@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์) ตอน เมื่อพิพัฒน์จะไปเที่ยวสถานที่อโคจร
เย็นวันหนึ่ง บารมีกำลังเกิดอาการมึนงงกับสิ่งที่พิพัฒน์ทำ
"..................."
ไอ้คนไม่ช่างพูดมันก็ยังไม่ยอมพูดอะไร มองมือของบารมีเสร็จแล้วก็ดึงมาทาบกับมือตัวเองโดยไม่มีการขออนุญาตสักคำ
"ทำห่าอะไรของมึงวะพัฒน์ ว่างมากนักหรือไง วุ่นวายจริงวะอย่าเพิ่งมายุ่งกับกูได้มั้ย แม่งงานกูยิ่งยุ่ง ๆ อยู่"
บารมีดึงมือตัวเองกลับและตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่สนใจคนที่เอียงคอมองและเดินออกไปนอกออฟฟิศ
วันนี้พิพัฒน์คงไปเตะตะกร้อกับพวกไอ้เต๋อเห็นหิ้วถุงกระดาษใส่เสื้อผ้ามา บารมีไม่อยากจะสนใจอะไรมากนัก
และไม่รู้ว่าอยู่ดีๆเกิดรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำได้ยังไง
"เล่นเหี้ยอะไรของมันวะไอ้ห่าพัฒน์"
บ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดใจไม่เลิก แต่ก็รู้สึกดีแบบแปลก ๆ บารมีไม่ชอบหาคำตอบเพราะกำลังยุ่งมาก
ได้แต่บ่นไปเรื่อย
"หลอกแต๊ะอั๋งกูหรือไงไอ้ห่าพัฒน์....แม่งเล่นอะไรไม่รู้จักเล่นอยู่ดีๆ มาจับมือกูซะได้ ช่วงนี้กูยิ่งเงี่ยน ๆ อยู่ ที่ลงก็ยังหาไม่ได้ เดี๋ยวก็ลงที่มึงซะเลยเป็นไง......แม่งนึกอยากจะเล่นห่าอะไรไม่ถงไม่ถามความเห็นกูซ้ากกกคำ"
บารมีโยนแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะ และคว้ากุญแจรถเพื่อไปติดต่องานข้างนอก บอกพิพัฒน์เอาไว้แล้ว ว่าวันนี้จะเข้ามาดึกหน่อย
ถ้าจะกลับก่อนก็ได้ หรือถ้าจะให้เข้ามารับก็ให้พิพัฒน์รอ
บารมีเดินออกจากออฟฟิศไป และพิพัฒน์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินกลับเข้ามาในออฟฟิศอีกครั้ง
“พี่พัฒน์ พี่พัฒน์ วันนี้มีร้านคาราโอเกะเปิดใหม่”
เต๋อ สมาชิกชมรมตะกร้อยามเย็นมายืนเกาะขอบประตูออฟฟิศและบอกบางอย่างกับพิพัฒน์
คาราโอเกะ?????????????
