"ยังเบลอ"
Chapter 1 : อาการของคนหลงเมียเช้าวันนี้ภายในชั้นสิบสามของบริษัท NS เริ่มต้นขึ้นอย่างวุ่นวายเช่นเคย วิศวะกรหลายคนเดินเข้ามาไม่นานก็ลุกเดินออกไปไซต์งานตามที่ได้นัดกับลูกค้าไว้ เช่นเดียวกับตฤณซึ่งนั่งหน้ายุ่งอยู่ในห้องประชุมกับธนากรและยโสธร ผู้จัดการโพรเจคต์ใหญ่ที่พวกเขาเพิ่งได้รับมอบหมายมาหมาดๆ วันนี้พวกเขามีนัดไปชลบุรี ไปมหาวิทยาลัยที่ตฤณและธนากรเคยเล่าเรียนมาด้วยกัน ครั้งนี้ไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนในฐานะศิษย์เก่า แต่พวกเขาจะไปมหาวิทยาลัยนั้นในฐานะของผู้ให้บริการ
ตฤณก้มหน้าก้มตาอ่านทบทวนเอกสารสัญญาในมือ เพื่อที่จะได้พูดคุยถามตอบลูกค้าได้โดยไม่โดนด่า เพราะอาจารย์ที่มีนัดคุยกันก็เป็นอดีตอาจารย์ที่รู้จักคุ้นเคยหน้าตากันดี แถมยังเป็นอดีตอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเสียด้วย
โพรเจคต์นี้เป็นงานชิ้นใหญ่อีกชิ้นที่ธนากรได้มาด้วยความสามารถ... เล็กน้อยและเส้นสายหนักมาก ด้วยความที่บริษัท NS เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีภาษีดีอยู่แล้ว แถมผู้รับผิดชอบก็เป็นคนที่รู้จักและไว้วางใจได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือกลุ่มผู้บริหารที่มีหน้าที่ตัดสินใจเป็นญาติกับธนากร... ดังนั้นก็ไม่แปลกที่เขาจะได้รับโพรเจคต์นี้มาอย่างชิลๆ
“คุณโส อุปกรณ์ของมหาลัยจะเอาไปส่งเมื่อไหร่นะ” ธนากรถามขึ้น
“คุณธนากรครับ ได้โปรดเรียกชื่อผมเต็มๆ หรือเรียกยโสก็ยังพอทนครับ เรียกโสเฉยๆ ฟังดูจั๊กจี้หูชอบกล”
“เออๆ ก็ได้ ว่าแต่ทำไมคุณถึงชื่อนี้วะเนี่ย ชื่อยังกะจังหวัด”
“ก็ชื่อจังหวัดอะดิครับ ผมเป็นคนยโสฯ ชื่อนี้พ่อแม่ตั้งให้เก๋ๆ ตามเมืองที่เกิด แบบปารีส ฮิลตัน ไงครับ”
ตฤณเงยหน้าขึ้นพรวด นึกขอบคุณบิดามารดาที่ไม่ได้ตั้งชื่อเขาตามเมืองเกิดด้วย ไม่อย่างนั้นชาตินี้เขาคงไปไม่ถึงจุดหมายกับใครเขา เพราะเอาแต่
เลย มันอยู่เรื่อยไป
ยโสธรพลิกแฟ้มเอกสารดูชั่วครู่ “จะจัดส่งภายในอาทิตย์หน้าครับ พร้อมเดินสายเคเบิลด้วย ช่างของเราไปตรวจสอบสถานที่เรียบร้อยแล้ว”
“โอเค งานนี้วางตัววิศวกรไว้กี่คนครับเนี่ย”
“ห้าครับ คุณตฤณเป็นหัวหน้าตามที่อาจารย์ขอมานะครับ”
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ ผู้จัดการแผนกก็เพิ่งจะเดินทางมาถึงที่ทำงาน วันนี้เขามาสายกว่าปกติเพราะเมื่อคืนไปงานฉลองกับพวกผู้บริหารจนดึกดื่น นอกจากนั้นนีนี่ก็ยังลาพักร้อนมาอีกสองสัปดาห์ เขาจึงถูกทั้งน้องสาว อาพีรพัฒน์และคุณย่าบังคับให้กลับไปนอนที่คฤหาสน์ในแถบชานเมือง
นภเกตน์เดินผ่านห้องประชุมไปแล้วหยุดกึกเมื่อเห็นว่าผู้ช่วยของเขานั่งทำหน้าเครียดอยู่ที่นั่น แต่พอจะเคาะประตูเรียกก็เห็นว่าในห้องมีคนนั่งอยู่หลายคน เขาสบสายตากับธนากรที่บังเอิญหันมาประสานสายตาด้วยพอดี รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายทำให้ร่างโปร่งเปลี่ยนใจเดินกลับไปยังห้องทำงานของตน
สักพักยโสธรก็ขอตัวออกไปเตรียมเก็บของ ภายในห้องจึงเหลือธนากรกับตฤณอยู่ด้วยกันสองคน
“เฮ้ย ไอ้ตฤณ เมื่อกี้คุณนภเกตน์มาแน่ะ”
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นพรวด “อ้าว คุณนภมาแล้วเหรอเนี่ย” พลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “มาสายแบบนี้ สงสัยเมื่อคืนกลับดึกมาก”
“เมื่อคืนไม่เจอกันเรอะ”
“กูกลับมานอนบ้านหลายวันแล้ว”
ธนากรโน้มใบหน้าเข้าไปหาเพื่อนรักอย่างสนอกสนใจ “เอ๊า! เตียงหักแล้วเหรอวะ!”
“ไอ้ห่า ปากเสีย! กูกับคุณนภยังรักกันดีโว้ย แต่ช่วงนี้คุณนภต้องกลับไปนอนบ้านเพราะคุณนีนี่มา กูก็เลยกลับไปนอนบ้านกูน่ะสิ”
“อ่อ มิน่า สองสามวันมานี่มึงดูเหี่ยวๆ ชอบกล”
ตฤณปิดแฟ้มเอกสารแล้วลุกขึ้นพรวด “เดี๋ยวกูมา ไปหาคุณนภก่อน”
“เออๆ ไปร่ำลาซะให้เรียบร้อย กว่าจะเสร็จงานกลับมาถึงกรุงเทพฯ คงดึก กูนัดอาจารย์กินข้าวไว้ด้วย”
ผู้ช่วยสุดหล่อเดินไปยังห้องทำงานที่เขาใช้ร่วมกันกับผู้จัดการแผนก พอเปิดประตูออกก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะ เขาจึงรีบหันไปปิดประตูใส่กลอน แล้วปราดเข้าไปหา
“คุณนภไม่สบายเหรอครับ”
นภเกตน์เงยหน้าขึ้น “อืม เมาค้างนิดหน่อยน่ะ ปวดหัวชะมัด”
“งั้นเดี๋ยวผมเอายาให้”
ตฤณสาวเท้ากลับไปที่โต๊ะทำงาน ซึ่งบนโต๊ะมียาที่เขาเตรียมไว้ให้ร่างโปร่งอยู่แล้ว พร้อมกับน้ำเปล่าในขวด เขาเปิดฝาออกแล้วรีบนำไปเสิร์ฟให้ “เชิญครับ”
“ขอบใจนะ” นภเกตน์รับยามารับประทานอย่างว่าง่าย
“เมื่อคืนดื่มเยอะเลยเหรอครับ”
“ดื่มที่งานเลี้ยงไม่เท่าไหร่ แต่พอกลับบ้านไป อาพีกับยัยนีนี่ชวนดื่มต่ออีก...”
ผู้ช่วยถอนหายใจออกอย่างโล่งอก เสียงดังจนนภเกตน์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“เป็นห่วงผมเหรอ ถอนหายใจซะดัง”
“กลัวว่าคุณนภจะไปเมาอยู่ข้างๆ คนที่ไว้ใจไม่ได้น่ะสิครับ”
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะคุณตฤณ” ร่างโปร่งอมยิ้ม เขาเอื้อมมือออกไปดึงเนกไทของผู้ช่วยให้อีกฝ่ายโน้มศีรษะเข้ามาใกล้ “วางใจได้ ผมจะไม่ดื่มกับใครจนเมานอกจากเวลาที่คุณตฤณอยู่ด้วยเท่านั้น”
ตฤณยิ้มกว้าง เวลาที่คนรักทำตัวน่ารักแบบนี้ เขามีความสุขจนเหมือนกับว่าวิญญาณลอยล่องออกจากร่างขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นเจ็ด
“แต่ว่าเย็นวันนี้คุณตฤณไปกินเลี้ยง ห้ามเมานะ ดื่มแค่สองแก้วพอเข้าใจมั้ย” นภเกตน์ยืดตัวขึ้นจูบแก้มสากเบาๆ
“คุณนภเป็นห่วงผมเหมือนกันใช่ม้า~”
“อืม กลัวว่าเดี๋ยวคุณตฤณจะไปตู่ให้คนอื่นมาเป็นแฟน” ชายหนุ่มผิวขาวตอบพลางเหวี่ยงเนกไทกลับไปทางผู้ช่วยอย่างไม่เบาแรงนัก
“โธ่ คุณนภอะ!” ...คนกำลังกระโดดโลดเต้นบนหมู่เมฆ ร่วงลงพื้นดังแอ้กเลยเชียว
“ต้องไปชลบุรีไม่ใช่เหรอ รีบไปได้แล้วไป” นภเกตน์ทำมือไล่ แล้วหันกลับไปกดเปิดแล็ปท็อปขึ้นเพื่อเตรียมตัวทำงาน
“ครับๆ” ตฤณทำหน้ายุ่งใส่ เขาเดินไปเก็บเอกสารที่จำเป็นต้องใช้จากบนโต๊ะ หยิบเสื้อสูทที่ถอดพาดพนักเก้าอี้ไว้ขึ้นมาสวมทับ ชำเลืองมองเจ้านายที่ไม่ได้หันมาสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แล้วหยิบเอกสารขึ้นไว้ในมือ “ผมไปนะ”
เมื่อผู้ช่วยเอื้อมมือออกไปหมุนลูกบิดประตู ร่างโปร่งจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ “คืนนี้โทรมาหาด้วยนะ”
ชายหนุ่มผิวสีแทนกระตุกยิ้มมุมปาก “ครับเมีย” แล้วรีบเปิดประตู วิ่งปรู๊ดออกจากห้องไป
รถยนต์คันหรูของธนากรวิ่งฉิวไปบนมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยริมทะเลชื่อดัง ส่วนตฤณนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ สายตาทอดมองออกไปยังด้านนอกหน้าต่างกระจกรถ
“เออ มึงเลือกรถได้ยังวะไอ้ตฤณ”
“อือ ก็ว่าจะเอาอย่างที่มึงแนะนำแหละ”
ยโสธรนั่งอยู่บนเบาะหลัง เขารีบเสนอหน้าเข้ามาตรงช่องว่างระหว่างเบาะคู่หน้า “คุณตฤณจะซื้อรถใหม่เหรอครับ งั้นคันเก่าขายต่อให้ผมนะ”
ตฤณหันขวับ “รถผมมันจะสิบปีอยู่แล้วนะ คุณยโสฯ ยังจะเอาอีกเรอะ จะเอาไปปลูกสะระแหน่รึไง”
“ก็เห็นว่าเครื่องยังดี คุณตฤณขับมาตั้งนานยังไม่เจ๊ง อีกอย่างผมทุนน้อยด้วย” ยโสธรหัวเราะแหะๆ “ว่าแต่ทำไมคุณตฤณถึงจะเปลี่ยนรถล่ะครับ”
“ไอ้ตฤณมันอยากขับรถให้สมกับตำแหน่งของมันหน่อยไง” ธนากรชิงมั่วตอบให้ แต่ที่จริงเขาก็รู้อยู่หรอกว่าไอ้ตฤณเพื่อนเขามันเปลี่ยนรถเพราะอะไร
ร่างสูงยิ้มเจื่อนๆ ส่งสายตาขอบคุณเพื่อนรักแล้วหันกลับไปมองวิวต่อ เขาตัดสินใจเปลี่ยนรถ... พูดง่ายๆ สาเหตุหลักก็เพราะอยากเอาใจคนรักนั่นแหละ ไม่อยากให้นภเกตน์ต้องนั่งรถโกโรโกโส กลัวว่าวันดีคืนดีรถจะเสียแล้วพาเขากับคนรักไปทิ้งไว้ข้างถนน ฝนตกหนักๆ ทีน้ำก็ไหลซึมเข้ามาจนหากะละมังมารองแทบไม่ทัน แต่ที่ห่วงที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัย รถมันเก่าเหลือเกิน แอร์แบ็กก็ไม่มี แล้วเมียเขาก็สวยมากด้วย เดี๋ยวเบรกแรงๆ หน้าทิ่มเสียโฉมไป เขาคงรู้สึกผิดไปจนวันตาย
“เดี๋ยวกูหาฤกษ์ถอยให้ มึงจะเอาเมื่อไหร่”
“ได้เร็วหน่อยก็ดี” ...นึกๆ ไปถ้าได้ขับรถคันใหม่ไปรับนภเกตน์กลับคอนโดมิเนียมรังรักของพวกเขา คงจะทำให้อีกฝ่ายแปลกใจได้ไม่น้อย
“คุณตฤณมีแฟนแล้วเหรอครับ”
ตฤณเลิกคิ้วขึ้น พลางหันหน้าไปหาคนถาม “เหอ!? ทำไมจู่ๆ ถึงถามล่ะครับ”
“ก็ผมว่าระยะหลังมานี่คุณตฤณเปลี่ยนไปเยอะ ดูมีความสุขทั้งวัน แถมหล่อขึ้นด้วย สาวๆ ที่ชั้นผมพูดถึงคุณกันไม่ขาดปากเลยนะ นี่ถ้าพวกแม่คุณรู้ว่าคุณตฤณมีแฟนแล้ว คงร้องไห้ฟูมฟายกันเป็นแถว”
“แฟนไอ้ตฤณน่ะ หน้าตาดีระดับเทพเลยนะครับ แล้วก็รวยมากด้วย บอกสาวๆ ตัดใจได้เลย แต่ผมอะยังว่างนะ” ธนากรพูดแทรก
“โอ้โหหหห คุณตฤณสุดยอด” ยโสธรจ้องมองชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งอย่างชื่นชม
“น้อยๆ หน่อยไอ้แหลม” ร่างสูงปรามเพื่อน แต่ยิ้มปากบานไปถึงใบหูเรียบร้อยแล้ว
ภายในตัวรถสงบลงอีกครั้งเมื่อธนากรเปิดเพลงบรรเลงกล่อม ตฤณจึงหันหน้ากลับไปมองทิวทัศน์ระหว่างทางอีกครั้ง พลางคิดย้อนไปถึงความสัมพันธ์ของเขากับเจ้านาย
มีความสุข... นี่เขาคงยิ้มหน้าแป้นแล้นทุกวันจนใครๆ สังเกตได้เลยสินะ ว่าแต่นภเกตน์ล่ะ จะมีใครสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบ้างไหมหนอ
แต่เขาก็มีความสุขมากจริงๆ นั่นแหละ พอหัวใจตรงกันแล้ว ชีวิตก็ดี๊ดีย์... จนใครๆ ต้องอิจฉา
ทุกเช้าก่อนมาทำงาน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จคนรักก็ทำอาหารเช้าเตรียมไว้ให้บนโต๊ะ รับประทานกันไป หยอดคำหวานใส่กันไป เสร็จแล้วจึงออกไปทำงานพร้อมกัน ระหว่างวันพวกเขาทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน ตฤณมีไปออกไซต์งานบ้าง หรือบางทีนภเกตน์ก็ไปประชุม แต่เมื่อถึงเวลาเย็นทั้งสองก็จะรอกลับไปยังคอนโดมิเนียมด้วยกัน หลังจากนั้นนภเกตน์ก็ทำอาหารเย็นให้รับประทานอีก แล้วพอตกดึก... เขาก็ยิ่งสุขสุดๆ ไปเลย เพราะนภเกตน์ตามใจเขาทุกอย่าง
บ้านหลังเล็กของตฤณถูกปิดไว้เฉยๆ เนื่องจากส่วนใหญ่เขาไปค้างคืนกับคนรักที่คอนโดมิเนียมเสียมากกว่า แต่ถึงจะเห็นว่าเขาไปอาศัยนภเกตน์นอนเกือบทุกคืนเช่นนี้ ที่จริงแล้วเขาก็ยังไม่ได้โยกย้ายไปอยู่อย่างถาวรหรอกนะ
แต่ช่วงนี้ที่นภเกตน์ไม่อยู่ เขาไม่อยากนอนหง่าวอยู่บนเตียงในห้องพักของคนรักตามลำพัง แล้วแค่ไม่กี่วันเขาก็คิดถึงอาหารฝีมือคนรักจะแย่ อาหารที่ซื้อรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นร้านหรูขนาดไหนก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือของนภเกตน์เลย
เสียงสัญญาณเลี้ยวรถดังขึ้นเรียกให้ตฤณหันกลับไปใส่ใจกับถนนหนทางเบื้องหน้า รถคันหรูเลี้ยวเข้าไปในตัวมหาวิทยาลัยช้าๆ มุ่งตรงไปยังตึกอำนวยการ
ระหว่างทางรถยนต์วิ่งผ่านตึกเรียนของแต่ละคณะสลับกับต้นไม้สีเขียวขจีที่ทางมหาวิทยาลัยปลูกไว้หนาตา เหล่านักศึกษาเดินไปเดินมากันขวักไขว่ ชวนให้ชายหนุ่มทั้งสามนึกถึงวัยเรียนของตน
“วันนี้กูน่าจะใส่เสื้อขาวมา จะได้ทำเนียนเป็นนักศึกษากับเขาบ้าง” ธนากรเปรย
“พูดอะไรเกรงใจหนังหน้ามึงด้วยไอ้แหลม” ตฤณขัดคอทันควัน
ยโสธรยื่นหน้าเข้ามาร่วมวงสนทธนาอีกครั้ง “ผมนึกถึงคุณนภเกตน์เลยอะ ถ้าเป็นคุณนภเกตน์ล่ะก็ ต้องเนียนปนกับเด็กๆ ได้สบายแน่ๆ เลย”
นั่นสินะ คุณนภหน้าเด็กออกอย่างนั้น... ตฤณลอบยิ้มอย่างภูมิใจ ได้ยินใครเอ่ยปากชื่นชมคนรักทีไรก็อดดีใจไม่ได้สักที เพราะมันก็เหมือนกับตัวเขาได้รับคำชมว่ามีเมียเด็กสวยจังนั่นล่ะ
เมื่อรถยนต์จอดสนิทอยู่ในลานจอดรถด้านหลังตึกเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามหนุ่มก็หอบแฟ้มเอกสารเดินตรงไปยังทางเข้าตึกอำนวยการ แต่ที่ตรงทางเข้านั้นเอง พวกเขาได้พบกับนักศึกษากลุ่มหนึ่ง
“อ้าว พี่ตฤณ พี่แหลม โห วันนี้มาเต็มยศเลย ถูกหวยมาเหรอพี่” เสียงทักทายจากรุ่นน้องดังขึ้น
“เฮ้ย! ไอ้ตั้งใจ ไอ้ไข่หวานเหรอวะเนี่ย จำหน้าไม่ได้เลย นึกว่ามหาโจรที่ไหน นี่พวกเอ็งเป็นพี่ว้ากล่ะสิ” ธนากรทักกลับ แม้เขากับตฤณจะเรียนจบออกไปก่อนที่รุ่นน้องทั้งสองจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็เคยได้รู้จักรุ่นน้องกลุ่มนี้จากการทำกิจกรรมหลายครั้ง เวลาที่พวกเขากลับมาดูรุ่นน้องประชุมเชียร์
ตั้งใจยิ้มกว้าง “ครับพี่ แต่ผมน่ะไม่ใช่แค่พี่ว้ากธรรมดานะ ผมเป็นเฮดว้ากด้วย”
ตฤณตบไหล่รุ่นน้องแรงๆ อย่างนึกขำ สภาพเหมือนตัวเขาในอดีตไม่มีผิด “เออๆ เอ็งเก่ง”
“พี่มาทำไรอะ”
“มาประชุมว่ะ พวกพี่จะมาจัดการระบบเครือข่ายให้ตึกใหม่กับบางตึกของมหาลัยน่ะ”
“เหย เจ๋ง! แล้วจะประชุมนานมั้ยพี่”
“ไม่นานหรอก”
“งั้นพี่ก็แวะมาดูประชุมเชียร์ได้น่ะสิ วันนี้นัดปีหนึ่งไว้สี่โมง พี่กลับกี่โมงอะ”
“สี่โมงน่าจะประชุมเสร็จพอดี เดี๋ยวถ้าทันจะแวะไปดู”
“ประชุมเชียร์ที่เดิมนะพี่ ผมอยากให้พี่มาดูน้องปีนี้มาก ประธานรุ่นแม่งโคตรแซ่บเลย” ตั้งใจยืดอกอวดรุ่นน้องของเขา
“เออๆ ไว้แล้วเจอกัน”
TBC~*มีใครคิดถึงพี่ตฤณกับน้องนภบ้างมั้ยน้อออ แงรรร~
กว่าจะได้ตอนแรกออกมา เข็นแล้วเข็นอีก 555555
อย่างที่เคยสปอยล์ไว้แล้วค่ะ ฮัสกี้จะพาพี่ตฤณและน้องนภไปพบกับพี่น้ำและน้องเมฆ (ใครยังไม่ได้อ่านเหนือเมฆลองอ่านดูนะค้า #โฆษณารัวๆ) คราวนี้สองหนุ่มจะไปพาเหนือเมฆป่วนกันแบบไหน ขอให้รอติดตามอ่านนะคะ แฮร่...
ว่าแต่อาการ "หลงเมีย" เป็นยังไง คงเห็นได้ชัดเจนแล้วในตอนนี้ 5555555555
รักนะ จุ๊บๆ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ 