@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (เต๋อ กับ ช่างวินัย) ตอน ตาม
คนมันน่ารักน่ามองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ช่างวินัยจะอยากมองอยากจ้องอยากแตะต้องสัมผัสคนที่กำลังนั่งติดกระดุมเสื้ออยู่บนเตียงข้าง ๆ ช่างวินัย
ไอ้เต๋อมันน่ารัก ทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด
ยิ่งเวลานี้มันยิ่งดูน่ารักน่าใคร่เพิ่มขึ้นอีกร้อยเท่า จนช่างวินัยทนความน่ารักของเต๋อไม่ไหว จากที่ท้าวแขนนอนมองและพยายามไม่แสดงอาการให้มากนัก ในเวลานี้ช่างวินัยทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นมาช่วยติดกระดุมเสื้อให้
“.............................”
ช่างวินัยพยายามทำเป็นนิ่งเฉย ทั้งที่พยายามข่มรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
แบบนี้มันรู้สึกดีเกินไป
รู้สึกดีจนไม่รู้จะพูดยังไง แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ ไม่แสดงออกให้มาก เพราะดูเหมือนเต๋อจะยังไม่อยากให้พูดถึงเรื่องที่เพิ่งทำด้วยกันมา
“เสร็จแล้ว”
ช่างวินัยช่วยติดกระดุมเสื้อให้เต๋อจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ดึงคอเสื้อของเต๋อขึ้น
“เดี๋ยวเห็นรอย”
แกล้งพูดจาหยอกล้อคนที่อยู่ตรงหน้า และเต๋อก็หน้าซีดเผือดลงเมื่อรับรู้ได้ชัดเจนว่าช่างวินัยหมายถึงรอยอะไร
ไม่กล้าสบตาช่างวินัย
ไม่กล้าปริปากพูด
เต๋อกำลังกลัว
กลัวสิ่งที่ช่างวินัยบอก
“พี่จะบอกป้านะ เรื่องพี่กับเต๋อ”
เต๋อไม่รู้จะพูดอะไร สิ่งที่รู้สึกคือตอนนี้กำลังกลัว
ใช่ที่เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน แต่หลังจากนั้นเต๋อไม่คิดว่าจะมีเรื่องที่ทำให้ต้องครุ่นคิดและเป็นกังวลยิ่งกว่า เต๋อไม่แน่ใจกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
ไม่กล้าจะถามว่าจริง ๆ ช่างนัยรู้สึกยังไงกับเต๋อกันแน่ หรือเพราะช่างนัยเป็นผู้ใหญ่กว่าถึงต้องพูดแบบนี้ ทำไมช่างนัยถึงไม่คิดบ้างว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครที่ไหนจะรับได้ง่าย ๆ
ถึงโลกจะเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว แต่คิดว่าแม่และคนรอบข้างจะรับเรื่องแบบนี้ได้หรือไง
แต่ช่างวินัยก็ยืนยันคำเดิมว่าต้องบอก ยังไงก็ต้องบอกให้ได้ จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับ
แต่เต๋อไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ต้องการจะให้ใครรับรู้เรื่องนี้ด้วย
เต๋อพยายามพูดแล้ว
พยายามอธิบายแล้ว พยายามขอร้องแล้ว ว่ายังไงก็อย่าบอก แต่ช่างวินัยยืนยันคำเดิม
“กูไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะทำอะไรแล้วไม่มีความรับผิดชอบ จะเป็นยังไงก็ให้เป็นไป มึงคิดว่ากูจะมองหน้าแม่มึงติดหรือไงที่มาทำแบบนี้ ทำอะไรไว้กล้าทำก็ต้องกล้ารับ”
สิ่งที่ช่างวินัยตั้งใจจะทำ เต๋อไม่คิดอยากให้เกิดขึ้นเลย
ไม่คิดและไม่ต้องการ
ช่างวินัยจะบอกทำไม จะทำแบบนั้นไปทำไม ผู้ชายด้วยกัน ที่จริงมันไม่มีอะไร........เสียหาย....
เต๋อพยายามคิดแบบนั้น และเมื่อพยายามบอกช่างวินัยแบบนั้น สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ช่างวินัยโกรธ
“ไอ้เต๋อ”
แล้วเต๋อก็ได้แต่นั่งก้มหน้า เมื่อโดนช่างวินัยเอ็ดเสียงดัง
เรื่องของเราเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป และมันก็จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อถึงเช้าวันถัดมา
ให้มันจบไปได้มั้ย ไม่ต้องให้ใครมารับรู้ด้วยได้มั้ย
ช่างวินัยโน้มใบหน้ามาแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่แก้มของเต๋ออีกครั้งและเต๋อก็นั่งก้มหน้าเงียบๆ
ช่างวินัยเดาเอาว่าเพราะเขิน เต๋อเลยทำแบบนั้น โดยไม่ได้ถามว่าที่จริงแล้วเต๋อกำลังรู้สึกยังไงกันแน่
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
พูดเพียงแค่นั้นและช่างวินัยก็ลุกขึ้นเพื่อจะไปส่งเต๋อที่บ้าน แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้
“ไม่เอา มันผิดสังเกต”
ผิดสังเกตเหรอ
ช่างวินัยขมวดคิ้วมุ่นและเริ่มรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง
ผิดสังเกตก็ผิดสังเกตไปสิ ก็ดี ถ้าใครถามก็บอกไปเลย ถึงขั้นนี้แล้วช่างวินัยไม่คิดจะปกปิด
“ทำไม ใครจะสังเกตก็สังเกตไป ก็บอกไปเลยว่ามันยังไงกัน”
ไม่ได้
แบบนี้ไม่ได้
เต๋อเงยหน้าขึ้นมองหน้าของช่างวินัย และความรู้สึกกลัวและกังวลใจก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่เอา”
ปฏิเสธไปตรง ๆ และเต๋อก็ขมวดคิ้วมุ่น ไม่ยอมบอกอะไรกับช่างวินัยอีกนอกจากรีบเดินหนีออกจากบ้านของช่างวินัยมาโดยมีสายตาของช่างวินัยมองตาม
ไม่เอาเหรอ
นั่นมันคือการปฏิเสธนะ
คือการปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นของเราชัด ๆ
ทำไมไอ้เต๋อมันพูดแบบนี้วะ ทำไมมัน............พูดแบบนี้...........
ช่างวินัยไม่เข้าใจ
และไม่ต้องการจะเข้าใจอะไรทั้งนั้น
อยากจะเดินตามไปถามให้แน่ชัดว่าทำไมถึงต้องกลัวคนอื่นผิดสังเกตด้วย
แต่ก็ไม่อยากเร่งรัดจนเกินไป ไอ้เต๋อมันคงยังตกใจอยู่แล้วก็คงยังต้องปรับตัวอีกหลายเรื่อง
เรื่องความสัมพันธ์ที่ข้ามขั้นเลยเถิดไปไกลแล้ว
ช่างวินัยคิดว่าจะปล่อยเต๋อไปก่อน แล้วค่อยคุยกันอีกทีตอนที่เต๋อกลับมาในตอนเย็น
แต่จนแล้วจนเล่า
ตั้งแต่เต๋อเดินกลับบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้า จนตกเย็นมืดค่ำ ช่างวินัยก็ติดต่อเต๋อไม่ได้
ระหว่างวัน ช่างวินัยกระวนกระวายใจกับสิ่งที่เต๋อทำ
ปกติคนเรามันเพิ่งอะไรกันมา มันไม่น่าจะเมินเฉยกันได้ขนาดนี้นะ
มันคิดอะไรอยู่
ไอ้เต๋อมันคิดอะไร ทำไมถึงเงียบหายทั้งวันแบบนี้
เย็นวันนั้นช่างวินัยต้องไปถามแม่ของเต๋อ ว่าทำไมถึงติดต่อเต๋อไม่ได้
คำตอบที่ได้คือ เต๋อไปทำรายงานกับเพื่อน ไปค้างกับเพื่อนสักพัก และปัญหาสำคัญคือโทรศัพท์ไม่ค่อยดี จะติดต่อไม่ค่อยได้พักหนึ่ง
หมายความว่ายังไง
แบบนี้คืออะไร
ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ช่างวินัยยอมรับ ว่าไม่เข้าใจสิ่งที่เต๋อทำ
แต่ก็ต้องพยายามนิ่งเงียบเอาไว้
......ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง หลบหน้ากันแบบนี้หมายความว่ายังไง สงสัยคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้ว ไม่งั้นเรื่องนี้คงเป็นปัญหาใหญ่ระหว่างเต๋อกับช่างวินัยแน่นอน.........
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ผมอยู่กับเพื่อน การบ้านเยอะ ต้องทำรายงานด้วยมันจะยุ่งมากเลยจริงๆ นะช่างนัย”
ไอ้เต๋อ
คำสรรพนามแบบนี้คืออะไร
มันจะมากเกินไปแล้ว
“พี่นัย.......ไม่ใช่ช่างนัย”
เน้นย้ำคำพูดของตัวเองให้ชัดเจนขึ้นและเต๋อก็เงียบไปชั่วขณะ
“พี่นัย เต๋อทำรายงานก่อนนะ”
ไอ้เต๋อ มึงทำบ้าอะไรของมึง
นี่มันหมายความว่ายังไงวะ มันหมายความว่ายังไง
ช่างวินัยไม่เข้าใจ หงุดหงิดโมโห พูดอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ อยากจะถามมันนัก ว่าตกลงจะเอายังไงเรื่องของเรา ไอ้เต๋อมันก็บ่ายเบี่ยง
บ้านมันก็ไม่กลับ อ้างอยู่เรื่องเดิม ๆ ทำรายงาน ทำรายงาน
แถมซ้ำมันยังเตรียมการณ์ไว้ดีมาก ด้วยการไปบอกเฮียบัสด้วยว่ามันยุ่งมากจริง ๆ จะไม่มาช่วยที่อู่สักพัก
สักพักของมัน มันชักจะนานเกินไปแล้ว
นานเกินไปจนช่างวินัยรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าเต็มที่
คำว่าคิดถึงมึงเข้าใจมั้ย
คำว่าอยากเห็นหน้ามึงเข้าใจมั้ย
เข้าใจมั้ย เข้าใจมั้ย เข้าใจมั้ย
ช่างวินัยอยากจะไปถามให้รู้เรื่องแต่ก็ไม่ได้ถามเพราะเต๋อบ่ายเบี่ยงและหาข้ออ้างมาได้ตลอด
จนถึงวันที่ความอดทนของช่างวินัยหมดลง ถึงต้องไปตาม “เมีย” กลับบ้านเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ตรีเทพ แม่ให้มาตาม”
ช่างวินัยใช้แขนค้ำประตูห้องน้ำเอาไว้ และถ้าตรีเทพคนที่ว่ายังยืนยันที่จะหลบหน้ากันอีก ช่างวินัยไม่คิดจะอดทน แบบนี้ก็ดีจะได้รู้เรื่องกันไปเลยว่าจะเอายังไงกันแน่
“อย่างี่เง่า จะไปไหน อย่าให้ต้องรุนแรง”
เอาสิ ถ้ามึงคิดว่าจะหนีได้อีกก็เอา
เต๋อไม่รู้จะทำยังไง เข้าก็ไม่ได้ออกก็ไม่ได้ เพราะว่าช่างวินัยบุกเข้ามาหา และเมื่อรู้ว่าเต๋อหนีเข้าไปอยู่ในห้องน้ำ คราวนี้ช่างวินัยเลยใช้วิชาสะเดาะกลอนเข้าช่วย
“น้อง เพื่อนน้องนี่กวนตีนมากเลย แบบนี้มันวอนหาเรื่องตายมากไปแล้ว”
หันไปเล่นบทโหดกับเพื่อนของเต๋อที่กำลังยืนอึ้งทำหน้าไม่ถูก เมื่อเห็นคนที่แม่เต๋อให้มาตามกลับบ้าน
ก็เห็นมันหลบเลี่ยงอยู่นาน ไม่อยากจะยุ่งด้วย แต่เล่นบุกมาซะขนาดนี้ แถมขู่ว่าถ้าไม่เปิดจะไปแจ้งความคนหายและจะเอาเรื่องเพื่อนเต๋อในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว
กูก็ไม่ใช่จะอยากยุ่งเรื่องของมึงหรอกนะ แต่ขนาดนี้แล้ว ที่บ้านมึงคงเป็นห่วงจริง ๆ
“เอาไง จะกลับดี ๆ หรือจะให้กูบอกแม่มึงให้มันจบ ๆ ไปเลย ไอ้เรื่องของ .......แอ่ก อึก อื้อออ”
ช่างวินัยกำลังจะพูดประโยคถัดไปแต่โดนเต๋อเอามือปิดปากเอาไว้
“หยุดพูด”
หยุดก็ได้
ช่างวินัยยอมหยุด และเต๋อก็รีบดึงมือกลับ แต่หน้า...แดงเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน
ไม่รู้จะทำยังไง
ไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย
ไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าพูดด้วย ถึงได้หาเหตุหนี และหลบหน้าช่างวินัย
ขอตั้งหลักก่อน
แบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไง จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ทำไม่ได้
เต๋อไม่รู้ว่าช่างวินัยคิดยังไง
และก่อนที่จะต้องเป็นบ้าเพราะอาการใจแกว่งของตัวเองเวลาอยู่ใกล้ช่างวินัย เต๋อเลยหาทางเลี่ยงด้วยการอ้างว่ามาทำรายงานกับเพื่อนและหาเหตุไม่กลับบ้านมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม
หนึ่งสัปดาห์เต็มเอง
แค่หนึ่งสัปดาห์เต็ม
บอกเฮียบัสแล้ว ว่าช่วงนี้ไม่ได้เข้าไปช่วย พี่พัฒน์ก็อยู่ เฮียก็ไม่ได้ว่าอะไร แม่ก็ไม่ได้ว่า
แล้วทำไม
ช่างวินัยต้องมาตาม
ทำไมต้องตามถึงขนาดนี้ด้วย
ทำไม........
“จะคุยกันดี ๆ หรือจะคุยกันด้วยน้ำตา”
โดนข่มขู่ไปอีก คราวนี้เต๋อที่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาช่างวินัยที่มองมาด้วยความขัดใจก็เลยต้องยอมจำนน
“ไปคุยกันข้างนอกได้มั้ย”
ได้
จะไปคุยกันที่ไหนก็ได้
ช่างวินัยยอมตามและเต๋อก็บอกเพื่อน
“เดี๋ยวกูมานะ”
เพื่อนพยักหน้ารับและเต๋อก็เดินนำช่างวินัยลงมาจากหอพัก
ช่างวินัยยอมเดินมาด้วยกันเงียบ ๆ แต่ไม่ใช่แค่เดินตามเพราะ ช่างวินัยคว้ามือของเต๋อเอาไว้ และเต๋อก็ถึงกับชะงักและหันมามองหน้าของช่างวินัยเต็มตา และพยายามดึงมือของตัวเองออก
“เดี๋ยวคนเห็น”
อ่อ
กลัวคนเห็นว่างั้น
ช่างวินัยก็เลยต้องยอมปล่อยมือของเต๋อ และกำลังรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจกับสิ่งที่เต๋อพยายามเลี่ยง
ช่างวินัยยอมเดินมาด้วยกันเงียบ ๆ จนถึงรถที่จอดไว้หน้าหอ
และเต๋อก็เข้าไปในรถโดยมีช่างวินัยตามเข้ามาด้วย และเมื่อเข้ามาอยู่ในรถด้วยกันสองคน บรรยากาศที่แสนอึดอัดที่มาพร้อมความเงียบงันก็เกิดขึ้นทันที
เงียบ
ต่างคนต่างเงียบ
ต่างฝ่ายต่างไม่มีอะไรจะพูด
และเป็นช่างวินัยที่ถึงกับถอนหายใจออกมายาว ๆและหันไปมองหน้าของเต๋อที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ
“ไอ้เต๋อ”
แค่เพียงได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง เต๋อก็ถึงกับสะดุ้งและขบริมฝีปากแน่น ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของช่างวินัย แต่พยักหน้ารับ
และช่างวินัยก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะเพื่อมองเห็นปฏิกิริยาของคนที่อยู่ข้างๆ กัน
“เรื่องนั้น...........”
เรื่องนั้น
ทำไม เรื่องนั้นทำไม
“พี่จะบอกแม่เต๋อ มันต้องคุยกันให้รู้เรื่อง จะมาเล่น ๆ ไม่ได้ เรื่องนี้มันสำคัญ”
แค่ได้ฟังเต๋อก็ถึงกับหน้าซีดเผือด และมองหน้าของช่างวินัยด้วยความรู้สึกที่ยากเกินอธิบาย
“ช่างนัยอย่าบอกแม่เลยผมขอร้อง”
เต๋อนึกอยากร้องไห้กับสิ่งที่ช่างวินัยพยายามทำ แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีเลย แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด
“ถ้าแม่รู้ แม่คงเสียใจมาก แม่รับไม่ได้หรอก เห็นใจกันบ้างเถอะ”
เห็นใจอะไร แล้วมึงหนีมาแบบนี้มึงเห็นใจกูบ้างมั้ยล่ะ
“ไม่”
ไม่ได้เหรอ
ทำไมถึงไม่ได้
ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ ทำไม.....ถึงไม่..........ได้
เต๋อเงยหน้ามองหน้าของช่างวินัยตรง ๆ
มันอึดอัดใจ
กดดัน
กลัว
หวาดระแวง
หลายสิ่งหลายอย่างปนเปกันอยู่ในหัว จนต้องหนีมาตั้งหลัก
แล้วช่างวินัยก็ตามมาเพื่อบอกว่าการหนีมาตั้งหลักไม่มีประโยชน์อะไรเลยอย่างนี้เหรอ
“ขอร้อง”
ไอ้เต๋อ.......มึงขอร้องกูแบบนี้เหรอ
“เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว”
ช่างวินัยไม่ต้องการจะคุยอะไรให้มากความ และถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดโมโห พยายามระงับใจไม่ให้โกรธเมื่อได้ฟังสิ่งที่เต๋อพูด
“มึงเกลียดพี่มากหรือไง”
เรื่องนั้นมันไม่ใช่
เรื่องนั้น...........
“........................................”
เต๋อไม่รู้จะตอบช่างวินัยยังไง สิ่งที่เคยพูดมาตลอด ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองแล้ว และเต๋อไม่รู้จะอธิบายกับช่างวินัยยังไงดี
เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่แม่ควรรับรู้ด้วย
ไม่ควรเลย
ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ช่างวินัยเงียบ และเต๋อก็ได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ช่างวินัยถอนหายใจยาว ๆ และคิดว่ายิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ เลยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้นบ้าง
“แล้วจะยอมกลับบ้านมั้ยล่ะ”
ยอม
ถ้าช่างวินัยไม่พูด จะยอมกลับก็ได้
“แค่ช่างนัยไม่พูด ได้มั้ย”
เรื่องนั้นน่ะ.........
“งี่เง่า”
โดนด่า
และเต๋อก็ชะงักนิ่งค้าง หันกลับมานั่งก้มหน้าและขบริมฝีปากแน่นอีกครั้ง
ไม่มีอะไรจะพูดอีก
เตรียมเปิดประตูลงจากรถ แต่ก็ถูกช่างวินัยรั้งเอาไว้ และถึงไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะช่างวินัยลากเต๋อเข้ามากอดเอาไว้จากด้านหลัง ซบใบหน้าลงที่ไหล่ของเต๋อและถอนหายใจออกมาเพราะไม่รู้จะทำยังไง
กอด.........เอาไว้
และเต๋อก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของช่างวินัยที่ส่งผ่านมากับไออุ่นของอ้อมแขนของช่างวินัยที่กอดเต๋อเอาไว้แน่น
ความห่วงหาอาทร
ความห่วงใย
ความคิดถึง
ความรู้สึกที่ไร้เหตุผล แต่อบอุ่นมาก.........มากจนเต๋อถึงกับ ต้องขบริมฝีปากแน่น ........และร่างกายกำลังสั่นสะท้านอีกครั้งเมื่อถูกโอบกอด
“ทำไมไม่กลับบ้าน ทำไมถึงหนี ทำไมทำแบบนี้ เราคุยกันไม่ได้เลยเหรอ เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เต๋อยังเด็ก ๆ ไม่ได้เลยเหรอ พี่ทำอะไรผิดนักหนาวะ ถึงได้เกลียดพี่ขนาดนี้ ทำไมเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้วะ เมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วเพราะอะไรมึงถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ บอกมาเถอะ แค่บอกมาว่าเป็นอะไรทำไมถึงต้องเฉยใส่กันขนาดนี้ แค่บอก แล้วจะให้ทำอะไรก็จะทำให้ แค่บอก.......ทำไมถึงต้องทำเป็นห่างเหินขนาดนี้ แค่บอก.....”
เต๋อไม่รู้จะพูดอะไร
พูดไม่ออก
จะให้พูดได้ยังไง ว่าทำไมถึงเปลี่ยนไป
ได้แต่นิ่งเงียบและไม่กล้าบอกว่าเพราะอะไรถึงได้เมินเฉยช่างวินัยได้ขนาดนี้
เจ็บปวด
ติดอยู่ในความมึนงงสับสน
กลัว สิ้นหวัง หวาดระแวง
ความรู้สึกทั้งหมดนั้น ช่างนัยจะไปเข้าใจอะไร
“เกลียดพี่ขนาดนั้นได้จริง ๆ เหรอวะเต๋อ เกลียดกันลงจริง ๆ เหรอ”
ไม่รู้
เต๋อไม่รู้จะตอบคำถามทั้งหมดของช่างวินัยยังไง
“......ไม่สงสารพี่บ้างเลยเหรอ พี่ผิดอะไรวะ”
ไม่มีคำพูดจากปากของเต๋อ และช่างวินัยก็แตะปลายจมูกเบาๆ ที่หลังคอของเต๋อ และแม้จะเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ถูกสัมผัส แต่เต๋อก็ไม่ได้หนี
อย่างน้อยก็ไม่ได้หนี
อย่างน้อยเต๋อมันก็ยังยอมให้กอด
ไม่ได้แย่นักหรอก ถึงตอนนี้มันก็คงไม่ได้แย่มากนักหรอก
อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าไอ้เต๋อมันไม่ได้ชังน้ำหน้ากันจนถึงขนาดตัดขาด
อะไรบางอย่าง
ความรู้สึกบางอย่างทำให้ช่างวินัยพอจะเบาใจลงได้บ้าง ว่าอย่างน้อยเต๋อก็ไม่ได้รังเกียจกันจนถึงขนาดไม่อยากมองหน้า
“ช่างนัยไม่บอกแม่ได้มั้ย”
ถ้าต้องการให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ เรื่องแค่นั้น ทำไมจะทำให้ไม่ได้
“แล้วจะเลิกหลบหน้าพี่ แล้วกลับบ้านพร้อมกันมั้ย”
กลับ
แค่ช่างนัยรับปาก แล้วจะยอมกลับ
“รับปากก่อนได้มั้ย”
“ได้”
เต๋อพยักหน้ารับสิ่งที่ช่างวินัยยอมตกลงด้วย และค่อย ๆ ดึงแขนของช่างนัยออกอย่างช้าๆ เพื่อหันมาเผชิญหน้ากันตรง ๆ
และช่างวินัยก็ยอมปล่อยเต๋อให้เป็นอิสระ
“.............มึงเป็นเมียพี่แล้ว มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ ......................”
ห๊ะ
เหี้ยยยยยยยยยย
เต๋ออ้าปากค้าง และภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเต๋อกับช่างวินัยก็เริ่มประมวลภาพกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง ทั้งที่เหมือนจะลืม ๆ ไปแล้วด้วยซ้ำ
“อ่ะ ช่าง...นะ...นัย ผม...กะ”
ช่างวินัยจ้องหน้าของเต๋อนิ่ง ๆ และรอฟังสิ่งที่เต๋อจะพูด แต่นอกจากไม่พูดแล้ว เต๋อยังผลักช่างวินัยออกห่างและรีบเปิดประตูและเดินหนีออกจากรถทันที
เหี้ยยยยยยยยยย
ช่างนัยแม่ง
นี่คือสิ่งที่คิดเหรอวะ
เหี้ยเอ้ย แม่งเรื่องมันเหี้ยมากที่สุดแล้วในชีวิต
กูไม่ก่งไม่กลับแล้ว ถ้าช่างนัยจะตามมาเพื่อทำให้กูอายเพิ่มขึ้นขนาดนี้นะ กูไม่กลับแล้วโว้ยยยย
“ไอ้เต๋อ ตกลงมึงจะกลับบ้านกับพี่มั้ย”
ไม่กลับแล้วโว้ยยยย
“อย่ามายุ่งกับผมอีก ผมเกลียดช่างนัย ผมแม่งโคตรเกลียดช่างนัย”
เป็นอะไรขึ้นมาอีก ก็คุยกันดี ๆ แล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้อีกแล้ว
“ไม่ให้กูยุ่งกับมึงมันทำได้ที่ไหนวะ ในเมื่อกูยุ่งไปแล้วโว้ย”
ตอบเต๋อไปแบบนั้น และกลายเป็นเต๋อที่โมโหช่างวินัยขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็เรื่องของช่างนัยสิ”
แล้วมันใช่เรื่องของกูคนเดียวหรือไงวะ มึงก็มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้เหมือนกันนี่หว่า
“ก็เรื่องของมึงด้วยเหมือนกันแหละวะ แม่ง”
ช่างวินัยยกหลังมือขึ้นเกาหัวตัวเองด้วยความกลุ้ม
อุตส่าห์มาตามให้กลับบ้านได้แล้วเชียว ทำไมถึงได้กลับมาทะเลาะกันอีกรอบได้วะ
พูดอะไรผิดไปตรงไหนถึงได้โกรธกันขนาดนั้น ทั้งที่ดูเหมือนกำลังจะเข้าใจกันอยู่แล้วเชียว
แม่ง
มีเมียเด็กทำไมมันยากอย่างนี้วะ
ถ้าปัญหามันเยอะขนาดนั้น กูฉุดกลับเลยเป็นไง จะได้หมดเรื่องหมดราว รู้แล้วรู้รอดกันไป
TBC.