เวลาเราเงยหน้าแหงนมองขึ้นไปยังท้องฟ้าในยามค่ำคืน
สิ่งแรกที่เราเห็น คือ
ดวงดาว
ที่กำลังส่องสว่างแข่งกันอยู่บนท้องฟ้า
มนุษย์เราเป็นกรรมการจัดการแข่งขันความสว่างที่เรียกว่า
'โชติมาตรปรากฏ'
ผู้ที่ส่องสว่างให้มนุษย์เห็นได้มากที่สุดจะได้รับคะแนน
ยิ่งคะแนนของใครน้อยมากเท่าไหร่
ก็คือ ผู้ที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้าผืนนี้
ตอนที่ 14
ทันทีที่การนับถอยหลังจบลง แสงสว่างวาบสีขาวก็พลันปรากฏขึ้นบนฟ้า เป็นเวลาเพียงชั่วอึดใจก่อนจะค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้าสีเทามืด
เมื่อได้สติแล้วก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองได้พลาดฉากสำคัญของปรากฏการณ์บนท้องฟ้าไปเสียแล้ว นึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้ถ่ายรูปหรือแม้กระทั่งถ่ายวิดีโอเก็บไว้
ราวกับคนด้านข้างรู้สึกถึงความเสียดายตรงจุดนี้ จึงได้พูดปลอบใจขึ้น
"มันมีให้ดูอีกเรื่อยๆแหละ"
"ถ้าคราวหน้ามีอีกชวนมาดูด้วยแล้วกัน" เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็ต้องแทบสำลักคำพูดของตัวเอง จู่ๆก็เอ่ยชวนอีกฝ่ายเสียอย่างนี้จะดูผิดสังเกตหรือเปล่า?
"ได้ ถ้ามีอีกจะบอกแล้วกัน" ลอบมองสีหน้านิ่งเฉยของอีกฝ่ายก่อนจะแอบถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก พยายามตีสีหน้าขรึมเพื่อไม่ให้หลุดรอยยิ้มดีใจออกมา
นั่งอยู่บนถนนกันอยู่อย่างนั้นได้ไม่นาน ลีโอลุกขึ้น มือของอีกฝ่ายยื่นมาตรงหน้า เอื้อมมือไปจับแล้วยืนขึ้น
"กลับกันเถอะ"
สระว่ายน้ำในสนามกีฬามหาลัยตอนนี้เริ่มคราคร่ำไปด้วยกองเชียร์จากหลายคณะที่มารอชมการแข่งขันในวันนี้
นั่งรออยู่บนแสตนด์เชียร์พร้อมกับเติ้ลและแซน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเริ่มแข่งแต่คนก็เริ่มทยอยมากันแล้ว มีนักกีฬาบางคนลงว่ายวอร์มอยู่ในสระบ้าง แต่คนที่เป็นเป้าหมายให้มาเชียร์ในวันนี้ยังไม่โผล่มา
ระหว่างรอเวลาอันแสนน่าเบื่อก็เลยหยิบกล้องมิลเลอร์เลสตัวเล็กมาถ่ายบรรยากาศโดยรอบ เมื่อแซนเห็นกล้องก็ขอร้องให้มันได้เป็นนางแบบสักหน่อย เมื่อถ่ายได้สองสามรูปก็เอารูปให้มันดู
"โห เพื่อนเอกถ่ายรูปสวยว่ะ ไว้ส่งรูปพวกนี้ให้หน่อยดิ" พยักหน้าตอบรับคำขอมันไป ก่อนที่แซนจะหันไปเรียกไอเติ้ลให้มาถ่ายด้วยกัน และแน่นอนว่าสองคนนี้มันคงไม่ถ่ายรูปดีๆกันหรอก
ไม่นานหลังจากนั้น แซนลุกขึ้นโบกมือเมื่อเห็นว่าพวกไอโปรและคนอื่นๆเดินเข้ามา ชะเง้อคอมองตามไปยังจุดที่แซนมอง เห็นทุกคนเดินตรงขึ้นมาหาบนแสตนด์ ด้านหลังมีพวกนักกีฬาของคณะวิทยาศาสตร์เดินตามมาอีกห้าคน หนึ่งในนั้นมีลีโออยู่ด้วย
"มานานหรือยังวะ โทษที พวกกูเพิ่งทำแลปเสร็จ" ไอโปรทักทาย ดูจากเหงื่อที่ผุดบนใบหน้ามัน คิดว่าคงรีบมา
"ก็สักพักแล้วว่ะ" ไอเติ้ลตอบ ตอนนี้พวกนักกีฬาในชุดเสื้อยืดสีเหลืองก็เริ่มยืดกล้ามเนื้อกันและคุยกันไปด้วยเพราะยังเหลือเวลาก่อนแข่งอีกพอสมควร
มองไปรอบๆสระอย่างนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นนักกีฬาของคณะตัวเองสักคน แถมไอพี่ชายตัวดีนั่นก็ยังไม่โผล่มา หรือว่าจะไปซุ่มกันอยู่
ยังไม่ทันขาดคำก็เห็นคนที่เพิ่งนึกนินทาอยู่ในใจเดินเข้ามากับเพื่อนอีกคนพร้อมทั้งขบวนนักกีฬาอีกเจ็ดแปดคนเดินตามหลังเข้ามา เมื่อจักรภพเห็นกลุ่มพวกเราก็เดินตรงมาหา ทุกคนพร้อมใจกันยกมือไหว้
"ว่าไงทุกคนพร้อมยัง?" จักรภพทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"พี่ต้องไปถามนักกีฬาสิวะครับ มาถามอะไรพวกกระผม" ไอเติ้ลพยักหน้าไปทางฝั่งกลุ่มเพื่อนที่ใส่เสื้อยืดสีเหลืองยืนกันอยู่ จักรภพเพียงแค่ยิ้มให้
"วันนี้เชียร์คณะตัวเองดิวะ ฝั่งนู้นให้ไอ้ปูนมันเชียร์ไป"
"แต่ฝั่งนู้นเค้ามีตัวท็อปหน้าตาน่ารักอยู่ เพราะงั้นหนูขอย้ายฝั่งก่อนนะคะ" แซนหัวเราะพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้ลีโอ เดี๋ยวเถอะมึง
"เดี๋ยวเจอฝั่งเราแล้วแซนจะย้ายกลับไม่ทันนะ" จักรภพหัวเราะ ส่วนเพื่อนมันที่ชื่อปูนได้แต่เบ้ปากใส่
"นี่แข่งว่ายน้ำครับมึง ใช้หน้าตาก็ไม่ได้ว่ายเร็วขึ้นหรอกว่ะ"
"กูบอกแล้ว แข่งไอนี่ไม่ซีเรียส เขาจัดมาให้กระชับความสัมพันธ์กันในมหาลัยต่างหากเว้ย"
อย่างที่จักรภพบอก งานกีฬาภายในที่จัดขึ้นนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะและต่างคณะ สังเกตได้จากบรรยากาศที่ดูเป็นกันเองและสนุกสนาน แถมทางองค์การนิสิตก็ยังเปิดเพลงบางระจันอีกต่างหาก ไม่เหมือนเป็นการแข่งขันที่ต้องการผลแพ้ชนะเลยสักนิด
แต่ดูเหมือนพี่ปูนจะซีเรียสเรื่องผลแพ้ชนะพอสมควร คงไม่ได้ไปหมั่นไส้นักกีฬาคนไหนในคณะวิศวะหรอกนะ
"ไม่งั้นคณะกูจะมีคนแก่มาลงหรอวะ" คนแก่ที่จักรภพพูดถึงคือรุ่นพี่ป.โทคนหนึ่ง
"อย่าให้พี่คณิตได้ยินนะมึง คอขาดแน่นอน" พี่ปูนหัวเราะ
"พี่คณิตนี่ใครวะ" ไอเติ้ลหันมาถาม แต่คนที่ตอบกลับเป็นพี่ปูนแทน
"พี่คณิตปีหนึ่งไง..."
"ปีหนึ่งไหนวะ?" เติ้ลขมวดคิ้วด้วยความงง มันคงไม่เข้าใจว่าเป็นพี่ แต่ทำไมอยู่ปีหนึ่ง
"มาสเตอร์ดีกรีปีหนึ่ง" จักรภพช่วยเสริมให้ ทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อ
"แต่ปีนี้พี่แกลงให้คณะกูว่ะ อย่าเสียใจนะเว้ยมึง" พี่คณิตคนนี้ค่อนข้างสนิทกับจักรภพพอสมควร เคยเจอกันบ้างนิดหน่อยในคณะ เพราะพี่แกต่อป.โทที่คณะวิศวะ แต่ก่อนหน้านี้ตอนป.ตรีจบมาจากคณะวิทยาศาสตร์ และดูเหมือนจะเป็นสายรหัสของพี่ปูนด้วย
"โอ้ย จะเสียใจทำไมวะมึง"
มองพี่ชายตัวเองคุยกับเพื่อนสนุกสนานอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปมองฝั่งนักกีฬาที่ยืนอยู่ใกล้ๆจุดที่พวกเรานั่งกันอยู่ก็เห็นว่าลีโอกำลังยกกระเป๋ามาทางนี้
"ฝากหน่อย" ลีโอยื่นกระเป๋ามาตรงหน้า ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ปกติเขาไม่ได้วางกระเป๋าไว้ด้วยกันกับเพื่อนๆหรือไงถึงต้องเอามาฝาก แต่ก็พยักหน้ารับไปอย่างงงๆก่อนจะหันไปเห็นรอยยิ้มกรุ่มกริ่มของกลุ่มคนตรงนั้น แน่นอนว่าไอแซนกับไอเติ้ลไปนั่งอยู่ท่ามกลางกองกระเป๋าที่ควรจะมีที่เหลือมากกว่านี้ให้อีกคนวางได้
พวกมึงนี่มัน...ยังไม่ทันได้หันไปขยับปากด่าอะไรไอ้พวกนั้นมากมาย ก็ต้องอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า
หน้าท้องขาวตัดกับเสื้อสีเหลืองที่ถูกเลิกขึ้น รู้ตัวอีกทีก็เผลอเอื้อมมือไปรับเสื้อมาเสียแล้ว และยังตามมาด้วยกางเกงวอร์มขาสั้นอีก คนตรงหน้าหยิบหมวกซิลิโคนขึ้นมาสวมด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมถือแว่นตาว่ายน้ำไว้ในมือ
ลีโอในชุดว่ายน้ำพร้อมแล้วในขณะที่สติกำลังเตลิดหายไปอยู่นั้น เสียงฮือฮาก็ดังขึ้น สายตาทุกคนจับจ้องไปยังผู้มาใหม่
คนที่เดินเข้ามา ถ้าจำไม่ผิดคือคนที่อยู่กับลีโอในวันซ้อมด้วย พอได้เห็นคนคนนี้ในชุดธรรมดาที่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำแล้วก็ยิ่งเห็นหน้าตาได้ชัดเจนว่าเป็นคนที่ค่อนข้างหล่อ
ให้ไว้แค่ค่อนข้างนะไอหน้าหล่อตรงเข้ามาหาจักรภพ เขายกมือไหว้รุ่นพี่ของตัวเองก่อนจะหันไปไหว้พี่ปูนที่เบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
"ว่าไงไอ้น้อง มาซะสายเลย ม่อสาวอยู่หรือไง" จักรภพเดินเข้ามากอดคอ
"ไม่ใช่สักหน่อยพี่ ผมไปหาอาจารย์ที่ปรึกษามา" อีกฝ่ายหัวเราะ ไม่ได้โกรธเคืองอะไรที่ถูกจักรภพแซวแบบนั้น
"เดี๋ยวสิ...นี่ตะวันใช่หรือเปล่า?" แซนที่นั่งอยู่ตรงนั้นร้องขึ้น ตามันตอนนี้ฉายแววเป็นประกายเมื่อมันพบผู้ชายหล่อถูกใจ และไม่ใช่มันเพียงคนเดียวที่มีสีหน้าเคลิ้มอย่างนั้น แต่ยังรวมไปถึงพวกสาวๆคนอื่นในบริเวณนั้นด้วย
"ใช่แล้ว เธอชื่อ…” ตะวันทำหน้านึกอยู่สักพักแล้วขยับปากพูดอย่างไม่แน่ใจ “แซนป่ะ?" เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อ แซนดี้ก็แสดงท่าทีดี๊ด๊าขึ้นมา ราวกับว่ามีตะวันคนเดียวที่จำชื่อมันได้
"ใช่ๆ จำชื่อเราได้ด้วยหรอ?"
"เพื่อนคณะเดียวกันก็ต้องจำได้ดิ"
'หูดำฉิบหายเลย' เติ้ลที่นั่งไม่มีปากเสียงอยู่นานหันมากระซิบด้วยความหมั่นไส้ พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนั้น เมินประโยคสนทนาเมื่อครู่ก้มหน้าก้มตาพับเสื้อผ้าของลีโอให้เรียบร้อยแล้ววางทับไว้บนกระเป๋าของเจ้าตัว
"แล้วนี่ไม่ลงไปวอร์มหน่อยหรอ?" เงยหน้าถามคนที่ยืนดัดแขนไปมาอยู่ตรงหน้า พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะไม่เผลอมองหน้าท้องขาวๆของอีกฝ่าย
"เดี๋ยวลงแล้วล่ะ" คนตรงหน้าหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมไว้บนหัวเป็นการเตรียมพร้อม แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินลงจากแสตนด์เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
"ลีโอ พร้อมยัง?" ตะวันเดินเข้ามาทักทาย ก่อนจะเลื่อนสายตามามองพวกเราสองคนที่นั่งอยู่
"หวัดดี ถ้าจำไม่ผิดอยู่คณะเดียวกันใช่ป่ะ?" ไม่แปลกที่ตะวันจะจำคนในคณะไม่ค่อยได้ เพราะจำนวนนิสิตในคณะนี้เยอะเหลือเกิน แค่เฉพาะปีหนึ่งก็ปาเข้าไปเกือบแปดร้อยคนแล้ว พยักหน้าแทนคำตอบให้กับตะวัน แต่สายตาตอนนี้จับจ้องอยู่กับแขนขวาของอีกฝ่ายที่กำลังกอดคอลีโออยู่
"นี่ชื่อเติ้ล ส่วนกูชื่อเอก" แนะนำตัวกับอีกฝ่ายไป ตะวันพยักหน้ายิ้มให้แล้วเริ่มแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
"กูชื่อตะวัน ยินดีที่ได้รู้จัก มีไรทักได้ ชวนแดกเหล้าได้" พยักหน้าให้ตะวันสองสามทีก่อนที่เจ้าตัวจะขอตัวลงไปวอร์มในสระพร้อมกับลีโอ
"ต่อไปจะเป็นการแข่งขันฟรีสไตล์หนึ่งร้อยเมตรชายชุดที่หนึ่ง ขอให้นักกีฬารายงานตัวด้วยค่ะ"
เสียงประกาศเรียกรายงานตัวแข่งรอบต่อไปดังเป็นสัญญาณให้นักกีฬาเตรียมตัว ลีโอที่ลงแข่งในรายการนี้ยืนขึ้นเต็มความสูง ก้าวเท้าเดินลงจากแสตนด์ที่ขึ้นมานั่งพักรอเวลาแข่งขัน เพื่อนๆจากทั้งคณะวิทยาศาสตร์และแซนดี้กับเติ้ลต่างส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้กับแข่งรายการแรกของลีโอ
ยกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์ถ่ายภาพแผ่นหลังขาวตัดกับสีฟ้าของน้ำในสระว่ายน้ำ ก้มมองภาพในจออย่างพึงพอใจ เป็นผลงานชิ้นเอกเลยก็ว่าได้
เหมือนกับยานเฮอไรซอนส์ที่ถ่ายภาพดาวพลูโตและบริวารที่ชื่อคารอนได้ไม่นานการแข่งขันในรอบก่อนหน้าก็จบลง นักกีฬาขึ้นจากสระกันจนหมดเหลือเพียงลู่ว่างเปล่าทั้งเจ็ดลู่
เสียงกรี๊ดจากคนดูข้างสระดังขึ้นเมื่อนักกีฬาเข้าประจำลู่ของตน เสียงประกาศแนะนำผู้เข้าแข่งขันของพิธีกรหญิงไล่เรียงไปทีละคนจนกระทั่งถึงลู่ที่สาม ซึ่งเป็นลู่ตัวเต็งอันดับสองของรายการนี้
"ลู่ที่สาม นายจักรวาล คณะวิทยาศาสตร์" เสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดดังกว่าครั้งไหนๆที่ประกาศรายชื่อมา
ยิ่งคนถูกประกาศชื่อโบกมือไปทางกองเชียร์ยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดให้กับบรรดาสาวๆที่มานั่งชมการแข่งขันได้เป็นอย่างดี
"เชรด น้องมึงตัวเต็งหรอวะเนี่ยไอปูน" ผู้ชายตัวสูงใหญ่ไว้หนวดเคราเล็กน้อยเดินเข้ามาพูดคุยทางด้านหลัง เมื่อเห็นว่าใครมาเยือนทุกคนต่างก็พร้อมใจกันยกมือไหว้ผู้อาวุโสที่สุดในทีมทันที
"โห พี่คณิต นึกว่าจะไม่มาแล้ว" พี่ปูนบ่นใส่คนที่มาช้า แต่ถึงจะมาช้ายังไงก็ยังถือว่ามาทัน เพราะรายการกบที่พี่คณิตจะลงแข่งนั้นอยู่ในรายการท้ายๆของการแข่งขัน
"เอาน่ะ อย่างน้อยกูก็มาทัน ไปเปลี่ยนชุดก่อนล่ะ" พูดจบพี่คณิตก็เดินจากไป ทุกคนหันกลับไปสนใจบริเวณสระว่ายน้ำต่อ
"ลู่ที่สี่ นายรพี คณะวิศวกรรมศาสตร์" เสียงเชียร์เมื่อสักครู่ว่าดังแล้ว ตอนนี้กลับดังขึ้นมากกว่าเดิม คนอะไรจะฮอตได้ขนาดนี้วะ
เมื่อขานชื่อจนจบ เสียงนกหวีดเป่ายาวเป็นจังหวะดังขึ้น เป็นสัญญาณให้นักกีฬาทุกคนเตรียมพร้อมบนแท่นปล่อยตัว
รอบสระไร้ซึ่งเสียงใดๆ นักกีฬาทุกคนต่างก้มตัวลงไปเกาะแท่นปล่อยตัว
ในตอนนี้ไม่อาจละสายตาจากนักกีฬาในลู่ที่สามได้เลย ศีรษะที่ก้มลง แว่นตาว่ายน้ำฉาบด้วยปรอทสีเงิน แม้จะไม่เห็นแววตา แต่กับสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ท่าก้มที่พร้อมจะพุ่งตัวออกไปทันที ราวกับถูกมนต์สะกดดึงดูดให้ต้องลั่นชัตเตอร์เก็บไว้
เพียงชั่วอึดใจเดียวเสียงสัญญาณของกรรมการก็ดังขึ้น
"Take your marks"
นักกีฬาทุกคนจับแท่นปล่อยตัวแน่น ดึงตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อเตรียมพุ่งตัวออกไป
"ปี๊ด!"
เสียงเชียร์ข้างสระกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อนักกีฬาทุกคนกระโจนลงสระ และเป็นไปตามคาด ลู่ที่สามและสี่ว่ายตีคู่กันมาอย่างสูสี จนถึงจุดกลับตัวที่ระยะ25เมตร ดูเหมือนตะวันจะกลับตัวได้เร็วกว่า ลีโอม้วนตัวตีลังกาถีบขอบสระตามมาติดๆ ไม่นานก็ตีตื้นแซงอีกฝ่ายได้
จังหวะการเต้นของหัวใจรัวเร็วบีบรัดหน้าอกด้วยความตื่นเต้น
ทั้งคู่กลับตัวพร้อมกันในรอบสุดท้าย เหลือระยะอีก25เมตรเท่านั้นก่อนจะถึงเส้นชัย ทั้งคู่ต่างเร่งจังหวะแขนและขารวดเร็วขึ้นมาก คงออมแรงกันไว้เพื่อรอบสุดท้ายนี้
เพียงเสี้ยววินาทีที่แตะเข้าขอบสระ กรรมการจับเวลาที่ยืนดูอยู่ก่อนแล้วกดหยุดเวลาอย่างแม่นยำ และเมื่อประกาศผลคร่าวๆออกมาก็พบว่า ตะวันเข้าเส้นชัยก่อนเพียงเสี้ยววินาที
ลีโอถอดแว่นตาว่ายน้ำพร้อมหมวกออก ก่อนจะเดินขึ้นมาหาเพื่อนๆบนแสตนด์ ทุกคนตบบ่าให้กำลังใจ ที่แน่ๆอย่างน้อยคณะวิทยาศาสตร์ก็ได้เหรียญเงินมาแล้วหนึ่งเหรียญ
ยื่นขวดน้ำเปล่าในกระเป๋าให้อีกฝ่ายที่เดินเข้ามาขอผ้าเช็ดตัว ลีโอรับมาแล้วนั่งลงข้างๆจิบน้ำด้วยสีหน้านิ่งสงบเหมือนเดิม ไม่มีอาการผิดหวังหรือเสียใจสักนิด แต่เมื่อมองไปที่มือกลับกำลังสั่นอยู่น้อยๆ
เอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายไว้ข้างๆ สอดนิ้วมือของตัวเองประสานเข้ากับมือของอีกฝ่าย ลีโอก้มมองการกระทำเหนือความคาดหมายอย่างไม่เข้าใจ แรงบีบเบาๆที่มือทำเอาอีกฝ่ายตัวแข็งทื่อ
"เอ-"
"แม่เราบอกว่าทำแบบนี้แล้วจะหายตื่นเต้น" ชิงพูดขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ทันพูดอะไรต่อ
"..." ลีโอได้แต่มองหน้าและมือที่กุมกันอยู่สลับไปมา
"เมื่อกี้โคตรเทพเลย" พูดชื่นชมอีกฝ่าย การแข่งขันเมื่อกี้เกิดเพียงแค่หนึ่งนาทีกว่าเท่านั้น แต่กลับรู้สึกยาวนานจนลุ้นตัวโก่ง ซ้ำยังท่าทางตอนว่ายท่าฟรีสไตล์ที่ดูสวยงามนั่น ทำให้ละสายตาไปจากการแข่งขันไม่ได้เลย
"ไม่หรอก ตะวันเร็วกว่าอีก" อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ มือที่สั่นบีบตอบกลับเบาๆ
"แต่ก็ไล่จนเกือบชนะแล้วนะ อีกนิดเดียวก็ได้เหรียญทองแล้ว" คนธรรมดาว่ายสูสีกับอดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติได้คงไม่ใช่ธรรมดาแล้วล่ะ
"อยากให้ได้เหรียญทองหรอ?" พยักหน้าแทนคำตอบให้กับอีกฝ่าย ใจจริงก็อยากให้ได้เหรียญทองอยู่หรอก แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะหมั่นไส้ไอตะวันหน้าหล่อนั่นด้วย
"ตะวันไม่ถนัดผีเสื้อ...กับเดี่ยวผสม..." อีกฝ่ายเงียบไปชั่วอึดใจ ดวงตาเสมองไปทางตะวันที่กำลังยืนคุยกับคนอื่นอยู่
"จะลองดูแล้วกัน"
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ดวงอาทิตย์คล้อยลับขอบฟ้าไป ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่า การแข่งขันกำลังดำเนินมาถึงรายการสุดท้าย ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่น่ายินดี เพราะลีโอว่ายผีเสื้อ25เมตรชนะตะวัน พี่ปูนหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่
"ต่อไปจะเป็นรายการสุดท้าย เดี่ยวผสมหนึ่งร้อยเมตรชาย ขอให้นักกีฬาที่จะลงแข่งในรายการนี้รายงานตัวด้วยค่ะ" พิธีกรหญิงทำงานอย่างขยันขันแข็งตั้งแต่รายการแข่งขันแรกจนรายการแข่งสุดท้าย
รายการนี้เป็นที่น่าจับตามองพอสมควร เพราะแต่ละคณะมักจะส่งตัวท็อปลงมาแข่ง แม้ว่ากีฬาภายในนี้จะเป็นแค่การแข่งขันเพื่อกระชับมิตรระหว่างคณะกัน แต่สำหรับรายการนี้แล้วคงไม่มีใครยอมใคร เรียกได้ว่าเป็นศักดิ์ศรีกันเลยทีเดียว
ลีโอที่ยืนคุยกับเพื่อนในกลุ่มอยู่ลุกขึ้น ส่วนพี่ปูนเรียกทุกคนไปบูมด้วยกันเป็นขวัญและกำลังใจให้น้อง
ยืนถ่ายภาพบรรยากาศการบูมของคณะวิทยาศาสตร์ที่บูมกันด้วยท่าทางเข้มแข็งฮึกเหิม รอบๆกันนั้นคณะอื่นเองก็มีบูมด้วยเหมือนกัน รวมไปถึงคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่บูมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันด้วย
เมื่อถึงเวลาแข่งขัน นักกีฬาก็พร้อมใจกันรายงานตัว และเหมือนเดิม ลีโอยังคงได้ยืนอยู่ในลู่ที่สามและลู่ที่สี่นั้นก็ยังคงเป็นตะวันด้วยเช่นกัน
เสียงเชียร์ที่เคยดังสนั่นเงียบลงอีกครั้ง บรรยากาศรอบๆให้ความรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เสียงนกหวีดเป่ายาวเป็นสัญญาณ นักกีฬาทยอยกันกระโดดลงไปในสระ หันหน้าพร้อมจับราวที่ติดกับแท่นกระโดด
“Take your mark”
“ปี๊ด!”
“กลับมากันแล้วหรอ” เสียงของแม่ถามขึ้นทันทีหลังจากเดินตามหลังจักรภพเข้ามาในบ้าน วันนี้ไม่มีตั้งโต๊ะกินข้าวเย็นกันเพราะบอกที่บ้านไว้แล้วว่าจะกลับดึก
“เป็นไงบ้าง” แม่พูดไม่เงยหน้ามองพวกเราสองคนเพราะกำลังง่วนอยู่กับการแปรงขนให้เจ้าหมาสีขาวขนฟูฟ่องอยู่
“ก็ดีครับ สนุกดี...อ้าว ไอ้เปากลับมาแล้วหรอ?” จักรภพเลิกคิ้วยืนมองเจ้าหมาสีขาวที่กำลังกระดิกหางไปมาแลบลิ้นด้วยความดีใจ ดูจากท่าทางของมันคงอยากจะกระโจนเข้ามาหาแต่เพราะแม่กำลังหวีขนอยู่ มันจึงทำได้แค่มองด้วยสายตาเป็นประกาย
“อือ… ป๊าเพิ่งไปรับกลับมาน่ะ” เดินตรงเข้าไปหาเจ้าหมาเงียบๆโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะนั่งลงข้างๆแม่แล้วลูบหัวนุ่มนิ่มเล่น
“แหนะ เอก เพื่อนกลับมาล่ะดีใจ” หันไปมองค้อนพี่ชายตัวดีไปที จักรภพทำเพียงแค่เดินมาขยี้หัวเจ้าเปาเล่น แล้วเดินหัวเราะชอบใจขึ้นห้องไป
หลังจากเล่นและช่วยแม่หวีขนเจ้า ‘ซาลาเปา’ เสร็จแล้วก็ขอตัวกลับขึ้นห้องนอน
เปิดโน้ตบุ๊คแล้วหยิบเอาเมมโมรี่การ์ดในกล้องออกมาต่อกับเครื่องเพื่อดูรูปที่ถ่ายไว้ในวันนี้
เลื่อนดูรูปไปเรื่อย มุมปากกระตุกยิ้มขำกับรูปถ่ายของแซนกับเติ้ลที่ไม่เคยจะมีรูปดีๆเลยสักครั้ง อย่างคราวนี้ก็เป็นรูปที่แซนปล่อยหมัดใส่แก้มของไอ้เติ้ล เป็นช็อตที่ถ่ายได้พอเหมาะพอเจาะจนต้องอัพโหลดรูปนี้ขึ้นไปบนหน้าเฟสบุ๊ค
ไม่นานคอมเม้นต์และยอดไลค์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีทั้งคำด่าของเติ้ลกับแซน ทั้งประโยคแซวหยอกล้อของเหล่าเพื่อนในคณะ
ปิดเฟสบุ๊คแล้วกลับมาสนใจรูปที่เหลือต่อ กดเลื่อนดูภาพไปเรื่อยๆ มีทั้งภาพบรรยากาศในงาน ภาพเหล่ากองเชียร์หลายๆคนที่ตามมาให้กำลังใจนักกีฬา ภาพพี่คณิตได้เหรียญทองแดงในรายการกบ25เมตรกับ50เมตร รวมถึงภาพนักกีฬาแต่ละคน
และภาพแผ่นหลังขาวๆของใครบางคนนิ่งมองภาพนั้นอยู่นานหลายวินาที ไม่คิดว่าเมื่อมองจากหน้าจอคอมกลับรู้สึกน่าหลงใหลได้มากขนาดนี้
ราวกับดวงดาวส่องแสงสว่างสดใสบนท้องฟ้า
ที่มีโชติมาตรปรากฏ
-12
ความสว่างที่ยิ่งกว่าวัตถุใดๆบนท้องฟ้ากดเลื่อนภาพถัดไปเรื่อยๆ คิ้วก็ต้องขมวดกันเป็นปม มีสิ่งที่ขัดหูขัดตาจนต้องกดเข้าโหมดCropภาพ ลากกรอบสี่เหลี่ยมครอบเฉพาะบริเวณที่ต้องการตัดให้เหลืออยู่
ใบหน้าหล่อเหลาของตะวันที่ยืนอยู่ด้านข้างลีโอถูกตัดออกไปรูปแล้วรูปเล่า เหลือเพียงรูปของคนที่ได้ฉายามนุษย์กระดาษดับเบิ้ลเอไว้เพียงคนเดียว กดเซฟภาพแล้วยิ้มอย่างพอใจ
ภาพรับเหรียญรางวัลในรายการเดี่ยวผสมหนึ่งร้อยเมตรชายเหลือเพียงผู้ที่ได้รับเหรียญทองยืนอยู่กลางภาพ
กึก กึก กึก ครืด กึก กึก ครืด ครืด
เสียงบางอย่างเสียดสีกับประตูห้องนอนดังไม่หยุดหย่อนจนต้องละความสนใจจากภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
"อ้าว ไอ้เปา" เปิดประตูต้อนรับเจ้าหมาสีขาวหน้าห้อง มันเห่าขานรับชื่อของตัวเองก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกระโดดไปมาอย่างร่าเริง
"คิดถึงบ้านขนาดนี้เลยหรอวะ แค่ไปโรงเรียนมาเนี่ย" ก่อนหน้านี้ซาลาเปาถูกแม่พาไปฝึกที่ศูนย์ฝึกสุนัขเพื่อเป็นการลงโทษที่ทำสวนของแม่เละกระจาย ต้นไม้หลายต้นที่แม่อุส่าประคบประหงมมาอย่างดีถูกทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิม
ซาลาเปากระโดดโผเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว ก้มลงไปกอดก้อนขนสีขาวนุ่มนิ่มนั่นก่อนจะกลับมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม
ภาพบนหน้าจอยังคงเป็นรูปของคนคนนั้น
รอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากของเจ้าตัวทำให้เผลอยิ้มออกมาได้ไม่ยาก ก็นะ นานๆทีจะได้เห็นเจ้าตัวยิ้มออกมา ถึงจะแค่นิดเดียว แต่ก็ดูออกว่ากำลังยิ้มดีใจอยู่ เป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง
"คนนี้น่ารักไหม?" หันไปถามเจ้าหมาที่ไม่รู้ว่าเข้าใจภาษามนุษย์ได้ดีแค่ไหน
แต่จะถือว่าเสียงเห่าขานรับเมื่อกี้นี้
คือเห็นด้วยแล้วกัน
ในสายตาของผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
คนคนนั้นของเขาย่อมสว่างที่สุด☆・゚
TBC
เย้ๆๆๆๆๆๆ สวัสดีค่าาาา หมาเองนะคะะะะะ ในที่สุดก็ได้กลับมาแต่งStar Chartต่อ หลังจากที่หายไปนานมากๆๆๆๆๆๆ
ทุกคนคิดถึงเอกกับลีโอกันไหมคะ เราเองคิดถึงสองคนนี้มากๆเลยค่ะ แต่เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่แย่ที่สุดของชีวิตเราเลย เลยไม่อยากเขียนเรื่องนี้ตอนในตอนที่รู้สึกแย่ๆเท่าไหร่ค่ะ
ตอนนี้จะว่ายังไงดี เหมือนเพราะไม่ได้เขียนมานาน อาจจะดูแปลกๆไม่ค่อยลื่นไหลสักเท่าไหร่ ขออภัยด้วยจริงๆนะคะ เราจะพยายามเขียนให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ
เมื่อกี้นี้ก่อนกลับมาถึงห้องก็เห็นFire Ballมาด้วยค่ะ ท้องฟ้าสว่างเป็นสีฟ้าเลย บางทีเอกอาจจะเห็นลีโอสว่างแบบนี้ก็ได้นะคะ จริงไหม?
สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะ ที่ยังติดตามกันอยู่ รักทุกคนมากๆๆๆๆเลยค่ะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
ด้วยรัก
หมาบนท้องฟ้า