Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)  (อ่าน 680987 ครั้ง)

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
กุ๊กหายบาดเจ็บจากแผลโดนปืน อาจมี อาการ บาดเจ็บตูดดดดดดด แทน ฮ่าๆๆๆๆ   






เด็กโข่งเอ๊ย กุ๊กเขาป่วยอยู่นะ







อิเอื้อ แก เอาเมไปใว้ที่ใหน วันนี้ ไม่มีเมออกมาเลย

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
นายเอื้อได้น้องเมแล้วหายหัวเลยนะยะ!! :m16:

เท็นช่วยดูสภาพเปรมหน่อยนะ จะหื่นก็รอให้หายก่อนจะดีกว่ามั้ย หึๆๆๆ :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น่ารักกกกกก   :-[

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
สวัสดีนายหัวหลิม รู้สึกไม่ได้เจอกันนาน มีสามีรึยัง?
555555555

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
กุ๊กของเค้าาาาาาาา
เท็นนนนน แกปล่อยให้กุ๊กรับกระสุนทำไมมมมม
#เท็นเปล่าาาา
งืดดดดด คือส่วนตัวชอบคาแรกเตอร์กุ๊กมากอ่า

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ร้ายกาจจริงๆ เอื้ออังกูร


ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
แหม่ซันไช่รุกเต้าหมิงซื่อไวจริงอะไรจริง

ออฟไลน์ bluebread

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โถ..นายหัวหลิม..

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
อาทิตย์ต่อมาเปมทัตก็ออกจากโรงพยาบาล บาดแผลของเขาสมานตัวจนหายดีแล้ว ด้วยฤดูกาลมิดเทอมที่ใกล้เข้ามาทำให้ช่วงนี้สามทหารเสือง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบ


เป็นหนึ่งอาทิตย์ที่ยาวนานแต่ก็ผ่านไปไวเหลือเกิน ในวันสุดท้ายของการสอบนั่นเองที่พวกเปรมนัดกันฉลองที่คฤหาสน์ของเท็น และถือโอกาสจัดปาร์ตี้ให้กับสามสีซึ่งมีอายุครบรอบยี่สิบปีไปในตัว


เด็กหนุ่มเจ็ดคนซื้อของกินเข้ามารวมตัวในห้องครัวของนายหญิง พวกเขาเลือกธีมหมูกระทะก่อนจะนั่งล้อมวงปิ้งของสดกินกันอย่างครื้นเครง


ตอนนั้นเองที่ไฟยกแก้วเบียร์ในมือขึ้น พูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราสอบเสร็จกันแล้วก็...ระย้องงง!”


“ชนนน!” สามทหารเสือแก้ให้ ก่อนแก้วเจ็ดใบจะกระทบกันกลางวงจนเกิดเสียงดัง


แกร๊ง!


“ฉลองให้กับปีที่แปดพันของไอ้สาม!” โชชูแก้วน้ำผลไม้ร้องเสียงสดใส สามสีหรี่ตา ยกแก้วตัวเองขึ้นนิดหนึ่งหน้าเหนื่อยๆ “ยี่สิบก็พอไหมล่ะ”


ตามด้วยเปรมกับไดนาไมต์ที่นั่งคุกเข่าปัดแขนตัวเองแล้วก้มหน้า ก่อนจะชูแก้วเบียร์ขึ้นเหนือหัวพร้อมกันพลางประสานเสียง “ขอให้พี่สามของเราอายุยืน! หมื่นปี...หมื่นๆ ปี!”


สามสียกแก้วขึ้นอีกครั้ง “เป็นฮ่องเต้ไปอีก”


“ดื่ม...ให้กับวันเกิดไอ้สาม” ไฟพูดบ้างแล้วดื่มเบียร์ในแก้ว สามสีกำลังจะยกแก้วขึ้นรับคำอวยพรก็ต้องชะงักเมื่อหมอยาชูมือขึ้นอีกรอบ


“ดื่ม...ให้กับอาหารทั้งสามมื้อ” สิ้นคำอัคคีก็กรอกเบียร์ลงคอไป


“...” ทั้งวงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนไฟจะเงยหน้าพูดประโยคสุดท้าย


“และดื่มให้กับตัวฉันคนเดิม...ที่จะกลับมา”


“ท่าจบคุ้นๆ นะ” สามสีกระดกน้ำอัดลมในมือปลงๆ หมอยาเพียงเลียนแบบบทพูดของนักแสดงสาวในโฆษณาน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่งมาเท่านั้น ตามด้วยเมธาที่ยื่นแก้วมาชนกับเขายิ้มๆ


“สุขสันต์วันเกิดนะสาม”


   “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มตัวสูงยิ้มรับ เป็นจังหวะที่เท็นยื่นของขวัญกล่องเล็กให้


“แฮ้ปปี้เบิร์ธเดย์นะ”


“เย้ดดดด ขอบคุณมากกก” สามสีตาโต ส่งเสียงว่า “แกะเลยนะ?”


เขาวางแก้วน้ำแล้วลงมือแกะของขวัญเมื่อเท็นพยักหน้า ไม่นานพวงกุญแจทำจากเงินแท้หล่อเป็นรูปแมวที่ถูกห่ออย่างดีก็ปรากฏแก่สายตา เด็กหนุ่มตัวสูงสัมผัสมันก่อนจะสะดุ้งเหมือนโดนของร้อนจนทำร่วงหลุดมือ


“...” เท็นมองท่าทางนั้นด้วยแววตาอ่านไม่ออก


“โทษๆ มือลื่น” สามสีรีบเก็บมันขึ้นมาพลางขมวดคิ้ว ความรู้สึกเหมือนโดนลวกเมื่อกี้หายไปแล้ว เจ้าของวันเกิดชูพวงกุญแจอวดรอบวง บอกว่า “เรามีตัวอย่างที่ดีให้ดูแล้วนะครับ”


“กูให้ใจเว้ย!” ไดนาไมต์ทำท่าเหมือนจิ๊กโก๋ เลยโดนสามสียีผมไปที “เหรอ”


ไฟหัวเราะ “เออ คืนนี้ก็อย่าปาร์ตี้กันดึกมากล่ะ พรุ่งนี้ไปชลบุรีล้อหมุนแต่เช้านะครับ”


“กูนี่กาปฏิทินรอเลย ตื่นเต้นฉิบหาย” เปมทัตตาเป็นประกาย หมอยาทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ บอกว่า


“กูจองรีสอร์ทไว้ให้แล้ว คืนเดียวเนาะเพราะต้องกลับมาเรียนอีก” ไฟหยิบสมาร์ทโฟนออกมาพร้อมรอยยิ้มกริ่ม “โลเกชั่นโคตรดีเพราะมีคนรู้จักอยู่ในนั้น ริมหาดบางแสนเลยครับผม”


“เย้ดดดด” สามทหารเสือมองภาพรีสอร์ทในจอแล้วสูดปาก อัคคียักคิ้วกวน “หล่ออย่างเดียวไม่ได้อะจริง”


“ไอ้เหี้ยสวยมาก!” โชร้องอย่างตื่นเต้น เป็นจังหวะที่เท็นบอกว่า “เราให้คนเตรียมรถพรุ่งนี้ให้แล้วนะ” ไฟพยักหน้ารับรู้ “เออ เดี๋ยวกูขับเอง ขอบใจมาก”


“ถ้าง่วงมึงเปลี่ยนกับกูก็ได้” สามสีหันมาบอก อัคคีหัวเราะ “สบ๊าย”


ไดนาไมต์จุ๊ปาก ท่าทางมีไฟเต็มที่ “กูจะแต่งหล่อจนสาวเหลียวหลังเลยคอยดู!”


“ใส่สูทไปดิ เหลียวมึงทั้งหาดอะ” เปรมแนะนำ สามสีสั่นหน้าหวาดๆ “กูไม่เดินด้วยนะ”


“ทุกคนรักกู กูรู้กูเรียนมา” ไดนาไมต์ทำหน้าซาบซึ้ง พลันสายตาเหลือบไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบหนึ่งวางอยู่มุมห้อง จำได้ว่าเห็นครูคณิตเดินถือเข้ามาเลยถามว่า “อ้าว คืนนี้เมค้างที่นี่เหรอ?” 


“อื้อ” เมธาพยักหน้ารับ เสริมว่า “พอดีเมื่อคืนห้องน้ำหอเราเสียน่ะเลยตกลงกับเท็นว่าจะมานอนค้างที่นี่ ไปเที่ยวพรุ่งนี้จะได้ออกพร้อมกันเลย”


“อ๋อ...” ไดนาไมต์เข้าใจแล้ว ถ้าพูดถึงออกพร้อมกันล่ะก็คืนนี้เขากับเปรมเองก็ตกลงกันไปนอนค้างบ้านสามสีเพื่อความสะดวกของพรุ่งนี้เช่นกัน


เข็มนาฬิกาพาเวลาล่วงเลย เด็กหนุ่มเจ็ดคนนั่งคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อย ตอนนั้นเองที่ไฟกรึ่มได้ที่ ขมวดคิ้วบ่นว่า “ไอ้เหี้ย ทำไมบ้านมันหมุนๆ วะ?”


“ไอ้เหี้ยไฟแม่งเมาละ” ไดนาไมต์หรี่ตามอง เปมทัตเกาหัว “ฉิบหาย แล้วพวกกูจะกลับยังไงล่ะทีนี้”


“นี่ไง้! เดี๋ยวพี่ไฟไปส่ง!” หมอยาอาสาแต่หน้าไม่ไหวแล้ว คิดว่าคงเพราะอ่อนเพลียสะสมจากโหมอ่านหนังสือช่วงสอบด้วย เปรมมองเพื่อนผมแดงหวาดๆ “มึงไหวแน่นะ?”


“สบ๊าย!” อัคคียืดอกร้องเสียงสูง ก่อนจะห่อตัวลงด้วยใบหน้าพะอืดพะอม “มึง...กูไม่ไหวแล้วอะ”


“ไวไปมั้ย!!” เปรมกับไดนาไมต์ตะโกนพร้อมกัน


สามสีถอนหายใจ “มึงนอนนี่แหละ พวกกูนั่งรถเมล์กลับกันเองได้”


“ให้ออกัสไปส่งสิ” ทศทิศเสนอ ทว่าเปมทัตส่ายหน้า “ไม่เป็นไร นี่ยังไม่ดึกเท่าไหร่รถเมล์ยังวิ่งอยู่ ออกัสงานยุ่งมากฉันไม่อยากรบกวนเขา”


“งั้นให้คนของบ้านเรา...”


“รบกวนคนของนายเปล่าๆ พวกฉันสบายมาก” เปรมบอกยิ้มๆ เป็นจังหวะที่ไฟโยนกุญแจรถเฟอร์รารี่ให้สามสี บอกว่า “เอารถกูไปไว้บ้านมึงก่อน แล้วพรุ่งนี้ขับกลับมาไว้นี่จะได้เอารถบ้านไอ้เท็นออกไปพร้อมกัน”


“หูย เมาแล้วยังฉลาดอีกนะมึง” ไดนาไมต์นึกทึ่ง ไฟยักคิ้วพูดเสียงอ้อแอ้


“หล่อด้วย”


“...หลงตัวเอง” โชเบ้หน้า ก่อนจะโดนคนตัวใหญ่เอื้อมมือมายีผมจนยุ่ง ถามเสียงทุ้ม “แล้วมึงกลับยังไง?”


โชปัดแขนอีกฝ่ายออกหน้ามุ่ย ตอบว่า “เดี๋ยวอากูมารับ”


“อ้อ...” อัคคีผงกหัวเข้าใจ กระซิบว่า “กลับดีๆ ล่ะ”


ชลันธรได้ยินแล้วแก้มร้อน พึมพำว่า “รู้แล้วน่า”


เด็กหนุ่มเจ็ดคนสังสรรค์กันต่ออีกนิดหน่อย จนถึงเกือบสี่ทุ่มนั่นเองที่งานเลี้ยงเลิกรา



 
ในห้องนอนขนาดใหญ่สไตล์คลาสสิคแห่งคฤหาสน์เกียรติยวานนท์ ไฟที่ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วเดินสวมชุดนอนเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ กระเป๋าเดินทางที่เขาใส่รถมาวางอยู่ตรงมุมห้องข้างของเมธา


ดวงตาคมกริบจับจ้องบนเตียงใหญ่ ครูคณิตกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่กลางเตียง ไฟหยอกว่า “ไม่ยักรู้ว่า ‘ตะลุยโจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิก’ เป็นหนังสืออ่านเล่น?”


เมธาหัวเราะ “มันสนุกดีนะ ได้วิธีคิดแบบใหม่เยอะแยะเลย ลองหน่อยไหม?” ไฟสั่นหน้าหวาดๆ ก่อนจะหันไปทางเด็กโข่งซึ่งนอนอยู่ริมเตียง “เท็นทำไรวะ?”


“คุยกับกุ๊ก” เท็นตอบ เมื่อส่งสติ๊กเกอร์ฝันดีให้พ่อครัวแล้วเขาก็หันกลับมา “จะนอนกันเลยไหม”


“ง่วงแล้วเหรอ” เมธาเลิกคิ้ว นายน้อยกระพริบตา ถามว่า “แล้วจะทำอะไรกัน”


“นอนเลยก็ได้” อัคคีบอก ผมของเขาเริ่มแห้งแล้ว เด็กหนุ่มผมสีแดงเดินมาหยุดหน้าสวิตซ์ไฟ ครูคณิตเอี้ยวตัวไปเปิดโคมไฟอย่างรู้งาน แล้วไฟในห้องก็ดับลง


หมอยาเดินกลับมาที่เตียงโดยอาศัยแสงสีส้มจากโคมไฟ คนตัวใหญ่สอดตัวลงนอนข้างครูคณิต เขานอนมองเพดานครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา


“มีอะไรเหรอ” เมธาที่นอนตรงกลางถามขึ้น เท็นเองก็หันมามอง ไฟตอบยิ้มๆ “เปล่า แค่รู้สึกว่าไม่ได้นอนกันสามคนแบบนี้มานานมากแล้ว”


“นั่นสินะ หลังจากขึ้นม.ต้นพวกเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนี่นา” เมธายิ้มตาม ซุกหน้าลงกับหมอนแล้วพูดว่า “คิดถึงตอนนั้นจังเลยน้า”


เท็นมองเพื่อนสมัยเด็กทั้งสองคน ดวงตายาวรีเกิดประกายแทนคำพูดว่า ‘เห็นด้วย’


“พอได้นอนเรียงกันแบบนี้ก็นึกออกขึ้นมาเลยนะ...” หมอยาเว้นวรรค “ตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรกน่ะ”


“ถึงฉันจะไม่ค่อยเท่เท่าไหร่ แต่ก็น่าจดจำล่ะนะ” ครูคณิตหัวเราะ ก่อนจะทำหน้านึก “เอ...ถ้าจำไม่ผิดเหมือนพวกเราจะเจอกันครั้งแรกที่...”


“ในสวน” เท็นส่งเสียง เขาชี้ออกไปนอกหน้าต่างอันสะท้อนให้เห็นทิวทัศน์ในสวนหย่อมของคฤหาสน์ “ตรงนั้น”


“แล้วพวกเรามาเจอกันได้ยังไงนะ?” เมธาถามอีก ไฟยกยิ้ม อันนี้เขาจำได้ดี


“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ มันเริ่มจาก...”




ย้อนกลับไปเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน


บีเอ็มดับบลิวสีขาวคันหรูจอดลงหน้าคฤหาสน์เกียรติวานนท์ในยามเย็น ประตูหลังด้านคนขับถูกเปิดออกพร้อมสองร่างที่ก้าวลงมาจากรถ สองพ่อลูกตระกูล ‘เพลิงพิโรธโชติช่วงชัชวาล’ เดินทางมาถึงแล้ว


หมอแปดออกมาต้อนรับพวกเขา ใบหน้านั้นหล่อเหลาทว่าเรียบเฉย


“ไง” เปลวยิ้มให้สหายรัก ไฟตอนอายุแปดขวบมองพ่อตัวเองทักทายเจ้าบ้าน เมื่อฝ่ายหลังหันมาสบตาเด็กชายก็ยกมือไหว้


“หมอแปดสวัสดีครับ”


คนตัวใหญ่รับไหว้เขา ก่อนจะหันไปคุยกับเปลวสองสามคำแล้วเดินนำออกไป ถึงตรงนี้หมอยาก็หันมาบอกลูกชายว่า “แกไปที่สวน”


“ทำไมอะ?” เด็กชายขมวดคิ้ว คุณพ่อยังหนุ่มพูดว่า “นายน้อยของคฤหาสน์อยู่ที่นั่น ฉันจะขึ้นไปคุยธุระกับเจ้าบ้านข้างบน แกไปเล่นเป็นเพื่อนกับลูกชายเขาหน่อย”


“ไม่เอาหรอก ยุ่งยากจะตาย” ไฟเบ้หน้าปฏิเสธจนโดนคนเป็นพ่อเคาะกะโหลกเบาๆ ไปที หมอยาพูดเสียงทุ้ม “เดี๋ยวซื้อโมเดลรถแข่งรุ่นล่าสุดให้...”


“ตกลง” เด็กชายตาเป็นประกายอย่างไม่ลังเล ร่างสูงผลักหัวลูกชายยิ้มๆ พูดลอดไรฟัน “ไอ้แสบเอ๊ย...”


ไฟมองพ่อเดินขึ้นบันไดกลาง ก่อนจะแยกมาอีกทางแล้วก้าวเข้าสวนหย่อมไป




แสงอาทิตย์อัสดงตกกระทบลงยอดแมกไม้ ดวงตาของไฟสะท้อนร่างใครบางคนนั่งอยู่บนม้านั่งสีขาวซึ่งตั้งอยู่ใจกลางสวนหย่อมของคฤหาสน์


อัคคีหยุดลงตรงหน้า ทันทีที่อีกฝ่ายเงยขึ้นสบตาเด็กชายก็นิ่งไปราวกับโดนมนต์สะกด


องค์ประกอบบนใบหน้าขาวซีดนั้นสมบูรณ์แบบราวกับรูปวาด เส้นผมสีนิลล้อมกรอบสะท้อนเงาดูนุ่มสลวยน่าสัมผัส ช่างบริสุทธิ์คล้ายเทวดาตัวน้อยลงมาจุติ ทว่าดวงตายาวรีคู่นั้นกลับเศร้าสร้อยเหลือเกิน


นี่เหรอนายน้อยของคฤหาสน์?


“ใคร...” เสียงนั้นเป็นแบบโมโนโทน ไฟยิ้มกว้างตามนิสัย


“ฉันชื่อไฟ นายล่ะ?”


“...”


ทว่านายน้อยกลับหันไปก้มหน้า อัคคียิ้มค้าง มุมปากกระตุกหงึก หน็อยเจ้านี่...กล้าเมินฉันงั้นเรอะ!


ไฟมองคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น อยากจะถอดใจแต่เขาก็ดันรับปากพ่อมาแล้วเสียด้วย เฮ้อ...หรือควรจะถอยดีนะ?


ตอนที่คิดจะกลับเข้าไปในบ้านนั่นเอง


“เท็น...”


อัคคีชะงักฝีเท้าเมื่ออีกฝ่ายส่งเสียง ดวงตาเด็กชายจับจ้องร่างเล็กซึ่งนั่งก้มหน้าอยู่บนม้านั่งครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็พรูลมหายใจออกมา ตัดสินใจนั่งลงข้างกัน


แว่วเสียงนกร้องพลางบินกลับรัง ไฟเงยหน้ามองฟ้า พูดว่า “มานั่งแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”


“...”


นายน้อยปิดปากเงียบ ทว่าไฟเริ่มชินเสียแล้ว ถามอีกว่า “เย็นแล้วไม่เข้าไปกินข้าวรึไง?”


“เราไม่หิว”


เสียงนั้นหดหู่เหลือเกิน อัคคีลอบถอนหายใจหนัก หมอนี่รับมือยากชะมัด แต่ด้วยนิสัยเกลียดความพ่ายแพ้ยังไงเขาก็ต้องทำให้มันหันมาคุยกับเขาให้ได้


ตุบ!


เสียงหนึ่งดังขึ้นตรงมุมสวน ไฟเลิกคิ้วหันไปมอง


ลูกบอล...งั้นเหรอ?


“...” บรรยากาศเงียบไปชั่วอึดใจ


ฟุ่บ!


“ว้าก!” ไฟร้องลั่นเมื่อพุ่มไม้เบื้องหน้าสั่นไหว ยังมีแก่ใจรู้สึกได้ถึงแรงสะดุ้งเบาๆ จากคนข้างๆ


พุ่มไม้สูงซึ่งถูกใช้ต่างรั้วกั้นด้านหลังคฤหาสน์ปรากฏศีรษะของใครบางคนโผล่พ้นออกมา อัคคีตาค้าง ร้องลั่น “นายเป็นใครเนี่ย!”


“ฮึบ! อะ...” ผู้มาใหม่พยายามกระเสือกกระสนออกจากพุ่มไม้ ร้อนถึงไฟต้องลุกไปช่วยดึงอีกฝ่ายออกมา ร้องอีกที “นายเป็นใคร!”


แล้วอัคคีก็ได้เห็นเต็มสายตา อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเขากับเท็น ใบหน้าน่ารักนั่นส่งยิ้มกว้างให้เขา ตอบว่า “ฉันชื่อเม อยู่บ้านข้างๆ คฤหาสน์หลังนี้”


“นายเข้ามาได้ยังไง?” ไฟมองหวาดๆ เมธาปัดเศษใบไม้ออกจากตัวพลางยืนขึ้น บอกว่า “มีแค่พุ่มไม้นี้เท่านั้นที่กั้นบ้านฉันกับคฤหาสน์หลังนี้ พอดีลูกบอลมันกลิ้งเข้ามาน่ะ”


“...นั่นมันบุกรุกไม่ใช่เรอะ” อัคคีเหงื่อตก ก่อนจะโดนคนตัวเล็กถามว่า “แล้วนายชื่ออะไรเหรอ?”


“ฉันชื่อไฟ” เด็กชายตอบ ยังมีแก่ใจยกนิ้วโป้งข้ามไหล่ไปทางอีกคน “ส่วนหมอนั่นชื่อเท็น”


“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เมธายิ้มกว้างแม้ใบหน้าอ่อนใสจะเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดิน เขาเดินไปหยิบลูกบอล ก่อนจะกลับมายื่นให้คนตัวสูงกว่ายิ้มๆ


“เล่นด้วยกันไหม?”


ไฟกระพริบตา ถ้าเป็นตามปกติคงตอบปฏิเสธไป...


“...”


แต่ไม่รู้ทำไม พอนึกถึงคนด้านหลังแล้วเขาก็ตอบว่า “อา เอาสิ”


“เย้!” เมธาตาเป็นประกาย ก่อนทั้งคู่จะเล่นเป็นคนเตะบอลกับผู้รักษาประตู


ไฟกับเมสลับตำแหน่งกันเล่นอยู่แบบนั้นได้พักใหญ่ จนสุดท้ายเวียนกลับมาได้อัคคีเป็นคนเตะ ส่วนเมธาเป็นผู้รักษาประตูป้องกันลูก


เท็นลุกขึ้นยืน คิดจะกลับเข้าไปในบ้าน


“เสร็จฉันล่ะ!” ไฟตะโกน เขาวิ่งมาแล้ววาดขาเตะลูกบอลออกไปเต็มแรง


ฟิ้วววววว!


ทว่าด้วยองศาที่ผิดพลาดทำให้ลูกบอลลอยไปอีกทาง อัคคีอ้าปากค้างเมื่อเห็นมันพุ่งไปกระแทกหัวนายน้อยของคฤหาสน์ดังปัก!


ตุบ! เท็นลงไปนอนกับพื้นทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว


ซวยแล้ว...


“เป็นอะไรรึเปล่า!”


ไฟรีบเข้ามาดูอาการ ส่วนเมธาเก็บลูกบอลแล้ววิ่งตามมา นายน้อยนั่งกุมหัวอยู่บนพื้น ใบหน้าเฉยชาเหม่อลอยคล้ายยังสติยังไม่กลับมาดี


อัคคีหน้าเสีย ย่อตัวนั่งร้องว่า “ฉันขอโทษ! นายเจ็บตรงไหนไหม?”


เมธาชะเง้อคอช่วยดูบาดแผลอีกแรง เท็นก้มหน้า สั่นหัวน้อยๆ ตอบเสียงแผ่ว


“เราไม่เป็นไร...”


“หัวโนไหมเนี่ย” ทว่าไฟยังกังวล เขาจับคนเจ็บพลิกไปมา ในขณะที่เมธายื่นหน้าเข้าไปเป่าลมใส่หัวนายน้อย “โอม...ความเจ็บจงหายไป เพี้ยงๆ”


“ทำอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้” อัคคีว่า เมธาย่นคิ้ว “ทำไมล่ะ ก็เด็กกันทั้งนั้นนี่”


“เราไม่เป็นไร” เท็นยืนยันคำเดิมพลางพยายามลุกขึ้นยืน ไฟขมวดคิ้วมองข้อเท้าที่ขึ้นรอยช้ำของอีกฝ่าย สุดท้ายก็พูดออกมาว่า


“เป็นอะไรก็บอกสิ!”


รอบข้างเงียบไปชั่วอึดใจ ไฟเสียงแข็งโดยไม่รู้ตัว “ทำไมต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็งด้วย! เป็นเด็กถ้าเจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ! ถ้าเศร้าก็ร้องไห้ออกมา! ไม่ใช่บอกว่าไม่เป็นไรแบบนี้!”


“ใจเย็นสิไฟ...” เมธาพยายามร้องห้าม แต่อัคคีไม่สนใจแล้ว


“นายคิดว่าตัวเองอยู่บนโลกนี้คนเดียวรึไง! มีอะไรไม่สบายใจก็ระบายออกมาสิ! คิดจะเก็บความทุกข์ไว้ข้างในไปจนถึงเมื่อไหร่กัน ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยาวจนมีเวลามากพอมาทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ!”


เท็นเบิกตากว้าง แสงอาทิตย์ที่ตกกระทบโดนคนพูดทำให้เขาตาพร่า


“ก็มัน...”


เสียงโมโนโทนนั้นสั่นเครือ “ถึงเราจะพูดออกไป...”


“...”


“แต่แม่ก็ไม่กลับมาแล้วนี่นา...ฮือ”


นายน้อยสะอื้นออกมาอย่างสิ้นหวัง เมธามองภาพนั้น ดวงตาของเขาคลอไปด้วยหน่วยน้ำอย่างนึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ


ไฟย่อตัวลงตรงหน้า เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง พูดว่า “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเจอไปอะไรมา...” ก่อนจะเช็ดน้ำตาบนแก้มให้นายน้อยอย่างเบามือ


“แต่ตอนนี้เราเจอกันแล้ว และฉันจะไม่ปล่อยให้นายต้องเผชิญมันอยู่คนเดียวอีกต่อไป”


ดวงตาคมกริบของลูกชายหมอยาสะท้อนภาพนายน้อยแห่งคฤหาสน์ เป็นจังหวะที่เมธาร้องว่า


“ฉันก็ด้วย!”


เท็นมองตามอีกฝ่าย


“จะช่วยสุดกำลังเลย เพราะแบบนั้นแหละ...” เมธายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่สว่างไสวเหลือเกิน


“อย่าร้องไห้เลยนะ!” 


“อื้อ” นายน้อยพยักหน้า น้ำตาเขาหยุดไหลแล้ว ตอนนั้นเองที่ไฟลุกขึ้นยืน ยื่นมือให้คนข้อเท้าพลิก บอกว่า


“มาเถอะ”


เท็นมองมือนั้น พลันในอกรู้สึกอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดว่า


“อุ้ม...”


“หา?”


“อุ้มหน่อย”


“...”




เปลวเดินลงบันไดกลางมาหลังคุยธุระกับเจ้าบ้านเสร็จ แต่จะบอกว่าคุยธุระก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะจริงๆ เขาแค่เข้ามาหาเพื่อไม่ให้เพื่อนฟุ้งซ่านก็เท่านั้น


เขากับแปดรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของทั้งคู่เองก็สนิทกันมาตั้งแต่สมัยก่อน แปดเป็นหมอ เปลวเป็นเภสัชกร ตระกูลของพวกเขาทำงานสายการแพทย์คู่กันมาหลายยุคหลายสมัย


เปลวครุ่นคิด ไอ้ลูกชายของเขาคงเดินตามรอยเขาแน่ๆ แต่นายน้อยนี่สิ...ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน สิ่งที่เปลวกังวลคือความเข้ากันได้ของรุ่นต่อจากนี้ ไฟมันแสบ ส่วนเท็นว่าที่เจ้าบ้านรุ่นถัดไปก็ดันเป็นพวกเก็บตัว


หรือความสัมพันธ์ของสองตระกูลจะสิ้นสุดลงที่รุ่นของเขากัน...


ตอนนั้นเองที่เปลวถามหาลูกชายตัวแสบจากมาเรีย


“คุณไฟยังไม่กลับออกมาจากสวนเลยค่ะ” แม่บ้านสาวยิ้มให้ เปลวเลิกคิ้วแปลกใจ เห...ยังไม่กลับออกมาอีกเหรอ เกลียดความพ่ายแพ้กว่าที่คิดแฮะ


หมอยาเดินออกมาด้านนอก คิดจะตะโกนเรียกลูกชาย แต่แล้วภาพเบื้องหน้าก็ทำให้เขาต้องยืนนิ่ง


ไอ้ลูกชายตัวแสบของเขาเดินออกมาจากสวนด้วยสีหน้าปั้นยาก เหนือไหล่ไฟปรากฏใบหน้าเฉยชาของนายน้อยแห่งคฤหาสน์ ท่อนแขนอัคคีเกร็งจนสั่น ดูก็รู้ว่าพยายามแบกคนข้างหลังเอาไว้น่าดู


ข้างๆ ทั้งคู่เป็นเด็กชายตัวเล็กแปลกหน้า เขาเดินถือรองเท้าที่น่าจะเป็นของเท็นเอาไว้ ใบหน้าน่ารักนั่นส่งยิ้มพลางพูดคุยกับนายน้อยอย่างสนุกสนาน


“...”


เปลวมองแขนขาวซีดของเท็นกอดคอไฟไว้หลวมๆ เลยไปยังดวงตายาวรีคู่นั้นที่เกิดประกายยามฟังเด็กชายอีกคนเล่าเรื่อง แล้วเขาก็จุดยิ้มออกมา


คงไม่ต้องห่วงอะไรแล้วสินะ




“เท่ฉิบหายเลยกูเนี่ย”


ไฟโพล่งขึ้นมาในห้องนอนอันเงียบสงบ ก่อนจะได้ยินเสียงกรนจากสองคนข้างๆ


“อ่าวเฮ้ย หลับกันหมดแล้วเรอะ!” หมอยาบ่นอุบ “เชอะ ไม่น่ารักเลยพวกมึงนี่” ก่อนจะหันไปปิดโคมไฟแล้วล้มตัวนอน ทิ้งท้ายว่า


“ราตรีสวัสดิ์”


“...”


ผ่านไปครู่ใหญ่ ในความมืดนั่นเอง เท็นลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตายาวรีสะท้อนภาพเพื่อนสมัยเด็กทั้งสองที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ


ขอบคุณนะ




เช้าวันรุ่งขึ้น เท็นกับไฟและเมลงมาโถงหน้าบันไดกลางตอนแปดโมงกว่า ตอนนั้นเองที่สามทหารเสือกับโชตามมาสมทบ ทั้งหมดมารวมตัวกันพร้อมกระเป๋าเดินทางคนละใบ


ออกัสเตรียมรถไว้ให้พวกเขาแล้ว เป็นโตโยต้าเซียนนาสีขาวคันใหญ่เจ็ดที่นั่ง ไฟประจำตำแหน่งคนขับ ตามด้วยไดนาไมต์กับเมและสามสีที่เข้าไปนั่งสามเบาะหลังสุดตามลำดับ ส่วนเท็นกับเปรมนั่งสองเบาะแถวกลาง ทำให้โชต้องไปนั่งข้างคนขับอย่างช่วยไม่ได้


พวกเขาออกเดินทางกันตอนเก้าโมง บนรถเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและพูดคุยของเหล่าเด็กหนุ่ม ก่อนวิวสองข้างทางจะเปลี่ยนไปเมื่อไฟพาเพื่อนๆ มาถึงหาดบางแสนตอนสิบเอ็ดโมง


หมอยาวนรถเข้ารีสอร์ทริมหาดที่จองไว้ ด้านในกั้นเป็นส่วนสำหรับบ้านพักแต่ละหลังซึ่งตกแต่งอย่างหรูหรา ไฟขับผ่านป้อมประชาสัมพันธ์มา บ้านชั้นเดียวหลังริมสุดพร้อมสระว่ายน้ำนั้นเป็นของพวกเขา


อัคคีไขกุญแจที่ได้มาจากเพื่อนเข้าบ้านพักไป ห้องนั่งเล่นประดับด้วยโทรทัศน์ติดผนังกับชุดโซฟาหนังสีดำปรากฏแก่สายตา ในบ้านมีห้องนอนสี่ห้อง สามห้องแรกเป็นห้องใหญ่สำหรับสองคน อีกห้องมีขนาดเล็กและระเบียงยื่นไปทางชายหาดสำหรับหนึ่งคน ทั้งสามห้องนอนมีห้องน้ำในตัว


เด็กหนุ่มเจ็ดคนจึงตกลงกันจับฉลากแบ่งห้อง เมื่อสามสีทำฉลากเสร็จไดนาไมต์ก็พูดว่า


“เราจะจับฉลากแบ่งห้องกันนะครับผม มีหกคนต้องจับคู่กันนอนห้องใหญ่ และอีกหนึ่งคนดวงเฮงได้นอนห้องเล็กแต่วิวโคตรดี” สามสีอธิบายฉลากว่า “ใครได้เลขเหมือนกันก็นอนห้องเดียวกัน โอเคนะ”


ที่เหลือขานรับ ก่อนจะทยอยกันล้วงมือหยิบฉลากไปตามลำดับ


“หนึ่ง” ไฟบอก เปรมร้องขึ้น “กูก็หนึ่ง!”


“สองเว้ย!” โชเหยียดยิ้ม  เท็นมองฉลากในมือคล้ายกำลังช็อค “สอง...”


“สาม” ไดนาไมต์ชูฉลากในมือ เมธาหันมามองยิ้มๆ “เราก็สาม”


“กูดวงเฮงสินะ” สามสีมองฉลากเลขสี่ในมือตัวเอง เขาได้นอนคนเดียว


“ไชโย! ได้นอนห้องเดียวกับเมด้วย!” ไดนาไมต์ส่งเสียง เด็กหนุ่มตัวสูงคิ้วกระตุก เขาหันไปมองคู่หูที่แสดงท่าทางระริกริกรี้ออกนอกหน้า


ไวเท่าความคิด สามสีเดินเข้าไปหาครูคณิตทันที “เม แลกกัน”


“เอ๊ะ?” เมธาเลิกคิ้วแปลกใจ เด็กหนุ่มตัวสูงบอกว่า “ไอ้ไดมันนอนดึก เสียงดังอีกต่างหาก เมนอนกับมันได้ปวดหัวตายกันพอดี”


“อย่าดิสเครดิตเพื่อน!” ไดนาไมต์แยกเขี้ยวใส่ ถึงที่อีกฝ่ายพูดมันจะจริงก็เถอะ สามสียื่นฉลากตัวเองให้คนตัวเล็ก พูดว่า “อีกอย่าง...ฉันไม่ไว้ใจให้มันนอนกับเม”


“หมายความว่ายังไง!!”


เด็กหนุ่มผมสีชมพูโวยวาย เมธามองทั้งคู่แล้วหัวเราะ “เรายังไงก็ได้ แต่ทั้งสองคนนอนด้วยกันน่าจะสนุกกว่านะ” สิ้นคำก็ยื่นมือแลกฉลากกับสามสี ฝ่ายหลังผงกหัว “ขอบคุณมาก”


“อะไรเนี่ย กูจะนอนกับเมนะ มึงอ้ะ!” ไดนาไมต์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ สามสีหรี่ตา “พูดมากน่า นอนกับกูนี่แหละ” ก่อนจะล็อคคอเพื่อนแล้วลากเข้าห้องไป


เมธาเข็นกระเป๋าไปหยุดหน้าห้องเล็ก ตามด้วยโชที่เดินฮัมเพลงเข้าห้องใหญ่เบอร์สองไปอย่างอารมณ์ดี


หมอยามองหน้ากับพ่อครัว “กูกับมึงสินะ?”


“อา” เปรมผงกหัว ตอนนั้นเองที่ไฟรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากทางด้านหลัง


“...”


เท็นจ้องฉลากในมือไฟไม่วางตา หมอยากระพริบตาปริบๆ ไม่ว่าเขาจะขยับฉลากไปทางไหน ดวงตายาวรีคู่นั้นก็จะคอยจับจ้องตามไปด้วยความรู้สึกรุนแรงเสียทุกครั้ง


สุดท้ายไฟก็ถอนหายใจออกมา ยื่นฉลากในมือให้แล้วพูดว่า “แลกกันไหมล่ะ?”


“ได้เหรอ” เด็กโข่งตาเป็นประกายทันที อัคคีเกาหัวแกรกๆ “จ้องเหมือนจะแดกมือกูขนาดนี้แล้ว...เอ้า!” เท็นรับฉลากมา หันไปร้องใส่พ่อครัว


“ได้นอนกับกุ๊กแล้ว!”


“...” เปรมมองอย่างพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าปลงๆ “ดวงเราคงสมพงษ์กันน่ะ”


“ขอบคุณนะไฟ” เท็นดีใจเหมือนเด็กๆ อัคคีหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู “เออๆ กูไปละ” พูดจบก็ขนของเข้าห้องเบอร์สองไป แว่วเสียงโชโวยวายดังมาให้ได้ยิน


“กุ๊ก เข้าห้องกัน” เด็กโข่งชวน พ่อครัวพยักหน้า เขามองทุกคนที่กำลังจัดของในห้องอย่างคึกคัก อดคิดไม่ได้ว่า


ฉลากนี่ยังจำเป็นอยู่ไหม...

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.

(ต่อ)


เด็กหนุ่มเจ็ดคนออกมานั่งเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาดตอนเที่ยง พวกเขาสั่งอาหารจากแม่ค้าแถวนั้นมานั่งกินมื้อเช้าควบกลางวัน ก่อนจะพูดคุยสัพเพเหระกันจนถึงบ่ายโมง


“มึง ไปเล่นบานาน่าโบ๊ทกัน!”


เมื่อท้องอิ่มได้ที่โชก็เอ่ยชวน ไดนาไมต์ตาเป็นประกาย “เฮ้ยกูเอาด้วย”


“เออ เดี๋ยวกูเฝ้าของให้” เปรมอาสา เด็กหนุ่มผมสีชมพูหันมาขมวดคิ้ว “ทำไมวะ ไปเล่นด้วยกันดิ ไม่หายหรอก”


“กูยังอิ่มๆ อยู่อะ กลัวอ้วก” พ่อครัวตอบหน้าซีด เท็นเห็นแล้วบอกว่า “งั้นเราอยู่กับกุ๊ก”


“เอ๊า พวกมึงนี่” ไฟจะขยับปากด่า แต่พอสบตากับเท็นแล้วก็พูดว่า “เออๆ งั้นพวกกูไปเล่นกันห้าคนก็ได้”


“แล้วจะเสียใจ” โชยักคิ้วกวนๆ


“รีบไปเถอะพวกมึงอะ” เปรมโบกมือไล่ มองตามจนพวกมันวิ่งลงทะเลไปแล้วนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน


เมื่อคืนพอไปถึงบ้านสามสีก็ดันนั่งเล่นเกมกับอีกสองคนจนดึกดื่น ทั้งที่นอนน้อยเหมือนกันแท้ๆ แต่มันสองคนก็ยังลุยต่อได้ พลังงานพวกนั้นช่างต่างกับเขาจริงๆ


“กุ๊กไหวไหม” เท็นนั่งพัดให้อยู่ข้างๆ ดวงตายาวรีจับจ้องเขาอย่างกังวล เปมทัตหัวเราะ “อย่าทำเหมือนฉันเป็นลุงแบบนั้นสิ”


“เราเป็นห่วง” ทศทิศบอก ส่งให้แก้มพ่อครัวร้อนผ่าว เปรมเบือนหน้าหนี “นายเนี่ย...พูดเรื่องน่าอายได้หน้าตาเฉยเลยนะ”


“...” เท็นเอียงคอมองคนพูดคล้ายไม่เข้าใจ จนฝ่ายหลังหลุดหัวเราะออกมา “แต่ก็ขอบคุณครับ”


“แผลเป็นไงบ้าง” ทศทิศแตะต้นแขนเปมทัต พ่อครัวสะดุ้งคล้ายโดนไฟช็อต


“กุ๊ก?”


“เอ่อ...หายแล้ว” เปรมพยายามขยับตัวออกห่างคนตัวใหญ่ เป็นจังหวะที่อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามา พ่อครัวเบิกตากว้าง ยกแขนขึ้นกั้นไว้แทบไม่ทัน


“หยะ...อย่าสิ!”


ดวงตายาวรีหม่นแสง “ทำไมล่ะ?”


“ขะ...คนเยอะนะไอ้นี่!” เปมทัตเอ็ดหน้าดำหน้าแดง กวาดตามองรอบข้างเลิกลัก เท็นพูดเสียงเนิบ “ไม่มีคนมองหรอก”


“นายจะรู้ได้ยังไง”


“ถึงมองก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”


“เป็นสิ!”


“ทีเดียว”


“มะ...”


“นะครับ”


“...” เปมทัตก้มหน้างุด ดวงตาสีนิลทอประกายสับสน ตอนนั้นเองที่มือหนาเชยคางเล็กขึ้นช้าๆ ก่อนริมฝีปากเหยียดตรงนั่นจะทาบทับลงมาอย่างอ่อนโยน


แม่ง...




ไกลออกมาจากชายหาดกลางทะเลลึก เด็กหนุ่มห้าคนสวมเสื้อชูชีพนั่งอยู่บนบานาน่าโบ๊ทซึ่งแล่นด้วยความสูง นำโดยโช ไฟ เม สามสีและไดนาไมต์ตามลำดับ


“วู่ววววววววววว” เหล่าวัยรุ่นส่งเสียงอย่างคึกครื้น ไฟหมอบตัวยึดที่จับไว้แน่น พลันหางตาเหลือบเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง เขาแหกปากร้อง


“ไอ้ได! ไอ้เหี้ยไดร่วงไปแล้วววว!”


“ฮะ?” สามสีหันไปมอง หัวเราะลั่นเมื่อเห็นหัวคู่หูโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอยู่ลิบๆ “ไอ้เหี้ยอยู่โน่น!”


“ได!” เมธาตะโกนเรียกเพื่อน ในขณะที่โชพยายามตะโกนเรียกคนขับ “น้าคร้าบบบ! เพื่อนผมมม..!”


แต่ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ คนขับก็เลี้ยวเจ็ทสกีเปลี่ยนทิศทางด้วยความรวดเร็ว ส่งให้เชือกกระชากบานาน่าโบ๊ทด้านหลังอย่างแรงจนพลิกคว่ำ


โคร้ม!


ร่างเด็กหนุ่มสี่คนจมหายไปในทะเล ก่อนจะลอยขึ้นมาด้วยอานุภาพของเสื้อชูชีพ โชกับไฟและเมทยอยปีนขึ้นบานาน่าโบ๊ทมา ตามด้วยสามสีที่หาไดนาไมต์ไม่เจอ


“ไอ้ได!” เด็กหนุ่มตัวสูงตะโกนเรียก เมื่อไร้เสียงตอบเขาจึงกระโดดลงน้ำไปดำหาอีกรอบ


พรวด!


เป็นจังหวะที่ไดนาไมต์โผกอดบานาน่าโบ๊ทไว้จากอีกฝั่ง เด็กหนุ่มผมสีชมพูปีนขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อไม่เจอคู่หู


“ไอ้สาม!” เขาตะโกนเรียกเพื่อน ไม่รอเสียงตอบก็กระโดดลงไปดำหาในทะเลลึก


พรวด!


แล้วสามสีก็โผล่หัวขึ้นมาจากอีกฝั่ง ตอนนั้นเองที่ไฟร้องลั่นอย่างหมดความอดทน “พวกมึงพอได้ล่าว!! เล่นหนังอินเดียกันอยู่เรอะ!!”


