(ต่อ)
แดดยามเช้าส่องผ่านกระจกตกกระทบสองร่างบนเตียงนอนสีขาวสะอาด คนตัวเล็กพลิกตัวหนีแสงอาทิตย์ ก่อนจะถูกมือหนาคว้าไปกอดอย่างหวงแหน
ทศทิศลืมตาขึ้นมาตอนแปดโมงเช้า ดวงตายาวรีสะท้อนภาพใบหน้าพ่อครัวยามหลับในอ้อมแขน เขากดจมูกหอมหน้าผากเล็กนั่นดังฟอด
“อือ...” เปมทัตครางในลำคอเมื่อถูกรบกวน ดวงตาสีนิลเปิดปรือคล้ายยังไม่ตื่นดี “...ขออีกห้านาทีนะ”
“กุ๊ก เราหิว”
เด็กโข่งบอก เมื่อเห็นพ่อครัวยังไม่ยอมลืมตาจึงยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มขาวรัวๆ อย่างเรียกร้องความสนใจ
“ไม่เอาน่า...” เปรมร้องอุทธรณ์เสียงแหบ เท็นขมวดคิ้ว
“หิวแล้ว”
ดวงตาสีนิลจำต้องเปิดขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ดวงตาเปมทัตแดงก่ำ ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มสีซีดของอีกฝ่ายเบาๆ พลางบ่นแกมเอ็นดู “นายนี่นะ...”
“กุ๊กเป็นไงบ้าง” เด็กโข่งซุกหน้าเข้าหามือพ่อครัวอย่างออดอ้อน
เปรมนิ่งไปคล้ายตามไม่ทัน จนรู้ว่าหมายถึงอะไรนั่นแหละแก้มขาวก็ร้อนผ่าว ก้มหน้างุดตอบไม่เต็มเสียง “ทำตั้งหลายรอบก็เจ็บน่ะสิ...ถามได้”
“เราขอโทษ” ดวงตายาวรีหม่นแสงลงอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะกลับมาเกิดประกาย “คราวหน้าเอาใหม่นะ”
“...คราวหน้า” เปรมทวนคำอีกฝ่ายด้วยสายตาว่างเปล่า ยังจะมีอีกเรอะ!
หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเปรมกับเท็นก็เดินออกมาจากห้องนอน ภายในบ้านเงียบสงบคาดว่าพวกที่เหลือคงยังไม่ตื่นกัน เปมทัตยังไม่อยากปลุกคนอื่น เขาจึงเดินเข้าครัวไปทำอาหารให้เด็กโข่งกินรองท้องก่อน
เปรมเลือกเมนูง่ายๆ อย่างปลานิลทอดน้ำปลา เนื่องด้วยเมื่อวานมีปลาหนึ่งตัวเหลืออยู่ในตู้เย็นพอดี พ่อครัวแล่เนื้อปลาออกจากโครงอย่างประณีต จากนั้นจึงแบ่งเป็นชิ้นพอดีคำ
ตามด้วยเอาเกลือทาเนื้อปลาจนทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้ง ก่อนจะเทน้ำมันลงไปในกระทะแบบให้ท่วมเนื้อปลาได้
หมับ
สัมผัสอันคุ้นเคยจู่โจมจากด้านหลัง จมูกโด่งสันกดลงสูดกลิ่นเส้นผมสีปีกกาเช่นทุกที
“กุ๊กตัวหอม”
“...หอมตรงไหน” เปมทัตเหงื่อตกยามเด็กโข่งยื่นหน้ามาดมๆ ตามตัว ใจกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะโมโหหิวจนจับเขากินขึ้นมา ก่อนร่างสูงจะกลับไปซุกหน้ากับเส้นผมของพ่อครัวตามเดิม ส่งเสียง
“หิวแล้วล่ะ”
น้ำมันในกระทะร้อนได้ที่แล้ว เปรมตั้งท่าเตรียมทอดปลา จึงพูดว่า “เท็นถอยหน่อย”