“เล่นตะกร้อเสร็จอาบน้ำแต่งตัวไปกัน พี่พัฒน์ไปมั้ย”
แค่ได้ยินเรื่องที่น่าสนใจพิพัฒน์ก็ลุกขึ้นมาฟังสิ่งที่เต๋อบอกอย่างตั้งใจ
คาราโอเกะเหรอ เคยเห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่เคยเข้า ที่ไม่เข้าไม่ใช่ไม่อยากเข้าแต่เพราะไม่เคยมีใครชวนเข้าไปแค่นั้นเอง
“....ไปกี่โมง”
เต๋อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูและก็กำลังเตรียมจะโทรถามเพื่อน ๆที่นัดแนะว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน
“ซุ้มยาดองเปิดใหม่ก็มีนะ พี่พัฒน์เคยกินป่ะ ยาดองน่ะ”
นั่นก็อีกอย่างที่ไม่เคยกิน เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ไม่รู้ว่ามันอร่อยแค่ไหน แบบนั้นมันก็น่าไปอยู่เหมือนกัน
“ตกลงไปไหนคาราโอเกะหรือซุ้มยาดอง”
ยังคงตัดสินใจไม่ได้และเต๋อก็เกิดความลังเลขึ้นมาชั่วขณะ
“เล่นตะกร้อเสร็จก่อนเดี๋ยวไปคุยกันว่าจะไปกันกี่โมง”
บารมีไปรับงานจากลูกค้า กว่าจะกลับก็คงจะมืด หรือไม่แน่ก็อาจไม่กลับเพราะเห็นว่าต้องไปงานแต่งงานต่อ ถ้าพิพัฒน์ทำงานเสร็จแล้วก็คงกลับบ้านเอง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
พิพัฒน์เดินตามเต๋อไปที่สนามตะกร้อ แต่จิตใจไปจดจ่อถึงเรื่องซุ้มยาดองและร้านคาราโอเกะแล้ว
ไม่เคยไป และอยากจะไปเพราะมีคนชวน
อยากรู้เหมือนกันว่าจะสนุกแค่ไหน ทำไมใคร ๆถึงชอบไปกัน
++++++++++++++++++++++++
“พี่พัฒน์....พี่พัฒน์ เฮียให้มาตาม”
เสียงตะโกนเรียกที่ข้างสนามทำให้พิพัฒน์ต้องหันไปมอง
เด็กจากที่อู่ถูกใช้ให้มาตามที่ข้างสนามและพิพัฒน์ก็โบกไม้โบกมือให้คนอื่นๆ เล่นไปก่อน
“ตามไปทำไม”
พิพัฒน์เอ่ยถามคนที่มาตามและยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อบนใบหน้า
“ไม่รู้ พี่พัฒน์ไปคุยกับเฮียเอาเอง”
ทำไมถึงกลับเร็ว ก็ไหนว่าไปคุยงานแล้วก็จะเลยไปงานแต่งงานเลย
“เดี๋ยวมานะ”
ตะโกนบอกสมาชิกในสนามและพิพัฒน์ก็วิ่งเหยาะ ๆไปตามทางเดินเพื่อลัดไปที่อู่
บารมียืนรออยู่ข้างรถและกวักมือเรียกให้พิพัฒน์วิ่งไปหา
“...เล่นห่าอะไรนักหนาวะ กลับมาแทนที่จะเจอมึง ที่ไหนได้เสือกไปเล่นอะไรเรื่อยเปื่อยไม่ยอมอยู่เฝ้าอู่นะมึงไอ้พัฒน์”
มาถึงก็โดนบ่นและพิพัฒน์ก็ได้แต่ยืนฟังก่อนจะย่อกายลงและหมุนหัวเข่าไปมาอยู่ตรงหน้าบารมี
“ทำอะไรของมึงไอ้พัฒน์มันใช่เวลามายืดเส้นยืดสายใส่กูมั้ย”
“.....................”
พิพัฒน์ไม่ตอบ แต่ยืนตัวตรงและยืดแขนไปมาทั้งซ้ายและขวาและกลายเป็นบารมีที่เริ่มหงุดหงิดกับพฤติกรรมของคนที่อยู่ตรงหน้า
“ไอ้พัฒน์”
ตะคอกอีกฝ่ายไปเสียงดัง และพิพัฒน์ก็ยอมยืนนิ่ง ๆ ไม่ยุกยิกวุ่นวายอีก
“........................”
“เดี๋ยวกลับบ้านไปอาบน้ำพร้อมกันมีกินเลี้ยงตอนสองทุ่ม”
ได้ไงอ่ะ
ก็นัดจะไปคาราโอเกะกับพวกไอ้เต๋อแล้ว อยู่ดีๆ จะมาบอกให้ไปกินเลี้ยงงานแต่งได้ยังไง
“ไม่เอา”
พิพัฒน์หน้างอ และเดินหนีเข้าออฟฟิศไปทันที โดยมีบารมีเดินตามเข้ามา
“ต้องไป.....มึงอย่ามางี่เง่าพัฒน์ ไปด้วยกัน”
ไม่เอา ไม่อยากไป ทำไมต้องไป ไม่อยากไป ทำไมต้องไป ไปทำไม ก็คนมันไม่อยากไป
“ไม่ไป”
พิพัฒน์ยังคงปฏิเสธและส่ายหน้า ยิ่งถูกบังคับยิ่งทำหน้ายุ่งเหยิงใส่บารมี
“ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นเอาตังค์ใส่ซองแล้วเขียนชื่อให้หน่อย”
บารมีเปิดกระเป๋าและหยิบธนบัตรใบละหนึ่งพันออกมาส่งให้และพิพัฒน์ก็รีบเปิดลิ้นชักหยิบซองสีขาวออกมาและเขียนชื่อของบารมีลงไปด้วยลายมือบรรจง
“ป่ะ เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมกันเลย จะแวะไปอาบน้ำที่บ้านก่อนแล้วค่อยไป”
แบบนี้ยิ่งไม่ดีใหญ่
ยังไม่อยากกลับบ้าน ตั้งใจว่าอาบน้ำที่นี่ก็ได้ เสื้อผ้าก็มีเปลี่ยนทำไมต้องกลับด้วย
“พี่พัฒน์ เปลี่ยนเวลานะไปสองทุ่ม”
ประตูออฟฟิศถูกผลักเข้ามาและเต๋อก็เอ่ยบอกพิพัฒน์ที่กำลังเขียนหน้าซองใส่เงินให้บารมี
“ได้ ๆ เดี๋ยวตามไป”
ประตูออฟฟิศปิดลงแล้วและบารมีที่ได้ฟังประโยคสนทนาก็นึกสงสัยสิ่งที่ได้ยิน
“ไปไหนพัฒน์”
เอ่ยถามและพิพัฒน์ก็เงยหน้าขึ้นมองและส่งซองใส่เงินช่วยงานให้บารมี
“........................”
“กูถามได้ยินมั้ย มึงจะไปไหนกันพัฒน์”
ไม่อยากตอบเลย ตอบแล้วเดี๋ยวก็โดนว่า
“ไปเกะ”
“เกะห่าอะไร นี่มึงมีเวลาว่างขนาดไปเที่ยวคาราโอเกะได้แล้วใช่มั้ย ว่างจริงนะมึง กูนี่วิ่งงานหาเงินเข้าอู่ มึงเสือกจะไปเที่ยวคาราโอเกะเหรอพัฒน์”
บารมีเริ่มด่า ไม่ใช่ด่าธรรมดาแต่ยืนค้ำหัวพิพัฒน์ที่นั่งหน้ามุ่ยและกำลังจะด่าแบบไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ
“มึงลองไปสิ กูหักเงินไอ้เต๋อแน่”
เอ้า แล้วไปเกี่ยวอะไรกับคนอื่น
“...................”
พิพัฒน์เริ่มงอแง พยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ถูกบารมีกดไหล่เอาไว้ไม่ให้ยืน
“ไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วไปงานแต่งพร้อมกูเลย ไม่งั้นกูหักเงินไอ้เต๋อ กูพูดแค่นี้แหละ มึงจะทำไม่ทำก็เรื่องของมึง”
บารมีเปิดประตูและเดินไปรอที่รถ ส่วนพิพัฒน์ได้แต่นั่งหน้ามุ่ย และยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาคนที่ชวนให้ไปเที่ยวด้วยกัน
“ไปไม่ได้แล้ว พอดีว่า.....”
กำลังจะยกเหตุผลมาอ้าง ก็พอดีกับปลายสายหัวเราะออกมา
“พวกผมก็ว่าอยู่ว่าพี่พัฒน์ไม่น่าไปได้ถ้าเฮียอยู่”
หมายความว่ายังไง ทำไมถึงคิดว่าไปไม่ได้ ถ้าบารมีอยู่
“เฮีย หวงพี่พัฒน์จะตาย คงยอมให้ไปเที่ยวซุ้มยาดองกับคาราโอเกะง่าย ๆ หรอก”
ทำไมถึงคิดว่าหวงล่ะ ทำไมถึงคิดว่ายังไงก็ไม่ให้ไป
“มึงจะคุยโทรศัพท์อีกนานมั้ย เร็ว ๆสิวะกูยืนรอจนขาแข็งแล้วเนี่ย ไอ้ห่า”
เสียงตะโกนดังลั่นเข้ามาในออฟฟิศและพิพัฒน์ก็ต้องเก็บความสงสัยของตัวเองเอาไว้แค่นั้น รีบออกจากออฟฟิศและล็อคกุญแจออฟฟิศเรียบร้อย
บารมีสตาร์ทรถรอตั้งนานแล้ว และเมื่อพิพัฒน์ขึ้นรถมาบารมีก็ทำตาขวางใส่ด้วยความไม่พอใจ
“รวยนักนะมึง มีเงินเที่ยวคาราโอเกะ”
ไม่ใช่ว่ารวย แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่ามันเป็นยังไง ดูแล้วมันน่าสนุก พอมีคนชวนก็นึกอยากจะไปแค่นั้น
ทำไมต้องโกรธกันด้วย
“.......................”
พิพัฒน์ยังคงนั่งนิ่ง และมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
การไม่พูดของพิพัฒน์สามารถอธิบายความรู้สึกได้สองอย่าง
หนึ่ง อารมณ์เป็นปกติดี และสอง ไม่พอใจ
และบารมีก็เลือกข้อสอง เพราะอาการที่แสดงออกทางสีหน้ามันชัดเจนจนไม่ต้องอธิบาย
“อยากไปนักหรือไง คาราโอเกะนั่นน่ะ มึงอยากร้องเพลงมึงบอก เดี๋ยวกูซื้อชุดคาราโอเกะเสียงแบบเซอราวด์ ฟังกันรอบทิศ เอาให้กระหึ่มกันทั้งซอยเลยก็ยังได้”
ประเด็นมันใช่เรื่องนั้นซะที่ไหน ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เครื่องเสียงแต่ประเด็นคืออยากไปเที่ยว จะได้รู้ว่าเป็นยังไงแค่นั้น
“............................”
“ไอ้พัฒน์ มึงอย่ามางอนกูนะ กูไม่ง้อนะบอกให้”
ใครจะไปทำแบบนั้นล่ะ
ง้อหรือไม่ง้อ มันก็มีค่าแบบเดียวกันอยู่แล้ว จะให้คาดหวังอะไร ก็คงไม่หวังอยู่แล้ว
“พัฒน์”
“.....................”
“ไอ้พัฒน์”
“......................”
เรียกแล้วยังไม่ยอมหัน คราวนี้บารมีก็เลยจับหัวของพิพัฒน์ให้หันมาหาและพิพัฒน์ก็ปัดมือของบารมีออก
“หน้างอเป็นตูดลิงเลยนะมึง แค่ไม่ได้ไปเที่ยวตามใจชอบนี่ทำเป็นมีปัญหา ไปทำไมคาราโอเกะ เขาไปออฟเด็กกัน มึงก็อยากจะไปออฟเด็กกับเขาด้วยว่างั้น ถ้ามึงใฝ่ขนาดนั้น มึงบอก เดี๋ยวกูพาไปลงอ่างเลยก็ยังได้ เอาแบบเบอร์ตองขาวสวย หรือจะเอาแบบไซด์ไลน์ก็ยังได้ แบบนั้นดีกว่าเยอะไอ้พัฒน์ เกิดมามึงเคยเที่ยวกับเขาบ้างหรือเปล่าไปก็มีแต่ไปโดนเด็กดริ๊งหลอกล่ะไม่ว่า”
พิพัฒน์ถึงกับตาโตและมองหน้าของบารมีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เบอร์ตองคืออะไร”
เบอร์ตองเหรอ
“พวกที่แขกเยอะ ๆ ดาวเด่นไง พวกนี้ก็จะสวยหน่อย แขกติดเยอะ”
พิพัฒน์พยักหน้าเข้าใจสิ่งที่ได้ฟังและบารมีก็ขมวดคิ้วมุ่น และมองหน้าของพิพัฒน์ที่กำลังฟังอย่างตั้งใจ
“มึงเงี่ยนมากเหรอพัฒน์”
ห๊ะ
พิพัฒน์คิดว่าตัวเองฟังผิด และรีบหันหน้าไปถามบารมีด้วยความสงสัย
“เมื่อกี้ว่าไงนะ”
“เงี่ยนก็บอกว่าเงี่ยน สรุปอยากไปเที่ยวคาราโอเกะเพราะมึงเงี่ยนว่างั้น แล้วไม่เสือกบอกตั้งแต่แรก เห็นหน้าหงิม ๆ มึงก็ไม่ธรรมดานี่หว่าก็สมควร ไม่ได้เอาใครมาเป็นปีแล้วนี่มึงอ่ะ”
มันใช่เรื่องนั้นที่ไหน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อะไรของมึงพูดแค่นี้ทำเขิน เงี่ยนก็บอกว่าเงี่ยนพัฒน์ มึงอย่ามาทำเงียบกลบเกลื่อน”
มันไม่ใช่แบบนั้นเลยโว้ยยยยย
อารมณ์มันก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ตั้งใจจะไปเที่ยวแบบนั้นแค่อยากไปให้รู้เฉย ๆ
“พี่ก็รู้เยอะ กว้างขวางทางนี้มากเลยสิ”
จะไม่ให้กว้างขวางได้ยังไง ถึงไม่อยากจะรู้หรือใฝ่ทางนี้ก็ต้องรู้
“มันทำให้งานสะดวกขึ้นพัฒน์”
ทำให้งานสะดวกขึ้นเหรอ ทำไมถึงทำให้งานสะดวกขึ้น
“มึงก็รู้ เรื่องประมูลรถมาซ่อม เรื่องเขียนบิลเกินกูก็ใช่ว่าจะอยากทำ แต่ถ้าไม่ทำ งานมันก็ไม่เข้ามา ลำพังรอแค่รถมาซ่อมแบบจริง ๆ จังๆ มันจะมีกี่คันวะวัน ๆ พวกที่ปล่อยประมูลให้กู มันก็ต้องมีนั่นมีนี่ไปกำนัลเขา ไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่งั้นก็ไปไม่รอด ถ้ากูไม่กำนัล อู่ไม่อยู่มาถึงป่านนี้ได้หรอกพัฒน์ พาไปเที่ยวมันก็ช่วยให้เขาตัดสินใจได้เร็วขึ้น ผู้หญิงที่ทำพวกนี้เขาก็ไม่ใช่อยากจะมาทำหรอก มันก็ด้วยเรื่องเงินทั้งนั้น บางคนมีลูกโต ๆ ส่งเรียนกันสูง ๆ บางคนเป็นนักศึกษาก็มีกูเห็นแล้วก็อนาถใจ แต่ทำไงได้ เราก็ต้องทำธุรกิจของเราเหมือนกัน ก็ถือว่าพึ่งพากันไป สังคมจริงๆมันมืดแล้วก็ดำสนิทแบบนี้แหละพัฒน์”
