เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 7
เวลา 3 ทุ่มกว่าๆ ร่างสูงเดินออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียงของห้อง มองท้องฟ้ายามค่ำคืนไปด้วย ร่างสูงแกร่งในชุดนอนกำลังมองบรรยากาศทั่วๆ ที่มีแสงสี ตึกต่างๆ มากมาย ที่มองไม่เห็นต้นไม้สักต้น มันทั้งวุ่นวาย แต่ก็ยอมรับว่ามันก็สุขสบายเหมือนกัน
แต่จะดีกว่านี้...ถ้าเมืองนี้มันจะสงบ
“นั่นมันจะไปไหน” พัฒน์พึมพำเมื่อได้ยินธีร์คุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง ก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตูกระจก เขาขมวดคิ้วๆ น้อยๆ
“เออเนี่ย กูกำลังจะไป สั่งเหล้ารอเลย ไปเกิน 15 นาทีกูถึง ว่าแต่มึงไปฝั่งไหน Light Pub นะมึง อ้าว? ไอ้นี่ กูผิดหรือไง มึงไปรอ
ที่นั่นเลยกูขี้เกียจยูเทิร์นรถ เออดีมาก รักมึงที่สุดอ่ะ เจอกันเพื่อน”
ประโยคที่ร่างโปร่งคุยกับเพื่อนเขาได้ยินทั้งหมด รวมถึงสถานที่ที่มันจะไปด้วย แม้ว่ามันจะใกล้ๆ แค่นี้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะกลับ
มาตอนไหน
ถ้าแม่งนอนไม่พอแล้วทำตื่นสายแบบไร้สาระล่ะก็
ไม่ต้องบอกว่าเขาจะทำอะไรกับมัน
“นี่มันอู้มาทั้งวัน ยังไปดื่มอีกหรือไง”
ไอ้นี่! ใจดีด้วยไม่แล้วมั้ง ปล่อยมาวันหนึ่ง ถ้ามันไปดื่ม พรุ่งนี้มันก็จะตื่นสาย ไปทำงานไม่ได้อีก เห็นทีต้องไปกระตุ้นให้มันรู้สึก
กระตือรือร้นหน่อยแล้ว
“อายุอยู่ในวัยทำงานแล้วนะไอ้สัตว์ ยังทำตัวเป็นพวกไม่รู้จักโตไปได้”
พัฒน์เดินเข้าไปด้านในคืนก่อนจะล็อกประตูของระเบียงแล้วตรงไปยังห้องตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุด โดยมีจุดประสงค์เดียวคือตามไอ้
คนไม่มีความรับผิดชอบไปนั่นแหละ
จะทำให้อัคนีผู้ที่เป้นทั้งเพื่อนและน้องชายของเจ้านายต้องเสื่อมเสียเพราะมีลูกน้องแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันไม่ได้ส่งผลที่
อัคนีคนเดียว ทั้งปฐพีและเขาเองก็จะเน่าไปด้วย
เพราะเขาซึ่งมีหน้าที่เป็นถึงผู้ฝึกงานให้มัน...
“สันดานแบบมึงนี่ ไม่เจ็บก็ไม่จำใช่ไหม!!”
เขายอมรับว่าที่ผ่านมาใจดีจนเกินไป จนไม่ไม่รู้สึกกลัวหรือเกรงใจเขาเลยสักนิด เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะปราบพยศของมันได้
เห็นที่ว่าจะมีแค่ความรุนแรงแล้วล่ะ!
“กูสั่งสอนให้มึงรู้สำนึก!!”
…
…
…
“เฮ้ย! ไอ้ธีร์ ทางนี้โว้ย” ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามเสียงเรียกทันที ก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ ที่เห็นเพื่อนรักโบกมือให้ ซึ่งเขาก็เข้าไป
หามันอย่างไม่ลังเล
“เป็นไงบ้างวะมึง” ก้นถึงโซฟาก็เอ่ยถามเพื่อนทัน ก่อนจะหยิบแก้วจากมือของเพื่อนขึ้นดื่ม
“กูเพิ่งถึงกรุงเทพฯ เมื่อเย็น มึงก็โทรตามกูแล้ว ดีนะที่กูพักโรงแรมอยู่แถวนี้พอดี”
“แล้วทำไมไม่มาพักกับกู หรือไปก็ไปคอนโดมึงไง” ถามด้วยความสงสัย
“ก็กูมีธุระแถวนี้”
“เออๆ แล้วแต่เลยครับคุณ ‘อินทัช’ คุณมันรวยจะทำยังไงก็ได้” พูดประชดเพื่อนไปยิ้มๆ
“อย่ามากวนไอ้ธีร์ มึงมันก็ฐานะพอๆ กับกู” อินทัชตอบก่อนจะยกแก้วชนกันราวกับว่าไม่ได้เจอกันนาน และมันก็จริงที่พวกเขาเพิ่ง
เจอกันหลังจากที่เรียนจบ
เพราะเรียนจบปั๊บอินทัชก็หายไปจากวงจรชีวิตของเขาทันที เพราะต้องไปรับช่วงต่อบริหารงานต่อจากพ่อของตนกับบริษัทผลิต
และนำเข้าของตกแต่งภายในและภายนอกของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ นับว่าฐานะทางการเงินและสังคมถือว่าสูง
กว่าของธีร์เป็นอย่างมาก
เขาก็แค่ลูกคนเล็กที่ไม่ต้องทำอะไรก็มีเงินใช้ เพราะพี่ชายของเขาดูและและบริหารธุรกิจเครื่องประดับและเครื่องเพชรที่ใหญ่เป็น
อันดับต้นๆ ของประเทศ เพราะแบบนี้ เขาเลยไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนในสังคมเท่าไหร่
“หึ! ฐานะที่กูไม่ได้เป็นคนสร้างมันมาเนี่ย น่าภูมิใจตรงไหนวะ”
“อย่าดราม่าไอ้ห่านี่ ยังไม่เลิกคิดมาเรื่องนี้อีกหรือวะ ยังไงตอนนี้มึงก็เป็นถึงลูกน้องของอัคนี อภิหชัยบดินทร์เลยนะ มึงควรจะเลิก
คิดมาก และภูมิใจในตัวเองได้แล้ว เพราะเขามองเห็นในความเก่งของมึงไง เขาถึงได้เลือกมึง” อินทัชพูดยาว
เพราะเขารู้ว่าเพื่อนของเขาเป็นคนคิดมาก และน้อยใจคนในครอบครัวของตัวเอง
ทั้งที่บังคับให้ธีร์เรียนบริหารในแบบที่เขาไม่ชอบ แต่ก็คิดว่าจบมาคงจะช่วยครอบครัวบริหารงาน แต่ที่ไหนได้ เขาจบมา ก็ไม่ได้
ทำอะไร ตรวจสอบแค่บัญชีกับดูแลร้านเล็กๆ สองสามสาขา นอกนั้นพี่ชายลูกรักของพ่อกับแม่ก็จัดการเองได้ทั้งหมด
“แต่ทำไมเขาต้องให้คนอื่นมาดัดนิสัยกู ทั้งๆ ที่กูไม่เคยทำให้ใครเขาเดือนร้อน”
“เดือดร้อนสิ แต่มึงไม่รู้หรือเปล่า” อินทัชเป็นคนพูดตรง ไม่ถนอมน้ำใจเพื่อนเท่าไหร่ แต่นี่เป็นจุดที่ทำให้ธีร์คบกับมันได้เรื่อยมา
เพราะไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน
มันก็เลยกลายเป็นเพื่อนรักกันเสมอมา
“นิสัยกูแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง”
“อย่าเพิ่งโมโหสิ ก็มึงเป็นซะอย่างนี้ ทำงานใหญ่ๆ นี่ไม่ล่มหรือ ใจร้อน ชอบใช้อารมณ์ ธีร์...มึงไม่ใช่เด็กแล้วนะ” อินทัชพยายาม
ใช้น้ำเสียงอ่อน เพื่อต้องการให้เพื่อนคิด
เขาอยากให้มันเปลี่ยนตัวเอง
เป็นตัวของตัวเองที่ไม่ใช่เป็นแบบนี้เพื่อสร้างเกราะกำแพงเพื่อปิดกั้นใคร
“กูรู้ แต่กูกลัวว่ะ”
“กลัว? กลัวอะไรวะ กูก็อยู่ข้างมึงเสมอ”
“ถ้ากูเปลี่ยนตัวเอง แล้วมันจะได้อะไรกลับมาวะ ขนาดพ่อแม่ ยังไม่สนกูเลย ทั้งๆ ที่กูยอมเรียนในคณะที่ตัวเองไม่อยากเรียน แต่
พ่อกับแม่ ก็ไม่เห็นจะรักกูขึ้นมาเลย”
บังคับให้เขาเรียน แต่ก็ไม่สนใจแล้วถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง
“ไม่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ แต่มึงก็สามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้นะเว้ย ยังมีอีกหลายล้านคนที่เขาไม่สามารถทำความฝันให้เป็น
จริงได้ มึงจะท้ออะไรกับเรื่องแค่นี้” อินทัชพูดให้กำลังใจ จนธีร์ได้คิด มองหน้าเพื่อนสนิทที่ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้คุยกันก็ทำให้เขา
อารมณ์ดีขึ้นเสมอ
“ขอบใจมึงมากว่าไอ้อิน ดีใจจริงๆ ที่มีเพื่อนอย่างมึง”
“หึ! ไม่ต้องมาทำซึ้ง กูขนลุก”
“โหยพี่อินคร้าบ ขอธีร์กอดหน่อยน้า” ร่างโปร่งบางขยับเข้าไปหาเพื่อนแบบต้องการจะแกล้งเล่นด้วยการกอด หากแต่ก็โดนมือ
ปริศนาคว้าแขนเอาไว้ไม่ให้เข้าไปหาอินทัชที่เตรียมขยับหนี
“ใครวะ!” พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะหันมามองเจ้าของมือแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ
มันมาได้ยังไง...
“ปล่อย!” ขึ้นเสียงใส่คนที่ถือวิสาสะจับแขนของธีร์เอาด้วยความโมโห
“ไม่” ตอบไปอย่างกวนๆ
อินทัชที่เห็นท่าไม่ดีก็มองคนมาใหม่อย่างเอาเรื่องเช่นกัน โดยไม่รู้เหมือนกันว่าอีกคนเป็นใคร แต่เห็นสีหน้าไม่พอใจของเพื่อนรัก
แล้ว เดาเลยว่าต้องไม่สนิทกันหรือไม่ก็เกลียดกันมากแน่ๆ
“มึงเป็นใคร ปล่อยเพื่อนกูนะ” อินทัชสั่งด้วยความโกรธ ดูก็รู้แล้วว่ามันจับแขนเพื่อนเขาแรงแค่ไหน
“อย่ายุ่งดีกว่านะ”
“กูจะยุ่ง นี่เพื่อนกูนะ เจอลูกน้องกูหน่อยเป็นไง”
“อยากจะอายก็เชิญ”
สิ้นเสียงพูดของชายที่มาใหม่แล้ว ธีร์กับอินทัชถึงกับเงียบไป เพราะแค่นี้คนก็มองมาที่พวกเขากันใหญ่แล้ว อินทัชรู้มาตลอดมา
เพื่อนของเขามันหล่อมาก หล่อจนใครๆ ก็อิจฉา ทั้งๆ ที่ท่าทางมันก็เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป แต่ทำไมมันถึงได้ดึงดูดเพศเดียวกันยัง
ไงก็ไม่รู้
เขานี่แหละที่คอยกันไอ้พวกนั้นไว้เอง...
เพราะแค่เรื่องครอบครัวธีร์ก็ทุกข์พอแล้ว ถ้าต้องมาคิดมาเรื่องเสน่ห์ที่มีต่อผู้ชายด้วยกันเองนี่อีก เห็นทีว่าเขาจะยอมไม่ได้
ก็รำคาญอ่ะ ที่ต้องมาคอยให้คำปรึกษามันตลอดๆ
“มึงเป็นใคร มายุ่งอะไรกับแฟนชาวบ้าน” อินทัชพูดขึ้นจนธีร์หันมาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มันต้องการทำอะไรกันแน่เนี่ย
อยู่ๆ มาอ้างมากูเป็นแฟนมึง ขนลุกฉิบหาย...
“แฟน? ไหนคุณบอกว่าคุณไม่ได้เป็นไง” ผู้ชายคนนั้นหันไปถามธีร์ด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเจ้าเล่ห์
“ก่ะ...ก็ไม่ได้เป็น แต่อินเป็นข้อยกเว้นไง” สาบานให้ตายเลยว่าธีร์กล้ำกลืนที่จะพูดออกไปอย่างมาก
ให้เขาเป็นแฟนกับไอ้อินเนี่ยนะ จะอ้วกว่ะ ถ้าไอ้พัฒน์ก็ว่าไปอย่าง อ้าวเฮ้ย! แล้วเราจะไปคิดถึงมันทำไมวะ ไอ้คนพรรค์นั้นน่ะ
“ถ้างั้นผมก็คงจะมีสิทธิ์ใช่ไหม”
“นี่! ไอ้คุณพล ช่วยปล่อยมือกูด้วยครับ” ธีร์เริ่มโมโห พูดสั่งพลด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความไม่ชอบใจได้อย่างดี
“ปล่อยก็ได้ครับ แต่คุณต้องยอมทำตามที่ผมต้องการ”
“ไม่โว้ย!”
“แล้วแต่ครับ ผมก็จะจับอยู่แบบนี้นี่แหละ” ธีร์หันไปมองรอบๆ ก็เห็นได้ชัดว่าคนที่มองเขาอยู่ก็เริ่มซุบซิบนินทากันไป บางคนก็ก็
เอาเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาถ่ายรูป
เออ! ให้ตายสิ ถีบมันตรงนี้จะเป็นอะไรไหมเนี่ย
อย่าทำให้ใครเดือดร้อน
จู่ๆ เสียงนี้ก็ดังเข้ามาในหัวของเขาจนเขาที่กำลังจะยกขาถีบพลถึงกับนั่งนิ่งกับที่ ถ้าเขาทำอะไรพลหรือมีเรื่องตอนนี้ แน่นอนว่า
ผลที่ตามมาก็คืออัคนีกับอินต้องเดือดร้อนแน่ๆ
ผับดังแบบนี้ มีเรื่องนิดเดียวก็มีข่าวแล้ว...
“เออ! ยอมก็ได้วะ ต้องการอะไรไหรบอกมาซิ” เอ่ยอย่างจำยอม จนอินถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นเพื่อนสนิทเจ้า
อารมณ์ไม่มีเรื่อง
แต่เขารู้ว่ามันกำลังปกป้องชื่อเสียงของเขากับเจ้านายของตัวเองอยู่
“คุณเป็นแฟนกับคุณธีร์จริงๆ หรือครับ” พลปล่อยแขนขาวก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับธีร์ ซึ่งร่างโปร่งก็ขยับหนีอย่างรังเกียจ
“เออ!!” อินทัชตอบห้วนๆ ธีร์เองก็ไม่ว่าอะไร เพราะสิ่งที่อินทัชทำตอนนี้ก็คือปกป้องเขา
“แต่ผมว่าไม่นะ เพราะดูยังไง คุณก็น่าจะรับแบบคุณธีร์”
“ไอ้บ้านี่!! ถึงกูจะได้ทั้งหญิงและชาย แต่กูก็รุกเว้ย!” อินทัชเถียงด้วยสีหน้าโกรธๆ ส่วนธีร์น่ะหรือ ไม่ต้องถาม อารมณ์ประทุขึ้นมา
แล้วอย่างระงับไม่ได้
ใช่! ไอ้อินมันเป็นไบ มันได้ทั้งหญิงและชาย แต่เขาไม่ได้รังเกียจมันหรือเกย์เลย เขาแค่รังเกียจสัมผัสที่มาจากผู้ชายด้วยกัน
สัมผัสที่มาโดนเขาแบบคิดไม่ซื่อ
“กูไม่ได้เป็นไอ้เหี้ยพล อย่าให้กูของขึ้น” กัดฟันบอกอีกคนไป
“ครับ ไม่เป็นก็ไม่เป็น แต่เดี๋ยวผมจะทำให้คุณเป็นเอง” ยังไม่ทันที่ธีร์จะอ้าปากด่าพล เสียงโทรศัพท์ของอินทัชก็ดังแทรกขึ้นมา
“เลขากูว่ะ น่าจะเป็นเรื่องาน ขอออกไปคุยข้างนอกนะเว้ย ส่วนมึง ห้ามพาเพื่อนกูไปไหนเด็ดขาด เข้าใจไหม!!” พลไม่ตอบอะไร
ได้แต่ยกยิ้มกวนประสารทส่งไปให้ ซึ่งอินทัชก็หันไปถามธีร์ด้วยสายตาว่าเอาไง ธีร์พยักหน้าบอกให้ไปรับโทรศัพท์ ส่วนทางนี้
เขาจัดการได้
“หึหึ เพื่อน เมื่อกี้เขาว่าอย่างนั้นน่ะครับ” พลหัวเราะเบาๆ
ร่างโปร่งกัดฟันแน่นด้วยความโมโห ที่อินทัชหลุดคำว่าเพื่อนออกมาจนได้
“ถ้าไม่อยากที่จะอายโดยการที่ผมตะโกนบอกรักคุณ ก็ช่วยตามผมมาด้วยครับ”
แน่นอนว่าธีร์ไม่ยอมให้ตัวเองเสียหน้าเพราะมีผู้ชายมาตะโกนบอกรักแน่ๆ จำยอมต้องลุกเดินตามพลไปโดยไม่รู้ว่าอีกคนจะพาไป
ไหน
ร่างใหญ่พาธีร์เดินมาที่เคาท์เตอร์ก่อนจะสั่งให้บาร์เทนเดอร์นำเหล้าที่สั่งไว้ออกมา 2 แล้ว ยื่นให้ธีร์แก้วหนึ่ง พร้อมกับเอ่ยอย่าง
เป็นต่อ
“ดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิครับ”
ร่างบางมองหน้าพลอย่างไม่ไว้ใจ พร้อมกับมองสลับแก้วนั้นไปด้วย มันจะใส่อะไรไว้ในนี้หรือเปล่า ก่อนที่ธีร์จะหันไปมองหน้าบาร์
เทนเดอร์แบบคาดคั้น ซึ่งบาร์เทนเดอร์คนนั้นก็หลบตาร่างบางทันที
แบบนี้ใช่เลย มันต้องมีอะไรในนี้แน่ๆ
“มึงใส่อะไรลงไป”
“ไม่มีนี่ครับ”
“กูไม่เชื่อ”
“ถ้าคุณไม่ดื่ม ผมประกาศตรงนี้จริงๆ ด้วย ว่าคุณเป็นเมียผม” พลเอาเรื่องนี้ขึ้นมาขู่
ธีร์ได้แต่นึกแค้นในใจ มองเหล้าสีสวยในแก้วด้วยสายตาหวาดกลัว แต่จะยอมให้มันประกาศออกไปแบบนั้นหรือ ไม่มีทางซะล่ะ
เอาวะ! แค่ดื่มๆ มันไป แล้วก็หนีไปซะ
“จำไว้ ว่าแค้นนี้ กูชำระแน่” พูดจบธีร์ก็ยกแก้วนั้นขึ้นดื่มรวดเดียว ความขมของเหล้าแล่นปราดไปทั่วทั้งคอ ความร้อนผ่าวที่
ใบหน้าเริ่มแสดงขึ้นมาเป็นสีแดงบนใบหน้าขาว
ดวงตาเริ่มพร่าเบลอ เรี่ยวแรงหดหาย
เหล้าแรงไม่พอ ตัวยายังแรงอีกหรือเนี่ย
ธีร์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าเขากำลังจะโดนลากไปไหน มารู้ตัวอีกที แผ่นหลังก็สัมผัสกับเบาะรถแล้ว เขาพยายามที่
จะผลักคนที่กำลังจะซุกไซร้เขาออกไป ด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยจะมี
“ป่ะ ปล่อย อึก”
“คุณสู้ผมไม่ได้หรอก เพราะที่คุณดื่มเข้าไป มันเป็นยาปลุกอย่างแรง แล้วปลุกอะไรคงไม่ต้องบอกนะ” พลแสยะยิ้มให้อย่างเจ้า
เล่ห์
เขาแทบจะทนไม่ไหวที่จะสัมผัสผิวกายและร่างกายนี้แล้ว
ธีร์หลับตาลง ความรู้สึกทรมานแปลกๆ เริ่มก่อกวนเขา ความคิดทุกอย่างเริ่มจะประมวลอะไรต่อไม่ได้ รู้เพียงอย่างเดียวว่าร้อน
มาก และต้องการการปลดปล่อย แต่ก่อนที่จะหมดแรงลงไปจริงๆ ธีร์รวบรวมแรงสุดท้ายถีบร่างใหญ่กว่าให้ติดประตูรถแรงๆ ก่อน
จะเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปแทบจะหมดแรง แต่ในจังหวะที่ร่างบางกำลังจะทิ้งตัวลงพื้น ฝ่ามือพร้อมกับร่างกายใหญ่ของอีกคนก็
คว้าเอาไว้ได้ ก่อนที่ร่างอ่อนแรงจะกระทบลงบนพื้นถนนแข็งๆ
หมับ!
50%

สวัสดีค่า ตอนที่ 7 มาแล้วเน่อ อ่านกันสนุกมั้ย ไม่สนุกบอกได้น้า จะได้ปรับปรุง มีบางคอมเม้นท์บอกว่าพี่พัฒน์ชอบแกล้งมากกว่าเปลี่ยนนิสัย ฮ่าๆ ถูกต้องเลยค่ะ รู้ได้ไงเนี่ย (ใครๆ ก็รู้ป่ะ) ก็พยายามให้อีพี่พัฒน์มันหลอกตัวเองไง เข้าใจเนอะ ^_^
พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยจ้า ตอบตลอด ยกเว้นตอนนอน
https://www.facebook.com/sawachiyuki