Chapter 40หลังจากร่ำลาบิดามารดาของตฤณเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองหนุ่มก็รีบเดินทางออกจากบ้านไร่ มุ่งหน้าไปยังสนามบินของจังหวัดเลย
พวกเขาเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนหัวค่ำของวัน โดยที่มีรถประจำตำแหน่งของนภเกตน์มาจอดรอรับพาพวกเขากลับไปที่คอนโดมิเนียม บนถนนที่รถคันหรูแล่นไป สองข้างถนนเปิดไฟไว้สว่างไสว จำนวนรถราเบาบางลงไปบ้างแล้วจึงใช้เวลาในการเดินทางไม่มากนัก ทว่าตลอดทางนภเกตน์ก็พูดคุยโทรศัพท์กับลูกน้องอยู่ตลอดเพื่อรับฟังรายงานประจำวัน
“ขอบใจนะ วันนี้ขับรถเยอะหน่อย ลุงคงเหนื่อยแย่” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นเมื่อรถเข้าไปจอดเทียบทางด้านหน้าคอนโดมิเนียม
“ไม่หรอกครับ หน้าที่ผมอยู่แล้ว”
ผู้เป็นนายหยิบธนบัตรใบละพันบาทส่งให้กับลุงคนขับรถ แล้วตบไหล่เบาๆ “ถือว่าเป็นค่าล่วงเวลาก็แล้วกัน” จากนั้นจึงก้าวลงจากรถไป
“คุณนภเกตน์! ขอบคุณครับ” ลุงคนขับเบิกตากว้าง ก็ร้อยวันพันปี คุณหนูของบ้านที่แทบจะไม่ค่อยพูดจาอะไรกับเขา จู่ๆ ก็บอกขอบคุณแล้วยังให้ติ๊บกันแบบนี้ ไปอารมณ์ดีมาจากไหนกันล่ะนี่ เขาคิดไปพลางเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งรถมาด้วยกันกับเจ้านาย
“ขอบใจนะลุง ขับรถกลับดีๆ ล่ะครับ”
“ครับผม” ลุงคนขับพยักหน้าหงึกหงัก เขารู้ว่าตฤณเป็นผู้ช่วยของนภเกตน์เพราะเคยได้พบกันหลายครั้งแล้ว และดูเหมือนจะเข้ากันกับเจ้านายได้ดี จะว่าไปเจ้านายก็เปลี่ยนไปไม่น้อย ถ้าเทียบกับตอนที่เขาไปรับเจ้านายที่สนามบินเมื่อครั้งที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยพร้อมกับพีรพัฒน์ ก็ราวกับเป็นคนละคน ได้เห็นเจ้านายยิ้มแย้มแบบนี้เขาก็พลอยสุขใจไปด้วย
ตฤณยิ้มกว้างเดินเข้าไปหาร่างโปร่ง “ดูท่าลุงจะตกใจที่คุณนภติ๊บหนัก”
นภเกตน์จ้องมองคนรักเดินเข้ามาหาตน ซึ่งเวลานี้ตัวเขาเห็นเป็นภาพสโลว์โมชั่น มีกลีบดอกไม้ฟรุ้งฟริ้งโปรยปรายอยู่รอบๆ อะไรก็เป็นสีชมพูไปเสียหมด “ก็... วันนี้ลุงเขาขับรถไปกลับสนามบินหลายรอบ ผมก็เลย...” เขาพูดเสียงเบาพลางเสตาหลบ รู้สึกว่าแก้มร้อนๆ ชอบกล ตอนที่เดินทางกลับมาด้วยกันอะไรๆ ก็ดูปกติดีนี่นา แต่ทำไมพอมาถึงตอนที่อยู่หน้าคอนโดมิเนียมของเขาแบบนี้ ถึงได้รู้สึก... เขินๆ
นัยน์ตากลมโตชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลา หัวใจเต้นตึกตัก เขารู้ว่าร่างสูงจะต้องขอขึ้นไปบนห้องเขาแน่ๆ ทว่า... ครั้งนี้เขาอยากจะเป็นคนเอ่ยปากชวนเอง
จะพูดว่าอย่างไรดีนะ
“เอ่อ...”
ร่างสูงเอื้อมมือไปกุมมือขาวไว้หลวมๆ “คุณนภ ให้ผมขึ้นไปห้องคุณนภ...”
อีกฝ่ายยังถามไม่ทันจบประโยค นภเกตน์ก็ชิงพยักหน้ารัวๆ เขากุมมือหยาบไว้แน่น “คุณตฤณ... ให้ผมทำมื้อเย็นให้คุณตฤณนะ”
ตฤณเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “คุณนภไม่เหนื่อยเหรอครับ”
“ก็เหนื่อย แต่ก็อยากทำให้คุณตฤณ”
ฉิบหายแล้ว! ร่างสูงกรีดร้องอยู่ในใจ ทำไมคนรักของเขาถึงได้น่ารักอย่างนี้วะเนี่ย ก่อนจะตอบออกไปอย่างเลื่อนลอยราวกับถูกมนต์สะกด “ครับ”
เหตุการณ์หลังจากนั้นพร่ามัวไปหมด ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งจำได้แค่ว่า มือขาวๆ จูงมือเขาเข้าไปในคอนดมิเนียม พอรู้สึกตัวอีกที เขาก็มานั่งตาเยิ้ม น้ำลายหกอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะอาหาร ขณะจ้องมองร่างโปร่งบางที่ใส่ผ้ากันเปื้อน ทำอาหารอยู่ในครัว
กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาเตะปลายจมูก ส่งผลให้ท้องของตฤณส่งเสียงร้องดังโครกครากเป็นระยะๆ
“คุณนภใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วน่ารักจังเลยครับ”
เคร้ง!
พอได้ยินคำชมเข้าตะหลิวก็ลื่นหลุดมือ แก้มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ “งะ... งั้นเหรอ”
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของเจ้านาย หัวใจของชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งก็เต้นเป็นลิงโลด เขานั่งเอานิ้วชี้จิ้มกัน “เอ่อ... อะ... อาหารก็หอมจังเลยครับ”
“คุณตฤณหิวแล้วเหรอ” นภเกตน์ถามโดยที่ไม่หันไปสบสายตาคนถูกถาม พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบหัวมันฝรั่งมาหั่นแก้เขิน
“นิดหน่อยเองครับ แต่ยังอิ่มใจ”
“งั้นก็ยังรอได้สินะ เพิ่งเอาไก่ใส่เตาอบไปเอง” ร่างโปร่งตอบกลับคำพูดหวานชวนเลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า วันนี้เขาตั้งใจว่าจะเอาใจตฤณให้เต็มที่นี่นา “เอ้อ...”
“รอได้ครับ ขอแค่ให้ได้กินฝีมือคุณนภ” ทำไมตัวเขาเลี่ยนแบบนี้วะ ตฤณเองก็ได้แต่สงสัย เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว ตรงเข้าไปหาคนที่หั่นหัวมันฝรั่งไว้กองโต แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบถามจากทางด้านหลัง “ว่าแต่มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”
เจ้าของห้องสะดุ้งเฮือก คว้ากระทะแล้วหันขวับไปทางคนพูด “คุณตฤณ เข้ามาทำไม ผมทำอาหารอยู่นะ!”
ก๊อง~
หากมือขยับไปไวกว่าความคิดมากโข นภเกตน์เอากระทะในมือฟาดหน้าผากคนตรงหน้าไปอย่างไม่เบาแรงนัก
“โอ๊ยยย!” ตฤณร้องเสียงหลง แต่สมองอันชาญฉลาดคิดว่าวันนี้เขาจะไม่ยอมแพ้ให้กระทะง่ายๆ เหมือนวันก่อนๆ แน่ ชายหนุ่มทรุดตัวลงบนพื้นห้องครัว ยกมือขึ้นกุมหน้าผากแล้วร้องโอดโอย “โอย... โอยยย”
ร่างโปร่งรีบย่อตัวลง “คุณตฤณ! ผมขอโทษนะ!” เขาดึงมือหยาบที่กุมหน้าผากออกช้าๆ แล้วจึงเห็นว่าที่บนนั้นมีรอยปูดสีแดง “หัวโนเลย!”
