https://www.youtube.com/v/O0RuKBFfD4w[XXII]หลังจากนั้นหนึ่งเดือน...
ปลายฝนต้นหนาวยังคงเป็นเช้าที่อากาศสดใสเช่นเคย ไม้ประดับสีเขียวที่แขวนอยู่ริมระเบียงโยกไหวไปด้วยกระแสลมเอื่อยๆ หยดน้ำค้างใสกริ๊กบนผิวใบพลูด่างสะท้อนแสงจนแสบตาเมื่อยามเช้ามาเยือน
“นึกอะไรของมึงวะ ลุกมาออกกำลังกายแต่เช้าอีกแล้ว..” ปอเดินงัวเงียหาวหวอดออกมาจากห้อง เห็นเพื่อนตัวเองตั้งอกตั้งใจซิทอัพอยูที่พื้นหน้าทีวี ขณะที่แคปเหลือบมองนิดๆแต่ไม่ได้สนใจจะตอบ เขายกตัวอัพขึ้นหนึ่งร้อยครั้งพอดี จากนั้นพลิกตัวกลับเปลี่ยนท่าเป็นวิดพื้น
“ไหนลองใช้มือข้างเดียวด้วยซิ..” ปอนั่งยอง ๆ ลงมาเชียร์มองแคปยิ้ม ๆ
“ยุ่ง ไอ้หมาปอมึงไปไกล ๆ เลยไป จิ๊!”
“นึกยังไงของมึงวะ ร้อยวันพันปีจริงๆ” ปอลุกขึ้นเดินบ่นอุบอิบเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้แบบกล่องแช่เย็นออกมาเทใส่แก้วแล้วดื่ม หันไปมองที่แคปอีกหน คราวนี้มันเปลี่ยนท่าเป็นใช้สองขาวางยึดอยู่บนโซฟาแล้ววิดกับพื้นด้านล่าง ยกระดับความยากขึ้นไปอีก
“ใช้นิ้วเดียวสิวะไอ้แคป แน่จริงมึงใช้แค่นิ้วเดียว เร็วๆ”ปอแกล้งเร่ง
“ไอ้สัสปออย่ามาพูดมากกูยิ่งเหนื่อย เอามาเผื่อกูด้วยเร็วเข้า..” แคปร้องด่าก่อนสั่งให้ปอเทมาให้ตัวเองด้วยหนึ่งแก้ว เขาสองคนชอบดื่มน้ำผลไม้เย็น ๆ หลังจากตื่นนอนทำให้ร่างกายสดชื่น
“นี่กูถามจริง มึงนึกยังไงเกิดฟิตอะไรขึ้นมาวะเนี่ย..” ปอเลือกหยิบน้ำผลไม้แบบกล่องโยนส่งไปให้แทนแบบแก้ว แคปที่เสร็จจากการวิดพื้นครบสามสิบครั้งกึ่งนั่งกึ่งนอนเลื้อยอยู่บนพื้นหอบแฮ่กๆด้วยความเหนื่อย
“วันนี้กูต้องฟิตเว้ย เดี๋ยวจะต้องใช้พลังเยอะ ต้องออกกำลังกายให้ชินเอาไว้ก่อน..”แคปตอบออกมาด้วยสีหน้าเรียบ ๆ แต่ในใจนี่นึกหวั่นๆ ความจริงเขาเตรียมใจมาหนึ่งเดือนแล้วมันก็ใช่ แต่อย่างว่าพอถึงวันนี้ขึ้นมาจริง ๆ ยิ่งตื่นเต้นหนัก อย่าคิดว่าเขาจะผิดสัญญาลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น ถึงไม่อยากจะทำแต่เมื่อได้เอ่ยปากออกไปแล้วมีแต่จะต้องทำให้ดีที่สุด
เลยต้องมานั่งฟิตอยู่แบบนี้ไง
“มึงจะไปไหนวะ มีเรื่องกับใครป่ะเนี่ย..” ปอที่ได้ยินแคปตอบออกมาแค่นั้นยิ่งทำหน้าสงสัย รู้ว่าแคปมันบอกออกมาไม่หมดแน่ ๆ เขายิ่งอยากรู้ กำลังว่าจะเปิดการ์ตูนเช้าดูแล้วแต่กลับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จะว่าไปสองสามวันมานี่แคปมันหงุดหงิดง่าย ทำหน้าตาเหมือนคนคิดมากพอถามก็บอกว่าไม่มีอะไร ชอบตื่นมาออกกำลังกายเป็นประจำ
“ทำหน้าอะไรของมึงไอ้หมาปอ มาออกกับกูด้วยมา ดูการ์ตูนไปด้วยแข่งกันซิทอัพไปด้วยเอาป่ะวะ มึงดูนี่นมกูตั้งเต้าฟิตเลยนะเว้ย..” แคปยักคิ้วชี้ให้ปอดูหน้าอกมัดเล็กๆของตัวเอง ปอเหล่ตามองไอคนที่ทำหน้าตาภูมิอกภูมิใจกับหน้าอกหน้าท้องของมันมาก
“โนๆ กูโหนขอบหน้าต่างมาแล้วตะกี้..” เขาหมายถึงตอนตื่นนอนเขาจะโหนบาร์หน้าต่างเป็นประจำ เพราะงั้นกล้ามเนื้อไม่มีเละไม่มีย้วยแน่ ๆ เห็นแบบนี้พวกเขาดูแลตัวเองกันดีพอสมควร แต่นึกสงสัยที่แคปมันทำท่าทางเอาจริงเอาจังเสียจนน่ากลัว
“อะไรในห้อง มึงอ่ะเหรอ” แคปเปลี่ยนมาวิดพื้นแบบใหม่ ตะแคงข้าง เขาชอบเล่นท่ายากๆมันก็รู้สึกแปลกใหม่และท้าทายดี ปอมองแล้วส่ายหัวในความเกรียนของเพื่อนตัวเอง
“มึงดูหน้าท้องกูดิ สวยเหี้ยๆเลย” แคปบอกอีกยิ้ม ๆ ปอมองตามแล้วส่ายหัวอีกรอบ
“เดี๋ยวมึงเข้าไปเก็บหมอนเก็บผ้าห่มออกจากเตียงกูด้วยนะ เดี๋ยวเกิดไอ้เอสกลับมากูขี้เกียจอธิบาย”
“อธิบายเหี้ยไร” แคปทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่เข้าใจสิ่งที่ปอกำลังสื่อความหมาย ปอจึงชี้นิ้วใส่ “เหอะ ถ้าแฟนมึงหึงเหมือนชาวบ้านชาวช่องกูก็พอจะทำใจรับได้นะ แต่นี่มึงก็รู้ใช่ไหมแฟนมึง ถ้าเห็นว่าเมื่อคืนเราสองคนใช้เตียงเดียวกันมันจะเตะกูติดฝาแน่ ๆ”
“นี่มึงอย่าเน้นนักได้ป่ะวะ อะไรก็แฟนๆๆๆกูไม่อยากได้ยินคำนี้เลยให้ตายเหอะ”
“อ้าวก็มันจริง”
“ถึงมันจริงกูก็ไม่อยากได้ยินอยู่ดี แล้วที่สำคัญกูจะไม่ไปเก็บด้วยหมอนผ้าห่มในห้องมึงอ่ะ..” แคปเชิดหน้าบอกไม่ ปอหันขวับมามอง
“ทำไมวะ”
“เดี๋ยวมันมาถึงกูจะให้มันเข้าไปเก็บออกมาให้กูไง”
“ไอ้หมาบ้าแคป มึงอยากให้กูโดนตีนมันเรอะ..” ปอหันซ้ายหันขวาขึ้นมาทันที นึกหวั่นใจแบบสุดๆ ไม่ใช่อะไรนะ เมื่อคืนเอสมันถูกตามตัวกลับบ้านเห็นว่าเช้านี้จะมีประชุมใหญ่เรื่องสำคัญ เพราะงั้นก่อนจะออกไปมันเลยฝากฝังเขาเอาไว้ดิบดีว่าให้ไปส่ง ไปรอและไปรับแฟนมันที่สถานีดีเจอะไรนั่น กำชับทุกอย่างว่าให้พากลับห้องมาให้เรียบร้อยถ้าไม่รับปากเจ้านายในอนาคตอย่างมันจะพิจารณาเรื่องเลขาใหม่อีกครั้ง เขาก็รีบรับปากเลยสิ แต่ถึงมันไม่บอกก็คงต้องหาเรื่องออกไปส่งอยู่แล้ว เจ้าแคปมันเลิกงานตีหนึ่งกว่า ๆ ก่อนถึงห้องก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางด้วยกัน พอขึ้นมาอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จแคปมันหอบหมอนหอบผ้าห่มเข้ามายึดเตียงเขาแล้วหลับปุ๋ยไปเลย
“มึงอย่าบ้าเลยไอ้แคป เข้าไปเก็บหมอนผ้าห่มมึงออกมาให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นกูจะไปลากออกมาโยนทิ้งเอง”
“ม่ายยยยอ่ะ กูขี้เกียจ เดี๋ยวรอมันมากูจะให้มันเข้าไปเก็บให้” แคปยังคงยืนยันคำเดิมลากเสียงบอกไม่ เขาไม่ได้ดูหน้าเพื่อนตัวเองเล๊ยว่าปอมันหน้ามู่ทู่แค่ไหน หลังออกกำลังกายเสร็จแล้วลุกเข้ามาเบียดตัวนั่งลงข้างปอ อีกคนขยับแทบไม่ทัน ตัวแคปมีแต่เหงื่อ
“หาเรื่องใส่หัวกูจริง ๆ นะมึง เดี๋ยวคอยดูมันจะอาละวาดใส่กูแน่ๆเหอะ” ปอบ่นอุบ แคปไม่สนใจคว้าหมอนเข้ามากอดไว้ที่ตักจากนั้นกดเปลี่ยนช่อง วันนี้ไม่อยากดูการ์ตูนแล้ว สนใจข่าวมากกว่า
“แล้วนัดกับมันกี่โมงอ่ะ”
“ไม่รู้กูลืมไปแล้ว”
“อะไรของมึงวะแคป” ปอหันมาทำหน้าเหวอใส่ แคปส่ายหัวบอกลืมจริง
“มึงนี่มันแย่เลย กูส่งสารไอ้เอสฉิบหายเลยว่ะ ได้มึงเป็นแฟนซวยสุดของมันแล้ว”
“ไอ้สัสปอ มึงต้องสงสารกูสิจะไปสงสารมึงทำไมห๊ะ!”
“สงสารมึงเรื่องอะไร มีไรน่าสงสารวะ กูว่ามึงมันโชคดีที่สุดของโชคแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
“โชคดีเหี้ยไร มึงลองมาเป็นกูดูไหม คำว่าโชคดีที่มีแฟนเป็นมันมึงจะไม่อยากหยิบมาใช้เลยเหอะ” วันนี้ครบรอบหนึ่งเดือนที่เขากับเอสสัญญากันไว้ กูจะต้องโดนเอาแล้วแน่ ๆ แบบนี้ยังคิดว่ากูโชคดีอยู่อีกเรอะ ถ้ามึงลองมารู้ความจริงข้อนี้ดูสิไอ้เพื่อนบ้า ถ้ามึงลองมารู้ว่าที่กูเตรียมตัวเตรียมร่างกายตื่นขึ้นมาออกกำลังแต่เช้าไว้ทุกๆวันนี่เพื่อให้ตัวเองรองรับแรงมันไหว แล้วมึงจะหนาว ถึงตอนนั้นมึงยังจะพูดว่ากูโชคดีอีกไหมห๊ะ ไอ้หมาปอ!....นี่คือทั้งหมดที่แคปอยากจะพูดออกมาเสียเหลือเกิน แต่เรื่องแบบนี้มันศักดิ์ศรีพูดกันยาก เพราะงั้นเขาจึงนั่งกัดฟันกรอดๆเงียบไว้ จนปอต้องหันมอง
“ทำหน้าอะไรของมึง...”
เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้นพอดี ดึงความสนใจของสองคนออกจากห้วงความคิดและข่าวจากจอทีวีตรงหน้า
“ไอ้อาร์มาแล้วมั้ง” วันนี้นัดกันไว้อาร์กับปอมันจะออกไปไหนด้วยกันสักแห่ง แคปหันข้ามไหล่ตัวเองไปดูคนตัวเล็กที่เพิ่งก้าวเข้ามา
“อ่ะ กูซื้อมาฝากมึงว่ะแคป” อาร์เข้ามานั่งลงที่ตักแคปแรงมาก จนคนรับน้ำหนักตัวต้องร้องอุ๊กออกมาเสียงหลง มือเล็กยื่นหมากฝรั่งรสที่แคปชอบออกมาส่งให้
“อะไรเนี่ยตัวมึงเหนียวจังมีแต่เหงื่อ” อาร์ทำหน้าแหยงๆ แคปผลักออกแทบไม่ทัน
“แม่งมึงอ้วนขึ้นนะไอ้อาร์ ลุกๆกูหนักเหี้ยๆเลย ไปนั่งตักไอ้ปอโน่นไป”
“ไม่เอาอ่ะ กูอยากแกล้งมึง ตัวเหนียวก็ช่างกูนั่งตักมึงได้” อาร์ขืนตัวเองไว้ไม่ยอมย้ายลงจากตักแคป
“กูหนักเหี้ย”แคปบ่น
“อะไรกันล่ะ กูตัวเบาๆเองหนักแค่ห้าสิบกว่าๆ ทีเมื่อก่อนมึงยังให้กูขี่หลังเลย”
“ขี่หลังกับนั่งตักมันเหมือนกันไหมล่ะ นั่งดีๆเร็วเข้าไอ้ปอมึงมาเอามันออกไปดิ๊” แคปหันไปขอความช่วยเหลือแต่ปอทำเพียงแค่ไหวไหล่
“เอองั้นเปลี่ยนเป็นขี่หลังแทน” อาร์จะตะกายไปด้านหลัง แคปเอี้ยวตัวหลบแทบไม่ทันสองคนฟัดกันอยู่บนโซฟาจนปอนึกขำ อาร์กับแคปหยอกกัดกันแบบนี้ประจำ จนกระทั่งแคปจับมันนั่งแบบดีๆได้ เจ้าอาร์ถึงค่อยล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“เมื่อคืนกูฟังมึงจัดรายการด้วยล่ะ อะไรของมึงวะเปิดแต่เพลงอกหัก ฟังแต่ล่ะครั้งกูพาลเศร้าจะร้องไห้ตลอด พวกผู้หญิงเขาฟังอะไรกันทำไมเรตติ้งถึงดีแบบนั้นมึงดูนี่ นี่ๆๆๆๆ” หัวข้อข่าวออนไลน์ในจอมือถือขนาดใหญ่ของมัน แคปผลักออกไม่อยากสนใจ
“ต้องเน้นเรื่องอกหักหรือไงรายการมันถึงจะดัง” อาร์พูดลอย ๆ ขึ้นมาแคปเหลือบมอง
“ก็ตีมรายการมันเป็นแบบนั้นนี่หว่า มึงไปดูข้อความที่ส่งเข้าแฟนเพจดิ มีแต่ดราม่าน้ำตาแตกทั้งนั้น แล้วทีนี้เพลงที่จะเปิดควบคู่ไปกับรายการมันเลยต้องส่งให้แต่ละตอนที่พูดคุยกันเศร้าแซดยิ่งขึ้นไงวะ”
“แล้วใครเป็นคนเลือกเพลง”
“ถ้าเป็นเมื่อคืนก็ไอ้แบงค์ไง มันจัดการเซ็ทไว้ให้จนเรียบร้อยอ่ะ กูไปถึงพูดๆๆแล้วก็เปิดเพลงอย่างเดียว”
“มันชอบมึง กูรู้”
“ไอ้สัส พูดเห้ไรเงียบปากไว้บ้าง”แคปหันไปดุคนที่จู่ๆก็พูดเรื่องเพี้ยนๆออกมา
“กูพูดเรื่องจริง”อาร์หันไปยืนยันคำพูดของตัวเอง
“เป็นเรื่องที่มึงคิดไปเองว่าจริง ยังยืนยันไม่ได้ว่าจริงหรือไม่จริงเพราะงั้นทางที่ดีไม่ต้องพูด กูต้องทำงานกับมันอีกนาน ถ้าสิ่งที่มึงคิดไม่ได้ออกมาจากปากมันเองกูจะถือว่าไม่รู้ไม่เห็น”
“แล้วมึงคิดยังไง”
“กูไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น
“แน่นะ”
“..........” แคปหันไปมองใส่แบบดุ ๆ เขาไม่อยากพูดมาก บอกไม่แล้วก็คือไม่แค่นั้นจบ เจ้าอาร์จอมเซ้าซี้ก็ยังทำหน้าไม่ยอมแพ้อยู่ดี แคปไม่เข้าใจมันจะซักไซ้อะไรของมันนักหนา
“เออได้แบบนั้นก็ดี”
“หิวยัง พูดมากๆมึงหิวแล้วใช่ไหม” ปอเดินเข้ามาถามใกล้ๆ อาร์ยกข้อมือขึ้นดูแล้วพยักหน้าปอจึงถามแคปว่าอยากกินอะไร
“ไอ้ปอมึงว่าไอ้เด็กเวรนั่นมันชอบไอ้แคปป่ะวะ มึงบอกกูมาซิ” อาร์ชิงพูดกับปอแทรกขึ้นมาจนแคปที่นั่งอยู่ต้องโบกลงที่หัวหรึ่งทีแล้วทำตาดุใส่บอกให้หยุด
“กูก็แค่อยากรู้”
“ไม่ต้องอยากรู้ หยุด”
“แต่ว่า...”
“ไอ้เด็กนั่นมันมีเมียแล้ว มึงอย่าพูดเรื่องไม่เข้าท่าขึ้นมาอีก”
“แต่ว่า..
“ไม่มีผู้ชายคนไหนจะมานิยมหน้าตาแบบกูหรอกมึงจำเอาไว้มีแต่ไอ้บ้าเอสนั่นแหละที่มันบ้าคิดแปลกๆกับกูอยู่แค่คนเดียว”
“จะว่าไปมันก็จริง มึงเองก็แมนไม่เห็นจะออกสาวแตกตรงไหนเลย”
“กูผู้ชายทั้งแท่งไอ้เหี้ย สาวแตกบ้านมึงสิ กูชายแท้ร้อยเปอร์เซนต์อาจมีบางอย่างผิดพลาดไปบ้างแต่กูคอนเฟิร์มตรงนี้เลยว่า กูก็ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงเหมือนพวกมึงนั่นแหละ”
“พอๆๆเลิกเถียงกัน หน้าตาแบบนี้ไม่มีคนเอาหรอกแคปกูบอกแค่นี้จบไหม” ปอตัดจบด้วยการเชยคางแคปให้หันมาแล้วเบะปากใส่บอกว่ามึงน่ะขี้เหร่มาก แคปฟาดผั๊วะไปแรง ๆ หนึ่งที
“ตกลงเอาไง พวกมึงสองตัวจะกินอะไรกันเนี่ย”
“วันนี้กูขอไข่ลวกสิบฟองเลยนะ” แคปชูมือสิบนิ้วทำหน้ายิ้มเผล่
“ห๊ะ! มึงจะแดกอะไรตั้งสิบฟองวะไอ้แคป!! จะไปใช้พลังงานที่ไหนเหี้ย กินอะไรขนาดนั้น” อาร์ร้องแว๊ดขึ้นมาแคปรีบเอามืออุดปากมันแทบไม่ทัน
“ไอ้สัส ร้องเสียงดังทำไมห๊ะ”
“ก็มึงอ่ะแม่ง สิบฟองเป็นบ้าเรอะ”
“นั่นสิวะแคป ปกติมึงสองฟองก็อ้วนจะตายห่าแล้ววันนี้ให้กูทำสิบฟองเกิดบ้าอะไรขึ้นมา”
“เอาน่าอย่าถามมาก กูบอกให้ทำก็ทำมาเหอะ”
“........” ปอกับอาร์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปอนี้หงิดๆอยู่ในใจนานแล้ว ไอ้วิธีการออกกำลังกายของมันนั่นอีก แคปมันต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ๆ นัดตีกับใครชัวร์ๆ คู่ปรับมันคงเป็นยักษ์
“นี่มึงนัดตีกับ....
“กูก็แค่ต้องการพลังงานเอาไว้ใช้สู้กับไอ้ตัวอันตรายที่เดี๋ยวมันก็จะมาแล้ว พวกมึงคิดเหี้ยไรไปถึงไหนวะห๊ะ กูบอกสิบฟองมึงก็ทำมาจบไหมแค่นั้น”
“.......” ปอยังยืนอึ้ง เขากับเจ้าอาร์หันมองกันเลิ่กลั่ก
“สิบฟอง รีบๆเลยหิวแล้ว”
“เออ งั้นก็กินให้หมดนะมึง” ปอว่าใส่เสียงขุ่นเดินเข้าครัว หลังจากนั้นราว ๆ สิบห้านาทีอาหารทุกอย่างก็เสร็จ สามคนเอาจานของตัวเองมานั่งกินนอนกินอยู่หน้าทีวี แคปกับปอสนใจการ์ตูนขณะที่เจ้าอาร์ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือถือยิกๆ
พรึ่บ!!“เหี้ยอะไร!” จู่ ๆ อาร์เอารีโมทขึ้นมาปิดทีวีดับพรึ่บ แคปกับปอร้องขึ้นมาพร้อมกัน
“พวกมึงดูนี่ ๆๆๆๆ” อาร์ทำเสียงตื่นเต้นยื่นมือถือตัวเองมาแล้วชี้ๆๆบอกให้แคปกับปอมาดู
“อะไรของมึงวะไอ้อาร์”
“ก็นี่ไง หัวข้อข่าวธุรกิจลงเมื่อเช้านี่เอง มีรูปไอ้เอสด้วยนี่ก็ท่านเจ้าสัวรัชชาพ่อมันไงส่วนนี่คุณนายหลิวคุณแม่คนสวยของมัน ตายๆๆกูมีเพื่อนเป็นคนดังตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”
“เหย รูปเมื่อเช้านี่หว่าข่าวออกเร็วจัง มันมีประชุมอะไรของมันวะทำไมถึงมีบรรดาสื่อเข้าไปได้ด้วย”
“แฟนมึงหล่อว่ะแคปดูดิ กินขาดทุกๆคนเลยนะ”
“ไอ้สัส ข้างๆมันมีแต่คนมีอายุมันก็ต้องหล่อกว่าแน่อยู่แล้ว” แคปตบหัวอาร์ฉาดใหญ่ เพ่งมองดูในจอดี ๆ คงมีงานเปิดตัวอะไรสักอย่าง เอสกับคุณพ่อของเขารวมถึงคุณแม่และพี่สาวไปกันครบทุกคน
“นี่แม่มันเหรอวะ สวยเหอะ ทะมัดทะแมงต้องเก่งแน่ ๆ เลย” ปอหันมาถาม แคปเองก็ไม่เคยเห็นตัวจริงหรอกแต่ก็เคยเห็นตอนนั้นกลับบ้านแล้วเฮียเต้ชี้ให้ดูจากหนังสือพิมพ์
“พี่มันก็สวย สวยมากๆเลย”แคปว่าต่อชี้รูปพี่แอมป์ที่ยืนอยู่ข้างคุณแม่ของเอสให้ดู อาร์กับปอนี่ถึงกับอ้าปาก “ดูดีทั้งตระกูลเลยมึง” หลังจากนั้นเจ้าอาร์ก็สรุปหัวข้อข่าวแบบสั้น ๆ แต่พูดไม่จบเสียทีออกมาให้อีกสองคนฟัง แคปกับปอฟังจนเบื่อจะหันไปเปิดทีวีดูต่อแต่อาร์มันทำตาเขียวใส่บอกให้ฟังจนจบ
“ธนาคารรัชชา รัชชาเคมีภัณฑ์ รัชชาคอนสตรั๊คชั่น รัชชาเทรดดิ้ง รัชชาเทเลคอม เวชภัณฑ์รัชชา โรงงานผลิตเหล็กรัชชา นิคมอุตสาหกรรมรัชชา รัชชาฟาร์ม ไร่รัชชา รัชชาโภคภัณฑ์ รัชชา....”
“โอ๊ยยยย พอๆๆๆ ไอ้อาร์มึงจะสาธยายเวอร์มากไปแล้ว รัชชาอะไรของมึงนักหนาเยอะแยะขนาดนั้นห๊ะ!” แคปเบรกเพื่อนตัวเองไว้ก่อน มันจะร่ายยาวเกินไปแล้ว เขานี่ถึงกับส่ายหัว
“อ้าว ก็มีอยู่จริงๆนี่หว่า ธุรกิจในเครือของอัครรัชชากรุ๊ป ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นนี่ไงเขาเขียนไว้ยาวมากเลยเหอะ”
“ถึงรู้มึงก็ไม่ควรจะเอามาพูด ห้ามพูด!”แคปดุนิดๆแถมหมอนหนักๆหนึ่งใบเขวี้ยงใส่หัวเล็กๆของไอ้คนที่กำลังจ้อ อาร์จึงทำตาประหลับประเหลือกใส่ “ทำไมกูจะพูดไม่ได้วะ หนังสือพิมพ์ลงหัวข้อข่าวธุรกิจอยู่บ่อย ๆ ยิ่งรู้ว่าแฟนเพื่อนกูเป็นถึงลูกชายเจ้าสัวใหญ่ขนาดนั้นกูยิ่งต้องติดตามใกล้ชิดเลย นี่เลยดูๆสดๆร้อน ๆ ข่าวเพิ่งลงเมื่อวาน รัชชาคอนสตรั๊คชั่นเพิ่งเซ็นสัญญากับคู่ค้าญี่ปุ่นเรื่องคอนโดใหญ่ที่มีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน มึงคิดดูตารางวาละสองล้านตายไหมกูถาม กี่ห้องกูอยากจะรู้”
“เออว่ะ แค่พื้นที่หนึ่งตารางวากูยังไม่มีปัญญาจะไปยืน แพงเหี้ยๆสร้างไว้ให้ใครอยู่วะ เทวดาป่ะ”ปอเสริมเข้าไปอีกสองคนหัวชนกันก้มดูข้อความในข่าวออนไลน์ แคปหันไปจิกตามองเหวี่ยง ๆ เทวดาบ้านมึงสิ
“ไอ้ปอ ก่อนที่มึงจะถามว่าสร้างให้ใครเข้าไปอยู่ตอนนี้ช่วยสนใจรายชื่อคณะกรรมการที่รับผิดชอบโครงการนี้กันเถอะ มึงดูนี่อ่ะ นี่..” อาร์ทำท่าพูดกับปอที่นั่งอยู่ด้วยกัน แต่เสียงเล็กดังเหลือเกิน ดังจนแคปที่นั่งเซ็งยิ่งพาลเซ็งเข้าไปอีก
“ไหนๆชี้ดิ๊”ปอใช้สายตาหาแต่รายชื่อยาวมากหาไม่เจอ
“นี่ไงอันดับสองเลยมึง ลงไปดูทำไมด้านล่างเล่า คุณเอสเธอร์ อัครรัชชานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ช่วยบอกกูทีว่านี่ไม่ใช่ไอ้เหี้ยเอสแฟนไอ้แคปเพื่อนเรา มึงบอกกูทีว่านี่คือมันที่อยู่ปีสองเหมือนพวกเราใช่ป่ะวะมึงบอกกูทีปอ ช่วยตบหน้ากูด้วย..”
เพี๊ยะ!!“ใช่เลย นั่นแหละชื่อมัน” ปอทำหน้าโง่ๆขณะที่ตบหน้าอาร์จนหัวเงิบไปแล้วเรียบร้อย รายนั้นเซ่อไปเลย
“ไอ้สัส! มึงจะรุนแรงไปไหนเหี้ยนี่ จริงจังเป็นบ้าเลย กูก็แค่บอกให้มึงตบเรียกสติ เล่นตบกูจนหน้าหันแบบนี้สติกูกระเจิงแล้วห่า” ปอหัวเราะขำจนตัวงอเบียดเข้ามาหาแคปเพราะหนีจากฝ่ามือเล็กของไอ้อาร์ที่กระหน่ำลงมาแล้ว
“ไอ้สัส เล่นแรงกูเจ็บ”อาร์โวยวาย
“ขอโทษๆ หยอกเล่นหรอกน่า” ปอบอกยอมแพ้ อาร์จึงชี้หน้าคาดโทษเข้าไปอีก
“เดี๋ยวเหอะมึง”
“พอเหอะเลิกดูเรื่องของมันได้แล้ว วันนี้หน้าที่ใครล้างจานวะกูหรือว่ามึง” แคปถามปอ รายนั้นเหลือบมองแล้วบอกว่าเป็นตัวมันเองแคปเลยสบายไป ปอลุกขึ้นเก็บจานไปไว้ที่ครัวเตรียมจะล้าง มองดูเวลาเห็นว่าจวนจะเที่ยงอยู่แล้ว
“แคป มึงไม่เข้าไปอาบน้ำล่ะวะ นัดกับมันเอาไว้กี่โมง มันจะเข้ามารับมึงใช่ไหม”
“เดี๋ยวค่อยไป”
“อะไรเนี่ยอย่าบอกนะว่าไอ้เอสจะมารับมึงไปเดท เมื่อคืนมันไม่ได้ค้างที่นี่อ่อ?” อาร์ที่ไม่รู้เรื่องถามขึ้นหน้าตาตื่นๆ แคปหันไปจิกตาใส่แรง ๆ
“อย่าปากมากไอ้อาร์ ไม่ใช่เดทเหี้ยไรทั้งนั้น”
“แล้วเมื่อคืน...
“เมื่อคืนมันก็ไปงานไอ้ที่มึงอ่านอยู่นั่นไง เพราะงั้นกูก็เลยสบาย อิสระเสรี ที่สุดของความสุข เมื่อไม่มีมันอยู่กวนใจ” แคปทำท่ากางแขนแล้วเงยหน้ารับลมเย็น ๆ จากแอร์ อาร์ที่นั่งข้าง ๆ หมั่นไส้จึงแกล้วเอามือกดลำคอล็อคลูกกระเดือกแคปเล่น คนถูกทำร้องลั่นดิ้นๆๆๆ ปอที่ล้างจานอยู่หัวเราะหลังจากนั้นเขาเดินมาไล่แคปเข้าไปอาบน้ำจนได้
“คิดอะไรของมึง แค่กูไล่เข้าไปอาบน้ำคิดมากถึงขนาดคิ้วยุ่งผูกเป็นโบว์เลยหรือไงวะ”
“ยุ่ง เรื่องของกูเหอะ” แคปว่าแล้วลุกขึ้น เขวี้ยงหมอนที่ถือไว้ยัดใส่อกไอ้อาร์
“เดี๋ยวกูออกมา” แคปว่า
“แต่งตัวหล่อๆนะมึง แฟนจะมารับไปเดททั้งทีอย่าทำให้เขาผิดหวังซะล่ะ”
“หึหึ หล่อแน่ ๆ มึงไม่ต้องเป็นห่วงไปหร๊อกกก..” แคปยิ้มเหี้ยม คำพูดคำจาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์จนปอกับอาร์ต้องหันมองกัน และแล้วสิบห้านาทีหลังจากนั้นเขาก็เดินออกมาพร้อมกับชุดที่เรียกง่ายๆว่า ชุดไปเตะบอล
“มึงแต่งตัวเหี้ยอะไรแคป ใส่ชุดนี้ออกมาทำไมเนี่ยไหนว่าจะไปเดทกับแฟนมึงไง แล้วทำไมถึงเป็นชุดนี้ล่ะ” ปอที่เห็นก่อนเป็นคนแรกร้องถามขึ้น เขาทำหน้าแปลกใจเมื่อมองเห็นชุดของมัน รู้อยู่แล้วว่าเอสมันเป็นคนเนี๊ยบแค่ไหน แล้ววันนี้ที่นัดกันจะไปเดท อะไรทำให้เพื่อนของเขาเลือกชุดแบบนี้ออกมาใส่
“นี่มึงแน่ใจเหรอจะใส่ตัวนี้จริงๆน่ะ” อาร์เสริมขึ้นอีก ไล่สายตามองแคปตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เออ ทำไมล่ะ” แคปก้มมองเสื้อยืดนักบอลแขนกุดสีส้มคาดดำของตัวเองที่ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นส้มจืดๆสาเหตุเพราะความเก่า คอแหลมยืดๆและชายย้วยมากพร้อมกับกางเกงกีฬาตัวเก่งลายเดียวกันกับเสื้อ
“ไอ้ปอรองเท้าฟองน้ำแบบคีบของมึงอยู่ไหนวะ เอามาให้กูยืมหน่อยซิ” แคปเปิดตู้รองเท้าส่องหาดู เขาไม่เห็นรองเท้าแตะคู่ที่ปอมันเอาไว้ใส่เวลาเดินลงไปซื้อของดึกๆที่ด้านล่าง
“อยู่ในครัวน่ะ ห้องซักล้าง” แคปเดินไปหยิบแตะที่ถามถึงออกมาเตรียมไว้ ปอกับอาร์นั่งส่ายหัวระอาใจกับความพยายามของเพื่อนตัวเอง ความจริงแคปมันแต่งตัวดีนะแต่วันนี้ท่าทางไอ้เอสลำบากไม่ใช่น้อยแล้ว
“แคป เข้าไปเปลี่ยนมาใหม่ไป” ปอสุดจะทนเมื่อแคปเดินมาเบียดตัวนั่งลงข้าง ๆ เขาบ่ายหน้าไล่บอกเพื่อนตัวเองไปเปลี่ยนชุดออกมาใหม่ ไม่ใช่อะไรหรอกมันอยากใส่ชุดนักบอลก็ใส่ได้แต่จะเลือกตัวที่มันดูใหม่ดูสีสดกว่านี้จะได้ไหม นี่คงไปขุดไอ้ชุดที่ไม่ได้ใช้งานมาเป็นสองสามปีแล้วแน่ ๆ เผลอๆชุดนี้ตั้งแต่สมัยมอปลายเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เอา กูจะใส่ชุดนี้อ่ะ” แคปเบะปากไม่สน เขานั่งเฉย อาร์จึงเอาขาเขี่ยๆบอกให้ไปเปลี่ยนเหอะ มันดูไม่เหมาะต่อเหตุผลทั้งปวงจริง ๆ
“มึงแกล้งมันใช่ไหมไอ้แคป มึงตั้งใจจะแกล้งมันโดยการแต่งตัวเชยแหลกแหวกโค้งบ้านนอกบ้านนาแบบนี้น่ะใช่ไหม ใส่ชุดกีฬาไปเดทที่โรงแรมหรูกับลูกชายเจ้าสัวรัชชา แบบนี้เหรอที่มึงต้องการ”
“ไอ้สัส ใครเขาจะไปคิดแบบนั้นคนเห็นกูกับมันนั่งด้วยกันก็ต้องคิดว่าเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ใครจะไปคิดเรื่องมากแบบพวกมึงกันเล่า”
“แต่อย่างน้อยมึงควรให้เกียรติมันบ้าง มันบอกให้มึงเตรียมตัวตั้งแต่เมื่อวานกูได้ยินนะ” อันนี้ปอพูดขึ้น
“เรื่องของกูเหอะ”
“มึงตั้งใจแกล้งมัน”อาร์เสริมเข้าไปอีก
“เปล๊า กูไม่ได้แกล้ง” แคปยักไหล่ตอบเสียงสูงโกหกหน้าตาเฉย ขนาดตัวเองยังตกใจกับความเนียน อาร์กับปอมองหน้ากันแล้วพร้อมใจกันส่ายหัว แคปเลื่อนสายตามองเวลา ในตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นพอดี พอเห็นว่าเป็นใครแคปแสยะยิ้มร้ายใส่หน้าจอทันที
“หมายเลขที่ท่านเรียก ยังไม่เปิดใช้บริการค่ะ..” แคปดัดเสียงกรอกลงไปในสาย คนฟังปลายทางอึ้งไปนิดๆ แต่ไอ้เสียง ‘ค่ะ’ ที่ท้ายประโยคทำเอาเอสปวดหัวจนเบ้าตาแทบจะหลุด แคปมันเพี้ยน ยิ่งใกล้วันที่พวกเขานัดกันมันยิ่งเพี้ยนหนัก กระทั่งถึงวันนี้ เพี้ยนสุดขีดของมันจะเป็นแบบไหนเขาเองก็รอดูอยู่
(กูถึงแล้วเปิดประตูให้ด้วย)
“ไม่เปิด แน่จริงมึงเปิดเข้ามาเอง” แคปท้า พูดแล้วหรี่ตารอฟังคำตอบ
(จะเอาแบบนั้น)
“อืม มึงทำได้ไหมล่ะ”
(ได้สิ เดี๋ยวโทรเรียกช่างมางัดประตูแป๊ป มึงวางสายไปก่อนนะเมีย)
ติ๊ด-
“ห๊ะ! เฮ้ยๆๆๆๆๆ” แคปเรียกเอาไว้ไม่ทัน เขากระโดดโหยงขึ้นจากโซฟาถลาไปเปิดประตูผั๊วะออกอย่างแรง เจอเอสยืนล้วงกระเป๋าแสยะยิ้มร้ายกาจอยู่
“หึหึ..”
“ไอ้สัส!” แคปถลึงตาใส่ กัดฟันกรอดๆโดนมันเล่นอีกจนได้ เดินย่ำเท้าปึงๆเข้าห้อง
“เหยดดดดเข้ มึงจะหล่อไปไหนสัส แค่ไปเดทกับเพื่อนกูมึงต้องแต่งตัวหล่อขนาดนี้เรอะ..” เอสเดินเข้ามานั่งลงข้างปอ อาร์ที่มองจนคอแทบหัก เขาหันสามร้อยหกสิบองศาตั้งแต่เอสเดินเข้าประตูมา ตาค้างกับเสื้อผ้าและการแต่งตัวของผู้มาเยือนถึงกับอุทานหลุดปาก
“หล่อเหรอ นี่ธรรมดานะ” เอสไหวไหล่บอกเรียบ ๆ แคปเบะปากใส่มองดูมันตั้งแต่เท้าจรดหัว แหวะ! เซทผมขึ้นทำซากอ้อยมึงเหรอ กะอิแค่เดท ก็ไม่พ้นกินข้าวชกมวยหรอกว๊าใส่มาทำไมเสื้อผ้าหรูหราแบบนั้นนับวันจะเหมือนอาฟี่เข้าไปทุกที
“กินไรมายังวะมึง..” ปอทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี เดินไปเอาน้ำมาวางไว้ให้ เอสพยักหน้าบอกขอบใจ แคปรีบฉวยแก้วนั้นขึ้นมาดื่มพรวดๆๆจนหมดแทน
“ไอ้แคปมึงแม่ง” ปอทำหน้าดุใส่
“ก็กูหิว”
“หิวเหี้ยไรมึงเพิ่งกิน”
“มึงลำเอียงนี่ มันเองก็มาค้างที่นี่ตลอดอยู่แล้วทำไมต้องไปเทคแคร์มันด้วยล่ะ”
“วันนี้ต้องเทคแคร์เป็นพิเศษ”
“เพราะอะไร”
“เพราะวันนี้กูจะรับมันเป็นเพื่อนเขยอย่างเป็นทางการเว้ยฮิ้ววววววววววววว..” ทั้งปอทั้งอาร์หัวเราะร่าขึ้นพร้อมกัน แคปหน้าแดงเถือกขณะที่เอสนั่งอมยิ้มขำๆ เขาหันมองคนข้างๆแล้วคว้ามือแคปมาจับไว้ที่ตักตัวเอง
“หิวยัง ออกไปกันเลยไหมวะ” เสียงทุ้มพูดขึ้นเบา ๆ เอาให้ได้ยินกันแค่สองคน แคปส่ายหัวบอกยังจะดึงมือออกแต่เอสบอกไม่อนุญาต แคปจึงจิกตากร้าวใส่เหลือบมองเพื่อนตัวดีสองคนที่ตอนนี้ทำท่าดูทีวีแต่หูผึ่งแบบสุดๆทำอะไรไม่ได้คว้าเอาหมอนอิงมาบดบังฝ่ามือที่ถูกกอบกุมของตัวเองไว้
“แต่กูหิวแล้ว เมื่อเช้ากินเบรคตอนสิบโมงหลังจากนั้นยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ เลิกประชุมก็รอมากินพร้อมมึงเนี่ย”
“เรื่องของมึงเหอะ อยากปล่อยให้หิวเอง”