Chapter 9ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันถัดมา นภเกตน์ลางานช่วงครึ่งวันบ่ายเพื่อเดินทางมาที่ไซต์งานในจังหวัดชลบุรีก่อนกำหนดการที่แจ้งทุกคนไว้ เขาขับรถออดี้สีบรอนซ์เงินของตนมาจากกรุงเทพฯ เองเลยทีเดียว ชายหนุ่มเคลื่อนรถเข้าไปจอดภายในลานจอดรถของมหาวิทยาลัยตรงที่อยู่ไม่ไกลจากตึกใหม่ที่ทางบริษัทเป็นผู้จัดการวางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ให้นัก ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ เขาได้กูเกิลดูที่ทางและหาตำแหน่งของตึกใหม่มาเรียบร้อยแล้ว
นภเกตน์ดับเครื่องยนต์ไปได้ไม่นานก็มีรถ BMW คันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดข้างๆ รถคันที่เขานั่งอยู่ เขาหันไปมองเพียงแวบเดียวเท่านั้น เห็นว่าเป็นนักศึกษาขับมาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร จากนั้นก็หันไปมองตรงทางเข้าออกตึกอีกครั้ง
สักพักก็มีกลุ่มของนักศึกษาจำนวนสามคนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่ตรงด้านหน้าตึก ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนที่เขารอคอยวิ่งออกมาหาเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น พวกเขาพูดคุยกัน หัวเราะเสียงดังจนได้ยินมาถึงที่ในลานจอดรถ จากนั้นเด็กหนุ่มสามคนนั่นก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับออกไป
นภเกตน์ขมวดคิ้วเพราะท่าทางที่ดูสนิทสนมกันของคนรักตนกับเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จะว่าเคยเรียนด้วยกันก็ไม่น่าใช่ ตฤณหน้าแก่ออกจะขนาดนั้น น่าจะจบออกมาก่อนนานโข
หากในขณะเดียวกันก็เหลือบไปเห็นนักศึกษาในรถ BMW ที่จอดอยู่ใกล้ๆ กันก้าวลงมาจากรถแล้วปิดประตูรถด้วยท่าทางเซ็งๆ ดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรนัก
ร่างโปร่งลดกระจกไฟฟ้าลง เท้าแขนกับขอบกระจกพร้อมกับชะโงกหน้ามองไปที่ทางเข้าตึก ในขณะที่สอดส่ายสายตาไปมา เขาก็เผอิญหันไปประสานสายตากับนักศึกษาจากรถคันที่จอดอยู่ข้างๆ กัน ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันมากไปกว่านั้นอีก
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งกลับเข้ามาจอดที่ด้านหน้าตึก นภเกตน์จำได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กหนุ่มสามคนเมื่อก่อนหน้า มือขาวเปิดประตูรถออกพร้อมกับก้าวขาลงมาจากรถทันควัน หากก็ต้องรีบก้มหลบโดยใช้ตัวรถเป็นกำบังเมื่อตฤณวิ่งออกมาจากด้านในตึกแล้วขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันนั้น
นภเกตน์ค่อยๆ ย่องไปแอบดูทั้งสองคนนั้นจากที่ด้านหลังรถ สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่เป้าหมายโดยไม่ให้คลาดสายตา
โป๊ก!
“อะ!” ใบหน้าสวยหวานผละออก แล้วหันไปมองสิ่งที่ศีรษะไปชนเข้า
“ขอโทษครับ” นักศึกษาคนที่จอดรถอยู่ใกล้ๆ กันยกมือขึ้นคลึงศีรษะ พวกเขาเอาแต่มองไปที่ด้านหน้าตึก จนย่องเข้ามาศีรษะชนกันโดยไม่รู้ตัว
“ไม่... ไม่เป็นไร” นภเกตน์จ้องมองคนตรงหน้าอย่างงงๆ
“เอ่อ... คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ” อีกฝ่ายถามแก้เก้อ
“อะ... เอ่อ...” ร่างโปร่งยกมือขึ้นลูบท้ายทอย พลางยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหาอะไรมาตอบส่งๆ ไป “ผม... ผมมาดูลาดเลาน่ะ พรุ่งนี้จะมาตรวจงานลูกน้อง แล้วคุณล่ะ”
“ผม... ผม... เอ้อ... ผมเรียนอยู่ตึกใกล้ๆ นี่เองน่ะครับ” คนตอบตอบได้เหมือนในชีวิตไม่เคยผ่านการสอบแก็ตเชื่อมโยงมาก่อน แต่เอาเถอะ พวกเขาก็ดูจะมั่วคำตอบด้วยกันทั้งคู่
“อะ!” ทั้งสองหันขวับเมื่อได้ยินเสียงสตาร์ตรถ พอเห็นว่ามอเตอร์ไซค์คันนั้นวิ่งออกไปแล้ว พวกเขาหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนต่างคนต่างก้าวฉับๆ ไปที่รถของตัวเอง หันมาสบสายตากันอีกครั้ง แล้วค่อยๆ เคลื่อนรถออกไป
แล้วก็ไม่ผิดจากที่คาดคิดไว้มากนัก หลังจากที่ขับรถตามกันไป ไม่นานทั้งสองคันก็เคลื่อนเข้าไปจอดในลานจอดรถขนาดใหญ่ของเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ที่ธนากรแจ้งทางบริษัทไว้ว่าเช่าให้กับวิศวกรอยู่
นภเกตน์ก้าวลงมาจากรถ พร้อมกับนักศึกษาคนเดิม พวกเขายืนนิ่งประจันหน้ากัน มองดูเผินๆ ก็ราวกับกำลังพูดคุยกันทางสายตา
“เอ่อ...” คราวนี้จะแก้ตัวว่ามาทำอะไรกันล่ะเนี่ย
“ผมจะมาซื้อกาแฟ...” พวกเขาพูดขณะที่ชี้มือไปยังร้านกาแฟพร้อมๆ กัน
เวรกรรม!
สองหนุ่มยืนจังงัง แต่แล้วร่างโปร่งก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปดื่มกาแฟด้วยกันมั้ยล่ะ”
อีกฝ่ายขมวดคิ้ว หากก็พยักหน้า “ครับ”
ภายในร้านกาแฟที่มีกลิ่นหอมของกาแฟสดลอยกรุ่น ทั้งสองคนนั่งลงตรงโต๊ะที่อยู่ชิดกับผนังกระจกสีครึ้ม ตรงหน้านภเกตน์มีถ้วยกาแฟร้อนวางไว้ ส่วนตรงหน้าอีกคนเป็นกาแฟเย็น
“เอ่อ ผมชื่อน้ำ” เจ้าของรถ BMW คันหรูแนะนำตัว
“ผมชื่อนภ”
พวกเขานั่งจ้องหน้ากันไปอีกชั่วครู่ จนกระทั่งมีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาจอดตรงที่จอดรถเตอร์ไซค์ ใบหน้าของสองคนผู้ที่ขับขี่มาเป็นที่คุ้นตา ส่งผลให้สองหนุ่มที่อยู่ในร้านกาแฟลุกขึ้นพรวดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
นภเกตน์กัดริมฝีปากแน่น นัยน์ตากลมใสมองตามคนรักของตนกับเด็กหนุ่มเดินเข้าไปในตึกของเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ด้วยกัน แถมยังโอบไหล่กันอย่างสนิทสนมเสียด้วย
เสียงของน้ำแข็งกระทบแก้วรัวๆ เรียกให้ร่างโปร่งหันไปทางต้นเสียง คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเขากำแก้วกาแฟไว้ในมือแน่น ท่อนแขนเกร็งเสียจนแก้วในมือสั่น
พวกเขาหันกลับมามองหน้ากัน จากนั้นจึงค่อยๆ นั่งลง “เอ่อ ของคุณ...” พอจะเริ่มพูดก็ดันเริ่มพร้อมกันได้อีก
“คุณนภพูดก่อนละกัน”
นภเกตน์ขมวดคิ้ว เขาผ่อนลมหายใจออกยาว แล้วหลุบตาลงมองถ้วยกาแฟบนโต๊ะ “...ของคุณคนไหน” ขอถามให้มั่นใจก่อน ดีไม่ดีคนคนนี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งในบรรดากิ๊กของตฤณก็เป็นได้
“คนที่เป็นคนขับมอเตอร์ไซค์มา เขาชื่อเมฆ”
โล่งอกไปหนึ่งเปลาะ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นคนตรงหน้าเขานี่จะมานั่งเฝ้าแบบเขาทำไมกัน
“พวกเขามาทำอะไรกันที่นี่ คุณน้ำรู้มั้ย”
“น่าจะมาทำอาหารกัน เห็นเมฆว่าอย่างนั้น” น้ำยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอึกใหญ่ๆ
“ทำอาหาร? คุณตฤณทำอาหารเป็นกับเขาซะที่ไหนกัน” นภเกตน์บ่นพึมพำ
“พี่ตฤณ... คุณนภมาที่นี่เพราะพี่ตฤณใช่มั้ย”
ร่างโปร่งพยักหน้าหงึกหงัก “รู้จักกันด้วยเหรอ”
“พี่ตฤณกับพี่แหลมเป็นรุ่นพี่ของเพื่อนสนิทผม รู้จักกันตอนที่พี่เขากลับมาดูประชุมเชียร์น่ะครับ”
“แล้วเมฆ... เอ้อ...”
“เมฆอยู่วิดวะปีหนึ่งครับ”
นภเกตน์ไม่กล้าถามต่อว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน แต่ก็พอจะเดาได้ว่ามีซัมทิงกันอยู่ ส่วนตัวเขาเองก็ไม่กล้าบอกเรื่องเขากับตฤณออกไปเช่นกัน
ทั้งสองอ้ำอึ้ง ดูเชิงกันและกันอยู่อีกสักพัก ยังไม่ทันพูดคุยอะไรกันต่อ ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งก็ดินออกมาจากในตึกพร้อมเด็กหนุ่มรุ่นน้อง คราวนี้พวกเขาเดินตรงไปยังรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งตฤณขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ เมฆนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างกัน แล้วก็เคลื่อนรถออกไปช้าๆ
หรือว่านั่นจะเป็นรถยนต์คันใหม่ของตฤณ ไปเอามาแล้วหรือ รถยนต์คันใหม่ที่เขาไม่มีโอกาสได้รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายซื้อ แต่กลับเป็นคนอื่นที่ได้นั่งเคียงคู่กันกับคนรักของตน
นภเกตน์ลุกขึ้นเกาะผนังกระจกอย่างลืมตัว เขากำมือแน่น แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อคนที่นั่งตรงข้ามกันเอื้อมมือมาจับข้อมือเขาไว้ ซึ่งฝ่ามือนั้นเฉียบจนน่าตกใจ
“ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรกัน แต่ผมพยายามจะไว้ใจ...” น้ำดึงแขนเรียวเบาๆ เป็นเชิงเรียกให้นั่งลง
“ผมก็อยากจะไว้ใจ แต่ก็กลัว... เราห่างกันมาระยะหนึ่งแล้ว”
“ผมเข้าใจนะ ตัวผมเอง... ถึงจะบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าให้ไว้ใจเขา แต่ก็มาคอยตามดูอยู่แบบนี้ น่าสมเพชชะมัด” น้ำยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ พลางถอนหายใจยาวเหยียด
ฝ่ายอีกสองหนุ่มที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าทำให้ใครต่อใครกลุ้มอกกลุ้มใจไปถึงไหนแล้ว ตฤณขับรถคันที่บริษัทเช่าไว้ให้ไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อข้าวสารกับเครื่องดื่ม เพราะเป็นของหนักจึงไม่ใช้มอเตอร์ไซค์
ส่วนที่ข้างบนห้องพักนั้น แหนมกับตำลึงนั่งเหี่ยวรออยู่ เมื่อตอนที่ทั้งสามไปหาตฤณที่ตึกใหม่ ชายหนุ่มยังทำงานไม่เสร็จ พวกเขาสองคนจึงไปตลาดเพื่อเลือกซื้ออาหารสดกันก่อน แล้วให้เมฆมารับตฤณไปยังเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ สถานที่ฝึกทำอาหารของพวกเขา
แต่พอมาถึงก็เพิ่งเห็นว่าข้าวสารหมด เมฆกับตฤณจึงต้องถ่อกันออกไปซื้ออีกรอบ
“พี่ตฤณขับเร็วๆ หน่อยดิ๊ เดี๋ยววันนี้ก็ไม่ได้งานกันพอดี” เมฆบ่นพึมพำ
“ก็ถนนมันจำกัดความเร็วเท่านี้ แหกตาดูป้ายสิวะ เอ็งจะลงไปเปลี่ยนป้ายหรือจะลงวิ่งมั้ยล่ะ”
“โหย จะให้ลงวิ่ง พี่ตฤณแม่ง ใจร้ายว่ะ”
“ไปฟ้องพี่น้ำของเอ็งสิ” ชายหนุ่มแซว
“....” เด็กหนุ่มชะงัก พอพูดถึงน้ำ เขาก็หยุดบ่นทันควัน
“พี่น้ำคนดี๊ดีย์ สุดหล่อสุดเพอร์เฝ็กต์”
“ไอ้พี่ตฤณจะหาเรื่องผมเหรอวะ เดี๋ยวเลิกสอนทำอาหารเลยนี่”
รุ่นพี่หัวเราะร่า “ไม่แซวแล้วก็ได้... จริงสินะ ไอ้น้ำมันแชมป์ยูโดนี่ รู้รึเปล่า อย่าไปแหย่ให้มันโกรธล่ะ”
“ผมรู้น่ะ เคยโดนจับทุ่มมาหลายครั้งแล้ว” เมฆเม้มปาก แล้วตัดสินใจถามต่อ “ตอนที่พี่เจอพี่น้ำ เมื่อก่อนพี่น้ำเป็นยังไงบ้างอะพี่”
“ก็เหมือนตอนนี้แหละ มันไม่ค่อยพูดจา ไม่ค่อยเฮฮาสนุกสนานกับใคร นอกจากกับเพื่อนในแก๊งมัน แต่ว่าก็เป็นคนดังมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว”
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ “.....”
ตฤณหัวเราะเบาๆ “แต่ตอนนี้ก็เห็นมันสนิทกับเอ็งดีนะ ได้ลองจีบรึยังวะ”
“จีบแล้วพี่” เมฆตอบเสียงเบาราวกระซิบ
“ติดยัง”
“......”
“ไอ้เมฆ” ตฤณเอื้อมมือไปลูบศีรษะรุ่นน้อง “พี่จะบอกไรให้อย่างนะ แฟนพี่น่ะ หน้าตาโคตรดี ออร่ากระจาย รวยฉิบหายวายวอด จบนอกแถมยังเก่งมากด้วย แล้วยังเป็นหัวหน้าพี่อีก”
“อวดแฟนทำไมวะพี่ หมั่นไส้” เด็กหนุ่มหันไปเหน็บ
มือที่ลูบศีรษะรุ่นน้องอยู่เปลี่ยนเป็นตบดังผัวะ “เอ็งฟังก่อนสิวะ ประเด็นที่พี่จะบอกคือ ขนาดรากหญ้าอย่างพี่ยังจีบดอกฟ้าติดเลย เพราะงั้นอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เอ็งต้องพยายามให้มากๆ สู้หน่อยเว้ย”
เมฆหัวเราะบ้าง “อยากเห็นหน้าแฟนพี่แล้วว่ะ”
“เห็นแล้วห้ามจีบเชียวนะเอ็ง”
“รักมากเลยอะดิ๊”
“รักฉิบหายเลย รักที่สุดในโลก” ตฤณตอบพลางยิ้มกว้าง “เออ ไอ้เมฆ ทำอาหารฝรั่งเป็นบ้างมั้ยวะ”
“อืม... มะกะโรนีพอไหวมะพี่ แต่มันรสชาติกึ่งๆ ฝรั่งกึ่งๆ ไทยอะ”
“เอาๆ เดี๋ยวสอนให้พี่ด้วย”
ตัดภาพกลับมาที่สองหนุ่มในร้านกาแฟอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันภายในร้าน ก่อนน้ำจะหยิบขึ้นมากดรับสาย
“พี่น้ำ ทำอะไรอยู่” ปลายสายถามเสียงใส ไม่ได้รู้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวของเจ้าของโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย
“นั่งดื่มกาแฟ... อยู่กับเพื่อน” เขาพยายามตอบออกไปให้น้ำเสียงเป็นธรรมชาติมากที่สุด “เมฆล่ะ”
“ผมมาซื้อของที่ซูเปอร์ฯ กับพี่ตฤณ คือว่าพี่น้ำ เย็นนี้ผมคงไปหาไม่ได้นะ เสียเวลาซื้อของไปเยอะ คืนนี้ต้องกลับไปช่วยทำบ้านผีสิงต่อ ถ้าแวบอีกเดี๋ยวโดนด่า”
“อืม” น้ำตอบสั้นๆ พลางถามอีกฝ่ายอยู่ในใจว่า ถ้ากลัวเพื่อนด่าแล้วไม่กลัวโดนเขาด่าบ้างหรืออย่างไรกัน
ปลายสายกดวางสายไปแล้ว ทว่าน้ำยังคงถือโทรศัพท์คาไว้อยู่ในมือ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม
“มีอะไรรึเปล่า” นภเกตน์เอ่ยถาม
น้ำพ่นลมหายใจออกหนักๆ เพื่อไล่ความหงุดหงิดออกไป “จริงสิ คุณนภบอกว่ามาตรวจงาน...”
“จริงๆ กำหนดการคือวันพรุ่งนี้ แต่ผมมาก่อนน่ะ”
“ถ้างั้น เรามาร่วมมือกันมั้ย...”
TBC~*
สอง น ผนึกกำลังกันแล้ว พี่ตฤณกับน้องเมฆท่าจะงานเข้านะคะ 5555555
จริงๆ น้ำ ไม่ค่อยจะเพี้ยน(เหรอ?) สักเท่าไหร่ แต่ไหนๆ มาโผล่ในเบลอ ฮัสกี้ก็เลยจัดให้เพี้ยนตามคุณนภไปด้วยสักหน่อยค่ะ #โดนพี่น้ำมองแรงมาก
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า เรื่องนี้ใกล้จบแล้วแหละ 