ไม่นานนักเด็กหนุ่มทั้งห้าคนก็กลับมานั่งเรียงกันอีกครั้ง ก่อนบานาน่าโบ๊ทจะถูกลากให้แล่นไปด้วยความเร็วสูง เหล่าวัยรุ่นกู่ร้อง เล่นไปได้สักพักเรือกล้วยก็พลิกคว่ำอีกรอบ


ไฟปีนขึ้นมาคนสุดท้าย จังหวะวาดขานั่นเอง ด้วยองศาที่ผิดพลาดทำให้เท้าของเขาพุ่งไปถีบเด็กประมงตกทะเลดังผัวะ!


ตู้ม!


โชตะโกนอย่างโกรธจัด “ไอ้เหี้ยไฟ!!”


“โทษๆ” ไฟหน้าเสียอย่างไม่ได้ตั้งใจ คนตัวเล็กค้อนตาเหลือก พยายามปีนขึ้นเรือกล้วยด้วยสภาพทุลักทุเล


“มาๆ กูช่วย”


ด้วยความหวังดีอัคคีเลยช่วยดึงอีกฝ่ายขึ้นมา ทว่าออกแรงมากไปส่งให้ร่างของเด็กประมงลอยหวือข้ามบานาน่าโบ๊ทไปร่วงลงทะเลอีกฝั่ง


ตู้มมม!


“ไอ้เหี้ยไฟ้!!!!”




บนเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาด เปรมกับเท็นกำลังตกลงเรื่องอาหารมื้อเย็นกันอยู่ ได้ความว่าพวกเขาจะไปซื้อเนื้อสัตว์ทะเลจากตลาดกลางคืนมาปิ้งกินกัน


ตอนนั้นเองที่ไฟกับโชเดินเถียงกันเข้ามา ตามด้วยอีกสามคนในสภาพเปียกปอน เปรมร้องทัก “เป็นไงพวกมึง”


“เหี้ยมาก” เด็กประมงตอบ


“บานาน่าโบ๊ท?”


“ไอ้ไฟ! โคตรเหี้ย!” โชด่า ไฟขมวดคิ้ว “กูก็ขอโทษแล้วไง ไม่ได้ตั้งใจโว้ย!”


“มึง มันส์มาก” ไดนาไมต์ยกนิ้ว สามสีหรี่ตาหน้าเหนื่อยๆ “อา ถ้าไม่นับที่กูกับมึงลงไปเล่นหนังอินเดียกันในน้ำอะนะ”


“สนุกมากเลยล่ะ” เมธายิ้มกว้าง “แล้วก็หิวสุดๆ เลยด้วย!”


“เอาสิ กินได้เลย” เปรมขยับจานให้ ครูคณิตทิ้งตัวนั่งข้างเท็นก่อนจะเติมอาหารใส่กระเพาะ


ไฟกวาดตามองชายฝั่งแล้วร้องว่า “มึงๆ กูอยากเล่นอันนั้น!”


ทุกคนมองตามหมอยา เผยให้เห็นวัตถุคล้ายเรือยางสีชมพูที่ทั้งสองด้านข้างมีรูปร่างเหมือนบานาน่าโบ๊ทแต่เล็กกว่าซึ่งจอดอยู่ริมชายฝั่ง


“กล้วยบินอะเหรอ?” ไดนาไมต์เลิกคิ้ว เขาเคยเล่นมาก่อน บอกว่า “แต่มันต้องเล่นกันสี่คนนะ”


“เฮ้ยเจ็ดคนก็ได้” ไฟร้องอย่างนึกสนุก


“พ่อมึง!” ชลันธรหันไปด่า เมธามองแล้วยิ้มเจื่อน “เอ่อ ถ้าอันนั้นเราขอผ่านนะ”


“กูด้วย” สามสีบอก ไดนาไมต์หันขวับ “ทำไมอะ!”


“กูหิว” เด็กหนุ่มตัวสูงตอบง่ายๆ ก่อนจะนั่งลงข้างครูคณิตแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไฟกับโชและไดนาไมต์มองหน้ากัน คนหลังถามว่า “มีใครจะไปเล่นกล้วยบินกับพวกกูมั่ง?”


“...” ความเงียบคือคำตอบ จนโชร้องขึ้น


“ไอ้เปรม!”


พ่อครัวสะดุ้ง หน้าซีดเมื่อเด็กประมงพรวดเข้ามาคว้าแขน “มึงเลย มึงนี่แหละ”


“ไอ้เหี้ยไม่เอ๊า!” เปมทัตดิ้นพราด ไดนาไมต์ตาเป็นประกาย “เออไอ้เปรมยังไม่ได้เล่นเลยนี่หว่า เอาตัวมันไป”


“ไม่ๆๆ!” เปรมโวยวาย ยกมือไหว้ปลกๆ “อย่าทำกูเลย ไว้ชีวิตกูเถอะ!”


“มานี่!” เด็กหนุ่มผมสีชมพูปราดเข้ามา ไฟขมวดคิ้ว “ไม่ได้พาไปฆ่านะเฮ้ย”


“เท็นช่วยด้วย!”


“กุ๊ก...” เท็นทำท่าจะลุก พลันหางตาเหลือบเห็นสามสีจิ้มปลาหมึกตัวใหญ่บนจานเข้าปากไป


เด็กโข่งหันขวับ “ของเรานะ!”


“ใครดีใครได้เว้ย” สามสียักคิ้วพลางเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนทั้งคู่จะเปิดศึกชิงปลาหมึกในจานกันอย่างดุเดือด เปรมมองภาพนั้นด้วยแววตาว่างเปล่า


สิ้นหวังแล้วกู...


“อย่า!” ก่อนพ่อครัวจะถูกเพื่อนอีกสามคนกึ่งลากกึ่งหามออกไป เมธาหัวเราะให้กับภาพนั้น


เปมทัตโดนลากมาหยุดอยู่หน้ากล้วยบิน มีสี่ที่นั่งแบ่งเป็นฝั่งละสอง โชจับจองตำแหน่งหน้าซ้ายโดยมีไฟซ้อนอยู่ข้างหลัง ส่วนเปรมถูกบังคับให้นั่งอีกฝั่งด้านหน้า ที่เหลือเป็นของไดนาไมต์


“เฮ้ยๆๆ นี่ขามันไม่ถึงนะเนี่ย” พ่อครัวโวยวาย ไฟขมวดคิ้ว “มันจะขาถึงได้ไง มันออกไปในทะเล!”


บรื้นนน!


แล้วกล้วยบินก็ออกตัว ลมเย็นโกรกแรงจนเด็กหนุ่มสี่คนต้องเบ้หน้า ความกระท่อนกระแท่นของเครื่องเล่นที่ชวนหวาดเสียวทำให้พวกเขาพร้อมใจกันแหกปากลั่น


“ว้ากกกกกกกกกกกก”


พลันกล้วยบินก็กระแทกพื้นน้ำอย่างแรงจนส่วนหลังจมหายไปเกือบค่อนลำ ไดนาไมต์ร้องลั่น “ไอ้เหี้ยๆๆ ทำไมน้ำมาอยู่ตรงเอวกูแล้ววะ!”


“จมไอ้สัดมันจะจม!” ไฟหน้าเสีย โชตะโกนลั่น “น้าาา! หยุดก่อนนน! จะจมแล้ววววว!”


เสียงนั้นส่งไปถึง คนขับเจ็ทสกีชะลอความเร็วลง ส่งให้กล้วยบินเริ่มนิ่งและลอยคว้าง เด็กหนุ่มสี่คนจัดระเบียบร่างกายกันใหม่ จังหวะนั้นเองที่คลื่นซัดมา พัดโชตกลงทะเลไป


“เฮ้ยน้าอย่าเพิ่ง!!” ไฟตะโกนร้อง เขารีบดึงเด็กประมงขึ้นมา ทว่าโชยังไม่ทันได้ตั้งตัวดีกล้วยบินก็ทะยานออกสู่เวิ้งน้ำอีกครั้งอย่างรวดเร็ว


“พอแล้วววววว!” ไดนาไมต์ตะโกน


บรื้นนนนน!


ทว่ากลับโดนเสียงเครื่องยนต์กลบจนหายไป


“เชี่ยๆๆๆๆ” โชอุทานรัวพลางพยายามคว้าที่จับ เขากลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนกลางลำอย่างน่าหวาดเสียว ก่อนจะโดนไฟคว้าไปกอดไว้ด้วยใบหน้าไม่สู้ดี


ในขณะที่พ่อครัวซุกหน้าลงกับที่จับ เกาะราวแน่นพร้อมร้องปนสะอื้น “ฮือ เอากูมาทรมานทำไม กูไปทำอะไรให้พวกมึง...”


“ว้ากกกกกก!”


เหล่าเด็กหนุ่มร้องลั่นยามกล้วยบินทะยานแรงจนลอยขึ้นฟ้าไปวูบหนึ่ง ก่อนจะลงมากระแทกผิวน้ำแล้วแล่นฉิวต่อไปแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพคนด้านบนสักคำ


“อย่าให้กูรอดไปได้นะมึง!” ดวงตาแมวฉายแววเคียดแค้น โชกอดหมอยาไว้แน่นเพราะกลัวตก เปรมสวดมนต์แล้ว ไดนาไมต์ร้องลั่น “มึงเข้าใจคำว่าพอแล้วของกูมั้ยเนี่ย!!”


“กูจะตายตรงนี้ไม่ได้!” ดวงตาของไฟวาวโรจน์ “กูยังต้องมีชีวิตเพื่อล็อคอินเอาเพชรในคุกกี้รันต่อไป! กูต้องรอดพวกมึงได้ยินมั้ย! กูต้องร้อดดดด!”


แทบจิกกล้วยบินขาด แต่สุดท้ายเรือก็คว่ำจนร่วงกันหมด


“ไอ้เหี้ยยยยยยยยย!!”




ไฟเดินขึ้นหาดมาตาลอย ด้านหลังเป็นโชกับไดนาไมต์ซึ่งหามปีกพ่อครัวไว้คนละข้าง ใบหน้าพวกเขาซีดเซียวคล้ายวิญญาณยังไม่กลับเข้าร่างดี


เมธากับสามสีหัวเราะลั่น ฝ่ายหลังส่งเสียง “อาการเป็นยังไงบอกหมอซิ”


“ที่นี่ใช่เกาะแก้วพิสดารรึเปล่า!” เปรมเดินเข้ามาตะโกนด้วยใบหน้าขึงขัง สามสีขำไหล่สั่นเมื่อพ่อครัวตะโกนว่า “นางเงือกกูอยู่ไหน!”


“มึงกูบอกเลย จากที่เคยเล่นมา ไอ้กล้วยบินนี่เหี้ยสุด!” โชพูดด้วยใบหน้านึกแค้น ไฟเสริมหน้าเหนื่อย “โคตรมาสเตอร์พีซ แม่งถ้าเป็นเดอะสตาร์อีเหี้ยนี่คือไปยืนรอแล้วอะ ไม่ต้องลุ้นปากเหวแล้ว”


“เข้ารอบสุดท้ายเกมแจกเก๋งไปเลยค่ะ!” ไดนาไมต์อ่อนล้าเหลือเกิน ก่อนโชจะถามว่า “แล้วต่อไปทำอะไรกันอะ?”


“ไม่เอาลงน้ำแล้วนะ พักก๊อนนนน!” เปรมรีบร้องขอชีวิต ไฟสั่นหน้า “เออๆ ไม่เอาแล้วไอ้ห่า กูจะอ้วกแล้วเนี่ย”


“ปั่นจักรยานเป็นไง?”


สามสีเสนอ ไดนาไมต์พยักหน้าหงึกหงัก “ได้หมดอะ ก็ดีนะ ให้ตัวแห้งด้วย” 


“งั้นเช็คบิลเลยไหมล่ะ ปั่นจักรยานเสร็จจะได้เข้ารีสอร์ทเลย ไม่ต้องวนมาเอาของที่นี่อีก” เมธาเสนอ ทุกคนพยักหน้าพร้อมกันเป็นอันตกลง                 


เมื่อเช็คบิลค่าอาหารตรงเก้าอี้ผ้าใบเรียบร้อยเด็กหนุ่มเจ็ดคนก็ไปเช่าจักรยานใกล้ๆ


“เช่ายังไงดีวะ” ไฟยืนคิด แล้วเสนอว่า “ปั่นแบบสี่กับสามไหมมึง?”


“แหม เหมือนสามัคคีกันฉิบหายเลยนี่พวกเราอะ” โชค่อนขอด สามสีหัวเราะ “แยกวงกันเถอะกูว่า ปั่นหลายคนแม่งเหนื่อยจริง”


“งั้นก็แบบปกติสี่คันละกัน เดี๋ยวกูขี่คนเดียวเอง” ไดนาไมต์สรุป


ไม่นานจักรยานสี่คันก็ถูกจับจอง คาราวานนักปั่นเกิดขึ้นแล้ว นำโดยไฟเป็นคนขี่ให้โชซ้อน ถัดมาคือเท็นปั่นแบกเปรม ตามด้วยสามสีที่พ่วงเมธา ส่วนไดนาไมต์ขี่ฉวัดเฉวียนอยู่รอบๆ


เหล่าเด็กหนุ่มปั่นจักรยานเลียบฝั่งกันไป ชายหาดวันนี้ค่อนข้างคึกคักเนื่องจากเป็นวันหยุด เมธายกกล้องโปรตัวใหญ่ของสามสีถ่ายรูปเพื่อนๆ ด้วยรอยยิ้ม พวกเขาแวะถ่ายรูปและกินขนมกันระหว่างทางอย่างครื้นเครงตามประสาวัยรุ่น


ในช่วงเวลาแดดร่มลมตก โชนั่งหันหลังชนกับไฟแล้วสัพยอกเพื่อนอย่างอารมณ์ดี ในมือถือถุงน้ำแข็งใส่น้ำอัดลมรสส้มเย็นจัดไว้


“เหมียว หิวน้ำ” หมอยาส่งเสียง ชลันธรกลอกตา ก่อนจะยื่นข้ามไหล่ตัวเองไปให้ “เอาไปถือ!”


“มือไม่ว่าง” ไฟขมวดคิ้วโดยไม่หันกลับมามอง โชชักมือกลับ ลอยหน้าลอยตาดูดน้ำในถุง “งั้นก็ไม่ต้องกิน”


“ไม่น่ารักเลยมึงนี่” อัคคีบ่น ชลันธรคิ้วกระตุก อยากจะถองหลังหมอยาสักที แต่พอได้ยินเสียงหอบเบาๆ ของอีกฝ่ายแล้วเขาก็เปลี่ยนใจ


“หืม?”


ไฟเลิกคิ้วเมื่อด้านหลังเกิดความเคลื่อนไหว โชวาดขาเปลี่ยนมานั่งหันข้าง เขาจับชายเสื้อคนตัวใหญ่ไว้ ก่อนจะยื่นมือข้างที่ถือถุงน้ำเข้าไปใกล้หน้าหมอยา ส่งเสียง “เอ้า!”


ร่างสูงกระพริบตาคล้ายตามไม่ทัน คนตัวเล็กตะโกนใส่ “มึงหิวน้ำไม่ใช่เรอะ!”


“อ๋อ...” ไฟเข้าใจแล้ว เขาก้มหัวดูดน้ำยิ้มๆ


“ขอบคุณครับ”


“เฮอะ” สิ้นคำโชก็หันกลับมา เด็กประมงก้มหน้า พยายามซ่อนแก้มอันร้อนผ่าวจนขึ้นสีเรื่อจากสายตาของคนภายนอก


จนเกือบสุดหาดนั่นเองที่มีคนมายืนถ่ายรูปกันประปราย ไดนาไมต์มองทิวทัศน์ตาโต “มึงๆ ตรงนี้สวย!”


“แวะถ่ายรูปกันไหมล่ะ” เปรมส่งเสียง ตามด้วยคนปั่นที่เริ่มชะลอความเร็ว กลุ่มเด็กหนุ่มจอดจักรยานไว้แถวนั้น ก่อนจะพากันวิ่งไปเล่นบนชายหาด


บ่ายสามโมงกว่าแล้ว บนหาดทรายขาวซึ่งลมพัดเย็นกำลังดี ไดนาไมต์ก็พูดขึ้น


“เรามาเล่นทายคำกันดีกว่า”


ทั้งวงหันมามองอย่างสนใจ เด็กหนุ่มสีชมพูหันไปทางพ่อครัว “ไอ้เปรมมึงเป็นคนวาด กูจะบอกคำใบ้แล้วมึงก็วาดให้พวกนั้นตอบ”


“จัดไป” เปมทัตยิ้มอย่างนึกสนุก เขาคว้าไม้อันหนึ่งได้แล้ว ไดนาไมต์บอกว่า “ใครตอบถูกเอารางวัลจากกูไปเลย” พวกที่เหลือส่งเสียงคึกคัก ก่อนเด็กหนุ่มผมสีชมพูจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบคนวาด


“ไดนาไมต์...”


เปรมเริ่มขยับแขน เขาวาดพื้นทรายเป็นรูปวงกลม เหลือบมองเจ้าของคำใบ้เล็กน้อยแล้วเติมลูกตาลงไป ตามด้วยจมูกกับริมฝีปาก ขีดผมให้สามเส้น จากนั้นลากเป็นตัวลงมา...


“เปรต”


ไฟเดา ไดนาไมต์ถึงกับทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง “ไม่ใช่...”


“จมูกแบบนี้...” โชลากเสียง “อ๋อ แม่ไอ้เปรม!!”


“ไม่ใช่” เปรมสั่นหัวกลั้วหัวเราะ เขาวาดรองเท้าแตะเป็นขีดๆ แบบที่ไดนาไมต์ใส่ ไฟตาโต “อ๋อออ! นี่ๆ กวางเหลียวหลัง!”


“เหี้ยอะไร้!!!” ทั้งวงประสานเสียงแล้วหัวเราะลั่น ไดนาไมต์ลงไปนอนขำกับพื้น


“นิวเคลียส” เท็นเดา เปรมขำพรืด ก่อนจะยิ้มค้างเมื่อเมตอบว่า “อ่าว ไม่ได้กำลังหาลิมิตอยู่หรอกเหรอ?”


“พวกมึงพักผ่อนบ้างนะ” ไฟทำหน้าเหนื่อย เป็นจังหวะที่สามสีโพล่งขึ้น


“ไอ้ไดเหรอ?”


“...” ทั้งวงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนไดนาไมต์จะลุกพรวด


“ถั่วต้มนะคร้าบบบบบบ!”


ทั้งวงอ้าปากหวอก่อนจะโห่ลั่นหาด เด็กหนุ่มผมสีชมพูยิ้มร่าพลางกางแขนออก “รางวัลก็คือจะได้โดนน้องไดหอมแก้มหนึ่งที มามะสามสี มาเอารางวัล”


“ไม่ล่ะ...” สามสีถอยกรูด ก่อนจะสับขาวิ่งสี่คูณร้อยเมื่ออีกฝ่ายพุ่งตัวเข้ามา “กลัวแล้วไอ้เหี้ย! อย่าเข้ามา!”


“สามจ๋ามาเอารางวัลลลลล”


ที่เหลือมองภาพนั้นด้วยแววตาว่างเปล่า


“ดีนะ...กูตอบผิด” แล้วไฟก็พึมพำออกมาแทนความในใจของทุกคน




สี่โมงเย็นแล้ว สามสีเดินถือกล้องโปรตามถ่ายรูปให้เพื่อนๆ อยู่บนหาดทรายขาว ตอนนั้นเองที่โชส่งเสียง


“มึงๆ กูอยากกระโดดกันเจ็ดคนอะ”


ไดนาไมต์หันมาอย่างสนใจ แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า “แล้วใครจะถ่ายให้พวกเรา?”


“ผมถ่ายให้ไหมครับ?”


เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มหน้าใสไว้ผมยาวถึงกลางหลังสีฟ้าสวย รูปร่างของเขาสูงโปร่ง แขวนกล้องกับสะพายเป้ที่มีสมุดโน้ตโผล่พ้นออกมา


“เอ่อ...” สามสีลังเล ทว่าชายหนุ่มกลับยื่นมือมาทางเขา บอกว่า “เห็นพวกเธอเล่นกันอยู่นานแล้ว ให้ผมถ่ายให้จะได้มีรูปของทุกคนไงครับ”


“ขอบคุณมากเลยครับ!” โชร้องก่อนจะเดินไปหามุมตั้งท่า สามสีมองคนอื่นๆ ที่ทยอยเดินตามเด็กประมงไป ตัดสินใจส่งกล้องให้ชายแปลกหน้า


“รบกวนถ่ายรูปตอนพวกเรากระโดดให้หน่อยนะครับ” เปรมตะโกนบอก ชายหนุ่มรับกล้องมาถือไว้แล้ว พยักหน้ายิ้มๆ “โพสท่าได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะครับ”


แล้วเด็กหนุ่มเจ็ดคนก็เข้ามาอยู่ในเฟรมเดียวกัน พวกเขากระโดดพร้อมกันด้วยท่วงท่าแปลกตาชวนขบขัน เสียงกล้องจับชัตเตอร์ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ


ขณะถ่ายภาพพวกเปรมคุยเล่นและหัวเราะกัน ระหว่างนั้นก็ได้ชายหนุ่มผมสีฟ้าคอยกดชัตเตอร์บันทึกภาพความทรงจำเหล่านั้นให้อยู่เงียบๆ


ผ่านไปพักใหญ่พวกตัวแสบก็เหนื่อยจนแย่งกันมาขอดูรูป ก่อนจะสูดปากอย่างตกตะลึงเมื่อทุกภาพในกล้องนั้นจัดองค์ประกอบได้สวยงามและปรากฏภาพจังหวะดีๆ มากมาย


“สุดยอด มืออาชีพมาก” ไดนาไมต์ชมเปาะ ไฟตาโต “ไอ้เหี้ยกูหล่อมาก”


“เฮ้ยขากูยาวมาก ทำได้ไงวะ” โชตาเป็นประกาย เท็นมองภาพในกล้องอย่างชื่นชม “สวยจัง”


“ตอนเผลอกูยังหล่ออะ” เปรมโคตรภูมิใจ เมธายิ้มกว้าง “ถ่ายภาพเก่งจัง”   


สามสีมองเพื่อนๆ มะรุมมะตุ้มกล้องกันจากวงนอก ตอนนั้นเองที่ชายหน้าอ่อนเดินมาหาเขา เด็กหนุ่มตัวสูงสะดุ้ง พูดว่า “เอ่อ ขอบคุณมากนะครับที่ถ่ายรูปสวยๆ ให้...”


“ผมไม่ได้ถ่ายให้ฟรีๆ หรอกนะครับ”


สามสีชะงัก เหลือบมองเพื่อนๆ เล็กน้อย ทว่าทุกคนยังคงง่วนอยู่กับการวิจารณ์รูปจนไม่ทันได้ยิน เด็กหนุ่มตัวสูงสูดลมหายใจลึก “ผมไม่ขายไตนะ”


“หน้าผมเหมือนคนค้ามนุษย์มากเลยรึไง” ชายหนุ่มหัวเราะ ตัดสินใจยื่นนามบัตรให้ บอกว่า “ผมชื่อมาร์ช เป็นนักเขียนอิสระ แต่ก็ควบอาชีพดีไซเนอร์ด้วย”


สามสีรับมาแล้วขมวดคิ้ว “คุณต้องการอะไร?”


“ผมสนใจคุณ”


มาร์ชจุดยิ้ม มองเด็กหนุ่มที่สูงกว่าตัวเองหลายช่วงหัวอย่างพึงพอใจ “ผมต้องการให้คุณมาเดินแบบชุดฟินนาเล่ให้ห้องเสื้อของผม”


สามสีตากระตุก เผลอหันไปทางเพื่อน บอกว่า “คุณอาจจะเมาอะไรอยู่ แต่สองคนนั้นดูดีกว่าผมแน่” เขาหมายถึงเท็นกับไฟ มาร์ชจุดยิ้ม “อาจจะเป็นแบบนั้น แต่พวกเขาไม่เหมือนคุณ”


“หมายความว่ายังไง?”


“คุณมีสิ่งที่พวกเขาไม่มี และมีแต่คุณที่มี” ชายหนุ่มผมสีฟ้าตาเป็นประกาย “ถือซะว่าเป็นค่าที่ผมถ่ายรูปให้พวกคุณก็แล้วกันนะครับ”


“ทำไมต้องเป็นผม?”


“คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่คุณมีเสน่ห์บางอย่าง และผมต้องการให้คุณใช้มันกับชุดของผม” มาร์ชพูดด้วยสีหน้าสบายๆ เด็กหนุ่มตัวสูงนิ่งไปคล้ายใช้ความคิด


จะว่าไปเมื่อกี้อีกฝ่ายก็ทุ่มเทถ่ายภาพให้พวกเขาอยู่ไม่น้อย แถมยังถ่ายออกมาสวยจนเพื่อนๆ ของเขาชมไม่ขาดปากอีก พอลองหักล้างกันแล้วสามสีก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา


“งานเดียวนะ”


เด็กหนุ่มบอก เขาไม่ชอบอะไรยุ่งยาก


“แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ” มาร์ชยิ้มอย่างดีใจ เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา “รบกวนขอเบอร์มือถือคุณสามด้วยนะครับ”


สามสีบอกไป ไม่นานอีกฝ่ายก็เมมเบอร์เขาไว้ พูดยิ้มๆ ว่า “แล้วเจอกันนะครับคุณสาม ฝากสวัสดีเพื่อนๆ ด้วย” สิ้นคำชายหนุ่มก็เดินจากไป


ตอนนั้นเองที่เปรมหันมา “รูปสวยมากเลย ขอบคุณมากนะครับคุณ...อ้าว?”


เสียงพ่อครัวเรียกให้ทุกคนหันมา สามสีมองหน้าเพื่อน ก่อนจะโดนเปมทัตถามว่า “คนเมื่อกี้ไปไหนแล้วล่ะ?”


“กลับไปแล้ว เขาฝากสวัสดีพวกมึงด้วย” เด็กหนุ่มตัวสูงตอบ เมธามองตาม พึมพำว่า “ทั้งๆ ที่ถ่ายสวยจนเหมือนมืออาชีพขนาดนี้แท้ๆ ว่าจะขอบคุณสักหน่อย”


“กลับรีสอร์ทกันเลยไหม” สามสีตัดบท อีกหกคนมองหน้ากัน ก่อนไดนาไมต์จะพูดว่า “ก็ดีนะ จะได้รีบเอาจักรยานไปคืนเขาด้วย เดี๋ยวโดนปรับ”


ที่เหลือเห็นด้วย เหล่าเด็กหนุ่มจึงทยอยกันเดินขึ้นจากหาดมา พวกเขายังคงพูดถึงภาพถ่ายในกล้องกันอยู่ สามสีมองตาม เก็บนามบัตรชายหนุ่มผมสีฟ้าใส่กระเป๋ากางเกงอย่างปลงตก


เอาเถอะ...ถ้าเพื่อนๆ พอใจแบบนี้เขาจะยอมสักครั้งก็ได้




หลังคืนจักรยานเสร็จเด็กหนุ่มเจ็ดคนก็เดินเข้ารีสอร์ทมาในเวลาห้าโมงเย็น พวกเขาเปิดประตูบ้านพัก โชมองแท่นเหล็กที่ตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำตาโต


“เฮ้ยเพิ่งเห็น มีแท่นให้เล่นมวยน้ำด้วยเว้ย”


ไดนาไมต์ตาเป็นประกายอย่างสนใจ กระตุกชายเสื้อสามสียิกๆ “มึงๆ เดี๋ยวออกมาเล่นมวยน้ำกัน”


“เออเอาดิ” เด็กหนุ่มตัวสูงขานรับก่อนจะเดินนำเข้าห้องไป


หลังดื่มน้ำกับเก็บของเสร็จพวกเปรมก็มารวมตัวกันตรงแท่นเหล็กริมสระเพื่อเล่นมวยน้ำ เด็กหนุ่มเจ็ดคนใช้วิธีโอน้อยออกแบ่งฝั่งเป็นสามคนกับสี่คน ฝั่งสามคนได้แก่ เปรม โชและเม


กติกาคือให้ฝั่งสามคนผลัดกันจับฉลากเลือกคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ที่เหลือ เปมทัตอาสาเล่นคนแรก ไดนาไมต์จึงผันตัวเป็นกรรมการ ร้องว่า “เอาล่ะเรามาเริ่มกันเลยนะครับ! กับศึกแรก...”


พ่อครัวหยิบฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ จากนั้นจึงคลี่แล้วหันให้เพื่อนๆ ดู


Round1: หมอโข่งหน้าตาย vs. กุ๊กปากร้ายใจดี

เปรมคว้านวมสีแดงที่แขวนไว้ข้างแท่นเหล็กขึ้นมาใส่ เขาปีนขึ้นบันไดฝั่งซ้าย เด็กโข่งมองตาม สวมนวมสีน้ำเงินบ้างแล้วปีนขึ้นบันไดอีกฝั่ง


เปมทัตก้มตัววักน้ำในสระใส่คานเหล็กที่พาดยาว ไฟผิวปากหวือ “อยู่เป็นนี่หว่าไอ้นี่”


“แน่น้อน” เปรมยักคิ้ว เพราะพอเล่นไปนานๆ คานเหล็กจะร้อนจนอาจทำให้ลวกแสบผิวได้ จึงต้องใช้น้ำทำให้เกิดความชื้น แน่นอนว่าพ่อครัวพรมน้ำเผื่อส่วนของเด็กโข่งด้วย


ไดนาไมต์ใช้มือถือต่างไมโครโฟน ส่งเสียง


“มุมแดงเปิดตัว! พ่อครัวอันดับหนึ่งจากประเทศ...ประเทศราชนะครับ ซึ่งต้องส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นเครื่องราชบรรณาการให้ประเทศเมืองขึ้นทุกๆ ปี...เปรมวัดสุทัศน์!!”


เปมทัตชกกำปั้นเข้ากับมืออีกข้าง ดวงตาสีนิลสะท้อนภาพคู่ต่อสู้ตรงหน้าอย่างหมายมาด เด็กหนุ่มผมสีชมพูหันหน้าไปอีกฝั่ง พูดว่า


“และมุมน้ำเงินผู้ท้าชิง! เซเลอร์เท็น!! ตัวแทนจากดวงจันทร์...แต่ลงไม่ทันนะครับ เพราะเซคนี้รับน้อยเหลือเกิน”


“เน็ตไม่ดีด้วยงี้” ไฟหัวเราะ


เท็นกระชับนวมด้วยใบหน้าสุขุม ดวงตายาวรีจับจ้องกุ๊กคนเก่ง ตอนนั้นเองที่ไดนาไมต์ตะโกนว่า


“ยกที่หนึ่ง...เริ่มได้!”


เปมทัตเขยิบตัวเข้าไปหาคนตัวใหญ่ทันที ถือคติบุกก่อนได้เปรียบ พ่อครัวเกี่ยวขากับคานเหล็กไว้แน่นก่อนจะเหวี่ยงหมัดใส่ต้นแขนอีกฝ่าย


ปึก!


“...”


ทว่าเท็นยังคงนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน เปรมขยับเข้าไปใกล้อีกก่อนจะรัวกำปั้นใส่ แน่นอนว่าเด็กโข่งหลบได้ เปมทัตแสยะยิ้ม มันต้องแบบนี้!


พ่อครัวหวดหมัดแบบระมัดระวังไม่ให้ตัวเองร่วงจากคานเหล็ก ในขณะที่คนตัวใหญ่เพียงโยกตัวหลบเท่านั้น เปรมเริ่มเหนื่อยแล้วจึงร้องว่า “ตอบโต้ซะบ้างเซ่!”


ตอนนั้นเองที่เท็นอาศัยจังหวะพ่อครัวหวดหมัดครั้งสุดท้ายล็อคแขนคนตัวเล็กไว้ ตามด้วยกระชากอีกฝ่ายเข้ามากอดดังหมับ!


“ว้ากกกกกก!” เปมทัตตกใจ เผลอรัวกำปั้นทุบหลังคนตัวใหญ่ไปหลายอั้กหมายให้ปล่อย พลันเท็นก็ผละออก ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากดจมูกหอมแก้มพ่อครัวดังฟอด!


“...” เปรมช็อคจนทิ้งมือลงข้างตัวดังตุบคล้ายโดนกดปิดสวิตซ์ เด็กโข่งตาเป็นประกาย ซุกหน้าลงกับไหล่พ่อครัวอย่างออดอ้อน


ไดนาไมต์คิ้วกระตุก ตะโกนออกมาพร้อมกับไฟว่า


“ต่อยกันสิโว้ย!!!!”


“ปล่อย” เปมทัตได้สติแล้วพยายามดิ้นจากอ้อมกอด ทศทิศขมวดคิ้ว “ไม่” ว่าพลางรัดคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น หน้าของเปรมบิดเบี้ยวเมื่อถูกบดเบียดกับอกกว้าง เขาพูดเสียงแผ่ว


“กลัวแล้ว...ปล่อยฉันไปเถอะ จะลงแล้ว ยอมแล้ว...”


“อย่ายอมแพ้ง่ายๆ แบบนั้นสิ” เด็กโข่งดุ


“ช่วยด้วย...” เปมทัตทำหน้าจะร้องไห้ สามสีกับเมเห็นแล้วหัวเราะลั่น


“ลงมาเลยนะพวกมึง!!” โชตะโกนอย่างหมดความอดทนในที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
(ต่อ)


“ต่อไปไอ้โชจับ”


ไดนาไมต์ยื่นกระปุกใส่ชื่อคนที่เหลือให้ เด็กประมงหยิบฉลากมาหนึ่งใบ ก่อนจะเปิดมันให้ทุกคนดู


Round2: หมอยาหล่อร้าย vs. เจ้าชายแห่งท้องทะเล


โชรับนวมสีน้ำเงินมาจากเท็น เด็กประมงปีนขึ้นบันไดไปพร้อมกับหมอยา คู่กัดวักน้ำใส่คานกันคนละข้างอย่างเป็นงาน แล้วไดนาไมต์ก็ส่งเสียง


“กลับมาที่ศึกรอบสอง! มุมแดงแรงฤทธิ์! หมอยารูปหล่อมาดเกาหลี...เกาหลีเหนือนะครับ ส่งตรงจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์...ไฟจองอึน!!”


ไฟกระชับนวมพลางหมุนคอดังกึกกัก ดวงตาคมกริบสะท้อนภาพคู่แข่งที่ปีนขึ้นมาหยุดตรงหน้า เด็กหนุ่มผมสีชมพูร้องว่า


“และร้อนแรงไม่แพ้กัน! มุมน้ำเงิน! พยัคฆ์หนุ่มมาดแมวส่งตรงจากสวนสัตว์ดุสิต! น้องชายเดอะร็อคนักมวยปล้ำชื่อดัง เดอะโช...มัสโกออนนะครับ!!”


โชหวดลมอย่างคึกคัก ดวงตาแมวคู่นั้นกระหายการต่อสู้จนถึงขีดสุด


“ยกที่สอง...เริ่มได้!”


ชลันธรปราดเข้าหาร่างใหญ่ทันที เขาปล่อยหมัดใส่อีกฝ่ายเต็มแรง อัคคีเกี่ยวขาไว้แน่นก่อนจะเอนตัวหลบไปด้านหลัง เด็กประมงหวดอีกหมัด ไฟปัดทิ้งแล้วต่อยสวน


หวืด!


เด็กประมงเกร็งขาโยกตัวหลบทันแบบเฉียดฉิว ดวงตาแมวจับจ้องสีข้างคนตัวใหญ่ เขาเหวี่ยงแขนใส่ทว่าอัคคีก็ไวพอที่จะป้องกันเอาไว้ได้ หมอยาล็อคแขนคนตัวเล็กไว้แล้วสะบัดออก


ฟุบ!


ร่างของโชไถลลงไปทางซ้ายมือทันที อัคคีแสยะยิ้ม ชัยชนะเป็นของเขาแล้ว...


ผัวะ!


“โอ๊ย!” ไฟชักขาหลบเมื่อโดนประทุษร้ายตรงหน้าแข้ง


“ฮี่...”


โชที่น่าจะร่วงลงน้ำไปแล้วกลับอยู่ในสภาพห้อยหัวสู้แรงโน้มถ่วงเอาขาเกี่ยวคานไว้แน่น ด้วยร่างกายของนักกีฬาเรื่องแบบนี้สบายมากสำหรับเด็กประมง


ผัวะ!


“โอ๊ย! ไอ้เหี้ยนี่สู้เว้ย” อัคคีพูดลอดไรฟัน ร่างสูงขยับเข้าไป พยายามแกะขาเด็กประมงออกจากคานด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม


โชในสภาพห้อยหัวอย่างทุลักทะเลร้องลั่น “ไอ้เหี้ยไฟหยุด!”


“ร่วงไปซะๆๆ” ไฟท่องเหมือนสวดมนต์ นิ่วหน้าเมื่อหน้าแข้งโดนประทุษร้ายแรงขึ้น ชลันธรกัดฟันกรอด ปล่อยหมัดสู้ขาดใจในสภาพห้อยหัว ด่าว่า “ไอ้เหี้ยไฟ!! นิสัยไม่ดี!! ไอ้ชั่ว!!”


“...” สามทหารเสือมองภาพนั้น เปมทัตพึมพำว่า “โห ชนะแล้วได้ทองมั้ยเนี่ย”


“กับเรื่องเรียนหนูทุ่มเทขนาดนี้ไหมลูก” ไดนาไมต์ทำหน้าเหนื่อย ส่วนสามสีลอบนวดขมับเงียบๆ


ถึงตรงนี้โชก็รู้สึกแล้วว่าตัวเองกำลังจะร่วง แต่เขาจะแพ้ไม่ได้! เด็กประมงตัดสินใจรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย เหวี่ยงร่างกายขึ้นมาตั้งตัวบนคานเหล็กอีกครั้งด้วยอาการเซ


ไฟแสยะยิ้มก่อนจะวาดแขนเข้าหา...


ทว่าโชกลับคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามา เกร็งขาแล้วชะโงกหน้าเข้าไปหอมแก้มหมอยาดังฟอด!


“...”


กริบกันทั้งวง ไฟนิ่งไปคล้ายตุ๊กตาถ่านหมด โชแสยะยิ้ม อาศัยจังหวะนั้นหวดหมัดเข้าข้างแก้มอีกฝ่ายเต็มแรง ส่งให้ร่างใหญ่ร่วงจากคานหล่นใส่น้ำในสระ


ตู้มมม!


ไดนาไมต์ได้สติตอนนั้น ร้องว่า “ผู้ชนะคือมุมน้ำเงิน! เดอะโชมัสโกออนคร้าบ!!”


“เหลือร้ายแท้โว้ย!” สามสีเปิดปากแซว โชเหยียดยิ้ม ชูแขนขึ้นคล้ายประกาศความยิ่งใหญ่


“ใครเจ๋งไอ้น้อง!!”


“พี่โช!” สามทหารเสือตะโกนตอบพร้อมกัน


ในสระน้ำใต้คานเหล็ก ไฟพรวดขึ้นมาด้วยสภาพเปียกโชก เขามองคู่กัดที่นั่งชูแขนยิ้มกริ่มอยู่บนคาน สบถว่า


“ไอ้ขี้โกงเอ๊ย!”


ทว่าพอนึกถึงสัมผัสเมื่อครู่แล้วหมอยาก็หลุดยิ้มออกมา


“แต่แบบนี้ก็ไม่เลวนะ...” 




รอบสุดท้ายเป็นของเมธา ครูคณิตหยิบกระดาษออกมาแล้วคลี่ออก

   
Round3: ไอ้หัวชมพู vs. ครูสอนคณิต

    
ไดนาไมต์รับนวมจากไฟมาสวม ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไม่ส่อเค้าอารมณ์อย่างผิดวิสัย เด็กหนุ่มผมสีชมพูวักน้ำใส่คานเหล็กตามสเต็ป ก่อนจะปีนขึ้นบันไดมา


ไฟมองท่าทางนั้น ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป บ่นว่า


“...ไอ้ห่า มึงก็เครียดซะกูไม่กล้าแซวเลย”


ไดนาไมต์ขยับมานั่งกลางคาน เขากระชับนวมในมือ ดวงตาสีนิลจับจ้องคู่แข่งตัวเล็กที่กำลังปีนบันไดอีกฝั่งขึ้นมา หมอยาสูดลมหายใจ ร้องว่า


“แซวไอ้เมดีกว่า...ท้าชนโดยมุมน้ำเงิน! ครูคณิตคิดเร็วเพราะส่ายเอวเวลาทำโจทย์...นายเมธา สันติสุข!! ส่งเข้าประกวดโดยวงการอาหารและยานอวกาศครับ!”


เมธาตั้งการ์ดกล้าๆ กลัวๆ ดวงตาคู่เล็กนั้นสั่นระริก บรรยากาศตึงเครียดไปชั่วอึดใจ ก่อนเปมทัตจะตะโกนว่า


“ยกที่สาม...เริ่มได้!”


“...”


บนคานเหล็กนิ่งสงบ พวกเปรมมองลุ้นๆ ทว่าก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ผ่านไปครู่ใหญ่...ตอนนั้นเองที่ไดนาไมต์ขยับตัวเข้ามาหาคนตัวเล็ก


“เฮือก!” เมสะดุ้งจนเผลอหวดหมัดใส่ต้นแขนอีกฝ่ายเต็มแรง ดัง...


ปุก!


“...” ไดนาไมต์นั่งนิ่ง แรงปะทะเมื่อกี้คล้ายโดนสะกิดเท่านั้น เขามองเมธาก้มหน้าหลับตาปี๋ตัวสั่น สุดท้ายก็คลายขาที่เกี่ยวคานออกแล้วไหลตัวลงน้ำไปเองดื้อๆ


ตู้มมมม!


“...”


ทั้งวงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนไฟจะพูดเสียงโมโนโทนว่า “...และผู้ชนะคือฝ่ายน้ำเงิน นายเมธา สันติสุขครับ”


เมธามองไปด้านล่างอย่างกังวล “ได! เป็นอะไรรึเปล่า!”


ไดนาไมต์พรวดขึ้นมาจากน้ำ


“ไงมึง” สามสีเดินมายืนขอบสระแล้วยื่นมือให้ ไดนาไมต์จับมือนั้น สั่นหัวยิ้มๆ “กูสู้เมไม่ได้ว่ะ แม่งน่ารักเกิน ต่อยไม่ลง”


“กูเข้าใจ” เด็กหนุ่มตัวสูงหัวเราะ


“ได!” เมธาวิ่งมายืนข้างสามสี ใบหน้าน่ารักนั้นฉายแววกังวล “ขอโทษนะ! เจ็บมากรึเปล่า เราผิดเองที่ต่อยไดไปเต็มแรงเลย ขอโทษที่ทำให้ตกลงมานะ...”


สองคู่หูมองคนตัวเล็กก้มหัวขอโทษขอโพยด้วยแววตาว่างเปล่า สามสีเป็นคนบอกว่า “อา หมอนี่ไม่เป็นไรหรอก”


“ยกที่สามแม่งเกิดขึ้นเร็วมาก” โชพึมพำ


ไฟมองไดนาไมต์ที่ได้สามสีช่วยดึงขึ้นจากน้ำ เหยียดยิ้มอย่างนึกสนุก ตะโกนว่า “มึงสองคนไม่สู้กันบ้างวะ! ไอ้สามยังไม่ได้เล่นเลยนี่!”


“เห...กูกับไอ้สามเหรอ?” ไดนาไมต์เลิกคิ้ว เปรมเห็นด้วย “เออ ยกพิเศษไง คนแพ้เจอกับตัวพาสงี้”


“กติกูสัด...” สามสีพูดกึ่งหัวเราะ ก่อนจะสบตาเด็กหนุ่มผมสีชมพู “แต่เอางั้นก็ได้ อย่าหาว่าไม่เตือนล่ะ”


ไดนาไมต์เหยียดยิ้ม เขาชกไหล่คู่หูเบาๆ บอกว่า


“พี่จะใส่ให้ยับเลยน้อง”


“กลัวที่ไหนกัน” สามสียักคิ้วท้าทาย

 
Special Round: แมวเหมียว vs. ระเบิด

   
สามสีกับไดนาไมต์ปีนบันไดขึ้นคานเหล็กไปคนละข้าง เด็กหนุ่มผมสีชมพูกระชับนวมสีแดงแน่น เมื่อทั้งคู่ประจำที่ไฟก็ตะโกนว่า “เฮ้ยเอางี้ดีกว่า!”


ทุกสายตาหันไปมองคนพูดเป็นตาเดียว


“คนแพ้ต้องสารภาพความจริงในใจกับคนชนะ”


หมอยายักคิ้ว ไดนาไมต์สะดุ้ง หันขวับ “ไอ้เหี้ยไฟ! อย่าใส่กติกาเองเด้!”


“เอ้า นัดพิเศษไง คืนกำไรคนดูหน่อยดี้ ทางบ้านเขาอยากเห็น” ไฟไม่สะทกสะท้าน เปรมเหยียดยิ้มอย่างนึกสนุก “เออเอาดิ ใครแพ้สารภาพนะเว้ย!”


เด็กหนุ่มผมสีชมพูทำหน้าปั้นยาก เขาลอบมองอีกฝ่าย...ให้สารภาพความจริงในใจกับไอ้สามเนี่ยนะ?


จะไปพูดได้ยังไง...


“ไอ้สามว่าไง” โชหันไปถามมุมน้ำเงิน สามสีไหวไหล่


“กูไม่มีปัญหา”


ไดนาไมต์สบตาคู่หู เพราะงั้นศึกครั้งนี้เขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!


“ยกพิเศษ...เริ่มได้!”


ไดนาไมต์ปราดเข้าหาคู่หูทันทีก่อนจะหวดหมัดใส่ สามสีหลบได้แล้วเหวี่ยงแขนสวน เด็กหนุ่มผมสีชมพูปัดทิ้งพร้อมพุ่งแขนออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเด็กหนุ่มตัวสูงก็ไวพอที่จะตั้งรับได้ทัน


ทั้งคู่ฟาดกำปั้นใส่กัน จังหวะนั้นไดนาไมต์ใจลอยไม่ทันเห็นหมัดที่สามสีปล่อยออกมา กำปั้นอีกฝ่ายกระแทกอกเด็กหนุ่มผมสีชมพูดังปั้ก! พร้อมกับร่างของเขาที่เซไปด้านหลัง


สามสีเบิกตากว้าง


หมับ!


ไวเท่าความคิด เด็กหนุ่มตัวสูงรีบคว้าแขนคู่หูกลับเข้ามา ทว่าเขากลับเป็นคนเสียจังหวะเสียเอง ไดนาไมต์คว้าคานเหล็กไว้ด้วยอารามตกใจ ส่วนอีกคนร่วงตกน้ำไป


ตู้มมมม!


“อีเหี้ยอย่างกับหนังกำลังภายใน” โชอ้าปากค้าง ไดนาไมต์ได้สติตอนนั้น ร้องเรียก


“ไอ้สาม!!!”


พรวด!


สามสีพุ่งตัวขึ้นมา เด็กหนุ่มเสยผมที่ลู่ลงปรกหน้า ดวงตาคมกริบจับจ้องคนที่ยังนั่งกอดคานอยู่ข้างบน


“เออ ได้ยินแล้ว”


คนตกน้ำยืนเช็ดหน้าเช็ดตา ตอนนั้นเองที่ไฟร้องว่า “สรุปไอ้สามตกน้ำ ดังนั้นผู้ชนะได้แก่...!”


“หยุดก่อน!”


ไดนาไมต์ตะโกนขัด ทั้งวงเงียบไปชั่วอึดใจ เด็กหนุ่มผมสีชมพูพูดว่า “จริงๆ เมื่อกี้กูต้องเป็นคนแพ้ กูจะสารภาพเอง!”


สามสีมองภาพนั้น “ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวกู...”


“กูจะสารภาพ! มึงน่ะฟังไปเงียบๆ เถอะ!”


เด็กหนุ่มตัวสูงปิดปากฉับ เขาสบตาเด็กหนุ่มผมสีชมพู ดวงตาคู่นั้นฉายแววสับสนและเขินอาย ไฟเห็นแล้วผิวปากหวืออย่างรอชมของสนุก


“อะ ผู้แพ้พูดได้” พ่อครัวให้สัญญาณ ไดนาไมต์สูดลมหายใจลึก เปิดปากว่า


“มึงจำคืนล่าสุดที่กูไปนอนค้างบ้านมึงได้ไหม”


“...อืม” สามสีขานรับ ดวงตาคมกริบจ้องคนพูดไม่วางตา


“คืนนั้น กูเห็นมึงหลับอยู่ข้างๆ คือบรรยากาศมันเป็นใจ...ทำให้กูเผลอไป” ไดนาไมต์สารภาพด้วยใบหน้าร้อนผ่าว ไฟกับโชตาเป็นประกาย เกิดความสนใจขึ้นมาแบบฉับพลัน


“ได...” สามสีทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าอีกคนแทรกขึ้น


“กูขอโทษนะสาม! แต่กูเห็นมึงหลับแล้วกูห้ามใจไม่ไหวจริงๆ...”


“...”


“กูห้ามใจให้ตัวเองลุกไปขโมยโดนัทของมึงในตู้เย็นไม่ได้! กูขอโทษจริงๆ! ความจริงอันนั้นแม่มึงไม่ได้ให้หมากินไปหรอก กูเองสาม กูเป็นคนกินโดนัทของมึงเอง กูขอโทษ!” ไดนาไมต์ก้มหัวขอโทษจนหัวโขกเสา


“...” ไฟกับโชยิ้มค้าง มุมปากกระตุกหงึก


“...อันนั้นกูรู้แล้ว” สามสีพูดมึนๆ เหมือนไม่ใส่ใจนัก “มึงหิวตอนดึกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่”


“มึงไม่โกรธกูเหรอ?”


“เปล่า” สามสีปีนขึ้นจากน้ำ เปรมขมวดคิ้วคล้ายตามไม่ทัน “เดี๋ยวๆ! สรุป ‘ความจริงในใจ’ ของมึงคือเรื่องนี้เหรอ?”


“กูรู้สึกผิดมาตลอดเลยนะเว้ย!” ไดนาไมต์ตะโกนหน้าดำหน้าแดง ก่อนจะลดเสียงลง “แต่โดนัทอันนั้นมันก็อร่อยมากจริงๆ...”


“...” ไฟกับโชกลอกตาพร้อมกัน หมอยาตบมือร้องว่า “เอ้าๆ แยกย้ายกันเถอะหนุ่มๆ ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วเตรียมตัวลุยตลาดกลางคืนกัน”


สิ้นคำทุกคนก็ทยอยกันเดินเข้าบ้านพักไป สามสีถอดเสื้อเปียกน้ำของตัวเองออกแล้วก้มหน้า ดวงตาคมกริบคู่นั้นหม่นแสงลงไปวูบหนึ่ง


เอาเถอะ...หวังอะไรกับหมอนั่นได้ที่ไหนกัน



     
หลังอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จไฟก็ขับรถพาเพื่อนๆ ไปถนนคนเดินตอนหนึ่งทุ่ม ที่นั่นมีอาหารและเครื่องดื่มขายมากมาย ราตรีนี้ของพวกเขายังอีกยาวไกลนัก


ตอนแรกก็จับกลุ่มเดินกันอยู่ดีๆ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เหลือแค่สามทหารเสือเสียแล้ว
“อ้าว ที่เหลือไปไหนหมดวะ” ไดนาไมต์มองหาเพื่อน สามสีถือกุ้งแม่น้ำกับปลาหมึกอยู่ข้างๆ บ่นว่า “คนมันเยอะ คงโดนเบียดจนคลาดกันระหว่างทาง”


“เดี๋ยวค่อยไปเจอพวกนั้นที่รถก็ได้ เราก็ซื้อของที่จะกินกันให้เสร็จเถอะ” เปมทัตบอก แม้ใจจะนึกห่วงเด็กโข่งอยู่ไม่น้อยเลยก็ตาม หวังว่าหมอนั่นคงจะไม่ได้หลงไปคนเดียวหรอกนะ


ตอนนั้นเองที่พ่อครัวชนเข้ากับใครบางคน


“ขอโทษครับ!” เปรมร้องแล้วเงยหน้า


พลันร่างสูงเส้นผมสีน้ำตาลก็ปรากฏแก่สายตา ใบหน้าหล่อร้ายนั้นเฉยชา ทว่าดวงตาปิศาจคู่นั้นกลับทอประกายพราวระยับอย่างเจ้าเล่ห์ 


“ไอ้เอื้อ!”


เจ้าของชื่อเบิกตากว้าง ร้องเสียงแผ่ว “...หน่องเปรม?”


ดวงตาปิศาจเหลือบมองไปรอบๆ โดยอัตโนมัติ เผลอถอนหายใจเมื่อไม่พบใครบางคนที่กังวลถึงอยู่


“มึงมาทำอะไรเนี่ย?”


ไดนาไมต์ร่วงวงทักด้วย เอื้ออังกูรปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ตอบว่า “มาทำธุระให้จูเลียร์” เขามองสามสีที่เดินเข้ามาอีกคน “แหม มากันครบเลยนะ ฉลองสอบเสร็จเหรอ”


“เออ พวกกูจะไปปิ้งของทะเลกินกันที่รีสอร์ทใกล้ๆ นี่อะ มึงมาด้วยกันไหม?” เปมทัตเอ่ยชวน เอื้ออังกูรครุ่นคิด พูดว่า “ถ้าเคลียร์งานเสร็จจะไปก็แล้วกัน”


“แล้วนี่มาเดินกับใครวะ?” สามสีถามพลางชะเง้อคอมองไปรอบๆ เอื้ออังกูรยักไหล่


“กูมาคนเดียว”


ตอนนั้นเองที่ร่างหนึ่งพรวดเข้ามากลางวง สามทหารเสือสะดุ้ง ผู้มาใหม่เป็นหญิงสาวผมยาวหน้าตาสะสวย ถ้ายังจำกันได้ เธอคือเจ้าหน้าที่สาวในสถาบันกวดวิชาของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล


แต่ใกล้ชิดกว่านั้นหน่อยก็... ‘แฟนเก่า’ นั่นเอง


“เอื้อ!”


หญิงสาวร้องเรียก เอื้ออังกูรเลิกคิ้ว “เธอ...?”


“ทำไมโทรไปไม่รับ! แล้วตัดสายกิ๊ฟทำไม?” ใบหน้าหวานนั่นโกรธขึ้ง สามทหารเสือมองหน้ากันเลิกลัก เปรมกับไดนาไมต์ยืนด้านซ้ายมือของเอื้ออังกูร ส่วนสามสีอยู่ทางขวา


เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตอบเรียบๆ


“ฉันเบื่อแล้ว”


พวกเปรมตาเหลือก ฉิบหาย แล้วไปตอบเขาแบบนั้น...


กิ๊ฟเบิกตากว้าง เธอแทบกรี๊ดออกมา “ทำไมเอื้อทำแบบนี้! ไหนว่าเอื้อมีกิ๊ฟคนเดียวไง? เอื้อมีใครใช่ไหม!!”


“ฉันไม่ได้มีใครทั้งนั้น! มันไม่ใช่อะกิ๊ฟ! ก็มันไม่ใช่!!” เอื้ออังกูรเหวี่ยง


หญิงสาวกระทืบเท้าอย่างโกรธจัด “กรี๊ดดดด! กิ๊ฟไม่ย้อมมม!”


“เราเลิกกันเถอะ”


เอื้ออังกูรตัดบท หญิงสาวนิ่งไปคล้ายช็อค “ทำไมแบบนี้...” เสียงหวานนั้นสั่นเครือ กิ๊ฟร้องออกมาอย่างเศร้าสร้อย


“ถามจริงๆ เธอมองฉันที่อะไร...”


“...”


“มองที่ใจ...หรือว่ามองที่หน้าตา”


เอื้ออังกูรเบือนหน้าหนี


“ฉันอยากรู้...”


“วันไหนฉันสวยขึ้นมา” ไดนาไมต์หลุดร้องอย่างลืมตัว ตามด้วยเปมทัต “เธอนั้นหนา...”


“จะเรียกฉันว่าอะไร” สามสีต่อให้จนจบ


เอื้ออังกูรสูดลมหายใจลึก พูดว่า


“น้องกิ๊ฟ...”


เพียะ!


ใบหน้าหล่อร้ายหันไปตามแรงตบ หญิงสาวจ้องเขาทั้งน้ำตา ร้องว่า “อย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนั้นอีก! ไม่ต้องมาวอนขอโอกาส! เราเลิกกัน!” พูดจบเธอก็วิ่งออกไป


เอื้ออังกูรหันกลับมาช้าๆ เปรมอดถามไม่ได้ว่า “เมื่อกี้มึงเรียกเขาทำไมวะ?”


“เรียกเหี้ยไรล่ะ กูร้องเพลง” ปิศาจร้ายซี้ดปาก แรงตบเมื่อกี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย บ่นว่า “ไอ้ห่า พวกมึงส่งมาขนาดนั้นแล้วกูจะพลาดได้ยังไง นี่กูกำลังจะแรปเลย น้องกิ๊ฟ เชอร์รี่น้องวาย...งี้”


“คือไม่ได้สำนึกเลยสินะ”


สามสีมองเพื่อนเหนื่อยๆ เอื้ออังกูรไหวไหล่ “นี่ใคร? ระดับนี้แล้ว” ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา ร้องว่า “เอองั้นกูไปก่อนนะ ถ้าว่างจะตามไปละกัน”


“โอเค” สามทหารเสือรับคำ แล้วพวกเขาก็แยกย้ายกัน



   
กลับมาถึงรีสอร์ท เด็กหนุ่มเจ็ดคนขนของลงจากรถ ก่อนไฟกับไดนาไมต์จะช่วยกันตั้งตะแกรงปิ้งย่างตรงริมสระว่ายน้ำ ในขณะที่เปรมกับสามสีช่วยกันเตรียมอาหาร ส่วนเท็นกับเมและโชจัดเรียงจานกับเครื่องดื่ม


พวกเขาจับจองพื้นที่ริมสระ ปิ้งอาหารทะเลมานั่งล้อมวงกินกันเคล้าเสียงเพลงอย่างคึกครื้น เหล่าเด็กหนุ่มสัพยอกกัน ก่อนอัคคีจะสรรหาเกมมาเล่นเพื่อสร้างความบันเทิง


“มึง เล่นเกมพระราชากัน”


“เอาดิ” พวกที่เหลือขานรับอย่างเริ่มสนุก ไฟชูสำรับไพ่ในมือ เลือกมาเจ็ดใบแล้วอธิบายว่า


“เราจะใช้ไพ่แค่เจ็ดใบ คิงหนึ่งใบ ส่วนที่เหลือเป็นเลขหนึ่งถึงหก โดยจะสุ่มแจกไพ่ ใครได้ไพ่คิงก็เป็นพระราชาสั่งไพ่ตัวเลขให้ทำตามคำสั่ง เรียกกี่คนก็ได้ จะให้เล่นกันเองหรือเล่นกับตัวเองก็ได้ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน”


“โอเค” ทั้งวงเข้าใจแล้ว ไฟจึงเริ่มแจกไพ่


เมื่อแจกครบ อัคคีก็ชูไพ่ในมือยิ้มๆ “กูเป็นคิง”


“...” ทุกคนเงียบรอฟังคำสั่ง


“ให้เลข 5 ลุกไปนั่งตักเลข 2 มองตาแล้วพูดว่า ‘รักนะเด็กโง่’ เริ่ม!” สิ้นคำทั้งวงก็สูดปาก ไดนาไมต์ร้องลั่น ”ไอ้เหี้ยกูสอง! ใครห้าวะ?” เขาหันไปมองเมโดยอัตโนมัติ


ทว่าอีกคนกลับยกมือขึ้น “เราเอง”


ไอ้เท็นเรอะ!!


เปรมกับสามสีหัวเราะลั่น ไดนาไมต์หน้าซีดเมื่อเท็นลุกขึ้นมา ไฟกำชับ “ทำตามคำสั่งได้!”


เด็กหนุ่มผมสีชมพูนั่งขัดสมาธิ ตามด้วยเท็นที่หย่อนตัวลงนั่งตัก แต่ไม่ได้เต็มแรงนักเพราะกลัวเพื่อนจะแบนเป็นกล้วยปิ้งไปเสียก่อน


เด็กโข่งกอดคอไดนาไมต์ สบตาแล้วพูดด้วยทุ้มโมโนโทนว่า


“รักนะเด็กโง่”


“กลัวแล้ว...” ไดนาไมต์พนมมือร้องเสียงสั่นด้วยใบหน้าจะร้องไห้ เมธากับโชหันไปขำจนไหล่สั่น ไฟผงกหัว “เออบันเทิงว่ะ เล่นอีกๆ”


ไฟสับไพ่แล้วแจกใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้โชเป็นคิง เด็กประมงเหยียดยิ้ม สั่งว่า


“ให้เลข 1 อุ้มเลข 6 ท่าเจ้าหญิงแล้ววิ่งรอบสระ! ปฏิบัติ!”


“กูหก” ไฟชูไพ่ในมือ ชลันธรตาเหลือก “อ้าวฉิบหาย ใครหนึ่งวะน่ะ?”


ทุกคนหันไปทางเท็นโดยอัตโนมัติ เนื่องด้วยเด็กโข่งเป็นคนเดียวที่น่าจะอุ้มไฟได้


“เราเอง” ทว่าเมยกมือยิ้มๆ


สามทหารเสือยกมือตะโกนพร้อมกัน “ขออนุญาตช่วยเพื่อนครับ!!”


“ไอ้เหี้ย ไม่ใช่รับน้อง!” โชตะโกนกลั้วหัวเราะ เขามองสองคนที่โดนคำสั่ง พูดว่า “กูว่าเอาแค่ยกให้ขึ้นก็ฮาแล้วอะ ไม่ต้องวิ่งหรอก เอาแค่ยกให้ขึ้นก็พอ”


เมธาขยับแขนอย่างคึกคัก “ไม่ต้องห่วง สบายมาก เรายกไฟได้”


“เปลี่ยนให้กูอุ้มมึงดีกว่ามั้ง” หมอยาไม่สบายใจเลย


“ทำไมล่ะ มดยังขนของได้มากกว่าตัวเองทั้งห้าเท่าเลยนะ!” ครูคณิตไม่ยอม ไฟทำหน้าจะร้องไห้ “มึงเป็นคนไง...”


“มาเร็ว” เมธาลุกเข้ามาหา ไฟมองรอบวงที่ส่งสายตาคาดหวัง เขาจึงยอมยืนเต็มความสูง เมธามองร่างใหญ่อย่างจดๆ จ้องๆ ก่อนจะกอดเอวเพื่อนสมัยเด็กไว้แล้วยกขึ้นสุดแรง


“ฮึบ!”


“...” ไฟไม่ขยับแม้แต่น้อย สามทหารเสือมองภาพนั้นปานจะขาดใจ “ไม่นะเม! โธ่...ทำไมต้องฝืนตัวเองขนาดนี้!”


“อึ๊บบบบบบบ!” ครูคณิตสั่นไปทั้งร่าง เหงื่อแตกพลั่ก โชมองอย่างนึกสงสาร กำลังจะอ้าปากเปลี่ยนคำสั่ง ทว่าไฟไวกว่า เขาดึงไพ่ในมือเมธามาแล้วใส่ของตัวเองกลับไป


“กูเอง”


ก่อนจะยกร่างคนตัวเล็กอุ้มพาดบ่าแล้วออกไปวิ่งรอบสระ สามทหารเสือหรืออีกชื่อคือ ‘กองกำลังพิทักษ์เมธา’ ร้องเสียงโหยหวนปิ้มจะขาดใจ “อย่าทำเมแบบนั้นนนนน”


อัคคีวิ่งกลับมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขาวางครูคณิตลงบนพื้นอย่างปลอดภัย ฝ่ายหลังยิ้มกว้าง “สนุกจัง!”


เท็นมองเพื่อนสมัยเด็กทั้งสองคนเล่นกัน พูดว่า “ไฟ...อุ้มเราบ้าง”


“โอ๊ย กูตายห่ากันพอดี” ไฟสั่นหน้าหวาดๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งแจกไพ่อีกครั้ง คราวนี้ไดนาไมต์ได้เป็นคิง เขาออกคำสั่งว่า


“ให้เลข 1 ลุกไปหอมแก้มใครก็ได้ในวงหนึ่งที! เอาฟอดใหญ่ๆ!”


“หูยยยยย” ทั้งวงสูดปาก ก่อนจะเริ่มมองหน้ากันเองเลิกลัก คนเป็นคิงขมวดคิ้ว ถามว่า “ใครได้เลขหนึ่ง!”


“กูเอง”


ทุกสายตาหันไปรวมเป็นจุดเดียว สามสีชูไพ่เลขหนึ่งในมือ ใบหน้าของเขาไม่ยินดียินร้ายอะไร


“เอาล่าวววว” เปมทัตเปิดปากแซว ไฟตะโกนกลั้วหัวเราะ “แก้มพี่ว่างนะน้อง!”


เด็กหนุ่มตัวสูงมองไปรอบวงอย่างคิดหนัก ขืนเลือกเปรมหรือโชมีหวังเขาโดนไอ้เท็นกับไอ้ไฟฆ่าทิ้งอย่างไม่ต้องสงสัย แต่จะให้หอมแก้มไอ้ตัวใหญ่สองคนนั่นมันก็ออกจะทำใจยากอยู่สักหน่อย


เขาหันไปทางเมธา


“...”


ไดนาไมต์มองท่าทางนั้น หัวใจกระตุกวูบยามร่างสูงเดินตรงไปทางครูคณิต จังหวะที่สามสีย่อตัวลงตรงหน้าคนตัวเล็กนั่นเอง เด็กหนุ่มผมสีชมพูก็ร้องขึ้นมา


“หยุด!!”


ทั้งวงหันมามองเขาคล้ายไม่เข้าใจ ไดนาไมต์ขยับตัวอย่างอึดอัด ความรู้สึกบางอย่างมันตีวนอยู่ในอกเต็มไปหมด พูดว่า “ขอเพิ่มคำสั่ง! เลข 1 หอมแก้มใครก็ได้ที่ไม่ใช่เม!”


“เอ้า อะไรของมึงวะ” ไฟขมวดคิ้ว ไดนาไมต์หันไปชูไพ่ใส่หมอยา “หนวกหูน่า! รอบนี้กูเป็นคิงนะ!”


“...”


สามสียืนขึ้นช้าๆ ใบหน้านั้นยังคงเรียบเฉย เขาเดินตรงมาหาคู่หู ไดนาไมต์สะดุ้ง ก่อนจะรีบตั้งสติเมื่ออีกฝ่ายเปิดปากถามว่า     


“กูหอมใครก็ได้ใช่ไหม?”


“ชะ..ใช่”


“ที่ไม่ใช่เม?”


“ใช่!!”


“โอเค...”


สิ้นคำสามสีก็ย่อตัวลงมา กระซิบเสียงทุ้มว่า


“งั้นหอมมึงละกัน”


“ฮะ?”


ไดนาไมต์เบิกตากว้าง รู้ตัวทีก็โดนอีกฝ่ายยื่นหน้ามากดจมูกเข้าข้างแก้มตัวเองเสียแล้ว


ฟอด...


เด็กหนุ่มผมสีชมพูอ้าปากค้าง มองอีกฝ่ายถอยออกไป ยังมีหน้ามายิ้มให้แล้วถามเขาอีกว่า


“ฟอดใหญ่พอไหม?”


ไดนาไมต์สบตาอีกฝ่าย ถึงจะตกใจ...แต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมา


“มึงนี่นะ!”



 
เด็กหนุ่มเจ็ดคนเล่นเกมพระราชากันต่ออีกพักใหญ่ จนสี่ทุ่มนั่นเองที่เมขอตัวไปพักผ่อนเพราะรู้สึกเหนื่อย เท็นพยายามฝืนอยู่ต่อ แต่สุดท้ายก็ง่วงจนโดนพ่อครัวไล่ให้ไปนอนอีกคน


ห้าคนที่เหลือจึงเปลี่ยนมาเล่นสลาฟกัน ตอนนั้นเองที่ปอร์เช่สีขาวแล่นเข้ามาจอดข้างโตโยต้าเซียนนา


ทุกสายตาหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง ผู้มาใหม่เป็นเด็กหนุ่มตัวสูงเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลรับกับใบหน้าหล่อร้าย ในมือถือถุงใส่ขวดเหล้ากับกับแกล้มเดินเข้ามาหา


“เฮ้ย...” พวกเปรมตาเป็นประกาย


“รูมเซอร์วิสครับ”


เอื้ออังกูรยิ้มร้ายแล้วพูดออกมา



****************************************************** *

สวัสดีค่าาาา า
 :katai4:
หายไปสามอาทิตย์แน่ะ เขินจัง 55555555 5
ใครที่ลืมเนื้อเรื่องตอนเก่า ๆ ไปแล้วว่าง ๆ ไปนั่งอ่านย้อนกันได้นะคะ
อ่านจบอีกรอบตอนที่ 26 ก็คงมาพอดี .. ล้อเล่นค่ะ 5555555 5

ช่วงนี้เปิดเทอมแล้วงานที่คณะเยอะมากเลยค่ะ
ยุ่งติดกันหลายวันเลย วันเสาร์มีเวลาพอดีเลยขอมานั่งแต่งก่อน
จะพยายามหายไปไม่เกินสามสัปดาห์ค่ะ ไม่อยากทำสถิติใหม่ 5555555 5

ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกความคิดเห็นที่มีให้กันนะคะ
ขอบคุณที่ให้ความสำคัญและสนใจนิยายบ้า ๆ บอ ๆ เรื่องนี้ค่ะ
ขอบคุณที่เสียเวลาพิมพ์ตัวอักษรให้กันนะคะ
ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ

ใครว่าง ๆ ก็ไปเล่นแท็ก #เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ ในทวิตเตอร์ได้นะค้าา า
 :katai2-1:

แล้วเจอกันตอนที่ยี่สิบหกค่าาา า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2015 23:26:40 โดย iJune4S »

ออฟไลน์ Gapompom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตลกอ่ะ ฮ่าได้ใจมากตอนเล่นกล้วยบิน

ออฟไลน์ littlegirlfriend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0


โอยยยยย ขำหนักมากก

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
กลัวเอื้ออังกูรสุดละในเรื่องงงง

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่านไปขำไป จะฮาไปไหน...
ดูเหมือนไดนาไมท์จะชอบเมรึเปล่า ส่วนสามสีก็ชอบไดนาไมท์อีกที เฮ้อ...

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
อิเอื้อคัมแบคร๊าวววววววว
หน่องเมก็กลับมาแล้ว ไปไหนมาลู๊กกกกกก
ไอ้อาการช๊อตๆนั่นคืออะไรหว่า
ความเกรียนยังเสมอต้นเสมอปลาย น่ารักทุกคู่เหมือนเดิม ว๊าวๆ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หายไปนานเลยนะครับผม

สามสีกับไดนาไมต์แปลกๆอยู่นะ

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
มุข น้องกิ๊ฟ เราให้ผ่าน
ดูเป๊ะ แต่ฮาเว้ยย 5555
ถึงดูอันตรายแต่เราก็ชอบเอื้อนะ
ไม่ได้ชอบแบบจะแย่งเม นะ
แต่แบบ ชอบคาเรคเตอร์อะ
(รสนิยมแปลกจริงเรา)
 :laugh:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มิตรภาพของเท็นไฟเม น่ารักมากเลยค่ะ  :กอด1:
ขำตอนที่เท็นขอให้ไฟอุ้มบ้าง น่ารักเชียว  :hao3:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มุกคุณลำไยนี่คิดได้ไงขำหนักมาก เอื้อกำลังจะแร็ปต่อแล้วเชียวน้องกิ๊ฟไม่น่าขัดก่อนเลย :m20: :m20:
ส่วนคู่สามสีกับไดนาไมต์นี่ทำเราเขินหว่ะ หอมแก้มแล้วรอเค้าจูบกันหรืออะไรมากกว่านั้นเชียร์คู่นี้มานานแล้ว :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ชอบก๊วนนี้จริง สงสารสามสีจัง วางยาไอ้หัวชมพูส่งให้เป็นบรรณาการดีไหมเนี่ยยยยยสสสส
เอื้อโผล่มาตอนที่เมนอนพอดี ฮู้ววววว เกือบไปๆ
รอตอนต่อไปน้าาาาา

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
รอเอื้อนานมาก.  :katai5:

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ.  :mew1: 

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
มุขต่อเพลงนี่ฮาได้อีกค่าา :m20:

ลุ้นให้ไดนาไมต์รู้ตัวเสียทีก็แล้วกันค่ะ ว่าตอนที่เจ้าตัวเขาเห็นสามสีกำลังจะเดินไปหอมแก้มเม แล้วหัวใจตัวเองก็เต้นจังหวะแปลกๆ ขึ้นมานั่นน่ะ เป็นเพราะว่าหวงใครกันแน่..

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เอื้อนี่ประมาณโจ๊กเกอร์ในเรื่องเลยหรือเปล่า

 :ruready ออกมาทีไรขนลุกทุกที

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :m20: แก๊งค์นี้เค้าเมามันกันมากมีให้ขำตลอดแถมเพิ่มตัวแสบมาอีกกนึ่ง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีนะเมมเข้านอนก่อนเอื้อมา หวังว่าจะไม่มีใครไปปลุกเมนะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ตอนนี้ยาวมากอ่านเพลินเลย และก็สนุกสุดๆสาม-ไดเค้าเชียร์ตัวนะ *-*

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ใครคู่ใครตอนนี้ชัดเจนล่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด