ทัณฑ์กามเทพ -- Ver. Rewrite (บทที่ 1-39: updated 8/11/58 -- เวลา 15.55 น.)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทัณฑ์กามเทพ -- Ver. Rewrite (บทที่ 1-39: updated 8/11/58 -- เวลา 15.55 น.)  (อ่าน 69195 ครั้ง)

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
น่าจะลากคอภาคินเข้าคุกเลยนะ ไม่ใช่บอกแค่อย่ามาให้เห็นหน้า ไม่ก็ทำยังไงก็ได้แบบถอนรากถอนโคนไปเลย
ปล่อยไปแบบนี้มันก็คือการปล่อยเสือเข้าป่าดีๆนี่เอง
เดี๋ยวมันก็กลับมาทำเรื่องอีก เซ็งๆๆๆ


เดี๋ยวยังมีต่ออีกเยอะค่ะ ใจเย็นๆนะคะ ใจร่มๆเอาไว้ก่อน อิอิ
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ เลยได้ฟีดแบ็กจากคนอ่านว่าแอบอินนะเนี่ยยย ฮาๆๆ ^0^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1

            เมื่อศรารัตน์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็มานอนอยู่บนเตียงในห้องส่วนตัวของเธอที่บ้านทัดเทวาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเหลียวมองไปด้านข้างเตียงก็พบกับนภัทรที่กำลังจดจ่ออยู่กับการจัดของในกระเป๋ายาของตนและถัดไปไม่ไกลก็คือวิศรุตที่กำลังยืนพิงกรอบหน้าต่างบานใหญ่อยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


            “อ้าวคุณศรา ฟื้นแล้วเหรอครับ” นภัทรหันมาก็พบว่าศรารัตน์ฟื้นแล้วและกำลังพยายามยันตัวเองขึ้นมาจากเตียงนอน แต่หญิงสาวก็ต้องเบ้หน้าเมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บบริเวณท้องน้อย “ค่อยๆนะครับ” คุณหมอหนุ่มช่วยพยุงคนป่วยให้ลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จก่อนใช้หมอนยันรองหลังเพื่อกันกระแทกให้กับศรารัตน์


            “เกิดอะไรขึ้นกับฉันคะ แล้วนี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” หญิงสาวจำได้ว่าตัวเองถูกวางยาสลบที่ลานจอดรถของห้างก่อนจะถูกภาคินพาตัวขึ้นรถเพื่อจับเธอไปข่มขืน คิดมาถึงตรงนี้ศรารัตน์ก็หน้าซีดเผือดก่อนจะสบตากับดวงตาสีถ่านเข้มที่มองตอบกลับมาอย่างเห็นใจ


            “เธอถูกไอ้ภาคินหลอกพาไปข่มขืนน่ะสิ” วิศรุตเป็นคนตอบคำถามนั้นเอง ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่หน้าเตียงของศรารัตน์ก่อนเอ่ยถามผู้เป็นน้องสาวว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วภาคินจับตัวเธอไปได้อย่างไร


            “ฉันโดนใครก็ไม่รู้โปะยาสลบที่ลานจอดรถของห้างหลังจากที่ซื้อของเสร็จและกำลังจะกลับบ้าน จากนั้นฟื้นขึ้นมาอีกทีก็มาอยู่ในรถของภาคินแล้ว ฉันพยายามทำให้รถเสียหลักเพื่อหยุดรถ แต่ฉันก็โดนมันเอาผ้าโปะยาสลบอุดจมูกอีกรอบ จากนั้นมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในโกดังร้างนั่นแล้ว มัน... มัน... มันทำร้ายฉัน” พูดจบศรารัตน์ก็น้ำตาไหลพรากเมื่อนึกถึงสิ่งที่ภาคินทำกับเธอ หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้ตัวเองจะต้องมาเผชิญกับเรื่องร้ายๆแบบนี้โดยคนที่ทำร้ายคือญาติผู้พี่ของเธอเอง


            “ใจเย็นๆนะครับคุณศรา ไม่ต้องกลัวนะครับ ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว” นภัทรบีบมือศรารัตน์เบาๆอย่างต้องการถ่ายทอดความอบอุ่นไปสู่อีกฝ่าย หญิงสาวคงจะเสียขวัญจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากซึ่งเขาเองก็เห็นใจเธอเหลือเกินเพราะเรื่องที่เธอได้เจอมันคือฝันร้ายสำหรับผู้หญิงทุกคน


            ศรารัตน์มองมือหนาที่กำลังกุมฝ่ามือของเธอไว้อย่างขอบคุณก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆไหลลงมาอีกรอบอย่างกลั้นไม่อยู่  ยิ่งได้เห็นนภัทรแบบนี้เธอยิ่งกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะรับไม่ได้ที่เธอตกเป็นของไอ้คนสารเลวอย่างภาคินแล้ว ร่างบางสะอื้นไห้ออกมาอย่างหนักจนตัวโยนทำให้นภัทรต้องรั้งร่างบางเข้ามากอดปลอบด้วยความเห็นใจ


            ภาพตรงหน้าทำให้วิศรุตต้องเบือนหน้าไปอีกทาง ถึงแม้จะเข้าใจว่านภัทรคงไม่ได้คิดอะไรที่ทำลงไปแบบนั้น แต่ศรารัตน์ล่ะ ชายหนุ่มคิดว่าน้องสาวของเขาคงต้องหวั่นไหวกับสัมผัสแบบนี้แน่ ซึ่งวิศรุตก็มั่นใจว่าตัวเองเดาถูกเมื่อสังเกตเห็นสองแก้มของศรารัตน์เริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ


            “หยุดร้องไห้ได้แล้วยัยศรา ไอ้ภาคินยังไม่ทันได้ทำอะไรเธอหรอก” วิศรุตพูดเสียงแผ่วขณะที่ศรารัตน์หยุดร้องไห้ทันที หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้งก่อนถามย้ำกับวิศรุตอีกรอบเพื่อความแน่ใจ อย่างน้อยวันนี้เธอก็ยังไม่ถึงกับโชคร้ายไปเสียหมด ศรารัตน์คิดในใจ


            “จริงครับ ที่พี่ชายคุณพูดเป็นเรื่องจริง โชคดีที่ช่วยคุณศราออกมาจากโกดังได้ทัน” นภัทรยืนยันแทนวิศรุต ส่วนศรารัตน์เริ่มเอะใจ


            “นี่คุณหมอเป็นคนไปช่วยฉันที่โกดังร้างนั่นเหรอคะ” เมื่อเจอกับสายตาคาดคั้นของศรารัตน์ก็ทำให้นภัทรอึกอัก คุณหมอหนุ่มหันไปมองวิศรุตโดยตั้งใจจะบอกว่าวิศรุตเป็นคนที่เข้าไปช่วยเธอให้พ้นเงื้อมมือของภาคินต่างหาก ไม่ใช่เขา ทว่าอีกฝ่ายกลับชิงขัดขึ้นมาเสียก่อน


            “ใช่แล้วล่ะ คุณหมอนภัทรเป็นคนไปช่วยเธอออกมา แถมยังอัดไอ้ภาคินซะเละเลย” ศรารัตน์หันไปมองนภัทรอีกครั้งด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณและความประทับใจในตัวคุณหมอหนุ่มที่เริ่มเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่ถูกอ้างชื่อกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนพลางส่งสายตาที่เปี่ยมด้วยคำถามไปทางวิศรุต เขาไม่เข้าใจเลยว่าวิศรุตทำแบบนี้ทำไมกัน ทำไมต้องบอกศรารัตน์ไปอย่างนั้นด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่ช่วยศรารัตน์จากภาคินก็คือวิศรุตเอง


            “ว่าแต่หน้านายทำไมเยินอย่างนั้นล่ะวิน ไปโดนอะไรมา” ศรารัตน์จ้องไปยังใบหน้าของวิศรุตอย่างสงสัย เมื่อเพิ่งมีโอกาสสังเกตเห็นว่าใบหน้าของวิศรุตมีรอยช้ำและบวมอยู่หลายแห่ง อีกทั้งหัวก็ยังแตกอีกด้วย


            “ช่างเถอะ พอดีไปฟัดกับพวกลูกน้องของไอ้ภาคินมาน่ะ ไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก ตอนนี้เธอน่ะนอนพักผ่อนไปก่อนเถอะ” วิศรุตหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้ศรารัตน์เห็นรอยแผลฟกช้ำบนใบหน้าเขาไปมากกว่านี้


            “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะจัดยาให้แล้วกันนะครับ คุณศราจะได้พักผ่อนเสียที” นภัทรตัดบทก่อนจะประคองให้ศรารัตน์นอนลงตามเดิมแล้วคุณหมอหนุ่มก็หันมาจัดยาให้กับศรารัตน์โดยไม่ลืมที่จะจ่ายยานอนหลับให้ด้วย เขารู้ว่าวันนี้เธอทั้งเหนื่อยและเพลียมาก หญิงสาวต้องการการพักผ่อนอย่างจริงจังเสียที เมื่อจัดยาเสร็จจึงยื่นให้กับศรารัตน์ที่รับไปเข้าปากอย่างว่าง่าย


            นภัทรดูแลให้ศรารัตน์ทานยาเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักหญิงสาวก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยา เมื่อแน่ใจว่าร่างบนเตียงหลับสนิท นภัทรจึงหันไปหาวิศรุตที่กำลังยืนจ้องมาทางตนอยู่


            “แล้วไอ้โอมล่ะ กลับไปแล้วเหรอ” นภัทรพยักหน้า หลังจากที่เขาทำแผลที่โดนกระสุนถากให้กับภาณุเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวกลับก่อนเพราะยังไม่อยากอยู่รบกวนศรารัตน์ อีกทั้งที่บ้านก็โทรมาตามเห็นบอกว่ามีเรื่องด่วน ภาณุก็เลยตัดสินใจขับรถกลับบ้านไปก่อนโดยที่ไม่ทันได้บอกลากับวิศรุต ทั้งๆที่ยังแขนเจ็บอยู่


            “ทำไมนายบอกคุณศราไปอย่างนั้นล่ะ ทำไมต้องบอกว่าคนที่เข้าไปช่วยเธอคือฉัน ทั้งๆที่คนๆนั้นก็คือนาย” วิศรุตถอนหายใจบางก่อนเอ่ยเสียงเบา


            “ยัยศราคงจะดีใจมากกว่าถ้าคนที่เป็นฮีโร่ไปช่วยเธอก็คือนาย ไม่ใช่พี่ชายอย่างฉัน” นภัทรมองวิศรุตด้วยความรู้สึกแปลกๆ เป็นอีกครั้งที่เขาไม่เข้าใจเลยว่าวิศรุตกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่


            “แต่ฉันว่าตรงกันข้าม ถ้าคุณศรารู้ว่านายเป็นคนช่วยเธอล่ะก็ เธอคงต้องดีใจมากกว่านี้เสียอีก อย่าลืมสิว่าเธอเป็นน้องสาวแท้ๆของนายนะ”


            “ความสัมพันธ์พี่น้องของเรามันแปลกๆไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเขาหรอก บอกศราไปแบบนั้นน่ะดีแล้ว” ในสายตาของ ศรารัตน์ เขาคงเป็นพี่ชายที่แย่มาก ปกป้องไม่ได้แม้กระทั่งน้องสาวของตัวเองสินะ วิศรุตมองไปยังร่างบนเตียงอีกครั้งด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความน้อยใจลึกๆ

 



            “คุณหนูใหญ่ครับ คุณวันชัยกับคุณภาคินมาขอพบน่ะครับ” เสียงเรียกของลุงมั่นทำให้วิศรุตที่กำลังนั่งอ่านรายงานผลประกอบการของบริษัททัดเทวาอยู่ถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อสองพ่อลูกคู่นี้ นี่ไอ้ภาคินยังมีหน้ามาที่บ้านนี้อีกเหรอ ลำพังเขาไม่เอาเรื่องมันก็ดีแค่ไหนแล้ว วิศรุตคิดในใจพลางกัดกรามแน่นด้วยความที่ยังแค้นอีกฝ่ายไม่หาย


            “แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” น้ำเสียงที่ถามถึงแขกทั้งสองคนดูห้วนกระด้าง


            “ผมให้รออยู่ที่ห้องรับแขกครับ” วิศรุตพยักหน้าก่อนจะบอกให้ลุงมั่นไปตามศรารัตน์ลงมาพบเขาที่ห้องรับแขกด้วย

 



            “แกยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอภาคิน” ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านถามเสียงเย็นทันทีที่เห็นหน้าคู่กรณี ดวงตาสีน้ำตาลเปล่งประกายกร้าวอย่างเอาเรื่อง


            “ใจเย็นๆก่อนนะวิน ที่อากับภาคินมาวันนี้ก็เพื่อตั้งใจจะมาขอโทษวินกับศราใน เอ่อ... เรื่องที่เกิดขึ้น” วิศรุตหันหน้าหนีเพราะไม่อยากฟัง “ให้โอกาสภาคินได้อธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเถอะนะวิน”


            “อาอยากจะให้ผมฟังคำแก้ตัวอะไรอีกงั้นเหรอ ลูกชายตัวดีของอามันทำกับยัยศราถึงขนาดนี้ อายังจะให้ผมอภัยและยกโทษให้มันเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอครับ” วิศรุตสูดลมหายใจแรงอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ก่อนจะหันไปมองภาคินอย่างเอาเรื่อง “หน้ายังบวมช้ำอยู่เลยนี่ สงสัยฉันคงจะออกแรงหนักไปหน่อย”


            ภาคินมองตอบสายตาคู่นั้นอย่างไม่กลัวเกรงก่อนที่แววตาท้าทายเมื่อครู่จะเลือนหายไปและถูกแทนที่ด้วยแววตาสำนึกผิดแทน “ฉันขอโทษนะวิน คือวันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับศราจริงๆ คือว่าฉัน...”


            “เก็บคำพูดของนายไว้ไปแก้ตัวกับศราเถอะ นั่นไงยัยศรามาแล้ว” ภาคินหันไปมองศรารัตน์ที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องรับแขกช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยที่ถอดแบบมาจากพี่ชายฉายแววเย็นชาเมื่อสบตากับภาคิน


            “ศรา เรื่องเมื่อวานฉันอธิบายได้นะ คือว่าฉัน...”


            “พอที ฉันไม่อยากฟัง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่นายทำเรื่องชั่วๆแบบนั้นไปเพราะอะไร แต่ฉันอยากจะรู้ว่านายกล้าทำได้ยังไงต่างหาก” ศรารัตน์เน้นเสียงประโยคสุดท้ายด้วยสีหน้าเย็นชา 


            “ที่ฉันทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นไปก็เพราะฉันรักเธอมากนะ รักจนอยากให้เธอเป็นของฉันเพียงคนเดียว”


            “นายก็เลยใช้แผนชั่วๆจับตัวฉันเพื่อจะหลอกพาไปข่มขืนเนี่ยนะ นี่น่ะเหรอที่นายบอกว่ารักฉัน หึ นายรักฉันหรือว่ารักสมบัติของฉันกันแน่ อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ว่านายต้องการอะไร ภาคิน” วิศรุตเหลือบมองภาคินที่หน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดอย่างสมเพช ใจจริงเขาต้องการจะจับภาคินส่งตำรวจให้รู้แล้วรู้รอดกันไป แต่ติดที่ศรารัตน์ไม่ยอมเพราะเกรงว่าจะเสียชื่อเสียงของทัดเทวา หญิงสาวไม่อยากให้เรื่องอื้อฉาวออกไปเพราะเกรงว่าเธอเองนั่นแหล่ะที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


            “อย่างนี้มันน่าจะจับส่งตำรวจเสียให้เข็ด” วิศรุตเอ่ยเบาๆ แต่ในห้องรับแขกที่เงียบอยู่แล้ว ทุกคนจึงได้ยินคำพูดของวิศรุตอย่างชัดเจน โดยเฉพาะภาคินที่ลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวั่นใจ เพราะหากวิศรุตและศรารัตน์ทำอย่างที่พูดจริงๆ เขาคงหมดอนาคตและชื่อเสียงคงดังฉาวโฉ่ไปทั่ววงการไฮโซแน่ เขารู้จักนิสัยของวิศรุตดี ชายหนุ่มตรงหน้าเมื่อเห็นว่ามีโอกาสจะกำจัดคู่แค้นอย่างเขาแล้วละก็ หมอนั่นกัดไม่ปล่อยแน่


            “อาว่าอย่าให้เรื่องนี้ถึงตำรวจเลยนะ มันจะเสียชื่อทัดเทวาเปล่าๆ อาผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี แต่อาขอรับรองว่าเรื่องแบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด ให้อภัยภาคินสักครั้งเถอะนะวิน ศรา” วิศรุตถอนหายใจเฮือกก่อนจะเบือนหน้าไปยังน้องสาวของตนที่ตกเป็นผู้เสียหายจากเรื่องนี้ ทำนองว่าศรารัตน์จะเอายังไง จะเปลี่ยนใจให้เขาแจ้งความเพื่อเอาเรื่องกับภาคินไหม  “เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณอารับรองอย่างนั้น คราวนี้ศราจะไม่เอาเรื่องก็ได้ เห็นแก่ภาคินก็ใช้นามสกุลทัดเทวาร่วมกับเรา ถ้าเรื่องนี้หลุดรอดออกไปจะกลายเป็นเรื่องที่คนนินทาสนุกปากกันมากกว่า”


            “ขอบใจมากนะศรา ขอบใจเธอจริงๆ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องเลวๆแบบนั้นอีกแล้ว” มือหนาของภาคินเอื้อมมาคว้ามือของศรารัตน์ไปกุมไว้ แต่วิศรุตก็ดึงมือน้องสาวของตนให้หลุดออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายแทบจะทันทีพร้อมพูดใส่หน้า


            “ที่ศราให้อภัยนายครั้งนี้ก็เพราะว่าสงสาร ถึงนายจะไม่ใช่สายเลือดแท้ๆของทัดเทวา แต่ยังไงเราก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก และฉันจะขอเตือนเอาไว้นะ ถ้าหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองหรือถ้านายมาทำร้ายน้องสาวฉันอีกล่ะก็ ฉันสัญญาว่าแม้แต่นามสกุลทัดเทวา นายก็จะไม่มีสิทธิได้ใช้อีกต่อไป” วิศรุตสบตาภาคินด้วยความเกลียดชังน้ำหน้าอีกฝ่าย ซึ่งภาคินก็มองตอบกลับมาด้วยแววตาที่สื่อความหมายแบบเดียวกัน

 

 


            “โธ่เว้ย เจ็บใจไอ้วินจริงๆ ทำมาเป็นวางก้ามว่าเป็นทายาทที่แท้จริงของทัดเทวาอย่างโน้นอย่างนี้ อย่าให้ถึงที่ผมบ้างก็แล้วกัน ผมจะเอาคืนมันให้เจ็บแสบจนสะกดคำว่าทัดเทวาไม่เป็นเลยทีเดียว” ภาคินกระแทกตัวนั่งบนโซฟาเมื่อกลับมาถึงที่บ้านของตนแล้ว อารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างจากบ้านทัดเทวายังไม่จางหายไปง่ายๆ ชายหนุ่มหันไปมองผู้เป็นพ่อ “แล้วพ่อจะให้ผมทำไงต่อไปครับ”


            “แกยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ก็เพราะความไม่ได้เรื่องของแกแล้วก็ลูกน้องโง่ๆของแกนั่นแหล่ะ ทำงานไม่ได้เรื่องได้ราวเลย และคราวนี้ถือว่าแกโชคดีมากนะที่ไอ้วินกับยัยศราไม่เอาเรื่อง ไม่อย่างนั้นแกได้ไปนอนในคุกแน่”


            “โธ่พ่อครับ ถ้าไอ้วินกับเพื่อนมันไม่มาช่วยศราเอาไว้ได้ทัน ยัยนั่นเสร็จผมไปเรียบร้อยแล้ว”


            “ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟัง” วันชัยยกมือปราม แต่ภาคินยังพูดต่อ


            “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไอ้วินมันต้องไม่ยอมให้ผมได้เข้าใกล้ศราแน่ๆ รวมถึงมันก็ต้องระวังตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แล้วเราจะหาโอกาสจัดการมันสองคนได้ยังไงล่ะครับ” วันชัยไม่ตอบแต่หันไปสบตากับลูกชายด้วยแววตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ

 



            เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นก่อนประตูจะถูกเปิดออกแล้วศรารัตน์จึงก้าวเข้ามาในห้อง หญิงสาวสบตากับวิศรุตที่กำลังมองจ้องผู้มาใหม่เป็นคำถามว่าเธอเข้ามาในห้องทำงานของเขาทำไมกัน ศรารัตน์สูดลมหายใจลึกพลางนึกทบทวนถึงจุดประสงค์ที่เธอมาหาวิศรุตอยู่ในใจ หญิงสาวไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนกำลังจะทำต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด แต่เธอนอนคิดตรองเรื่องนี้มาทั้งคืน ถ้าหากเธอไม่บอกเรื่องนี้ให้วิศรุตรู้ บางทีผลลัพธ์ของมันอาจจะเลวร้ายกว่าที่เธอคาดไว้ก็เป็นได้


            “ฉันมีเรื่องสำคัญจะต้องบอกนาย” ศรารัตน์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามของพี่ชายก่อนจะพูดต่อ “เรื่องที่ภาคินทำกับฉันเมื่อวันก่อน ฉันคิดว่าภาคินคงต้องการจะแก้แค้นฉันหรือไม่ก็ต้องการจะเอาเรื่องที่มันจงใจรังแกฉันมาเพื่อแบ็กเมล์ไม่ให้ฉันบอกความจริงกับนาย”


            “ความจริงอะไร นี่เธอไปรู้อะไรเกี่ยวกับสองพ่อลูกนั่นมางั้นเหรอ” วิศรุตขยับตัวลุกจากเก้าอี้นวมตัวหนาแล้วมายืนประจันหน้ากับศรารัตน์ “แล้วความจริงที่ว่านั้นมันคือเรื่องอะไรกันแน่”


            “วันนั้นฉันไปที่ห้องทำงานของภาคินเพราะสงสัยเรื่องความผิดปกติของงบการเงินปีก่อนๆ แล้วฉันก็บังเอิญได้ยินคุณอาวันชัยกับภาคินคุยกันถึงเรื่องยักยอกเงินของบริษัท”


            “อะไรนะ นี่อาวันชัยกับไอ้ภาคินกล้าทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ” วิศรุตอึ้งไปเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อมาลองคิดดูถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับศรารัตน์แล้ว เหตุผลนี้ก็เป็นไปได้มากทีเดียว สองพ่อลูกนั่นคงกลัวว่าศรารัตน์จะเอาเรื่องนี้มาบอกเขา เลยชิงที่จะกำจัดศรารัตน์ให้พ้นทางก่อน จากนั้นก็คงวางแผนค่อยๆเขี่ยให้เขากระเด็นจากบริษัททัดเทวา แล้วตัวเองกับลูกชายจึงขึ้นมาบริหารงานรับช่วงต่อแทน โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของตัวเขาต่อบรรดากรรมการบริหารยิ่งไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ด้วย


            “ตอนแรกที่รู้ ฉันตั้งใจว่าจะไม่บอกนายเรื่องนี้เพราอย่างน้อยเขาก็เป็นญาติของเรา แล้วฉันก็อยากให้พวกเขาได้แก้ตัว แต่ว่าสิ่งที่ภาคินทำกับฉันวันนั้น ถึงฉันจะไม่เอาเรื่องส่งตำรวจ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้ฉันรู้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้ไม่น่าไว้ใจอีกต่อไปแล้ว”


            “เธอมีหลักฐานอะไรหรือเปล่า เพราะถ้าเราไม่มีหลักฐาน อาศัยแค่คำพูดของเธอ การจะเอาผิดกับสองคนนั้นก็คงยาก” ศรารัตน์พยักหน้า หญิงสาวยื่นแผ่นซีดีข้อมูลที่ถือมาด้วยให้วิศรุต


            “ฉันเซฟข้อมูลทั้งหมดไว้ในแผ่นซีดีนี่แล้ว นายลองเอาไปเปิดดูก็แล้วกัน ในนั้นน่ะเป็นงบการเงินของหลายๆปีที่ผ่านการตกแต่งบัญชีมาแล้วอย่างแนบเนียน ฉันทำเครื่องหมายเน้นจุดที่ผิดปกติเอาไว้ให้แล้ว รับรองว่าอาวันชัยกับภาคินเห็นเอกสารพวกนี้แล้วต้องดิ้นไม่หลุดแน่นอน” วิศรุตมองแผ่นซีดีข้อมูลในมือแล้วยิ้มเย็น ในขณะที่ศรารัตน์ก็ถามว่าเขารู้อย่างนี้แล้วจะจัดการยังไงต่อไป


            “เธออย่าเพิ่งแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปนะ เพราะถ้าหากเรื่องนี้หลุดไปถึงหูคนนอกล่ะก็ ข่าวการยักยอกเงินของผู้บริหารระดับสูงจะต้องกระเทือนกับภาพลักษณ์ของบริษัททัดเทวาแน่นอน ฉันไม่อยากให้พวกผู้ถือหุ้นขาดความเชื่อมั่นในบริษัทเราเพราะเรื่องนี้”


            “แล้วนายจะปล่อยเอาไว้อย่างนี้น่ะเหรอ”


            “เธอไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ฉันไม่ปล่อยให้สองคนนั้นเสวยสุขอยู่บนเงินที่โกงมาจากบริษัทของเราได้นานหรอก แม้ว่าคนๆนั้นจะมีสายสัมพันธ์เป็นญาติสนิทของเราก็ตาม”

 

Aislin: ขออภัยที่ให้รอนานหลายวันเลยนะคะ พอดีงานยุ่งมากจริงๆค่ะ ทั้งงานราษฎร์งานหลวงเลยค่ะ แห่ะๆๆ ตอนนี้เนื้อเรื่องก็เริ่มเข้มข้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องชิงอำนาจในตระกูล รับรองว่าตอนหน้ามีปะฉะดะให้ได้มันและลุ้นกันแน่นอน วินกับศราจะร่วมมือกันวางแผนตลบหลังอะไรสองพ่อลูกหรือเปล่า ติดตามต่อได้ในตอนหน้าค่ะ ไม่นานเกินรอแน่นอน

            อัพเดทนิยายรูปเล่มนิดนึงนะคะ ตอนนี้เกดกำลังปรู๊พอาร์ตเวิร์ครอบ 2 อยู่ค่ะ จะพยายามเร่งมือให้เสร็จทันก่อนสงกรานต์แน่นอน เป็นกำลังใจให้เกดด้วยเน้อ เฮ้ออ (ปาดเหงื่อ เพราะต้นฉบับก็หนาใช่เล่น) ส่วนนักอ่านท่านใดที่ยังรีๆรอๆอยู่ ฝากพิจารณานิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ เกดเขียนด้วยความตั้งใจจริงๆค่ะ รับรองความสนุกและความคุ้มค่าทุกตัวอักษร โดยสามารถสั่งจองเข้ามาได้เลยค่ะ เพราะใกล้จะปิดยอดเต็มทีแล้ว โดยย้ำกันอีกครั้งว่าเรื่องนี้เกดจะอัพให้อ่านจนจบเรื่องเลย (ในเว็บ) แต่ที่ไม่มีก็คือตอนพิเศษสุดๆ ที่ไม่เคยอัพลงเว็บใดๆ ทั้งหมด 3 ตอนแบบยาวต่อเนื่อง เป็นการคลายเบื้องหลังหลายๆอย่างของตัวละครและความฟินจะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ฟันธง!!! ใครสนใจติดต่อได้ทางอีเมล์ Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com หรือที่แฟนเพจ www.facebook.com/aislin.napoon ได้เลยค่ะ


ปล. อ่านจบคอมเม้นท์ให้กันหน่อยนะคะ ช่วยเพิ่มกำลังใจให้นักเขียนตาดำๆคนนี้ได้มากมายเลยจ้ะ ^^



ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
แย่งชิงสมบัติกันมันมากๆ อิอิ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
แย่งชิงสมบัติกันมันมากๆ อิอิ

ตอนนี้เลยเปิดสงครามกันมันหมดเลยค่าา อิอิ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1



"ทัณฑ์กามเทพ"

ราคาเล่มละ 430 บาท (รวมค่าส่งลงทะเบียน)

ติดต่อได้ที่ Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com  หรือ  www.facebook.com/Aislin.Napoon

***ในเว็บอัพจนจบ แต่ตอนพิเศษสุดฟินแบบจุใจอีก 3 ตอนต้องติดตามในรูปเล่มเองค่ะ***




              การเรียกเปิดประชุมด่วนคณะกรรมการบริหารของบริษัททัดเทวาทำให้บรรดากรรมการบริหารหลายๆท่านเกิดความงุนงงเพราะไม่รู้ว่าท่านประธานมีเรื่องด่วนอะไรกันแน่ถึงประกาศขอเปิดวาระการประชุมแบบกะทันหันเช่นนี้ แม้แต่วันชัยที่เป็นถึงรองประธานกรรมการก็ไม่ทราบเรื่องด้วยเช่นกัน คราวนี้ไม่รู้ว่าวิศรุตจะมาไม้ไหนอีก วันชัยคิดในใจ


            “นี่มันเรื่องอะไรกันครับพ่อ อยู่ๆไอ้วินก็มาเปิดประชุมด่วนแบบนี้ หรือว่า...” ภาคินมีสีหน้าร้อนรนเมื่อนึกถึงว่าวิศรุตอาจจะรู้เรื่องที่ตนกับพ่อโกงเงินบริษัทจากศรารัตน์แล้วก็ได้


            “พ่อก็ไม่รู้ แกอยู่นิ่งๆเถอะน่า รอดูไปก่อน อย่ามาทำลุกลี้ลุกลนแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นก็จับสังเกตได้หรอก” วันชัยเอ็ดลูกชายเบาๆให้ได้ยินกันสองคน เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าวิศรุตเรียกประชุมด่วนทำไม แต่ว่าหากวิศรุตคิดจะใช้โอกาสนี้แฉเรื่องที่เขากับภาคินยักยอกเงินจริงๆ เขาก็ไม่กลัว เพราะได้เตรียมการเอาไว้พร้อมหมดแล้วตั้งแต่วันที่ศรารัตน์บังเอิญได้รู้ความจริงเข้า ดังนั้นการที่เด็กเมื่อวานซืนอย่างวิศรุตจะมาเขี่ยเขาให้พ้นจากเก้าอี้ผู้บริหารของทัดเทวาล่ะก็ เกรงว่ามันจะไม่ง่ายนัก


            เวลาผ่านไปสักพัก วิศรุตก็เดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับศรารัตน์และเมริษาซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขาฯคนปัจจุบันของวิศรุต ชายหนุ่มกวาดตาไปรอบห้องก่อนจะมาหยุดที่ภาคินและวันชัยก่อนจะยิ้มน้อยๆแต่แฝงไว้ด้วยความเย็นชาจนอีกฝ่ายรู้สึกได้  ภาคินหันไปสบตากับเมริษาที่ยืนอยู่ข้างกายวิศรุตเป็นเชิงถามว่าที่วิศรุตเรียกประชุมแบบนี้มันจะต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่ๆ แต่เมริษาก็มองตอบสายตานั้นเป็นเชิงว่าเธอเองก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้เช่นกัน


            “สวัสดีครับทุกท่าน” วิศรุตเอ่ยทักทายผู้บริหารคนอื่นๆทันทีที่นั่งลงยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่หัวมุมโต๊ะเรียบร้อยแล้ว “ที่ผมต้องรบกวนเวลาทุกท่านและเรียกเปิดประชุมด่วนแบบนี้ก็เพราะว่ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะเรียนให้ทุกท่านได้รับทราบ”


            “เรื่องสำคัญอะไรล่ะครับคุณวิศรุต พวกเราอยากจะรู้เต็มทีแล้ว” คุณมงคลถามขึ้น ในขณะที่วิศรุตหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะบอกว่าเรื่องที่เขาจะพูดนี้เป็นเรื่องสำคัญกับบริษัททัดเทวามากทีเดียว


            วิศรุตยื่นแผ่นซีดีแผ่นหนึ่งให้กับเมริษาก่อนจะสั่งให้เลขาฯสาวเอาไปเปิดขึ้นหน้าจอโปรเจ็กเตอร์เพื่อให้ทุกคนได้เห็นกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจะได้ให้วันชัยกับภาคินเห็นถึงความสกปรกไม่ซื่อของตนที่พยายามปกปิดมาตลอด แต่ในที่สุดก็ปิดไม่มิดอยู่วันยังค่ำ


            ข้อมูลที่แสดงอยู่บนจอโปรเจ็กเตอร์ทำให้ภาคินถึงกับหน้าถอดสี ในขณะที่วันชัยเองก็อึ้งไปแต่ก็ยังคงรักษาท่าทางสุขุมได้อย่างเยือกเย็น วิศรุตปรายตาไปมองยังสองพ่อลูกก่อนจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้บรรดากรรมการบริหารฟังในขณะที่ศรารัตน์ลอบยิ้มในหน้าอย่างสะใจ


            “ข้อมูลที่ทุกท่านเห็นอยู่นี้ เป็นข้อมูลงบการเงินย้อนหลังและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องของบริษัทเรา จากจุดที่มีการเน้นเอาไว้ หากพิจารณาดีๆจะเห็นได้ถึงความผิดปกติอย่างมากของงบ จากที่เห็นมันแสดงได้ว่าในแต่ละโครงการหนึ่งๆของบริษัทมีเงินถูกเบิกจ่ายออกไปเป็นจำนวนมากโดยไม่ได้ถูกนำไปใช้ในด้านอื่นๆ หรือไม่ก็มีการประเมินราคาวัสดุก่อสร้างที่เกินจริง ซึ่งใบเสนอราคาและข้อมูลการยื่นแบบประมูลทั้งหมดผมได้เอาหลักฐานมาแสดงด้วยในวันนี้” วิศรุตพยักหน้าให้เลขาฯการประชุมแจกเอกสารที่เตรียมมาให้กับบรรดาผู้บริหารหลังจากนั้นจึงอธิบายต่อ “จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่ปรากฎในรายงานการเงินของบริษัทกับข้อมูลจริงๆตามที่ควรจะเป็นมันไม่สอดคล้องกัน แต่กลับขัดแย้งกันแทบจะสิ้นเชิง”


            “นี่คุณกำลังจะหมายความว่าเกิดการยักยอกเงินของบริษัทโดยผู้บริหารระดับสูงอย่างนั้นเหรอ” คุณมงคลเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา คำพูดของคุณมงคลทำให้เกิดเสียงฮือฮาและความตึงเครียดในหมู่ของบอร์ดบริหารระดับสูงทันที โดยเฉพาะภาคินที่ตอนนี้แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว เป็นไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆด้วย ศรารัตน์บอกเรื่องที่เขากับพ่อยักยอกเงินบริษัทให้วิศรุตรู้แล้ว


            “คุณมงคลเข้าใจถูกแล้วครับ” วิศรุตเอ่ยเสียงเครียด ในขณะที่บรรดากรรมการบริหารหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ชั่วขณะเพื่อรอดูว่าท่านประธานกรรมการหนุ่มจะจัดการยังไงต่อไป “ผมคิดว่าทุกคนคงต้องการคำอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เพราะจำนวนเงินที่หายไปไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย และผมก็คิดว่ามีคนหนึ่งที่สามารถอธิบายถึงเรื่องนี้ได้ ผมเข้าใจถูกไหมครับคุณภาคิน” คนที่ถูกเรียกชื่อสะดุ้งเฮือกก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างรุนแรง


            “นี่ท่านประธานคิดว่าผมเป็นคนยักยอกเงินของบริษัทงั้นเหรอครับ”


            “อย่าเพิ่งร้อนตัวสิครับคุณภาคิน ผมก็แค่อยากให้คุณชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้บริหารท่านอื่นๆรับทราบก็เท่านั้นในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัท หรือที่คุณภาคินอยู่ๆก็โมโหขึ้นมาแบบนี้มันเป็นเพราะกลัวว่าเรื่องเน่าๆสกปรกที่ตัวเองเคยทำไว้มันจะแดงออกมาหรือเปล่า”


            “นี่มันเกินไปแล้วนะวิศรุต คำพูดของหลานเมื่อครู่นี้มันบ่งบอกออกมาชัดๆว่าหลานคิดว่าภาคินเป็นคนยักยอกเงิน อาคิดว่าแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับภาคินเลยนะ” วันชัยทักท้วงขึ้นมาเสียงเย็นในขณะที่วิศรุตกลับไม่ยี่หระแม้แต่น้อย


             “ผมถึงได้ให้ภาคินเค้าอธิบายไงครับคุณอา แต่ไม่รู้ว่าคุณผู้จัดการฝ่ายการเงินจะสามารถอธิบายได้หรือเปล่า” ตอนนี้สายตาคนทั้งห้องเบนไปจับจ้องอยู่ที่ภาคินเพียงคนเดียว ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าสายตากัดกรามแน่น ใบหน้าคมสันมีเหงื่อเยียบเย็นผุดออกมาจนชื้นในขณะที่แววตาจ้องไปยังวิศรุตอย่างอาฆาต


            “คือว่า...เอ่อ คือ...” ภาคินอ้ำอึ้งด้วยความที่จนคำพูดเพราะไม่คิดว่าวิศรุตจะเอาเรื่องตนมาเปิดโปงต่อหน้าที่ประชุมผู้บริหารแบบนี้ หากเขารู้ล่วงหน้าล่ะก็ ไม่มีวันที่วิศรุตจะได้มีโอกาสมาซักฟอกเขาแบบวันนี้แน่


            “ว่ายังไงล่ะครับคุณภาคิน ถ้าคุณตอบคำถามนี้ไม่ได้ ผมจะให้คุณพ่อของคุณเป็นคนตอบแทน” วิศรุตเบนสายตาไปยังวันชัยที่นั่งอยู่ข้างๆภาคิน พลางสบตากับผู้มีศักดิ์เป็นอาอย่างถือดีด้วยความมั่นใจว่าวันนี้สองพ่อลูกไม่มีทางดิ้นหลุดแน่


            “ผมอธิบายได้ครับ” วันชัยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะอธิบายด้วยเสียงที่หนักแน่น “เรื่องงบการเงินที่ผิดปกติ ผมสามารถอธิบายได้เพราะดูจากปีงบประมาณแล้ว ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ผมเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการชั่วคราวในตอนที่ท่านประธานคนก่อนเพิ่งจะสิ้นบุญไป  สาเหตุที่ยอดไม่ตรงกันกับเอกสารดั้งเดิมก็เพราะว่ายังมีรายการจ่ายอื่นๆที่คุณวิศรุตยังไม่ได้รับทราบอีกมากมาย ซึ่งเอกสารพวกนั้นเป็นเอกสารข้อมูลลับของบริษัทที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งผมได้เก็บเอาไว้เป็นอย่างดี ผมจึงกล้ารับประกันแน่นอนว่าระหว่างที่ตัวผมบริหารงานในตำแหน่งประธานของทัดเทวา เรื่องการฉ้อโกงบริษัทไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด อีกทั้งเอกสารทั้งหมดจากฝ่ายการเงินที่คุณภาคินเสนอมา ผมก็ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วก่อนที่จะลงชื่อเซ็นอนุมัติในโครงการต่างๆไป ดังนั้นการที่คุณวิศรุตเข้าใจว่ามีการยักยอกเงินหรือฉ้อโกงบริษัทไปนั้น ผมจึงขอยืนยันว่ามันไม่น่าจะเป็นความจริงแต่อย่างใด” คำพูดของวันชัยทำให้บรรดาผู้บริหารพากันมองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของใครดีระหว่างผู้เป็นอากับผู้เป็นหลาน  มีผู้บริหารบางส่วนที่ออกตัวเข้าข้างวันชัยเพราะความที่ตั้งแง่กับวิศรุตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อสถานการณ์กลับพลิกผลันเช่นนี้ วิศรุตจึงกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง


            วันชัยมองไปยังหลานชายและหลานสาวทั้งคู่อย่างเป็นต่ออีกครั้ง การจะมาต่อกรกับเขา ฝีมือของทั้งคู่ยังห่างอีกหลายขุม เขาเจนสนามทางแวดวงธุรกิจมากกว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างทั้งคู่มากนัก


            “ถ้าเป็นอย่างที่คุณวันชัยว่าไว้จริง ถ้าอย่างนั้นผมขอดูเอกสารลับที่ว่านั้นได้หรือเปล่าครับ”


            “จริงๆเอกสารนั้นเป็นความลับอย่างมากของบริษัท แต่ในเมื่อผมพูดออกไปอย่างนี้แล้ว ถ้าหากผมไม่กล้าให้ดูก็เท่ากับว่าผมคงไม่อาจแก้ต่างให้ตัวเองหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาของคุณวิศรุตได้” วันชัยปรายตามองอีกฝ่ายอย่างเยาะๆ ภาคินก็เหลือบตามองไปยังคู่อริอย่างสะใจ ตอนนี้วิศรุตหน้าม้านไปเลย นี่คงเตรียมตัวมาแฉเขากับพ่ออย่างเต็มที่ ไม่ได้เผื่อใจเอาไว้เลยว่าตัวเองกลับจะต้องหน้าแตกกลางบอร์ดผู้บริหารเสียเอง


            “ว่าแต่ทางคุณวันชัยก็มีเอกสารที่จะสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอน แล้วทางท่านประธานล่ะครับ มีเอกสารอื่นที่พอจะมายันสู้ได้หรือเปล่า หรือว่าอาศัยแค่งบการเงินพวกนี้กับคำพูดกล่าวหาลอยๆก็มาเที่ยวประกาศบอกใครต่อใครไปทั่วว่าผมกับพ่อยักยอกเงินของบริษัททัดเทวา”


            “โกหก แกนี่มันเลวจริงๆ ไอ้ภาคิน แก...” วิศรุตโมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ชายหนุ่มตั้งท่าจะเข้าไปเอาเรื่องกับภาคิน แต่ถูกศรารัตน์ดึงเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวกระซิบบอกให้วิศรุตใจเย็นๆเพราะตอนนี้ฝ่ายนั้นกลับกลายมาเป็นต่อเราแล้ว


            “นี่มันอะไรกันครับ ทำไมต้องเอะอะใช้กำลังกันด้วย ทำเหมือนกับคนไม่มีการศึกษา” คำพูดของภาคินทำให้วิศรุตยิ่งเลือดขึ้นหน้า ผู้บริหารคนอื่นๆก็มองพฤติกรรมที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ของท่านประธานบริษัทแล้วก็ต้องส่ายหน้า ทุกคนเข้าใจว่าวิศรุตอาจจะโมโหที่เรื่องราวไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตนคาดเอาไว้ แต่ก็ไม่น่าจะต้องใช้กำลังตัดสินแบบที่วิศรุตตั้งใจจะทำเมื่อครู่นี้


            “ไอ้สารเลวภาคิน แกมันเลวจริงๆ”


            “ใจเย็นๆสิครับท่านประธาน แค่การที่ผมเคยไปทำอะไรบางอย่างขัดใจท่านก็ทำให้ท่านถึงกับต้องมายัดเยียดข้อกล่าว หาร้ายแรงให้ผมกับพ่อแบบนี้เลยเหรอครับ”


            “โกหก นี่ต่อหน้าบรรดาผู้บริหาร นอกจากจะไม่ยอมรับสารภาพแล้ว คุณยังกล้าโกหกแบบนี้อีกเหรอ” คราวนี้ศรารัตน์เป็นฝ่ายทนไม่ไหว จึงต้องพูดขึ้นบ้างหลังจากที่นั่งเงียบมานาน


            “ใครกันแน่ที่โกหกที่ใส่ความคนอื่น ถ้าคุณมีหลักฐานว่าผมกับพ่อยักยอกเงินไปจริง คุณก็เอาออกมาแสดงให้เห็นสิ แล้วก็กรุณาอย่าใช้ศาลเตี้ยมาตัดสินผมกับพ่อแบบนี้อีกนะคุณศรารัตน์”


            “ถึงแม้หลักฐานจะไม่มี แต่ฉันนี่แหล่ะที่เป็นพยานรู้เห็น” ศรารัตน์เอ่ยเสียงเครียดก่อนจะหันไปพูดต่อหน้าที่ประชุม ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีแววล้อเล่น “เมื่อหลายวันก่อนดิฉันได้เอาเอกสารข้อมูลงบการเงินจากห้องของท่านประธานมาตรวจสอบ รวมถึงงบเบิกจ่ายวัสดุของโครงการใหม่ด้วย นอกจากนั้นยังได้ขอเอกสารย้อนหลังของฝ่ายการเงินมาตรวจสอบ  ดิฉันได้ตรวจพบข้อบกพร่องอยู่หลายแห่งจึงตัดสินใจจะไปถามคุณภาคินที่เป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินให้รู้เรื่อง แต่ดิฉันกลับบังเอิญได้ยินคุณภาคินกับคุณวันชัยกำลังคุยกันถึงเรื่องการปกปิดยอดเงินที่ทั้งคู่ได้ร่วมกันยักยอกออกจากบริษัทไป รวมถึงการตกแต่งตัวเลขทางบัญชีใหม่ให้แนบเนียนจนตรวจสอบไม่พบอีกด้วย”


            “นี่มันใส่ร้ายกันชัดๆเลยนะ เธอกับพี่ชายไม่พอใจฉันก็เลยสร้างเรื่องนี้มาใส่ร้ายเพื่อให้ฉันกับพ่อโดนปลดออกจากตำแหน่งใช่ไหม คงจะกลัวสินะว่าฉันกับพ่อจะได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดบริหารมากกว่าเธอและพี่ชาย ก็เลยมาเล่นแผนสกปรกแบบนี้”


            “ฉันจะกลัวเรื่องนั้นทำไมในเมื่อบริษัททัดเทวาก็เป็นของฉันกับศรารัตน์อยู่วันยังค่ำ แล้วฉันก็ไม่ได้ใส่ร้ายนายกับพ่อ ด้วย นายคิดเหรอว่าถ้าฉันรู้เรื่องที่นายกับพ่อยักยอกเงินบริษัทแล้วจะปล่อยเอาไว้เฉยๆน่ะ”


            “นายกลัวมากกว่าวิศรุต ถึงแม้ว่านายจะเป็นทายาทที่ได้รับมรดกเป็นหุ้นจำนวนมหาศาลของทัดเทวา ฉันไม่เถียง หรอกว่านายเป็นเจ้าของที่นี่ แต่นายเคยทำอะไรเพื่อที่นี่บ้างหรือเปล่า เคยทุ่มเทแรงใจทำงานเพื่อทัดเทวาขนาดไหนกันเชียว นอกจากจะกอดตำแหน่งประธานบริษัทกินเงินเดือนไปวันๆ หึ นายลองถามผู้บริหารในที่นี้ก็ได้ ลองถามดูสิว่ามีอยู่กี่คนที่อยากสนับสนุนนายให้เป็นประธานกรรมการบริหารต่อไปน่ะ ฉันจะบอกอะไรให้นะ บริษัททัดเทวาไม่อยากได้ผู้บริหารที่ไม่เอาอ่าว ไร้ฝีมือแล้วก็ปราศจากผลงานแบบนายหรอก”


            “ในที่สุดนายก็เผยความจริงออกมาแล้ว ที่แท้นายกับพ่อก็ต้องการจะฮุบทุกอย่างของทัดเทวาเอาไว้นี่เอง นี่คงจะเป่าหูพวกผู้บริหารว่าฉันไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ไปเยอะแล้วสินะ คงจะหวังว่าถ้าฉันโดนลงมติไม่ไว้วางใจจากคณะกรรมการบริหารแล้วนายกับพ่อก็จะขึ้นมานั่งที่ประธานกรรมการแทนฉันอย่างนั้นเหรอ จะบอกอะไรให้นะ คนอย่างวิศรุต ทัดเทวาจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆเป็นอันขาด ฉันจะไม่ยอมให้นายมาฮุบสมบัติของทัดเทวาไปแม้แต่ชิ้นเดียว โดยเฉพาะบริษัทที่พ่อของฉันสร้างมากับมือบริษัทนี้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม”


            “แต่นายก็ระวังเอาไว้หน่อยแล้วกันว่าบริษัทที่ตัวเองหวงนักหวงหนา สักวันหนึ่งจะรักษามันเอาไว้กับตัวไม่รอด”


            “หยุดเดี๋ยวนี้นะภาคิน หยุดก้าวร้าวคุณวิศรุตได้แล้ว” วันชัยตวาดลั่นก่อนจะแสร้งมองภาคินด้วยสายตาน่ากลัว


            “พ่อห้ามผมทำไมครับ ผมกำลัง...” ภาคินจะแย้งแต่คุณมงคลชิงพูดแทรกก่อนที่เรื่องจะบานปลายเข้าไปใหญ่


            “เอาล่ะๆ พอได้แล้วทั้งสองฝ่ายนะครับ” สุดท้ายคุณมงคลต้องเป็นฝ่ายคนกลางเพื่อเจรจา อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายตอนนี้ก็เดือดไม่แพ้กัน หากปล่อยให้เถียงกันไปมาแบบนี้ รับรองว่าห้องประชุมได้เป็นสนามรบของบรรดาทายาทรุ่นหลังของทัดเทวาอย่างแน่นอน “ผมเสนอว่าเราควรจะมาพูดจาดีๆกันนะครับ ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก”


            “ผมเห็นด้วยครับคุณมงคล ผมว่าก่อนที่จะตัดสินถูกผิดเนี่ยก็ควรจะตรวจสอบให้กระจ่างเสียก่อน” วันชัยเห็นด้วย ส่วนศรารัตน์กับวิศรุตก็มองหน้ากันอย่างหมันไส้ที่วันชัยช่างเล่นบทตีสองหน้าได้เก่งกาจเสียเหลือเกิน


            “เอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ ผมว่าเราควรตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยเฉพาะ แล้วต่างฝ่ายต่างก็เอาหลักฐานหรือข้อมูลมายันกัน เดี๋ยวใครถูกใครผิดจะได้ตัดสินกันอย่างยุติธรรมกับทุกฝ่าย ว่ายังไงครับคุณวิศรุต คุณศรารัตน์” ท้ายประโยคหันไปถามสองพี่ท้องทัดเทวาซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด


            “ก็ดีครับคุณมงคล แต่ว่ากรณีนี้ถึงยังไม่ได้พิสูจน์ถูกผิดอย่างชัดเจน แต่ด้วยหลักฐานที่ผมยกมาแสดงในวันนี้ก็น่าจะสมควรให้คุณภาคินกับคุณวันชัยรับผิดชอบบ้างนะครับ อย่างน้อยถ้าเป็นแบบที่คุณวันชัยอ้างจริง ทั้งคู่ก็มีความผิดฐานปกปิดข้อมูลต่อประธานกรรมการและสมควรที่จะพิจารณาตัวเองด้วย” วิศรุตมองไปทางวันชัยและภาคินอย่างท้าทายก่อนที่วันชัยจะเอ่ย


            “เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ผมและลูกจะเป็นฝ่ายพิจารณาเคลียร์ตัวเองครับ โดยการขอหยุดทำหน้าที่รองประธานกรรมการและผู้จัดการฝ่ายการเงินชั่วคราวจนกว่าเรื่องนี้จะได้รับการตรวจสอบอย่างถึงที่สุดและมีการชี้ถูกผิดอย่างชัดเจนแล้วเท่านั้น”


            “อะไรกันครับพ่อ” ภาคินตั้งท่าจะแย้งแต่วันชัยลอบหลิ่วตาให้อีกฝ่าย


            “และถ้าหากตรวจพบว่าผมกับลูกไม่ได้มีความผิดอย่างที่คุณวิศรุตกล่าวหาจริง ผมและลูกจะกลับมาทำงานในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง แต่หากว่าถ้าตรวจสอบออกมาแล้ว คนที่ผิดคือคุณวิศรุตและคุณศรารัตน์ ผมก็ได้แต่หวังว่าคุณทั้งสองคนจะพิจารณาถึงการทำหน้าที่ของตัวเองในบริษัททัดเทวานี้เช่นกัน” คำพูดของวันชัยทำให้ภาคินต้องหันไปลอบยิ้มเยาะใส่วิศรุต ลองประกาศท้าชนแบบนี้แล้วล่ะก็ พ่อของเขาจะต้องมีไม้เด็ดมาจัดการกับวิศรุตและศรารัตน์อย่างแน่นอน


            วิศรุตสบตากับศรารัตน์อย่างอึดอัด ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าสองพ่อลูกอสรพิษจะต้องถือโอกาสนี้มากำจัดเขาและศรารัตน์ออกจากทัดเทวาแน่ๆ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ถอยไม่ได้อีกแล้ว และถ้าหากว่าเขารักษาสมบัติที่พ่อเขารักอย่างบริษัททัดเทวาเอาไว้ไม่ได้ล่ะก็ เขาเองก็ไม่คู่ควรจะใช้นามสกุลทัดเทวาเช่นกัน ซึ่งวิศรุตก็มั่นใจว่าศรารัตน์เองก็คิดแบบเดียวกันกับเขา


            “ตกลงครับ หากพิสูจน์ได้ว่าที่ผมพูดมาเป็นการใส่ร้ายคุณอากับลูกชาย ผมและศรารัตน์ก็พร้อมจะพิจารณาตัวเองลาออกจากบริษัททัดเทวาเช่นกัน”

 

Aislin: กลับมาอ่านนิยายให้อ่านกันแล้วค่ะ หวังว่าคงไม่รอนานนะคะ ^0^ ตอนนี้เป็นไงบ้างเอ่ย ลุ้นเลยใช่ไหมว่าวินกับศราจะเปิดโปงสองพ่อลูกอสรพิษได้หรือเปล่า แต่... อย่าประมาทขิงแก่นะคะ เรื่องราวสนุกๆยังรออยู่อีกเยอะ ยังไงฝากติดตามด้วยแล้วกันเน้อ ก่อนจากกันไป คอมเม้นท์ให้กำลังใจกันสักนิด หรือจะติ/ชมนิยายก็จะดีมากเลยค่ะ อยากบอกว่า Aislin ได้อ่านทุกคอมเม้นท์เลย อ่านแล้วมีแรงกายแรงใจแต่งนิยายขึ้นมาโดยพลัน ดังนั้น... มาเพิ่มกำลังใจให้นักเขียนตาดำๆคนนี้กันหน่อยนะคะ ^-^

            ส่วนความคืบหน้านิยายรูปเล่ม ตอนนี้ส่งไฟล์เข้าโรงพิมพ์เรียบร้อยแล้วค่ะ เลยอยากขอแจ้งว่าท่านใดที่สั่งจองเข้ามาและยังไม่ได้ชำระเงิน รบกวนชำระและแจ้งโอนเงินให้เกดได้รับทราบด้วยนะคะ และถ้าท่านใดที่มาตามอ่านทีหลังแล้วอยากได้ ก็ติดต่อมาได้เลยเน้อ เพราะ Aislin สั่งพิมพ์เผื่อเหลือเผื่อขาดนิดหน่อยค่ะ ติดต่อได้ที่อีเมล์หรือแฟนเพจเลยจ้า


ปล. หลังจากรูปเล่มออกแล้ว Aislin จะขออัพนิยายในเว็บให้อ่านกันแค่สัปดาห์ละหนึ่งครั้งนะคะ เพราะอยากให้สิทธิ์แก่คนที่ซื้อรูปเล่มได้อ่านกันก่อนพร้อมตอนพิเศษอีก 3 ตอนค่ะ (ฟินแบบจุใจแน่นอน) แต่ไม่ต้องห่วงจ้ะ ในเว็บอัพจบแน่นอน สบายใจได้โลดดด...


 


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1


            “สวัสดีค่ะคุณอา ภาคิน” เมริษาเอ่ยทักทายเจ้าของบ้านก่อนที่วันชัยจะเชิญให้เมริษานั่งลงคุยกันยังโซฟารับแขกตัวกว้าง “เรียกเมมาวันนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” เมริษาถามตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม เพราะปกติ เธอและภาคินจะนัดเจอกันข้างนอกเสียมากกว่า แต่วันนี้แปลกเมื่อภาคินโทรไปหาเธอแล้วบอกว่าเขาและพ่อมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวโดยให้เธอมาเจอเขาที่บ้าน


            “หนูก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่ประชุมกรรมการบริหารวันนั้นด้วยคงน่าจะรู้ว่าตอนนี้อากับภาคินหยุดพักงานที่บริษัททัดเทวาไปแล้วจนกว่าเรื่องข้อกล่าวหานั้นจะรับการตรวจสอบจนถึงที่สุด” เมริษาพยักหน้าว่าเธอรู้ดีก่อนจะพูดขึ้นบ้าง


            “เมว่าคุณวิศรุตกับคุณศรารัตน์เธอก็ทำเกินไปนะคะ ทั้งๆที่คุณอากับภาคินทุ่มเทแรงกายแรงใจบริหารงานเพื่อทัดเทวามาตลอดแท้ๆ แต่พวกเขากลับมาหักหน้าคุณอากลางที่ประชุมแบบนั้นได้”


            “มันคงจะคิดแหล่ะว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะฉันได้ หึ รู้จักคนอย่างวันชัย ทัดเทวาน้อยไปเสียแล้ว”


            “ที่คุณอาเรียกให้เมมาหาที่บ้านแบบนี้ มีอะไรจะใช้เมงั้นเหรอคะ” วันชัยยิ้มให้กับความเฉลียวฉลาดของอีกฝ่ายก่อนจะสั่งงานที่ต้องการให้เมริษาไปทำ


            “อาต้องการให้หนูเมแอบขโมยเอกสารที่เกี่ยวกับเรื่องยักยอกเงินบริษัทที่วินกับศรามีอยู่ทั้งหมดมาให้อา ถ้าเป็นไปได้ก็ทำลายทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือสาวมาถึงตัวอากับภาคินได้เป็นอันขาด แค่นี้หนูทำให้อาได้ไหม” ท้ายประโยคถูกคนพูดเน้นเสียงหนักเป็นเชิงบังคับว่าถึงอย่างไรหญิงสาวก็ต้องพยายามทำมันให้สำเร็จจงได้


            “ได้ค่ะ เมจะพยายามแล้วก็จะหาโอกาสทำลายข้อมูลให้เร็วที่สุดด้วย” คำตอบหนักแน่นของเมริษาทำให้ภาคินอดไม่ได้ที่จะให้รางวัลหญิงสาวด้วยการหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ ในขณะที่วันชัยมองอย่างพอใจ เขาเชื่อว่าคนฉลาดและมีไหวพริบอย่างเมริษาคงจะไม่ทำให้เขาต้องผิดหวังอย่างแน่นอน


            “หลังจากให้เมจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมดแล้ว พ่อจะเอาไงต่อครับ” ภาคินถามเมื่อเมริษาขอตัวกลับไปแล้ว


            ส่วนเมริษาที่กำลังเดินออกจากตัวบ้านเพื่อไปยังรถที่จอดเอาไว้ก็บังเอิญนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมกระเป๋าถือเอาไว้ในห้องรับแขกซึ่งในนั้นก็มีกุญแจรถอยู่ด้วย หญิงสาวบ่นเบาๆอย่างหัวเสียในความขี้ลืมของตัวเองก่อนจะย้อนกลับเข้าไปเอากระเป๋าที่ลืมไว้อีกครั้ง หญิงสาวเดินเข้าไปจนใกล้จะถึงตัวห้องรับแขก แต่ว่าเสียงภาคินและวันชัยที่หลุดรอดออกมาจากด้านในทำให้เธอต้องชะงักหยุดฟังด้วยความสนใจ


            “หลังจากที่เมริษาหาทางทำลายพวกหลักฐานได้หมดแล้ว แกคิดว่าฉันจะยังปล่อยไอ้หลานทรยศสองคนให้มีชีวิตอยู่ดูโลกอีกต่อไปงั้นเหรอ มันทำกับฉันขนาดนี้แล้ว ฉันไม่ปล่อยมันสองคนเอาไว้แน่” คำพูดของวันชัยที่เมริษาได้ยินทำให้หญิงสาวถึงกับอึ้งไป ไม่ใช่ว่าเธอเองไม่รู้เรื่องที่วันชัยกับภาคินโกงเงินบริษัททัดเทวา เพียงแต่เธอนึกไม่ถึงว่าวันชัยจะโหดเหี้ยมถึงขนาดจะฆ่าหลานในไส้ทั้งสองของตัวเองได้ลงคอ


            “ถ้าหากไอ้วินกับศรามันมาด่วนตายไปแบบมีเงื่อนงำอย่างนี้ล่ะก็ คนอื่นจะต้องสงสัยเราแน่ๆครับ ดีไม่ดีมันจะพลอยซวยมาถึงเรานะพ่อ”


            “แกคิดจะทำงานใหญ่ก็ไม่ต้องกลัวไปหรอก ก็แค่จัดการให้เหมือนกับเป็นอุบัติเหตุก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างนะ เส้นสายฉันก็ใหญ่พอตัว ใช้เงินปิดคดีเท่านี้ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยเราแล้ว”


             “จะให้ผมสั่งลูกน้องไปจัดการเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันนะครับ”


            “ไม่ต้อง ลูกน้องของแกไม่เห็นเคยทำงานได้เรื่องสักครั้ง ครั้งที่แล้วใช้ให้ไปจัดการยัยศราก็พลาดทั้งสองครั้ง แกคิดว่าครั้งนี้ฉันจะไว้ใจให้งานแกไปทำอีกเหรอภาคิน” คำพูดของวันชัยทำให้เมริษาเบิกตากว้างอีกรอบกับความจริงใหม่ที่เธอเพิ่งได้รู้ ที่แท้วันชัยเคยส่งลูกน้องไปฆ่าปิดปากศรารัตน์ก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่โชคดีที่ศรารัตน์ดวงแข็งจึงรอดตายมาได้ถึงสองครั้ง  ความจริงนี้ทำให้เมริษาขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายเมื่อรับรู้ถึงความโหดเหี้ยมของสองพ่อลูกคู่นี้ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเดินเข้าไปในห้องรับแขกเสมือนไม่เคยได้ยินได้ฟังอะไรทั้งนั้น


            “ขอโทษนะคะคุณอา พอดีเมลืมกระเป๋าทิ้งไว้น่ะค่ะ” เมริษายิ้มหวานก่อนจะเดินตรงไปหยิบกระเป๋าถือแบรนด์เนมราคาแพงของตนที่วางทิ้งไว้ยังเก้าอี้โซฟาที่เธอเคยนั่งก่อนจะขอตัวกลับออกไปท่ามกลางสายตาเคลือบแคลงของทั้งภาคินและวันชัยเพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เมริษาได้ยินในสิ่งที่ทั้งคู่คุยกันหรือเปล่าถึงเรื่องแผนการกำจัดวิศรุตและศรารัตน์


            “เดี๋ยว” เสียงเรียกของวันชัยทำเอาเมริษาถึงกับสะดุ้งน้อยๆ ก่อนหญิงสาวจะหันไปสบตาผู้สูงวัยกว่าด้วยแววตาที่เหมือนบริสุทธิ์ใจ


            “มีอะไรเหรอคะคุณอา” ท่าทางและแววตาของเมริษาทำให้วันชัยคลายใจลง เขาคงคิดมากไปเองเท่านั้น ผู้สูงวัยกว่ายิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าก่อนจะบอกว่าให้เธอขับรถกลับบ้านดีๆ ส่วนเมริษาก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่วันชัยและภาคินจับพิรุธของเธอไม่ได้ ไม่งั้นเหยื่อรายต่อไปคงไม่แคล้วเป็นเธออย่างแน่นอน


 

            เสียงออดหน้าบ้านทัดเทวาดังขึ้น ศรารัตน์เงยหน้าจากนิตยสารแฟชั่นที่ตัวเองกำลังอ่านอยู่ นึกสงสัยว่าใครมากดออดที่บ้านแบบนี้


            “เสียงใครที่ไหนมากดออดกันคะลุงมั่น” ศรารัตน์ถามลุงมั่นที่เดินผ่านหน้าเธอไป


            “ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณหนูเล็ก ผมเองก็กำลังจะออกไปดูเหมือนกัน” หญิงสาวพยักหน้าให้อย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก


            แขกที่ว่านั้นกลับกลายเป็นช่างซ่อมแอร์สามคน เมื่อได้รู้ว่าช่างเหล่านี้จะมาซ่อมแอร์ที่บ้านทัดเทวา ลุงมั่นก็ทำหน้างงเพราะไม่ได้ติดต่อโทรไปบอกให้ช่างมาซ่อมเสียหน่อย แต่ทั้งสามคนนั้นก็ยืนยันว่าเจ้าของบ้านเป็นคนโทรเรียกให้พวกตนมาซ่อมแอร์ที่เสียในห้องนอนให้วันนี้ พร้อมทั้งโชว์บัตรประจำตัวช่างซ่อมแอร์ของบริษัทแอร์แห่งหนึ่งให้ลุงมั่นดู เมื่อตรวจตราแน่ใจแล้วลุงมั่นจึงยอมเปิดประตูให้ช่างทั้งสามคนเข้ามาภายในรั้วบ้านทัดเทวา ลุงมั่นเดินนำช่างทั้งหมดเข้ามายังตัวบ้าน ก่อนจะบอกศรารัตน์ว่ามีช่างมาซ่อมแอร์ให้


            “เอ๊ะ แอร์ห้องไหนเสียเหรอคะ ห้องของศราก็ไม่ได้เสียนี่นา” ลุงมั่นก็บอกว่าไม่ทราบเหมือนกัน แต่ช่างพวกนี้ยืนยันว่ามีคนโทรไปแจ้งว่าให้มาซ่อมแอร์ที่นี่ ศรารัตน์ไม่ได้คิดมากอะไรและคิดว่าคนที่โทรไปแจ้งคือวิศรุต ไม่แน่ห้องของวิศรุตแอร์อาจจะเสียก็ได้ หญิงสาวจึงให้ลุงมั่นพาช่างไปตรวจแอร์ห้องของวิศรุตว่าขัดข้องหรือเปล่า ถ้าขัดข้องจะได้ซ่อมให้เรียบร้อยไป โดยไม่ได้สังเกตว่าช่างแอร์ทั้งสามคนลอบสบตากันอย่างมีพิรุธ


              หลังจากซ่อมแอร์ไปได้ซักพัก เหล่าช่างแอร์ก็ทำตามแผนที่วางเอาไว้ โดยการออกอุบายให้ช่างแอร์คนหนึ่งปวดท้องหนักและขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ลุงมั่นอนุญาตแบบไม่ติดใจอะไร ขณะที่ช่างแอร์อีกสองคนสบตากันอย่างพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้


            ช่างแอร์ที่แกล้งปวดท้องรีบออกจากห้องนอนของวิศรุตทันทีแล้วตรงไปยังโรงจอดรถของบ้านทัดเทวา ระหว่างที่ลงบันไดจากชั้นสองซึ่งเป็นห้องนอนของวิศรุตก็เกือบจะโดนศรารัตน์ที่นั่งอ่านนิตยสารอยู่ในห้องรับแขกจับพิรุธได้ แต่เขาก็แก้ตัวไปได้อย่างแนบเนียน


            “เอ่อ ผมปวดท้องหนักน่ะครับ ไม่ทราบว่าห้องน้ำอยู่ทางนั้นใช่ไหมครับ ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับคุณผู้หญิง” ช่างแอร์รีบเอ่ยพลางทำท่ากุมท้องแบบคนปวดท้องหนักจริงๆ ก่อนจะรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โดยที่ศรารัตน์มองตามอย่างงงๆเพราะ ในตัวบ้านก็มีห้องน้ำ ทำไมถึงจะต้องไปเข้าห้องน้ำที่บริเวณรอบนอกตัวบ้านด้วย สงสัยคงจะเกรงใจ หญิงสาวคิดในใจอย่างขำๆ


            ช่างแอร์รีบเดินจ้ำไปยังโรงจอดรถอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงที่หมายก็หันซ้ายหันขวารอบตัว ดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นจึงล้วงเอาแผ่นกระดาษใบเล็กๆที่ระบุหมายเลขทะเบียนรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง งานของเขาคือต้องตัดสายเบรกรถตามใบสั่งที่ได้รับมา เมื่อมองหารถเป้าหมายได้แล้ว เขาจึงเอาอุปกรณ์ตัดสายเบรคที่พกมาในกระเป๋าเสื้อออกมาก่อนจะสอดตัวไปใต้ท้องรถแล้วดำเนินการตัดสายเบรกทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานสายเบรกของรถก็ถูกตัดอย่างเรียบร้อย เขามองผลงานของตนอย่างพอใจก่อนจะดันตัวออกมาจากใต้ท้องรถยุโรปคันหรูของศรารัตน์เพื่อจะได้ตัดสายเบรกของรถวิศรุตเป็นคันต่อไป


            “เข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วเหรอคะ แล้วนั่นคุณไปยืนทำอะไรแถวรถของพี่ชายฉันคะ” ศรารัตน์ถามอย่างสงสัย เธอตั้งใจจะออกมานั่งเล่นอ่านหนังสือในสวน แต่ก็เจอช่างแอร์คนเดิมมายืนด้อมๆมองๆอยู่แถวรถคันโปรดของวิศรุต


            “เอ่อ คือว่าผมเห็นว่ารถคันนี้สวยดีน่ะครับ ท่าทางคงจะแพงมาก ถ้าหากผมมีรถสวยๆแบบนี้บ้างก็คงจะดี” ศรารัตน์ยิ้มรับคำชมนั้น ก่อนจะพยักหน้าเมื่อช่างแอร์ขอตัวไปทำงานต่อ ในใจก็นึกสบถไปด้วย ถ้าศรารัตน์ไม่มาขัดจังหวะเขาไว้เมื่อครู่ ป่านนี้รถคันงามของวิศรุตได้ถูกตัดสายเบรกไปอีกคันแล้ว

 



            นภัทรเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มแจ้งบริกรว่าได้จองโต๊ะเอาไว้แล้ว โดยบอกชื่อผู้จองเป็นชื่อของฝ่ายที่นัดเขาออกมา จากนั้นบริกรจึงนำชายหนุ่มไปยังโต๊ะที่อยู่ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ซึ่งที่โต๊ะนั้นก็มีอีกคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว


            “มาตรงเวลาดีนะ นั่งสิ” เจ้าของโต๊ะเอ่ยเชิญ ในขณะที่บริกรก็ทำหน้าที่เลื่อนเก้าอี้ให้ซึ่งนภัทรก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี


            “นัดฉันออกมาที่นี่มีเรื่องอะไร”


            “ฉันก็แค่อยากจะหาโอกาสเลี้ยงขอบคุณนาย เรื่องที่นายไปช่วยศราในวันนั้น” วิศรุตยิ้มในหน้าก่อนจะเริ่มเปิดเมนูอาหารดู “อยากทานอะไรก็สั่งได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”


            “ฉันไม่ได้ช่วยอะไรมากเสียหน่อย นายเองต่างหากที่ไปบู๊ต่อยตีกับคนที่จับตัวคุณศราไปจนน่วมทั้งตัว ดูสิยังมีรอยแผลช้ำที่หน้าบางจุดอยู่เลย” นภัทรไม่พูดเปล่าแต่เอาปลายนิ้วเอื้อมมาไล้ใบหน้าที่ยังคงเหลือร่องรอยช้ำอยู่เล็กน้อยของวิศรุต ซึ่งการกระทำแบบนี้กลับทำให้วิศรุตรู้สึกวาบหวามในใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ห้าม ออกจะพอใจด้วยซ้ำที่ นภัทรสัมผัสเขาแบบนี้เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนว่าทั้งคู่... เป็นคนรักกัน


            “เอ่อ ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” นภัทรเป็นฝ่ายรู้สึกตัวก่อน คุณหมอหนุ่มกระดากใจเล็กน้อยกับท่าทางเกินเลยที่แสดงกับวิศรุตเมื่อสักครู่ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันที่เผลอไปทำอะไรอย่างนั้นได้


            “ช่างเถอะ สั่งอาหารดีกว่า” วิศรุตพูดแก้เกี้ยวก่อนหลบสายตาจากดวงตาสีถ่านที่กำลังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าตนแล้วจึงสั่งอาหารกับบริกรที่เดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะ


            อาหารราคาแพงถูกสั่งมามากมายเต็มโต๊ะจนคุณหมอหนุ่มนึกขำ สั่งมาเยอะขนาดนี้ ทานสองคนจะไปหมดได้อย่างไรกัน


            “ทำไมนายสั่งมาเยอะขนาดนี้ล่ะ ทำอย่างกับมากินสักสิบคน” นภัทรถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะแต่อีกฝ่ายบอกว่า


            “ก็ถามนายแล้วนี่นาว่าอยากจะทานอะไร นายเองก็ตอบว่ายังไงก็ได้เพราะทานได้หมด ฉันไม่ใช่คนรักของนายนะที่จะไปรู้ได้ว่านายชอบทานอะไร ไม่ชอบอะไร ก็เลยสั่งแบบมั่วๆไปหลายอย่าง คงจะดวงดีเจอของที่นายชอบทานบ้างแหล่ะ” คราวนี้นภัทรต้องหลุดขำออกมากับคำพูดของท่านประธานบริษัททัดเทวาผู้ยิ่งใหญ่ ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้า จริงอยู่ว่าอาหารที่วิศรุตสั่งมาจะมีทั้งของที่เขาชอบและไม่ชอบ บางอย่างเขาเองก็ไม่เคยกินเสียด้วยซ้ำ คุณหมอหนุ่มมองหน้าวิศรุตนิ่งแล้วจึงแกล้งพูด


            “ที่นายสั่งมาเนี่ย ฉันดันไม่ชอบสักอย่างเลยน่ะสิ” คำพูดนั้นทำให้วิศรุตหน้าตึงขึ้นมาทันทีก่อนขยับมือจะเรียกบริกรที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นให้เอาอาหารไปเปลี่ยน แต่นภัทรยึดมือเอาไว้เสียก่อน “นายจะทำอะไรน่ะ”


            “ก็จะให้เปลี่ยนอาหารใหม่ให้นายน่ะสิ คราวนี้นายก็สั่งเองได้เลยนะ จะได้เลือกสั่งแต่ของที่ชอบ”


            “ไม่เป็นไรหรอก ฉันทนกินได้ เรื่องแค่นี้สบายมาก” คุณหมอหนุ่มยังไม่วายตีหน้าตายหลอกต่อไป


            “ก็ฉันบอกแล้วนี่นาว่าฉันไม่ใช่คนรักของนายซะหน่อย จะไปตรัสรู้ได้ไงว่านายชอบทานอะไรบ้าง”


            “แล้วอยากจะรู้หรือเปล่าล่ะ” คำพูดสองแง่สองง่ามของนภัทรทำให้วิศรุตเผลอวางช้อนจนเสียงดัง ชายหนุ่มหลบสายตาอีกครั้งก่อนบอกว่าใครจะไปอยากรู้ นภัทรจะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาเสียหน่อย “นึกว่านายอยากจะรู้เสียอีก จะได้บอก” ยิ้มทะเล้นของนภัทรทำให้วิศรุตต้องลอบยิ้มในหน้าก่อนจะตัดบทบอกให้นภัทรทานได้แล้วเดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดเสียก่อน “เอ้อ เห็นไอ้พงษ์บอกว่าช่วงนี้นายกับคุณศราเครียดๆเรื่องงานที่บริษัทเหรอ” นภัทรถามขึ้นมาระหว่างที่ทานอาหารเพราะไม่อยากให้บรรยากาศในการดินเนอร์คืนนี้ระหว่างเขากับวิศรุตเงียบเชียบไปนักจึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แต่ดูท่าเขาคงยกมาพูดผิดเรื่องเพราะสังเกตได้จากสีหน้าของวิศรุตที่เริ่มเปลี่ยนเป็นเครียดขรึมขึ้นมาทันที


            “ใช่ ช่วงนี้ที่บริษัทมีเรื่องยุ่งๆน่ะ” วิศรุตมองหน้านภัทรก่อนตัดสินใจเล่าให้ชายหนุ่มตรงหน้าฟัง “มีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเกี่ยวพันกับการยักยอกเงินจำนวนหลายร้อยล้าน ตอนนี้ฉันกับศรากำลังช่วยกันรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะเอาผิดอยู่” คู่สนทนาพยักหน้าเป็นเชิงว่าเขารู้แล้วก่อนจะถามต่อว่า


            “แล้วผู้บริหารที่ยักยอกเงินคนนั้นก็เป็นญาติของนายสินะ ถ้าฉันเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นไอ้หมอนั่นที่เคยจะทำร้ายคุณศราใช่ไหม” วิศรุตถอนหายใจ นภัทรคงจะรู้เรื่องนี้มาจากพงศธรเพราะเขาเป็นคนเล่าให้พงศธรฟังเองด้วยความที่ไว้ใจฝ่ายนั้น อีกอย่างคือเขาต้องการให้พงศธรเป็นหูเป็นตาในเรื่องของการดำเนินโครงการใหม่ของทัดเทวาด้วย หากมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับงบก่อสร้างทั้งหมดก็ให้พงศธรมารายงานเขาได้ทันทีเพราะเขาไม่ไว้ใจคนอื่น กลัวว่าคนเหล่านั้นจะถูกวันชัยกับภาคินซื้อตัวเอาไว้ใช้งาน


            “ไอ้ภาคินกับพ่อของมันร่วมมือกันโกงบริษัทฉัน พอศรารู้เรื่องเข้า ไอ้ภาคินก็จะจับศราไปข่มขืนเพื่อแบ็กเมล์แต่โชคดีที่พวกเราตามไปช่วยไว้ได้ทัน”


            “ตอนนี้หมอนั่นกับพ่อคงจะแค้นนายกับคุณศรามากที่ไปเปิดโปงเรื่องยักยอกเงินกลางที่ประชุมผู้บริหารแบบนั้น ฉันว่าพวกนั้นคงต้องวางแผนเอาคืนแน่ นายกับคุณศราก็ระวังตัวเองไว้หน่อยแล้วกัน” ประโยคสุดท้ายทำให้วิศรุตอุ่นซ่านในใจอีกครั้ง นภัทรบอกกลายๆว่าเป็นห่วงเขา แม้ว่าบางทีชายหนุ่มอาจจะไม่ได้รู้สึกจริงๆแบบที่พูดออกมาก็ตาม


            “ขอบคุณนะ ฉันจะระวังตัวให้มาก” นภัทรยิ้มให้วิศรุตอย่างจริงใจก่อนที่ความรู้สึกลึกๆบางอย่างจะเกาะกุมจิตใจของเขา มันเป็นความรู้สึกสังหรณ์ในใจพิกลเหมือนกับว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน คุณหมอหนุ่มลอบมองวิศรุตอีกครั้งด้วยความกังวลใจที่ฉายชัดในแววตาสีถ่าน

 



            วิศรุตเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวอย่างอารมณ์ดี การได้ทานข้าวสองต่อสองกับนภัทรโดยไม่มีคนรบกวนมันทำให้เขาช่างมีความสุขเหลือเกิน เหมือนกับได้ไปอยู่ท่ามกลางความฝัน และมันก็เป็นฝันที่ตัวเขาไม่อยากจะตื่นขึ้นมาพบกับความจริงเลยสักนิด ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วโยนเอาไว้บนเตียง จากนั้นจึงแกะเนคไทผ้าไหมราคาแพงออก แต่เสียงที่เคาะประตูห้องทำให้เขาต้องชะงักมือแล้วเอ่ยอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาได้


            “มีอะไรเหรอ” วิศรุตถามเมื่อเห็นว่าเป็นศรารัตน์


            “ลุงมั่นบอกว่านายกลับมาแล้ว ฉันก็เลยแวะมาหา กะว่าจะมาคุยเรื่องเอกสารงบการเงินที่จะใช้เป็นหลักฐานเอาผิดสองพ่อลูกนั่นน่ะ” หญิงสาววางแฟ้มที่ถือมาด้วยไว้บนเตียงของชายหนุ่ม


            “ขอฉันอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวไปหมดเลย เธอนั่งรอไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพอฉันอาบน้ำเสร็จเราจะได้มาคุยเรื่องนั้น กันต่อเลย” ศรารัตน์พยักหน้าแล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆกองเอกสารที่เธอวางเอาไว้ ส่วนชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการกับตัวเองเป็นอันดับแรก


            เมื่อวิศรุตเข้าห้องน้ำไปได้ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้น ศรารัตน์มองไปทางห้องน้ำ หญิงสาวได้  ยินเสียงของน้ำไหลจากฝักบัวทำให้รู้ว่าวิศรุตคงกำลังอาบน้ำอยู่แน่ๆและก็คงจะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์อย่างแน่นอน หญิงสาวจึงหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารของวิศรุตขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าคนที่โทรเข้ามาคือพงศธรนั่นเอง ในที่สุดศรารัตน์ก็ตัดสินใจกดรับแต่ยังไม่ทันได้บอกว่าวิศรุตอยู่ในห้องน้ำ ปลายสายก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน


            “ฮัลโหลวิน ฉันจะมาชวนนายไปงานเลี้ยงรุ่นม.ปลายน่ะ งานนี้เพื่อนเก่าๆไปกันเต็มเลยนะเว้ย ฉันกับไอ้กานต์ก็จะไป นายจะไปด้วยกันไหม จะได้ถือโอกาสนี้คุยกับไอ้กานต์ให้มากๆหน่อย ฉันรู้หรอกนะว่าต่อหน้าคุณศราน่ะ นายกับไอ้กานต์ต้องแกล้งทำเป็นคนไม่รู้จักกันใช่ไหมล่ะ” สิ่งที่ได้ยินจากปากพงศธรทำให้ศรารัตน์กำโทรศัพท์มือถือแน่น เป็นอย่างที่เธอเคยคิดเอาไว้จริงๆ พี่ชายของเธอกับคุณหมอกานต์เคยรู้จักกันมาก่อน แถมยังเป็นเพื่อนสมัยม.ปลายร่วมชั้นเรียนเดียวกันอีกด้วย แต่เพราะเหตุผลอะไรกันที่วิศรุตถึงเลือกที่จะปิดบังเธอไว้ ทำไมต่อหน้าเธอจึงต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกับหมอกานต์ด้วย


            “ฮัลโหลวิน นายฟังอยู่หรือเปล่า ฮัลโหลๆ” ปลายสายเรียกซ้ำเพราะแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่พูดตอบกลับมา ศรารัตน์จึง ได้สติหลุดออกจากภวังค์ จากนั้นหญิงสาวจึงกดตัดสายไปท่ามกลางความแปลกใจของพงศธร


            เสียงโทรศัพท์มือถือของวิศรุตดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง คนที่โทรมาก็คือพงศธรเช่นเดิม คราวนี้ศรารัตน์เลือกที่จะปิดเครื่องเลยเพราะกลัวว่าวิศรุตที่อาบน้ำอยู่จะได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือตัวเองแล้วจะสงสัยเอาได้ หญิงสาวมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างหมายมาดก่อนจะวางมันเอาไว้ที่เดิม จากนั้นจึงค่อยๆเปิดประตูห้องนอนของวิศรุตออกไปอย่างเงียบเชียบ วันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าวิศรุตกำลังปิดบังอะไรเธออยู่กันแน่


 

            ศรารัตน์ถือโอกาสตอนที่วิศรุตกำลังอาบน้ำอยู่แอบเข้ามาในห้องทำงานของฝ่ายนั้น หญิงสาวตรงไปยังตู้กระจกไม้สัก ขนาดใหญ่หลังโต๊ะทำงานของชายหนุ่มเพราะนึกขึ้นได้ว่าวิศรุตมักจะเก็บของสำคัญหรือของที่ระลึกเกี่ยวกับสมัยที่ยังเป็นนักเรียนมัธยมเอาไว้ที่ตู้นี้ อย่างน้อยมันก็น่าจะมีอะไรมายืนยันความเข้าใจของเธอในตอนนี้ได้บ้าง


            เมื่อลองขยับเปิดตู้ดูก็พบว่ามันถูกล๊อกกุญแจเอาไว้ หญิงสาวส่งเสียงในลำคออย่างขัดใจก่อนจะเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานเพื่อหากุญแจที่วิศรุตอาจจะซ่อนเอาไว้ที่ไหนซักแห่ง แต่ในที่สุดกุญแจก็ไม่ได้อยู่ในนั้น ศรารัตน์มองไปรอบตัวอย่างเริ่มหัวเสีย ความอยากรู้ที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจทำให้หญิงสาวไม่ยอมแพ้ เธอหากุญแจต่อไปเรื่อยๆ ในใจก็ลุ้นให้วิศรุตอาบน้ำนานๆเพื่อที่ว่าเธอจะได้มีเวลาในการหามากกว่านี้


            ด้วยความกลัวว่าวิศรุตอาจจะมาเห็นว่าเธอแอบเข้ามาในห้องนี้โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน หญิงสาวจึงร้อนรนจนมือบางเผลอไปปัดไดอารี่เล่มหนาที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นลงมาที่พื้น โชคดีที่พื้นห้องปูด้วยพรมเปอร์เซียผืนหนา ดังนั้นเมื่อของตกจึงไม่เกิดเสียงดังมากนัก ศรารัตน์รีบก้มตัวลงไปเก็บสมุดไดอารี่เล่มนั้นขึ้นมาทันทีก่อนจะพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกซ่อนเอาไว้ในไดอารี่เล่มหนานั้นด้วย และมันก็หลุดกระเด็นออกมาเมื่อตอนที่เธอทำไดอารี่ตกพื้นนั่นเอง... บางสิ่งที่ว่ามันก็คือกุญแจดอกหนึ่ง


            ศรารัตน์มองกุญแจในมือก่อนตัดสินใจลองเสียบเข้าไปในรูกุญแจของตู้หลังโต๊ะทำงานนั้น ปรากฏว่ามันเปิดออกได้จริงๆ หญิงสาวยิ้มในหน้าก่อนค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบของในตู้นั้นออกมา ซึ่งภายในนั้นก็มีรูปถ่ายเก่าๆสมัยเรียนของวิศรุต สมุดไดอารี่และของสะสมตามกระแสนิยมมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ดึงความสนใจของหญิงเอาไว้ก็คือหนังสือรุ่นสมัยมัธยมต้นของวิศรุต หนังสือนั้นมีหน้าที่ถูกคั่นเอาไว้ด้วย ศรารัตน์จึงเปิดไปตามหน้านั้นเพราะคิดว่าหน้าที่วิศรุตคั่นเอาไว้มันคงจะเป็นหน้าที่พิเศษกว่าหน้าอื่นๆอย่างแน่นอน


            ในหน้านั้นเป็นภาพถ่ายหมู่ของกลุ่มเพื่อนนักเรียนทั่วไป  ภาพนั้นมีวิศรุตกับเพื่อนๆ และที่สำคัญยังมีนภัทรรวมอยู่ด้วย แม้ว่าจะผ่านมานานแล้วหลายปี แต่หญิงสาวมั่นใจว่าเด็กหนุ่มในรูปคือนภัทรแน่ๆ เพราะนภัทรในอดีตกับคุณหมอนภัทรในวันนี้ไม่ได้แตกต่างกันเลยซักนิด ส่วนวิศรุตในตอนวัยรุ่นนั้นเธอจำหน้าได้แม่นอยู่แล้ว เท่านี้ก็เป็นการยืนยันคำตอบในใจของเธอ... สองคนนั้นรู้จักกันมาก่อนจริงๆ เมื่อก่อนศรารัตน์เคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมวิศรุตถึงต้องคอยพยายามกีดกันไม่ให้เธอชอบกับนภัทรด้วย แต่ในที่สุดวันนี้เธอก็รู้จนได้...


             ศรารัตน์มองจ้องไปที่หนังสือรุ่นในมืออีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้มองที่รูป แต่กลับมองข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือของวิศรุตข้างๆรูปแทน พลันน้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยของศรารัตน์ ทำไมต้องเป็นแบบนี้...


            ‘เป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองแอบรักมานาน... นภัทร อิสรีย์’


            “นี่มันห้องทำงานส่วนตัวของฉันนะ เธอจะเข้ามาทำไมไม่ขออนุญาตฉันก่อน” เสียงวิศรุตที่เจือกระแสความไม่พอใจอย่างชัดเจนดังขึ้นหน้าประตูห้องทำงาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ศรารัตน์รู้สึกตกใจอย่างที่ควรจะเป็น ความจริงตรงหน้าต่างหากที่ทำให้เธอรู้สึกตกใจมากกว่า “ฉันอาบน้ำเสร็จออกมาก็ไม่เห็นเธอแล้ว เห็นห้องนี้เปิดไฟอยู่ฉันก็เลยเข้ามาดู ว่าแต่เธอเข้ามาทำอะไร ฉันไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในห้องนี้ถ้าฉันไม่ได้อนุญาต เธอเองก็รู้ดีนี่นา” วิศรุตตำหนิน้องสาวด้วยน้ำเสียงรัวเร็วโดยไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าที่แปลกไปของศรารัตน์


            “ถ้าฉันไม่เข้ามา ฉันก็คงจะเป็นน้องสาวหน้าโง่ที่ถูกนายปิดบังความลับเอาไว้ตลอดชีวิตสินะ” ตอนแรกวิศรุตมีสีหน้าไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่เมื่อศรารัตน์หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับตน ชายหนุ่มก็ได้เห็นสิ่งที่ศรารัตน์กำลังถืออยู่ชนิดเต็มสองตา เธอกำลังถือหนังสือรุ่นสมัยม.ต้นของเขาอยู่ เท่านี้ก็ทำให้วิศรุตปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างได้ไม่ยาก และตอนนี้ศรารัตน์เองก็คงจะรู้เรื่องที่เขาปิดบังเธอไว้หมดแล้วเช่นกัน ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับนภัทรแล้วก็ความลับส่วนตัวของเขา

 

Aislin: เอาล่ะสิ ศราดันมารู้ความลับที่วินพยายามปิดบังเข้าให้แล้ว เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป และวินจะทำยังไง ติดตามต่อกันเอาเองนะคะ ไม่อยากสปอยด์ให้เสียอรรถรส และเดี๋ยวพบกันอีกไม่ช้าไม่นานนี้ค่ะ แต่ขออนุญาตแจ้งนิดนึงนะคะ เนื่องจากว่ารูปเล่มนิยายเรื่องนี้ใกล้จะเสร็จออกจากโรงพิมพ์แล้ว หลังจากรูปเล่มออก เกดจะขออัพในเว็บสัปดาห์ละ 1 บทแล้วกันเน้อ เพราะอยากให้สิทธิ์คนที่ซื้อรูปเล่มได้อ่านจนจบก่อนค่ะ (ในรูปเล่มมีตอนพิเศษแถมให้แบบจุใจอีก 3 ตอนเต็มๆ จะช่วยให้เรื่องสมบูรณ์และเข้าใจอดีตของแต่ละคนมากขึ้น) ยังไงใครรักใครชอบ ฝากอุดหนุนกันด้วยนะคะ แต่ถ้าหากใครไม่สะดวกสามารถตามอ่านในเว็บได้เลยค่ะ อัพให้อ่านจบแน่นอน (แต่ไม่มีตอนพิเศษเน้อ)

 

ปล. ตอนนี้นิยายยังสามารถสั่งซื้อเข้ามาได้นะคะ เกดพิมพ์เผื่อนิดหน่อย ใครสนใจติดต่อด่วนเลยค่ะ ผ่านช่องทางแฟนเพจ www.facebook.com/aislin.napoon   หรือไม่ก็อีเมล์ Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com จ้ะ  ^0^


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยย. ศรันรู้ความลับแว้วววว

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
ชอบเรื่องนี้มากนะ อ่านรวดเดียวเลย  o13
รู้สึกว่าเรื่องนี้แต่งได้ดีมากๆ
จนมาสะดุด ตรงที่ ทำไมถึงไม่บอกความจริง ว่าตัวเองเป็นคนช่วย ศรา ไห้รอดจาก ภาคิน
เพียงเพราะว่ากลัวน้องสาวจะไม่ดีใจเนี้ยนะ -..- คือมันไม่ใช่เวลาหรือเปล่า ข้อนี้ดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่
ยิ่งความสำคัญเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งต้องบอก หรือเอาจริงๆไม่เกี่ยวเลยว่า จะต้องอ้างคุณหมอ แทน -*-
เรื่องที่สอง คือ ทำไมถึงยังปล่อยภาคินให้ลอยนวลอยู่คือมันทำชั่วขนาดนี้ แต่ยังคงปล่อยไว้ แล้วคิดแค่ว่าจะกลัวเสียชื่อเสียง
เรื่องถึงขนาดนี้แล้ว มันไม่สามารถจะยอมกันได้แล้ว มีทั้งคนร้าย มีทั้งจะ ข่มขืน
แถนยังมีปืนมีลูกน้อง คือ ถ้าโดนยิงตอนนั้นก็คือตาย แถมภาคินก็ยังเกือบจะฆ่า วินได้สำเร็จแล้วด้วย
เพื่อนยังภานุก็โดนยิง คือมันกะเอาตายนะ
คือมันเลยจุดที่จะต้องมามองว่าเป็นญาติหรือกลัวเสียชื่อเสียงไปแล้ว ทำยังกับ ตีกันแบวัยรุ่นธรรมดางั้นอะ
แล้วเรื่องนี้แบบเอาว่าถ้าไม่ใช่คนโลกสวยสุดๆ ดั่งเจ้าหญิง ซินเดอเรลล่า มันก็ต้องปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วว่า
อุบัติเหตุ ต่างๆเกินขึ้นมาได้เพราะอะไร ตั้งแต่พ่อแม่ตาย รวมถึงน้องสาว คุณอิงอร (ทั้งๆที่ตลอดมาก็คิดไม่ไว้ใจ ทั้งพ่อทั้งลูกนั้น มาตลอด)
แถมยังมาเกิดเรื่องของภาคิน และยังเรื่อง ช่อโกง ของบริษัท
คือมันดูไม่ค่อยจะมีเหตุมีผลเท่าไหร่ จริงๆไม่ใช่อะไรหลอกคือมันขัดใจ  :angry2:
ทั้งๆที่บุคลิคตัวละครของ วิน และ ศรา ดูเป็นคนที่ไม่ยอมใครและฉลาดแถมเก่ง
แต่กลับคิดอะไรกันไม่ได้ขนาดนี้เลยหรอ
ปล.ขอโทษทีนะกับบรรยายอารมณ์ความรู้สึกคือมันอินจริงๆ
อ่านมาตั้งแต่แรกๆ ชอบมากๆชอบที่สุด
แต่มาดันตกมาตายเพราะสะดุด อีตรงนี้ละ
แต่ยังไงก็จะตามอ่านต่อไป T^T   :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
อร๊ายยย. ศรันรู้ความลับแว้วววว

นั่นน่ะสิคะ จะเป็นยังไงต่อไปน้าาา ^0^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ชอบเรื่องนี้มากนะ อ่านรวดเดียวเลย  o13
รู้สึกว่าเรื่องนี้แต่งได้ดีมากๆ
จนมาสะดุด ตรงที่ ทำไมถึงไม่บอกความจริง ว่าตัวเองเป็นคนช่วย ศรา ไห้รอดจาก ภาคิน
เพียงเพราะว่ากลัวน้องสาวจะไม่ดีใจเนี้ยนะ -..- คือมันไม่ใช่เวลาหรือเปล่า ข้อนี้ดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่
ยิ่งความสำคัญเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งต้องบอก หรือเอาจริงๆไม่เกี่ยวเลยว่า จะต้องอ้างคุณหมอ แทน -*-
เรื่องที่สอง คือ ทำไมถึงยังปล่อยภาคินให้ลอยนวลอยู่คือมันทำชั่วขนาดนี้ แต่ยังคงปล่อยไว้ แล้วคิดแค่ว่าจะกลัวเสียชื่อเสียง
เรื่องถึงขนาดนี้แล้ว มันไม่สามารถจะยอมกันได้แล้ว มีทั้งคนร้าย มีทั้งจะ ข่มขืน
แถนยังมีปืนมีลูกน้อง คือ ถ้าโดนยิงตอนนั้นก็คือตาย แถมภาคินก็ยังเกือบจะฆ่า วินได้สำเร็จแล้วด้วย
เพื่อนยังภานุก็โดนยิง คือมันกะเอาตายนะ
คือมันเลยจุดที่จะต้องมามองว่าเป็นญาติหรือกลัวเสียชื่อเสียงไปแล้ว ทำยังกับ ตีกันแบวัยรุ่นธรรมดางั้นอะ
แล้วเรื่องนี้แบบเอาว่าถ้าไม่ใช่คนโลกสวยสุดๆ ดั่งเจ้าหญิง ซินเดอเรลล่า มันก็ต้องปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วว่า
อุบัติเหตุ ต่างๆเกินขึ้นมาได้เพราะอะไร ตั้งแต่พ่อแม่ตาย รวมถึงน้องสาว คุณอิงอร (ทั้งๆที่ตลอดมาก็คิดไม่ไว้ใจ ทั้งพ่อทั้งลูกนั้น มาตลอด)
แถมยังมาเกิดเรื่องของภาคิน และยังเรื่อง ช่อโกง ของบริษัท
คือมันดูไม่ค่อยจะมีเหตุมีผลเท่าไหร่ จริงๆไม่ใช่อะไรหลอกคือมันขัดใจ  :angry2:
ทั้งๆที่บุคลิคตัวละครของ วิน และ ศรา ดูเป็นคนที่ไม่ยอมใครและฉลาดแถมเก่ง
แต่กลับคิดอะไรกันไม่ได้ขนาดนี้เลยหรอ
ปล.ขอโทษทีนะกับบรรยายอารมณ์ความรู้สึกคือมันอินจริงๆ
อ่านมาตั้งแต่แรกๆ ชอบมากๆชอบที่สุด
แต่มาดันตกมาตายเพราะสะดุด อีตรงนี้ละ
แต่ยังไงก็จะตามอ่านต่อไป T^T   :hao7:


ขอบคุณมากเลยค่ะสำหรับคอมเม้นท์ อ่านแล้วรู้เลยว่าคนอ่านอินมากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกดดีใจมากเลยค่ะที่รู้ว่าคนอ่านใส่ใจขนาดนี้ ยังไงเกดขอน้อมรับคำติไปปรับปรุงในเรื่องถัดไปนะคะ แต่ไหนๆก็อ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว ฝากติดตามต่อไปจนจบด้วยนะคะ บางประเด็นที่คอมเม้นท์มาเดี๋ยวมีเฉลยแน่นอนค่ะ ^0^ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องโกงสมบัติ อิอิ

ปล. คอมเม้นท์ยาวได้ใจแบบนี้ ปลาบปลื้มสุดค่ะ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1


            วันนี้วิศรุตเลิกงานและกลับบ้านเร็วกว่าทุกวันเพราะเห็นว่ามีนัดทานข้าวเย็นกับเพื่อนเก่า เมื่อเจ้านายไม่อยู่ เมริษาจึงสบโอกาสแอบเข้าไปค้นหาหลักฐานภายในห้องทำงานของวิศรุต หญิงสาวมองไปรอบๆห้องอย่างประเมินในใจว่าเจ้าของห้องน่าจะเก็บพวกเอกสารไว้ที่ไหน พลันสายตาของเธอก็ไปสะดุดอยู่ที่ตู้เอกสารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เยื้องโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม แต่เมื่อลองค้นดูคร่าวๆแล้ว หญิงสาวก็ไม่พบว่ามันจะเป็นเอกสารสำคัญที่เธอต้องการแต่อย่างใด ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังตู้เอกสารหลังโต๊ะทำงานของวิศรุตแทน บังเอิญตู้นั้นไม่ได้ล็อกกุญแจเอาไว้และเมื่อเธอหยิบเอาแฟ้มเอกสารภายในตู้ออกมาดูก็พบว่ามันเป็นแฟ้มที่รวบรวมเอกสารงบการเงินย้อนหลังของบริษัททัดเทวานั่นเอง เมริษามองแฟ้มเอกสารในมือก่อนจะยิ้มสมใจ


            เมริษาดึงเอกสารเหล่านั้นออกมาจากแฟ้มแล้วกองเอาไว้ที่มุมหนึ่งของโต๊ะทำงาน ก่อนจะทยอยรื้อกองแฟ้มที่อยู่ในตู้นั้นออกมาจนหมดแล้วคัดเฉพาะสิ่งที่เธอต้องการ จากนั้นก็จัดการเรียงแฟ้มเอกสารเข้าไปเก็บดังเดิมก่อนจะหอบเอกสารที่คัดแยกเอาไว้แล้วทั้งหมดออกจากห้องทำงานของประธานกรรมการเพื่อไปยังห้องทำลายเอกสาร


            หลังจากที่ทำลายเอกสารสำคัญที่จะเป็นหลักฐานมัดตัววันชัยกับภาคินเรียบร้อยแล้ว เมริษาก็นึกขึ้นได้ว่าวิศรุตเป็นคนฉลาด ชายหนุ่มคงจะสำรองข้อมูลอื่นๆไว้ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส่วนตัวของเขาอย่างแน่นอน และเมื่อกี๊เธอก็เห็นว่าโน้ตบุ๊คของวิศรุตถูกเจ้าของวางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานนั่นแหล่ะ ดูท่าทางวิศรุตคงจะรีบร้อนออกไปตามนัดจนลืมทิ้งของสำคัญเอาไว้เสียแล้วซึ่งเมริษาก็อดที่จะขอบใจชายหนุ่มไม่ได้เพราะมันจะทำให้งานของเธอง่ายขึ้นมากทีเดียว


            เมื่อได้ลองเปิดดูข้อมูลไฟล์งานในโน้ตบุ๊คของวิศรุต เมริษาก็พบว่ามันเป็นไปอย่างที่เธอคาดจริงๆ แถมในนั้นยังมีข้อมูลลับอื่นๆนอกเหนือจากเอกสารต้นฉบับที่เธอทำลายทิ้งอีกมากมาย หญิงสาวไม่อยากจะนึกเลยว่าหากวิศรุตและศรารัตน์ใช้ข้อมูลหลักฐานพวกนี้เปิดโปงเอาผิดกับภาคินและวันชัยแล้วล่ะก็ สองพ่อลูกก็คงหมดโอกาสแก้ต่างอย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้นเมริษาก็ไม่รอช้า เธอจัดการรวมรวมไฟล์ทั้งหมดก่อนจะใช้แผ่นซีดีเปล่าที่เธอเตรียมมาไรท์ข้อมูลลงไปในซีดีนั้น เมริษามองเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังบันทึกข้อมูลอยู่อย่างร้อนใจพลางภาวนาให้เสร็จเร็วๆเพราะหากว่ามีคนมาเจอเธออยู่ในห้องทำงานของวิศรุตในตอนที่ชายหนุ่มไม่อยู่ล่ะก็ จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่และวิศรุตก็คงจะไม่ปล่อยเธอเอาไว้เช่นกัน


            เมื่อกระบวนการถ่ายโอนข้อมูลดำเนินมาถึงขั้นสุดท้าย เมริษาเหยียดยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเอาแผ่นซีดีที่ตอนนี้บรรจุข้อมูลจนเต็มออกมาจากโน้ตบุ๊คและตั้งใจจะลบข้อมูลทั้งหมดทิ้งซึ่งก็เป็นจังหวะที่บุคคลหนึ่งเปิดประตูห้องทำงานของวิศรุตเข้ามาพอดี


            “เฮ้ยไอ้วิน ฉันจะมาชวนแกไปกินข้าวน่ะ แล้วเลขาฯแกเค้าหายตัวไปไหนวะ ตอนฉันเข้ามาไม่เห็นใครเลย” ภาณุเอ่ยทักขึ้นโดยไม่ทันได้มองว่าวิศรุตไม่ได้อยู่ในห้อง แต่คนที่อยู่กลับเป็นเมริษาแทน ในขณะที่หญิงสาวหันไปเห็นก็กลับตกใจจนหน้าซีดเหมือนคนที่ทำผิดแล้วถูกจับได้ แถมเป็นการจับได้แบบคาหนังคาเขาเสียด้วย


            เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนไม่ได้อยู่ในห้องแต่กลับเป็นผู้หญิงอีกคนที่กำลังยืนวุ่นวายอยู่กับโน้ตบุ๊คบนโต๊ะทำงานของประธานกรรมการบริษัท ภาณุก็ขมวดคิ้วสงสัย ชายหนุ่มจำได้อย่างแม่นยำว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เขาเคยเจอตอนไปเที่ยวผับ แถมยังเป็นคนเดียวกับที่เคยควงกับภาคินจนเขาให้ฉายาเธอว่าเป็นพวกผู้หญิงหน้าเงิน


            “คุณเป็นใคร แล้วเข้ามาทำอะไรในนี้ครับ”


            “เอ่อ ฉันเป็นเลขาฯของคุณวิศรุตค่ะ พอดีว่าวันนี้คุณวิศรุตกลับไปก่อนแล้ว ดิฉันก็กำลังจะกลับบ้านเหมือนกัน ก่อนกลับก็เลยแวะมาตรวจความเรียบร้อยน่ะค่ะ” เมริษายิ้มหวานกลบเกลื่อนก่อนจะแอบหย่อนแผ่นซีดีในมือลงกระเป๋าสะพายแล้วรีบขอตัวกลับก่อนอย่างมีพิรุธ ท่ามกลางสายตาของภาณุที่มองอย่างแคลงใจ


            หลังจากที่เมริษาออกจากห้องไปแล้ว ภาณุนึกสงสัยก็เลยลองเปิดโน้ตบุ๊คของวิศรุตดู ก่อนจะพบว่ามันไม่ได้ถูกปิดเครื่องตามที่ควรจะเป็น แต่ว่ามันเป็นการพักหน้าจอเอาไว้เท่านั้น ราวกับว่าผู้หญิงคนเมื่อกี๊ที่อ้างตัวว่าเป็นเลขาฯของวิศรุตได้แอบมาใช้โน้ตบุ๊คของเพื่อนเขาอย่างนั้นแหล่ะ


             ด้วยความที่เป็นคนรอบคอบ ภาณุจึงเปิดโปรแกรมเรียกดูเอกสารย้อนหลังก่อนจะพบว่าเอกสารล่าสุดที่ถูกเรียกดูเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลลับของบริษัททั้งสิ้น รวมถึงมันยังเป็นหลักฐานสำคัญที่จะเอาผิดกับญาติจอมขี้โกงทั้งสองคนของวิศรุตด้วย ภาณุใช้เวลาไม่นานนักก่อนสมองของเขาจะประมวลผลเรื่องราวทั้งหมดและนึกขึ้นได้ว่าวิศรุตเคยเล่าให้ฟังครั้งหนึ่งว่าได้รับเมริษาเข้ามาทำงานเป็นเลขาฯแทนคุณอิงอรที่ประสบอุบัติเหตุจนต้องหยุดงานไป ซึ่งเมริษาก็เป็นคนที่วันชัยกับภาคินส่งมาเพื่อให้มาทำงานกับวิศรุต


            “หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็น... แย่แล้ว...” เมื่อนึกรู้ว่าผู้หญิงที่ตนได้เจอเมื่อครู่ก็คือเมริษา ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์หลายๆอย่างที่มันตรงกันเหลือเกิน ทำให้ภาณุค่อนข้างจะเดาได้แล้วว่าเมริษาต้องฉวยโอกาสตอนที่วิศรุตไม่อยู่แอบเข้ามาขโมยข้อมูลลับไปให้วันชัยกับภาคินอย่างแน่นอน และเขาจะปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาดเพราะนั่นหมายถึงอนาคตการทำงานของวิศรุตและศรารัตน์ ที่สำคัญบริษัททัดเทวาไม่สมควรจะต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่นที่ไม่ใช่ทายาทที่แท้จริง

 



            ภาณุรีบวิ่งตามเมริษามาจนกระทั่งถึงลานจอดรถของบริษัท เมื่อเมริษาหันไปเห็นว่าภาณุกำลังวิ่งตามเธอมาก็นึกรู้ได้ทันทีว่าภาณุคงกำลังสงสัยว่าเธอแอบไปมาขโมยข้อมูลแน่ๆ หญิงสาวจึงรีบวิ่งไปยังรถของเธอที่จอดอยู่ไม่ไกลนักก่อนจะสตาร์ตและขับออกไปทันที เฉียดกับภาณุที่วิ่งตามมาจนเกือบจะทันแล้ว ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสียแต่ไม่ยอมแพ้และรีบวิ่งไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ๆกันนั้นแล้วขับตามไปทันที เขาจำเป็นต้องหยุดผู้หญิงคนนั้นให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป


            ระหว่างที่ขับรถตามเมริษา ภาณุก็ต่อโทรศัพท์ไปหาวิศรุต แต่ก็ติดต่อไม่ได้เพราะอีกฝ่ายปิดเครื่อง ชายหนุ่มเริ่มหัวเสียที่ติดต่อเพื่อนรักไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมวิศรุตถึงต้องปิดโทรศัพท์มือถือด้วยทั้งๆที่แต่ก่อนวิศรุตเปิดโทรศัพท์มือถือเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อติดต่อวิศรุตไม่ได้ภาณุก็ตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้เอง ชายหนุ่มจึงพยายามขับตามจี้ท้ายรถของเมริษาไปติดๆ รวมถึงการพยายามขับปาดหน้าเพื่อกดดันให้หญิงสาวต้องหยุดรถ แต่เมริษาก็อาศัยชั้นเชิงการขับรถที่ยอดเยี่ยมจนสามารถสะบัดหลุดจากการตามติดของภาณุได้ หญิงสาวเหยียบคันเร่งเต็มที่เพื่อมุ่งหน้าไปยังคอนโดฯส่วนตัวที่อยู่ใจกลางเมือง ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นตั้งใจไว้ว่าจะเอาข้อมูลที่ได้มาไปให้ภาคินที่บ้านของเขาก่อน


            แต่เมริษาก็คิดผิดที่ว่าจะสามารถหลุดรอดจากการติดตามของภาณุได้ หญิงสาวเห็นรถของภาณุที่ขับตามมาโดยทิ้งระยะห่างไม่มากนักผ่านทางกระจกข้างของตัวรถ เมริษากัดฟันแน่นอย่างหัวเสีย ทำไมถึงต้องตามมาแบบกัดไม่ปล่อยอย่างนี้ด้วยนะ  หลังจากนั้นเมริษาจึงเหยียบคันเร่งเพื่อหนีให้พ้นจากภาณุอีกครั้ง ไม่นานนักรถของเมริษาก็เลี้ยวเข้ามาจอดในคอนโดฯของเธอ หญิงสาวรีบกดรีโมทล็อกรถก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในตึกคอนโดฯทันที โดยแจ้งกับรปภ. ของอาคารไว้ว่าเธอกำลังถูกผู้ชายโรคจิตคนหนึ่งตามรังควานอยู่ เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีและแต่งตัวดี ผู้ชายคนนั้นตามรังควานเธอตลอดเวลาและถ้าหากเขาตามเธอมาอีกก็ให้รปภ. ช่วยไล่ไปด้วย อย่าให้เขาตามเธอมาได้เป็นอันขาด


            เมื่อภาณุเห็นหลังของเมริษาไวๆว่าวิ่งหายเข้าไปในคอนโดฯหรู ชายหนุ่มก็จอดรถแล้วตามเข้าไปบ้าง แต่ก็ถูกรปภ. ที่เมริษาได้สั่งเอาไว้สกัดภาณุไม่ให้สามารถเข้ามาในตัวอาคารคอนโดฯได้ แม้ภาณุจะพยายามบอกว่าเขาไม่ใช่พวกโรคจิตแบบที่เมริษาอ้างก็ตาม


            “โธ่เอ๊ย คุณมาจับผมทำไมเนี่ย ผมไม่ใช่พวกโรคจิตนะคุณ ปล่อยผมสิ”


            “เราให้คุณเข้าไปในนั้นไม่ได้ครับ คุณผู้หญิงคนเมื่อครู่แจ้งเอาไว้ว่าคุณเป็นพวกโรคจิตที่ตามรังควานเธอ” รปภ. บอก


            “ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ ผมเป็นผัวของผู้หญิงคนนั้นนะ แล้วเธอก็เป็นเมียของผม เราสองคนทะเลาะกันจนเธอหอบผ้าหอบผ่อนหนีผมมาอยู่คอนโดฯเนี่ย ขอร้องเหอะพี่ ช่วยให้ผมได้ปรับความเข้าใจกับเมียเถอะ” ณ วินาทีนั้น ภาณุตัดสินใจโกหกคำโตออกไปก่อนจะควักแบงค์พันสองสามใบออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยัดใส่มือรปภ. คนนั้นเพื่อให้เปิดทางให้เขาได้ตามเมริษาไป ซึ่งชายหนุ่มก็อาศัยทีเผลอตอนรปภ. ทำหน้างงก่อนสะบัดหลุดจากรปภ. แล้วตามเมริษาเข้าไปด้านในได้สำเร็จ


            ด้านเมริษาที่วิ่งเข้ามาด้านในอาคารแล้ว หญิงสาวหอบหายใจจนตัวโยนก่อนจะวิ่งไปทางลิฟต์เพื่อกดชั้นห้องพักของตัวเอง ด้วยความร้อนรนที่ลิฟต์ยังไม่มาเสียที ประกอบกับกลัวว่าภาณุจะตามมาทันเพราะตอนนี้เธอเห็นจากหางตาว่าเขาผ่านรปภ. มาได้แล้วและกำลังวิ่งตามเธอมาติดๆ ทำให้เมริษาตัดสินไม่รอลิฟต์อีกต่อไป แต่เปลี่ยนมาเป็นวิ่งขึ้นบันไดแทน       


            ด้วยความที่ใส่รองเท้าส้นสูงทำให้เมริษาวิ่งขึ้นบันไดได้ลำบากกว่าปกติ แต่หญิงสาวก็กัดฟันข่มความเหนื่อยเอาไว้ เพราะหากถูกจับได้ตอนนี้ เรื่องราวทั้งหมดก็จะพังทลายลงในชั่วพริบตา เธอจะยอมให้ภาณุมาทำลายงานของเธอไม่ได้เด็ดขาด เมริษาวิ่งขึ้นบันไดไปเรื่อยๆด้วยความเหนื่อยหอบ ในขณะที่ภาณุก็วิ่งขึ้นบันไดตามเธอมาด้วยอย่างไม่ละความพยายามเช่นกัน เมริษามองป้ายบอกชั้นที่ติดอยู่ที่ผนังอาคารก่อนจะกัดฟันสู้ อีกแค่สองชั้นเท่านั้นก็จะถึงห้องพักของเธอแล้วและภาณุก็จะตามเธอเข้าไปไม่ได้อีก


            เมื่อมาถึงชั้นสิบเจ็ดซึ่งเป็นชั้นที่เมริษาพักอยู่ หญิงสาวก็รีบวิ่งไปยังโซนปีกขวาและเมื่อมาถึงห้องพัก เมริษาก็ควานหากุญแจห้องภายในกระเป๋าสะพายของเธอ แล้วพยายามจะใช้กุญแจนั้นไขประตูให้เปิดออก แต่ด้วยอารามรีบร้อนทำให้กุญแจห้องหลุดมือแล้วกระเด็นไปตามทางเดินก่อนจะไปกองนิ่งตรงปลายเท้าของภาณุที่ตามขึ้นมาทันพอดี


            “คุณ” เมริษาอุทานอย่างตระหนก ดวงหน้างดงามแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีดเมื่อคนที่เธอพยายามจะหนี เขากลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วแถมยังถือกุญแจห้องเธอไว้ในมืออีก


            “เรามีเรื่องต้องพูดกัน เมริษา” ภาณุยิ้มเครียด มือหนาปาดเหงื่อที่เปียกชุ่มอยู่ตามไรผมก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาเมริษาด้วยแววตากร้าวที่แม้แต่วิศรุตก็ไม่ได้มีโอกาสเห็นภาณุในอารมณ์นี้บ่อยนัก


            “คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง แล้วฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณด้วย เอากุญแจมาให้ฉันแล้วก็เชิญคุณกลับไปได้แล้วก่อนที่ฉันจะเรียกรปภ.ให้มาลากคุณออกไป” เมริษาตวาดด้วยเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่น แต่ภาณุไม่สนใจกลับเดินเข้ามาหาเมริษาเรื่อยๆ จนทำให้หญิงสาวต้องค่อยๆก้าวถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่าง จนกระทั่งติดกำแพงและไม่มีที่จะถอยอีกต่อไปแล้ว


            “อย่าเข้ามานะ คุณจะทำอะไรน่ะ ถ้าเข้ามาอีกฉันจะเรียกรปภ.จริงๆด้วย”


            “เชิญคุณโทรเรียกเลย ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ารปภ. หน้าไหนมันจะกล้าเสนอหน้ามายุ่งกับเรื่องผัวเมีย”


            “แก... ไอ้บ้า ไอ้...” เมริษาสบถออกมาด้วยความโมโหกับเรื่องหลอกลวงที่ภาณุแต่งขึ้นมาเพื่อหลอกรปภ. ซึ่งนั่นมันทำให้เธอเสียหาย


            “มานี่เลย ผมมีเรื่องจะต้องพูดกับคุณ แล้ววันนี้ก็จะต้องรู้เรื่องให้ได้ด้วย” ภาณุกระชากแขนเมริษาแล้วกึ่งลากหญิงสาวที่เหมือนม้ากำลังพยศเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว จากนั้นจึงใช้กุญแจห้องที่อยู่ในมือไขประตูเปิดเข้าไป ตามด้วยการออกแรงกระชากหญิงสาวเจ้าของห้องให้ตามเข้าไปด้วยกัน


            เมื่อเข้ามาและเปิดไฟในห้องเรียบร้อยแล้ว ภาณุก็ปล่อยเมริษาให้เป็นอิสระ หญิงสาวสะบัดแขนด้วยความเจ็บก่อนจะสบตากับภาณุด้วยแววตากร้าวเพราะความโกรธ


            “แกตามฉันมา ต้องการอะไร”


            “ฉันต้องการให้เธอตอบคำถามฉันมาว่าเธอแอบเข้าไปขโมยข้อมูลหลักฐานจากห้องทำงานของไอ้วินใช่ไหม”


            “ฉันเปล่า อย่ามาพูดมั่วๆแบบนี้นะ”


            “โกหก บอกฉันมาตามตรงดีกว่าว่าเธอรู้อะไรบ้าง แล้วข้อมูลที่เธอได้มาทั้งหมดตอนนี้มันอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงภาณุ เปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวก่อนจะกระชากตัวเมริษามาเขย่าด้วยความโมโห ตอนแรกที่เจอกันในผับ เขาประทับใจในความสวยของผู้หญิงคนนี้มาก แต่พอได้รู้ว่าเธอเป็นพวกชอบใช้ความสวยในการหลอกล่อผู้ชาย ความประทับใจที่เคยมีให้ก็หมดลงภายในพริบตาเดียว


            “ปล่อยฉันนะ นี่แกจะทำอะไร ปล่อยฉันสิ” เมริษาพยายามดิ้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลเพราะมือหนาที่เกาะกุมไหล่เธออยู่มันบีบแน่นเสียจนเธอกลัวว่ากระดูกจะหักไปเสียก่อน


            “ฉันทำแน่ ถ้าเธอไม่ยอมตอบคำถามฉันมาดีๆ ไหนๆฉันก็หลอกคนอื่นไว้แล้วว่าเราเป็นผัวเมียกัน จะมาลองเล่นบทนี้กันสักครั้งไหมล่ะ” ปกติภาณุเป็นสุภาพบุรุษที่ให้เกียรติผู้หญิงเสมอ แต่วันนี้ผู้หญิงตรงหน้ากลับทำให้เขาฟิวส์ขาดได้อย่างง่ายดาย แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆเธอก็ไม่ใช่กุลสตรีดีเด่อะไร เขาก็คงไม่จำเป็นต้องสวมบทสุภาพบุรุษเช่นกัน


            “สารเลว ไอ้บ้า ไอ้คนชั่ว ไอ้...” ก่อนที่เมริษาจะได้บริภาษต่อ ภาณุก็ใช้อุ้งมือหนาของตัวเองบิดใบหน้าของเมริษาให้หันมารับจูบของตน จูบนี้ของภาณุรุนแรงและบดขยี้กลีบปากสีสดของเมริษาให้บวมช้ำ ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการให้เธอประทับใจ กับจูบของเขา แต่ต้องการจะแกล้งให้เธอเจ็บใจเล่นเสียมากกว่า


            “อื้อ” ตอนที่ถูกภาณุจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็ทำเอาเมริษาสติพร่าเลือนไปชั่วขณะ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลิ้นอ่อนนุ่มของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของเธอ หญิงสาวพยายามจะสะบัดตัวหนีแต่ภาณุไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำ ตามใจ จนในที่สุดภาณุก็เป็นฝ่ายถอนจูบออกเอง “ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้สารเลว ไอ้...” เมริษาด่าพร้อมกับใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากของตัวเองไปด้วย เธอไม่น่าพลาดท่าเสียทีให้กับคนพรรค์นี้เลย


            “ทีนี้จะบอกได้หรือยังว่าเธอแอบเข้าไปขโมยอะไรมา แล้วข้อมูลที่เธอได้มามันไปอยู่ที่ไหนแล้ว”


            “ฉันไม่บอก ต่อให้แกฆ่าฉันตาย ฉันก็ไม่บอก” หญิงสาวเชิดหน้าอย่างถือดี เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอไม่ปริปากเสียอย่าง คนตรงหน้าจะทำอะไรเธอได้


            “เธอนี่มันถนัดในการยั่วโมโหจริงนั้น หรือว่านี่จะเป็นเทคนิคในการยั่วยวนผู้ชายของเธอ โดยการแกล้งทำให้โกรธและโมโหก่อนเพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติเวลาทำกิจกรรมบนเตียง” ภาณุเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเมริษาด้วยท่าทางน่ากลัว “ฉันรู้หรอกนะว่าเธอน่ะเป็นพวกผู้หญิงหน้าเงิน เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ฉันยอมจ่ายเงินให้เพื่อแลกกับความลับและข้อมูลทั้งหมดที่เธอรู้มา อีกทั้งเธอจะได้ไม่ต้องมาวางแผนจับเพื่อนของฉันเพื่อหวังรวยทางลัดอีกต่อไป ว่ายังไงล่ะ”


            “นี่จะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะ” หน้าเมริษาที่เคยซีดเผือดตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธที่ภาณุมา กล่าวหาเธอแบบนี้ ทั้งๆที่เธอเองก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง เธอมันก็เป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินที่จ้องจะจับผู้ชายรวยๆอย่างที่ภาณุว่านั่นแหล่ะ


            “ก็แล้วที่ฉันพูดมันจริงไหมล่ะ เธอรวมหัวกับไอ้ภาคินแล้วก็วันชัยมาโกงเพื่อนของฉัน และฉันก็ว่าผู้หญิงฉลาดอย่างเธอคงไม่ทำไปเพราะเหตุผลเดียวที่ว่าเธอรักไอ้ภาคินหรอก เธอก็คงหวังล่ะสิว่าถ้าไอ้ภาคินได้ดิบได้ดีอยู่บนกองสมบัติของทัดเทวา เธอเองก็จะพลอยสุขสบายไปทั้งชาติด้วย แต่ฉันจะบอกให้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอก”


          เพียะ!


          เมริษาตบหน้าภาณุจนอีกฝ่ายหน้าหันไปตามแรงมือ หญิงสาวหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธจัดที่ถูกชายหนุ่มจี้ใจดำ  ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับเธอแบบนี้ ในขณะที่ภาณุเองก็หมดความอดทนอีกต่อไป


            “ถ้าเราตกลงกันดีๆไม่ได้ เห็นทีเราก็คงจะต้องไปตกลงกันต่อบนเตียงแล้วล่ะ ฉันก็ชักอยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอมีอะไรดีนักหนาถึงมัดใจเสือผู้หญิงอย่างไอ้ภาคินได้” พูดไม่ทันขาดคำ ภาณุก็เหวี่ยงร่างบางของเมริษาไปยังเตียงนอนหลังกว้างกลางห้อง หญิงสาวพยายามดิ้นรน ทั้งสะบัดทั้งตีแต่ภาณุก็ไม่ปล่อย ไม่นานนักร่างหนากำยำสมส่วนตามแบบบุรุษเพศก็ทาบทับตามลงมาเพื่อปราบพยศคนตรงหน้าทันที

 

Aislin:
มาอัพนิยายต่อให้แล้วนะคะตามสัญญาที่ว่าหากรูปเล่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว Aislin จะอัพให้อ่านสัปดาห์ละ 1 ตอนไปจนจบเรื่อง (แต่ไม่อัพตอนพิเศษอีก 3 ตอนให้เน้อ อยากอ่านต้องติดตามต่อเอาในเล่มเองค่ะ)

            ตอนนี้เรื่องก็เริ่มเข้มขึ้นขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว ทั้งเรื่องรักสามเส้าระหว่างวิน ศรา หมอกานต์ และเรื่อแย่งชิงอำนาจภายในบริษัททัดเทวา เรื่องนี้แซ่บและลุ้นมากๆนะคะขอบอก ยิ่งตอนท้ายๆเนี่ย อย่าให้เล่า เดี๋ยวเสียอรรถรส ฮาๆๆ แล้วเดี๋ยวตอนหน้าเรามาลุ้นไปพร้อมๆกันนะคะว่าถ้าหากศรารู้ความจริงแล้วจะเป็นอย่างไร แต่ขอบอกว่าเรื่องนี้อีกนานพอควรกว่าจะจบ เพราะต้นฉบับค่อนข้างหนาเลยทีเดียว รับรองว่าได้อ่านและลุ้นจนหยดสุดท้ายแน่นอน

            ก่อนจากกันขอขายของนิดนึงนะคะ นิยายรูปเล่มถ้าหากใครสนใจสามารถสั่งซื้อเข้ามาได้เลยนะคะ ราคาเล่มละ 430 บาท (รวมจัดส่งลงทะเบียนแล้ว) ติดต่อได้ที่ www.facebook.com/Aislin.Napoon   หรือ Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com  ^0^


ปล. ขอบพระคุณทุกท่านที่คอมเม้นท์พูดคุยและติ/ชมนิยายนะคะ ความเห็นของทุกคนมีค่าสำหรับ Aislin จริงๆค่ะ (กราบงามๆ3ที)

 

 


ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
เอ่อ ยัยเมริษาไรนี่้
ก็ได้ยินที่พ่อลูกเขาพูดกันแล้วนิ ว่าถ้าเรื่องนี้จบลง ตัวเองก็ต้องถูกเก็บอยู่ดี
ทำไมไม่เอาเวลาทำเรื่องยังงี๊ไป บอกวินแทนยังน้อยก็ช่วยลบล้างความผิดและได้เงินบ้าง
คือไม่คิดเลยหรอ ยังจะทำงานไห้สองคนนั้นที่เรียกว่า ฆาตกรเลยนะนั้น
แล้ว ถานุนี้ยังไงเนี้ย มีตั้งหลายวิธีไม่น่าไปลดตัวทำเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงยังนี้เลย หรือว่าคนแต่งจะจับคู่
ไห้ภานุกับยัยเมริษานี้ คู่กัน แล้วเมริษาจะกลายเป้นคนดี (มโนไปเรื่อย 555)

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
เอ่อ ยัยเมริษาไรนี่้
ก็ได้ยินที่พ่อลูกเขาพูดกันแล้วนิ ว่าถ้าเรื่องนี้จบลง ตัวเองก็ต้องถูกเก็บอยู่ดี
ทำไมไม่เอาเวลาทำเรื่องยังงี๊ไป บอกวินแทนยังน้อยก็ช่วยลบล้างความผิดและได้เงินบ้าง
คือไม่คิดเลยหรอ ยังจะทำงานไห้สองคนนั้นที่เรียกว่า ฆาตกรเลยนะนั้น
แล้ว ถานุนี้ยังไงเนี้ย มีตั้งหลายวิธีไม่น่าไปลดตัวทำเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงยังนี้เลย หรือว่าคนแต่งจะจับคู่
ไห้ภานุกับยัยเมริษานี้ คู่กัน แล้วเมริษาจะกลายเป้นคนดี (มโนไปเรื่อย 555)

สำหรับประเด็นนี้เดี๋ยวมีเฉลยแน่นอนค่าาา ส่วนคำถามที่ว่าตั้งใจจับคู่ให้ภาณุเหรอ... ตอบตรงๆเลยว่าใช่ แต่เมริษาจะกลับตัวได้จริงๆหรือเปล่า อันนี้ไม่บอก ให้ลุ้นเอาเองแล้วกันนะคะ อิอิ ^0^

ปล. ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้นะคะ ^-^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1




ประชาสัมพันธ์รูปเล่มนิยายค่ะ ^0^

ราคาเล่มละ 430 บาท

ติดต่อ www.facebook.com/Aislin.Napoon  หรือ  Aislinnovels@ฮอทเมล์.com

ปล. ในรูปเล่มมีตอนพิเศษแบบจุใจอีก 3 ตอนแถมให้ด้วยนะคะ (ไม่อัพลงเว็บค่ะ)

หรือถ้าหากสนใจแบบ Ebook สามารถโหลดได้จากเว็บ MEB ได้เลยค่ะ

(Search ชื่อเรื่อง “ทัณฑ์กามเทพ”)

******************************************

“ศรา” วิศรุตครางออกมาเบาๆ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้เห็นสีหน้าที่แฝงไว้ด้วยความเย็นชา ของศรารัตน์ ดวงตาคมไล่มองไปยังหนังสือรุ่นที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ศรารัตน์เปิดมาเจอหน้านั้นพอดี อย่างนี้แล้วเขาก็คงไม่มีอะไรจะแก้ตัวอีก


            “นายกับหมอกานต์เคยรู้จักกันมาก่อน แถมยังเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมอีกต่างหาก นี่น่ะเหรอที่นายบอกว่านายเพิ่งเคยเจอหน้าเขาครั้งแรกตอนมาเยี่ยมฉันที่โรงพยาบาล” ศรารัตน์พูดพร้อมกับปาหนังสือรุ่นใส่วิศรุตที่พยายามจะเดินเข้ามาหาตน


            “ฟังฉันก่อนนะศรา คือว่า...”


            “พอกันที นายจะหลอกอะไรฉันอีกล่ะ จะหลอกให้ฉันเป็นผู้หญิงหน้าโง่ไปจนถึงเมื่อไหร่ ถ้าฉันไม่ได้มาเห็นรูปในหนังสือนั่นล่ะก็ ต่อให้ตายฉันก็ไม่มีทางจะเชื่อว่านาย... แอบรักหมอกานต์” ศรารัตน์พูดพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาราวกับ สายน้ำ หญิงสาวสะบัดหัวไหล่ออกจากการเกาะกุมของวิศรุตพลางมองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายอย่างเจ็บปวดและรับไม่ได้กับความจริงที่เธอได้รับรู้


            “เรื่องของฉันกับนภัทร เราสองคน...” วิศรุตหยุดประโยคไว้แค่นั้น ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้บอกว่าเรื่องระหว่างเขากับนภัทรมันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ศรารัตน์ก็ตวาดแทรกขึ้นมาเสียก่อน


            “นี่ใช่ไหมเหตุผลที่นายแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหมอกานต์ต่อหน้าฉัน เพราะนายกลัวใช่ไหม... นายกลัวว่าฉันจะรู้ความลับเรื่องที่นายเคยแอบชอบเค้ามาตลอด นายก็เลยเลือกที่จะหลอกฉัน” หญิงสาวกลั้นเสียงสะอื้นพร้อมกับปาดน้ำตา “ตอนแรกฉันสังหรณ์ใจอยู่แล้วเชียว เพราะท่าทางนายดูแปลกๆเวลาที่เจอหน้าหมอกานต์ พี่โอมกับคุณพงษ์ก็มีท่าทางแปลกๆด้วย ที่แท้พวกนายก็รวมหัวกันหลอกฉัน”


            “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะศรา ตอนนั้นมันเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าจริงๆ ฉันคิดอะไรไม่ออกก็เลยเลือกที่จะปิดบังเธอไว้ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เสียงของวิศรุตแหบแห้ง ชายหนุ่มกัดฟันแน่นเพื่อข่มความรู้สึกปวดยอกเอาไว้ในอก


            “เพราะอะไรล่ะ นายปิดฉันเพราะอะไร ตอบฉันมาสิว่าเพราะอะไร” น้ำเสียงของศรารัตน์เริ่มแรงตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างเขย่าตัววิศรุตจนชายหนุ่มเองทนไม่ไหวเลยระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นกัน


            “พอซะที หยุดบ้าได้แล้วศรา” ด้วยแรงที่มากกว่าทำให้วิศรุตเหวี่ยงจนศรารัตน์ไปกระแทกกับสันโต๊ะทำงาน หญิงสาวล้มลงพลางเอามือกุมบริเวณท้องที่ไปปะทะกับโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่ก่อนจะหันมามองวิศรุตด้วยสายตาว่างเปล่า “ศรา เธอเจ็บมากไหม ฉันขอโทษนะ” วิศรุตจะเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วงแต่ศรารัตน์ตวาดห้ามไว้


            “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ที่นายทำฉันเจ็บแบบนี้ ไม่เป็นไรหรอกเพราะมันก็แค่เจ็บภายนอก แต่ที่นายทำร้ายจิตใจฉันมันเจ็บยิ่งกว่า เจ็บจนใจของฉันเหมือนกับถูกนายดึงทึ้งให้แหลกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี เพราะอะไรรู้ไหมวิน” หญิงสาวพูดเสียงสั่นแล้วน้ำใสๆก็เอ่อขึ้นมาคลอดวงตาสีน้ำตาลอีกรอบ “เรื่องที่นายกับหมอกานต์เคยรู้จักกัน สำหรับฉันมันไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่ทำให้ฉันเจ็บปวดมากกว่านั้นก็คือ นายเองก็รู้ว่าฉันชอบหมอกานต์ แต่นายทำแบบนั้นทำไม นายกีดกันความรักของฉันทำไม” แม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ศรารัตน์ก็อยากจะถามให้แน่ใจ หญิงสาวย้อนคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่วิศรุตพยายามจะกีดกันไม่ให้เธอชอบนภัทร โดยอ้างถึงความไม่เหมาะสมหลายๆอย่าง แต่สุดท้ายเหตุผลที่แท้จริงก็คือวิศรุตชอบนภัทรเสียเอง คุณหมอคนที่เธอหลงรักกลับกลายเป็นคนเดียวกับที่พี่ชายของเธอแอบรักมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม


            “เธออยากรู้นักใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องกีดกันไม่ให้เธอชอบกับนภัทร ก็ได้ ฉันจะบอกให้... ที่ฉันทำแบบนั้นก็เพราะว่าฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอได้ใกล้ชิดกับคนที่ฉันหลงรักมาตลอดสิบกว่าปี เธอเอาแต่คิดว่าความรักของเธอที่มีให้นภัทรมันช่างลึกล้ำจนไม่มีใครเทียบได้ แล้วฉันล่ะ ฉันรักนภัทรมาตลอดตั้งแต่ม.หนึ่ง รักทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะนภัทรไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนอย่างฉัน แม้กระทั่งตอนไปอยู่อังกฤษ ฉันก็ยังลืมนภัทรไม่ได้ เขาเป็นทั้งความรัก เป็นชีวิต เป็นลมหายใจของฉัน ฉันเคยคิดว่าถ้าหากเราสองคนไม่ได้มาเจอกันอีกครั้ง ฉันคงจะลืมเขาได้ แต่เปล่าเลย ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เจอนภัทรอีกครั้ง ฉันก็รู้ว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้” วิศรุตหยุดหอบหายใจแรง ศรารัตน์ส่ายหน้าเหมือนไม่อยากฟังต่อแล้ว แต่วิศรุตไม่สนใจ กลับระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาต่อหน้าศรารัตน์จนหมดสิ้น “ยิ่งเมื่อฉันได้รู้ว่าเธอกำลังชอบนภัทร ฉันก็ยิ่งทำใจไม่ได้ เธอจะให้ฉันรู้สึกยังไงเมื่อน้องสาวตัวเองไปตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวกับที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต”


            “นายก็เลยกีดกันฉันงั้นสิ”


            “ใช่ ฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นว่ามีใครอยู่ข้างกายนภัทร และยิ่งทำใจไม่ได้ใหญ่ถ้าหากคนๆนั้นจะเป็นน้องสาวของฉันเอง ฉันจะบอกอะไรให้นะศรา ถ้าฉันไม่ได้ใครก็อย่าหวังว่าจะได้เลย และเธอเองก็อย่าหวังเลยว่าจะแย่งนภัทรไปจากฉัน ไม่อย่างนั้นเราคงได้เห็นดีกันแน่ศรารัตน์” วิศรุตยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวที่พูดออกไปแบบนั้น ลึกๆแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ศรารัตน์ต้องเสียใจ แต่เขาเองก็ปล่อยมือจากนภัทรไม่ได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่นภัทรเลือกจะคือศรารัตน์ก็ตาม


            ทันทีที่พูดจบ ศรารัตน์ก็มองชายหนุ่มตรงหน้าราวกับไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนๆนี้คือวิศรุต ทัดเทวา ผู้ที่มีสายสัมพันธ์เป็นถึงพี่ชายแท้ๆของเธอ ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มจะกล้าพูดคำพวกนี้ออกมา ศรารัตน์แค่นยิ้มด้วยความสมเพชก่อนเอ่ยออกมาช้าๆ ทว่าช่างบาดลึกในความรู้สึกของคนฟังเหลือเกิน


            “นายมันน่าขยะแขยงเหลือเกิน นายมันน่ารังเกียจ ถ้าพ่อกับแม่รู้เข้าท่านคงจะเสียใจมากที่มีลูกชายเป็นพวกวิปริตผิดเพศแบบนี้”


            เพียะ!


            วิศรุตตบหน้าศรารัตน์อย่างแรงทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น อารมณ์โมโหชั่ววูบทำให้เขาขาดสติพลั้งมือตบหน้าศรารัตน์ไป เขามองมือข้างนั้นอย่างเจ็บปวดใจและนึกเกลียดตัวเอง ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าเขากับศรารัตน์จะทะเลาะอะไรกัน ไม่ว่าเรื่องนั้นจะหนักหนาหรือรุนแรงแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือกับศรารัตน์เลยสักครั้ง ครั้งนี้เขาเองก็ต้องยอมรับว่าทำรุนแรงไปจริงๆ


            “เป็นครั้งแรกที่นายตบหน้าฉัน วิศรุต” ศรารัตน์เค้นเสียงสั่นเครือ ในขณะที่ไม่มีน้ำตาเหลือสักหยด ราวกับว่าน้ำตา ทั้งหมดของเธอมันเหือดหายไปกับการกระทำของวิศรุตเสียแล้ว หญิงสาวจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความเสียใจอย่างถึงที่สุดก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องทำงานนั้นทันที เธอไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับชายหนุ่มอีกแล้ว เธอไม่อยากอยู่ร่วมชายคากับพี่ชายที่ทำร้ายได้แม้กระทั่งน้องสาวของตัวเอง ซึ่งการกระทำที่เธอรับไม่ได้อย่างที่สุดก็คือการพรากความรักไปจากเธออย่างเลือดเย็น


            วิศรุตไม่ได้ตามศรารัตน์ออกไป เขารู้ว่าตอนนี้หญิงสาวคงกำลังสับสนและก็คงจะผิดหวังอย่างรุนแรงกับความจริงที่ออกจากปากของเขา ตอนนี้ศรารัตน์รู้แล้วว่าเขาเป็นเกย์ เธอคงจะรับไม่ได้ที่มีพี่ชายเป็นพวกผิดเพศแบบนี้ วิศรุตทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงก่อนน้ำตาที่เจ้าตัวพยายามจะกลั้นไว้กลับเอ่อไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่กดดันสุดๆ

 



            ศรารัตน์ขับรถออกจากบ้านทัดเทวาไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ใบหน้า งดงามของหญิงสาวในตอนนี้เปรอะไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับสายน้ำ ความผิดหวังและความเจ็บปวดมันถาโถมเข้ามาพร้อมกันทีเดียวจนเธอตั้งรับไม่ทัน ศรารัตน์ใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะเหยียบคันเร่งจนมิด หญิงสาวไม่ได้รับรู้ เลยว่าตอนนี้เธอกำลังขับรถด้วยความเร็วสูง รู้แต่เพียงว่าเธออยากจะไปให้พ้นจากวิศรุต อยากจะไปให้ไกลจากคนๆนั้นมากที่สุด แม้ว่าตอนนี้เธอจะขับรถไปอย่างไร้จุดหมายก็ตาม


            ศรารัตน์ขับรถไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยนัก สมองของเธอตอนนี้ไม่อยากรับรู้หรือว่าคิดอะไรอีกแล้ว มารู้ตัวอีกทีรถของเธอก็กำลังเข้าโค้งอันตราย ด้วยความที่ไม่ชำนาญเส้นทางประกอบกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักส่งผลให้ถนนลื่น หญิงสาวพยายามเหยียบเบรกแต่ก็พบว่าเบรกไม่ทำงาน ในขณะที่รถยุโรปราคาแพงของเธอกำลังพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงและกำลังจะเข้าโค้งหักศอก ศรารัตน์หวีดร้องออกมาอย่างตกใจก่อนที่เธอจะรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกและการพลิกคว่ำอย่างรุนแรง จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป

 



            หลังจากจัดการปราบพยศเมริษาเรียบร้อยแล้ว เมื่อสติและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกลับมาอีกครั้ง ภาณุก็ยิ่งรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ตนทำไปทั้งหมด แม้ว่าเมริษาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีเลิศหรือบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรหนักหนา แต่เขาก็ไม่สมควรที่จะใช้ความเหนือกว่าทางเพศมารังแกผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้ ยิ่งคิดภาณุก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ


            “เมริษา ผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น” ภาณุพูดหลังจากที่เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว “ผมไม่ได้ตั้งใจจะขืนใจคุณ แต่คุณมายั่วโมโหผมก่อน” เมริษาหันมามองคนที่กำลังพูดขอโทษด้วยสายตาเย็นชา ก่อนมือบางจะตวัดตบหน้าภาณุซ้อนกันสองทีจนหน้าชายหนุ่มเกิดเป็นรอยนิ้วมือประทับอยู่อย่างเด่นชัดซึ่งภาณุเองก็ไม่ได้ตอบโต้ เขาสมควรจะโดนแล้วถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาทำไว้กับเธอ


            “สะใจคุณหรือยัง สาแก่ใจหรือยังที่มาทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้แบบนี้” เมริษาพูดด้วยเสียงที่บังคับไม่ให้สั่น จริงอยู่ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์ผุดผ่องและครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ แต่นี่คือครั้งแรกที่เธอโดนอีกฝ่ายบังคับขืนใจและเป็นครั้งแรกที่เธอโดนผู้ชายย่ำยีแบบไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรเลย


            “ผมขอโทษ” ภาณุสบตาเมริษาอย่างรู้สึกผิดจริงๆกับการกระทำของตน


            “ออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว” หญิงสาวออกปากไล่ เธอไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีก “ไปสิ ฉันบอกให้ออกไป” เมริษาตวาดไล่เสียงดังซึ่งภาณุก็ยอมไปแต่โดยดีเพราะคิดว่าพูดกับเธอตอนนี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์เพราะหญิงสาวกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ รอให้เธออารมณ์เย็นกว่านี้แล้วเขาจะกลับมาขอโทษเธออีกครั้งหนึ่ง


            ก่อนจะไป ภาณุเดินไปหยิบแผ่นซีดีออกมาจากกระเป๋าสะพายของเมริษา ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าหญิงสาวแอบเอาแผ่นซีดีนี้ใส่กระเป๋าตอนที่เขาเข้าไปเจอเธอในห้องทำงานของวิศรุต และมันก็น่าจะเป็นแผ่นซีดีที่บรรจุข้อมูลทั้งหมดที่เธอแอบขโมยมานั่นเอง


            “จะทำอะไรน่ะ เอามานี่นะ” เมริษาหันมาเห็นว่าภาณุกำลังถือแผ่นซีดีของเธออยู่ แผ่นซีดีนี้เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้มันมา เธอจะไม่ยอมให้ภาณุเอาไปอย่างเด็ดขาด


               ราวกับล่วงรู้ความคิดของเมริษา ภาณุเหยียดยิ้มในหน้าก่อนจะใช้สองมือหักแผ่นซีดีนั้นเป็นสองท่อนแล้วโยนทิ้งไว้บนเตียงก่อนจะกระเถิบตัวมากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูคนที่นั่งอยู่ปลายเตียง


            “ถ้าหากผมรู้ว่าคุณวางแผนชั่วๆจ้องจะทำร้ายวินกับศราอีกล่ะก็ ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ แม้ว่าตอนนี้เราจะเป็นผัวเมียกันจริงๆตามพฤตินัยแล้วก็ตาม” ภาณุจุดยิ้มที่มุมปากขณะมองเมริษาที่กัดฟันแน่นด้วยความแค้นที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย


              เสียงโทรศัพท์มือถือของภาณุดังขึ้น ชายหนุ่มมองหน้าจอเห็นว่าเป็นชื่อของวิศรุตที่โทรมาจึงกดรับสาย


              “แกว่าไงนะไอ้วิน ศรารถคว่ำเหรอ เออ ได้ๆ เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” ข่าวที่ว่าศรารัตน์รถคว่ำทำเอาเมริษาขนลุก อย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าศรารัตน์รถคว่ำเพราะอะไร ที่แน่ๆคือมันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการจงใจฆาตกรรม!


            “เมริษา คุณเป็นอะไร” ภาณุถามขึ้นเมื่อหันมาเห็นว่าเมริษานิ่งไป


            “เปล่า ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว แล้วนายก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ”


            “ผมจะมาหาคุณอีกครั้ง เรามีเรื่องจะต้องพูดกัน”


            “แต่ฉันไม่มีเรื่องที่จะต้องพูดกับคุณ เรื่องในคืนนี้ฉันจะถือว่าให้ทานก็แล้วกัน” เมริษาเน้นเสียงที่ประโยคสุดท้ายก่อนจะมองหน้าภาณุอย่างถือดี ซึ่งชายหนุ่มเองก็ตัดสินใจที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเธออีกเพราะเขาต้องรีบไปโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ศรารัตน์ประสบอุบัติเหตุและวิศรุตก็กำลังรอเขาอยู่ที่นั่น

 

Aislin: สวัสดีค่ะมิตรรักนักอ่านทุกท่าน วันนี้ Aislin กลับมารายงานตัวแล้วหลังจากกลับจากเที่ยวสงกรานต์ หวังว่าหยุดยาวที่ผ่านมา ทุกๆท่านจะได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่นะคะ แล้วก็ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ไทยด้วยค่ะ (หวังว่าคงยังไม่สายไปเนอะ อิอิ)

            มาว่ากันถึงนิยายตอนนี้ดีกว่า เนื้อเรื่องก็เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกขณะ อยากบอกว่าคุณศราเธอกระดูกเหล็กมากเลยค่ะเรื่องนี้ แล้วเรามาลุ้นกันดีว่ากว่าตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับศรารัตน์ และความสัมพันธ์ระหว่างวินและกานต์จะดำเนินต่อไปเช่นไรในสถานการณ์ที่เริ่มยากขึ้นทุกทีนับจากนี้ คอยร่วมลุ้นและเอาใจช่วยไปพร้อมๆกันนะคะ เจอกันตอนหน้าในสัปดาห์ถัดไปค่ะ ^0^

            เอ้อ ก่อนจากกันไปวันนี้ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์กันอีกนิดนึงนะคะ ตอนนี้นิยายทัณฑ์กามเทพ มีจำหน่ายแล้วทั้งในรูปเล่มหรือแบบฉบับ Ebook ถ้าสนใจรูปเล่มติดต่อมาได้ที่แฟนเพจ www.facebook.com/aislin.napoon   หรือจะผ่านทางอีเมล์ก็ตามสะดวกเลยค่ะ  Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com   ส่วนอีบุ๊คก็มีจำหน่ายที่เว็บ MEB สามารถเข้าไป Search หาซื้อเรื่องได้ในเว็บเลยค่ะ หรือจะหลังไมค์มาทางแฟนเพจหรืออีเมล์ก็ได้นะคะ เกดจะได้ส่งลิ้งก์โหลดให้เน้อ ^0^


 

ปล. เดี๋ยวจะมีเกมแจกของรางวัลที่ระลึกจากญี่ปุ่นให้กับแฟนคลับนิยายของเกดโดยเฉพาะ ถ้ายังไงเชิญติดตามได้ที่แฟนเพจเลยค่ะ ^-^

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
ศราก็ไม่ฟังอะไรเลย
วินก็ไม่เคยธิบายอะไรให้เช้าใจ
เรื่องมันเกิดจากอารมณ์และการโกหกมาตลอด

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ศราก็ไม่ฟังอะไรเลย
วินก็ไม่เคยธิบายอะไรให้เช้าใจ
เรื่องมันเกิดจากอารมณ์และการโกหกมาตลอด

แต่ละคนก็มีทิฐฺสูงด้วยกันทั้งคู่ แค่ยอมลดราวาศอกกันซักนิดเรื่องมันคงไม่ยุ่งยากแบบนี้เนอะๆๆ
แต่เอาเถอะค่ะ เรื่องไม่เยอะ...ความไม่แยะ มันก็ไม่สนุกน่ะสิคะ ฮาๆๆ

ขอบคุณที่คอมเม้นท์ร่วมพูดคุยกันนะคะ ^0^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
นิยายรูปเล่ม

ราคาเล่มละ 430 บาท (รวมส่งแบบลงทะเบียน)

ติดต่อ www.facebook.com/Aislin.Napoon  หรือ  Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com

ปล. ในรูปเล่มมีตอนพิเศษแบบจุใจอีก 3 ตอนแถมให้ด้วยนะคะ (ไม่อัพลงเว็บค่ะ)


หรือถ้าหากสนใจแบบ Ebook สามารถโหลดได้จากเว็บ MEB ได้เลยค่ะ

(Search ชื่อเรื่อง “ทัณฑ์กามเทพ”)
*************************************************


               เมื่อภาณุมาถึงโรงพยาล ชายหนุ่มก็รีบตรงไปยังห้องไอซียูทันทีก่อนจะพบว่าวิศรุตกำลังนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าห้องขณะรอฟังผลอาการของศรารัตน์

            “ไอ้วิน เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมศราถึงได้รถคว่ำได้ล่ะ” ภาณุยิงคำถามรัวทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนรัก


            “ฉันผิดเองไอ้โอม เพราะฉัน... ศราก็เลยต้องมารถคว่ำแบบนี้ ฉันมันไม่ดีเอง” ภาณุยึดข้อมือวิศรุตที่กำลังทำท่าจะดึงทึ้งศีรษะของตัวเองเอาไว้ก่อนจะบอกให้ชายหนุ่มตั้งสติให้ดีก่อนแล้วจากนั้นค่อยเล่ามาว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่


            “แกใจเย็นๆนะเว้ยไอ้วิน ศราจะต้องไม่เป็นอะไร น้องสาวของนายดวงแข็งจะตาย เธอจะต้องปลอดภัย”


            “แต่ฉันกลัวว่ะโอม ตำรวจบอกว่ายัยศราขับรถเร็วมาก แถมถนนก็ลื่นเพราะฝนตกหนัก รถก็เลยเบรกไม่อยู่จนแหกโค้งแล้วก็พลิกคว่ำอย่างรุนแรง แล้วศราก็...” วิศรุตเงียบไปเพราะพูดไม่ออก ตอนที่รู้เรื่องจากตำรวจ เขาก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันทีแล้วก็ทันได้เห็นร่างโชกเลือดของศรารัตน์ถูกเข็นเข้าไปในห้องไอซียู ภาพที่เห็นทำให้เขายิ่งรู้สึกกลัว เขากลัวว่าศรารัตน์จะเป็นอะไรไป


            “แกตั้งสติก่อนนะวิน หมอที่นี่เก่งๆทั้งนั้น เค้าต้องช่วยน้องสาวแกอย่างสุดความสามารถแน่ๆ เชื่อฉันสิ”


            “เพราะฉันไม่ดีเอง ฉันไม่น่าไปพูดแบบนั้นกับศราเลย เธอคงจะรับไม่ได้แล้วก็คงจะโกรธฉันมากถึงได้ผลุนผลันขับรถออกไปด้วยความเร็วขนาดนั้น”


            “แกทะเลาะกับศรางั้นเหรอ” วิศรุตพยักหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือดก่อนตัดสินใจเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง


            “ศรารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ทั้งเรื่องที่ฉันกับนภัทรเคยรู้จักกันมาก่อน แล้วก็เรื่องที่ฉันชอบนภัทร” ภาณุอุทานออกมาด้วยความตกใจ ชายหนุ่มอึ้งไปนาน เขาเข้าใจความรู้สึกของศรารัตน์ดี เพราะถ้าหากเขาเป็นเธอ เขาเองก็คงจะรับไม่ได้เช่นกันกับความจริงที่ว่าพี่ชายตัวเองเป็นเกย์ แถมยังมาชอบผู้ชายคนเดียวกับที่ตนหลงรักด้วย “มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ถ้าฉันไม่บอกศราไปว่าฉันชอบนภัทร เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น” วิศรุตซบหน้าลงกับฝ่ามือก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นในใจ ศรารัตน์ไม่สมควรจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลยซักนิด


             ภาณุมองเพื่อนรักด้วยความสงสาร ชายหนุ่มเข้าไปกอดปลอบวิศรุตที่กำลังตัวสั่นเทาเพราะความพยายามกลั้นเสียงสะอื้น มือหนาลูบหลังเพื่อนรักแบบที่เคยทำประจำยามที่ต้องการจะส่งผ่านกำลังใจไปให้กับคนในอ้อมแขนตน ผ่านไปหลายชั่วโมงกว่าหมอจะออกมาจากห้องไอซียู วิศรุตรีบปาดคราบน้ำตาก่อนจะถลาเข้าไปถามถึงอาการของศรารัตน์ ซึ่งหมอที่ทำการรักษาก็คือนภัทรนั่นเอง


            “ศราเป็นยังไงบ้าง เธอปลอดภัยดีหรือเปล่า” นภัทรเม้มริมฝีปากแน่นกับคำถามนั้นก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า แต่ว่าชัดเจน


            “เราช่วยยื๊อชีวิตคุณศราไว้ได้ แต่ว่า...” คุณหมอหนุ่มหยุดเว้นวรรคไปนิดหนึ่งอย่างลำบากใจที่จะเอ่ย ในขณะที่วิศรุตและภาณุกำลังกลั้นหายใจรอคำตอบ “ผลจากการชนและการกระแทกอย่างรุนแรงตามร่างกายทำให้อวัยวะบางอย่างภายในฉีกขาด แต่นั่นก็ไม่เท่ากับผลของการที่รถพลิกคว่ำจนตกขอบทางทำให้สมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จนบางทีแม้ว่าจะรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้ แต่เธออาจจะกลายเป็น... เจ้าหญิงนิทรา”


            “อะไรนะ ศราจะต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างนั้นเหรอ” นภัทรพยักหน้ารับก่อนจะบอกว่าเธอยังมีโอกาสหายจากการเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ แต่จำเป็นจะต้องใช้เวลาพักฟื้น ซึ่งเขาก็บอกไม่ได้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนป่วยด้วย


            คำพูดของนภัทรทำให้วิศรุตเข่าอ่อนเหมือนกับจะทรงตัวไม่อยู่ ชายหนุ่มลำคอแห้งผากด้วยความที่พูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกผิดก็ยิ่งเกาะกุมหัวใจ เพราะเขาศราก็เลยต้องเป็นแบบนี้ เพราะเขาคนเดียว


            นภัทรมองวิศรุตด้วยความสงสารจับใจ ตอนที่เขาเห็นสภาพของศรารัตน์ที่ถูกหน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล หญิงสาวอาการหนักมากเสียจนเขากลัวว่าจะไม่สามารถยื้อชีวิตเธอเอาไว้ได้ แต่ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เขารั้งเธอไว้ได้แม้ว่าเธอจะต้องมีสภาพกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราที่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวเลยก็ตาม


            “ใจเย็นๆก่อนเถอะนะ ฉันบอกแล้วไงว่าคุณศรายังมีโอกาสหาย ไม่ต้องห่วงนะ ฉันสัญญาว่าจะพยายามเต็มที่ให้ดีที่สุดเพื่อคุณศรา แล้วก็เพื่อ... นาย” นภัทรบีบไหล่วิศรุตเบาๆอย่างให้กำลังใจก่อนจะขอตัวเดินไปจากตรงนั้นทันทีเพราะไม่อยากเห็นน้ำตาของวิศรุตอีกแล้ว น้ำตาของฝ่ายนั้นทำให้เขารู้สึกปวดยอกในใจอย่างประหลาดราวกับว่าหัวใจของเขาก็กำลังหลั่งน้ำตาอยู่เช่นกัน

 



            หลังจากนั้นไม่นานศรารัตน์ก็ถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้นพิเศษ ตามร่างกายและใบหน้าของหญิงสาวยังคงเป็นแผลบวมช้ำที่เกิดจากการกระแทกตอนรถชน ตอนนี้เธอต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเอาไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเพราะชีพจรเธอเต้นอ่อนแรง มาก และระบบทางเดินหายใจยังไม่เป็นปกติ  วิศรุตมองสภาพของศรารัตน์ด้วยความสงสารและความรู้สึกผิดที่จู่โจมเข้ามาในใจตลอดเวลา มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมไปลูบปอยผมของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาพลางกัดฟันแน่นข่มใจไม่ให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอออกมาอีกครั้ง


            “ไอ้วิน ฉันมีเรื่องสำคัญที่จำเป็นจะต้องบอกแก” ภาณุเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาเบาๆในขณะที่วิศรุตยังคงนิ่ง “เรื่องเอกสารหลักฐานที่จะเอาผิดญาติของแกนั่นแหล่ะ” เรื่องนี้ทำให้วิศรุตหันขวับมาจ้องภาณุทันที


            “แกตั้งใจจะพูดอะไรไอ้โอม” ภาณุถอนหายใจแรงก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่เขาบังเอิญเห็นเมริษาแอบเข้าไปขโมยข้อมูลจากโน้ตบุ๊คส่วนตัวของวิศรุตให้เจ้าตัวฟัง


            “แต่แกไม่ต้องห่วงนะ ข้อมูลที่ยัยนั่นได้ไป ฉันตามไปทำลายทิ้งแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ายัยนั่นจะได้พวกเอกสารต้นฉบับอื่นๆในห้องทำงานแกไปหรือเปล่าน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยุ่งเลย” วิศรุตมีสีหน้าไม่ยี่หระกับเรื่องที่ภาณุบอก ก่อนจะยอมเฉลยให้เพื่อนสนิทฟัง


            “ฉันคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันเมริษาจะต้องทำแบบนี้ ดังนั้นฉันก็เลยจัดการซ้อนแผนเอาไว้ตั้งนานแล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าฉงนของภาณุ วิศรุตก็อธิบายต่อ “ฉันเอาเอกสารต้นฉบับที่สำคัญทั้งหมดไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยตั้งนานแล้ว จากนั้นก็ให้คุณอิงอรที่ตอนนี้เริ่มหายจากอาการป่วยเข้ามาช่วยทำเอกสารปลอมเพื่อตบตาสองพ่อลูกนั่นรวมถึงเมริษาด้วย ยัยนั่นคงไม่ทันได้เฉลียวใจว่าคนอย่างวิศรุต ทัดเทวามีหรือจะยอมทิ้งเอกสารสำคัญเอาไว้ในตู้ห้องทำงานโดยไม่ได้ล็อกกุญแจอะไรเลย”


            “นี่ก็หมายความว่าถึงเมริษาทำลายเอกสารทิ้งไป นายก็ไม่เดือดร้อนใช่ไหม” วิศรุตพยักหน้าแล้วบอกว่าพวกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ก็เช่นเดียวกัน ถึงเมริษาจะลบทิ้งไปก็ไม่เป็นไรเพราะเขามีสำรองเอาไว้อีกหลายที่


            ภาณุมองวิศรุตอย่างชื่นชมในความรอบคอบ เพื่อนรักของเขาชักจะเหมือนนักธุรกิจผู้เก่งกาจเข้าไปทุกวัน ไม่เหลือเค้าเด็กหนุ่มตอนสมัยม.ปลายที่เคยใช้ชีวิตแบบเสเพลไปวันๆเลยซักนิด


            เสียงมือถือของวิศรุตดังขึ้น ชายหนุ่มรับก่อนจะกรอกเสียงลงไป ปลายสายที่โทรมาคือตำรวจที่ดูแลคดีรถคว่ำของศรา รัตน์นั่นเอง


            “อะไรนะครับ คุณตำรวจแน่ใจหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องรบกวนด้วย ติดต่อผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” วิศรุตมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีหลังจากวางสายไปจนภาณุอดถามไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น


            “ตำรวจโทรมาว่ายังไงบ้างไอ้วิน”


            “ตำรวจโทรมาบอกว่าเค้าสงสัยว่าเรื่องที่เกิดกับศรามันอาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการจงใจฆาตกรรมเพื่ออำพรางคดี” ภาณุอุทานออกมาอย่างตกใจในขณะที่ใบหน้าของวิศรุตซีดเผือด “เค้าบอกว่าหลังจากที่ตรวจสอบรถคันที่ชนอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าสายเบรกถูกตัด”


            “อย่างนี้ก็หมายความว่า...”


            “ใช่ มีคนต้องการให้ศราประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต” วิศรุตตาวาว ในใจก็พยายามจะปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด ศรารัตน์ไม่น่าจะมีศัตรูที่ไหนและเขาก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นพวกคู่แข่งธุรกิจที่ถึงขนาดต้องตามเอาชีวิตกันแบบนี้ คนที่ศรารัตน์ไปขัดใจด้วยจนถึงขั้นเกิดแรงจูงใจที่จะนำไปสู่การวางแผนฆาตกรรมก็คือ...


            “แกคิดว่าใครวะที่กล้าคิดร้ายกับศราขนาดนี้น่ะ”


            “อาวันชัยกับไอ้ภาคิน” สองชื่อที่หลุดออกจากปากวิศรุตทำให้ภาณุถึงกับสะดุ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสองคนนั้นจะกล้าทำแบบนี้กับศรารัตน์ เพราะทั้งศรารัตน์และวิศรุตต่างก็เป็นหลานแท้ๆของวันชัย ฝ่ายนั้นคงไม่น่าจะทำแบบนี้ได้ลงคอ


            “แกคิดมากไปหรือเปล่า บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้” ในใจภาณุไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก


            “แกรู้จักสองพ่อลูกนี้น้อยไปไอ้โอม เค้าทำได้แน่ถ้ามีใครมาขัดผลประโยชน์ แกก็รู้นี่นาว่าศรารัตน์เป็นคนเปิดโปงความชั่วของสองคนนั้น บางทีพวกนั้นอาจจะแค้นแล้วก็อยากฆ่าปิดปากศราก็ได้ หรือไม่บางทีฉันก็อาจจะเป็นเป้าหมายต่อไปของมัน” ภาณุคิดตาม ถ้าหากเป็นอย่างที่วิศรุตพูดจริง สองพ่อลูกคู่นี้ก็ดูจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว


            วิศรุตหันไปมองศรารัตน์ที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราบนเตียงอีกครั้ง ชายหนุ่มสัญญากับตัวเองในใจว่าเขาจะต้องหาหลักฐานมาเอาผิดกับวันชัยและภาคินเพื่อทวงความยุติธรรมคืนให้กับผู้เป็นน้องสาวให้จงได้

 



            ขณะที่วิศรุตกับภาณุกำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับเรื่องอาการป่วยของศรารัตน์  ในทางตรงกันข้าม วันชัย ภาคินและเมริษากลับกำลังดื่มฉลองให้กับความสำเร็จที่สามารถกำจัดศรารัตน์ให้พ้นทางได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าคราวนี้ศรารัตน์จะดวงแข็งรอดตายอย่างหวุดหวิดมาได้อีกครั้งก็ตาม


            “ตอนนี้ศราก็นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล คงจะลุกขึ้นมาแฉเรื่องของเราไม่ได้อีกแล้วนะครับพ่อ” ภาคินพูดพร้อมรอยยิ้มเย็นชา ใจจริงเขาก็ไม่ได้อยากทำร้ายศรารัตน์แบบนี้หรอก แต่ช่วยไม่ได้ที่หญิงสาวดันมารู้เรื่องที่ไม่สมควรจะรู้มากจนเกินไป


            “แต่ครั้งนี้ก็พลาดอีกจนได้ หลานสาวของฉันคนนี้ช่างตายยากเสียจริง” วันชัยแค่นเสียงในคอเมื่อนึกถึงว่าหลายครั้งที่ตนพยายามจะกำจัดศรารัตน์ แต่หญิงสาวก็รอดมาได้เสียทุกครั้ง “น่าเสียดายที่ลูกน้องฉันทำพลาด ไม่ทันได้ตัดสายเบรกรถของไอ้วินด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้ตายกันทั้งพี่ทั้งน้อง” ความเลือดเย็นที่ฉายชัดให้เห็นในดวงตาของวันชัยทำให้เมริษารู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา พลางคิดในใจว่าเธอไม่น่าจะยอมร่วมมือกับพ่อลูกคู่นี้ในการโกงสมบัติของทัดเทวาเลย ตอนแรกเธอเพียงแค่หวังอยากสบายทางลัดเท่านั้นเพราะหากวิศรุตชอบเธอขึ้นมาจริงๆ เธอก็จะได้ใช้ชีวิตแบบสุขสบายบนกองสมบัติมหาศาลของทัดเทวาไปตลอดชาติ ขณะที่วันชัยและภาคินก็จะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเช่นกัน แต่จนแล้วจนรอดวิศรุตก็ไม่เห็นจะออกอาการว่าสนใจเธอเลยสักนิด ทั้งที่ตลอดเวลาที่เธอมาทำงานเป็นเลขาฯให้ชายหนุ่ม เธอเองก็พยายามงัดมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนมาใช้แทบจะทุกกลเม็ด แต่มันก็ยังไม่ได้ผลจนเธอเริ่มจะถอดใจแล้ว


            “คิดอะไรอยู่เหรอเม” เมริษาสะดุ้งและหลุดออกจากภวังค์เมื่อภาคินหันหน้ามาถามตน หญิงสาวปฎิเสธพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนจะเฉไฉแกล้งดื่มไวน์ที่ถืออยู่ในมือจนหมดแก้ว ขณะที่สายตาก็ไม่ละจากภาคินเพราะกลัวชายหนุ่มจะจับสังเกตได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ


            “เรื่องที่อาขอให้หนูเมไปทำ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” วันชัยหมายถึงเรื่องที่ให้เมริษาแอบเข้าไปขโมยข้อมูลหลักฐานมาจากวิศรุตเพื่อที่ว่าวิศรุตและศรารัตน์จะได้ไม่มีหลักฐานในการมายืนยันกับบรรดากรรมการผู้บริหารในการเอาผิดกับเขาและภาคิน


            เมริษาลอบกลืนน้ำลายลงคอ จะให้บอกได้อย่างไรว่าเธอทำงานนี้พลาดทั้งๆที่เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วถ้าไม่บังเอิญว่าภาณุมาเจอเสียก่อนแล้วชิงทำลายแผ่นซีดีข้อมูลที่เธออุตส่าห์แอบเอามาจากโน้ตบุ๊คของวิศรุตทิ้ง แถมเธอยังมาพลาดท่าเสียทีให้ผู้ชายอย่างภาณุอีก แค่นึกถึงเรื่องนี้เมริษาก็ยังเจ็บใจไม่หายกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้น แต่หญิงสาวอย่างเธอก็ฉลาดพอที่จะบอกวันชัยไปว่าเธอขโมยข้อมูลมาทั้งเอกสารและข้อมูลในโน้ตบุ๊คของวิศรุตและได้ทำลายทุกอย่างไปหมดแล้ว ให้วันชัยกับภาคินวางใจได้ เมริษากลัวว่าหากไม่โกหกวันชัยไปแบบนี้ และหากว่าวันชัยรู้ว่าเธอทำงานพลาด เธอก็อาจจะต้องกลายเป็นเหยื่อของแผนการครั้งนี้อีกคนเหมือนอย่างศรารัตน์ ถึงแม้ว่าภาคินจะหลงใหลในตัวเธอมากขนาดไหนก็ตาม เมริษารู้นิสัยของภาคินดี เขาไม่เคยรักใครจริงนอกจากตัวเอง และหากว่าเธอไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาแล้ว สองพ่อลูกนี้ก็ไม่น่าจะปล่อยเธอเอาไว้เช่นกัน ยิ่งคิดเมริษายิ่งเจ็บใจตัวเองที่ดันไปเข้าร่วมกับแผนการบ้าๆแบบนี้


            “ถ้าหนูเมทำลายหลักฐานไปแล้วอาก็วางใจ” สองพ่อลูกมองหน้ากันอย่างกระหยิ่มในใจที่ทุกอย่างเป็นไปในแบบที่ตนต้องการ ตอนนี้วิศรุตก็ไม่มีหลักฐานอะไรจะมาเอาผิดพวกตนได้อีกแล้ว ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่ให้พยานปากสุดท้ายที่นอนรอความตายอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างศรารัตน์หมดลมหายใจไปก็เท่านั้น


            เมริษาลอบมองวันชัยกับภาคินด้วยความรู้สึกหวั่นใจลึกๆ ก่อนจะทำเนียนแกล้งจัดเสื้อคลุมของตัวเองให้เข้าที่แล้วจึงอาศัยจังหวะที่ภาคินกับวันชัยชนแก้วฉลองกันโดยไม่ได้สนใจเธอ ค่อยๆใช้ปลายนิ้วกดปิดเครื่องอัดเสียงตัวจิ๋วที่เธอแอบซ่อนไว้ภายในเสื้อคลุมด้านใน เมริษาจำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อเป็นหลักประกันให้ตัวเอง เธอไม่ได้โง่ถึงขนาดจะให้สองคนนี้หลอกใช้ไปตลอดที่พอหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้งง่ายๆ บางทีการที่เธอมีหลักฐานที่จะแฉความชั่วของพ่อลูกคู่นี้อยู่ในมือ มันอาจจะทำให้สถานการณ์ของเธอพลิกกลับมาเป็นต่อก็ได้ใครจะรู้


Aislin: มาอัพนิยายประจำสัปดาห์ให้แล้วนะคะ ไม่รู้ว่ายังมีคนตามอ่านเรื่องนี้กันอยู่ไหมเนี่ย ฮาๆๆ หรือว่าอดรนทนไม่ไหวซื้อหารูปเล่มหรืออีบุ๊คมาอ่านกันแล้ว อิอิ

            นิยายเรื่องนี้ก็ดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้วนะคะ เรื่องต่อจากนี้ไปก็จะเข้มขึ้นขึ้นเรื่อยๆทุกขณะ พลาดไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้มีการพลิกแพลงไปมา ดูอย่างเมริษาสิคะ ตอนแรกก็นึกว่าจะร่วมมือกับภาคินและวันชัยอยู่ดีๆ ตอนนี้กลายเป็นระแวงกันเองซะแล้ว แต่เดี๋ยวเรามาดูกันต่อว่าวินจะจัดการกับเรื่องศราอย่างไร ไหนจะเรื่องที่บริษัทที่ยังคาราซังอีก แอบแง้มๆว่าตอนศราเป็นเจ้าหญิงนิทรานี่แหล่ะเกิดเรื่องราวมากมายจริงๆ เอาใจช่วยวินให้ฝ่าฟันอุปสรรค์ให้สมรักกับหมอกานต์ไวๆนะคะ  แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ


ปล. ช่วงนี้ฝนตกบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยเน้อ

ปล.2 อ่านจบตอนนี้แล้ว ช่วยคอมเม้นท์ให้กำลังใจคนเขียนหรือติ/ชมนิยายก็จะขอบคุณมากเลยค่ะ ขอไม่หยาบคายเป็นพอจ้า ^0^




ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
ถึงเวลาตาสว่างแล้ววิน
ส่วนเมริษา น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะ *..*
ดีไม่ตายก่อนค่อยคิดได้555+
ส่งเรื่องไห้ภาณุเลยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ถึงเวลาตาสว่างแล้ววิน
ส่วนเมริษา น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะ *..*
ดีไม่ตายก่อนค่อยคิดได้555+
ส่งเรื่องไห้ภาณุเลยนะ

จริงๆเมเริ่มฉลาดแล้วค่ะ ฮาๆๆ เพราะรู้แล้วไงว่าภาคินกับวันชัยไว้ใจไม่ได้เลย อิอิ
แต่จะรอดจากเงื้อมมือสองพ่อลูกมหาภัยหรือเปล่า อันนี้ต้องติดตามค่ะ ^0^

ขอบคุณที่ติดตามนิยายและร่วมพูดคุยกันนะคะ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ราคานิยายทัณฑ์กามเทพ (รูปเล่ม)

ราคาเล่มละ 430 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียนแล้ว)

ติดต่อ www.facebook.com/Aislin.Napoon  หรือ  Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com

ปล. ในรูปเล่มมีตอนพิเศษแบบจุใจอีก 3 ตอนแถมให้ด้วยนะคะ (ไม่อัพลงเว็บค่ะ)


หรือถ้าหากสนใจแบบ Ebook สามารถโหลดได้จากเว็บ MEB ได้เลยค่ะ

(Search ชื่อเรื่อง “ทัณฑ์กามเทพ”)



              วันชัยกับภาคินแสร้งทำทีว่ามาเยี่ยมอาการศรารัตน์ที่โรงพยาบาล ถึงแม้ว่าวิศรุตจะค่อนข้างมั่นใจว่าสองพ่อลูกคู่นี้อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของตน แต่ชายหนุ่มก็ได้แต่เจ็บใจที่ตอนนี้ยังไม่สามารถหาหลักฐานเพื่อมาเอาผิดทั้งคู่ได้ เขาจึงเลือกที่จะสงบนิ่งไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นในตอนนี้ และหลังจากที่วันชัยกับภาคินกลับไปแล้ว ภาณุจึงเสนอให้วิศรุตไล่เมริษาออกจากการเป็นเลขาส่วนตัวเพราะการปล่อยให้ผู้หญิงอย่างเมริษาอยู่ใกล้ก็เสมือนว่าเลี้ยงงูเห่าไว้ข้างตัวไม่มีผิด


            “ไอ้วิน ฉันว่าแกหาเลขาฯใหม่มาแทนเมริษาเถอะ แกก็เห็นอยู่ว่ายัยนั่นน่ะอันตรายแค่ไหน” ภาณุเสนอขึ้นส่วนวิศรุตมีสีหน้าเครียดเมื่อคิดถึงเรื่องที่เมริษาแอบขโมยข้อมูลลับของบริษัทไปให้วันชัย แต่โชคดีที่เขารอบคอบจึงจัดการซ้อนแผนโดยการทำเอกสารปลอมเอาไว้ตบตาเมริษาก่อนหน้านี้แล้ว


            “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้คุณอิงอรก็หายดีแล้ว เธอก็คงจะมาทำงานในตำแหน่งเลขาฯของฉันเหมือนเดิม ส่วนเรื่องเมริษาแกยิ่งไม่ต้องห่วงเพราะฉันคิดแผนเตรียมเอาไว้แล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าแสดงความสงสัยของภาณุ วิศรุตจึงเฉลย “บางทีถ้าเมริษายอมหันมาร่วมมือกับเรา เรื่องมันก็อาจจะง่ายขึ้นก็ได้”


            “แกอย่าบอกนะว่าแกตั้งใจจะดึงยัยนั่นมาเป็นพวกเดียวกับเราน่ะ จะไว้ใจได้เหรอวะ” วิศรุตเองก็ยักไหล่ก่อนจะบอกว่าตนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าหากสำเร็จและเมริษายอมช่วยเราล่ะก็ งานนี้เราจะได้พยานปากเอกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน รับรองว่าวันชัยและภาคินดิ้นไม่หลุดแน่


            “แกว่าแผนนี้มันมีทางที่จะสำเร็จไหมวะไอ้โอม” ภาณุส่ายหัวไม่แน่ใจ วิศรุตมองสีหน้ากลัดกลุ้มของคู่สนทนาก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ตอนนี้เมริษาเองก็รู้ตัวแล้วว่าความลับที่เธอเป็นสายให้กับวันชัยและภาคินโดนพวกเราจับได้ ถ้าให้ฉันเดานะ ผู้หญิงฉลาดอย่างเมริษาก็คงจะไม่โง่ไปบอกสองพ่อลูกนั่นหรอกว่าตอนนี้ความลับแตกแล้ว เพราะถ้าหากสองพ่อลูกนั่นรู้ว่าเธอทำงานไม่สำเร็จแล้วล่ะก็ ตัวเธอนั่นแหล่ะที่อาจจะเป็นอันตรายได้ ตอนนี้เมริษาไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่าการยอมหันมาร่วมมือกับพวกเราอีกแล้วล่ะ”


            “แกก็อย่าเพิ่งมั่นใจไปเลย ยัยเมริษานั่นเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินนะ ฉันว่าที่เธอยอมทำทุกอย่างก็เพื่อหวังที่จะเกาะภาคินรวยทางลัดหากว่าฝ่ายนั้นแย่งสมบัติของทัดเทวาไปจากแกได้สำเร็จ แล้วถ้ามันสำเร็จจริงๆ ยัยนั่นก็จะสบายบนกองเงินกองทองไปทั้งชาติ แกคิดเหรอว่าผู้หญิงหน้าเงินอย่างนั้นจะยอมเปลี่ยนใจมาร่วมมือกับแกง่ายๆ” วิศรุตคิดตามคำพูดของภาณุ สักพักจึงยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย


            “ถ้าเมริษาเป็นพวกผู้หญิงหน้าเงินอย่างที่แกพูด บางทีเรื่องนี้ก็อาจจะยิ่งง่ายกว่าที่คิด”


            “ถ้าแกมั่นใจอย่างนั้น เอาไว้เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะจัดการให้เอง” ภาณุคิดถึงบุคคลที่สามด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความเครียด

 



            วิศรุตเดินทอดอารมณ์ไปตามโถงทางเดินที่ทอดยาวไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาล ในใจชายหนุ่มกำลังคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องของศรารัตน์ซ้ำไปมา ภาพเหตุการณ์วันนั้นที่เขาทะเลาะกับศรารัตน์ยังคงแจ่มชัดในความรู้สึก ยิ่งคิด ความรู้สึกผิดก็ยิ่งเอ่อล้นในใจของชายหนุ่ม อาการของศรารัตน์ยังไม่ดีขึ้นถึงแม้ว่าหมอจะอนุญาตให้ออกจากห้องไอซียูได้แล้ว แต่ร่างกายของศรารัตน์ก็ยังไม่มีอาการตอบสนองอะไรเลย แถมยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ทุกครั้งที่วิศรุตมองเห็น ศรารัตน์ในสภาพของเจ้าหญิงนิทรา ชายหนุ่มจะรู้สึกผิดและโทษตัวเองทุกครั้งที่เป็นต้นเหตุทำให้ศรารัตน์ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ถ้าหากเขาไม่รักหมอนภัทร ถ้าเขาไม่บังเอิญรักผู้ชายคนเดียวกับน้องสาวตัวเอง ถ้าเขาไม่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักกับนภัทร เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น


            “คิดอะไรอยู่” น้ำเสียงทุ้มลึกพร้อมกับมือหนาที่วางลงบนไหล่ของตนทำให้วิศรุตสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปพบว่าคนที่เรียกเขาไว้คือนภัทร คนที่เขากำลังคิดถึงอยู่นั่นเอง “กำลังคิดอะไรอยู่ หืม” นภัทรถามอีกรอบด้วยน้ำเสียงที่วิศรุตรู้สึกได้ว่ามันอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง


            “เปล่าหรอก ไม่มีอะไรเสียหน่อย ว่าแต่นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” วิศรุตฝืนยิ้มกลบเกลื่อนแต่นภัทรเดาได้ไม่ยากจากสีหน้าและแววตาของอีกฝ่าย


            “ฉันเดินตามนายมานานแล้ว ไม่รู้ตัวเลยเหรอ” วิศรุตยิ้มเก้อๆก่อนจะบอกว่าตัวเองกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ก็เลยไม่ทันได้สังเกต “นายกำลังคิดเรื่องคุณศราอยู่ใช่ไหม” นภัทรพูดพร้อมกับใช้สองมือดันไหล่ของวิศรุตให้ฝ่ายนั้นหันมาเผชิญหน้ากับตนก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลโศกของอีกฝ่ายอย่างต้องการค้นหาคำตอบในแววตาคู่นั้น


            “ฉันกำลังคิดว่าเป็นเพราะฉันแท้ๆ ศราก็เลยต้องมาประสบอุบัติเหตุนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบนี้” วิศรุตเม้มปากแน่นก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าจับอารมณ์ความรู้สึกหวั่นไหวของตัวเองในตอนนี้ได้


            “นายอยากเล่าให้ฉันฟังไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น... คืนที่คุณศราประสบอุบัติเหตุ” นภัทรตัดสินใจถามขึ้น ที่จริงเขาก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นคนนอกไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของอีกฝ่าย แต่ลางสังหรณ์มันบอกเขาว่าเรื่องนี้จะต้องมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวพันกับเขาแน่ๆ และเมื่อดูจากสีหน้าของคู่สนทนาที่เปลี่ยนเป็นซีดเผือด คุณหมอหนุ่มก็ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าตัวเองเดาถูก “ถ้าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับฉัน ฉันเองก็สมควรที่จะรู้ไม่ใช่เหรอ” วิศรุตเงยหน้ามองสบตาสีถ่านคู่นั้นด้วยความไม่แน่ใจ แต่ในที่สุดก็ยอมเอ่ยออกมาช้าๆด้วยน้ำเสียงที่เจ้าตัวพยายามบังคับไม่ให้สั่น


            “ศรารู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว รวมถึงเรื่องที่... ฉันชอบนาย” นภัทรอึ้งไปกับคำบอกเล่าของคู่สนทนา มือหนาค่อยๆคลายจากการเกาะกุมไหล่ลาดของวิศรุต ในขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ “คืนนั้นฉันกับศราเราทะเลาะกันรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ศราคงตกใจและเสียใจมากที่รู้ว่าฉันเป็นพวกวิปริตผิดธรรมชาติ แถมยังมาชอบผู้ชายคนเดียวกันกับเธออีก เธอก็เลยผลุนผลันขับรถออกไปจนประสบกับอุบัติเหตุในที่สุด” นภัทรตัวชาเมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากของวิศรุต เรื่องนี้เขามีส่วนผิดเต็มๆเพราะเป็นต้นเหตุให้สองพี่น้องทัดเทวาต้องทะเลาะกันจนถึงขั้นแตกหักและทำให้ศรารัตน์ต้องมารถคว่ำนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่รู้สึกตัวแบบนี้ คุณหมอหนุ่มเม้มปากแน่นพร้อมกับความรู้สึกผิดที่ท่วมท้นอยู่เต็มหัวใจ ไม่ว่าจะผิดต่อศรารัตน์หรือผิดต่อวิศรุตก็ตามที


            “นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ต้นเหตุมันเป็นเพราะฉันเอง คนที่ผิดก็คือฉัน” วิศรุตเน้นเสียงหนักในประโยคสุดท้ายพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆรินไหลออกมาจากดวงตาหวานโศกเงียบๆ ความกดดันในใจของวิศรุตกำลังถูกระบาย ออกมาเป็นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าพร้อมๆกับเจ้าตัวที่พยายามกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นให้ลงคอ


            นภัทรมองภาพนั้นด้วยความเสียใจ เขาสัมผัสได้ว่าวิศรุตกำลังปวดใจแค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสามคนมันเหมือนเป็นปัญหาที่หาทางออกไม่เจอ คุณหมอหนุ่มสูดลมหายใจลึกพลางใช้มือข้างหนึ่งดันเบาๆให้ศีรษะของวิศรุตเอนมาซบที่ไหล่ตน อย่างน้อยการทำเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้เห็นวิศรุตกำลังหลั่งน้ำตาอยู่ เพราะมันทำให้เขารู้สึกปวดใจตามไปด้วยแม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงความเปียกชุ่มของเสื้อกาวน์บริเวณหัวไหล่ก็ตามที

 



            สุดท้ายแล้วก็ลงเอยด้วยการที่นภัทรขับรถมาส่งวิศรุตที่บ้านทัดเทวา ด้วยเพราะคุณหมอหนุ่มเกรงว่าวิศรุตจะร้องไห้จนไม่มีแรงขับรถกลับบ้านและตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้วซึ่งเขาเองก็ออกเวรพอดีจึงอาสาพาอีกฝ่ายมาส่งถึงที่ แม้ว่าฝ่ายนั้นจะประท้วงในตอนแรกว่าตนขับรถกลับบ้านไหวก็ตาม แต่ถึงอย่างไรนภัทรก็ไม่ไว้ใจให้วิศรุตกลับเองอยู่ดีจนอีกฝ่ายต้องยอมแพ้ในที่สุด


            ตลอดทางไปบ้านทัดเทวา ทั้งคู่แทบจะไม่ได้พูดอะไรกันเลย ต่างคนต่างเงียบเหมือนกับมีเรื่องอะไรอยู่ในใจทั้งสองฝ่าย และเมื่อรถของนภัทรมาจอดภายในบ้านทัดเทวาแล้ว วิศรุตจึงตัดสินใจเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา


            “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆนายมาทำดีกับฉันอย่างนี้ทำไม แต่ฉันก็อยากจะบอกให้รู้ว่าฉันมีความสุขมากนะ ถึงแม้ว่าวันพรุ่งนี้เมื่อฉันตื่นขึ้นมาแล้วมันอาจจะกลายเป็นเพียงแค่ความฝันก็ตาม” วิศรุตฝืนยิ้มเศร้าๆให้นภัทรก่อนจะเอื้อมมือปลดล็อกประตูรถฝั่งที่ตนนั่งและเตรียมจะลงจากรถ หากแต่นภัทรกลับหยุดเขาไว้ด้วยคำพูด


            “นายไม่ได้ฝันหรอก มันคือเรื่องจริง” วิศรุตชะงักมือก่อนจะหันไปสบตาอีกฝ่ายเต็มสองตา


            “ถ้าอย่างนั้นมันเป็นเพราะอะไรล่ะ นายมาทำดีกับฉันเพราะอะไรกันแน่นภัทร” วิศรุตกลั้นใจรอคำตอบของอีกฝ่าย เขาอยากให้นภัทรตอบว่าที่ชายหนุ่มมาทำดีกับตนก็เพราะนภัทรชอบตนหรือว่าอะไรก็ได้ที่ทำให้เขารู้สึกดีกับคำตอบของฝ่ายนั้น แต่ดูเหมือนว่าวิศรุตจะหวังมากเกินไปเพราะคำตอบที่ได้คือ


            “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน... บางทีอาจเพราะนายเป็นเพื่อนฉันยังไงล่ะ” วิศรุตยิ้มขื่นอย่างสมเพชตัวเองที่ต้องมาเจอกับคำตอบแบบนี้จากนภัทรซ้ำแล้วซ้ำเล่า


            “นายรู้ไหม บางทีฉันก็อยากจะอยู่ในโลกแห่งความฝัน เพราะโลกแห่งความฝันมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าการตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงและความหวังที่สุดท้ายฉันก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” พูดจบวิศรุตก็เปิดประตูรถลงไปเลย ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านทัดเทวาโดยไม่หันกลับมามองนภัทรอีก หากเพียงแต่ถ้าวิศรุตเหลียวมองกลับมาซักนิดคงจะได้เห็นถึงสีหน้าและแววตาที่แปลกไปของนภัทร


             คุณหมอหนุ่มมองตามวิศรุตจนลับสายตา ในใจก็กำลังนึกสับสนกับคำตอบของตัวเองว่าแท้จริงแล้วในตอนนี้เขายังมองวิศรุตแค่เพียงในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นจริงๆน่ะหรือ

 



            หลังจากที่ภาณุรับอาสาวิศรุตมาจัดการเรื่องของเมริษา ชายหนุ่มก็ได้ให้ลูกน้องคนสนิทของตนไปสืบประวัติเมริษามาอย่างละเอียดจึงได้รู้ว่าฐานะทางบ้านของเธอกำลังย่ำแย่จนเกือบถึงขั้นถูกฟ้องล้มละลาย ชายหนุ่มจึงค่อนข้างจะเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเมริษาจึงต้องหวังเกาะผู้ชายรวยๆอย่างภาคินเพื่อยกระดับฐานะตัวเองที่กำลังตกต่ำลง เมริษาคงรับไม่ได้หากว่า สถานภาพคุณหนูที่เธอเคยใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย วันหนึ่งจะต้องกลายมาเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย


            ภาณุตัดสินใจไปหาเมริษาอีกครั้งที่คอนโดฯส่วนตัวของหญิงสาว เมื่อฝ่ายนั้นเห็นว่าผู้มาเป็นใครกลับไม่ยอมเปิดประตูให้แถมยังไล่ภาณุไปให้พ้นหน้าก่อนที่เธอจะโทรเรียกรปภ. ให้มาจับตัวเขาออกไป หากแต่ภาณุก็ใช้มือหนายันประตูเอาไว้ได้ทันก่อนที่เมริษาจะปิดมันใส่หน้าเขา ชายหนุ่มออกแรงดันประตูอย่างแรงและในที่สุดเขาก็เข้าไปในห้องหญิงสาวได้สำเร็จเพราะถึงอย่างไรผู้หญิงบอบบางอย่างเมริษาก็สู้แรงของบุรุษเพศไม่ได้อยู่ดี


            “ฉันบอกให้แกออกไปไง ถ้าพูดไม่เชื่อฉันจะโทรเรียกรปภ. จริงๆนะ” เมื่อเห็นว่าภาณุไม่มีทีท่าจะเชื่อคำพูดของเธอ เมริษาจึงวิ่งไปยังโทรศัพท์แล้วยกหูหมายจะกดเรียกรปภ. อย่างที่ขู่อีกฝ่ายเอาไว้ ทว่าโทรศัพท์กลับถูกภาณุแย่งและตัดสายไปก่อน “จะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะไอ้บ้า” เมริษาตวาดเสียงดังพร้อมกับออกแรงขัดขืนเมื่อภาณุใช้มือหนาของเขามากระชากตัวเธอแล้วเหวี่ยงไปปะทะยังโซฟาตัวกว้างกลางห้องรับแขก


            “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้นึกพิศวาสคุณนักหรอก ที่มาวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเท่านั้น” ภาณุเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงยังโซฟาอีกด้านด้วยท่าทางไม่ยี่หระกับสีหน้าเดือดดาลของหญิงสาวอีกคนในห้อง


            “มีอะไรก็พูดมา พูดให้จบๆแล้วจะได้รีบกลับไปเสียที ฉันไม่อยากเห็นหน้าคนเลวอย่างแก”


            “คนเลวอย่างผมถึงยังไงก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของคุณก็แล้วกัน ถึงแม้ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นสามีคนที่เท่าไหร่ของคุณ” คำพูดเชือดเฉือนของภาณุทำให้เมริษาโมโหจนร้องกรี๊ด หญิงสาวระดมปาหมอนอิงที่อยู่ใกล้มือเข้าใส่ภาณุไม่ยั้ง โทษฐานที่เขามาพูดจาดูถูกเธอแบบนี้ ส่วนภาณุก็หัวเราะในลำคอก่อนจะใช้สองมือรับบรรดาหมอนที่ถูกปามาที่เขาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก ตรงข้ามกับเมริษาที่เริ่มเหนื่อยจากการอาละวาดใส่ชายหนุ่มและหมดแรงในที่สุด


            “ตกลงที่มานี่ก็เพื่อจะยั่วโมโหฉันใช่ไหม” ภาณุยักไหล่ก่อนจะเริ่มพูดธุระที่ทำให้ตนต้องมาหาเมริษาที่คอนโดฯในวันนี้


            “ตอนนี้ไอ้วินรู้แล้วว่าเธอแอบขโมยข้อมูลหลักฐานที่จะเอาผิดวันชัยกับภาคินมาจากโน้ตบุ๊คของมัน” คำพูดของภาณุทำให้เมริษาอดหน้าถอดสีไม่ได้ ทั้งๆที่เธอก็เดาได้อยู่แล้วตั้งแต่แรกว่าหากงานนี้เธอทำพลาด วิศรุตก็คงไม่ปล่อยเธอเอาไว้เช่นกัน


            “พูดมาตรงๆดีกว่าว่าแกต้องการอะไร ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมค้อมหรอกฉันขี้เกียจฟัง” ภาณุยิ้มสมใจขณะเดียวกันก็อดจะชื่นชมในความฉลาดของเมริษาไม่ได้ อีกอย่างการพูดไปตรงๆก็ดีเหมือนกันเพราะเขาเองก็ไม่อยากเสียเวลาพูดอ้อมค้อมเท่าใดนัก


            “วินยอมจ่ายเงินก้อนโตให้เธอเพื่อแลกกับการเป็นพยานปากสำคัญในการที่จะเอาผิดวันชัยกับภาคิน”


            “หมายความว่าจะให้ฉันหักหลังสองคนนั้นน่ะเหรอ” ภาณุพยักหน้าพร้อมกับพูดจาหว่านล้อมต่อ


            “ขอเพียงแค่เธอตกลงแล้วกลับใจมายอมร่วมมือกับเรา ไอ้วินสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องเธอ แถมยังกันตัวไว้เป็นพยานพร้อมกับของแถมเป็นเงินจำนวนมหาศาลอีกด้วย”


            “แล้วถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ” เมริษาลองหยั่งเชิงอีกฝ่ายซึ่งภาณุก็ตอบกลับเสียงเย็น


            “เธอก็คงจะต้องพลอยซวยติดร่างแหไปด้วย เธอเองก็น่าจะรู้ดีว่าคนอย่างสองพ่อลูกนั่นไม่มีวันจะยอมปล่อยเธอให้รอดไปง่ายๆหรอก” เมริษานิ่งคิดกับคำขู่และข้อเสนอของภาณุด้วยความหนักใจไม่น้อย

 



            วันนี้หลังจากเลิกงานที่บริษัท วิศรุตก็มาเยี่ยมศรารัตน์ที่โรงพยาบาลเหมือนเช่นทุกวัน แต่เมื่อเข้ามาในห้องผู้ป่วยก็พบกับพงศธรที่มาเยี่ยมศรารัตน์เช่นกัน วิศรุตทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มบางก่อนจะเดินอ้อมไปยังอีกด้านของเตียง


            “มานานแล้วเหรอ” วิศรุตถามพงศธร ซึ่งคู่สนทนาก็ตอบว่าตนมาได้สักพักแล้ว วิศรุตจึงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้


            “ตอนนี้อาการคุณศราเป็นยังไงบ้าง” พงศธรถามเสียงอ่อน เท่าที่ชายหนุ่มเห็นศรารัตน์อาการไม่ดีขึ้นเลย ยังไม่รู้สึกตัวและยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอด


            “อาการไม่ได้แย่ลงแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น หมอบอกว่าศราอาจจะต้องอยู่ในสภาพของเจ้าหญิงนิทราแบบนี้ตลอดไป” วิศรุตพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ในขณะที่พงศธรมองร่างคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความสงสารจับใจ ศรารัตน์ไม่น่าจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้เลยสักนิด


            “นภัทรบอกว่านายมาเยี่ยมศราบ่อยๆ ขอบใจนายมากเลยนะ” พงศธรส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยปากขออนุญาตวิศรุตเพื่อให้ตนได้มาเยี่ยมศรารัตน์บ่อยๆ เพราะถึงอย่างไรวิศรุตก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆของศรารัตน์


             ส่วนวิศรุตเมื่อเห็นสายตาของพงศธรที่ทอดมองไปยังศรารัตน์ก็นึกรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ขัดข้องหากว่าพงศธรจะรู้สึกพิเศษกับศรารัตน์เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีและจริงใจกับน้องสาวของตน เพราะแม้ยามที่ศรารัตน์เจ็บหนักอาการเป็นตายเท่ากัน พงศธรก็ไม่เคยคิดทิ้งหญิงสาว แต่ตรงกันข้ามกลับมาเยี่ยมและคอยดูแลเสมอไม่ได้ขาดจนวิศรุตเองก็อดที่จะซึ้งใจกับการกระทำของอีกฝ่ายไม่ได้


            “แล้วเรื่องโครงการบ้านจัดสรรใหม่ของทัดเทวา นายจะเอายังไงต่อไป ตอนนี้งานก็คืบหน้าไปมากแล้ว ฉันคิดว่าโครงการน่าจะเสร็จทันกำหนดแน่นอน” วิศรุตนิ่งไปอย่างใช้ความคิด ช่วงนี้เขาเองก็มัวแต่ยุ่งๆเรื่องหลักฐานเอาผิดวันชัยกับภาคิน แถมศรารัตน์ยังมานอนป่วยแบบนี้อีก ชายหนุ่มเลยไม่ค่อยได้สนใจติดตามความคืบหน้าโครงการที่ตนรับผิดชอบมากนักทั้งๆที่ตอนแรกเขากะว่าจะลุยงานนี้ด้วยตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ความสามารถให้บรรดาผู้บริหารเห็น แต่เห็นทีเขาคงต้องพักเรื่องนี้ไปก่อนเพราะว่ายังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นมาก ในที่สุดวิศรุตก็ตัดสินใจเอ่ย


            “ตอนนี้ฉันเองคงไม่ได้มีเวลาไปคุมโครงการนั้นอีกแล้ว ดังนั้นฉันก็เลยอยากจะฝากโครงการที่ทำค้างอยู่ให้นายเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่เหลือทั้งหมด ฉันรู้ว่านายเป็นคนที่ฉันสามารถไว้ใจได้และที่สำคัญคือฉันมั่นใจในฝีมือของนาย” วิศรุตพูดด้วยเสียงมั่นคงที่แสดงถึงความมั่นใจในคำพูดของตนอย่างเต็มเปี่ยมซึ่งพงศธรเองก็รับปากว่าตนจะพยายามสุดฝีมือเพื่อไม่ให้วิศรุตผิดหวังเช่นกัน

 

Aislin: มาอัพนิยายประจำสัปดาห์ให้แล้วค่ะ แล้วก็สุขสันต์กับวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วันนะคะ หวังว่านิยายของอิซลินจะช่วยเพิ่มความรื่นเริงบันเทิงใจให้กับคุณผู้อ่านได้บ้าง ฮาๆๆ


            ความรักที่ต้องฝ่าฟันของวินและหมอกานต์ก็ยังต้องดำเนินต่อไป แต่ระหว่างนี้ก็มีความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้น (หรือเปล่า?) หรือคู่โอมกับเมมาให้ได้พอลุ้นกัน แต่ขอบอกว่าตอนหน้ามีเรื่องให้ได้ตื่นเต้นและลุ้นกันแน่นอนค่ะ แต่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรอันนี้ไม่อยากบอกเพราะเดี๋ยวไม่สนุก แต่แง้มให้นิดๆแล้วกันว่าเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของศรา เรื่องราวจะเข้มข้นสะเทือนไตแค่ไหน ฝากติดตามต่อกันด้วยนะคะ


            และก่อนจะจากกันไป ขออนุญาตขายของนิดนึง คือว่าตอนนี้นิยายรูปเล่มเหลืออีกไม่มากแล้วนะคะ ใครสนใจติดต่อได้เลยค่ะตามอีเมล์หรือแฟนเพจด้านล่าง (ท่าจะให้ดีรบกวนไปกด LIKE แฟนเพจของอิซลินกันหน่อยนะคะ จะได้อัพเดทข่าวสารนิยายได้อย่างฉับไวค่ะ แห่ะๆๆ) หรือถ้าหากท่านใดชอบนิยายแบบอีบุ๊คก็มีให้ดาวน์โหลดกันแล้วค่ะที่เว็บ MEB เลย ง่ายๆเพียงเข้าเว็บ www.mebmarket.com  แล้วค้นหาชื่อนิยายเรื่องนี้ จากนั้นก็ดาวน์โหลดดดดดเล้ยยยย (อย่าลืมติดตั้ง App MEB สำหรับการอ่านอีบุ๊คก่อนด้วยนะคะ) ^0^

 

ปล. ตามไปโลดที่ www.facebook.com/Aislin.Napoon  หรืออีเมล์ Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ติดต่อสั่งซื้อรูปเล่มหรือแบบ Ebook

รูปเล่มราคาเล่มละ 430 บาท

ติดต่อ www.facebook.com/Aislin.Napoon  หรือ  Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com

ปล. ในรูปเล่มมีตอนพิเศษแบบจุใจอีก 3 ตอนแถมให้ด้วยนะคะ (ไม่อัพลงเว็บค่ะ)

 
หรือถ้าหากสนใจแบบ Ebook สามารถโหลดได้จากเว็บ MEB ได้เลยค่ะ

(Search ชื่อเรื่อง “ทัณฑ์กามเทพ”)
[/color]



            การสอบสวนเรื่องคดียักยอกเงินของบริษัททัดเทวายังคงดำเนินไปเรื่อยๆ โชคดีที่วันชัยกับภาคินมีเส้นสายและพรรคพวกในบริษัทเยอะทำให้ทั้งคู่เอาตัวรอดจากการสอบสวนไปได้อย่างหวุดหวิด อีกทั้งหลักฐานที่วิศรุตมีในตอนนี้ก็ยังอ่อนเกินไปที่จะเอาผิดกับคนทั้งคู่ แต่นั่นก็ทำให้ภาคินยิ่งนึกแค้นใจวิศรุตกับศรารัตน์เพราะถึงจะรอดพ้นจากคดีนี้มาได้ แต่ว่าบอร์ดผู้บริหารก็มีมติให้พักงานของตนชั่วคราว เหตุผลเพราะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อยอดเงินที่หายไปจากบริษัทในฐานะที่ตนเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงิน แม้ว่าภาคินจะมีการแต่งหลักฐานปลอมมายืนยันกับบรรดากรรมการบริหารถึงแหล่งใช้ไปของเงินทุนก็ตาม ดังนั้นภาคินจึงเก็บความแค้นนี้ไว้และตั้งใจจะไปลงกับวิศรุต แต่ว่าหลังจากที่ศรารัตน์ประสบอุบัติเหตุ วิศรุตก็เริ่มระวังตัวมากขึ้นกว่าแต่ก่อนและในบางครั้งวิศรุตก็เลือกที่จะไม่กลับบ้านทัดเทวาแต่เปลี่ยนไปนอนค้างที่คอนโดฯส่วนตัวแทน


            เมื่อแก้แค้นที่วิศรุตไม่ได้ ภาคินเลยเปลี่ยนเป้าหมายมายังศรารัตน์ที่กำลังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราแทนผู้เป็นพี่ชาย ชายหนุ่มเดินก้าวยาวๆออกจากลิฟต์โรงพยาบาลแล้วเดินตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เวลาดึกแบบนี้ที่เคาเตอร์ติดต่อประจำวอร์ดมีพยาบาลอยู่เวรไม่มากนัก ภาคินตวัดหางตาเหลือบมองพยาบาลสาวคนหนึ่งที่กำลังหันหลังและก้มหน้าก้มตาค้นหาแฟ้มจากลังเอกสารใบโตอยู่ ส่วนพยาบาลอีกสองคนก็กำลังสุมหัวกันอ่านนิตยสารเล่มโปรดอยู่อีกมุมหนึ่งโดยที่ไม่ได้สนใจว่าใครเดินผ่านไปมาบ้าง ชายหนุ่มจุดยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินผ่านเคาเตอร์ไปอย่างเงียบเชียบและในที่สุดก็เข้าไปยังห้องพักของศรารัตน์ได้อย่างง่ายดาย


            ภาคินจ้องร่างศรารัตน์ที่กำลังนอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่บนเตียงด้วยแววตาโชนแสงก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาเหี้ยมเกรียมและไร้ความรู้สึก ชายหนุ่มเดินไปใกล้ร่างที่นอนอยู่ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทว่าที่ริมฝีปากกลับประดับไว้ ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ


            “ฉันไม่ได้อยากจะใจร้ายกับเธอหรอกนะศรา ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเธอเองกับไอ้วินที่ชอบแส่ไม่เข้าเรื่อง” ภาคินเหยียดยิ้มอย่างร้ายกาจก่อนจะค่อยๆดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนของศรารัตน์ ตามด้วยการเอื้อมมือไปถอดเครื่องช่วยหายใจ ออก พลางมองร่างบนเตียงที่มีศักดิ์เป็นน้องสาวห่างๆของตนที่กำลังเริ่มชักกระตุกอย่างรุนแรง ภาคินมองจังหวะการเต้นของชีพจรศรารัตน์จากเครื่องวัดที่ตั้งอยู่ตรงข้างเตียงอย่างสะใจ ชีพจรของหญิงสาวกำลังอ่อนลงทุกทีๆพร้อมกับอาการกระตุกเกร็งตลอดทั้งร่าง


            แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างศรารัตน์ เพราะในจังหวะที่ชีพจรของศรารัตน์กำลังอ่อนแรงเต็มที ภาคินกลับหูแว่วได้ยินเสียงพูดคุยกันอยู่บริเวณโถงทางเดินด้านนอกและเสียงพูดคุยนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักผู้ป่วยนี้เอง ชายหนุ่มจำได้แม่นว่าหนึ่งในนั้นเป็นเสียงของวิศรุต ภาคินสบถเบาๆอย่างเจ็บใจก่อนที่จะกวาดตามองไปรอบตัวอย่างรวดเร็ว เขาต้องหาที่ซ่อนก่อนที่วิศรุตจะเข้ามาในห้องนี้แล้วพบว่าเขาทำอะไรกับร่างของศรารัตน์ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ไม่อย่างนั้นคนที่จะตายแทนศรารัตน์ก็อาจจะเป็นตัวเขานี่แหล่ะ ในที่สุดภาคินก็เลือกที่จะไปซ่อนตัวอยู่ที่ระเบียงด้านนอกห้องพัก ชายหนุ่มดึงผ้าม่านหนาหนักมาบังประตูที่เป็นกระจกใสเอาไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อพรางตัว ในขณะที่วิศรุตกับนภัทรก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี


            ภาคินได้ยินบทสนทนาในห้องอย่างชัดเจน เป็นเสียงของวิศรุตที่อุทานอย่างตกใจเมื่อเข้ามาแล้วได้เห็นอาการของศรารัตน์ที่กำลังชักกระตุกอยู่บนเตียงในสภาพที่ถูกถอดเครื่องช่วยหายใจออก จากนั้นก็เป็นเสียงผู้ชายอีกคนหนึ่งที่กดกริ่งเรียกพยาบาลก่อนจะรีบเข้ามาดูอาการของศรารัตน์พร้อมกับจัดการต่อเครื่องช่วยหายใจให้กับคนป่วยตามเดิม ภาคินได้ยินวิศรุตเรียกชื่อฝ่ายนั้นว่านภัทร คงจะเป็นหมอ ภาคินคิดในใจ


            เพียงไม่นานนักอาการของศรารัตน์ก็สงบลงและชีพจรก็กลับมาเป็นปกติตามเดิม ทำให้วิศรุตต้องระบายลมหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก ถ้าเขาไม่บังเอิญมาหานภัทรเพื่อปรึกษาเรื่องอาการป่วยของศรารัตน์ในเวลาดึกแบบนี้ หากว่านภัทรไม่ชวนเขามาเยี่ยมศรารัตน์ด้วยกัน และหากทั้งคู่มาช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว ป่านนี้ศรารัตน์คงตายไปแล้ว


            “ทำไมอยู่ดีๆถึงเป็นแบบนี้ไปได้” วิศรุตถามเมื่อพยาบาลออกไปจากห้องหมดแล้ว เหลือเพียงเขากับนภัทร


            “ตอนนี้คุณศรายังหายใจเองไม่ได้มากนัก การที่ถูกถอดเครื่องช่วยหายใจอาจจะทำให้ร่างกายมีการตอบสนองโดยการชักกระตุกแบบเมื่อครู่นี้” นภัทรหันไปมองเครื่องวัดชีพจรก่อนจะหันมาบอกคู่สนทนา “นายไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว” วิศรุตพยักหน้าช้าๆก่อนจะถามต่อ


            “แล้วอยู่ดีๆทำไมเครื่องช่วยหายใจถึงถูกถอดออกล่ะ สายน้ำเกลือก็ด้วย” วิศรุตกับนภัทรมองหน้ากันเป็นเชิงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับศรารัตน์นี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ เพราะอยู่ดีๆเครื่องช่วยหายใจจะหลุดออกมาเองได้อย่างไรหากไม่มีคนจงใจถอดออกเพื่อต้องการให้ศรารัตน์ตาย และทั้งวิศรุตกับนภัทรก็มีคำตอบในใจแล้วว่าคนที่น่าสงสัยที่สุดคือใคร “ต่อไปนี้ฉันอยากจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลศราตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย” วิศรุตเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับนภัทรที่ถอนใจยาวด้วยความเครียดก่อนจะรับปากว่าเขาจะช่วยติดต่อเรื่องพยาบาลให้


            “นายโอเคหรือเปล่าวิน” คำพูดของนภัทรทำให้วิศรุตอึ้งไป ไม่ใช่เพราะคำพูดที่แสดงถึงความเป็นห่วงของฝ่ายนั้น แต่เป็นเพราะสรรพนามที่ใช้เรียกชื่อเขาต่างหาก เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่นภัทรเรียกชื่อเล่นเขาออกมาตรงๆแบบนี้ วิศรุตสบตาสีถ่านของอีกฝ่ายก่อนส่งเสียงอืมในลำคอ แต่สีหน้าที่แสดงถึงความกังวลที่ปิดไม่มิดของวิศรุตทำให้นภัทรรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก “นี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่านายกลับบ้านไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันจะดูแลเอง”


            “เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดตั้งแต่ต้น ทำไมคนที่นอนอยู่นี่ไม่กลายเป็นฉันล่ะ ทำไมถึงกลายเป็นศราไปได้” วิศรุตพูดออกมาเบาๆขณะยืนอยู่ข้างเตียงของน้องสาว มือชายหนุ่มเอื้อมไปปัดปอยผมของศรารัตน์อย่างแผ่วเบา “ถ้าฉันห้ามใจตัวเองได้ เรื่องก็คงจะไม่กลายเป็นแบบนี้ ถ้าฉันไม่ยอมรับกับศราไปว่าตัวเองเคยชอบนายมาก่อน ศราก็คงจะไม่เสียใจแล้วผลุนผลันขับรถออกไปท่ามกลางฝนที่ตกหนักแบบนั้น ถ้าหากว่าฉัน...”


            “พอเถอะ นายหยุดโทษตัวเองได้แล้ว” นภัทรเอ่ยเสียงหนัก ชายหนุ่มไม่อยากให้วิศรุตเอาแต่โทษตัวเองอีกแล้วเพราะถึงอย่างไรก็ไม่ทำให้ศรารัตน์อาการดีขึ้นมา แต่วิศรุตไม่ยอมฟัง ยังคงพูดไปเรื่อยๆราวกลับไม่ได้ยินคำพูดของนภัทร


            “คืนวันนั้นศราเห็นหนังสือรุ่นตอนม.ต้นของฉัน เธอจึงรู้ว่าโดนหลอกเรื่องที่ฉันเคยรู้จักกับนายมาก่อน ศราคงจะเสียใจมากยิ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองดันมาหลงรักผู้ชายคนเดียวกับที่พี่ชายตัวเองแอบรักมาตลอดสิบกว่าปี สุดท้ายเธอคงจะยอมรับไม่ได้เรื่องที่ฉันเป็น... เกย์” วิศรุตกัดฟันแน่นพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกภายในใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีครั้งไหนที่เขารู้สึกเกลียดตัวเองได้เท่านี้มาก่อน ถึงแม้ว่าเขากับศรารัตน์จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่ลึกๆแล้วเขาก็เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองรักและเป็นห่วงน้องสาวคนนี้มากแค่ไหน ถึงแม้ว่าตอนนี้ศรารัตน์อาจจะไม่อยากนับเขาเป็นพี่ชายก็ตาม


            “นายไม่ได้ผิดทั้งหมดหรอก เรื่องนี้ฉันเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน” ถ้าเขาบอกศรารัตน์ไปตั้งแต่แรกว่าตัวเองคิดกับเธอแค่น้องสาว ศรารัตน์ก็คงจะไม่ตั้งความหวังและก็คงไม่เจ็บปวดกับความรักถึงขนาดนี้ นภัทรยิ้มขื่นให้กับตัวเอง “อย่าเอาแต่โทษตัวเองเลยวิน ทำแบบนี้คุณศราก็ไม่ได้อาการดีขึ้นมาหรอก” คุณหมอหนุ่มพูดพร้อมกับเอามือไปแตะไหล่อีกฝ่ายแต่วิศรุตกลับสะบัดออกพร้อมทั้งระเบิดอารมณ์ความรู้สึกที่อัดแน่นในใจมานานจนเขาทนไม่ไหว น้ำเสียงชายหนุ่มดังจนเกือบจะ กลายเป็นตะโกนใส่หน้านภัทร


            “ตั้งแต่เกิดเรื่อง ทุกครั้งที่ฉันหลับตาก็นึกถึงแต่เรื่องนี้ ฉันผิดมากนักเหรอที่เกิดมาเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน ผิดมากเหรอไงที่เลือกรักผู้ชายคนเดียวกับน้องสาวตัวเอง ฉันไม่ได้อยากจะทำร้ายศรา ฉันไม่ได้อยากจะให้เป็นแบบนี้ ฉัน...” วิศรุตทนพูดต่อไปไม่ไหวเพราะสะดุดก้อนแข็งๆในลำคอ น้ำตาชายหนุ่มค่อยๆร่วงลงมาทีละหยดจนกลายเป็นไหลพรากในที่สุด วิศรุตไม่ได้อยากร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นเลย เขาไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของเขาโดยเฉพาะหากคนๆนั้นคือนภัทร


            “แล้วนายคิดว่าทำแบบนี้แล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ ไม่คิดบ้างเหรอว่าทำแบบนี้นายเองนั่นแหล่ะที่จะยิ่งรู้สึกเจ็บปวด ฉันรู้ว่านายเสียใจกับเรื่องนี้มาก เสียใจจนอยากจะให้คนที่นอนอยู่บนเตียงนี้กลายเป็นนายเสียเอง แต่นายจะทำอะไรได้ล่ะ เรื่องมันเกิดไปแล้ว นายสามารถย้อนไปแก้ไขมันได้เหรอ นายสามารถย้อนเวลาเพื่อกลับไปโกหกน้องสาวได้เหรอว่าตัวเองไม่ได้ชอบฉันแล้ว นายทำอย่างนั้นได้ไหมล่ะวิศรุต ตอบฉันมาสิว่านายทำได้ไหม” ยิ่งพูดเสียงคุณหมอหนุ่มก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ “ทุกครั้งที่ฉันเห็นนายเจ็บปวด เห็นนายเอาแต่โทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา เห็นนายต้องมาเสียน้ำตาเพราะเรื่องนี้ที่ฉันเป็น ตัวต้นเหตุแต่แรก นายรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไง ไม่ใช่แค่นายที่เสียใจหรอกวิน ฉันเองก็เสียใจเหมือนกัน ยิ่งเห็นนายเอาแต่โทษตัวเองอยู่แบบนี้ฉันก็ยิ่งเสียใจ... เสียใจที่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง แม้กระทั่งการปลอบใจนายฉันก็ยังทำไม่ได้เลย” ดวงตาของนภัทรก็ฉ่ำน้ำเช่นกัน คุณหมอหนุ่มหันหลังให้วิศรุตก่อนพยายามเงยหน้าเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาสีถ่านคู่นั้น


            คำพูดที่พรั่งพรูออกจากปากของคู่สนทนาทำให้วิศรุตถึงกับอึ้งไป ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ ผ่านไปเนิ่นนานคำพูดแรกที่หลุดออกมาจากปากวิศรุตก็คือ


            “ขอโทษนะ” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พูดจบ นภัทรก็ดึงอีกฝ่ายเข้าไปกอดราวกับว่าถ้าไม่กอดคนตรงหน้าเอาไว้ให้แน่นๆวิศรุตก็จะหนีหายไป


            “วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน” แม้จะยังตั้งตัวไม่ทันกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของนภัทร แต่วิศรุตก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของฝ่ายนั้น อ้อมกอดที่เขาฝันจะได้รับจากนภัทรมาตลอดระยะเวลาสิบสามปีเต็ม เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนสำคัญที่ฝ่ายนั้นรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย ถ้าเขาสามารถอยู่ในอ้อมกอดนี้ไปได้ตลอดก็คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ที่สุดวิศรุตก็รู้ว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี


            คำพูดตลอดจนการกระทำทั้งหมดของสองคนในห้องไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของภาคิน ชายหนุ่มค่อยๆลดมือปล่อยให้ม่านปิดสนิทราบไปกับกระจกใสของประตูระเบียงตามเดิม ถ้าเขาไม่อยู่ที่ระเบียงนี้แล้วคอยแอบดูความเป็นไปภายในห้องแล้วล่ะก็ เขาก็คงจะไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของวิศรุต ทัดเทวาปิดบังความลับอะไรเอาไว้ แถมเรื่องนี้ยังเป็นต้นเหตุทำให้วิศรุตกับ ศรารัตน์สองพี่น้องผิดใจกันอีกต่างหาก และถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะจัดการกับศรารัตน์ไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รู้จุดอ่อนของวิศรุตแล้ว และเขาก็จะใช้จุดอ่อนเรื่องที่วิศรุตเป็นเกย์นี้แหล่ะมาทำลายศัตรูหมายเลขหนึ่งของตนให้ตายทั้งเป็นเลยทีเดียว

 


            ภาคินไล่สายตาไปตามตัวอักษรบนกระดาษในมือ นี่เป็นข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างวิศรุตกับนภัทรที่เขาให้นักสืบมืออาชีพไปตามสืบมาให้ ชายหนุ่มยิ้มร้ายเมื่อข้อมูลพื้นฐานที่อยู่ในมือเขาตอนนี้มันช่างสอดคล้องกับข้อมูลที่เขาเพิ่งรู้มาจากการแอบฟังวิศรุตกับนภัทรคุยกันที่โรงพยาบาลเมื่อคืนวาน... ผู้ชายคนที่ไอ้วินแอบรักชื่อว่านภัทร อิสรีย์ ทั้งคู่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน และปัจจุบันคนๆนี้ก็เป็นคนเดียวกับนายแพทย์นภัทร อิสรีย์ ไม่มีทางผิดตัวแน่


            “ตามสืบเรื่องนี้ต่อไป ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะให้นายสะกดรอยตามดูด้วยว่าวันนึงไอ้วินมันไปทำอะไรที่ไหนบ้าง โดยเฉพาะถ้าหากว่ามีหลักฐานมาให้ฉันได้ว่าไอ้วินกับหมอนภัทรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ฉันก็จะตกรางวัลให้อย่างงาม” นักสืบรับคำก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ เมื่อนักสืบออกจากห้องไปแล้ว ภาคินจึงหันไปพูดกับวันชัยที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โซฟาใกล้ๆกัน “เพราะว่าไอ้วินเป็นเกย์ มิน่าล่ะไม่ว่าเมริษาจะยั่วยวนหรือว่าหาโอกาสทอดสะพานให้บ่อยๆ มันก็ยังไม่สนใจ ที่แท้ก็เป็นพวกวิปริตชอบเพศเดียวกันนี่เอง” ภาคินยิ้มเหยียดเมื่อพูดถึงบุคคลที่สามที่ตนเกลียดชังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


            “แกแน่ใจได้ยังไงเรื่องที่มันมีรสนิยมชอบผู้ชาย นักสืบพวกนี้เชื่อได้เหรอ”


            “แน่ยิ่งกว่าแน่อีกครับพ่อ เพราะผมได้ยินไอ้วินมันคุยเรื่องนี้กับหมอนภัทรอะไรนั่นมากับหู และที่ผมจ้างนักสืบมาสืบเรื่องนี้ให้ก็เพราะอยากจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมได้ยินมามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง” วันชัยพยักหน้าก่อนจะถามว่าภาคินจะเอายังไงต่อกับเรื่องนี้ ภาคินจึงบอกแผนการของตนออกไปให้ผู้เป็นพ่อได้รับรู้ซึ่งวันชัยเองก็ยิ้มอย่างพอใจในแผนการแต่ก็ไม่วายเตือนภาคิน


            “แผนการใช้ได้ทีเดียว แต่ตัวอันตรายอย่างวิศรุต ถ้ามีโอกาสแล้วก็ควรจะรีบกำจัดแต่เนิ่นๆ ไม่ควรปล่อยเอาไว้นานเพราะนับวันวิศรุตจะยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆและก็อาจจะทำให้เราเดือดร้อนได้”


            “พ่อหมายความว่าจะกำจัดมันทิ้งเหมือนอย่างที่เคยทำกับศราเหรอครับ” วันชัยไม่พูดอะไรแต่แสยะยิ้มเหี้ยมให้ภาคินแทนคำตอบ

 



            วันนี้วิศรุตอยู่เคลียร์ที่บริษัทจนดึก ชายหนุ่มตรวจดูโครงการบ้านทัดเทวาที่ตนดูแลอยู่ทุกขั้นตอนอย่างละเอียด การไว้ใจให้พงศธรคุมงานที่โครงการแทนระหว่างที่เขากำลังยุ่งอยู่กับอาการป่วยของศรารัตน์ถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดเลย พงศธรเป็นคนมีฝีมือ ทำงานละเอียดถี่ถ้วนและที่สำคัญคือเป็นคนที่เขาไว้ใจได้ ไม่ใช่พวกเส้นสายหรือว่าลูกน้องของอาวันชัยกับภาคิน พอชายหนุ่มเหลือบมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือหรูก็พบว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว เขาจึงปิดโน้ตบุ๊คก่อนจะเก็บเอกสารทั้งหมดเข้าที่ วันนี้เขาเหนื่อยมากจึงตัดสินใจกลับบ้านทัดเทวาเลยหลังจากที่ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะแวะไปเยี่ยมศรารัตน์ก่อน


            ระหว่างทางกลับบ้านทัดเทวา วิศรุตสังเกตเห็นมอเตอร์ไซค์ขับตามหลังรถเขาตลอดเวลา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นจึงตัดสินใจเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีกเพื่อต้องการสลัดให้พ้นจากการถูกตาม ฝ่ายมอเตอร์ไซค์คันนั้นเมื่อเห็นว่ารถเป้าหมายคันข้างหน้าตนเหยียบคันเร่งเร็วขึ้นจึงรีบบิดเครื่องเร่งไล่ตามทันที คนขับแกล้งปาดซ้ายขวาทำให้รถของวิศรุตเริ่มเซจนในที่สุดมอเตอร์ไซค์ก็อ้อมมาดักหน้ารถของชายหนุ่มได้สำเร็จ ในขณะที่มือปืนที่ซ้อนท้ายมาด้วยกันก็ชักปืนออกมายิงยางล้อรถสปอร์ตคันหรูจนแตก ทำให้คนที่อยู่ในรถหมดทางหนีทันที


            วิศรุตตระหนักได้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาประชิดตัว รอบตัวเขาในตอนนี้มีแต่ความมืดเพราะถนนเส้นนี้เป็นทางเปลี่ยว นานๆทีจึงจะมีรถผ่านมา วิศรุตกัดกรามแน่นก่อนหยิบปืนที่ซ่อนไว้ใต้เบาะเก้าอี้คนขับออกมาแล้วถือแอบไว้ด้านหลัง โชคดีที่เขาพกปืนเอาไว้เพราะสังหรณ์ใจว่าสักวันต้องเจอเรื่องแบบนี้ ยังดีหน่อยที่มันมากันแค่สองคน ชายหนุ่มเชื่อว่าด้วยความสามารถของเขาคงจะจัดการพวกมันได้ไม่ยากนัก วิศรุตคิดก่อนเปิดประตูแล้วก้าวลงไป


            “พวกแกเป็นใครแล้วต้องการอะไร” วิศรุตตวาดถาม ดวงตาคมเริ่มหรี่ลงอย่างระวังตัวเต็มที่


            “ต้องการชีวิตแกยังไงล่ะ” มือปืนตรงหน้าเหนี่ยวไกปืนเตรียมยิงแต่วิศรุตไวกว่า อาศัยโอกาสเสี้ยววินาทีตวัดตัวเตะปืนของคนร้ายทิ้งไปก่อนใช้ปืนในมือยิงจนอีกฝ่ายล้มลง


            มือปืนอีกคนที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์มาด้วยกันรีบชักปืนขึ้นมายิงวิศรุตทันที แต่โชคดีที่ชายหนุ่มหลบทัน กระสุนจึงแค่ถากที่บริเวณหัวไหล่เท่านั้นแต่ก็ทำให้มีเลือดออกจนเปียกชุ่มเสื้อเชิ้ตราคาแพง วิศรุตกัดฟันแน่นขณะมองรอยแผลที่บริเวณหัวไหล่ตนก่อนจะยิงสวนไปอีกหนึ่งนัด กระสุนเจาะเข้าที่หน้าอกอย่างแม่นยำทำให้คนร้ายล้มลงขาดใจตายทันที


            “วางปืนลงเถอะคุณวิศรุต ทัดเทวา” เสียงมือปืนคนแรกดังขึ้นด้านหลังวิศรุต พร้อมกับปืนสีดำที่จ่ออยู่ที่ขมับเตรียมจะลั่นไก วิศรุตเหลือบมองปืนที่จ่ออยู่ แม้จะหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาแต่ชายหนุ่มก็พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น


            “ใครใช้ให้พวกแกมา” ชายหนุ่มพยายามถ่วงเวลา อย่างน้อยเขาก็ภาวนาในใจให้มีใครผ่านมาทางนี้บ้าง


            “ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก รู้แค่ว่าวันนี้แกต้องตายก็พอ วางปืนในมือลงเดี๋ยวนี้” ประโยคสุดท้ายเปลี่ยนเป็นสั่งเสียงเข้ม วิศรุตค่อยๆวางปืนในมือลงกับพื้นถนน ก่อนที่ปืนซึ่งเป็นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวของเขาจะถูกคนร้ายเตะไปไกล


            “บอกลาโลกนี้ได้เลย” วิศรุตอาศัยจังหวะที่คนร้ายเผลอใช้ท่อนแขนซัดไปที่หน้าอกของฝ่ายตรงข้ามโดยแรง ทำให้ปืนกระเด็นหลุดจากมือของฝ่ายนั้น วิศรุตรีบถลาเข้าไปจะหยิบปืนแต่คนร้ายที่ไวกว่ากลับคว้าไปได้ก่อน ชายหนุ่มจึงต้องกลายมาเป็นเป้านิ่งอีกครั้ง คราวนี้คนร้ายสบถอย่างหัวเสีย บริเวณหน้าอกที่โดนวิศรุตซัดอย่างเต็มแรงยังคงจุกไม่หาย มือหยาบกร้านจึงใช้สันปืนตบบริเวณขมับของวิศรุตอย่างแรงจนอีกฝ่ายเซ ก่อนจะเลื่อนปลายกระบอกปืนมาเล็งตรงตำแหน่งหัวใจ วิศรุตหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม วูบหนึ่งชายหนุ่มนึกถึงหน้านภัทร ลาก่อน


            เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของคนร้าย วิศรุตลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ตาย ชายหนุ่มหันไปประสานสายตากับคนที่มาช่วยเขาเอาไว้ ดวงตาสีดำสนิทราวถ่านเป็นประกายโชนแสงกล้าตัดกับความมืดมิดรอบกายจนวิศรุตอดอุทานออกมาไม่ได้


            “นภัทร” วิศรุตเบนสายตาไปมองปืนในมือของนภัทรก่อนจะหันไปมองคนร้ายที่กำลังกุมต้นขาบริเวณที่โดนนภัทรยิงเมื่อครู่ ชายหนุ่มหันมองนภัทรด้วยความมึนงงกับการปรากฏตัวของอีกฝ่าย มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อคุณหมอหนุ่มเข้ามาประคองร่างของตนแล้วบอกว่าให้รีบหนีก่อน แต่คนร้ายก็ไม่ปล่อยให้วิศรุตหนีไปง่ายๆ มันใช้มือหนึ่งกดหน้าขาเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ก่อนจะใช้มือข้างที่เป็นอิสระเล็งปืนไปยังร่างของวิศรุต มันรู้ดีว่าถ้าหากวันนี้มันทำงานไม่สำเร็จ เจ้านายก็คงไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ บางทีการเลือกจัดการกับสองคนนี้อาจจะเป็นทางรอดเพียงหนึ่งเดียว


            ‘ปัง’


              ด้วยความที่วิศรุตเร็วกว่าจึงชิงแย่งปืนจากมือนภัทรแล้วใช้มือผลักอีกฝ่ายให้พ้นจากวิถีกระสุนก่อนจะยิงไปที่คนร้ายทันที ผลจากกระสุนนัดนั้นทำให้คนร้ายล้มลงและร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ร่างจะแน่นิ่งไป


            “นายเจ็บมากไหม” นภัทรถามขึ้นหลังจากที่ประคองวิศรุตมาพิงที่รถของตนที่จอดอยู่ใกล้ๆกัน “ให้ฉันดูแผลที่หัวไหล่นายหน่อย”


            “แค่โดนถากๆน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก” วิศรุตฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วขอบคุณที่นภัทรมาช่วยตนไว้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้กลายเป็นผีเฝ้าถนนแน่ “ว่าแต่นายมาได้ยังไงกันเนี่ย”


            “บังเอิญว่าฉันเพิ่งกลับจากงานสัมมนาที่ต่างจังหวัดน่ะ ต้องผ่านถนนเส้นนี้พอดี แล้วพอขับรถผ่านมาก็เห็นรถของนายจอดอยู่ข้างทางก็เลยคิดว่าคงมีเรื่องแน่ ยังดีที่ฉันพกปืนมาด้วย” ถ้าเขาไม่ได้พกปืนติดไว้ในรถเผื่อไว้ป้องกันตัว มีหวังเขาคงได้กลายเป็นผีชะตาขาดพร้อมกับวิศรุตแน่นอน “นายเดินไหวหรือเปล่า มาเถอะ เดี๋ยวฉันพาไปทำแผลก่อน” นภัทรช่วยพยุงวิศรุตไปยังรถของตัวเองก่อนจะตัดสินใจพาชายหนุ่มไปทำแผลที่บ้านของตนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก อย่างน้อยก็ใกล้กว่าหากว่าจุดหมายคือบ้านทัดเทวาของวิศรุต


 

            ระหว่างที่ขับรถอยู่ มือถือของนภัทรก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเหลือบมองหน้าจอก็พบว่าปลายสายคือพงศธรที่โทรเข้ามาจึงกดรับ


            “ว่าไงไอ้พงษ์” นภัทรทักไปแต่ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน


            “ไอ้กานต์ ตอนนี้แกพอจะรู้ไหมว่าจะติดต่อกับไอ้วินได้ยังไง ฉันโทรหาวินเป็นร้อยรอบได้แล้วแต่ก็โทรไม่ติดสักครั้ง ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน แม้แต่ไอ้โอมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”


            “ตอนนี้วินอยู่กับฉัน พอดีว่าเกิดเรื่องแล้ววินก็บาดเจ็บ เดี๋ยวเอาไว้เล่าให้แกฟังวันหลัง นี่ฉันเองก็กำลังจะพาไปทำแผลที่บ้านอยู่เนี่ย” พูดได้แค่นั้นเสียงปลายสายก็ถูกตัดไป นภัทรถอนหายใจเฮือกเพราะมือถือเจ้ากรรมดันมาแบตฯหมดเอาตอนนี้


            “เกิดอะไรขึ้น” วิศรุตถามเมื่อได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ของนภัทร มันคงจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน


            “เมื่อกี๊ไอ้พงษ์โทรมา มันบอกว่าโทรหานายแล้วไม่ติด มันก็เลยโทรมาหาฉันถามว่ามีวิธีอื่นอีกไหมที่จะสามารถติดต่อนายได้ แต่แบตฯมือถือฉันก็ดันหมดเสียก่อน” วิศรุตพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วบอกว่ามือถือของเขาลืมทิ้งเอาไว้ที่รถ ไม่รู้ว่าพงศธรจะมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าถึงได้โทรมาดึกดื่นแบบนี้ ในขณะที่นภัทรก็ยักไหล่เป็นเชิงว่าเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน

 

Aislin: มาอัพนิยายประจำสัปดาห์แล้วค่ะ ตามสัญญาที่ว่าจะอัพให้สัปดาห์ละ 1 ตอน มาถึงตอนนี้แล้วเป็นยังไงบ้างเอ่ย ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะใช่ไหมคะ ฮาๆๆ แต่ขอบอกว่าเนื้อหายังมีต่ออีกเยอะค่ะ ไม่จบง่ายแน่นอน แต่เดี๋ยวเรามาลุ้นกันนะคะว่าภาคินรู้ความลับของวินแล้วจะเป็นยังไงต่อไป รับรองว่าเด็ดสะระตี่แน่นอน ที่สำคัญทำไมพงศธรถึงโทรมาหาวินดึกดื่นแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!! ทั้งหมดนี้ไปหาคำตอบเอาเองในตอนหน้านะคะ เอ้อ ขอแง้มๆล่วงหน้านิดนึงว่าตอนหน้าจะมีเนื้อหาบางส่วนที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน โดย Aislin อาจจะขอตัดตอนเนื้อหาบางส่วนที่ล่อแหลมมากๆออกจากเว็บเด็กดีนะคะ แต่เว็บห้องสมุดก็ยังโพสแบบจัดเต็มเหมือนเดิม ถ้ายังไงก็เชิญเลือกอ่านได้ตามสะดวกเลยค่ะ

 

ปล. ช่วงนี้เริ่มมีฝนตกแล้ว ช่วงรอยต่อของฤดูแบบนี้ ก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ แล้วเจอกันสัปดาห์หน้าค่ะ

ปล.2 ใครยังไม่ได้อุดหนุนนิยายเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปเล่มหรือแบบอีบุ๊คจากเว็บ MEB ยังไงฝากพิจารณาหน่อยนะคะ ได้โปรดอุดหนุนนักเขียนตาดำๆคนนี้ด้วยเถิดดดดด...


 

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


มาต่อให้แล้วคร้าบบบบ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
นิยายรูปเล่ม

ราคาเล่มละ 430 บาท

ติดต่อ www.facebook.com/Aislin.Napoon  หรือ  Aislinnovelsอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com (แอทฮอทเมล์)

ปล. ในรูปเล่มมีตอนพิเศษแบบจุใจอีก 3 ตอนแถมให้ด้วยนะคะ (ไม่อัพลงเว็บค่ะ)

หรือถ้าหากสนใจแบบ Ebook สามารถโหลดได้จากเว็บ MEB ได้เลยค่ะ

(Search ชื่อเรื่อง “ทัณฑ์กามเทพ”)
[/size]


            นภัทรพาวิศรุตมาที่บ้านของตน บรรยากาศบ้านสวนของชายหนุ่มในเวลานี้เงียบสงบเป็นอย่างมากเพราะตอนนี้เป็นเวลาค่อนคืนแล้ว บ้านช่องบริเวณใกล้เคียงต่างปิดไฟเข้านอนกันหมด เหลือแต่เพียงแสงสลัวสีขาวนวลจากไฟตรงถนนที่ตัดผ่านบริเวณหน้าบ้านของชายหนุ่ม นภัทรเปิดประตูรั้วก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดในบ้าน จากนั้นจึงเดินอ้อมมาช่วยเปิดประตูรถให้กับวิศรุต


            “ฉันมารบกวนหรือเปล่า” วิศรุตเกรงใจเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว อันที่จริงแผลที่หัวไหล่ก็ไม่ได้ใหญ่มากมายนัก แต่คุณหมอหนุ่มยืนยันที่จะให้วิศรุตรีบทำแผลให้เรียบร้อยก่อนที่แผลจะเกิดการติดเชื้อ สุดท้ายจึงลงเอยด้วยการที่นภัทรขับรถพาเขามาทำแผลที่บ้านนี่แหล่ะ “ฉันเกรงใจ เผื่อว่ามากวนเวลาพักผ่อนของพ่อแม่นาย”


            “ไม่ได้รบกวนอะไรหรอก อีกอย่างสองสามวันมานี้พ่อกับแม่ฉันไปเที่ยวพักผ่อนกันที่หัวหิน นายมาก็ไม่ได้รบกวนอะไร” นภัทรยิ้มบางๆก่อนจะรั้งแขนแล้วเดินนำวิศรุตเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะพาคนเจ็บไปยังห้องด้านบนซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของเขา


            “นี่ห้องของนายเหรอ น่าอยู่ดีนะ” วิศรุตเอ่ยชมห้องนอนที่ถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบๆด้วยเฟอร์นิเจอร์จำเป็นเพียงไม่กี่ชิ้น ที่มุมด้านหนึ่งเป็นตู้หนังสือขนาดย่อม บ่งบอกถึงนิสัยรักการอ่านของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีโมเดลการ์ตูนเป็นของสะสมอีกมากมาย นภัทรมองตามสายตาของวิศรุตก่อนจะอมยิ้มแล้วพูดขำๆ


            “คงสู้ห้องนอนนายที่คฤหาสน์ทัดเทวาไม่ได้หรอก” วิศรุตยิ้มบางๆ จริงอยู่ว่าการตกแต่งของห้องนี้ถ้าเทียบกับห้องของเขาที่บ้านทัดเทวาแล้วจะสู้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ขนาดความกว้างห้องนี้ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของห้องนอนเขาเสียด้วยซ้ำ หากแต่สิ่งหนึ่งที่มีเหนือกว่าก็คือห้องนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าห้องที่กว้างขวางโอ่อ่าในบ้านทัดเทวาหลังนั้น หรือไม่บางทีอาจเป็นเพราะคนที่กำลังยืนอยู่ข้างตัวเขาต่างหากที่ทำให้วิศรุตรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้


            “ฉันว่านายไปอาบน้ำก่อนเถอะ จะได้มาทำแผลที่ไหล่ ว่าแต่อาบได้ใช่ไหม” ท้ายประโยคนภัทรหันมาถามวิศรุตเป็นเชิงเย้า หากแต่คุณหมอหนุ่มแหย่ผิดคนเสียแล้วเพราะวิศรุตตอบกลับไปว่า


            “ถ้าฉันอาบเองไม่ได้ แล้วนายจะมาอาบให้หรือไง”


            “แล้วจะให้ฉันอาบให้หรือเปล่าล่ะ” คำพูดที่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วของนภัทรทำให้สีหน้าของวิศรุตเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่านภัทรจะต่อปากต่อคำเก่งขนาดนี้ ถ้าหากเขาสองคนหยอกล้อกันเล่นแบบนี้ได้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ก็คงจะดี อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนภัทรก็คงจะไม่ออกแนวอิหลักอิเหลื่อเหมือนเช่นในตอนนี้ “เอาเป็นว่านายอาบน้ำไปก่อนแล้วกัน มีผ้าขนหนูอยู่ในห้องน้ำแล้ว ส่วนชุดนอนก็อยู่ในตู้เสื้อผ้า หยิบใช้ได้ตามสบายเลย” นภัทรพูดตัดความเงียบขึ้นก่อนจะขอตัวลงไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลขึ้นมาเพื่อเตรียมทำแผลให้วิศรุต


            หลังจากที่นภัทรลงไปแล้ว วิศรุตจึงเข้าไปอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สะอาดเพราะเนื้อตัวของเขาเต็มได้ด้วยคราบ สกปรกและพวกฝุ่นที่ติดตามตัวเมื่อตอนสู้กับมือปืนสองคนนั้น ชายหนุ่มต้องขบกรามแน่นเมื่อน้ำเย็นไหลผ่านบาดแผลที่โดน กระสุนถากบริเวณหัวไหล่ แต่ใช้เวลาไม่นานนักก็อาบน้ำเสร็จ


            วิศรุตเดินออกจากห้องน้ำตั้งใจจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ แต่ทว่าดวงตาคมก็หันไปเห็นอะไรบางอย่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ อ่านหนังสือของนภัทร มันเป็นกรอบรูปที่ใส่ภาพถ่ายคู่กันของเด็กวัยรุ่นม.ต้นสองคน หนึ่งในนั้นเขาจำได้ว่าคือนภัทร แต่ผู้หญิงอีกคนที่ยืนคู่กัน เขาเองก็ไม่แน่ใจ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องจากด้านหลัง วิศรุตจึงรีบวางกรอบรูปลงที่เดิมก่อนจะหันมาหาเจ้าของห้อง


            “ยังไม่ต้องใส่เสื้อก็ได้ เดี๋ยวรอทำแผลเสร็จก่อน” นภัทรพูดเมื่อเห็นว่าวิศรุตกำลังหยิบเสื้อนอนที่เขาเตรียมไว้ให้ขึ้นมาทำท่าว่าจะสวมใส่ วิศรุตส่งเสียงตอบรับในลำคอก่อนจะเดินมานั่งที่ปลายเตียงเพื่อรอให้คุณหมอหนุ่มทำแผลให้แต่โดยดี


            นภัทรจัดการใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เพื่อล้างแผลให้วิศรุต จากนั้นก็ทำแผลให้จนเรียบร้อยซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากจนนภัทรได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากสบู่ที่โชยออกจากกายของอีกฝ่ายซึ่งก็ทำให้คุณหมอหนุ่มเคลิ้มไปชั่วขณะ ก่อนสติจะถูกดึงกลับมาเมื่อวิศรุตถามว่าจะให้ตนใส่เสื้อผ้าได้แล้วหรือยัง


            คุณหมอหนุ่มหยิบเสื้อที่วางอยู่ปลายเตียงใกล้ๆกันขึ้นมาแล้วตั้งใจจะช่วยสวมให้เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงทำได้ไม่ค่อยถนัดเพราะคงจะยังเจ็บที่หัวไหล่อยู่ แต่วิศรุตบอกว่าตนทำได้ ชายหนุ่มพยายามสอดแขนเข้าไปในแขนเสื้อนอนแต่ว่าก็ทำได้อย่างลำบาก ในที่สุดก็ต้องให้คนตรงหน้าช่วยอยู่ดี นภัทรช่วยวิศรุตใส่เสื้อก่อนจะช่วยติดกระดุมให้ทีละเม็ดอย่างอ่อนโยน


            “นายติดกระดุมไม่ตรงแถวกันนะ” วิศรุตเอ่ยเสียงเบาขณะที่มือเลื่อนไปตั้งใจจะปลดกระดุมออกจากรังดุมที่ติดผิด แต่นภัทรจับมือเขาเอาไว้เสียก่อน


            “เอ๊ะ” วิศรุตอุทานเสียงเบากับสัมผัสจากมือนภัทร ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือของคนตรงหน้า พลันวิศรุตเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมกริบสีถ่านคู่นั้น ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวอีกที เลนส์แว่นของนภัทรก็มาสัมผัสกับใบหน้าเขาเสียแล้ว... เขากำลังถูกคนตรงหน้าจูบอย่างแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกร้อนแรงเหลือเกิน


            เมื่อนภัทรถอนจูบออก ทั้งคู่สบตากันนิ่งเหมือนว่าเวลาหยุดหมุนอยู่เพียงแค่นี้ ก่อนที่นภัทรจะค่อยๆเอื้อมมือมาดึงแว่นตาไร้กรอบของตนให้พ้นจากใบหน้าหล่อคม จากนั้นก็ค่อยๆโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากของวิศรุตอีกครั้ง แค่ครั้งนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกนุ่มนวลชวนให้ลุ่มหลงเสมือนกับนายพรานที่วางบ่วงดักสัตว์เอาไว้รอให้เหยื่อมาติดกับ และตอนนี้วิศรุตก็ยินดีแม้ว่าตัวเองจะต้องกลายเป็นเหยื่อของนภัทรก็ตาม


            วิศรุตใช้แขนข้างที่ไม่บาดเจ็บโน้มต้นคอของนภัทรให้ต่ำลงแล้วจึงประทับจูบที่ปลายคางสากของอีกฝ่ายก่อนจะเชย ลำคอของตนขึ้นสูงกว่าเดิมเพื่อให้นภัทรได้ใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นละเลียดชิมความหอมหวานจากลำคอเพรียวสวยราวอิสตรีของตน ริมฝีปากของนภัทรไล่สำรวจเรือนกายของร่างข้างใต้ไปทั่ว ตั้งแต่ใบหน้างดงามราวเทวดารังสรรค์ ลำคอระหง สร้างรอยรักไว้ที่ไหปลาร้าสองข้าง จนกระทั่งไล่ไปถึงยอดอกสีระเรื่อที่ถูกคุณหมอหนุ่มดูดดุนแล้วขบเม้มจนเป็นรอยแดง วิศรุตแอ่นกายด้วยความเสียวซ่านที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ


            นภัทรไม่หยุดแค่นั้น ชายหนุ่มใช้สองมือเคลื่อนไหวไปพร้อมกับริมฝีปากที่ทำหน้าที่สำรวจทุกซอกมุมของร่างอันสวยงามเบื้องหน้า มือหนาที่คุ้นชินกับการจับมีดผ่าตัดตอนนี้กลับกำลังไล่ปลดกระดุมเสื้อนอนของวิศรุตที่ตนเพิ่งจะติดให้กับเจ้าตัวด้วยมือของตนเองเมื่อครู่นี้ เพียงไม่นานร่างกายเนียนสล้างที่ปราศจากอาภรณ์ห่อหุ้มของวิศรุตก็ปรากฏสู่สายตาของ นภัทร แต่วิศรุตก็ไม่ยอมขาดทุนให้คุณหมอหนุ่มจ้องตนแต่เพียงฝ่ายเดียว ชายหนุ่มชันขาขึ้นก่อนจะอยู่ในท่าคุกเข่าในขณะที่มือก็ไล่แกะกระดุมเสื้อของนภัทรไปด้วย พร้อมๆกับนภัทรที่ปลดซิปกางเกงสแล็กส์ของตนแล้วค่อยๆถอดมันออกแล้วโยนเอาไว้ที่พื้นห้องอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้นภัทรเกือบจะเปลือยเปล่าเหมือนกับเขา จะต่างกันก็ตรงที่ว่าฝ่ายนั้นยังมีกางเกงชั้นในเป็นปราการด่านสุดท้าย แต่ถึงอย่างนั้นวิศรุตก็ไม่ได้สนใจ ชายหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าหานภัทรเพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าคงจะไม่เคยกับเรื่องของการร่วมรักระหว่างชายกับชาย แต่คืนนี้เขาจะช่วยสอนฝ่ายนั้นเอง


            เมื่อวิศรุตขยับกายเข้ามาใกล้ นภัทรก็รั้งร่างคนตรงหน้าเข้าไปจูบทันที คราวนี้ฝ่ายนั้นส่งปลายลิ้นเข้ามาพัวพันหยอกเย้า ตักตวงความหวานในโพรงปากของวิศรุต ซึ่งชายหนุ่มเองก็ตอบสนองไปอย่างเร่าร้อนเช่นกัน เขาเบียดกายเข้ามาใกล้นภัทรมากยิ่งขึ้น ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ก่อนที่นภัทรจะเกาะกุมสะโพกเนียนของวิศรุตและรั้งให้แนบชิดขึ้นจนวิศรุตรู้สึกได้ถึงแก่นกายที่แสดงถึงสัดส่วนความเป็นบุรุษเพศที่เริ่มร้อนผ่าวของคนตรงหน้า... เขารู้ดีว่าตอนนี้นภัทรต้องอะไรอะไร เพราะตัวเขาเองก็ไม่ต่างกัน


            มือของวิศรุตเริ่มรูดกางเกงชั้นในของอีกฝ่ายให้พ้นทาง ก่อนจะใช้มือเรียวค่อยๆสัมผัสและลูบไล้ยังแก่นกายของนภัทรอย่างช้าๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็จับมือของนภัทรมาสัมผัสที่แก่นกายอันร้อนผ่าวที่ค่อยๆแข็งขึงของตนเองเช่นกัน นภัทรในตอนแรกมีท่าทีเงอะงะ แต่พอผ่านไปได้ซักพักทุกอย่างก็เริ่มที่จะดำเนินไปได้ด้วยดี ตอนนี้นภัทรพลิกตัวมาซ้อนด้านหลังแทน คุณหมอหนุ่มรั้งร่างของวิศรุตให้เอนมาซบตน ทำให้บั้นท้ายนวลเนียนของวิศรุตสัมผัสกับความแข็งขึงจากสัดส่วนบุรุษของนภัทรอย่างเลี่ยงไม่ได้ วิศรุตตาปรือด้วยอารมณ์เสน่หาในรสรักที่นภัทรบรรจงป้อนให้ มือของชายหนุ่มอ้อมไปเกี่ยวกระกวัดรอบคอด้านหลังของนภัทรก่อนจะเอี้ยวหน้าไปแลกจูบกับฝ่ายนั้นอย่างดูดดื่มราวกลับจะกลืนกินฝ่ายตรงข้ามเข้าไปทั้งตัว


            จังหวะรักที่เริ่มนุ่มนวลในตอนแรกๆเริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนแรงตามดีกรีอารมณ์ที่ทะยานขึ้นสูงของคนทั้งคู่ ตอนนี้ทั้ง  นภัทรและวิศรุตต่างลืมเลือนไปแล้วทั้งสิ้นว่าทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานกันมากแค่ไหน นภัทรในตอนนี้นึกอะไรไม่ออกแล้วนอกจากความสุขแทบล้นทะลักที่ได้รับจากวิศรุต แม้ว่าฝ่ายนั้นจะเป็นคนที่เขาเคยเกลียดแสนเกลียดและขยะแขยงกับพฤติกรรมรักร่วมเพศก็ตาม ถึงแม้สติลึกๆจะบอกว่าความรักแบบนี้มันผิดครรลองของธรรมชาติ แต่ ณ วินาทีนี้ นภัทรไม่อยากจะสนใจอะไรทั้งนั้น เขาอยากจะปลดเปลื้องเหตุผลทุกอย่างออกไปให้หมด อยากให้เหลือเพียงแค่การกระทำที่ออกมาจากส่วนลึกของหัวใจเท่านั้น... ความรู้สึกที่เขาพยายามปฎิเสธมานาน


            นภัทรใช้ฝ่ามือดันให้วิศรุตนอนลงราบไปกับเตียงนอนหลังกว้าง ขณะที่ร่างสูงของตนก็ตามติดมาทาบทับอีกฝ่ายแทบจะทันที วิศรุตบิดกายเล็กน้อยเพื่อให้ร่างสมส่วนตามแบบบุรุษเพศของนภัทรแนบชิดกับร่างของตนให้มากขึ้น ชายหนุ่มประสานสายตากับเจ้าของดวงตาสีถ่านด้วยแววตาลึกซึ้ง ปราศจากซึ่งคำพูดใดๆ วิศรุตหวังเหลือเกินว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ไม่ใช่เพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นเรื่องจริงเมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่กำลังล่วงผ่านเข้ามาในร่างกายของตน


            “อ๊า...” วิศรุตครางเสียงสั่นเมื่อนภัทรจัดการแยกขาของเขาออกกว้างก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางคับแคบของตนและยิ่งครางหนักขึ้นเมื่อฝ่ายนั้นเพิ่มจำนวนนิ้วที่สอดเข้าไป


             นภัทรมองวิศรุตที่บิดตัวเร่าเพราะดวามเสียวซ่านอย่างพอใจก่อนจะถอนนิ้วทั้งหมดออกแล้วแทนที่ด้วยแก่นกายแข็งขึงที่แสดงสัดส่วนความเป็นบุรุษเพศตน นภัทรเสือกแก่นกายเข้าไปทางช่องทางคับแน่นจนมิด ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเสียวซ่านที่เพิ่มสูงขึ้นของตัวเองเนื่องมาจากการถูกตอดรัดอย่างรุนแรงจากช่องทางที่คับแน่นนั้น ในขณะที่วิศรุตเงยหน้าสูดลมหายใจลึกแล้วพยายามผ่อนคลายร่างกายของตนให้มากที่สุด จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ชายหนุ่มรู้ดีกว่าการทำเช่นนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บจากการถูกรุกล้ำช่องทางเบื้องล่างได้มากเลยทีเดียว เพียงไม่นานความเจ็บปวดที่เคยรู้สึกเมื่อครู่ก็กลับกลายเป็นความสุขสมจากเพศรสอันร้อนแรง


            วิศรุตโยกสะโพกหนั่นแน่นของตนขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเริ่มส่ายวนเป็นจังหวะเนิบๆเพื่อสร้างความรู้สึกรัญจวนให้กับทั้งตัวเองและนภัทร ฝ่ายคุณหมอหนุ่มก็ตอบรับโดยการเร่งจังหวะการสอดใส่แก่นกายเข้ากับร่างข้างใต้ให้เร็วและถี่กว่าเดิม ร่างหนาขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง ชายหนุ่มมองสีหน้าของร่างในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกที่ดื่มด่ำ วิศรุตกำลังหวีดร้องออกมาด้วย ความสุขสมเมื่อร่างทั้งสองต่างสอดประสานแนบชิดสนิทหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ชายหนุ่มขบฟันเข้ากับไหล่กำยำของ  นภัทรด้วยความเสียวซ่านภายในช่องท้องที่ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นภัทรเองก็ไม่ไหวแล้ว ชายหนุ่มครางเสียงหนักๆก่อนที่ความต้องการทั้งหมดจะถูกระเบิดออกมาในรูปของเหลวสีขาวขุ่นที่ไหลเปรอะไปตามแก่นกายและช่องทางเบื้องล่างของวิศรุต ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ในสมองของนภัทรตอนนี้มีแต่ความขาวโพลนและความสุขสมที่กระจายไปทั่วร่างจากการร่วมรักเมื่อสักครู่


            วิศรุตรู้ว่าอีกฝ่ายถึงจุดสุดยอดแล้ว แต่ตัวเขากลับทรมานเพราะความรู้สึกเมื่อครู่ยังครึ่งๆกลางๆอยู่ และดูเหมือนว่า นภัทรเองก็รู้เช่นกันว่าวิศรุตยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางเหมือนอย่างเขา


            “ช่วยฉันหน่อย ฉันไม่ไหวแล้ว” วิศรุตครางเสียงแผ่วอย่างอ้อนวอนร่างหนาหนักที่กำลังโถมทับตัวเองอยู่พร้อมกับเอามือของนภัทรมาสัมผัสยังแก่นกายตนที่ยังคงเต็มไปด้วยความปรารถนาอันร้อนแรงที่ยังไม่ได้ถูกระบายออก เพียงเท่านี้นภัทรก็รู้ว่าวิศรุตต้องการอะไร คุณหมอหนุ่มไล้มือไปตามแก่นกายของฝ่ายนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆรูดขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะช้าๆ


            “อืม... อา...” เสียงวิศรุตกระเส่าด้วยพายุอารมณ์ที่โหมกระพือยากจะดับลงง่ายๆก่อนชายหนุ่มจะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อความรู้สึกจากการถูกสัมผัสส่วนนั้นด้วยมือ บัดนี้ได้กลายเป็นอย่างอื่นแทน แก่นกายของเขากำลังถูกนภัทรอมไว้ในโพรงปากอุ่นของฝ่ายนั้น


            “อ๊า” วิศรุตจิกผ้าปูที่นอนอย่างแรง ความสุขสมกำลังเอ่อล้นจนเขาแทบจะสำลักความสุขที่ฝ่ายตรงข้ามมอบให้ นภัทรกำลังอมส่วนปลายแก่นกายของเขาก่อนจะใช้ลิ้นเลียแล้วดูดดุนเป็นจังหวะเข้าออก วิศรุตแอ่นกายเยียดตรงก่อนใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสอดเข้าไปขยุ้มกลุ่มผมของนภัทรด้วยความรัญจวน ไม่นานนักวิศรุตก็ถึงจุดสูงสุดของอารมณ์พร้อมกับหลั่งหยาดน้ำรักออกมาจนเต็มปากของอีกฝ่าย ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด กลับกลืนมันลงคอไปอย่างหน้าตาเฉย


            คนที่เพิ่งถึงจุดหมายนอนหอบหายใจสะท้าน ดวงตาสีน้ำตาลโศกปรือตามองนภัทรด้วยแววตาเชื่อมแสง เขาไม่ อยากจะเชื่อเลยว่าตนกับนภัทรจะมีวันนี้ได้ วันที่เขาสองคนมีความสัมพันธ์ทางกายกันอย่างลึกซึ้งแบบนี้... วันที่เขาและนภัทรต่างเป็นของกันและกัน


            นภัทรไม่หลบตาวิศรุตที่กำลังมองมาที่ตน ชายหนุ่มยิ้มบางๆก่อนจะยกมือของฝ่ายนั้นมาจูบไล่ทีละนิ้ว วิศรุตเองก็รู้ใจนภัทรว่าคุณหมอหนุ่มยังไม่พอใจกับการปลดปล่อยแค่เพียงครั้งเดียว เขายิ้มมุมปากแล้วค่อยๆโน้มหน้าฝ่ายนั้นลงมาซุกไซ้ซอกคอตนก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งและดำเนินไปเรื่อยๆตลอดทั้งคืน


            พงศธรขบกรามแน่นเมื่อเห็นภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตา เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายสองคนที่กำลังกอดรัดและร่วมรักกันอย่างสุขสมเบื้องหน้าก็คือเพื่อนสนิทกับเจ้านายของตน มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นแล้วค่อยๆใช้มือดึงบานประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ให้ปิดลงตามเดิม ก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบด้วยสมองที่ยังคงอื้ออึงกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้

 



            วิศรุตเท้าแขนกับระเบียงด้านนอกห้องนอนของนภัทร จากตรงนี้สามารถมองเห็นบริเวณรอบๆบ้านได้อย่างชัดเจน บ้านของนภัทรปลูกต้นไม้เอาไว้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกหรือไม้ประดับซึ่งก็สร้างบรรยากาศอันน่าร่มรื่นให้กับบ้านหลังนี้ได้มากเลยทีเดียว ชายหนุ่มสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าปอด ในสมองก็กำลังนึกถึงเรื่องระหว่างเขากับนภัทรที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาไม่รู้ว่าที่นภัทรทำอย่างนั้นเพราะเหตุผลอะไร รู้แต่ว่าเขาเองมีความสุขมากที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของฝ่ายนั้น ได้สัมผัสเรือนกายที่เขาเฝ้าฝันถึงตลอดสิบสามปีเต็ม และที่สำคัญคือการได้รู้ว่านภัทรเองก็มีความสุขเหมือนอย่างที่เขามีเช่นกัน


            “คิออะไรอยู่หืม วิศรุตสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหลัง ชายหนุ่มเหลียวหน้าไปสบตากับเจ้าของห้องก่อนจะตอบว่า


            “คิดเรื่อยเปื่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” วิศรุตคลี่ยิ้มให้ก่อนจะถามว่าอีกฝ่ายตื่นนานแล้วเหรอยัง แต่นภัทรก็บอกว่าตนเพิ่งตื่น ซึ่งพอตื่นมาก็ไม่เห็นวิศรุตแล้ว


            “นึกว่าหนีกลับบ้านไปแล้วเสียอีก” คุณหมอหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะเบนมาถามอีกเรื่อง “ยังเจ็บอยู่รึเปล่า”


            “อ้อ แผลที่หัวไหล่เหรอ ไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ” นภัทรส่ายหน้าก่อนจะบอกว่าไม่ใช่แผลที่หัวไหล่ แต่เป็นที่อื่นต่างหาก อาการยิ้มเจ้าเล่ห์ของฝ่ายนั้นทำให้วิศรุตหน้าร้อนวาบเมื่อนึกขึ้นได้ว่านภัทรกำลังพูดเรื่องอะไร เมื่อคืนเขากับนภัทรร่วมรักกันหลายครั้งมาก ทำให้วันนี้ตอนเช้าตื่นขึ้นมาเขาจึงมีอาการปวดยอกที่เอวพอสมควร


            “แล้วเพราะใครล่ะ” นภัทรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วบอกให้วิศรุตไปอาบน้ำได้แล้ว เขาจะขับรถไปส่งชายหนุ่มที่บ้านทัดเทวาเอง


            “เดี๋ยวก่อนกานต์” วิศรุตตัดสินใจเรียกขึ้นขณะที่นภัทรกำลังหมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มสูดลมหายใจเฮือกก่อนตัดสินใจเอ่ยถามถึงสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจมานาน “เรื่องเมื่อคืน... ฉันอยากรู้ว่าเพราะอะไร” วิศรุตมองนภัทรที่นิ่งเงียบไปอย่างน้อยใจลึกๆ เขาอยากให้ฝ่ายนั้นพูดออกมาตรงๆว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเขากันแน่ อยากให้นภัทรบอกเหตุผลการกระทำของตัวเองว่าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ความเหงา? หรือเพราะ... วิศรุตไม่กล้าคิดต่อ


            “จากคนที่นายไม่เคยชอบหน้า คนที่นายเคยรังเกียจและขยะแขยง แต่สุดท้ายคนๆนั้นก็กลับกลายมาเป็นคนที่นายมีความสัมพันธ์ทางกายด้วย ฉันแค่อยากรู้ว่าตอนนี้นายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่”


            “ถ้าเราสองคนต่างก็มีความสุขกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วคำตอบของฉันมันสำคัญด้วยเหรอ” คนที่ถูกถามเอ่ยทำลายความเงียบที่เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ นภัทรก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าทำไมเขาถึงไปมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับคนที่ตัวเองเคยเกลียดแสนเกลียดได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้นึกเกลียดขี้หน้าฝ่ายนั้นแล้วก็ตาม อีกทั้งคนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยก็ยังเป็นผู้ชายเหมือนกันกับเขา ลึกๆในใจบางทีเขาอาจจะหาคำตอบได้แล้ว แต่ว่ายังไม่อยากจะยอมรับเท่านั้นเอง


            “ช่างเถอะ ถือว่าฉันไม่ได้ถามก็แล้วกัน” วิศรุตยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะมองตามแผ่นหลังของนภัทรที่เดินกลับเข้าห้องไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ชายหนุ่มเคยคิดไว้ว่าหากได้มีความสัมพันธ์ทางกายกับนภัทรจริงๆเขาคงจะมีความสุขมาก แต่พอวันที่เขาฝันไว้มาถึง เขากลับไม่ได้มีความสุขเท่าที่เคยวาดฝันเอาไว้ตั้งแต่ต้น แต่เขากลับรู้สึกยิ่งทรมาน... ทรมานกับการต้องนึกจินตนาการไปต่างๆนานาว่านภัทรรู้สึกอย่างไรกับตนกันแน่ ชายหนุ่มยิ้มเศร้ากับตัวเองพลางทอดสายตาไปเบื้องหน้า แดดอบอุ่นยามเช้าไม่อาจช่วยบรรเทาความเหน็บหนาวในใจของวิศรุตในตอนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

 

Aislin: มาอัพนิยายให้แล้วจ้ะ ตามสัญญาที่ว่าจะมาอัพให้ทุกสัปดาห์จนจบเรื่อง แต่อย่างที่แจ้งไว้ว่าจะไม่ลงตอนพิเศษให้อีก 3 ตอนนะคะ เพราะอยากจะให้สิทธิพิเศษกับท่านที่อุดหนุนรูปเล่มค่ะ แห่ะๆๆ ถ้าใครสนใจสั่งซื้อยังสามารถติดต่อได้เลยนะคะ หลังไมค์มาที่แฟนเพจหรืออีเมล์มาก็ได้ตามสะดวกเลยค่ะ

            มาว่ากันถึงนิยายตอนนี้ “สองคน...หนึ่งคืน” วี๊ดวิ๊วววว...และแล้วก็เป็นความสัมพันธ์ที่แสนจะคลุมเครือมิใช่น้อย คนหนึ่งก็รักมาก อีกคนก็ปากแข็งไม่ยอมรับความจริงในใจเสียที แล้วเมื่อไหร่จะลงเอยกันได้เนี่ย ฮ่าๆๆ ยังไงร่วมลุ้นตอนต่อไปด้วยกันนะคะ เดี๋ยวต่อจากนี้เป็นต้นไป เรื่องราวจะทยอยความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ใครติดใจ ทนไม่ไหวที่ต้องรอสัปดาห์ละ 1 ตอน แนะนำว่าซื้อแบบเป็นเล่มหรือโหลดอีบุ๊คโลดดด... จะได้ไม่ค้างคานะครับ รับประกันความสนุก ตื่นเต้น ลุ้นระลึก (โดยเฉพาะตอนท้ายๆเรื่อง)


 
ปล. แล้วเจอกันใหม่สัปดาห์หน้าเน้อ ^0^ อย่าลืมทิ้งคอมเม้นท์ให้กันหน่อยนะคะ


ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
วินกับกานต์ปะฉะดะกันแว้ววววว แต่ห็หน่วงๆเพราะวินมีเรื่ดงเข้ามาเยอะเหลือเกิน สู้ๆนะขอให้รักที่รอมานานสมหวังซักที

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
วินกับกานต์ปะฉะดะกันแว้ววววว แต่ห็หน่วงๆเพราะวินมีเรื่ดงเข้ามาเยอะเหลือเกิน สู้ๆนะขอให้รักที่รอมานานสมหวังซักที

ปะฉะดะกันแบบไม่ธรรมดาซะด้วย ฮาๆๆๆ
ความรักของทั้งคู่รู้สึกจะหน่วงไปอีกนานเลยค่ะ ยังไงขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มอบให้เน้อ วินคงดีใจที่หลายๆคนเชียร์เยอะขนาดนี้ อิอิ ^0^

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
อัพเดทราคาขายนิยายรูปเล่ม "ทัณฑ์กามเทพ"

ราคาเล่มละ 430 บาท

ติดต่อ www.facebook.com/Aislin.Napoon  หรือ  Aislinnovelsแอทhotmail.com (แอทฮอทเมล์)

ปล. ในรูปเล่มมีตอนพิเศษแบบจุใจอีก 3 ตอนแถมให้ด้วยนะคะ (ไม่อัพลงเว็บค่ะ)

หรือถ้าหากสนใจแบบ Ebook สามารถโหลดได้จากเว็บ MEB ได้เลยค่ะ

(Search ชื่อเรื่อง “ทัณฑ์กามเทพ”)




            พงศธรจอดรถเอาไว้ที่หน้าบ้านของนภัทรก่อนที่เจ้าตัวจะรีบลงมากดออดหน้าบ้านของเพื่อนสนิท เขาเห็นรถของ นภัทรจอดอยู่ก็แสดงว่าอีกฝ่ายต้องกลับมาถึงบ้านแล้ว และแน่นอนว่านภัทรพาวิศรุตมาด้วย แต่พงศธรก็ไม่แน่ใจนักว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับวิศรุตเพราะว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือถูกตัดไปก่อน เนื่องจากมือถือของนภัทรแบตฯหมด พงศธรยืนกดออดอยู่สองสามครั้งแต่ก็ไม่เห็นว่าเจ้าของบ้านจะมาเปิดประตูให้เสียที สงสัยออดจะเสีย ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด เขายิ่งมีเรื่องสำคัญเสียด้วย ออดเจ้ากรรมก็ดันมาเสียเอาวันนี้ พงศธรลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจปีนข้ามรั้วเข้าไปในตัวบ้าน


            คืนนี้ชายหนุ่มถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์กลางดึกจากลูกน้องที่โทรมารายงานว่าโครงการก่อสร้างบ้านจัดสรรของทัดเทวาที่วิศรุตให้ตนรับหน้าที่เป็นวิศวกรดูแลอยู่กลับถูกไฟไหม้วอดวายเสียหายไปเยอะพอสมควร เขายังไม่รู้อย่างแน่ชัดนักว่านี่เป็นเพียงอุบัติเหตุหรือการลอบวางเพลิงเพราะตอนนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ แต่ที่แน่ๆคือเขาจำเป็นต้องรายงานให้วิศรุตทราบโดยด่วน ซึ่งเขาก็โทรติดต่อฝ่ายนั้นเกือบจะเป็นร้อยครั้งแล้วแต่ก็ยังติดต่อไม่ได้ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าวิศรุตไปไหน รปภ.ที่บริษัทก็บอกว่าวิศรุตออกมานานแล้ว แต่ที่บ้านทัดเทวากลับบอกว่าวิศรุตยังไม่กลับบ้าน พงศธรก็ยิ่งร้อนใจ แต่ในที่สุดก็โชคดีที่เขาติดต่อกับนภัทรได้ ฝ่ายนั้นบอกว่าอยู่กับวิศรุตและกำลังจะกลับบ้าน ดังนั้นพงศธรจึงรีบมาหาวิศรุตที่นี่เพื่อบอกข่าวสำคัญ


            ไฟชั้นล่างในห้องรับแขกถูกปิดเกือบหมดเหลือเพียงไฟตรงบันไดที่ทอดขึ้นชั้นสองเพียงดวงเดียวที่ยังคงสว่างอยู่ พงศธรคิดว่าทั้งคู่คงอยู่ด้านบน ชายหนุ่มจึงรีบสาวเท้ายาวๆจนเกือบจะเป็นวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน แต่เมื่อมาถึงชั้นสอง ชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงแปลกๆที่ดังมาจากห้องนอนของเพื่อนรัก พงศธรขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเอื้อมมือผลักประตูให้เปิดออกเล็กน้อยอย่างไม่แน่ใจในความคิดของตน


            ภาพเบื้องหน้าที่สะท้อนเข้าสู่สายตาทำให้พงศธรแทบกลั้นหายใจ ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตา เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายสองคนที่กำลังกอดรัดและร่วมรักกันอย่างสุขสมเบื้องหน้าก็คือเพื่อนสนิทกับเจ้านายของตน มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน? เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นแล้วค่อยๆใช้มือดึงบานประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ให้ปิดลงตามเดิมก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบด้วยสมองที่ยังคงอื้ออึงกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้

 



            พงศธรมาเยี่ยมศรารัตน์ที่โรงพยาบาล ชายหนุ่มมองร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความสงสารจับใจ ศรารัตน์ไม่น่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้เลย ทั้งเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของนภัทรกับพี่ชายของเธอเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเฝ้ามองเธออย่างเงียบๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าศรารัตน์ชอบนภัทรมากเพียงใด ตลอดเวลาที่อยู่กับเขา หญิงสาวกลับชอบเอ่ยถึงแต่นภัทร ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนของเขา ศรารัตน์จะให้ความสำคัญกับมันเสมอจนบางครั้งเขาเองยังแอบอิจฉานภัทรอยู่ลึกๆ


            พงศธรไล้ฝ่ามือไปตามใบหน้าของศรารัตน์ที่ซีดเซียวจนแทบไม่มีเลือดฝาด ในใจก็นึกว่าถ้าหากตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่านภัทร คนที่เธอหลงรักมาตลอดดันไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบผิดธรรมชาติกับวิศรุตพี่ชายแท้ๆของเธอ ศรารัตน์จะรู้สึกเสียใจแค่ไหนกันนะ เธอจะรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้หรือเปล่า แล้วเธอจะยังทำใจรักนภัทรต่อไปได้อีกไหม ตอนนี้พงศธรไม่กล้าคิดเลยจริงๆ


            หลังจากเยี่ยมอาการศรารัตน์ได้สักครู่หนึ่ง พงศธรก็ตั้งใจจะไปหานภัทรที่ห้องทำงานของฝ่ายนั้น แต่ก่อนที่จะออกไปชายหนุ่มไม่ทันได้สังเกตเลยว่านิ้วมือของศรารัตน์มีการกระดิกตอบสนองเล็กน้อย

 



            “อ้าว ไอ้พงษ์ วันนี้ว่างเหรอ ทำไมมาถึงที่นี่ได้วะ” นภัทรถามพร้อมรอยยิ้มเมื่อพบว่าคนที่เข้ามาในห้องทำงานคือเพื่อนรักของตน ปกติพงศธรไม่ค่อยได้มาหาเขาที่โรงพยาบาล ส่วนมากจะนัดเจอกันข้างนอกมากกว่า คุณหมอหนุ่มงุนงงกับท่าทีที่แปลกไปของอีกฝ่ายก่อนจะถามขึ้นว่าเอาแกแฟไหม แต่พงศธรกลับส่ายหน้าแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง


            “แกรู้เรื่องโครงการบ้านจัดสรรของทัดเทวาที่โดนไฟไหม้แล้วใช่ไหม” นภัทรพยักหน้าก่อนบอกว่าตนเห็นแล้วเพราะข่าวลงพาดหัวใหญ่หน้าหนึ่งเลยทีเดียว โดยเขาเพิ่งจะรู้เมื่อเช้านี้เอง


            “ที่ฉันโทรไปหาแกเมื่อคืนก็เพราะเรื่องนี้แหล่ะ ตอนนั้นที่เกิดเรื่องฉันติดต่อวินไม่ได้เลย แต่ก็โชคดีที่แกอยู่กับวิน” พงศธรยิ้มแต่หน้ายังคงนิ่งสนิทพร้อมกับพูดต่อไปเรื่อยๆ “ฉันคิดว่าเรื่องนี้รอไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจไปหาแกที่บ้านเมื่อคืน” นภัทรอึ้งไปซักพักก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า


                “ฉันไม่รู้ว่าแกมาที่บ้านด้วย” พงศธรจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยช้าๆแต่ทว่าชัดเจน


            “ฉันกดออดแต่แกไม่มาเปิดประตู ก็เลยปีนรั้วเข้าไปแทน แต่แกกับวินไม่ได้อยู่ที่ห้องรับแขก ฉันก็เลยขึ้นไปหาที่ชั้นสอง”


            “แกเห็น...” นภัทรมือเย็นเฉียบ ใบหน้าแทบจะเปลี่ยนเป็นไร้สีเลือดเมื่อพงศธรพยักหน้ารับว่าสิ่งที่นภัทรกำลังเดานั้นถูกต้องแล้ว


            “ฉันเห็นแกกับวินสองคนกำลัง เอ้อ ทำอะไรกัน” ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทำงานทันทีที่พงศธรพูดจบ นภัทรไม่รู้ว่าตอนนี้ตนควรแสดงสีหน้ายังไง และในใจก็ยิ่งกลัวกับสิ่งที่ตนกำลังคิดอยู่ลึกๆ


            “แกรังเกียจฉันหรือเปล่า” นภัทรถามถึงเรื่องที่เขาไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน


            “เปล่าหรอก เราเป็นเพื่อนกันมานาน ฉันไม่มีเหตุผลที่จะรังเกียจแกเลยไอ้กานต์ เพียงแต่ตอนนี้ฉันแค่ยังทำตัวไม่ถูก” พงศธรเองก็ตอบไม่ได้ว่าตนควรจะรู้สึกยังไง เพราะเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน


            บรรยากาศรอบตัวทั้งคู่มีแต่ความเงียบ ทั้งคู่ต่างจมอยู่กับภวังค์ความคิดของตัวเอง แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องทำงานของนภัทรก็ดังขึ้นทำลายความเงียบนั้น คุณหมอหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาได้


            “คุณหมอคะ ตอนนี้คนไข้ห้อง 517 เริ่มมีอาการตอบสนองแล้วค่ะ” เมื่อพยาบาลพูดจบ นภัทรก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางพงศธรที่มองมาที่ตนเช่นกัน... ห้อง517… ศรารัตน์

 



            วิศรุตเดินหน้าเครียดออกจากห้องประชุมบอร์ดบริหาร ชายหนุ่มเพิ่งรู้เรื่องไฟไหม้โครงการบ้านจัดสรรของทัดเทวาเมื่อเช้านี้เอง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาต้องเข้าประชุมด่วนกับบรรดาผู้บริหารตลอดทั้งบ่ายเพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ เดิมทีเขาตั้งใจที่จะใช้โครงการนี้พิสูจน์ฝีมือของตนให้บรรดาผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารบริษัทได้เห็น แต่สุดท้ายมันกลับมาล้มอย่างไม่เป็นท่า เหตุเพราะมาจากอุบัติเหตุหรือไม่ก็การลอบวางเพลิงที่ตำรวจเองก็ยังต้องสืบสวนต่อไป


             ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ตอนเช้าเขาต้องไปให้ปากคำกับตำรวจเรื่องการถูกลอบฆาตกรรมเมื่อคืนก่อน ส่วนตอนบ่ายก็ต้องมารับมือกับปัญหาเรื่องไฟไหม้อีก ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องเจออะไรอีกบ้าง


            “ถึงกับถอนหายใจยาวเลยเหรอหลานรัก” เสียงวันชัยที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้วิศรุตหันกลับไปมองอย่างไม่ชอบใจนัก “เจอแค่นี้ถึงกับหมดสภาพเลยทีเดียว” ชายหนุ่มกัดฟันแน่นทนฟังคำถากถางของผู้เป็นอา หลักฐานเรื่องการยักยอกเงินที่เขามีตอนนี้ยังอ่อนเกินไปที่จะเอาผิดกับวันชัยและภาคิน ทำให้ทั้งคู่ดิ้นหลุดไปได้ ถึงแม้ว่าภาคินจะต้องรับผิดชอบกับยอดเงินในฐานะผู้จัดการฝ่ายการเงินที่ต้องโดนลงโทษโดยการพักงานก็ตาม แต่วันชัยผู้เป็นพ่อก็ได้กลับเข้าสู่ตำแหน่งงานตามปกติ วิศรุตมองยิ้มเหี้ยมเกรียมของคนตรงหน้าที่มีศักดิ์เป็นอาแท้ๆของตนแล้วสังหรณ์ใจ


            “อย่าบอกนะว่าอาอยู่เบื้องหลังเรื่องไฟไหม้แล้วก็เรื่องที่ผมถูกตามฆ่าเมื่อคืนนี้” วันชัยยังคงยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร ซึ่งนั่นก็ทำให้วิศรุตเดาได้ทันทีว่าคำตอบก็คือใช่ ชายหนุ่มกำหมัดแน่นด้วยความแค้นก่อนจะบอกว่าถ้าหากตนหาหลักฐานได้เมื่อไหร่รับรองว่าจะไม่ปล่อยอากับไอ้ภาคินเอาไว้แน่


            “ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆไปหาหลักฐานมาเถอะ ต่อให้หาจนตายก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอหรือเปล่า” วันชัยหัวเราะร่วนก่อนจะจ้องหน้าวิศรุตแล้วพูดเน้นเสียง “ฉันไม่หยุดแค่นี้แน่และที่สำคัญก็คือความลับของเธอที่ซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ ระวังเอาไว้เถอะว่าวันหนึ่งมันจะถูกเปิดเผย”


            “อาตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่” วันชัยไม่ตอบคำถามนั้นแต่กลับเดินจากไปด้วยความสะใจ ทิ้งให้วิศรุตงงกับคำพูดของฝ่ายนั้น ความลับอะไรกัน?


            “ท่านประธานคะ” วิศรุตหันไปตามเสียงเรียกของอิงอร เลขาฯส่วนตัวที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา ตอนนี้เขาย้ายเมริษาไปทำแผนกอื่นแทนการเป็นเลขาฯให้เขา โดยให้เหตุผลว่าอิงอรหายดีและกลับมาทำหน้าที่ต่อได้แล้ว ทั้งที่ความจริงก็คือวิศรุตไม่ต้องการให้ผู้หญิงอันตรายอย่างเมริษาเข้าใกล้เพื่อล้วงความลับจากเขาอีกต่อไป เพราะแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วจริงๆ


            “มีอะไรครับคุณอิงอร ผมต้องเข้าประชุมอะไรต่อหรือเปล่า”


            “ไม่มีประชุมแล้วค่ะ เพียงแต่ตอนท่านประธานเข้าประชุมอยู่ ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าตอนนี้คุณศรารัตน์รู้สึกตัวแล้วค่ะ”

 



            เมื่อรู้ว่าจากอิงอรว่าศรารัตน์ฟื้นแล้ว วิศรุตจึงรีบมาที่โรงพยาบาลทันที ชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะพบว่านอกจากศรารัตน์ที่กำลังอยู่ในอิริยาบถกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงแล้ว ในห้องยังมีนภัทรกับพงศธรอยู่ด้วย


            “ฟื้นแล้วเหรอศรา เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” วิศรุตปราดเข้าไปข้างเตียงแล้วยกมือของผู้เป็นน้องสาวมากุมเอาไว้ ใบหน้าชายหนุ่มประดับยิ้มด้วยความยินดีที่เห็นว่าศรารัตน์ฟื้นแล้วจริงๆ แม้ว่าเจ้าตัวจะยังมีท่าทางอิดโรยและซูบซีดก็ตาม


            ศรารัตน์จับจ้องมองผู้มาใหม่อย่างเย็นชาก่อนค่อยๆดึงมือออกจากการเกาะกุมของมือใหญ่ ท่าทีเย็นชาของหญิงสาวทำให้วิศรุตอึ้งไปเล็กน้อยก่อนเจ้าตัวจะปั้นยิ้มแล้วพูดต่อ


            “นอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตั้งนาน ทิ้งงานที่บริษัทให้ฉันรับผิดชอบจนกองแฟ้มงานจะทับตัวฉันแล้วเนี่ย”


            “นายคงผิดหวังล่ะสิที่ฉันยังไม่ตาย” ศรารัตน์เอ่ยขึ้นมาเบาๆทว่าเจือด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเย็นชาอย่างชัด    เจนจนแม้แต่นภัทรกับพงศธรก็ยังตกใจ


            “พูดอะไรของเธอ ฉันจะอยากให้เธอตายทำไมกัน”


            “นายก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องอะไร” ศรารัตน์ปรายตามองไปที่นภัทรแวบหนึ่ง ซึ่งพงศธรก็สังเกตเห็นสายตานั้นเช่นกัน ชายหนุ่มยิ่งปวดหนึบที่หัวใจ นภัทรอีกแล้วเหรอ


            “ว่าแต่ทำไมอยู่ดีๆคุณศราถึงประสบอุบัติเหตุได้ล่ะครับ” พงศธรรีบเปลี่ยนประเด็นทันทีเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของทั้งนภัทรและวิศรุต


            “คืนนั้นฉันขับรถเร็วมากน่ะค่ะ มารู้อีกทีก็เบรกไม่อยู่ซะแล้ว จากนั้นก็ไม่รู้ตัวอีกเลย” ศรารัตน์เลือกที่จะไม่บอกพงศธรว่าที่เธอขับรถออกจากบ้านด้วยความรวดเร็วแบบนั้นเพราะเหตุผลอะไรซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ แต่คนที่พูดแทนคือวิศรุต


            “เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอมันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการวางแผนฆาตกรรม” สีหน้าศรารัตน์มีแววตื่นตระหนกเมื่อได้ฟังคำพูดนั้น ชายหนุ่มสันนิษฐานต่อ “ฉันเดาว่าต้องเป็นฝีมือของสองพ่อลูกคู่นั้นแน่”


            “แล้วเค้าจะทำไปเพราะอะไรล่ะ” พงศธรถาม ศรารัตน์ก็มองหน้าวิศรุตอย่างต้องการคำตอบเช่นกัน


            “ก็คงเพราะยัยศราไปเปิดโปงแผนยักยอกเงินบริษัทน่ะสิ” สีหน้าของศรารัตน์มีแววเคร่งเครียดขึ้นมาทันที นภัทรถอนหายใจเฮือกก่อนจะพูดตัดบทเพราะไม่อยากให้คนไข้ของตนเกิดความเครียดในตอนนี้ อีกอย่างศรารัตน์เองก็ยังเพิ่งจะฟื้นจากการเป็นเจ้าหญิงนิทรามานาน การต้องมารับรู้เรื่องหนักๆอาจจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของเธอได้


            “ฉันว่าเรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยต่อวันหลังเถอะ ตอนนี้ขอให้คุณศราได้พักผ่อนก่อน ร่างกายเธอยังไม่ฟื้นตัว ฉันไม่อยากให้คนไข้คิดเรื่องเครียดๆน่ะ” ทั้งพงศธรและวิศรุตต่างก็พยักหน้าก่อนทั้งสามคนจะขอตัวกลับ ศรารัตน์ยิ้มบางๆให้กับนภัทรและพงศธรแต่กลับมีท่าทีเฉยชากับวิศรุตจนอีกฝ่ายถึงกับสะอึกเพราะไม่คิดว่าศรารัตน์จะโกรธจนถึงกับไม่ยอมมองหน้าตนเลย

 


            “เดี๋ยวก่อนวิน” นภัทรเรียกขึ้นเมื่อทั้งสามคนออกมาจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว วิศรุตหันไปประจันหน้ากับคนเรียกก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงถามว่ามีอะไร คุณหมอหนุ่มอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเหลียวหน้าไปมองพงศธรที่ยืนอยู่ด้วยกันซึ่งฝ่ายนั้นก็เข้าใจดีว่านภัทรคงมีเรื่องอยากจะคุยกับวิศรุตตามลำพัง ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอตัวกลับก่อน


            นภัทรมองตามหลังพงศธรที่เดินไปไกลแล้วก่อนจะหันมาพูดกับวิศรุตที่ยังยืนอยู่ที่เดิม


            “เรื่องที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนนี้ที่ไฟไหม้โครงการบ้านจัดสรรของบริษัทนายน่ะ”


            “ก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เท่าไหร่หรอกถ้าเทียบกับเรื่องของศรา” วิศรุตสบตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายแล้วพูดต่อ ในน้ำเสียงเจือไว้ด้วยความเสียใจอย่างปิดไม่มิด “เมื่อกี๊นายเห็นหรือเปล่าที่ศราพูดประชดฉันเรื่องที่อยากให้เธอตาย แถมยังทำท่าทางเย็นชาแบบนั้นใส่ฉันอีก หน้าฉันยังไม่อยากจะมองเลย”


            “ฉันว่านายเองควรจะให้เวลาคุณศราหน่อย นายก็รู้นี่นาว่าเรื่องแบบนี้มันก็ทำใจให้ยอมรับลำบากนะ” นภัทรหมายความถึงเรื่องที่ศรารัตน์รู้ว่าวิศรุตชอบเพศเดียวกันแถมยังมาชอบเขาอีกด้วย


            “ฉันรู้ แต่นิสัยศราเป็นคนใจแข็ง ฉันกลัวว่าเธออาจจะไม่มีวันยอมรับแล้วก็ไม่มีวันให้อภัยฉันเลย” จากน้ำเสียงของคนตรงหน้าทำให้นภัทรรู้สึกเศร้าไปด้วย คุณหมอหนุ่มกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะปลอบ


            “เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง ฉันเชื่ออย่างนั้นนะ” นภัทรลูบหลังมือเบาๆอย่างให้กำลังใจ วิศรุตสบตาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งอบอุ่นและอยากขอบคุณในเวลาเดียวกัน


            “วันนี้นายจะค้างที่ไหน” นภัทรถามขึ้นเสียงเบา วิศรุตสังเกตผ่านแว่นเลนส์บางของอีกฝ่ายก่อนจะพบว่าในดวงตาสีถ่านคู่นั้นมีแววไหววูบและพราวระยับอย่างประหลาด ชายหนุ่มยกยิ้มบางก่อนจะบอกว่าวันนี้ตนคงทำงานอยู่ที่บริษัทจนถึงค่ำๆจึงจะกลับ


            “ถ้าอยากเจอก็ไปหาฉันที่คอนโดฯก็แล้วกัน” วิศรุตล้วงกุญแจห้องที่คอนโดฯส่วนตัวออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้อีกฝ่ายที่รับไปพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน


            “เจอกันคืนนี้” นภัทรพูดเสียงค่อยจนเกือบกระซิบที่ข้างหูวิศรุตก่อนเจ้าตัวจะเดินผละไปจากตรงนั้น ทิ้งให้อีกคนมองตามด้วยจิตใจที่พองโตจนคับอก ทว่าซอกมุมที่อยู่ลึกเข้าไปนั้นกลับเต็มไปด้วยความสงสัยไม่แน่ใจ วิศรุตไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้ เขาอยากจะได้ยินชัดๆจากปากของนภัทรโดยตรงมากกว่าแค่การคิดไปเองฝ่ายเดียว

 

Aislin: มาอัพนิยายให้แล้วนะคะ หวังว่าคงไม่ค้างคาจากตอนที่แล้วนานจนเกินไปนะคะ อิอิ มาว่าถึงนิยายตอนนี้กันดีกว่า... ตอนนี้คุณน้องศราก็ฟื้นคืนชีพแล้ว รับรองว่าจะต้องมีเรื่องสนุกๆ วุ่นวายชวนปวดประสาทเพิ่มขึ้นมากอีกแน่นอน เพราะคุณเธอฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ยังมึนตึงกับพี่ชายสุดหล่ออยู่เลย ไม่รู้มั่งเลยว่าพี่ชายเค้าเป็นห่วงแค่ไหน นึกแล้วก็สงสารวิน เฮ้อออ ไหนจะเรื่องหัวใจที่ยังคลุมเครืออยู่อีก คิดแล้วก็เพลียใจแทน ฮาๆๆ ยังไงก็ฝากลุ้นกับความรักของทุกๆตัวละครในนิยายเรื่องนี้ไปพร้อมๆกันจนจบเลยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

 

ปล. ตอนนี้นิยายรูปเล่มยังสั่งซื้อได้อยู่นะคะ (รีบซื้อก่อนหมดสต็อกเน้อ) หรืออยากอ่านเป็นอีบุ๊คก็ตามสะดวกเลยค่ะ เชิญได้ที่เว็บ MEB โลดดดด

 

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
นี่คือเรื่องที่อิป้าชอบเพิ่งเห็นลงในเล้า อ่านในเด็กดี ซื้อหนังสือมากอด จนช้ำต้องห่อปกใหม่
แต่ตอนนี้ยังไม่อ่าน แปะไว้แล้วจะเข้าอ่าน...รักหมอกานต์กับพี่วิน....หาคู่ให้โอมซะเถอะ..

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด