https://www.youtube.com/v/Iqjrk_ssRvQ(ช้ามาก) พอกดรับก็ถูกต่อว่าทันที แคปไม่ได้อธิบายมากมายอะไรเขาแค่อือๆตอบไปเท่านั้น
(มึงอยู่ไหนเนี่ย) เต้ถามลงมาอีก
“อยู่...เอ่อ..อยู่กับเพื่อน” อึกอักนิดหน่อยก่อนตอบ ไอ้เหี้ยเอสมันไม่ได้เป็นกระทั่งเพื่อนของเขาด้วยซ้ำ จะให้พูดว่าอยู่กับศัตรูคู่อริคงไม่ได้
(เพื่อนไหนวะ เพื่อนมึงกูเห็นอยู่สนามบอลกันหมด ตอนที่แยกกันออกมากูไม่เห็นมึงนะ ได้มาคัดตัวเตะบอลป่ะเนี่ยคาปู)
“ไปดิ ผมเตะเสร็จแล้วเหอะก็เลยออกมา” ก็เพราะไอ้น้องรหัสตัวดีของพี่ไม่ใช่รึไงเขาถึงต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้
(งั้นก็แล้วไป มึงอยู่กับใครที่ไหนบอกกูมาดิ๊..) น้ำเสียงเต้ถามมาค่อนข้างจริงจัง แคปผู้ซึ่งโกหกใครไม่ค่อยเนียนถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ
“อยู่กับ.......เออใช่ พี่เต้เจอไอ้อาร์กับไอ้ปอยังอ่ะ” แคปกำลังจะตอบแต่นึกบางอย่างได้จึงเอ่ยถามพี่ชายขึ้นก่อน
(เจอแล้ว ทำไมวะ)
“อ๋อเปล่า เจอแล้วก็ดี”
(น้องคาปูครับกูว่ามึงแปลกแล้ว บอกมาเดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหนกับใคร แล้วอย่าริมาโกหกเพราะถ้ากูจับได้ทีหลังมึงจะโดนมากกว่าที่ควรเป็นสามเท่า) เต้เก็กเสียงขู่ แต่แคปกลับเงียบไปไม่ยอมตอบ มีเสียงอึกอักเหมือนคนคิดอะไรไม่ค่อยตกดังลอดออกมา เต้ได้ยินแบบนั้นถึงกับหัวเราะ
(อยู่กับผู้หญิง? กำลังทำเรื่องอย่างว่า?)
“เปล่านะ” แคปรีบปฏิเสธ
(อายเหี้ยไรวะ บอกมาเร็วอยู่กับใคร? แฟนใหม่มึงอ่อ)
“ไม่ใช่สักหน่อย”
(ก็แล้วใครล่ะวะ) เต้ชักโมโห แคปหันมองไอ้ตัวดีข้าง ๆ ที่มันช่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรก็เริ่มหงุดหงิด ทำให้เขาต้องมาปั้นคำโกหกบ้า ๆ กับพี่ชาย เขาไม่ทำแน่สู้พูดเรื่องจริงยังจะดีกว่ าเพราะเรื่องจริงพูดสิบครั้งก็ยังจะเป็นคำเดิม แต่คำโกหกพูดสิบครั้งรับรองว่าเขาปั้นไม่เหมือนเดิมสักครั้ง พี่เต้ผู้เลี้ยงเขามากับมือจับได้แน่ ๆ อยู่แล้ว
“อยู่กับไอ้เอสน่ะ” แคปพูดออกมาจนได้ถึงจะไม่ดังมากแต่เต้ที่ปลายสายกับคนขับที่นั่งอยู่ข้างกันก็ได้ยินชัดเจน เอสยกยิ้มขึ้นทันทีราวกับเขาพออกพอใจ แคปโมโหเลยประเคนหลังมือฟาดใส่หน้ามัน เจอมือใหญ่กว่าปัดออกจนปวดไปหมด หันไปด่าแบบไร้เสียง เอสหัวเราะหึ
(เออใช่ ไอ้อาร์ก็บอกกูอยู่นี่หว่ากูลืมไปได้ไงวะคาปู แล้วพวกมึงไปที่ไหนกันน่ะ ดีกันแล้ว?? หรือพากันไปถึงไหน) ดีนะที่แคปพูดความจริง ที่แท้พี่เต้รู้อยู่แล้ว ตายห่าแน่ ๆ ถ้าเขาโกหก
“ไม่ถึงไหนหรอก แถวหน้ามหาลัยนี่แหละ มันพาไปกินข้าวเพราะอยากจะให้ผมช่วยอะไรมันสักอย่าง กำลังคุยตกลงกันอยู่..” อันนี้แคปโกหกแบบเต็ม ๆ
(มันมีปัญหาเหรอวะ) เสียงเต้ซีเรียสขึ้นนิดๆ เขาคงคิดว่าเอสมีปัญหาจริง
“อ่าครับ ใช่ มันมีปัญหา”
(กูรู้แระ)
“ห๊ะ!?” แคปอุทาน เพราะจู่ๆเต้พูดขึ้นทำท่าเหมือนรู้อะไรดีๆแล้วจริง ๆ หน้าเขานี่ซีดเผือดไปหมดตามประสาคนที่ทำความผิด แต่ก่อนที่จะคิดอะไรเลยเถิดมากเกินกว่าเหตุพี่ชายก็ไขข้อข้องใจให้เขาก่อน
(กูรู้แล้วว่าทำไมถึงเป็นมึง แล้วกูก็รู้ด้วยว่ามันมีปัญหาเรื่องอะไร ตอนนี้ไอ้เอสมันติดสาวอยู่ที่คณะมึงน่ะ พวกกูยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใคร ขนาดเพื่อนมันเองมันยังไม่ยอมพูดเลยนะ เพราะงั้นมันก็เลยเลือกมึงไงคงคิดว่าอย่างน้อยมึงก็เป็นน้องชายกู กูคิดว่านะ ไอ้เอสคงจะอยากให้มึงเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้มันแน่ๆ)
“อะไรชักๆนะครับ ใครชักให้ใคร..” แคปเสียงสั่นเครือแทบจะเป็นเสียงร้องไห้ พี่เต้รู้ถึงขนาดที่ว่าไอ้เหี้ยเอสมันติดใครสักคนอยู่ที่คณะพวกเขา ตายห่าแล้ว ตายๆๆๆๆ เรื่องจะแดงขึ้นทุกทีแล้วไอ้แคปเอ๊ยมึ๊ง ริมฝีปากบางสั่นระริกพูดพึมพำไม่เป็นภาษา
(พ่อสื่อพ่อชักไอ้น้องบ้า มึงพูดอะไรไปถึงไหน) เสียงเต้เรียกสติให้แคปได้อีกครั้ง เขาสูดลมหายใจขึ้นใหม่
“ครับ ๆ พ่อสื่อพ่อชัก คงจะใช่แหละ”
(เพราะงั้นมึงต้องสืบมาให้กู ว่าสาวคนไหนที่ไอ้น้องรหัสกูมันไปสนอกสนใจถึงขนาดนั้น มันบอกมึงยังล่ะ)
“ห๊ะ อ่ะ คือ......” ยังพูดไม่ทันจบประโยคคำพูดอึกอักของเขาต้องหยุดลงแค่นั้นเมื่อเอสคว้าหมับเอามือถือแคปไปพูดต่อให้เอง มันพูดอะไรสักอย่างต่ออีกแค่สองสามประโยคหัวเราะแล้วก็กดวาง พอเอสวางสายลงแคปนี่หันไปฟาดๆๆๆแล้วแถมทุบอีกหนึ่งทีระบายความแค้น
“มือหนักเป็นบ้า” เอสหันมาโวย
“เรื่องของกู!” แคปตะคอกเสียงดังลั่น ยกสองมือเสยๆๆแล้วขยี้หัว หวังว่าพี่ชายคงยังจับพิรุธอะไรไม่ได้ เพราะไอ้ตัวอันตรายข้าง ๆ คนเดียว เขานี่ฮึ่ยยยอยากจะขย้ำขยี้มันนัก
“ส่งกูที่ห้องเลยนะ ไม่แวะที่ไหนอีกแล้ว” แคปหน้ายุ่งมองเห็นแล้วว่ารถถึงตำแหน่งที่ควรจะต้องสับเปลี่ยนเส้นทาง เขารีบพูดขึ้น
“ให้ส่งถึงเตียงเลยป่ะล่ะ..” แคปหันขวับมองคนพูดทันที ทำตาเขียวเป็นรอบที่ยี่สิบ เขางุ่นง่านขนาดนี้ยังมีหน้ามากวนตีนต่อ เดี๊ยะเหอะมึงเดี๊ยะๆ บอกตัวเองว่าให้ใจเย็น ๆ ไว้ ทุกอย่างจะต้องนิ่ง เผื่อยั่วมันโมโหขึ้นมาอีกเดี๋ยวมันจะฉวยโอกาสทำอะไรแปลกๆ เกิดขับเตลิดไปห้องมันจะยุ่งเข้าไปใหญ่ แคปจึงเลือกที่จะเงียบแล้วเชิดหน้า
“กูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้วว่ะ”
“ทำไม”เอสหันมาเลิกคิ้วถาม
“ปวดหัวปวดท้องปวดฟันอิ่มเกิน”
“ใกล้ตายแล้วดิ” เอสพูดกวน ๆ ใส่อีก แคปนี่อยากจะยื่นมือไปตบกะโหลกสักเปรี้ยงเสียแต่ว่ารอให้ถึงห้องตัวเองก่อน เดี๋ยวกูจะด่ากราดเป็นเอ็มสิบหกรัวแล้ววิ่งลงเลยคอยดู
“เออสิ อยู่ใกล้มึงมากไปกูตายได้ง่าย ๆเลยรู้ตัวป่ะ”
“หึ กูไม่ให้มึงตายได้ง่ายๆหรอกนะวางใจได้เลย..” เอสหันมายักคิ้วใส่
“ทำไม มึงเกี่ยวไรด้วยล่ะ”
“ก็ถ้ามึงตายกูจะแกล้งใครได้มันส์อย่างมึงกันล่ะหื้ม หึหึ”
“........” หน๊อยยยยยยยย แคปนี่กัดปากแน่น ยกนี้กูแพ้อีกแล้วสัส ฮึ่ยยยยย
“ทำหน้าอะไรของมึง ยุ่งซะ” มือใหญ่ยื่นออกมาขยี้หัวเล็กอย่างสะใจที่แกล้งได้แต่เจอแคปผลักออกแรง ๆ ยุ่งทั้งคิ้วทั้งหน้า
“กูเกลียดมึงที่สุดอ่ะ”
“รู้ดิ มากไหมล่ะ เกลียดมากจนจะตายเลยไหม”
“เออ ตายได้ง่ายๆเลยอยู่ใกล้มึงบอกไปแล้วนี่”
“ทำไม อยู่ใกล้คนหล่อแล้วจะตาย แสดงว่ามึงแพ้คนหล่อดิ?”
“ไอ้สัส พูดออกมาไม่อายปาก” แคปหันไปสวน เอสหัวเราะหึ
“อายทำไมพูดความจริง”
“ความจริงหัวมึงสิ พูดจาอะไรรู้จักอายคนอื่นบ้าง ไม่อายกูก็หัดอายตัวเอง ส่องกระจกอยู่ทุกวันนี้มึงมองแต่หูเหรอถึงไม่เคยรู้ว่าตัวเองหน้าตาเหมือนอะไร ขี้เหร่แค่ไหน”
“ปากดีจริง ๆ นะเมียกูนี่ เดี๋ยว...เดี๋ยวจะถึงแล้วกูจะอดใจไว้ก่อน”
“มึงจะทำเหี้ยอะไร” หันไปแทบจะทันที
“ทำแบบที่เคยทำไง สั่งสอนคนปากดี”
“ไอ้....” แคปรีบเงียบกริบลงทันที จะด่าอีกก็ได้แต่สบถอยู่ในใจ กัดริมฝีปากอย่างคั่งแค้น ปัดโถ่โว๊ย! รอให้กูลงจากรถมึงก่อนเถอะแม่งชาตินี้อย่ามาฝันว่ากูจะไปไหนมาไหนกับมึงอีก
และในที่สุดรถเลี้ยวผ่านจุดสแกนหน้าคอนโด ตัดเข้ามาตีวงจอดที่ช่องจอดฟรีด้านใน แคปน่ะปลดเบลท์รอตั้งแต่ก่อนรถเลี้ยวเข้ามาจอดแล้ว แต่น่าเสียดายที่เอสเหมือนรู้ทันกลับไม่ยอมกดปุ่มล๊อคออกให้ พอรถจอดสนิทลงปั๊ป แคปหันไปถลึงตามองคนขับทันที
“ทำอะไรของมึงน่ะ” เอสกำลังทำอะไรอยู่สักอย่าง หันหน้าหันหลัง แคปมองดูอย่างสงสัย
“รอแปปกูเอาของก่อน” เขาเอื้อมมือไปหยิบพวกอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวต่าง ๆ อยู่ที่เบาะหลัง โทรศัพท์มือถือที่ชาร์ต บุหรี่ไอพอด คือทุกอย่างพร้อมอยู่ในมือมัน แคปนี่นั่งมองหน้าเอสจนเซ่อ
“มะ...หมายความว่ายังไง” แคปถามต่อตะกุกตะกัก
“เตรียมของไง ป่ะลงได้แล้ว” เสียงเปิดรถดังขึ้น แต่แทนที่แคปจะเป็นฝ่ายเปิดลงไปคนแรกกลับเป็นเอสที่ตั้งท่าพร้อมยิ่งกว่าเจ้าของห้อง
“เดี๋ยวก่อนไอ้เอส มึงจะไปไหนวะนั่น” แคปรีบคว้าไหลเอสไว้ ถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วเต็มอก
“ก็จะลงไง ดึกแล้วกูค้างกับมึงนะไม่กลับห้องหรอกขับรถไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ได้!” แคปรีบตะคอกสวนขึ้นอย่างดัง “มึงค้างไม่ได้ ห้องกูกูแชร์อยู่กับเพื่อน จะให้กูแก้ตัวกับเพื่อนกูว่าอะไร แค่ออกไปกับมึงแล้วกลับเอาป่านนี้พวกมันก็ต้องสงสัยกันแน่อยู่แล้ว เกิดเอามึงเข้าไปนอนค้างด้วยอีกกูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะมึงหัดคิดบ้าง”
“งั้นไปนอนห้องกูไหมล่ะ แบบนั้นมึงก็ไม่ยอมอีกดิ”
“กูไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น กูจะขึ้นห้องกูแล้วมึงก็กลับห้องตัวเองไปซะ เรื่องง่ายๆแค่นี้อย่ามาทำเป็นงี่เง่า” แคปพูดจริงจังทั้งน้ำเสียงและสีหน้า
“แบบนั้นไม่เอา” แต่เอสส่ายหัวปฏิเสธจริงจังเช่นกัน เขาตั้งท่าใหม่อีกครั้งก้าวขาลงไปแล้วข้างนึง แคปนี่รีบกระโจนไปดึงเอาตัวมันไว้แทบจะไม่ทันอีก
“ไอ้เหี้ยเอสมึงจะด้านไปไหนห๊ะ เจ้าของห้องเขาไม่ให้มึงค้างด้วยนี่มึงยังจะพยายามได้อีกนะ”
“ไม่เป็นไร ไหนมึงบอกมึงอยู่กับเพื่อนไงเดี๋ยวกูคุยกับเพื่อนมึงเองได้” อีกครั้งที่เอสทำท่าจะลุกแคปนี่หน้าจืดยิ่งกว่าจืด เขาใช้สองมือดึงเสื้อบาสมันจนคอเสื้อรั้งรัดลำคอ เอสหันมาดึงกลับแล้วบอกให้ปล่อย
“ลงเหอะง่วงแล้ว กว่าจะอาบน้ำอีก”
“นี่กูต้องทำยังไงวะมึงพูดดิ๊ จะเอายังไงแบบไหนมึงถึงจะยอมกลับ กูโมโหจริง ๆ แล้วนะเนี่ย” แคปเดือดสุด
“อะไรกันไม่อยากให้กูค้างด้วยขนาดนั้นมันไปไม่แปลกไปหน่อยรึไง มึงกับเพื่อนมึงมีอะไรยังไงแบบไหนรึเปล่า”
“แบบไหนเหี้ยมึงสิ” แคปฟาดหัวทุย ๆ นั้นไปหนึ่งทีคนกำลังซีเรียสเรื่องค้างไม้ค้างก็เสือกพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาอีก
“ไม่มีผู้ชายหน้าไหนเขามาสนใจกูหรอกมีแต่คนตาบอดหูหนวกอย่างมึงนี่แหล่งแม่งตื้อไม่หยุดเลยกูแทบจะบ้าอยู่แล้วมึงรู้ตัวบ้างป่ะ”
“ไม่บ้าหรอกเดี๋ยวมึงก็รู้สึกดีๆกับกูเอง”
“ไม่มีทางหรอกเหี้ยมึงอย่าฝัน” แคปสวนกลับ
“ไม่เคยสนใจกันจริงอ่ะ”
“......” แคปเบะปากแล้วส่ายหัว เอสได้แต่ยกยิ้มขำๆ
“รักล่ะ เคยไหม”
“นั่นน่ะยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีทางหรอกเว้ย คำว่ารักต้องเก็บไว้พูดกับคนที่เราคิดจะจริงจังด้วยสิวะ กูไม่มีทางพูดมันออกมาง่าย ๆ หรอก”
“แล้วจริงจังกับกูรึยัง”
“มึงจะบ้าเหรอห๊ะ นอนกันแค่ครั้งเดียวกับได้นอนข้างกันอีกสองคืน กูจะไปรักมึงได้ยังไงวะ นั่นมันก็แค่ความสัมพันธ์ทางกาย กูพลาดกับมึงครั้งเดียวจำเป็นอะไรกูต้องใช้คำว่ารักกับมึงคนที่บังคับกูเยี่ยงทาสด้วยห๊ะ..”
“ทาสเลย?”
“ก็เออสิ มึงน่ะมันแย่ยิ่งกว่าแย่ สันดาน นิสัย ไม่ได้เรื่องสักอย่าง บังคับกูตลอดพอไม่ได้ดั่งใจก็จับจูบ ดีหน่อยที่มึงยังรู้ผิดชอบชั่วดีไม่ข่มขืนกดกูลง ถ้าเป็นแบบนั้นถึงมึงหล่อหรูรวยคับฟ้าผู้ดีแค่ไหน กูก็ไม่ยอมรับมึงเลยอ่ะบอกให้รู้ แม้แต่ความเป็นเพื่อนกูก็จะไม่ให้ มึงจำเอาไว้เลย”
“ไม่ทำหรอก แบบนั้นน่ะ..”เอสพูดพลางใช้มือเสยผมที่ยาวปรกหน้า แคปหันมองเขาจึงยักคิ้วกวนๆส่งให้
“ไม่นิยมวิธีข่มขืน แต่ปล้ำจูบนี่ชอบนัก”
“ไอ้สัส” แคปด่า
“หึหึ..”
“อย่ามาวกวนเรื่องมาก มึงต้องกลับได้แล้วกูจะขึ้นห้องห้ามตามมาเด็ดขาด ถ้ามึงพูดไม่ฟังต่อไปกูจะไม่...อึ่กก....”
“จะไม่อะไร..” เอสอมยิ้มใส่ ขณะที่แคปกลับอึกอักเพราะตอนแรกกะจะพูดว่า ถ้ามึงไม่ฟังต่อไปเขาจะไม่ยอมไปไหนด้วยอีก ขืนพูดออกไปแบบนั้นไอ้เหี้ยเอสมันต้องคิดว่าเขาคิดอยากจะไปไหนมาไหนกับมันอีกแหง ๆ แคปเลยหยุดชะงักไว้ก่อน
“กูถามว่าจะไม่อะไร..” เอสเอียงหน้ากัดปากยั่วรอฟังคำตอบ
“จะไม่อะไรก็ช่างกูเถอะ กูลงแล้วนะมึงกลับได้เลย” แคปก้าวลงไปหนึ่งขาปรากฏว่าเอสที่เร็วยิ่งกว่าก้าวลงไปยืนอยู่แล้วเช่นกัน
“มึงทำอะไรน่ะห๊ะ..” แคปกระโดดโผล่หน้าไปด่าข้ามรถ เอสเลิกคิ้วส่งให้แล้วยักไหล่
“เข้าไปนั่งในรถเลยนะมึง ห้ามลง!”
“มึงก็เข้าไปก่อนดิ” เอสต่อรองอีกครั้ง
“กูจะเข้าก็ได้แต่มึงเองก็ต้องเข้าด้วย”
“ตามนั้น..” เอสว่าจบเข้าไปนั่งอยู่ในรถปิดประตูโครมใหญ่ แคปไม่น้อยหน้ายืนรีรอบวกลบคูณหารในใจอยู่กลับถูกเอสดึงแขนแล้วกระชากลงมานั่งคุยกันใหม่ แคปบอกตัวเองให้นับหนึ่งถึงสิบเขาจะต้องใจเย็น เขาจะต้องตะล่อมอีกฝ่ายให้ได้ จิตวิทยาทุกอย่างที่มีต้องงัดออกมาใช้ เมื่อเขาตั้งสติเย็น ๆ ได้แคปหันไปจ้องหน้าเอสแล้วตั้งอกตั้งใจพูดดีๆด้วย อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย มึงต้องกลับไปห้องตัวเอง ห้องกูมึงเข้าไปค้างไม่ได้เพื่อนกูอยู่มันดูไม่ดีมึงเข้าใจที่พูดใช่ไหม”
“เข้าใจแต่กูอยากจะนอนกอดเมีย จะให้กูทำยังไง..” เอสตอบเรียบ ๆ แต่คำว่าเมียคล้ายกับคนเอาเข็มเป็นพันเล่มปักลงกลางหัวใจแคปเสียจริง ในที่สุดเขาก็หมดความอดทนอีกครั้ง
“โฮ้ยยยยยน๊อออออ มึงน๊อออออกูจะทำยังไงกับคนอย่างมึงดีวะเนี่ยเหี้ยเอ๊ยยยย จะทำยังง๊ายยยยย กูจะทำยังไงมึงจะให้กูทำยังไงมึงถึงจะยอมกลับบอกกูมาซิ! ทำยังไงวันนี้มึงถึงจะยอมขับรถออกไปดี ๆ แล้วปล่อยให้กูเดินขึ้นห้องอย่างสบายใจ ไหนลองบอกมาซิครับห๊ะ!!” แคปขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด หงุดหงิดอารมณ์เสียฟุ้งซ่านเพราะพูดกับไอ้ตัวข้าง ๆ ไม่รู้เรื่อง มันน่ะยิ่งกว่าเด็กอนุบาลกอไก่
“มีอยู่หนึ่งทางนะ” จู่ ๆ เอสยกยิ้มแล้วบอกทางเลือกออกมา แต่แคปยังไม่ไว้ใจต่างคนต่างเหล่ดูกัน
“ทางไหน? อย่าบอกนะว่าให้กูไปค้างที่ห้องมึงแบบนั้นกูไม่เอาเด็ดขาด” ต้องรีบออกตัวไว้ก่อน อยู่กับมันถ้าช้าโดนเอาเปรียบทางร่างกายทุกที
“เปล่าไม่ใช่ทางนั้นหรอก”
“แล้วอะไร”
“มึงจูบกูดิ จูบแค่ครั้งเดียวกูจะยอมกลับออกไปดี ๆ ไม่โวยวายไม่ดื้อดึง รับรองว่ามึงจะเดินขึ้นห้องได้อย่างสบายอกสบายใจอย่างที่มึงต้องการเลย..”
“มึงฝันเอาสิไอ้เหี้ย รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางยังจะพูด..”แคปสวนขวับ หันไปถลึงตาเหลือกๆใส่แล้วขู่ฟ่อคงคิดว่าตัวเองดุน่าดู แต่น่าเสียใจจริง ๆ ที่เอสกลับมองเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นแค่หมาชิสุตัวเล็กๆที่ดุกว่าลูกแมวนิดหน่อยก็แค่นั้น เขากระตุกรอยยิ้มขึ้นมาอีก
“นั่นคือทางเลือกแค่อย่างเดียวที่กูจะมีให้ กูให้มึงตัดสินใจแค่หนึ่งนาที รู้ใช่ไหมว่าพูดจริงทำจริง......
.จับเวลา”
“เฮ้ย!!” แคปร้องเรียกก็ยังไม่ทัน เพราะทันทีที่พูดจบ นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่นาฬิกาดิจิตอลหน้าคอนโซน
“สัสเอ๊ย” แคปกัดปากพึมพำทันที เอสเคาะนิ้วมือลงไปที่แผงหน้าจอ มันกดปุ่มเพียงแค่ครั้งเดียวสามารถปรับเปลี่ยนไปเป็นตัวเลขที่นับถอยหลังลงเรื่อย ๆ อย่างไร้ความปราณี ทุกๆอย่างเงียบสนิทไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาอีก เขาสองคนจ้องหน้ากันวัดใจ พร้อมกับตัวเลขสีเขียวบนจอนั่นที่ค่อย ๆ ถอยหลังลงอย่างโหดร้ายที่สุด
.
.
53 “กูไม่มีทางทำเรื่องไร้สาระอะไรแบบนั้นหรอกไอ้เหี้ย!”
.
.
43 “ปัญญาอ่อน กะอิแค่นาฬิกาที่นับถอยหลัง กูกลัวตายห่าล่ะ!”
.
.
33 “สามสิบสามแล้วเรอะ เห่อะ แน่จริงมึงนับขึ้นมาสิวะ นับถอยหลังลงไปทำเห้ไร ไอ้ตัวเลขบ้า!”
.
.
23 “มึงคอยดูนะ ถ้าวันนี้กูหลุดออกไปได้ กูจะทุบไอ้นาฬิกาบ้าๆนี่ให้เป็นเศษเหล็กบุโรทั่งเลย มึงคอยดู๊ว~”
.
.
13
“กู-ไม่-มี-ทาง-ทำ บ้าฉิบ!” .
.
เอสนั่งกอดอกอมยิ้ม ชำเลืองมองคนที่นั่งจ้องไอ้ตัวเลขดิจิตอลบนหน้าปัดสลับกันกับหน้าเขาแล้วสบถด่าแล้วด่าอีก พอตัวเลขวิ่งมาจอดที่เลขสิบเอ็ดเขาขยับตัวหยิบอุปกรณ์ของเขาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง บรรดาโทรศัพท์เอย ที่ชาร์ตเอย กระเป๋าสตางค์ บุหรี่ ไฟแชค ใบหน้าเรียบเฉยลอบชำเลืองคนที่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอีกครั้ง เอสถึงกับส่ายหัวเพราะคิดว่าคงจะต้องดับเครื่องยนต์ลงเมื่อตัวเลขวิ่งไปถึงเลขศูนย์
แต่ทว่า...
5
4
3
2
1
“ไอ้เหี้ย! สันดานนักนะมึง หลับตาเร็วเข้าสิ..” แคปตะคอกเสียงดังลั่น แต่รวดเร็วยิ่งกว่านั้นมือเล็กกระชากผมนิ่มของเอสลงมาแรงมากพร้อม ๆ กับที่ริมฝีปากสวยกดจูบลงไปที่มุมปากหยักชนิดที่ว่าหลับหูหลับตาจูบ ส่วนความเร็วไม่ต้องพูดถึงมันเร็วมากเสียจนคนโดนจูบเก็บรายละเอียดยังไม่ทัน รู้ตัวอีกทีคือโดนฝ่ามือเล็กฟาดแล้วผลักเข้าให้ชนิดที่ว่าตัวเขากระเด็นไปถึงกระจก
“....!!!!....”
“ไอ้สัส! กูเกลียดมึงที่สุดรีบ ๆ ไปเลยไป จะไปตายห่าที่ไหนก็ไป เชี่ย!!” ด่ากราดไว้แบบนั้นก่อนกระชากประตูเปิดออกแล้วก้าวลงจากรถปิดประตูโครมใหญ่ ๆ ใส่คนด้านในที่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้น
“โหหหหห นี่คือจูบจากเมียกู?? โหดร้ายเป็นบ้า..” เอสพึมพำแล้วส่ายหัว ตั้งแต่เกิดมานี่คือครั้งแรกที่โดนจูบในลักษณะรันทดได้ขนาดนี้ เขายกมือขึ้นลูบรอยจูบเล็กๆที่มุมปากก่อนผุดรอยร้ายยิ้มออกมาจนได้
“หึ ก็ถ้าไม่หลอกล่อมึงถึงขนาดนี้ หน้าอย่างมึงจะยอมจูบกูก่อนไหมล่ะ หื้มแคป?” รถยุโรปสีขาวคันสวยเลี้ยวซ้ายออกจากคอนโดทิ้งตัวสู่ถนนสายใหญ่อย่างงดงาม ด้วยว่าจิตใจของคนขับพองโตยิ่งนัก
Tbc.
ยาวไม่แพ้ตอนที่แล้ว 55555 สอบค่ะ เครียดดดดดดดด พอเสร็จก็ต่อให้เลยนะ หัวตันมากอาจจะไม่ค่อยลื่นไหล ยังไงก็ฝากเอ็นดูเอสแคปต่อไปด้วยนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากเจ้าค่ะ 