https://www.youtube.com/v/Df7X57MqwJo[X]“เฮ่..” แรงเขย่าที่ตัวเบา ๆ ไม่สามารถทำให้คนขี้เซาอย่างแคปตื่นได้ เอสส่ายหัวอย่างระอาใจ นี่ไม่ใช่การปลุกครั้งแรกด้วยนะ เขาตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพราะโดนท่อนแขนของคนในอ้อมกอดฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง
“เฮ่แคป กูชาแขน มึงลุกออกจากกูก่อนได้ไหมวะ..” เอสบ่นพึมพำไปก็เท่านั้นคนที่นอนเผยอริมฝีปากหนุนแขนเขาอยู่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด นอนทับกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนทำเอาเขานี่เหน็บชากินไปหมด เอสทนไม่ไหวอีกต่อไปเขาตัดสินใจผลักและถีบคนตัวเล็กกว่ากลิ้งหนึ่งตลบไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงได้ในที่สุด ถึงขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมจะตื่น มันนิ่งผิดปกติจนเขาต้องลุกขึ้นนั่งดูนั่นแหละว่ามันยังหายใจเป็นคนอยู่ไหม ยังมีการทำหน้าหงุดหงิดรำคาญยกมือขึ้นเกาพุงอีกต่างหาก ไม่ระวังตัวแบบนี้แย่มากจริง ๆ
เอสเดินไปรวบม่านหน้าต่างคล้องไว้เพียงฝั่งเดียว จากห้องมืดๆตอนนี้ถูกแสงจากดวงอาทิตย์สาดทาบเข้ามา คนอยู่บนเตียงหยีตานิดๆ เขาจึงขยับผ้าม่านเปิดขึ้นอีกหน่อย เอาแบบที่แสงทะลุไปส่องหน้าไอ้คนขี้เซาได้แบบจัดเต็ม เสียงฮื่อฮ่าขัดใจดังขึ้นจนเขานึกขำ แต่แทนที่มันจะตื่นนะ ยังมีจับผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าปิดตาไว้อีกคงลืมนึกว่าเมื่อคืนมานอนอยู่ห้องใคร เอสยกข้อมือดูเวลาเมื่อเห็นว่ายังไม่สายมากนักเขาจึงคว้าเอาซองบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้หนึ่งตัว จุดไฟแล้วออกไปยืนดูดอยู่นอกระเบียง แผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่ากับท่อนล่างที่สวมใส่แค่บ็อกเซอร์สีเข้มรัดรูปตัวเดียวยืนเท้าขอบระเบียงดูดบุหรี่อย่างสบายอารมณ์ เขาใช้เวลาพักนึงก่อนเดินกลับเข้ามาใหม่ก้าวขึ้นเตียงยกบุหรี่คาบไว้ที่ปากแล้วกระชากผ้าห่มผืนโตออกจากร่างคนนอนขี้เซา คุกเข่าคร่อมตัวมันไว้
“ฮื่ออ...” แคปครางขู่หงุดหงิดทั้งที่ตายังไม่ลืมด้วยซ้ำ เอสมองดูคนใต้ร่างอย่างละเอียด หน้าอกสีชมพูชูช่อโดดเด่นเตะตาเขามาก ริมฝีปากแสยะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ฟันกระต่ายสวยสองซี่เผยอออกมานิดๆ ก่อนที่เขาจะดับบุหรี่ลงที่จานเขี่ยแล้วกดริมฝีปากลงไปงับไอ้ส่วนชูชันล่อตาสีชมพูยั่วยวนตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว จัดเต็ม!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผั๊วะ!!”แคปร้องตะโกนดังลั่นไม่ต้องถามว่าตื่นเต็มตาแล้วหรือไม่ รอยฝ่ามือแดงเถือกประทับอยู่กลางแผ่นหลังเขาในทันที
“ไอ้ชั่ว ไอ้คนเลว ไอ้ฉวยโอกาส ไอ้ !@#$%....&” พอรู้สึกตัวขึ้นมาได้ก็สรรหาสารพัดคำด่าเลย แคปลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียง ยืนด่าจนพอใจ มองดูเวลาที่ข้อมือถึงได้รู้ว่าสายมากแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแต่บ็อกเซอร์รัดๆตัวเดียวแถมด้วยนาฬิกาข้อมืออีกหนึ่งอย่าง รันทดตัวเองชะมัด
“อวยพรกูแต่เช้าเลยนะมึง” เอสที่อยู่ในชุดรันทดพอกันนั่งกุมสันจมูกที่โดนฟาดจนแดงเจ็บระบมไปหมดทั้งหลังก็เจ็บที่โดนมือเล็กๆนั่นฟาด รู้งี้เอาน้ำเย็นๆสาดมันจะดีกว่าไหมไม่เสี่ยงโดนมือโดนตีนมันให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวแบบนี้
“ก็แล้วมึงทำเหี้ยอะไรกับกูล่ะวะห๊ะ นี่ถ้ากูไม่ตื่นขึ้นมาก่อนมึงไม่ทำเรื่องบ้าๆยิ่งกว่านี้รึไง..” แคปด่าใส่ ลุกขึ้นเดินมองหาเสื้อหากางเกงตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงทิ้งตั้งแต่เมื่อคืน พอเจอว่ามันถูกพาดไว้อย่างดิบดีบนเก้าอี้นวมใหญ่ใกล้ ๆ เขาก็คว้าเอามาสวม
“เข้าไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพาออกไปกินข้าวแล้วจะไปส่งให้..”
“ไม่!” แคปดึงๆขอบกางเกงยีนส์ขึ้น จัดการติดกระดุมใส่เข้าจนเรียบร้อย หยิบเสื้อยืดขึ้นมาสวม เสยเส้นผมอย่างลวกๆ แล้วทำท่าจะเดินออกมาจากห้อง แต่เอสรีบเดินมาคว้าแขนไว้
“เข้าไปล้างหน้า อาบน้ำด้วยก็ดีถ้ามึงไม่อยากเหม็นคาวของๆกูไปตลอดทั้งวัน..”
“…..!!??!!?.....” แคปหน้าตาตื่นเมื่อได้ยินคำพูดจัดจ้านแบบนั้น เขารีบก้มมองดูตัวเองสำรวจความเรียบร้อย ทำไมกูไม่รู้สึกว่าโดนเอา ทำไมกูถึงไม่รู้สึกเจ็บเหี้ยอะไรตรงไหนเลย ทำไมถึงไม่ได้รู้สึกอะไร แล้วทำไมไอ้เหี้ยเอสพูดอะไรออกมาแบบนั้นวะห๊ะ
“มะ...มึง มึงพูดอะไร..” แคปชี้หน้าตะกุกตะกักถาม ไม่ไว้วางใจมันแบบฉิบหายเลย พูดจาแม่ง
“กลัวเหี้ยไรนักหนา มานี่..” เอสดึงแขนแคปแล้วลากเข้ามายัดไว้ในห้องน้ำ เปิดลิ้นชักใต้เคาน์เตอร์ล้างหน้าหยิบแปรงสีฟันอันใหม่ขึ้นมายื่นส่งให้ แคปมองอย่างชั่งใจ ถอยหลังหนึ่งก้าวแต่ในที่สุดก็รับมาเมื่อเจอสายตาบีบบังคับจากอีกคน
“คิดอะไรของมึง คิดมากๆระวังที่คิดไว้จะเป็นจริงๆนะ หึหึ” เอสยั่วอีกนิดกวนตีนอีกหน่อยขยี้หัวเล็กเพราะว่าเห็นแคปทำหน้าตาแปลกๆ เจ้าตัวคงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นปากเล็กๆก็ยังคงเชิดขึ้นอย่างถือดีปัดมือเขาออก
“กูรู้อยู่แล้วล่ะว่ามึงทำหรือไม่ทำอะไร ร่างกายกูกูย่อมรู้ดีสิวะ”
“เหรอ..” คิ้วเข้มเลิกสูงขยับรอยยิ้มโชว์ฟันสวย แคปนี่กัดปากจนเจ็บไปหมด นึกเกลียดคำว่าเหรอหราของมันจนจับใจ เขาคว้าอะไรบางอย่างใกล้มือแถวนั้นฟาดใส่แต่เอสรับไว้ได้ทัน ขวดโฟมโกนหนวดขนาดเหมาะมือ ดีนะที่ไม่ใช่ขวดแก้วไม่งั้นถ้าแตกเป็นเรื่องไปอีก
“พยศแบบนี้ต้องให้กูอาบให้ไหมหรือยังไง ถ้าดื้อมากๆกูจะจับมึงปล้ำในห้องน้ำเอาให้ร้องไม่ออกอีกเลยนะไอ้แคป อยากเจอของดีไหมหื้ม..” เอสวางขวดครีมลงแล้วก้าวเข้าหา แคปถอย
“มึงก็ออกไปสิวะยืนเหี้ยไรอยู่ล่ะ”
“หึ ชักไม่อยากออกแล้วสิ..” คนพูดแสยะยิ้มร้าย กระชากเอวแคปเข้ามากอดไว้ทันที แคปดิ้นจนขาลอยเอสหัวเราะหึหึ
“ไอ้เหี้ยเอสไอ้สัส กูไม่เล่นนะเว้ย ปล่อย!” เอสแทบจะแบกคนตัวเล็กขึ้นพาดบ่าแล้วจับโยนลงอ่างน้ำ แต่เห็นแก่เวลาและข้อจำกัดหลาย
“หยุดดิ้น พูดกับกูดีๆแล้วจะปล่อย ไหนลองพูดให้กูฟังซิ”
“....อึกก...” เมื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้แคปกัดปากแน่นหยุดดิ้น ยอมยืนดี ๆ เอสเองก็ปล่อยเขาออกอย่างที่พูดไว้เช่นกัน กรามเล็กๆที่บดเบียดกันอยู่ทำให้คนมองๆแล้วก็นึกขำ พยศมากจริงๆแค่ยอมพูดดีๆมันก็จบแล้ว
“จะพูดไหมแคป..” เอสทวนคำขออีกครั้ง แคปตวัดตาเขียวปั๊ดใส่ก่อนถอนหายใจเซ็งๆ แล้วพ่นคำพูดยาวเหยียดแต่ชวนให้คนฟังรู้สึกจักจี้ออกมา
“เออๆ ๆ กูจะรีบอาบวันนี้มีเรียนเช้า จะไม่พูดคำหยาบกับมึงอีกถ้ามันไม่จำเป็น จะพูดง่าย ๆ ยอมยืนดีๆฟังมึงแต่มีข้อแม้ว่ามึงต้องไม่หาเรื่องกวนตีนกูก่อนและกูจะยอมให้มึงไปส่งที่มหาลัยวันนี้แต่มีข้อแม้ว่าต้องวันนี้วันเดียวโดยกูจะนั่งนิ่ง ๆ เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้มึง แต่กูไม่สัญญาว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดกูจะสามารถทำได้สักกี่นาที กูเป็นคนแบบนี้แหละ Can you keep a secret
ไอ้เหี้ย!” แคปหน้าร้อนฉ่าเป็นเห้อะไรไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เขาเดินหน้าผลักไหล่หนาแรง ๆบอกให้ถอยๆๆๆๆ แต่อีกฝ่ายแทนที่จะรีบๆออกไปกลับรั้งเขาไว้นิดๆแล้วกระซิบบอกแล้วหัวเราะเสียงเข้ม
“หึหึ เกือบจะดีแล้วเชียวถ้ามึงไม่แถมไอ้คำสุดท้ายนั่นเข้ามา..” เอสยกยิ้มหลังจากที่ได้ฟังคำพูดยาวเหยียดที่เต็มไปด้วยคำว่า แต่ ของอีกคน และโดยเฉพาะที่บอกว่าจะไม่พูดคำหยาบกับเขาอีกแต่คำสุดท้ายที่พ่นออกมาก็ยังไม่พ้นคำด่าแถมเข้าไปอีกจนได้
“เรื่องของกู ปล่อย!”
“ปล่อยแน่ ๆ แต่ก่อนปล่อยขอถามอะไรอย่างนึงก่อน มึงไม่สงสัยรึไง ทำไมกูไม่ขอมอร์นิ่งคีสจากมึง..”
“ไม่เว้ย ออกไป”แคปดันไหล่หนาแรงๆอีกทีก่อนที่เอสจะหรี่ตาแล้วบอก “สงสัยนิดดิ่..” พร้อมขาเล็กยกขึ้นมาเตะมันอีกรอบตอบแทนที่วอนนัก เอสรีบก้าวหลบปล่อยแคปออกแล้วหัวเราะขำ เจอแคปชี้หน้า
“รีบออกไปให้ไวเลย หน้าอย่างมึงไม่มีทางไม่หาเศษหาเลยตอนกูหลับหรอกใช่ไหมล่ะ แต่แค่นั้นก็คิดว่าปล่อยหมามันดมๆเลียๆไป นึกว่ากูจะสน?”
“อ่อ ไม่สนจริงอ่ะ งั้นขอดมขอเลยอีกหน่อยนะครับเมีย..” ว่าจบก้าวเข้าหาอีกครั้ง แคปนี่ตาโตถอยในทันทีเช่นกัน สีหน้าเอสหื่นจนเขานึกกลัว ขณะที่เอสก้าวซ้ายก้าวขวาดักทางไว้จนหมดแคปกำลังจะอ้าปากด่าว่าไม่รักษาสัญญา วงแขนใหญ่ของเอสก็เอื้อมไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ถูกพับไว้อย่างดีบนชั้นด้านหลังแคปมาคลุมหัวเล็กให้
“แค่จะหยิบผ้าเช็ดตัวให้คิดไปถึงไหนกันน่ะ หื้ม?”
“สัส”
“หึหึ ไม่ทำหรอกน่า เมื่อเช้าทั้งหอมทั้งเลียจนเหนื่อยแล้ว..”
“ปากมึงแม่ง..” แคปแค่นเสียงด่าตาเขียวเอสเลยยกมือขึ้นมาเชยคางเล่นอย่างหยอกล้อ โดนปัดมาแบบเต็มๆ เขาชำเลืองมองคนหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วขำ
“รีบหน่อยนะที่รักถ้าไม่อยากสาย เสื้อผ้าใส่ของกูไปก่อนก็ได้เดี๋ยวไม่ทัน ห้องแต่งตัวอยู่ตรงนั้น..” บอกแล้วบ่ายหน้าไปที่พาร์ทิชั่นด้านข้างของห้องน้ำ แคปมองตามเสื้อผ้านักศึกษาถูกแขวนไว้ให้เรียบร้อย เขาหันกลับมามองเอสอีกครั้ง
“เรื่องอะไรกูต้องใส่เสื้อมึง รีบออกไปเลยไอ้เหี้ย ก็เพราะว่ามึงไม่ใช่รึไงกูถึงสายอยู่แบบนี้ฮึ่ยยยย..” แคปใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดึงเอสเหวี่ยงออกไปด้านนอกก่อนจะปิดประตูห้องน้ำเสียงดังโครมใส่หน้าไอ้ตัวอันตราย
“เวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย บ้าเอ๊ย..สายๆๆๆๆ” เขาขยี้หัวบ่นไปด้วยแปรงฟันไปด้วย ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าของตัวเองนั่นแหละจนเสร็จ
.
.
“มึงหิวนักรึไง รีบส่งกูที่คณะได้ไหมวะ มันสายแล้วมึงก็รู้ บ้าเอ๊ย” เพราะมัวแต่เล่นบ้า ๆ กันในห้องน้ำ แคปคิดว่าตัวเองสายเพราะไอ้ตัวลามกข้าง ๆ นี่แหละ
“ร้านนี้อร่อย ไม่เสียเวลามากนักหรอก..” รถขับเข้าซอยแคบๆไม่ไกลจากห้องของเอสมากนัก ถนนค่อนข้างขรุขระแต่รถแต่งคันสวยไม่รังเกียจที่จะเข้ามา ในที่สุดรถจอดลงที่หน้าร้านโจ๊กเล็กๆ แคปบ่นอุบทำสีหน้าหงุดหงิดแต่เอสกลับบอกเขาว่าให้ลงกินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปส่ง แคปที่ทั้งบ่นทั้งโวย แต่ก็เปิดรถเดินตามลงไปนั่งหน้างออยู่ที่โต๊ะพลาสติกเก่า ๆ หน้าร้าน ลุงคนขายเข้ามาถามยิ้มแย้มแจ่มใสคล้ายกับรู้จักกับเอสดี เขาสั่งไปแบบเดียวกันสองชาม คุณลุงแกเลยหันมาถามย้ำกับแคปอีกครั้ง
“คุณหนูเอาโจ๊กใส่ใข่ใส่ตับแต่ไม่ใส่เครื่องในเหมือนกันกับคุณหนูเอสนะครับ..” แคปหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันทีโดนเรียกคุณหนูแบบนี้ รู้สึกว่าตัวเองยิ่งกว่าคุณชาย เขาดันแสดงกิริยาแย่ ๆ ออกไปมากเลย ไม่น่าฉุนเฉียวงอแง จริง ๆแล้วแค่มานั่งทานข้าวไม่เสียเวลามากนักจะสามารถช่วยอุดหนุนคุณลุงกับคุณป้าให้มีรายได้ขึ้นมาอีกทาง
“ครับ ยังไงก็ได้ผมทานได้ทุกอย่างครับลุง” ลุงแกส่งยิ้มให้แล้วเอาผ้าขี้ริ้วผืนเก่า ๆ แต่ซักจนสะอาดมาเช็ดโต๊ะให้ก่อนเดินไปบอกคุณป้าภรรยาแกที่กำลังต้มและตักโจ๊ก แคปหันมามองหน้าไอ้คนตรงข้าม ไม่น่าเชื่อว่ามันจะรับประทนของตามร้านแบบนี้ได้
“มาบ่อยรึไงมึงน่ะ”
“ไม่บ่อย ถ้านึกอยากกินก็มา” เอสตอบเรียบ ๆ รับชามโจ๊กที่มาเสิร์ฟลงที่โต๊ะ เขาเลื่อนถาดเครื่องปรุงส่งให้แคป
“โถ่ ทำเป็นใจบุญ อยากให้ลุงแกเรียกมึงว่าคุณหนูเอสล่ะสิท่า..” แคปมองจนตาเขียว ด่าไปปรุงไปรู้สึกน้ำปลาจะใส่มากไปนิดมองดูเอสอีกครั้งไม่เข้าใจมันกินยังไงทำไมไม่ปรุงอะไรเสียเลย
“ไม่เกี่ยว ใจบุญเรื่องอะไร ถ้าไม่อร่อยกินครั้งเดียวกูเลิกเลย..”เอสเงยหน้าขึ้นตอบ
“กูเชื่อมึงเหรอสัส อยากให้เขาเรียกมึงว่าคุณหนูล่ะสิ” พอชิมดูอีกทีในชามเค็มสัส แคปขมวดคิ้วนิดๆ แต่ตอนนั้นเองที่เอสตักโจ๊กในชามตัวเองมาเติมลงให้เพื่อเจือให้มันจืดลง แคปเบะปากใส่แต่ก็คนๆๆแล้วก็ตักกิน เออ อร่อยแล้ว
“หึ คิดไปเองนี่นิสัยมึงจริง ๆ นะใครได้เป็นเมียปวดหัวตายห่า”
“...??!!?....” แคปเงยหน้ามองคนพูดทันที อะไรวะกินอยู่ดีๆกำลังอร่อยปากดีขึ้นมาอีก
“อะไร” เอสถาม แคปวางช้อนลงเสียงดังเคร้ง
“มึงพูดงี้ก็สวยดิวะ ปากหมาขึ้นมาอีกนะมึงอ่ะ..” แคปลุกพรวดขึ้น เอสเลยรีบดึงแขนบอกให้นั่งลง พอนั่งลงได้เขาเตะขาเอสแบบแรง ๆ หนึ่งที อีกฝ่ายรีบยกมือบอกไม่เล่นรีบกินเดี๋ยวจะสายแคปจึงทำปากงุบงิบบอกตัวเองไม่มีทางเป็นเมียใครหน้าไหนอีกหรอกแค่คนอย่างมึงคนเดียวก็สุดแสนจะวุ่นวายแล้ว เอสนี่ถึงกับพ่นขำรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแทบไม่ทัน
“ไหนเมื่อวานมึงว่าไม่ได้เป็นเมียกูไง ยอมรับแล้วดิ่ โอ๊ย!!”อุทานขึ้นอย่างดังเมื่อคำพูดถูกขัดจังหวะด้วยฝ่ามือเล็กที่ยื่นเข้ามาปิดปากเขาไว้
“มึงจะพูดเสียงดังไปทำไมห๊ะ
กู-ไม่-ใช่-เมีย-มึง ไอ้เหี้ย!” แคปเค้นเสียงเหี้ยมกระซิบใส่พร้อมกับจ้องคนที่นั่งขำจนตาแทบจะหลุดออกมา กว่าทั้งคู่จะกินกันเสร็จปาเข้าไปนานพอสมควรเพราะทั้งกินทั้งกัดกันขนาดลุงกับป้าคนขายยังแซวตอนที่เดินไปจ่ายตังค์
“คุณหนูสองคนนี่น่ารักกันจริงๆนะครับ วางมวยกันจนโต๊ะข้าง ๆ นี่หายหมด แหะๆ” แคปยิ้มเจื่อนเมื่อโดนลุงพูดแบบนั้นใส่ เขาก้มหัวขอโทษขอโพยไป
“ขอโทษครับคุณลุงคุณป้า” เขาบอกพร้อมยกมือไหว้ขอโทษ ลุงกับป้าเลยหัวเราะให้กันแล้วบอกว่าแซวเล่น เอสส่ายหัวนึกขำกับท่าทางหมอบแบบนั้นของคนข้าง ๆ จอมพยศมาทำหน้าเจื่อนๆนี่ไม่น่าดูชมเลยจริง ๆ เขาบอกกับคุณลุงว่าจะกลับแล้ว ลุงเดินออกมาส่งถึงที่รถ
“วันหลังถ้าคุณหนูอยากทานให้รปภ.มาซื้อให้ก็ได้ครับเดี๋ยวลุงจะตักใส่ปิ่นโตพิเศษให้เลย ลำบากมาเองทำไม ถนนทางเข้าไม่ค่อยดีคุณหนูยุ่งยากเปล่า ๆ”
“ไม่เป็นไรครับผมอยากมานั่งกินเลยมากกว่า..” อย่างน้อยจะได้ดูด้วยว่าคุณลุงกับคุณป้าสบายดี อันนี้เขาไม่ได้พูดออกมาหากแต่ในใจคิดแบบนั้น
“ส่งที่ไหน คณะหรือที่สวนเกษตร..” พอรถออกตัวมาได้เอสหันไปถาม
“สวน” แคปตอบสั้นๆ นึกสงสัยเรื่องที่ลุงคนขายพูดกับเอส หันมองแต่ก็ไม่อยากถาม ช่างเหอะมันจะรู้จักกับใครยังไงไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย มากินด้วยก็แค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละวะ แต่เอสที่แสนรู้เกินไปจริง ๆ เขาเอื้อมมือออกมาผลักหัวแคปก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายจะปัดออกแรง ๆ เหมือนเดิม
“ลุงกล้าแกเคยเป็นคนขับรถของที่บ้าน เป็นคนที่เลี้ยงกูมาตั้งแต่เด็ก ๆ เคยป้อนข้าวพาวิ่งเล่นสอนการบ้านไปรอรับตอนเรียนพิเศษ แต่พอกูโตขึ้นเริ่มทำอะไรๆได้แกก็ขอลาออกมาช่วยงานลูกสาวกับเมียขายของ”
“พี่เลี้ยง?”
“อือ พี่เลี้ยงผู้ชาย”
แคปชำเลืองมองเอสอีกหนนึกๆดูแล้วรู้สึกประหลาดดีอยู่เหมือนกัน พี่เลี้ยงแม่นมปกติต้องเป็นผู้หญิงนี่หว่า ไหงไอ้เห้นี่มีพี่เลี้ยงเป็นผู้ชายได้วะ คงจะเหมือนกับเขาและพี่เต้ที่มีเฮียโก้กับอาฟี่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆเช่นกัน บางครั้งเขาก็คิดถึงแม่นะแต่ความทรงจำในส่วนนั้นไม่เหลือเลยจริง ๆ อีกอย่างเวลาที่อยู่กับเฮียโก้เขาไม่มีความรู้สึกว่าขาดอะไรไป เพราะเฮียโก้ดูแลพวกเขาดีมากๆ จำได้ดีเลยช่วงที่เป็นเด็กเวลาที่เขาเป็นไข้ไม่สบายเฮียโก้จะต้องเข้ามานอนกอดคอยเช็ดตัวให้จนเขาหลับไปพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็จะพบว่าอาฟี่เองก็ปูฟูกผืนบาง ๆ นอนอยู่หน้าเตียงด้วยเหมือนกัน แคปอมยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวชวนอบอุ่นเมื่อครั้งยังเด็ก รถยนต์คันสวยเลี้ยวเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย ก่อนชะลอตัวแล้วจอดลงที่ริมทางป้ายสวนเกษตรขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ งานเกษตรก่อนหน้านั้นจบไปแล้ว แปลงพืชผักแลดูเงียบเหงาจะมีก็แต่นักศึกษาจากคณะพวกเขาเท่านั้นที่แวะเวียนมาดูแลตามหน้าที่
“เลิกตอนไหน” เอสถามขึ้นเมื่อตอนที่แคปกำลังจะเปิดรถลง เขาเอื้อมมือไปเอาเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่พาดไว้ที่เบาะหลังมายื่นส่งให้ มันตัวเล็กที่สุดเท่าที่เขาจะมีแล้ว แต่แคปไม่สนใจ รับมาดูแล้วโยนไปไว้ที่เบาะหลังเหมือนเดิม เอสส่ายหัวมองตามเสื้อตัวเองก่อนหันมาทำหน้าดุแคปนิดๆแล้วถามย้ำอีกครั้งว่าเลิกตอนไหน
“ไม่รู้” แคปตอบแค่สั้น ๆ ดื้อดึงจนเขาทนไม่ไหวคว้าเอาไหล่เล็กของอีกฝ่ายรั้งเข้ามาหาตัว
“ทำบ้าอะไรของมึง..” แคปตกใจจะผลักออกแต่เอสรวบสองมือไว้จนได้
“จูบก่อนแล้วค่อยลง”
“ไอ้สัส มึงฝันเอาสิ นี่มันมหาลัยนะ..” แคปดุหน้าตานี่โหดมาก
“ไม่ทำ กูไม่ปล่อยให้ลงไปนะ เอาดิ่” เอสขู่
“กูไม่ทำ!” ขณะที่แคปตอบอย่างมั่นใจ เขาเชิดหน้าใส่ เอสหมั่นเขี้ยวปากเชิดๆนั่น พอสบโอกาสจึงดึงอีกฝ่ายเข้าหาจนชิด ล๊อคต้นคอแล้วกดจูบลงไปที่มุมปากนุ่มทันทีไม่แรงนะ เบามากแต่กลับได้ยินแต่เสียงแคปร้องดังลั่นก่อนที่จะตามมาด้วยทั้งมือทั้งขาต่อยถีบพัลวันจนเขาระบมไปหมด
“ไปๆรีบๆลงไปเลยไป..” เอสปล่อยคนตัวเล็กออกจากอก เอื้อมไปเปิดประตูให้แล้วผลักๆไหล่แคปบอกให้ลงๆๆ เขาเจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ฤทธิ์มากไม่มีใครเกิน แคปรีบก้าวลงมายืนหัวเสียอยู่ข้างถนนคิ้วยุ่งริมฝีปากเล็กบ่นอุบยกแขนขึ้นมาถูๆเช็ดๆปากตัวเองจนเจ็บ พอรถเอสเคลื่อนตัวออกไปได้หน่อย ขาเล็กยกขึ้นมาเตะใส่ นิ้วกลางถูกยกชูให้พร้อม ๆ กับริมฝีปากสบถด่าไม่เป็นศัพท์ แต่ใครจะอยากเชื่อว่ารถสีขาวสวยคันนั้นจะเบรกตัวลงอย่างแรงพร้อม ๆ กับใส่เกียร์ถอยหลังกลับมาจอดลงต่อหน้าแคปอีกครั้งแรงมากแคปกระโดดหลบแทบไม่ทัน กระจกค่อยๆเลื่อนลง
“มีเหี้ยไรของมึงอีก” แคปมองลอดเข้าไปที่คนขับหน้าตาหงุดหงิดสุด เจอเอสชี้หน้าคาดโทษแล้วยกโทรศัพท์มือถือโชว์ให้ดู ฤทธิ์มากนักคิดว่าเขาไม่รู้รึไงว่าปากเล็กๆนั่นด่าอะไรบ้าง
“อะไรของมึงน่ะ” แคปถลาเข้าไปชะโงกหน้าดู ก่อนจะตาโตขึ้นมาจนแทบเหลือก
“มะ...มึ๊งงงง ไอ้เหี้ยเอสสสสสสส” เข่าเล็กแทบทรุดเมื่อเห็นอย่างชัดว่าที่หน้าจอมือถือเอสตั้งไว้ด้วยรูปอะไร ตอนนั้นแค่รูปหลับพิงหัวกันทำเอาเขาเสียเส้นไปหลายวัน พอหาทางลบออกได้รูปที่ถูกตั้งไว้ใหม่แทนที่กลับเป็นรูปที่เขานอนอยู่ภายในอ้อมกอดของมัน เมื่อคืน!
“ไอ้ชั่วไอ้เลวสันดานไม่ดี แย่ มึงมันแย่ที่สุด ลบรูปกูออกเลยนะ ไอ้สัส!” เขาชี้หน้าแล้วร้องด่าจนมือไม้สั่น มองซ้ายมองขวากลัวว่าใครจะเห็น เอสนึกขำมากจริง ๆ
“ไม่เห็นเป็นไร คบกันแล้วรูปมึงอยู่ที่มือถือกูนี่ธรรมดามากไม่ใช่เหรอวะ อยากมีรูปกูไว้ที่โทรศัพท์มึงบ้างจะถ่ายไว้เอาไหมล่ะ เดี๋ยวแอคชั่นหล่อๆให้ตอนนี้เลย หรืออยากได้รูปนี้ไลน์ให้ตอนนี้เลยก็ได้นะ”
“ไอ้....ไอ้.....” แคปอ้าปากพะงาบๆหาคำด่าไม่ออก เขากัดฟันกรอด
“หึหึ ตลกน่าไอ้แคป มึงร้องให้ตายกูก็ไม่ลบรูปมึงออกหรอกบอกให้รู้ รูปเมียตัวเองนอนหลับตาพริ้มแบบนี้หายากนะสำหรับคนที่พยศหนักๆอย่างมึง หึ..” เอสพูดกวนๆแคปยิ่งฉุนหนัก พอดีว่าเสียงแตรรถดังขึ้นจากด้านหลังเขาหันไปมอง เป็นเพื่อนที่ขับมอไซด์ผ่านมาแล้วกดเรียก แคปจึงโบกมือให้แล้วบอกเออๆกำลังจะเข้าไปรอกูด้วย ก่อนที่เขาจะหันมาชี้หน้าเอสอย่างโมโหอีกครั้ง
“มึงรีบไปตายซะไอ้โรคจิต คอยดูนะกูจะหาทางเอามือถือมึงมาขว้างลงน้ำหมักวัชพืชเน่า ๆ ให้มันหายไปเลยมึงคอยดูไอ้เหี้ย รีบๆไปเลยไป๊ ชิ๊ว ไป๊!” แคปด่าไล่แล้วยกขาใส่ ก่อนวิ่งข้ามถนนเข้าไปหาพรรคพวก พอหันมาดูอีกครั้งเอสยกมือทำท่าโปรยจูบแกล้ง หัวเราะขำก่อนกดกระจกขึ้นแล้วเหยียบรถออกไป แคปนี่โกรธจนตัวสั่น
“เพื่อนมึงเหรอวะ กวนตีนแม่ง” เพื่อนแคปหันมาถาม แคปรีบส่ายหัวบอกไม่ใช่นั่นน่ะแค่ “เพื่อนพี่” จากนั้นกระโดดเกาะมอไซด์อัดสี่ให้เพื่อนพาเข้าไปส่งในไร่ สมทบกับพวกไอ้ปอไอ้อาร์ที่ท้ายสวน
“พวกไอ้ปอกับไอ้อาร์รอมึงนานแล้ว อยู่โน่น นอนหลับอยู่ท้ายสวนแล้วมั้ง”
“เออๆขอบใจ” แคปกระโดดลงจากมอไซด์ จัดการถอดเสื้อนอกออก ช็อปเขียวไม่ได้เอามาสวมเสื้อยืดตัวเมื่อวาน เขาคว้าเอาเสื้อเชิ้ตเก่า ๆ ของใครไม่รู้ที่โรงเครื่องมือมาสวมทับแล้วเอาหมวกแบบชาวสวนมาใส่พร้อมกับรองเท้ากีฬาคู่เก่งลุยเข้าไปหาพรรคพวกตัวเอง อากาศร้อนมากๆแดดจัดเชิ้ตตัวซีดถูกปล่อยชายแขนเสื้อลงจนสุดยังกันแดดไม่ได้เลยเหอะ
“ช้าว่ะไอ้แคปมึงหายหัวไปไหนมาเนี่ย ไหนบอกกูว่าสองโมงๆนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วดูเวลาบ้างสิเห้ย..” พอมาถึงได้อาร์ก็บ่นยาวเหยียด แคปไหวไล่เดินเข้าไปผลักหัวเล็กเบา ๆ หนึ่งที
“บ่นมากฉิบหาย กูก็มานี่แล้วนี่ไงเหี้ย” เขานั่งลงข้าง ๆ ปอ ดูแผนงานที่จะทำในวันนี้ ปอยื่นพลั่วพรวนดินส่งให้ บัวรดน้ำ กรรไกรตัดกิ่งพร้อมกับถุงปุ๋ยอีกสองถุงที่อาร์กำลังลากเข้ามาสมทบ
“พวกมึงรดน้ำกันหมดแล้วใช่ไหม”แคปถาม
“ก็เออสิ รอมึงขืนรดสายแบบนี้ผักกูตายหมดก่อน” อาร์ยังไม่จบ
“แล้วมึงไปไหนมาเนี่ย ตื่นสายออกจากบ้านช้าเหรอวะ หรือไง” ปอหันมาถาม เมื่อวานเย็นไปส่งแคปกลับบ้านเขาคิดว่าเพื่อนตัวเองค้างคืนที่บ้าน
“อะ....เออ ตื่นสายไง ตื่นสาย โคตรของความสาย” แคปตอบแบบหลบตาลุกขึ้นลากถุงปุ๋ยไปจัดการโรยใส่ตามหน้าที่ของตัวเอง ปอขี้เกียจถามเซ้าซี้กลัวงานจะไม่เสร็จยังมีแปลงสับปะรดที่พวกเขาจะต้องไปจัดการอีก เมื่อกี้แวะไปดูมากำลังออกเป็นลูกเล็กๆเลยน่ารักมาก ทำงานกันไปเรื่อย ๆ พระอาทิตย์ส่องหัว เที่ยงวันตอนไหนไม่มีใครรู้เรื่องเป่ายิงฉุบกันว่าใครจะได้ไปซื้อข้าว ตกลงว่าเป็นหนึ่งในไอ้พวกทนถึกและดำ แคปอาร์ปอถึงกับถอนหายใจนอนแผ่ลงกลางดินรออาหาร พอกับข้าวมาสามคนก็นั่งรวมกลุ่มกันกับเพื่อนคนอื่น ๆ แถวๆใต้ต้นไม้กินข้าวกันไปคุยกันไป มีเปิดเพลงหมอลำลูกทุ่งจากมือถือใครสักคนลั่นไร่
“งานกีฬาปีนี้มึงจะลงป่ะวะไอ้แคป” ปอตักต้นหอมในกล่องข้าวผัดใส่ลงในกล่องอาหารของแคป แต่แคปตักต่อไปให้อาร์ รายนั้นไม่รู้เรื่องตักกินไม่เลือก เขาสองคนขำ
“ว่าจะ..” แคปว่าพลางเคี้ยวข้าวเต็มกระพุ้งแก้ม เขายกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นซดอึกๆๆ ขณะที่ปอเลือกดื่มเป็นน้ำเปล่า
“เตะบอล?” อาร์หันมาถาม
“อือ ก็เล่นเป็นอยู่อย่างเดียว มึงจะให้กูไปตีเทนนิสเล่นสค๊วชทำตัวเป็นคุณชายรึไงล่ะไอ้อาร์ แบบนั้นมึงจะไปเชียร์กูไหมล่ะ สนามเทนนิสอยู่หลังคณะพยาบาลนะเว้ยเห้ย เออๆจะว่าไปกูลงเทนนิสดีป่ะวะ คึคึ” พวกเพื่อน ๆ ต่างร้องรับตบมุกตอนที่แคปแซวขึ้นมาเรื่องคณะพยาบาล ก็รู้ๆกันอยู่ว่าตอนนี้อาร์กำลังจีบเด็กพยาบาล อาร์หน้าแดงแป๊ดแคปกับปอยิ้ม
“กูว่าจะลงว่ายน้ำดีป่ะวะ” ปอหันมาขอความคิดเห็นจากเพื่อนบ้าง เจอแคปปรายตามองอย่างน่ากลัว
“อะไร” ปอถามงงๆ
“ไม่ดี ไม่ต้องลง มึงมีหน้าที่ไปเชียร์กูซ้อมบอลกับแข่งจริงแค่นั้นจบ จะไปลงทำไมวะว่ายน้ำตัวดำปิ๊ดปี๋ อยากโชว์หุ่นแห้ง ๆ ของมึงอ่อ..” แคปรู้ดีว่าปอเป็นหอบหืดตั้งแต่เด็กแล้ว บางทีไปว่ายน้ำด้วยกันปอจะเหนื่อยง่าย เขาไม่ค่อยอยากให้ปอลงกีฬาที่ใช้แรงอึดนาน ๆ ขนาดนั้น
“อะไรของมึงเนี่ย กูพูดสั้นๆมึงล่อซะยาวเลยวุ๊ย เดี๋ยวนี้หัดพูดมากนะ”
“เออกูพูดมาก นั่นแหละตามนั้นกูพูดมากแล้วไงอ่ะ มึงไม่ต้องลงจบใช่ไหม”
“เออๆจบๆ กูไม่ลงแต่มึงจะลงบอลแล้วกูก็ต้องไปเชียร์ แบบนั้นโอเค๊” ปอหันมาถลึงตาใส่ แคปเลยพยักหน้ารับบอกใช่แล้ว โดนสับมะเหงกมาหนึ่งทีใหญ่ ๆ
“งั้นเย็นนี้มึงต้องไปรวมตัวที่สนามบอลนะไอ้แคป ก่อนมึงจะมาพี่พายมาหามึงแล้ว เขาอยากจะให้มึงลงแข่งให้กับคณะนั่นแหละกูว่าจะบอกแต่ดีแล้วที่มึงสมัครใจเอง..”
“เย็นนี้เหรอวะ..” แคปหันไปถาม ยกซดน้ำจนหมดเงยหน้าส่อง ๆ ดูเหลืออยู่แค่หนึ่งหยดปล่อยให้มันค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากกระป๋อง
“อือ เสร็จจากแปลงสับปะรดแล้วค่อยไป”
“กูจะเป็นลมตายไหมอ่ะ เผื่อรุ่นพี่ให้แข่งคัดตัว กูจะไม่ตายเหรอวะงานทำสวนทำไร่ทั้งวันนี่ผลาญพลังงานกูจนหมดตัวแล้วเหี้ย เอาบุหรี่มาดิ๊..”
.
.