กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 15/11/59 [สเปฯ-3] P.132
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 15/11/59 [สเปฯ-3] P.132  (อ่าน 1477083 ครั้ง)

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1440 เมื่อ06-07-2015 21:13:03 »

 :m15:

ออฟไลน์ sodawan1

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1441 เมื่อ07-07-2015 19:40:42 »

คืนนี้ก็ไม่มาอีกแล้วววว รออยู๋ววว :ling1:

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1442 เมื่อ07-07-2015 20:17:23 »

 :m15: พี่ไปรอที่ทางช้างเผือกนะ  :heaven

ออฟไลน์ New_Tai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1443 เมื่อ07-07-2015 20:24:29 »

รออออออออออออ  :ling1:

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1444 เมื่อ07-07-2015 20:28:14 »

พี่มินนนน เค้าคิดถึงงงงง!!!! 
เมื่อไหร่เอสแคปจะมาาาา  :z3:

ออฟไลน์ brave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1445 เมื่อ07-07-2015 20:29:02 »

 :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1446 เมื่อ07-07-2015 20:40:05 »

มาเถอะๆ :call: :call:

ออฟไลน์ eium

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1447 เมื่อ07-07-2015 21:14:57 »

รอ  :m15:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1448 เมื่อ07-07-2015 22:37:59 »

เมื่อไรมา

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1449 เมื่อ08-07-2015 01:14:46 »

รอตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
« ตอบ #1449 เมื่อ: 08-07-2015 01:14:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nutty2554

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1450 เมื่อ08-07-2015 04:16:44 »

คิดถึงน้องแคป :monkeysad:

ออฟไลน์ brave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1451 เมื่อ08-07-2015 08:50:03 »

 :katai5: :katai5: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ New_Tai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1452 เมื่อ08-07-2015 14:04:10 »

 :katai5: :katai5:
รออออออออออออ

ออฟไลน์ sodawan1

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1453 เมื่อ08-07-2015 14:05:59 »

คืนนี้จะมาไหม ใจจะขาดจิงไรจิง  :katai1:

ออฟไลน์ smile_aex

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1454 เมื่อ08-07-2015 17:35:54 »

รอนะครับ :ling1:

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1455 เมื่อ08-07-2015 17:44:51 »

จะเอาๆเอสแคป  :m18:

รออยู่อ่ะะ...ว่าแต่คืนนี้มาไหมมน๊าา?


ออฟไลน์ eium

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1456 เมื่อ08-07-2015 20:19:24 »

รออยู่นะคะมาวันนี้เหอะคนอ่านจะลงแดงแย้ววววว  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1457 เมื่อ08-07-2015 20:35:12 »

 :เฮ้อ: อยากอ่านต่อแย้ววว

ออฟไลน์ Erh

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1458 เมื่อ08-07-2015 21:08:21 »

ฉันยังต้องรออีกนานมั๊ย ต้องรอเธออีกนานมั๊ย // ดาไม่ได้กล่าว เราร้องเอง ฮ่าๆๆ
เฝ้าแต่รอ รอ รอ รอ รอ เอสแคป

ออฟไลน์ kutelittlepoly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
«ตอบ #1459 เมื่อ08-07-2015 21:33:21 »

รอ ฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด

เธอจะมา เธอจะมาเมื่อไหร่ เธอจะมา เธอจะมาเมื่อไหร่

นัดฉันไว้ ทำไมไม่มา

#ยังรออยู่นะคะ 555555555555 :katai4: :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 25/06/58 [....XX....] P.47
« ตอบ #1459 เมื่อ: 08-07-2015 21:33:21 »





ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1460 เมื่อ08-07-2015 22:46:27 »





https://www.youtube.com/v/SlB5guSEXkQ



[XXI]



ดอกไม้สีขาวเบ่งบานอยู่บนยอดไม้ในกระถางริมระเบียงของยอดตึกสูงชัน ลีลาวดีกลีบดอกงดงามคลี่แย้มทักทายสายตายามเช้า มันเป็นเช้าของวันที่อากาศดีมากจริงๆ แพขนตาสวยขยับนิดๆ ความรู้สึกเย็นชื้นจากเครื่องปรับอากาศและอุณหภูมิที่ลดต่ำจากภายนอกแตะต้องที่ผิวกระจ่างใส แสงสว่างบางเบาส่องลอดรอยแยกของผ้าม่านเข้ามาถึงเตียงนอน อาจเพราะเมื่อคืนฝนตกโปรยปรายลงมาตลอดทั้งคืน บานกระจกที่ยาวจนเกือบเต็มความโค้งภายในห้องพักกว้างของตึกหรูยังคงมีหยดน้ำใสพราวเกาะอยู่แล้วค่อยๆไหลไปตามกระแสของลม

ร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างนอนหันหัวไปคนละทิศคนละฝั่ง ผ้าห่มนวมสีขาวที่พาดปกปิดกึ่งกลางของร่างกายไว้ยู่ยี่ยับเยิน เสื้อผ้า โทรศัพท์หรือแม้แต่นาฬิกาปลุกรวมถึงโคมไฟสวยที่หัวเตียงหล่นห้อยลงระเนระนาด ดูๆไปแล้วมันเหมือนสมรภูมิคู่รักที่ผ่านศึกสงครามเซ็กส์กันมาโชกโชนตลอดทั้งคืน

“อือ...” เสียงครางหงุดหงิดจากคนที่ขยับตัวก่อน แคปยืดแขนยืดขาที่กางอยู่จนเกือบจะเต็มเตียงบิดขี้เกียจส่งเสียงออกมาอย่างคนเกียจคร้าน ขณะที่เจ้าของห้องอย่างเอสกลับใช้เนื้อที่ของเตียงนอนแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เขานอนตะแคงข้างเรียบร้อยไม่มีที่ติ

“อื๊อออออ.....” แคปบิดตัวรอบสอง ยืดมือฟาดผั๊วะไปโดนหน้าแข้งคนข้าง ๆ อย่างไม่ตั้งใจ เขาชินกับการมีตัวตนของของเอสหลังจากตื่นนอนเพระงั้นไม่ต้องลืมตาดูก็รู้แล้วว่าเป็นใครที่นอนอยู่ข้างกัน แคปเอาขาเขี่ย ๆ มันให้ขยับห่างออกไปอีกแต่เพราะว่านอนกลับด้านกันเขาจึงถีบๆเข้าที่หลังมันแบบเต็ม ๆ แคปผงกหัวขึ้นดูนิดๆเอสยังคงนอนไม่รู้สึกตัว มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวที่ใช้ห่มด้วยกัน แคปกะจะดึงมาห่มเองทั้งหมดก็อดคิดไม่ได้ว่ามันคงจะอุจาดตาน่าดู ครั้นตัวเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้นมาสวมใส่อะไรๆที่ถูกฉีกออกไปแล้วเมื่อคืน เขาจึงนอนปรือตามองไปเรื่อย ๆ สัปหงกทั้งที่ยังนอนอยู่จนท่อนแขนตกลงข้างเตียง แล้วในที่สุดเขาก็เผลอหลับผล็อยลงไปอีกรอบ

“อืมม...” สุ้มเสียงครางต่ำๆจากคนที่นอนตะแคงตัวใช้พื้นที่แค่นิดหน่อยบนเตียงอันกว้างขวางตัวเอง เอสพลิกตัวนอนหงายปัดป่ายแขนออกมาควานหาคนข้าง ๆ กะว่าจะดึงเข้ามาใช้แทนหมอนข้างสักหน่อย แต่ทว่า...เขาคว้าได้แต่ขามันเท่านั้นหน้าแข้งที่มีขนขึ้นรำไรเสียด้วย  คิ้วคมขมวดขึ้นนิดๆ เขาผงกหัวขึ้นมองคนที่นอนกลับหัวสลับด้านกับเขา ทั้งที่เมื่อคืนยังนอนอยู่ทิศทางเดียวกันแท้ ๆ แคปมันนอนร้ายมากทั้งยังชอบละเมอและปลุกยาก บางคืนตื่นมามันกลิ้งตกลงไปนอนที่ปลายเตียงก็ยังมี

“ฮ้าวววววววว” เขาหาวออกมา พลางยกข้อมือเพื่อดูเวลาก่อนลุกขึ้นบิดขี้เกียจสองสามที เตะขาสะกิดเรียกแคปให้ตื่น แต่รายนั้นนอนอ้าปากหวอไม่รู้เรื่องราว เอสจึงตวัดผ้าห่มออกจากตัวลุกขึ้นยืนแล้วยืดเส้นยืดสายคว้าบ็อคเซอร์ตัวจิ๋วที่เกือบเดินเหยียบขึ้นมาใส่ก่อนเดินอ้อมไปที่อีกฝั่งจับแขนแคปที่ห้อยตกอยู่ขึ้นมาวางข้างลำตัวดีๆแล้วดึงคนทั้งคนขึ้นนั่ง ทั้งที่ตามันยังหลับจากนั้นผลักมันนอนลงให้ถูกทิศถูกทาง

“อื๊อออออ....”แคปครางหงุดหงิดงุ่นง่านประท้วง เวลาที่นอนเขาไม่ชอบถูกคนกวน มือขาวคว้าเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมปิดหน้าไว้แบบลวกๆแต่มันคงลืมไปว่าไม่ได้สวมใส่อะไรเลยสำหรับท่อนล่าง มือใหญ่ดึงผ้าห่มที่มันนอนทับอยู่กระชากออกมาแรง ๆ ตวัดปลายผ้าปิดคลุมช่วงล่างไว้ให้กันน้องชายมันหนาวจนหดไปก็แค่นั้น

“อย่ามายุ่ง!” เสียงครางอู้ลอดออกมางัวเงีย เอสกอดอกยืนมองอยู่นานจนเสียงกรนเบา ๆ ในคอของคนในผ้าห่มยักษ์ดังขึ้นมาอีก

“ตื่นได้แล้วมั้งมึง เดี๋ยวสายหรอก..”  เอสกอดอกเรียกแต่ไร้เสียงการตอบรับ

“แคป..” เขาเรียกขึ้นอีก ตอนแรกกะจะให้มันนอนต่อแต่ก็นึกถึงว่าเวลาเดินหน้าไปเรื่อย ๆ แล้วที่สำคัญสิบโมงเขามีเรียนแลป

“..........”

“แคป ตื่นสิวะ..” เอสเดินไปเลื่อนม่านหน้าต่างแบบแรง ๆ ผลักทีเดียวขยับไถลไปไกลจนชิดมุม แสงสว่างสาดเข้ามาที่กลางห่าใหญ่ แคปร้องประท้วงโวยวายเสียงดัง

“บ้าอะไรของมึงวะห๊ะ! กูจะนอนนนนนนนนนนนนนนนน” ผ้าห่มถูกตวัดออกจากใบหน้าเล็กที่เครียดขึง แคปด่ารัว ๆ หยีตาอย่างรำคาญแดดที่แยงเข้ามา

“วันนี้กูมีเรียนมึงต้องไปส่งกู เพราะงั้นต้องตื่นตอนนี้”

“ห๊ะ!?”

“กูบอกให้ลุกแคป สายแล้ว”

“สายอะไรเล่าวันนี้กูไม่มีเรียน อย่ามายุ่งได้ไหมล่ะ!” แคปโมโหยกข้อมือดูเวลาบ้างมองไม่เห็นเขาจึงขยี้ๆๆจนกระทั่งมองเห็นชัดขึ้นมา  วันนี้เขาไม่มีเรียนสักหน่อย ขอนอนต่ออีกนิดจะเป็นไรไป ก็รู้อยู่หรอกว่านี่ห้องมันเตียงมัน

“แคปแม่ง...มึงอ่ะปลุกยากแบบนี้ทุกที” เอสดึงๆชายผ้าห่มพลางต่อว่าไปด้วย จริง ๆ แล้วเขาแกล้งกวนมัน รอยสีแดงจางๆที่เนินไหล่ขาวช่างเตะสายตานัก แน่นอนว่ามันมาจากริมฝีปากเขาดูดดุนเล่นเมื่อคืน

“โฮ้ยยยยยยย กูง่วงงงงงงงงงงงงงงงงงง เห็นใจกูบ้างงงงงงงงงงงงง....” แคปดันไหล่มันต่อต้าน ร่างกายที่ก้มกดลงมาแทบจะกอดเขาอยู่รอมร่อ เอสแกล้งซุกริมฝีปากลงที่ซอกคอหอมกรุ่น

“หึหึ...หอมนะ อยากจูบทั้งตัวแล้วว่ะ”

“โฮ้ยยยย อะไรกันนักหนากับกูวะห๊ะ! ”  แคปดันไหล่มันออกแรง ๆ อีกครั้งแต่เอสไม่ยอมขยับตัวเลย ตั้งหน้าตั้งตาซุกอยู่แบบนั้น แคปเหลืออดฟาดกำปั้นลงไปที่แผ่นหลังกว้างเสียงดังปึก

“ไอ้สัสเอส มึงคิดจะทำเหี้ยอะไรห๊ะ!”

“กูจะล่อมึงไง..” เอสว่าด้วยแววตาซุกซน แคปรู้หรอกว่ามันพูดเล่นแต่ถ้ายอมจริงมันต้องเอาเขาแน่ ๆ แคปจึงหันหน้าหนีแกล้งทำเป็นหลับตาต่อไม่รู้ไม่ชี้ไม่ใส่ใจคำพูดของมัน แต่เอสกลับหอมลงมาจริง ๆ ปลายจมูกโด่งกดลงเต็ม ๆ ที่แก้มนิ่ม เกือบโดนฝ่ามือเล็กฟาดลงมาที่หน้าแล้วแต่เอสที่เร็วกว่าคว้าเอาไว้ได้ทัน

“ไอ้โรคจิตกูง่วงลุกออกไปสิโว๊ยยยย แม่ง กูง่วงงงงงเห็นใจกูบ้างงงงงงงงงง ฮึ่ยยย!!!!!!!”

เอสขี้เกียจจะสู้กับมันแล้ว เขาละลำตัวขึ้นมา ปล่อยแคปให้หลุดจากพันธนาการ ก่อนเดินไปคว้าเอานาฬิกาปลุกข้าวของเครื่องใช้ที่หล่นอยู่บนพื้นเอาขึ้นมาตั้งไว้ที่เดิม โทรศัพท์บ้านรวมถึงโคมไฟผ้าที่นอนตะแคงอยู่บนพื้นพรมเขาก็จับมันตั้งขึ้นข้างเตียงอย่างเดิม

“แคป เสื้อมึงขาดหมดนะแล้วเดี๋ยวลุกขึ้นอาบน้ำเปิดเอาในตู้กูใช้เลยก็แล้วกัน..” เอสหยิบเอาเสื้อผ้าแคปที่ถูกเหวี่ยงทิ้งไว้ตามพื้นตั้งแต่เมื่อคืนโยนใส่ไอ้คนนอนแรง ๆ

“ก็เพราะใครกันล่ะ!” แคปแว๊ดขึ้นมา ยกขาชี้ใส่ทั้ง ๆ ที่อยู่ในผ้าห่มเอสหมั่นเขี้ยวแกล้งจะดึงผ้าที่คลุมร่างโป๊ๆล่อนจ้อนของมันออกแต่เจอคนถูกแกล้งโวยวายบ้าบอขึ้นมาก่อนเขาจึงทำแค่หัวเราะก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป พอออกมาแคปนอนหลับเป็นตายไปอีกครั้ง เอสจึงจัดการแต่งตัวด้วยชุดลำลองง่าย ๆ เวลายังเช้าอยู่มากเขาคว้าเอากระเป๋าตังค์โทรศัพท์และกุญแจรถมาถือเอาไว้

“กูออกไปซื้ออะไรมาให้กิน มึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยเข้าใจนะแคป” เดินไปจับไหล่คนนอนเขย่าเบา ๆ

“ไอ้แคป..” เอสเขย่าเรียกอีกหน

“อื้อออออ”

“วันนี้มึงต้องไปส่งกูที่มหาลัยนะเว้ย ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย กูกลับมาถ้าเจอมึงยังนอนอุตุอยู่จะจับมึงกินตับอย่ามาโวยวายนะบอกให้รู้ อ้อ แล้วเดี๋ยวรดน้ำต้นไม้ให้กูด้วยไม่ได้รดมาหลายวันแล้วเดี๋ยวเหี่ยวหมด” เอสว่าจบก้มลงจุ๊บที่มุมปากเล็กเบา ๆ

เพี๊ยะ!

แคปลุกพรวดขึ้นเลย  “ไอ้สัส! จะไปไหนก็รีบๆไปเลยไป ฮ่วยย!!!!!”

“ฮ่ะๆๆ นี่มึงตกภาษาอีสานมาป่ะเนี่ยแคป” เอสขำจนตัวงอ ขณะที่แคปทิ้งตัวนอนลงไปอีกดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า เอสจึงแกล้งกระชากๆออกอีกครั้ง คราวนี้เจอนิ้วกลางจากคนนอนหยีตาหน้ามุ่ยชูใส่ให้อย่างแรง “เรื่องของกู!”

คนกวนได้แต่ยืนส่ายหน้า มือใหญ่ขยี้หัวเล็กแรง ๆ แล้วบอกย้ำอีกครั้งว่าให้ลุก เขากลับมาทุกอย่างต้องอยู่ในสภาพพร้อม แต่พอกำลังจะก้าวออกนอกประตูเขากลับแกล้งหันกลับมาเรียกแคปดังๆขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เจอหมอนใบใหญ่ลอยมาแทบจะกระแทกถูกหัว ยังดีที่หลบได้ทัน

เสียงทุ้มหัวเราะชอบอกชอบใจก่อนที่เสียงประตูจะปิดลง

“บ้าเอ๊ย!!!” แคปเอาหน้าซุกลงใต้หมอนสบถหงุดหงิดเสียอารมณ์ ลุกขึ้นนั่งเอามือขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด มองไปที่กระจกเงาบานใหญ่ซึ่งสะท้อนมาที่เตียง มองแล้วนึกรันทดสภาพตัวเองจนเกือบรับไม่ได้ เขาเสยๆผมแล้วสะบัดพอให้มันเข้ารูป ควานหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ที่เอสโยนไว้ให้มาสวมใส่แบบลวกๆก่อนดีดตัวลุกขึ้นบิดขี้เกียจสองสามทีแล้วเดินก้าวข้ามดัมเบลสองอันที่วางกลิ้งอยู่ที่พื้นไปมองดูที่ริมกระจกใสตรงมุมโค้งของห้อง มันเป็นบานหน้าต่างแบบสมัยใหม่และราคาแพง ตัวกระจกหรูเปิดโค้งออกได้

“โหหหหหหห นี่กูยืนอยู่บนยอดอะไรวะเนี่ย ตึกบ้าสูงเหี้ยๆ” แคปพูดเบาๆอยู่คนเดียว กดเลื่อนกระจกบานโค้งให้เปิดตัวออกได้นิดๆ เป็นช่องพอได้สูดอากาศ สายลมกรรโชกเข้ามาปะทะใบหน้าขาวจนเย็นจับใจ แคปมองดูยอดน้ำค้างที่ยังค้างอยู่บนใบสีเขียว เมื่อลมพัดเข้ามาอีกระรอกพาให้กิงไม้โยกไหวไปมา ดอกไม้สีขาวปลิดปลิวลงไปยังพื้น เขามองตามดอกไม้ที่ค่อย ๆ ร่วงหล่น ไม่น่าเชื่อว่าที่ตึกสูงมากแบบนี้เจ้าของห้องจะมีอารมณ์โรแมนติก ซื้อหาต้นลีลาวดีมาปลูกลงที่กระถางมังกรยักษ์ ซึ่งมองปราดเดียวก็แน่ใจได้ว่ามั่นคงแข็งแรงยิ่งนัก

แคปยังมองตามดอกไม้สวยที่หลุดจากขั้วใบ ดอกแล้วดอกเล่า อดไม่ได้ที่จะยื่นมืออกไปรองรับเผื่อว่าจะสามารถรับมาดอมดมได้สักดอก แต่เปล่าเลย..มันร่วงหล่นลงไปสู่เบื้องล่างบ้างแล้ว เขายันตัวขึ้นจากขอบหน้าต่าง มองเห็นบัวรดน้ำอันเล็กวางอยู่ใกล้ ๆ พอลองยกดูกลับมีน้ำเตรียมไว้อยู่แล้ว แคปยื่นมืออกไปรินรดสายน้ำเย็นฉ่ำเพิ่มให้อีก ทั้งที่ดินก็ยังชุ่มจากหยาดน้ำฝนเมื่อคืน แต่เจ้าของห้องอย่างเอสกลับบอกให้เขามารดน้ำดอกไม้อะไรของมันให้อีก คาดว่าลึกๆแล้วคงอยากให้แคปตื่นมาได้มองดูสิ่งสวยงามก็แค่นั้น

แคปวางบัวรดน้ำไว้ที่เดิมตรงชั้นริมผนัง เขาเลื่อนปิดบานกระจกเข้าที่  จากนั้นหันกลับมามองดูรอบๆห้อง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มองดูห้องนอนของเอสอย่างเต็มตา ถึงจะเคยมาแล้วครั้งนึง แต่ตอนนั้นก็อย่างว่าอุบัติเหตุเซ็กส์ ตื่นมาเลยต่างคนเลยต่างไปเกือบๆจะมีเรื่องฆ่ากันตายใครมันจะไปจำได้วะ อารมณ์โมโหหนักขนาดนั้น แคปเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ เคาะมือลงที่โต๊ะ มีกรอบรูปอันเล็กๆว์ภาพเจ้าของห้องในวัยเด็ก เป็นหรอบที่สีเข้ากับโต๊ะไม้หนัก ดูแค่สีของเนื้อไม้ก็พอรู้ว่ายี่ห้อหรูหราเนื้อไม้ดีมากขนาดไหน เตียงนอน โต๊ะเก้าอี้ เฟอนิเจอร์ทุกอย่างล้วนเป็นของใช้เกรดเอทั้งสิ้น

“บ้าชะมัด ห้องมึงดีขนาดนี้ยังไปทนนอนที่ห้องเล็กๆ เตียงแคบๆ ยอมใช้โต๊ะญี่ปุ่นปูฟูกบาง ๆ ทำการบ้านอ่านหนังสืออยู่กับกูเป็นเดือน ๆประสาทดีไหมวะไอ้บ้าเอ๊ย..”  แคปนึกๆจนคิ้วมุ่น  ก็ถึงว่ามันทนไม่ได้ขนาดที่ต้องสั่งโต๊ะทำงานใหม่เข้าห้องเขากันโน่นเลย  มือเล็กขยี้หัวอย่างไม่เข้าใจในตัวมัน แต่ใครจะสนล่ะเขาก็แค่จะหาผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำให้เสร็จจะดีกว่า เกิดมันกลับมาก่อนเดี๋ยวได้มีเรื่องกันอีก ขาเพรียวยาวก้าวฉับๆมุ่งไปที่ห้องอาบน้ำ แต่ต้องชะงักหยุดไว้ที่หน้าประตูก็เพราะว่าเสื้อผ้าที่ถูกฉีกทึ้งออกไปเมื่อคืน คงต้องหาจากในตู้ของมันใช้ไปก่อน ผ้าเช็ดตัวอีกล่ะ  คิดแล้วเขาก็เลี้ยวเข้าไปอีกซอกหนึ่งของห้องน้ำ ด้านในเป็นห้องขนาดกว้างที่ถูกตกแต่งด้วยตู้ใหญ่สามบานขนาดเต็มความสูงและความยาวของแนวกำแพง ยาวไปจนสุดสามด้าน แคปแอบตกใจกับความโอ่อ่าของสิ่งที่เห็น

“อะไรมันจะหรูหราขนาดนั้นวะ แล้วผ้าเช็ดตัวมึงจะอยู่ที่ตู้ไหนล่ะวะทีนี้ กูขอเปิดแม่งหมดทุกตู้ก็แล้วกันนะ..” ของผัวก็เหมือนของเมียปกติไม่ใช่คนทีจะมาค้นข้าวของๆคนอื่นวุ่นวาย แต่ครั้งกูขอจุ้นจ้านของมึงสักครั้งละกัน

เขากะจะเปิดตู้บานแรกออกก่อน แต่ทว่าเพียงแค่เลื่อนมือไปสัมผัสลงเบา ๆ  ครืดดดดดดดดดด

“เหี้ย!”

แคปตกใจจนกระโดดโหยง ก็เพราะว่าบานประตูดันเลื่อนออกเองราวกับมันอัตโนมัติ แต่ทว่าสิ่งที่อยู่ในตู้ทำให้ตกใจได้มากกว่าเป็นสิบๆเท่า ก็คือสิ่งที่อยู่ด้านใน เสื้อนักศึกษาที่แขวนเรียงไว้เรียบร้อยจนเต็มราว มีทั้งแขนยาวและแขนสั้นรวมถึงเสื้อช้อป เสื้อกาวน์ เสื้อโค้ทลงสนาม ยาวต่อเนื่องกันไป สุดท้ายจบลงที่เชิ้ตแขนยาวซึ่งถูกไล่โทนสีตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีเข้มสุดแขวนเรียงจนเต็มความยาวของตัวตู้ ขณะที่ราวด้านล่างกลับเต็มไปด้วยกางเกงสแลคผ้าเนื้อดีพาดไว้เป็นสิบๆ

“โหหหหห อะไรของมึงบ้างวะเนี่ย มีแต่ชุดนักศึกษา ของกูมีแค่สามตัวเหอะยัดเอาไว้อีกต่างหาก”  แคปพึมพำออกมา มิน่าล่ะเขาว่ากันว่าคนที่เนี๊ยบมากๆมีโอกาสจะเป็นเกย์ ไอ้เอสแม่งมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่กำเนิดแล้วแน่ ๆ เหอะ ผู้ชายอย่างเราๆมันต้องตู้รกๆดิวะ ใช้แล้วกอง รื้อแล้วยัด แบบนี้สิมันถึงจะเป็นชายแท้ นี่อะไรของมัน เนี๊ยบเกิ๊น สมองเล็กๆก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในระหว่างที่เดินไปเปิดตู้บานถัดไป

“ป๊าดดดดดดดดดดดด” คราวนี้หลุดภาษาท้องถิ่นที่ติดมาจากหนังตลกที่ไอ้ปอมันโหลดมาให้ดูเมื่อสองวันที่แล้ว เชื่อไหมเรื่องเดียวเขาดูสามรอบดูจนหัดพูดกับไอ้อาร์จะกลายเป็นคนอีสานไปแล้ว

“ตู้นี้โอเคเลยนี่หว่า” ทั้งเสื้อลำลอง ทั้งเชิ้ต ทีเชิ้ต ที่แขวนไว้จนแทบจะล้น ด้านล่างมีกางเกงยืดกางเกงยีนส์พับแล้วกองไว้เพียบ ในลิ้นชักมีบรรดาแอคเซสเซอรี่หลายๆอย่าง แคปตื่นตาตื่นใจราวกับกำลังเข้ามาเลือกดูบรรดาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายคุณผู้ชายของร้านแบรนด์เนมหรูๆที่ขายอยู่ในห้างดัง เขาใช้สายตาเล็งตัวที่ต้องการแล้วหยิบทีเชิ้ตออกมาหนึ่งตัว ส่วนกางเกงคิดว่าจะใส่ตัวเก่าของเขาเอง แต่คิดไปคิดมาแคปดึงกางเกงยืดสีเทาจั๊มขาออกมาตัวนึง หลังจากนั้นมุ่งไปที่ตู้ใบสุดท้ายเลย แน่นอนว่าผ้าเช็ดตัวอะไรต่าง ๆ ของมันที่เขายังไม่เห็นจะต้องอยู่ในนั้น แคปคว้าเอาแบบลวกๆอย่าถามว่าสีอะไรเพราะผ้าเช็ดตัวผ้าปูที่นอนหมอนรวมถึงฟูกสำรอง สีขาวล้วนทั้งตู้ ไม่รู้จะสะอาดสะอ้านไปไหน ลุคก็ดูแบดๆนะแต่ทำไมของใช้มันถึงพิถีพิถันแบบนี้วะ

แคปเลื่อนบานตู้ปิดลงกำลังจะเดินออกไปนึกได้ว่าวางเสื้อกับกางเกงที่เลือกไว้ที่อีกตู้ เขาเดินไปหยิบมันออกมากำลังจะเลื่อนบานประตูปิดไว้อย่างเดิม แต่สายตาที่ดีจนเกินเหตุมองเห็นคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับสิ่งที่แขวนไว้ที่ส่วนในสุดของตู้มันดูไม่เข้าพวกและแตกต่าง มันเป็นฟูๆบางๆผ้าพลิ้ว ๆ แคปที่กำลังจะปิดตู้สนิทอยู่แล้วกลับเลื่อนพรืดออกอย่างแรง มือเล็กเอื้อมเข้าไปคว้าออกมาเลยเอาให้หายข้องใจ

“ไอ้สัส!” แคปตาเขียวอื๋อขึ้นมา เมื่อสิ่งที่ถืออยู่ในมือตอนนี้คือชุดกระโปรงลำลองสีพาสเทลปักลูกไม้บาง ๆ ไซด์ผู้หญิง แคปมองๆๆแล้วก็มอง หน้าตาบิดเบี้ยวขึ้นมาแบบไม่รู้สึกตัว คิ้วที่เรียงตัวสวยขมวดเป็นปมติดกันเมื่อนึกและจินตนาการไปไกลถึงขั้นสุด

ข้อสันนิฐานมีอยู่แค่สองข้อ หนึ่งคือ มันซื้อมาไว้ใส่เอง หึหึ ตลกสัส กูก็ช่างคิดไปได้ ตัดข้อนี้ออกไปก่อนเพราะว่าไซด์ของชุดมันดูบอบบางน่าทะนุถนอมเหลือเกินคงยัดขามันลงแค่ขาเดียวแน่ ๆ แล้วที่สำคัญมันไม่น่าจะมีรสนิยมแปลกประหลาดแบบนั้น  กับอีกหนึ่งข้อที่มีแนวโน้มจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ชุดของแฟนเก่าที่ยังเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งพอคิดว่าข้อนี้น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดแคปนี่แทบจะเขวี้ยงไอ้ของที่อยู่ในมือทิ้งลงตรงนี้ เขาเงยหน้าไปมองไอ้บรรดาเสื้อผ้าที่แขวนเอาไว้ด้านในอีกหน เจออีกชุดคราวนี้สีชมพูอ่อนสไตล์เดียวกันเด๊ะเลย แคปกระชากแม่งลงมาทั้งคู่ เขาปิดตู้สไลด์แรง ๆ เสียงโครมดังลั่น ไม่อยากจะสนอะไรแล้วแม่งหน้าชาไปหมด  นับหนึ่งถึงสิบข่มอกข่มใจ พลันนึกถึงกระทู้เด็ดๆที่เคยเจอในเวปสีน้ำเงินชื่อดัง


...คุณจะทำอย่างไรถ้าเจอชุดผู้หญิงคนอื่นในห้องของแฟน??


แฟน?


บ้าไปแล้ว! ช่างหัวมันสิ จะแคร์อะไรวะแม่ง มันจะเก็บชุดเหี้ยไรไว้ในตู้ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขาตรงไหนเลย


“ฮึ้ยยยยยยยย!!!!” แคปเดินย่ำเท่าปึงๆออกมาถึงด้านอกโยนโครมแม่งทั้งชุดกองลงที่เตียงอย่างหงุดหงิด ใจเต้นตึกตักโกรธขึ้นมาแล้วสมองแม่งช่างสวนทางกับความคิดนัก

“กูโกรธมึงแล้วไอ้สัส! ดีนะที่กูยังไม่เสียตัวให้มึงอีกรอบ เวรเอ๊ย ไอ้ตัวอันตราย ไอ้คนเจ้าชู้ ไอ้ตัวโรคจิต มึงอย่าคิดว่ากูจะจบง่ายๆ มีชุดผู้หญิงแขวนอยู่ในตู้เหรอหื้ม?? หนอยยยยย อยู่กินกับเมียแล้วยังกล้าจะพากูมาอีกเรอะ แล้วไอ้เตียงที่กูนอนกลิ้งอยู่เมื่อคืนนี่มึงก็คงจะพาผู้หญิงมานอนไม่ซ้ำหน้าเลยใช่ไหมล่ะห๊ะ! บ้าเอ๊ยยยย!! บ้าไปแล้ว!!!!”

.

.

อีกฝั่งนึงของกรุงเทพมหานคร ไม่ไกลจากคอนโดของเอสมากนัก

“แค่นี้จะอิ่มไหมครับคุณหนู ลุงว่าไปเอามาเพิ่มอีกสักเถานึงดีกว่านะ..” ลุงกล้าคนงานเก่าแก่ของบ้านเขาที่ออกมาช่วยดูแลร้านโจ๊กของลูกสาวแสดงสีหน้าเป็นกังวล สายตาที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย มองเถาปิ่นโตที่บรรจุโจ๊กหมูร้อน ๆ สองชั้นในมือของคนที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก

“แค่นี้ทานไม่หมดแล้วครับลุง” เอสหันไปยิ้มอ่อนให้ ลุงแกเดินออกมาส่งเขาถึงรถ

“แต่คุณหนูกินจุ แล้วไหนว่าจะเอาไปฝากเพื่อนด้วย ลุงกลัวว่าจะไม่อิ่ม เดี๋ยวรออยู่ตรงนี้ก่อน ลุงไปบอกป้าเขาตักเพิ่มมาให้อีกดีกว่า”

“ไม่เป็นไรครับลุงกล้า ผมพอแล้วแค่นี้แหละ” เอสดึงฝ่ามือกร้านนั้นไว้ เขาส่ายหน้าบอกไม่เอา

“แต่ว่า...

“แค่นี้แหละครับพอดีแล้ว กินเยอะๆกินจนเบื่อแบบนั้นทำให้ไม่อยากกินอีก สู้กินทีล่ะน้อย ทำให้อยากกินอยู่เรื่อยไป อันนี้ลุงกล้าเคยสอนผมไว้ตั้งแต่ยังเด็กไงครับ”

“โถ่คุณหนู...”

“ผมไปนะครับลุง ไม่ต้องห่วงแค่นี้อิ่ม รับรอง..” เอาชูปิ่นโตขึ้นมาให้ลุงดูบอกรับรองว่าอิ่มแน่ ลุกล้าหัวเราะ

“คุณหนูเอสขับรถดีๆนะครับ ยังเช้าอยู่รถมีแต่เร็ว ๆ กันทั้งนั้น” เอสพยักหน้าให้ เขาเอื้อมมือไปโอบเอวลุงกล้า บอกกับแกว่าเขาจะกลับแล้ว  ร้านโจ๊กในซอยเล็กๆที่เขายังคงแวะเวียนมาอยู่เสมอตั้งแต่เด็กจนโต ลุงกล้าพี่เลี้ยงคนแรกที่เขาเคารพรักไม่ต่างไปจากคุณนาคินพี่เลี้ยงคนถัดมาของเขา ที่ตอนนี้กลายไปเป็นเลขาของคุณพ่อเต็มตัวแล้ว

รถจอดลงที่ช่องจอดส่วนตัวเยื้องกับล็อบบี้ทางเข้าคอนโดหรู เอสหยิบเอาเถาปิ่นโตสองชั้นเล็กๆ เดินออกจากรถตรงไปกดเรียกลิฟต์

ติ๊ง~

หญิงสาวสวยคนหนึ่งก้มหน้าก้มตาก้าวฉับๆออกมาเกือบชน เอสต้องรีบหลบ 

“อ้าว หวัดดีค่ะเอส” เธอรีบร้องทักขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ขยับหลีกทางให้ ตั้งแต่เจอกันเมื่อวันที่เธอย้ายของเข้าห้องครานั้น เธอไม่เคยมีโอกาสได้เจอเขาอีกเลยทั้งที่อยู่ชั้นเดียวกันก็แค่ห้องคนล่ะฝั่งซ้ายขวาเท่านั้น หลายครั้งหลายหนที่เธอพยายามมองหาแต่ดูเหมือนว่าชายคนที่เธอเฝ้ารอไม่ค่อยได้กลับมาที่ห้องบ่อยครั้งนัก

“หวัดดีครับ” เอสพยักหน้าให้ตกใจนิดๆเธอรู้จักชื่อเขาด้วย จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอ แต่เดินออกมาจากลิฟต์ตัวนี้ก็โอเคจำได้แล้ว ผู้หญิงเจ้าของห้องฝั่งซ้ายชั้นเดียวกับเขา เคยเจอเธอเมื่อเดือนก่อนถ้าจำไม่ผิด

“ไม่เจอกันนานเลย ยังจำกันได้ป่ะคะเนี่ย”

“จำได้สิครับ เราอยู่ชั้นเดียวกัน”

“จำได้จริงเหรอ งั้นทำไมไม่เรียกชื่อล่ะคะ”

“.............วิว” เอสนิ่งไปนิดนึงสุดท้ายก็เรียกชื่อเธอออกมา วิวฉีกยิ้มหน้าแดง  “ดีใจจังค่ะ จำวิวได้ด้วย..” เธอเงยหน้าจ้องเขาแล้วมองของที่เขาถืออยู่

“เอสไปไหนมาคะเนี่ย อย่าบอกนะว่าไปวัดมาถือปิ่นโตทำไมน่ะ” เสียงเล็กหัวเราะคิกคัก สมัยนี้หาผู้ชายหิ้วปิ่นโตว่ายากแล้ว ยังมีผู้ชายหน้าตาบุคลิกแบบนี้หิ้วปิ่นโตเข้าคอนโดหรูนี่มันยากกว่าเป็นไหนๆ

“เปล่าหรอกครับ ไปซื้ออาหารมาน่ะ” เอสพ่นขำนิดๆเขาชูปิ่นโตในมือขึ้นมาให้เธอดูแบบเต็ม ๆ ตา

“คิคิ น่ารักจังค่ะ ผู้ชายกับปิ่นโตเถาเล็ก สมัยนี้คงหาไม่มีแล้วล่ะค่ะ” เธอหัวเราะอายๆเอสเลิกคิ้วสูง

“ตลกผมเหรอ”

“ใช่ค่ะ ก็หิ้วปิ่นโตนี่ มันดูแตกต่างจากหน้าตาแล้วก็บุคลิกภายนอกของเอสมากๆเลยอ่ะค่ะ” เธอยังยิ้มแป้นไม่หุบ ยิ่งคนที่ถูกใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมาทำอะไรที่มันแตกต่างออกไปอีกเธอยิ่งถูกใจขึ้นอีกหลายเท่า ผู้ชายที่เข้าหาเธอส่วนใหญ่ชอบอวดว่าตัวเองมีอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นพวกบรรดาเสี่ยกระเป๋าหนักๆไม่ก็พวกผู้ชายขี้โม้ จะมีใครล่ะที่หิ้วปิ่นโตไปซื้ออาหารเช้าแบบนี้

“งั้นผมขอตัว....

“วิวขอทายได้ไหมคะว่าในนี้มีอาหารอะไร”

“.....!?”

“อืม....ต้องเป็นข้าวไข่เจียวแน่ๆเลย ไม่ก็ข้าวผัดอเมริกันที่มีไส้กรอกกับแฮมด้วย ทานคนเดียวป่ะคะเนี่ยไม่ชวนวิวเข้าไปช่วยทานเหรอ ไปได้นะ” เสียงใสกริ๊กทำท่าน่ารักทายออกมา เธอพูดทีเล่นทีจริงใส่เขา เอสถึงกับหัวเราะหึหึอยู่ในใจ เขาชูปิ่นโตขึ้นมาอีกครั้ง

“อ๋อนี่เหรอ ไม่ใช่หรอกครับ นี่ปิ่นโตโจ๊กทั้งสองชั้นเลย แฟนผมเขาชอบโจ๊กเจ้านี้มากๆเมื่อคืนพามาค้างที่นี่เช้านี้เลยออกไปซื้อมาไว้ให้น่ะ ขอตัวก่อนนะครับ”

กว่าเธอจะรู้สึกตัวว่าเขาพูดอะไรประตูลิฟต์ก็ปิดลงเรียบร้อย คนสวยขยี้เท้าเบา ๆ นึกอิจฉาคนที่เขาเอ่ยถึงอยู่เสมอ  ‘แฟนนายคงต้องสวยมากแน่ๆ’ เธออดที่จะนึกไม่ได้ 





ก๊อกๆ

แกรกกกกกกก

“ตื่นนานยังวะ” เอสทักขึ้นหลังจากถอดรองเท้าไว้ที่ตู้ด้านหน้า เขาเดินเข้ามาวางมือใหญ่และเย็นลงที่หัวทุยๆสีน้ำตาลเข้มของแคป ที่นั่งกอดหมอนดูหนังอยู่หน้าทีวี แคปเบี่ยงหัวหลบแล้วหันไปมองตาขวางใส่ เอสหมั่นเขี้ยวล๊อคลำคอเล็กเข้ามาแล้วกดจูบลงที่ต้นคอขาวหนักๆหนึ่งที หมั่นเขี้ยวมันเพิ่งไปซอยผมด้านหลังมาหัวเลยทุยขึ้นเยอะ เวลาหันหลบดุ๊กดิ๊กน่ารัก

“เพี๊ยะ! ไอ้สัส อย่ามายุ่ง”

“หึหึ ดุเหี้ยๆเลยนะมึง อ่ะนี่ ไปเทมากินด้วยกัน” เอสหัวเราะ เขาเดินเข้าไปหาที่ด้านหน้าเอาตัวบังจอทีวีไว้ ยื่นเถาปิ่นโตส่งให้ แคปผลักคนตัวใหญ่ออกแล้วบอกไม่สน

“อะไรของมึง ทำหน้าอะไร” เอสวางปิ่นโตไว้ที่โต๊ะกลาง เขาเบียดลงข้าง ๆเจอทั้งตีนทั้งมืออาละวาด

“อะไรวะ กูไปไม่ถึงชั่วโมงเลยเหอะ โกรธเหี้ยไรขึ้นมาอีก”

“ไม่ได้โกรธ!” แคปตะคอกใส่ดัง ๆ เอสจ้องหน้าเลย

“ไม่โกรธแล้วพูดเสียงดังทำไม เคยบอกแล้วใช่ไหมไม่ชอบคนตะคอก พูดดีๆถ้าจะให้กูอ่อนโยนด้วย”

“กูไม่สนใจความอ่อนโยนของมึงหรอก เก็บไว้ให้กับคนอื่นเลยเหอะ” แคปลุกพรวดขึ้น เขาอารมณ์เสียตั้งแต่เรื่องชุดบ้าๆนั่น ว่าจะหนีกลับเลยแต่นึกเพี้ยนอะไรไม่รู้ดันเข้าไปอบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมานั่งดูการ์ตูนรอมันนี่แหละ เครียดกับความคิดของตัวเองมากหมือนกัน

“แคป เป็นไรเนี่ยหื้ม?” เอสคว้าท้อนแขนเล็กเอาไว้ แคปจะเดินหนีให้จนได้เจอเขากระชากทีเดียวนั่งลงที่ตักใหญ่แบบพอดี

“กูถามว่าเป็นอะไร ดูทำหน้าซินั่นดูกระจกไหมเดี๋ยวอุ้มเข้าไปดู” เอสเชยคางเล็กบอกให้หันมาคุย แคปปัดมือเขาออกแล้วต่อต้านจะลุกขึ้นมาให้ได้ วงแขนใหญ่รัดแล้วกอดเอาไว้แบบทั้งตัวเลย

“กูถามว่ามึงเป็นอะไร จู่ๆก็โกรธแบบนี้มีด้วยเรอะ”

“กูไม่ได้โกรธกูบอกไปแล้ว” แคปเน้นคำพูดชัดๆ ตาเขียวใส่ มีหรือที่คนฟังจะยอมเชื่อ เอสส่ายหัวแล้วถอนหายใจก็รู้ว่าแคปมันต้องเป็นอะไรสักอย่าง แต่ยังหาสาเหตุไม่ได้

“หิวป่ะ..” เขาเงยหน้าถาม แต่แคปส่ายหัวไม่ตอบ

“มีโจ๊กลุงกล้านะ ไปต่อคิวซื้อมาให้”

“...........”

“มึงไม่กินใช่ไหม ถ้าไม่กินก็ลุกเอาไปเททิ้งด้วยตัวเอง โน่นถังขยะวางอยู่ที่มุมห้อง”

“.....อึ่กก.....”

“บอกมาสิว่าจะไม่กิน..” เอสกดดันถามย้ำอีก แคปกัดปากจนเลือดห้อ อยากกินก็อยากแต่ติดที่ยังโกรธมันอยู่แล้วไอ้ตัวคนโดนโกรธแม่งไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ซักไซ้กดดันกันอยู่นั่นแหละ ตอนนี้หิวข้าวฉิบหายอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวกินเสร็จกูจะถามให้รู้เรื่องเลยคอยดูก็แล้วกัน พอนึกได้แบบนั้นแคปหันมามองหน้าคนที่นั่งจ้องเขาอยู่ตรง ๆ

“กูบอกตอนไหนว่าจะไม่กินห๊ะไอ้คนโรคจิต!” แคปดันหน้าอกเอสผลักออก เขาลุกออกจากตักใหญ่ คว้าเอาปิ่นโตเดินกระแทกเท้าเข้าไปที่ครัว




ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1461 เมื่อ08-07-2015 22:46:51 »

https://www.youtube.com/v/SlB5guSEXkQ


“หืมมมม หอมมากกกกกกก” แคปเปิดอาหารออก มองหาถ้วยชามเปิดลิ้นชักเอาช้อน จากนั้นเขาก็จัดการเทไว้สองถ้วยใหญ่ ๆ ทุกหยดหยาดไม่ให้เหลือ โจ๊กเจ้านี้อร่อยมากจริง ๆ เคยไปกินมาครั้งนึงตอนนั้นก็ไอ้เอสนี่แหละที่พาไป วันนี้วาสนาปากได้กินอีกแล้ว แคปเทไปยิ้มไปมองดูที่เอสยังนั่งกดช่องหาดูข่าวต่าง ๆ สักพักมันยกข้อมือดูเวลา แต่แคปไม่สนใจแล้ว ตอนนี้เขาโฟกัสที่ชามโจ๊กตรงหน้า

“มึงกินแต่ข้าวเปล่าๆไปเถอะ ไอ้คนนิสัยเสียบังอาจเอาชุดแฟนเก่าเก็บไว้ในห้อง ปากก็บอกว่าเราคบกันแล้วคบกันแล้ว เห๊อะ หมูสับมึงไม่ต้องแดก ไข่แดงมึงก็ไม่ต้องกิน ตับหมูมึงก็ไม่ต้องมี สรุปมึงไม่ต้องกินเห้อะไร เอาไปแค่โจ๊กเปล่าๆกับขิงเลยละกัน” แคปบ่นอุบๆอิบๆไปเบา ๆ ตักบรรดาหมูไข่และเครื่องในต่าง ๆ ในชามของเอสมาใส่ไว้ที่ชามของตัวเองแทน พอทำเสร็จเขาก็หัวเราะชอบใจ แต่ว่าในตอนนั้นเองที่เสียงทุ้มๆกระแอมไอดังขึ้น แคปสะดุ้งโหยงรีบมองดูต้นทางของเสียง เห็นเอสยืนกอดอกมองสิ่งที่เขากำลังทำ

“ก็ดีแคป กูชอบกินข้าวเปล่าๆมึงรู้ใจกูดีมาก” เอสยกยิ้มนิดๆทำหน้าทำตากวนตีน

“เหี้ย!” แคปด่ากราดออกมา

“ด่าอะไรเล่าคนอุตส่าห์ชมที่รู้ใจ มึงรู้ป่ะกูไม่กินเครื่องในหมู แม้กระทั่งหมูสับก็ไม่ชอบ ไข่แดงนั่นยิ่งแล้วใหญ่”

“จริงดิ!?” แคปทำหน้านึกตาม

“อืมม” ขณะที่เอสตีหน้าตายได้เนียนมากๆ ตอนนี้ดูเหมือนแคปจะติดกัปดักเขาอีกแล้ว เพราะหลังจากนั้นแคปก็จัดการตักอาหารในชามเปลี่ยนกันใหม่อีกครั้ง

“งั้นมึงเอานี่ไปเลย ตับหมู เกลียดนักใช่ไหมหมูสับงั้นก็เอาไปด้วย สิ่งที่มึงเกลียดมึงเอาไปให้หมด”

“อะไรเนี่ย ตักไปตักมา แล้วไอ้นี่กูไม่กินเหอะ”

“แต่มึงต้องกิน กูจะบังคับให้มึงกิน”

“ไอ้ตับหมูนี่น่ะเหรอ” เอสมองลงที่จานแกล้งทำหน้าแหยงๆ

“ใช่” แคปหันไปทำหน้าท้า อีกคนจึงแกล้งทำสีหน้าจ่อย ๆ แต่ในใจนี่ยินดีมาก ตับหมูของโปรด หมูสับแสนอร่อย  ไข่แดงเพิ่มพลัง หึหึ แต่ทว่าเขาคงหลุดยิ้มออกมาแน่ ๆ เพราะเจ้าแคปพอเห็นหน้าตาท่าทางกระอักกระอ่านแบบนั้นของเขา คงจะรู้ตัวว่าโดนหลอก ฟาดฝ่ามือมาแบบเต็ม ๆ ไม่มียั้ง

“นิสัยแย่นักนะมึงกล้าหลอกกูเหรอห๊ะ!”

“โอ๊ยแคป พอๆ ก็ใครใจร้ายกับกูก่อนเล่า อะไรจะให้กินแต่โจ๊กเปล่าๆน่ะ”

“ก็ใครมันทำความผิดล่ะ มึงมันแย่ทำตัวไม่ดีก็ต้องโดนกูทำโทษสิวะ กูทำแค่นี้มันยังน้อยไปเหอะ” แคปพูดเสียงดังใส่หน้างอมากๆ เอสถอนหายใจยาว ๆ ก่อนดึงแขนอีกคนเข้ามาหาตัวจากนั้นเขากอดมันไว้ทั้งๆอย่างนั้นเลย

“ไม่เอาๆไม่โกรธ กลับมาก็หน้างอใส่โกรธกูเรื่องอะไรเนี่ย มีไรถามดิวะ”

“กูไม่ถาม!”แคปหันมาแว๊ดอีกหน ทั้งผลักทั้งตีหน้าอกมันแรง ๆ เอสยังไม่ยอมปล่อยออก

“งั้นก็ตามใจ” เอสพยักหน้าบอกไม่ตื้อแล้ว เขาไม่อยากต่อปากต่อคำ เถียงไปยิ่งมีแต่เรื่องเห็นท่าคงจะจริงยิ่งอยู่กันไปเขายิ่งต้องยอมมัน กลายเป็นคนกลัวเมียไม่รู้สึกตัวเลยจริง ๆ  เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเอสจึงปล่อยแขนออกแคปนี่รีบกระโดดโหยงไปจัดการเรื่องอาหารต่อ เอสมองแล้วล้วงมือถือเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงกดรับสาย

ชิพโทรมาถามว่าจะเข้าเรียนช่วงไหน

“สายๆเดี๋ยวกูไปถึง มึงส่งใบงานให้กูก่อนเลย”

(สิบโมงทันไหม)

“อือ”

(มึงแวะเข้ามารับกูทีสิ เดี๋ยวรอนะ)

“ไอ้ชิพกูว่ากูพูดกับมึงเข้าใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะว่าวันนี้จะเข้าช้า จะให้มึงส่งงานให้แล้วกูจะแวะไปรับมึงทำไมล่ะวะ”

(ก็หยอกเล่นหรอกน่า แล้วตกลงแฟนมึงว่าไง หายงอนแล้วดิ) สิ้นเสียงของไอ้เพื่อนตัวดีจบลง เอสเหลือบมองไปที่แคปแวปนึงเจอดวงตากลมๆเขียวปั๊ดใส่เขาเลยขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนอีกบอกให้มันวางสายไป ชิพไม่ยอมเอสเลยกดตัดสายไปด้วยความรำคาญ

“เดี๋ยวกูเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วจะออกมากินด้วย..” มือใหญ่สอดเข้าที่ท้ายทอยเล็ก บอกประมาณว่าเทไว้ให้เรียบร้อยกูออกมาต้องได้กินเลยนะอะไรแบบนั้น แคปหันไปเบะปากใส่ไม่อยากจะสน เขาจับมือเอสดึงออกแรงๆบอกอย่ามายุ่ง เอสหมั่นเขี้ยวหน้าตาแบบนั้นของมันมากๆเขาจึงผลักหัวแคปเบา ๆแล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องไป

แต่ทว่า.....

“..........!!!??!!??!!!!..........”

ทันทีที่ก้าวขาเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นก็คือสิ่งที่กองอยู่บนพื้นข้างเตียงนอนของเขา มันดูยับเยินหมดราคา ไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูก็รู้ในทันทีว่าโดนใครบางคนที่อยู่ด้านคว้าเอามาจากตู้แล้วปาทิ้งไว้อย่างไร้เยื่อไย การกระทำของแคปที่บ่งบอกถึงอารมณ์โกรธตั้งแต่เขาก้าวเท้ากลับมาถึงห้องตอบคำถามทุกอย่างที่อยู่ในใจได้ทั้งหมดแล้ว เอสมองดูชุดเจ้าปัญหาแล้วถึงกับส่ายหัว เขาถอนหายใจแรง ๆ ก่อนตัดสินใจก้าวออกไปจากห้องไม่แม้แต่จะเก็บสิ่งที่กองอยู่ให้เข้าที่

“แคป..” เสียงทุ้มเย็นเฉียบเดินออกมาเรียกถึงห้องครัว แคปที่นั่งรออยู่แล้ว รู้ว่าต้องมีปัญหาแน่ ๆ ถ้าเอสเข้าไปเห็นสิ่งที่เขาทำ ก็แค่โยนๆไว้แล้วมันหล่นลงที่พื้นเหอะ ชุดอะไรมันจะสำคัญขนาดนั้นวะ

“...........”

“ทำไมถึงทำแบบนี้วะ” เอสเดินเข้าใกล้ เขากอดอกพิงตัวเข้ากับเคาน์เตอร์จ้องอีกคนที่นั่งก้มหน้าก้มตากินอาหารอยู่ที่โต๊ะ แคปได้ยินเสียงแสดงความเอือมระอาแบบนั้นถึงกับเงยหน้ามอง

สองคนจ้องหน้ากัน สายตาของเอสแสดงถึงความผิดหวังในการกระทำของแคปอย่างรุนแรงขณะที่นัยน์ตาของแคปอัดแน่นไปด้วยความน้อยใจ ชุดเหี้ยไรถึงได้สำคัญขนาดเดินออกมาทำหน้าตาแบบนั้นใส่เขา แคปกระแทกช้อนลงที่จาน กัดริมฝีปากแน่น

“กูจะทำ มึงมีปัญหาอะไรล่ะ” คนดื้ออย่างไรเสียก็เป็นคนดื้ออยู่วันยังค่ำ

“มันสมควรที่มึงต้องทำขนาดนั้นเลย?”

“กูไม่สนกูจะทำ ความลับมากเหรอ ชุดคนสำคัญมึงหรือไงทำไมต้องเป็นเดือดเป็นแค้นขนาดนั้นด้วย” บรรยากาศหม่นๆก่อตัวขึ้นรอบกายเขาทั้งคู่ แคปหันมองไปที่นอกหน้าต่างบานกระจกใส มองดูท้องฟ้ายามเช้าที่ไม่สดใสเหมือนดั่งทุกวันอาจเป็นเพราะเมื่อคืนฝนตกลงมาบรรยากาศยามเช้ายังคงขมุกขมัว คงต้องรอแสงแดดมาทาบส่องให้ทุกๆอย่างเจิดจ้าขึ้นมา

“กูไม่เคยมีความลับอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่บางอย่างมึงรู้หรือไม่รู้แค่นั้น”

“ก็แล้วทำไมล่ะ!  จะเอาเรื่องรึไง ก็แค่มึงเก็บชุดแสนสำคัญขึ้นมาแขวนเอาไว้ที่เดิมแค่นั้นก็จบแล้วนี่” แคปหันไปพูดดังๆใส่ เขาโมโหถึงกับลุกขึ้น เพราะสายตาผิดหวังของเอสที่มองมาที่เขายิ่งทำให้แคปเป็นเดือดมากขึ้นอีก  “กูจะกลับแล้ว”

“ยังไปไม่ได้” เอสคว้าหมับแขนเล็กไว้ เขากระชากทีเดียวแคปหยุดชะงักอยู่ต่อหน้าเขา  “เข้าไปเก็บชุดขึ้นให้เรียบร้อย สิ่งที่มึงทำไว้เก็บให้เข้าที่ แล้วออกมานั่งกินข้าวกันจากนั้นไปส่งกูที่มหาลัย”

“กูไม่ทำ!” แคปพูดจริงจัง บิดแขนตัวเองออกจากพันธนาการร้าย แต่เอสหรือจะยอมปล่อย

“เข้าไปเก็บ!” เสียงดุดันจริงจังออกคำสั่ง ใบหน้าคมไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม

“มึงก็ไปเก็บเองสิวะ ชุดเมียเก่ารึไงแขวนอยู่ในตู้แบบนั้น หรือว่าเป็นชุดผู้หญิงที่มึงพามานอนด้วยอยู่เสมอกันล่ะ”

“แคป!!” เอสตะคอกขึ้นแรง ๆ สีหน้าที่ดูผิดหวังอยู่แล้วยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นไป

“กูไม่เก็บ!” แคปเถียงรั้นไม่ยอมลง เอสถึงกับยืนนิ่ง  “..............”

“กูบอกว่ากูไม่เก็บ! ปล่อยสิวะบ้าเอ๊ย!!”

“แล้วใครที่ทำ ใครทำคนนั้นก็ต้องเก็บ”

“กูนี่แหละทำ แต่กูไม่เก็บจะทำไมล่ะ” แคปเถียงขึ้นไม่ยอมแพ้

“แคป!” เอสโมโหจนมือข้างที่เขาจับแขนแคปไว้สั่น เขายิ่งเพิ่มน้ำหนักบีบแรงขึ้นตามอารมณ์โกรธ แคปเบ้หน้านิดๆเพราะว่าเจ็บแต่คนดื้อก็ยังไม่ยอมปริปากว่าตัวเองเจ็บแค่ไหน

“มึงไม่ต้องมาสั่งกูหรอก มึงอยากเก็บก็เก็บไว้เอง กูจะไม่ถามว่ามันเป็นชุดของใคร แต่ในเมื่อมึงพากูมานอนถึงที่นี่แล้วสมควรไหมที่จะมีชุดบ้าๆแบบนั้นอยู่ในตู้เสื้อผ้ามึง กูโยนเอาไว้ให้มึงรู้ว่ามึงสมควรจะเอาออกไปให้ห่างจากห้องนี้ได้แล้ว ถังขยะไหมหน้าห้องก็ดีนะ แต่มึงต้องเป็นคนเอาออกไปทิ้งเอง”

“เกินไปแล้วนะแคป แสดงออกแบบนี้แปลว่าหึงกูมากมึงรู้ตัวรึเปล่า”

“กูไม่ได้หึง!” แคปหันขวับมาเถียง จะไปหึงได้ยังไงคำว่าหึงมันใช้กับคนที่รักกันนี่พวกเขามันยังไม่ถึงขั้นนั้นเสียด้วยซ้ำ

“โอเคมึงไม่ได้หึง แต่มึงโยนชุดผู้หญิงที่อยู่ในตู้เสื้อผ้ากูทิ้ง แบบนี้ยังเรียกว่าไม่ได้หึง?”

“เออ! กูไม่ได้หึง ดีแค่ไหนแล้วกูไม่โยนทิ้งลงถัง มึงขอบใจกูซะสิ ปล่อยกูสักที”

“นี่คิดจะทิ้งจริง ๆ เหรอเนี่ย”

“ใช่!” แคปบิดแขนตัวเองแรงแค่ไหนก็ไม่หลุด เขาเลยตัดสินใจยกแขนทั้งแขนขึ้นมาแล้วก้มลงไปจะกัดเอสรีบปล่อยออกอย่างเร็ว

“มึงนี่มันดื้อของแท้เลยนะแคป”

“แล้วยังไงล่ะ มีปัญหามากไหม  กูก็เป็นคนแบบนี้” แคปเชิดหน้าท้า เอสมองแล้วส่ายหัวหนักยิ่งกว่าเก่า

“กูจะพูดครั้งสุดท้าย”

“............”

มึงพูดไป แคปรอฟังอยู่มันจะพูดอะไร ริมฝีปากสวยเผยอเตรียมจะโต้เถียง สีหน้ารั้นๆแบบนั้นทำเอาเอสถึงกับทนไม่ไหวคว้าเอาคนทั้งคนล็อคเอวเข้ามาหาตัว

“อ่ะ.....!!” แคปตกใจร้องลั่นหน้าตาตื่น ๆ ไม่คิดว่าจู่ ๆ จะโดนล็อคตัวเข้ามา

“พูดง่าย ๆ อย่าดื้อให้มันมาก มึงอยากได้อะไรกูตามใจทั้งหมด อย่าดื้อกับกูได้ยินไหมครับแคป เข้าไปเก็บชุดนั้นแขวนให้เข้าที่..” ที่ท้ายประโยคเอสเน้นเสียงจนฟังดูน่ากลัว แคปหันไปจ้องหน้าแล้วกระทืบขาใส่ แต่คนตัวใหญ่หลบได้ทัน

“ปล่อยกู! กูไม่เก็บ” แคปร้องขึ้นดังๆ มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาล็อคเข้าที่ต้นคอขาว เขารู้แล้วว่าหลังจากนี้จะโดนอะไร แคปหันไปมองหน้าเอสอย่างน้อยอกน้อยใจ

“จะยอมเข้าไปเก็บไหมแคป”

“มะ..ไม่....ไม่เอา...” ใบหน้าเล็กค่อย ๆ เลื่อนเข้ามาตามน้ำหนักของมือใหญ่ แคปที่ฝืนไว้จนใบหน้าสั่น กัดริมฝีปากอย่างคั่งแค้น เกมส์นี้เขาแพ้มันแล้วแน่ ๆ 

“เลือกเอาจะยอมถูกกูจูบอยู่ตรงนี้หรือว่ามึงจะยอมเดินเข้าไปเก็บสิ่งที่มึงทำไว้เข้าที่เดิม ชุดนั่นต้องแขวนเข้าที่ให้เรียบร้อย มึงทำอะไรสิ่งที่มึงทำต้องรับผิดชอบทั้งหมด”

“แล้วมันสำคัญมากหรือไงชุดนั้นน่ะ ถึงขนาดอยากจะเอาชนะกูแบบนี้มันสำคัญกับมึงมากใช่ไหมห๊ะ!”

“ใช่!”


...อากาศยามเช้าที่เย็นชื้นขึ้นเพราะไอฝน คำพูดของคนหนึ่งคนช่างส่งความหนาวเยือกบาดหัวใจได้ดีจริงๆ...


“.............” แคปอึ้งไปพูดไม่ออกอีก ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อคำว่า ‘ใช่’ ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากคม ลำคอเล็กแห้งผาก เขานิ่งลงได้ในทันทีเมื่อความน้อยใจตื้อขึ้นมาจนสุด


...ชุดของคนสำคัญ...


มือเล็กค่อยยกขึ้นมาแกะมือหนาที่ล็อคลำคอตัวเองออกอย่างแผ่วเบา “กูจะเข้าไปเก็บให้ โทษทีที่ทำกับของสำคัญของมึงแบบนี้..” เอสมองแผ่นหลังเล็กของคนที่กำลังก้าวเดินเข้าไปที่ห้องของเขาก่อนเดินตามเข้าไปยืนพิงกรอบประตูมอง  แคปก้มลงเก็บสิ่งที่มันโยนทิ้งอย่างไม่ไยดีเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า หลังจากเอาเข้าไปแขวนให้จนเรียบร้อยจะเดินออกมาเจอขายาว ๆ ยกขวางบานประตูไว้

“หลีกทาง กูจะกลับแล้ว” แคปพูดเรียบๆไร้เสียงตะคอกเหมือนดั่งทุกๆครั้ง เขาไม่มองหน้าเอสเลยแม้แต่นิด

“..........”

“...........” แคปไม่พูดต่ออีกแล้ว เขากลับใช้มือแตะลงที่ท่อนขาแกร่งที่ยกขวางทางเขาไว้เบา ๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความจนใจเซ็งจนไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้ว ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกยืนอยู่ตรงนี้แม้แต่น้อย อยากกลับห้องตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น

“กินข้าวด้วยกันก่อน แล้วเดี๋ยวมึงออกไปส่งกูที่มหาลัย” เขารวบเอาตัวแคปจับสองไหล่เล็กให้เดินไปที่ครัว แคปหันมาส่ายหน้าบอกไม่ คนตัวเล็กกว่าจะเดินแทรกออกไปเอสจึงรั้งท่อนแขนเอาไว้อีกครั้ง

“แคป”

“กูกินอิ่มแล้ว จะกลับเลย”

“มึงเพิ่งกินแค่สองคำ”

“กูไม่อยากกินแล้ว”

“แคป”

“หลีกทาง”

“มึงรู้อยู่แล้วว่ากูจะยอมหรือไม่ยอม เราตกลงกันไว้แล้วใช่ไหม กินโจ๊กด้วยกันเสร็จแล้วไปส่งกู เย็นๆมารับแล้วช่วงดึกกูพามึงไปทำงานที่ตึกไพร์มนั่น ทุกอย่างแพลนไว้แล้วใช่ไหม”

“..........”

“ไม่โกรธดิวะแคป..” เอสดึงแคปเข้ามาอีกครั้ง แต่เสียงอีกคนขยับตัวออก เอสจึงรั้งเอาเอวเล็กพาเดินเข้าไปในครัว แคปไม่ได้อยากจะเดินไปนักแต่ดื้อไปรั้นไปมันก็ไม่ยอมปล่อยเขากลับอยู่ดีเพราะงั้นสู้ทำในสิ่งที่มันต้องการให้จบๆไป เขาสองคนนั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน หลังจากนั้นเอสเข้าไปเปลี่ยนเสื้อแล้วหยิบกระเป๋าออกมาลากเอาแคปที่กำลังยืนล้างจานสองใบออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเซ็งสุดโลก

“หน้างอจริงๆ รู้ไหมกูกำลังนึกถึงอะไร” เอสแกล้งแซะ แคปขยับตัวหลบหันไปอีกทาง ตั้งแต่ตอนที่นั่งกินข้าวกันเขาก็เลี่ยงไม่อยากคุยด้วย

“อะไรของมึงวะเนี่ยแคป โกรธจริงจังขนาดนั้น?”

“อย่ามายุ่ง!” แคปปัดมือใหญ่ที่จะเข้ามาเชยคางเขาออกอย่างแรง หันไปตวัดสายตาใส่

“หน้างอคอหักมึงเคยได้ยินไหม ปลาทูอ่าวไทย”

“คอหักหัวมึงสิ ปลาทูอ่าวไทยนั่นมันหน้ามึง กูไม่อยากพูดกับมึงโว๊ยอย่ามาพูดมากกูรำคาญ”

“นี่ยังโกรธไม่หายจริงดิ ผู้ชายทำไมถึงโกรธนาน”

“ไอ้สัส กูไม่ได้โกรธ” แคปสวนขึ้นมาตาเขียว

“หึหึ..” เอสหัวเราะหึหึ กวนให้มันแว๊ดขึ้นมาได้เขาก็สบายใจแล้ว แคปหันมามองหน้าคนกวนเขาอย่างหงุดหงิดเป็นเท่าทวีคูณ

“ถ้ามึงยังพูดจาวกวนกวนส้นตีนกูจะไม่ไปส่งมึงเลยเอาดิ”

“โห เมียกูน่ากลัวจัง”

“หยุดพูดคำอุบาทแบบนั้นสักที น่ารำคาญไม่มีใครเป็นเมียมึงทั้งนั้นแหละรู้เอาไว้ซะด้วย..” แคปเงยหน้ามองเมื่อไหร่ลิฟต์จะจอดลงที่ชั้นที่ต้องการเสียที ไม่อยากจะต้องมายืนเป็นเป้าให้อีกคนจ้อง เข้ามาก็ยืนจ้องเอาๆ

“หึ..” เป็นอีกครั้งที่แคปอยากจะทึ้งหัวตัวเองแล้วตะโกนด่ามัน เสียงทุ้มต่ำที่หัวเราะในลำคอพร้อมกับริมฝีปากเหยียดรอยยิ้มแบบนั้น เขาเกลียดที่สุดอยากจะเดินเข้าไปตบปากมันสักทีแล้วบอกให้หยุดยิ้ม ลิฟต์จอดลงแล้ว เอสคว้าหมับเอาท่อนแขนของคนด้านในดึงให้เดินตามเขาไปที่รถ ยื่นกุญแจส่งให้

“เรื่องมากนัก มึงขับไปเองอยากกลับตอนไหนก็เรื่องของมึงใช่ไหม ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วยวะ” แคปคว้าหมับกุญแจมาถือไว้

“วันที่เมียไม่มีเรียนไปส่งผัวสักหน่อยก็ถูกต้องแล้วนี่”

“กูบอกให้มึงหยุดพูดคำบ้าๆแบบนั้นไอ้สัส!” แคปตกใจรีบถลาเข้าไปเอามือปิดปากมันไว้ เขามองซ้ายมองขวากลัวจะมีคนอื่นได้ยิน เอสยิ้ม เขาคว้าหมับโอบเอวเล็กของแคปไว้ จริง ๆ จุดประสงค์เพื่อนการนี้อยู่แล้ว

“แกล้งมึงสนุกดี”

“แต่กูไม่สนุกด้วย พูดอะไรดูหน้าดูหลังสักหน่อย”

“กูก็ไม่ได้พูดอะไรผิด” เอสตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ มองซ้ายขวาไม่เห็นมีใครเลยสักคน แคปโมโหก้าวเข้าไปผลักไหล่มันแรง ๆส่งเสียงลอดไรฟันตาเหลือก 

“มันก็แค่กูพลาดไปหนึ่งครั้งล่ะวะ”

“เดี๋ยวอีกหนึ่งเดือนมึงก็จะพลาดอีก กูกาปฏิทินไว้แล้ว นับวันรอเลยแหละ”

“ไอ้โรคจิต! อย่าคิดว่ากูจะยอมมึงง่าย ๆ ผู้หญิงของมึงถ้ายังไม่เคลียร์กูไม่ยอมบอกเลย”

“ผู้หญิงที่ไหนวะ” เอสถามขึ้นทันทีเลย หน้าตาข้องใจมากๆ แคปไม่อยากจะสนแล้วเขาแทรกตัวเดินข้ามไปที่ฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูรถขึ้นไปประจำที่

“ผู้หญิงที่ไหนวะแคป ผู้หญิงของกูน่ะ มึงพูดอะไร” เอสยังข้องใจไม่หาย ล้อเคลื่อนออกไปแล้วเขาหันไปถามไอ้คนที่ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยวรถออกจากคอนโด เออว่ะนี่ขนาดผู้หญิงของตัวเองเขายังไม่รู้เลยว่าคนไหน เจ้าแคปมันพูดจาอะไรไปเรื่อย

“เหอะ ถามมาได้” เวลาผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ๆ แคปจึงแค่นเสียงในคอออกมา เอสเอื้อมมือจากเบาะสอดเข้าไปเล่นท้ายทอยเล็ก อีกคนรีบเอียงหลบหันไปจิกตาด่า

“อย่ามากวนสิวะขับรถอยู่เนี่ย”

“มึงก็บอกมาสิผู้หญิงที่ไหน ผู้หญิงของกูน่ะ”

“กูจะไปรู้มึงเหรอสัส เมียเก่ามึงมั้ง ไม่งั้นก็คนเมื่อวันก่อนที่มึงพาเขามานอนที่ห้องมึงไง”

“นอนหัวมึงสิ กูไปนอนกับมึงอยู่ทุกวันจะไปหาผู้หญิงที่ไหนมานอนได้อีกวะ”

“กูไม่รู้โว๊ยเลิกพูดน่ารำคาญ งั้นก็เมียเก่ามึงล่ะมั้งเจ้าของชุดนั้นน่ะ”

“...........” เอสหันขวับมองคนพูดเข้าใจได้ในทันที

“............” แคปเองก็หันไปมองหน้าคนที่จู่ๆก็เงียบไป ขณะที่เอสค่อยละสายตาออกจากเขาแล้วหันไปมองที่นอกหน้าต่าง ดวงตาที่อ่านความหมายต่อไม่ได้สะท้อนมาจากกระจกด้านข้างทำเอาแคปนึกอยากจะจอดแม่งตรงนี้แล้วโบกแท็กซี่ต่างคนต่างไปกันเลย แต่แคปกลับไม่ทำแบบนั้น เขาขับรถต่อไปเงียบๆ เอสเองก็เงียบไปตั้งแต่นั้น พอรถเลี้ยวเข้ารั้วฝั่งตะวันตกของมหาลัย แคปก็พาตัวรถไปหยุดตัวลงแถวๆหน้าหอสมุด

“แคปกูเรียนแลปที่ตึกนะ ไม่ใช่ที่นี่” เอสบอกเรียบๆ บรรยากาศขุ่นมัวระหว่างทั้งคู่ยังคงไม่จางหายไป

“ไปส่งที่นั่นไม่ได้เดี๋ยวพี่เต้เห็น”

“วันนี้เฮียเต้ไม่มีเรียน กูโทรหาพี่รัฐแล้ว เฮียอยู่ห้องไม่ได้ออกมาหรอก”

“งั้นเหรอ..” แคปยกข้อมือดูเวลา ก่อนตัดสินใจเคลื่อนรถขับต่อไปอีกประมาณสามช่วงถนน เขาคว้าเอากระเป๋าที่ด้านหลังแล้วทำท่าจะลง เอสคว้าแขนเอาไว้

“มึงจะไปไหน”

“กูจะลงตรงนี้ มึงขับต่อไปเองขากลับจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก เดี๋ยวกูจะเข้าห้องสมุดเสร็จแล้วก็จะกลับ มึงเรียนเสร็จเมื่อไหร่ก็เรื่องของมึงแยกกันตรงนี้ต่างคนต่างไป”

“ขับรถกลับให้กู บ่ายสี่โมงมารับที่นี่เหมือนเดิม” เขากระชากแขนเล็กครั้งเดียวหันมานั่งพิงเบาะอยู่อย่างเดิม เอสล็อคคอเล็กเข้ามาหาตัวก่อนกดจูบลงไปที่มุมปากเล็กโดยที่เจ้าของริมฝีปากฝืนไว้จนหน้าสั่น

“ไอ้สัส!” แคปฟาดผั๊วะลงที่ต้นแขนแกร่งแรง ๆ หนึ่งที เอสที่ถอนจูบออกมาแสยะยิ้มแล้วเปิดรถก้าวลงไป เขาทำท่าโปรยจูบกวนๆใส่ก่อนเดินตัดเข้าไปอีกฝั่งหนึ่งของตึก

“ใครมาส่งมึงวะไอ้เอส นั่นรถมึงชัดๆกูจำได้ แล้วใครน่ะคนขับ” เอสหันมองตามสิ่งที่เพื่อนพูด เอาจริง ๆ ถ้ามองดูจากตรงนี้เห็นรถเขาจริงอย่างที่ว่าแต่คนขับมองไม่เห็นแน่นอน

“เฮ้ยจริงดิ ไหนๆได้ยินว่ามีใครมาส่งมึงวะ” เสียงชิพดังเข้ามาแต่ไกล เพื่อนๆต่างอยู่ในเสื้อกาวน์กันหมดแล้ว เอสที่เข้ามาสายโด่งรีบดึงชิพลากเข้าห้องเลย

“ไอ้แคปมาส่งมึง?” ชิพมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าปลอดคน เขากระซิบถาม เอสคว้าเอาเสื้อกาวน์ป้ายชื่อเขาที่เก็บไว้หลังห้องประจำเอามาสวมใส่ แต่ไม่ยอมตอบคำถามเพื่อน

“หรือว่าไม่ใช่วะ” ชิพถามขึ้นอีก หน้าตาสอดรู้เต็มที่ เอสพอได้ยินคำพูดของมันก็ผลักหัวจนเงิบ บอกไม่ให้ยุ่ง

“ดีกันแล้วดิ?” ชิพถามต่อยกยิ้มนิดๆ เอสส่ายหัว “ไม่เคยโกรธกัน”

“กูเชื่อตายล่ะ แฟนมึงท่าทางพยศหนักฉิบหาย ทางที่ดีอย่าทำให้มันโกรธ”

“....หึ.....” เอสแค่นเสียงในคอให้กับตัวเอง ก็ไม่อยากจะทำให้มันโกรธนักหรอก แต่ช่วยไม่ได้เมื่อเช้ามันโกรธเขาเข้าแล้วจริง ๆ และดูเหมือนจะโกรธหนักเอาการด้วย ที่สำคัญคือมันไม่ถามและเขาเองก็ไม่ได้อธิบาย บรรยากาศระหว่าพวกเขาทั้งคู่จึงดูปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกแห่งความไม่เข้าใจ

“เข้าประจำที่ได้แล้วพวกมึงอาจารย์จะเข้าแล้วเว้ย” เมี่ยงเดินมาเรียก เขามองเอสอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเดินไปยื่นกระดาษแผ่นนึงส่งให้

“อาจารย์ให้จับคู่ทำเปเปอร์ กูมาถามมึงก่อน...เผื่อว่า มึงอยากจะเปลี่ยนคู่ไหมหรือยังไง” เมี่ยงแสดงสีหน้าลำบากใจขึ้นมา กลัวว่าเอสจะไม่อยากทำงานคู่กับตัวเขาอีกแล้ว กลัวว่าเพื่อนจะรังเกียจหลังจากได้รู้ความจริงว่าเขารู้สึกอย่างไรกับมัน เขาจึงคอยหลบตาเอสอยู่ตลอด แต่ทว่าเปล่าเลย เอสรับกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านดูจากนั้นยื่นส่งให้เจ้าของ เขายิ้ม “จะเปลี่ยนคู่ทำไมล่ะวะ เคยทำด้วยกันยังไงก็เหมือนเดิมนั่นแหละ เรื่องเมื่อวานลืมไปหมดแล้ว เข้าเรียนป่ะ” เอสว่าจบดันแผ่นหลังเล็กของเมี่ยงให้เดินเข้าห้องไปพร้อม ๆ กันชิพเองก็ตามมาด้วย บุ้งที่เห็นรีบกวักมือเรียกยิกๆบอกอาจารย์เข้ามาแล้ว


.

.


แสงแดดบางๆส่องลอดรอยแยกของกิ่งไม้ที่ทอดเงาปกคลุมซุ้มขายน้ำเล็กๆไม่ไกลจากหอสมุดมากนัก หลังจากส่งเอสที่ฝั่งด้านข้างของตึกคณะ แคปวกรถเข้ามาจอดนิ่งอยู่แถว ๆ คอมเพล็กซ์ เพราะว่าเป็นรถที่ดูโดดเด่นเขาจึงต้องพยายามมองซ้ายมองขวาก่อนลงมาแล้ววิ่งตัดถนนไปที่ถนนอีกฝั่ง

“เอสเพรสโซ่ค่ะ หกสิบบาท” ยืนรอกาแฟอยู่สักครู่ พี่สาวคนสวยประจำซุ้มกาแฟแถวนี้ก็เรียกรับสินค้า แคปยื่นมืออกไปรับแก้วกาแฟเย็นจากคนขายมาดูด เขายกข้อมือดูเวลาก่อนแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่บรรยากาศต่างกับเมื่อเช้าลิบลับ ตอนนี้แดดเริ่มแรงจนตาแทบจะพร่า ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาปอบอกให้ไปรับอาร์แล้วมาเจอกันที่หอสมุด

(นึกยังไงไปห้องสมุดวะมึง) ปอส่งเสียงงัวเงียถามมา แคปรู้ทันทีมันยังไม่ตื่น

“สามสิบนาทีกูจะรอมึง อย่าลืมไปเก็บไอ้อาร์มาด้วย” แคปไม่ตอบคำถามแต่ออกคำสั่งแทน

(ทำเสียงขุ่นๆแบบนี้โดนไอ้เอสมันขัดใจอีกล่ะสิท่า)

“ปากดีหมาปอ กูรออยู่ชั้นสองนะโต๊ะเดิม หาดูถ้าไม่เจอก็แถวนั้น”

(เออๆ)

พอวางสายจากปอเสร็จแคปมองหน้ามองหลังทุกอย่างโอเคเขาจึงขับรถยนต์คันสวยที่ไม่ใช่ของตัวเองไปจอดไว้ที่ช่องจอดลึกๆหน้าตึกของหอสมุด กำลังจะซอยเท้าขึ้นบันไดแต่แล้วต้องหยุดชะงักขาเอาไว้เพราะฉุกนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ แคปล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง


.


.



“แบงค์จะกลับแล้วเหรอคะ..” เสียงหวานใสที่นอนคว่ำหน้าโชว์แผ่นหลังขาวผ่องดังขึ้น สาวสวยมองเห็นคู่นอนของเธอยืนใส่เสื้ออยู่ที่ปลายเตียง

“โทษที ผมทำให้ตื่นเหรอ..” แบงค์หันมามองเธอยิ้ม ๆ เขาเดินเข้าไปคว้าบรรดาโทรศัพท์มือถือกุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ใส่มือก่อนก้มลงไปจูบขมับเธอแผ่วเบา

“ผมไปนะ”

“เดี๋ยวสิ..” เธอดึงแขนแกร่งเอาไว้แล้วพลิกตัวหันกลับมา มือเรียวสวยจับปลายผ้าห่มปิดบังหน้าอกอูมนวลเปล่าเปลือยให้พอหมิ่นเหม่ เธอเงยหน้ามองเขาแบบอ้อนๆ

“มาหาแมทแล้วรีบกลับแบบนี้ทุกครั้งเลย เมื่อคืนมีไรป่ะคะเข้ามาถึงก็มูมมามเชียวนะ แมทว่าแบงค์ดูแปลกๆ” เมื่อคืนเขามาหาเธอช่วงดึกหลังจากที่หายหน้าไปเป็นเดือน ความสัมพันธ์ที่เป็นแค่คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวทำให้เธอต้องทำใจยอมรับ  แบงค์เป็นคนที่ไม่ชอบถูกผูกมัด เสเพล และไม่ยอมหยุดลงที่ใคร หลายครั้งที่เธอนึกอยากจะถูกเขาจริงจังในความสัมพันธ์ด้วย แต่ทว่าคนที่ยังไม่ยอมหยุดไว้ที่ใครเลยสักคนมักจะมีเสน่ห์ทางเพศที่ดึงดูดคนใหม่ๆเข้ามาได้เสมอ คู่นอนอย่างเธอจึงได้แต่ก้มหน้ายอมทำใจ รู้ดีว่าตัวเองก็ไม่เหมาะไม่ควร นักศึกษาสาวที่รับไซด์ไลน์กับเสี่ยหนุ่มกระเป๋าหนักวีคละกี่ครั้งก็แล้วแต่เงื่อนไข แต่กับผู้ชายคนที่เธอดึงแขนเขาไว้อยู่ตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อหาเมื่อเขากับเธอเป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกัน แค่มองตาเสือหนุ่มกับสมิงสาวก็รู้ใจกันแล้ว หนึ่งปีกับความสัมพันธ์ทางกายไม่กี่สิบครั้งแบบนี้ ขนาดเพื่อนฝูงยังไม่มีใครรู้

“เมื่อคืนแบงค์รุนแรงกับแมทมากเลยนะ..” เธอทำเสียงอ้อนเขาอีกครั้ง แบงค์หัวเราะแล้วยกมือขึ้นวางที่หัวเล็กบอกเธออีกทีว่าเขาต้องกลับแล้วจริง ๆ

“เจ็บมากรึเปล่า...” เธอส่ายหัวแล้วดึงมือเขาลงมาแนบที่แก้มเอียงหน้าอย่างมีจริต

“แบงค์เมาด้วยล่ะแมทรู้ ท่าทางเหมือนคนอกหัก ทำไมคะผิดหวังมาเหรอ ไปชอบคนที่เขามีเจ้าของแล้วหรือยังไง”

“หึ รู้ดีจริงๆ  ผมต้องไปแล้วล่ะ” เขาก้มลงหอมแก้มเนียนเบา ๆ แล้วบอกให้เธอนอนพักผ่อน ออกจากห้องเธอมาก็ตรงดิ่งไปที่รถมอไซด์คันใหญ่ที่จอดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แบงค์เอี้ยวตัวด้วยความรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งหลัง เมื่อคืนยังรู้สึกชิลๆอยู่เลยกิจกรรมเข้าจังหวะก็ผ่านไปด้วยดี แต่ตอนนี้กลับปวดขึ้นมาซะอย่างนั้น มองเห็นร้านสะดวกซื้อเลยแวะได้ยาพารากับยานวดมาชุดใหญ่ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในตอนที่เขาก้าวออกมายืนอยู่ที่ประตูด้านหน้าร้าน

รอยยิ้มยียวนถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปากทันทีที่เห็นว่าเป็นชื่อใคร


‘แคป’


.

.

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1462 เมื่อ08-07-2015 22:47:15 »

https://www.youtube.com/v/SlB5guSEXkQ

.

.

(โห่ นึกว่าจะใจร้ายไม่โทรมาถามไถ่กันแล้ว..) เสียงทุ้มที่กรอกมาตามสายพาให้แคปถึงกับอยากฟาดกะโหลกคนพูดสักผั๊วะ ก็นึกได้ว่าเมื่อวานมันโดนไปเสียหนักไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง คืนนี้จะเข้าไปจัดรายการด้วยกันไหวไหม พอนึกขึ้นได้เขาเลยต้องโทรหามันสักหน่อย

“ไอ้เด็กนรก มึงยังไม่ตายห่าหรอกเรอะ..”

(โหยปากมึงนี่นะเตี้ย)

“หยุดเรียกกูว่าเตี้ยไอ้เด็กนรก ต่อคำกูได้แบบนี้คงไม่ต้องถามอะไรต่อแล้วล่ะ กูจะวางล่ะนะ” แคปจะกดวางแต่เจออีกคนเรียกไว้จนแทบจะทะลุออกมาจากลำโพงโทรศัพท์

“ก็มึงไม่เป็นไรแล้วนี่”

(กูต้องเป็นไรก่อนหรือไงมึงถึงจะยอมคุยกับกูล่ะ)

“ปากดีนัก มีไรอีก”

(ตัวเขียวเลยว่ะแม่ง  ตีนแฟนมึงหนักฉิบเลย มาทายาให้หน่อยดิ)

“นี่มึงยังไม่ตื่นเหรอถึงได้ฝันกลางวันเป็นตุเป็นตะได้แบบนี้”

(หึหึ ใจร้ายว่ะ หน้าตาก็ดีแต่ใจร้ายฉิบหายเลย)

“เรื่องของกู”

(ไม่มีใครทายาให้เลยนี่หว่า)

“นั่นก็เรื่องของมึง”

(งั้นเดี๋ยวคืนนี้ติดยาไปที่ห้องออนฯ มึงทาให้นะ)

“น่ารำคาญว่ะ กูไม่น่าโทรหามึงเลยให้ตายเหอะ”

(รำคาญไรเล่า มีน้ำใจโทรมาก็ดีแล้ว มึงอยู่ที่ไหนน่ะ)

“ถามทำไม”

(ถามเฉยๆ)

“เอองั้นไม่ตอบ”

(ก็เผื่ออยู่ใกล้ ๆ จะบอกว่าซื้อข้าวขึ้นมาให้หน่อย มึงรู้จักห้องกูใช่ไหม ท้องร้องเนี่ยยังไม่ได้กินอะไรเลย ลุกไม่ไหว)

“อยู่มหาลัย ไม่รู้จักห้องมึง” ความหมายคืออยู่ไกลและไม่รู้จักห้องมันจริง ๆ แล้วเสียงรถวิ่งสวนกันแบบนั้น แคปไม่มีเชื่อเด็ดขาดว่ามันหลังเขียวจนลุกขึ้นไม่ไหว ไม่ใช่ว่าป่านนี้ยืนอยู่หน้าเซเว่นไหนซักแห่ง

(แถวไหนของมหาลัยวะ) แบงค์ถามต่อ

“ห้องสมุด” ส่วนนี้ไกลสุดแล้วเท่าที่แคปนึกได้

(งั้นเดี๋ยวกูไปนะเตี้ย)

“ห๊ะ!?”

(สิบห้านาที)

“เดี๋ยว....เฮ้ย!  ไอ้เด็กบ้า..”


ติ๊ด-

แคปเรียกอีกคนที่ปลายสายไว้ไม่ทันแล้ว อะไรคือการบอกว่าเดี๋ยวจะมาหา เมื่อวานมันโดนไอ้เอสกระทืบไปยังไม่เข็ด วันนี้จะมาหาเขาอีกทำซากอ้อยอะไรของมันวะ เขาเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วก้าวขึ้นบันไดหน้าตึก

“ช้ามากไอ้หมาปอมึงแม่งสี่สินาทีแล้วเหอะ”  พอปอกับอาร์ก็มาถึงแคปเงยหน้าต่อว่าพลางชี้ที่นาฬิกาข้อมือทันที ปอยักไหล่ขณะที่อาร์จัดการต่อสายเครื่องคอมหนังสือหนังหากางพรึ่บ

“บ่นเหี้ยไร อ่ะเอาไป” ปอล้วงกระเป๋าหาอมยิ้มรสนมของโปรดยัดปากแคปแก้บ่น มันบ่นจนหูจะชาเขารู้ใจต้องแวะซื้อของพรรค์นี้ติดตัวเสมอ แอบเอาเข้ามาเจ้าหน้าที่ไม่มีเห็น

“ขนมอย่างอื่นล่ะ”

“เรื่องมากนัก กูจะมีได้ไง” ปอหันไปจิกตาใส่ แคปผลักหัวนั้นไปเงิบเลย

“อ่ะนี่แต่กูมี” อาร์ตอบซื่อๆล้วงกระเป๋าคอมที่ยัดขนมปังก้อนกลม ๆ เป็นบันมาส่งให้ แคปยิ้มเผล่แอบ ๆ อ่านหนังสือไปด้วยกินไปด้วย สามคนนั่งทำงานกันไปเงียบ ๆ

“กูเห็นรถไอ้เอสอยู่ข้างล่าง มึงขับมา?” ปอถามขึ้นมาเบา ๆ แคปพยักหน้าตอบอือๆ

“แล้วมัน?”

“ไปเรียน”

“อย่าบอกนะว่ามึงไปส่งมัน ไม่กลัวเฮียเต้เห็นเหรอวะ” ปอทำหน้าเหรอหราขึ้น แคปส่ายหัว

“กูใส่หมวกมิดชิด แล้วเฮียเต้ก็ไม่มีเรียนด้วยวันนี้ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นกระจกฟิล์มดำแล้วกูก็ว่ากูแอบจอดได้อย่างดีเลยแหละ”

“มึงหาเรื่องว่ะไอ้แคป เดี๋ยเหอะมึงเรื่องใหญ่แน่ ๆ ถ้าเฮียรู้น่ะ”

“ก็ไอ้สัสนั่นแม่งมันบ้ามึงก็รู้ กูก็พยายามอยู่ไม่รู้จะพูดกับมันยังไงดีแล้ว คนนึงปิดแทบตายอีกคนก็เปิดเผยฉิบหายวายวอด..” คิดนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมาหัวเสียขึ้นอีก ทั้งเรื่องอะไรต่อมิอะไร ยิ่งเรื่องชุดผู้หญิงในห้องมันเขายิ่งกลุ้ม แคปคิ้วขมวดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้สึกตัวปอที่วังเกตเห็นจึงเอานิ้วไปดัน ๆ ถามว่าทำหน้าอะไรแบบนั้น

“กูเจอชุดผู้หญิงในห้องมันว่ะ”

“ห๊า!!!!!!” ทั้งปอทั้งอาร์ที่นั่งพิมพ์งานอยู่ดูเหมือนไม่สนใจร้องขึ้นแคปตวัดสายตาไปมองตาเขียวบอกให้ทำงานไปห้ามยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ อาร์จึงเบะปากใส่ ผู้ใหญ่อะไรกัน เพราะพวกเขาสามคนอายุเท่ากัน แคปน้อยสุดอ่อนกว่าคนอื่นแต่เพราะเรียนก่อนเกณฑ์เขาจึงอยู่ในรุ่นเดียวกัน

“จริงเหรอวะ”เสียงปอเอ่ยถามขึ้น

“กูจะโกหกทำไมเล่า” แคปส่ายหัว

“มึงหึงอ่ะดิ คิดมาก หงุดหงิดกลุ้มใจ เผลอๆปาชุดอินั่นทิ้งแล้วด้วย” อาร์พูดขึ้นลอย ๆ เจอแคปเตะป๊าบใส่ขาเข้าที่ใต้โต๊ะ นิ้วเรียวยาวชี้บอกว่าอย่าเสือกเขาจะคุยกับปอแค่สองคน อาร์เบ้ปากบอกอยากฟังด้วย แคปจึงส่ายหัวบอกตามใจ แต่ห้ามถามมากเรื่อง

“แล้วมันว่าไง บอกป่ะว่าชุดของใคร”

“หึ มันไม่บอก” แคปส่ายหัวอีกครั้ง สองคนปอกับอาร์มองหน้ากันทำงง

“มันไม่บอกไม่พอซ้ำยังให้กูเข้าไปเก็บชุดเมียเก่ามันเข้าที่อีกด้วย เซ็งสัสๆ”

“อ้าว แล้วมึงยอมไปเก็บป่ะล่ะ อย่ายอมนะมึงได้ใจหมด ชุดนั่นถ้าเป็นกูเจอรับรองฟาดทิ้งลงถังแล้วเผลอๆเอาไปทำผ้าขี้ริ้วเช็ดส้วม”

“เกินไปไอ้อาร์เกินไป กูยังเป็นผู้ชายอยู่เหี้ย” แคปทำหน้าดุใส่อาร์ที่ตอนนี้มันใส่อารมณ์เต็มที่ราวกับว่าผัวมันกำลังนอกใจเอาชุดเมียเก่ามาวางไว้ที่ห้องเสียเอง

“ผู้ชายผู้หญิงก็หึงเป็นเหมือนกันน่ะแหละ”

“กูไม่ได้หึงมันไอ้สัสนี่ กูก็แค่เห็นว่ามันไม่ถูกที่ถูกทาง รู้สึกหงุดหงิดก็แค่นั้น..” แคปแถไปเรื่อยเปื่อย แสร้งก้มลงมองพลิกหนังสือในมือไปบ้าง

“แล้วมึงทำไงกับชุดนั่นล่ะ” ปอถามขึ้นมาอีก อาร์เลยเสริมบทบ้าง “คงฉีกทิ้งเลยดิ? เอ๊ะหรือว่าเอากรรไกรตัดจนขาดไปแล้ววะ”

“พวกมึงสองตัวแม่งฟังไม่ได้ศัพท์จริง ๆ เลยวุ๊ย! กูบอกว่ากูไม่ได้ทำอะไรเลยก็แค่มันติดมือออกมากูก็ซัดไว้ที่เตียงแล้วก็ไม่สนใจมันอีกก็แค่นั้น”

“จริงดิ?” คนฟังทำสายตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แคปยักคิ้วให้บอกว่าจริง

“แล้วมึงกับมันทะเลาะกันไหม”

“ก็เออ ทะเลาะกันทุกวันแหละ วันล่ะสามเวลา เหมือนเวลาแดกอาหารน่ะ”

“พวกมึงสองตัวมันบ้า” ปอส่ายหัวพึมพำ อาร์เองก็พึมพำอะไรขึ้นมาสักอย่างที่แคปไม่ได้ยิน

“เอาจริง ๆ กูก็เซ็งมากอยู่เหมือนกันเว้ย ถ้าเป็นชุดเมียเก่ามันจริงแล้วยังเก็บรักษาไว้ขนาดนี้ กูเบื่อตายห่าเลยนะ...” ผ่านไปชั่วครู่แคปเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ มือใหญ่ของปอเอื้อมมาตบบ่าให้กำลังใจในแบบที่พวกเขาชอบทำด้วยกัน อาร์เองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เอาขาเข้ามาเขี่ยๆแคปรู้ดีว่ามันกำลังปลอบเขาเช่นกัน แคปจึงแยกเขี้ยวใส่ไปอาร์แกล้งทำหน้าบอกกลัว ๆ


Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr


โทรศัพท์แคปสั่นครืดๆขึ้น โต๊ะสะเทือนกันเลย เขาเอาขึ้นมาดูเบอร์พอเห็นว่าเป็นใคร รีบโยนลงที่เก่าอย่างไว

“ไอ้แบงค์?” ปอเอาขึ้นมาดู แล้วยื่นส่งให้ แคปส่ายหัวบอกไม่รับ

“ทำไมวะ เผื่อมันจะพูดเรื่องงานคืนนี้ไง วันนี้มึงต้องไปทำดีเจไม่ใช่เรอะ” แคปส่ายหัวบอกไปว่าไม่ใช่เรื่องงานหรอก แบงค์มันจะมาหาที่นี่แหละ ปอกับอาร์ยังไม่รู้เรื่องที่แบงค์มันโดนเอสกระทืบไปเมื่อวาน แล้วเขาก็ไม่อยากจะให้ไอ้เด็กแสบมานั่งด้วยกันที่นี่ด้วย เผื่อไอ้เอสที่หูตาไวยิ่งกว่าสับปะรดเกิดรู้แล้วเห็นเข้า จะพาลตายหมู่กันไปหมด ถึงความเป็นไปได้ที่มันจะรู้มีอยู่น้อยมากก็เถอะเพราะว่าตอนนี้คุณชายคงง่วนอยู่กับแลปปูนแลปคอนกรีตแลปเหล็กห่าอะไรของมัน

เขาทั้งหมดปล่อยให้มือถือสั่นเรียกอยู่แบบนั้น มันดังครืดๆๆจนสามคนเริ่มรำคาญ แคปกำลังจะคว้าเอาขึ้นมาตัดสายทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด แต่เป็นปอที่คว้าได้ก่อน ทว่าแทนที่จะกดตัดสาย มันดันกดรับแล้วถามเสียงขุ่นๆว่าโทรมามีเชี่ยไร

(เตี้ยล่ะ มันอยู่แถวนั้นป่ะ)

“ใครเตี้ย มึงถามหาใคร” ปอนิ่วหน้านิดๆส่งเสียงขุ่นๆถามกลับไป

(เพื่อนมึงน่ะ ขอสายดิ๊)

“อ่ะ ของมึง คุยกันเอาเองเหอะ” ปอเหลือบมองแคปที่นั่งส่ายหัวทำหน้าไม่รับแขกอยู่ข้าง ๆ เขายัดมือถือให้แคปคุยเองเลย เจอมือเล็กทุบลงมาที่หลังเบา ๆแล้วชี้หน้าด่าแบบไร้เสียง ปอจึงยักไหล่บอกไม่รู้ไม่สน ก็รับไปแล้วนี่หว่า

“มึงไปรับทำไมเล่า!” อาร์ยื่นหน้าเข้ามากระซิบใส่เสียงหงุดหงิด ปอรู้ว่าทำผิดพลาดไปจริง ๆ เขาก็แค่ทำท่าก้มอ่านหนังสือต่อไป

“ชั้นสองฝั่งในสุดจะมาก็รีบมา” เสียงแคปบอกลงไปที่ลำโพงโทรศัพท์อย่างเหนื่อยหน่าย เขาดูเวลาอีกทีเกือบ ๆ จะเที่ยงแล้วกดตัดสายไปเลยไม่รอทางโน้นพูดจนจบ พอโยนโทรศัพท์ลงที่โต๊ะแคปล็อคเอาคอของปอเข้ามาแล้วลงมะเหงกทำโทษไปหนึ่งที สู้กันอยู่พักเดียว เจ้าเด็กแสบอย่างแบงค์ก็เดินเข้ามาถึง ร่างสูงใหญ่พอๆกับเอสนั่งลงข้างอาร์ตรงข้ามกับแคปพอดี แบงค์ทำหน้าจ๋อย ๆ กวาดตามองสำรวจแคปตั้งแต่ใบหน้าจากนั้นก้มลงมองข้างล่าง

“มองเชี่ยไร” แคปเตะขาขึ้นไปเกือบฟาดปากมัน แบงค์คว้าจับเอาไว้ได้แล้วเงยหน้าขึ้นมาจากใต้โต๊ะ

“มึงเป็นไรป่ะล่ะ”

“จะเป็นไร กูไม่ได้อ่อนแอเหมือนมึงนี่โดนนิดโดนหน่อยก็จอดแล้ว” แคปว่าพลางส่ายหัวหน่ายๆ อาร์กับปอนี่หูผึ่งคือสองคนยังไม่รู้เพราะงั้นจึงรอฟังกันอยู่

“ไม่จอดได้ไงมันเล่นมาทีเผลอแบบนั้นแล้วร่างกายกูเปียกโชกไม่สมบูรณ์แบบ ใครจะไปสู้มันไหว น่ากลัวฉิบหาย”

“นั่นแหละเรียกว่าไม่เอาไหน”

“แต่ถ้าสู้ตัวต่อตัวให้กูตั้งหลักดี ๆ ไม่ก็ถ้าทำให้กูโกรธมากๆคิดว่าพอจะสู้ได้อยู่นะ”

“หึหึ มึงลองอีกสักครั้งสิ”

บทสนทนาของแคปกับแบงค์ทำให้เพื่อนสองคนพอจะสรุปได้อย่างคร่าว ๆ แต่แน่นอนว่าคนอยากรู้แบบอาร์ต้องถามแน่ พอปากเล็กๆขยับปุ๊บแคปถึงกับส่ายหัว โดนรบเร้าหนักเข้าเขาจึงเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ทั้งสองคนฟัง

“พวกมึงแม่งดีนะไม่ตายคาตีนไอ้เอสนั่น” อาร์พูดออกมาหน้าซีดๆ หันมองคนข้าง ๆ แล้วทำหน้าแหยง ๆ ด่าใส่แบงค์ด้วยว่าทีหลังอย่าไปยุ่งกับแคปเจ้าที่มันแรงมึงไม่รู้?

“ปากมากนักไอ้อาร์ทำงานมึงไป”แคปว่าตาเขียว

“มึงก็อยู่ให้ห่างแคปมันไว้ก็แล้วกัน เจอกันแค่เวลาทำงานน่ะดีแล้ว นอกเหนือจากนั้นกูว่ามึงอย่าเสี่ยงเลย คงไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนกูใช่ไหมล่ะ” ปอหรี่ตาดักคอแบงค์ไว้ รายนั้นเหลือบมองแล้วก็แค่ไหวไหล่ไม่ตอบโต้ เขาล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพาย

“อ่ะ ทาให้ทีสิวะท้องกูเขียวไปหมด หลังก็ช้ำเนี่ย” แคปมองหลอดยานวดแก้ฟกช้ำที่อยู่ในมือแบงค์ ขณะที่คนบอกให้ทาเดินเข้ามาหาเขาใกล้ ๆ แล้วเปิดเสื้อขึ้นบอกให้ดู

“โหหหหหหหห เขียวอื๋อเลยไอ้สัส” แคป ปอ อาร์ อุทานขึ้นคำเดียวกัน แบงค์ยัดหลอดยาใส่มือแคปแล้วทำหน้าเร่งเร้า

“ดีนะมึงซี่โครงไม่หัก” ปอพูดขึ้นต่ออีก แคปรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆทันที ดูภายนอกไม่รู้เลยว่าโดนหนักมาขนาดนี้

“ไม่หักหรอก แต่กูกลัวช้ำในตับม้ามพังไปก่อน เมื่อคืนเลยไปซัดเหล้าให้หายช้ำมาไง ดีขึ้นเห็นๆ”

“อะไรนะ เมื่อคืนมึงยังไปแดกเหล้าอีกเหรอเนี่ย”

“อืม แบบนี้แหละเวลามีเรื่องกูต้องไปกินเหล้าแก้ช้ำใน วันนี้เลยโดดไงไม่เข้าเรียนทั้งเช้าทั้งบ่ายเลย”

“มิน่ากลิ่นเหล้าแรงดีจริงๆ” อาร์มองแล้วทำจมูกฟึดฟัด

“กลิ่นเหล้าที่ไหน นี่มันกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงชัดๆ ไอ้เด็กนรกนี่ไม่ธรรมดาอย่าบอกนะว่าที่มึงบอกว่าไปแดกเหล้าน่ะ มันคือไปให้ผู้หญิงกรอก”

“ทำเป็นรู้ดีนัก ทาเร็วๆดิ”

แคปจ้องหน้ามันอย่างหงุดหงิดคว้าเอายาทั้งหลอดมาถือไว้ดี ๆ หลังจากที่เจ้าของมันพยายามยัดใส่มือเขาอยู่นาน กำลังจะเปิดหลอดทาให้แล้วแต่ไอ้ปอดันคว้าเอาไว้อย่างเร็วจากนั้นบีบใส่มันแล้วจัดการทาให้แทน

“อะไรเนี่ย มึงมาทาให้กูทำไมวะ” แบงค์โวยขึ้นพอเห็นว่าเป็นใครที่ทา

“ใครทาก็มีค่าเท่ากันอย่าเรื่องมากนักเลย” ปอทางลงไปแรง ๆ ตบแถมลงไปด้วยแบงค์โวยขึ้นมาอีก แคปจึงยิ้มขำๆ เขาผลักไอ้คนยืนออกห่างจากนั้นย้ายไปนั่งข้างอาร์ พอทากันเสร็จเรียบร้อย สี่คนก็นั่งอ่านหนังสือกันไป ไอ้เจ้าแบงค์จอมเรื่องมากมันไม่ยอมจบจู่ๆลุกขึ้นเดินถือหยอดยาเข้ามาหาแล้วเปิดตรงไหล่ด้านหลังให้ดู

“อะไรของมึงวะ ไอ้สัสจะมาถอดเสื้อบ้าอะไรแถวนี้” แคปด่าขึ้นมาไม่ดังแต่ก็ถือว่าไม่เบามาก

“มันเจ็บอ่ะ มึงดูทีมันช้ำป่ะกูมองไม่เห็น”

“เออ มันก็เขียวแหละ” แคปมองไปที่รอยม่วง ๆ เป็นทางยาว คงตอนที่ถูกเหวี่ยงแล้วล้มกระแทกพื้นเมื่อวาน แบงค์ยื่นยาให้อีก คราวนี้เขาใช้สายตาบอกแคปขอร้องให้ทา อาร์กับปอมองแล้วส่ายหัวเลย คือสงสารก็สงสาร ใจก็อยากจะทาให้อยู่หรอกแต่เห็นว่ามันโดนหนักมากจริง ๆ แล้วคงอยากให้แคปทาให้เอง สองคนนั้นเลยปล่อย

“น่ารำคาญจริง ๆไอ้เด็กบ้า” แคปกระชากหลอดยามาบีบลงไปที่รอยช้ำจากนั้นทาให้แบบแรง ๆ เลยแบงค์นั่งเบ้หน้าบอกเจ็บ ๆ ให้เบามือลงหน่อย พอเนื้อยาซึมเข้าที่แคปถีบเก้าอี้มันออกห่างไถลไปเลยเมตรกว่า ๆ

“ใจร้าย”

“มึงมันน่ารำคาญ”

นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดเมื่อตอนกลางวันกว่าพวกเขาสี่คนจะแยกย้ายก็ปาเข้าไปเกือบ ๆ จะสี่โมงเย็น

“กลับยังไง ทำไมกูไม่เห็นรถมึง” แบงค์ถามตอนที่เดินตามกันลงมา

“มึงอยากรู้ใช่ไหมโน่นไง ไอ้แคปมันต้องไปรับแฟนมัน วันนี้เอารถแฟนมาใช้เว้ย คุณนายไหมล่ะเพื่อนกู” นี่เสียงอาร์หลังจากบอกจบเจอแคปถีบจนถลาพรวดลงบันไดห้าขั้นแบบไม่ต้องก้าว อาร์ตกใจจนหน้าจืดตบอกตัวเองเรียกขวัญที่กระเจิดกระเจิง ปอยืนขำไม่ต่างจากแบงค์และแคป

“งั้นเจอกันคืนนี้” แบงค์บอก

“มึงไปได้ใช่ป่ะ” แคปถามขึ้นหลุบสายตามองดูบริเวณแผลที่เขากับปอเพิ่งทายาให้มัน แบงค์ยักคิ้วบอกไม่ต้องห่วง ก็แค่อยากอ้อนเลยเอายามาให้ทา แค่นั้นแหละเจอแคปไล่เตะ เสียงทุ้มหัวเราะร่าก่อนจับมอไซด์แล้วขับออกไป

“มึงจะเอาไง ไปรับไอ้เอสแล้วจะกลับไปกินข้าวที่ห้องป่ะเนี่ย”

“ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวถ้าจะกลับกูจะโทรบอก”

หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกย้าย เอสไม่ได้โทรมาแต่แคปไปจอดรถรออยู่ที่เดิมตอนที่ไปส่ง คว้าเอาหมวกแก็ปสีดำมาใส่ไว้เหมือนเมื่อครั้งมาส่งมัน เช็คดูหน้าหลังดี ๆ ก่อนมองเวลา เลทไปแล้วห้านาทียังไม่มีวี่แววจะมีใครเลิกลงมา แต่หลังจากนั้นอีกราว ๆ สิบนาทีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

“กูไม่ได้ไปรับนะ มึงกลับเองเหอะ” แคปโกหกหน้าตาย มองคนที่ทยอยลงมากันแล้วแต่ยังไม่เห็นเพื่อนกลุ่มมัน

(โกหกตาไม่กระพริบเลยนะเมีย เลื่อนรถมาจอดฝั่งด้านที่มีต้นลีลาวดีสีขาว กูจะรออยู่ตรงนั้น)

“ไอ้สัส กูต้องทำตามที่มึงบอกหรือไง กูไม่ใช่เมียมึงบอกกี่ครั้งแล้ว”

(ตลกแคป มาให้ไว ๆ วันนี้เฮียเต้มาทำงานกลุ่ม กูกลัวเฮียแกจะออกมาเจอมึงอยู่ฝั่งทางนั้น รีบมา)

“เฮ้ยจริงดิ!” แคปอุทานโทรศัพท์แทบหลุด เขารำคาญโยนทิ้งแม่งเลยไม่สนใจเอสจะพูดต่อว่าอะไรเหยียบรถเลี้ยวออกไปแทบไม่ทัน มองที่กระจกหลังเห็นคลับคล้ายคลับคลาพี่รัฐเดินออกมาแล้ว

“ตายกูตาย ไอ้เหี้ยเอสแม่งมึงทำอย่างนี้กับกูนะไอ้ๆๆๆๆๆๆๆ....” ปากเล็กๆขยับด่าไปเรื่อย ๆ พอรถชะลอตัวลงที่ใต้ต้นไม้นัดหมายเอสเปิดรถขึ้นมาแคปเหยียบมิดทะยานออกมาเลย

รถแทบจะเหาะ

“ช้าๆก็ได้มึง พี่มึงกลับไปทางโน้นแล้ว”

“ก็เพราะมึงนั่นแหละ มึงมันคนนิสัยแย่ ไอ้คนเลวคนชั่วคนนิสัยไม่ดี ไอ้ตัวเจ้าชู้ไอ้..อื้มมมมม...” คำพูดจบอยู่แค่นั้นเมื่อเอสรำคาญคนขี้บ่น เขาปิดปากมันด้วยการมองซ้ายมองขวาไม่มีรถ จึงคว้าคอมันแล้วโน้มตัวเข้าไปดูดปากแรง ๆ หนึ่งทีแถมด้วยขบจุมพิตเบา ๆ

ผั๊วะ!

“สันดานเสีย!” แคปยกแขนขึ้นเช็ดที่ปาก ทำท่ารังเกียจ ขณะที่เอสเหลือบมองแล้วหัวเราะหึๆส่ายหัวขำกับท่าทางของคนโดนขโมยจูบ รถแล่นต่อไปด้วยความเร็วปกติ เอสไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหนแคปจึงตั้งใจว่าจะกลับไปดูหนังเล่นที่ห้อง แต่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเส้นทาง เพราะมือใหญ่ชี้บอกว่าให้เลี้ยวไปอีกฝั่งแล้วชะลอรถจอดลง เอสเปลี่ยนมาขับด้วยตัวเอง ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวจากกลางท้องฟ้าไปทางทิศตะวันตกแล้ว อีกไม่นานสองข้างทางก็คงจะมืดลง การจราจรบนถนนเส้นนี้คับคั่งอยู่เสมอ คนขับยกข้อมือเพื่อดูเวลา เสียงท้องร้องโครกครากทำเอาแคปที่กำลังนั่งมองเด็กๆที่มารอเรียนพิเศษต้องหันมามอง



ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1463 เมื่อ08-07-2015 22:47:40 »


https://www.youtube.com/v/SlB5guSEXkQ



“กินไรกันดี มึงอยากกินอะไรวะแคป” เอสหันมาถาม แคปเองก็นึกขึ้นมาได้ข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเหมือนกัน เขาจึงบอกว่าอะไรก็ได้

“อาหารญี่ปุ่น กินได้รึเปล่า”

“กินได้แต่ไม่ชอบ”

“แล้วชอบกินอะไร” เอสลำเลืองมองมาอีก แคปขยับริมฝีปากแต่สายตาสนใจข้างทางเสียเหลือเกิน “ไม่รู้ กินได้หมด”

“โอเค ถ้างั้นไปกินไกลหน่อยละกัน” ว่าจบรถก็ทะยานตัวมุ่งไปสู่อีกฟากฝั่งของกรุงเทพย่านที่พวกเขาสองคนเคยมากันแล้ว เอสจอดรถไว้ที่เดิม เขาหันมองหน้าแคปอยากจะถามว่าจำที่นี่ได้ไหม พอดีกับว่าแคปหันมามองที่เขาพอดี

“มึงจำได้รึเปล่า” เอสถามขึ้นเรียบ ๆ จับหมวกที่แคปถอดเอาไว้สวมให้อีกครั้ง เขาใช้เวลาขับรถค่อนข้างนานเพราะงั้นกว่าจะจอดลงที่ตรงนี้เกือบๆจะหกโมงเย็นแล้ว

“จำได้ดิวะ แต่วันนั้นมึงซื้อขนมมาด้วยนี่”

“วันนี้ไม่ได้มากินขนมแต่เราจะมานั่งกินข้าวกันไง”

“มีอาหารขายด้วยเหรอ..” แคปจำได้ว่าเมื่อตอนนั้นเขาหิวข้าวมาก แต่เอสที่พามานั่งกินริมน้ำดันซื้อแต่ขนมมาไม่มีกับข้าวอะไรเลย

“เราจะกินร้านข้าง ๆ ไม่ใช่ร้านขายเหล้าร้านนั้นหรอก” เอสก้าวลงจากรถ เขารอแคปเดินเข้ามาหา แต่เพราะแคปช้าเขาเลยเดินเข้าฉุดแขนดึงให้เดินขึ้นเนินไปด้วยกัน พอตัดเนินลงมาได้ถ้าเป็นร้านเก่าจะเลี้ยวซ้าย แต่ครั้งนี้เอสพาเลี้ยวขวาเดินขึ้นบันไดไม้เล็กๆที่สองข้างทางจุดไฟสีส้มเป็นประกายคล้ายราวบันไดยาวขึ้นไปจนถึงระเบียงชานไม้ระแนงยื่นออกไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ จันทร์ดวงโตอวดโฉมงดงามสะท้อนสีทองสุกใสลงที่พื้นแผ่นน้ำกว้าง ข้าง ๆ กันนั้นยังเป็นสะพานแขวนที่ประดับด้วยลวดสลิงสีทอง บรรยายยามค่ำคืนที่ดูโรแมนติดอ่อนหวานและอบอุ่น

“เชิญค่ะ สองท่านโต๊ะริมน้ำเราจัดเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ” พนักงานในชุดคล้ายสาวเวียดนามสวยงามมาก เธอเข้ามาทักทายเชื้อเชิญ แคปหยุดชะงักไปนิดตอนที่เธอพูดเหมือนกับว่าโต๊ะที่พวกเขาจะไปนั่งถูกจองเอาไว้ก่อนแล้ว

“กูโทรจองเองแหละ” เอสหันไปไขความข้องใจให้ คว้าเอามือแคปไว้อีก แคปจะบิดออกก็ไม่ได้เขาเลยต้องรีบเดินมาจนชิดกันไม่ให้คนมองเห็น

“ไอ้สัส มึงจะจัดเตรียมทุกอย่างไว้ทำบ้านมึงเหรอห๊ะ กินข้าวกับกูกินที่ไหนก็ได้ชอบพามากินในที่แปลกๆอยู่เรื่อย..” แคปบ่นเบาๆหน้ายู่ ๆ เดินไปนั่งลงที่โต๊ะเล็กๆที่ถูกจุดเทียนรอไว้ก่อนแล้ว พนักงานตระเตรียมทุกอย่างลงเสิร์ฟอย่างไม่รีบร้อน เปลวเทียนในแก้วใสที่ถูกครอบเอาไว้สั่นไหวไปตามแรงลม กลิ่นหอมของดอกไม้สวยโชยมากระทบถึงปลายจมูกรั้น แคปมองดูกลีบดอกไม้ที่ค่อย ๆ โรยตัวลงสู่ผืนน้ำ เขาเอามือยื่นเข้าไปรอง ทำเหมือนเมื่อเช้าหากแต่ครั้งนี้ได้มาหนึ่งดอก สองนิ้วหมุนขั้วดอกที่แต้มสีน้ำตางอ่อนเป็นสัญลักษณ์แห่งการโรยรา แคปยกขึ้นมาดมดูยังหอมติดจมูกอยู่เลย

“เมื่อเช้ารดน้ำต้นไม้ให้กูหรือเปล่า”ทุกการกระทำของคนตรงข้ามอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด เอสอมยิ้ม

“เปล่า ไม่ได้รด”แคปตอบหน้าตาย

“หึหึ” เอสรินไวน์ที่พนักงานเอาเข้ามาวางไว้ให้ด้วยตัวเอง เขายื่นส่งให้แคปก่อน

“ยิ้มทำไม กูไม่ได้รดให้จริง ๆ ตอนนี้เหี่ยวเฉาตายไปหมดแล้ว” แคปตักอาหารบางอย่างบนโต๊ะเข้าปาก ไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรอก พอกินดูรู้สึกแปลกๆไม่อร่อยแคปรีบหยิบไวน์ขึ้นมากระดกส่งลงคอรวดเดียวจบ

“ค่อย ๆ กินดิวะ เดี๋ยวมึงต้องไปจัดรายการอีกนะ เมาก่อนกูพากลับห้องจริง ๆ”

“ไอ้สัสถ้ามึงทำอย่างนั้นกูจะฆ่ามึง”

“งั้นก็ค่อย ๆ กิน”

“อาหารแม่งไม่ชอบแบบนี้เลย” แคปยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบ พูดให้เบาที่สุด เอสเลิกคิ้วนิดๆหลังจากนั้นกวักมือเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ห่าง ๆ รอบริการอยู่แล้ว

“สั่งเลยมึงอยากกินอะไร”

“เอ่อ...อาหารธรรมดามีไหมครับ”

“คะ? ธรรมดาแบบไหนคะ ดูเมนูก่อนดีไหมคะ” เธอยื่นเมนูมาให้ แคปกางออกแทบจะเป็นลมมีแต่ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส แล้วก็ภาษาจีน ภาษาไทยทำไมไม่มีวะครับ

“@#$%%^&*())_ชอบไหมคะ” เธอพูดชื่ออาหารภาษาอะไรขึ้นมาสักอย่าง แคปหน้าจืดยิ่งกว่าเก่า อย่านะมึงบ้านกูก็ขายอยู่นะกาแฟนอกน่ะ ก็แค่เขาไม่ค่อยสนใจบรรดาชื่ออาหารภาษาต่างดาวเท่านั้นเอง

“ไม่ครับ ผมอยากกินพวกข้าวผัดอะไรแบบนี้พอจะมีไหมครับ”

“ข้าวผัดทานกับไวน์งั้นเหรอคะ” เธอทำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แคปพยักหน้าบอกใช่ ๆ จิกตาใส่ไอ้คนตรงข้ามที่นั่งกระดกเครื่องดื่มสบายใจแล้วทำท่าขบขัน

“ใช่ครับ มันเป็นเทรนด์ใหม่ ข้าวผัดปูกินกับไวน์แดง สุดยอด..” แคปโม้แหลกยกนิ้วโป้งทำสัญลักษณ์ไลค์ บอกเธอว่ามันยอดเยี่ยมมากนะวันหลังใหลองกินดู เธอทำหน้าเหมือนไม่ค่อยยอมเชื่อจนเอสบอกเอามาสองจานเขาเองก็ขอด้วยเธอจึงยอมให้

“ทำไมพนักงานที่นี่บังคับกูจังวะ จะกินอะไรก็เรื่องของกูไม่ใช่รึไง” แคปบ่นไปเรื่อย ๆ ลมพักเข้ามาอีกระรอก กิ่งลีลาวดีโยกไหว หอมระรวยรินไปจนทั่วอาณาบริเวณ

“เขาก็แค่ทำตามหน้าที่ โต๊ะเราสั่งไวน์ชั้นดี เพราะงั้นอาหารที่มาคู่กันจะต้องไม่ตัดรสชาติของตัวไวน์ลงไปเด็ดขาด แม้แต่แก้วยังต้องเป็นเนื้อแก้วอย่างดีเลยนะ ที่นี่เขาขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่..”

“มึงมากินบ่อยหรือไง”

“นานๆที”

“มากับใครวะ ใครจะมานั่งรอมึงจิบไวน์เอาบรรยากาศอยู่แบบนี้เสียเวลาเป็นบ้า”

“เสียเวลาอะไรเล่า มึงกินข้าวเสร็จ กูก็กินของกูเสร็จพอดี”

“แล้วมากับใครอ่ะ”

“ก็เพื่อนบ้างผู้หญิงบ้าง เรื่อยเปื่อยตามเรื่อง..” พอเอสตอบว่ามากับผู้หญิงแคปนึกถึงเรื่องชุดขึ้นมาทันที พนักงานถือจานข้าวผัดมาเสิร์ฟลงแล้ว แคปมองซ้ายมองขวาหาของบางอย่าง เอสจึงบอกพนักงานว่าขอซอสมะเขือเทศให้ด้วย

“ทำเป็นรู้ดี กูไม่ขอบใจมึงหรอก” เอสหัวเราะขำๆกับท่าทางแบบนั้นของคนตรงหน้า แคปจึงยกขาเตะหน้าแข้งมันเบา ๆ พอนั่งกินกันไปก็พาลนึกถึงเรื่องผู้หญิงของมันขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ พอย้อนกลับมานึกถึงว่าตัวเองยอมมานั่งกินข้าวจิบไวน์กับมันแบบนี้ แคปหน้ายุ่งขยับสายตามองคนตรงหน้าขณะที่มันกำลังเผลอ ใบหน้าได้รูปคิ้วเข้มเครื่องหน้าชัดเจน สันจมูกโด่งสวยรับกับริมปากหยักที่ดูดีมาก ๆ โดยเฉพาะเวลามันเผยอรอยยิ้ม ฟันกระต่ายสองซี่สุดเพอเฟคจะออกมาอวดโฉมให้เขาได้เห็นอยู่บ่อย ๆ

หน้าตารูปร่างแบบนี้รับรองว่ามันต้องเคยมีเมียมาไม่ต่ำกว่าสิบคนแน่ ๆ แคปแอบฟันธงอยู่ในใจ แต่ใครกันล่ะที่เป็นเจ้าของชุดสวยสองชุดนั่น ชุดที่แม้แต่เขายังต้องถูกมันตามตัวให้ลุกขึ้นไปเก็บเข้าที่ให้ดีเหมือนอย่างเดิม หน้าตามันตอนนั้นดูจริงจังจนเขานึกกลัว

“มีอะไรแคป มองกูนานแล้วนะ กูหล่อมากเหรอครับเมีย”

“ไอ้สัส!” แคปเตะป๊าบเข้าให้ เอสเบ้หน้าบอกเจ็บแก้วไวน์เกือบจะหก พวกเขานั่งชิลกินกันเกือบ ๆ สองชั่วโมง พอเช็คบิลเสร็จรถก็ขับออกจากฝั่งนั้นข้ามมาอีกทาง

“ตรงไหนวะที่เราไปนั่งกินกันเมื่อกี้น่ะ” เมื่อรถขับผ่านสะพานใหญ่ แคปมองไปทางด้านที่น่าจะเป็นไปได้ แต่สองข้างทางมืดไปหมดแล้ว ไฟสีส้มขาวตัดกับพื้นผิวน้ำเต็มไปหมดจนดูละลานตา

“กูว่าตรงนั้นแหง ๆ” เอสมองไปตามที่แคปชี้ เขาหัวเราะอยู่ในลำคอ นั่นมันคอนโดสูงที่ไหนสักแห่งแคปมันชี้อะไรไปเรื่อยเปื่อย

“เหลือเวลาอีกนิดหน่อย เอาไงจะกลับห้องก่อนหรือจะไปหาดูหนังสือรอเวลาเข้าไปทำงาน..” เอสหันมาถาม แคปบอกจะกลับไปเอารถที่คอนโด เขาจะขับไปเองเลิกดึกบอกให้เอสขับกลับห้องตัวเองไป

“อย่าให้กูต้องถามอีก รู้อยู่แล้วว่ากูจะนอนที่ไหน แล้วใครที่จะเป็นคนส่งมึงไปทำงาน”

“........”

“แคป..”

“.............” แคปเงียบไปไม่ยอมพูอะไรออกมาซึ่งผิดกับวิสัย เอสถึงกับต้องชำเลืองมอง เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุ ค่อย ๆ ดังขึ้น


...เรียนรู้รักอย่าง รู้คุณค่า ฝันไม่ไกล

บินไปตามทาง หาดวงตะวัน ที่เธอต้องการ

ไม่มีฉุดรั้ง ไม่มีดึงดัน เราเข้าใจ

รักยังแสนหวาน รักยังไม่เปลี่ยน เคียงคู่กัน...



“แคป..?” เอสหันมาเรียกขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากเล็กพึมพำเนื้อเพลงแผ่วเบา มือใหญ่เอื้อมเข้าไปลูบหัวเล็กเบา ๆ ทว่าครั้งนี้ไม่โดนปัดออก เพียงแต่แคปหันมาจ้องหน้าเขานิ่ง ๆ ความรู้สึกหลายอย่างไหล่ถ่ายเทเข้ามาในดวงตากลมโตคู่นั้น ไม่รู้ทำไมสารพัดเรื่องราวมากมายถึงค่อย ๆ ก่อเกิดขึ้นในหัวใจ เรื่องราวระหว่างเขากับมัน เรื่องที่ยากเย็นนักที่จะเป็นไปได้ แต่วันนี้ทุกอย่างกลับก่อตัวขึ้นแล้ว แคปไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ารู้สึกเช่นไรกับคนๆนี้


แต่ทว่า...


...ความถูกต้องทางสังคม...

...ความรู้สึกของครอบครัว...

...ความฉาบฉวยกับสิ่งที่เรียกว่า ‘รักแท้’ ระหว่างเพศเดียวกันอย่างพวกเขา..

...ทุกอย่าล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำว่าอุปสรรคทั้งสิ้น...




“แคป..?” เอสเรียกขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้ว เพลงนี้กำลังจะจบลงพอดี แคปขยับตัวนั่งให้ตรงเขาเสใบหน้าหันมองออกไปที่ด้านนอก

“ถึงเราจะคบกัน แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตกันและกันหรอกนะ มึงฟังเพลงนี้สิ ไม่มีฉุดรั้ง ไม่มีดึงดัน เราเข้าใจ  รักยังแสนหวาน รักยังไม่เปลี่ยน เคียงคู่กัน ...เข้าใจความหมายของกูใช่ไหม”

“เป็นอะไรของมึงวะแคป จู่ๆพูดเรื่องอะไรขึ้นมา”

“มึงบอกมาก่อนสิ มึงเข้าใจในสิ่งที่กูพูดไหม”

“เข้าใจสิ เรารักกันแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตกันแบบนั้นใช่ไหม”

“ไม่ใช่  มึงรักกูแต่มึงไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตกูแบบนี้ต่างหาก..” แคปหันมาสวนใส่

“โอเค แล้วยังไง”

“ก็ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง หน้าที่ทางสังคม หน้าที่ทางครอบครัว หน้าที่ต่อจิตสำนึกที่ดี หน้าที่....อ๊ากกกก!!” แคปพูดยังไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำ เอสคว้าหมับเอามือขาวขึ้นมากัดลงที่แขนแรง ๆ หนึ่งที

“ไอ้สัส มึงกัดกูทำเชี่ยเหรอห๊ะ กูเจ็บนะบ้าฉิบเหี้ยนี่” แคปโวยวายหน้างอ ถูกกัดไม่ทันตั้งตัว

“ถ้าไม่กัดมึงก็ไม่หยุดพูดสิ” ไอ้ครั้นจะคว้าคอเข้ามาจูบก็ทำไม่ได้ขับรถอยู่ วิธีนี้ปิดปากมันไม่ให้พูดต่อได้ดีที่สุด

“ก็กูกำลังอธิบายให้ฟัง มึงแม่ง...”

“แต่กูไม่อยากมีหน้าที่รับผิดชอบความรู้สึกใครทั้งนั้น สิ่งสำคัญของกูมีแค่สามส่วน หนึ่งครอบครัว สองคนรัก สามหน้าที่การงาน และมึงคือหนึ่งในนั้น..” เอสพูดจบหันมาจ้องหน้าแคปนิ่ง ๆ ก่อนจะหันไปมองที่ถนนเช่นเดิม เขาถ่ายทอดคำมั่นสัญญาลงในดวงตาคมกริบที่ปกติดุร้านเฉกเช่นสัตว์ป่าแต่เมื่อกี้ถ้าแคปมองไม่ผิด มันแสดงความอบอุ่นและอ่อนโยนราวกับสายลมแผ่ว ๆ ที่พัดเย็นปลอบประโลมให้หัวใจเกิดไออุ่นซ่านขึ้นมาได้

“กูเป็นหน้าที่การงานของมึง?” แคปทำหน้าเซ่อๆถามขึ้น โดนเอสตบผั๊วะลงที่หัวแรง ๆ

“นี่มึงกล้าตีกูเรอะ” แคปคนเดิมกลับมาแล้ว เอสยิ้มเผล่แล้วยักไหล่ สองคนกัดกันไปเรื่อยๆตลอดทาง เสียงโทรศัพท์แคปสั่นเรียกขึ้น

“ครับเฮียโก้” โก้โทรเข้ามา เขาบอกให้แคปแวะไปที่บ้านก่อนไปทำงานที่สถานี เพราะรู้ว่าเป็นทางผ่าน

“ด่วนเหรอครับพ่อ” แคปถาม

(ไม่รู้ว่าด่วนหรือเปล่า แต่หนังสือที่ลูกสั่งซื้อข้ามปีจากเวปอะไรสักอย่างมาถึงแล้ว บรรณานุกรมเรื่องพืชที่ลูกรออยู่ไง พ่อจะให้อาฟี่แวะเอาไปให้แต่รายนั้นไม่ยอม เขาบอกว่าวันนี้แคปต้องผ่านแถวบ้านเราเพราะงั้นให้แวะเข้ามาเอาด้วย) แคปหันมองเอสที่กำลังฟังอยู่เหมือนกันเพราะว่าในรถเพลงถูกปิดลงแล้วจึงเงียบมาก เสียงโก้ดังทะลุออกมาจากลำโพง

(ว่าไง พ่อกับอาฟี่จะรอเรานะ)

“ครับ เดี๋ยวผมแวะเข้าไป”

(กินอะไรหรือยังน่ะ ออกมาแล้วใช่ไหม) แคปตอบรับไปพอวางสายเสร็จเขาหันบอกเอสว่าให้ส่งลงแถว ๆ ถนนเส้นหน้าบ้านเขา แคปกะจะเข้าไปเองแล้วเดี๋ยวนั่งแท็กซี่ต่อไปทำงาน เอสส่ายหัวแล้วเหยียบคันเร่งจมเลย

“กูไม่ให้มึงเข้าไปนะ เฮียโก้สงสัยแน่ ๆอาฟี่ก็อยู่ด้วย”

“กูจะรออยู่ด้านนอก”

“ไม่ได้!” แคปสวนขึ้นทันที  “แบบนั้นยิ่งแย่ใหญ่”

“รอออยู่ไกล ๆ เลย แล้วเดี๋ยววนรถกลับมารับมึงก็ได้”

“ไม่เอา”

“มึงรู้อยู่แล้วว่ากูต้องไปส่งมึงจนได้”

“ที่กูพูดให้มึงฟังเมื่อกี้เนี่ย ไม่เข้าใจใช่ไหมห๊ะ” เอสเหลือบมองคนพูดนิดหน่อยก่อนเหยียดรอยยิ้มขึ้นที่ริมฝีปาก ‘ที่ว่าง?’ 

“ใช่ ไม่เข้าใจ กูก็แค่อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับมึง มันก็แค่นั้น”

“ชิ น่ารำคาญ คำพูดเลี่ยนๆวันหลังอย่าได้พูดอีกกูพาลจะกินข้าวไม่ลง”

“ตกลงเอาไง จะถึงบ้านมึงแล้ว กูเลี้ยวเลยนะ”

“เออ! เข้าไปด้วยกันก็ได้แต่มึงต้องบอกว่ามีธุระที่ตึกนั้นเหมือนกัน”  แคปส่ายหัวเออออตัดรำคาญ ช่วยไม่ได้ให้มันรออยู่หน้ารั้วก็แล้วกัน


คืนนี้จันทร์กระจ่างสาดแสงสีทองทาบทับลงมาที่หลังคาบ้านเดี่ยวสองชั้นในซอยแห่งหนึ่ง เสียงล้อยางบดกับพื้นถนนบอกให้รู้ว่ารถของลูกชายคนเล็กมาถึงแล้ว โก้ขยับตัวจะลุกออกจากโซฟาแต่ยังลุกไม่ได้ เพราะหัวหนักๆของใครบางคนที่หน้าตาเหมือนเขาราวกับเป็นคนๆเดียวกันนอนหนุนอยู่

“ฟี่มึงลุกก่อน เจ้าคาปูคงมาถึงแล้ว” โก้ดันแว่นขึ้นอย่างเคยชิน มองออกไปที่ประตูด้านหน้า

“ใช่เหรอ ไม่ใช่เสียงรถบ้านเรานี่” สัญชาตญาณตำรวจนักสืบบางครั้งดีจนน่ากลัวจริง ๆ

“เออน่าลุกก่อนสิ เผื่อมากับเพื่อนไง”

“อืออ งั้นก็ให้มันเดินเข้ามาเองดิ กูเปิดบ้านไว้แล้ว”

“ลุกก่อนเร็วๆ” โก้ดุขึ้นนิดๆยกศีรษะของน้องชายดันออก แต่ฟี่ยังคงแกล้งซุกหน้าลงต่อ เท่านั้นยังไม่พอมือใหญ่ยังคว้าเอาเอวพี่ชายตัวเองกดไว้แล้วบอกไม่ยอมให้ลุก วันนี้ฟี่ไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหน เขาเข้าบ้านมาเมื่อตอนหัวค่ำหลังจากทำงานโต้รุ่งมาตลอดสองคืน เพราะงั้นพอมาถึงก็นอนคว่ำหน้าอยู่ตรงนี้ยาวจนกระทั่งโก้มานั่งเปิดทีวีดูไปด้วยกัน

“ฟี่ไม่เล่นสิวะมึง ลูกจะเข้ามาแล้วเร็ว ๆ เดี๋ยวกูไปหยิบหนังสือให้คาปูมันก่อน”

“พ่อครับ” เสียงแคปดังเข้ามาที่หน้าประตูโก้หันมองออกไป ฟี่ก็แค่ถอนหายใจหนักๆแล้วพลิกตัวนอนหงายมองไปที่แคปด้วยสายตาเขียว ๆ แคปรีบหลบแทบไม่ทัน

“อาฟี่เป็นไรอ่ะครับพ่อ” แคปถามขึ้นแหยง ๆ เมื่อตอนที่โก้เดินเอาหนังสือที่เตรียมไว้ออกไปส่งให้ เขาไม่ได้ก้าวเข้ามาลึกนักเพราะขี้เกียจถอดรองเท้า ขนาดนั้นเห็นสายตาอาฟี่ที่นอนมองมาแคปนี่แอบขนลุกไปถึงท้อง

“กวนน่ะ ไม่ได้นอนมาสองวันกลับมาถึงไม่ยอมเข้าไปนอนดีๆกวนกันอยู่แบบนี้อ่ะ” โก้หันไปมองน้องชายที่นอนมองเจ้าคาปูตาเขียวอื๋อ มือใหญ่กวักเรียกโก้ให้เข้ามาไวๆส่วนเจ้าแคปถูกโบกไล่บอกให้รีบกลับไปได้แล้ว โก้จับกล่องกระดาษทิชชู่ๆข้างมือเขวี้ยงใส่คนกวนใจก่อนเดินออกไปส่งแคปที่ด้านนอก

“อ้าว มากับใครน่ะเรา” เพราะว่ามองเห็นรถที่จอดรออยู่ไม่ใช่รถของตัวเองโก้มองแล้วถามดู แคปเองก็หันมองไปตามที่พ่อเขาดู เอสก้าวลงมาแล้ว มันเดินดุ่ม ๆ ถืออะไรบางอย่างเข้ามายกมือไหว้สวัสดี

“อ่อเอสนี่เอง นี่จะไปไหนกันน่ะ” โก้ถามขึ้นมองหน้าสองคนสลับกัน เอสจึงยื่นหนังสือเล่มเล็กๆที่อยู่ในมือส่งให้ โก้เลิกคิ้วนิดๆ ขณะที่แคปกำลังงง เขามองเอสแล้วก็มองหนังสือเล่มนั้นไปมา

“ผมบังเอิญได้มาตอนไปที่ศูนย์หนังสือน่ะครับ เมล็ดพันธุ์กาแฟหายากเหมาะสำหรับคนที่รักกาแฟ เมื่อกี้พอรู้ว่าแคปจะแวะมาที่บ้านเลยขอตามมาด้วย ใช้รถคันเดียวกันก็ประหยัดน้ำมันดีครับ” โก้มองหนังสือที่อยู่ในมือ เขายิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อเห็นว่าเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับอะไร หนังสือนำเข้าเล่มที่สั่งซื้อไปสองปีแล้วก็ยังไม่ได้ไม่รู้ว่าเจ้าเพื่อนลูกชายเขาคนนี้ทำไมถึงมีไว้ในครอบครอง

“ศูนย์หนังสือที่ไหนกันน่ะเอส อาจำได้ว่าให้เจ้าเต้สืบจนหมดแล้วนะรายนั้นบอกไม่มี”

“ผมฝากอาจารย์สั่งให้น่ะครับ”

“เลยไม่รู้จะตอบแทนยังไง เล่มนี้อาหามานานมากเลยจริง ๆ เคยมีเล่มก่อนหน้านี้อยู่พอนักเขียนออกเล่มใหม่หาซื้อยังไงก็หาไม่ได้ วันนี้ได้สมใจแล้วเดี๋ยววันหลังมาทานข้าวด้วยกันนะอาเลี้ยงเอง”

“ขอบคุณครับ” เอสพยักหน้าให้เบา ๆ แคปยืนเบะปากไม่รู้ว่ามันไปเอาไอ้หนังสือโปรดของพ่อเขามาตั้วแต่ตอนไหน แคปมองดูเวลาแล้วบอกว่าจะรีบออกไปก่อนเดี๋ยวเข้าไปจัดรายการไม่ทัน เขาวิ่งเข้าไปตะโกรบอกฟี่ว่าจะกลับแล้ว รายนั้นไม่สนใจอะไรเท่าไหร่ก็แค่นอนคว่ำหน้าอยู่อย่างเก่าแต่ยันตัวขึ้นมามองดูนิดๆแล้วฟุบลงไปต่อ เสื้อผ้ามีราคายังไม่ได้ถูกผลัดเปลี่ยนออกเลยด้วยซ้ำ

“ผมไปแล้วครับเฮียโก้”

“เอ๊ะคาปู แล้วตอนกลับลูกจะกลับยังไงล่ะ เอสเขาก็แค่ผ่านไปส่งเราใช่ไหม หรือจะให้พ่อแวะไปรับ” โก้ถามขึ้นตอนที่แคปจะก้าวขึ้นรถ

“อ๋อเดี๋ยวกลับพร้อมกับผมเลยครับ พอดีว่าผมรับจ๊อบพิเศษอยู่ที่ตึกนั้นเหมือนกัน เลิกพร้อม ๆ กันด้วย” เอสเท้าแขนเข้ากับกรอบประตูรถเขาพูดขึ้น โก้พยักหน้าโอเค

“งั้นก็รบกวนเลยละกัน ไม่อยากปล่อยให้ขึ้นแท็กซี่ดึกๆดื่นๆ อาฝากแคปด้วยเลยนะเอส” หลังคำพูดของโก้จบลงประตูรถก็ปิดเสียงดังพร้อม ๆ กับตัวรถที่ขับเคลื่อนออกมา แคปเบะปากทำเสียงล้อเลียนขณะที่เอสนั่งอมยิ้มแล้วผลักหัวแคปจนเงิบแก้เขิน

“เฮียโก้ไม่ได้โง่บอกเลย มึงอย่าประเจิดประเจ้อให้มากนัก” แคปกดหาคลื่นวิทยุดี ๆ ขึ้นมาเพื่อฟัง แน่นอนว่าเขาทำงานอยู่ที่ไพร์มเพราะงั้นสถานีที่เลือกเป็นอันดับแรกต้องเป็นที่นั่น

“ไม่เคยคิดว่าผู้ใหญ่คนไหนจะโง่ กูก็แค่ทำในสิ่งที่คิดว่าจะขยับเข้าไปได้มากขึ้นแค่นั้น”

“ขยับอะไรของมึง พูดจาไม่รู้เรื่อง” แคปไม่อยากจะสนใจเอสมันพูดเรื่องอะไร เพลงเกี่ยวกับคนรักเก่าๆดันถูกเปิดขึ้นมา เขานั่งฟังอยู่ชั่วครู่หนึ่งจนจบเพลง ดีเจพูดถึงเรื่องราวความรักแคปก็นั่งฟังไปเรื่อย ๆ จนนึกสะกิดใจบางอย่างขึ้นมา หันไปมองเอสสองสามครั้งนึกชั่งใจว่าจะถามดีหรือไม่เดี๋ยวมันจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาสนใจมันเกินกว่าที่ควรจะเป็นขึ้นมาอีก ก็เพราะไอ้ดีเจบ้านี่แหละที่จู่ ๆ ถกประเด็นเกี่ยวกับคนรักเก่า รักแรก รักที่ฝังใจห่าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้

“เป็นอะไรวะแคป ทำหน้าอะไรของมึง ปวดท้อง?” เพราะที่หางตาคมสังเกตหน้าตาแคปทำท่าแปลก ๆ คิ้วมุ่นเหมือนคนที่กำลังคิดมากเรื่องอะไรสักอย่าง เอสจึงลองถามขึ้น

“ปวดท้องหัวมึงสิ!” แคปแว๊ดกลับ เอสก็แค่หัวเราะหึหึให้ เจอคนข้างๆเชิดหน้าบอกไม่อยากจะสน สองคนกวนกันไปกวนกันมาจนถึงช่วงเบรกฟังเพลงขึ้นมาอีกครั้ง อิพี่ดีเจแม่งก็พูดถึงเรื่องคนรักเก่าขึ้นมาอีก แคปก็นั่งฟังไป

“นี่ไอ้เหี้ยเอส มึงว่าจริงป่ะวะตามที่ดีเจเขาพูดน่ะ แฟนเก่ามักสำคัญกับความรู้สึกของเราเสมออะไรแบบนั้นน่ะ”

“หืม?” เอสหันมามองหน้าคนถาม แต่ดูเหมือนว่าแคปจะใช้หูฟังรายการแล้วก็พูดออกมาลอย ๆ ไม่ได้จริงจังอะไรนัก

“กูว่าบางทีแฟนเก่าไม่ได้น่ากลัวเสมอไปหรอก แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความรู้สึกมั่นคงของคนปัจจุบันมากกว่า เออว่ะหัวข้อที่กูจะต้องพูดวันนี้มันเกี่ยวกับเรื่องแฟนเก่าด้วยนี่หว่า ตายๆกูลืมไปได้ยังไงวะเนี่ย”  แคปทำหน้าตาตื่นเต้นนึกทบทวนสิ่งที่ตัวเองต้องพูดในหัวข้อที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ เขานั่งนึกๆไป นึกบางอย่างขึ้นได้ขยับตัวหันไปถามคนข้าง ๆ

“มึงเคยมีคนที่มึงรักมากๆป่ะวะไอ้เอส แบบว่าแฟนเก่า รักครั้งเก่า คนที่มึงชอบมากๆรักมากๆอะไรแบบนั้นน่ะ” แคปทำหน้ารอฟังคำตอบเต็มที่ ก็แค่การซักซ้อมก่อนเข้างานจริง เขาไม่ได้คิดอะไรถามไปอย่างนั้น เอสหันมามองจากนั้นพยักหน้า

“เคยดิ ถามทำไม..”

จู่ๆหัวหัวใจคนฟังชาดิกขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล คำตอบนั้นของคนข้าง ๆ ทำให้ภาพเหตุการณ์หลายอย่างถูกรีเพลขึ้นมาในหัว แคปนิ่งงันไปประกอบกับตัวรถชะลอตัวลงแล้วสุดท้ายเคลื่อนเข้าซองจอดลงที่หน้าตึก เอสยกเบรคมือขึ้นก่อนหันไปเรียก

“แคป ? เป็นไรวะ อย่าบอกนะว่ามึงจะหลับ..” มือใหญ่จับลงที่หัวไหล่เล็ก แคปเหมือนคนสะดุ้งรู้สึกตัวออกจาภวังค์ความคิดบางอย่าง เขาพยักหน้าบอกอือๆจากนั้นก้าวลงไป เอสได้แต่มองตามอย่างสงสัย

“เดี๋ยวกูขึ้นไปส่ง” ขายาว ๆ ก้าวเข้าไปหา แคปหันมองนิดหน่อยแล้วส่ายหน้าบอกไม่ต้อง

“แล้วไอ้เด็กนั่น มันจะมาทำงานรึเปล่า” 

“มาดิ” แคปตอบ เอสหน้าตึงขึ้นมาทันที

“รู้ได้ไงว่ามันจะมา มึงพูดเหมือนกับรู้ดีเลยนี่หว่าแคป อย่าบอกว่าโทรไปหากันมาแล้วหรอกนะ”

“ประสาท กูจะขึ้นไปทำงานแล้ว” แคปจะเดินเลี่ยงออกไปแต่เจอมือที่ใหญ่กว่ากระชากแขนทีเดียวแทบจะถลาเข้าซบกลางอกแกร่ง

“ไอ้สัส!” เสียงเล็กแต่ห้าวมากสบถออกมาด้วยความตกใจ  และที่ทำเอาตกใจหนักกว่าเก่าคือเอสถือวิสาสะล้วงมือเข้ามาหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงเขาอย่างที่เจ้าของไม่ทันได้ตั้งตัว

“อ่ะ......!!” แคปทำหน้าตาตื่น ๆ จะเข้าไปคว้าของๆตัวเองคืนมาแต่เจอเอสเอามือดันหัวไว้

“ไอ้เอส มึงมันโรคจิตเอามือถือกูคืนมาสิวะ บ้าเอ๊ย”

“อยู่นิ่ง ๆ กูเช็คแป็ปเดียว”


ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1464 เมื่อ08-07-2015 22:48:05 »



https://www.youtube.com/v/SlB5guSEXkQ


“อยู่นิ่ง ๆ กูเช็คแป็ปเดียว”

“เช็คหัวมึงสิ กูจะโทรหาใครเรื่องของกูไหมล่ะ”

“โทรหามันจริง ๆ ด้วย” เสียงทุ้มครางลอดลำคอออกมาทันทีที่สายตาเลื่อนไปเจอหมายเลขโทรออกเมื่อตอนสายๆของวัน

“ไม่ต้องขึ้นไปทำแล้ว ไอ้งานดีเจอะไรนั่น กลับไปพร้อมกู” เอสว่าจบคว้าหมับเอามืออีกข้างของแคปลากเข้าหาตัวดึงครั้งเดียวคนตัวเล็กถลาเข้ามาจนชิด แคปร้องห้ามอย่างดัง ดีที่แถวนั้นเวลานี้ไม่มีคนแล้ว

“ไอ้สัสเอสมึงจะบ้าไปไหนห๊ะ! กูก็แค่โทรคุยกับมันเรื่องงาน โถ่เว้ย!! ปล่อยกูได้แล้ว ไอ้สัสกูเจ็บมึงแม่ง...” แคปเบ้หน้าบอกเจ็บขณะที่เอสไม่สนใจลากแขนคนโวยวายฝ่ายเดียว

“กูต้องทำงานไอ้สัส มึงอย่าบ้าให้มันมากนักได้ไหมห๊ะ”

“.........” จู่ๆเอสหยุดขาชะงักไว้ เขาเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้กดดูโทรศัพท์แคปอีกรอบ จากนั้นเงยหน้ามองแคปด้วยสายตาเย็นเฉียบ

“วันนี้มึงไปที่ไหนมานะ หอสมุดใช่ไหม....”

“............” แคปเริ่มหายใจติดๆขัดๆ นึกถึงเรื่องเมื่อวานตอนที่มันโกรธ ตายห่าแน่ ๆ เขา นัยน์ตาของมันตอนนี้วางโรจน์เหมือนสัตว์ป่าไม่มีผิด

“ไม่ใช่ว่าไปนั่งเดทกันอยู่ที่ห้องสมุดนั่นหรอกนะแคป..” เอสหายใจแรง ๆ ราวกับกำลังพยายามระงับอารมณ์ เขาหรี่ตาเค้นถาม รอคำตอบจากอีกคนอยู่ แคปที่มือไม้เย็นจัดไปหมดทั้ง ๆ ที่เหงื่อออกจนเลอะฝ่ามือเล็กสะท้านไปทั้งหลัง

แต่ทว่า...

โชคดียังเป็นของเขาอยู่ เพราะมีสายเรียกเข้าจากปอดังขึ้นมาที่หน้าจอ ตอนแรกแคปสะดุ้งโหยงถ้าหากเป็นไอ้เด็กเวรตะไลนั่นโทรมาเขาได้ตายไม่มีดินฝังกลบอยู่ตรงนี้แน่ ๆ แต่พอเห็นว่าเป็นชื่อของปอ แคปถึงกับระบายลมหายใจออกมาหนักๆเอสมองดูแล้วกดรับสายให้เอง

“มันอยู่กับกูนี่แหละ” เสียงเอสกรอกลงไป ที่ปลายทางคงจะถามอะไรมาเกี่ยวกับเขา แคปพยายามจะเดินหนีออกจากตรงนั้นให้ได้ เอสที่หันมามองคว้าหมับเอาเอวแล้วล็อคคนทั้งคนชิดไว้กับเขาเลย

“ไอ้สัส มึงเห็นน้ายามมองเราอยู่ไหมล่ะห๊ะ!” แคปกระแทกเสียงใส่เบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน บอกให้เอสรู้ตัวได้สักทีหึงหน้ามืดหึงบ้าหึงบอ

“เดี๋ยวกูจะรอรับมันกลับเอง”

(เออๆ แล้วพวกมึงจะกลับมานอนที่นี่รึเปล่าวะ หรือว่าจะพากันไปที่ห้องมึง เอาไง) เอสเงยหน้ามองแคปที่ทำหน้ายุ่งใส่เขาอยู่ 

“นอนไหนวันนี้” เสียงทุ้มๆติดขุ่นถามขึ้น แคปเบะปากใส่ไม่อยากจะสน

“นอน....

“นอนที่ห้องกูสิวะไอ้สัส” แคปชิงพูดขึ้นมาก่อน เอสถึงกับส่ายหัว เขาถามปอว่าได้ยินชัดหรือยัง

(หึหึ ทำใจเหอะมึง) ปอส่งเสียงหัวเราะขำๆมา แคปที่ได้ยินแทบอยากจะหาอะไรฟาดหัวมันนัก

“วันนี้มึงไปไหนมาบ้างวะไอ้ปอ”

(ห๊ะ!)  ปอส่งเสียงอุทานออกมาอย่างดัง จู่ๆเอสถามเรื่องส่วนตัวกันแบบนี้เขาถึงกับงง

“กูถามว่าวันนี้มึงไปที่หนมาบ้าง”

(ถามทำไมวะ)

“ได้ไปกับแคปมันหรือเปล่า” ปอถึงบางอ้อ เขารู้ได้ในทันที

(เออไปสิวะ ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดกัน)

“แล้วมีใครไปบ้าง”

(ก็มีกูกับไอ้อาร์ไง)

“แค่นี้ใช่ไหม”

(กูกับไอ้อาร์อ่ะแหละที่แน่ ๆ   เฮ้ยแค่นี้นะเว้ยการ์ตูนกูมาแล้ว ติ๊ด-) ปอชิ่งตัดสายหนีไปแล้ว แคปที่ยืนฟังอยู่แทบจะหัวเราะก๊ากออกมา ตอนแรกนี่ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวไปหมด

“พอใจยัง ปล่อยกูสักทีอีกสิบห้านาทีถึงเวลากูต้องขึ้นไปเตรียมตัว”

“กูไม่อยากให้มึงทำงานนี้เลยมึงรู้ไหมวะแคป”

“มึงต้องทำใจเหอะ บอกไปแล้วนี่ไม่มีใครเป็นเจ้าของใครได้หรอก มึงหัดเข้าใจอะไรซะด้วย”

“กูอยากจะจับมึงมัดเอาไว้ที่ห้องไม่ต้องให้ไปไหนทั้งนั้น”

“ไอ้สัส อย่ามาตลก”

“...........”

“กูจะขึ้นไปแล้ว ปล่อยสักที”

“ห้ามมึงพูดกับมันนอกเวลางานเด็ดขาด สองชั่วโมงกูเต็มที่ให้มึงได้แค่นั้น เดี๋ยวจะเปิดกล้องค้างไว้เลย”

“ไอ้โรคจิต” แคปหลุดออกมาได้แล้ว เขารีบสาวเท้าหนีออกไปจากที่ๆเอสยืนให้ไวที่สุด คนมองก็แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ ชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ เพิ่งรู้ตัวเองวันนี้ว่าเป็นคนขี้หึงหนักเอาการ

“อ้าว มาแล้วเหรอวะแคป” พอเข้ามาถึงห้องแอร์เย็น ๆ พี่หนึ่งที่ยืนบรีฟงานให้กับแบงค์อยู่หันมาทักทาย แคปยกมือขึ้นไหว้พลางกล่าวขอโทษที่เข้ามาสายกว่าทุกๆคน

“ไม่เป็นไร ยังไม่สายหรอก เจ้าแบงค์มันดันมาเร็วแค่นั้นเอง”

“ก็ผมไม่ต้องมีใครให้เป็นภาระนี่ครับ อยากมาตอนไหนก็มาเลยหายห่วง แฟนไม่ได้หวงนี่เนอะ” แบงค์แอบแซะแคปเบา ๆ ยักคิ้วกวนๆ แคปจึงเดินไปผลักมันให้หลีกจากทาง เขาวางกระเป๋าลงที่โซฟายาวตัวข้าง ๆ พี่หนึ่งปล่อยให้สองคนซักซ้อมกันเล็กน้อย

“อ่ะ ทายาให้กูอีกหน่อยดิ ยังเขียวอยู่มากไหมวะ” พอหนึ่งเดินออกจากห้องไปแบงค์ก็หยิบหลอดยาขึ้นมาส่งให้แคป บอกให้ทาหลังให้มัน ถกเสื้อขึ้นให้ดูหันหลังเตรียมพร้อม

“เกือบหายแล้ว” แคปโกหกแบบเต็มๆปาก ยังเขียวอื๋ออยู่เลย

“ทาให้ดิเร็ว ปวดฉิบหายเลยว่ะ” แคปส่ายหัวแต่ก็ดึงหลอดยาในมือใหญ่มาเปิดฝาแล้วป้ายลงให้

“ทาเอาเอง” เขาโยนหลอดยาที่ปิดฝาแล้วเรียบร้อยลงบนโต๊ะ เตรียมตัวเดินเข้าไปนั่งประจำที่ แบงค์มองตามไม่วางตาทำหน้างอน ๆ อ้อนให้มาทายาให้เขาต่อแต่แคปส่ายหัวบอกโน แบงค์มันจึงเดินเอาหลังไปถูๆเข้ากับขอบตู้ใกล้ ๆ แคปนึกขำขึ้นมาเจอคนที่ถูกเมินชี้หน้าใส่ แต่ก่อนที่เขาสองคนจะได้เถียงกันต่อ เวลาของการจัดรายการก็เริ่มขึ้นแล้ว พี่หนึ่งเข้ามาให้สัญญาณความพร้อม

“เออแบงค์มึงส่งใบลากับดีเจพี่จ๋าเหรอวะ” พี่หนึ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้เขาจึงถามขึ้น แบงค์พยักหน้า

“ครับศุกร์หน้ากลับระยอง พี่จ๋าอนุมัติแล้วนะพี่ เดี๋ยวคืนวันเสาร์ผมเข้ามาชดเชยให้” หนึ่งพยักหน้าบอกเออๆแล้วเขาก็ออกไป แคปจึงหันมาถามขึ้น

“บ้านมึงอยู่ระยองเหรอวะ”

“ใช่แล้ว ไปป่ะเดี๋ยวพาเที่ยว” แบงค์หันมามองหน้าถาม แคปยักไหล่ใส่

“แล้วรายการนี้อ่ะ ใครทำแทนมึง”

“วันนั้นมึงก็โชว์เดี่ยวไปแล้วกันนะ เก่งอยู่แล้วทำได้สิ หึหึ”

“ไอ้เด็กสัส” หน้าแคปออกแววกังวลขึ้นมาทันที แบงค์เห็นแบบนั้นจึงหัวเราะออกมาแล้วบอกเขาโกหก เดี๋ยวผู้ใหญ่คงจะหาคนมาแทนเองนั่นแหละแคปก็เตรียมตัวมาเหมือนเดิมไม่มีอะไรมาก

“ค่อยยังชั่วหน่อย”

“ชั่วโมงบินมึงยังไม่ถึงพี่เขาไม่ทิ้งหรอกน่า”

“แต่คนบางคนก็ทิ้ง”

“อ้าวมันจำเป็นนี่หว่า ผู้ปกครองเรียกหาไม่กลับจะเอาเงินที่ไหนใช้เล่า ไปป่ะเนี่ยถามจริงจังนะ เดี๋ยวกูพาเที่ยวรอบเกาะเลย เสม็ดไงสวยนะ..” แคปส่ายหัวบอกไม่พูดแล้ว สปอตตัวใหม่ของรายการนำเข้าช่วงเวลาห้าทุ่ม หลังจากนั้นงานดีเจของสองหนุ่มก็เริ่มขึ้น

“เป็นอะไรของมึงวะทำหน้าทำตา คิดมากหรือไงพูดเรื่องหัวอกแฟนเก่าแล้วหน้าตาบอกบุญไม่รับเชียวนะ หึหึ..” แบงค์แซวขึ้นตอนที่แคปอ่านอีเมลจากบรรดาแฟนคลับที่ส่งเป็นข้อความเข้ามา

“ยุ่ง!”แคปแว๊ดใส่แบบไม่แรงนัก แต่ใช้สายตากัดจิกแทนคำพูด แสดงออกทางท่าทางมากไม่ได้คิดว่าเอสมันคงจะต้องเปิดดูอยู่ตลอดเวลาแน่ ๆ แบงค์ที่รู้ทันได้แต่นั่งหัวเราะหึหึ เขาสองคนก็ทำงานกันไปจนเวลาล่วงเข้าเที่ยงคืนกว่า ๆ ใกล้จะปิดเบรกสุดท้ายเต็มแก่

แก้วน้ำเย็นๆถูกเอามาวางลงให้แขกผู้มีเกียรติที่เดินเข้ามานั่งรอแคปถึงหน้าห้องออนแอร์

“เดี๋ยวก็คงเสร็จแล้วล่ะครับ แคปไม่เห็นบอกไว้เลยว่าจะมีเพื่อนขึ้นมารอ นี่ถ้าพี่ไม่รู้จักเรามาก่อนไม่อนุญาตให้เข้ามานั่นรอนะ” หนึ่งดัดเสียงให้หวานลงเล็กน้อย เวลาพูดจากับหนุ่มๆหน้าตารูปร่างดีนิสัยส่วนตัวลึกๆมักจะออกมาเสมอ

“ดื่มน้ำสิ น้ำเย็นๆพี่หนึ่งเทให้เองกับมือเอสดื่มได้เลยนะครับลูก” สรรพนามของเอสกลายเป็นที่สุดแห่งความเอ็นดู เรียกลูกขึ้นมาซะงั้น เอสส่ายหัว

“เอ่อ เรียนคณะเดียวกันกับแคป?”

“เปล่าครับ” เอสตอบเรียบ ๆ ยกแก้วขึ้นจิบอย่างเป็นมารยาท

“อ้าวแล้ว....”

“รู้จักกันน่ะครับ เป็นรูมเมทผ่านมาพอดีเลยถือโอกาสขึ้นมารับ”

“อ๋ออออ มิน่าล่ะ สนิทกันล่ะสิท่า เป็นรูมเมทด้วย” เอสชำเลืองมองสายตาและน้ำเสียงที่ยั่วตีนเขาเสียเหลือเกิน จากนั้นเสมองไปทางอื่น มองดูเวลาแคปน่าจะเสร็จได้แล้ว หนึ่งกำลังจะอ้าปากถามอะไรต่ออีกสักอย่างพอดีกับที่ประตูห้องด้านในถูกเปิดออกมาพอดี แคปกับแบงค์เดินตามกันออกมา

“อ้าวพี่หนึ่งผมนึกว่าพี่อยู่ที่ห้องอัดสามซะอีก” แบงค์แซวขึ้นขำๆ เขารู้ดีว่าหนึ่งชอบคนรูปหล่อยิ่งสูงใหญ่หุ่นดีแบบเอส แกชอบเสียยิ่งกว่าชอบแต่ต่อหน้าเด็กใหม่อย่างแคปก็แค่แกล้งทำเป็นวางมาดแมนเก็กขรึมไปอย่างนั้น

“ก็เนี่ย เทคแคร์เพื่อนให้เจ้าแคปเขาอยู่ เอสเขาขึ้นมารอเรานานแล้วนะแคป รีบกลับไปดึกแล้ว อ่ะแล้วนี่ไดล็อคสำหรับอาทิตย์หน้า” มืออ้วนป้อมแต่ขาวสะอาดของหนึ่งยื่นเอกสารส่งให้สองดีเจ แคปมองที่เอสซึ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่จากนั้นก็มองหน้าพี่หนึ่งแล้วต่อด้วยไอ้แบงค์ ด้วยว่าท่ามีของพี่เขาไม่ค่อยจะเหมือนเดิม สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามแบบนั้นทำเอาแคปถึงกับกลั้นขำก่อนยักคิ้วบอกว่าใช่แน่ ๆ ส่งไป แคปเพิ่งถึงบางอ้อ เขาบอกขอตัวแล้วดันเอสให้เดินออกจากห้องไป

“มึงก็ไปทำหน้าอย่างนั้นใส่พี่หนึ่ง เดี๋ยวเขาเสียใจแย่”  พอเข้ามาในลิฟต์ได้แคปก็ต่อว่าทันที เอสส่ายหัวแล้วยักไหล่ แผงอกแกร่งสีกระจ่างตาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อได้รูปตึงแน่น อัดเบียดเนื้อผ้าออกมาจนกระดุมสองเม็ดบนปริหลุดตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าของมันยังไม่รู้ แคปเห็นแบบนั้นก็เข้าใจทำไมพี่หนึ่งถึงคลั่งมันนักหนา จะว่าไปเขาเห็นมันนอนถอดเสื้อผ้าอยู่ทุกคืนรู้สึกธรรมดามากๆ

“มองอะไร ติดให้หน่อยสิ..” เอสขยับเข้าไปใกล้ๆคนที่ยืนจ้องหน้าอกเขาอยู่ แคปทำหน้าตาปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้มองได้ไม่ค่อยเนียนดีนัก พอเอสก้าวเข้ามาปิดทางหนีตีวงล้อมไว้ด้วยวงแขนเขาถึงกับหน้าร้อนฉ่าขึ้นมา คนแกล้งก็เอาแต่อมยิ้มนัยน์ตาเจ้าชู้

“หึหึ..” เสียงเอสกลั้นขำ แคปที่มือไวและหนักอยู่แล้วฟาดผั๊วะๆเสียงดังแก้เขิน คนถูกทำเบ้หน้าจับที่หน้าอกตัวเองบอกยอมแล้วๆ

“ไอ้สัส! เล่นอะไรไม่ดูสถานที่บ้าง”

“งั้นเดี๋ยวไปเล่นที่ห้องได้ใช่ไหม” แคปเบะปากใส่แล้วส่ายหน้าพอลิฟต์เปิดตัวออก เอสก็คว้าเอาคอคนตัวเล็กกว่าเข้ามาล็อคกอดไว้แล้วพาเดินไปที่รถ 

“กลับเลยนะกูง่วงแล้ว” แคปกดเบลท์ลงแล้วกดเลือกช่องสถานีดีๆเพื่อฟังเพลง พี่ดีเจที่จัดต่อจากพวกเขาโทรเข้ามาบอกว่าติดธุระด่วนๆเพราะงั้นเจ้าแบงค์จึงรับหน้าที่ปล่อยเพลงจัดรายการแทน แคปกดๆๆไปมั่วๆแต่ไม่มีสถานีไหนเปิดเพลงที่ถูกใจ กลับมาลงตัวที่สถานีไพร์มของพวกเขาเอง จะว่าไปฟังไอ้เจ้าแบงค์มันจัดรายการเดี่ยวๆหน่อยก็ดี เสียงแบงค์ส่งเพลงเข้าช่วงแรกดังขึ้นมาแคปชำเลืองมองไปที่เอสนิดหน่อย เสี้ยวหน้าคนขับที่ยังคงเรียบเฉย เขาจึงคิดว่าเอสอาจจะจำไม่ได้ว่าเสียงที่กำลังเปิดอยู่เป็นของแบงค์

“เพลงนี้มีข้อความส่งเข้ามาทางแฟนเพจครับ บอกไว้ว่าผมไปหลงรักคนที่เขามีเจ้าของอยู่แล้ว รู้ว่ามันผิดรู้ว่าผมคือคนที่มาทีหลัง แฟนเขาเองก็รักเขามาก ผมเก็บความรู้สึกในหัวใจเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้วครับ พักหลังมานี้เราสองคนยิ่งได้ทำงานด้วยกันบ่อย ๆ มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันเพิ่มขึ้น ผมอยากจะรอครับ โอกาสสำหรับผมมันจะมีอยู่แค่ไหนก็ตาม ในเมื่อนานๆทีจะได้เจอกับคนที่ใช่แบบนี้ ผมก็จะรอ....รอจนกว่าเขาสองคนจะเลิกกัน....”

แล้วเพลง ‘รอจนกว่า’ ของศิลปินชื่อดังก็ถูกปล่อยคลอออกมา แคปปล่อยอารมณ์นั่งฟังไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดมากมายอะไร มาสะดุ้งรู้สึกตัวอีกทีก็คือ เสียงหัวเราะในคอจากคนข้าง ๆ ดังขึ้นมา เขาหันไปมอง เอสยื่นมือออกมากดเปลี่ยนจากคลื่นวิทยุเป็นเพลงจากแผ่นเสียงแทนที่

“กูเพิ่งได้ยินเสียงไอ้เด็กนั่นชัดๆก็วันนี้..” เสียงทุ้มขุ่นที่พูดขึ้นทำเอาแคปเสียววาบ เขาก็แค่เลือกฟังเพลงเพราะๆนี่หว่าจะโหดไปไหนไอ้สัส แคปส่ายหัวไม่อยากจะสน เอสเอื้อมมือไปดึงฝ่ามือเล็กมาจับไว้ที่ตักแคปไม่อยากจะขัดเพราะรู้ว่าขัดไปก็ไม่ได้เขาเลยปล่อยให้มันจับไว้อยู่แบบนั้น รถเคลื่อนตัวต่อไปเรื่อย ๆบทสนทนาของพวกเขาสองคนเปลี่ยนไปเป็นเรื่องการ์ตูนได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีแคปก็นั่งหน้ามุ่ยเพราะเถียงอีกคนไม่ชนะต้องยอมจำนนต่อเหตุผลบ้าๆบอๆของมัน

“เดี๋ยวกูแวะทำธุระก่อนแปปเดียวแล้วเราค่อยกลับห้องกัน” เพราะว่าจู่ๆรถที่เข้าช่องวิ่งเปลี่ยนเลน แคปจึงหันไปมองถาม เขารู้แน่ ๆ ว่ามันจะต้องพาไปที่ไหนสักแห่ง ราว ๆ สิบห้านาทีหลังจากนั้นรถสีขาวคันสวยจึงมาจอดตัวลงที่หน้าผับใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ๆคุ้นเคย คุ้นเคยกระทั่งลานจอดรถที่เขาสองคนเคยมีเรื่องกันเมื่อครั้งก่อน

“ลงไปหาพี่กูแปปเดียว” เอสกดเข็มขัดออก

“พี่สาวมึง? ทำไมวะ”

“ธุระ” เอสตอบสั้น ๆ แคปพยักเขาหน้าเปิดประตูก้าวลงไป เอสที่เดินตามลงมาด้วยถือถุงกระดาษยี่ห้อหรูสีดำใบใหญ่ติดมือมาด้วย

“มาถึงแล้วออกมาดิ” เสียงทุ้มกรอกลงไปที่โทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่ของมัน ทางนั้นพูดอะไรมาสักอย่างที่แคปไม่ได้ยิน แต่สีหน้าเอสหงุดหงิดขึ้นเป็นสองเท่า

“อือๆก็ได้เดี๋ยวผมเข้าด้านหลัง ออกมาเอาเองละกัน ถ้าไม่งั้นจะโยนทิ้งไว้ข้างถังขยะ” คนพูดถือสายต่อสักครู่ไม่รู้ฟังอะไรจากนั้นส่ายหัวแล้วจึงกดวาง มือใหญ่คว้ามือเล็กแล้วดึงพาเดินเข้าไปทางประตูหลัง พนักงานหลานคนจดจำเอสได้ต่างค้อมหัวลงให้  ทั้งสองคนเข้าไปรอที่ห้องกระจกด้านใน ซึ่งตอนนี้เจ้าของร้านคนสวยยังไม่เข้ามา แคปมองดูเวลาตีหนึ่งกว่าๆแบบนี้คนเริ่มทยอยตัวกลับ

“อ่ะนี่ เดี๋ยวพี่กูมามึงส่งให้ที” เอสยื่นถุงกระดาษส่งให้

“อ้าวแล้วมึงจะไปไหนวะ”

“เข้าห้องน้ำแปป พี่แอมป์ส่งแขกสำคัญอยู่เดี่ยวขึ้นมา รออยู่นี่แหละ” แคปพยักหน้าบอกอือๆ จากนั้นเอสก็เดินเลี่ยงออกไป ในมือที่ถือถุงกระดาษไว้รู้สึกว่ามันเกะกะเขาจึงวางขึ้นที่โต๊ะแล้วนั่งรอต่อไปเงียบ ๆ โดยที่มีเฉพาะเสียงดนตรีช้า ๆ กับบรรยากาศยามดึกเท่านั้นที่โรยตัวอยู่รอบกาย

“ว่าไงครับแคป เจ้าเอสล่ะ” ทันทีที่เธอผลักบานประตูเข้ามา เสียงใสก็ทักทายขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างจากที่แคปเห็นเมื่อสองสามเดือนก่อน ชุดสูทแบบกางเกงรัดรูปสีดสไตล์ผู้หญิงทำงานเท่ ๆ ทำเอาแคปยิ้มแทบไม่หุบ...พี่สาวมันสวยมากจริง ๆ

“ไปห้องน้ำครับ เมื่อกี้นี้เอง” แคปนึกได้ว่าเธอถามหาน้องชาย เขาจึงบอกไปแบบเรียบๆ ลืมเรื่องถุงที่เอสฝากให้เสียสนิท

“แล้วไปไหนกันมาเนี่ยอย่าบอกนะว่าตั้งใจแวะมาหาพี่ตีหนึ่งกว่าๆแบบนี้ มันน่าแปลกอยู่นา” เธอพูดไปเรื่อย ยกหูบอกพนักงานให้เอาน้ำเข้ามาให้ หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาทีพนักงานผู้หญิงนำเครื่องดื่มประเภทคอเทลอ่อนๆเข้ามาเสิร์ฟให้พร้อม ๆ กับที่เอสเดินเข้ามา เขาพยักหน้าทักทายพี่สาวตามสไตล์ก่อนจับถุงกระดาษที่แคปวางเอาไว้ยัดใส่มือให้เธอ

“อะไรเนี่ย” แอมป์ร้องขึ้น เธอรีบเปิดถุงดูแทบไม่ทันร้อยวันพันปีน้องชายจะซื้อของมาให้ แต่พอเปิดดูถึงได้รู้ว่าที่คิดน่ะมันผิดทั้งหมดเพราะของในถุงกระดาษใบเขื่องก็คือชุดกระโปรงลำลองฟูฟ่องของเธอนั่นเอง

“เฮ้ย แกเอามาทำไมกันน่ะ ก็ฉันฝากไว้ที่ห้องแกเผื่อมีงานโรงแรมแถว ๆ นั้นได้แวะเข้าไปเปลี่ยนง่าย ๆ อะไรเนี่ยจู่ ๆ ก็เอาเสื้อผ้าคนอื่นเก็บกลับมาคืนแบบนี้น่ะ ไม่มีน้ำใจซะเลย” แอมป์ไม่โวยเปล่าเธอยังดึงชุดกระโปรงออกมาแล้วต่อว่าเอสพลางกับบอกให้แคปดูว่าน้องชายเธอไม่มีน้ำใจเอาซะเลยก็แค่ฝากไว้มันจะรกมากหรือยังไงกัน ถึงตอนนั้นแคปที่เหมือนโดนค้อนหนักๆทุบใส่หัวจนลูกตาหมุนติ้วหน้าชาไปหมด


สิ่งที่เข้าใจผิดไปเองตั้งแต่เมื่อตอนเช้า


สิ่งที่ทำเอาคิดมากติดอยู่ในใจมาตลอดทั้งวัน


เส้นกั้นบาง ๆ ทุกสิ่งคือเขาคิดมากไปเองทั้งหมด


“ชุดนี่..ของพี่แอมป์เหรอครับ” แคปถามขึ้นมา ไม่กล้าหันไปมองหน้าเอสสักเท่าไหร่ รายนั้นยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มสบายใจไปแล้ว

“ก็ใช่สิจ๊ะ ชุดพี่สิจะชุดใครที่ไหนล่ะ ไม่ใช่ชุดผู้หญิงคนอื่นหรอกแคปสบายใจได้”

“ห๊ะ!” แคปพูดต่อไปไม่ออกได้แต่ห๊ะๆแก้เก้อไป คือว่าหน้าตาเขามันไปหมดหรือยังไงวะ กะอิแค่เก็บเอาไปคิดนิดๆก็แค่นั้น ไม่ได้จริงจังสักหน่อยเหอะ

“เสร็จธุระแล้วผมจะกลับล่ะ” เอสลุกขึ้นเดินเข้ามาดึงแคปให้ลุกด้วย แอมป์ถามน้องว่าหิวอะไรไหมสองคนส่ายหน้าพร้อม ๆ กันแคปหาวหวอดออกมาหนึ่งที เธอจึงรีบบอกเอสพากลับห้องไปเร็ว ๆ เลย

“แกอย่าลืมแวะกลับบ้านบ้าง คุณแม่บ่นหาใหญ่แล้วเห็นใจคนฟังอย่างฉันบ้าง หูชา”

“พรุ่งนี้ก็เข้าประชุมเช้าพร้อมกัน เดี๋ยวผมจะบอกแม่ว่าพี่แอมป์บ่น..” เอสพูดจบปิดประตูใส่หน้าโครมใหญ่ พี่สาวเขาชี้มือชี้ไม้ใส่ไอ้น้องตัวดีขี้แกล้ง เอสมันกวนตีนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต แคปที่มองเธอจนเหลียวหลังถูกเอสดึงไหล่ให้หันกลับมา

“มองอะไรเล่า มองจนต้องหันหลังมองแบบนี้ไม่ค่อยดีเลยว่ะ”

“ยังไง? ไม่ค่อยดียังไง”

“ก็หึงไง ไม่ต้องมองได้ไหม อะไรที่มึงจ้องมองนานๆกูก็หึงหมดนั่นล่ะ”

“ประสาท ไอ้โรคจิต กูมองพี่สาวมึงนะไม่ใช่มองหมาแมวต้นไม้”

“พี่สาวกูก็ห้าม”

“อาการหนัก”

“หึหึ”

“มึงมันแย่รู้รึเปล่า แทนที่จะบอกตั้งแต่เช้าว่าชุดพวกนั้นเป็นชุดของพี่สาวมึง”

“ทำไม?”

“ก็กู.....” แคปเกือบหลุดปากออกไปแล้ว ว่าเพราะเรื่องนั้นทำให้เขาคิดมากมาตลอดทั้งวัน

“ก็อะไรพูดให้จบสิ” เอสแสยะยิ้มเหลือบมองคนข้างๆทำท่ายียวนเหมือนคนรู้ทัน

“อ่ะ.....ไอ้สัส ก็อะไรก็ช่างหัวกูเถอะมึงไม่จำเป็นต้องรู้ทุกๆอย่างสักหน่อย”

“หึ...โกรธมากไหมตอนที่โดนบังคับให้เก็บชุดเข้าที่แบบนั้น”

“.........” แคปเชิดจมูกรั้นๆหันไปอีกทางทันที โกรธมากไหมเหรออย่ามาถาม ตอนนั้นโกรธและเหวี่ยงจนหน้ามืดเลยแหละ

“ต่อไปมีอะไรสงสัยให้ถามเลย อย่าคิดเองเออเองแล้วก็กลุ้มใจไปเอง รู้แล้วนี่ว่ากูไม่ยอมบอกแน่ ๆ ถ้าไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“ไอ้สัส”

“กี่สัตว์แล้ววะวันนี้ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้นับเลยด้วย”

“.......” แคปกัดฟันกรอดๆใส่ เอสก็แค่แสยะรอยยิ้มกวนๆใส่ “หึ มึงนี่มันถูกใจกูจริงๆว่ะแคป”

“ไอ้คนวิปริต โรคจิต สมองไม่สมส่วน กูด่ามึงยิ้ม กูโกรธมึงชอบ กูตีมึงๆก็ชอบ มึงชอบคนที่ทำกับมึงแบบนี้จริงดิ”

“หึหึ ก็นะ” เอสคว้ากล่องบุหรี่ขึ้นมาคาบใส่ปากไว้หนึ่งตัว กดกระจกลงแล้วเขาก็จุดไฟ เสียงลมพัดอื้ออึง เขาอัดบุหรี่เข้าปอดจากนั้นปล่อยควันสีขาวอย่างไม่แคร์ ยื่นแขนไปนอกตัวรถรถ ยานพาหนะสี่ล้อคันสวยขับเอื่อยๆกินลมเล่นช่วงเวลากลางคืน อากาศดี

“ประสาท!” แคปกดกระจกลงด้วยนิดๆเพื่อให้ลมโกรกออกได้สะดวก มองไอ้ตัวอันตรายที่ไม่รู้นึกบ้าอะไรจู่ ๆ อยากดูดบุหรี่ขึ้นมา ทั้งที่เขาเคยคิดว่ามันติดแต่บางวันเหมือนไม่เห็นสูบ มาตอนนี้นั่งอมยิ้มไปฟังเพลงไปสูบบุหรี่ไปท่าจะเพี้ยน แคปใช้หางตาแอบมองมัน

“กูชอบคนธรรมดาที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกพิเศษ..” จู่ ๆ เสียงทุ้มพร่าพูดขึ้น แคปหันขวับไปมองตาเขียวปั๊ด อย่านะมึง อย่ามาสารภาพรักบ้าๆอะไรตรงนี้นะเฮ้ย จู่ๆลากกูเข้าเรื่องนี้ได้ไงวะ

“แล้วมึงล่ะ ชอบคนแบบไหนวะแคป” เอสเหลือบมองคนข้างกาย เขาถามต่อเสียงเรียบๆไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าอีกคนนั่งหน้าร้อนมาตั้งแต่ประโยคเมื่อตะกี้แล้ว

“ว่าไงแคป มึงชอบคนแบบไหน..” เอสถามย้ำขึ้นมาอีก แคปยิ่งทำหน้าหงุดหงิดใส่ก่อนถอนหายใจเฮือกยาว ๆ

“กูชอบคนอ่อนโยน พูดเพราะ ตามใจไม่กวนตีน ที่สำคัญชอบคนพิเศษๆที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกธรรมดาติดดิน ซึ่งไม่เหมือนมึงเลยสักกะติ๊ด”

“หึ ปากดีนัก” เอสว่าพลางหักพวงมาลัยรถเลี้ยวปราดเข้ามาถึงช่องจอดประจำของคอนโดขนาดกลาง เขาใช้ความรวดเร็วในการปลดเบลท์ขณะที่แคปอ้าปากหาวหวอดขึ้นมาอีกรอบ แต่ทว่าคราวนี้กลับปิดริมฝีปากลงไม่ได้เพราะว่าโดนคนข้าง ๆ ใช้มือที่คีบบุหรี่ไว้สอดเข้ามาจิกผมเขาที่ท้ายทอยแรงจนหน้าเริ่ด ก่อนเอียงใบหน้าคมเข้ามาฉกจูบปิดริมฝีปากนุ่ม แคปตาเหลือกดิ้นเป็นปลาถูกทุบเมื่อปลายลิ้นร้ายชอนไชเข้ามาบดขยี้ ได้ยินแต่เสียงทุ้มพออกพอใจของคนที่แกล้งคนในอ้อมกอดได้อีกครั้งแล้ว





***แถม (เหตุการณ์ต่อจากนั้น แต่ยังอยู่บนรถ)

“แค่กๆๆๆๆ ไอ้บ้า มึงทิ้งบุหรี่ก่อนได้ไหมเล่า กระจกก็ยังไม่ปิดบ้าเอ๊ย! เล่นแรงฉิบหาย”

“กูอยากล่อมึงมากๆมึงรู้รึเปล่า” เอสระดมจูบลงมาจนแคปตั้งตัวไม่ติด

“มึงอย่าบ้า! จะมูมมามไปไหน”

“มึงลองมาอดอยากแบบกูดูแล้วจะรู้ว่าทำไมถึงต้องมูมมามขนาดนี้”

“หัดช่วยตัวเองซะบ่างสิวะ ไอ้โรคจิตเซ็กส์จัดนะมึงน่ะ”

“ถ่างขาออกกว้างๆ ยกก้นขึ้นด้วย”

“ เพี๊ยะ!  ปากหมา”

“กูบอกให้ยกก้นขึ้นไงวะแคป มือมึงนี่จะเกะกะมากไปแล้ว นิ่ง ๆซิ”

“บ้าเอ๊ย เดี๋ยวๆๆๆมึงจะมาจับทำไมเล่า! อ๊ากกกก บุหรี่ลวกไข่กูไอ้บ้านี่!”

.....

...

..







Tbc.

แมสเซนเจอร์มาส่งงานด่วนแล้วงับ! ระวังลวกมือตอนอ่านนะ

ตอนที่มินเขียนเสร็จแล้วอ่านทวน ใช้เวลาอ่านนานมากกกกเป็นชั่วโมงกว่าจะจบ(เบื่อเลย55) เพราะงั้นค่อยๆทยอยเข้ามาอ่านนะคะ เก็บเอาไว้อ่านหลายๆวัน นักอ่านเรื่องนี้รอเก่งกันทุกคนอยู่แล้ว ตอนหน้ารออีกค่ะ นานๆมาทีแต่มายาววววว อ่านให้จุใจเลยเด้อออออ อ่านให้เบื่อกันเลยงับ!!

ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ทิ้งไว้ให้กัน ขอบคุณมากจริง ๆ มินอาจไม่เคยได้ตอบคอมเม้นท์เลย นิสัยไม่ค่อยดีเนาะ แต่ขอยืนยันว่าอ่านทุกข้อความกำลังใจค่ะ รู้สึกขอบคุณ รู้สึกรักและผูกพันธ์มากจริงๆมินขอตอบแทนด้วยการเขียนให้อ่านแบบยาว ๆ ยืดๆ มาอ่านกันให้สนุกนะ

ปล.1  อยากลองเขียนเรื่องสั้นแบบผิดศีลธรรมดูสักเรื่อง จะมีใครตามไปอ่านหรือเปล่าคะ 55555

ปล.2 กลุ้มใจกับเอ็นซีของคู่นี้มาก...(คิดไม่ออก เลยดึงเรื่องไม่เขียนสักที 55555++)   

ปล.3 มีแถมให้เล็กๆไถ่โทษที่มาช้านะคะ เป็นบทเสริมที่ไม่จำเป็นสำหรับบทนี้แล้วแต่มินแค่แถมให้อ่านเล่นเลยคลุมเทาไว้ค่ะ(เห็นกันไหม)

ปล.4 เรื่องนี้มีภาคเด็กกับภาคโต(แบ่งเป็นสองนะ)

อีกนิด..ปล.5 หนังสือดอกฟ้าที่ส่งเข้าประมูลล็อตแรกหลุดมาหนึ่งชุดด้วยความผิดพลาดบางอย่าง เดี๋ยวจะมีการประมูลรอบสองค่ะ ใครอยากได้ลองเข้าไปดูรายละเอียดนะ (อาจจะแพงมากเพราะราคาตั้งใหม่มันมาจากราคาเดิมที่ผิดแล้วหั่นครึ่ง ถ้าใครพอมีกำลังก็ช่วยทำบุญร่วมกับทางเล้าเป็ดนะคะ)




Thx.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2015 22:56:03 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1465 เมื่อ08-07-2015 23:12:50 »

มาแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว :ling1:

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1466 เมื่อ08-07-2015 23:29:40 »

โลกกกกกกกกกกกกกกกกก เอสแคปมาแล้วววววววววววววว

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1467 เมื่อ08-07-2015 23:42:07 »

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววววววว

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1468 เมื่อ08-07-2015 23:57:39 »

ยาวสะใจมากกกกกกกก o13 o13 o13

เรื่องสั้นแบบผิดศีลธรรมอ่านได้อ่ะ แค่ไม่ดราม่าเยอะใช่ป่ะค้าาา :laugh: ยังไงเชื่อมือคนเขียนน่า  :laugh:
สำหรับเอ็นซี รอได้ค่ะ คู่นี้น่ารักรุนแรงแม้จะยังไม่มีเอ็นซีหนักแต่ไม่เบื่อเลยขอบอก แคปมันน่าฟัดจริงๆ
 ไม่เกรงใจเอสนิเชียแบงค์อีกคนเป็น 3p มันสะเลย 55555 (โดนเอสฆ่าแน่ :laugh:)
ที่บอกว่ามีตอนโตนิ ตอนทั้งคู่ทำงานเลยใช่ป่ะคะ จะเป็นไงหนอ ลุ้นล่วงหน้าา

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 08/07/58 [....XXI....]
«ตอบ #1469 เมื่อ09-07-2015 00:03:53 »

มาแล้วววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด