สนามฟุตบอลใหญ่ในวันงานเต็มไปด้วยความคึกคัก อัฒจันทร์ด้านข้างที่ล้อมรอบพื้นหญ้าสีเขียวตรงกลางถูกจับจองโดยนิสิตชั้นปีที่หนึ่งทั้งสิ้นสิบสองคณะ ซึ่งจะกั้นโซนที่นั่งให้ตามจำนวนคน แต่ละคนสวมเสื้อยืดแบบเดียวกันตามสีประจำคณะ อย่างคณะเกษตรของพวกเปรมก็จะเป็นสีเหลืองข้าวโพด
“ไอ้ห่า เหลืองกว่าฟันกูก็เสื้อคณะเนี่ยแหละ” ไดนาไมต์ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เปิดปากพูด
“กูก็นึกว่าคณะเกษตรจะสีเขียว” สามสีส่งเสียงมาจากด้านซ้าย “แหม กลัวเป็นตะไคร่น้ำอยู่ตั้งนานแน่ะ”
“เออ เป็นข้าวโพดแม่งเลย” เปรมพูดปลงๆ อยู่ทางขวา พิธีเปิดเสร็จสิ้นลงแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังรอชมการแข่งขันฟุตบอลของสี่ทีมสุดท้ายตามกำหนดการในช่วงเช้า
“ใครเตะกับใครวะ” สามสีถามขึ้น ไดนาไมต์ที่นั่งตรงกลางสไลด์จอมือถือตอบว่า “ชิงที่สามเป็นประมงกับเศรษฐศาสตร์ ส่วนศึกษากับวิศวะชิงที่หนึ่ง”
“คราวที่แล้วใครเป็นแชมป์” เปรมถามอย่างสนใจ หนุ่มผมทองทำหน้านึก “ศึกษามั้ง แม่งเอานักกีฬามาลงทั้งทีมเลยนี่หว่า พวกพละอะ” เสริมว่า “แต่วิศวะก็มาแรงเหมือนกัน ชิงที่หนึ่งปีนี้ท่าจะสนุก”
“แล้วประมงกับเศรษฐศาสตร์เป็นไง” พ่อครัวถามต่อ สามสีแทรกอย่างนึกขึ้นได้ “พูดถึงประมง ไอ้โชก็ลงตัวจริงนะ กูเห็นมันลงรูปกับทีมในไอจีเมื่อคืน”
“เออว่ะ ตอนม.ปลายมันเป็นนักกีฬานี่หว่า” เปมทัตส่งเสียง ไดนาไมต์ผิวปากหวือ “ว่ะ พี่โชเรา”
ตอนนั้นเองที่รอบข้างเกิดเสียงฮือฮา นักกีฬาเดินออกมาแล้ว ตามด้วยเสียงกรี๊ดจากกลุ่มนิสิตสาวหลังเห็นหน้าตาของนักบอลจากแต่ละทีม สามหนุ่มเองก็ส่งเสียงตอนเห็นโชในสนาม
นักบอลคณะประมงยืนทำสมาธิล้อมกันเป็นวงกลมอยู่ตรงขอบสนาม พวกเขายกมือประสานกัน ร้อง “เฮ้!” ออกมาก่อนจะกระจายตัวเดินเข้าสนามไป ในขณะที่นักเตะจากคณะเศรษฐศาสตร์ยืนจิบน้ำคุยกันเล็กน้อย จากนั้นจึงซอยเท้าตามเข้าสนามไปด้วยรอยยิ้ม นักกีฬาทุกคนล้วนเป็นนิสิตชั้นปีที่หนึ่ง
เกมเริ่มขึ้นในเวลาต่อมา แว่วเสียงกลองและเสียงเชียร์มาจากอัฒจันทร์โดยรอบ พี่ปีสูงของแต่ละคณะบางส่วนผันตัวเป็นสต๊าฟเพื่อมาดูแลน้องปีหนึ่งในงานนี้ พวกเขาตีกลองเคาะจังหวะ ตะโกนโหวกเหวกส่งเสียงเชียร์สร้างบรรยากาศ ในโซนสีเหลืองของคณะเกษตร พวกเปรมกำลังดูการแข่งอย่างตั้งใจ
“ไอ้เบอร์สิบมึงวิ่งดูเพื่อนด้วยสิวะ!” ไดนาไมต์ลุกขึ้นตะโกนออกมา “ห่า ไปคนละทางกับลูกเลย” ข้างๆ เป็นสามสีที่กำลังนั่งทึ้งหัวตัวเองพลางพึมพำว่า “แม่งเอ๊ย...เป็นการเตะมุมที่เหี้ยมาก”
“เออๆ นั่นแหละ!” เปรมอุทานตามเกมอย่างดุเดือด “เหี้ยเอ๊ย อีกนิดนึง...สัด! ไอ้โชได้แล้ว! เอาเลย! ยิงเลยมึง! ยิงเลยแม่งเอ๊ยยยย...ไม่เข้า” พ่อครัวเสยผมอย่างหงุดหงิด เหลือกตาร้องว่า “โอ๊ยยย กูอยากไปยืนตรงนั้นนน”
การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าผู้ชมตะโกนเชียร์นักเตะด้วยความคึกคัก ก่อนเกมจะจบลงที่สี่ต่อสองลูก โดยถ้วยรางวัลอันดับสามปีนี้ตกเป็นของคณะประมง
ต่อด้วยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของคณะศึกษากับวิศวะ ในนัดนี้พวกเปรมก็ยังคงร้อนแรงอยู่เช่นเคย เสียงกลองกระหึ่มรัวยามทีมที่ตัวเองเชียร์ทำประตูได้ เสียงกรี๊ดจากหญิงสาวดังถล่มทลายเมื่อนักเตะในสนามโบกมือให้
รวมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กว่าจะจบเกมได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง โดยแชมป์ในปีนี้ยังคงเป็นคณะศึกษาศาสตร์ที่เฉือนกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ไปห้าต่อสี่ลูกอย่างหวุดหวิด
“ไอ้ห่า แม่งเอาศึกษาพละมาลงก็ชนะสิวะ!” ใครคนหนึ่งบ่นทิ้งท้าย แว่วเสียงตามสายประกาศให้เหล่านิสิตแยกย้ายไปรับประทานอาหารกลางวัน พวกเขามีเวลาประมาณสองชั่วโมง
พวกเปรมกลับมาสนามอีกทีราวบ่ายโมงกว่า ดนตรีจังหวะรีมิกซ์ดังกระหึ่มทั่วสนามใหญ่ทำเอาคนฟังหัวใจเต้นตุบ บนพื้นหญ้าคลาคล่ำไปด้วยเหล่านิสิตชั้นปีที่หนึ่งที่ออกมาขยับตัวโชว์ลีลาตามจังหวะเพลง บรรยากาศเคล้าเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน พวกเขาทำตัวสุดเหวี่ยงคล้ายอยากจะทิ้งท้ายชีวิตเฟรชชี่
“ไอ้ไฟหายหัวไปไหนวะ” สามสีพูดขึ้นขณะโยกตัวตามจังหวะอยู่ในสนาม ข้างๆ เป็นไดนาไมต์ที่กำลังหลับหูหลับตาเต้น เปรมกวาดตาไปรอบๆ
นั่นสิ จะว่าไปก็ยังไม่เห็นเท็นเหมือนกัน
“เฮ้ยแต่กูเจอเมแล้วนะ” หนุ่มผมทองโผล่เข้าวงสนทนา สามสีพูดว่า “เออ แล้วไอ้โชนี่พอแข่งบอลเสร็จก็หาย...”
“เพื่อนเพื่อนนน!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลังตามด้วยร่างเล็กที่พรวดเข้ามากระโดดเกาะเปรมดังหมับ พ่อครัวเบิกตากว้าง ร้องออกมา “ไอ้โช!”
“ตายยากฉิบหาย” สามสีหัวเราะ ไดนาไมต์ผิวปากหวือ “ยังไงไอดอล เตะสวยสัด”
“ฝีมือดีตามหน้าตาว่ะ” โชที่เกาะเปรมอยู่พูดด้วยท่าทีน่าหมันไส้ พ่อครัวยีหัวไอ้ตัวแสบอย่างนึกหมันเขี้ยว ก่อนข้างๆ จะปรากฏคาราวานนิสิตสาว เปมทัตหันไปมอง ใจกลางวงนั้นเป็นร่างสูงที่คุ้นตา
“ไอ้เอื้อ!”
“...หน่องเปรม!” เอื้ออังกูรเรียกเพื่อนด้วยใบหน้ากึ่งยิ้ม เขาพูดกับกลุ่มผู้หญิงที่รายล้อมอยู่ว่า “ขอบคุณที่มาส่งนะสาวๆ เราเจอเพื่อนแล้ว พวกเธอไปสนุกกันเถอะ”
สาวๆ ทั้งกลุ่มกรี๊ดรับกันเซ็งแซ่ พวกเธอเขย่งตัวหอมแก้มเด็กหนุ่มคนละทีก่อนจะพากันวิ่งออกไป เอื้ออังกูรเดินเข้ามา ยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วพูดยิ้มๆ “ว่าไงเพื่อนฝูง”
“นึกว่าตายห่าไปแล้ว” ไดนาไมต์ตีมือกลับ สามสีแท็กมือกับอีกฝ่ายยิ้มๆ “หายหัวไปเลยนะมึง”
“เรียนเสริมอะเด่ะ กูตกคณิตอีกละ โคตรเซ็ง” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทำหน้าเอือม ไดนาไมต์หัวเราะ “ไอ้เหี้ย อยู่เศรษฐศาสตร์แล้วตกเลขเนี่ยนะ”
“ดวงจึงเป็นสิ่งสำคัญ...ที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน” เอื้ออังกูรพูดเป็นจังหวะดนตรี เขาสบตากับคนตัวเล็กอีกคน “แล้วหนุ่มน้อยเสื้อฟ้านี่ใคร” เขาหันไปทางพ่อครัว ถามว่า “เพื่อนหน่องเปรมเหรอ?”
“เออ อยู่กันมาตั้งแต่ม.ปลายละ” เปมทัตตอบ เอื้ออังกูรพยักหน้า เขามองเด็กประมงอย่างครุ่นคิด “หน้าคุ้นๆ นะ...เฮ้ย ไอ้คนที่เตะเข้าไปสองลูกนี่หว่า!”
“จริงๆ สาม” โชยักคิ้ว เอื้ออังกูรหัวเราะ “โอเค จับมือกันหน่อยเพื่อนใหม่” มือใหญ่ยื่นมา โชจับตอบอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลสบตาอีกฝ่าย พูดว่า
“กูเอื้อ”
คนฟังแสยะยิ้มอย่างรู้กัน “กูโชไอ้สัด”
ตอนนั้นเองที่อินโทรเพลงรีมิกซ์จังหวะคุ้นหูดังขึ้น เด็กหนุ่มห้าคนสบตากัน ปรากฏรอยยิ้มกริ่มบนใบหน้า ก่อนพวกเขาจะขยับตัวโยกไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร
กำหนดการช่วงบ่ายของงานเป็นการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ซึ่งจะให้แต่ละคณะส่งตัวแทนลงมาเล่น เหล่าเฟรชชี่ส่งเสียงคึกคักอย่างกระหายชัยชนะ โดยพิธีกรบรรยายงานในครึ่งหลังคือเต้ นิสิตชั้นปีที่หนึ่งจากคณะแพทยศาสตร์เจ้าเก่า
“เริ่มกันที่เกมเหยียบลูกโป่งนะครับ” เต้อ่านกำหนดการในมือหลังแนะนำตัวเสร็จ “ขอให้แต่ละคณะส่งตัวแทนมาห้าคน จะตัวเล็กหรือตัวใหญ่เราไม่ว่า ขอแค่คุณมีความพลิ้วไหวแล้วอยู่รอดเป็นคนสุดท้าย รับไปเลย...เบอร์โทรของผมเอง!”
เกิดเสียงโห่ฮามาจากทั่วสารทิศ ไดนาไมต์มองแล้วหัวเราะ “ไอ้เหี้ย กูต้องอยากได้ไหม”
ในศึกนี้คณะเกษตรสาขาเกษตรเขตร้อนรับอาสา เด็กหนุ่มทั้งห้าวิ่งตีมือกับเพื่อนในคณะลงไปในสนาม พวกเปรมส่งเสียงเชียร์ ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นเมื่อเต้เป่านกหวีดให้สัญญาณ
บนสนามหญ้าวุ่นวายไปด้วยเหล่านิสิตตัวแทนจากแต่ละคณะ ที่ข้อเท้าของพวกเขาห้อยลูกโป่งหลากสี ดีเจเปิดดนตรีจังหวะรีมิกซ์ประกอบการแข่งขันสร้างบรรยากาศให้คึกครื้น เสียงเชียร์เคล้าหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ
ต่อมาเป็นเกมงูกินหาง ทว่างูกินหางในที่นี้มีเป้าหมายเป็น ‘ป้ายชื่อ’ คนสุดท้ายของแถว กติกาคือหัวแถวจากแต่ละคณะจะต้องพาทีมวิ่งไปขโมยป้ายชื่อจากหางแถวของคณะอื่นให้ได้ โดยต้องคอยปกป้องป้ายชื่อของคนสุดท้ายในแถวตัวเองไปพร้อมๆ กันด้วย
เต้ประกาศเรียกตัวแทนคณะละสิบคน คณะเกษตรส่งสาขาเคมีการเกษตรสามคน สาขาสัตวศาสตร์สามคน และสาขาการจัดการศัตรูพืชและสัตว์สี่คน ในสาขาสุดท้ายมีคนหนึ่งอาสาเป็นหัวแถว
“ไอ้โจ้เอาให้ได้นะมึง!” เพื่อนๆ ตะโกนเชียร์ เด็กหนุ่มตัวสูงแสยะยิ้ม เขาหักมือดังกรอบแกรบ
“ไว้ใจกูได้เลย”
ตามด้วยเกมวิ่งกระสอบ ยังคงต้องการตัวแทนคณะละห้าคน สาขาคหกรรมของพวกเปรมโดนแล้ว แจ็คพ็อตตกที่ไอริณกับเพื่อนในห้องอีกสองคน ที่เหลือมาจากสาขาอาหาร พ่อครัวหัวเราะลั่นยามเห็นเด็กสาวผู้เป็นพาร์ทเนอร์ลงไปวิ่งกระสอบด้วยสีหน้าจะร้องไห้
“โอ๊ย ใครเอาน้องไอกูไปทรมานแบบนั้น” ไดนาไมต์ขำจนปวดท้อง สามสีมองเด็กสาวอย่างนึกเอ็นดู “ทำไมต้องฝืนตัวเองขนาดนี้”
มาต่อกันที่เกมกินวิบาก แข่งกันเป็นทีมทีมละสามคน คณะเกษตรส่งสาขาเคมีการเกษตรร่วมศึก ทั้งหมดเป็นนิสิตหญิง ลีลาของพวกเธอเรียกเสียงฮาจากเหล่าผู้ชม
ถัดมาเป็นกระโดดยาง เต้ขอตัวแทนคณะละสี่คน คณะเกษตรส่งสาขาจัดการศัตรูพืชลงแข่งสามคน อีกคนรับอาสาโดยสาขาคหกรรม ไดนาไมต์แซวกลั้วหัวเราะ “ไอ้ต๊าล! กินวิบากมันแข่งไปแล้วนะ!”
“โดดไหวเหรอลูก” สามสีสัพยอกเด็กสาวร่างอวบ ตาลหันมาชี้หน้า “พวกเหี้ย เดี๋ยวมึงดูกู”
ในเกมนี้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนล้วนเป็นผู้หญิง เต้เปิดปากสัพยอกตาลออกไมค์ ตามด้วยเสียงเป่าปากแซวมาจากชายหนุ่มโดยรอบ เด็กสาวร่างอวบยิ้มกริ่ม ก่อนจะเรียกเสียงฮือฮาไปด้วยลีลาการกระโดดที่พลิ้วไหวขัดกับรูปลักษณ์
“เขร้ น้องตาลลลลลล” เปรมกรีดร้อง สามสีอ้าปากค้าง “เชี่ยยย โดดสูงมาก”
“จะเอาาา” ไดนาไมต์ดีดดิ้น รู้สึกติดใจในความพลิ้วของเพื่อนร่วมสาขา
ระดับความยากมาถึงจุดสูงสุด คนจับทั้งสองข้างชูยางจนสุดแขน บรรยากาศรอบสนามเงียบไปชั่วอึดใจเมื่อตาลกระโดดเป็นคนสุดท้าย เด็กสาวหรี่ตาเล็งตำแหน่งยาง ล็อคเป้าหมายและคำนวณแรงกระโดดในใจอย่างแม่นยำ
เธอออกตัววิ่ง วิ่งและวิ่ง...หยุดเท้าก่อนถึงยางเล็กน้อยแล้วสปริงตัวขึ้น!
“หูวววว” ชายหนุ่มในสนามร้องฮือฮา ตอนนั้นเองที่ยางเส้นหนาดีดตัวผึง
ตาลชะงักกลางอากาศ ทว่ายังคงม้วนตัวลงมาตั้งท่าได้อย่างสวยงาม เธอตวัดสายตา เบื้องหน้าคือเด็กสาวอีกคนที่ยืนจ้องมาอย่างอาฆาต ในมือถือกรรไกรอันใหญ่ ห้อยป้ายชื่อ ‘เจี๊ยบ’
“เจี๊ยบ...” ตาลลุกขึ้นยืน จ้องคู่แข่งต่างคณะด้วยดวงตาวาวโรจน์ “เจี๊ยบตัดยางเราทำไม!” เด็กสาวผมเปียเดินเข้าไปตะคอกแล้วต้อนอีกฝ่ายให้ล่าถอย มองแล้วเหมือนฉากคุ้นตาฉากหนึ่งในภาพยนตร์สมัยเด็ก
“เจี๊ยบตัดยางเราทำไม เจี๊ยบตัดยางเราทำไม!”
“ตาลใจเย็นๆ” เพื่อนร่วมคณะเข้ามาช่วยห้าม เปรมมองหน้าเหวอ “ไอ้เหี้ย...น้อยหน่ามาก”
“แฟนฉันสุดๆ” สามสีเกาหัว ก่อนเกมจะจบลงที่คณะของเจี๊ยบโดนปรับแพ้ฟาล์ว และชัยชนะเป็นของคณะเกษตร ตาลสะบัดเปีย เชิดหน้ายกยิ้มท่ามกลางเสียงเฮของหนุ่มๆ จากทั่วสารทิศ
ปิดท้ายด้วยเกมลากกาบหมาก เต้ประกาศเรียกตัวแทนคณะละสองคน คณะเกษตรส่งสาขาคหกรรมไปร่วมศึก แจ็คพ็อตตกที่คู่หูกวนเกรียนประจำสาขา...สามสีกับไดนาไมต์
“เราต้องชนะ!” หนุ่มผมทองถกแขนเสื้ออย่างแข็งขัน สามสีหันมาพูดหน้าตาย
“มึงลาก กูนั่ง”
“...”
ทันทีที่เต้เป่านกหวีดให้สัญญาณตัวแทนจากแต่ละคณะก็ออกตัว เปรมนั่งมองไดนาไมต์ลากสามสีด้วยใบหน้ามุ่งมั่นปนจะร้องไห้แล้วหัวเราะลั่น ตะโกนว่า “โอ้ย! ทำไมต้องฝืนตัวเองขนาดเน้!”
เกมลากกาบหมากดำเนินไปอย่างสนุกสนาน จะเป็นคู่ที่เป็นผู้หญิงตัวใหญ่ลากผู้ชายตัวเล็ก หรือคู่ที่คนลากวิ่งเร็วจากคนนั่งตกจากกาบก็เรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ทั้งนั้น อัฒจันทร์เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของความสุข
การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านสิ้นสุดในเวลาห้าโมงเย็นตามกำหนดการ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวตามคำประกาศของเต้ ก่อนจะกลับมารวมตัวกันที่สนามอีกครั้งในเวลาหกโมงเย็น
แล้วพวกเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อบนพื้นหญ้าที่เคยว่างโล่ง บัดนี้กลับมีนั่งร้านจำนวนสิบสองชุดตั้งล้อมกันเป็นวงกลมอยู่กลางสนาม นั่งร้านแต่ละชุดถูกผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่คลุมไว้สามในสี่ส่วนจากด้านบน ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงทำให้ตรงแท่นพิธีกรต้องใช้สปอร์ตไลท์ช่วย
เมื่อทุกคนเข้าประจำที่แล้วเงียบรอฟังอย่างตั้งใจ เต้ก็เริ่มดำเนินการเข้าสู่ช่วง ‘ไฮไลท์’ ของงาน
“ต่อไปจะเป็นประเพณี ‘ชิงธงกษัตริย์’ ที่หลายคนรอคอย ขอให้ทุกคณะส่งตัวแทนมาคณะละสิบคน สิบคนเท่านั้น จะเป็นชายหญิงกระเทยทอมดี้ได้หมดเราไม่เกี่ยง ขอเพียงคุณมีความแข็งแรงและพลิ้วไหว เอาล่ะครับจับลงมาเลย!”
สิ้นคำบนอัฒจันทร์ก็เกิดเสียงฮือฮา แต่ละคณะเริ่มคัดเลือกตัวแทนกันตามจำนวนที่กำหนด ในโซนสีเหลืองของคณะเกษตร สาขาสัตวศาสตร์ลงสามคน สาขาการจัดการศัตรูพืชและสัตว์สี่คน ปิดท้ายด้วยสามทหารเสือจากสาขาคหกรรมศาสตร์ พวกเขาเดินตีมือกับเพื่อนในคณะลงไปในสนาม ทุกคนเป็นเพศชาย
หลังจากตัวแทนสิบคนของแต่ละคณะมารวมตัวกันด้านล่างเรียบร้อย เต้ก็พูดต่อ
“ตามประเพณีจะมีกษัตริย์ทั้งสิ้น 12 องค์ พวกเขาคือตัวแทนที่แต่ละคณะส่งมานั่งบนบัลลังก์เพื่อปกป้องคุ้มครองธงของคณะเอาไว้ เรียกสั้นๆ ว่า ‘คิง’” พิธีกรเว้นวรรค
“คิงแต่ละองค์จะมีไนท์ประจำตัวรวม 10 นาย ซึ่งก็คือตัวแทนนิสิต 10 คนจากแต่ละคณะตามที่เรียกไปเมื่อสักครู่ คอยอารักษ์ขาอยู่เบื้องล่าง การจะขึ้นไปชิงธงจากคิงแต่ละองค์ได้นั้น ไนท์ฝ่ายตรงข้ามจะต้องเป็นคนปีนบันไดลิงแบบเชือกที่ผูกติดกับฐานบัลลังก์ขึ้นไปขโมยธงจากมือคิง โดยบัลลังก์ของคิงมีความสูงถึง 2.5 เมตร”
ทุกคนส่งเสียงฮือฮา หันไปจ้องนั่งร้านสิบสองชุดกลางสนามเป็นตาเดียว
“เราจะให้เวลาไนท์ในการชิงธงจากคิงต่างคณะ 30 นาที...แค่ 30 นาทีเท่านั้น! ใน 30 นาทีนี้ธงสามารถเปลี่ยนมือไปได้เรื่อยๆ ตามสะดวก แต่เมื่อประเพณีสิ้นสุดเราจะนับคะแนนจากจำนวนธงที่อยู่ในมือคิงเท่านั้น ย้ำ! เฉพาะธงที่อยู่ในมือของคิง หมายความว่าหากชิงธงมาได้ ก็ให้รีบนำไปให้คิงของตัวเองให้ทันเวลา มิเช่นนั้นมูลค่าของธงนั้นจะเป็นศูนย์ไป”
เหล่าตัวแทนนายทหารลอบกลืนน้ำลาย ทว่ายังคงแฝงด้วยความตื่นเต้นอยู่ในที
“คิงสามารถปัดป้องและขัดขืนได้ แต่ห้ามลงจากบัลลังก์เด็ดขาด! คิงที่ตกจากบัลลังก์จะถูกปรับแพ้ เช่นเดียวกับฝ่ายที่ทำคิงตกบัลลังก์ก็จะถูกปรับแพ้เช่นกัน ขอให้เข้าร่วมประเพณีด้วยความระมัดระวัง โดยมูลค่าของธงจะกำหนดตามตำแหน่งที่นั่ง ธงของคณะตัวเองมีค่า 500 คะแนน ส่วนของคณะอื่น 300 คะแนน และคะแนนพิเศษ ธงของบัลลังก์ ‘ฝั่งตรงข้าม’ จะมีค่าเท่ากับ 500 คะแนน”
หลายคณะเริ่มถกแขนเสื้อรอฟังกติกาต่อด้วยความตื่นเต้น ตอนนั้นเองที่เต้พูดว่า
“ต่อไปจะเป็นการเปิดตัวคิงทั้ง 12 องค์ เริ่มได้!”
สิ้นคำ แสงจากสปอร์ตไลท์ก็พร้อมใจกันพุ่งไปยังตัวนั่งร้านสิบสองชุดกลางสนาม ผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่ทั้งสิบสองผืนถูกสะบัดออกพร้อมกัน ปรากฏบัลลังก์กษัตริย์ของคิง 12 องค์ที่ฐานถูกยึดไว้กับนั่งร้านสั่งทำพิเศษระดับความสูง 2.5 เมตรอย่างแข็งแรง เพลงเปิดตัวดังขึ้นตามด้วยเสียงกรี๊ดที่ก้องกระหึ่ม ก่อนสปอร์ตไลท์จะสาดไปทางคิงแต่ละองค์ตามลำดับ
เริ่มที่คิงของคณะวนศาสตร์ เขาเป็นเด็กหนุ่มตัดผมสกินเฮดตัวใหญ่ โครงหน้าได้รูปติดโหดรรับกับดวงตาเหยี่ยว สวมมงกุฎราชานั่งยืดตัวอย่างองอาจ ในมือกำธงสีน้ำตาลแดงของคณะเอาไว้แน่น
วนไปทางซ้ายเป็นคิงจากคณะประมง เขาเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กท่าทางซุกซน นอนประสานมือไว้ที่ท้ายทอยอยู่บนบัลลังก์ สวมมงกุฎราชาแบบหมิ่นเหม่ ผูกธงสีฟ้าน้ำทะเลของคณะไว้ที่ข้อมือข้างขวา
ต่อด้วยคิงจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เขาเป็นเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองสว่างรับกับใบหน้าหล่อเหลา นั่งเท้าคางสบสายตาสาวๆ ด้วยรอยยิ้มแบบฉบับของโฮสต์ ก่อนจะโน้มตัวจูบธงสีเลือดหมูของคณะในมือเบาๆ เรียกเสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม
ข้างๆ เป็นคิงจากคณะเศรษฐศาสตร์ เขาเป็นเด็กหนุ่มมาดเนี้ยบสวมแว่นไร้กรอบตัวสูง สวมมงกุฎราชานั่งอยู่บัลลังก์อย่างสงวนท่าที ในมือมีธงสีส้มของคณะไว้ครอบครอง
ถัดมาคือคิงจากคณะศึกษาศาสตร์ เขาเป็นเด็กหนุ่มตาดุตัวสูง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ส่อเค้าอารมณ์ใดๆ วางมงกุฎราชากับธงสีม่วงของคณะเอาไว้บนตักอย่างไม่แยแส
ตามด้วยคิงจากคณะสถาปัตย์ เขาเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กหน้าร้าย นั่งขัดสมาธิเอามือหมุนมงกุฎราชาในมือเล่นอย่างไม่ยี่หระอยู่บนบัลลังก์ บนหน้าผากคาดด้วยธงสีเทาดินของคณะ
ก่อนสปอร์ตไลท์จะส่องมาทางคิงจากคณะเกษตร เขาเป็นเด็กหนุ่มผิวขาวตัวใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาเผยยิ้มอบอุ่น สวมมงกุฎราชาและยืดตัวนั่งด้วยท่าทางใจดี ผูกธงสีเหลืองข้าวโพดของคณะเอาไว้ที่ต้นแขน
ต่อด้วยคิงจากคณะเภสัชศาสตร์ เขาเป็นเด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงสดยาวระต้นคอ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้าย นั่งไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์พลางกัดเพชรบนยอดมงกุฎราชาด้วยท่าทางร้อนแรง เรียกเสียงกรี๊ดของหญิงสาวจากทั่วสารทิศ ผูกข้อมือข้างซ้ายไว้ด้วยธงสีเขียวมะกอก
ถัดมาเป็นคิงจากคณะสัตวแพทย์ เขาเป็นเด็กหนุ่มผิวขาวหน้าตี๋ตัวผอมดัดฟัน รอยยิ้มซื่อๆ ทว่าจริงใจเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ไปไม่น้อย นั่งประสานมือไว้บนตักพร้อมธงสีฟ้าหม่นของคณะอย่างสงบเสงี่ยม
ตามด้วยคิงจากคณะวิทยาศาสตร์ เขาเป็นเด็กหนุ่มตัวผอมสวมแว่นกรอบดำหน้าตาน่ารัก สวมมงกุฎราชาแล้วยิ้มกว้างสดใส นั่งโบกธงสีน้ำเงินของคณะในมืออยู่บนบัลลังก์อย่างมีชีวิตชีวา
มาถึงคิงจากคณะบริหารธุรกิจ เขาเป็นเด็กหนุ่มผมยาวหน้าสวยผิวสีแทน นัยน์ตาคมเหลือบมองเบื้องล่างอย่างไม่ยี่หระทว่ากลับดูร้อนแรง ผูกเปียยาวอันเดียวด้านหลังไว้ด้วยธงสีฟ้าใสของคณะ
ปิดท้ายด้วยคิงจากคณะแพทยศาสตร์ เขาเป็นเด็กหนุ่มตัวสูงผิวขาวซีด เรือนผมสีดำสนิทหวีเสยขึ้นรับกับใบหน้าหล่อเหลา ดวงตายาวรีขยับเหลือบอย่างแช่มช้า ตอนนั้นเองที่รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นมา เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ อย่างก้องกระหึ่ม แอมบาสเดอร์ของคณะผูกธงสีเขียวใบไม้ไว้ที่ข้อมือขวา
คิงจากแต่ละคณะถูกจับหันหน้าเข้าหากัน ด้านหน้าฐานบัลลังก์ของพวกเขาโรยตัวด้วยบันไดลิงที่ทำจากเชือก
“ตรงข้ามเราเป็นวนศาสตร์เหรอเนี่ย...” เปรมพึมพำออกมา สามสีมองคิงของคณะฝั่งตรงข้าม พูดว่า “เป็นพี่เบิ้มที่หน้าตาเอาเรื่องน่าดู”
“ไอ้เท็นกับไอ้ไฟเป็นคิงนี่เอง ก็ว่าหายหัวไปไหน” ไดนาไมต์พูดยิ้มๆ ตามกฎของประเพณี คิงจากแต่ละคณะจะต้องถูกกักตัวเอาไว้จนกว่าจะถึงเวลา
ตอนนั้นเองที่เต้เป่านกหวีดให้สัญญาณ
ปรี๊ด!
แล้วประเพณีชิงธงกษัตริย์ก็เริ่มขึ้น
****************************************************** *
สวัสดีค่าาาา า

สอบเสร็จแล้วววว ว ฟวี้ฮรียยย ย์
ขอโทษที่มาลงช้านะคะ
ตอนต่อไปจะเป็นภารกิจชิงธงแล้วค่ะ
ต้องลุยกันเองแล้ว เป็นกำลังใจให้กุ๊กเปรมและผองเพื่อนด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามและรอคอยค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

ป.ล. ไปเล่น
#เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ กันเยอะ ๆ น้าา า *โฆษณา*
เจอกันตอนที่สิบเอ็ดค่าาา า