ทัณฑ์กามเทพ -- Ver. Rewrite (บทที่ 1-39: updated 8/11/58 -- เวลา 15.55 น.)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทัณฑ์กามเทพ -- Ver. Rewrite (บทที่ 1-39: updated 8/11/58 -- เวลา 15.55 น.)  (อ่าน 69313 ครั้ง)

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ตบแต่งบัญชีนี่ผิดกฎหมายนะครัชลุง อย่าให้วิศรุตจับได้นะลุง ตายหยังเขียดแน่

แต่เราเข้าใจนะถ้าภาคินจะแค้นอะ เป็นใครโดนพูดแบบนี้ใส่ก็โกรธอะ

จะจับได้หรือจับไม่ได้ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป อิอิ
ส่วนเรื่องภาคิน... พอเรื่องแบบนี้มันทับถมพอกพูนต่อไปเรื่อยๆ ความแค้นก็ต้องบังเกิด เอิ้กๆๆๆ แล้วใครจะมาเป็นเหยื่อแค้นดีละเนี่ยยย ก้ากๆๆ ^-^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
น่าติดตามมากค่ะ
ภาษาไหลลื่น บรรยายเห็นภาพดีค่ะ

ถ้าน่าติดตาม ฝากติดตามด้วยเน้อ ตามไปจนจบยิ่งดีค่าา ฮาๆๆๆ ขอบคุณกับคำชมด้วยนะคะ มีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากมาย อิอิ

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เจอกันแล้ววว   :impress2: 

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
            “เอ่อ คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าคะ” ศรารัตน์เอ่ยทำลายความเงียบที่แทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่ หญิงสาวมองวิศรุตแล้วหันไปมองนภัทรด้วยสีหน้างุนงง สองคนนี้จ้องหน้ากันราวกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นแหล่ะ


          นภัทรรู้สึกตัวตอนที่ศรารัตน์ถามตน คุณหมอหนุ่มแกล้งกระแอมไอเล็กน้อยก่อนรีบพูด


            “คือว่าผมหาแฟ้มเอกสารเรื่องงานวิจัยไม่เจอน่ะครับ พอดีว่าตอนเช้าหยิบติดมือออกมาด้วยตอนที่ออกมาตรวจคนไข้ ไม่แน่ใจว่าลืมเอาไว้ที่นี่หรือเปล่า ผมก็เลยแวะมาดูเผื่อจะเจอ” ศรารัตน์ช่วยนภัทรมองหาแฟ้มที่ว่าแต่ก็ไม่เจอ


            “คุณหมอคงไม่ได้ลืมไว้ที่นี่หรอกค่ะ เแต่เอาไว้ถ้าเกิดเจอมันอยู่ในห้องนี้ เดี๋ยวฉันจะฝากพยาบาลไปคืนให้ก็แล้วกันนะคะ” นภัทรเอ่ยขอบคุณในความมีน้ำใจของอีกฝ่ายก่อนจะปรายตามองไปทางวิศรุตที่ยังยืนนิ่งไม่พูดอะไร ศรารัตน์เห็นสายตาของนภัทรพอดีจึงจำเป็นต้องเอ่ยแนะนำวิศรุตอย่างเสียไม่ได้


            “คุณหมอคะ นี่พี่ชายแท้ๆของฉันเองค่ะ ชื่อวิศรุต” ศรารัตน์หันไปทางพี่ชายตัวเองแล้วแนะนำอีกฝ่ายบ้าง “นี่คุณหมอ นภัทร คุณหมอเจ้าของไข้ของฉัน” วิศรุตมองหน้านภัทรอีกครั้งก่อนเอ่ยคำว่าสวัสดีออกมาด้วยสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก นภัทรเองก็ทักทายตอบด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน


            “คุณหมอทำท่าเหมือนรู้จักพี่ชายของฉัน สองคนเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” ศรารัตน์หันไปถามนภัทรที่เริ่มทำหน้า ไม่ถูก แต่วิศรุตชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน


            “เปล่าหรอก ฉันกับคุณหมอนภัทรเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” นภัทรมองหน้าอีกฝ่ายทันที เขาไม่รู้ว่าวิศรุตกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้บอกกับศรารัตน์ไปอย่างนั้น แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นไม่ยอมรับว่ารู้จักกับเขา เขาเองก็ได้แต่ต้องตามน้ำ


            “ผมกับคุณ... เอ้อ วิศรุต เราจะเคยรู้จักกันมาก่อนได้ยังไงล่ะครับ ที่ผมเสียมารยาทจ้องหน้าคุณวิศรุตเมื่อครู่ ก็เพราะนึกคุ้นหน้า คล้ายว่าเหมือนกับเพื่อนคนหนึ่งของผมตอนสมัยเรียนมัธยมปลาย แต่พอมองดีๆก็รู้ว่าไม่ใช่” คนที่ถูกพาดพิงถึงกับสะอึกในสิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมา เขายังไม่พร้อมตอบคำถามศรารัตน์ในตอนนี้ ถ้าหญิงสาวรู้ว่าทั้งเขาและนภัทรเคยรู้จักกันมาก่อน แถมเขายังไปหลงรักอีกฝ่ายอย่างหัวปักหัวปำ น้องสาวของเขาวีนแตกลั่นโรงพยาบาลแน่เพราะวิศรุตมั่นใจว่าศรารัตน์ไม่เคยระแคะระคายมาก่อนเรื่องที่ว่าเขาเป็นเกย์


            “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ” นภัทรรีบขอตัวเดินออกจากห้องไปโดยไม่ยอมสบตากับวิศรุตเลย


            แม้ว่าจะสงสัยในอาการแปลกๆของหมอนภัทรและพี่ชายตนเองที่บอกว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ผู้หญิงฉลาดอย่างศรารัตน์ก็พอจะมองออกว่าเรื่องนี้มีนัยอย่างแน่นอน หญิงสาวจึงมาคาดคั้นเอากับวิศรุตหลังจากที่นภัทรออกไปแล้ว


            “นายไม่เคยรู้จักหมอนภัทรมาก่อนจริงๆเหรอ”


            “ก็จริงน่ะสิ เมื่อกี้คุณหมอก็ยืนยันเองว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”


               “แต่ฉันเห็นนายกับหมอนภัทรดูท่าทางแปลกๆชอบกล”


               “ไม่มีอะไรหรอก ฉันจะไปรู้จักกับคุณหมอนภัทรอะไรนั่นได้ยังไงล่ะ” วิศรุตยืนยันเสียงเข้มก่อนพยายามตัดบทบอกให้น้องสาวพักผ่อนได้แล้ว ศรารัตน์ยอมทำตามแต่โดยดีแม้ในใจจะยังเต็มไปด้วยข้อสงสัยก็ตามที


              หลังจากที่แน่ใจว่าแม่น้องสาวตัวดีหลับสนิทแล้ว วิศรุตจึงลอบระบายลมหายใจแรง ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าศรารัตน์จะระแคะระคายเรื่องในอดีตระหว่างเขากับนภัทรหรือไม่ แต่น้องสาวเขาเป็นคนฉลาด อีกไม่นานคงต้องนึกสงสัยแน่ แล้วถึงตอนนั้นเขาจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี


             วิศรุตหมุนลูกบิดเปิดประตูอย่างเบาเสียงเพราะไม่อยากทำเสียงดังรบกวนคนป่วยที่นอนพักผ่อนอยู่ ในใจก็นึกไปถึงคนๆนั้นที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี เขามีหลายเรื่องที่อยากพูดคุย มีถ้อยคำมากมายที่อยากส่งผ่านให้ฝ่ายนั้นรับรู้บ้างถึงแม้ว่ามันจะส่งไปไม่ถึงหัวใจด้านชาของนภัทรเลยก็ตาม แต่วิศรุตกลัว... กลัวการเผชิญหน้ากับนภัทรในเวลาและสถานการณ์แบบนี้


            “ไม่ได้เจอกันนานนะ” คำพูดลอยๆแต่สามารถทำให้วิศรุตชะงักหยุดอยู่กับที่ คนที่ถูกเรียกชื่อค่อยๆหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับคนพูด วิศรุตช้อนตาสีน้ำตาลโศกคู่สวยมองฝ่ายตรงข้ามเต็มสองตา


             นภัทรที่กำลังยืนหันหลังพิงกำแพงด้านนอกห้องพักผู้ป่วยอยู่ก็มองตอบมาด้วยแววตาที่วิศรุตเองก็ไม่เข้าใจความหมาย แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นแววตาเชือดเฉือนเย็นชาแบบที่นภัทรเคยมีให้เขาบ่อยๆตอนสมัยเรียน


            “นายก็ยังเหมือนเดิมนะ” วิศรุตทักตอบพลางฝืนยิ้มบางๆให้ แล้วก็เงียบไปอย่างไม่รู้จะยกเรื่องอะไรขึ้นมาพูดทำลายความเงียบดี


            “แล้วนายล่ะ ยังเหมือนเดิมหรือเปล่า” คำพูดแฝงนัยของนภัทรที่ถามกลับทำเอาวิศรุตถึงกับตอบไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งจนนภัทรทนไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางอ้ำอึ้งของคนตรงหน้า ก่อนคุณหมอหนุ่มจะเปลี่ยนมาพูดเรื่องของศรารัตน์แทน “คิดไม่ถึงว่าคนไข้ของฉันจะเป็นน้องสาวของนาย” นภัทรไม่ได้เอะใจเลยว่าศรารัตน์ใช้นามสกุลทัดเทวาจนกระทั่งได้มาเจอกับวิศรุตโดยบังเอิญอีกครั้งหนึ่งในห้องของคนไข้ที่เขาดูแลอยู่


            “ฉันเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่านายจะเป็นหมอเจ้าของไข้ของยัยศรา น้องสาวฉัน” นภัทรไหวไหล่แล้วบอกว่า


            “โลกนี้ช่างมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นมากมายจริงๆ เช่น... เรื่องของฉันกับนาย”


            “นายจะพูดอะไร” เสียงที่เข้มขึ้นและห้วนตวัดบอกได้อย่างชัดเจนว่าวิศรุตเริ่มไม่พอใจคำพูดของฝ่ายนั้นขึ้นมาบ้างแล้วก่อนชายหนุ่มจะขึงตาใส่คนพูดจนอีกฝ่ายต้องพูดแก้แต่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้ที่มุมปากเช่นเดิม


            “ฉันแค่หมายความว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่ฉันกับนายได้มาเจอกันวันนี้ไง นายเข้าใจว่าอะไรล่ะ” วิศรุตปฎิเสธเสียงห้วนสั้นว่าเปล่า ก่อนจะผินหน้าไปอีกทางอย่างไม่สบอารมณ์ “กลับมาจากอังกฤษตั้งแต่เมื่อไหร่” จู่ๆนภัทรก็เปลี่ยนเรื่อง ทำเอาวิศรุตปรับอารมณ์ตามไม่ค่อยทัน แต่ก็ยอมตอบคำถามนั้นแต่โดยดี


            “ไม่กี่วันนี้เอง พอดีที่บ้านโทรไปบอกว่ายัยศราเจ็บหนักเข้าโรงพยาบาล ฉันก็เลยต้องมาดูหน่อย” นภัทรพยักหน้าเชิงว่ารับรู้ก่อนคุณหมอจะนิ่งไปซักพักแล้วตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุด


            “ไปหากาแฟดื่มสักถ้วย แล้วนั่งคุยกันดีไหม จะได้ย้อนคุยถึงเรื่องเก่าๆสมัยเรียนยังไงล่ะ” วิศรุตกลืนก้อนแข็งๆลงคอแล้วตัดใจเอ่ยปฎิเสธคำชวนของคุณหมอหนุ่มตรงหน้า


            “อย่าดีกว่า รบกวนเวลานายเปล่าๆ อีกอย่างฉันไม่อยากไปย้อนคิดถึงเรื่องเก่าๆอีกแล้ว” เรื่องของเขากับนภัทรมันจบลงตั้งแต่คืนนั้น คืนที่นภัทรปฎิเสธความรักของเขาอย่างไม่ไยดี เรียกให้ถูกก็คือมันจบตั้งแต่ยังไม่เริ่มเสียด้วยซ้ำ แค่คิดมาถึงตรงนี้ วิศรุตก็รู้สึกสมเพชตัวเองเต็มทน ชายหนุ่มยิ้มขื่นกับตัวเองก่อนหมุนตัวตั้งใจจะเดินหนีไปจากตรงนั้นเพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มทนกับสายตาแบบนั้นของนภัทรที่มองมาไม่ได้อีกต่อไป


            “ฉันดีใจนะที่ได้เจอนายอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าครั้งนี้เราจะต้องกลายมาเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม” นภัทรพูดไล่หลัง


            “สักวันนายอาจจะนึกเสียใจก็ได้ที่เราได้มาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง” วิศรุตพูดเบาๆกับตัวเองโดยไม่ได้หันกลับไปมองนภัทรอีกเลย

 



            การดำเนินชีวิตประจำวันของวิศรุตไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนักหลังจากที่ได้พบนภัทรอีกครั้งที่โรงพยาบาลในวันนั้น ชายหนุ่มเข้ามาทำงานที่บริษัทบ้างเป็นบางวันเพื่อไม่ให้ผู้บริหารและบรรดาพนักงานคนอื่นๆค่อนแคะเอาได้ว่าประธานกรรมการของทัดเทวาทำตัวลอยชายไปวันๆ ไม่เอาการเอางานอย่างที่คุณมงคลชอบกล่าวหาเขาบ่อยๆ เมื่อนึกถึงคุณวรุตผู้เป็นบิดาที่เป็นคนสร้างบริษัทแห่งนี้ให้เติบใหญ่ขึ้นมากับมือ ชายหนุ่มในฐานะลูกชายคนเดียวก็ควรจะเข้ามาดูแลบริษัทบ้าง อย่างน้อยก็ช่วงที่ศรารัตน์กำลังนอนเจ็บหนักอยู่ที่โรงพยาบาลขณะนี้