บารมีเล่าเรื่องบางอย่างให้พิพัฒน์ฟังและครั้งนี้พิพัฒน์ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่บารมีพูด
“ถ้ามึงเงี่ยนมึงอยากมึงอย่าไปเลยคาราโอเกะอะไรนั่นน่ะ ถ้ามึงอยากจริง ๆ มึงบอกกู กูหาให้ได้ไม่ยากหรอก แค่มึงบอกว่ามึงอยากจริง ๆ จะเอาจริง ๆ กูจะช่วยดูๆ ให้”
พอได้ฟังแบบนี้ พิพัฒน์ไม่นึกอยากไปเที่ยวอีกแล้ว ถึงก่อนหน้านี้จะอยากรู้อยากเห็นก็เถอะ
“พัฒน์”
พิพัฒน์หันหน้าไปหาคนที่เรียกและบารมีก็มองหน้าพิพัฒน์นิ่ง ๆ
“แต่เอาจริง ๆ กูไม่อยากให้มึงไปเที่ยวแบบนั้น ถ้าจะอะไรยังไงมึงหาเมียเป็นตัวเป็นตนเถอะ มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกพัฒน์ทำแบบนั้นน่ะ”
บารมีเป็นคนโมโหง่าย และขยันบ่นเรื่องต่างๆ ในแต่ละวันให้พิพัฒน์ฟัง แต่ครั้งนี้สิ่งที่บารมีพูดให้ฟังมันทำให้พิพัฒน์ต้องคิดตาม
“หนังโป๊มั้ยพัฒน์ ง่ายกว่าไม่ต้องเสี่ยงด้วย”
หมายความว่ายังไง
พิพัฒน์ยังทำหน้าสงสัย แต่บารมีเริ่มอมยิ้ม
“สรุปมึงเงี่ยนว่างั้นใช่มั้ยพัฒน์”
บารมีหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นและเป็นพิพัฒน์ที่อ้าปากค้างและชกไหล่บารมีไปหนึ่งครั้ง และอีกหลาย ๆ ครั้งก็ตามมา
“อายอะไรพัฒน์ เรื่องธรรมดา เสือกทำเป็นอายกูไปได้ กูรู้หรอกบางคืนมึงก็ชักว่าวตอนดึก ๆ เสียงนี่ดังมาห้องกูเลยเหอะ”
โว้ยยยยยยยยย
ไม่ใช่แล้ว
แบบนี้ไม่ใช่แล้ว
เถียงไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้างและไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
“.......ฮื่อ.........”
พิพัฒน์ยกมือขึ้นปิดหูเพราะไม่รู้จะตอบโต้อีกฝ่ายยังไง และเป็นบารมีที่ยังหัวเราะเสียงดังลั่นไม่ยอมหยุด
ไอ้พัฒน์แม่งตลกเถียงไม่ได้เสือกหนีด้วยการยกมือขึ้นมาปิดหูซะงั้น
ไม่เคยเห็นใครตลกขนาดนี้มาก่อนเลยว่ะ ยิ่งมองสิ่งที่พิพัฒน์ทำ บารมียิ่งรู้สึกว่าทั้งตลกทั้งน่ารัก
หน้าแม่งแดงเถือกไปถึงไหนต่อไหนแล้วนั่น ยิ่งเห็นยิ่งทำให้ขำไม่หยุด
“พัฒน์ มึงแม่ง.......โคตรตลกเลยว่ะ เอายังไง ตกลงจะเอามั้ยไซด์ไลน์”
บารมียังคงหัวเราะด้วยความขำ
แต่พิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมาและพยักหน้ารับ และนั่นทำให้บารมีชะงักและเริ่มโมโห
"ไอ้พัฒน์"
โดนบารมีตะคอกใส่ และพิพัฒน์ก็เอามือกุมหัวตัวเองเอาไว้เพราะกลัวโดนบารมีโบกหัว
"กูจะไม่คุยเรื่องนี้กับมึงอีก จบ ไม่มีการต่อความยาว"
พิพัฒน์ไม่เข้าใจว่าทำไมบารมีถึงโมโหขึ้นมาดื้อ ๆ ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ และมองหน้าบารมีที่เอาแต่ขมวดคิ้วมุ่น
และทำเหมือนโมโหกันอยู่ตลอดเวลา
สารภาพตามตรง
พิพัฒน์ไม่เข้าใจสิ่งที่บารมีคิดเลยจริง ๆ
TBC.