‘น้องเท็นถอยไปก่อนนะ’ทศทิศนิ่งไปเมื่อได้ยินเสียงใครอีกคน จนคนตัวเล็กเงยหน้ามองนั่นแหละเขาถึงค่อยๆ ผละออกมา เปรมพูดยิ้มๆ “ของอร่อยต้องใจเย็นๆ นะคร้าบ”
‘อดใจรอนะจ๊ะคนเก่ง’ดวงตายาวรีจับจ้องพ่อครัวที่กำลังเรียงเนื้อปลาลงกระทะ เกิดเสียงน้ำมันดีดตัวดังฟู่ กลิ่นอาหารซึ่งหอมกำจายทำให้เขาหวนนึกถึงตัวเองสมัยเด็ก
‘แม่ ผมหิว’คล้ายกับเสียงรอบข้างเงียบลง แล้วเรื่องในวันวานก็ปรากฏขึ้นมา
ย้อนกลับไปเมื่อสิบสามปีก่อนในห้องครัวเล็กของคฤหาสน์เกียรติยวานนท์ ทศทิศวัยหกขวบมองตามมือแม่อย่างสนใจ ดวงตายาวรีจับจ้องหญิงสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการปรุงน้ำพะโล้ในหม้อ ร้องว่า
“แม่ หิวแล้ว”
สองหัวเราะเอ็นดูลูกชาย พูดยิ้มๆ “จ้าๆ คอยเดี๋ยวนะ”
เท็นมองแม่ใส่เต้าหู้ทอดกับโปยกั๊กลงไป กลิ่นอบเชยหอมกำจายชวนน้ำลายสอ ก่อนมือขาวจะยื่นเข้าปรับไฟพอให้น้ำซุปเดือดเบาๆ แล้วเริ่มเคี่ยวหมูสามชั้นในหม้อให้นุ่ม
ฝีมือการทำอาหารของสองเข้าขั้นสุดยอดอย่างหาจับตัวได้ยาก ก่อนแต่งงานกับเจ้าบ้านหญิงสาวเคยเป็นหัวหน้าเชฟของโรงแรมชื่อดังมาก่อน จนให้กำเนิดลูกชายเธอจึงลาออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว
ทศทิศชอบกินอาหารฝีมือแม่ ตั้งแต่จำความได้เด็กชายมักจะมายืนมองหญิงสาวทำกับข้าวในครัวอยู่เสมอ สองเป็นแม่ครัวที่ใจดีและทำอาหารอร่อย ถ้าโตขึ้นแล้วเท็นเองก็อยากจะเป็นได้แบบนั้นบ้าง
ถึงตรงนี้หมูสามชั้นในหม้อก็นุ่มได้ที่ สองปิดเตาแก๊ส ก่อนจะตักน้ำพะโล้ใส่ช้อนโต๊ะแล้วป้อนให้ลูกชาย
“เป็นไงจ๊ะ?” เธอถาม ทันทีที่รับรู้รสชาติเท็นก็ตาเป็นประกาย
“อร่อย!”
สองยิ้มกว้างอย่างมีความสุข พูดว่า “อร่อยแล้วต้องทำยังไง?” ก่อนจะทำแก้มป่องแล้วย่อตัวลงในระดับเดียวกับลูกชาย เท็นรีบเขย่งเท้ายื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มแม่ดังฟอดอย่างรู้งาน
“ค่าอาหารครับ!”
ทั้งคู่ประสานเสียงพร้อมแปะมือกันแล้วหัวเราะออกมา สิ่งนี้เป็นกิจกรรมที่พวกเขาทำด้วยกันทุกครั้ง จนถึงวันนี้เอง...ไม่รู้อะไรดลใจให้ทศทิศถามออกมา
“แม่ ที่ทำเมื่อกี้คืออะไรเหรอ”
หญิงสาวกระพริบตา ตั้งแต่จำความได้เธอก็เล่นกับลูกชายโดยไม่ได้อธิบายอะไรแบบนี้มาตลอด ตัดสินใจตอบว่า “เขาเรียกว่า ‘หอมแก้ม’ จ้ะ”
เท็นทำหน้าไม่เข้าใจ ถามว่า “ต้องทำทุกครั้งเลยเหรอ?”
สองนิ่งไปอย่างเรียบเรียงคำพูด เปิดปากว่า “อืม...ทำเฉพาะตอนจ่ายค่าอาหารก็ได้ ‘หอมแก้ม’ เองก็เป็นการแสดงความขอบคุณอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ!”
ลูกชายตัวน้อยเอียงคออย่างสงสัย “งั้นต้องหอมแก้มทุกคนเลยเหรอ?”
“อา จะว่ายังไงดีล่ะ...” แม่ครัวสาวเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะพูดว่า “เอางี้ น้องเท็นชอบแม่มั้ย?”
“อื้อ!”
เด็กชายพยักหน้าโดยไม่เวลาคิด สองยิ้มกว้าง ชูกำปั้นส่งเสียงสดใส “ดีล่ะ! งั้นหอมแก้มน่ะ เอาไว้ทำเวลารู้สึกขอบคุณกับคนที่ชอบก็แล้วกันนะ!”
“กับคนที่ชอบเหรอ...” ทศทิศมองตา หญิงสาวพยักหน้าให้ “ใช่แล้ว ถ้ามีคนมาใจดีด้วยแบบไม่หวังค่าตอบแทนและน้องเท็นชอบเขาล่ะก็ หอมแก้มเขาได้เลย เหมือนที่ทำกับแม่ไงจ๊ะ!”
หอมแก้มใช้กับคนที่ชอบงั้นเหรอ...ทศทิศยิ้มตาปิด
“อื้อ! เข้าใจแล้ว!”
กลับมาปัจจุบัน ปลานิลทอดน้ำปลาพร้อมเสิร์ฟแล้ว กลิ่นหอมอาหารปลุกเท็นให้ตื่นจากภวังค์ เด็กโข่งกระพริบตาปริบ เป็นจังหวะที่เปมทัตส่งเสียง
“ปลาเสร็จแล้วคร้าบบบ” ดวงตายาวรีสะท้อนภาพคนตัวเล็กยามยิ้มกว้าง
พลันคำพูดของแม่ก็ลอยเข้ามา
‘หอมแก้มน่ะ...’เท็นมองเปรมยืนฮัมเพลงพลางตักเนื้อปลาวางเรียงบนจานเสิร์ฟอย่างอารมณ์ดี
‘เอาไว้ทำเวลารู้สึกขอบคุณกับคนที่ชอบก็แล้วกันนะ!’“...”
ตอนนั้นเองที่คนตัวใหญ่ก้มลงไปหอมแก้มพ่อครัวดังฟอด
ขอบคุณนะ“หือ?” เปรมหันมามองงงๆ
“ค่าอาหารครับ” เท็นบอก ก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ตามด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ซุกเข้ากับเรือนผมสีปีกกาอย่างออดอ้อน
ชอบที่สุดเลย...สามสีกับไดนาไมต์เดินออกมาจากห้องตอนสิบโมงเช้า แว่วเสียงจานกระทบกันดังมาจากในครัว ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะก้าวเข้าไป
“วู่ยไอ้เปรม!” ไดนาไมต์ร้องทัก เจ้าของชื่อสะดุ้งก่อนจะรีบผละออกจากคนตัวใหญ่เหมือนโดนของร้อน
“วะ...ว่าไง” เปมทัตหันมา เด็กหนุ่มผมสีชมพูมองกระทะในมือเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว “มึงทำไรวะน่ะ?”
“กำลังจะล้างจาน” เปรมตอบ เสริมว่า “เท็นหิวตอนเช้า กูเลยทำกับข้าวให้กินรองท้อง”
ถึงตรงนี้เด็กโข่งก็กลับมายืนกอดเอาคางเกยหัวพ่อครัวจากด้านหลังเหมือนเดิมแล้ว สามสีมองไดนาไมต์ที่เข้าไปผสมโรงกับสองคนนั้น เป็นจังหวะที่ประตูบ้านพักถูกเปิดออก
“ยะโฮ!”
ปรากฏร่างของไฟกับโชซึ่งกลับมาจากข้างนอก เด็กหนุ่มตัวสูงเลิกคิ้ว ถามว่า “ไปไหนกันมาวะ?”
หมอยาเหลือบมองเด็กประมงนิดหนึ่ง เป็นคนตอบว่า “ไปเหล่สาวริมหาดมา โหยมึง...หยั่งงี้!” อัคคียกนิ้วโป้ง สามสีหัวเราะ
พลันคนตัวเล็กก็เดินสะดุด ก่อนจะโดนมือใหญ่คว้าตัวไว้ได้ทันท่วงที
หมับ!
“ระวังหน่อยสิ”
“ปล่อยกู!” เด็กหนุ่มตาแมวพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก ไฟขมวดคิ้ว พูดเสียงดุ “เจ็บอยู่ยังจะดื้ออีกนะมึง”
“อย่ามายุ่ง! ไอ้โรคจิตฉวยโอกาส!” โชแยกเขี้ยวด่า หมอยาหน้ากระตุก ชักมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว “ฉวยโอกาสอะไรวะ มึงมายั่วกูเองนะโช...”
“หุบปาก!”
ชลันธรผลักหัวคนตัวใหญ่คอแทบหัก ก่อนจะเดินขากะเผลกไปเปิดโทรทัศน์ด้วยซีกแก้มอันแดงเถือก อัคคีร้องโอดครวญ ทว่าสุดท้ายก็ตามไปนั่งข้างๆ คนตัวเล็กอยู่ดี
ตอนนั้นเองที่เมธาเปิดประตูห้องออกมา พร้อมกับไดนาไมต์ที่ถามขึ้นว่า
“เออ ไอ้เอื้ออ่ะ?”
ครูคณิตสะดุ้ง สามสีมองท่าทางนั้น ก่อนจะได้ยินเปรมตอบว่า “ถ้าไอ้เอื้อล่ะก็เมื่อคืนกูเข้ามานอนก่อนอะ มันบอกขอนั่งเล่นริมสระแป๊บนึงให้ปิดบ้านได้เลย”
“กูเข้ามาเมื่อกี้ไม่เห็นมีรถมัน คงกลับไปแล้วแหละ” เสียงอัคคีลอยมาจากชุดโซฟาหน้าโทรทัศน์
“แบบนี้นี่เอง” ไดนาไมต์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะทักทายครูคณิต “เม อรุณสวัสดิ์!”
“อรุณสวัสดิ์” คนตัวเล็กยิ้มให้ เด็กหนุ่มผมสีชมพูกระพริบตา ถามว่า “อ่าวเมคอเป็นไรอะ ตัวอะไรกัดเหรอ?”
“อ๊ะ!” เมธาสะดุ้งเฮือก ยกมือเอาปกเสื้อปิดต้นคอโดยอัตโนมัติ ตอบอ้อมแอ้ม “อะ เอ่อ...มดกันน่ะ”
“งั้นเหรอ” ไดนาไมต์ไม่คิดมากอยู่แล้ว ยังมีแก่ใจเตือนด้วยความหวังดีอีกว่า “แดงขนาดนั้นอย่าลืมหายาทานะ เราเป็นห่วง”
“อะ อื้อ...ขอบใจนะ” ครูคณิตก้มหน้างุด ก่อนจะเดินไปนั่งแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา
ตอนนั้นเองที่สามสีรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ภายในบ้าน เขามองคู่กัดนั่งเถียงกันบนโซฟา เลยไปยังเปรมกับเท็นซึ่งช่วยกันเก็บจานอยู่ในครัว ไหนจะเมธาที่ก้มหน้ามองจอมือถือเขินๆ นั่นอีก
ไม่รู้อะไรดลใจให้เด็กหนุ่มตัวสูงหันไปมองคู่หู
“...”
อา...คงมีแต่เขากับไอ้หัวชมพูนี่แหละที่ยังไม่เข้าพวก
****************************************************** *
สวัสดีค่าาาา า

เย่ รอบนี้มาเร็ว
.. สองอาทิตย์กว่า ๆ 55555555 5
ตั้งแต่ตอนหน้าจะเข้าสู่ปมสุดท้ายแล้วค่ะ
อีกแปดตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว ใจหายจน
.. เอาให้จบเถอะเนอะ 55555555 5
ขายของนิดนึง ฝากเพจในเฟซบุ๊คด้วยนะคะ
ยังไม่ได้อัพอะไร แต่คิดว่าคงได้ลงเรื่องสั้นเร็ว ๆ นี้ค่ะ
iJune4S
ฝากแท็ก #เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
สุดท้าย ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น ข้อติชม และความใส่ใจที่มอบให้กันค่ะ
ขอบคุณสำหรับการรอคอยนะคะ

แล้วเจอกันตอนที่ยี่สิบแปดค่าาา า