“เจ็บจังเลยครับ” ร่างสูงพูดเสียงอ้อน
“เดี๋ยวผมจะเอาน้ำแข็งมาประคบให้” นภเกตน์รีบรุดไปเอาถุงเจลประคบเย็นมาอังบริเวณหน้าผากให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ครางหงิงๆ ไม่ยอมหยุด “ผมขอโทษ ก็จู่ๆ คุณตฤณเข้ามาแบบนั้น ผมตกใจนี่นา”
“ผมก็แค่อยากช่วยคุณนภ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณตกใจเลย” ตฤณพูดพร้อมกับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“คุณตฤณ... ผมขอโทษ” นภเกตน์หน้าเสีย ทำไมอะไรๆ ก็ไม่ได้อย่างใจเลย ทั้งที่ต้องการจะเอาใจ ทำให้ตฤณรู้สึกว่าเขาเองก็รักตฤณมากเช่นกัน “อา ผมจะทำยังไงดี ผมขอโทษจริงๆ นะ”
มือหยาบดึงมือที่ถือถุงประคบเย็นแปะหน้าผากไว้ให้ออก “ถ้างั้น... คืนนี้ให้ผมค้างที่นี่ด้วยได้มั้ย”
ใบหน้าหวานซับสีเลือด คืนนี้เลยหรือ เขายังไม่พร้อมออกสนามรบเลยนะ “เอ่อ”
“คุณนภครับ ผมรักคุณนภนะ ผมขอนอนกอดคุณนภ...”
“กะ... กอดเหรอ!” สีหน้าของนภเกตน์ตื่นกลัวมากกว่าเดิมเสียอีก
“กอดเฉยๆ ครับ ผมคิดถึงคุณนภนี่นา เราห่างกันไปตั้งหลายวันนะครับ ถ้าให้ผมกลับไปนอนคนเดียวที่บ้าน ผมคงนอนไม่หลับแน่” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปจูบริมฝีปากสีแดงสดเบาๆ แล้วกระซิบ “นะครับ”
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบต่ำ แต่ใจน่ะ อ่อนยวบลงไปกองอยู่บนตักคนตรงหน้าเรียร้อยแล้ว “ถ้า...” ยังไม่ทันพูดออกไป เสียงนาฬิกาเตือนจากเตาอบก็ดังขึ้นแทรก ร่างโปร่งหันขวับไปทางต้นเสียงพร้อมกับลุกขึ้นพรวด “อ๊ะ ผมต้องกลับด้านไก่ก่อน”
นภเกตน์รีบรุดไปเปิดเตาอบ ยกถาดใส่ไก่ออกมา จัดการพลิกด้านแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ พอหันไปทางร่างสูง อีกฝ่ายก็เดินงอนกลับไปนั่งที่โต๊ะเสียแล้ว
“คุณตฤณ”
“ผมไม่กวนคุณนภแล้วครับ รอตรงนี้ดีกว่า” ตฤณยิ้มเจื่อนๆ พลางทอดถอนใจยาว
บรรยากาศหวานๆ สีจืดจางลงไปในทันใด ร่างโปร่งหันไปเก็บจานชามที่ใช้แล้วใส่ลงในเครื่องล้างจาน จากนั้นก็โกยมันฝรั่งกองโตไปทิ้ง ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาจากทั้งสองคนอีก จนกระทั่งพ่อครัวชั่วคราวยกอาหารที่เพิ่งทำเสร็จหมาดๆ ไปเสิร์ฟที่โต๊ะ
“ขอโทษที่ต้องรอนาน ผมทำข้าวไก่อบนะ คุณตฤณน่าจะชอบ”
“คุณนภทำอะไรมาก็อร่อยทั้งนั้นแหละครับ”
มือขาวแกะผ้ากันเปื้อนออกวางพาดพนักเก้าอี้ไว้ จัดการเทน้ำผลไม้มาเสิร์ฟให้แล้วก็นั่งลงตรงข้ามกันกับร่างสูง
มื้ออาหารเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบเชียบ แต่สักพักตฤณก็ชวนคุย
“อร่อยจังครับ ฝีมือคุณนภเนี่ย”
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม “กินเยอะๆ เลยนะ ผมทำไว้เยอะ เพราะรู้ว่าคุณตฤณกินจุ”
บรรยากาศระหว่างกันดีขึ้นเล็กน้อย พวกเขานัดกันไปโรงภาพยนตร์ในวันหยุด คุยเรื่องงานกันอีกนิดหน่อย สักพักใหญ่มื้ออาหารก็เสร็จสิ้นลง
“เดี๋ยวผมล้างให้นะครับ” ร่างสูงลุกขึ้นเก็บจานบนโต๊ะ
“ไม่ต้องหรอก เอาใส่เครื่องล้างก็พอ”
ตฤณเดินเข้าครัวไปจัดจานชามใส่เครื่องล้าง แต่พอจะเปิดเครื่องดันนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่เคยใช้มาก่อนนี่หว่า แล้วไอ้นี่มันทำงานยังไงเนี่ย
ระหว่างที่ร่างสูงก้มๆ เงยๆ อยู่นั้น เจ้าของห้องก็เดินเข้ามาช่วย เขาเปิดตู้หยิบก้อนน้ำยาล้างจานใส่เครื่อง แล้วกดเปิดสวิตช์ “ดูไว้นะคุณตฤณ คราวหน้า... พรุ่งนี้... จะได้ทำถูก”
ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งหัวเราะ หมายความว่านภเกตน์ชวนเขามารับประทานมื้อเย็นที่ห้องอีกใช่มั้ยเนี่ย “โอเคครับ”
รอยยิ้มจนแก้มบุ๋มตรงหน้าส่งผลให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรง “คุณตฤณ”
ร่างสูงโน้มใบหน้าเข้าไปจูบหน้าผากเบาๆ “วันนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ ขอบคุณคุณนภมากนะครับ เอ่อ... ถ้างั้น...” เขาหันรีหันขวาง คิดว่าคงจะต้องถอยทัพกลับบ้าน จะหน้าด้านขอนอนโซฟาก็คงไม่เวิร์คแล้วเวลานี้ แต่จู่ๆ มือขาวก็ยื่นออกมาจับแขนเสื้อของเขาไว้
“คุณตฤณ” นภเกตน์พูดเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ “คืนนี้ค้างที่นี่เถอะนะ”
ตฤณหันขวับ นัยน์ตาคมเบิกโพลง
มายพระ! หูฝาดไปหรือเปล่าวะเนี่ย
..
.....
..
เสียงของสายน้ำเย็นฉ่ำตกกระทบผิวกายสีน้ำผึ้งแล้วร่วงหล่นลงบนพื้นกระเบื้อง ร่างสูงยืนนิ่ง ปล่อยให้น้ำชะล้างฟองสบู่และความร้อนรุ่มออกไปจากร่างกาย
พอนภเกตน์ชวนให้ค้างคืนด้วยแล้ว ตฤณก็โดนไล่ให้ไปอาบน้ำ ส่วนคนชวนก็เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป
ร่างสูงรู้ชะตากรรมของตัวเองดี เขาพยายามมองโลกในแง่ดี นึกเสียว่า ไม่ได้นอนกอด ได้นอนบนโซฟาของคนรักก็ยังดีวะ ตัวเขามันรากหญ้า มักน้อยอยู่แล้ว ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นแหละ
เมื่อเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงเดินออกจากห้องอาบน้ำที่เขาใช้ประจำ ตรงไปยังห้องนอนของเจ้าของห้องพักเพื่อบอกราตรีสวัสดิ์
มือหยาบเคาะประตูห้องเบาๆ “คุณนภ เอ้อ จะนอนรึยังครับ”
แต่ผิดคาด จู่ๆ บานประตูก็เปิดออกกว้าง โดยเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดนอนแขนขายาว “ยังหรอก รอคุณตฤณอยู่ เข้ามาสิ”
“หือ? รอผม?”
“ก็บอกว่า... จะนอนกอด... ไม่ใช่รึไง”
ตฤณอยากจะวิ่งขึ้นไปดาดฟ้าแล้วจุดพลุ “ได้... ได้เหรอครับ”
ร่างโปร่งไม่ตอบ หากเดินนำไปนั่งลงบนเตียงข้างหนึ่ง แล้วค่อยๆ สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม “ปิดไฟแล้วมานอนซะ”
“ครับ” ชายหนุ่มผิวสีแทนหัวเราะ คุณนภนะคุณนภ อย่ามาทำตัวน่ารักแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็ดีแตกหรอก
ตฤณเดินไปนั่งลงบนเตียงฝั่งที่ว่าง เอื้อมมือไปปิดโคมไฟตรงหัวเตียงแล้วเอนหลังลงนอน จากนั้นก็หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ กันซึ่งหันหลังให้กับตน ได้เห็นแผ่นหลังอยู่ใกล้ๆ แค่เอื้อมก็ยิ้มปากบานได้เหมือนคนบ้า
“กอดสิ”
ตฤณเลิกคิ้วพร้อมกับผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “ฮะ คุณนภพูดว่าอะไรนะครับ” ก็แบบว่าเขาอาจจะหูฝาดไปก็ได้
“ไม่ได้ยินก็ช่วยไม่ได้”
ร่างสูงพลิกตัวเข้าหาแผ่นหลังของคนที่นอนอยู่ข้างกัน แล้วโอบไว้พอหลวม เขาโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบ “ฝันดีนะครับคุณนภ”
ดวงตาสีอ่อนปิดลงสนิท หากยังไม่หลับ เพราะมัวแต่เกร็งไปทั้งร่าง แล้วความอบอุ่นกับเสียงหัวใจที่เต้นหนักๆ อยู่บนแผ่นหลังก็พลอยทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
เมื่อภายในห้องเงียบงันและคนทางด้านหลังนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ร่างโปร่งจึงพลิกตัวหันหน้าเข้าหา ก่อนจะซุกซบใบหน้าลงในอ้อมแขนแข็งแรง แล้วพบว่าเสียงหัวใจเต้นของตฤณดังถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ
“คุณตฤณยังไม่หลับเหรอ”
“ยังครับ” คนตอบถอนหายใจยาว
นภเกตน์ผละออกเล็กน้อย จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาในความมืดแล้วยืดตัวขึ้นแต้มจูบ ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่งลิ้นออกมาตอบรับเป็นอย่างดี
เสียงของจูบชื้นแฉะดังขึ้นสลับกับเสียงหอบหายใจ ร่างกายร้อนรุ่มขึ้นไปตามแรงอารมณ์ มือขาวยกขึ้นกดท้ายทอยของตฤณไว้ พร้อมกับพาตนเองเข้าไปแนบชิด
ตฤณละเรียวปากออกเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงความปรารถนาของร่างขาว แต่... แต่เขาดันไปรับปากไว้ก่อนแล้วว่าจะไม่ทำอะไรนี่สิ ฉิบหาย!
ต่อให้แค่ลูบๆ คลำๆ ก็ถือว่าผิดนะไอ้ตฤณ! สัญญาไปแล้วว่าจะนอนกอดเฉยๆ ไม่ใช่เรอะ! ถ้าแค่นี้เขายังรักษาสัญญาไม่ได้ละก็ ต่อไปยังจะมีอะไรให้คนรักเชื่อถือได้อีก
“คุณตฤณ” ร่างโปร่งเรียกชื่อเจ้าของริมฝีปากที่กำลังคลอเคลียอยู่บนกลีบปากตน
“คุณนภ ผม... คือผมสัญญาไปแล้วว่าจะกอดเฉยๆ”
นัยน์ตากลมใสกะพริบปริบ ทำไมอีกฝ่ายถึงเกิดจะมาทำเป็นสุภาพบุรุษเอาตอนนี้ ไอ้คนที่เคยตอดเล็กตอดน้อยอยู่ตลอดเวลานั่นหายไปไหนกัน!
นภเกตน์ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด พวกเขาเพิ่งคืนดีกันก็ไม่อยากจะให้ช่วงเวลาสวีตหวานผ่านไปเปล่าๆ ปลี้ๆ แล้วที่สำคัญ ไอ้ตรงนั้นของเขามันก็ตึงๆ ชวนให้รู้สึกอึดอัดชอบกล เขาขยับเข้าไปชิดร่างสูงอีกนิด จึงรู้สึกได้ถึงความแข็งขึงของอีกฝ่าย ร่างสูงคงกำลังพยายามอดทนให้ถึงที่สุด
“ถ้าแค่นิดเดียว... ไม่เป็นไรหรอกคุณตฤณ”
“ไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งแต้มจูบกลีบปากอวบอิ่มอย่างแผ่วเบา “ผมอยากให้คุณนภรู้ว่าผมจริงจังกับความสัมพันธ์ของเรามากแค่ไหน ผมรักคุณนภ เพราะงั้นผมจะไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด” ...เอาไว้พรุ่งก่อนนี้เถอะ เขาจะไม่พลาดอีกเลย คอยดู!
นภเกตย์ยิ้มอย่างพอใจ “เข้าใจแล้ว” เขาแต้มจูบเรียวปากหยักบางกลับคืน “ถ้างั้น... ผมทำเองก็ได้”
“ฮะ?”
ร่างโปร่งพลิกตัวขึ้นไปคร่อมทับด้านบน บดเบียดส่วนร้อนของตนกับคนใต้ร่าง
“คุณนภ อุ๊บ!”
นภเกตน์ประกบจูบเรียวปากหยัก แล้วสอดลิ้นเข้าไปตวัดไล้วน ซึ่งคนใต้ร่างก็ยินยอมพร้อมรับอย่างเต็มใจ
เหยดแหม่!! ถ้าการที่เขาปฏิเสธออกไปแล้วจะทำให้นภเกตน์รุกเองแบบนี้ล่ะก็ ครั้งต่อไปจะปฏิเสธอีกรัวๆ เลย!
“อา... อื้ม...”
สองร่างเสียดสีกันโดยที่ต่างคนยังมีเสื้อผ้ากั้นขวาง มือขาวค่อยๆ เคลื่อนลงไปปลดปล่อยส่วนร้อนของตนออกมาจากในกางเกง ตามด้วยของอีกฝ่าย
ตฤณจับมือขาวทั้งสองข้างให้กอบกุมความแข็งขึงของพวกเขาไว้ให้แนบชิดกัน “คุณนภ ขยับมือสิครับ”
“แบบนี้... เหรอ”
“อื้ม... ดีครับ อ่า...”
ร่างโปร่งขยับสะโพกไปตามจังหวะการขยับมือ ในความมืดเช่นนี้เขารู้สึกใจกล้ากว่าปกติ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะ... หัวใจ ที่ต้องการรสสัมผัสจากคนรักเช่นกัน “คุณตฤณ อา...”
ความชุ่มชื้นที่หลั่งไหลออกมาจากส่วนร้อนทั้งสองมากมายจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร มือขาวขยับเร็วขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง
ตฤณกัดฟันกรอด มือขาวๆ ทำให้เขาสุขจนแทบคลั่ง
ทั้งสองร่างกระตุกเกร็ง ไม่นานก็ปลดปล่อยความปรารถนาออกมา
ร่างสูงหอบหายใจแรงๆ แต่ก็ยังยิ้มกว้าง เพราะวันนี้เขาได้เปรียบ นภเกตน์ทำให้เขาเองตั้งสองทีแน่ะ ต้องเอาไปจดไว้ในไดอารี่เป็นที่ระลึก ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ซื้อหวยไปด้วยเลยท่าจะดี
“ยิ้มทำไมนัก”
“ก็คนมันดีใจนี่ครับ”
นภเกตน์เอื้อมมือไปหยิบทิชชูมาเช็ดอย่างลวกๆ แล้วจึงเอนตัวลงนอนทาบทับร่างกายกำยำ
“ผมรักคุณนภนะครับ”
“รู้แล้ว... ผมก็รักคุณตฤณเหมือนกัน”
“อื้ม... มีความสุขจังเลย”
ร่างโปร่งอมยิ้ม พร้อมกับซบใบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง เขาหยุดรอจนลมหายใจของพวกเขากลับมาเป็นปกติ “เอ่อ... คุณตฤณ... ผมมีเรื่องอยากจะถาม...” คนบนร่างเอ่ยถามเสียงอู้อี้ เพราะยังซุกใบหน้าอยู่ภายในอ้อมแขนแกร่ง
“ครับ?” ร่างสูงพูดไปพลางกดปลายจมูกลงบนศีรษะเล็ก
“คืนนั้น... ที่ผมกับคุณเมา... เรามีอะไรกันจริงรึเปล่า”
เจ้าของอ้อมกอดชะงัก คือเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อย้อนนึกไปทีไร ก็เห็นแต่ภาพเบลอๆ มัวๆ เท่านั้น “ผมขอตอบตรงๆ เลยนะครับ คือ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ คืนนั้นผมก็เมาไม่รู้เรื่อง... แต่ผมหวังให้มี”
นภเกตน์เงยหน้าขึ้นสบสายตากับนัยน์ตาคมกริบ ตัวเขาเองก็นึกไม่ออก เหตุการณ์ในคืนนั้นเหมือนมีเมฆหนาบดบังจนพร่ามัว แต่ก็ช่างเถอะ... “ถ้าอย่างนั้น ลืมเรื่องคืนนั้นไปก่อน แล้วเราค่อยมาสร้างความทรงจำกันใหม่ต่อจากนี้ก็แล้วกัน”
ตฤณยิ้มกว้าง “ผมสู้ตายเลยล่ะครับ”
ผู้เป็นนายอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ผมเชื่อ”
แม้เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นจะยังคงเป็นเพียงแค่ภาพเลือนรางในความคิดของชายหนุ่มทั้งสอง แต่พวกเขาก็นึกขอบคุณความเบลอในคืนที่ว่า ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ซึ่งช่วยเปลี่ยนจากคนที่ไม่ชอบหน้ากันให้กลายมาเป็นคนรักกันได้ หากวันนี้ความรักของทั้งคู่ชัดเจนแน่วแน่ และพวกเขาพร้อมแล้ว ที่จะสร้างความทรงจำใหม่ๆ ร่วมกัน
“เขาว่ากันว่า ความรักทำให้คนเบลอ ดวงตาพร่ามัวจนมองอะไรไม่เห็น แต่สำหรับตฤณกับนภเกตน์แล้ว ความเบลอต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาได้พบกับคำว่า รัก”
END (จบภาค)ฮิ้วววว จบภาคแรกแล้วววว~ 
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ สองหนุ่มพากันเบลอกันเยอะเชียว 5555 เดี๋ยวไปเบลอกันต่อในภาคสอง "ยังเบลอ" นะค้า อยากอ่านมั้ย ขอเสียงหน่อยยยยย~
รักทุกคน จุ๊บบบบ 