❥Close Friend :: เพื่อนสนิท ||เรื่องเล่าระหว่างทาง 8 ||P.45||12-12-59||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❥Close Friend :: เพื่อนสนิท ||เรื่องเล่าระหว่างทาง 8 ||P.45||12-12-59||  (อ่าน 253838 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
"มึงยังรักกูอยู่ไหม?  กูถามแค่นี้แหละ เรื่องอื่นมึงไม่ต้องคิดเลย"
^
^
ทุกวันนี้ปั้นก็ยังรักไม้อยู่ และก็ไม่เคยจะคิดในเรื่องอื่น
ไม่ใช่เหรอออ

เรื่องราวมันถึงแย่ๆ เลวร้าย
ล่วงเลยมาได้ถึงขนาดนี้

อ่ะโด่...ไม้ยังกล้าจะถามปั้น..ได้อีกนะ
ไม่ไหวว่ะ

คิดจะทำยังไงต่อไปมั่งอ่ะ
คิดได้ยัง
หุหุ
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ penneeamoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
Ch 77  ทางที่เราควรเดิน ||  ปั้นสิบ


“ไม้คงกลับไปไม่ได้แล้ว  ไม้ขอโทษนะ”
ไม้ฉากยืนมองหน้าผม  แต่แววตาและน้ำเสียงที่พูดออกมานั้นมันไม่ใช่ไม้ฉากแบบทุกที
ท่าทางเมินเฉย และสายตาที่เหินห่าง
ไม้ฉากยืนจ้องหน้าผมนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินหันหลังแล้วเดินจากผมไป

“ไม่!!    ไม่จริง!!!!   ,, ไม้ กลับมา  กลับมาก่อน”
ผมพยายามยื่นมือไปฉุดยื้อให้ไม้ฉากมันอยู่กับผม
แต่มันก็เดินหนีผมออกไปเรื่อยๆ ,,
ผมร้องไห้จนปวดร้าวหน้าอกไปหมด  ผมร้องไห้สะอื้นจนหายใจไม่ทัน
มันเป็นความรู้สึกที่ทรมาน .. ทรมานมากๆ


“เห้ยย มึงเป็นไรเนี้ยปั้น .. ใจเย็นๆนะ ค่อยๆหายใจ”
เสียงของจานสี ฉุดให้ผมตื่นขึ้นมาจากอาการอึดอัดและการทรมาน
ผมสะดุ้งตื่นแล้วรีบดันตัวเองให้ลุกมานั่งหายใจหอบๆ
ฝัน ,, ใช่นี้ผมต้องฝันไปแน่ๆ
ไม้ฉากไม่ทิ้งผม ,, ไม้ฉากต้องเลือกผมสิ!

” กินน้ำหน่อยไหมเดี๋ยวกูเอาให้กิน”
เสียงของจานสีดังมาจากโซฟาตรงมุมห้อง ก่อนที่มันจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาให้ผม

“อ่ะ ,, ค่อยๆดื่มนะ เดี๋ยวสำลัก”
จานสียื่นแก้วน้ำมาให้ผม .. ผมเลยรับน้ำมาดื่ม
พอดื่มเสร็จแล้วผมก็ยื่นแก้วคืนให้จานสีไป

“แล้วมึงยังไม่นอนหรอ?”
ผมมองไปรอบๆห้อง ตอนนี้เปิดไฟในห้องแค่ดวงเดียว 
ไนซ์กับพู่กันมันปูผ้านอนตรงข้างๆเตียงผมนี้แหละครับ
แต่มันหลับสนิทไปแล้ว  เหลือแต่จานสีที่ยังไม่นอน

“อืมม กูนั่งเล่นมือถือนะ    มึงเถอะ ,, ฝันร้ายหรอวะ”
จานสีเขยิบเข้ามานอนเบียดกับผมบนเตียงคนไข้ - -‘
เดี๋ยวก็โดนพยาบาลด่าอีกหรอก คราวก่อนก็โดนด่าไปแล้วครับ
มันบอกจะขอนอนเล่นๆ เดี๋ยวจะลงไปนอนที่โซฟา แต่กลายเป็นว่านอนยันเช้าเลย
พยาบาลเข้ามาวัดความดัน วัดไข้ตอนตี 5 ด่าเลยครับ 555+

“อืม ฝันร้ายวะ ใจไม่ดีเลยเนี้ย”
ผมตอบมันเสร็จ ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆมัน ดีนะที่วันนี้ถอดสายน้ำเกลือแล้ว
ไม่งั้นสายน้ำเกลือเกะกะอีกแน่ๆ

“มึงฝันว่าไรอะ มานี้มะเล่ามา กูจะทำนายฝันให้”
จานสีพูดเสร็จก็นอนพลิกตัวมามองหน้าผม
นี้นานมากแล้วนะเนี้ยที่ผมไม่ได้มองหน้าเพื่อนผมชัดๆเต็มๆตาแบบนี้
จริงๆมันก็หล่อเหมือนกันนี้หว่า : )

“กูฝันว่าไม้ฉากจะทิ้งกู ในฝันกูอ้อนวอนขอให้มันกลับมาหากู แต่มันบอกว่ามันกลับมาไม่ได้แล้ว
เสียงของมันเย็นชามากๆอะมึง ,, ฝันร้ายโคตรๆ ถ้าไม้ฉากพูดกับกูแบบนั้นจริงๆนะ
กูจะทำไงวะเนี้ยย เห้อออ ดีน่ะที่ไม้มันไม่ทิ้งกู มันไม่มีวันพูดแบบนี้กับกูแน่ๆ”

ผมมั่นใจเลยละครับว่าไม้ฉากมันจะไม่พูดแบบนี้กับผม
เพราะมันชอบง้อผม ชอบมาอ้อน มาพูดจาดีๆใส่ผมตลอด
และอีกเรื่องที่ผมมั่นใจ คือ .. ไม่ว่ายังไงไม้ฉากก็ไม่มีวันปล่อยมือผมแน่นอนครับ

“เออ  ....  คือปั้น ,, มึงจำไม่ได้จริงๆงั้นหรอ?”
จานสีทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปนอนกอด
คือมึง,, ไปฟิตหุ่นมานิดๆหน่อยๆทำเป็นแมนดึงกูเข้าไปกอดเลยนะจานสี
555+ รูปร่างมันดีกว่าเดิมมากครับ มีกล้ามหน้าท้อง มีกล้ามหน้าอกแล้วละ
แต่ไม่แมนมากขนาดไม้ฉากนะครับ ,,, ของไม้ฉากอะแมนมากก กล้ามแน่นมากก 5555+

“อืมม จำไรว่ะ?”  ในเมื่อมันดึงผมเข้าไปกอดแล้ว ผมก็ขยับตัวเข้าไปให้มันกอดครับ

“กูควรบอกมึงตรงๆดี หรือว่าควรโกหกมึงดีวะ?”
จานสีมันบ่นอะไรพึมพำๆอยู่ ผมเลยดันตัวเองออกจากกอดของมัน
แล้วเงยหน้าไปมองหน้ามันแทน

“บอกอะไรอะ? “

จานสีทำหน้าตาอึกอักเล็กน้อย แต่ก็ยอมบอกกับผม

“คือว่ามึงไม่ได้ฝัน .. ไม้ฉากบอกกับมึงจริงๆว่ามันจะไม่กลับมาหามึงอีกแล้ว”
สิ่งที่จานสีตอบมา ทำให้ผมตัวเย็นเฉียบเลยครับ
มันไม่ใช่ฝัน .. มันคือเรื่องจริง!

“มะ ไม่ ไม่จริงอะ นี้มึงจะอำกูเล่นใช่ไหม? ไม้ไม่มีวันทิ้งกูแน่ๆ”
ผมดันตัวเองให้ลุกมานั่งอีกครั้ง  จานสีก็ลุกมานั่งแล้วนั่งมองหน้าผม
แววตาของจานสีไม่มีแววตาว่ามันล้อเล่นเลยครับ
ผมกลัวแววตาจริงจังของมันตอนนี้มากๆ

“มึงคิดดีๆปั้น เมื่อตอนค่ำมึงคุยโทรศัพท์กับมัน และมันก็บอกกับมึงว่ามันกลับมาไม่ได้แล้ว
มึงก็เอาแต่ร้องไห้แล้วก็หลับไป ,, มันไม่ใช่ฝันเว้ยยปั้น  มันคือเรื่องจริง”


ไม้ทิ้งผมไปแล้ว ,, ไม้ฉากเลือกน้องพิม TT’
โอ้ยยย .. ทำไมเจ็บแบบนี้
ผมรู้สึกเจ็บที่หัวใจ เจ็บมากๆจนต้องยกมือขึ้นมากุมตรงหน้าอกไว้

“สิ่งที่มึงควรทำจากนี้คือยอมรับความจริงนะปั้น  มึงโกหกตัวเองไม่ได้แล้ว และมึงก็หยุดทำร้ายตัวเองแบบนี้ซะที
มึงไม่ได้ป่วยนะเว้ยยปั้น แต่มึงรับความจริงไม่ได้ร่างกายมึงเลยแย่ตามไปด้วย
มึงเข้มแข็งหน่อยดิวะ  เอาแต่อ่อนแอแบบนี้ มึงจะลุกขึ้นยืนได้ไงกัน”

จานสีก็ยังพูดต่อไป ..
ใช่แล้วละจริงๆผมไม่ได้ป่วยอะไรแล้ว เลือดที่ซึมออกมาจากสมองก็หยุดไปแล้วโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด
หมอวินิจฉัยแล้วว่าอาการที่ผมเป็นมาจากการเครียดมาก จนทำให้เส้นเลือดฝอยแตก

“จานสี .. แล้วกูจะมีชีวิตต่อไปยังไงวะมึง
ไม้ทิ้งกูไปแบบนี้ ละ แล้ว แล้ว . . . ฮึกกกฮืออออ กูจะทำไง”

ผมเริ่มร้องไห้สะอื้นขึ้นมา จนตอนนี้ไนซ์กับพู่กันมันตื่นแล้วรีบลุกมาดึงผมไปกอด

“มีไรวะมึง .. ปั้นเป็นไร นี้จานสีมึงแกล้งไรปั้นอีกเนี้ย”
ไนซ์ที่กำลังกอดผมอยู่ หันไปด่าจานสี

“แกล้งอะไรละ กูก็แค่บอกความจริงว่าไม้ทิ้งมันไปแล้วแค่นั้นเอง”
จานสีตอบเสร็จแล้วก็ลุกออกจากเตียงคนไข้ของผม
แต่พู่กันยังด่าจานสีไม่หยุดครับ

“มึงก็รู้ว่าเพื่อนไม่สบาย ทำไมต้องพูดตอนนี้วะ รอมันหายก่อนไม่ได้หรอไงวะจานสี”

“มันไม่ได้ป่วยพู่กัน มันแค่ไม่ยอมรับความจริง
กูแค่อยากให้เพื่อนยอมรับความจริง แล้วตื่นมาใช้ชีวิตแบบที่เคยใช้แบบที่ผ่านมาแค่นั้นเอง
กูผิดตรงไหน? พวกมึงจะโอ๋อะไรปั้นสิบมันหนักหนาวะ มันก็เป็นผู้ชายเว้ยย
เป็นเพื่อนพวกเราอายุเท่าพวกเรา ,, ทำไมต้องโอ๋มันเยอะแยะ
แล้วการที่โดนแฟนทิ้ง ,, ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ตายได้เลยนะ
เรื่องแบบนี้มันเรื่องธรรมดาของยุคนี้แล้ว บางคนคบกันวันสองวัน
ได้กันมันส์ๆไปไม่กี่วันมันเบื่อมันก็ทิ้ง ก็หาใหม่
จะร้องไห้ฟูมฟายเรียกให้มันกลับมาทำไม ในเมื่อคนมันไม่ได้รักแล้วอะ
มึงจะอ้อนวอนให้มันกลับมาหามึงทำไมละ หรือมึงอยากให้ไม้กลับมาหามึงเพราะแค่สงสารมึงวะปั้น
มึงต้องการแบบนั้นงั้นหรอ? หรือมึงอยากจะป่วยแล้วให้พวกกูโดดเรียนโดดงานมาตามใจมึง
มึงปัญญาอ่อนหรือไงละที่พวกกูต้องตามมาดูแล”

“เห้ยยจานสี มึงพอได้แล้ว เพื่อนไม่สบายอยู่มึงจะพูดอะไรอีกวะ
พู่กันเอาน้องมึงออกไปเลยป่ะ”

เสียงไนซ์ด่าจานสี แต่จานสีมันไม่ยอมหยุดละครับ

“มึงอีกคนไอ้ไนซ์ กูรู้นะว่ามึงชอบปั้นสิบอะ
มึงรอเวลาที่ไม้จะทิ้งปั้นมานานแล้วดิ มึงถึงตามโอ๋มันแบบนี้อะ
มึงเลิกตามใจมันซะทีเถอะ  ยิ่งมึงทำแบบนี้เพื่อนรักของมึงจะยิ่งเสียใจ”

“จานสีมึงออกไปเลยไอ้เชรี้ย!!!”

เสียงพู่กันกับจานสีทะเลาะกันดังออกไปจากห้องพักของผม

“มึงไม่ต้องฟังที่จานสีพูดหรอกนะ  หายไวๆก็พอ อีก วันสองวันมึงก็กลับบ้านได้แล้ว”
ไนซ์ผละผมออกจากอ้อมกอด ก่อนจะเดินไปเปิดไฟในห้องให้สว่างขึ้น
แล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงผม

เมื่อกี้จานสีบอกว่าไนซ์ชอบผม?
เห้ยยย ,, ไม่จริงอะ - -‘

“มึงชอบกูหรอ?”
โอ้ยย แล้วปากผมก็ดันเอ่ยถามมันออกไป .. มึงคิดอะไรเนี้ยไอ้ปั้นน!

“อืม กูชอบมึง”
สิ่งที่ไนซ์ตอบยิ่งทำให้ผมคิดหนักกว่าเดิมอีกครับ
ไอ้ไนซ์ .. ไอ้ดาราเนี้ยนะชอบผม - -

“มึงไม่คิดบ้างหรอวะ ว่าเวลามึงมีปัญหาคนแรกที่วิ่งมาหามึงก่อนเสมอเป็นใคร”
ยิ่งไนซ์มันถามแบบนี้ ภาพเก่าๆก็วิ่งเข้ามาเต็มหัวผมเลยครับ
ทุกๆครั้งที่ผมมีปัญหา ,, คนแรกที่มาหาผมคือมัน’

“มึง”

“อืมม แล้วเวลาที่มึงร้องไห้ คนที่ยอมทิ้งงานแล้ววิ่งมากอดมึงเป็นใคร”

“มึง”

“กูรักมึงนะปั้น  แต่รักที่กูมีให้มึงไม่ใช่ในแบบที่มึงกับไม้ฉากมีให้กัน
กูรักมึงเพราะมึงเป็นเพื่อนกู  และตอนนี้กูรักคนอื่นไปแล้ววะ  ขอโทษทีนะเผอิญกูหล่ออะ เลยมีตัวเลือกเยอะ 555+”

“ไอ้เชรี้ย”

ผมด่ามันกลับไป แต่ก็โล่งอกครับ ถ้ามันบอกว่ารักผมในแบบที่ผมรักไม้ฉาก
ผมจะทำหน้ายังไงดีละ? จะทำตัวกับมันยังไงต่อไปดี?
ผมไม่อยากเสียเพื่อนไปอีกแล้ว TT’

“555+ ยิ้มได้แล้วนะมึง  ทำหน้าตาหงอยเหงามาเป็นอาทิตย์ ดูสิทำให้กูอดหลับอดนอนมาเฝ้าถึงโรงพยาบาล
หน้าหล่อๆกูหมองหมดเลย”

ไนซ์พูดเสร็จก็หยิบเอามือถือมาเปิดกล้องส่องดูหน้าตาตัวเอง
มึงหมองแล้วหรอเนี้ย? ทำไมกูยังเห็นออร่าความหล่อจากตัวมึงวะ - -‘

“แต่สิ่งที่จานสีพูดมามันก็ถูกนะ ,, กูทำตัวอ่อนแอจนพวกมึงต้องมาเสียเวลากับกูกันไปหมดเลย
กูขอโทษ”

ผมยกมือไหว้ขอโทษไนซ์
แต่มันก็หัวเราะ ก่อนจะดึงมือผมเข้าไปจับ
ไหนบอกไม่คิดอะไรกับกูไง .. จับมือกูทำมายยยยยยย - -‘


“ไม่มีใครเสียเวลาเพราะมึงหรอก ที่จานสีมันพูดเพราะมันเป็นห่วงมึง
มันอยากให้มึงฮึดสู้ แล้วออกไปใช้ชีวิตปกติแบบที่มึงเคยใช้เท่านั้นเอง”

ไนซ์พูดเสร็จก็ปล่อยมือที่จับมือผมไว้ แล้วยื่นมือมาลูบหัวผมแทน

“กลับมาเป็นปั้นสิบที่ร่าเริง ที่ยิ้มเก่งๆ และก็เป็นปั้นสิบที่มั่นใจความรู้สึกตัวเองไวๆนะ”
รอยยิ้ม และคำพูดปลอบใจของไนซ์ตอนนี้ทำให้ผมแอบน้ำตาคลอเบาๆ

“อืมม”
ผมยิ้มให้กับไนซ์ และบอกกับตัวเองในใจว่าพรุ่งนี้ผมจะไม่อ่อนแอ จะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว


ไนซ์นั่งเล่นมือถืออยู่ข้างๆเตียงผม  ส่วนตัวผมนั้นโดนพี่ไนซ์จับให้นอนลงบนเตียงละครับ
อย่าคิดไกลนะ แค่จับให้นอนแล้วห่มผ้าให้เฉยๆ 5555+


“ไนซ์ๆ แหวนมึงสวยดี ซื้อที่ไหนมาอะ”
ผมนอนมองแหวนของไนซ์ มันเป็นสีดำ และรูปทรงดูแปลกตาดีครับ

“หาซื้อไม่ได้หรอก มันมีแค่ 2 วงบนโลกนี้เท่านั้นแหละ อย่าถามมาก รีบนอนไปเลย
เดี๋ยวจานสีกลับเข้ามาโดนด่าอีกนะมึง”

เอาจานสีมาขู่แบบนี้ก็ต้องรีบนอนสิครับ 555+ โดนจานสีด่านี้คือแบบชีวิตโคตรแย่แล้วละ
เพราะมันไม่เคยด่าใครเลยครับ


ตื่นเช้ามาก็เจอแต่จานสีที่นั่งเฝ้าผมอยู่
พู่กันออกไปกองถ่ายกับไนซ์ มันบอกว่าที่กองถ่ายมีแต่สาวๆสวยๆมันเลยชอบไปครับ

“ตื่นละหรอ หิวป่าวจะไปหาข้าวให้กิน” จานสีมันถามผมทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมา

“ไม่หิวอะ มึงละกินไรยัง นั่งเฝ้ากูขนาดนี้ไม่ขึ้นมานอนกับกูเลยละ”
ผมแกล้งแซวๆมัน แล้วยิ้มหวานๆให้มันดู
ต้องลองหยั่งเชิงดูอาการของมันก่อนครับว่ามันหายโมโหผมหรือยัง เดี๋ยวโดนมันด่ามาอีกชุด
คราวนี้แย่แน่ๆไม่มีไนซ์กับพู่กันคอยช่วยแหละ 555+

“ขึ้นไปนอนแล้ว พอดีพยาบาลมาเลยต้องมานั่งตรงนี้นี้ไง
กูกินข้าวของมึงไปแล้วละเลยถามนี้ไงว่าจะกินไร  กูจะลงไปซื้อให้”

โหวววมันขึ้นมานอนแล้วนี้เอง นึกว่านั่งเฝ้าเฉยๆ

“ยังไม่กินอะ เดี๋ยวบีมก็มาเชื่อสิ มันมาทุกวันแหละ”
พอตอบจานสีเสร็จ ผมก็ขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะเดินลงจากเตียงเพื่อจะไปล้างหน้าล้างตา
จานสีเข้ามาประคองตัวผมไปส่งถึงหน้าห้องน้ำ
และยืนรอจนผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก่อนจะประคองผมกลับไปนั่งที่เตียง

“วันนี้มึงเป็นไงบ้างอะ มึนหัวอยู่ปะ?”
จานสียื่นแก้วน้ำให้ผม ก่อนจะถามถึงอาการของผมในวันนี้

“ไม่แล้วอะ ดีขึ้นเยอะ จริงๆออกโรงพยาบาลแล้วยังได้เลย”
ผมดื่มน้ำเสร็จแล้วก็ยื่นแก้วกลับคืนไปให้จานสี
มันรับแก้วน้ำไปเก็บ ก่อนจะเดินมานั่งมองหน้าผมอีกครั้ง

“เมื่อคืนกูขอโทษนะที่พูดไม่ดีใส่มึง  แต่มึงรู้ใช่ไหมว่าที่กูพูดไปเพราะกูเป็นห่วงมึง”

“กูรู้ ขอบใจมึงมากๆนะที่มึงพูดเตือนสติกู ตอนนี้กูคิดได้แล้วละ กูคิดได้แล้วจริงๆ”

“ปั้น .. มึงคิดว่าคนอย่างไม้จะทิ้งมึงไปจริงๆงั้นหรอวะ?”

เจอคำถามของจานสีเข้าไปทำซะผมไม่รู้จะตอบยังไงเลยครับ
จริงๆใจผมนะผมเชื่อนะว่าไม้ฉากไม่ทิ้งผมแน่ๆ
แต่จากคำพูดมัน การกระทำของมันบางทีก็ทำให้ผมหวั่นไหวไปบ้าง

“ไม่วะ กูยังเชื่อไม้ฉากนะ กูยังเชื่อใจมันอยู่”
พอผมตอบกลับไป จานสีก็ยิ้มหน้าบานเลยครับ
แต่ไม่ทันที่พวกผมจะได้คุยกันต่อ เสียงแหลมๆก็ดังขึ้นมาที่หน้าประตูห้อง


“ไอ้แบ้ว วันนี้เป็นไงบ้าง”
เสียงของบีมมี่ทักทายผม คือ มันยังไม่ทันเดินเข้ามาในห้องเลยครับ
แค่เปิดประตูห้องแค่นั้นเองครับ มันก็ส่งเสียงทักทายผมเข้ามาละ
นี้กุลสตรีอะ .. สะกดยังไงห๊า .. ยัยบีมเอ้ยยย!!!

“อือตอนแรกก็ดีๆอยู่หรอก พอได้ยินเสียงบีมแค่นั้นแหละ รู้สึกปวดหัวอยากพักทันทีเลย”
ผมแกล้งเอนตัวลงไปนอนบนเตียง
จานสีมันก็หัวเราะขำๆกับท่าทางของผม และของบีม

“อ้าวจริงงะ นึกว่าหายแล้ว   นี้โดดเรียนคาบเช้าไปซื้อต้มเลือดหมูที่ท่าน้ำศิริราชมาให้เลยนะ
ไม่ใส่ตับด้วยอะ   ว้า .. แย่จังเลย  งั้นจานสีทานด้วยกันนะ”

บีมมี่มันหันไปอ้อนจานสีแทนละครับ
แต่คือ .. ที่บีมพูดมาอะมันเป็นของโปรดของผมเลยนะครับ
ร้านที่อร่อยๆต้องเป็นหน้าโรงพยาบาลศิริราช ขายอยู่แถวร้าน Watson
แล้วไม่ใส่ตับด้วย ,,, นี้มันของโปรดผมชัดๆเลยครับ

“เห้ยย  ไหนบอกซื้อมาให้ไง เอามาเลยจะกินๆ” ผมส่งเสียงไปท้วงบีมมี่
มันยิ้มเจ้าเล่ห์แบบได้ใจเลยครับ ที่เอาชนะผมได้

“ซื้อมาฝากปั้น  ยังไงก็ต้องให้ปั้นกินสิ   ไม่กินนะโกรธจริงๆด้วย แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
นั่นไงละ ,, ยัยบีมมี่มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนจริงๆด้วย
เห้ยย   ยายผู้หญิงหน้าโหด!!

“อะไรละ ว่ามาดิ”
ผมไม่ได้เห็นแก่กินนะครับ 5555+ แต่ถ้ามันไม่หนักหนาอะไรเราก็ช่วยเพื่อนได้ก็ช่วยไง

“ขึ้นเตตัสคู่บีมหน่อย”
หื้มม ,, ขออะไรแปลกๆ - -‘

“อะไรของเธอห๊ะ!  บีมมี่”
ผมมองหน้าบีม งงๆ

“ขอขัดจังหวะแป๊บหนึ่งนะ  เดี๋ยวเราขอออกไปซื้อของก่อนนะ ,, ฝากดูปั้นด้วยนะบีม”
จานสียิ้มให้กับผมแล้วก็บีม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“เพื่อนเธอนี้นิสัยดีนะ รู้จังหวะด้วยว่าควรออกไปตอนไหน”
บีมมี่หันไปมองหลังของจานสีที่เดินออกจากห้องไป
ก่อนจะเทต้มเลือดหมูกับข้าวเปล่ามาให้ผมทาน
แล้วตัวบีมเองก็มานั่งบนเตียงกับผม

“มีไรพูดมาดิ ขึ้นเตตัสยังไง”

“ก็มีรุ่นพี่มาจีบอะ เบื่อมันตามตื้ออยู่ได้  นี้ก็ซื้อกุหลาบกับขนมมาให้แต่เช้า
อายเพื่อนในคณะด้วยอะ โดนแซวทุกวันเลย ช่วยขึ้นรูปกับตัสคู่กับบีมหน่อยดิ
แค่วันเดียวเอง แล้วเดี๋ยวพอมันทักมาค่อยเอาลง นะ นะ นะ”

บีมหันมาอ้อนผม เอามือมาจับแขนแล้วก็เขย่า
เออคือบีมมมม,, เขย่าทำไม ต้มเลือดหมูหกหมดแล้วว TT

“ไร้สาระนะ มันจะเห็นของปั้นได้ไงละ บีมจะขึ้นก็ขึ้นของบีมดิ”

“ไม่เอา เดี๋ยวบีมจะแคปดิสคู่ กับสถานะคู่ของเราขึ้นเฟสไง นะ นะ ปั้นสุดหล่อนะคะ
ช่วยเหลือคนสวยๆที่มีแต่ผู้ชายมาจีบหน่อยได้ไหมอะ”

บีมมันก็เขย่าแขนผมไม่หยุดเลยครับ ข้าวที่กำลังจะเอาข้าวปากก็หกเลอะเทอะไม่หมด

“เออๆโอเค  จะทำไรทำเลย หยุดเขย่าแขนได้แล้ว จะกินข้าว”
พอผมอนุญาตปุ๊บ ยัยบีมก็หยิบมือถือผมขึ้นมาเล่นทันทีเลยครับ
เห้อออ ,, ใครได้ยายนี้เป็นแฟนคงต้องมีความอดทนสูงกันหน่อยแล้วละนะ

ผมก็ทานข้าวของผมไปจนอิ่ม  บีมมันก็รีบเก็บถ้วยเก็บจานข้าวไปไว้ที่โต๊ะ
เสร็จแล้วก็วิ่งมานั่งบนเตียงข้างๆผม แล้วส่งสายตาวิ้งๆมาให้ผม
สายตาโคตรน่ากลัวเลยครับ - -‘

“อะไรของแกอีก”
ผมมองหน้าบีมอย่างรำคาญ คือ ผมไม่ค่อยชอบให้ใครมาเจ๊าะแจ๊ะกวนใจผมเท่าไหร่นะครับ - -

“ถ่ายรูปคู่กันหน่อยดิ”
เห้อออ ,, ได้คืบจะเอาศอก ได้นั้นจะเอานี้ ยายเบื้อก!!!

“เธอรู้ตัวไหมว่าเธอทำตัวน่ารำคาญมากเลยบีม  เห้ออ จะทำไรก็ทำเถอะ!!”
บีมหัวเราะชอบใจ แล้วก็ดึงตัวผมให้ไปนั่งชิดๆกับบีม

“นี้ๆปั้น โอบไหล่บีมหน่อยดิ”

“นี้เธอฝันหรือยังไงกันครับคุณบีม   มานี้จะถ่ายให้”

ผมดึงมือถือจากมือบีมมี่มาถือ ก่อนจะดึงแก้มบีมมี่ แล้วกดถ่าย
ก่อนจะส่งมือถือไปให้บีมมี่ พร้อมๆกับดันตัวบีมมี่ให้ลงไปจากเตียงของผม

“โอ้ยย .. ปั้นสิบ!! โหววว ดูดิมาดึงแก้ม หน้าตลกเลยอะ”

“อย่าโวยวายๆ จะทำไรdHรีบๆเลย”


ผมนั่งดูรายการทีวีไปเรื่อยๆ
สักพักบีมก็ยื่นมือถือคืนมาให้ผม
ผมไม่ได้สนใจจะเล่นอะไรอยู่แล้ว เลยวางมือถือไว้บนที่นอน

“พอใจแล้วใช่ไหม แล้วนี้ทำไมไม่ไปเรียน”
ผมหันไปถามบีมมี่ที่ตอนนี้มันหยิบมือถือของมันเองขึ้นมาเล่น

“เบื่อ แล้วก็ไปซื้อข้าวมาให้กินไงละ ได้ข่าวว่าทานอะไรยาก”

“ยากตรงไหน กินได้หมดอยู่แล้วนะ แต่ก็ขอบใจนะที่ไปซื้อมาให้ทาน
เก่งนะเนี้ยย ซื้อมาแต่ละอย่างของที่ปั้นชอบทั้งนั้นเลย”


บีมมันก็นั่งเล่นมือถือของมันไป เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะออกมาเสียงดัง
จริงๆยายนี้มันน่ากลัวครับ เหมือนจะหลอนๆ - -‘ นั่งขำคนเดียวก็ได้ คุยคนเดียวก็ได้

“กินไม่ยากเลยนะ แค่ ไม่ชอบกินผัก ไม่กินตับ เนื้อวัวไม่ทาน เนื้อหมูก็ทานแต่หมูชิ้น หมูสับไม่กิน
ไก่ก็กินแต่ช่วงอก ปีกไม่กินเลย น้ำแข็งต้องก้อนเล็กๆที่ขายใน 7-11 โหยยย นี้ถ้าไม่ใช่ไม้ฉากบอกมานะ
บีมก็หาของถูกใจให้ปั้นไม่ได้หรอก”


ไม้ฉากบอก?

“บีม!! เมื่อกี้บีมบอกว่าอะไรนะ  ไม้ฉากเป็นคนบอกบีมหรอ?”

บีมทำท่าตกใจกับท่าทีของผม มันรีบหันมามองหน้าผม ก่อนจะตอบผมกลับมา

“อืมม ไม้ฉากบอกอ่ะ แชตมาสั่งทุกวันแหละวันนี้เอาไรให้ปั้นกินยัง ไปซื้อไอ้นั้นสิไอ้นี้สิ
บางทีบีมก็คิดนะว่าบีมเป็นคนใช้ของไม้ฉากหรือป่าว  .. ดูนี้ดิเมื่อคืนสั่งว่าให้เอาต้มเลือดหมูนี้อะ”

บีมพูดเสร็จก็ยื่นมือถือมาให้ผมอ่านข้อความจากไม้ฉาก

ผมเลื่อนไปอ่านข้อความของไม้ฉากที่คุยกับบีม

“อย่าลืมไปเยี่ยมปั้นสิบนะ”

“ปั้นทานข้าวได้บ้างหรือยัง”

“ลองซื้อน้ำผลไม้ไปให้ปั้นดื่มนะจะได้สดชื่น
ร้านประจำอยู่แถวคอนโด หรือซื้อยี่ห้อ xxx ในซุปเปอร์ก็ได้”


และข้อความอีกมากมาย ซึ่งมันส่งมาให้บีมมี่ทุกวัน
แต่ทำไมมันไม่บอกผมละ?
พอผมบอกให้มันกลับมาหา ทำไมมันบอกว่ากลับมาไม่ได้แล้ว?
มึงต้องการอะไรกันแน่ไม้ฉาก?

“นี้ไม่ได้คุยกันเลยหรอ?”
ผมยื่นโทรศัพท์คืนไปให้บีมมี่  มันยื่นมือมารับกลับคืนไปแล้วก็ถามผมกลับมา

“อืมไม่ได้คุยเลย” ผมตอบบีมมี่เสร็จ ก็หยิบมือถือของผมเองขึ้นมาดูบ้าง
ตอนนี้ในใจผมลังเลอยู่ว่าควรโทรกลับไปหามันดีไหม?  หรือว่ารอให้มันติดต่อกลับมาเอง?

“อ่อหรอ อืมม อย่าคิดมากนะปั้น … ตอนนี้ไม้เค้าอาจจะยุ่งๆก็ได้
แต่บีมเชื่อนะว่าไม้รักปั้นมาก ไม่งั้นไม่สั่งให้บีมทำนั้นทำนี้ให้ปั้นหรอก”

บีมมี่ตบบ่าผมเบาๆ  ก่อนจะนั่งเล่นมือถือของมันเงียบๆ

สั่งให้บีมทำนั้นทำนี้ให้ ,, แล้วทำไมตัวมันไม่มาละ???

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นแจ้งเตือนไลน์ค้างอยู่ เลยเปิดอ่าน

P A K  I  N || S :: ขอให้การเดินทางของปั้นต่อจากนี้ไป เจอแต่สิ่งที่ดี และขอให้ปั้นมีแต่รอยยิ้มนะ

P A K  I  N || S :: ยินดีกับปั้นด้วยจริงๆที่เจอเพื่อนร่วมทางที่ดี

P A K  I  N || S :: ดูแลตัวเองดีๆนะครับ



หื้มม ,, อะไรของมันวะ?
แล้วก่อนหน้านั้นมันส่งไลน์มาบอกว่า

P A K  I  N || S :: ขอโทษ.

ขอโทษเรื่องอะไรกัน?
แล้วยินดีที่ผมเจอเพื่อนร่วมทางที่ดี .. มันคืออะไรกันแน่อะ?



ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
ต่อ ....



“เดี๋ยวบีมกลับไปเรียนก่อนนะปั้น  หวังว่าจะออกโรงพยาบาลในเร็ววันนะจ๊ะ
ฉันเบื่อโรงพยาบาลแล้วไอ้แบ้ว”

บีมโบกมือบ๊ายบายให้ผม ก่อนจะเดินสวนกับจานสีที่กำลังเดินกลับเข้ามาในห้อง

“ทำไมวันนี้บีมกลับไวจังวะมึง”
จานสีล้มตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียงผม ซึ่งเมื่อกี้บีมมี่มันเป็นคนนั่งครับ
ถ้าเก้าอี้มันบ่นได้คงบ่นแล้วละว่าจะนั่งมันกันทำไมทั้งวัน
คนนั้นลุกคนนี้นั่งต่อ 5555+

“ไม้ฉากสั่งให้บีมคอยดูแลกู  .. มันทำแบบนี้ทำไมวะ”
ผมไม่ได้ตอบคำถามที่จานสีถามผม 
แต่ผมแค่อยากรู้คำตอบที่ตอนนี้คำถามต่างๆมันวนเวียนอยู่ในความคิดของผมเต็มไปหมด

“มึงพูดอะไรอะปั้น  พูดอีกทีดิ”

“ไม้ฉากสั่งให้บีมมาคอยดูแลกู  มันทำแบบนี้ทำไมวะจานสี  มันทำแบบนี้ทำไม “

ผมถามจานสีไป น้ำตาก็เริ่มจะคลออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ร้องไห้สะอื้นแบบทุกทีครับ

“ปั้น .. กูเองก็เหมือนเป็นคนนอก บางทีกูก็ไม่รู้หรอกว่าความรักของพวกมึงสองคนเป็นยังไง
บางทีกูก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่มึงเป็น มึงอดทน มึงยอมพ่อแม่ของไม้ฉากเสมอ มึงรอไม้ฉากมาเป็นสิบๆปี
และบางทีกูเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม้ฉากต้องไปกับพิม  หรือทำไมไม้ฉากต้องคอยสั่งบีมให้มาคอยดูแลมึงแบบนี้
แต่ที่กูมั่นใจในตัวพวกมึงสองคน คือ มึงสองคนรักกัน บางทีพวกมึงทั้งคู่ควรนึกถึงหัวใจตัวเอง
มากกว่าที่จะมาคอยแคร์พ่อแม่นะ  เพราะนี้คือชีวิตของพวกมึง”


นึกถึงหัวใจตัวเองงั้นหรอ?
ที่ผมทำให้ไม้ฉากมาตลอด ที่อดทน หรือยอมพ่อแม่ไม้ฉากมาตลอดนั้น
คือสิ่งที่ผมทำตามหัวใจตัวเองแล้วครับ
ผมรักไม้ฉาก และรักครอบครัวของไม้ฉากด้วย
สิ่งไหนที่ไม้ฉากมีความสุข  สิ่งนั้นก็คือความสุขของผมเช่นกัน

“กูคุยกับไม้ฉากมาเมื่อคืน  มันก็บอกว่ามันรักมึงเหมือนเดิม แต่ที่มันทำแบบนี้เพราะมันจะเป็นผลดีกับชีวิตมึง
และครอบครัวของมึง”

ครอบครัวของผม?
ไม้ฉากกำลังจะอ้างอะไรกันแน่อะ?
ในเมื่อป๊าม๊าผมรับได้แล้วในสิ่งที่ผมเป็น  ทำไมต้องบอกว่าเพื่อครอบครัวผมด้วย?

“แต่ป๊ากับม๊ากูรับได้ในสิ่งที่กูเป็นนะ  และเค้าก็รักไม้ฉากด้วย
ทำไมต้องไปกับพิมแล้วมาบอกว่านี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับกูวะ?
ในเมื่อวันน่าจะรู้ดีว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับกู ก็คือการที่มีมันอยู่ข้างๆกู”

จานสีมองหน้าผมสักพักก็ส่ายหัวไปมาเบาๆก่อนจะบอกกับผมต่อ

“ป๊ามึงเป็นคนบอกกับไม้ฉากว่าให้เปิดโอกาสให้มึงกับบีมคบกัน
หรือพูดง่ายๆ ป๊ามึงอะขอให้ไม้ฉากเดินไปจากชีวิตมึง
เพื่อที่มึงจะได้คบกับบีม  เข้าใจหรือยังว่าทำไมไม้ฉากถึงต้องคอยบอกสิ่งที่มึงชอบหรือไม่ชอบกับบีมอะ”


ไม่จริง!
ป๊าของผมเนี้ยนะที่จะทำแบบนั้น
ไม่จริงหรอกนะ?!
ป๊าบอกเสมอว่าป๊ารับในสิ่งที่ผมเป็นได้  ป๊าไม่มีวันพูดแบบนั้นกับไม้ฉากหรอก

“ไหนๆก็มาขนาดนี้แล้ว  อ่ะ... กูจะบอกมึงอีกเรื่องหนึ่งให้มึงหายสงสัยในตัวไม้ฉาก
วันที่พวกกูมาหามึงวันแรกที่โรงพยาบาลที่โคราชอะ
คนแรกที่รีบวิ่งมาถึงหน้าห้องพักก่อนคือไม้ฉาก แต่ป๊ามึงอะยืนคุยกับไม้ฉากที่หน้าห้อง
และขอให้ไม้ฉากกลับไป   มึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้นะ  นี้กูแค่ฟังจากปากของเลน่อนมา
 ไม้ฉากไม่เคยพูดถึงเรื่องป๊ามึงให้พวกกูฟังหรอก
แต่เผอิญเลน่อนมันได้ยินพ่อของไม้ฉากคุยกับไม้ฉากตอนนั่งรถกลับไปเชียงใหม่”


ป๊าเป็นคนไล่ให้ไม้ฉากกลับไปงั้นหรอ?

“ป๊ากูทำแบบนั้นจริงๆหรอ”
ตอนนี้ผมรู้เลยครับว่าตัวเองเสียงสั่นมากแค่ไหน?
ไม่อยากจะเชื่อว่าป๊าผมเป็นคนทำแบบนั้น

“มึงลองถามป๊ามึงดูสิ  กูอยากให้มึงเจอความจริงและอยากให้มึงยอมรับมันให้ได้
โลกนี้แม่งโคตรโหดร้ายกว่าที่มึงคิดอีกนะปั้น  ถ้ามึงทำตัวอ่อนแอแบบนี้
มึงไปเจอโลกที่กว้างกว่านี้ไม่ได้แน่ๆ  ถ้ามึงอยากรู้ว่าจริงหรือไม่จริง มึงแค่กดโทรไปหาป๊ามึงเท่านั้นเอง”

จานสีบอกให้ผมโทรหาป๊า พร้อมๆกับจับมือถือที่อยู่ในมือผมขึ้นมา
ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆให้ผม แล้วกดต่อสายไปหาป๊า
มันถือสายรอไม่นานครับ ป๊าผมก็กดรับสาย

ป๊า :: ว่าไงครับลูกชาย  วันนี้คุณหมอว่ายังไงบ้าง
ผมยื่นมืออันสั่นเทาออกไปรับมือถือที่จานสียื่นมาให้

ผม :: ป๊าครับ

ป๊า :: เป็นอะไรไปลูก ทำไมเสียงไม่ดีเลย  เพื่อนๆไปไหนกันหมดแล้วครับ

ผม :: ปั้นสบายดีครับป๊า แต่ปั้นอยากถามป๊าสักเรื่องได้ไหมครับ

ป๊า :: ถามกี่เรื่องก็ได้ลูก ว่าไงครับมีอะไรอยากจะถามป๊า

ผมนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะถามป๊าออกไป

ผม :: ป๊าไม่ให้ไม้ฉากเข้ามาเยี่ยมปั้นหรอครับ
ตอนนี้กลายเป็นป๊าครับที่เป็นฝ่ายเงียบไป  ผมภาวนาขอให้ป๊าตอบว่าไม่ใช่
แต่ความจริงก็คือความจริงครับ ……

ป๊า :: ใช่ .. ป๊าเป็นคนห้ามไม้ฉากเอง  ลูกรู้ได้ยังไง ?  ไม้ฉากติดต่อมาหรอ

ผม :: ทำไมป๊าทำแบบนี้ละครับ ไม้มันไม่ได้โทรมาหาปั้นเลย
ถ้าไม้โทรมาหาปั้นสักนิด ปั้นจะไม่ร้องไห้ทุกวันแบบนี้หรอก ..
ไหนป๊าบอกรับได้ในสิ่งที่ปั้นเป็น   แล้วทำไมป๊าถึงห้ามไม้ฉากมาหาปั้นละครับ

ผมเริ่มร้องไห้ฟูมฟาย และเริ่มโวยวายใส่ป๊า แต่ป๊าก็ยังเงียบไม่พูดอะไรออกมา

ผม :: ป๊ารู้ไหมครับว่าปั้นเฝ้าแต่รอไม้ฉากทุกวัน .. แต่ละคืนแต่ละวันที่ปั้นนอนโรงพยาบาล
 ปั้นมองแต่ประตูหน้าห้อง ปั้นหวังว่าไม้ฉากจะต้องมาหาปั้นแน่ๆ เพราะไม้จะไม่มีวันทิ้งปั้นไปไหน  ..
ทำไมป๊าทำร้ายหัวใจปั้นแบบนี้ละครับ

ผมเริ่มร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ จนจานสีต้องดึงตัวผมไปโอบไว้เบาๆ

ป๊า :: ที่ป๊าทำไปเพราะปั้นนะลูก  ป๊าอยากให้ปั้นเปิดใจให้บีมบ้าง ลองให้ไม้ฉากไปอยู่ไกลๆดูบ้างลูก
บางทีลูกอาจจะรู้สึกกับไม้แค่เพื่อนก็ได้  ตอนที่ปั้นอยู่กับไม้ ,, ปั้นมีแต่เรื่องมีแต่ปัญหา
หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่จะทนเห็นลูกทุกข์ทรมานแบบนั้นได้ยังไงกันละ
ปั้นลองคิดสิลูกว่าม๊าร้องไห้เพราะเป็นห่วงปั้นมานานแค่ไหน 
และป๊ากับม๊าต้องอดทนต้องทนเห็นปั้นทุกข์แบบนี้ต่อไปงั้นหรอลูก
เชื่อป๊านะสิ่งที่ป๊าทำไปทั้งหมด เพราะป๊ารักปั้นนะลูก

ผม :: แล้วใจของปั้นละครับ  ใจของปั้นสามารถรักใครได้บ้าง

ป๊า :: ปั้นรักใครก็ได้ลูก รักบีมก็ได้ บีมก็นิสัยดีมาคอยดูแลลูกตลอด หรือลูกจะมองหาผู้หญิงสวยๆที่ไหนก็ได้

ผม :: แต่ปั้นรักไม้ .. ป๊าได้ยินไหมครับว่าปั้นรักไม้ ฮึกกกก .. ทำไมป๊าต้องทำร้ายใจปั้นแบบนี้ด้วย 
ทำไมละครับป๊า ทำไม ฮือออ

ผมเริ่มร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้เริ่มพูดไม่รู้เรื่องละครับ จานสีเลยดึงมือถือไปจากมือผม

จานสี :: เดี๋ยวค่อยคุยกับนะครับป๊า ผมจะดูแลปั้นให้ครับ

จานสีกดวางสายก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด และตบหลังผมเบาๆเพื่อปลอบให้ผมหยุดร้องไห้


“ไม่เอานะปั้น ,, อย่าร้องไห้สิมึง เดี๋ยวอาการทรุด”


มันเหมือนคนโดนหักหลักครับ ผมคิดมาตลอดว่าผมโชคดีนะที่ป๊ากับม๊าผมเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น
แต่แล้วเหมือนฟ้าผ่าเข้ามา   มันเหมือนตกลงมาจากที่สูง มันอธิบายไม่ออกเลยว่ารู้สึกยังไงในตอนนี้
รู้แค่ .. เจ็บมากๆ มันทรมานมากจริงๆ

งั้นไม้ฉากมันก็ไม่ได้คิดจะทิ้งผมไป แต่เพราะมันเจอป๊าผมขอร้องมาแบบนั้นมันเลยต้องไป?
คนที่เจ็บและทรมานมากกว่าผม ก็ต้องเป็นไม้ฉากสินะ
ไหนจะปัญหาจากบ้านของมัน และยังมาเจอป๊าผมอีก
มันเลือกที่จะให้ผมไปเจอคนอื่นที่ดีกว่า และมันยอมที่จะไปไกลจากผมเพื่อครอบครัวผมงั้นหรอ?


“มึง .. เอามือถือกูมา”
ผมผลักจานสีออก ก่อนจะควานหามือถือ ที่จานสีมันโยนลงไปบนเตียง

“มึงจะโทรหาใครปั้น ใจเย็นๆดิวะ เดี๋ยวกูหยิบให้”
จานสีพูดเสร็จก็หยิบมือถือที่อยู่บนเตียงส่งมาให้ผม
แต่ด้วยความที่ผมทั้งโกรธป๊า แล้วก็ร้องไห้อยู่ เลยทำให้มือสั่นจนกดเบอร์ไม่ได้
อย่าว่าแต่กดเบอร์เลยครับ แค่จะกดเมนูต่างๆในมือถือยังยากเลย

“ไม้ … ไม้ฉาก ฮึกกกก .. ปั้นขอโทษ”
ผมร้องไห้ฟูมฟายออกมาจนได้ ร้องไห้หนักมากจนจานสีต้องไปตามพยาบาลเข้ามาฉีดยาให้ผมหลับไป
ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองนอนหลับไปนานแค่ไหน
ไม่รู้เลยว่าป๊าม๊าผมตอนนี้จะรีบพากันมาหาผมที่กรุงเทพหรือเปล่า
หรือตื่นมาผมจะเจอบีม หรือเจอเพื่อนๆอยู่ในห้องไหม?
ผมรู้แค่ว่า … ถ้าผมตื่นขึ้นมาแล้วผมจะรีบไปหาหัวใจของผม
ผมจะไม่ยอมให้ไม้ฉากต้องแบกรับความรู้สึก หรือปัญาหาครั้งนี้คนเดียวแน่ๆ




“ปั้นสิบ ,, ตื่นได้แล้ว มึงจะนอนขี้เกียจอีกนานไหม  … วู้ววววว ไอ้เตี้ยตื่นเว้ยย!!”
เสียงของไนซ์กำลังปลุกผม และมันมาพร้อมกับแรงเขย่าตัวผมที่ทำให้ผมถึงกับสะดุ้งตื่นได้
เขย่าตัวกันขนาดนี้ ,, กะจะให้ไส้เลื่อนได้เลยใช่ไหม - -‘

“อืมม เบาๆ ตื่นแล้วๆ”
ผมพยายามดึงมือของไนซ์ที่จับอยู่ที่เอวของผมออก
แต่มันก็นิ่งสนุกครับที่เห็นผมตื่นมาแล้วดิ้นไปมา
มันก็ยิ่งเขย่าตัวผมไม่หยุดเลยทีนี้

มึนหัวไปหมดละนะมึงไอ้ไนซ์!!!!!

“ไนซ์!! มึงอย่าแกล้งมันดิเดี๋ยวก็ไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลกันพอดี”
เอ๊ะ ,, เสียงนี้มันคุ้นๆนะ  ผมหันไปมองตามที่มาของเสียง
ก็เห็นคุณยูโรนั่งเล่นมือถืออยู่ที่โซฟา
โห้ยย เพื่อนแสนประเสริฐครับ ปากอะห้ามไนซ์มาแกล้งผม แต่ตามันอ่ะจ้องอยู่กับมือถือ
ช่วยได้มากเลยนะมึง !!

“เออๆไม่แกล้งละ  มึงจะนอนยันปีหน้าเลยไหมละปั้นสิบ ตื่นได้แล้ว”
ไนซ์ดึงตัวผมให้ลุกมานั่ง ก่อนจะหาหมอนมารองที่หลังให้
เพราะผมเซจะล้มลงไปนอนอีกรอบ
โหยยไม่เซไม่ได้ไงละครับ งัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะแรงเขย่าตัว
แล้วมันก็ยังแกล้งเขย่าตัวผมต่อไปไม่ยอมหยุด

“ตื่นแล้วครับตื่นแล้ว”

ผมหันไปตอบไนซ์  พร้อมๆกับยื่นมือไปรับผ้าขนหนูชุบน้ำจากจานสีที่มันยื่นส่งมาให้ผม

“นอนไปเกือบ 2 วัน ,, ตอนที่พู่กันโทรไปบอกเปาอะ มันเสือกทำเสียงซะตกอกตกใจ
แฟนกูก็ทำท่าตกใจตาม  กูนี้นึกไว้ในใจเลยว่างานคืนแรกของมึงกูจะเหมาโจ๊กของแม่เปามาเลี้ยง 555+”

ยูโรเดินมานั่งบนเตียงกับผม ก่อนจะเอื้อมเอามือมาขยี้ผมของผมเล่น

“ยังไม่ตายเว้ยย .. ปวดหัวอยู่อย่าเล่นหัวดิว่ะ”

ผมปัดมือของยูโรออก พร้อมๆกับมองไปรอบๆห้อง
ไนซ์ พู่กัน จานสี ยูโร ,, โหยยนี้เพื่อนผมอยู่เฝ้าผมตลอดเลยหรอเนี้ย
T^T  กูรักพวกมึงนะ .. ซึ้งใจมากๆอะ
ป่วยมาเกือบจะ 2 อาทิตย์ มีเพื่อนๆมานอนมากินมาเฝ้าตลอดเลย


“ขอบใจนะพวกมึงที่มาเฝ้ากูอะ”
ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ แต่เพื่อนๆผมไม่ได้ซาบซึ้งอะไรกับคำขอบคุณของผมเลยครับ
พู่กันนี้แทบจะเบ้ปากใส่ผม .. นี้กูพูดอะไรผิดหรือป่าววะ??

“เปลี่ยนจากคำว่าขอบใจ เป็นการออกจากโรงพยาบาลแทนได้ไหมวะ
กูเบื่อแย่แล้วเนี้ย กลับมาเมืองไทยทั้งที กูจะกลายเป็นผีเฝ้าโรงพยาบาลแหละ”

พู่กันบ่นกับผม ก่อนจะล้มตัวลงนอนยาวกับโซฟา

“มึงไหวไหมอะปั้น วันนี้ออกโรงพยาบาลเลยได้ไหม?”
จานสีเอามือมาอังตรงหน้าผากผม  แล้วก็เอามืออีกข้างอังไว้ที่หน้าผากมัน

“จริงๆออกเลยก็ได้นะเพราะกูไม่ได้เป็นไรแล้ว นี้ก็นอนโรงพยาบาลเฉยๆ น้ำเกลือก็ไม่ได้ให้แล้วอะ”
ผมบอกกับเพื่อนๆ พร้อมๆทั้งผลักยูโรให้ลงไปจากเตียง เพราะมันนั่งแล้วชอบเขย่าขาตัวเอง
ทำให้เตียงผมสั่นไปหมดละครับ ,, จะมึนหัวหนักกว่าเดิม TT’


ยูโรเดินไปนั่งที่โซฟากับพู่กัน ส่วนจานสีมันออกไปซื้อข้าวมาให้ผมทาน
พี่ไนซ์ดาราสุดหล่อกำลังยุ่งกับการโทรศัพท์อยู่
ผมเลยมองไปรอบๆห้องแทน เพราะรู้สึกว่าตาของผมยังไม่สู้กับแสงแดดเท่าไหร่นัก
ก็แน่นอนละครับหลับไปหลายวัน พอได้ลืมตาอีกครั้งก็ต้องปรับสายตากันหน่อยกว่าจะชินกับแสงสว่างในห้อง
แต่ตาผมดันไปสะดุดเข้าเสื้อคลุมตัวหนึ่งที่มันพาดอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเตียงผม

เสื้อของใคร? ทำไมมันดูคุ้นตาแบบนี้?
ผมขยับตัวไปหยิบเสื้อคลุมนั้นขึ้นมาดู ,, กลิ่นน้ำหอมกลิ่นนี้มัน .... ?


ใจของผมเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อได้เห็นตรา และชื่อที่ปักติดอยู่ตรงเสื้อคลุมนั้น

“ภาคิน”

เสื้อของไม้ฉาก? นี้มันเสื้อคลุมที่ไม้ฉากได้ตอนไปอบรมตำรวจนี้
มันมาอยู่ที่นี้ได้ไง?
ผมหันไปมองหน้าเพื่อนที่อยู่ในห้อง แต่ตอนนี้แต่ละคนก็จนจ้องไปที่มือถือของตัวเอง
ผมเลยไม่ได้ถามว่านี้เสื้อของไม้ฉาก.. ใครเป็นคนเอามา?


ผมจับเสื้อของไม้ฉากขึ้นมาพิศดูให้เต็มตาอีกครั้ง 
ก็บังเอิญไปเห็นกระดาษที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อที่มันโผล่ขึ้นมา
ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษขึ้นมาดู ,, ตอนนี้มือผมสั่นไปหมด แล้วใจผมก็เต้นแรงขึ้นด้วย

ตั๋วเครื่องบิน!

ไม้ฉากมาหาผม!!



“ไม้ฉาก!!”
ผมอุทานชื่อของไม้ฉากออกมา จนเพื่อนๆผมหันมามองหน้าผมกันหมด


“ไม้ฉากมาใช่ไหม .. ไม้ฉากมาหากูแล้วใช่ไหมวะ”
ผมหันไปถามพู่กันกับยูโร ที่ตอนนี้มันนั่งมองหน้าผมอยู่
แต่มันไม่ตอบผมครับ มันทั้ง 2 คนแค่ยิ้มๆออกมาแค่นั้นเอง

“ยูมึงบอกกูมาดิ ไม้มาหากูใช่ไหม?”
ยิ่งผมถามมันไปแบบนี้ ยูโรยิ่งไม่ยอมตอบผมครับ
มันยิ้มให้ผมบางๆก่อนจะก้มลงไปเล่นมือถือต่อ
โอ้ยยย ,, ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ กูเดินไปตามหามันเองก็ได้

ผมขยับตัวมานั่งตรงขอบๆเตียงแล้วก้าวขาลงจากเตียง
แต่ด้วยความที่ว่าผมไม่ได้ลุกขึ้นยืน และไม่ได้เดินออกกำลังกายมาเป็นเวลาหลายวัน
ทำให้ก้าวแรกที่ผมเหยียบกับพื้นห้อง ผมถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น

“เห้ยยปั้นเป็นไร”
เสียงของไม้ฉากดังเข้ามาในห้อง พร้อมๆกับสัมผัสอุ่นๆของคนที่ผมต้องการมาเสมอ
ไม้ฉากมันวิ่งเข้ามาประคองตัวผมไว้

“ไม้ ไม้จริงๆด้วย ไม้มาหาปั้นแล้วจริงๆด้วย”
ผมหันไปมองหน้าไม้ฉาก ,, ใช่แล้วละ แววตาแบบนี้แหละ รอยยิ้มแบบนี้แหละ
ไม้ฉาก .. ไม้ฉากของผม

“อืมม ไม้มาหาปั้นแล้ว ขอโทษนะครับที่ไม้มาช้า”
ไม้ฉากดึงผมเข้าไปกอด ก่อนจะหอมลงมาที่หน้าผากผมเบาๆ


มันไม่ใช่ฝันใช่ไหม?
ไม้ฉากมากอดผมแล้ว
ไม้ฉากคนที่ผมเฝ้ารอมาตลอดหลายวัน .. อยู่ตรงหน้าผมแล้ว


ผมค่อยๆผละตัวออกจากไม้ฉาก และมองหน้าของไม้ฉากอีกครั้ง

“ไม้จริงๆใช่ไหม  นี้ปั้นไม่ได้ฝันใช่ไหม?”
ไม้ฉากยิ้มน้อยๆมาให้ผม ก่อนจะจับมือผมให้มาจับที่แก้มของไม้ฉากไว้


“ไม้จริงๆ  นี้ไงหน้าหล่อๆของไม้ ยิ้มแบบนี้ไงที่ปั้นชอบบอกว่าหล่อมาก”
ชัดเลย ,, ไอ้คำพูดที่หลงตัวเองแบบนี้
ไม้ฉากตัวจริงแน่นอนครับ!!!!!

“ไม่ได้อยากขัดจังหวะหรอกนะ .. จะเล่นละครกันตรงพื้นอีกนานไหม?
ขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนดีไหมครับ  คือพวกกูอยากรอดูฉากเลิฟซีน”

เสียงของยูโรจอมขัดจังหวะดังขึ้นมา ,, ทำลายบรรยากาศตอนนี้มากเลยครับ
คือมึงขัดจังหวะทุกเรื่องแล้วละเพื่อน!!

ไม้ฉากกับผมหันมาสบตากัน ก่อนจะหัวเราะออกมา 55+
ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมากครับ จากที่มันไม่ได้เต้นแรงแบบนี้มานาน
ร่างกายที่ตอนแรกแทบจะสิ้นแรง ไม่มีแรงแม้จะยืนหรือจะเดิน
ตอนนี้ต่อให้วิ่ง 400 เมตร หรือวิ่งขึ้นลงบันไดโรงพยาบาลผมก็วิ่งได้ครับ

ไม้ฉากพยุงตัวผมให้มานั่งบนเตียง ก่อนจะเลื่อนโต๊ะทานข้าวมาวางไว้ตรงหน้าผม

“ทานข้าวก่อนนะปั้น แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน  ตัวผอมขนาดนี้จับตรงไหนก็เจอแต่กระดูก
ไม้ชอบเนื้อเยอะๆ แน่นๆ”

ไม้ฉากพูดเสร็จก็ขยิบตาแบบเจ้าเล่ห์มาให้ผม
เออนี้มึง ,, นอกจากจะกลับมาหลงตัวเองเหมือนเดิมแล้ว ความหื่นมึงยังกลับมาเต็มร้อยสินะ

“ที่พูดมานั้นแฟนหรือข้าวขาหมูวะ  เนื้อเยอะๆ แน่นๆ 555555555+”
เอาอีกละครับ - -‘ นี้ไม่ใช่ยูโรขัดขึ้นมาหรอกนะครับ แต่เป็นพู่กันที่มันนั่งอยู่ข้างๆยูโรนั้นแหละ
เอาใหญ่เลยได้ทีแท๊กทีมกันแซวเพื่อนใหญ่เลยนะครับ

“ถ้าให้ปั้นเป็นอาหาร  จะเป็นอะไรกูก็กินได้ทั้งนั้นแหละ 555+”
อืมม เอากับมันสิครับ ดันหันไปเล่นกับเพื่อนอีก
ผมนี้กินข้าวไปเขินไป ,, แทบอยากจะมุดลงไปในชามข้าว
จานสีก็ส่งสายตาแซวๆผมกลับมาอีก
โอ้ยย .. ไอ้ไม้ ไอ้บ้า!!!


พอผมทานข้าวเสร็จแล้ว  คุณหมอก็เข้ามาตรวจดูอาการของผม
ซึ่งอาการของผมไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
ที่หลับไปนานๆนั้นเป็นเพราะคุณหมอฉีดยานอนหลับให้
เพื่อที่จะได้พักผ่อนให้เต็มที่  ในเมื่อคุณหมอบอกว่าผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว
ผมเลยขอคุณหมออกจากโรงพยาบาล ตอนแรกคุณหมอจะไม่ยอม เพราะอยากให้พักอีก 2-3 วัน
แต่สุดท้ายคุณหมอก็อนุญาตให้ผมกลับบ้านได้
พวกเพื่อนๆผมเฮลั่นโรงพยาบาลเลยครับ 555+
พู่กันมันอยากเที่ยวใจจะขาดละครับ ส่วนจานสีมันบอกยังไงก็ได้

พวกผมก็ช่วยกันเก็บของ  ไนซ์เป็นคนจ่ายค่าโรงพยาบาลให้ผมครับ
สุดยอดเลยครับพ่อดาราสุดหล่อ 555+

พอมาถึงคอนโด ไนซ์มันขอตัวกลับไปพักที่คอนโดมัน เพราะมันอดนอนมาเฝ้าผมหลายคืนแล้ว
ทำให้มันนอนไม่พอ หน้ามันจะโทรม มันบอกขอเวลาไปรักษาหนังหน้าของมันก่อน
แล้วจะมาเยี่ยมผมที่คอนโดใหม่

พู่กันกับยูโร ขอออกไปท่องตะเวนราตรีกัน นานๆทีเปาจะไม่มาครับ ยูโรขอจัดเต็ม 555+
ส่วนจานสีเป็นเพื่อนที่น่ารักมาก …

“พวกมึงอยากไปไหนก็ไปเถอะ กูจะอยู่ที่ห้องนี้แหละ เผื่อปั้นมันอาการแย่จะได้พาไปหาหมอทัน”
พอจานสีบอกความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจนแล้วนั้น พู่กันถึงกับตบหัวน้องตัวเองเบาๆ

“มึงจะอยู่เป็น ก ข ค ง จ อะไรของเพื่อนละ พวกมันจะสวีวี่วีกัน มึงไปเที่ยวกับกูเลย”
พู่กันดึงแขนจานสีให้ลุกตามไป แต่จานสีมันไม่ยอมลุกครับ มันนั่งอยู่บนโซฟาเหมือนเดิม

“ไปเถอะให้มันอยู่นี้แหละ ปั้นมันเพิ่งออกโรงพยาบาลมา มึงคิดว่ากูจะทำอะไรมันได้?
กูไม่เหมือนพวกมึงนะ กูเว้นได้ ละได้เว้ยย”

ไม้ฉากหันไปบอกกับยูโรแล้วก็พู่กัน
แต่คำพูดกับการกระทำมึงสวนทางกันนะไม้ฉาก
มือมึงยังจับอยู่ตรงสะโพกกูเนี้ย เดี๋ยวบีบเดี๋ยวเค้น - -‘

“เออๆ งั้นกูไปก่อนนะ  จานสีห้ามออกไปหาใคร อยู่แต่ในห้องนะเดี๋ยวจะรีบกลับ”
พู่กันหันไปสั่งน้องมันอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เห้ออ ตอนนี้กลับมาสงบสุขอีกรอบละครับ เหลือแค่ผม ไม้ฉาก แล้วก็จานสี

“ปั้น กูลงไปนั่งเล่นที่ชั้นสระว่ายน้ำได้ป่าว”
จานสีมันเอ่ยขออนุญาตผม แต่จริงๆมันไม่ต้องขอก็ได้นะ 555+

“อืมมได้ดิ เอากุญแจติดไปด้วยนะ จะได้เอาไว้เปิดประตูเข้าออกได้”
ผมยื่นกุญแจกับคีย์การ์ดให้มัน ก่อนที่มันจะเอื้อมมือมาหยิบแล้วรีบเดินออกจากห้องไป
เออนี้ ,, มึงดูมีพิรุธนะกูว่าอะ - -‘
จะว่าพู่กันมันร้ายมันดื้อแล้วนะ ผมว่าจานสีอะดื้อกว่าเยอะครับ
เป็นพวกดื้อเงียบๆ คิดอะไรแล้วทำเลย นั้นแหละ … จานสี!

“เพื่อนไปกันหมดละ ทีนี้เหลือเรา 2 คน ,, ทำไรดี”
หื้มมดูปากคนที่บอกว่าไม่ทำอะไรสิครับ ถามแบบนี้ต้องการอะไรจากสังคมครับพี่ไม้?

“นั่งคุยกัน ,, มีเรื่องอยากถามเยอะแยะเลย”
ไม้ฉากยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะจูงมือผมเดินเข้าไปในห้องนอนคุมะ
เดี๋ยวก่อนนน!
กูบอกว่านั่งคุยกัน ,, แต่พาเข้าห้องนอนนี้มันยังไงครับมึง?

“เพิ่งออกโรงพยาบาลมานะ ห้ามทำอะไรกูนะมึง!”
ผมรีบบอกกับไม้ฉากทันทีที่มันปิดประตูห้องนอนครับ คือ ไม่น่าไว้ใจมันจริงๆ
ชอบหลอกกินผมเรื่อยเลย - -‘

“คิดอะไรอยู่เนี้ย ก็มานอนคุยในห้องไง ขี้เกียจนั่ง เพราะไม้ไปนั่งเฝ้าปั้นมาตั้ง 2 วัน
ปวดก้นไปหมดแล้วเนี้ย”

พอไม้ฉากพูดเสร็จก็ล้มตัวลงไปนอนบนเตียงคุมะของมัน
ผมเลยเดินเข้าไปนั่งข้างๆเตียง คือ ผมนอนมาเยอะแล้วครับไม่อยากนอนแล้วละ
รู้สึกสันหลังผมยาวขึ้นมากกก TT’

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
ต่อ ....



“ทำไมถึงไปกับพิมละ”
ผมเอ่ยถามไม้ฉาก ซึ่งมันเองก็นอนมองหน้าผมอยู่
แววตาที่มั่นคงของไม้ฉาก ,, แววตาแบบนี้ที่ผมคุ้นเคย’

“กูไม่อยากทำให้มึงเดือดร้อน แล้วก็ไม่อยากขัดคำสั่งป๊ามึง”

“แต่มึงก็รู้ใช่ไหมว่ากูพร้อมที่จะยืนข้างๆมึง และพร้อมที่จะเดือดร้อนหรือจะทุกข์ทนไปกับมึง”

ไม้ฉากพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือผมไว้

“กูรู้ว่ามึงพร้อมจะเดินเคียงข้างกู ไม่ว่าจะโดนพ่อแม่กู หรือป๊าม๊ามึงกีดกันแค่ไหน
กูก็รู้และมั่นใจว่ามึงจะจับมือกูไว้แบบนี้ไม่ปล่อยไปไหน”

ไม้ฉากตอบผมไปก็ยิ้มให้ผมไปด้วย ,, รอยยิ้มจางๆของมันแฝงไปด้วยความมั่นใจในคำตอบ

“แล้วมึงทิ้งกูไปทำไมละตั้งหลายวัน มึงรู้ไหมว่ากูเสียใจมากแค่ไหน?”
เอาวะ,, ของอแงงี่เง่าหน่อยเถอะ ก็มันดันทำตัวเป็นพระเอกหนีไปคนเดียว
ทิ้งให้ผมต้องนอนร้องไห้ตั้งหลายคืน

“ไม่รู้สิในตอนนั้นกูคิดอะไรไม่ออก แค่สิ่งที่พ่อแม่กูทำกับมึง มันก็ทำให้กูรู้สึกแย่มากพอแล้วว่ะ
พอมาเจอป๊ามึงพูดแบบนั้นอีก มันยิ่งทำให้กูเริ่มคิด เริ่มคล้อยตามไปในสิ่งที่ป๊ามึงบอก
ยิ่งรอยยิ้มของมึงกับบีมในวันนั้น มันยิ่งทำให้กู …… รู้สึกแย่
มันทำให้กูรู้สึกเหมือนกูไม่ดีพออะ เหมือนกูทำให้มึงยิ้มแบบนั้นไม่ได้”

ไม้ฉากตอบผมมาแล้วก็หลบสายตาผม มันแกล้งเสมองไปทางอื่นแทน

“มึงหึงกูกับบีมใช่ไหม?”

“แฟนทั้งคน ไม่หึงแล้วให้ทำไงละ ถามไม่คิดนะมึง”

คราวนี้แม่งกระชากผมเข้าไปกอดเลยครับ คนเพิ่งออกโรงพยาบาลแรงก็ไม่มี
โดดดึงเข้าทีล้มลงไปนอนทับตัวมันเลย

“กูก็หึงมึงนะที่มึงไปอยู่กับพิมอะ”
ผมบอกความรู้สึกของผมให้มันได้รู้

“กูรู้ ,, กูขอโทษนะ”
ไม้ฉากมันกอดผมไว้แนบชิดกับอกมัน
แล้วบทสนทนาของเราก็เงียบไป
มีแต่เสียงหายใจ เสียงหัวใจของผม และของไม้ฉากที่ต่างคนต่างใจเต้นแรงเหมือนๆกัน
คือ ,, คบกันเป็นแฟนก็หลายปีละครับ พอเจอกันวันนี้แล้วมากอดกันแบบนี้
ใจเต้นแรงแปลกๆ เหมือนหน้าจะร้อนๆผ่าวอีก
นี้อาย? เขิน? หรือยังไงกันวะเนี้ยย - -‘


“แล้วต่อจากนี้ไป ,, พวกเราจะทำยังไง”
ผมถามไม้ฉาก ,, มันก็ก้มมาสบตากับผม ก่อนจะยิ้มให้ผมบางๆ

“ตอนแรกที่กูเห็นเตตัสไลน์มึงขึ้นรูปกับพิม แล้วยังตั้งตัสว่า พีบีไปด้วยกันนะ
ตอนนั้นกูกำลังจะโทรมาหามึง จะบอกมึงว่ากูขอโทษ จะบอกกับมึงว่าเรามาอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ไหม
พอกูเห็นแบบนั้น กูช๊อควะ ,, มันเหมือนสิ่งที่สำคัญในชีวิตกูกำลังหายไป
มันเจ็บข้างในใจแปลกๆ .. กูทำอะไรต่อไปไม่ได้เลย
นั่งนิ่งไปหลายชั่วโมงเลย ,, ตอนนั้นกูบอกตัวเองว่ากูคงต้องยอมปล่อยมึงไปแล้วละ
เพราะมึงเลือกทางเดินนั้นไปแล้ว จนกระทั่งจานสีโทรมาบอกกูว่ามึงร้องไห้จนน๊อคไป
เพราะมึงรู้เรื่องที่ป๊ามึงบอกกับกู ในเวลานั้นกูลืมไปหมดแล้วว่ามึงเลือกทางเดินใหม่กับบีม
กูลืมแม้กระทั่งพิม ที่กำลังนอนโรงพยาบาลอยู่ กูรู้แค่กูต้องมาหามึง แล้วก็ก็ทิ้งพิมให้อยู่ที่เชียงใหม่คนเดียว
กูมานั่งเฝ้ามึงที่โรงพยาบาล กูเห็นหน้าซีดๆของมึงแล้วใจกูจะร้องไห้
ยิ่งได้ฟังในสิ่งที่จานสี ไนซ์ พู่กัน หรือบีมบอกกับกูมา มันยิ่งทำให้กูรู้เลยว่า … กูทิ้งมึงไปไม่ได้
กูเสียมึงไปไม่ได้ ... กูรักมึงนะปั้น  รักจนกูไม่รู้จะพูดมันออกมายังไง
รักจนแบบ .. หื้มมม กูก็อธิบายให้ใครเข้าใจในความรักของกูไม่ได้  แต่มึงรู้ใช่ไหม มึงรับรู้ได้ใช่ไหวว่ากูรักมึงมากแค่ไหน?”

ไม้ฉากพูดไปก็น้ำตาคลอไป ผมขยับตัวขึ้นไปนอนหนุนหมอนใบเดียวกับไม้ฉาก
แล้วเอื้อมมือไปซับน้ำตาให้มัน ..

“ทำไมกูจะไม่รู้ละว่ามึงรักกูมากแค่ไหน .. กว่าเราจะมานอนกอดกันแบบนี้ กว่าเราจะกล้าพูดคำว่าเรารักกัน
มันไม่ใช่แค่วันหรือสองวัน หรือแค่ปีสองปี แต่ความรักของเรามันใช้เวลามามากกว่าสิบปี
ที่ผ่านมากูเองก็ยอมรับว่ากูก็ผิดที่บางเรื่องบางอย่างกูตัดสินใจไปเองโดยไม่ได้ถามมึง ไม่ได้มาปรึกษามึง
แต่กูอยากให้มึงรู้นะไม้ ,, ไม่ว่ากูจะต้องโดนพ่อมึงตีอีกกี่ร้อยรอบ
หรือโดนป๊าม๊ากูเมินใส่หรือเจออะไรที่มันแย่มากกว่าที่เราเจอมา กูก็พร้อมจะเจอว่ะ
กูพร้อมที่จะแก้ปัญหาพร้อมที่จะผ่านมันไป ,, ขอแค่มึงอยู่ข้างๆกูแบบนี้
คอยกอดปลอบกูเวลาที่กูร้องไห้ หรือเวลาที่กูเหนื่อยล้า
ขอแค่มึงไม่ทิ้งกูไปไหน .. กูก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วจริงๆ”


ไม้ฉากดึงผมเข้าไปกอด ,, มันเป็นการกอดที่แน่นมากครับ แต่ไม่อึดอัด
เพราะนี้มันเป็นการกอดที่จะปลอบโยนความรู้สึกของผมและไม้ฉาก
และเป็นการกอดที่จะชดเชยวันเวลาต่างๆที่พวกผมได้ทิ้งมันไป
เพราะการตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะคิดไปเองว่าสิ่งที่ผมทั้งคู่ทำมันดีกับอีกฝ่าย
โดยเราทั้งสองลืมคิดไปว่า ,,
จริงๆแล้วความสุขของเราทั้งคู่ไม่ใช่การมองดูอีกคนไปมีความสุขในอีกเส้นทาง
หรือมองดูอีกคนประสบความสำเร็จตามลำพัง
แต่ความสุขของผมและไม้ฉาก .. คือการได้ผ่านเรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะทุกข์ไม่ว่าจะสุข
หรือมันจะมีแต่น้ำตาหรือจะมีรอยยิ้มก็ตาม .. ขอแค่ให้พวกผมทั้งสองคนได้เดินผ่านมันไปด้วยกัน
ช้าๆและมั่นคง ,, ด้วยความรักความผูกพันที่พวกผมมี .. เท่านั้นมันก็คือความสุขที่พวกผมต้องการ.



“ปั้น ,, กูขอเวลามึงหน่อยได้ไหม? กูขอทำหน้าที่ที่กูแบกรับตอนนี้ให้เสร็จก่อน
แล้วกูจะกลับมา?”

ไม้ฉากผละตัวผมออก ก่อนจะนอนมองหน้าผม ,, ตอนนี้ตามันแดงกล่ำและน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มแล้ว
จะกลับมา? คือไม้ฉากจะทิ้งผมอีกแล้วงั้นหรอ?

“มึงจะทิ้งกูงั้นหรอไม้?”
ผมถามมันกลับไป แต่มันก็ส่ายหน้ากลับมาให้ผม

“กูไม่ได้ทิ้งมึง แต่ตอนนี้พิมไปอยู่กับกูที่เชียงใหม่แล้ว และพิมก็อยู่โรงพยาบาล
พิมมีโอกาสแท้งสูงมาก หมอให้นอนโรงพยาบาลจนกว่าจะคลอด กูต้องทำหน้าที่ที่พ่อแม่พิมได้ฝากพิมไว้กับกู
แค่รอเวลาให้พัชแฟนของพิมกลับมา ,, กูก็จะคืนพิมให้กับคนที่พิมรักจริงๆแล้วละ
มึงรอกูได้ไหมวะ ,, 2 ปี ที่กูต้องดูแลพิม กูจะตั้งใจทำงานเก็บเงิน แล้วพอกูกับพิมหย่ากันแล้ว
กูจะไม่สนใจในสิ่งที่พ่อกูพูดอีกเลย กูจะไม่สนใจอีกแล้วไม่ว่าเค้าจะสั่งกูให้ทำอะไร หรือเค้าจะขู่กูอะไรอีก
อีก 2 ปีกูจะมีแค่มึง .. เราจะสร้างครอบครัวของเราด้วยกันนะปั้น”

ไม้ฉากเอื้อมมือมาจับที่แก้มผมไว้
ก่อนจะใช้นิ้วเช็ดน้ำตาของผม ที่มันเริ่มจะไหลลงมาอาบแก้มอีกครั้ง


“ไม่เห็นแก่ตัวไปหรอวะไม้ ,, มึงบอกให้กูรออีกแล้วนะ
เมื่อก่อนก็ให้กูรอ พอวันที่กูรอมึงมันสิ้นสุดแล้ว
มึงก็ทำให้กูเสียใจเหมือนเดิม ,,
คราวนี้มึงมั่นใจแค่ไหนว่าการรอคอยของกูจะไม่สิ้นสุดด้วยความเจ็บปวดอีก”

จริงๆผมไม่ได้คิดว่ามันเห็นแก่ตัวหรอกครับ ทุกๆสิ่งที่ไม้ฉากพูดมาผมเข้าใจทุกๆอย่าง
มันจดทะเบียนสมรสกับพิมแล้ว และพิมก็ไปอยู่เชียงใหม่กับมัน
คนใจดีแบบมัน ยังไงก็ต้องสงสารน้องสาวแบบพิม
มันต้องดูแลพิมจนกว่าแฟนพิมจะกลับมาแน่นอน
และผมก็มั่นใจ ,,ว่าไม้ฉากคิดกับพิมแค่น้องสาว

“ปั้น .. เอ่อกูไม่ได้อยากให้มึงรอ แต่กูไม่รู้จะหาทางออกยังไงแล้วจริงๆ
กูรักมึง กูอยากให้มึงไปอยู่กับกูที่เชียงใหม่ กูอยากไปไหนมาไหนกับมึงแบบเมื่อก่อน
แต่กูมีพิมที่ต้องรับผิดชอบ ,, กูขอโทษนะมึง กูขอโทษ”

ไม้ฉากร้องไห้หนักเลยครับทีนี้ ,, มันคงอึดอัดใจจริงๆแหละครับ
เพราะพิมก็อยู่กับมัน แล้วถ้ามันฝืนขัดคำสั่งพ่อมันตอนนี้
มันอาจจะเลวร้ายลงไปก็ได้ .. เพราะคนที่ไม้ห่วงที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่แค่พิมหรอกครับ
แต่เป็นไม้ที .. ที่อยู่กับพ่อแม่มากกว่า
ถ้าไม้ขัดใจพ่อแม่ … แน่นอนว่าพ่อแม่ต้องไปลงกับไม้ที
ทุกคนต้องไปบังคับไม้ทีต่อแน่นอน
ไม้มันคงไม่อยากเห็นไม้ทีต้องมาเจอชีวิตแบบมัน


“เอางี้ไหม ,, วันนี้เรายุติความรักของเราลงก่อน”
พอผมพูดจบปุ๊บ ไม้ฉากเอามือมาปิดปากผมไว้ไม่ให้ผมพูดต่อเลยครับ

“ไม่ ,, ไม้ไม่เลิก! นี้ปั้นไม่รักไม้แล้วหรอ ถึงบอกให้เราเลิกกันก่อนแบบนี้อะ”
เอากับมันสิ ,, งอแงขึ้นมาอีกละ - -‘

“ป่าว,, กูแค่บอกให้เรายุติความรักของเราลงก่อน เราไม่ต้องมาโฟกัสในเรื่องความรักของเรา
เรากลับไปเป็นเพื่อนกัน ไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มเหมือนเดิม เฮไหนเฮนั้นกันแบบเมื่อก่อน
แล้วพอครบ 2 ปี ,, ไม้กลับมาหาปั้นนะ กลับมาขอปั้นเป็นแฟนอีกครั้ง ตกลงไหม?”

“ปัญญาอ่อนวะปั้น”

เอิ่มม ,, นอกจากมันจะไม่เห็นด้วยแล้วมันยังด่าผมอีกครับ

“แล้วให้ปั้นทำไงละ? ใครถามว่าแฟนปั้นไปไหน .. อ่ออ แฟนปั้นไปอยู่กับเมียที่เชียงใหม่งั้นหรอ?
เวลา 2 ปีมันเหมือนการพิสูจน์ของเรานะไม้ ถ้าเรารักกันไม่เปลี่ยนแปลงแบบนี้
ไม่ว่ามันจะยืนในสถานะไหนก็ตาม ,, เราก็ยังจะรักกัน และเราก็จะเป็นความสุขของกันและกัน
คำว่าแฟน .. ไม่ได้บ่งบอกหรอกนะว่าเราจะรักกันตลอดไป
มันเป็นแค่สถานะทางสังคม ที่พ่อแม่ของไม้ และป๊าม๊าของปั้นไม่ชอบใจในสิ่งที่เราเป็น
อีก 2 ปีนะไม้ ,, พิสูจน์ตัวเองเพื่อปั้น เพื่อครอบครัวของเรา
ไม้กลับมาขอปั้นเป็นแฟน ,, แล้วเรามาสร้างครอบครัวด้วยกัน
เรามาเริ่มต้นคบกันใหม่ และชีวิตความรักของเราจะไม่ต้องมีน้ำตาแบบที่ผ่านมาอีก”

ผมรู้ครับว่ามันเป็นเหตุผลโง่ๆ มันเป็นเหตุผลที่ปัญญาอ่อนมากๆ
แต่ถ้าไม้ฉากไปใช้ชีวิตที่เชียงใหม่กับพิม โดยที่ไม่ต้องมีชนักติดหลังว่า ไม้ฉากแฟนปั้นสิบนะ
ไม้ฉากมีแฟนแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกน่ะ ,,
ผมไม่อยากให้ใครเอาไม้ฉากไปพูดในทางที่ไม่ดี
ต่อให้คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักพวกผมก็เถอะ ,, แต่สมัยนี้สื่อของเรามันเยอะครับ
Facebook , Line , IG อะไรอีกมากมาย
แค่เราโพสรูปๆเดียว หรือแค่สถานะอันเดียว ,, คนนับร้อยนับพันก็สามารถรับรู้ได้ทั่วไปแล้ว

ผมอยากให้ไม้ฉากเริ่มต้นครอบครัวด้วยความบริสุทธิ์ ไม่อยากให้ใครต้องด่าว่าไม้ฉาก
และไม้ฉากไม่ได้ทิ้งผม ,, ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความเต็มใจของผม


“ปั้นจะรอไม้ใช่ไหม?”

“อย่าใช้คำว่ารอเลย ,, แต่ปั้นจะอยู่ข้างๆไม้แบบนี้
ไม่ทิ้งไม้ไปไหน ,, และจะไม่ทำให้ไม้ต้องเป็นห่วง เราเลิกกันแค่สถานะ
แต่ปั้น .. รักไม้ไม่เปลี่ยนแน่นอน
ปั้นรักไม้นะ “

ผมบอกรักผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง และอีกครั้ง
ก่อนที่ไม้ฉากจะดึงผมเข้าไปจูบ

เป็นจูบที่เหมือนสัญญา … ว่าเราจะต้องมีกันและกันแบบนี้ตลอดไป.




อีก 2 ปี ,, จะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้างผมไม่ทราบจริงๆ
ระยะทาง ,, เวลา ,, ใจคน ,, ครอบครัว ,, สังคม ฯลฯ
ตัวแปรต่างๆมากมายจะทำให้ความรักของผม และไม้ฉากเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน
คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กันต่อไป.

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
ขอบคุณทุกๆคนจริงๆที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

ไม้ฉากอาจจะอึนๆไปบ้าง อ่อนแอ หรือหวั่นไหวขัดใจหลายๆคน
ส่วนปั้นสิบอาจจะดูคิดมากไป งี่เง่าเอาแต่ใจไปบ้าง
แต่เด็กทั้งสองมีความรักที่บริสุทธิ์และเป็นรักที่มั่นคงจริงๆ :')

สิ่งที่ไม้ฉากและปั้นสิบตัดสินใจลงไปนั้น
หลายๆคนอาจจะไม่เห็นด้วยซะทีเดียว
และหลายๆคนอาจจะผิดหวังกับตอนจบของนิยายเรื่องนี้
แต่อย่างที่บอกมาแต่ต้น... เจไม่เปลี่ยนตอนจบเพื่อเอาใจใครทั้งนั้น

และถ้าเจจะบอกว่า...นิยายเรื่องนี้ไม่มีตอนจบ
มันคงไม่ผิดใช่ไหมค่ะ?
เพราะเราก็ไม่สามารถรู้ได้จริงๆว่า ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองจะประครองความรักที่มีให้กันจนถึงวันที่ได้อยู่ด้วยกันไหม?

อยากให้เอาใจช่วยเด็กๆทั้งคู่ ,, ให้ก้าวผ่านสิ่งต่างๆและเจอความรักที่ดีและมั่นตงตลอดไป.

ขอบคุณทุกคอมเมนต์,,ทุกๆคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด
ทุกๆคำแนะนำ ทุกๆคำสอนต่างๆ
เจจะเก็บไว้เป็นบทเรียนค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2015 20:12:07 โดย moujay »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ถอดใจก็คงใช้ได้แต่คำนี้มั๊ง
เด็กก็คงทำได้แค่นี้
เพราะทั้งสองคนคิดนอกกรอบไม่เป็น
ก็คงได้แต่อวยพรให้สองคนนี้ทำในสิ่งที่ต่างคนต่างคิดว่าดีที่สุด
เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่ต้องอยู่กับชีวิตที่เลือกก็คือเด็กสองคนนี้เอง
ตอนนี้ยังเรียนอยู่ ยังมีภาระกันอยู่ก็คงต้องอยู่ในกรอบต่อไป

จะเลือกอะไรก็คิดดีๆแล้วกัน   เพราะคุณต้องอยู่กับมันอีกนาน
เปิดตาให้กว้างเพราะว่าไม่ว่าจะเลือกยังไงมันก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว
เลือกแล้วก็ต้องอยู่ให้ได้   
เพราะเหตุผลเดียวซึ่งก็คือ  คุณเลือกแล้ว เลือกเอง
ชีวิตเป็นของคุณค่ะ
ฉะนั้นจงเลือกให้ดีที่สุด
โชคดีค่ะ

ออฟไลน์ desiderata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ก็ขอให้ปั้นกับไม้โชคดีก็แล้วกัน

สำหรับเด็ก 18-19 คำว่า จะไม่รักใครอีกแล้ว หรือจะรักเธอคนเดียวตลอดไป มันคงดูจริงมาก และหวังว่าต่อให้อีกสิบปีก็จะกลับมารักกันใหม่

แต่สำหรับคนที่อายุไม่น้อยอย่างเรา รู้ดีว่า ความรู้สึกคนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้แต่ความรัก ก็มีโอกาสจืดจางได้เช่นกัน

เรามองไม่เห็นว่าการเลือกแบบนี้มันให้ประโยชน์อะไรกับใครบ้าง นอกจากสนองความบ้าอำนาจของพ่อแม่ จะไปดูแลพิม เพื่ออะไร เป็นอะไรกัน พ่อแม่พิมก็มีก็ดูแลเองสิ มนุษยธรรมอะมีได้ แต่ไม่ใช่ทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อคนที่เพิ่งรู้จัก

สารพัดเหตุผลที่ปั้นไม้พยายามหามา จริงๆ มีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละ คือความกลัว ไม่กล้าสู้กับอำนาจ

ก็เข้าใจได้ สำหรับเด็กในวัยนี้ และเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบมาตลอดชีวิตทั้งคู่
ว่าไปแล้ว มันก็เป็นภาพสะท้อนของสังคมไทยทั้งสังคมจริงๆ นะ ...

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ต้นไม้ไหว...กิ่งไม้เอน...เซ่นลมโบก
ยอดกรรโชก...ซัดโศกเศร้า...เคล้าลมฝน
ไม่สามารถ..ยืนต้านทาน...แรงลมบน
ใบไม้ป่น...ทิ้งหล่นร่วง...พ่วงน้ำตา

พายุใหญ่...ใส่กระหน่ำ...ย้ำเตือนบอก
ใครยิ่งใหญ่...ย้ำตะคอก...ห้ำหั่นหา
เป็นต้นไม้...ให้ระวัง...ทุกเวลา
อย่าดึงดัน...รั้นตั้งท่า...จะพาพัง

สองหนุ่มน้อย...ด้อยกำลัง...จะยั้งสู้
ทบทวนคิด...สะกิดรู้...อย่าโอหัง
ต้องก้มหน้า...ยอมรับกรรม..เพียงลำพัง
น้ำตาท่วม...กาละมัง...ยังไม่พอ

...ขอบคุณ มูเจ...
ถึงจะจบแบบแอบเศร้า แต่ก็ไม่ทำให้ใจเราหดหู่

คือสวยงาม
ดีครับ

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
ยังเหลือบทส่งท้ายอีก 1 ตอนนะคะ :)
น่าจะลงได้ภายในวันเสาร์อาทิต์นี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ก็ขอให้ปั้นกับไม้โชคดีก็แล้วกัน

สำหรับเด็ก 18-19 คำว่า จะไม่รักใครอีกแล้ว หรือจะรักเธอคนเดียวตลอดไป มันคงดูจริงมาก และหวังว่าต่อให้อีกสิบปีก็จะกลับมารักกันใหม่

แต่สำหรับคนที่อายุไม่น้อยอย่างเรา รู้ดีว่า ความรู้สึกคนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้แต่ความรัก ก็มีโอกาสจืดจางได้เช่นกัน

เรามองไม่เห็นว่าการเลือกแบบนี้มันให้ประโยชน์อะไรกับใครบ้าง นอกจากสนองความบ้าอำนาจของพ่อแม่ จะไปดูแลพิม เพื่ออะไร เป็นอะไรกัน พ่อแม่พิมก็มีก็ดูแลเองสิ มนุษยธรรมอะมีได้ แต่ไม่ใช่ทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อคนที่เพิ่งรู้จัก

สารพัดเหตุผลที่ปั้นไม้พยายามหามา จริงๆ มีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละ คือความกลัว ไม่กล้าสู้กับอำนาจ

ก็เข้าใจได้ สำหรับเด็กในวัยนี้ และเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบมาตลอดชีวิตทั้งคู่
ว่าไปแล้ว มันก็เป็นภาพสะท้อนของสังคมไทยทั้งสังคมจริงๆ นะ ...

เราเห็นด้วยนะที่ว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนกันได้ตลอด แต่ก็ไม่เข้าใจพ่อแม่พิม พ่อแม่ไม้ฉากเลยว่าทำไม

ต้องบังคับกันแบบนี้ หรือกลัวว่าจะมีคนนินทาว่าลูกท้องไม่มีพ่อเลยต้องจับแต่งกับไม้ฉาก

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงทำไมไม่พูดด้วยเหตุผล ทำไมต้องบังคับกันแบบนี้ เราไม่เข้าใจจริงๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ติดตามอยู่นะคะ
รอตอนจบค่ะ

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
บทส่งท้าย Closefriends.




หลังจากที่ไม้ฉากมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนั้น
และเราได้คุยกันถึงเรื่องราวของเราว่าจากนี้ไปเราจะเอายังไงกันดี
ตัวผมเองเป็นคนเสนอให้เรายุติสถานะแฟน 
เพื่อที่ไม้ฉากจะได้ใช้ชีวิตที่เชียงใหม่โดยไม่ต้องกังวลอะไร
แต่ถามว่าผมรู้สึกอะไรไหม .. บอกเลยว่ารู้สึกมาก T^T
ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจเรื่องไม้ฉากกับพิมหรอกนะครับ
แต่เพราะสิ่งที่ไม้ฉากมันเป็นนี้แหละครับทำผมปวดใจ
เพราะไม้ฉากมันก็คือไม้ฉากคนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน
ไม่ติดมือถือยังไง ก็ยังเป็นแบบนั้น
บางทีวางมือถือทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลไม่เอาไปทำงานด้วย
กว่าจะออกเวรกว่าจะกลับมาที่โรงพยาบาล  ก็รอไปเถอะครับ 2 – 3 วัน
แรกๆก็คุยกับทุกวัน ไลน์หากันทุกชั่วโมง
ผ่านไป 1 อาทิตย์เริ่มไม่ไลน์หากันแล้วครับ เปลี่นมาโทรหากันแทน
จากที่ได้คุยกันทุกวันๆละ 3 ครั้งเหลือวันละ 1 ครั้ง
และตอนนี้ผ่านมาเกือบ 1 อาทิตย์แล้วครับที่ผมติดต่อไม้ฉากไม่ได้เลย T^T


“ทำหน้าบึ้งอยู่ได้เป็นไรเนี้ย”
เสียงบีมมี่ทักผมขึ้นมา  ตอนนี้ผมมานั่งรอบีมซ้อมเต้นที่คณะของบีมครับ
เหตุผลที่ต้องมาก็เพราะว่ารุ่นพี่ที่ชอบบีมมันมาเฝ้าการซ้อมครั้งนี้ด้วย
ผมเลยต้องมานั่งเฝ้าบีมไงละครับ เห้อออ,, คนยิ่งนอยด์ๆเบื่อๆ
แล้วต้องมานั่งแบบนี้นานๆ ไม่ชอบเลย

“เสร็จยัง อยากกลับแล้วนะบีม,, ปั้นอยากนอนแล้วอะ กลับยัง”
ผมหันไปบ่นงอแงใส่บีม แต่มันกลับหัวเราะผม แล้วเดินหนีไปซ้อมเต้นต่อ
เออนะ ,, ให้มันได้แบบนี้ดิ!

ผมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาไม้ฉากอีกครั้ง ( รอบที่ 3 )
แต่ก็เหมือนเดิมครับติดต่อไม่ได้ ,, จะโทรหาพิมก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องป่าววะ?
พิมนอนป่วยอยู่ แล้วผมโทรไปรบกวนอีก ,,
ผมเลยเปลี่ยนใจกดโทรไปหาคะน้าแทน  เผื่อให้มันไปดูไม้ฉากให้
ไปล้มไปเจ็บที่ไหนหรือป่าวถึงติดต่อไม่ได้ ผมเป็นห่วงมันจนกังวลไปหมดแล้วครับตอนนี้

คะน้า :: ไงคะคุณปั้น

ผม :: อยู่ไหนวะ

คะน้า :: กำลังไปเยี่ยมหลานชายสิ แล้วนี้จะมาไฟท์กี่โมง

นี้คะน้ามันกำลังพูดอะไรของมันวะ? ไปไหน ? ไฟท์อะไร?

ผม :: อารายไฟท์อาราย  คะน้าพูดให้มันรู้เรื่องดิ

คะน้า :: อ้าวว ก็น้องพิมคลอดลูกแล้ว มึงไม่มาเยี่ยมหรือไงละ
มึงจะใจดำขนาดไม่มาดูหน้าหลานหน่อยหรอวะ
นี้กูกับน่อนไปซื้อของเยี่ยมแล้วนะเว้ยย

ผมปล่อยให้คะน้ามันพูดต่อไปครับ แต่ใจผมตอนนี้คือไปแล้วละ คิดอะไรไม่ออกแล้ว
ที่ไม้ฉากหายไปเพราะพิมคลอดลูกแล้วงั้นสินะ
แต่แปลกนะที่คะน้ารู้เรื่องแล้ว แต่ผม .... ไม่รู้อะไรเลย!!

คะน้า :: ปั้น เห้ยยย ปั้น ฟังอยู่ป่าววะ สรุปจะมากี่โมง จะได้ให้น่อนไปรอรับ

ผม :: ไปก่อนเลยกูยังมีงานที่มหาลัยวะ จะไปวันไหนกูจะบอกอีกที แล้วพวกยูมันว่าไงกันบ้าง

ผมลองแกล้งถามคะน้าดูว่ายูโรรู้เรื่องหรือยัง?
หรือจะมีแค่ผมที่ยังไม่รู้เรื่องคนเดียว

คะน้า :: ยูมันบอกรอเปาสอบเก็บคะแนนเสร็จก่อนอะ อาจจะไปเยี่ยมที่บ้านพักทีเดียวเลย
ยังไงมึงมาพร้อมพวกมันก็ได้ แล้วไงกูถ่ายรูปส่งไปให้ดู

ผม :: อืมโอเค

คะน้า :: แล้วไงคุยกันนะ


คะน้าวางสายไปแล้วครับ แต่ผมยังอึ้งไม่หาย
สรุปทุกคนทราบกันหมดว่าพิมคลอดลูกและวางแผนจะไปเยี่ยมกันหมดแล้ว
แต่ผมไม่รู้อะไรเลย มีแต่ผมที่เฝ้าแต่กดโทรไปหาไม้ฉากซ้ำๆทั้งวันแบบนี้
แต่ก็ติดต่อมันไม่ได้ ผมเลยไม่รู้อะไรอยู่คนเดียวแบบนี้นะหรอ?
คืออะไรวะไม้ฉาก?
มึงทำแบบนี้ มันหมายความว่าไง?


ผมนั่งรอบีมซ้อมเต้นไปเรื่อยๆ จนเกือบๆ สามทุ่มก็แยกย้ายกันกลับ
ผมมาส่งบีมที่หอพัก แล้ววนรถกลับไปที่คอนโดตัวเอง
เป็นวันที่ผมรู้สึกว่างเปล่ามากๆครับตอนนี้เดินขึ้นลิฟท์มาถึงหน้าห้องได้ยังไงก็ไม่รู้
เห้อออ,, อาการหนักอีกละสินะไอ้ปั้นเอ้ยยย!

ผมอาบน้ำ แล้วมาเวฟอาหารทาน ระหว่างที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่นั้น
ไลน์กลุ่มก็ดังขึ้นมาเลยครับ

K A N A . N O N :: กรี๊ดมากกก น่ารักมากเลยมึง

N i c e b o y :: เค้าไม่ให้บอกว่าน่ารักเดี๋ยวผีมาเอาตัวไปนะมึงคะน้า

K A N A . N O N :: นี้มึงเป็นดาราเป็นคนสมัยไหนวะยังเชื่อเรื่องแบบนี้อีกหรอ  ผีไม่มีจริงหรอกนะ

N i c e b o y :: หึ กูเชื่อของกูละกันนะ  ไหนส่งรูปมาดิ กูกำลังหาคิวว่างอยู่จะขึ้นไปรับขวัญหลานซะหน่อย


คะน้าส่งรูปมารัวๆเลยครับ ประมาณ 10 รูปได้

ยู โร โร่ :: น่ารักอะมึง โอ้ยย อยากได้แบบนี้บ้าง ,, เปาจ๊าอยากมีลูก

K A N A . N O N :: ก่อนจะอ้อนเมีย ถามเมียก่อนนะว่ามีมดลูกไหม 5555555

ยู โร โร่ :: อีอ้วนนนนน!!! เก็บปากไว้กินไขมันต่อไปนะ

K A N A . N O N :: 55555+ Read 4 แต่คุย 3 สรุปใครอ่านแล้วไม่ตอบวะ
จานสี พู่กัน ปั้นสิบ เปา หรือไม้ฉาก แต่กูว่าไม่ใช่ไม้ฉากแน่ๆ เพราะมันเห่อลูกมาก
 วิ่งวุ่นไปมาระหว่างห้องพิมกับห้องลูก

ยู โร โร่ :: ก็ลูกมันนิ

J A N S R I :: ยูโร ,, พูดอะไรนึกถึงปั้นบ้าง นั้นมันลูกพิมกับพัช

ยู โร โร่ :: เออ กูขอโทษที แล้วปั้นไปไหนวะเนี้ย


เห่อลูก? นี้ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องลูกของพิมกันงั้นหรอ?
อืมม ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมดสินะ ,, ,แต่กูคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลย!!!!

S I T A N G || P :: คงมีแค่กูคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลยสินะ

K A N A . N O N :: หมายความว่าไงวะปั้น

S I T A N G || P :: กูไม่รู้เลยว่าพิมคลอดลูกแล้ว



เป็นการจบบทสนทนาที่แย่มากๆครับ เพราะทุกคนพากันเงียบไปหมด
ไม่มีใครตอบอะไรเลย ทั้งๆที่ขึ้น Read แล้วด้วย
พูดอะไรกันไม่ออกเลยสินะ ,, เหอๆ
และคืนนั้นก็ไม่มีสายโทรเข้ามาจากเพื่อนคนไหนๆ หรือแชตจากเพื่อนๆเข้ามาหาผมอีกเลย



จนเช้าวันต่อมา ไนซ์ก็มาหาผมที่คอนโด

“มาทำไม” ผมเดินไปเปิดประตูให้ไนซ์ ก่อนจะเดินกลับนอนที่โซฟา
จริงๆเช้านี้ผมมีคลาสเรียนเช้าครับ แต่ไม่อยากไปเลยโดดเรียนอยู่ที่ห้อง
ปิดมือถือ ถอดปลั๊กโทรศัพท์ที่ห้องด้วย ,,
(จริงๆมันไม่ดีนะคะ อย่าเอาตามแบบนะ)

“มาเก็บศพมึงไงครับ โทรหาไม่ติด โทรมาที่ห้องไม่รับ เป็นบ้าไรอีกเนี้ย”
ไนซ์เดินมานั่งเบียดผมบนโซฟา ก่อนจะบ่นที่มันติดต่อผมไม่ได้

“กูปิดเครื่องถอดปลั๊กโทรศัพท์ กูเบื่อ มึงมีไรก็รีบพูดแล้วรีบกลับไปเหอะนะ”
ผมหันไปมองหน้ามัน แต่มันก็ยิ้มกวนๆกลับมาให้ผม
เกลียดวะ ,, หล่อแล้วยังทำหน้ากวนตีนอีก - -‘

“กูมานอนด้วยอะ เหนื่อย ทำงานทั้งคืนเลย มึงไปนั่งที่อื่นดิ กูจะนอน”
พอพูดเสร็จมันก็เอนตัวลงมานอนทับผม ก่อนจะพยายามเบียดตัวเองแทรกตัวเองมานอนเต็มโซฟาจนได้
เออครับ กูลุกไปนั่งที่อื่นก็ได้ !!!!
ผมลงไปนั่งกับพื้นแทนครับ เอาหลังพิงโซฟาไว้
ไนซ์มันเอื้อมมือมาเล่นหัวผม เดี๋ยวดึงหู เดี๋ยวหยิกแก้ม
ไหนมึงบอกจะนอน????

“ไม่นอนก็กลับไปเลยป่ะ,, มากวนทำไมวะ”
ผมปัดมือของมันออก แล้วก็หันไปด่ามัน
แต่มันนอนหลับตาไปละครับ

“กูนอนอยู่นี้ไง”

เห้ออ ,, อารมณ์ไม่ดี ไม่อยากหงุดหงิดใส่เพื่อน
ผมเลยนั่งมองเหม่อไปเรื่อยๆ
จนไนซ์มันส่งเสียงทักผมขึ้นมา

“โกรธไม้ฉากหรอ?”

“ไม่รู้สิ แค่รู้สึกไม่ดีที่ไม่บอกเรื่องพิม”

จริงๆผมก็รู้สึกไม่ดีแค่นั้นจริงๆนะ ไม่ได้โกรธอะไร
ก็สบายใจด้วยแหละที่ไม้ฉากมันไม่ได้เจ็บไม่ได้ป่วยอะไร

“มันคงไม่ว่างอะแหละ พิมมันมีโอกาสจะแท้งตลอดเวลา คงคลอดยากอยู่มั้ง
แล้วนี้พ่อแม่พิม พ่อแม่มันยังไม่โผล่มาเลย มันเลยต้องวิ่งวุ่นหาของให้พิมกับลูก
มึงอย่าไปโกรธมันเลยนะ”

ไนซ์พูดเสร็จก็ย้ายตัวเองลงมานั่งข้างๆผม ก่อนจะเอนหัวมานอนหนุนไหล่ผมไว้
ตกลงโซฟานุ่นๆนั้นไม่อยากนอนแล้วสินะ - -‘

“แล้วพวกมึงรู้ได้ไงว่าพิมคลอดแล้ว”
ผมขยับตัวนิดหน่อยเพื่อให้ไนซ์นอนซบได้ถนัดๆ

“คะน้ามันไปหาพิมที่โรงพยาบาล เพราะว่าไม้ฉากมันเคยไหว้วานให้คะน้ากับน่อนช่วยดูแลพิมให้
คนที่แม่พิมส่งให้มาเฝ้าอะ เค้าชอบหายตัวไปไหนไม่รู้ไม่ค่อยอยู่เฝ้าไง คะน้ามันเลยรู้ว่าพิมคลอด
แล้วมันก็บอกกับพวกกู แต่ที่ไม่ได้บอกมึงเพราะคิดว่าไม้ฉากบอกมึงแล้ว”

“กูติดต่อมันไม่ได้เป็นอาทิตย์แล้ว”


ไนซ์เอนตัวลงมานอนตักผมแทนละครับ ก่อนจะนอนมองหน้าผม

“มึงอดทนหน่อยสิวะ นี้เพิ่งผ่านไปแค่เดือนกว่าๆเองนะ
ท้อแล้วหรอวะ อีกตั้งปีกว่านะเว้ย อย่างอแงให้มากนะปั้น
ไม่มีใครมาคอยตามใจมึงได้ทุกเวลานะ ไม้เองมันก็เหนื่อยไหนจะงานไหนจะพิม”

หึหึ! ไหนจะงาน ไหนจะพิมงั้นหรอ?
ยิ่งไนซ์พูดแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจไม้ฉากครับ
มันคิดถึงเรื่องงาน เรื่องพิม,, แล้วเรื่องของผมละ?
มันไม่คิดถึงบ้างหรอ?

“แล้วกูละ มันไม่นึกถึงกูบ้างหรอวะ”
ผมเริ่มน้ำตาคลอ  ความน้อยใจ ความอึดอัดใจมันเริ่มตีขึ้นมาเรื่อยๆ
จริงอยู่ที่ผมพยายามเข้าใจไม้ฉาก
แต่ความเหงา  ความห่างไกล บางทีมันก็ทำให้ผมกลัว ทำให้ผมหวั่นไหวเหมือนกัน
ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เผลอใจให้บีม หรือใครๆที่เข้ามาในชีวิตผม
แต่ผมกลัว ,, กลัวไม้ฉากไม่เหมือนเดิม

“ไม่เอานะปั้น ,, อย่างอแงดิวะ มันก็นึกถึงมึงแหละนะ
ไม่งั้นมันไม่อดทนทำงาน เก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่ออนาคตแบบนี้หรอก
คิดถึงมันก็ไปหาสิวะ แค่เชียงใหม่เอง นั่งเครื่องไปแค่ชั่วโมงกว่าๆ ไปไหมละวันนี้กูว่างแล้ว กูไปส่ง”

ไนซ์เสนอมา มีหรอครับผมจะปฏิเสธ

“ไป!!!!”
พอผมตอบไนซ์เสร็จ ทุกอย่างก็เป็นช่วงเวลาเร่งรีบเลยครับ
ผมรีบไปเก็บของ ส่วนไนซ์ก็เช็คไฟท์บิน
จนในที่สุดพวกผมก็ได้ไฟท์บินไปเชียงใหม่ในรอบเย็นของวันนี้

ผมขับรถพาไนซ์มาเก็บเสื้อผ้าที่คอนโด ก่อนจะจอดรถทิ้งไว้ที่คอนโดไนซ์
แล้วเรียกแท็กซี่ไปดอนเมือง ....
ช่วงเวลาที่นั่งรอ หรือช่วงเวลาเดินทางไปเชียงใหม่นั้น
ใจผมคิดไปสารพัดละครับ ,,
กลัวเหมือนกันว่าการเจอไม้ฉากในครั้งนี้ อะไรหลายๆอย่างจะเปลี่ยนไปไหม?
มันจะยิ้มต้อนรับผม แล้วดึงผมเข้าไปกอดแบบทุกทีหรือป่าว?
หรือมันจะเมินเฉยใส่ผม

ผมเคยโทรไปวีนใส่เจ๊มิ้วด้วยครับ - -‘
คือไม่รู้จะงอแงกับใครแล้วครับ เพื่อนๆก็เรียนหนักกันหมด
พู่กันกับจานสีมันก็นอนคนละเวลากับผม
ผมเลยโทรไปปรับทุกข์กับเจ๊มิ้ว และก็โดนเจ๊มิ้วด่ากลับมาเพียบเลยครับ 5555+

“ปั้นสิบคะ เอาเวลาไปอ่านหนังสือสิลูก มันเมินไปหรือมันหายไป ก็เพราะมันทำงาน
คิดแบบนี้แล้วสบายใจก็ควรคิดนะ อย่าไปคิดอะไรให้มันมากมายเลย
อีก 2 ปี มันไม่กลับมาก็หาแฟนใหม่ หรือลั๊ลล๊าคนเดียวไปก็ได้ไม่เห็นจะยากเลย
ยังไงๆก็เพื่อนกลุ่มเดียวกัน ต่อให้คบต่อหรือเลิกกัน ยังไงก็ต้องกินเที่ยวด้วยกันไปจนตายนั้นแหละนะ
หรือถ้าแกฟุ้งซ่านมากๆ เจ๊แนะนำให้แกอ่านหนังสือ หรืออ่านนิยาย มีหลายอย่างเลยแก
หญิงชายหวานแหวว ชายรักชาย จะเอาเรทไหนแกหาเลยในเวปเพียบ หรือถ้าแกเบื่อมากๆนะ ไปทำขนมขาย
หาเงิน หารายได้รอไม้ฉากไปในตัว พอมันว่าง หรือมันกลับมาหาแกแล้วพวกแกก็มีทุนสร้างตัว”

เจ๊หายใจทางไหน? พูดไม่หยุดเลย

“ทำขนมไรอะเจ๊ ผมทำไม่เป็นซะอย่าง”
ผมตอบเจ๊ไปแบบนั้น พร้อมๆกับได้รับเสียงตอบกลับจากเจ๊มิ้วมา

“คุณหนูปั้นนน!! จะทำมาหารับประทานยังไงได้ละเนี้ย เผื่อพ่อแม่แกล้มละลายมาวันหนึ่งแกจะกินข้าวเองเป็นไหมวะ
ทำนี้เลยเมนูง่ายๆ บราวนี้ ขนมปังกรอบ หรือคอนเฟรกเคลือบคาราเมลนะกำลังฮิตเลย ที่ห้องแกมีเตาอบไหมละ?”

แต่ละอย่างที่เจ๊มิ้วพูดมา ผมมองไม่เห็นวี่แววเลยครับว่าถ้าผมทำมันจะออกมารูปร่างแบบไหน

“ไม่มีครับ”

“งั้นจบบทสทนานะปั้นสิบ ,, เจ๊จะนอน สวัสดี”

แล้วเจ๊มิ้วก็จะตัดสายไป ทิ้งให้ผมงอแงของผมคนเดียวต่อไปแบบนั้นแหละครับ



ผมมาถึงเชียงใหม่เกือบๆ หนึ่งทุ่ม
ไนซ์ต้องใส่หมวก ใส่แว่นเพื่ออำพรางตัวเอง แต่ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาสาวๆครับ
มีคนเดินเข้ามาขอถ่ายรูปเรื่อยๆ จนเดินมาเรียกรถรับจ้างไปโรงพยาบาล

“เห้ออ เบื่อแบบนี้แหละวะ อยากออกจากวงการแย่แล้ว”
ไนซ์นั่งซับเหงื่อไป ก็บ่นไปด้วย
จริงๆมันไม่ทำแล้วก็ได้ครับ เพราะตอนนี้แม่กับน้องมันก็อยู่กับสุขสบายดีแล้ว

“เอาไว้ให้มึงอิ่มตัวจากวงการจริงๆก็ค่อยๆถอยออกมาเรียนก็ได้ อายุมึงยังน้อย”

“พูดซะแก่เลยนะชายปั้น 555+ แล้วนี้มึงพร้อมยังจะเจอหน้าไม้ฉากอะ
ขอเลยนะอย่าทะเลาะกันนะมึง ให้เกียรติสถานที่ด้วยนะ”

ไนซ์ชี้หน้าผม และบอกกับผมไว้ก่อนเลยครับว่าอย่าทะเลาะ
เหมือนมันจะรู้ว่าดีกรีความงี่เง่าของผมมันเยอะมากขนาดไหน 5555+

“เออนะ” ผมก็ตอบมันส่งๆไปแบบนั้นแหละครับ  เจอหน้าไม้ฉากแล้วถ้ามันกวนตีนใส่
ผมก็อดไม่ได้ที่จะทะเลาะกับมันอยู่ดี


พวกผมนั่งรถแดงมาถึงที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ ก่อนที่คะน้าจะมายืนรอพวกผมที่หน้าตึก
ไนซ์มันโทรบอกคะน้าไว้ครับ ซึ่งคะน้ามันจะมาเยี่ยมหลานพอดีเลยยืนรอพวกผมให้เดินขึ้นไปพร้อมกัน
จริงๆก็แอบหมั่นไส้นะครับ มันหลงลูกของพิมมากเกินไปละนะ - -‘

“มึงมาทุกวันเลยเนอะ” ผมหันไปแขวะมันเบาๆ

“ก็มาช่วยมันซื้อของนะ พ่อแม่พวกมันใจร้ายวะ ป่านนี้ละยังไม่มาเลย
พิมก็ไม่ค่อยแข็งแรง มีแต่ไม้อะวิ่งวุ่นไปดูตัวเล็กที่ห้องเด็กอ่อน”

ไม้ฉากทำหน้าที่พ่อได้เต็มรูปแบบเลยเนอะ
เหอะ !! ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวร้ายแปลกๆ
รู้สึกไม่ชอบพิม ไม่ชอบลูกของพิม และหมั่นไส้เพื่อนๆของตัวเองที่มาหลงหลาน

“เออนะ มึงก็อย่าคิดอะไรมากสิวะปั้น  ไอ้ไม้มันเหนื่อยมันก็คงต้องการกำลังใจจากมึงนั้นแหละนะ
ทำหน้าที่แฟนที่ดีหน่อยสิวะ เดี๋ยวกูให้เวลามึงไปสวีตกัน กูจะดูหลานกับพิมให้เอง”

ไนซ์พูดเสร็จก็ยิ้มภูมิใจกับความคิดของตัวเอง
เออคือ ,, อารมณ์แบบนี้มึงจะให้พวกกูไปสวีต?
ถามไม้ฉากก่อนไหมว่าอยากไปไหนไกลจากลูกเมียมันหรือป่าว?
เห้ออ ,, ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ห้องพักของพิมทีไร ใจผมยิ่งรู้สึกแปลกๆครับ

คะน้าเดินเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของพิม
ไนซ์ผลักหลังผมให้เดินเข้าไปในห้อง แล้วมันก็เดินตามหลังผมเข้ามาด้วย

“อ้าวพี่ปั้น สวัสดีคะ”
พิมยกมือไหว้ผม แต่สีหน้าพิมยังซีดๆอยู่ครับ
เห็นคะน้าบอกพิมมีปัญหาเรื่องการตกเลือดหลังคลอดครับ
เลยยังไม่มีแรง และยังไม่แข็งแรงพอที่จะอุ้มลูกและให้นมลูกได้

“สวัสดีจ๊ะพิม ดีขึ้นบ้างไหม?”
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงพิมซึ่งพิมก็พยายามยิ้มมาให้ผม

“ดีขึ้นกว่าวันแรกๆมากแล้วคะ แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะไปให้นมเจ้าตัวเล็กได้
เลยลำบากพี่ไม้ต้องวิ่งวุ่นไปดูลูกให้”

แปลกไหมครับ ถึงเพื่อนๆจะพูดเรื่องที่ไม้ฉากไปดูลูกให้พิม
ผมรู้สึกแค่ไม่ชอบใจ แต่พอเป็นพิมพูดคำๆนี้ออกมา
ผมกลับเจ็บในใจแปลกๆ มันหน่วงๆยังไงไม่รู้ครับ

“ครับ ,, รักษาตัวเองให้หายดีก่อนเนอะ แต่เดี๋ยวก็คงหายแล้วละ
พี่ไม้มาคอยดูแล 24 ชั่วโมงขนาดนี้ ไหนจะเพื่อนๆพี่อีก พากันหลงหลานกันไปหมดเลย
มีแต่พี่นี้แหละไม่รู้เรื่องอะไรซะอย่าง เป็นหมาหัวเน่าไปแล้วเนี้ย”






ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
“ปั้น ทำไมมึงพูดแบบนี้วะ”
เสียงของไนซ์ดังขัดขึ้นมา พร้อมๆกับแรงกระชากตัวผมให้เดินออกไปนอกห้อง

“กูว่ามึงกลับไปรอที่โรงแรมเถอะถ้ามึงไม่พร้อมจะเจอพิมกับไม้ฉาก”
ไนซ์เหวี่ยงตัวผมไปติดกับกำแพง แต่ไม่ได้เหวี่ยงแรงนะครับ แค่ทำให้ผมไปยืนชิดกับกำแพงเฉยๆ

“ทำไมวะ มึงก็เห็นกูเป็นคนนอกอีกคนสินะ เดี๋ยวนี้มึงเห็นพิมดีกว่ากูแล้วใช่ไหม”
ผมก็ยังคงเถียงไนซ์ออกไปเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ
และเพื่อนๆพากันไปสนใจคนอื่น มันยิ่งทำให้ผมคิดงี่เง่าและทำตัวไม่ดีขึ้นไปอีก

“ปั้น ,, นั้นมันความคิดของมึง
สิ่งที่มึงคิดอะ เพราะมึงงอแงมึงน้อยใจไม้ฉาก
มึงอย่าเอาความคิดชั่วๆของมึงมาทำให้ตัวมึงดูเป็นคนน่าสมเพชเลยวะ
พิมเค้าไม่ได้ผิดอะไรนะเว้ยยพิมเพิ่งคลอดลูก
สภาวะจิตใจก็แย่พออยู่แล้ว มึงทำไมต้องไปพูดให้พิมคิดมากเข้าไปอีกวะ
กูว่านะมึงกลับไปที่โรงแรมเถอะ  มึงอาจจะเหนื่อยหลายๆอย่าง
ไปพักให้เต็มที่ก่อน แล้วพรุ่งนี้กูจะพามาเยี่ยมพิมใหม่”

ยิ่งไนซ์พูดเหมือนไล่ผม  ตัวผมก็ยิ่งคิดงี่เง่าไปเรื่อยๆครับ

“มึงห่วงพิมมากกว่าห่วงความรู้สึกกูงั้นหรอวะ?
พิมมันแย่งแฟนกูไปนะ มันแย่งความสุข แย่งทุกๆอย่างของกูไป
แล้วนี้มันกำลังแย่งเพื่อนกูไปอีกงั้นหรอ”

คราวนี้ไนซ์ไม่ได้ตอบหรือพูดอะไรกับผม แต่ผมตบหน้าผมดัง เพี้ยะ!!

“ตั้งสติหน่อยปั้น มึงไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวแบบนี้นะ
อย่าเอาความคิด หรือเอาความรู้สึกส่วนตัวของมึงมาตัดสิน หรือมาพูดแบบนี้
พวกกูทุกคนรักมึงมากแค่ไหน คำตอบนี้ใจมึงน่าจะรู้ดีนะ”



“เห้ยยไนซ์ทำอะไรอะ”

เสียงของไม้ฉากดังขึ้นมา ทำให้บทสนทนาของผมกับไนซ์จบลง
และไนซ์ก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ไม่ได้ตอบไม้ฉาก และไม่ได้หันมามองหน้าผมอีกเลย

“ไนซ์มันเป็นอะไรอะปั้น”
ไม้ฉากเดินเข้ามาหาผม พร้อมๆกับมองไปทางไนซ์ที่เดินเข้าห้องไป

“ไม่รู้” ผมตอบไม้ฉากเสียงห้วนๆ แล้วก็เดินไปนั่งตรงม้านั่งใกล้ๆ

“แล้วมาได้ไงเนี้ยมาถึงกี่โมงทำไมไม่โทรมาบอกก่อนละ”
จริงๆมันเป็นแค่คำถามธรรมดาๆนี้แหละครับ
แต่ในความรู้สึกผมตอนนั้น มันเหมือนเป็นคำถามที่ผมไม่อยากได้ยิน
ทำไมผมมาไม่ได้หรอ? หรือแบบไม่อยากให้มาใช่ไหม?
ความคิดตอนนั้นมันมีแต่ในแง่ลบไปหมด

“ปั้นมาไม่ได้งั้นหรอ?”
ผมถามไม้ฉากไป ซึ่งไม้ฉากมันไม่ได้ตอบว่าอะไรครับ มันเดินมานั่งข้างๆผม

“มาได้สิ แต่ไม้ไม่ค่อยว่างไง กลัวพาปั้นไปเที่ยวไหนไม่ได้”
ไม้ฉากเอื้อมมือมาวางที่หน้าขาของผม ก่อนจะส่งยิ้มบางๆมาให้ผม
ยิ้มของไม้ฉากและหน้าตาของไม้ฉากในวันนี้มีแต่ความเหนื่อยล้าเต็มไปหมด
นี้อดนอนมากี่คืนแล้ว? ได้ทานข้าวบ้างหรือป่าว?
ยิ่งได้เห็นหน้าไม้ฉาก ผมยิ่งโกรธพิมกับลูก
เพราะถ้าไม่ใช่เพราะพิม,, ไม้ฉากคงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้

“ปั้นไม้ได้อยากเที่ยว แต่ปั้นอยากอยู่กับไม้”
พอผมตอบกลับไปแบบนั้น ไม้ฉากก็บีบที่หน้าขาผมเบาๆ

“ขอบใจนะ ปั้นเป็นเด็กดีแบบนี้เสมอเลยเนอะ
อยู่กับปั้นแล้วไม้สบายใจจัง เห้อออ ไม้ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลย
อยากนอนกอดปั้นจังเลยอะ”

ไม้ฉากเอนตัวมาอิงกับตัวผมไว้ แล้วเอาหัวมาซบตรงไหล่ของผม

“ทำไมไม้ไม่กลับไปนอนละ จะมาวิ่งวุ่นแบบนี้ทำไม
ไม่ใช่หน้าที่ของไม้ซะหน่อย”

“ทำไมปั้นพูดแบบนี้ละ พิมมาอยู่กับไม้ที่นี้ ไม้ก็ต้องดูแลพิมสิ
นั้นมันน้องสาวของไม้นะ”

ไม้ฉากขยับตัวไปนั่งหลังตรงๆแบบเดิม แล้วหันมามองหน้าผมเหมือนไม่พอใจ

“แล้วทำไมพ่อแม่พิมไม่มาละ ไม้ต้องมาเหนื่อยเพราะพิมอีกนานแค่ไหน”
ผมเองก็ระงับอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ ปากไวครับ พูดกับไม้ฉากไปเสียงก็เหวี่ยงๆหาเรื่องไปด้วย

“พ่อแม่พิมไม่มายุ่งหรอก เพราะนี้มันเป็นครอบครัวของไม้
พิมมาอยู่ในความดูแลของไม้ เพราะฉะนั้นไม้ก็ต้องดูแลพิมกับลูก
นี้ปั้นเป็นอะไรไปเนี้ย ทำไมพูดจาแบบนี้ละ”

นี้ครอบครัวของไม้งั้นหรอ?
ตอนนี้ผมสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ละครับ
พูดเหวี่ยงและทำตัวเองงอแงงี่เง่าใส่ไม้ฉากเต็มที่มากๆครับ TT’

“อ่อนี้มันครอบครัวไม้งั้นหรอ กูก็คงแค่คนนอกสินะ
ถึงว่าละมึงถึงไม่เคยโทรมาหากูเลย ไม่บอกอะไรกูสักอย่าง
นี้กูก็ต้องรู้มาจากปากเพื่อนว่าเมียมึงคลอดแล้ว”

“ไม่ใช่เมีย นี้ปั้นพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ กลับไปก่อนเถอะ
วันหลังค่อยมาคุยกัน วันนี้ไม้เหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากทะเลาะด้วย”

“ไม่มีวันอื่นแล้วไม้ มึงพูดมาเลยระหว่างกูกับพิม มึงจะเลือกใคร
กูไม่รอเวลา 2 ปี ไม่รอเชรี้ยอะไรอีกแล้วละ
กูเป็นอะไรกับมึง มึงตอบมาสิ ทำไมกูติดต่อมึงไม่ได้เลย
แล้วมีเรื่องแบบนี้ขึ้นแทนที่มึงจะบอกกูคนแรก มึงกลับไม่บอกอะไรกูเลย
มึงจะรออะไรวะ รอให้ลูกพิมวิ่งได้ก่อนปะวะมึงถึงจะบอกกู”

ผมระเบิดอารมณ์ใส่ไม้ฉาก จนมันหันมามองหน้าผม

“กูว่ามึงกลับไปเถอะวะปั้น ถ้ามึงจะงี่เง่าแบบนี้นะ
แล้วถ้ามึงไม่อยากรอ มึงก็ไม่ต้องรอ กูทำดีที่สุดแล้ว
ถ้ามึงมางอแงมางี่เง่าและอยากจะให้กูเอาใจแบบนี้กูไม่เอาวะ
กูเหนื่อย กูเหนื่อยมากๆด้วย”

พอไม้ฉากพูดเสร็จมันก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปจากผม
ผมรีบลุกขึ้นตามมันแล้วดึงแขนมันไว้

“มึงคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อนดิวะ ทำไมวะเมื่อก่อนกูก็งี่เง่าแบบนี้มึงไม่เห็นจะด่า
แล้วทำไมวันนี้มึงมาว่ากู เพราะพิมงั้นหรอที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้”

ไม้ฉากยืนนิ่งๆครับไม่ได้กระชากแขนออก แต่ยืนมองหน้าผม
สีหน้าและแววตาของมันในตอนนั้นผมมองไม่ออกจริงๆว่ามันรู้สึกยังไง

“เพราะเมื่อก่อนมึงไม่ทำตัวแบบนี้ไงปั้น
มึงเป็นคนมีเหตุผลมากกว่านี้อีก และไม่ใช่เพราะพิมที่ทำให้กูพูดแบบนี้กับมึง
เพราะตัวมึงนั้นแหละ มึงกลับไปนอนพักนะ
พรุ่งนี้มึงอาจจะอารมณ์ดีขึ้น แล้วเราค่อยมาคุยกัน”

พูดเสร็จไม้ฉากก็ดึงแขนตัวเองออกจากมือของผม แต่ผมก็ดึงแขนมันไว้
ตอนนั้นผมจิกแขนมันด้วยมั้งครับ - -‘

“ไม่ กูไม่ไป วันนี้กูต้องคุยให้รู้เรื่อง
มึงเลือกมาว่ามึงจะเลือกกูหรือพิม มึงพูดมาเลยไม้”

“มึงรู้คำตอบอยู่แล้วปั้น เราคุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรอวะ
วันนี้มึงจะหาคำตอบอะไรอีก เพราะยังไงใน 2 ปีนี้กูก็เปลี่ยนอะไรให้มึงไม่ได้
ไหนมึงบอกมึงจะรอไง มึงบอกว่ามึงจะอยู่ข้างๆกูไม่ใช่หรอ แล้ววันนี้มึงจะให้กูเลือก
มึงคิดว่ากูจะเลือกอะไรได้วะปั้น ให้กูไปยืนข้างๆมึงแล้วทิ้งพิมกับลูกงั้นหรอ
พ่อแม่กู แล้วป๊าม๊ามึงจะยอมรับไหม หนีไปอยู่ด้วยกัน แล้วไหนจะเรียน ไหนจะทำงาน
มึงจะเอาเงินที่ไหนใช้ มึงมีเงินเก็บกี่บาท เงินที่เป็นของมึงจริงๆนะมึงมีไหมปั้น
ช่วยใจเย็นๆแล้วเข้าใจกูบ้างนะ เป็นปั้นคนเดิมของกูเถอะ อย่ามางี่เง่าแบบนี้เลย”

“มึงทิ้งพิมกับลูกไม่ได้ แต่มึงทิ้งกูได้ใช่ไหม?
กูเป็นอะไรกับมึง !!
มึงตอบกูสิ ตอบกูมาสิวะ”

ผมเปลี่ยนจากดึงแขนไม้ฉากมากระชากเสื้อของมันแทนละครับ
เพื่อนๆของผมเริ่มเดินออกมาดูพวกผมที่หน้าห้องแล้ว
เพราะเสียงของผมมันดังมาก และคิดว่าน่าจะดังไปทั้งชั้นนั้นแหละครับ
แต่พยาบาลก็ไม่ได้เดินเข้ามาห้าม คงเพราะเห็นว่าเพื่อนๆผมยืนดูอยู่
และพวกผมคงไม่ตีกันแน่ๆ

“มึงเป็นเพื่อนกูไงปั้น พอใจยังกับคำตอบ
แล้วปล่อยกูซะที ได้เวลากูไปดูลูกแล้ว”

“เพื่อนงั้นหรอวะไม้  กูเป็นแค่เพื่อนงั้นหรอวะ”

ไม้ฉากดึงมือของผมออก ก่อนจะปล่อยมือผมลงข้างๆตัว

“มึงพูดเองมึงจำไมได้หรอว่าเราเป็นเพื่อนกันไปก่อนนะ แล้วอีก 2 ปีค่อยว่ากันใหม่
กูก็ตอบมึงแล้วนี้ไง มึงต้องการอะไรอีก มึงต้องการคำตอบแบบไหนอีกมึงพูดมาดิ
กูก็เหนื่อยนะเว้ยปั้นไม่ใช่ไม่เหนื่อย มึงอยากให้กูทำไงมึงสั่งมาอีกสิ
พ่อแม่กูก็สั่ง พ่อแม่พิมก็สั่ง ป๊าม๊ามึงก็สั่งกู แล้วนี้มึงจะสั่งกูอีกคนใช่ไหม
ได้เลยมึงสั่งมาไอ้เชรี้ยปั้น .. มึงจะเอายังไงอีก!”

กลายเป็นไม้ฉากครับที่กระชากเสื้อผมเข้าไป มันก็คงฟิวส์ขาดแล้วเหมือนกัน
ไนซ์กับเลน่อนมาช่วยกันดึงไม้ฉากออกไปจากตัวผม

“ใจเย็นๆสิวะไม้ มึงด้วยปั้นพอได้แล้วนะ”
ไนซ์ผลักอกผมให้ห่างไปจากตัวไม้ฉาก
แต่แรงผลักของไนซ์มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังโดนเพื่อนๆกีดกันให้ออกไป

“ได้,, กูเข้าใจแล้วไม้ กูเข้าใจแล้วละ
กูเลือกเองตั้งแต่ต้นนิเนอะ กูเป็นคนบอกให้เรายุติทุกอย่างเอง
กูแค่เพื่อน แค่คนอื่น ไม่ใช่ครอบครัวของมึง ไม่ใช่เมีย ไม่ใช่ลูกมึง
ยังไงๆมึงก็ต้องเลือกเมียกับลูกมึงอยู่แล้ว อืมมมม กูเข้าใจแล้ว”

ผมหยิบเอาถุงสร้อยทองในกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้ไม้ฉาก

“นี้กูเอามารับขวัญหลาน  มันคงเป็นของขวัญชิ้นแรกและชิ้นสุดท้ายจากกู
ขอให้มึงมีความสุขกับครอบครัวมึงแล้วกันนะ”

ไม้ฉากไม่ยอมรับถุงสร้อยจากผม แต่ผมก็พยายามยัดใส่ในมือมัน แล้วเดินหันหลังออกมา

“ปั้นสิบคนเดิมไปไหนวะ? คนที่เข้าใจกูไปไหนแล้ว?”
เสียงไม้ฉากถามผมขึ้นมา น้ำเสียงของมันมีแต่ความเสียใจ มีแต่เสียงสะอื้น
แต่ผมในตอนนั้นเจ็บยิ่งกว่ามันอีกครับ


ผมไม่ได้ฟังคำเรียกจากเพื่อนๆหรือจากไม้ฉาก
ผมเดินลงมาเรียกรถหน้าโรงพยาบาลให้ไปส่งที่อาเขต
แล้วตีตั๋วรถทัวร์กลับกรุงเทพ เป็นการนั่งรถ 10 กว่าชั่วโมงที่ทรมานมากๆ
อยากร้องไห้แค่ไหนก็ต้องกลั้นไว้ เพราะอายคนที่นั่งข้างๆ
เพื่อนๆก็พากันโทรเข้ามาหาผม แต่ผมก็ได้แต่ปล่อยให้โทรศัพท์มันสั่นอยู่แบบนั้นจนแบตหมด
ผมรู้แค่ว่าผมอยากหนีไปจากตรงนี้อยากหนีทุกๆคนหนีทุกๆเรื่อง
ไม่ควรมา ,, ไม่ควรมาที่นี้ตั้งแต่แรกแล้วปั้นเอ้ยยย!


ผมกลับมาถึงคอนโดในตอนเช้า ปิดประตูล๊อคห้องไม่ชาร์ตแบตมือถือและไม่สนใจที่จะอาบน้ำหรือทำอะไร
ผมทิ้งตัวเองลงบนที่นอน แล้วร้องไห้อย่างหนักร้องไห้แล้วหลับไป ตื่นมาก็นอนเหม่อไปรอบๆห้อง
เจอรูปของผมกับไม้ฉากที่แปะไว้ที่ผนังห้อง ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้งหมุนเวียนไปแบบนี้ ….


1 อาทิตย์ที่ผมกลับจากเชียงใหม่
ผมไม่ได้ไปเรียน  ไม่ได้ออกจากห้องไปไหน  ข้าวก็ทานบ้างไม่ทานบ้าง
ใช้ชีวิตโดยการไม่มีมือถือ ไม่มีการสื่อสารกับใครๆ
ไนซ์ กับ ยูโร มาเคาะประตูเรียกผมหลายครั้งเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้เปิดประตูให้มันเข้ามา
ผมรู้นะว่าผมผิด และรู้ว่าไม้ฉากมันเหนื่อยแค่ไหนกับสิ่งที่มันต้องเจอ
แต่ผมเองก็อยากบอกมัน ,, ว่าผมก็เหนื่อยและเจ็บเหมือนกัน
ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ได้อ่อนแอ และไม่ได้ต้องการการเอาใจใส่อะไรมากมาย
ผมไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ผมทำอะไรด้วยตัวเองได้
แต่บางเวลา ,, ผมก็ต้องการที่จะอ่อนแอเผื่อที่จะได้ให้คนพิเศษของผมมาเอาใจ หรือให้ผมได้ไปอ้อนเค้าบ้าง
แค่นั้น …… เอง



“ปั้นสิบ ,, เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!”
เสียงเจ๊มิ้วดังมาจากหน้าประตูห้อง ,,
เจ๊มากับใคร?
สงสัยพวกเพื่อนๆผม หรือไม้ฉากต้องโทรไปบอกเจ๊แน่ๆ
ผมนั่งตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันครับว่าจะเปิดประตูห้องดีหรือป่าว?
เพราะกลัวว่าเพื่อนๆของผมจะยืนอยู่หลังประตูนั้นด้วย
ตอนนี้ผมไม่พร้อมจะเจอหน้าเพื่อนคนไหนจริงๆครับ
มันไม่ได้โกรธเพื่อนๆนะ เพราะจริงๆผมทำตัวแย่เอง
แต่มันยังรู้สึกน้อยใจไม่หาย ที่เพื่อนๆพากันไปสนใจพิมและลูกมากกว่าผม
อารมณ์ผมเหมือนเด็กโดนแย่งของที่ผมรักไป อาจจะเพราะการที่ผมเป็นลูกคนเดียวด้วยมั้งครับ
เลยให้ความรู้สึกผมบางทีมันยังงอแงและเอาแต่ใจ


“ไม่มีใครมากับฉันหรอกนะ เปิดเร็วๆ ฉันเอาของมาด้วย หนักจะตายแล้วแก
จะให้ฉันยืนโวยวายอีกนานแค่ไหนเนี้ย!! ไอ้ปั้นเว้ยยยยเปิดประตู”

เสียงเจ๊มิ้วโวยวายเสียงดังมากๆครับ ดังจนผมกลัวคนข้างๆห้องจะด่าผม
( พี่เจกับแฟรงค์ย้ายไปอยู่ที่บ้านละครับ ห้องปล่อยให้คนเช่าแทน )


สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปเปิดประตูห้องให้เจ๊มิ้ว
พอเปิดประตูเท่านั้นละครับ มีผู้ชาย 3 คน ขนของเข้ามาในห้องผมเยอะมาก

“ขอบคุณมากนะคะพี่ ขอบคุณคะพี่ยามที่ช่วยขนของขึ้นมา”
เจ๊มิ้วหันไปขอบคุณผู้ชายเหล่านั้น ก่อนจะเดินถือของเข้ามาในห้อง

“อ้าวว,, ปิดประตูสิ แกจะเปิดไว้รอให้ใครเข้ามาฉุดหรือไง”
เจ๊มิ้ววางของไว้ในห้องครัว แล้วหันมาด่าผม
เดี๋ยวร้องไห้โชว์เลยเจ๊มิ้วนิ,, ทำไมต้องโวยวายต้องว่าด้วยละ
คนยิ่งสภาพจิตใจอ่อนแออยู่นะ T^T

ผมปิดประตูห้องแล้วเดินตามเจ๊มิ้วเข้าไปในห้องครัว
ตอนนี้เจ๊มิ้วเอานม น้ำผลไม้ หมูสด ไข่ และผักอีก 2-3 อย่างใส่ตู้เย็นให้ผม

“ช่วยเอาของในถุงนั้นใส่ในตู้แช่ด้วย แล้วเอาของใช้ส่วนตัวนั้นไปเก็บให้เรียบร้อย”
หื้มม,, อะไรของเจ๊วะเนี้ยย?
มาถึงไม่มาโอ๋มาปลอบน้องเลยซะนิด แต่มาสั่งให้ทำนั้นทำนี้
ผมเดินเอายาสีฟัน สบู่ แป้ง และครีมต่างๆที่เจ๊มิ้วซื้อมาให้เอามาเก็บในห้องนอน
ก่อนจะเดินออกมาหาเจ๊มิ้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทำผมตกใจกว่าเดิมอีกครั้ง
เจ๊มิ้วเอาเครื่องอบขนมขนาดเล็ก ,, เอ๊.. มันก็ไม่เล็กนะ ใหญ่กว่าไมโครเวฟอีกครับมาวางไว้บนโต๊ะในห้องครัว


“นั่นอะไรอะเจ๊”
ผมเดินไปช่วยเจ๊มิ้วเก็บถุงพลาสติกที่ตกอยู่ตามพื้น

“เครื่องอบขนมไง แกมองเห็นเป็นเครื่องซักผ้าหรือไงละ”
อะครับ ,, ตอบดีๆก็ได้เจ๊TT ทำไมต้องดุตลอดเลยเนี้ยยย

“ก็ตอบดีๆสิครับ แล้วเอามาทำไมอะ”
เจ๊มิ้วไม่ตอบอะไรผมเลยครับ แต่เดินเอาชามขนาดใหญ่ เอากระทะที่เจ๊มิ้วซื้อมาใหม่ไปล้าง
ในเมื่อเจ๊ไม่ตอบ ผมก็ยืนพิงตู้เย็นมองเจ๊มิ้วเดินอุ้ยอ้ายไปมาในห้องครัวผม
เจ๊มิ้วเอาอุปกรณ์ต่างๆมาล้างแล้วเช็ดจนแห้ง ก่อนจะเอาคอนเฟรก นม เนย เมล็ดถั่วต่างๆมาวางไว้บนโต๊ะ

“ไปเอากระดาษ ปากกามาจนวิธีทำ” เจ๊มิ้วสั่งผม หลังจากที่เงียบไปเกือบ 1 ชั่วโมง
ผมก็เดินไปหยิบกระดาษกับปากกาออกมาตามที่เจ๊มิ้วสั่ง

“นี้คือวัตถุดิบทั้งหมดในการทำคอนเฟรกเคลือบคาราเมลนะ ปั้นจดไปเลย หรือจะถ่ายรูปไว้ก็ได้”
หื้มม,, คอนเฟรก? ทำไปทำไมอะ  - -‘

“จะทำทำไมละครับเจ๊”
พอผมถามไปเท่านั้นแหละครับ เจ๊มิ้วจ้องหน้าผม สายตาโหดๆดุๆส่งมาทันทีเลยครับ

“ทำไว้เลี้ยงตัวเองไง”

“ทำไมต้องเลี้ยงละ ปั้นมีเงินค่าขนมรายเดือนจากที่บ้านแล้ว”

ผมก็ตอบไปตามความจริง ซึ่งผมมีเงินเก็บจากค่าขนม เงินพิเศษที่ได้รับในโอกาสต่างๆตั้งมากมายแล้ว
ทำไมต้องทำขนมพวกนี้อีกละครับ อยากกินไปซื้อเอาง่ายกว่าไหม?

“เห้อออปั้นสิบ ,, แกฟังพี่นะ จริงๆเรื่องของแกกับไม้จะเป็นไงพี่ไม่รู้หรอกนะ และไม่อยากรู้ด้วย
แต่ถ้าแกอยากได้ไม้ฉากกลับคืนมา หรือแกอยากจะให้ไม้ฉากหลุดพ้นจากคำสั่งพ่อแม่หรือญาติโกโหติกาไรนั้นอะ
แกต้องหัดทำมาค้าขาย หัดหาเงิน หัดพึ่งพาตัวเองให้ได้  ถ้าในเมื่อวันนี้พวกแกทั้งสองคนยังแบมือขอเงินพ่อเงินแม่แบบนี้
พวกแกจะหนีจะหลุดจากคำสั่งของพ่อแม่ได้ยังไง
นี้มันชีวิตจริงนะแก ไม่ใช่ละคร ที่จะพากันหนีไปแล้วค่อยกลับมาขอขมามาขอโทษ
แล้วพ่อแม่จะยอมให้อภัย แล้วเปิดใจรับในสิ่งที่พวกแกเป็นได้อะ
มันไม่มีหรอกนะในโลกของความเป็นจริง  แกลืมตาตื่นได้แล้วปั้นสิบ
หยุดขังตัวเองไว้กับความคิด ความเห็นแก่ตัวของตัวแกได้แล้ว
แกรู้ไหมสิ่งที่แกกำลังทำสร้างความทุกข์ใจให้ใครบ้าง ป๊าม๊าแกติดต่อแกไม่ได้ จะมาหาแกก็กลัวแกอาละวาดใส่
ไหนเค้าจะต้องทำมาหาเงินมาส่งเสียให้แกเรียน ไหนจะลูกน้องที่ป๊าม๊าแกต้องดูแลอีก
เพื่อนๆแกก็ขาดเรียน นั่งรถนั่งเครื่องมาดูอาการแกกัน
ทำไมต้องทำตัวให้คนอื่นเป็นห่วงตลอดเวลาละปั้นสิบ แกอายุเท่าไหร่แล้ว?
แกภูมิใจหรอที่ใครๆต่างคอยกังวล คอยเป็นห่วงแกแล้วต้องเสียการเสียงานมาตามหา มาตามประคบประหงมแก
แกเป็นง่อยหรือไง? แกพิการหรอ? ก็ไม่ใช่ แกมีทุกอย่างเทียบเท่าที่ทุกคนมี แต่ทำไมแกต้องสร้างกำแพงให้ตัวเอง
ทำไมต้องทำตัวงี่เง่างอแง อ่อนแอให้ใครๆมาตามหาตามเอาใจแบบนี้ละ? แกตอบพี่สิ แกต้องการอะไร?
แกทำแบบนี้ไม้ฉากจะรักแกเหมือนเดิมงั้นหรอ? มันจะวิ่งกลับมาดูแลแกงั้นหรือไง?
สมองก็มีหัดคิดสิปั้น ,, มารยาที่แกมีหายไปไหนหมด
เวลาที่ไม้มันเหนื่อย แกจะมางอแงใส่มันทำไม มารยาใส่มันไปสิ อ้อนมันไป ทำตัวให้มันรักแกเยอะๆสิ
ไม่เป็นไรนะไม้ อดทนนะ อีกไม่กี่ปีก็ได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว ปั้นจะรอไม้นะ จะอะไรแกก็พูดไป
แกจะไปอิจฉาพิมมันทำไม  ผัวมันก็ติดคุก พ่อแม่มันก็ไม่มาดูดำดูดี  แล้วไหนลูกก็คลอดก่อนกำหนดอีก
เด็กอายุ 16-17 ต้องเลี้ยงลูกตามลำพังแบบนั้น แกไปอิจฉาทำไมวะปั้น ,, แล้วไม่ต้องร้องไห้นะ!!!!
พี่สอนพี่พูดเพราะพี่รักแก ไม่อยากให้แกทำตัวน่าสมเพชแบบนี้  หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะปั้นสิบ!!!”

ยิ่งเจ๊มิ้วพูด และดุผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
ผมไม่ได้เสียใจที่เจ๊มิ้วด่านะครับ
เพราะสิ่งที่เจ๊พูดมาคือเรื่องจริงทั้งหมด ผมทำตัวไม่ดีเองทั้งหมดนั้นเลยครับ
แต่ที่ผมร้องไห้ เพราะผมรู้สึกผิดรู้สึกแย่ที่ผมทำตัวไม่ดีไปแบบนั้น
ผมให้ความรัก ความเห็นแก่ตัวครอบงำความคิดตัวเอง
ยอมให้ความเห็นแก่ตัว ความมักมากของผม ไปทำให้คนรอบตัวๆผมเดือดร้อน
ทำให้พิมเสียใจ และทำให้ไม้ฉาก ,, คนที่ผมรักเสียใจ
จริงๆผมอ้อนไม้ฉากได้ ผมใจเย็นและเป็นที่พึ่งพิงให้มันในวันที่มันอ่อนล้าได้
แต่ผมไม่ทำ ,, ผมเรียกร้องที่จะได้รับการใส่ใจจากมัน
โดยผมลืมไปว่า ,, จริงๆแล้วคนที่เหนื่อยไม่ใช่ผม
แต่ไม้ฉากมันเหนื่อยและมันรับภาระมากกว่าผม


“ปั้น .. ฮึกกก ฮืออ ปั้นควรทำไงดีครับ  ,, ปั้นเสียใจ”
ผมยืนร้องไห้เหมือนเด็กตัวน้อยๆ จนเจ๊มิ้วต้องเดินมาใกล้ๆผมก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด

“เอานะเรื่องมันมาขนาดนี้แล้ว แกไม่ต้องวิ่งตามหาใครอีกแล้วนะปั้น
ให้ไม้มันดูแลตัวมันไปก่อน ถ้าพวกแกยังรักกัน ต่อให้เจอเรื่องราวอะไรอีกก็ตาม
แกสองคนก็จะได้กลับมารักกันแน่นอน ตอนนี้แกสร้างเนื้อสร้างตัว
เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไม้ฉากเห็นว่าแกโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ไม้มันกังวล
ไม่ต้องให้เพื่อนๆหรือใครๆมาคอยเอาใจมาคอยตามใจแก ลองเปลี่ยนตัวเองดูนะปั้นสิบ
ไม่ยากหรอก ขอแค่แกตั้งใจที่จะทำ เวลา 2 ปีมันไม่นานเลยแก แล้วแกจะมีความสุขเวลาที่แกได้ย้อนมองกลับมา
ว่าแต่ละวันแกได้ทำอะไรไปบ้าง และกว่าที่แกจะได้รักกันได้อยู่ด้วยกันมันต้องเจออะไรมาบ้าง
วันข้างหน้าแกจะได้มานั่งคุยกัน นั่งเล่าเรื่องราวต่างๆให้กันฟัง
ถึงมันจะไม่ใช่ความรักแบบคนรักอีกแล้วก็ตาม ,, แต่พี่เชื่อนะว่าทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแกทั้งสองคน
มันจะเป็นความทรงจำที่ดี และทำให้แกมีพลังจะสู้จะเดินต่อไป ,, จริงไหม?”

“ครับ”

ผมร้องไห้สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของเจ๊มิ้วสักพัก ก็ขอตัวไปล้างหน้าล้างตา
ก่อนจะเดินออกมาทำขนมกับเจ๊มิ้ว

คอร์สการทำขนมผ่านไปเกือบทั้งวันครับเจ๊มิ้วสอนไปด้วย ด่าผมไปด้วย
จนสุดท้ายแล้วคอนเฟรกเคลือบคาราเมลของผมก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง 555+
และมันอร่อยมาก >//////<

“เจ๊ทำไมอร่อยงี้อะ หอมมากด้วยอะ ตอนไปซื้อกินแพงก็แพงไม่หอมแบบนี้เลย”
ผมตื่นเต้นกับขนมอบครั้งแรกของผม จนเจ๊มิ้วต้องส่ายหน้าแล้วเดินหนีผม
อะไรอะเจ๊,, คนแค่ตื่นเต้นทำไมต้องเดินหนีด้วย 555+

“เอาละขนมทำเสร็จแล้วที่เหลือก็ใส่กระปุก แล้วทำสติ๊กเกอร์ เปิดไอจีใหม่ แล้ววางขายซะ”
เจ๊มิ้วเอาโน้ตบุ๊คมาวางไว้บนโต๊ะทานข้าว ก่อนจะหยิบเอากระปุกที่ล้างและเช็ดจนแห้งแล้วมาวางไว้บนโต๊ะ

“ต้องขายกี่บาทอะเจ๊มิ้ว,, ขายแพงใครจะซื้อ ทำง่ายแบบนี้ทำกินเองดีกว่าอีก”
ผมยังหยิบขนมเข้าปากอย่างต่อเนื่องครับ ซึ่งคาดว่าน้ำหนักผมคงขึ้นมาอีกเท่าตัวแน่ๆ - -‘

“แล้วเมื่อก่อนทำไมซื้อกินละ”
เออนั้นดิ,, พอเจ๊มิ้วพูดแบบนี้ผมถึงกับนิ่งเลยครับ
เมื่อก่อนผมซื้อกินตลอดเลย หมดไปหลายบาทกับขนมที่ผมบอกว่าง่ายๆนี้แหละครับ

“ก็ไม่รู้ว่ามันทำง่ายแบบนี้อะ แต่ถ้าจะทำกินจริงๆมันต้องเตรียมของเยอะไง
และไหนจะต้องใส่กล่องเก็บไว้อีกเพราะมันทำแล้วได้เยอะมาก”

“ใช่ไง ,, เราถึงต้องทำขาย เพราะบางคนคิดแบบนั้นไงเค้าเลยหาซื้อมากิน
เราก็ขายไม่ต้องแพงหรอก เอาให้ได้กำไรกระปุกละ 10 บาท หรือ 20 บาทก็ว่าไป
แล้วทีนี้ก็ทำตามออเดอร์ มีวันเวลาปิดรอบซะ ส่งอาทิตย์ละ 3 วัน หรือทำวันเว้นวันก็ได้
กลุ่มลูกค้าหาไม่ยากหรอก ส่งตามในคณะนั้นแหละ เอาหน้าตาหล่อๆของแกนี้แหละไปขาย
หิ้วขนมไปส่งสาวๆตามคณะ แต่ต้องสั่งตั้งแต่ 3 กระปุกเป็นต้นไปนะ อะไรแบบเนี้ย
เข้าใจยัง ,, ถ้าเข้าใจแล้วก็ทำซะ”

เจ๊มิ้วสั่งเสร็จแล้วก็เดินไปนั่งดูทีวี ปล่อยให้ผมนั่งคิดแก้โจทย์ตรงหน้าไปเรื่อยๆ

ตอนนี้ผมลืมเรื่องราวทุกข์โศกในใจไปหมดแล้วครับ
ผมกำลังสนใจคอนเฟรกเคลือบคาราเมลตรงหน้า สนใจแต่โปรแกรมแต่งรูปในหน้าจอคอม
และกดสมัครไอจี ,, แค่นั่งคิดชื่อขนมก็ปาไปเกือบจะเที่ยงคืนแล้วครับ
เจ๊มิ้วนั่งอ่านหนังสือนิยายไปเงียบๆ โดยไม่ได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับผม
แต่ถ้าผมถามอะไร เจ๊มิ้วก็จะเดินมาสอนผมเป็นระยะๆ




ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
“เสร็จแล้วว!!!”
ผลิตภัณฑ์ของผมเสร็จเกือบๆตี 5 ครับ
เจ๊มิ้ววางหนังสือลง แล้วเดินมาดูผลงานของผม
ทั้งโลโก้ที่ผมออกแบบในหน้าจอคอม และขนมที่ผมบรรจุลงกระปุกแล้ว

“ไอจีสมัครยัง” เจ๊มิ้วหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดดูหน้าไอจี
ซึ่งผมก็สมัครไว้เรียบร้อยแล้วครับ

“Corn ‘ Friends”
เจ๊มิ้วอ่านชื่อร้านขนมของผมออกมา ก่อนจะมองหน้าผมเหมือนจะถามถึงความหมาย

“ก็เอามาจากคอนเฟรกนั้นแหละ แต่มันแบ่งกับเพื่อนกินได้ไงเพราะมันได้เยอะใช่ไหมละ
จะตั้งว่า รวยเพื่อน ก็จะกลายเป็นข้าวเกรียบกุ้งไป เลยตั้งว่า Corn ‘ Friends แทนอ่ะ มันไม่ดีหรอ มันแปลกหรือป่าว?”

ผมเริ่มไม่มั่นใจในชื่อร้านตัวเองละครับ ยิ่งเจ๊มิ้วนิ่งเงียบไปแบบนี้ผมยิ่งกังวลใจ

“ไปอาบน้ำแต่งตัวสิ จะได้ไปปริ้นส์สติ๊กเกอร์ แล้วเอาขนมไปส่งลูกค้า”
เจ๊มิ้วส่งยิ้มมาให้ผม ก่อนจะเดินกลับไปนั่งอ่านหนังสือต่อ

“ลูกค้า?  ลูกค้าที่ไหนอะเจ๊ ผมยังไม่ได้โฆษณาเลยนะ” ผมหันไปมองหน้าเจ๊มิ้วอย่างแปลกใจ
ก็เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้ จะมีใครมาสั่งละ

“Corn ‘ Friends ก็สมควรจะส่งให้ Friends ก่อนไม่ใช่หรอ
ส่งไปให้เพื่อนที่เค้ารักปั้น ห่วงปั้นสิ เป็นฤกษ์งามยามดีนะ ส่งความสุขไปให้คนที่เรารัก
ต้องมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นแน่ๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว”

เออใช่ ,, เจ๊มิ้วพูดถูก ผมควรส่งไปให้เพื่อนที่ผมรักกินก่อน
ผมวิ่งเข้าไปกอดเจ๊มิ้ว ก่อนจะเดินกลับเข้ามาอาบน้ำแต่งตัว
ทั้งๆที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน แต่ผมกลับรู้สึกสดชื่นและรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากๆครับ

เจ๊มิ้วพาผมมาปริ้นส์สติ๊กเกอร์ที่ร้าน ก่อนจะขับรถพาผมไปหาไนซ์ที่สตูฯแห่งหนึ่ง
ไนซ์พักกองแล้วรีบวิ่งมากอดผมเลยครับ มันไม่สนใจสายตาของทีมงานที่มองมันเลยด้วยซ้ำ

“มึงโอเคนะ กูขอโทษนะปั้นที่ทำให้มึงไม่สบายใจ ถ้าสิ่งไหนกูทำไปแล้วมึงน้อยใจมึงโกรธกู
กูขอโทษจริงๆ อย่าหนีกูไปอีกนะ”

ไนซ์กอดผมแน่นมากครับ ผมเลยกอดมันตอบกลับไปก่อนจะตบหลังมันเบาๆ

“กูขอโทษนะไนซ์ มึงไม่ได้ผิดอะไร กูขอโทษที่ทำตัวแย่ๆ ขอบคุณที่รักเพื่อนแย่ๆแบบกู”
ไนซ์ผละตัวออกไปจากผม ก่อนจะมองหน้าผม แล้วยิ้มน้อยๆมาให้

“นี้สิวะสมแล้วที่เป็นปั้นสิบที่กูรัก เดี๋ยวกูถ่ายงานต่อก่อนนะ ค่ำๆกูแวะไปหา”
ไนซ์พูดเสร็จก็หันไปยิ้มให้เจ๊มิ้วที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
ผมเลยยื่นกล่องขนมไปให้ไนซ์ พอมันรับไปก็ทำหน้า งงๆ

“ขนมที่กูทำเองครั้งแรก  กูเปิดร้านขายขนมด้วยนะ นั้นอะชื่อร้านแล้วชื่อไอจีร้านกู
ช่วยโฆษณาด้วยละ

ไนซ์มองหน้าผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดครับ เจ๊มิ้วต้องมาช่วยยืนยัน
พร้อมทั้งส่งรูปที่ผมกำลังนั่งทำงานเมื่อคืนให้ไนซ์ดู
โหววเจ๊มิ้ว,, เห็นเงียบๆแต่แอบถ่ายรูปเพียบเลยนะ

“เอาจริงใช่ไหมมึง? “ ไนซ์มองหน้าผมเหมือนจะถามหาคำตอบ 5555
เดี๋ยวนะ ,, มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรอวะ?

“อืมจริงสิวะ กูจะตั้งใจทำกิจการของกูให้เจริญรุ่งเรือง แล้วจะทำขนมให้คนติดใจเยอะๆเลยละ
กูจะเก็บเงินไว้รอไม้ฉาก ,, ถ้าวันหนึ่งมันกลับมาหากูจริงๆ กูจะเอาเงินที่กูหาได้ด้วยตัวกูเองไปใช้ชีวิตกับมัน”

“มึงคงต้องทำขายอีกหลายสิบปี - -‘ กำไรกี่บาทเนี่ยย ฝันไกลไปละมึงไอ้เตี้ยเอ้ยยย”

ไนซ์ยื่นมือมาขยี้หัวของผม ก่อนจะขอตัวไปถ่ายงานต่อ



ผมกับเจ๊มิ้วเลยมาส่งพัสดุไปให้คะน้าเลน่อน ยูโรเปา คู่แฝดพู่กันจานสี (ไม่คุ้มค่าส่งเลยไอ้ 2 คนนี้)
และสุดท้าย ..  ส่งให้ไม้ฉาก

“ไม่เขียนโน้ตอะไรให้ไม้ฉากซะหน่อยหรอปั้น?”
เจ๊มิ้วถามผม ตอนที่เห็นผมยืนมองกล่องพัสดุของไม้ฉาก

“เขียนอะไรดีละเจ๊,, ปั้นกลัวมันไม่แกะกล่องด้วยซ้ำไป
คนอย่างมันถ้าโกรธคือโกรธจริงๆนั้นแหละ “

มันเคยโกรธเพื่อนตอนประถมครับ ป่านนี้มันยังโกรธยังเกลียดไม่หายเลยครับ T^T

“เขียนไปเถอะ อ่านไม่อ่านก็ช่างมัน
แค่เราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำก็พอ”

เจ๊มิ้วพูดเสร็จก็ยื่นกระดาษมาให้ผม
เอาวะ ,, เขียนก็เขียนสิเนอะ อย่างน้อยๆก็ได้บอกในสิ่งที่ต้องการ
จะรับรู้หรือไม่ ,, ก็ค่อยว่ากันละกัน
ผมอยากเขียนเยอะแยะไปหมดเลยครับ แต่กระดาษใบเล็กขนาดนี้คงไม่พอเขียนแน่ๆ
ผมยืนคิดอยู่นานว่าจะเขียนว่าอะไรดี
สุดท้ายแล้วผมก็จรดปลายปากกาเขียนข้อความสั้นๆลงไป

“ภาคิน

 come back to me ..

                       สิตางค์”



มันไม่รู้จะใช้คำไหนๆแล้วครับ ผมแค่อยากให้มันกลับมา
ไม่ว่าจะสถานะไหนก็ตาม ,, ผมอยากมีไม้ฉากข้างๆเหมือนวันเก่า
ได้คุยกันบ้าง ได้เจอกันบ้าง แม้จะเป็นแค่เพื่อนกันผมก็ยอม


“แกทำดีแล้วนะปั้น ,, ป่ะ! ไปลุยธุรกิจของเราต่อ มีขนมเหลืออีก 6 กระปุก
เอาไปแจกสาวๆที่มหาลัยกันเถอะ”

เจ๊มิ้วตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะช่วยผมห่อพัสดุจนเสร็จ และเอาไปฝากส่ง


ผมผ่านวันที่แย่ๆ วันที่เศร้า วันที่หลงผิดมาได้
เพราะเพื่อน เพราะพี่สาว และคนรอบๆตัวของผม
จริงอยู่ที่วันนี้ผมยังยืนด้วยขาของตัวเองไม่ได้ ผมยังต้องพึ่งพิงคนอื่นๆเสมอ
แต่อีกไม่นาน ,, ผมจะเติบโตขึ้นด้วยสองขา สองมือ และด้วยพลังของความตั้งใจของผม
และผมทราบดีไม่ว่ายังไงความรักของเพื่อน ของพี่ หรือของครอบครัวผม
ไม่ว่ามันจะดีจะร้ายแค่ไหน ,, มันจะหล่อหลอมให้ผมก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง
ด้วยใจที่คิดดี ทำดี และเจอแต่เรื่องราวดีๆ คนดีๆแน่นอน


ผมใช้ชีวิตแต่ละวันจากนั้นมาด้วยความสุขครับ
ทำขนม ส่งขนม ตอบไลน์ลูกค้า ไปซื้อของ แล้วกลับมาทำขนม
เรียนไปด้วย ทะเลาะกับบีมไปด้วยในแต่ละวัน
แต่ก็ถือว่าขนมของผมมีคนชอบเยอะนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมต้องซื้อเครื่องอบขนมใหม่
และต้องสั่งคอนเฟรกมาเป็นลังใหญ่ๆเลยครับ
เจ๊มิ้วพยายามสอนทำบราวนี่ แต่ไปไม่รอดครับ 5555+ ต้องฝึกอีกนานหน่อยละครับ






4 เดือนต่อมา …..


วันนี้หลังจากทำขนมเสร็จแล้ว กำลังรอที่จะแพ๊คของลงกระปุก
ผมดันกดเข้าไปในเฟสบุ๊คของผมเอง ซึ่งปกติผมจะไม่เล่นเฟสบุ๊คครับ
เจอแจ้งเตือนมาเลยทันทีว่าไม้ฉากอัพเดทสถานะ ( ผมกดติดตามและให้แจ้งเตือนไว้นะครับ)
ไม้ฉากโพสรูปตัวเองกำลังก้มจูบหน้าผากของเด็กน้อยในอ้อมแขน
ไม่มีแคปชั่นหรือข้อความใดๆ แต่ผมอ่านจากคอมเมนต์แล้วก็ทราบว่าไม้ฉากต้องเดินทางไปประจำที่ภาคใต้ 3 เดือน
มันไปโดยไม่ไลน์หรือโทรมาบอกผมสักนิด ….
จริงๆหลังจากเรื่องวันนั้น ผมก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจากไม้ฉากครับ
ไม้ฉากเคยหายเงียบไปแบบนี้เพราะเข้ารับการอบรม
แต่ในตอนนั้นผมรู้ว่ามันต้องกลับมา เพราะเราเป็นคนรักกัน
แล้ววันนี้ละ ,, ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นเพื่อนของมันอยู่หรือป่าว?
หรือเป็นอะไรในชีวิตมันกันแน่

ผมนั่งคิดอยู่นานว่าควรทำยังไงดี?
แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจกด  inbox   พิมพ์ข้อความไปหาไม้ฉาก ...

“ไม้ ,,
อีกแค่ปีกว่าๆ   เราสองคนจะเป็นยังไงบ้างนะ?
ไม้จะกลับมาไหม? เราจะมองหน้ากันได้อยู่หรือป่าว?
เราจะยิ้มให้กันแบบวันเก่าได้อยู่ไหม?
วันนี้ปั้นเข้าใจตัวเอง เข้าใจเรื่องราวต่างๆมากขึ้นแล้วนะ
และกว่าจะถึงวันนั้น ,, ปั้นจะพยายามทำทุกวันจากนี้ให้ดีที่สุด
จะพยายามทำวันเวลาที่เราเดินจากนี้ไปให้มีค่ามีความหมายให้มากที่สุด
ไม่ว่าหัวใจของไม้จะเปลี่ยนไป หรือจะเจอใครที่ดีกว่าปั้นแล้วก็ตาม
ปั้นขอแค่ ,, กลับมานะ
กลับมาตรงนี้  จะดีจะร้ายหรือจะแย่ไปกว่านี้ก็ตาม
ขอแค่กลับมา .....
         

                                        ยินดีที่จะรอเสมอ

ปล.  คิดถึงไม้สุดหัวใจ

                    ปั้นสิบ “




ผมไม่รู้ว่ามันจะอ่านไหม
แต่ผมรู้แค่ว่าผมกำลังรอ....
รอการอภัยจากไม้ฉาก
ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะอีกนานแค่ไหน
แต่ผม ...




จะรอตรงนี้ ,, ที่เดิมที่นี้ ‘

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
ไม้ฉาก ' talk


ผมกลับไปประจำที่ภาคใต้ ได้เกือบๆ 1 อาทิตย์แล้วครับ
เพิ่งจะมีโอกาสได้จับมือถือ
เห้ออ ,,ป่านนี้เจ้าเหนือคงงอแงใส่พิมแล้วแน่ๆ
แปลกนะครับน้องเหนือไม่ติดพิมเท่าไหร่ แต่ติดผมแทน
เพราะพิมต้องเรียนด้วยมั้งครับ เลยทำให้ไม่ค่อยได้เลี้ยงเหนือเท่าไหร่
พอพิมแข็งแรงและออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมให้พิมกลับไปเรียน ม.ปลาย ใหม่
ซึ่งพิมก็ยอมไปเรียนครับ แต่ก็มีบ้างที่งอแงอยากจะอยู่กับลูก
ต้องบังคับกันพอสมควร  ต้องเอาเรื่องพัชมาขู่เรื่อยๆ
จนพิมต้องยอมไปเรียนเพื่ออนาคต จะได้มีงานทำดีๆ มีเงินเลี้ยงดูลูกและครอบครัว


ผมเปิดเน็ตเพื่อที่จะเข้าไปดูรูปของเหนือ ที่ผมสั่งให้พิมถ่ายส่งมาให้ทุกวัน
แค่เปิดเน็ตเท่านั้นแหละครับ แจ้งเตือนเข้ามาเพียบเลย
แต่ผมดันไปสะดุดตากับข้อความแจ้งเตือนจากคนๆหนึ่ง
ซึ่งเป็นคนที่ผมรอให้มันติดต่อกลับมาหาตลอด

“ปั้นสิบ  สิตางค์  ส่งข้อความมาหาคุณ”

ผมรีบกดเปิดอ่านข้อความนั้นทันทีเลยครับ
แค่ได้อ่านข้อความจากปั้นสิบเท่านั้นแหละครับ
น้ำตาของผมถึงกับคลอเลยทีเดียว ,,
ผมคิดถึงมันมากจริงๆ  ที่ไม่ติดต่อไปหามันก็เพราะว่ากลัวมันเสียใจเรื่องที่ผมดูแลน้องเหนือกับพิม
แล้วกลัวมันรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมถ้ามันได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องเหนือ
ผมเลยทำตัวเองให้ยุ่งตลอด ทั้งรับจ้างเข้าเวรบ้างละ
เลี้ยงน้องเหนือเองบ้างในวันหยุด (ปกติจะจ้างแม่บ้านตำรวจเลี้ยง)
ผมก็เฝ้ารอให้มันทักไลน์ หรือโทรมาหาผมเหมือนกัน
แต่มันไม่ติดต่อมาเลย T^T
วันที่มันส่งขนมมาให้วันนั้น ผมยังดีใจเลยครับ คิดว่ามันง้อผมแล้วแน่ๆ
มันส่งขนมกับข้อความ come back to me .. มาให้ผม
แต่มันไม่ได้โทรมาหรือมาอ้อนมาง้อแบบทุกที
แล้วช่วงนั้นผมก็ยุ่งเรื่องของพิมกับเหนือเลยไม่ได้ติดต่อมันกลับไป
จริงๆผมก็ผิดครับ  ที่เอาแต่รอให้มันติดต่อกลับมา
และทิ้งระยะเวลาให้มันนานขนาดนี้ TT’

ได้ยินจากเพื่อนๆว่ามันเปิดร้านขายขนมในไอจี ขายดีมากเลย
และมันก็มีความสุขกับทุกๆวันของมัน
สุขภาพของมันก็แข็งแรงดีแล้วด้วย ,, ผมได้ยินมาแบบนั้นและได้เห็นรูปมันมาตลอด
ก็ทำให้หายห่วงมันไปได้บ้าง ,,
แต่ความคิดถึงทำยังไงก็ไม่หายครับ ยิ่งมันส่งข้อความมาแบบนี้
ผมยิ่งอยากกอดมัน อยากหอมมัน …
อีกแค่ 1 ปีกว่าๆเองนะปั้นสิบ

อดทนด้วยกันหน่อยนะ

ผมอยากบอกกับมันแบบนี้เหมือนกันครับ แต่ก็รู้ว่ามันเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัว
ผมอยากเร่งคืนเร่งวันให้มันผ่านไปไวๆ ผมจะรีบกลับไปหามัน
จะรีบไปจีบมันแล้วบอกกับมันว่า “มึงเป็นแฟนกูนะ”




เห้ออออ ,, ปั้นสิบบบT^T



ผมมือไม้สั่นไปหมดครับ จากที่คิดจะกดดูรูปของเหนือก็ไม่ได้กดเข้าไปดู
จะพิมพ์ข้อความตอบกลับไปก็ไม่กล้าพอ เพราะรู้ว่าตัวเองยังมีห่วงมีชนักติดหลังอีกเยอะแยะ
จะดึงมันกลับมาลำบากด้วยกัน ก็สงสารมันและรู้สึกตัวเองเลวและเห็นแก่ตัวจนเกินไป
ผมลังเลเล็กน้อย ก่อนจะโพสข้อความลงบนเฟสบุ๊คของผม



ภาคิน  ตระกูลไม้ ::

อยากเจอเหลือเกิน .... #cb2me



พอผมกดโพสไปก็รอครับ ว่ามันจะส่งสัญญาณอะไรมาให้ผมหรือป่าว
ผมว่ามันต้องรู้นะว่าผมหมายถึงมัน ,, ผมจ้องมือถืออยู่นานครับ
แต่มันก็ไม่ได้มากดถูกใจ หรือมาคอมเม้นต์อะไรให้ผม
จนสุดท้ายแล้วผมตัดสินใจวางมือถือไว้ข้างๆหมอน ก่อนจะล้มตัวลงนอน

มันคงไม่ได้รอผมแล้วละ ‘


ผมบอกกับตัวเองเบาๆ แล้วพยายามข่มตานอน
เพราะพรุ่งนี้ยังต้องไปลาดตะเวนเช้า .. .. ..




















ดึ๊งดึง ,,




เสียงแจ้งเตือนจากเฟสบุ๊คดังขึ้นมาหลังจากไม้ฉากหลับไปแล้ว ,,
ถ้าไม้ฉากตัดสินใจรออีก 10 นาที อาจจะได้กดเปิดดูว่าคนที่กดถูกใจหรือคอมเม้นต์นั้นเป็นใคร.







#cb2me   จะส่งไปถึงยังใครคนนั้นของไม้ฉากหรือไม่นะ?
ติดตามกันได้ใน ...


           || Close Friends Special :: เรื่องเล่าระหว่างทาง ||


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2015 00:36:14 โดย moujay »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไม่เคลียร์กันทั้งคู่แหละ
ตัดใจจากกันแล้วแต่ตัดไม่ขาดถึงได้กลับมาหากัน
ไม่ได้คุยกันเป็นงานเป็นงาน
คลุมเคลือว่าเป็นเพื่อนกันแต่คบกันงอนกัน
คิดแทนกัน
เรื่องของพิมพ์นี่เรามองว่าทุกคนผิดนะที่ไม่บอกปั้น
คือทุกคนรู้หมดแต่ทิ้งปั้นไว้คนเดียวแทนที่จะเอาปั้นเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ปั้นควรฝืนยิ้มรับหรือไง
ปั้นก็เลยอยู่คนเดียวไปเลย
ทำนั่นทำนี่ไปต่างคนต่างอยู่
นึกๆดูแล้วไม้ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาให้ปั้น
ไม่ได้บอกว่าให้มาเอาใจ
แต่นี่การทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมั่นคงขึ้นมาไม่มีเลย
ill-fated มากๆเลยที่จะจบแบบต่างคนต่างไป
2 ปีนี่ความผูกพันธ์กับอีกฝ่ายน้อยลงไปนะ
ต่างคนต่างอยู่ได้  แล้วไปผูกพันธ์กับคนที่อยู่ใกล้ๆแทน
เอาเถอะ จะอย่างไรก็ขอให้โชคดี

ขอบคุณเจค่ะ  ที่เขียนมาจนจบ
ฝากถึงน้องเขาด้วยนะคะ
ขอให้โชคดีในทางเลือกที่เดินหน้า
ไม่ว่าจะไปกันยังไง

ป.ล 
อยากได้สูตรขนมฝรั่งแบบไหนบอกมาเลย
จะเอาสูตรภาษาไหนบอกเดี๋ยวแปลให้
ที่ทำกินเองก็มีอยู่หลายอย่าง  รสชาติก็น่าจะโอเคมั๊ง 
มีหน่วยชิม 5 คนและหมดทุกครั้งที่ทำ

ออฟไลน์ Gapompom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ที่ปั้นทำอย่างนั้นเราเข้าใจนะ
ว่าคอยเข้าใจและอดทนไม้ฉากมาตลอด
แต่พอถึงจุดๆนึ่ง จากคนที่รับรู้ทุกอย่าง กลายเป็นคนไม่รู้อะไรเลย
ถ้าเพื่อนไม่บอก เป็นเราก็อึดอัดอ่ะ มารู้คนสุดท้ายโดยจากเพื่อนอีกที
แล้วไหนจะไม้ฉากไม่ยอมติดต่อกลับ ถึงจะยุ่งแค่ก็ต้องมีเวลาไลน์บอกมั่งละ
ไม่ใช่หายเงียบเลย เป็นเราไม่ทนแล้วอ่ะ ถึงจะรักแค่ไหนก็ตาม
ส่วนพิมเข้าใจนะว่าท้องและไม่มีครอบครัวดูแล แต่มาให้ไม้ฉากมารับผิดชอบจนวุ่นวายอย่างงี้ก็เกินไปหน่อยป่ะ
ได้แต่บอกว่าไม่ต้องมาดูแลมากก็ได้ แต่สิ่งที่ทำนี่ตรงกันข้ามเลย
ใครจะว่าเราใจแคบก็ได้นะ แต่นี่มันเกินไปแล้ว


ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มันไม่ใช่ว่ะ ทุกคนกดดันแต่ปั้นสิบเกินไปเปล่าทั้งเรื่องรู้สึกจะมีแต่ปั้นสิบที่เจ็บหนัก นี่มันเรื่องเล่าหรือนิยายอ่ะ ถ้าเรื่องเล่าชีวิตน่าสงสารมาก ถ้านิยายก็ เฮ้อ รู้ได้ไงว่า2ปีจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป.ให้รอทั้งที่ตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ถึงจะบอกว่าเป็นน้องสาวไม่แข็งแรงสงสารก็เหอะแต่เกินไปไหม แล้วไหนพ่อแม่ล่ะทีตอนปั้นไม้รักกันนี่ยุ่งรึเกินทีตอนคลอดลูกไม่โพล่มาเลย. :seng2ped:
ปล.ขอโทษเน้ออินไปหน่อย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: รู้สึกกดดัน เป็นการจบที่หน่วงมาก ไม่รู้จะเป็นไง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารปั้นนะ เหมือนเพื่อนๆ แกล้งเลย ไม่บอกเพราะคิดว่าไม้ฉากจะบอกปั้นเอง

เราว่าถึงไม้ฉากจะบอกหรือไม่บอกเราเป็นเพื่อนก็โทรบอกได้ถึงเค้าจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม

และเหมือนทุกคนจะกดดันปั้นกันจะว่าทำไมไม่เข้าใจไม้บ้าง ไม้ต้องดูพิม ไม้ต้องดูลูกเพราะพ่อแม่พิมไม่มา

ไม้ต้องวิ่งเต้นหาซื้อของให้ลูก แล้วทำไมไม่มีใครคิดถึงใจคนที่ต้องรอแบบปั้นบ้าง ไม่โทรหา ไม่บอกข่าว

ไม่ๆๆๆ ไม่มีการบอกกล่าวอะไรให้คนรออย่างปั้นให้รับรู้เรื่องเลยเป็นใครจะไม่น้อยใจบ้าง

คนรอก็ต้องการกำลังใจในการรอบ้างน่ะบ้างที ว่างบ้างก็ติดต่อมาบ้างไม่ใช่ต้องให้คนรอเป็นคนติดต่อไป

เพราะรู้ว่าเขาก็คงยุ่งถึงไม่ได้ติดต่อไปหา เฮ้อออ เหนื่อยแทนทั้งคู่จริงๆ แต่เราก็ขอให้อดทน 2 ปี แป๊ปก็ถึงแล้ว

เข้มแข็งเข้าไว้ทั้งไม้ทั้งปั้น เชื่อใจกันให้มากๆ อย่าหูเบามีอะไรให้ถามและตอบตามจริง

อย่าโกหกกันเพราะนั่นเป็นเหตุให้เลิกกันได้ และอย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่นะจ๊ะ เด็กๆ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ปั้นง่อนแง่น โงนเงน เอนจะล้ม
ปั้นโง่งม งี่เง่า เศร้าไม่ถอย
ปั้นงมเงา หงอยเหงา เฝ้ารอคอย
ปั้นแหงนหงาย งอนง่อย ปล่อยทิ้งวาง

ปั้นทำผิด คิดอะไร มันก็ผิด
ปั้นมันคิด เห็นแก่ตัว กลัวตัดหาง
ปั้นคิดเอง ทำไปเอง ปั้นวู่วาม
งั้นก็เชิญ เดินไปตาม ทางของตน

ปั้นก็คิด ไม้ก็คิด ใครผิดถูก
นั่นเมียลูก กระนั้นหรือ คือเหตุุผล
แล้วปั้นล่ะ มันมีตัว ไม่มีตน
ไม้ลืมปั้น คนทั้งคน ได้ยังไง

หึหึ ร้อยเหตุผล
แล้วแต่คนจะงัดออกมาใช้

แต่จิตใจคนล่ะ
จะคิดเข้าใจยังไง

ความรัก
หุหุ

+ 1 จ้า

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
พรุ่งนี้ต้องเข้า รพ. เพื่อรอฟังผลร่างกายในวันจันทร์ ,,
ขอเลื่อนการลงนิยายไปก่อนนะคะ
ออกจาก รพ. รอบนี้คงได้กลับมาใช้ชีวิตปกติแล้วละคะ ,,
อย่าเพิ่งลืมกันนะ.
คิดถึงค่า

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
 :pig4: :pig4:

ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เหมือนเลือนลาง ช่างลางเลือน เพื่อนสนิท
เหมือนใกล้ชิด ติดชิดใกล้ ใครจะเหมือน
เหมือนเคียงข้าง ร่างข้างเคียง เรียงดาวเดือน
เหมือนใจเตือน เพื่อนเตือนใจ ให้กลับมา

เหมือนสมมุติ ฉุดกระชาก ใจลากถู
เหมือนยืนดู คู่สหาย กายห่างหา
เหมือนลอยไกล ไหวหวิบ ชั่วพริบตา
เหมือนจะฆ่า ตายทั้งเป็น เซ่นสังเวย

ใครจะอึด ใครจะอด ปลดได้ก่อน
ใครจะนอน ใครจะนั่ง ไม่พลั้งเฉย
ใครจะพูด ใครจะบอก ไม่เหมือนเคย
ใครจะหา คนก่ายเกย เลยเลิกกัน

..น่าจะเป็นไม้ มากกว่าปั้นนะ..
หุหุ

คนไม่มั่นคง จะลงเอยในแบบใด
ไม่ต้องให้คาดเดาหรอกนะ
เชี้ยะ

ออฟไลน์ penneeamoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
เหนื่อยก็พัก เริ่มต้นใหม่ ยืนได้ด้วยตัวเอง สู้ๆปั้น
คนรักไม่จำเป็นต้องมีคนเดียว (หืม?)55555
อายุยังน้อย ทางเดินอีกไกล ไม่แน่อาจมีคนที่ดีกว่าไม้นะ
คนเราทุกคนมันเห็นแก่ตัวโดยเฉพาะเรื่องความรัก อันนี้เข้าใจปั้น
ทุกคนรู้ปั้นไม่รู้ มันแย่จริงๆ แถมไม้ไม่ติดต่อกลับมา ยิ่งแย่กว่าเดิม
หน่วง ถ้าเราเป็นปั้น ต่อให้รักแค่ไหน ถ้ามันทำให้ชีวิตแย่ยิ่งรักยิ่งเจ็บปวด เราก็พร้อมจะตัดเนื้อร้ายทิ้ง  :mew4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด