ข่ม ขืน ฝืน รัก
ตอนที่3
มินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคิม แต่ก็เขาก็หันหน้ากลับอย่างไม่สนใจ
คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอก ต้องพยายามลืม มินคิดในใจ
“แต่น้องคิมยังไม่แซ่บเท่าพี่ชายเขานะ กูละชอบจริงๆ” วุ้นพูดขึ้นมาพร้อมใส่สีหน้าออกรสจนมินอดขำไม่ได้
“พี่ครามใช่ไหมมึง พี่เขาเพิ่งจบไปปีเดียวเอง ได้ข่าวว่ามาช่วยงานที่บ้านเลย” นพพูดตาวาว มินเลยอดที่จะสนใจบทสนทนาข้างหน้าไม่ได้
“ใช่ พี่น้องบ้านนี้สุดยอดจริงๆ แต่พี่ครามนี่โหดพอตัวนะ”
ทั้งสองคนยังพูดคุยเรื่องนี้ยังไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาเข้าเรียน
เรียนเสร็จมินเดินหน้านิ่งมากับเพื่อนๆ ระหว่างทางมีคนมองเขาประปราย ด้วยความขาว ใส และออร่าบางอย่างทำให้ใครต่อใครสนใจเขาอยู่เสมอ แต่ใครต่อใครก็ไม่กล้าเข้ามาคุยกับมินนักเพราะกิตติศัพท์ความหยิ่ง เชิด และวีนดังพอตัว
“มิน มึงจะกลับบ้านเลยปะ” แป้งถามมินขึ้น มินหันมามองแป้งเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่
“คงงั้นมั้ง”
“มึงไปห้างกับกูก่อนดิ กูจะไปดูรองเท้า” วุ้นแทรกเข้ามา มินเลยพยักหน้าให้
“ก็ได้ กูก็เบื่อๆ กลับบ้านไปก็ไม่มีใคร”
ทั้งสี่คนพยักหน้าให้กันแล้วแยกย้ายกันไปที่รถ มินไปกับนพ ส่วนแป้งไปกับวุ้น
“มึงไปดูคอลเลคชั่นนี้สิวุ้น สวย กูชอบ” นพสะกิดให้วุ้นดูรองเท้าในร้าน มินเลยหันไปมองด้วย คู่ที่ว่าก็สวยจริงๆ
“มินสนคู่ไหนครับ พัฒน์ซื้อให้เอาไหม” มินหันไปตามเสียงก็เจอพัฒน์
พัฒน์คือผู้ชายที่เข้ามาแวะเวียนขายขนมจีบให้มินตลอด แต่มินไม่ค่อยใจนัก
“ไม่เป็นไร มีปัญญาซื้อเอง” มินพูดจบหันมาสนใจรองเท้าต่อ ทำเหมือนพัฒน์เป็นธาตุอากาศ
“ปากดีตลอดเลยนะมิน”
มินไม่สนใจพัฒน์แล้วเดินหนีไปดูรองเท้าอีกฝั่ง พัฒน์เดินตามมาพร้อมกระซิบยิ้มร้ายที่ข้างหู
“ปากดีแบบนี้โดนจัดหนักไปคืนนั้นไม่ได้ทำให้ดีขึ้นเลยรึไง”
พัฒน์พูดจบมินตาลุกวาวตัวชาวาบ มินหันไปมองพัฒน์ด้วยสีหน้านิ่ง
“พูดอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“หึ ถ้าข่าวว่าคุณหนูมิน แห่งตระกูลจันทรภพโดนลากไปรุมโทรมแพร่ออกไปคงดังไม่น้อย” พัฒน์พูดด้วยแววตาเหนือกว่า พัฒน์อยากจะเห็นคนอย่างคุณหนูมินที่แสนหยิ่งจนมุมจริงๆ
มินหายใจเข้าเบาๆอย่างอดกลั้นแล้วยิ้มแหยๆให้พัฒน์
“ไหนละหลักฐาน เรื่องนั้นฉันก็คิดว่าให้ทานพวกหมาข้างถนนก็แล้วกัน”
“ปากดีจริงๆนะ” พัฒน์จะเดินเข้ามาใกล้มินแต่มินถอยห่าง
“ขอตัว !!” มินกระแทกเสียงใส่แล้วสะบัดหน้าหนีออกจากร้านไปทันที
ด้านนพ แป้ง วุ้นมัวหันไปเห็นก็ได้แต่งงว่าเพื่อนเดินออกไปไหน แต่ก็ไม่คิดจะตามเพราะรู้จักเพื่อนดี
มินเดินเข้ามาในห้องน้ำด้วยความเร็ว เขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องคืนนั้นอีก มินเดินกำหมัดแน่นเมื่อถึงห้องน้ำก็ผลักประตูเข้าไปอย่างแรง โชคดีที่ห้องน้ำโซนนี้ไม่มีคนเลย
“ตุ๊บ!!”
มินทุบกำปั้นใส่อ้างล่างหน้าอย่างแรง เขามองตัวเองในกระจกแล้วพยายามนิ่ง ไม่เดินตามเกมส์พวกมัน พวกมันต้องการอะไรจากเขา
พัฒน์ ต้องมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องคืนนั้นแน่ๆ ไม่งั้นจะมาพูดแบบนี้กับเขาได้ไง หรือพัฒน์จะเป็นหนึ่งในพวกเลวๆพวกนั้น
“สวัสดี”
เสียงทักดังขึ้นทำให้มินหันไปมองผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ มินขมวดคิ้วเล้กน้อยมองพูดชายตรงหน้า ฝบหน้าหล่อเหลา คมเข้ม ทุกอย่างดูลงตัวราวกับเทพบุตรกรีก รูปร่างสูงใหญ่ ภายใต้เสื้อเชิร์ตราคาแพงคงเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่สมบูรณ์แบบ
มินมองเสร็จก็ทำเป็นล้างมือไม่ได้ตอบอะไร
“จ้องผมซะขนาดนั้นไม่คิดจะตอบอะไรบ้างเหรอ” ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้มินมากขึ้น เขายกยิ้มถูกใจเมื่อเห็นท่าทีของคนด้านหน้า
มิบเหลือบมองผู้ชายคนนั้นเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“สวัสดี”
“หึ” ผู้ชายคนนั้นพูดแค่นั้นแล้วหันหลังพิงอ้างล้างมือมองมินหัวจรดปลายเท้าจนมินแอบเสียวสันหลัง
มินทำเป็นไม่สนใจดึงกระดาษชำระมาเช็ดมือ
“ฉันชื่อคราม ฟ้าคราม สุริยะทิพย์ ไม่ถามชื่อฉัน ฉันบอกเองก็ได้”
มินหันมามองผู้ชายตรงหน้าก่อนจะกอดอกถามตรงๆ
“นายต้องการอะไรจากฉัน”
“สิ่งที่ฉันต้องการฉันได้มันไปแล้ว” ครามพูดพร้อมยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามใกล้มินเรื่อยๆจนมินต้องถอยหลัง
มินได้ยินแบบนั้นตัวเกร็งทันที อะไรกัน นายคนนี้เป็นใคร
“ถ้าได้มันแล้วก็กลับไปซะสิ” มินเชิดหน้าอย่างไม่กลัว
“ถ้าอยากได้อีกครั้งต้องทำไง ได้แบบคืนนั้นแต่คนเดียว” ครมก้มลงมากระซิบข้างหูแล้วแอบขบติ่งหูมินเบาๆ
มินผลักครามอย่างแรงทันทีที่รู้สึก
“อย่ามายุ่งกับฉัน !!” มินตวาดครามเสียงดังตาวาว
“แล้วเราจะได้เจอกันอีก” ครามพูดจบโบกมือให้มินเล็กน้อยก่อนจะออกไปทันที
มินยืนนิ่งค้างกำหมัดแน่น มินรีบเดินออกจากห้องน้ำออกมาก็เจอป้ายห้ามรบกวนการทำความสะอาดหน้าห้องน้ำ ว่าทำไมไม่มีใครเข้ามาเลย
มินถอนหายใจอย่างแรงเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง
“ครืน ครืน”
มินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะมิงโทรศัพท์ตัวเองเป็นเบอร์จากวุ้น
“ฮัลโหล”
“มึงอยู่ไหนมิน”
“อยู่หน้าห้องน้ำ มีไร”
“กูงงมึงไง อยู่ดีดีก็ออกไป ไปกินส้มตำปะ อินพชวน”
“ไปเถอะ กูปวดหัวจะกลับไปนอน”
ทั้งสองคนพูดอีกไม่นานนักก็วางสาย มินเลยเดินกลับไปที่รถตัวเองและเตรียมที่จะขับรถกลับบ้าน มินหันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่จอดรถไม่ไกลจากเขานัก เขาจำได้ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อคิม คนที่เพื่อนของเขาพูดถึงเมื่อเช้า นายคิมมาพร้อมกับเพื่อนอีกคนนึง
“ไอ้เกมส์เร็วๆดิ เดี๋ยวแม่งก็กลับกันก่อนหรอก”
มินกระตุกแล้วรีบหลบหลังเสาทันที
เกมส์ !! คิม !!
สองชื่อในคืนนั้นที่เขาจำได้ดี
“เออ ยังไงพี่มึงก็ไปดักไว้ก่อนแล้วไม่ใช่หรอว่ะ”
พี่ ! นายครามเมื่อกี้ใช่ไหม
มินมองทั้งสองคนด้วยแววตาเกลียดชัง สองคนนี้จะใช่สองคนที่ทำร้ายเขาเมื่อคืนนั้นหรือเปล่า ไหนจะพัฒน์และนายครามนั้นอีก ครบตัวละคร4คนในคืนนั้น
“เออๆ รีบๆไปเถอะ”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้างด้วยความรีบ มินหลบหลังเสาลัวสองคนนั้นจะเห็น เมื่อสองคนนั้นพ้นสายตามินรีบเปิดประตูรถตัวเองแล้วออกรถทันที
ระหว่างทางขับรถมินกำพวกมาลัยแน่น พวกนั้นทั้งสี่ต้องการอะไรจากเขา เขาอยากจะจบเรื่องนี้แต่ถ้าพวกนั้นไม่จบเขาจะทำยังไงดี
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นมินเลิกเที่ยว เรียนเสร็จก็กลับบ้าน เขาให้เหตุผลกับเพื่อนๆว่าอยากจะพัก จะเรียนจบแล้วไม่อยากจะทะเลาะกับพ่อ ซึ่งเพื่อนๆก็เข้าใจแม้ว่าจะแอบตะหงิดใจก็ตาม มินเอาแต่หมกตัวเองอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปสังสรรค์อย่างแต่ก่อนจนทุกคนในบ้านเริ่มเอะใจ เพราะเดือนกว่าแล้วที่คุณหนูคนเล็กของบ้านเอาแต่อยู่ติดบ้าน
“ช่วงนี้มินกลับบ้านเร็วทุกวันใช่ไหม” มิ่งภพพูดขึ้นขณะทานข้าว
มินเหลือบไปมองผู้เป็นพ่อเล็กน้อยก่อนจะอดประชดออกมาไม่ได้
“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอพ่อ”
มินพูดจบพี่ชายทั้งสองคนมองหน้ากันทันที เพราะกลัวจะเกิดงครามกลางโต๊ะอาหารอีก
“แกไม่ต้องมาประชดฉัน แบบนี้ก็ดีฉันจะได้ไม่ต้องกลัวแกจะมาท้องโย่ไม่มีพ่อ”
มินหันไปสบตาดุของผู้เป็นพ่อที่มองอยู่ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ
“ถ้ามินท้องขึ้นมาจริงๆ มินก็ทำแท้งซะก็สิ้นเรื่อง” มินพูดจบก้มหน้ากินข้าวต่ออย่างไม่แยแส
มิ่งภพทำท่าจะดุลูกต่อแต่โดนพี่ชายสองคนห้ามไว้ก่อน
“น้องแค่พูดเล่นนะครับพ่อ กินข้าวต่อเถอะ” ปรมัตถ์ พี่ชายคนโตออกตัวคนแรก
“มินก็อย่าประชดพ่อนักเลย” รณภพหันไปดุน้องเล็กน้อย
“หึ ดูน้องแกสิ ให้ท้ายกันให้ดีก็แล้วกัน” มิ่งภพพูดจบวางช้อนแล้วเดินออกห้องไปทันที
มินนั่งกินข้าวต่อไปหน้าตาเฉยอย่างไม่รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์เมื่อกี้
กินข้าวเสร็จมินเข้ามาในห้อง เขานั่งมองรูปที่ถ่ายกันครบครอบครัว ในรูปพ่อเขากำลังอุ้มเขาอยู่ อีกฝ่ายยิ้มนิกนึงอย่างเสือยิ้มยากแต่แววตาเต็มไปด้วยความสุข ข้างๆมีเด็กผู้ชายหน้าตาคล้ายกันสองคนยืนอยู่แล้วคนสุดท้าย ผู้หญิงคนใบหน้าสวยหวาน ยิ้มไปพร้อมกันทั้งดวงตาและปาก แม่ของเขา
“มินคิดถึงแม่” มินพูดขึ้นเบาๆแล้วลูบรูปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา
แม่ของมินจากไปตอนมินอายุได้14ปี แม่ไม่สบายหนักด้วยโรคมะเร็ง แม้ว่าตลอดเขาจะมีเวลาทำใจแต่พอถึงเวลาแม่จากไปจริงๆเขากลับทำใจไม่ได้เลย
มินมองภาพข้างหน้าเลือนรางไปเรื่อยๆจนน้ำตาไหลลงบนรูปภาพที่มินถืออยู่
มินเม้มปากแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลเรื่อยๆ มินมองพ่อที่อุ้มเขาอยู่ เมื่อก่อนพ่อจะดุเขาบ่อยก็จริงแต่ก้ตามใจมินมาก มินอยากได้อะไรพ่อหามาให้หมด แต่ตั้งแต่แม่เสียไปพ่อกลับเงียบมากขึ้น นิ่งมากขึ้น เอาแต่ทำงานไม่สนใจเขาเลยในช่วงที่เขากำลังเข้าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ที่มินคอยประชดทำตัวไม่ดี บางทีเขาแค่ต้องการอ้อมกอดจากพ่อของเขาเหมือนตอนที่เขายังเป็นเด็กๆ
“ก็อกๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น มินปาดน้ำตาแล้วเปิดประตูก็เจอป้าแสง แม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก และเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่นี่
“ป้าแสงมีอะไรมั้ยครับ”
“ป้าขอเข้าไปคุยด้านในได้ไหมคะ” แสงพูดกับมินด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แม้ว่ามินจะโตขนาดไหนแต่สำหรับแสง มินก็คือคุณหนูมินคนเล็กของบ้านที่แสนจะน่ารักขี้อ้อน
“เชิญครับ”
มินเดินนำมาที่โซฟา แสงหันไปเห็นรูปที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วยิ้มหันมามองมินแล้วลูบหัวด้วยความอ่อนโยน
“คุณหนูของป้าร้องไห้ทำไมคะ”
“มิน มิน เอ่อ มินแค่คิดถึงแม่” มินจะปฎิเสธแต่เขาปฎิเสธไม่ลงเพราะแววตาที่อ่อนโยนของป้าแสงที่เลี้ยงเขามาตลอดรู้จักเขาดี
มินพูดจบแสงเขาไปกอดมินด้วยความอ่อนโยน จนมินทนไม่ไหวร้องไห้โฮออกมา
“อึก อึก ฮือออออออ”
“ไม่ต้องร้องนะคะ ถ้าคุณมีนเห็นคุณหนูร้องไห้คุณผู้หญิงต้องไม่สบายใจแน่ๆ” แสงพูดพลางลูบหัวปลอบคนตรงหน้า
“อึก มินไม่อยากจะร้อง อึก แต่มินไม่ไหวจริงๆ”
“งั้นร้องออกมาคะ ร้องออกมาให้หมด แล้วพรุ่งนี้คุณหนูของป้าจะกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม”
มินไม่ตอบอะไรได้แต่กอดแสงร้องไห้ไปจนเหนื่อย
เมื่อแสงเห็นมินนิ่งขึ้นแสงเลยผละออกมาเช็ดหน้ามินให้อย่างแผ่วเบา
“คุณหนูมีอะไรจะคุยกับป้าไหมคะ”
“ป้าแสงครับ มิน เอ่อ ” มินอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะเริ่มยังไง
“ป้าดีใจนะคะที่เห็นคุณหนูเลิกเที่ยวกลับบ้านดึก แต่หลังๆนี่เป็นเดือนเลยนะคะ ป้าเลยรู้สึกแปลกๆ ป้ากำลังรู้สึกว่าคุณหนูกำลังหนีอะไรอยู่”
คำพูดของแสงทำเอามินนั่งนิ่ง ป้าแสงรู้จักเขาดีและรู้จนได้ว่าเขากำลังหนีพวกเลวๆพวกนั้นอยู่
“มินยังไม่พร้อมจะบอกป้าครับ” มินพูดแล้วหลบตาแสง
“ไม่เป็นไรคะ แต่ถ้าคุณหนูมีอะไรที่ไม่รู้จะพูดกับอะไร คุณหนูอย่าลืมป้านะคะ อย่าทำอะไรตามอารมณ์ตัวเอง”
แสงมองคนตรงหน้าแล้วอดคิดถึงคุณผู้หญิงของที่นี้ไม่ได้ หน้าเหมือนกันเหลือเกิน ไม่แปลกเลยที่คุณผู้ชายทั้งรัก ทั้งหวง แม้ว่าคุณผู้ชายจะแข็งกระด้างก็ตาม
“คุณผู้หญิงฝากให้ป้าช่วยดูแลคุณหนู ถ้าวันนึงคุณหนูเกิดทำอะไรผิดพลาดนอกจากจะทำให้ป้าเสียใจแล้ว คุณผู้หญิงต้องใจมากแน่ๆ”
แสงพูดจบมินชะงักแล้วมองแสงก่อนจะยิ้มให้แสงอย่างอ่อนโยนเป็นการรับคำ
ไม่นานนักแสงก็ออกจากห้องไป มินได้แต่นั่งนิ่งคิดถึงเรื่องที่แสงได้พูดไว้
เช้าวันต่อมามินรู้สึกไม่สบายปวดร้อนมากจนป้าแสงที่มาเช็ดตัวให้ต้องรีบไปบอกปรมัตถ์
“คุณมัตถ์คะ ช่วยพาคุณหนูมินไปโรงพยาบาลหน่อยคะ ตัวร้อนมาก”
“จริงเหรอครับป้า เดี๋ยวผมพาน้องไปโรงพยาบาลเอง” ปรมัตถ์วางแก้วกาแฟทันทีแล้วรีบเดินไปชั้นบน
“แกจะไปไหนมัตถ์” มิ่งภพถามขึ้นเมื่อเหาท่าทีเร่งรีบของลูกชาย
“จะพามินไปโรงพยาบาลครับ ป้าแสงบอกว่าไข้ขึ้นสูงมาก”
มิ่งภพเหลือบมองชั้นบนด้วยความเป็นห่วง เขาอยากจะขึ้นไปดูลูกชายคนเล็กแต่ติดที่เขามีประชุมเช้า
“แกให้หมอตรวจให้ละเอียดว่าน้องเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วอย่าลืมโทรบอกพ่อ”
_____________________________________________________________________________
มาต่อให้แล้วครับ ขอโทษที่หายไปหลายวัน แต่หลังจากนี้จะพยายามไม่หายไปนานแล้ว ถ้ามีอะไรจะแจ้งก่อนนะครับ
กระตอบรับดีมาก ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากเลย
ติชมแนะนำได้เลยนะครับ คนเขียนยินดีรับฟัง
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่อ่านและคอมเม้นต์ครับ