 :L2:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 30-05-2015 19:05:34
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ สนุกมากกกกกก
ชอบตอนที่เฉลยว่าใครเป็นใคร หักมุมดี 5555
แต่รู้สึกว่าชาตินี้สิงหากับธราเทพรักกันเร็วไปนิด
แต่ทั้งคู่เป็นคู่ที่รักกันมาแต่อดีตนี่เนอะ
โดยรวมถือว่าชอบ มากกกกกกกกกก
ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนนิยายสนุกๆมาให้อ่าน
จะติดตามเรื่องต่อๆไปค่า :L2:

ติดนิดคือเราอ่านข้ามไปหรืออะไร ราโมสตายยังไงอ่ะคะในอดีต
อ่านรวดเดียวอาจตาลายมองข้ามไป :hao5:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 01-06-2015 12:17:09
เพิ่งมาอ่านค่ะ สนุกมาก เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อไปด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 01-06-2015 14:13:21
สนุกมากเลยค่ะ
เรื่องซับซ้อน
ปมเยอะดี
ขอบคุณคนเขียนนะค่ะ
หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# [23/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-06-2015 17:50:08
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ สนุกมากกกกกก
ชอบตอนที่เฉลยว่าใครเป็นใคร หักมุมดี 5555
แต่รู้สึกว่าชาตินี้สิงหากับธราเทพรักกันเร็วไปนิด
แต่ทั้งคู่เป็นคู่ที่รักกันมาแต่อดีตนี่เนอะ
โดยรวมถือว่าชอบ มากกกกกกกกกก
ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนนิยายสนุกๆมาให้อ่าน
จะติดตามเรื่องต่อๆไปค่า :L2:

ติดนิดคือเราอ่านข้ามไปหรืออะไร ราโมสตายยังไงอ่ะคะในอดีต
อ่านรวดเดียวอาจตาลายมองข้ามไป :hao5:












ราโมสตรอมใจตายค่ะ ก็คืออยู่กับราบีอาไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ป่วยตาย
ไม่ได้ใส่รายละเอียดตอนนี้ไว้เยอะต้องขอโทษด้วย คือราโมสไม่ใช่เจ้าชายที่แข็งแกร่งไง








สอบถามความเห็นคนอ่าน
ตอนแรกคนแต่งจะส่งเรื่องให้สำนักพิมพ์พิจารณา
แต่อยากรวมเล่มเองมากกว่า
มีใครสนใจไหมคะ
ถ้าได้สัก 20 เล่มนี่ก็ทำแล้วนะ

ตอบคนแต่งในแฟนเพจก็ได้นะคะถ้าไม่สะดวกในลิ้งค์


 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# สอบถามเรื่องรวมเล่มค่ะ [01/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 01-06-2015 19:15:37
สนุกมาก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# สอบถามเรื่องรวมเล่มค่ะ [01/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 01-06-2015 21:47:45
ติดงอมแงม เลยคร่าาาา ขอบคุณคนแต่งที่สร้างนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ
ทั้งน่าค้นหา น่าติดตาม ลุ้นไปด้วยตลอดเวลา และยังได้ชื่นชมความรักที่งดงามของพระเอกนายเอกไปด้วย
ชอบมากกกกกกคร่า
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# สอบถามเรื่องรวมเล่มค่ะ [01/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 01-06-2015 23:37:57
 o13
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# สอบถามเรื่องรวมเล่มค่ะ [01/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 02-06-2015 23:25:46
อ่านที่เดียวจบเลยย สนุกคะ เนื้อเรื่องไม่ยืด จบแบบกระจ่างมากก เข้าใจบทสรุปง่ายไม่ค้างคา แต่งเก่งมากก มีผลงานดีๆมาเรื่อยน้าาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# สอบถามเรื่องรวมเล่มค่ะ [01/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-06-2015 01:24:07
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมากกกค่ะ
เนื้อเรื่องดี เรื่องของเทพเจ้าอ่านแล้วไม่รู้สึกขัดๆเลยค่ะ
แต่เราไม่อินตรงนิสัยที่สิงค์ช่วงที่กลับมาดาร์คหลังจากฝันอะค่ะ
มันรู้สึกว่าเหมือน โดนสิงไปเลย ไม่เหลือคงามเป็นพี่สิงค์ในชาตินี้เลย
ทั้งๆที่จริงๆมันเป็นแค่เหมือนความรู้สึกและอารมณ์วูบนึงที่เข้ามาและควบคุมได้
แต่พี่สิงค์นี่โดนสิงชัดๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# สอบถามเรื่องรวมเล่มค่ะ [01/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-06-2015 03:44:19
โอ๊ยยยยยยยยยยยยวางไม่ลง รวดเดียว อ๊ากกกกกกสนุกกมากกกกกกก น่ารัก อบอุ่น หมั่นไส้ ฟินอินหื่น ลุ้นมากกกก หักมุมดีคิดตามตลอด ถึงจะเล่าสลับอดีตปัจจุบันก็ไม่งงยังคงเข้าใจไหลลื่นดี ไม่ค่อยมีแนวนี้เจอแบบนี้เข้าไปบอกเลยว่า ขอบคุณม๊ากมากค่ะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน สนุกจริง ชอบบบบบบมากกกกกกกก งื้อออ บทตัวละครก็อิน ทุกซีนทุกฉากเห็นด้วยกับผู้แต่งค่ะ แบบนั้นล่ะแบบนั้น อิอิ ^^ แต่งอีกนะค่ะ จะตามอ่าน ผลงานดีมากๆ 
หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# ช่วยทำแบบสอบถามเรื่องรวมเล่มด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-06-2015 19:00:02



เราจะรวมเล่ม "คำสาปร้ายพ่ายรัก" เอง
แต่เราไม่แน่ใจว่าจะซื้อกันเยอะหรือเปล่า
จึงได้ทำแบบสอบถามนี้ขึ้นมา
ช่วยตอบให้เราหน่อยนะคะ



http://goo.gl/forms/uCXVBhLjmq (http://goo.gl/forms/uCXVBhLjmq)
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# ช่วยทำแบบสอบถามเรื่องรวมเล่มด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 06-08-2015 21:08:24
สนุกสนาน น่าติดตามมากๆ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: minyjae ที่ 08-08-2015 20:56:24
สนุกมากเลย  :katai2-1:

ส่วนตัวชอบแนวอิยิปต์อยู่แล้ว รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่เข้ามาอ่าน

ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะค่ะ o13
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: B u T t e R ที่ 09-08-2015 03:59:47
สนุกมากเลยค่ะ
อ่านไปแล้วไม่รู้สึกติดขัดอะไร
แถมยังตื่นเต้นไปด้วยอีก
อ่านรวดเดียวจบเลย
ชอบที่คนเขียนเขียนปัจจุบันสลับอดีต
เหมือนเราค่อยๆรู้ไปพร้อมวินเลย
แบบเหมือนจะรู้ ไม่รู้สักที 555555
บอกไม่ถูก แต่ชอบบบบบ
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมากมาก
หวานนนนนนนนนนนน ><

ขอบคุณนะคะ
อ่านแล้วมีความสุข อิอิ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-08-2015 15:46:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-09-2015 12:46:04

อันดับแรกเราขอขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เป็นแรงใจผลักดันในการแต่งนิยาย
แม้ในบางครั้งเราอาจจะตันอาจจะอู้ แต่ทุกครั้งเราก็จะกลับมาเพราะพวกคุณ

เรารู้ตัวเสมอว่าเรายังไม่ใช่นักเขียน แต่เราเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งตามความฝัน
อาจจะช้าไปสักนิดแต่เราเชื่อว่าไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ
และแน่นอน คำว่าโชคดีมีไว้สำหรับผู้แสวงหาและพร้อมที่จะไขว่คว้าในโอกาสที่จะเข้ามาในชีวิต
เราเชื่ออย่างนั้นและเราก็ทำ


เรื่องของเรื่องก็มีว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ สำนักพิมพ์เฮอมิทแจ้งกับเราว่า
นิยายเรื่อง คำสาปร้ายพ่ายรัก ที่เราส่งให้เขาอ่านเมื่อ 3 เดือนก่อน
ตอนนี้ผ่านการพิจารณาแล้วจ้า เย้ๆๆ

ต่อไปคงอยู่ในขั้นตอนที่สำนักพิมพ์จะแจ้งมาให้ทราบเป็นระยะ
อย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งด้วยนะคะ

:pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 18-09-2015 01:51:02
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆๆ สนุกๆๆนะค่ะ

ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 18-09-2015 11:08:16
ตะลุยอ่านชั่วโมงเดียวจบเลยล่ะ 55555
เราว่ามาอีน่าจะเฉลียวใจบ้างน้า ว่าราโมสโดนควบคุม เพราะฮาอัสก็มีวิชาอาคมอยู่เยอะ แถมลักษณะดวงตาก็ดูเลื่อนลอยด้วย
แต่ก็เอาเถอะ สนุกดีค่ะ
รอติดตามผลงานเรื่องอื่นๆเนาะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 18-09-2015 22:13:55
สนุกค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 18-09-2015 22:38:00
เย้ๆ ดีใจด้วยนะคะที่ได้รวมเล่มแล้ว แถมกับเฮอร์มิทด้วย
รอซื้ออยู่นะคะ อุดหนุนแน่นอน
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 19-09-2015 17:17:48
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆเลยค่ะ คิดได้ยังไงเนี่ย ผูกปมซับซ้อนมีทั้งอดีตทั้งปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 20-09-2015 21:52:54
สวัสดีจ้า พึ่งได้มาอ่านตอนมันลงจบแล้ว
อ่านรวดเดียวจบเลย
อยากบอกว่าสนุกมากๆๆๆๆ
มีเรื่องให้ลุ้นได้ตลอดเวลาจริงๆ
อ่านแล้วเข้าใจชีวิตยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ
ทำกรรมอะไรไว้ต้องรับผิดชอบอะนะ
ชอบมากค่ะ สนุก ตื่นเต้น มีหวานๆ ด้วย
ถ้ารวมเล่มเราก็สนในจะ อิอิ
ลงชื่อหนึ่งคนจ้า
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: poyhoney ที่ 21-09-2015 11:15:29
สนุกมากค่ะ จริงๆชอบนิยายแนวนี้อยู่แล้วด้วย
อยากให้แต่งแบบนี้อีก จะติดตามผลงานนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: เจี๊ยะบ่จ่าย ที่ 21-09-2015 20:00:39
 :katai2-1: ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เจ้าค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: cinn1st ที่ 26-10-2015 13:58:05
พึ่งเข้ามาอ่นรวดเดียวจบ สนุกมากๆเลยค่ะ^^
ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ เพราะหาอ่านยาก555
นักเขียนแต่งออกมาได้ดี อินกับทุกเหตุการณ์ในอดีตเลย
เป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไปนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 02-11-2015 15:05:53
ตั้งแต่ม.6เทอม2 ก็ไม่ได้เข้าเล้าอีกเลยเนื่องด้วยภารกิจสอบ แต่พอสอบเข้ามหาลัยได้ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าเล้าจนเวลาล่วงเลยมาครึ่งมี ครึ้มอกครึ้มใจอยากอ่านนิยายวายซักเรื่อง ลองหาดูก็เจอเรื่องนี้ เป็นเเนวอียิปที่ชอบด้วย(กรีดร้องเบาๆ)
ต้องขอบคุณคนแต่งมากที่ทำใที่ทำให้เราเหมือนย้อยกลับไปเมื่อก่อนอีกครั้งสมัยที่ติดนิยายในเล้างอมแงม หัวเราะคนเดียวกับตัวหนังสือในหน้าจอจนรูมเมทที่มาจากโรงเรียนเดียวกันทักว่าเรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน555.

โหนี่เวิ่นมากเลย เอาเป็นว่าขอบคุผณคนเเต่งมากๆเลยนะคะนิยายสนุกมากกกกก ลุ้นทุกตอนเลย พยายามเดาตามว่าใครเป็นใคร จะตามอ่านเรื่องอื่นๆนะคะ><
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 30-12-2015 15:10:27
ขอบคุณกับเรื่องสนุกๆค่า แต่งได้ดีมากเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: FOUR EYES ที่ 12-01-2016 19:01:37
อะเหยยย อ่านจนวางไม่ลงตาล้ากันเลยทีเดียว  :ruready
สนุกมากก ชอบแนวนี้มากเลยย
เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณค่ะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: pawara123 ที่ 13-01-2016 16:51:28
ขอบคุณมากครับ นิยายอ่านแล้วสนุกมากครับ เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 13-01-2016 18:01:23
อ่านซ้ำรอบที่สอง
ยังชอบเหมือนเดิมมมมมม
วางไม่บวเลยทีเดียวเชียวว
 :3123:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-01-2016 23:52:02
ของคุณสำหรับนิยายดีๆคะ :L2:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 18-01-2016 09:45:20
สนุกมากเลยค่าาาา ชอบมาก
วางเนื้อหาได้ดีเลย ตอนตัดสลับชาติก็อ่านไม่งง
เนื้อหาแปลกใหม่ดีด้วย

ขอบคุณคนแต่งนะคะ
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 19-01-2016 23:54:59
ส่วนตัวก็ชอบอ่านแนวนี้อยู่แล้ว แนวตำนานอียิปต์งี้ อย่างเรื่องแกนีมีดก็ชอบ(มากกกกก)

เนื้อหาน่าสนใจ การย้อนรอยอดีตชาติ ทั้งประวัติศาสตร์อียิปต์  สนุกมาก ใช้เวลาอ่านไป แค่ 6 ชั่วโมงเอง พอเริ่มอ่านแล้วมันหยุดไม่ได้ มันน่าลุ้นต่อ ชอบ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: kazuribum ที่ 20-01-2016 02:32:35
อ่านสองวันจบ เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตามมากครับ แต่แอบติ เพระด้วยความเป็นนิยายดัดแปลงจากเรื่องเดิม เลยมีชื่อเก่าๆ ติดมาด้วย
แล้วก็แอบส่งสัยอยู่อย่าง ตอนที่เลือดของตรีหยดลงบนถ้วยคำสาป ตอนนั้นขิ้นส่วนมันยังไม่ครบไม่ใช่เหรอครับ (เหลือชิ้นส่วนที่อยู่กับสิงหา) แต่กลับคลายคำสาปได้ แอบลุ้นว่าตอนที่ วิน ฟื้นจะมีอะไรผิดปกติป่าว แต่ก็ไม่ แอบบอ่านจบแต่ยังคาใจอะครับ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 21-01-2016 14:49:18
แปะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 22-01-2016 23:49:56
มันสนุกมากต้องยอมอดหลับอดนอนอ่านจนจบ
ฮาอัสทำกรรมไว้เยอะนะ ไม่รู้ว่าได้รับกรรมยังไง
เกิดมาเป็นก้อยก็ยังได้ว่าที่สามีเป็นถึงท่านชีคแหน่ะ
แต่กลับตัวกลับใจไม่เป็นแบบชาติก่อนก็ยังดี เรื่องนี้หักมุมเยอะนะ
คาดไม่ถึงก็เยอะ แบบบทที่อ่านแล้วต้องอุทาน อุบ๊ะ ไสมันเป็นจั่งซี่.
เดายากอีหลี
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 24-01-2016 16:17:17
ทำไมพึ่งจะได้อ่านนิยายที่สนุกขนาดนี้นะ

สนุกมากกกก

ขอบคุณคนเขียนนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 28-01-2016 02:23:32
ชอบมาก
รักมากนิยายเรื่องนี้
เราอินที่สุด เราร้องไห้แม่มซะทุกตอนเลย
สงสารงอน คือสงสารตั้งแต่อ่านได้ไม่กี่ตอนเองนะ
คืออินจัดขั้นสุด
สงสารวินที่ซวยเหลือเกิน5555 (ซวยชิบหายอ่ะ)
ชอบค่ะ แปลกใจ ไม่ซ้ำใคร หาอ่านแบบนี้ยากมาก
เรื่องเทพเจ้านี่เราชอบที่สุด อ่านแล้วมันรู้สึกลึกลับน่าค้นหา

เราไม่รู้จะติอะไร เพราะเราชอบจริงๆ
อ้ออยากตบอีพี่สิงห์มาก ขอตบสักทีเถอะ :beat:

ขอบคุณคนเขียนมากๆเลยนะคะ ที่เข็นนิยายดีๆมาให้เราได้อ่านกัน
ชอบคุณมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 15-02-2016 11:45:28
กว่าจบแก้ไขอดีตได้ลุ้นแทบแย่ น่ารักจัง มาอีราโมส ชอบๆ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 22-02-2016 15:02:43
เห็นนานแล้วพึ่งมีโอกาสได้อ่าน รู้สึกพลาดมาก น่าจะอ่านตั้งนานแล้ววว
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 03-03-2016 21:47:14
แปะไว้ก่อน เดี๋ยวตามมาเก็บอ่าน
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: LSK ที่ 04-03-2016 00:24:08
อ่านเรื่องนี้ พอถึงท้าย/ขนลุก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์# แจ้งข่าวรวมเล่ม 17/9/58
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 20-03-2016 18:44:23
สนุกมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 08-05-2016 16:59:17
อ่านจบแล้วว  :katai2-1:
เป็นนิยายแนวไอยคุปต์ไม่กี่เรื่องเลยที่หยิบมาอ่าน
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่รังสรรค์ออกมาให้ได้อ่านนะครับ

เรื่องนี้คงอยู่ในความประทับใจไปอีกนาน  :man1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 10-05-2016 21:14:38
ขอบคุณค่ะ.  ชอบแนวทะเลทรายและอิยิปเช่นกันค่ะเนื้อเรื่องอ่านสบายๆๆๆ.       เข้าใจง่าย. เพลินดีค่ะ ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: Mitnai ที่ 14-05-2016 20:55:09
สนุกมากค่ะ ปมพีคสุดคือตรีภพเป็นราบีอา น่าจะให้นางคู่กับอัคนีนะคะ5555555555555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: aelfy ที่ 15-05-2016 19:17:15
แต่งดีมากเลยค่ะ พึ่งมีโอกาสมาอ่าน เหมือนนิยายแปลของนักเขียนดังๆ แต่งเก่งมากค่ัะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 16-05-2016 19:11:17
สนุกมากกกกก o13
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 04-06-2016 18:36:41
สนุกมากกกกกค่ะ  :L2: :L2:
ขอบคุณมากกกกกก  :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: CChompu ที่ 08-06-2016 02:33:10
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบ ต้องบอกว่าตอนต้นขอเรื่องน่าติดตามมากค่ะ
คำสาาปอะไร เรื่องในอดีตเป็นไง ใครแค้นใคร แก้แค้นยังไง
แต่พอไปอียิปต์ก็พอเดาได้ว่าอะไรเป็นยังไง ตัวร้ายก็ร้ายไม่มีเหตุผล ทั้งอดีตทั้งปัจจุบัน
มีพลังทำทุกอย่างได้ เรื่องเลยดรอปลงมานิดหน่อย แต่โดยรวมๆก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่ดีค่ะ

ชอบอิมเมจของวินค่ะ เข้มแข็งดี แต่ไม่ชอบอิมเมจราโมส ดูอ่อนแอเกินกว่าจะปกครองคนได้
ชอบเวลาวินเคลิ้มไปกับพี่สิงห์ น่ารักดีค่ะ
อีกเรื่องนึงที่ชอบคือดำเนินเรื่องเร็วดีค่ะ กระชับได้ใจความ

ความรักของวินกับพี่สิงห์ที่จูบกันไม่กี่ครั้งก็รักกัน อันนี้เข้าใจได้ว่าจากความผูกพันธ์ในอดีต
แต่ความรักของมาอีกับราโมส เราว่ามันเร็วไปหน่อยค่ะ
ถ้าปูเรื่องในอดีตว่ามาอีกับราโมสผูกพันธ์กันตั้งแต่เด็กแบบไหน มันจะดึงอารมณ์เรามากกว่านี้
ล้มทับกัน บังเอิญปากโดนกัน แล้วเพิ่งตระหนักได้ว่ารักกัน รักมากจนมีอะไรกัน มันเร็วไปนิดนึงค่ะ ><


หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 10-06-2016 23:51:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 12-06-2016 00:12:38
เป็นการอ่านที่มาราธอนมากเลยค่ะ 555 สนุกมากๆๆๆๆ ชอบไปอีกกก  :กอด1: ขอบคุณคนแต่งนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 12-06-2016 18:17:10
ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องสนุกๆ มาให้ได้อ่านกันค่ะ ชอบมากเลย ชอบแนวอียิปต์ๆ อยู่แล้วด้วย
โมเมนท์พี่สิงห์กับวินก็แบบ น่ารัก อ่านแล้วก็กรี๊ด ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 25-07-2016 22:55:42
อ่านจบแล้วค่าโฮ ตาแฉะกันเลยทีเดียว สนุกน่าลุ้นมากค่ะ แต่แอบเสียดายอ่านในมือถือคำฉีกกันอ่านลำบากไปนิด
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-07-2016 19:33:18
น่าอ่านทุกตอนเลยค่ะ ถ้าไม่ติดงาน อ่านจบวันเดียวไปแล้ว

ลุ้นมากก อดีตที่ไม่สมหวัง เจ็บปวด มาแก้ไขได้ในปัจจุบัน เป็นอะไรที่ดีงาม
ก้อยร้ายแต่กลับใจได้ทัน อัคนีไม่เกี่ยวแค่รักสิงหามานาน
คนไม่คาดคิด ก็กลายเป็นคนที่จบทุกอย่าง
มีความซับซ้อน มีความลุ้น ทุกคนช่วยกัน กว่าจะเจอกันได้ กี่ภพกี่ชาติผ่านมา

ส่งท้ายได้น่ารักมากค่ะ สมหวังทุกคู่เลย รักที่รอคอย
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 29-08-2016 15:24:21
เป็นการอ่านที่ไม่วางเลยจริงๆเพราะชอบเเนวนี้อยู่แล้วเป็นการส่วนตัว :mew1: :mew1:และยิ่งชอบมากไปอีกที่การแต่งในแนวนี้ในเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากเกินที่เราคาดจริงๆ :katai2-1: :katai2-1:
ตอนเปลี่ยนโหมดจากปัจจุบันไปเป็นอดีตก็ทำได้ลื่นไหลมากไม่ติดขัดจนคนอ่านแบบเรางงว่าเอ๊ะตกลงไหนอดีตหนปัจุบันตรงนี้ยอมรับฝีมือการแต่ทำได้ดีมาก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
สุดท้ายนิยายเรื่องนี้เราชอบมากรักทุกตัวละครเลยยิ่งตัวละครในอดีตที่กลายเป็นคนดีคิดได้ในปัจจุบันยิ่งเป็นข้อลสรุปที่ดี
แต่????????มีคำถามนิดนึงนะคือเจ้าหญิงราบีอาที่มาเกอดใหม่เป็นตรีนะจะเป็นคนดีไหนเพราะเรายังไม่เห็นบทสรุปของตัวละครในปัจจุบันเลย :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 25-10-2016 18:52:52
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 26-10-2016 00:57:00
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 27-10-2016 00:03:02
 o13 ไม่มีอะไรจะพูด นอกจากคำว่า ขอบคุณครับ o13
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-11-2016 16:18:57
เห็นว่าจะมีเป็นรูปเล่มเลยเข้ามารีวิวอ่านดู ตอนแรกบอกว่าเป็นแฟนฟิคเราก็งงว่าฟิคอะไรหว่าแต่พอเห็นบทหลุดมาตรงที่แก้ชื่อไม่หมดว่า ธนทัตกับอิสริยะ อ้อออ รู้เลยว่าคู่ไหน ฮ่าๆๆ ตอนรวมเล่มก็อย่าลืมแก้นะคะ เรื่องแนวอียิปต์ปกติเราก็ไม่อ่านแต่ไม่รู้ทำไมกับคุณบีเลิฟที่แต่งแนวแบบนี้เรากลับอ่านได้แถมยังน่าติดตามด้วย ถึงแม้บางฉากจะน่าเบื่อหรือขัดใจกับนิสัยตัวละครไปบ้างแต่เราก็ถือว่ายังดีอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #นิยายอียิปต์#
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 18-11-2016 18:29:40
 :mew1:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-11-2016 19:20:35



เปิดพรีออเดอร์แล้วจ้า กับสำนักพิมพ์ Hermit



เรื่อง : คำสาปร้ายพ่ายรัก
 ผู้แต่ง : Belove
ปก : EinniF...
 ของเเถมรอบจอง : โปสการ์ดลายปก เเละ พวงกุญเเจสลักชื่อ
 ราคา : 270 บาท รอบจอง 250 บาท

จองและโอนเงินได้ตั้งแต่วันนี้ – 16 มกราคม 2560 ( เวลา 23.59 น.)
แจ้งชำระเงินได้ถึงวันที่ 17 มกราคม 2560 ( 12.00น.)
จัดส่งภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560
สิงหาดันร่างที่บางกว่าให้ถอยหลังจนไปชนกับผนังห้อง
 ก่อนที่เขาจะตามเข้ามาใช้มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กบีบคางเรียวไว้
 โดยไม่สนใจว่าคนถูกกระทำจะเจ็บปวดสักเพียงไหน
“นายไม่มีสิทธิ์ที่จะหนี ถ้าฉันสั่งว่าไม่ ต่อให้นายมีปีกก็บินหนีไปไม่ได้
 ธราเทพสบตาคู่นั้นด้วยความเจ็บใจ
 อยากจะสะบัดหน้า ดันร่างแกร่งให้พ้นแล้วหนีหายจากการบังคับขู่เข็ญ
 คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด ธราเทพอยากจะรู้นักว่าชาติที่แล้วเขาไปทำอะไร
 ให้สิงหาแค้นเคืองมาถึงชาตินี้หรือเปล่า


สั่งจองที่ www.hermitbookshop.com (http://www.hermitbookshop.com/)


หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 27-11-2016 22:11:22
เคยอ่านแต่นิยายอียิปต์ชาย หญิง
มาแนวชาย ชาย บ้างก็รู้สึกสนุกดีค่ะ
แต่ชื่อจำไม่ค่อยจะได้ ยิ่งตอนบรรยายของพี่สิงห์
โอยยยยยย หนักเลย มึน  :ling3:
แต่ขอบคุณมากๆนะคะที่แต่งเรื่องนี้ให้
ดูแล้วให้บรรยากาศของอียิปต์มากๆ สนุกดีค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 17-12-2016 12:56:21
เห็นบอกว่า... "ดัดแปลงมาจากแฟนฟิค ชื่อเรื่องเดียวกัน คนแต่งคนเดียวกันใช้นามปากกาเดียวกันนะจ๊ะ"
คืออ่านแล้วงงค่ะ สรุปเรื่องนี้เป็นฟิคของนิยายที่ชื่อคำสาปร้ายพ่ายรักของผู้แต่งเอง? หรือหมายถึงเอานิยายเรื่องคำสาปร้ายพ่ายรักของผู้แต่งเองมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่กันแน่คะ? ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันนะ แล้วต้นฉบับอยู่ไหนล่ะคะ?
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-12-2016 15:00:38
เห็นบอกว่า... "ดัดแปลงมาจากแฟนฟิค ชื่อเรื่องเดียวกัน คนแต่งคนเดียวกันใช้นามปากกาเดียวกันนะจ๊ะ"
คืออ่านแล้วงงค่ะ สรุปเรื่องนี้เป็นฟิคของนิยายที่ชื่อคำสาปร้ายพ่ายรักของผู้แต่งเอง? หรือหมายถึงเอานิยายเรื่องคำสาปร้ายพ่ายรักของผู้แต่งเองมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่กันแน่คะ? ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันนะ แล้วต้นฉบับอยู่ไหนล่ะคะ?


ชี้แจงค่า


คำสาปร้ายพ่ายรัก เป็นฟิคดาราไทยที่ Belove แต่งในเด็กดี แต่ลบไปแล้ว
และนำมารีไรท์เป็นนิยายไทยจ้า
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: Meen0064 ที่ 17-12-2016 20:24:23
 :mew1:ขอบคุณสำหรับนิยายค่า
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 18-12-2016 00:58:55
ชอบมากเลยจร้า มีปมเยอะดี ระลึกชาติวนไป ชอบแนวนี้มาก ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆ นะจร้า
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-12-2016 10:39:08
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ ไม่ค่อยเจอแนวนี้เท่าไหร่ สนุก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-01-2017 01:13:54
“ให้มันอยู่อย่างนี้ก็ฟินดีออก”

ธราเทพเอ่ยล้อคำพูดสิงหาพลาง หน้าหวานขยับเอียงและเม้มปากลงกับใบหูของสิงหาเบาๆ

“แต่ถ้าพี่จะออกแรงอีกสักหน่อยผมว่าจะดีกว่านี้อีกนะ”

“เด็กบ้า รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าพี่จะไม่ปล่อยวินแน่”


น้องวินบ๊าบ้า เด็กขี้อ่อย >////<

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:



หมดเขตพรีออเดอร์วันที่ 16 มกราคม 2560 นะจ๊ะ





หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 16-01-2017 00:02:22
ชอบเรื่องนี้มากเลยยย  :katai2-1: :katai2-1: ขอบคุณน่ะค่ะ :oo1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 16-01-2017 23:09:25
พล็อตเรื่องและเนื้อเรื่องสนุกมาก ๆ แต่ขอติตรงคำราชาศัพท์หน่อย เราว่ามันอ่านแล้วดูแปลก ๆ ยังไงไม่รู้น่ะ

 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 18-01-2017 10:45:03
ชอบมากค่า
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>> #Pre-order 19/11/59-16/01/60#
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 18-01-2017 19:09:00
อ่านจบแล้วขอบคุณมากค่ะ

เป็นความรักที่อิ่มเอิบใจมากเลยค่ะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 20-01-2017 11:22:46
ชอบตอนย้อนอดีตมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: ZwolfTD ที่ 08-02-2017 03:28:16
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องราวดีๆค่ะ สรุปแล้ว ราบีอามีบทในยุคปัจจุบันน้อยสุด555  แต่ก็ดีไปอย่างค่ะ ปมมันก็ไม่ซับซ้อนมาก ถ้าเกิดราบีอายุคปัจจุบันเจอกับพี่สิงห์ท่าทางเรื่องจะวุ่นกว่าเดิม สนุกดีค่ะ อ่านเพลินหยุดไม่ได้ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนจบเลย;)
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 08-02-2017 16:32:11
มีหนังสือใช่ไหมอ่า มีตอนพิเศษไหมอยากอ่านตอนพิเศษมาก
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 25-03-2017 15:20:25
 o13  o13  o13 สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-04-2017 20:38:27
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากค่ะ อาจจะมีขัดๆบ้างในบางช่วงแต่ก็อ่านเพลินมากจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 05-06-2017 05:52:56
ในที่สุดก็เข้าใจกันเสียทีนะ ดีจัง
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 21-07-2017 19:13:10
ชอบอ่ะอ่านจนจบเลย
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 21-07-2017 19:14:08
ชอบอ่ะอ่านจนจบเลย
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 22-07-2017 13:52:38
ตอนแรกคิดว่าที่ตรีภพแกล้งธราเทพเพราะแอบรักงี้แต่กลับกลายเป็นราบีอาเฉยเลย อืมมม...บางทีการแกล้งก็ไม่ได้หมายความว่ารักเสมอไปสินะ 555 ช่วงแรกๆก็ขัดใจทั้งพระทั้งนายเลยค่ะ หงุดหงิดมาก มันพลาดมันแปรปวนกันไปหมดเหมือนอารมณ์ไม่คงที่ แต่หลังๆเริ่มดีขึ้นก็เลยอ่านได้สบายตาสบายใจหน่อย มีหน่วงๆบ้างตอนย้อนอดีต แต่หวานน้ำตาลยังอายในยุคปัจจุบัน รู้สึกว่าพี่สิงห์จะขยันกดน้องจริงๆนะ เรียกจอมหื่นก็ยังได้เลย สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดี ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ
ปล. มีตอนนึงที่บอกว่า ฮัสเซนยอมรับเรื่องความรักของสิงหากับธราเทพได้เพราะเรียนเมืองนอกหรือสังคมเปลี่ยนไปอะไรซักอย่างน่ะค่ะ ตรงจุดนี้จะขอให้ระวังนิดนึงเพราะในศาสนาอิสลามยังเป็นเรื่องที่ยังไงก็ไม่เป็นที่ยอมรับนะคะ เดี๋ยวคนอ่านจะเข้าใจผิดไป เราเองก็ไม่ได้อะไรน้าแค่อยากให้ระวังให้มากโดยเฉพาะศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตามค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: gongiotherin ที่ 23-07-2017 02:27:15
แต่งได้สนุกมากค่ะ ชอบสิงหาจังมีความหึงละมุนละไมอยู่ในทุกตอน 555 ภาษาที่ใช้เขียนโอเคในระดับหนึ่ง มีเรื่องต่อไปมาให้ได้อ่านกันอีกนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 29-07-2017 05:38:46
สนุกดีครับ นายเอกน่าสงสาร เกิดมาสูงศักดิ์ในอดีตก็ไม่ช่วยให้เจอเรื่องดีๆเลย

ชาติต่อมาดันเกิดมาเป็นเด็กวัดไปอี๊ก แล้วก็โดนแก้แค้น

อาจจะเป็นกรรมเก่าชาติก่อนหน้า

ขอบคุณครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: NooMary ที่ 31-07-2017 22:56:49
หักมุมมากตรงองค์หญิงราบีอา  เราเดาผิดหมดเลย  ครั้งแรกคิดว่าพี่อัคนีเป็นอาฮัส  แล้วก้อยคือเจ้าหญิง ไม่ถูกสักคนเลย
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 13-08-2017 03:36:59
ขอบคุณนักเขียนมากเลยจ้าแต่จะสะใจกว่านี้ถ้ารู้ผลกรรมของเหล่าตัวร้ายในชาติก่อน ส่วนพระเอกตามเนื้อเรื่องก่อนตายดูน่าสงสารก็จริงแต่เอาจริงๆคนที่ยังมีชีวิตอยู่น่าสงสารกว่า และชาติปัจจุบันนายเอกก็มีความดราม่ามาแต่เล็ก อาภัพทั้งชาติก่อนและชาตินี้แค่คนละเรื่องแค่นั้น แต่เพราะความดีตอนจบเลยได้คนรักดีๆ ความรักดีๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: romeo2000 ที่ 18-08-2017 20:38:26
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วลื่นไหล ไม่รู้สึกอึดอัด แถมยังได้ความรู้เพิ่มอีกต่างหาก
สนุกมากนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 10-09-2017 21:49:24
ชอบมากเลยยย นึกว่าจะมีดราม่ากว่านี้สบายใจที่ไม่หนัหน่วง
เรื่องนี้สำหรับเรา เราชอบมากทั้งภาษาที่ใช้เขียนเราอ่านเเล้วเข้าใจไม่ได้ยุ่งยาก
อารมณ์ของการดำเนินเรื่องเราก็ชอบส่วนตัวไม่ชอบนิยายที่ดราม่าหนัก เเต่เรื่องนี้โอเค
ไม่ทำร้ายคนอ่านเท่าไร เนื้อเรื่องดำเนินไวไปนิ๊สส จบง่ายไปหน่อย เเต่เราชอบ
ขอบคุณนักเขียนนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 03-12-2017 01:21:51
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
อ่านแล้วประทับใจมาก  o13
รอติดตามเรื่องอื่นๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 13-12-2017 23:55:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: Tequila ที่ 14-12-2017 05:39:09
สนุกมากกกก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 20-04-2018 01:23:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 10-06-2018 02:08:20
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 05-07-2018 12:29:37
ขอบคุณไร้ท์มากค่ะ เป็นนิยายคุณภาพดีอีกหนึ่งเรื่องที่คู่ควรแก่การอ่าน ปกติติดตามไร้ท์beloveตลอดอยู่แล้วและจะติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 26-01-2019 19:11:22
สนุกดีค่ะ ขอบคุณมากๆจ้า

ติดตามผลงานน้า
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 11-03-2019 14:07:55
อิ่ม
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 15-03-2019 03:05:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 15-03-2019 09:54:49
 :pig4: ขอบคุณค่ะ ปกสวยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 15-03-2019 13:43:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 26-04-2019 12:06:34
ขอบคุณ นิยายดีดี
เราว่าคนเขียนเก่งมากนะ
เนื้อหาประมาณนี้ ความใส่ใจจะประมาณไหน
ความเพลิดเพลินและอรรถรส ในการอ่านที่ได้รับ เต็มอิ่ม
ดีใจที่ได้ตามอ่านนิยายของคุณจนเกือบครบหมดแล้ว
และจะตามอ่านต่อไป
เราว่า คุณเก่งมากนะ BELOVE