            พอนึกถึงศรารัตน์ วิศรุตก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงใครอีกคน การเผชิญหน้ากับนภัทรอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวในวันนั้นทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้งอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว แม้ว่าวิศรุตจะเคยสัญญากับตัวเองมาตลอดว่าจะลบความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับคนๆนั้นออกไปจากใจ ช่วงเวลาที่เขาไปเรียนต่อและใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกก็เหมือนว่าเขาจะทำได้สำเร็จแล้ว ถึงแม้ในตอนแรกๆจะยังทำใจไม่ได้ แต่ความรู้สึกในเวลาต่อมาก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนตอนสมัยม.ปลายอีกแล้ว เขาเคยคิดว่าตัวเองสามารถลืมนภัทรได้จริงๆ แต่เปล่าเลย พอเขากลับมาเมืองไทย ข่าวคราวของเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็ยังคงเป็นนภัทรอยู่ดี เขาอยากรู้ว่าฝ่ายนั้นจะเป็นยังไงและตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ นภัทรจะเคยนึกถึงเขาบ้างไหมนะ แล้วเขาเคยอยู่ในความทรงจำของฝ่ายนั้นบ้างหรือเปล่า นึกมาถึงตอนนี้วิศรุตได้แต่แค่นยิ้มกับตัวเอง ไม่มีทางที่คนอย่างนภัทรจะมาคิดถึงเขาหรอก ฝ่ายนั้นจะมามัวคิดถึงคนที่ตัวเองเคยเกลียดแสนเกลียดได้อย่างไร เพราะนภัทรไม่ได้มอบความรักให้เขาอย่างที่เขามอบให้ฝ่ายนั้นอย่างหมดใจ แต่เพียงสิ่งเดียวที่เขาได้รับจากฝ่ายนั้นเป็นสิ่งตอบแทนสำหรับความรู้สึกพิเศษที่มีให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา นั่นคือ... ความเกลียดชัง


            วิศรุตหมุนปากกาในมือเล่นอย่างใจลอย ความคิดของชายหนุ่มวนไปวนมาถึงเรื่องของนภัทรซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ตอนนี้เขา ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเวลาไม่ได้ช่วยให้ตัวเองลืมฝ่ายนั้นได้เลย  ถ้าเพียงศรารัตน์ไม่ประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาล... ถ้าเพียงเขาไม่กลับมาเมืองไทยเพื่อมาเยี่ยมอาการน้องสาว... ถ้าเพียงนภัทรไม่ใช่นายแพทย์นภัทร อิสรีย์ แพทย์เจ้าของไข้ของศรารัตน์... ถ้าเพียงแต่เขาลบเหตุการณ์ในคืนนั้นออกไปจากหัวใจและความทรงจำได้... ถ้าเพียง...


            ‘ก๊อกๆ’


            เสียงเคาะประตูทำให้นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของตำแหน่งประธานกรรมการของบริษัททัดเทวาหลุดจากภวังค์ ชายหนุ่มอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาได้ คงเป็นคุณอิงอร เลขาฯของเขาที่เอาแฟ้มงานกองโตมาให้พิจารณาอีกเป็นแน่ วิศรุตคิดแล้วก็แอบเบ้หน้าด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อไหร่ที่ศรารัตน์กลับมาคุมงานที่บริษัทได้ เขาจะหนีไปใช้ชีวิตแบบเดิมที่เมืองนอกเสียให้รู้แล้วรู้รอด


            คนที่มารบกวนการทำงานของเขาเป็นอิงอรจริงๆ แต่เบื้องหลังเลขาฯของเขายังมีอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย


            “ท่านประธานคะ คุณภาณุมาขอพบค่ะ” วิศรุตเงยหน้าขึ้นมองแขกที่มาขอพบก่อนจะยิ้มกว้างเพราะกำลังนึกอยากเจอเพื่อนสนิทคนนี้อยู่พอดี หลายวันมานี้เขาแทบไม่ได้ติดต่อภาณุเลยเพราะต้องเริ่มศึกษางานที่บริษัทระหว่างที่ศรารัตน์ไม่อยู่ ประจวบกับช่วงนี้ภาณุเองก็กำลังยุ่งๆกับบริษัทอัญมณีซึ่งเป็นกิจการของทางบ้าน โอกาสจะได้เจอกันก็หาได้ยากกว่าเมื่อก่อน เพราะตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ จะให้เที่ยวเตร่ด้วยกันบ่อยๆเหมือนสมัยเรียนคงไม่ได้อีกแล้ว


            “ผมมารบกวนเวลาทำงานของท่านประธานกรรมการหรือเปล่าครับเนี่ย” วิศรุตขำพรืดกับคำเรียกขานที่เพื่อนสนิทใช้แซวตนเอง ชายหนุ่มหันไปส่งสายตาให้อิงอรเป็นเชิงว่าให้ช่วยเตรียมของว่างกับกาแฟเข้ามาให้ด้วยซึ่งเลขาฯคนนี้ของเขาก็รู้หน้าที่ตนเป็นอย่างดี


            “ว่าไงไอ้โอม ทำไมวันนี้มาหาฉันถึงที่ทำงานได้เนี่ย ลมอะไรหอบมา” วิศรุตถามหลังจากอิงอรออกไปแล้ว


            “ถามได้ ก็ลมคิดถึงน่ะสิ” ภาณุขำกับหน้าปูเลี่ยนๆของเพื่อนสนิทที่ทำท่าขนลุกกับคำตอบที่ได้รับ


            “นี่ถ้าฉันเป็นผู้หญิงได้ฟังแบบนี้จะต้องหัวใจละลายจนอ่อนยวบแน่เลย” วิศรุตพูดแซวภาณุอีกสองสามคำก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานมากขึ้น “แล้วตกลงว่าที่นายมาหาฉันเนี่ยเพราะคิดถึงอย่างเดียวหรือว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า”วิศรุตถามเพราะสงสัยว่าร้อยวันพันปีภาณุไม่เห็นเคยจะมาหาเขาที่บริษัทสักครั้ง โดยเวลานัดเจอกันทุกครั้งจะนัดเจอที่ข้างนอกเสียมากกว่า


            “ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหล่ะ พอดีฉันมาเจรจางานแถวนี้ เสร็จแล้วก็เลยคิดว่าจะมาชวนนายไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน อีกอย่างจะได้เลยไปเยี่ยมยัยศราด้วย” ตั้งแต่ศรารัตน์ป่วยเข้าโรงพยาบาล เขายังไม่ได้ไปเยี่ยมเลยสักครั้ง จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้สนิทสนมกับหญิงสาวเหมือนที่สนิทสนมกับวิศรุต แต่เพราะศรารัตน์ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวของวิศรุต เพื่อนสนิท เขาก็ควรจะแสดงน้ำใจบ้าง อย่างน้อยเขาเองก็รู้จักฝ่ายนั้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก


            บทสนทนาเว้นช่วงไปตอนที่อิงอรเอากาแฟและของว่างเข้ามาเสริ์ฟให้กับทั้งคู่ ภาณุละเลียดชิมกาแฟหอมกรุ่นฝีมืออิงอรก่อนจะเอ่ยชมว่าอร่อยซึ่งทำเอาคนชงถึงกับหน้าบานกับคำชมของเพื่อนสนิทเจ้านายไม่น้อย ก่อนจะขอตัวไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ


            “ว่าไงล่ะ จะไปด้วยกันหรือเปล่า” ภาณุถามเพราะเห็นวิศรุตนิ่งไปกับคำชวนของตน เขาเองไม่ได้จะคิดมากอะไรหากว่าวิศรุตจะปฏิเสธเพราะพอรู้อยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างวิศรุตและศรารัตน์ไม่ค่อยปกติเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ คงจะกลัวมีเรื่องกับยัยศรา แต่ละคนก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ ภาณุคิดในใจ


            “ฉันได้เจอเขาแล้ว” จู่ๆวิศรุตก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา ทำเอาภาณุงงไปเล็กน้อยว่าคู่สนทนากำลังพูดถึงใคร “ฉันเจอกับนภัทรแล้ว” วิศรุตต่อให้เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของเพื่อนสนิท


            “อะไรนะ”ภาณุถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู ก่อนที่วิศรุตจะถอนหายใจเฮือกแล้วตัดสินใจเล่าเรื่องที่เจอกับนภัทรที่โรงพยาบาลให้คู่สนทนาฟังเพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะมีความลับกับเพื่อนคนนี้อยู่แล้ว


            “สรุปว่านภัทรกลายมาเป็นหมอเจ้าของไข้ยัยศราเนี่ยนะ” วิศรุตพยักหน้ายอมรับ “แล้วยัยศรารู้หรือเปล่าว่านายเคยชอบนภัทร เอ้อ เคยรู้จักกันมาก่อน”


            “ฉันโกหกไปว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เหมือนยัยศราดูจะสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ช่างเถอะเพราะอย่างน้อยนภัทรก็ช่วยยืนยันว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ยัยศราคงไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องนี้นักหรอก” เมื่อคิดถึงเรื่องตอนนั้น วิศรุตอดรู้สึกเสียวแปลบในใจไม่ได้ เขากับนภัทรเป็นได้แค่เพียงคนที่ไม่รู้จักกันเท่านั้น


            เหมือนภาณุจะสังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติไปของวิศรุต ชายหนุ่มจึงเอ่ยออกมาว่าไม่ต้องไปเยี่ยมศรารัตน์เป็นเพื่อนเขาก็ได้ เพราะวิศรุตอาจจะยังไม่พร้อมจะเจอนภัทรในเวลานี้ อีกอย่างเขากลัวว่าวิศรุตจะไปปะทะคารมกับศรารัตน์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดตั้งแต่เด็กอีกด้วย คงไม่ใช่เรื่องดีนักหากจะไปชวนคนป่วยทะเลาะแบบนั้น ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาจากวิศรุตทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย เวลาคงจะทำให้วิศรุตเข้มแข็งขึ้นจริงๆ


            “ฉันจะไปกับนายด้วย นภัทรเป็นหมอคงมีงานต้องทำเยอะ คงไม่ได้มาดูแลคนไข้อย่างยัยศราเพียงคนเดียวหรอก อีกอย่างถึงต้องเจอกันก็แล้วยังไงล่ะ ไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะต้องวิ่งหนีอีก นายคิดดูสิว่าเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องวิ่งหนีหรือหลบหน้าคนที่เพิ่งจะรู้จักกันด้วย”

 



            การคาดการณ์ของวิศรุตนั้นผิดเมื่อทั้งเขาและภาณุเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไปแล้วพบว่านอกจากศรารัตน์แล้วยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ในห้องด้วย  ร่างสูงสมส่วนในชุดเสื้อกาวน์สีขาวที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกลากมาใกล้ข้างเตียงคนป่วยยืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปมองผู้มาใหม่สองคน ใบหน้าคุณหมอหนุ่มที่ประดับด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ยามเมื่อสนทนากับศรารัตน์กลับคลายยิ้มลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ภาณุและวิศรุต


            “สวัสดีครับคุณหมอ” วิศรุตเป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อนพร้อมใบหน้าฉาบรอยยิ้มที่นภัทรมองออกว่าเจ้าตัวคงไม่ได้ตั้งใจยิ้มให้เขาเป็นแน่ ก่อนคุณหมอหนุ่มจะทักทายตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ ดวงตาสีถ่านภายใต้แว่นตาไร้กรอบมองไล่ไปยังอีกคนหนึ่ง ที่มากับวิศรุตด้วย ก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้กับฝ่ายนั้น เพราะถึงจะแสร้งว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ถึงอย่างไรภาณุเองก็เคยเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาสมัยตอนเรียนมัธยม การทำเฉยเมยต่ออีกฝ่ายดูจะเป็นการเสียมารยาทเกินไปในความคิดของนภัทร ซึ่ง ชายหนุ่มก็ไดัรับรอยยิ้มสุภาพกลับคืนมาเช่นกัน แม้จะไม่มีคำทักทายที่บ่งบอกว่าทั้งคู่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม วิศรุตคงเล่าเรื่องให้ภาณุฟังแล้ว นภัทรคิดในใจเงียบๆ


            “เอาอีกแล้วนะวิน ทำไมจะเข้ามาไม่มีการเคาะประตูก่อนล่ะ” เสียงศรารัตน์ดังขึ้นทำลายสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ วิศรุตสบตาศรารัตน์อย่างไม่ค่อยพอใจนัก จริงอยู่ว่าเขาผิดที่ไม่ได้เคาะประตูก่อน แต่น้องสาวตัวดีไม่น่าจะหลอกด่าเขาเรื่องความไม่มีมารยาทต่อหน้าบุคคลอื่นแบบนี้


             ศรารัตน์เมินสายตาไม่พอใจนั้นแล้วหันไปทักทายผู้มาใหม่อีกคนที่ตอนนี้เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงของเธอ


            “สวัสดีค่ะพี่โอม” ภาณุรับไหว้หญิงสาวก่อนจะวางของเยี่ยมเอาไว้ตรงชั้นวางของใกล้ๆกัน


            “เป็นไงบ้างน่ะเรา กระดูกเหล็กจริงๆเลยแม่คนนี้” ศรารัตน์หัวเราะเล็กน้อยกับคำชมกึ่งประชดของเพื่อนสนิทพี่ชายก่อนจะบอกว่าตอนนี้ตนดีขึ้นมากแล้ว อีกไม่นานก็คงจะออกจากโรงพยาบาลได้เพราะตัวเองก็ชักเบื่อการนอนนิ่งๆแบบนี้เต็มที


            “นึกว่าจะชอบที่นี่จนไม่อยากกลับซะอีก” วิศรุตอดพูดขึ้นมาลอยๆไม่ได้ ดูจากตอนเข้ามาที่เห็นว่าศรารัตน์กำลังหัวเราะพูดคุยอย่างร่าเริงอยู่กับคุณหมอเจ้าของไข้ ไม่ได้มีแววเบื่อโรงพยาบาลสักนิดอย่างที่เจ้าตัวพูด


            “จะมาชวนทะเลาะอะไรอีกล่ะวิน”ศรารัตน์สีหน้าเข้มขึ้นกับคำพูดของพี่ชาย เจอหน้าทีไรต้องเป็นแบบนี้ทุกทีเลย


            “ถ้าคุณศรามีเพื่อนคุยแล้ว อย่างนั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ แล้วจะมาคุยด้วยใหม่วันหลัง” นภัทรคลี่ยิ้มอบอุ่นให้กับคนป่วยที่นอนพิงหมอนอยู่บนเตียงก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป โดยหลังจากนภัทรออกไปแล้ว ทั้งห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบทันทีจนภาณุกลัวว่าจะเกิดสงครามน้ำลายขึ้นมาเสียก่อนหากบรรยากาศตึงเครียดไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มจึงหาเรื่องคุยขึ้นมา


            “พี่ซื้อพวกผลไม้กับของบำรุงมาเยอะเลย ศราทานเยอะๆนะครับจะได้หายไวๆ ไอ้วินน่ะบ่นบ่อยๆว่าศราทิ้งบริษัทให้มันรับผิดชอบคนเดียว มันจะเฉาตายอยู่แล้วเพราะโดนเพ่งเล็งจากพวกผู้บริหารแล้วก็ญาติๆที่เป็นกรรมการบริษัท ไอ้วินบ่นจนพี่ฟังหูจะแฉะอยู่แล้วเนี่ย ใช่ไหมไอ้วิน” ภาณุพูดติดตลกแถมท้ายประโยคโยนให้วิศรุตด้วยซะงั้น แต่ตอนนี้วิศรุตและศรารัตน์ไม่มีอารมณ์จะขำกับคำพูดของภาณุเท่าใดนัก


            “ยัยศราคงยังไม่อยากรีบออกจากโรงพยาบาลเท่าไหร่หรอกมั๊ง ปากก็บอกว่าเบื่อ แต่เมื่อกี้ตอนที่คุยกับคุณหมอไม่เห็นเธอจะแสดงอาการเบื่อให้เห็นอย่างที่พูดเลย” วิศรุตที่ยืนกอดอกอยู่พูดขึ้น ภาณุส่งสีหน้าจะบ้าตายให้เพื่อนสนิทแทนคำพูด ชายหนุ่มรู้ดีว่าวิศรุตเริ่มก่อสงครามน้ำลายอีกแล้ว ซึ่งศรารัตน์ก็ดูท่าทางจะยอมคนเสียเมื่อไหร่


            “หมอกานต์เค้ามาคุยเป็นเพื่อนแก้เบื่อให้ฉันต่างหาก นายก็อย่ามาหาเรื่องนักเลย วันนี้ฉันอารมณ์ดีๆอย่ามาทำให้อารมณ์เสียเลย ขอร้อง” สรรพนามที่ศรารัตน์ใช้เรียกนภัทรเปลี่ยนไปจากคุณหมอนภัทรเป็นหมอกานต์ และจากที่นภัทรเคยเรียกน้องสาวเขาว่าศรารัตน์กลับเปลี่ยนเป็นคุณศรา มันบ่งบอกได้ดีถึงความสนิทสนมที่เพิ่มขึ้นถึงขนาดให้เรียกชื่อเล่นกันได้อย่างสนิทปาก  วิศรุตกัดกรามแน่น ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววไม่พอใจให้เห็นครู่หนึ่งก่อนจะหายไปแทบจะทันที แต่ถึงอย่างนั้นภาณุก็ยังสังเกตเห็นอยู่ดี ดีที่ศรารัตน์ไม่ทันเห็นเพราะหญิงสาวเชิดหน้าเมินไปอีกทาง


            “ถ้าเป็นแค่เพื่อนคุยแก้เหงาแก้เบื่อก็แล้วไป แต่อย่าให้เป็นมากกว่านั้นก็แล้วกัน” วิศรุตลงท้ายเสียงหนักในประโยคสุดท้าย ถ้าคนที่ไม่เคยรู้เรื่องวิศรุตกับนภัทรมาก่อนก็คงจะคิดว่าเป็นเพราะวิศรุตเกิดอาการหวงน้องสาวคนสวยขึ้นมากะทันหัน แต่สำหรับศรารัตน์กับภาณุแล้วมันไม่ใช่


            ศรารัตน์นึกแปลกใจกับคำพูดของพี่ชาย แต่ด้วยความรั้นและไม่ยอมลงให้พี่ชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เธอแค่นยิ้มเย็นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนอารมณ์คนฟังให้ยิ่งขุ่นขึ้นไปอีก


            “ถ้าเป็นมากกว่านั้นแล้วจะทำไมล่ะ หมอกานต์เองก็จัดว่าโอเค ถึงแม้ฐานะจะไม่ได้ร่ำรวยถึงขั้นเศรษฐีแต่ก็ไม่ได้ขัด สนอะไร หน้าที่การงานก็มั่นคง อัธยาศัยก็ดีมีน้ำใจ แถมหล่ออีกต่างหาก”


            “เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เธอยังไม่รู้จักนิสัยแท้จริงของหมอนั่นดีพอเลย แล้วมาพูดอย่างกับว่ารู้จักกันมาเป็นสิบปีงั้นแหล่ะ”


            “แต่นายเองก็พูดเหมือนรู้จักเขามาเป็นสิบปีงั้นแหล่ะ ถ้าจะมาเพื่อชวนทะเลาะล่ะก็ วันหลังไม่ต้องมานะ” คำพูดของ ศรารัตน์ทำเอาวิศรุตสะอึก ใช่สิเขารู้จักนภัทรมาเป็นสิบปีถึงได้รู้ว่าฝ่ายนั้นแบบคนแบบไหน เย็นชาไม่มีหัวใจแค่ไหน แต่บางทีไอ้นิสัยแบบนี้นภัทรอาจจะแสดงเฉพาะกับเขาเท่านั้นก็ได้ กับคนอื่นฝ่ายนั้นคงดีด้วยไม่มากก็น้อย วิศรุตได้แต่เม้มปากแน่น


            ภาณุกลัวว่าเรื่องจะยิ่งบานปลายเข้าไปใหญ่ แล้วเกิดศรารัตน์ระแคะระคายเรื่องนภัทรกับวิศรุตขึ้นมามันจะยิ่งแย่ ชายหนุ่มเลยพยายามตัดบทสนทนาให้จบลงแค่นี้


            “เอ่อ พี่ว่าศราพักผ่อนดีกว่านะ”


            “ที่พูดเพราะห่วงหรอกนะ ไม่อยากให้โดนผู้ชายหลอก เธอก็รู้ดีนี่นาว่ามีผู้ชายตั้งเยอะแยะอยากจะเลื่อนระดับตัวเองด้วยการเกี่ยวดองกับทัดเทวา” ภาณุตกใจกับคำพูดแรงของเพื่อนสนิท ถ้าวิศรุตหมายถึงผู้ชายคนอื่นเขาจะไม่แปลกใจเลย เพียงแต่ว่าครั้งนี้วิศรุตหมายถึงนภัทร อิสรีย์ คนพูดก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่านภัทรไม่น่าจะเป็นผู้ชายที่เลวถึงขนาดหลอกใช้ความรู้สึกของผู้หญิงเพื่อยกระดับฐานะตัวเองหรอก


              ดูเหมือนว่าวิศรุตก็ตกใจกับสิ่งที่ตนพูดออกไปเช่นกัน แต่เขายอมให้ศรารัตน์ชอบนภัทรไม่ได้เด็ดขาด และถึงนภัทรจะไม่ได้รักเขาก็ตาม แต่อย่างน้อยคนที่ได้หัวใจของฝ่ายนั้นไปจะต้องไม่ใช่ศรารัตน์ คนๆนั้นจะต้องไม่ใช่น้องสาวของเขาคนนี้!


            “นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน นายไม่เกี่ยว ฉันตัดสินใจเองได้ แล้วฉันก็ไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่ทันเกมของคนอื่น ดังนั้นนายสนใจเรื่องของตัวเองไปเถอะ อย่ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉัน เพราะขนาดเรื่องส่วนตัวของนาย ฉันเองก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งสักครั้ง” ศรารัตน์เอ่ยเสียงเย็นเยียบ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมวิศรุตถึงมีอคติกับหมอกานต์ของเธอนักหนา ทั้งที่แต่ก่อนเธอควงหรือคบผู้ชายคนไหน วิศรุตไม่เห็นจะเคยสนใจ ตอนนี้นึกยังไงถึงมาห่วงว่าเธอจะโดนผู้ชายอย่างหมอกานต์หลอก ศรารัตน์เหลียวหน้าไปสบตาวิศรุตอย่างถือดี ในตอนนี้ความอยากเอาชนะพี่ชายมีเหนือกว่าอะไรทั้งหมด


            วิศรุตแค่นเสียงเย็นชาก่อนสาวเท้ายาวๆออกจากห้องไปพร้อมกับประตูที่ถูกปิดดังปังตามแรงอารมณ์อย่างไม่เกรงใจคนป่วยห้องอื่นเลยสักนิด


            ภาณุมองตามวิศรุตไปอย่างเข้าใจความรู้สึก เขาเป็นเพื่อนสนิทกับวิศรุตมานานหลายปี ทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ วิศรุตคงกำลังเกิดอาการที่เรียกง่ายๆว่า ‘หึง’ น้องสาวตัวเองกับนภัทรอยู่แน่ๆ ถ้าทั้งคู่ลงเอยกันจริงๆ คนที่เสียใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นวิศรุตอย่างแน่นอน


Aislin: วันนี้พอกลับมาจากต่างจังหวัดเลยรีบมาอัพให้อย่างว่องไวเลยค่ะ หวังว่าคงจะสนุกกับการอ่านนะคะ ตอนนี้พระ-นายก็เจอกันแล้ว แต่เจอกันในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะเอื้อสักเท่าไหร่ ต้องมาลุ้นเองว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ก่อนที่ Aislin จะอัพตอนต่อไปให้ได้อ่านกัน ไหนๆๆขอเสียงแฟนๆนิยายเรื่องนี้หน่อยเร้วววววววว.... ความเร็วของการอัพนิยายจะมาพร้อมกับความดังของเสียงนักอ่าน ก๊ากๆๆ (มีต่อรองด้วยเว้ยเฮ้ยยย)

ปล. อย่าลืมไปกด LIKE ในแฟนเพจ www.facebook.com/Aislin.Napoon   นะคะเพราะเร็วๆนี้เกดจะอัพหน้าปกนิยายเรื่องนี้ให้ได้ยลโฉมกัน แล้วก็จะแจ้งรายละเอียดอื่นๆเกี่ยวนิยายด้วย เราจะได้ไม่พลาดทุกการติดต่อเน้อ ^0^

 

 

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
เจอกันแล้ววว   :impress2:

ลุ้นล่ะสิ อิอิ ^0^

ออฟไลน์ jenjen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบเรื่องนี้ตั้งแต่คราวก่อนแล้ว พอเห็นรีบเข้ามาเลย :katai2-1:

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ศราคงจะเป็นก้างชิ้นโตของความรักครั้งนี้   :hao7: เอาไปเก็บได้มั้ย   o18

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
กลับมาอ่านฉบับรีไรท์ค่ะ

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :hao7: อร้ายยยยย ชอบมากเลยค่ะ ชวนติดตาม ตอนมอปลายนี่มาม่าสุดขีด แต่เรื่องตอนโตดูเข้มข้นสนุกฝุดๆ อ่านตอนโตแล้วรู้สึกว่าหมอกานต์เหมือนต้องการเข้าหาวินเลยอ่ะ  :hao3: คิดว่าศรานี่แหล่ะจะเป็นตัวแปรสำคัญให้สองคนนี้ต้องเจอกัยบ่อยๆ  :katai3: อั้ยยยย...อยากอ่านตอนต่อไปแย้วอ่า  :hao7:

ออฟไลน์ 14th-friedegg

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อ่านแล้วติดงามแง่มเลยคะ ชอบมากๆ

อยากรู้ว่าตอนนี้คุณหมอรู้สึกยังไงจริงๆ
เหมือนตอนนั้นคุณหมอจะค้างคามากๆ พอค้างคาแล้วก็เก็บเอามาคิดถึงตลอดรึป่าวคะ??

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
หึงแรงมากกก และปากร้ายมากกก

อยากรู้ว่าอะไรบ้างที่จะทำให้พี่น้องคู่นี้สามัคคีกักันได้ 5555

แต่ว่า ตอนนี้สงสัยความรู้ความรู้สึกของหมอกานต์มากอะ มีชวนไปกินกาแฟด้วย

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1



              หลังจากทะเลาะกับน้องสาวตัวดีไปเสียยกใหญ่ วิศรุตก็เดินดุ่มๆออกจากห้องพักผู้ป่วยด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่สบอารมณ์นัก ชายหนุ่มนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังเคาเตอร์พยาบาลของวอร์ดนั้นแล้วแจ้งความประสงค์ว่าตนต้องการพบนายแพทย์ นภัทร อิสรีย์ พยาบาลผู้นั้นถามถึงจุดประสงค์ที่ต้องการพบคุณหมอนภัทรซึ่งวิศรุตก็แกล้งบอกไปว่าเขาต้องการปรึกษาเรื่องอาการป่วยของน้องสาว เจ้าตัวจะส่งยิ้มนุ่มนวลให้พยาบาลสาวคนนั้นไปทีหนึ่ง ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าหล่อนถึงกับยิ้มสะท้านด้วยความเขินอายก่อนจะยกหูโทรศัพท์เพื่อติดต่อธุระให้กับวิศรุต


            “เดี๋ยวดิฉันจะนำคุณไปยังห้องทำงานของคุณหมอนภัทรค่ะ” พยาบาลสาวบอกหลังจากวางหูโทรศัพท์ไปแล้วก่อนจะเดินนำวิศรุตขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสิบของอาคารซึ่งถูกจัดเป็นส่วนห้องทำงานของบรรดาศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งนี้


            “กรุณารอสักครู่นะคะ พอดีคุณหมอติดตรวจเคสรายอื่นพอดี แต่อีกไม่นานก็จะขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ” นางพยาบาลบอกวิศรุตอีกครั้งเมื่อทั้งคู่มาถึงห้องทำงานที่ป้ายระบุหน้าห้องกำกับไว้ว่า นายแพทย์ นภัทร อิสรีย์ วิศรุตยิ้มเป็นเชิงขอบคุณให้คนที่พามาก่อนเลือกที่จะนั่งลงบนชุดโซฟารับแขกสีครีมกลางห้องเพื่อรอพบคนที่อยากเจอ


            เพียงไม่นานประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกโดยแพทย์หนุ่มเจ้าของห้อง วิศรุตมองสบตานภัทรด้วยสายตาเยือกเย็นก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรของเขา


            “พยาบาลที่วอร์ดบอกว่าคุณวิศรุตอยากพบผม” นภัทรเปิดบทสนทนาทันทีก่อนผายมือเชิญให้แขกนั่งลงที่โซฟาเหมือนเดิม เจ้าของห้องวางแฟ้มงานลงบนโต๊ะทำงานแล้วเดินอ้อมไปนั่งยังอีกฝั่งของโซฟารับแขก “ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอครับ ถ้าหากว่าเป็นอาการป่วยของคุณศรารัตน์ ผมคิดว่า...”


            “อย่ายุ่งกับศรารัตน์” คำพูดเรียบๆทำให้นภัทรกระตุกยิ้มที่มุมปาก


            “ผมเป็นหมอเจ้าของไข้เธอ”


            “คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น คุณหมอเองก็เป็นคนฉลาด น่าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังพูด” แน่นอนว่านภัทรเข้าใจดีทีเดียวว่าวิศรุตหมายความว่าอย่างไร คุณหมอหนุ่มหยักยิ้มมุมปาก ความรู้สึกลึกๆบางอย่างทำให้เขานึกอยากแกล้งคนตรงหน้าขึ้นมาทันที


            “ถ้าเป็นเรื่องที่ผมสนิทสนมกับคุณศราเกินกว่าการตรวจอาการคนไข้ตามปกติแล้วล่ะก็ ผมขอยืนยันได้เลยว่าผมและน้องสาวของคุณพูดคุยกันอย่างบริสุทธิ์ใจ และที่สำคัญเราถูกอัธยาศัยกันมากเลยทีเดียว” หัวใจของวิศรุตกระตุกเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนมาดขรึมเย็นชาแบบนภัทรจะมาถูกอัธยาศัยใจคอผู้หญิงแบบน้องสาวเขาได้


            “อย่างยัยศราเนี่ยนะ” คู่สนทนาเผลอหลุดปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ทำให้นภัทรต้องกลั้นยิ้มไว้ก่อนปั้นหน้าเอ่ยต่อ


            “ครับ คุณศราเธอทั้งสวย น่ารัก คุยเก่ง อยู่ใกล้เธอแล้วรู้สึกว่าโลกนี้ดูสดใสขึ้นมากกว่าเดิม เธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากทีเดียว” ถ้อยคำที่นภัทรพูดล้วนมาจากใจจริง หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับศรารัตน์บ่อยๆทำให้เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ในตัวเองและก็น่าสนใจมากทีเดียว ซึ่งความน่าสนใจอันดับแรกก็คือนามสกุลดังอย่าง ‘ทัดเทวา’ ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับวิศรุตนั่นแหล่ะ


            “ถ้าคุณสนใจยัยศราล่ะก็ เลิกคิดไปเสียดีกว่าเพราะยัยศรามีคนรักอยู่แล้วก็คือภาณุ เพื่อนผมยังไงล่ะ” วิศรุตปดคำโตออกไป ในใจก็ภาวนาขอโทษขอโพยภาณุไปด้วยที่ต้องเอาชื่อฝ่ายนั้นมาอ้างเพราะตอนนี้เขานึกอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ


            คำพูดของวิศรุตทำให้นภัทรเลิกคิ้วสงสัยเพราะศรารัตน์เองเคยบอกเขาว่าเธอยังไม่มีคนรักที่ไหน เพียงครู่เดียวสมองอันชาญฉลาดของหมอนภัทรก็เข้าใจทุกอย่าง วิศรุตคงโกหกเพื่อให้เขาเลิกยุ่งกับน้องสาวฝ่ายนั้นเพราะจากการสังเกตท่าทางของศรารัตน์ยามได้พบกับภาณุตอนชายหนุ่มมาเยี่ยม เขาไม่เห็นว่าทั้งคู่จะแสดงอาการให้เห็นเลยสักนิดว่าเป็นคนรักกัน


            “งั้นเหรอครับ แต่ผมคิดว่าคุณศรายังไม่มีคนรักเสียอีก เพราะเธอบอกเอาไว้อย่างนั้น” วิศรุตกัดฟันเจ็บใจที่คู่สนทนารู้ทันแถมยังทำหน้ายิ้มเยาะเขาอีก เขาไม่ยอมแพ้หรอก


            “ถึงไม่ใช่ภาณุ ก็ต้องเป็นคนอื่นที่เหมาะสมอยู่ดี ครอบครัวผมน่ะเป็นนักธุรกิจ จะคบหากับใครก็ต้องดูพื้นเพฐานะทางสังคมให้อยู่ในระดับเดียวกัน การแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจเป็นสิ่งปกติธรรมดาสำหรับนักธุรกิจอย่างพวกเรา แม้ว่ามันจะเป็นการแต่งงานที่ปราศจากความรักก็ตาม ฉะนั้นผมขอเตือนว่าถ้าตอนนี้คุณกำลังเกิดความรู้สึกพิเศษกับยัยศรา ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใดก็ตาม ได้โปรดเลิกคิดเสียด้วยเพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่ดี” นภัทรอยากจะหัวเราะออกมาดังๆที่วิศรุตคิดไปไกลเกินแล้ว จริงอยู่ว่าเขาชอบศรารัตน์ แต่ก็เอ็นดูในฐานะน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งเท่านั้น แต่ชายหนุ่มเองก็ไม่มั่นใจว่าศรารัตน์จะคิดลึกซึ้งกับตนเหมือนอย่างที่พี่ชายเธอกำลังกลัวอยู่เหรอเปล่า


             จะว่าไปวิศรุตจะมาเดือดร้อนแทนศรารัตน์ทำไม จะบอกว่าเป็นพี่ชายหวงน้องสาวก็คงจะไม่ถูกนักเพราะจากคำบอกเล่าของศรารัตน์ทำให้นภัทรรู้ว่าคู่สนทนากับศรารัตน์เป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่ ซึ่งในพักหลังเขาและหญิงสาวเริ่มสนิทกันอย่างรวดเร็วจนเธอกล้าเปิดใจเล่าเรื่องราวหลายๆเรื่องให้เขาฟังรวมถึงเรื่องนี้ด้วย หรือว่าวิศรุต... เรื่องราวในอดีตสมัยมัธยมปลายแล่นเข้ามาในห้วงความคิด ก่อนริมฝีปากหยักโค้งได้รูปจะเอื้อนเอ่ยบางสิ่งออกมาที่ทำให้คนฟังนิ่งไปชั่วขณะ


            “ที่นายมาคอยกีดกันฉันกับคุณศรา เป็นเพราะนายยังชอบฉันอยู่ใช่ไหม” คำถามจี้ใจดำทำให้วิศรุตพูดไม่ออก จะให้เขายอมรับไปได้อย่างไรล่ะว่าสิ่งที่นภัทรพูดนั้นเป็นความจริง เขาไม่อยากทนถูกฝ่ายนั้นมองด้วยความสมเพชอีกต่อไปแล้ว แต่ลึกๆในใจก็รู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดกับความรู้สึกที่ต้องเก็บกดเอาไว้อยู่เรื่อยมา วิศรุตช้อนตาสีน้ำตาลโศกมองสบตาสีถ่านนิ่ง เนิ่นนานแล้วตัดสินใจเค้นเสียงเบาทว่าชัดเจนในความรู้สึกของผู้พูด


            “ฉันไม่ได้ชอบนาย แต่ฉัน...” คำว่ารักที่ตั้งใจจะบอกถูกกลืนกลับเข้าไปในลำคอของวิศรุตอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวดังขึ้นตัดกับความอึมครึมระหว่างคนทั้งคู่ วิศรุตมองหน้าจอที่แสดงชื่อของสายที่เรียกเข้าก่อนตัดสินใจกดรับ


            “ครับลุงมั่น” วิศรุตกรอกเสียงลงไปแต่ดวงตาสีน้ำตาลยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของนภัทรตามเดิม “อะไรนะครับ! คุณอาวันชัยกับภาคินน่ะเหรอครับมาที่บ้านทัดเทวา ครับ... แล้วผมจะรีบไป” วิศรุตวางสายไปด้วยความงุนงงระคนแปลกใจกับสิ่งที่ลุงมั่น ลูกน้องคนเก่าคนแก่ของบ้านทัดเทวาโทรมารายงานเขา ลุงมั่นโทรมาบอกว่าคุณอาวันชัยกับลูกชายมาที่บ้านทัดเทวาพร้อมด้วยแขกผู้หญิงอีกคนที่ลุงมั่นไม่รู้จัก พร้อมกับเร่งให้ชายหนุ่มรีบกลับมาที่บ้านโดยเร็วเพราะคุณวันชัยมาที่บ้านทัดเทวาเพื่อจะพบวิศรุต


            ทายาทหนุ่มของทัดเทวาขบกรามแน่นด้วยสีหน้าที่บ่งบอกอารมณ์ที่คาดเดาได้ยาก นี่อาวันชัยกับภาคินจะมาไม้ไหนอีก


            “วันนี้คุณคงยุ่ง เอาไว้เราค่อยพูดเรื่องนี้ต่อวันหลังก็แล้วกัน” นภัทรเอ่ยขึ้นมาก่อน ซึ่งวิศรุตก็สวนกลับอย่างรวดเร็ว


            “ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้อีกแล้ว เอาเป็นว่าแค่คุณทำตามแบบที่ผมบอกไปก็พอ” วิศรุตสั่งเสียงห้วนก่อนจะรีบผละออกจากห้องทำงานนภัทรเพื่อบึ่งรถกลับไปที่บ้าน ตอนนี้ชายหนุ่มอยากรู้สาเหตุการมาเยี่ยมบ้านทัดเทวาของวันชัยกับภาคินแล้วก็ผู้หญิงคนนั้นมากที่สุด คำตอบที่เขาอยากได้คงรออยู่ที่บ้านแล้วเป็นแน่

 



            รถยุโรปคันงามแล่นเข้ามาจอดบริเวณบ้านทัดเทวาอย่างรวดเร็ว วิศรุตเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วก้าวลงมาโดยไม่รอให้คนรถมาเปิดให้เหมือนอย่างทุกที ชายหนุ่มเหลียวหน้าไปสั่งนายทอง คนขับรถประจำบ้านทัดเทวาที่วิ่งกระหืดกระหอบมารับเจ้านายว่าให้เอารถของเขาไปเก็บก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังห้องโถงรับแขกโดยไม่รอช้า


            ในห้องรับแขกมีคนสามคนนั่งอยู่ก่อน สองคนคือญาติของเขาเอง ส่วนอีกคนที่นั่งข้างภาคินเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย แต่ดูจากท่าทางแล้วคงแฝงด้วยจริตมารยาไม่น้อยเลยทีเดียว วิศรุตลอบประเมินในใจ ในขณะที่วันชัยหันมาเห็นเจ้าของบ้านที่กำลังเดินเข้ามาพอดี ฝ่ายนั้นจึงทักทายเขาด้วยเสียงที่จงใจดัดให้ฟังดูเอื้ออารีในฐานะผู้เป็นอา


            “สวัสดีครับ” วิศรุตทักทายผู้สูงวัยกว่าตามมารยาทซึ่งวันชัยเองก็รับไหว้พร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายกับญาติผู้พี่ที่เขาไม่ค่อยอยากจะนับญาติด้วยเท่าไหร่นักอย่างภาคิน และสุดท้ายจึงหันไปรับไหว้ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย ซึ่งฝ่ายนั้นก็มองสบตากลับมาอย่างหยาดเยิ้มจนเขารู้สึกได้


            “คุณอามาหาผมที่นี่มีธุระอะไรเหรอครับ” หลังจากนั่งลงที่โซฟาราคาแพงเรียบร้อยแล้ว วิศรุตเอ่ยเข้าเรื่องทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลาอ้อมค้อมให้มากความ


            “ก็ไม่มีธุระอะไรมากมายหรอก พอดีวันนี้อาว่างก็เลยชวนเจ้าภาคินกับหนูเมมาเยี่ยมหลานน่ะ ถึงจะเจอกันที่บริษัทบ่อยๆแต่เราก็ไม่ได้มีโอกาสคุยอะไรกันมากเพราะทั้งอาและหลานก็ต่างงานยุ่งทั้งคู่ อาก็เลยหาโอกาสมาเยี่ยมหลานบ้างก็เท่านั้นเอง เอ้อ ดูสิ อาก็ลืมแนะนำแขกอีกคนไปเสียสนิท” วิศรุตยังคงนิ่งรอให้วันชัยพูดต่อไปเรื่อยๆ “นี่คือหนูเมริษา เป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของอาเอง เพิ่งจะเรียนจบตรีมาหมาดๆเลย” วิศรุตไล่สายตาพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า ชายหนุ่มอดยอมรับในใจไม่ได้ว่าเมริษาถือว่าเป็นผู้หญิงที่จัดได้ว่าสวยเฉียบเลยทีเดียว แต่เรื่องนิสัยใจคอนี่สิที่เขาไม่รู้


            “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเมริษา ผมชื่อวิศรุต ทัดเทวาครับ” คำว่าทัดเทวาทำให้ภาคินแอบเบ้หน้า วิศรุตคงคิดล่ะสิว่านามสกุลนี้มันจะทำให้ฝ่ายนั้นดูยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา แต่อาการนั้นก็ไม่รอดไปจากสายตาของวิศรุต ชายหนุ่มยิ้มเหยียดมุมปากเพราะรู้ว่าภาคินกำลังคิดอะไร ฝ่ายนั้นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นสายเลือดของทัดเทวา


            “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ คุณวิศรุต เอ้อ เมขออนุญาตเรียกพี่วินตามชื่อเล่นได้ไหมคะ” เมริษาเอ่ยเสียงหวานตรงข้ามกับวิศรุตที่มีสีหน้ากระด้างขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ค่อยพอใจนักที่จะอนุญาตให้คนที่ไม่รู้จักกันดีหรือไม่ได้สนิทสนมมาเรียกชื่อเล่นของเขา แต่ด้วยต้องรักษามารยาททำให้วิศรุตเลือกที่จะเอ่ยอนุญาตออกไปท่ามกลางความพอใจของทั้งเมริษาและวันชัย


            “พอดีว่าก่อนจะมาที่นี่ ฉันกับพ่อเราแวะไปเยี่ยมคุณลุงดิเรกพ่อของน้องเมมาน่ะ พอดีเจอน้องเมอยู่บ้านก็เลยจะชวนออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง แล้วสุดท้ายก็เลยชวนกันมาเยี่ยมนายที่บ้านเนี่ยแหล่ะ ถือซะว่าเป็นการชวนน้องเมออกมาชมคฤหาสน์ทัดเทวาด้วยไง” ภาคินพูดบ้างซึ่งก็ทำเอาวิศรุตเริ่มหน้าตึงอีกรอบ บ้านเขาไม่ใช่ที่ที่จะพาใครก็ได้มาเที่ยวเล่นหรอกนะ ทำตัวเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านอย่างนั้นแหล่ะ วิศรุตปรามาสในใจแต่ใบหน้ากลับฉาบยิ้มกลบความไม่พอใจไว้อย่างแนบเนียนก่อนแสร้งถามเมริษา


            “แล้วเป็นยังไงบ้างครับ บ้านของพี่สวยสู้บ้านของน้องเมได้หรือเปล่า”


            “ต้องสวยกว่าอยู่แล้วค่ะ ตอนแรกคุณอากับพี่ภาคินบอกเมว่าสวยแล้วก็ใหญ่โตอย่างกับคฤหาสน์ พอได้มาเห็นจริง เมว่ามันไม่ใช่คฤหาสน์แล้วล่ะค่ะ อย่างนี้ต้องเรียกว่าพระราชวังเลยทีเดียว” เมริษาพูดพร้อมรอยยิ้มเจือขบขันเล็กน้อย ทำให้วิศรุตต้องยกยิ้มให้กับความฉลาดพูดของผู้หญิงตรงหน้า ดูท่าเธอคงจะไม่ใช่พวกสวยแต่สมองกลวงเป็นแน่


            “ถ้าชอบก็มาบ่อยๆได้เลยนะจ๊ะหนูเม วินคงไม่ขัดข้องใช่ไหมล่ะ” ท้ายประโยควันชัยหันไปถามหลานชายซึ่งถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ แต่กลับถูกวิศรุตปฎิเสธเสียดื้อๆอย่างไม่ไว้หน้าผู้เป็นอา


            “พี่ว่าถ้าน้องเมจะมาที่นี่บ่อยๆก็คงจะไม่ค่อยสะดวกน่ะครับเพราะว่าพี่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่ กลัวว่าจะต้อนรับได้ไม่ดีนัก” คำพูดเรียบๆของวิศรุตทำเอาวันชัยต้องตวัดสายตามองอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ผู้สูงวัยกว่ารู้สึกได้ว่าวิศรุตต้องการหักหน้าตนชัดๆ


            “เอ่อ อาคิดว่า...” ยังไม่ทันพูดจบ เมริษาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน


            “ถ้าพี่วินไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่ เมมาที่นี่ก็คงจะไม่สะดวกอย่างที่พี่วินบอกจริงๆแหล่ะค่ะ เพราะถ้ามาแล้วไม่เจอพี่วิน เมเองก็ไม่รู้ว่าจะมาเพื่ออะไร” คำพูดของหญิงสาวทำให้เขาอึ้งอีกรอบโดยเฉพาะประโยคท้ายสุด ชายหนุ่มพิศมองดวงหน้าสะสวยของเธอก่อนจะพบกับรอยยิ้มนุ่มนวลและแววตาที่แสดงถึงความสนใจที่มีต่อเขาอย่างไม่คิดจะปิดบัง ตอนนี้วิศรุตพอจะเดาจุดประสงค์การมาบ้านทัดเทวาของผู้เป็นอาได้อย่างลางๆแล้ว ที่แท้ก็อยากจับคู่ให้เขากับเมริษานี่เอง

 



             หลังจากอยู่คุยไม่นานเมริษาก็ขอตัวกลับก่อนเพราะอ้างว่านัดทานข้าวเย็นกับที่บ้านเอาไว้ หญิงสาวลากลับโดยมีภาคินขับรถไปส่งเพราะตอนขามาเธอติดรถของวันชัยมาบ้านทัดเทวาโดยไม่ได้ขับรถมาเอง ซึ่งวันชัยก็นัดแนะให้ลูกชายไปส่งเมริษาจนเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยมาแวะรับตนเองอีกทีเพราะว่าตนมีเรื่องต้องคุยกับวิศรุตก่อน


            “ตกลงคุณอามีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” วิศรุตไขว่ห้างแล้วเอนตัวพิงหมอนใบเล็กที่จัดเข้าชุดอยู่กับโซฟารับแขก


            “อาอยากจะมาปรึกษาหลานเรื่องที่ว่าอยากจะให้หนูเมเค้ามาทำงานที่บริษัทเราน่ะสิ” วิศรุตขมวดคิ้วเพราะสงสัยว่าเมริษาก็ดูจะเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและฉลาด แต่ทำไมหญิงสาวถึงได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดต้องให้คนอื่นฝากงานให้ด้วย และที่สำคัญ การที่วันชัยซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะฝากคนเข้าทำงานที่บริษัททัดเทวาสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเสียหน่อย การที่ผู้เป็นอามาบอกเขาแบบนี้จะต้องมีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่นแน่ๆ และสิ่งที่วิศรุตคิดเอาไว้ก็ไม่ผิดเลยสักนิด


            “แล้วคุณอาอยากจะให้เค้าเข้ามาทำงานที่บริษัทเราในตำแหน่งอะไรล่ะครับ” หลานชายลองถามหยั่งเชิงด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง


            “อาอยากให้หนูเมมาทำงานในตำแหน่งเลขาฯท่านประธานกรรมการบริษัท” วิศรุตตาเบิกกว้างเมื่อฟังคำตอบของวันชัย ก็เท่ากับว่าอยากจะให้เมริษาเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาฯของเขาอย่างนั้นน่ะสิ ถ้าวันชัยคิดว่าจะใช้เมริษามาเพื่อควบคุมเขาล่ะก็ เห็นทีงานนี้ก็คงยาก


            “ผมมีคุณอิงอรเป็นเลขาฯอยู่แล้วนี่ครับ แถมเธอก็ทำงานได้ดีไม่มีที่ติเสียด้วย ผมไม่เห็นว่ามันจะสมควรหากจะย้ายคุณอิงอรไปทำงานอื่นนอกเหนือจากการเป็นเลขาฯของผม”


            “อิงอรเองก็ทำงานมานานแล้ว เธอเองก็คงอยากจะพักผ่อนบ้างแต่อาจจะเกรงใจจนไม่กล้าบอกกับวินตรงๆ อีกอย่างถ้าได้หนูเมมาเป็นเลขา เวลาไปเจรจาธุรกิจด้วยกันนอกบริษัทก็จะได้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ซึ่งกันและกันด้วยไง” วันชัยยกเหตุผลมาอ้างทั้งที่จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาที่อยากให้เมริษาเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาฯแทนอิงอรก็คืออิงอรเป็นคนฉลาด แล้วก็รู้เรื่องที่ไม่สมควรรู้เยอะจนเกินไป หากวันดีคืนดีอิงอรเกิดระแคะระคายเรื่องที่เขาและภาคินแอบยักยอกเงินของบริษัทไปแล้วยุให้วิศรุตตรวจสอบบัญชีของบริษัทยกใหญ่ ถึงตอนนั้นเขาและลูกชายก็คงจะเดือดร้อนแน่ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาต้องการให้วิศรุตได้อยู่ใกล้ชิดกับเมริษาให้ได้มากที่สุด เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถบวกกับการมีรูปเป็นทรัพย์ของเมริษาจะสามารถมัดใจวิศรุตได้ไม่ยาก และเมริษานี่แหล่ะที่จะเป็นหนทางที่ทำให้เขาและภาคินเข้าใกล้สมบัติของตระกูลทัดเทวาที่พี่ชายของตนทิ้งเอาไว้ให้วิศรุตเป็นมรดกจำนวนมหาศาลรวมถึงบ้านทัดเทวาด้วย


            “แต่ผมคิดว่าน้องเมก็ยังไม่หมาะสมอยู่ดี เธอเพิ่งเรียนจบก็น่าจะอยากทำงานอะไรที่ตื่นเต้นท้าทายความสามารถของเธอมากกว่าการเป็นเลขาฯหน้าห้องให้ผมไปวันๆนะครับ” วิศรุตไม่ได้โง่ถึงขนาดจะมองไม่ออกว่าวันชัยต้องการอะไร และเขาเองก็คงจะหลงไปกับแผนการของผู้เป็นอาได้อย่างง่ายดายหากไม่ใช่เพราะว่าตัวเองมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน เพราะถึงจะชื่นชมในความฉลาดของสาวสวยอย่างเมริษาเพียงใด วิศรุตก็ไม่มีทางคิดเกินเลยไปกว่านั้นเพราะคนที่เขาสนใจมีเพียงนายแพทย์ นภัทร อิสรีย์คนเดียว


            วันชัยทำท่าจะแย้งขึ้นมาอีกจนวิศรุตต้องตัดบทด้วยการบอกว่าจะพิจารณาหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับเมริษาอีกทีแต่คงจะไม่ใช่ในตำแหน่งเลขาฯ ซึ่งนั่นทำให้วันชัยไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้อย่างแนบเนียน แล้วค่อยคิดหาทางเพื่อกำจัดอิงอรให้พ้นจากตำแหน่งเลขาฯของวิศรุตอีกครั้งหนึ่ง


            “อะไรนะครับ นี่ไอ้วินมันไม่ยอมให้เมเข้าไปทำงานเป็นเลขาฯแทนคุณอิงอรเหรอ” ภาคินตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงกึ่งโมโหระคนสงสัย “น่าแปลกที่คนอย่างมันไม่สนใจผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งฉลาดอย่างเมริษา” เห็นได้จากการที่วิศรุตปฎิเสธแบบไม่เหลือเค้าความเกรงใจตอนที่พ่อของเขาเสนอว่าให้เมริษามาเยี่ยมที่บ้านทัดเทวาบ่อยๆ


            ผู้สูงวัยกว่าขมวดคิ้วมุ่น ตอนแรกเขาคิดว่าการให้เมริษาเข้าไปทำงานในบริษัททัดเทวาคงไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่ตอนนี้มันคงไม่เป็นไปตามแบบที่เขาคิดเสียแล้วเพราะวิศรุตไม่ยอมท่าเดียว ซึ่งเขาเองก็จะไปคะยั้นคะยอแกมบังคับหลานชายมากก็ไม่ได้เพราะถึงอย่างไรวิศรุตก็มีตำแหน่งเป็นถึงประธานกรรมการบริหาร สิทธิ์ขาดการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ในกำมือของวิศรุต แต่สักวันหนึ่งเขาจะทำให้มันกลายมาเป็นของเขาให้ได้


            “แล้วทางหนูเมว่าอย่างไรบ้างตอนแกไปส่งเธอที่บ้าน” วันชัยเปลี่ยนเรื่องถามถึงอีกคนซึ่งภาคินก็ไหวไหล่แล้วตอบ


            “ก็ไม่ได้พูดอะไรนี่ครับ เพียงแต่บอกว่าดูท่าทางวิศรุตคงไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่คิด” วันชัยแค่นเสียงดังในคอ เมริษาเองก็ร้ายใช่เล่น อย่างนี้แหล่ะมันถึงจะสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย “แล้วตกลงคุณพ่อจะเอายังไงกับเรื่องนี้ครับ จะให้ผมส่งคนไปจัดการกับเลขาฯไอ้วินเลยหรือเปล่า”


            “แกตั้งใจจะทำยังไงล่ะ” น้ำเสียงคนถามฟังดูลุ่มลึกแต่ไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า


            “ก็อย่างเช่นส่งคนไปทำให้แม่เลขาฯนั่นบังเอิญประสบอุบัติเหตุกะทันหันจนมาทำงานไม่ได้เป็นเวลานานไงล่ะครับ มันจะได้หาคนใหม่มาทำงานแทนอิงอรเสียที” บุตรชายเสนอความคิดแต่ผู้เป็นบิดากลับไม่เห็นด้วย เพราะหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิงอรในตอนนี้ มันจะดูประจวบเหมาะเกินไปและวิศรุตก็ต้องสงสัยแน่ๆ วันชัยไม่อยากให้วิศรุตรู้ว่าตนเองกับภาคินกำลังทำอะไรอยู่ซึ่งคำตอบของผู้เป็นพ่อก็ทำเอาภาคินฮึดฮัดด้วยความขัดใจ


            “แกใจเย็นๆรอไปก่อนเถอะ อีกไม่นานฉันเชื่อว่าโชคต้องเข้าข้างเราสองคนแน่”


            “ไม่ใช่สองคนครับพ่อ แต่เป็นสามต่างหาก... เราสามคน” ภาคินตาวาวเมื่อพูดถึงเมริษาผู้มีส่วนร่วมในแผนการนี้อีกคนหนึ่ง

 

Aislin: มาอัพให้แล้วนะคะ ตอนแรกว่าจะไม่อัพแล้ววันนี้ แต่พอเปิดมาเห็นคอมเม้นท์ ทำให้มีแรงอัพนิยายขึ้นมาทันใด อิอิ ใครอยากให้อิซลินมาอัพบ่อยๆก็รบกวนคอมเม้นท์ฟีดแบ็กให้นิยายเรื่องนี้หน่อยนะคะ จะชวนนักเขียนคุยก็เชิญตามสบาย หรือจะติหรือชมนิยายก็ไม่ว่ากัน ขออย่าหยาบคายเป็นพอ เอิ้กๆๆ

   ตอนนี้ปกนิยายทัณฑ์กามเทพ เวอร์ชั่นรีไรท์ โพสให้ยลโฉมในแฟนเพจ  www.facebook.com/aislin.napoon   แล้วนะคะ ใครอยากชมปกงามๆก็เข้าไปกด LIKE และติดตามรายละเอียดได้เลยเน้อ เดี๋ยวเร็วๆนี้จะโพสรายละเอียดเรื่องการสั่งซื้อนิยายนะคะ ใครรักใครชอบฝากอุดหนุนรูปเล่มหน่อยจ้า อยากบอกว่าเล่มเนี่ยหนามากๆ ด้านในแต่ละหน้าอัดแน่นด้วยความสนุกเต็มเปี่ยม สาวกวิน-กานต์ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!


ปล. ก่อนปิดหน้านี้ อย่าลืมคอมเม้นท์กันน้า ^-^

 

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
o13

ขอบคุณมากเลยค่าาา ดีใจที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ ^0^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
หึงแรงมากกก และปากร้ายมากกก

อยากรู้ว่าอะไรบ้างที่จะทำให้พี่น้องคู่นี้สามัคคีกักันได้ 5555

แต่ว่า ตอนนี้สงสัยความรู้ความรู้สึกของหมอกานต์มากอะ มีชวนไปกินกาแฟด้วย


นั่นน่ะสิคะ ปากร้ายมากๆ ฮาๆๆ
เรื่องที่จะทำให้พี่น้องสามัคคีกันมีแน่นอนค่ะ แต่ขออุบไว้ก่อนนะคะ เรื่องนี้ต้องรอดูยาวๆ อิอิ
ความรู้สึกของหมอกานต์ บอกเลยว่ากว่าจะรู้เนี่ยยย ปาดเหงื่อไปหลายรอบแหงมๆๆ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
อ่านแล้วติดงามแง่มเลยคะ ชอบมากๆ

อยากรู้ว่าตอนนี้คุณหมอรู้สึกยังไงจริงๆ
เหมือนตอนนั้นคุณหมอจะค้างคามากๆ พอค้างคาแล้วก็เก็บเอามาคิดถึงตลอดรึป่าวคะ??

ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ อิซลินดีใจมากๆเลยล่ะค่ะ
เรื่องความรู้สึกของคุณหมอ... ตอนม.ห้าก็มีค้างคาแหล่ะค่ะ แต่พอได้มาเจอกันอีกครั้งมันก็เลยมีลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อ อิอิ ต้องติดตามอ่านเอาเอง ไม่อยากสปอยด์ค่ะ ฮาๆๆ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
:hao7: อร้ายยยยย ชอบมากเลยค่ะ ชวนติดตาม ตอนมอปลายนี่มาม่าสุดขีด แต่เรื่องตอนโตดูเข้มข้นสนุกฝุดๆ อ่านตอนโตแล้วรู้สึกว่าหมอกานต์เหมือนต้องการเข้าหาวินเลยอ่ะ  :hao3: คิดว่าศรานี่แหล่ะจะเป็นตัวแปรสำคัญให้สองคนนี้ต้องเจอกัยบ่อยๆ  :katai3: อั้ยยยย...อยากอ่านตอนต่อไปแย้วอ่า  :hao7:

ดีใจที่ชอบนะคะ ม.ปลายว่าดราม่าแล้ว อยากบอกว่าตอนโตนี่ดราม่าหนักหน่วยกว่าอีกค่ะ แต่จะเป็นยังไง รอติดตามเองเน้อ แต่แอบเฉลยให้ว่าแม่นแล้วที่ว่าศราน่ะคือตัวแปรสำคัญ อิอิ ^0^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
กลับมาอ่านฉบับรีไรท์ค่ะ

ขอบคุณมากเลยค่ะ จริงๆฉบับรีไรท์เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขรูปประโยคและ Flow เรื่องให้ดีขึ้นจ้า ดีใจมากๆที่โพสอีกครั้งก็ยังมีคนติดตาม ^0^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ศราคงจะเป็นก้างชิ้นโตของความรักครั้งนี้   :hao7: เอาไปเก็บได้มั้ย   o18

ทายได้ถูกต้องแล้วค่าาาา เรื่องไม่เยอะ ความไม่แยะมันจะไปสนุกอะไร จริงไหมคะ อิอิ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ชอบเรื่องนี้ตั้งแต่คราวก่อนแล้ว พอเห็นรีบเข้ามาเลย :katai2-1:

ขอบคุณมากเลยค่ะ แล้วก็ดีใจมากๆที่ตามมาอ่านฉบับรีไรท์อีกครั้งหนึ่ง ^0^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
มาแล้วๆๆๆ สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สนุกมากกกกกกกกกกกก.      แต่งได้ดีมากครับบบ.  ครบรสมากเลย. รออ่านต่อนะครับบบบบ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
มาแล้วๆๆๆ สนุกมากค่ะ

ขอบคุณมากเลยค่ะสำหรับการติดตาม วันนี้มาต่อให้อีกตอนแล้วน้าาา

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
สนุกมากกกกกกกกกกกก.      แต่งได้ดีมากครับบบ.  ครบรสมากเลย. รออ่านต่อนะครับบบบบ

ขอบคุณมากเลยค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ เรื่องนี้มีครบรสจริงๆ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เคล้าน้ำตา ฮาๆๆ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1




                ภาพชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมคายที่กำลังเดินตรงมายังเคาเตอร์ติดต่อเรียกสายตาของพยาบาลสาวๆให้หันมาจับจ้องที่เครื่องหน้าอันหล่อเหลาและรูปกายแข็งแรงอย่างคนสุขภาพดีได้อย่างไม่ยากเย็น ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าสายตาอมยิ้มเล็กน้อยก่อนไปติดต่อพยาบาลที่เคาเตอร์แล้วแจ้งธุระของตน


            “ผมเป็นเพื่อนของคุณหมอนภัทร อิสรีย์ครับ ไม่ทราบว่าหมอนภัทรออกเวรไปแล้วหรือยัง” พยาบาลคนที่ถูกถามง่วนอยู่กับตารางเวลาตรงหน้าชั่วครู่ก่อนจะยิ้มแล้วบอกผู้มาติดต่อว่าคุณหมอนภัทรออกเวรไปเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เอง ทำเอาคนฟังยิ้มเก้อก่อนจะขอบคุณแล้วเดินจากไปด้วยท่าทางผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้เจอกับนภัทร วันนี้เขากะว่าจะมาให้นภัทรแปลกใจเล่นแท้ๆ รู้อย่างนี้น่าจะโทรบอกก่อนก็ดีหรอก


            “นี่ยัยหวาน ผู้ชายคนเมื่อกี้เค้ามาติดต่อเรื่องอะไรเหรอ” ต้นอ้อถามพยาบาลสาวรุ่นน้องเพราะอยากรู้ว่าผู้ชายหล่อๆที่ทำเอาพยาบาลทั้งวอร์ดเหลียวหลังคอแทบเคล็ด เขามาทำอะไรที่วอร์ดนี้


            “อ๋อ คุณคนนั้นเค้ามาทำหาคุณหมอนภัทรน่ะค่ะ หวานก็เลยบอกไปว่าคุณหมอออกเวรไปแล้ว” ต้นอ้อพยักหน้าหงึกๆก่อนจะนึกขึ้นได้ “คุณหมอออกเวรไปแล้ว แต่ยังไม่ได้กลับบ้านนี่นา เห็นคุณหมอบอกว่าจะพาคุณศรารัตน์ไปนั่งเล่นสูดอากาศที่สวนในโรงพยาบาลก่อน”


            “ตายจริง!” พยาบาลสาวอุทานออกมาก่อนจะหันไปมองตามทางที่ผู้ชายคนนั้นเดินไป แต่ก็ไม่พบใครจึงอดไม่ได้ที่จะหันมาต่อว่าต้นอ้อด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนักว่าบอกเธอช้าเกินไปเลยทำให้เธอพลาดโอกาสได้คุยกับคนหล่อๆแบบนั้นอีกสักครั้งหนึ่ง

 



            การมาแล้วไม่พบนภัทรทำให้ชายหนุ่มร่างสูงนึกผิดหวังไม่น้อย หลังจากที่ออกพ้นตัวตึกผู้ป่วย ช่วงขายาวก็ก้าวสวบๆไปตามทางเดินที่ปูอิฐสีเข้มเพื่อตรงไปยังรถที่เขาจอดไว้ยังอีกด้านของโรงพยาบาล ระหว่างทางก็ผ่านสวนที่ถูกจัดแต่งเอาไว้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจสำหรับผู้ป่วยและญาติ ชายหนุ่มกวาดสายตามองอย่างไม่ค่อยสนใจนักแต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งสนามและคุยอยู่กับอีกคนที่มองจากรถเข็นที่นั่งอยู่ก็ดูรู้ว่าคงเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลแห่งนี้ ชายหนุ่มยิ้มแล้วกอดอกดูภาพตรงหน้าซึ่งดูเหมือนว่าคนทั้งคู่จะไม่รู้ว่าเขายืนอยู่แถวนั้นด้วย


            “แหม ฉันนี่แย่จังนะคะ ขนาดว่าได้เวลาออกเวรแล้ว ยังต้องรบกวนเวลาส่วนตัวของคุณหมอให้พาออกมาตากอากาศเล่นข้างนอกแบบนี้อีก” นภัทรยิ้มกับคำต่อว่าตนเองอย่างไม่จริงจังนักของศรารัตน์ อันที่จริงเธอไม่ได้รบกวนอะไรเขาเลย เขาต่างหากที่เป็นคนเสนอตัวพาเธอออกมาสูดอากาศภายนอกบ้าง อยู่อุดอู้แต่ภายในห้องพัก หญิงสาวคงจะเบื่อน่าดู


            “ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ อีกอย่างวันนี้ผมไม่มีงานค้างด้วย ก็เลยคิดว่าชวนคุณมานั่งเล่นในสวนแบบนี้ดีกว่า อากาศตอนเย็นๆแบบนี้ก็กำลังสบายเลยทีเดียว” ศรารัตน์ยิ้มให้คุณหมอหนุ่ม เธอยังไม่แน่ใจว่านภัทรรู้สึกอย่างไรกับเธอ จะเหมือนกันกับความรู้สึกเล็กๆที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของเธอหรือเปล่า ยิ่งคิดสองแก้มของหญิงสาวก็เริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ แต่นภัทรไม่ทันสังเกต ชายหนุ่มชวนคุยต่อ


            “อีกไม่นานคุณศราก็กลับบ้านได้แล้วล่ะครับ อาการคุณดีขึ้นมาก ทางเจ้าหน้าที่กายภาพส่งรายงานมาว่าการทำกายภาพของคุณได้ผลคืบหน้าไปมากเลยทีเดียว”


            “สงสัยยาดีมั๊งคะ” ศรารัตน์พูดแฝงนัย เธอตั้งใจจะหมายถึงว่ายาดีก็คือคุณหมอหนุ่มตรงหน้านั่นเอง แต่นภัทรกลับย้อนน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่าถ้าเปลี่ยนเป็นบอกว่าคุณหมอเก่งเนี่ยเขาจะดีใจมากกว่าคำชมว่ายาดีเสียอีก


            “ก็คงทั้งสองอย่างแหล่ะค่ะ เฮ้อ พอกลับบ้านได้ก็คงต้องกลับไปลุยงานซะที นอนป่วยมานานสงสัยตอนนี้แฟ้มงานคงกองเต็มโต๊ะแล้วแน่ๆเลย”


            “คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ยังมีพี่ชายคุณคอยช่วยอยู่ที่บริษัทนี่นา” นภัทรหมายถึงวิศรุต ชายหนุ่มคิดว่าถึงสองพี่น้องจะไม่ถูกกันอย่างไร วิศรุตก็คงจะไม่ใจดำถึงขนาดปล่อยให้ศรารัตน์ต้องคอยดูแลกิจการใหญ่โตของทัดเทวาเพียงคนเดียวเพราะวิศรุตก็ถือว่าเป็นทายาทโดยตรงของตระกูลทัดเทวาที่เจ้าตัวภาคภูมิใจนักหนา แต่ประโยคถัดมาของศรารัตน์ทำให้เขารู้ว่าตัวเองมองวิศรุตให้แง่ดีเกินไป


            “ตอนนี้ก็คงช่วยอยู่หรอกค่ะ แต่หลังจากที่ฉันหายดีกลับไปทำงานแล้ว รายนั้นคงรีบแจ้นบินกลับอังกฤษแทบไม่ทัน”


            “อ้าว ไหนคุณศราบอกว่าคุณวิศรุตเพิ่งจะกลับจากอังกฤษเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงจะกลับไปอีกแล้วล่ะ” คุณหมอหนุ่มทำทีเป็นจ้องกาแฟในแก้วกระดาษในมือ แต่หูยังฟังทุกคำพูดของศรารัตน์


            “เค้าคงอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบอิสระ เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาเหมือนอย่างเดิมนั่นแหล่ะค่ะ ยิ่งที่อังกฤษไม่มีคนมาคอยคุมด้วย ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่” พูดถึงวิศรุตแล้วศรารัตน์ก็รู้สึกหมดอารมณ์ขึ้นมาเสียเฉยๆเมื่อนึกถึงตอนที่เธอเถียงกับพี่ชายเรื่องหมอนภัทรในห้องวันนั้น ศรารัตน์จึงบอกนภัทรว่าให้เปลี่ยนมาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า แต่เสียงหนึ่งจากทางด้านหลังกลับดังขึ้นขัดจังหวะบทสนทนาของคนทั้งคู่


            “ไม่ทราบว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอครับ ขอผมคุยด้วยคนได้หรือเปล่า” ศรารัตน์เงยหน้ามองคนที่เข้ามาขัดจังหวะในขณะที่นภัทรก็หันกลับไปมองยังต้นเสียงด้านหลังทันที เมื่อเห็นว่าเป็นใคร คุณหมอหนุ่มก็ยิ้มกว้าง


            “มาได้ยังไงวะไอ้พงษ์” ชายหนุ่มตรงหน้าคือพงศธร วิศวกรหนุ่มความสามารถสูง อนาคตไกล ผู้เป็นเพื่อนสนิทของ นภัทรนั่นเอง


            “ก็ขับรถมาดิวะถามได้ จะให้เดินมาจากไซต์งานก่อสร้างหรือยังไง” คำย้อนของผู้มาใหม่ทำเอาศรารัตน์หลุดขำออกมา พงศธรจึงลืมไปว่าตนสมควรจะแนะนำตัวกับคนตรงหน้าก่อนเพราะเมื่อกี้เขาสังเกตเห็นว่านภัทรดูท่าทางสนิทสนมกับผู้หญิงคนนี้ไม่เบา หญิงสาวคงไม่ใช่แค่คนไข้ธรรมดาสำหรับคุณหมอนภัทรแน่ๆ


            “สวัสดีครับ ผมชื่อพงศธร เป็นเพื่อนสนิทของไอ้กานต์ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มัธยมเลยล่ะครับ” พงศธรแนะนำตัวเองพร้อมกับถือโอกาสตบไหล่ของเพื่อนสนิทไปสองที


            “ฉันชื่อศรารัตน์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” ศรารัตน์ยิ้มกว้างให้ฝ่ายนั้น พงศธรดูท่าทางเป็นคนที่น่าคบหามากทีเดียว ชายหนุ่มดูเป็นคนเปิดเผยและเป็นมิตรแม้กระทั่งกับคนที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน


            “แล้วตกลงว่าแกมาได้ยังไงวะเนี่ย จะมาไม่เห็นมีบอกก่อนเลย” คราวนี้นภัทรเป็นฝ่ายถามบ้าง


            “ก็พอดีช่วงนี้ยังไม่ได้ทำงานก็เลยว่างๆน่ะ วันนี้กะว่าจะบุกมาที่โรงพยาบาลให้แกแปลกใจเล่นเสียหน่อย แต่ว่าพยาบาลที่วอร์ดบอกว่าแกออกเวรแล้ว ฉันก็เลยตั้งใจว่าจะกลับเนี่ยแหล่ะ แต่บังเอิญมาเจอแกที่นี่เสียก่อน” นภัทรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้


              พงศธรเพิ่งกลับจากเรียนต่อต่างประเทศไม่นาน ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังมองหางานที่ลงตัวอยู่ ดังนั้นก็เลยยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งเสียที พงศธรแกล้งมองหน้าศรารัตน์กับเพื่อนสนิทสลับกันไปมาด้วยความสงสัย ซึ่งนภัทรก็สามารถอ่านแววตาคู่นั้นออกได้อย่างไม่ยาก คุณหมอส่งสายตาปรามเพื่อนสนิทแต่อีกฝ่ายไม่สนใจกลับพูดโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้


            “ตอนที่เจอนายอยู่ที่นี่ ฉันนึกว่าตัวเองกำลังตาฝาดเสียอีก นึกว่านายจะกลับบ้านไปแล้ว แต่พอเห็นว่านายอยู่กับคุณศรารัตน์ฉันก็เลยพอเข้าใจอะไรบางอย่าง” น้ำเสียงทะเล้นชวนให้อยากรู้ของพงศธรกำลังเร้าอารมณ์ความอยากรู้ของศรารัตน์  ตรงข้ามกับนภัทรที่กำลังวางหน้าไม่ถูก


            “เข้าใจอะไรเหรอคะ”


            “ก็เข้าใจว่าไอ้เจ้ากานต์น่ะคงกำลังทำหน้าที่หมอดูแลคนไข้ได้อย่างดีเยี่ยมไม่ขาดตกบกพร่องน่ะสิครับ โดยเฉพาะกับคนไข้รายนี้ที่ดูเหมือนว่าจะเป็น... คนไข้พิเศษ” พงศธรทอดเสียงนุ่มในตอนท้ายแล้วลอบมองหน้าศรารัตน์ ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวเขินจนหน้าแดงก่ำกับคำพูดของเขา แต่เมื่อหันไปมองนภัทร พงศธรกลับพบแต่เพียงรอยยิ้มบางๆเจือแววขบขันเท่านั้น แค่ เห็นท่าทางของนภัทรเขาก็รู้แล้ว เพื่อนของเขาคงไม่ได้คิดเกินเลยกับศรารัตน์จริงๆ และจากคำตอบของพงศธรนี่เองที่ทำให้ศรารัตน์มั่นใจว่าเพื่อนของนภัทรคนนี้เป็นคนเปิดเผยมากทีเดียว

 



            “แกไปรู้จักสนิทสนมกับคุณศรารัตน์ได้ยังไงวะไอ้กานต์” พงศธรถามขณะที่ทั้งคู่กำลังทานข้าวกันอยู่ที่ร้านอาหารริมน้ำแห่งหนึ่ง


            “ก็เค้าเป็นคนไข้ของฉันนี่นา”


            “ก็รู้น่า แต่ฉันอยากรู้ว่าแกทำอีท่าไหนถึงไปสนิทกับเขาได้ วันนั้นที่เจอแกกับคุณศราในสวนของโรงพยาบาลน่ะ ภาพมันฟ้องเลยนะเว้ยว่ามันไม่ธรรมดา”


            “ไม่ธรรมดายังไงวะ ฉันก็คุยกับเขาแบบปกติ เราเพียงแต่สนิทกันเพราะว่าวัยใกล้ๆกันแค่นั้นเอง อีกอย่างเธอก็เป็นคนน่ารัก คุยง่ายด้วย ฉันก็กลัวว่าเธอจะอยู่โรงพยาบาลนานจนเบื่อก็เลยหมั่นแวะมาคุยเป็นเพื่อนก็เท่านั้นแหล่ะ” นภัทรแก้ต่างให้ตัวเองแล้วตักกุ้งแม่น้ำตัวโตที่เลาะเปลือกเสร็จแล้วเข้าปากเคี้ยวตุ่ยๆ พงศธรทำหน้าเหมือนเชื่อในสิ่งที่นภัทรบอกแบบไม่มีข้อสงสัย แต่ไม่วายถามย้ำอีกรอบ


              “แกไม่ได้จีบคุณศรารัตน์แน่นะ”


            “ก็เออดิ ฉันเห็นเขาเป็นเหมือนน้องสาวแค่นั้นแหล่ะ” คู่สนทนายังยืนยันคำเดิม


            “งั้นถ้าแกไม่สนใจคนนี้ ฉันจีบนะเว้ย” พงศธรพูดโพล่งด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ซึ่งก็ทำเอานภัทรตกใจไม่น้อย ถ้าหาก ว่าศรารัตน์จะรักจะชอบกับพงศธรเขาก็เห็นดีด้วยเพราะว่าเพื่อนรักของเขาเป็นคนดีและศรารัตน์เองก็เป็นผู้หญิงที่จัดได้ว่าใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ แต่ว่าสิ่งที่เขากำลังกังวลคือเรื่องพี่ชายของศรารัตน์ต่างหาก


               เมื่อหลายวันก่อนวิศรุตเพิ่งมาป่าวประกาศว่าน้องสาวของตนจะต้องแต่งงานกับคนที่เหมาะสมในระดับฐานะเดียวกันเท่านั้น จริงอยู่ว่าพงศธรไม่ได้ยากจนขนาดต้องไปกู้เงินนอกระบบมาแบบเมื่อตอนม.ปลายอีกแล้ว แต่ตอนนี้ถึงแม้จะจัดว่าฐานะอยู่ห่างจากคำว่าจนมามาก แต่ก็คงเกินเอื้อมไปสำหรับพงศธรหากคิดจะอยู่ในระดับเดียวกับพวกทัดเทวา


            “ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะไอ้กานต์ หรือว่าแกคิดจะเปลี่ยนใจ อย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย คนนี้ฉันตั้งใจจะเดินเครื่องขายขนมจีบเต็มที่เลยนะ” พงศธรตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆ ตอนแรกเขาไม่กล้าคิด ไม่กล้าหวังอะไรมากเพราะกลัวว่านภัทรจะสนใจศรารัตน์เช่นกัน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็คงจะไม่แย่งคนรักของเพื่อนแน่ๆ แต่เมื่อนภัทรยืนยันว่าไม่ได้ชอบศรารัตน์ เขาก็พร้อมจะลุยเต็มที่ เขาไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะมีเสน่ห์ด้อยกว่านายแพทย์นภัทร อิสรีย์ที่ตรงไหน ถ้านภัทรสามารถทำให้ศรารัตน์สนใจตัวเองได้ ชายหนุ่มก็สามารถทำให้ศรารัตน์หันมาสนใจตัวเขาได้เช่นกัน


            “เปล่าหรอก ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนใจอะไรทั้งนั้นแหล่ะ ฉันจะไปชอบคุณศราได้ยังไงในเมื่อฉันกับพี่ชายเขา...”



            “เฮ้ย นั่นมันไอ้ภาณุกับ... กับ... วิศรุตนี่นา” นภัทรยังพูดไม่ทันจบแต่พงศธรพูดแทรกขึ้นมาก่อนเพราะจำได้ว่าสองคนที่กำลังเดินเข้ามาในโซนเรือนแพริมน้ำคือภาณุและวิศรุตเพื่อนเก่าสมัยเรียน เขานั่งฝั่งตรงข้ามกับนภัทรซึ่งหันหน้าไปด้านทางเข้าจึงเห็นคนทั้งคู่ก่อนนภัทร


            “คนที่มากับภาณุคือวิศรุตจริงๆด้วย หมอนั่นไปเรียนต่อเมืองนอกตอนปลายเทอมของม.ห้านี่นา ไม่เห็นมีข่าวว่ากลับมาเมืองไทยเลย หรือเพราะว่าฉันเพิ่งกลับจากเรียนต่อเมื่อไม่นานมานี้วะก็เลยไม่ได้ยินข่าวของวิศรุต” นภัทรส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร ทั้งที่ในใจก็รู้ว่าวิศรุตกลับมาจากอังกฤษเพื่อมาเยี่ยมน้องสาวที่ป่วยเท่านั้น ไม่ได้จะมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร พอเขากำลังจะพูดถึงวิศรุต... วิศรุตก็มา ช่างตายยากเสียจริง


             “ฉันว่าเรียกสองคนนั้นมานั่งโต๊ะเดียวกับเราดีกว่า จะได้รำลึกถึงเรื่องเก่าๆสมัยเรียนกันหน่อย ไม่ได้เจอไอ้สองคนนี้มานานหลายปีเลยนะเนี่ย” นภัทรทำสีหน้ากระอักกระอ่วนเมื่อพงศธรบอกว่าจะเรียกให้เพื่อนเก่ามานั่งด้วยกัน จะห้ามก็ไม่ทันแล้วเพราะภาณุดันหันมาเห็นพงศธรที่โบกไม้โบกมือเป็นเชิงเรียกเขากับวิศรุตเสียก่อน สองคนนั้นเลยกำลังเดินตรงมาที่โต๊ะของเขาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนักด้วยเพราะรู้สึกคุ้นหน้าพงศธรที่โบกมือเรียกให้เข้าไปหา


            เมื่อวิศรุตกับภาณุเดินมาถึงที่โต๊ะ ทั้งคู่ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย นภัทรทักผู้มาใหม่สองคนด้วยเสียง   แปร่งๆ ตรงข้ามกับวิศรุตที่ทักทายนภัทรและพงศธรเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์ นภัทรคิดว่าวิศรุตคงจะยังโกรธเขาเรื่องศรารัตน์อยู่ ฝ่ายนั้นจึงมีท่าทีเย็นชากับเขาอย่างเห็นได้ชัดจนแม้แต่พงศธรยังสังเกตได้ นภัทรแอบคิดในใจว่าหากพงศธรรู้ว่าวิศรุตเป็นพี่ชายแท้ๆของศรารัตน์ ทัดเทวา เพื่อนสนิทของเขาจะทำหน้าอย่างไร จะยังยืนยันว่าจะเดินหน้าจีบศรารัตน์ต่อไปหรือเปล่า


            “พวกนายมานั่งด้วยกันสิ เราจะได้คุยกัน ว่าแต่ไม่เจอตั้งนานเลยนะเนี่ย” พงศธรเอ่ยชวนอย่างมีน้ำใจ


             ภาณุลังเลก่อนจะเหลือบมองสีหน้าของคนที่มาด้วยกัน วิศรุตยังหน้านิ่งเหมือนรูปสลัก ภาณุลอบถอนหายใจก่อนพยายามปฏิเสธเสียงนุ่มเพื่อไม่ให้คนชวนเสียน้ำใจ


            “ขอบใจที่ชวนนะ แต่กลัวว่าจะรบกวนนายสองคนเปล่าๆ เดี๋ยวฉันกับไอ้วินแยกไปโต๊ะทางโน้นดีกว่า อีกอย่างนายก็เริ่มทานไปแล้วด้วย กว่าจะรอพวกฉันก็คงอีกนาน”


            “อย่ามาทำเรื่องมากเลยไอ้โอม ก็นั่งโต๊ะเดียวกันนี่แหล่ะ นี่ฉันกับไอ้กานต์ก็เพิ่งเริ่มกินไปนิดหน่อยเอง เดี๋ยวสั่งกับข้าวเพิ่มก็ได้นี่นา ที่นี่อาหารเร็วไม่ช้าหรอก” พงศธรคะยั้นคะยออีกรอบ ในขณะที่นภัทรเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขากับวิศรุตกำลังอยู่ในสถานะเพื่อนเก่าสมัยม.ปลาย ไม่ใช่นายแพทย์นภัทร อิสรีย์หมอเจ้าของไข้ของน้องสาวคุณวิศรุต ทัดเทวา นักธุรกิจเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ผู้โด่งดัง ตอนนี้เขาคงไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฝ่ายนั้นอีกแล้ว


            “กลัวว่าคนบางคนเขาจะไม่อยากให้นั่งร่วมโต๊ะน่ะสิ” พงศธรทำหน้างงว่าที่วิศรุตพูดหมายถึงอะไร ด้วยเพราะไม่ค่อยเข้าใจตื้นลึกหนาบางเรื่องของนภัทรกับวิศรุตมากนัก ขณะที่คนถูกแดกดันเริ่มหน้าตึง


            “เอ่อ เอาเป็นว่า...” เป็นภาณุที่พยายามจะแก้สถานการณ์อีกครั้ง


            “นั่งด้วยกันเถอะ จะได้คุยเรื่องเก่าๆสมัยม.ปลายกันหน่อย” นภัทรเอ่ยปากชวนพร้อมเน้นเสียงหนักที่คำว่าเรื่องเก่าๆสมัยม.ปลาย เขายังจำได้ดีว่าวิศรุตเคยบอกว่าตัวเองไม่อยากจะกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆอีกแล้ว ดวงตาสีถ่านผสานกับดวงตาสีน้ำตาลโศกที่บัดนี้โชนแสงกล้าอย่างท้าทาย


            ภาณุมองหน้าวิศรุตกับนภัทรสลับกันไปมาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะตัดสินใจนั่งลงข้างๆพงศธรเป็นคนแรก และแน่นอนว่าที่นั่งข้างนภัทรก็ตกเป็นของวิศรุต ภาณุกล้าท้าเอาอะไรเป็นเดิมพันก็ได้ว่าเขาเห็นรอยยิ้มสบใจที่มุมปากของวิศรุตแวบหนึ่งก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว


            “ทำไมกินน้อยจังวะ อาหารไม่อร่อยเหรอไง” พงศธรถามเพราะเห็นว่าข้าวในจานของวิศรุตดูจะพร่องลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าตัวก็มัวแต่เอาช้อนเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมา


            “เปล่าหรอก อาหารอร่อยดี เพียงแต่ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”


            “นึกว่ากินไม่ลงเพราะที่นี่คงไม่ใช่ภัตตาคารหรูระดับห้าดาวแบบที่นายเคยชิน” นภัทรสอดเสียงเรียบซึ่งทำเอาภาณุกับพงศธรที่กำลังคุยหัวเราะถึงความหลังวีรกรรมสมัยมัธยมปลายต่างก็ชะงักกึกแล้วหันไปทางคนพูดแทบจะทันที


            “คงไม่ใช่เกี่ยวกับว่าที่นี่จะเป็นภัตตาคารหรูอะไรหรือเปล่าหรอก ถ้าฉันจะกินไม่ลงมันก็คงเป็นเพราะเอียนขี้หน้าคนแถวนี้บางคนมากกว่า” วิศรุตเหยียดยิ้มปรายตาไปมองคนข้างๆที่ตนเพิ่งจะแขวะใส่ แต่นภัทรไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะคุณหมอหนุ่มกำลังพยายามระงับอารมณ์ที่เดือดพล่านในใจเต็มที่


            “ว่าแต่นายทำงานอะไรล่ะ มารับช่วงต่อกิจการที่บ้านเหมือนอย่างไอ้โอมหรือเปล่า” พงศธรพยายามเปลี่ยนประเด็นสนทนาโดยหันมาถามวิศรุตอีกครั้ง


            “ช่วงนี้ก็เข้ามาช่วยดูงานที่บริษัทน่ะ พอดีว่าน้องสาวของฉันประสบอุบัติเหตุต้องเข้าโรงพยาบาลเมื่อไม่นานมานี้”


            “พูดอย่างกับว่าพอน้องสาวหายป่วย ตัวเองก็จะเลิกทำงานงั้นแหล่ะ เอ้อ ว่าแต่น้องสาวนายทำไมถึงประสบอุบัติเหตุได้ล่ะ”


            “รถชนน่ะสิ แต่ตอนนี้อาการก็ดีวันดีคืน คงเพราะได้กำลังใจดี” วิศรุตพูดพลางปรายตาไปมองนภัทรอีกครั้ง พงศธรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่วิศรุตจะถามกลับบ้างว่าพงศธรตัดสินใจได้แล้วหรือยังว่าจะทำงานที่ไหน


            “ก็มองเอาไว้สองสามที่นั่นแหล่ะ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย ไม่รู้ว่าบริษัทพวกนั้นจะยอมรับฉันเข้าทำงานด้วยหรือเปล่า เนี่ยแหล่ะปัญหาใหญ่”


            “ถ้าบริษัทพวกนั้นไม่รับนายเข้าทำงานก็คงบ้าเต็มทนแล้วล่ะ คุณพงศธร วิศวกรหนุ่มออกจะเก่งกาจมากด้วยความสามารถปานนี้” ภาณุทำเสียงล้อเลียนซึ่งก็เลยโดนพงศธรตบป้าบเข้าให้ที่ไหล่แรงๆสองสามที


            “ถ้านายยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกบริษัทไหน ถ้าอย่างนั้นก็ฝากบริษัททัดเทวาให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของนายได้หรือเปล่า” วิศรุตพูดพร้อมกับหยิบนามบัตรของเขาออกมาจากกระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมราคาแพงแล้วยื่นมันให้พงศธร


            “โห เป็นเกียรติอย่างสูงเลยนะครับที่ท่านประธานของบริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่อย่างทัดเทวามาเสนองานให้วิศวกรตัวเล็กๆอย่างผม” คนที่ถูกล้อหัวเราะพร้อมรอยยิ้มกว้างแล้วบอกว่าคนที่มีความสามารถอย่างพงศธร บริษัททัดเทวาก็ต้องยินดีอยากได้มาร่วมงานด้วยอยู่แล้ว


            “ถ้างั้นฉันขอเวลาคิดก่อนได้หรือเปล่า” พงศธรไม่อยากด่วนตัดสินใจนัก เขาอยากพิจารณารายละเอียดเงื่อนไขของแต่ละบริษัทและมองถึงผลได้ผลเสียให้รอบคอบเสียก่อนที่จะเลือกร่วมงานกับบริษัทใด


            “ไม่ต้องเกรงใจฉัน เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเถอะ” วิศรุตไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ แต่ถ้าได้พงศธรมาร่วมงานด้วยกันก็จะดีไม่น้อยเพราะเขาเองก็รู้อยู่ว่าพงศธรเป็นคนมีความสามารถจริงๆ


            หลังจากรับประทานอาหารเสร็จได้สักพัก ภาณุก็ขอตัวกลับก่อนเพราะติดธุระคุยงานกับลูกค้าต่อ วิศรุตเองก็เอ่ยเป็นเชิงขอตัวกลับเช่นกันโดยอ้างว่าต้องกลับไปเคลียร์งานที่บริษัท แต่นภัทรนึกรู้ว่าวิศรุตคงไม่อยากนั่งเผชิญหน้ากับเขาแล้วก็พงศธรโดยปราศจากคนกลางอย่างภาณุมากกว่า เมื่อภาณุกับวิศรุตกลับไปแล้ว นภัทรก็ลองหยั่งเชิงถามพงศธรถึงเรื่องที่วิศรุตชวนไปทำงานที่บริษัททัดเทวา


            “แกตั้งใจจะไปทำงานที่บริษัททัดเทวาหรือเปล่าวะไอ้พงษ์”


            “ไม่รู้สิ เอาจริงๆก็ไม่ค่อยอยากเท่าไหร่หรอก ฉันคงรู้สึกแปลกๆว่ะถ้าต้องไปเป็นลูกน้องในบริษัทของเพื่อน” พงศธรพูดไปตามความรู้สึก จริงอยู่ว่าบริษัททัดเทวานั้นเป็นบริษัทที่ใหญ่และมั่นคง แต่ถ้าเขาทำงานที่นั่นก็คงไม่แคล้วต้องถูกมองว่าอาศัยเส้นสายของวิศรุตเข้ามาแน่ๆ ซึ่งเขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย แม้ว่าลึกๆอีกใจหนึ่งก็อดเสียดายโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการธุรกิจอสังหาฯที่เป็นความฝันในชีวิตการทำงานของวิศวกรหลายๆคนไม่ได้ ที่สำคัญคือเขารู้สึกว่าตัวเองยังติดหนี้วิศรุตอยู่ตอนที่ฝ่ายนั้นช่วยเหลือเรื่องคืนเงินกู้ให้พวกนักเลงตอนสมัยทั้งคู่ยังอยู่ม.ปลาย แม้ว่าวิศรุตจะไม่ได้ติดใจทวงคืนก็ตามที


            “เรื่องทำงาน เดี๋ยวก็ค่อยๆคิดไปแล้วกัน” พงศธรตอบรับในคอก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาให้ความสนใจกับเรื่องของ ศรารัตน์ ผู้หญิงที่เขาหมายตาเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง


            “ว่าแต่ฉันลืมถามแกไปเลยว่าคุณศรารัตน์ประสบอุบัติเหตุอะไร ทำไมเธอถึงต้องอยู่โรงพยาบาลนานขนาดนั้นด้วย นานจนมาสนิทกับคุณหมออย่างแกได้เนี่ย”


            “อุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรง”


            “อ้าว อุบัติเหตุรถชนเหมือนกับน้องสาวของไอ้วินเลย ทำไมเดี๋ยวนี้มันฮิตรถชนกันเหรอวะ” พงศธรพูดกลั้วหัวเราะกับประโยคสุดท้าย แต่คำตอบของนภัทรทำให้ชายหนุ่มต้องยิ้มค้าง


            “จะไม่ให้เหมือนกันได้ยังไงล่ะ ในเมื่อคุณศรารัตน์ที่แกตั้งใจจะจีบน่ะก็คือน้องสาวแท้ๆของวิศรุต” พงศธรมีสีหน้างงงวย ชายหนุ่มนึกว่าตัวเองหูฝาดไปแต่นภัทรก็พูดย้ำอีกครั้ง


            “ฉันตั้งใจจะบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณศราเป็นน้องสาวของวิศรุต” หลังจากนั้นนภัทรก็เล่าเรื่องที่เจอกับวิศรุตโดยบังเอิญอีกครั้งที่โรงพยาบาลในตอนที่วิศรุตมาเยี่ยมศรารัตน์ในฐานะพี่ชายให้เพื่อนสนิทฟัง โดยไม่ลืมที่จะเล่าว่าวิศรุตแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกับเขาต่อหน้าศรารัตน์ ซึ่งมันเป็นเพราะเหตุใดชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เช่นกัน เขาจึงได้แต่เออออตามน้ำไปกับวิศรุตด้วย


            “คุณศราเป็นน้องสาวของไอ้วินงั้นเหรอ” พงศธรทวนคำกับตัวเองเบาๆพร้อมกับหยิบนามบัตรของวิศรุตที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตขึ้นมาดูอีกครั้งอย่างเริ่มลังเล

 

Aislin: ขออภัยที่หายหน้าไปนานหลายวันเลยนะคะ พอดีช่วงนี้วุ่นๆกับหลายเรื่อง ทั้งงานราษฏร์งานหลวง ฮาๆๆๆ แต่วันนี้มาอัพหมอกานต์-วินให้แล้ว ก็อย่าเพิ่งงอนกันนะจ๊ะ

            มาว่าถึงตอนนี้... มีตัวละครค่อยๆโผล่ขึ้นมาเรื่อย แต่ละตัวเนี่ยคอยสร้างสีสันให้เรื่องสนุกยิ่งขึ้นไปอีก ตอนแรกใครอ่านแล้วยังเบื่อๆเอื่อยๆ ก็ขอให้อดใจรออีกนิด รับรองว่าความสนุกเพิ่มขึ้นในทุกๆตอนแน่นอนจ้ะ ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปเรื่อยๆจนจบด้วยเน้อ

            มาว่าถึงนิยายรูปเล่มกันดีกว่า พอดีตอนนี้หน้าปกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวในโอกาสหน้าจะเอามาโพสพร้อมเปิดรับจองรูปเล่มนะคะ พอดีตอนนี้ Aislin วุ่นๆอยู่เลยยังไม่ได้มีโอกาสแจ้งรายละเอียดมากนัก ยังไงอดใจรอหน่อยเน้อ จะพยายามเข็นรูปเล่มให้ออกมาภายในเดือนมี.ค.ให้ได้จ้ะ


ปล. อ่านแล้วคอมเม้นท์กันหน่อยน้า อยากรับทราบฟีดแบ็กจากทุกคน อิอิ ^0^

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
จะลงเอยกันแบบไหนน้าคู่นี้อะ

ออฟไลน์ 14th-friedegg

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
>0<//

ลุ้นจังเลย มีหลายปมให้ลุ้นมากเลยคะ
ชอบที่พระเอกเรารู้ทัน เหมือนจะเหยอะเหยะ แต่ก็ไม่ได้เหยอะเหยะ แต่ใช้คนเป็น 55

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
จะมีอีกคู่รึปีาวนะ คู่พงศธรกับน้องสาวพระเอกอะ อิอิ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
จะลงเอยกันแบบไหนน้าคู่นี้อะ

กว่าจะลงเอยกัน รับรองว่าทรหดแน่นอนค่าา ^0^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
>0<//

ลุ้นจังเลย มีหลายปมให้ลุ้นมากเลยคะ
ชอบที่พระเอกเรารู้ทัน เหมือนจะเหยอะเหยะ แต่ก็ไม่ได้เหยอะเหยะ แต่ใช้คนเป็น 55

ใช่แล้วค่ะ มีหลายปมเลย รับรองสนุกสนานแน่นอนนนน
แน่ใจเหรอคะว่าวินเป็นพระเอก ว้ากกกกกกกกกก.... เก็บไว้ให้เอาไปทายต่อเอง ไม่รู้ไม่ชี้ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด