ตอนที่ 2ลูกหมู‘บ้านอัครภูมิเมธี’ มีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดสามคน ซึ่งไม่นับรวมผมผู้ที่เป็นเพียงคนอาศัย ประกอบด้วยหัวหน้าครอบครัวคือ หม่อมหลวงธราเทพ อัครภูมิเมธี ผู้ที่นั่งประจำหัวโต๊ะอาหารยามนี้ ผมถูกบังคับให้เรียกท่านว่าคุณลุง คุณลุงธราเทพมีบุคลิกอบอุ่นอ่อนโยนและใจดีกับคนอาศัยอย่างผมเสมอ ท่านมีใบหน้าหล่อเหลาและดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากนัก น่าจะมาจากการเป็นคนอารมณ์ดีเป็นนิจของท่าน ด้วยใบหน้าของท่านลุงนั้น มักมีรอยยิ้มอบอุ่นประดับตลอดเวลา พาให้ผู้พบเห็นอบอุ่นใจและชื่นชมได้เสมอ ที่สำคัญคุณลุงมีท่วงท่าอันแสนสง่างาม สมกับสายเลือดที่ไหลวนอยู่ในตัวท่าน ผมไม่เคยเห็นท่านใช้สิทธิ์ของเชื้อพระวงศ์ข่มคนที่ด้อยกว่าเลยสักครั้ง ท่านวางตัวได้เหมาะสมกับสายเลือดสูงส่งที่ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นต่อรุ่น ให้ใครต่อใครเคารพท่านด้วยใจอย่างแท้จริง
ฝั่งซ้ายมือของคุณลุงธราเทพคือคุณป้าสุมนา อดีตหญิงสาวชาวบ้านที่พรหมลิขิตได้ดลบันดาล ให้มาพบรักกับหม่อมหลวง จนกระทั่งแต่งงานมาใช้ชีวิตในบ้านอัครภูมิเมธี ผู้หญิงที่มีดวงหน้าอ่อนหวาน และมีกลิ่นกายหอมละมุนดั่งกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิ ไม่ผิดไปจากความหมายของชื่อท่าน คุณป้าให้ความเมตตาเลี้ยงดูและอุ้มชูผม เพื่อให้มีชีวิตดีๆเหมือนเช่นวันนี้ ผมเทิดทูนท่านไม่ต่างจากมารดาผู้ให้กำเนิดสักนิด แม้ผมจะไม่รู้จักแม่แท้ๆของตัวเอง แต่ผมก็รู้จักความรักของแม่ที่มีให้ลูกจากคุณป้าสุมนา และตั้งใจไว้แล้วว่าจะตอบแทนบุญคุณของคุณลุงกับคุณป้าที่ให้ความกรุณาแก่ผมให้มากที่สุด เท่าที่เด็กกำพร้าคนนี้จะทำได้เชียวล่ะครับ
ส่วนฝั่งขวาของโต๊ะคือสมาชิกคนสุดท้ายของบ้าน เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาผิวใสละเอียดชวนมอง ดีกรีความหล่อระดับพระเอกของเมืองไทย แต่มีชื่อเสียงในระดับอินเตอร์ ซึ่งเป็นถึงหนึ่งในนักร้องสมาชิกแห่งวง Chic ที่แสนโด่งดังของฮ่องกง ทุกคนต่างรู้จักในชื่อ ‘ลีโอ’ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อจริงของ ‘ทัตเทพ อัครภูมิเมธี’ ซึ่งผมเรียกติดปากมาตั้งแต่เด็กว่าพี่ลีโอ พี่ลีโอเป็นทั้งพี่และเพื่อนคนสำคัญของผม ที่สำคัญพี่เป็นคนที่มีบุญคุณสำหรับผมไม่ต่างจากคุณลุงและคุณป้า เพราะหากไม่มีพี่ลีโอ ผมคงไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า ชีวิตของผมเป็นของบุคคลทั้งสามคนแห่งบ้านอัครภูมิเมธี ไม่ว่าทั้งสามคนจะชี้เป็นชี้ตายให้ผมไปทางไหนก็ย่อมได้ ‘ผมยอม’ ด้วยถือว่าผมตัดสินใจมอบลมหายใจนี้ ให้คนบ้านอัครภูมิเมธีไปหมดแล้ว เพราะหากไม่ได้คนบ้านนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเด็กกำพร้าอย่างผมจะมีชีวิตอย่างไรเช่นกัน
แม้ผมตั้งใจว่าจะตอบแทนบุญคุณของทุกคน แต่วันนี้ผมกลับขัดใจพี่ลีโอเป็นครั้งแรก และเป็นการขัดใจที่ถือว่าเข้าขั้นรุนแรง ทำให้พี่โกรธและผิดหวังในตัวผม จนถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้ากัน ทำเอาผมนึกเสียใจมาถึงนาทีนี้ พาลให้ลำคอตีบตันและไม่นึกอยากอาหาร ด้วยสัมผัสอย่างชัดเจนได้ถึงความไม่พอใจของพี่ลีโอ ตั้งแต่ผมเอ่ยประโยคนั้นออกไป
‘ม่ะ...ไม่! ลูกหมูจะไม่ตัดเพื่อนกับปูน ปูนเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของลูกหมู’
ผมขัดใจพี่ลีโอเป็นครั้งแรกตั้งแต่จำความได้ ซึ่งมันก็ส่งผลทันตาเห็น ด้วยพี่ลีโอชะงักไปทันทีที่ผมพูดประโยคนั้น ถ้าผมสังเกตไม่ผิด ในดวงตาที่เคยมีแต่แววตาแห่งความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองของพี่ลีโอ กลับไหววูบด้วยความผิดหวังอยู่ชั่วแวบ ก่อนดวงตาคู่เดิมจะมองผมด้วยความโกรธ เหมือนว่ามีไฟกำลังลุกโชนอยู่ในนั้น และพร้อมจะแผดเผาผมให้เป็นจุณ จนผมรู้สึกผิดและเกิดนึกกลัวพี่ลีโอขึ้นมา
ความรู้สึกแรกที่ได้ยินประโยคคำสั่งแฝงแววดูถูกของพี่ลีโอ ผมยอมรับว่าเสียใจอย่างมาก ทั้งสมเพชตัวเองและสงสารปูนที่โดนพี่ลีโอดูถูกน้ำใจในเรื่องการคบหากับผม ทำให้เกิดทิฐิและอยากจะดื้อกับพี่ลีโอเป็นครั้งแรก แต่ผมได้รู้แล้วว่ามันไม่คุ้มกันเลย
ช่วงเวลานั้นพี่ลีโอจ้องผมอย่างเอาเรื่อง แต่พี่ก็ไม่หลุดคำพูดต่อว่าผมออกมาอีกแม้แต่คำเดียว ใจผมร่ำร้องให้ตัวเองรีบเอ่ยขอโทษพี่ แต่ความกลัวและความหวาดหวั่นในท่าทางที่ได้เห็น ทำให้ผมได้แต่นอนนิ่งไม่กล้าขยับ และใช้สายตาแห่งความรู้สึกผิดสื่อสารกับพี่แทน แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย
เราจ้องตากันอยู่ชั่วครู่ พี่ลีโอก็คลายอ้อมกอดที่รัดตัวผมลง ก่อนจะใช้สายตาเย็นชามองมาที่ผม นาทีนั้นหัวใจในอกของผมเหมือนมีมือปริศนามาบีบรัด มันอึดอัดแทบหายใจไม่ออก และเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่แล้วผมก็แทบจะปล่อยโฮอยู่ตรงนั้น เมื่อพี่ลีโอผละลงจากเตียงและหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอน
เมื่อมีเสียงประตูปิดดังโครมใหญ่ ทำให้ผมได้สติอีกครั้ง ผมนอนน้ำตาไหลพรากอยู่เงียบๆบนเตียง ใจจริงอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่ในอกมันเจ็บจนร้องไม่ออก เมื่อผมตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกตามหาพี่ลีโอไปทั่วบ้าน แต่ก็หาพี่ไม่เจอ จนมาได้คำตอบจากป้าแม่บ้านว่าพี่ลีโอขับรถออกไปนานแล้ว ซึ่งป้าแม่บ้านยังกระซิบให้ผมฟังอีกว่า ไม่เคยเห็นพี่ลีโอเป็นแบบนี้มาก่อน รู้ว่ากำลังโกรธแต่ไม่โวยวายอะไรออกมา
คุณป้าแม่บ้านยังเล่าให้ผมฟังอีกว่า ก่อนพี่ลีโอจะขับรถออกไป พี่เร่งเครื่องยนต์เสียงดังจนน่ากลัว เมื่อออกรถก็ออกตัวเร็วและแรง จนกลัวว่าจะไปเกิดอุบัติเหตุนอกบ้าน พอผมได้ฟังทั้งหมดผมเข่าอ่อนจนแทบยืนไม่ไหว นึกหวั่นใจและกลัวว่าพี่จะไปเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ
เวลาผ่านไปผมยิ่งเสียใจและเริ่มโทษตัวเองมากขึ้น เพราะหากพี่ลีโอเป็นอะไรไป ผมคงกลายเป็นคนอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณถึงสองคน คงได้ตกนรกหมกไหม้ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดเป็นแน่ ที่สำคัญผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ หากไม่มีพี่ลีโอคนที่ผมรักอยู่บนโลกใบนี้
ตั้งแต่นาทีนั้นผมนั่งรอพี่ลีโออยู่ที่บันไดหน้าบ้านไม่ยอมไปไหน แม้คุณลุงและคุณป้าจะเรียกให้ผมไปรอพี่ลีโอในบ้านก็ตาม แต่ผมดื้อไม่ยอมและอ้อนวอนท่าน ขอให้ผมรอพี่ลีโออยู่ตรงนี้ เวลาผ่านไปพักใหญ่รถหรูคันคุ้นตาก็ขับผ่านประตูรั้วเข้ามา ผมดีใจที่เห็นว่าพี่ลีโอปลอดภัย แต่ความดีใจที่มีกลับสลายไปในพริบตา เมื่อได้เห็นใบหน้าเรียบเฉยของคนที่ผมรอ ที่สำคัญดวงตาคู่คมที่ผมหลงใหลได้ปลื้มคู่นั้น ไม่มีเหลือบแลมาที่ผมสักนิด
ยามที่พี่ลีโอปิดประตูรถเรียบร้อยแล้ว พี่ลีโอก็ก้าวย่างด้วยฝีเท้ามั่นคงผ่านหน้าผมไป เหมือนว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น และเหมือนว่าผมเป็นเพียงอากาศ ทั้งๆที่ผมเอ่ยเรียกพี่ลีโอตอนที่ร่างสูงอยู่ตรงหน้าแท้ๆ เรียกได้ว่าผมแทบล้มทั้งยืน แต่ในความเป็นจริงผมได้แต่ยืนก้มหน้าน้ำตาซึมและไม่รับรู้อะไรรอบตัวอีกเลย เหมือนว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว เพราะในหัวของผมมีแต่ภาพใบหน้าเฉยชาและแววตาวางเปล่าของพี่ลีโอ จนกระทั่งคุณป้าสุมนาออกมาตามผมให้ไปทานมื้อเย็น ผมก็ได้แต่เดินตามแรงจูงของท่านไปแบบเบลอๆ
เมื่อได้มานั่งบนโต๊ะอาหารข้างพี่ลีโอ ผมไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบสายตาออกจากจานข้าวตรงหน้า แต่รับรู้ได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่ที่นั่งเคียงข้างกัน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ทุกคนน่าจะมีความสุข เพราะลูกชายคนเดียวของบ้านกลับจากต่างประเทศ หลังจากต้องห่างบ้านไปทำงานอยู่หลายเดือน กลับอึมครึมชวนอึดอัดใจยิ่งนัก ผมนี่มันแย่จริงๆที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้
“กับข้าววันนี้มีแต่ของโปรดลีโอทั้งนั้น ทานเยอะๆสิลูก ลูกหมูตักให้พี่หน่อยสิครับ” คุณป้าคงตั้งใจทำลายบรรยากาศแสนน่าอึดอัด และอยากจะช่วยผมไปในตัว จนผมนึกเสียใจขึ้นมาที่ทำให้ผู้ใหญ่เดือดร้อน
ผมพยายามยกยิ้มให้สดใสที่สุดเท่าที่ทำได้ส่งให้คุณป้าและคุณลุง ก่อนจะทำใจกล้าเผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นไปให้คนข้างตัว แต่ใจผมก็ล่วงหล่นไปที่ตาตุ่ม เมื่อพี่ลีโอเบือนหนีหน้าผมทันทีที่ผมหันไป ผมพยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ด้วยขืนมัวแต่เสียใจและไม่ทำอะไรสักอย่าง พี่ลีโอคงไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ ผมจึงตักกับข้าวเมนูโปรดวางลงบนจานข้าวของพี่
“พี่ครับ ทานไก่ผัดเม็ดมะม่วงหน่อยนะครับ” ผมพยายามยิ้มให้หวานที่สุดเท่าที่ทำได้
แม้จะคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าผลที่ได้คือการถูกเมินก็ตาม ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คิดไว้ ด้วยพี่ลีโอไม่เหลียวแลสิ่งที่ผมตั้งใจทำเพื่อขอโทษพี่สักนิด
“แม่ครับ ต้มยำต้องฝีมือแม่แน่ๆ รสชาติยังอร่อยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” พี่ลีโอเลือกที่จะชิมต้มยำฝีมือคุณป้าที่อยู่ในถ้วยใบเล็ก แทนการชิมอาหารที่ผมตักให้
ผมก้มหน้าและพยายามกลั้นน้ำตาเต็มกำลัง เผลอกัดริมฝีปากซ้ำรอยที่แตกอยู่แล้ว จนตัวเองยังสะดุ้งได้กลิ่นเลือดทันตา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก และพยายามตักข้าวเข้าปากเพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่ต้องหนักใจ เพราะหูยังแว่วได้ยินเสียงคุณป้าเรียกพี่ลีโอด้วยเสียงหนักๆ
เวลาบนโต๊ะอาหารผ่านไปอย่างเชื่องช้ากว่าทุกที เพราะทุกครั้งมีแต่ผมที่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วนัก จนแทบอยากยืดเวลาบนโต๊ะอาหารต่อไปอีกด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่แตกต่างกันคนละขั้วนั้น คงมีอิทธิพลมาจากคนๆเดียวที่ผมแคร์คือพี่ลีโอ ต้นเหตุทั้งหมดมันเกิดจากผมคนเดียว ปกติไม่คิดจะร้องอุทธรณ์ขอลดหย่อนโทษ ยิ่งเป็นคนผิดผมยิ่งกว่าจะยอมก้มหน้ารับผลกรรมที่ทำไป ผลจากการเถียงและดื้อกับพี่ลีโอครั้งนี้ สมควรแล้วล่ะที่โดนพี่เมินใส่ แต่ทำไมหัวใจในอกมันถึงเจ็บ จนแทบขาดใจได้ถึงขนาดนี้กันครับ
สุดท้ายช่วงเวลาที่ยากลำบากของผมก็ผ่านไป เมื่อถ้วยน้ำกะทิแตงไทยของหวานแสนโปรดของพี่ลีโอถูกยกไปเก็บ นั่นหมายความว่ามื้อเย็นสิ้นสุดลงแล้ว หากเป็นเวลาปกติหลังจากมื้อเย็น ถ้าทุกคนไม่ติดอะไรก็จะไปรวมตัวที่ห้องนั่งเล่น เพื่อดูข่าวสารผ่านรายการข่าวและพูดคุยในเรื่องทั่วๆไป ยิ่งพี่ลีโอเพิ่งกลับบ้าน จึงน่าจะมีเรื่องเล่าจากพี่ถ่ายทอดให้ผมฟังมากมาย ยอมรับเลยว่าผมรักช่วงเวลานี้ที่สุด เพราะเหมือนว่าผมได้ใกล้ชิดพี่ลีโอมากขึ้นกว่าเดิม
แต่วันนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติสำหรับผมมากนัก ผมจึงเอ่ยขอตัวจากทุกคน โดยใช้เหตุผลที่ว่าเตรียมทำรายงานส่งอาจารย์ แม้ข้ออ้างที่ผมยกมาจะเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของการแยกตัว ความจริงคือผมอยากหลบไปตั้งหลักและสงบจิตใจสักนิด เพราะผมทนต่อแรงกดดันจากพี่ลีโอไม่ไหวแล้ว
ผลก็คือดวงตาคู่คมของพี่ตวัดมามองผมทันทีที่ผมเอ่ยจบประโยค ทำเอาผมสะดุ้งและหลบตาทันควัน ผมน่าจะดีใจที่พี่ลีโอสนใจผมขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แววตาเอาเรื่องคู่นั้น กลับทำผมหวาดกลัวเสียมากกว่า และเมื่อคุณลุงเอ่ยปากอนุญาต ผมรีบสาวเท้าออกจากห้องอาหารทันที แต่คล้อยหลังมาไม่เท่าไหร่ ผมยังทันได้ยินคุณลุงบอกพี่ลีโอว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ท่านคงอยากถามสารทุกข์สุขดิบของลูกชายคนเดียวล่ะมั้งครับ
รายงานที่ผมต้องทำมันไม่คืบหน้าสักนิดเดียว หนังสือที่ยืมมาถูกเปิดอยู่แค่เล่มเดียว และยังค้างอยู่หน้าเดิมที่ถูกเปิดไว้เหมือนเมื่อชั่วโมงก่อน ด้วยในหัวผมยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น วนไปมาซ้ำๆ ทั้งเหตุการณ์ที่ผมเถียงพี่ สีหน้าและแววตาที่พี่ใช้มองผม หรือแม้แต่ตอนที่ผมถูกพี่เมินใส่ ทำให้หัวตาผมมีน้ำตาซึมตลอดเวลา หัวใจในอกก็ปวดหนึบจนเหมือนจะหายใจไม่ออก
หลังจากไม่เจอพี่มาหลายเดือน ด้วยพี่ลีโอต้องไปเป็นนักร้องที่ฮ่องกง แทนที่วันนี้ผมจะได้พูดคุยกับพี่ และรอฟังเรื่องเล่าประสบการณ์ของพี่ เรากลับทะเลาะกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ผมจะเสียใจในสิ่งที่พูด แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงจะปฏิเสธคล้ายๆกัน แต่คงเลือกคำพูดที่ดีกว่าที่พูดไป ผมไม่น่าให้ความน้อยใจเสียใจมาทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเลย
ผมรู้ตัวมาตลอดว่าคนที่ผมแคร์มากที่สุดคือพี่ลีโอ แต่ไม่แน่ใจนักว่าผมรักพี่มากกว่ารักในแบบของพี่น้องหรือเปล่า รู้แต่ว่าผมชอบทุกอย่างที่เป็นพี่ลีโอและชอบที่จะอยู่ใกล้พี่มากที่สุด หากจะให้ลงรายละเอียด ผมชอบริมฝีปากของพี่ที่มักจะมีรอยยิ้มให้ผมเสมอ ชอบดวงตาอบอุ่นที่พี่ใช้มองผมตลอดเวลา ชอบมืออุ่นๆที่ใช้ลูบหัวปลอบใจยามที่ผมท้อแท้ ชอบอ้อมกอดใหญ่โตที่พี่กอดผมไว้ทุกครั้งที่ผมลืมตาตื่น หรือแม้แต่ชอบจูบของพี่ที่มีให้แก่ผม ยามที่ผมดื้อทำตัวไม่ได้ดั่งใจจนพี่โมโห เหมือนอย่างช่วงเย็นที่ผ่านมา ทั้งหมดที่เป็นพี่ลีโอ ผมไม่เคยนึกรังเกียจเลยสักนิด แล้วแบบนี้มันเรียกว่ารักได้หรือเปล่า
ผมเหลือบตาดูนาฬิกาอีกครั้งที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม ก็ให้สะดุ้งและลนลานขึ้นมาทันที ด้วยเกือบเลยเวลาที่ผมต้องไปห้องพี่ลีโอแล้ว ผมมีสัญญากับพี่ลีโอไว้ว่าจะต้องไปนอนห้องพี่ทุกคืนในช่วงที่พี่กลับเมืองไทย รวมถึงค่ำคืนนี้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าคืนนี้พี่ลีโอยังอยากให้ลูกหมูนอนด้วยอยู่รึเปล่า เผลอๆเพียงแค่ผมเปิดประตูยังไม่ทันก้าวเข้าห้อง พี่ลีโออาจจะไล่ผมออกมาก็เป็นได้
ในสถานการณ์จริงคือไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่คิด ผมได้เข้ามาในห้องนอนพี่ลีโอโดยไม่ถูกไล่ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนว่าผมไร้ตัวตนในห้องนี้ ผมว่ามันเจ็บกว่าการถูกไล่เสียอีก เพราะอย่างน้อยพี่ลีโอก็ยังพูดกับผม แต่สิ่งที่ผมพบคือความเงียบ แม้แต่เสียงทีวีที่พี่ลีโอมักชอบเปิดไว้เป็นเพื่อน คืนนี้ก็ไม่มีให้ได้ยิน ผมยืนเคว้งคว้างอยู่ข้างเตียง โดยที่พี่ลีโอใส่หูฟังเพลงและหลับตานอนพิงหัวเตียงอยู่เงียบๆ
ผมแน่ใจว่าพี่ลีโอรับรู้การมาถึงของผม เพราะเมื่อนาทีก่อนพี่ลีโอเปิดตาขึ้นมองผมชั่วแวบ ก่อนจะปิดตาลงไม่สนใจกันอีก ยามปกติหากผมมาถึงห้องพี่แล้ว ผมจะกระโดดขึ้นเตียง ก่อนสอดตัวลงในผ้าห่มและดึงมันจนชิดคอ เพราะแอร์ในห้องนี้ถูกเปิดจนเข้าขั้นใกล้จุดเยือกแข็ง ด้วยตามใจเจ้าของห้องที่เป็นคนขี้ร้อน แต่ผมกลับไม่ถูกโรคกับความเย็นมากนัก และเหตุการณ์หลังจากนั้น ผมก็คงไม่พ้นโดนพี่ล้อด้วยรอยยิ้มขำขัน ก่อนความสนใจของพี่ลีโอจะไปอยู่กับรายการเพลง หรือไม่ก็อยู่กับโทรศัพท์ที่เปิดหน้าเวปเพลงต่างๆไว้
แม้ช่วงเวลานั้นระหว่างเราจะมีแต่ความเงียบไม่ต่างจากยามนี้ แต่ความรู้สึกกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะช่วงเวลานั้นอย่างน้อยก็ยังมีมืออุ่นคอยลูบหัวกล่อมผมนอน แต่หากว่าคืนไหนผมยังไม่ง่วง จะมีสายตาอบอุ่นมองมายังผมเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง และหากโชคดีหน่อยถ้าคืนไหนพี่อารมณ์ดี พี่ลีโอจะฮัมเพลงที่กำลังฟังเพื่อกล่อมผมให้นอนด้วย กระทั่งผมหลับไปพร้อมสายตาอบอุ่นและเสียงนุ่มๆของพี่
นาทีนี้แม้แต่สายตาที่แสดงถึงการรับรู้ว่ามีผมอยู่ในห้อง ผมก็ยังไม่ได้รับจากเจ้าของห้องเลย จึงตัดสินใจเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้อง และลูบแขนตัวเองไปมา เมื่อรู้สึกว่าไอเย็นทะลุเนื้อผ้าของชุดนอน ผ่านไปหลายนาทีพี่ลีโอก็ยังอยู่ท่าเดิม ผมจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนโซฟาเสียเลย
หากถามว่าทำไมผมไม่กลับห้องไปซะ จะทนหนาวอยู่ทำไม ในเมื่อพี่ลีโอไม่มีทีท่าสนใจในการคงอยู่ของผมสักนิด ผมจะอยู่หรือไปก็คงไม่ต่างกัน แต่เพราะผมรู้ดีต่างหากว่าขืนผมทำแบบนั้น คงยิ่งทำให้พี่ลีโอโกรธผมมากกว่าเดิม นี่ผมก็ไม่รู้ว่าพี่จะเกลียดผมไปแล้วรึเปล่า
ฟันผมกระทบกันดังกึกๆ พยายามห่อตัวและกอดตัวเองมากขึ้น แต่มันก็ยังไม่หายหนาว พาลทำให้ความน้อยใจตีตื้นขึ้นจนล้นหัวใจ ส่งผลให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ยังดีที่ผมหันหลังให้เตียงหลังใหญ่ ทำให้มั่นใจว่าพี่ลีโอจะไม่เห็นอาการของผม หากพี่เห็นว่าผมร้องไห้คงนึกรำคาญผมยิ่งขึ้น พาลให้พี่คิดไปอีกว่าผมสำออย ซึ่งในความเป็นจริงผมก็แค่น้อยใจ แต่ไม่คิดที่จะโกรธพี่เลยจริงๆ
แต่แล้วผมก็แทบปล่อยโฮ ไม่ใช่เพราะความน้อยใจที่พุ่งขึ้นถึงขีดสุดด้วยถูกละเลย แต่เป็นเพราะผมรับรู้ถึงวงแขนอบอุ่นที่ช้อนตัวผมขึ้นจากโซฟา ปฏิกิริยาของผมต่อวงแขนที่ผมรู้ดีว่าเป็นของใคร คือการที่ผมคล้องแขนเข้าที่รอบคอพี่ลีโอ และเลือกที่จะซุกหน้าเข้าหาซอกคออุ่นๆ เพื่อซ่อนรอยน้ำตาของตัวเอง
“พี่ลีโอ” ผมหลุดเรียกชื่อพี่ออกไป และรับรู้ได้ว่าพี่ลีโอมีอาการชะงักเล็กน้อย พี่คงคิดว่าผมหลับไปแล้วล่ะมั้ง ถึงเข้ามาอุ้มผมแบบนี้
คราแรกผมกลัวว่าพี่ลีโอจะทุ่มผมลงพื้นด้วยความโกรธ แต่ในความเป็นจริงคือ พี่ลีโอยังคงอุ้มผมจนถึงเตียง ก่อนจะวางผมลงอย่างนุ่มนวล ผมเปิดตามองผ่านม่านน้ำตา ทันได้เห็นพี่ลีโอเบือนหน้าหนี ทำเอาวูบโหวงและปวดหนึบขึ้นกลางอกในทันที แต่อาการเหล่านั้นก็บรรเทาลง เมื่อพี่ลีโอตลบผ้าห่มขึ้นคลุมให้ผมจนถึงคอ แม้ตาคู่คมจะไม่เหลือบแลมายังผมก็ตาม
พี่ลีโอทำให้ผมเพียงแค่นี้ ผมก็พอใจและดีใจมากๆแล้ว ในสายตาพี่ผมอาจจะไม่มีความสำคัญ เพราะผมรู้ตัวว่าเป็นเพียงแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แต่อย่างน้อยการกระทำของพี่ลีโอครั้งนี้ ก็พิสูจน์ได้ว่าผมยังพอมีตัวตนในสายตาพี่อยู่บ้าง ผมไม่ต้องการเป็นคนสำคัญของพี่หรอก แค่พี่มีผมอยู่ในสายตาผมก็พอใจแล้ว
เมื่อมาอยู่บนที่นอนแสนคุ้นเคยและข้างๆก็มีร่างอุ่นที่ผมไว้ใจ ทำให้ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ผมฝันว่าพี่ลีโอลูบหัวกล่อมผมเหมือนเคย จำได้ว่าผมดีใจมาก จึงส่งยิ้มกว้างให้พี่เพราะความดีใจ ก่อนจะกอดร่างสูงแบบที่ในชีวิตจริงไม่กล้าทำ ซึ่งในฝันทำไมพี่ลีโอถึงยิ้มให้ผมเศร้านักก็ไม่รู้ ทำเอาผมรู้สึกหดหู่ขึ้นมา แต่แล้วผมก็ยิ้มได้อีกครั้ง
เมื่อพี่ลีโอที่อยู่ในฝันแตะจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากและเอ่ยขอโทษผมด้วยเสียงนุ่มๆ ก่อนผมจะตกอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นตลอดคืน ขนาดตื่นขึ้นมาความอบอุ่นของอ้อมกอดพี่ยังคงติดอยู่ที่ผิวกาย จนเผลอคิดว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้สักนิด ด้วยขณะนี้ร่างสูงที่น่าจะนอนอยู่ข้างกันได้อันตรธานหายไปแล้ว แม้จะเป็นแค่ฝันมันก็ทำให้ผมมีความสุขแล้วครับ
ผมตัดสินใจกลับห้องตัวเอง เพื่ออาบน้ำและรีบแต่งตัวลงมาข้างล่าง หวังจะได้เจอพี่ลีโอแต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อป้าแม่บ้านบอกว่าพี่ลีโอลงมาทั้งชุดนอน และดื่มกาแฟแค่แก้วเดียว ก่อนกลับขึ้นห้องไปพักใหญ่แล้ว แสดงให้เห็นว่าพี่ลีโอตั้งใจหลบหน้าผม คงเพราะยังไม่หายโกรธ สำคัญที่คงไม่อยากเห็นหน้าผมนั่นเอง คิดได้แบบนั้นทำให้ผมหดหู่ และแทบไม่แตะมื้อเช้าเหมือนปกติ ก็ใครจะมีอารมณ์อยากอาหารกัน ในเมื่อโดนคนที่ตัวเองแคร์ที่สุดโกรธข้ามวันแบบนี้
ธรรมเนียมมื้อเช้าของบ้านอัครภูมิเมธีจะไม่เคร่งนักว่าต้องอยู่พร้อมหน้ากัน ด้วยแต่ละคนมีภารกิจสำคัญยามเช้าแตกต่างกันไป คุณลุงมักเข้าไปทำงานที่ธนาคารสักช่วงเก้าโมงเช้า คุณป้าทำหน้าที่ดูแลบ้านและทำงานควบคู่กับการเปิดร้านอาหาร ที่นานๆครั้งท่านถึงจะเข้าไปดูกิจการ ซึ่งก็ออกจากบ้านไม่เป็นเวลาเช่นกัน ผมเองก็ออกจากบ้านเช้าตรู่เพื่อไปให้ทันเรียน ทำให้ยากนักที่มื้อเช้าทุกคนจะรวมตัวกันได้
คุณลุงและคุณป้าลงมาทานมื้อเช้า ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านนิดเดียว ดังนั้นผมได้แต่ไหว้ลาท่านเพื่อไปเรียน ยังดีที่ป้าแม่บ้านเก็บชามข้าวต้มที่ผมแทบไม่ได้แตะออกไปแล้ว เพราะขืนท่านทั้งคู่เห็นว่าผมแทบไม่ได้กิน คงทำให้ท่านไม่สบายใจ และคงไม่พ้นที่จะรั้งผมไว้เพื่อสอบถามหาสาเหตุ ผมไม่อยากโกหกท่านว่าตัวเองปกติดี ด้วยความจริงผมต่างจากคำว่าปกติไปมากนัก
ผมลงจากรถของบ้านอัครภูมิเมธีที่คุณลุงกรุณาให้มาส่งผมเข้าเรียนในทุกเช้า เมื่อแรกแม้ผมจะปฏิเสธ แต่ท่านกลับออกคำสั่งกึ่งบังคับให้ผมทำตาม ผมจึงได้แต่ขอบคุณและสำนึกในความหวังดีของท่าน ที่มีให้แก่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงอย่างผม ผมหันไปยกมือไหว้ลุงคนขับรถ ก่อนลุงจะรับไหว้ผม และเอ่ยปากห้ามไม่ให้ผมไหว้ลุง เหมือนอย่างทุกวันที่ลุงมักจะพูดประโยคนี้กับผม ผมเดินเข้าตึกคณะแต่ยังเดินไปไม่ถึงไหน ก็มีมือข้างหนึ่งมารั้งต้นแขนผมไว้
“ลูกหมูระวังชน! ฟู่ๆๆ เกือบไปแล้ว นี่เดินเหม่อมาตั้งแต่ลงรถเลยใช่มั้ย” เป็นปูนเองครับที่เข้ามารั้งต้นแขนผมไม่ให้หน้าผมชนเข้ากับบอร์ดนิทรรศการที่ถูกจัดขึ้นวันนี้
ปกติพื้นที่ตรงนี้จะว่างโล่งครับ ผมจึงเดินด้วยความเคยชิน และเพราะกำลังเหม่ออย่างที่ปูนพูดนั่นแหละ ทำให้ไม่ทันระวัง ‘เกือบขี้เหร่ไปกว่าเดิมแล้วนะลูกหมู’
“ขอบใจนะปูน แหะๆ ไปเรียนกันเถอะ...อืม แต่รายงานที่ว่าจะให้ปูนพิมพ์วันนี้ ขอเลื่อนไปก่อนนะ พอดี เอ่อ เมื่อคืนง่วงนอนน่ะ” ผมหลบสายตาจับผิดของปูนทันทีที่เอ่ยถ้อยคำโกหกออกไป
เพื่อนรู้ดีว่าเรื่องเรียนหากผมรับปากแล้ว ผมไม่เคยผิดคำพูดเลยสักครั้ง ที่ผมตัดสินใจโกหก เพื่อไม่ให้ปูนซักถามลงในรายละเอียด เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกไม่ดีกับพี่ลีโอ ด้วยแค่เหตุการณ์เมื่อวาน ผมเชื่อว่าทั้งคู่คงกินใจกันไปไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ
ขนาดผมเลี่ยงแล้วนะ ปูนยังพยายามถามถึงเหตุการณ์หลังจากที่เจ้าตัวกลับออกจากบ้านอัครภูมิเมธีไปแล้ว แต่ผมเลือกที่จะบอกว่าไม่มีอะไร และใช้ความเงียบเป็นตัวปิดกั้นความจริงจากปูน ซึ่งปูนเองก็ดูเกรงๆผมไม่น้อย ทั้งๆที่ผมแค่วางหน้าเฉยเลียนแบบที่พี่ลีโอทำกับผมเท่านั้น แต่เชื่อว่าผมยังทำได้ดีไม่เท่าพี่ด้วยซ้ำ ไม่ว่าอย่างไรการกระทำของผมก็ได้ผล เพราะปูนเลิกเซ้าซี้ถามไปเลย
ช่วงเช้าผมเรียนเลคเชอร์ตลอดเช้า แต่ก็เป็นไปในแบบที่ความรู้ไม่ค่อยเข้าหัวนัก และกินมื้อเที่ยงแบบแมวดม จนปูนยังทักเพราะปกติผมกินยิ่งกว่าพายุหมุน ไม่เช่นนั้นหุ่นผมคงไม่ตุ้ยนุ้ยให้ใครต่อใครรังเกียจแบบนี้หรอก แม้ผมจะอายหุ่นต่อสายตาคนรอบข้างอยู่บ้าง แต่เพื่อความพอใจของพี่ลีโอแล้วผมยอม เพราะผมมักโดนกรอกหูเสมอว่าให้กินเยอะๆ ไม่เช่นนั้นจะโดนพี่ลีโอโกรธหากเห็นว่าผมกินน้อย ที่สำคัญพี่ลีโอเคยหลุดคำพูดมาให้ผมดีใจ จะด้วยความตั้งใจหรืออยากให้ผมทำตามคำสั่งก็แล้วแต่ แต่มันก็ใช้ได้ผลกับผมเสมอมา
‘หมูน้อยกินเยอะๆ อ้วนๆสิน่ารัก พี่ชอบนอนกอดเราแบบนี้ อุ่นดีออก’ ตั้งแต่นั้นมาผมจึงกินเพื่อรักษาหุ่นอ้วนตุ๊ต๊ะไว้แบบนี้เพื่อพี่ลีโอ
“เรื่องรายงานยังพอมีเวลา วันนี้ลูกหมูพักก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มก็ได้ ส่วนผลแล็ปของเย็นนี้ที่ต้องทำรายงานส่ง เดี๋ยวปูนทำให้เอง ลูกหมูไม่ต้อง...เฮ้ยยย.....ลูกหมู!!!” เสียงปูนดังแว่วเข้าหูเป็นระยะ
ผมจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็พยักหน้ารับๆไป ถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องตะโกน พร้อมๆกับที่ร่างผมลอยละลิ่วจากบันไดขั้นบนสุด เพียงเพราะก่อนก้าวลงบันไดนั้น ผมรู้สึกหน้ามืดมันวูบขึ้นมากะทันหัน และทันได้เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของปูน
“ผลัก!...โอ๊ยยย!!” ความรู้สึกก่อนที่สติผมจะดับไป คืออาการเจ็บแปลบที่ท่อนขาท่อนแขนและสีข้าง สำคัญที่บริเวณหัวนั้นมันเจ็บจนชา
ผมน่าจะเชื่อฟังคำสั่งของพี่ลีโอ ไม่น่าละเลยข้าวเที่ยงเลย ถ้าพี่ลีโอรู้ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ คงจะยิ่งโกรธผมมากขึ้นแน่ๆ ไม่อยากโดนโกรธโดนเมินใส่อีกแล้ว ผมอยากเห็นรอยยิ้มและได้รับสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นๆของพี่อีกสักครั้ง แต่ผมจะมีโอกาสที่ว่ามั้ย
‘หากมีโอกาสลูกหมูสัญญาว่าจะเชื่อฟังทุกคำพูดของพี่ และจะไม่เถียงไม่ดื้อกับพี่อีกแล้วครับ’
..................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^งานนี้เชื่อว่ามีแต่คนสงสารลูกหมูกันเป็นแถว ลีโอก็คงโดนสวดยับแน่ๆ

ตอนหน้าตามมาลุ้นกันค่ะว่าลูกหมูจะเป็นยังไงบ้าง ลีโอจะยอมหายโกรธน้องมั้ย
หรือถ้าหายโกรธแล้วลูกหมูเจ็บหนักขึ้นมาจะเป็นอย่างไร
ตามลุ้นกันต่อวันอังคารหน้านะคะ ลีโอมาเองเลยค่าขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นในการเปิดเรื่องตอนแรกมากๆเลยค่ะ
ดีใจที่เห็นคุณผู้อ่านทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าเข้ามาให้กำลังใจกัน ขอบคุณจริงๆค่ะ
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์
ปล.3คนแรกที่เม้นท์ต่อจากตอนนี้ รอรับ magnet ได้เลยค่า~
